รายงานผลการปฏิบัติที่เป็นเลิศ การจัดการเรยี นการสอน Active learning ด้วยการผลติ สอ่ื วทิ ยาศาสตร์อย่างง่าย โดยใช้กระบวนการบนั ได 5 ขั้น (QSCCS) เพ่ือการพฒั นาการเรียนรูข้ องผ้เู รยี น นายดลภูมิ สรุ ยิ ันต์
รายงานผลการปฏบิ ตั ิทเ่ี ปน็ เลิศ (Best Practice) เรอื่ ง การจัดการเรียนการสอน Active learning ดว้ ยการผลิตสอ่ื วิทยาศาสตร์อย่างงา่ ย โดยใช้กระบวนการบันได 5 ขัน้ (QSCCS) เพื่อการพฒั นาการเรยี นรู้ของผูเ้ รยี น นายดลภูมิ สรุ ยิ นั ต์ ตำแหนง่ ครู โรงเรียนวดั ยกกระบตั ร(ชุบราษฎรน์ สุ รณ์) อำเภอบา้ นแพว้ จังหวัดสมทุ รสาคร สำนกั งานเขตพน้ื ท่กี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาสมุทรสาคร สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
ก คำนำ การจัดทำรายงานนำเสนอผลการปฏิบัติที่เป็นเลิศ(Best Practices) ประจำปีการศึกษา 2563 จากการจัดการเรียนการสอน Active Learning ใหเ้ ป็นไปตามระบบการทำงานทีม่ ีคณุ ภาพ ขัน้ ตอนและ วิธีการดำเนินงานทกุ ข้นั ตอน สรปุ รายงานเพ่อื เปน็ ขอ้ มูลในการพฒั นาให้นกั เรียนเป็นบุคคลท่ีการเรียนรู้ดี เก่ง และมคี วามสุข เผยแพร่ต่อสาธารณชน หวงั ว่าเอกสารเล่มน้ี จะอำนวยความสะดวกตอ่ การพจิ ารณาของคณะกรรมการประเมนิ และจะ เป็นประโยชน์สำหรับโรงเรยี นหรอื ผ้ทู ่สี นใจ และผู้ทก่ี ำลังจะพัฒนาผเู้ รยี นใหม้ ีคุณภาพท้งั ในด้าน ความรู้ ทกั ษะและคุณลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ ใหม้ ผี ลสมั ฤทธทิ์ ี่สูงขึน้ ต่อไป ( นายดลภมู ิ สรุ ยิ ันต์ ) ครู โรงเรยี นวัดยกกระบตั ร(ชุบราษฎร์นุสรณ)์
สารบัญ ข เรื่อง หนา้ สว่ นที่ 1 สว่ นเนอื้ หา 1 1. บทสรุป 2 2. ความเป็นมาและความสำคัญของ ผลการปฏบิ ตั ทิ ่เี ปน็ เลศิ (BestPractice) 4 3. วตั ถุประสงคแ์ ละเป้าหมายของผลงาน 5 4. ข้ันตอนการดำเนนิ งาน 6 5. ผลการดำเนนิ งาน/ประโยชน์ท่ไี ดร้ ับ 13 6. ปจั จยั ความสำเร็จ 14 7. บทเรียนทไ่ี ด้รับ (Lesson Learned) 15 8. การเผยแพร่/ การได้รับการยอมรับ 16 9. เอกสารอ้างอิง 21 ส่วนท่ี 2 ภาคผนวก 22
1 สว่ นท่ี 1 สว่ นเนอ้ื หา
2 บทสรุป (Best Practice) “การจัดการเรียนการสอน Active learning ด้วยการผลิตสื่อวิทยาศาสตรอ์ ยา่ งง่าย โดยใชก้ ระบวนการบันได 5 ข้นั (QSCCS) เพื่อการพฒั นาการเรยี นรูข้ องผู้เรยี น” ********************************************** การดำเนินโครงการการจัดการเรียนการสอน Active learning ด้วยการผลิตสอ่ื วทิ ยาศาสตร์ อย่างงา่ ยโดยใชก้ ระบวนการบันได 5 ขนั้ (QSCCS) เพ่ือการพฒั นาการเรียนรู้ของผู้เรยี น มวี ัตถุประสงค์ ดังนี้ 1. เพอ่ื พฒั นาผเู้ รียนสู่มาตรฐานสากล โดยใชก้ ระบวนการบันได 5 ขนั้ (QSCCS) 2. เพ่อื ให้ผู้เรยี นได้พฒั นาทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละทกั ษะในศตวรรษท่ี 21 ในการ ค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สามารถแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ สามารถตัดสินใจ โดยใช้ข้อมลู หลากหลายและประจกั ษพ์ ยานทต่ี รวจสอบได้ 3. เพ่อื ให้ผ้เู รียนสามารถ รวบรวม วเิ คราะห์ข้อมูล อย่างครบถว้ น และเปน็ ระบบ นำองค์ความรู้ ที่ไดม้ าสังเคราะห์เป็นนวัตกรรม 4. เพอ่ื ให้ผเู้ รียนมีความลำ้ หนา้ ทางความคดิ ผลิตงานอย่างสร้างสรรคแ์ ละร่วมกันรบั ผิดชอบตอ่ สงั คมโลก 5. เพื่อนำองค์ความรูท้ ไ่ี ดจ้ ากการศกึ ษา คน้ ควา้ เผยแพรใ่ นวงกว้างทั้งภายในสถานศกึ ษาและชุมชนภายนอก หลงั จากการทำกจิ กรรม พบวา่ เป้าหมายเชงิ ปริมาณ นกั เรียนชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 จำนวน 50 คน ไดผ้ ่านกระบวนการจดั การเรียนรผู้ ่านการลงมือทำ และการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้กระบวนการบันได 5 ขั้น (QSCCS) เพื่อการพัฒนาการ เรียนรขู้ องผู้เรียนและนกั เรียนได้นวตั กรรมทีผ่ า่ นกระบวนการศึกษาค้นคว้าของนักเรียนจำนวน 1 เรอ่ื ง เปา้ หมายเชิงคุณภาพ นกั เรยี นมที ักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละทกั ษะในศตวรรษท่ี 21 ในการคน้ คว้าและสรา้ ง องค์ความร้ดู ้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สามารถแกป้ ัญหาอยา่ งเป็นระบบ สามารถตดั สินใจ โดยใช้ ขอ้ มลู หลากหลายและประจกั ษ์พยานที่ตรวจสอบได้ ผลการดำเนินงานการจดั การเรียนการสอน Active learning ด้วยการผลิตสื่อวทิ ยาศาสตร์อย่าง งา่ ย โดยใชก้ ระบวนการบันได 5 ขนั้ (QSCCS) เพ่ือการพฒั นาการเรียนรู้ของผเู้ รียน พบว่า ด้านความรู้ นักเรียนร้อยละ 100 มีผลสัมฤทธิท์ างการเรยี น เรื่อง วิทยาศาสตร์กับการแก้ปัญหา ผา่ นเกณฑ์ร้อยละ 80 ของคะแนนเต็ม โดยมีคา่ เฉล่ยี เท่ากับ 19.21 คะแนน จากคะแนนเตม็ 20 คะแนน คดิ เปน็ ร้อยละ 91.56
3 ด้านทักษะ นักเรียนเกิดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การคิดสร้างสรรค์ การคิดอย่างมี วิจารณญาณ และการคิดแก้ปัญหา ค้นคว้าและคัดเลือกข้อมูลหรือองค์ความรู้เป็นทักษะการเรียนรู้ ใน ศตวรรษที่ 21 สามารถคน้ คว้าและสรา้ งองค์ความรู้ดว้ ยกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ สามารถแก้ปัญหา อย่างเป็นระบบ สามารถตัดสินใจ โดยใช้ข้อมูลหลากหลายและประจักษ์พยานที่ตรวจสอบได้ ซึ่งทักษะ เหล่าน้จี ะติดตัวผเู้ รยี นไปตลอด และผูเ้ รยี นสามารถจัดทำผลงานซ่งึ เปน็ นวัตกรรมสำคัญซง่ึ เป็นผลสรุปของ การออกแบบการจัดการเรียนรู้ และสามารถนำนวัตกรรมมาศึกษาหาความรู้ และนำสู่การเผยแพร่ให้ กวา้ งขวางมากขึ้น ด้านเจตคติ นักเรียนร้อยละ 97.20 มีความพึงพอใจในระดับมากที่สุดต่อการจัดกิจกรรมการ เรยี นรู้
4 แบบรายงานผลการปฏบิ ัตทิ ่ีเป็นเลศิ (Best Practice) การจดั การเรียนรใู้ นศตวรรษท่ี 21 ประจำปีงบประมาณ 2563 สำนักงานเขตพื้นที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาสมทุ รสาคร ชื่อผลงาน การจดั การเรยี นการสอน Active learning ดว้ ยการผลิตสื่อวทิ ยาศาสตร์อย่างงา่ ย โดยใชก้ ระบวนการบันได 5 ข้นั (QSCCS) เพอื่ การพฒั นาการเรียนรู้ของผู้เรยี น ชือ่ ผสู้ ง่ ผลงาน นายดลภมู ิ สรุ ิยันต์ ตำแหน่ง ครู โรงเรียน วัดยกกระบัตร(ชบุ ราษฎรน์ สุ รณ์) อำเภอ บ้านแพว้ จงั หวัด สมทุ รสาคร สหวิทยาเขต ส่งเสรมิ สามัคคี ------------------------------------------------------------------------------------ 1. ความเปน็ มาและความสำคัญของผลงานการปฏิบัติทเ่ี ปน็ เลศิ (Best Practice) การจัดการศกึ ษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียนมีความสำคญั ท่ีสุด ผู้เรยี นทกุ คนสามารถเรียนรู้และพัฒนา ตนเองได้ ดังนั้นกระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนได้พัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตาม