Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิจัยในชั้นเรียนชื่อเรื่องการฝึกทักษะการระบายสีน้ำ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 2 2562

วิจัยในชั้นเรียนชื่อเรื่องการฝึกทักษะการระบายสีน้ำ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 2 2562

Published by atchararut, 2020-03-14 12:08:01

Description: วิจัยในชั้นเรียนชื่อเรื่องการฝึกทักษะการระบายสีน้ำ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 2 2562

Search

Read the Text Version

1 รายงานการวจิ ัยในชัน้ เรียน เร่อื ง ผลการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ เรอื่ ง การวาดภาพสีน้า ของนักเรยี นช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 โรงเรยี นพุทไธสง โดยใชช้ ุดกิจกรรมการเรยี นรูก้ ารวาดภาพสีนา้ โดย นางอัจฉรารตั น์ ภิญโญกุลพฒั น์ ตา้ แหน่งครู วิทยฐานะ ครชู า้ นาญการ ปกี ารศึกษา 2562 โรงเรยี นพุทไธสง ส้านักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามธั ยมศกึ ษาเขต 32

2 คา้ นา้ ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแหง่ ชาติ พ .ศ. 2542 หมวด 4 มาตรา 30 ว่าด้วยให้ สถานศึกษาพัฒนากระบวนการเรยี นการสอนทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพรวมทง้ั สง่ เสรมิ ใหผ้ ้สู อนสามารถวิจยั เพ่ือ พัฒนาการเรียนรู้ ท่ี เหมาะสมกับผู้เรยี นและเพ่ือสนองตามจดุ ประสงค์ของพระราชบัญญตั กิ ารศกึ ษา แห่งชาติ เมื่อผวู้ จิ ัยเห็นวา่ การเรียนการสอนในชั้นเรยี นจะไมบ่ รรลตุ ามจุดประสงค์ทว่ี างไว้ เพราะมีปัญหา เกย่ี วกับนักเรยี นทไ่ี ม่สามารถปฏิบตั ิได้เหมือนคนอนื่ ๆ ในฐานะที่ผวู้ จิ ยั เปน็ ผสู้ อนจงึ ต้องหาวิธแี ก้ไขใหป้ ญั หานั้น หายไป งานวจิ ัยชนิ้ นจ้ี ึงเกดิ ขึ้นมา ผลของการวจิ ยั กบ็ ังเกดิ ผลดกี บั ตัว นกั เรียน และยังส่งผลใหก้ ารเรยี นการ สอนบรรลถุ งึ คุณลกั ษณะทตี่ ้องการเนน้ ของนกั เรียนตามหลกั สูตรยุคปฏริ ปู การเรยี นรู้อีกดว้ ย อจั ฉรารตั น์ ภญิ โญกลุ พัฒน์

3 สารบญั หน้า คานา......................................................................................................................................... ก สารบัญ................……………………………………………………………………………………………………….. ข บทคดั ยอ่ …………………………………………………………………………………………………………………….. ค ความเป็นมาและความสาคัญของปัญหา..................................................................................... 1 ความมุ่งหมายของการวจิ ัย......................................................................................................... 2 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง......................................................................................................... 2 ตัวแปรที่ใช้ในการวจิ ัย................................................................................................................ 3 ระยะเวลาท่ีใช้ในการวจิ ัย........................................................................................................... 3 ประโยชน์ท่ีคาดว่าจะได้รับ......................................................................................................... 3 เครื่องมอื ทีใ่ ช้ในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล………………………………………………………….………………… 3 วธิ ดี าเนนิ การวจิ ัย…………………………………………………………………………………………………..……. 3 ขัน้ ตอนในการทดลอง........................................……………………………………………………………….. 3 การจดั กระทาขอ้ มูลและวเิ คราะห์ข้อมูล................................................................................... 4 สถติ ิทใี่ ชใ้ นการวิเคราะหข์ ้อมลู ...............................................................…………………………….. 4 ผลการวิเคราะหข์ อ้ มลู ……………………........................................................................................ 5 สรุปผลการวิจัย......................................................................................................................... 6 ข้อเสนอแนะ…………………………………………………………………………………………………………………….. 6 ภาคผนวก...................................................................................................................................... 7

