Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ติว O-NET สรุปสังคม

ติว O-NET สรุปสังคม

Published by golfdwzzz, 2020-06-25 02:38:23

Description: ติว O-NET สรุปสังคม

Search

Read the Text Version

สรปุ เนอ้ื หา เรอื่ ง พระพทุ ธศาสนา >> ประเภทศาสนา : แบบอเทวนยิ ม ไม่นับถือพระเจ้า เนน้ เชื่อในเร่อื งกรรมของตนเอง >> พระเจา้ : ไมม่ ี >> ศาสดา : พระสมณโคดมพุทธเจ้า / พระศากยมนุ ีพุทธเจ้า >> คมั ภีร์ : พระไตรปิฎก แปลวา่ ตะกรา้ 3 ใบ ซึ่งประกอบด้วย 1) พระวนิ ยั ปฎิ ก เกยี่ วกับ ระเบยี บวินยั ศลี สกิ ขาบท ของพระภกิ ษุ (ศลี 227) สามเณร (ศลี 10) 2) พระสตุ ตนั ตปฎิ ก (พระสูตร) เกี่ยวกบั เรือ่ งราวในสมัยพทุ ธกาล (พทุ ธประวตั ิ) ชาดกต่าง ๆ 3) พระอภธิ รรมปฎิ ก เกี่ยวกับ หลกั ธรรมล้วน ๆ >> นกิ าย : มี 2 นกิ ายสำคัญ ไดแ้ ก่ 1) นกิ ายเถรวาท = หนิ ยาน = ทกั ษณิ นกิ าย : ลกั ษณะเด่นคือ - เคร่งครัดในพระวนิ ัยและสกิ ขาบทต่าง ๆ ไมแ่ ก้ไขพระวินยั ข้อใดเลย - นับถอื พระพุทธเจ้าและพระโพธิสตั ว์แต่เพยี งแคอ่ งค์เดียว (คือ พระสมณโคดมพุทธเจา้ ) - เนน้ ปฏิบัติธรรมชว่ ยเหลอื ตนเองใหพ้ น้ ทุกข์ กอ่ นชว่ ยเหลือคนอน่ื - แพร่หลายในประเทศ ไทย ศรีลงั กา พมา่ ลาว กัมพูชา 2) นกิ ายอาจาริยวาท = มหายาน = อดุ รนกิ าย : ลักษณะเด่นคือ - แก้ไขพระวินัยและสกิ ขาบทบางขอ้ เชน่ ฉนั อาหารเยน็ ได้ ใสจ่ วี รหลากหลายรูปแบบ (บางนกิ ายยอ่ ย พระมเี มีย มลี ูกได้) - นบั ถอื พระพทุ ธเจา้ และพระโพธิสัตว์หลายองค์ เน้นสวดมนต์อ้อนวอนขอพรจากพระพุทธเจ้าและ พระโพธสิ ตั วเ์ หลา่ นั้น เช่น พระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสตั ว์ (กวนอิม) เป็นตน้ - เนน้ ปฏบิ ัติธรรมชว่ ยเหลอื คนอนื่ ใหพ้ ้นทกุ ข์ก่อนตนเอง (เนน้ บำเพ็ญตนเปน็ พระโพธสิ ัตว์) - แพรห่ ลายในประเทศ จีน ญ่ีปนุ่ เกาหลี เวยี ดนาม มองโกเลยี ภฏู าน ธิเบต >> หลกั ธรรมสำคญั ของพระพุทธศาสนา : อรยิ สจั 4 : ความจริงอนั ประเสริฐ 4 ประการ *หวั ใจแหง่ พระพทุ ธศาสนา* - ทุกข์ (ผล) : คอื ความไมส่ บายกายไมส่ บายใจ ทุกขท์ รมาน - สมทุ ัย (เหตุ) : คอื สาเหตขุ องการเกดิ ทกุ ข์ อนั ไดแ้ ก่ ตณั หา (ความอยาก) - นิโรธ (ผล) : คือ สภาวะดบั ทกุ ข์ หมดทุกข์ หรือ นิพพาน - มรรค (เหตุ) : คอื เหตุแหง่ การดับทุกข์ หรือ วิธดี ับทุกข์ **อริยสจั 4 เปน็ หลกั ธรรมที่ทำใหพ้ ระพทุ ธศาสนาได้รบั การยกยอ่ งว่าเปน็ ศาสนาท่ีมีเหตมุ ผี ลมากที่สุด** สรปุ เนอื้ หาวชิ าสงั คมศกึ ษา ระดับชน้ั ม.ปลาย 1