ศกั ยภาพ โดยเน้นด้านความรู้ คณุ ธรรม และกระบวนการเรยี นรู้ ในเรือ่ งสาระความรู้ให้บูรณาการความรู้ และทักษะด้านต่าง ๆ ให้เหมาะสมในแต่ละระดับการศึกษาเพื่อพัฒนาด้านความรู้เกี่ยวกับตนเองและ ความสัมพันธ์ระหวา่ งตนเองกับสังคม (พระราชบัญญตั ิการศกึ ษาแห่งชาติ (ฉบับท่ี 3), 2553) วทิ ยาศาสตร์มบี ทบาทสำคญั ยิ่งในสังคมโลกปัจจุบนั และอนาคต เพราะวิทยาศาสตร์เก่ียวข้องกับ ทุกคนทั้งในชีวิตประจำวันและการงานอาชีพต่าง ๆ ตลอดจนเทคโนโลยี เครื่องมือเครื่องใช้และผลผลิต ต่างๆ ที่มนุษย์ได้ใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิตและการทำงาน เหล่านี้ล้วนเป็นผลของความรู้ วทิ ยาศาสตร์ ผสมผสานกับความคิดสร้างสรรค์และศาสตรอ์ ่ืน ๆ วิทยาศาสตรช์ ่วยให้มนุษย์ได้พัฒนาวิธีคิด ท้ังความคดิ เป็นเหตุเปน็ ผล คดิ สร้างสรรค์ คิดวิเคราะหว์ ิจารณ์ มที กั ษะสำคัญในการคน้ คว้าหาความรู้ ใช้ ความรูแ้ ละทักษะเพือ่ แก้ปัญหาหรือพัฒนางานด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม มีความสามารถใน การแกป้ ัญหาอยา่ งเปน็ ระบบ รวมทง้ั สามารถค้นหาข้อมูลหรอื สารสนเทศ ประเมินสารสนเทศ ประยุกต์ใช้ ทักษะการคิดเชิงคำนวณและความรูด้ ้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ สื่อดิจิทัล เทคโนโลยีสารสนเทศและการ ส่ือสารเพอื่ แกป้ ัญหาในชีวติ จรงิ อย่างสร้างสรรค์ สามารถตดั สนิ ใจโดยใชข้ อ้ มูลที่หลากหลายและมปี ระจักษ์ พยานที่ตรวจสอบได้ วิทยาศาสตร์เป็นวัฒนธรรมของโลกสมัยใหม่ซึ่งเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ (knowledge-based society) ดังนั้นทุกคนจึงจำเป็นต้องได้รับการพัฒนาให้รู้วิทยาศาสตร์ เพื่อที่จะมี ความรู้ความเข้าใจในธรรมชาติและเทคโนโลยีทมี่ นษุ ย์สรา้ งสรรคข์ น้ึ สามารถนำความรู้ไปใชอ้ ย่างมีเหตุผล สร้างสรรค์ และมีคุณธรรม ดังนั้นครูผู้สอนจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเชื่อมโยงความรู้กับกระบวนการ เรียนรู้ และการจัดกิจกรรมการเรียนรูท้ ี่ส่งเสรมิ ใหผ้ ู้เรยี นพัฒนาความคิด ทั้งความคิดเป็นเหตุเป็นผล คิด สร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์วิจารณ์ มีทักษะที่สำคัญทั้งทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะใน ศตวรรษที่ 21 ในการค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สามารถแก้ปัญหา
5 อย่างเป็นระบบ สามารถตัดสินใจ โดยใช้ข้อมูลหลากหลายและประจักษ์พยานที่ตรวจสอบได้ (สำนัก วิชาการและมาตรฐานการศกึ ษา, 2560) กลุม่ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั ยกกระบัตร(ชบุ ราษฎรน์ ุสรณ์) จึงมุ่ง ส่งเสริมให้นักเรียนพัฒนาความรู้แบบบูรณาการ เน้นการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ เพื่อให้นักเรียนเกิด ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สามารถนำองค์ความรู้มาเชื่อมโยงกันในแต่ละ สาระการเรียนรู้นำไปสู่การประยุกต์ใช้ได้จริง นำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และสามารถ สังเคราะห์องค์ความรู้ออกมาในรูปแบบต่างๆ ได้ ดังนั้นข้าพเจ้าจึงมีแนวคิดในการพัฒนาศักยภาพของ ผู้เรียน มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ผ่านการลงมือทำและการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยการ ออกแบบกระบวนการจัดการเรียนรโู้ ดยใชก้ ระบวนการเรยี นรู้บนั ได 5 ข้ัน (QSCCS) ของการพฒั นาผูเ้ รยี น (กิตติ และเบญจมาภรณ์, 2561) ซึ่งรูปแบบการสอนดังกล่าวมีแนวทางเพื่อให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะและ ศักยภาพความเป็นสากลซึ่งจะช่วยเพิ่มพูนทักษะการศึกษา ค้นคว้า เลือกใช้ข้อมูลได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม สามารถพฒั นาความริเรมิ่ สร้างสรรคแ์ ละนวัตกรรม (Creativity and Innovation) การคิดอยา่ ง มีวิจารณญาณและการแกป้ ัญหา (Critical Thinking and Problem Solving) การส่อื สารและการรว่ มมือ (Collaboration, Teamwork and Leadership) ทักษะด้านสารสนเทศ รู้เท่าทันสื่อ และเทคโนโลยี (Communications, Information, and Media Literacy) ซึ่งทักษะเหล่านี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งใน ศตวรรษที่ 21 ที่ใช้ในการดำเนินชีวติ ต่อไปในอนาคต และสามารถทำงานท่ามกลางความขาดแคลน เป็น การท้าทายความสามารถของตนเองได้ทำในสิ่งที่ไมเ่ คยทำมาก่อน นอกจากนี้นักเรียนได้นำองค์ความร้ทู ่ี เกดิ จากการศึกษา ค้นควา้ และลงพ้ืนทด่ี ้วยตนเองน้ัน นำไปเผยแพร่ท้ังภายในและภายนอกสถานศกึ ษา 2. วตั ถุประสงคแ์ ละเป้าหมายของผลงาน 2.1 จุดประสงค์ 2.1.1 เพ่ือพัฒนาผู้เรยี นสมู่ าตรฐานสากล โดยใช้กระบวนการบนั ได 5 ขน้ั (QSCCS) 2.1.2 เพื่อใหผ้ ู้เรียนได้พัฒนาทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และทักษะในศตวรรษท่ี 21 ในการค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สามารถแก้ปัญหาอย่างเป็น ระบบ สามารถตดั สินใจ โดยใช้ขอ้ มูลหลากหลายและประจกั ษ์พยานทต่ี รวจสอบได้ 2.1.3 เพอ่ื ให้ผเู้ รยี นสามารถ รวบรวม วิเคราะห์ข้อมลู อยา่ งครบถ้วน และเป็นระบบ นำ องคค์ วามรู้ทไ่ี ดม้ าสงั เคราะห์เปน็ นวตั กรรม 2.1.4 เพื่อให้ผู้เรียนมีความล้ำหน้าทางความคิด ผลิตงานอย่างสร้างสรรค์และร่วมกัน รับผิดชอบตอ่ สงั คมโลก 2.1.5 เพื่อนำองค์ความรู้ที่ได้จากการศึกษา ค้นคว้าเผยแพร่ในวงกว้าง ทั้งภายใน สถานศกึ ษาและชุมชนภายนอก
6 2.2 เปา้ หมาย เชิงปริมาณ 2.2.1 นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 50 คน ได้ผ่านกระบวนการจัดการเรียนรู้ ผ่านการลงมือทำและการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ) โดยใช้กระบวนการบันได 5 ขั้น (QSCCS) เพ่ือการพฒั นาการเรียนรู้ของผู้เรยี น 2.2.2 นกั เรียนได้นวัตกรรมทผ่ี ่านกระบวนการศกึ ษา คน้ คว้าของนักเรยี นจำนวน 1 เรอ่ื ง เชิงคุณภาพ 2.2.3 นักเรียนมีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะในศตวรรษท่ี 21 ในการ คน้ คว้าและสรา้ งองค์ความรู้ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สามารถแก้ปญั หาอยา่ งเปน็ ระบบ สามารถ ตดั สินใจ โดยใชข้ ้อมลู หลากหลายและประจกั ษ์พยานทีต่ รวจสอบได้ 3. ขนั้ ตอนการดำเนนิ งาน 3.1 การออกแบบนวัตกรรม จากเจตนารมณข์ องโครงการท่มี ีความมุ่งหวังและความคาดหมายหลัก คอื ผูเ้ รยี นได้รบั การพัฒนา ให้เป็นพลเมืองท่ีมีคุณภาพ อันหมายถงึ เป็นคนดี เป็นคนเก่ง เป็นคนที่สามารถดำรงชีวติ ได้อย่างมีคุณค่า และมีความสุข บนพื้นฐานของความเป็นไทย ภายใต้บริบท สังคมโลกใหม่ รวมทั้งเพิ่มศักยภาพและ ความสามารถในระดับสูงด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและ การสื่อสาร เพื่อการพึ่งตนเองและเพ่ือ สมรรถนะในการแข่งขัน และโรงเรยี นยกระดบั คณุ ภาพสูงขน้ึ เปน็ โรงเรยี นยุคใหม่ท่จี ดั การศึกษาแบบองค์ รวม และบูรณาการเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ศาสนา และการเมือง เพื่อพัฒนาประเทศ อย่างยั่งยืน โดยมีภาคีเครือข่ายการจัดการเรียนรู้และร่วมพัฒนากับสถานศึกษาระดับท้องถิ่น ระดับ ภูมิภาค ระดับ ชาติรวมทั้งเครือข่ายสนับสนุน จากสถาบันอุดมศึกษาและองค์กรอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนเปน็ ศนู ย์และร่วมเป็นเครือข่ายพฒั นา ความรใู้ หก้ บั ประชาชนในชมุ ชนและบุคคลท่วั ไป ดงั นั้น ขา้ พเจา้ จงึ ดำเนนิ การพัฒนาและแกไ้ ขปัญหาผ้เู รยี นโดยใช้นวัตกรรมทางการเรียนการสอน (Instructional innovation) โดยมีเป้าหมายตามหลักการจัดการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษา แห่งชาติ ท่ีเนน้ ผู้เรยี นเป็นสำคญั ซง่ึ ตอ้ งดำเนนิ การพฒั นาผเู้ รียนให้เปน็ ผูม้ คี วามรอบรู้ กา้ วทนั โลกและการ เปลี่ยนแปลง มีคุณธรรมและจริยธรรมสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้และพัฒนาตนเองได้อย่างมี ประสิทธิภาพ สอดคล้องกับปรัชญาการศึกษา ด้านประสบการณ์นิยม(Progressivism) และทฤษฎีการ เรียนรู้ ด้านการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (Constructivism) โดยสังเคราะห์เปน็ นวัตกรรม การจัดการ เรียนการสอน Active learning โดยใช้กระบวนการบันได 5 ขั้น (QSCCS) ของการพัฒนาผู้เรียนสู่ มาตรฐานสากล โดยกระบวนการพัฒนานวัตกรรม/วิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ ใช้วิธี System Approach ประกอบด้วย Input Process Output Feedback และทุกขั้นตอนจะควบคุม โดยวงจรคุณภาพ PDCA ดังแสดงในแผนภาพ ดังนี้
7 การควบคมุ การประเมนิ ประสิทธภิ าพ การประเมนิ ประสิทธผิ ล ปัจจยั นำเขา้ (Input) กระบวนการ(Process) ผลผลติ (Output) การวเิ คราะห์ความต้องการ • กลยุทธ์การเรียนการสอน ผลการเรียนรู้ ความจำเป็น (เน้นผเู้ รียนเป็นสำคัญ) • ความรู้ • ผู้เรยี น • ปรชั ญาการศกึ ษา • ความสามารถในการปฏบิ ัติ • สงิ่ แวดล้อม (Progressivism) • ทักษะ/กระบวนการ • ภาระงานเพื่อการเรยี นรู้ • คุณลกั ษณะของผ้เู รียน • จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ • ทฤษฎีการเรียนรู้ • ความพึงพอใจของผ้เู รียน • อุปกรณ์และสิ่งอำนวย (Constructivism) ความสะดวก • วิธกี าร/พฤติกรรมการเรียน กา รสอน(บันไ ด 5 ขั้น ขอ้ ม(Qลู ยSCอ้ CนSก))ลับ(Feedback) ภาพท่ี 1 กระบวนการพัฒนานวตั กรรม/วธิ ีปฏิบตั ทิ ่เี ปน็ เลิศ ดว้ ยวธิ ี System Approach จากกระบวนการพัฒนานวัตกรรม/วิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศใช้วิธี SystemApproachประกอบด้วยInputProcess Output Feedbackและทุกข้ันตอนจะควบคมุ โดยวงจรคณุ ภาพPDCAดงั แสดงในภาพน้ันมดี ำเนินการดังนี้ 1.1)ศึกษาหลักสูตรของโรงเรยี น ศกึ ษาเอกสารประกอบหลักสตู รและวิเคราะหห์ ลกั สตู ร 1.2)ออกแบบหน่วยการเรียนรแู้ ละจัดทำแผนการเรยี นรู้อย่างชดั เจน ซงึ่ ในแผนการ จัดการเรียนรูน้ อกจากจะกำหนดมาตรฐานการเรยี นรู้และตัวชี้วัดแล้วจะกำหนดจุดประสงค์การเรียนรู้ที่ครอบคลุมทั้ง3 ด้านคือ ด้านพทุ ธิพสิ ัย ด้านจิตพสิ ยั และด้านทักษะพิสัย 1.3)ระบเุ ทคนิควธิ กี ารในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ระบใุ ชส้ ื่อ/นวตั กรรมที่ใช้จัดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีเหมาะสม สอดคลอ้ งกบั เนื้อหาสาระและผ้เู รียน 1.4)กำหนดวธิ กี ารวัดและประเมนิ ผลพรอ้ มเคร่ืองมอื การวดั และประเมนิ ผลไวอ้ ย่างชดั เจน 1.5)จากนั้นนำแผนการจัดการเรยี นรู้ไปใชจ้ ัดกจิ กรรมการเรยี นรูท้ ี่เน้นผ้เู รียนเป็นสำคัญ ใช้ส่ือ/นวัตกรรมอยา่ งหลากหลายประกอบการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ รวมทั้งออกแบบและสรา้ งเครื่องมือวดั และประเมินผล การเรียนรู้ให้ครอบคลุมตามตวั ชว้ี ัดและมาตรฐานการเรียนรู้ ทั้งน้ี ข้าพเจ้ามีการวัดและประเมินผลในรายวิชาวิทยาศาสตร์ คือ การประเมินการปฏิบัติ (Authentic Assessment)และการประเมินสภาพจริง(PerformanceAssessment)โดยผ่านการปฏิบัติของผู้เรียน โดยการวัดและ ประเมินผลดว้ ยวิธกี ารดังกล่าวตอ้ งวดั และประเมนิ ได้ครอบคลมุ ครบถ้วนพฤติกรรมของผูเ้ รียนทัง้ 3ดา้ นดงั นี้
8 ด้านพุทธิพิสัย (Cognitive Domain) การประเมินความรู้ในรายวิชาวิทยาศาสตร์ เป็นการให้ ผู้เรียนได้รับความรู้ ความเข้าใจและสามารถประยุกต์ใช้ ทั้งเนื้อหาด้านทฤษฎีและปฏิบัติ ซึ่งความรู้ใน เนอื้ หาสาระนสี้ ามารถประเมินโดยการใชแ้ บบทดสอบ ด้านจิตพิสัย (Affective Domain) เป็นการประเมินการแสดงออกของผูเ้ รียนทั้งหมด ตลอดจน การทำงานรว่ มกนั และคณุ ลักษณะตา่ งๆ ซง่ึ สามารถประเมนิ ด้วยวธิ กี ารสงั เกตไดอ้ ย่างชัดเจน ด้านทักษะพิสัย (Psychomotor Domain) การประเมินทักษะในรายวิชาวิทยาศาสตร์ ตาม ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละทกั ษะทีส่ ำคัญของนักเรยี นในศตวรรษท่ี 21 3.2 การดำเนนิ งานตามกจิ กรรม ข้ันเตรยี มการ (Plan) 1) ผู้สอนศึกษาเป้าหมายของการจัดการศึกษาของสถานศึกษาศึกษาหลักสูตรของโรงเรียนศึกษา เอกสารประกอบหลกั สตู รและวิเคราะห์หลักสตู ร ศกึ ษาทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทกั ษะในศตวรรษที่ 21 ใน การคน้ คว้าและสร้างองคค์ วามรู้ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สามารถแก้ปัญหาอยา่ งเปน็ ระบบ สามารถตดั สนิ ใจ โดย ใช้ข้อมูลหลากหลายและประจักษ์พยานที่ตรวจสอบได้ เพื่อสร้างหน่วยการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับตัวชี้วัดและสาระการ เรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภายใต้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 2) ผ้สู อนจดั ทำหน่วยการเรียนรู้ และแผนการจดั การเรียนรู้ 3) ผู้เรียนและผู้สอนร่วมกันสำรวจแนวคิดหลักในการจดั ทำผลงงานและนวตั กรรม เพื่อ นำไปสกู่ ารกำหนดหัวข้อองค์ความรูใ้ หมท่ ผี่ เู้ รียนมคี วามสนใจรว่ มกนั ภาพที่ 2 การดำเนินงานตามกจิ กรรมขน้ั เตรียมการ ขั้นดำเนินการ (Do) การพฒั นาผลงานและนวตั กรรมของนกั เรยี นจากการจัดการเรยี นการสอน Active learning ดว้ ยการผลิตสอ่ื วิทยาศาสตรอ์ ยา่ งง่าย โดยใช้กระบวนการบันได 5 ข้นั (QSCCS) เพื่อการ พัฒนาการเรียนรูข้ องผู้เรยี น ดังน้ี