4 ชอ่ื เรอื่ ง ผลการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ เรอื่ ง การวาดภาพสีนา้ ของนกั เรยี นช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 5 โรงเรยี นพทุ ไธสง โดยใช้ชดุ กิจกรรมการเรยี นร้กู ารวาดภาพสีน้า ผวู้ ิจัย นางอจั ฉรารตั น์ ภิญโญกุลพฒั น์ สถานศึกษา โรงเรียนพทุ ไธสง อาเภอพทุ ไธสง จงั หวัดบรุ ีรมั ย์ สานกั งานเขตพนื้ ท่กี ารศกึ ษามัธยมศึกษาเขต 32 ปีการศกึ ษา 2562 บทคัดยอ่ การวิจัยครง้ั นี้มวี ัตถปุ ระสงค์ (1) เพือ่ เปรยี บเทยี บผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี นของนกั เรยี นกอ่ นเรียน และหลงั เรยี นด้วยชดุ กจิ กรรมการเรยี นรกู้ ารวาดภาพสนี ้า ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 5 กลมุ่ สาระการเรียนรศู้ ิลปะ กล่มุ ตวั อยา่ งที่ใชใ้ นการวจิ ยั เปน็ นักเรยี นชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 หอ้ งเรยี นพเิ ศษ โรงเรยี นพทุ ไธสง สานักงานเขต พ้นื ที่การศกึ ษามัธยมศกึ ษาเขต 32 อาเภอพุทไธสง จังหวดั บุรีรมั ย์ ปีการศกึ ษา 2562 มนี กั เรยี นจานวน 10 คน เคร่อื งมือทใ่ี ช้ในการวจิ ยั คร้งั นี้ ไดแ้ ก่ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้การวาดภาพสนี ้า จานวน 1 ชุด แบบทดสอบวัด ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน สถิตทิ ่ใี ช้ในการวิเคราะห์ข้อมลู ได้แก่ คา่ เฉล่ยี ค่ารอ้ ยละ ผลการวจิ ยั พบวา่ 1. การเปรยี บเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นของนกั เรียนท่เี รยี นด้วยชุดกจิ กรรมการเรยี นรกู้ าร วาดภาพสีนา้ พบว่า นักเรยี นมีผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นหลงั เรยี นสูงกว่ากอ่ นเรียน

5 ความเปน็ มาและความส้าคัญของปัญหา ในสังคมโลกปัจจบุ นั เทคโนโลยีและระบบสารสนเทศ ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ทาใหม้ นษุ ย์ตอ้ ง พยายามดน้ิ รนปรับตัวใหท้ นั ตอ่ ความเจรญิ และความเปลยี่ นแปลงดา้ นวัตถุ จนทาให้เกิดความเครียด และ ส่งผลกระทบตอ่ ความรสู้ ึกนึกคิด อารมณ์ด้านสุนทรยี ์ลดนอ้ ยลง งานศิลปะมีบทบาทสาคญั ยิ่งตอ่ การพัฒนา ความคิดของมนุษย์ ทาให้มนุษยม์ คี วามคดิ ริเร่มิ สร้างสรรค์ มีจนิ ตนาการทางศิลปะ ชื่นชมความงามทาง ทัศนียภาพ ความมคี ณุ ค่า ซ่ึงมผี ลต่อคณุ ภาพชวี ติ มนุษย์ ดังนนั้ กิจกรรมทางศิลปะ สามารถนาไปใชใ้ นการ พัฒนานักเรียนโดยตรงทงั้ ดา้ นร่างกาย จติ ใจ สตปิ ัญญา อารมณ์ และสังคม สง่ เสรมิ ใหน้ กั เรยี นมีความเช่อื มนั่ ในตนเองและแสดงออกเชงิ สร้างสรรค์ กระบวนการรบั รู้ทางศิลปะ การเห็นภาพรวม การสงั เกตรายละเอยี ด สามารถคน้ พบศักยภาพของตนเองอนั เป็นพื้นฐานในการศึกษาตอ่ หรอื ประกอบอาชีพได้ ด้วยการมคี วาม รบั ผิดชอบ มรี ะเบยี บวนิ ยั สามารถทางานรว่ มกันอย่างมีความสขุ หลักสตู รการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ส่วนของหลักสูตรแกนกลางกลุ่มสาระ การเรยี นรู้ ศลิ ปะเป็นกลุ่มสาระทช่ี ว่ ยพัฒนาให้นกั เรยี นมีความคิดรเิ ริ่มสร้างสรรค์ มจี ินตนาการทางศิลปะ ชืน่ ชมความงาม มสี นุ ทรียภาพ ความมีคณุ คา่ ซึง่ มผี ลต่อคุณภาพชีวติ มนุษย์ กิจกรรมทางศลิ ปะช่วยพัฒนานักเรียนทัง้ ดา้ น รา่ งกาย จิตใจ สตปิ ัญญา อารมณ์ สงั คม ตลอดจน การนาไปสูก่ ารพฒั นาสง่ิ แวดล้อม ส่งเสริมใหน้ ักเรยี น มคี วามเชื่อมัน่ ในตนเอง อนั เป็นพน้ื ฐานในการศกึ ษาต่อ หรือประกอบอาชีพได้ สาระทสี่ าคญั อีกแขนงหน่งึ ของ กลุ่มสาระการเรียนรศู้ ิลปะ คือ ทัศนศิลป์ หมายถงึ การมคี วามรู้ ความเขา้ ใจด้านองคป์ ระกอบศลิ ป์ ทศั นธาตุ สร้างและนาเสนอผลงานทางทศั นศลิ ป์จากจินตนาการ โดยสามารถใชอ้ ปุ กรณท์ ีเ่ หมาะสม รวมทัง้ สามารถใช้ เทคนิค วธิ ีการ ของศิลปินในการสร้างงานไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ สอดคลอ้ งกับสานกั งานคณะกรรมการ การศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน (2552, หน้า 52) กล่าววา่ ทัศนศลิ ปเ์ ป็น ศิลปะที่รบั รไู้ ด้ดว้ ยการเห็น ได้แก่ จติ รกรรม ประตมิ ากรรม ภาพพิมพ์ และงานสรา้ งสรรคอ์ ่นื ๆ ท่รี ับรูด้ ้วยการเหน็ ศลิ ปะท่ีมองเห็น จะพบวา่ การรบั รู้ เรือ่ งราว อารมณ์ ความร้สู กึ ของงานทัศนศิลปน์ ัน้ จะต้องอาศยั ประสาทตาเปน็ สาคัญ สิง่ ตา่ งๆ ทน่ี ามา ประกอบเปน็ งานทัศนศลิ ป์ได้แก่ เสน้ รูปร่าง รูปทรง สี แสงเงา และพื้นผิว เป็นตน้ โดยศลิ ปะจะนาสิง่ ต่างๆ เหลา่ นี้มาสรา้ งสรรค์ผลงานดว้ ยวิธีการ วาดภาพ ระบายสี ป้นั และสลกั หรอื งานโครงสรา้ ง ตา่ งๆ ในการ สร้างสรรคผ์ ลงานทศั นศิลปใ์ ห้เกดิ คุณค่า ทางศลิ ปะได้นน้ั ขึ้นอยู่กับความสามารถ และทักษะ ทีต่ ้องอาศยั การ ฝกึ อยา่ งสม่าเสมอ การวาดภาพสนี า้ หมายถงึ วธิ ีการวาดภาพวธิ ีหนึ่ง ทีใ่ ช้สีน้าเปน็ อุปกรณ์ในการระบายสี ปัจจบุ นั เรานยิ มวาดภาพสนี า้ กนั อย่างแพร่หลาย เพราะความงดงามของสีน้าทแี่ สดงให้เหน็ ถงึ มิตขิ องสี ความซบั ซ้อน ของพื้นภาพ และประกายแสง ลักษณะพิเศษเหล่านี้ เกิดจากการร ะบายท่ปี ระณีตซบั ซอ้ น นอกจากนนั้ แล้ว คุณสมบตั ิของส่อื วสั ดุชนดิ นท้ี ม่ี คี วามสะดวกตอ่ การสร างสรรค์ผลงาน และมอี ปุ กรณ์ในการทางานไมยุ่งยาก ซับซอ้ น สามารถทากจิ กรรมภายในอาคาร หรอื นอกอาคารก็ได้ (โชตกิ ศรชยั ชนะ, 2551หน้า 49-50)

6 ผวู้ ิจัยในฐานะเป็นครผู ู้สอน วชิ าสีน้า ของนกั เรยี นห้องเรียนพเิ ศษ พบว่า ปญั หาสว่ นใหญ่ ทีเ่ กิดกบั การจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนในกลุ่มสาระศิลปะ คอื ครูผูส้ อน ขาดสอื่ เทคนิค วิธีการสอนทีเ่ ปน็ ขั้นตอน ทาให้การจดั กจิ กรรมการเรียนการสอนไมด่ ีเทา่ ทีค่ วร สง่ ผลให้นกั เรยี นขาดความสนใจในด้านวชิ าศิลปะ สาระ ทศั นศลิ ป์ เกิดความเบ่อื หน่ายในบทเรยี น คิดว่า การวาดภาพเปน็ เร่อื งพรสวรรคข์ องแต่ละคน คิดวา่ ตัวเองจะ ทางานน้อี อกมาไม่ได้ดี ดว้ ยเหตุน้คี รูผู้สอนควรหาเทคนิค วิธีการ กิจกรรม เพอ่ื ให้นักเรยี นได้มสี ว่ นร่วมในช้นั เรยี นใหม้ ากทส่ี ุด กระต้นุ ความสนใจ และการมสี ว่ นร่วมในบทเรยี นให้มากท่สี ดุ การใชช้ ุดกิจกรรมเป็นอกี สอ่ื การเรยี นการสอนชนิดหนงึ่ ทาใหก้ ารเรยี นการสอนเกิดผลดี คือ ช่วยให้ผถู้ า่ ยทอดเนื้อหาและประสบการณ์ ท่ีสลับซบั ซอ้ นมลี กั ษณะเปน็ รูปธรรมเปน็ ส่วนใหญ่ และเป็นการฝกึ ปฏบิ ตั ทิ ี่เปน็ ขัน้ ตอนจากง่ายไปหายาก เชน่ เทคนิคการใช้สี ทฤษฎขี องสี ซึ่งผู้สอนไม่สามารถบรรยายได้ดี ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู หรือชุดการสอนชว่ ยเร้า ความสนใจ เปิดโอกาสใหน้ ักเรียนมีสว่ นร่วมในการเรียนของตนเอง ใหน้ กั เรยี นแสดงความคิดเห็น กลา้ ตดั สนิ ใจ แสวงหาความรดู้ ้วยตัวเองได้ ช่วยสร้างความพร้อมและความมน่ั ใจแก่ผู้สอน ทาให้การเรียนของนกั เรียนเปน็ อิสระจากอารมณข์ องผู้สอนอีกด้วย (ชัยยงค์ พรหมวงศ์ และคณะ, 2551 หน้า 14) จากหลกั การและเหตุผลขา้ งต้น ผู้วิจยั จึงได้สร้างชดุ กิจกรรมการเรยี นรกู้ ารวาดภาพสีน้า มาใช้เปน็ สอื่ นวัตกรรมเพือ่ พฒั นา โดยมคี วามม่งุ หวังวา่ ชุดกจิ กรรมการเรียนรูก้ ารวาดภาพสีนา้ ทผ่ี วู้ ิจยั สร้าง ข้ึน จะชว่ ยพฒั นาทกั ษะการ เรยี นร้เู ร่อื ง การวาดภาพสนี ้า ของนักเรียนใหด้ ีย่งิ ข้ึน และส่งผลใหก้ ารพัฒนา กจิ กรรมการเรียนการสอนมปี ระสทิ ธิภาพบรรลุจุดมงุ่ หมายของหลักสูตรสถานศึกษา และสง่ ผลถึงการพัฒนา ความรู้ความสามารถ คณุ ลักษณะท่ีพงึ ประสงคข์ องนกั เรยี นอยา่ งแทจ้ รงิ ความม่งุ หมายของการวจิ ัย 1. เพอ่ื เปรียบเทยี บผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนของนกั เรยี นกอ่ นเรยี นและหลงั เรยี นดว้ ยชดุ กจิ กรรมการ เรียนรู้การวาดภาพสนี า้ สมมตฐิ านของการวจิ ยั 1. ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นของนกั เรยี น ด้วยชุดกิจกรรมการเรยี นรู้การวาดภาพสนี า้ หลังเรียนสูงกว่า ก่อนเรยี น ประชากรและกลมุ่ ตัวอยา่ ง - ประชากร ได้แก่ นักเรียนชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4-6 หอ้ งเรียนพิเศษศิลปะ จานวน 26คน - กลุม่ เปา้ หมาย ได้แก่ นกั เรยี นชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 5 หอ้ งเรยี นพเิ ศษศลิ ปะ จานวน 10 คน ซง่ึ เป็นห้องเรียนท่ีผวู้ ิจยั เปน็ ผูส้ อน