9 ภาพที่ 3 กระบวนการบันได 5 ขนั้ (QSCCS) เพ่ือการพัฒนาการเรียนรขู้ องผู้เรียน ครผู สู้ อนไดด้ ำเนนิ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้โดยใชก้ ระบวนบันได5ขน้ั ซึ่งเริม่ ต้นจากการตงั้ คำถาม 1.การตั้งคำถาม/สมมติฐาน (Learning to Question: Q)) ซึ่งในกระบวนการน้ีนักเรียนฝึกการ คิดวเิ คราะหใ์ นการตั้งคำถามโดยใช้เทคนิค 5W1H มาเป็นพืน้ ฐานในการกำหนดปญั หาหรือความสนใจขั้น พื้นฐาน หลังจากที่กำหนดปญั หาหรือตั้งคำถามที่สนใจในการค้นคว้าหาคำตอบของความรู้แล้วนั้น เข้าสู่ กระบวนการระดมแนวคดิ ร่วมกันผ่านกระบวนการทำงานเปน็ กลุม่ เพือ่ วางแผนเพื่อสืบคน้ ผ่านแหล่งเรียนรู้ หรือแหล่งสารสนเทศตา่ งๆ ภาพที่ 4 การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ขน้ั การตงั้ คำถาม/สมมติฐาน 2.การสืบค้นความรู้และสารสนเทศ (Learning to Search :S)) ตามความถนัดของแต่ละบุคคล และนำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายในกลุ่มและในชั้นเรียนโดยครูคอยติดตามและอำนวยความสะดวกและ แนะแนวทางให้นกั เรยี นเกดิ แนวคิดเพิ่มเตมิ ด้วยตวั ของนักเรียนเองในการค้นคว้าหาความรู้ และสรุปองค์ ความรทู้ ่ไี ด้ดว้ ยตนเอง ภาพท่ี 5 การจัดกจิ กรรมการเรยี นรูข้ น้ั การสืบคน้ ความรูแ้ ละสารสนเทศ
10 3.การสร้างองค์ความรู้ (Learning to Construct :C))ตามแนวทางที่ตนเองสนใจ จากนั้นนำมา นำเสนอด้วยรูปแบบและวธิ ีการต่างดว้ ยเทคโนโลยี ภาพที่ 6 การจัดกจิ กรรมการเรียนรขู้ ัน้ การส้รางองค์ความรู้ 4.การสื่อสารและนำเสนออย่างมีประสิทธิภาพ (Learning to Communicate: C)) เช่น PowerPoint แผ่นพับสรุปความรู้ mind mapping ตัดต่อVDO ซึ่งต้องเน้นให้ใช้เทคโนโลยีให้เหมาะสม และสามารถส่อื สารขยายความได้อยา่ งมัน่ ใจ ไมใ่ ชอ่ า่ นเอกสารหน้าชัน้ เรยี นและไมเ่ นน้ การทำรายงานทำ รูปเล่มซึ่งเน้นเชิงปริมาณแต่ขาดคุณภาพทางวิชาการ มีการอ้างอิงแหล่งที่มาได้ถูกต้อง โดยหลังจากท่ี นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ไดน้ ำเสนอเสรจ็ ส้ินในช้ันเรยี นแลว้ ครผู สู้ อนจะทำหน้าทค่ี อย Coaching & Mentoring ซึ่งในการ Coaching & Mentoring ครูผู้สอนจะทำในทกุ ขั้นตอนของกระบวนการบนั ได 5 ข้ัน เพอ่ื ฝึกการ คิดใหก้ ับนักเรยี น ซึ่งในขัน้ น้ีครจู ะสะท้อนผลการเรียนรูท้ ันทหี ลังจากทน่ี ำเสนอให้เหน็ จุดเด่นจุดด้อย และ เปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันเพื่อนำไปปรับปรุงและพัฒนางานของตนเองต่อไปให้ดีขึ้น ซึ่งจะเห็นลำดับ พัฒนาการการเรียนรู้ของนักเรียนในการคิดแก้ปัญหาและพัฒนางานของตนเองอย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้ ดำเนินการนำเสนองานใหม่ เมื่อครูผู้สอนเห็นว่านักเรียนมีความพร้อมและชิ้นงานที่ได้ศึกษามาความ สมบูรณ์เหมาะสมแลว้ จะเปดิ โอกาสใหน้ กั เรียนไดน้ ำความรู้ของตนเองไปเสนอตอ่ สาธารณะ ภาพท่ี 7 การจดั กิจกรรมการเรียนร้ขู ัน้ การสอื่ สารและนำเสนออยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ
11 5.การบริการสังคมและจิตสาธารณะ (Learning to Serve :S) หรือในเวทีต่างๆ ต่อไป เช่น กิจกรรมหน้าเสาธง ช่วงพักกลางวัน เสียงตามสาย การเผยแพร่ในเว็บไซต์ หรือลง social media งาน สัปดาหว์ ทิ ยาศาสตร์ การจดั คา่ ยยกระดบั ผลสัมฤทธ์ิทางด้านวิทยาศาสตร์ เปน็ ต้น ภาพท่ี 8 การจัดกิจกรรมการเรยี นรูข้ นั้ การบรกิ ารสังคมและจติ สาธารณะ ขัน้ ตรวจสอบและประเมินผลการพฒั นางาน (Check) 1) ผู้เรียนมีความตื่นตัวในการเข้าร่วมกิจกรรม มีการค้นคว้าข้อมูลจากหลายแหล่ง เรียนรู้ และมกี ารปรบั ปรงุ เป็นระยะ โดยมผี ู้สอนทำหน้าท่ใี ห้ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปรับปรุงและพัฒนา งาน 2) เม่อื ผู้เรยี นจัดทำนวัตกรรมแลว้ ผสู้ อนทำหน้าท่ตี รวจสอบ และเสนอแนะ แลกเปลี่ยน เรยี นรู้ร่วมกบั ผ้เู รียน ภาพท่ี 9 การดำเนินงานตามกจิ กรรมข้นั ตรวจสอบและประเมินผลการพฒั นางาน ข้นั สรุปและรายงาน (Action) 1) Reflection หรือถอดบทเรียน เป็นขั้นตอนการนำเสนอผลงานของนักเขียนในแต่ละ กลุ่มเพื่อให้เกดิ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันระหว่างกลุม่ นอกจากนี้มีกระบวนการการถอดบทเรียนจากการ ทำผลงานหรอื นวัตกรรมของตนเองวา่ นกั เรยี นเรยี นรอู้ ะไร ได้อะไรจากการทำผลงานหรือนวตั กรรมในครั้ง น้ี เพอ่ื เปน็ การทบทวนกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นมาตลอดท้งั หน่วยการเรียนรู้ที่ผ่านมา หรืออาจ กล่าวไดว้ ่าเปน็ กระบวนการตกผลึกทางความคิด เพ่อื เชื่อมโยงองค์ความรทู้ ีไ่ ด้รับกับการนำไปใช้ได้จริงใน ชวี ติ ประจำวัน โดยมีผ้สู อนทำหน้าที่ให้คำช้แี นะอยา่ งใกล้ชิด 2) ผู้สอนนำเสนอนวัตกรรมท่ีผู้เรยี นรว่ มกันสร้างองค์ความรคู้ ร้ังน้ีเผยแพร่ท้ังภายใสถาน ศึกษาและภายนอกสถานศึกษา
12 ภาพที่ 10 การดำเนนิ งานตามกจิ กรรมขน้ั สรปุ และรายงาน 3.3 ประสทิ ธิภาพของการดำเนนิ งาน ขั้นตอนในการพัฒนาผลงานหรือนวัตกรรมของนักเรียนโดยใช้กระบวนการบันได 5 ขั้น (QSCCS) เพ่อื การพฒั นาการเรยี นรขู้ องผู้เรียน พบว่านักเรยี นเกดิ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และ ทักษะในศตวรรษที่ 21 ในการค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สามารถ แก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ สามารถตัดสินใจ โดยใช้ข้อมูลหลากหลายและประจักษ์พยานที่ตรวจสอบได้ สามารถนำวิธีการเรียนรู้ ที่ใช้กระบวนการบันได 5 ขั้น (QSCCS) ของการพฒั นาผู้เรียนสูม่ าตรฐานสากล ในการดำเนินงานไปใช้เป็นแหล่งข้อมลู ในการศึกษา และใช้เป็นแนวทางการพัฒนา หรือ เป็นฐานข้อมูล สำหรับการศึกษาเพ่ิมเติมทีจ่ ะนำไปสู่การพัฒนา การต่อยอด การแสวงหาองค์ความรู้ใหม่เพ่ิมขึ้นไดอ้ ย่าง ตอ่ เนอื่ ง
13 3.4 การใช้ทรัพยากร การพฒั นาผลงานและนวัตกรรมของนักเรียนผ่านการดำเนินการตามกระบวนการบนั ได 5 ขนั้ (QSCCS) เพอ่ื การพฒั นาการเรยี นรขู้ องผู้เรยี น ไดเ้ น้นกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละทักษะในศตวรรษ ที่ 21 ในการค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สามารถแก้ปัญหาอยา่ งเป็น ระบบ สามารถตดั สินใจ โดยใชข้ ้อมูลหลากหลายและประจกั ษ์พยานท่ีตรวจสอบได้ ซ่ึงต้องอาศยั จากแหล่ง การเรียนรู้ทีห่ ลากหลายและเป็นแหล่งการเรยี นรู้ท่ีอยใู่ นท้องถน่ิ เพื่อใหก้ ารสบื ค้นขอ้ มลู และนำข้อมูลมาใช้ สร้างองคค์ วามรใู้ หม่ ๆ นัน้ มคี วามถกู ต้อง น่าเช่อื ถอื จงึ มกี ารใชท้ รพั ยากรในรูปแบบต่าง ๆ ดังนี้ 3.4.1 ผู้เรยี นและผสู้ อนระดมความคิด เพือ่ ระบุแหลง่ เรียนรู้ที่สามารถสืบค้นหาข้อมูลมา จัดทำผลงานและนวตั กรรมของตนเองได้อย่างถูกต้อง มีความน่าเชือ่ ถือ เช่น แหล่งเรียนรู้ห้องปฏบิ ัตกิ าร ทางวิทยาศาสตร์ของกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ห้องสมุดมีชีวิตโรงเรียนวัด ยกกระบัตร(ชุบราษฎร์นุสรณ์) ห้องสมุดประชาชน พิพิธภัณฑ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น