7 ตวั แปรทีใ่ ช้ในการวจิ ัย - ตวั แปรต้น ได้แก่ การสอนโดยใชช้ ุดกจิ กรรมการเรียนรู้การวาดภาพสีน้า - ตวั แปรตาม ไดแ้ ก่ ผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี น และความพึงพอใจของนักเรียน ระยะเวลาทใ่ี ชใ้ นการวจิ ยั ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2562 ประโยชน์ท่ีคาดวา่ จะไดร้ ับ การศึกษาคร้งั นี้ ผู้ศึกษาคาดว่าจะได้รบั ประโยชน์ ดังน้ี 1. ได้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้การวาดภาพสนี า้ เพือ่ พัฒนาผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียน ให้สงู ข้ึน 2. ไดแ้ นวทางสาหรบั ผู้บรหิ ารโรงเรียน ครู ศึกษานิเทศก์ และผสู้ นใจโดยทั่วไป ในการพฒั นาชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ ในกลมุ่ สาระการเรียนรู้ศิลปะและกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นๆ เครื่องมือทใี่ ชใ้ นการเก็บรวบรวมขอ้ มลู เครือ่ งมอื ทใ่ี ช้ในการวิจยั ครัง้ น้ี ประกอบดว้ ย - ชดุ กิจกรรมการเรยี นรกู้ ารวาดภาพสีน้า ท่ีผูว้ ิจยั สรา้ งขนึ้ - แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น เรือ่ งการวาดภาพสีน้า ท่ีผ้วู จิ ยั สร้างขน้ึ เปน็ แบบ ปรนัยชนดิ เลอื กตอบ 4 ตัวเลือก จานวน 30 ข้อ คะแนนเต็ม 30 คะแนน วิธดี ้าเนนิ การวิจยั แบบแผนการทดลอง การวิจัยครง้ั น้เี ปน็ การวจิ ัยเชิงทดลอง (Experimental Research) ผูว้ จิ ัยไดใ้ ชแ้ บบ One– Group Pre-test Post-test Design ดังตาราง ตาราง แบบแผนการทดลอง One–Group Pre-test Post-test Design กลมุ่ Pretest Treatment Posttest กลมุ่ ทดลอง T1 X T2 T1 หมายถงึ สอบก่อนทดลอง X หมายถึง การทดลองโดยใช้ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ T2 หมายถงึ สอบหลงั ทดลอง

8 ข้นั ตอนในการด้าเนินการทดลอง การทดลองในคร้งั น้ี ผู้วิจยั ไดด้ าเนนิ การทดลองโดยมขี ้ันตอน ดงั นี้ 1. ทดสอบก่อนเรียน (Pre-test) กบั นักเรียนทีเ่ ป็นกลุม่ ตวั อย่างชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5 จากน้นั ตรวจเก็บคะแนนไว้เพื่อวิเคราะหข์ ้อมลู ในขั้นต่อไป 2. ดาเนนิ การทดลองโดยใช้ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ผู้วิจยั ได้ดาเนนิ การดังน้ี - ครชู ี้แจงและอธบิ ายวิธกี ารศึกษาจากชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ให้นักเรยี นเข้าใจและมคี วาม พรอ้ มที่จะศกึ ษา - ให้นกั เรียนทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน จากนัน้ ศกึ ษาเนื้อหาทากจิ กรรม 3. การทดสอบหลงั เรียน (Post- test) เมอื่ จัดกิจกรรมครบแลว้ ให้นักเรียนทาแบบทดสอบวัดผล สมั ฤทธท์ิ างการเรยี นหลังเรยี น ซงึ่ เป็นฉบบั เดยี วกนั กบั ท่ีทดสอบกอ่ นเรยี น แลว้ ตรวจใหค้ ะแนนเพ่ือนาไป วิเคราะหท์ างสถติ ิ การจดั กระท้าข้อมลู และวเิ คราะหข์ อ้ มูล เปรียบเทียบผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนของนักเรยี นทีเ่ รยี นดว้ ยชุดกจิ กรรมการเรียนรู้การวาดภาพสีน้า โดยใชส้ ถิติค่าเฉลีย่ และรอ้ ยละ สถติ ทิ ี่ใช้ในการวเิ คราะหข์ ้อมลู สถิติพน้ื ฐานที่ใช้ในการวเิ คราะหข์ อ้ มูล - สถติ พิ ้นื ฐาน 1. รอ้ ยละ (Percentage) โดยใช้สูตรดังนี้ (บุญชม ศรสี ะอาด, 2553 หน้า 122) P = F × 100 N เมือ่ P แทน ร้อยละ F แทน ความถ่ีทต่ี ้องการแปลงให้เปน็ รอ้ ยละ N แทน จานวนความถ่ีทง้ั หมด 2. ค่าเฉลี่ย (Mean) โดยใชส้ ตู รดงั น้ี (บุญชม ศรีสะอาด, 2553 หนา้ 123) X = ∑X คา่ เฉลยี่ ของคะแนน N เมอ่ื X แทน X แทน ผลรวมของคะแนนทั้งหมดในกลมุ่ N แทน จานวนคะแนนในกลุ่ม

9 ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มูล วิเคราะห์เปรียบเทยี บผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนกอ่ นเรยี นและหลงั วดั ไดจ้ ากแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน ดังตาราง ตาราง เปรียบเทยี บความแตกตา่ งระหว่างคะแนนทดสอบวดั ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น ตารางท่ี 11ก่อนเรยี นและหลังเรยี นด้วยชุดกจิ กรรมการเรยี นรูก้ ารวาดภาพสนี ้า การทดสอบ N X ทดสอบกอ่ นเรียน 10 14.77 ทดสอบหลงั เรียน 10 25.23 สัญลักษณ์จากตาราง พบวา่ การทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนก่อนเรียนและหลัง ทเ่ี รยี นด้วยชุดกจิ กรรม การเรียนรู้การวาดภาพสนี า้ มีคะแนนเฉลยี่ เทา่ กบั 14.77 คะแนน และ 25.23 คะแนนตามลาดบั และเมอื่ เปรียบเทยี บระหวา่ งคะแนนทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียนพบวา่ คะแนนทดสอบหลงั เรยี นของนกั เรยี นสงู กวา่ กอ่ นเรยี น สรุปผลการวิจยั ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี นก่อนเรยี นและหลังเรยี นของนักเรยี น ท่ีเรียนดว้ ยชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้การ วาดภาพสีนา้ มีคะแนนเฉล่ียเท่ากับ 14.77 คะแนน และ 25.23 คะแนนตามลาดับ และเม่อื เปรยี บเทยี บ ระหวา่ งคะแนนทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียนพบว่า คะแนนทดสอบหลังเรยี นของนักเรยี นสูงกว่าก่อนเรยี น ขอ้ เสนอแนะ 1. ควรช้แี จงหลกั เกณฑ์และวธิ กี ารเรยี นโดยใชช้ ุดกจิ กรรมการเรียนรใู้ หน้ กั เรยี นทราบวา่ มีวธิ กี ารอย่างไร ตลอดจนขน้ั ตอนตา่ งๆ ในการใช้ รวมถงึ ข้อตกลงตา่ งๆ ที่มคี วามจาเปน็ เพอื่ ใหก้ ารเรยี นเปน็ ไปดว้ ยความเรยี บรอ้ ย ไมก่ ่อใหเ้ กดิ ความสับสนและสเ ียเวลา 2. ในกิจกรรมการเรยี นถ้านกั เรียนทุกคนไดม้ ีโอกาสและมีสว่ นร่วมในการเรียนการสอนจะทาใหน้ ักเรียน เกดิ การพัฒนาทักษะการเรียนร้อู ย่างมปี ระสิทธภิ าพ 3. ครผู สู้ อนสามารถนาข้อมูลนักเรยี นจากผลการวจิ ยั คร้ังน้ีไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการพฒั นาการจดั กจิ กรรม การเรยี นในวิชาศลิ ปะ สาขาอน่ื ๆเพอื่ พฒั นาทกั ษะการเรียนรแู้ ละสร้างองค์ความเรพู้ ่มิ มากย่งิ ข้ึน