และข้อมูลในระบบ อินเตอรเ์ น็ต 3.4.2 กระบวนการสืบคน้ ขอ้ มูลและเขยี นบทความ มกี ารใช้ทรพั ยากร เชน่ กระดาษ A4 กระดาษฟลิบชาร์จ ปากกาเคมี เพื่อใช้ในการจดบันทึกข้อมลู แล้วนำไปจดั พิมพโ์ ดยคอมพิวเตอร์เพื่อเก็บ ขอ้ มลู เป็นสารสนเทศ 3.4.3 การลงพนื้ ท่ีสบื คน้ ขอ้ มูล ได้รับการอำนวยความสะดวกจากผูป้ กครองของนักเรียน ซง่ึ เป็นคนในทอ้ งถ่นิ ทำให้นกั เรียนสามารถเข้าถงึ ขอ้ มูลเชงิ ลึกได้ 3.4.4 การจัดตีพิมพ์ผลงานและนวัตกรรมที่ได้ดำเนินการศึกษา โดยใช้ป้ายไวนิล หรือ กระดาษอารต์ มัน ในรูปแบบโปสเตอร์เพอ่ื เพิ่มความนา่ สนใจใหก้ บั งานนำเสนอ 3.4.5 การเผยแพร่ผลงานและนวัตกรรมที่ได้ดำเนินการศึกษา ผ่านระบบเทคโนโลยี สารสนเทศตามศกั ยภาพและความสนใจของนกั เรียนเอง 4. ผลการดำเนนิ งาน/ผลสมั ฤทธิ์/ประโยชน์ทไ่ี ดร้ บั 4.1 ผลทเี่ กิดตามจดุ ประสงค์ 4.1.1 นกั เรียนมีผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนสูงขน้ึ โดยใชก้ ระบวนการบนั ได 5 ขัน้ (QSCCS) 4.1.2 นักเรียนได้พัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะในศตวรรษที่ 21 ในการ ค้นควา้ และสร้างองค์ความรู้ดว้ ยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สามารถแกป้ ญั หาอยา่ งเป็นระบบ สามารถ ตดั สนิ ใจ โดยใชข้ อ้ มลู หลากหลายและประจกั ษ์พยานท่ตี รวจสอบได้ 4.1.3 นักเรียนสามารถ รวบรวม วิเคราะห์ข้อมูล อย่างครบถ้วน และเป็นระบบ นำองค์ความรู้ที่ ไดม้ าสงั เคราะหเ์ ปน็ นวัตกรรม 4.1.4 นักเรียนเรยี นมีความ ล้ำหนา้ ทางความคิด ผลติ งานอยา่ งสร้างสรรค์และร่วมกันรับผิดชอบ ต่อสงั คมโลก
14 4.1.5 นักเรียนสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้จากการศึกษา ค้นคว้าเผยแพร่ในวงกว้าง ทั้งภายใน สถานศึกษาและชมุ ชนภายนอก 4.2 ผลสมั ฤทธข์ิ องงาน ผลการดำเนินงานการจัดการเรียนการสอน Active learning ด้วยการผลิตสื่อวิทยาศาสตร์อย่าง ง่าย โดยใช้กระบวนการบันได 5 ขั้น (QSCCS) เพื่อการพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน พบว่าผู้เรียนเกิด ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การคิดสรา้ งสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดแก้ปญั หา ค้นคว้าและคัดเลือกข้อมูลหรือองค์ความรู้เป็นทักษะการเรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21 สามารถค้นคว้าและ สร้างองค์ความรู้ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สามารถแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ สามารถตัดสินใจ โดยใช้ข้อมูลหลากหลายและประจักษ์พยานที่ตรวจสอบได้ ซึ่งทักษะเหล่านี้จะตดิ ตวั ผูเ้ รียนไปตลอด และ ผู้เรยี นสามารถจัดทำผลงานซึ่งเปน็ นวัตกรรมสำคัญซง่ึ เป็นผลสรุปของการออกแบบการจัดการเรยี นรู้ และ สามารถนำนวตั กรรมมาศกึ ษาหาความรู้ และนำสกู่ ารเผยแพร่ใหก้ ว้างขวางมากขนึ้ 4.3 ประโยชน์ที่ได้รับ 4.3.1 นักเรียนเกดิ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทกั ษะในศตวรรษที่ 21 ในการค้นคว้า และสร้างองค์ความรู้ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ เกิดทักษะการคิดสร้างสรรค์ การคิดอย่างมี วิจารณญาณ และการคดิ แก้ปญั หา สามารถแก้ปัญหาอยา่ งเปน็ ระบบ สามารถตัดสินใจ 4.3.2 ผ้เู รียนมีความตระหนกั ในการนำความรูท้ างวิทยาศาสตรม์ าใช้การพัฒนาทอ้ งถิ่นของตนเอง เกิดความรักชุมชนบ้านเกิดและรู้สึกเป็นเจ้าของชุมชนของตนเอง (Sense of Belonging) ได้เรียนรู้ ร่วมกันในเรื่องที่เกี่ยวกับท้องถิ่น และรจู้ ักจังหวัดสมทุ รสาครซึ่งเปน็ ชมุ ชนของนักเรยี นในหลากหลายแง่มุม มากยิ่งข้นึ ในการคดิ แก้ปญั หาหรือสร้างสรรค์นวัตกรรมเพ่ือตอบแทนสังคมทต่ี นเองดำรงชวี ติ อยู่ 4.3.3 ผเู้ รียนสามารถเปลี่ยนจากผู้รับองค์ความร้มู าเป็นผู้สร้างองค์ความรู้ และเผยแพร่องคค์ วามรู้ ทเี่ กิดจากการศึกษา คน้ คว้าให้เกิดประโยชน์กบั ชมุ ชนทอ้ งถน่ิ ของตนเอง 5. ปัจจยั ความสำเรจ็ 5.1 กระบวนการจดั การเรยี นรู้ การจัดการเรยี นการสอน Active learning ดว้ ยการผลิตสือ่ วิทยาศาสตรอ์ ย่างง่าย โดยใช้กระบวนการบนั ได 5 ขนั้ (QSCCS) เพือ่ การพฒั นาการเรียนรู้ของผเู้ รยี น มี การวางแผนในการจัดกิจกรรมการเรยี นร้อู ย่างเปน็ ระบบ รดั กุม ทำให้เกดิ ประสทิ ธิภาพในการสรา้ ง นวัตกรรมของนกั เรียน 5.2 ครูและนักเรียนกล้าที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดของตนเอง กล้าคิด กล้าลงมือทำ หวังผลเพื่อพัฒนา ตนเองให้เต็มศักยภาพเรยี นรู้รว่ มกัน 5.3 นักเรียนได้นำความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์มาใช้ในการอธิบาย เชื่อมโยง และบูรณาการองค์ความรู้ทัง้ ทางด้านสงั คมศาสตร์ วฒั นธรรมและสิ่งแวดลอ้ มอยา่ งรอบด้าน
15 5.4 ผู้บริหารและคณะครใู หค้ วามเห็นชอบและให้การสนบั สนนุ การดำเนนิ กิจกรรม มวี ัสดอุ ปุ กรณ์ ที่ใช้ ในการจัดกจิ กรรมอย่างเพยี งพอ 5.5 บุคลากรท้องถิ่นถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ ให้ข้อมูลกับนักเรียนในเรื่องราวที่สอดคล้องกับ เนื้อหาในการเรียน รวมถึงให้ความรู้ที่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นซึ่งเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการจัดการ เรยี นรู้ ส่งผลใหผ้ ปู้ กครองและชมุ ชนมคี วามพงึ พอใจต่อการทำงานของโรงเรยี น 5.6 การประชาสัมพันธ์องค์ความรู้ที่ได้จากการทำกิจกรรมร่วมกันผ่านการเผยแพร่ทั้งภายในและ ภายนอกสถานศึกษาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้องค์ความรู้ที่ได้จากการศึกษา ค้นคว้าได้เผยแพร่ ไปในวงกว้าง และช่วยให้ผู้คนตระหนกั ถงึ การนำความรู้ทางวิทยาศาสตรม์ าร่วมพัฒนาท้องถิ่นของตนเอง มากขน้ึ สรา้ งความเข้มแข็งของชุมชน และพัฒนาต่อยอดต่อไปได้อย่างย่ังยืน 6. บทเรียนท่ีได้รับ (Lesson Learned) 6.1 การระบขุ อ้ มลู ท่ีไดร้ ับจากการผลติ และการนำผลงานไปใช้ 1) นกั เรยี นเกิดทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และทกั ษะในศตวรรษท่ี 21 ในการค้นคว้าและ สร้างองค์ความรู้ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ เกิดทักษะการคิดสร้างสรรค์ การคิดอย่างมี วิจารณญาณ และการคดิ แกป้ ญั หา สามารถแกป้ ัญหาอยา่ งเปน็ ระบบ สามารถตัดสินใจ 2) ผเู้ รียนทราบวธิ ีการคน้ คว้าและคดั เลอื กขอ้ มูลหรือองคค์ วามรู้ได้อย่างถูกตอ้ งและเปน็ ระบบ 3) ผเู้ รียนมีความภาคภมู ใิ จในผลงานหรอื นวัตกรรมของตนเอง 4) ผเู้ รยี นไดเ้ รยี นรู้รว่ มกันในเรื่องทเี่ กย่ี วกบั การนำความรู้ทางดา้ นวทิ ยาศาสตร์ไปพฒั นาท้องถิ่น ซึ่ง เป็นชุมชนของนักเรียนในหลากหลายแง่มุมมากยิ่งขึ้น สนองตอบหลักสูตรสถานศึกษา และหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 