10 ภาคผนวก

11 แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี น เรือ่ งการวาดภาพสีนา้ คาชแี้ จง 1. ให้นกั เรียนเขียน ชอื่ -สกลุ เลขที่ ในกระดาษคาตอบ 2. ข้อสอบฉบับนี้เปน็ ข้อสอบแบบ เลอื กตอบ 4 ตวั เลอื ก มขี ้อคาถามทงั้ หมด 30 ข้อ 3. ใชเ้ วลาในการสอบ 1 ชวั่ โมง 4. เลือกคาตอบที่ถกู ตอ้ งทีส่ ุด จากตวั เลือก ก. ข. ค. และ ง. เพยี งคาตอบเดียวเท่านน้ั โดยกาเครื่องหมายกากบาท ( x ) ลงในช่อง กระดาษคาตอบให้ตรงกบั ตวั เลือกทีต่ อ้ งการ เช่น ถ้าคาตอบ ข้อ ก. ถกู ให้ทาดังน้ี ข้อ ก ข ค ง 0X ถา้ ต้องการเปลยี่ นคาตอบจากข้อ ก. เป็น ข. หรือขอ้ อ่ืนๆ ให้ทาดังนี้ ขอ้ ก ข ค ง 0X X 5. ห้ามขดี เขียน หรือ กรอกขอ้ ความใดๆ ลงบนกระดาษข้อสอบ 6. เม่อื ทาข้อสอบเสรจ็ แล้วให้ส่งกระดาษคาตอบพรอ้ มข้อสอบคืนทก่ี รรมการคมุ สอบ

12 1. ชาตใิ ดทพ่ี ัฒนาสนี ้าใหบ้ รรจหุ ลอด ก. อังกฤษ ข. อเมรกิ า ค. จีน ง. ญีป่ นุ่ 2. บิดาแหง่ สีน้า คือใคร ก. นวิ แมน ข. ดูเรอ ค. วนิ เซอร์ ง. นวิ ตัน 3. ลกั ษณะเดน่ ของการเขียนภาพสีน้า คืออะไร ก. ทบึ แสง หนา แหง้ เร็ว ข. ทบึ แสง ระบายทับได้ ค. โปรง่ ใส ระบายทับไปมาได้ ง. โปรง่ ใส เปียกช่มุ ซมึ ซับเรว็ 4. คณุ สมบตั ิพเิ ศษของสีนา้ ทท่ี าใหเ้ กิดความงามในอกี รปู แบบหนึง่ ก. แหง้ ตลอดเวลา ข. มีลกั ษณะโปรง่ แสง มีเนื้อสีบางๆ ค. รอ่ งรอยคราบสที เี่ กดิ จากการไหลซมึ ง. การสะทอ้ นของแสงเงาทีส่ ดใส 5. ข้อใดเป็นวธิ ีการระบายสีน้าทีถ่ กู ต้องทีส่ ุด ก. พยายามระบายสใี หม้ ีเนอ้ื สีมากที่ ข. ระบายสีใหร้ วดเร็วฉบั ไว โดยไมต่ อ้ งรอคอยใหส้ ีแห้ง ค. ระบายสใี หโ้ ปร่งใส ไม่ควรทับซ้อน หรอื ซา้ กันหลายๆ คร้ัง ง. ควรใช้พู่กนั กลมในการระบายสนี ้ามากกวา่ พ่กู นั แบน เพราะอมุ้ นา้ ได้ดกี วา่ 6. ข้อใด ไมใ่ ช่ วสั ดุ อปุ กรณ์ ท่ีใชใ้ นการเขยี นภาพสนี า้ ก. กระดานรองเขยี น ข. กระดาษเขียนสีนา้ ค. จานผสมสี ง. เกรยอง 7. พู่กันทเี่ หมาะสาหรบั การระบายสนี า้ คือ ก. ขนพู่กันแข็ง ข. ขนพ่กู นั อ้มุ น้าไดด้ ี ค. พกู่ นั ทามาจากขนสตั ว์หายาก ง. พูก่ นั มีด้ามทนทาน 8. สนี ้าชนดิ บรรจกุ ลอ่ ง มลี ักษณะอย่างไร ก. เนือ้ สมี คี วามหนาแนน่ ทบึ แสง เรียบ มลี กั ษณะดา้ น ข. ไมม่ เี น้อื สี แต่สีจะสดใสมากกว่าสนี า้ ชนดิ อ่ืนๆ ค. เนื้อสจี ะมีลกั ษณะเป็นผงอดั แนน่ เป็นก้อนแขง็ ง. เนือ้ สีมีลักษณะเหลวเหมอื นยาสฟี ัน