6.2 ขอ้ เสนอแนะ ข้อควรระวัง 1) ผู้เรียนขาดประสบการณ์และทักษะในการคน้ ควา้ เลือกใช้และรวบรวมขอ้ มลู การจดั ทำผลงาน หรือนวัตกรรมครั้งนี้ ผู้สอนจำเป็นต้องดูแล ให้คำแนะนำในลักษณะของผู้อำนวยความสะดวก (Facilitator) และผู้ให้คำแนะนำ (Coach) อย่างใกล้ชิด พร้อมช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหา ให้ ข้อเสนอแนะเพ่ิมเติมในการปรับปรุงแก้ไขและพฒั นางานให้ดยี ่งิ ขนึ้ 2) ผู้สอนตอ้ งวางแผนการจัดทำผลงานหรอื นวัตกรรมของนกั เรยี นใหม้ ีความชัดเจน รัดกุม เพื่อให้ การดำเนนิ งานเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ 6.3 แนวทางในการพฒั นานวัตกรรมเพม่ิ เติม 1) การพฒั นาผลงานหรือนวัตกรรมของนกั เรียนด้วยการจดั การเรียนการสอน Active learning ด้วยการผลติ ส่อื วทิ ยาศาสตร์อย่างง่าย โดยใช้กระบวนการบนั ได 5 ข้ัน (QSCCS) เพอ่ื การพัฒนาการเรยี นรู้ ของผเู้ รยี น ควรจัดทำในรปู แบบของสอื่ ออนไลน์ เช่น E-book เพือ่ ให้สามารถมีผเู้ ข้าถงึ องคค์ วามรู้ท่ี
16 นักเรียนได้ศกึ ษา คน้ ควา้ และเรียบเรียงอย่างเปน็ ระบบไดจ้ ำนวนมากและวงกว้างยงิ่ ข้ึน หรอื เข้าถงึ โดยการ สแกน QR code 2) การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาประยกุ ต์ใชก้ ับผลงานหรอื นวัตกรรมของนกั เรียนมากขึ้น เช่น การใช้ AR Augmented Reality เป็นเทคโนโลยีที่นำภาพเสมือน ที่เป็นรูปแบบ 3 มิติ จำลองเข้าสู่ โลกจริงผ่านกล้อง จะทำให้ผลงานหรือนวัตกรรมของนักเรียนมีความน่าสนใจและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อ่าน ไดม้ ากย่ิงข้ึน สอดคลอ้ งกบั การพัฒนาการศกึ ษาในยคุ ไทยแลนด์ 4.0 3) การกำหนดประเดน็ ที่จะศึกษา ค้นควา้ ใหม้ คี วามเฉพาะเจาะจงมากขึ้น เพ่อื ใหผ้ ้เู รียนได้ศึกษา องค์ความรูอ้ ยา่ งละเอยี ดและลกึ ซึง้ 7. การเผยแพร/่ การไดร้ บั การยอมรับ 7.1 การเผยแพร่ 1) เผยแพร่เป็นเอกสารประชาสัมพันธ์ ให้กับผู้ปกครอง คณะครูในโรงเรียนและโรงเรียนใน สงั กัดสำนกั งานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร 2) เผยแพร่ผ่านส่อื เว็บไซต์ https://sites.google.com/site/sciencebykrutle/ ภาพท่ี 11 การเผยแพร่นวตั กรรมการจัดการเรยี นการสอนผา่ นสื่อเวบ็ ไซต์ https://sites. google. com/ site/sciencebykrutle/ 3) เผยแพร่ผ่านสือ่ ออนไลน์ Facebook ภาพที่ 12 การเผยแพรผ่ ่านส่ือออนไลน์ Facebook
17 4) เผยแพร่ในการประชมุ สมั มนาครู และนักศกึ ษาวิชาชีพครูกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ณ มหาวทิ ยาลัยราชภัฎบ้านสมเดจ็ เจา้ พระยา เป็นตน้ ภาพท่ี 13 การเผยแพร่ในการประชุมและสัมมนา 5) ได้รับเชิญใหเ้ ป็นวทิ ยากรโครงการเตรียมความพร้อมเพ่อื กา้ วสู่โลกแห่งการทำงานและ ศึกษาต่อ โดยภาควิชาจุลชีววิทยา มหาวทิ ยาลัยศลิ ปากร 6) ไดร้ ับเชญิ เปน็ วทิ ยากรและรบั โล่หร์ างวลั โครงการ Chevron Enjoy Science (สนุกวิทย์ พลังคิด เพื่ออนาคต) กิจกรรมการประดิษฐ์ชุดทดลองการสอนวิทยาศาสตรอ์ ย่างง่าย ประสบการณ์ตรง จากครูผู้เชี่ยวชาญไปสนู่ ักศึกษาครูมอื ใหม่ โดยคณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฎบ้านสมเดจ็ เจา้ พระยา 7) ได้รับเชิญเป็นวิทยากร โครงการพัฒนามาตรฐานการเรียนการสอนและการเรียนรู้ด้วย ตนเอง : การพัฒนาทักษะการจัดการเรียนรู้ด้วยระบบ Coaching and Mentoring และ Professional Learning Community โดยคณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฎบ้านสมเด็จเจ้าพระยา 8) ได้รับเชิญเป็นวิทยากร โครงการพัฒนาศักยภาพครูเพื่อพัฒนาผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 : กิจกรรมอบรมการประดิษฐ์ชุดทดลองการสอนวิทยาศาสตร์อย่างง่าย โดยคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัย ราชภัฎบา้ นสมเด็จเจ้าพระยา 9) ได้รับเชิญเป็นวิทยากร กิจกรรมการผลิตสื่ออย่างง่ายเพื่อพัฒนาการคิดเชิงวิทยาศาสตร์ (ภายใตโ้ ครงการยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ ด้านการอ่าน การเขยี น และการคดิ คำนวณ ของนกั เรียนใน ระดับการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน) ภายใตค้ วามร่วมมือระหว่างคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัย ราชภัฎบ้านสมเด็จ เจ้าพระยา รว่ มกบั สำนกั งานเขตพนื้ ทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษาสมุทรสาคร ภาพที่ 14 การเผยแพร่ในการประชมุ สมั มนา และการไดร้ บั เชิญเปน็ วิทยากร
18 7.2 การยกยอ่ งชมเชย 1) เขียนบทความรายงานการวิจัยเกี่ยวกับการออกแบบการเรียนรู้เพื่อยกระดับผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียนเผยแพร่และนำเสนอในงานการประชุมวิชาการระดับชาติมหาวิทยาลัยทักษิณ คร้ังท่ี 29 ประจำปี 2562 ในหัวข้อวิจัยและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ภายใต้ความร่วมมือของโครงการ Chevron Enjoy Science และได้รับรางวัลการนำเสนอปากเปล่า (Oral presentation) ในระดับ คุณภาพดีมาก จัดโดยมหาวิทยาลัยทักษิณ ร่วมกับ โครงการ Chevron Enjoy Science และสำนักงาน คณะกรรมการการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน โดยมีอาจารย์ นกั วชิ าการ ผเู้ ชี่ยวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิ และคณะครูจาก ทัว่ ประเทศเข้าร่วมงานจำนวนมาก ภาพท่ี 15 การเผยแพรผ่ ลงานในงานประชมุ วิชาการระดับชาติมหาวิทยาลยั ทกั ษิณ ครั้งที่ 29 ประจำปี 2562 2) ได้รบั โล่รางวัลโครงการอบรมการผลิตสื่อมัลติมีเดยี พัฒนาการอ่าน การเขยี น และ การคิด วิเคราะห์ (ภายใต้โครงการยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ด้านการอ่าน การเขียนและการคิดวิเคราะห์ของ นักเรียนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน) ภายใต้ความร่วมมือระหวา่ งคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎ บ้านสมเด็จเจา้ พระยาและสำนักงานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษาสมุทรสาคร 3) รับโลร่ างวัลโครงการ Chevron Enjoy Science (สนุกวิทย์ พลังคดิ เพือ่ อนาคต) กิจกรรมการประดิษฐ์ชุดทดลองการสอนวิทยาศาสตร์อย่างง่าย ประสบการณ์ตรงจากครูผูเ้ ชี่ยวชาญไปสู่ นักศกึ ษาครมู อื ใหม่ โดยคณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฎั บา้ นสมเดจ็ เจา้ พระยา ภาพที่ 16 การได้รับโล่รางวลั เกี่ยวกบั การผลติ สื่อและนวัตกรรมท่เี กี่ยวขอ้ งกบั การจดั การเรียนรู้
19 4) ได้รบั รางวลั “ครดู ีไมม่ ีอบายมุข”จากสพฐ. ประจำปกี ารศึกษา 2562 ซ่งึ ได้รับรางวลั ตอ่ เนอ่ื งจากปีการศึกษา 2560 และ 2561 รวม 3 ปกี ารศึกษา ภาพที่ 17 การได้รับเกียรติบัตรรางวลั “ครูดีไม่มอี บายมุข” 5) ไดร้ ับรางวัล “ครดู ีของแผน่ ดนิ ” ประจำปี 2562 จากมลู นิธิครูดขี องแผน่ ดนิ 6) ได้รับรางวลั “ครดู ขี องแผ่นดิน” ประจำปี 2563 จากมลู นธิ คิ รูดีของแผน่ ดนิ ภาพที่ 18 การได้รับเกยี รติบตั รรางวัล “ครูดขี องแผ่นดิน” 7) นักเรยี นไดร้ ับรางวัล ดังนี้ - นักเรียนได้รับพระราชทานรางวัลนักเรียนพระราชทาน ประจำปีการศึกษา 2557 และ 2559 - นักเรียนได้รับคัดเลือกเป็นเยาวชนดีเด่นที่มีความสามารถด้านการพูด การอ่าน การเขยี น พทุ ธศกั ราช 2563 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ภาพท่ี 19 นักเรียนไดร้ ับโล่รางวลั เยาวชนดเี ด่น
20 - รางวัลเหรียญทอง สิ่งประดิษฐ์ทางวิทยาศาสตร์ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ในงาน ศลิ ปหัตถกรรมนกั เรียนระดบั ชาติ ครง้ั ที่ 68 - รางวัลเหรียญทอง โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภทสิ่งประดิษฐ์ ระดับประถมศึกษาและ ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ในงานศิลปหัตถกรรมนักเรยี นระดับเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษา ครั้งที่ 67 68 และ 69 - รางวัลเหรียญทอง โครงงานวทิ ยาศาสตร์ประเภททดลอง ระดับประถมศึกษาและระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ในงานศิลปหตั ถกรรมนกั เรยี นระดับเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษา ครง้ั ที่ 67 68 และ 69 ภาพที่ 20 รางวัลจากการแข่งขันสิ่งประดิษฐ์ทางวิทยาศาสตร์และโครงงานวิทยาศาสตร์ เนื่องในงาน ศลิ ปหัตถกรรมนักเรียน ระดับชาติ ลงช่อื ..........................................................ผู้ส่งผลงาน (นายดลภมู ิ สรุ ยิ นั ต์) ตำแหนง่ ครู อนั ดบั คศ.1 ลงช่อื ..........................................................ผรู้ บั รองผลงาน (นางสมถวลิ ศลิ ปคนธรรพ์) ตำแหนง่ ผูอ้ ำนวยการโรงเรียนวัดยกกระบัตร(ชบุ ราษฎรน์ สุ รณ์)
21 เอกสารอา้ งองิ กิตติ รัตนราษี และเบญจมาภรณ์ จันทร .(2561). การพัฒนาผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นโดยใชช้ ุดกจิ กรรม การเรยี นรู้5 ขนั้ ตอน (QSCCS) ในรายวชิ า การใชโ้ ปรแกรมสานักงานขน้ั สูง ของนักศึกษา ระดบั ประกาศนยี บัตร วิชาชีพชนั้ สูง ปที ่ี1 วิทยาลยั เทคโนโลยปี ัญญาภวิ ัฒน์ .วารสาร นวตั กรรมและเทคโนโลยีเพ่ือการ เรยี นรู้, ปีท1่ี ฉบับท1ี่ หนา้ 38-48, มกราคม–มิถุนายน 2561. คณะกรรมการการศึกษาแหง่ ชาติ, สาํ นกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน. (2553).พระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติ (ฉบบั ท่ี 3) พ.ศ.2553. กรุงเทพฯ : พริกหวานกราฟฟคิ สำนักวชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา,สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน. (2560). มาตรฐาน การเรยี นรู้และตัวชว้ี ัดกลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระภมู ศิ าสตร์ ใน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตาม หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 .กรุงเทพมหานคร. โรงพมิ พค์ ุรุสภา ลาดพรา้ ว
22 สว่ นที่ 2 ภาคผนวก
23 แบบบันทกึ การใชส้ ่อื /นวตั กรรม/แหลง่ เรียนรู้ รหัสวชิ า ว 23101 รายวิชาวิทยาศาสตร์ เรือ่ ง วทิ ยาศาสตรก์ ับการแก้ปญั หา ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 จำนวน 50 คน กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคเรียนที่ 1ปีการศึกษา 2563 ครูผู้สอน นายดลภูมิ สุรยิ นั ต์ ผลการใชส้ ื่อ/นวัตกรรม/แหลง่ เรยี นรู้ รายการสอ่ื / ผ่าน ไมผ่ ่าน คดิ เป็น ปญั หา/อปุ สรรค/ หมายเหตุ ท่ี นวตั กรรมคร/ู เกณฑ์ เกณฑ์ รอ้ ยละ แก้ไข/พฒั นา - ร้อยละ ร้อยละ 80 แหลง่ เรียนรู้ 80 1 เอกสาร 100 ปัญหาและอปุ สรรค ประกอบการ เรียน เรอ่ื ง การอธิบาย วิทยาศาสตร์กบั การแกป้ ญั หา กระบวนการทาง วทิ ยาศาสตร์และ กระบวนการ ออกแบบเชิง วิศวกรรมมขี ัน้ ตอน ท่ซี บั ซ้อนทำให้ นักเรยี นบางสว่ นมี ความเข้าใจท่ี บกพร่องทำให้ สบั สนความ แตกตา่ งระหว่าง กระบวนการทาง วทิ ยาศาสตรแ์ ละ กระบวนการ ออกแบบเชิง วศิ วกรรม
24 ผลการใช้สือ่ /นวตั กรรม/แหลง่ เรียนรู้ รายการสอื่ / ผ่าน ไมผ่ า่ น คดิ เปน็ ปญั หา/อปุ สรรค/ หมายเหตุ ท่ี นวตั กรรมคร/ู เกณฑ์ เกณฑ์ รอ้ ยละ แกไ้ ข/พัฒนา รอ้ ยละ ร้อยละ 80 แหลง่ เรียนรู้ 80 2. แบบทดสอบวัด แก้ไขและพฒั นา ผลสัมฤทธิ์ ทางการเรยี น ให้นกั เรียนเขยี นผัง เรื่อง วทิ ยาศาสตร์กบั มโนทศั น์ของทง้ั 2 การแกป้ ญั หา กระบวนการเพือ่ ให้ เห็นความแตกตา่ ง และสามารถ ออกแบบชนิ้ งาน ของตนเองได้ 100 - นกั เรยี นที่ ได้รบั การ ทดสอบ ทั้งหมด 50 คน ได้ค่าเฉลีย่ เท่ากบั 19.21 คะแนน จาก คะแนนเต็ม 20 คะแนน คิด เปน็ ร้อยละ 91.56 ลงช่ือ ครูผ้จู ดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ลงชอ่ื ผู้รับรอง (นายดลภมู ิ สรุ ิยันต์) (นางสมถวิล ศิลปคนธรรพ์) ครู คศ.1 ผอู้ ำนวยการโรงเรียน
25 สรปุ ผลการประเมนิ ความพงึ พอใจของนกั เรยี นทีม่ ตี ่อการจัดการเรยี นการสอน Active learning ด้วยการผลิตสอื่ วิทยาศาสตรอ์ ยา่ งง่ายโดยใชก้ ระบวนการบนั ได 5 ข้ัน (QSCCS) เพ่ือการพฒั นาการเรียนรขู้ องผู้เรยี น ระดบั ความพงึ พอใจ ประเดน็ การประเมนิ มาก มาก ปาน นอ้ ย น้อย ท่สี ดุ กลาง ทส่ี ุด 1.บทเรยี นมหี ัวเร่ืองท่ีเรยี นและแจง้ ตัวช้ีวดั การเรยี นรทู้ ชี่ ัดเจน 5.00 0.00 0.00 0.00 0.00 2.นกั เรียนสามารถศึกษาและทำความเข้าใจกบั เนอ้ื หาบทเรยี นได้ด้วยตนเอง 5.00 0.00 0.00 0.00 0.00 3.นกั เรยี นสามารถเขา้ ใจความแตกต่างระหวา่ งกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 5.00 0.00 0.00 0.00 0.00 และกระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม 4.นักเรยี นสามารถผลิตส่อื วิทยาศาสตรอ์ ยา่ งง่ายเป็นนวัตกรรมของตนเองได้ 4.60 0.32 0.00 0.00 0.00 5.แบบทดสอบวดั ผลลมั ฤทธ์ิการเรียนรู้มีความสอดคลอ้ งกับเนือ้ หาบทเรยี น 4.50 0.40 0.00 0.00 0.00 6.เนื้อหาทเ่ี รยี นสามารถเชื่อมโยงและเป็นประโยชนต์ ่อการนำไปใช้ต่อยอดได้ 5.00 0.00 0.00 0.00 0.00 7.เนอื้ หาและกจิ กรรมการเรยี นรู้ มคี วามสอดคล้องของกับตวั ชีว้ ัดการเรยี นรู้ 4.80 0.16 0.00 0.00 0.00 8.การใชง้ านของบทเรยี นง่ายและสะดวก 5.00 0.00 0.00 0.00 0.00 ค่าเฉลยี่ 4.86 0.11 0.00 0.00 0.00 จากผลการสำรวจประเมนิ ความพึงพอใจของนักเรยี นที่มีต่อการจัดการเรียนการสอนActivelearning ด้วยการผลิต สอ่ื วทิ ยาศาสตรอ์ ย่างงา่ ยโดยใชก้ ระบวนการบันได 5ขั้น (QSCCS) เพื่อการพัฒนาการเรียนร้ขู องผเู้ รียนช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 3โรงเรยี นวดั ยกกระบัตร(ชุบราษฎรน์ สุ รณ์) จำนวน 50คนพบว่า โดยภาพรวมแลว้ มีความพึงพอใจตอ่ การใช้บทเรียนในการ จัดการเรียนอยู่ในระดับมากที่สุดโดยมีค่าความพึงพอใจอยู่ที่ 4.86 คิดเป็นร้อยละ97.20 ทั้งนี้ การพัฒนาผลงานหรือ นวัตกรรมของนักเรียนด้วยการจัดการเรียนการสอน Active learningด้วยการผลิตสื่อวิทยาศาสตร์อย่างง่าย โดยใช้ กระบวนการบนั ได 5 ขน้ั (QSCCS) เพอ่ื การพฒั นาการเรียนรขู้ องผู้เรยี น ควรจัดทำในรูปแบบของสอื่ ออนไลน์ เช่น E-book เพื่อให้สามารถมีผู้เข้าถึงองค์ความรู้ที่นักเรียนได้ศึกษา ค้นคว้าและเรียบเรียงอย่างเป็นระบบได้จำนวนมากและวงกว้าง ยิ่งขึ้น หรือเข้าถึงโดยการสแกน QRcodeเนื่องจากนักเรียนมีความสนใจและสนุกกับการจัดการเรียนรู้ รวมทั้งทำให้ นกั เรียนเกิดความกระตุ้นให้เกดิ การเรยี นรูท้ ่ีตนเองสนใจ ลงชื่อ ครผู จู้ ัดกิจกรรมการเรียนรู้ ลงชื่อ ผู้รบั รอง (นายดลภูมิ สุริยนั ต์) (นางสมถวลิ ศิลปคนธรรพ์) ครู คศ.1 ผอู้ ำนวยการโรงเรียน