13 9. ทกุ ข้อเป็นขั้นตอนในการดแู ลรักษาสีน้าหลงั จากใช้งานยกเว้นขอ้ ใด ก. นาหลอดสีใส่กลอ่ งภาชนะ ข. สารวจตรวจสอบสใี หค้ รบ ค. เช็ดทาความสะอาดหลอดสี ง. เปิดฝาท้งิ ไว้ข้ามคนื 10. สีนา้ ที่ทงิ้ ไวน้ านจะแห้งและแข็ง นักเรียนจะใชว้ ิธีการใดใหส้ นี ากลับมาใชไ้ ด้อีก ก. ใช้พู่กันจุ่มน้าแล้วละลายสี ข. นามาบดเปน็ ผง ค. ผสมนา้ มนั สนให้ลายลาย ง. ไมส่ ามารถนากลบั มาใชไ้ ด้อกี 11. สีในขอ้ ใดให้ความรสู้ กึ อุน่ ข. สม้ แดง ก. นา้ เงิน เขียว ง. ม่วง ฟา้ ค. เขียว ฟ้า 12. นักเรียนต้องการให้ภาพสีนา้ มีทใี่ หค้ วามรู้สกึ สบายตา นักเรยี นจะเลอื กใชส้ ีใดระบาย ก. นา้ เงิน สม้ ข. เขียว แดง ค. เขียว ฟา้ ง. มว่ ง เหลือง 13. เม่อื ระบายสนี ้าสีเหลอื งไหลซมึ ผสมกับสีนา้ เงนิ จะทาใหเ้ กดิ สีอะไร ก. ส้ม ข. เขียว ค. เทา ง. ม่วง 14. ในการเขยี นภาพสีน้าใหไ้ ด้ผลดี ควรใชเ้ ทคนคิ ตามขอ้ ใด ก. เทคนคิ เปียกบนเปียก ข. เทคนิคแห้งบนเปียก ค. เทคนิคใดก็ได้แลว้ แตถ่ นดั ง. ใชไ้ ด้ทกุ เทคนคิ ตามความเหมาะสม 15. การใชเ้ ทคนคิ การระบายสแี บบเปียกบนเปียก พ้นื ผิวกระดาษควรมีลกั ษณะใด ก. เปยี กหรอื หมาดพอควร ข. เปยี กและแห้งอยา่ งละครงึ่

14 ค. ให้แห้งสนทิ ไมม่ ีความชน้ื ง. ไม่จากัดขึน้ อยกู่ ับสีที่จะระบาย 16. นกั เรียนจะระบายสนี ้าเทคนคิ “เปียกบนแห้ง” นกั เรยี นจะทาให้สง่ิ ใดเปยี ก และสง่ิ ใดจะตอ้ งแหง้ ก. ทาสใี หเ้ ปียก และพกู่ นั แห้ง ข. ทากระดาษใหเ้ ปยี ก และพู่กนั แห้ง ค. ทาสใี หเ้ ปียก และกระดาษแหง้ ง. ทากระดาษให้เปยี ก และพกู่ ันแห้ง 17. นกั เรียนระบายสีนา้ ตอ้ งการเน้นรายละเอยี ดของภาพ นักเรยี นจะใชเ้ ทคนคิ ใดจงึ จะเหมาะสม ก. แหง้ บนเปยี ก ข. แหง้ บนแห้ง ค. เปียกบนแหง้ ง. เปยี กบนเปยี ก 18. เม่ือนกั เรียนระบายสีน้า ตอ้ งการทาใหเ้ กิดภาพตน้ ไมเ้ ป็นพ่มุ นักเรยี นจะเลอื กใชเ้ ทคนิคใดสรา้ งสรรค์ ผลงาน ก. ใช้กาวก้ันสรี ะบายบนกระดาษ ข. ใช้แปรงทาสเี กล่ยี บนกระดาษ ค. ใชก้ ระดาษทรายลบู น้าบนกระดาษ ง. ใช้ฟองนา้ แตะสีกดลงบนกระดาษ 19. กาวยางน้า มปี ระโยชนอ์ ย่างไร ข. ทาเคลอื บผลงานให้สีสด ก. ผสมกับสีนา้ ใหข้ น้ ง. ทาพู่กันใหค้ งรูป ค. ทาเพ่อื ก้ันสีนา้ 20. เม่อื ต้องการใหภ้ าพสนี ้ามีจุดด่าง เลก็ ๆ กระจายในภาพ ควรใช้เทคนคิ ใด ก. ใชค้ ัตเตอรข์ ูด ข. ใชเ้ กลอื โรยในขณะทสี่ ียังเปียกชมุ่ ค. ระบายเคลือบทับ ง. ใชพ้ ู่กันรปู พดั ระบาย 21. ขน้ั ตอนแรกของการเขยี นภาพสนี ้า คืออะไร ก. การระบายสีจากซา้ ยไปขวา ข. กาหนดนา้ หนัก แสงเงาของภาพ ค. การจดั เตรียมสือ่ วสั ดุ และอปุ กรณท์ จี่ าเป็น ง. การรา่ งภาพ โครงสร้าง และสว่ นรวมของภาพ