26 ตวั อย่างภาพการใช้นวตั กรรมการจัดการเรยี นการสอน Active learning ด้วยการผลิตส่อื วทิ ยาศาสตรอ์ ย่างง่ายโดยใชก้ ระบวนการบนั ได 5 ขนั้ (QSCCS) เพอ่ื การพฒั นาการเรยี นรู้ของผเู้ รยี น สื่อวิทยาศาสตร์ เร่อื ง รถพลังลมลูกโปง่ D.I.Y
27 ตวั อยา่ งภาพการใชน้ วัตกรรมการจัดการเรยี นการสอน Active learning ดว้ ยการผลิตสอ่ื วทิ ยาศาสตร์อยา่ งงา่ ยโดยใชก้ ระบวนการบันได 5 ขน้ั (QSCCS) เพอ่ื การพฒั นาการเรียนร้ขู องผเู้ รยี น สอ่ื วิทยาศาสตร์ เรอ่ื ง ทรัพยากรธรรมชาติ
28 ตวั อย่างภาพการใชน้ วตั กรรมการจัดการเรยี นการสอน Active learning ดว้ ยการผลติ สอื่ วทิ ยาศาสตร์อยา่ งง่ายโดยใช้กระบวนการบันได 5 ข้นั (QSCCS) เพอื่ การพัฒนาการเรยี นรูข้ องผเู้ รยี น สอื่ วทิ ยาศาสตร์ เรื่อง โรคทางพนั ธกุ รรม
29 ตวั อย่างภาพการใชน้ วัตกรรมการจัดการเรียนการสอน Active learning ดว้ ยการผลิตสื่อ วทิ ยาศาสตรอ์ ยา่ งง่ายโดยใชก้ ระบวนการบนั ได 5 ขนั้ (QSCCS) เพอ่ื การพฒั นาการเรียนรู้ของผเู้ รยี น สอ่ื วทิ ยาศาสตร์ เรอ่ื ง เกมระบบหายใจ
30 ตวั อย่างภาพการใชน้ วัตกรรมการจัดการเรยี นการสอน Active learning ดว้ ยการผลิตสื่อ วทิ ยาศาสตรอ์ ยา่ งง่ายโดยใชก้ ระบวนการบันได 5 ขน้ั (QSCCS) เพอื่ การพฒั นาการเรียนรู้ของผเู้ รยี น สอ่ื วิทยาศาสตร์ เรอ่ื ง แบบจำลองศรลม
31 ตวั อย่างภาพการใช้นวัตกรรมการจัดการเรียนการสอน Active learning ดว้ ยการผลิตสอ่ื วิทยาศาสตรอ์ ย่างง่ายโดยใชก้ ระบวนการบันได 5 ข้นั (QSCCS) เพอ่ื การพัฒนาการเรียนรขู้ องผเู้ รียน สอ่ื วิทยาศาสตร์ เรือ่ ง แบบจำลองการเกดิ พายุ
32 ตวั อย่างภาพการใชน้ วัตกรรมการจัดการเรยี นการสอน Active learning ด้วยการผลิตส่ือ วทิ ยาศาสตรอ์ ย่างง่ายโดยใช้กระบวนการบนั ได 5 ข้ัน (QSCCS) เพอ่ื การพฒั นาการเรยี นรูข้ องผเู้ รยี น สื่อวิทยาศาสตร์ เรื่อง แรงและการเคล่ือนท่ีดว้ ยแกนกระดาษทชิ ชู่
33 ตวั อย่างภาพการใชน้ วตั กรรมการจัดการเรียนการสอน Active learning ด้วยการผลิตส่อื วทิ ยาศาสตร์อยา่ งง่ายโดยใช้กระบวนการบนั ได 5 ขั้น (QSCCS) เพอื่ การพฒั นาการเรียนรูข้ องผเู้ รยี น สอื่ วิทยาศาสตร์ เรื่อง เกมระบบรา่ งกาย
34 ตัวอยา่ งภาพการใชน้ วัตกรรมการจัดการเรยี นการสอน Active learning ด้วยการผลิตส่อื วทิ ยาศาสตร์อย่างงา่ ยโดยใชก้ ระบวนการบันได 5 ข้ัน (QSCCS) เพอ่ื การพัฒนาการเรียนร้ขู องผเู้ รียน สอ่ื วทิ ยาศาสตร์ เรอ่ื ง แบบจำลองการเกดิ แสงสี
35 ตัวอย่างภาพการใชน้ วัตกรรมการจัดการเรยี นการสอน Active learning ด้วยการผลติ สื่อ วิทยาศาสตร์อย่างงา่ ยโดยใช้กระบวนการบันได 5 ขนั้ (QSCCS) เพอ่ื การพัฒนาการเรยี นร้ขู องผเู้ รยี น ส่ือวทิ ยาศาสตร์ เรื่อง เคร่ืองมือการหาความหนาแนน่ ของประชากรอยา่ งง่าย
36 ตัวอย่างภาพการใชน้ วัตกรรมการจัดการเรยี นการสอน Active learning ดว้ ยการผลิตสอ่ื วิทยาศาสตรอ์ ย่างง่ายโดยใช้กระบวนการบนั ได 5 ข้ัน (QSCCS) เพอื่ การพฒั นาการเรียนรู้ของผเู้ รยี น สอ่ื วิทยาศาสตร์ เรื่อง กล่องการเรยี นรู้ สว่ นประกอบของพืช
37 ตวั อยา่ งภาพการใชน้ วัตกรรมการจัดการเรยี นการสอน Active learning ด้วยการผลิตสือ่ วทิ ยาศาสตร์อยา่ งงา่ ยโดยใชก้ ระบวนการบันได 5 ขนั้ (QSCCS) เพอื่ การพฒั นาการเรยี นรขู้ องผเู้ รยี น สอ่ื วิทยาศาสตร์ เร่อื ง กลอ้ งสลับลาย D.I.Y
38 ตวั อย่างภาพการใช้นวตั กรรมการจัดการเรียนการสอน Active learning ดว้ ยการผลิตสอ่ื วิทยาศาสตรอ์ ย่างง่ายโดยใช้กระบวนการบันได 5 ขนั้ (QSCCS) เพอ่ื การพัฒนาการเรยี นรขู้ องผเู้ รียน สื่อวทิ ยาศาสตร์ เร่อื ง โครมาโทกราฟีอย่างงา่ ย
39 ตัวอยา่ งภาพการใช้นวตั กรรมการจัดการเรยี นการสอน Active learning ดว้ ยการผลติ สือ่ วิทยาศาสตรอ์ ย่างง่ายโดยใช้กระบวนการบนั ได 5 ข้ัน (QSCCS) เพอ่ื การพัฒนาการเรยี นรู้ของผเู้ รยี น ส่อื วิทยาศาสตร์ เรอื่ ง การประดิษฐช์ ุดทดลองการเกดิ ระบบสรุ ิยะอยา่ งงา่ ย
40 ตัวอย่างภาพการใช้นวัตกรรมการจัดการเรยี นการสอน Active learning ดว้ ยการผลิตส่อื วิทยาศาสตรอ์ ยา่ งง่ายโดยใช้กระบวนการบันได 5 ข้นั (QSCCS) เพอื่ การพฒั นาการเรียนร้ขู องผเู้ รยี น สอ่ื วทิ ยาศาสตร์ เรือ่ ง การประดิษฐเ์ ครือ่ งแยกไขแ่ ดงไข่ขาว
41 ตวั อยา่ งภาพการใช้นวตั กรรมการจัดการเรียนการสอน Active learning ดว้ ยการผลิตส่อื วิทยาศาสตร์อย่างงา่ ยโดยใช้กระบวนการบันได 5 ข้นั (QSCCS) เพอื่ การพฒั นาการเรียนร้ขู องผเู้ รยี น สื่อวิทยาศาสตร์ เรื่อง การพฒั นาต่อยอดแบบจำลองศรลม
42 ตวั อยา่ งภาพการใชน้ วัตกรรมการจัดการเรียนการสอน Active learning ดว้ ยการผลิตสอ่ื วิทยาศาสตร์อยา่ งงา่ ยโดยใชก้ ระบวนการบันได 5 ข้นั (QSCCS) เพอ่ื การพฒั นาการเรียนรู้ของผเู้ รียน วทิ ยากรอบรมให้ความรู้ด้านการผลิตสอ่ื วทิ ยาศาสตร์อย่างง่ายให้กับคณะครู สพป.สมุทรสาคร
43 ตัวอยา่ งภาพการใช้นวัตกรรมการจัดการเรียนการสอน Active learning ดว้ ยการผลิตสอ่ื วทิ ยาศาสตรอ์ ย่างงา่ ยโดยใชก้ ระบวนการบันได 5 ข้นั (QSCCS) เพอื่ การพัฒนาการเรยี นรู้ของผเู้ รียน วิทยากรอบรมให้ความรู้ด้านการผลติ ส่ือวทิ ยาศาสตร์อยา่ งง่ายใหก้ ับคณะครู สงั กดั กทม.
44 ตวั อย่างภาพการใชน้ วตั กรรมการจัดการเรยี นการสอน Active learning ด้วยการผลิตส่อื วทิ ยาศาสตรอ์ ยา่ งง่ายโดยใชก้ ระบวนการบนั ได 5 ข้ัน (QSCCS) เพอื่ การพัฒนาการเรยี นรูข้ องผเู้ รยี น วทิ ยากรอบรมใหค้ วามรู้ดา้ นการผลติ สื่อวทิ ยาศาสตรอ์ ยา่ งง่ายใหก้ บั นกั ศกึ ษาระดับปริญญาตรี คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั บ้านสมเดจ็ เจ้าพระยา
45 ตวั อย่างภาพการสรุปองค์ความรทู้ ี่นกั เรยี นไดจ้ ัดทำข้ึน และมีการเผยแพร่บนสือ่ ออนไลน์
Search