15 22. ข้อใดคือวิธรี ะบายเรยี บลงในรูปร่าง ก. เอยี งกระดานเลก็ น้อยแลว้ ระบายสี ข. ไมเ่ อยี งกระดานเวลาระบายสี ค. ระบายนา้ บนกระดาษแล้วระบายสีตาม ง. ระบายเน้นส่วนท่ีสาคญั 23. ข้อใด คือเทคนิคในการระบายสีนา้ ใหเ้ กิดรูปทรง ก. ระบายส่วนทถี่ ูกแสงดว้ ยสีขาว ข. เวน้ ส่วนทีถ่ กู แสงใหเ้ หน็ สีขาวของกระดาษ ค. ระบายส่วนทเี่ ปน็ เงาเข้มดว้ ยสดี า ง. ตดั เส้นใหภ้ าพมีความลึกชัดเจน 24. ถ้าอยากให้ภาพดอกไม้ไมค่ มชดั ดูเบลอๆ และไดส้ แี ปลกใหมท่ ี่ซมึ เขา้ หากัน ควรใชเ้ ทคนิคใด ก. เทคนคิ เปียกบนเปียก ข. เทคนิคเปยี กบนแห้ง ค. เทคนิควิธีแปรงแหง้ ง. เทคนคิ วิธีแปรงเปียก 25. ขอ้ ควรระวังในการระบายสีนา้ คืออะไร ก. ระบายจากดา้ นขวาไปซา้ ย และระบายจากบนลงล่าง ข. อยา่ ระบายสีทับกนั หลายคร้ังเพราะจะทาให้สดี า่ ง ค. ไมค่ วรระบายต่อเนอื่ งในแนวทส่ี ียังไม่แห้ง ง. ใช้พูก่ นั จุม่ สีระบายบนภาพจริงไดเ้ ลย 26. เทคนิคใดช่วยใหส้ ีไมไ่ หลไหลปนกัน เมื่อตอ้ งระบายสนี ้า ก. ควรระบายสลบั เพ่อื รอใหส้ ีหมาดและแหง้ ข. ควรระบายทีละช้ินเพอื่ รอให้สแี หง้ ค. ระบายพร้อมกันได้เลย ง. ใชก้ าวกน้ั สกี ัน้ ไว้และระบายทลี ะชิ้น 27. ขอ้ ใดคือประโยชน์ของการแทรกสขี องบรรยากาศลงในวตั ถุ ก. เกิดความกลมกลนื ข. เกิดความน่าสนใจ ค. เกดิ ความขัดแยง้ ง. เกดิ ความสดใส

16 28. เทคนิคเปียกบนเปียกเหมาะสาหรบั การระบายสีภาพในสว่ นใด ก. ภาพอาคารบา้ นเรอื น ข. ภาพตน้ ไมแ้ ละธรรมชาติ ค. ภาพคนและสัตว์ ง. ภาพท้องฟา้ และน้า 29. ข้อใดเปน็ เทคนคิ การทาทอ้ งฟ้าให้มกี อ้ นเมฆ ก. ใชท้ ชิ ชถู กู สีออก ข. ใชม้ ีดคดั เตอร์ขูดสอี อก ค. ใช้พูก่ ันระบายสที ับหนาๆ ใหเ้ ป็นรปู ก้อนเมฆ ง. ใชฟ้ องนา้ ซับสีที่ยังไมแ่ หง้ บริเวณทตี่ ้องการใหเ้ ปน็ ก้อนเมฆ 30. ภาพทวิ ทัศนท์ ่ีใชเ้ ทคนคิ เปยี กบนเปยี กจะมลี กั ษณะอยา่ งไร ก. ใหค้ วามช่มุ ฉ่า ข. เรียบงา่ ย ค. เนน้ รายละเอยี ด ง. หนาทึบ

17 เฉลยแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น เรอื่ งการวาดภาพสนี า้ ข้อที่ เฉลย ข้อท่ี เฉลย ขอ้ ท่ี เฉลย 1 ก 11 ข 21 ค 2 ข 12 ค 22 ก 3 ง 13 ข 23 ข 4 ค 14 ง 24 ก 5 ค 15 ก 25 ข 6 ง 16 ค 26 ก 7 ข 17 ข 27 ก 8 ค 18 ง 28 ง 9 ง 19 ค 29 ง 10 ก 20 ข 30 ก

18 ภาพผลงานนักเรียน

19 ภาพผลงานนักเรียน ภาพผลงานนกั เรยี น ภาพผลงานนกั เรยี น

20

21

22