อรยิ สจั 4 เป็นธรรมะทเี่ ปน็ พื้นฐานหรือแม่บทของหลักธรรมทั้งหลายในพระพุทธศาสนา ดังน้ี ทุกข์ (ธรรมทคี่ วรร)ู้ หลกั ธรรม รายละเอยี ดหลกั ธรรม โลกธรรม 8 1. อิฏฐารมณ์ : ลาภ-ยศ-สรรเสริญ-สขุ (ธรรมท่ีมปี ระจำโลก) 2. อนฏิ ฐารมณ์ : เส่อื มลาภ-เส่อื มยศ-นนิ ทา-ทุกข์ จิต เจตสกิ 1. จติ : ธรรมชาตทิ ี่ร้อู ารมณ์ นน่ั คือ วิญญาณในขันธ์ 5 2. เจตสกิ : อาการทีป่ ระกอบกับจิต คือ ความรสู้ กึ ต่าง ๆ ขนั ธ์ 5 1. รปู คือ รูปร่างร่างกายของมนษุ ย์อนั ประกอบไปด้วยธาตุ 4 (ดนิ นำ้ ลม ไฟ) (องคป์ ระกอบแห่งชีวิต 2. เวทนา คือ ความรู้สึก 3 ประเภท (สุข ทกุ ข์ เฉย) มนษุ ย์) 3. สัญญา คอื ความจำไดห้ มายรู้ โดยไม่หลงลืม 4. สงั ขาร คอื ความคิดทีจ่ ะปรุงแต่งจิตใหก้ ระทำส่ิงต่าง ๆ 5. วิญญาณ คอื อารมณก์ ารรับรู้ของจติ ผา่ นอายตนะ 6 (ตา หู จมกู ล้ิน กาย ใจ) ระวงั !! โลกธรรม กบั โลกบาล โลกธรรม : ไดล้ าภ เส่ือมลาภ , ไดย้ ศ เสอ่ื มยศ , สรรเสรญิ นินทา , สขุ ทุกข์ โลกบาล : ธรรมคุ้มครองโลก ได้แก่ หิริ โอตปั ปะ หลกั ธรรม สมทุ ัย (ธรรมท่ีควรละ) นยิ าม 5 (กฎธรรมชาตแิ หง่ รายละเอยี ดหลกั ธรรม เหตผุ ล) 1. อุตุนิยาม : ว่าด้วยสิง่ แวดลอ้ ม ลมฟ้าอากาศ ฤดกู าล วติ ก 3 2. พชี นิยาม : วา่ ด้วยการสืบพันธ์ุ (ความคิดทเี่ กย่ี วกับ 3. จิตตนิยาม : ว่าด้วยการทำงานของจิต เชน่ จิตทเ่ี ป็นกศุ ลกน็ ำไปสู่ คิดดี ทำดี จติ ) 4. กรรมนิยาม : ว่าด้วยการกระทำของมนษุ ย์ กรรม 12 5. ธรรมนยิ าม : วา่ ด้วยความสมั พันธ์ที่เป็นเหตเุ ปน็ ผลกัน (การกระทำท่ี ประกอบด้วยเจตนา) 1. กศุ ลวติ ก 3 : คิดเรือ่ งดี ไดแ้ ก่ เนกขมั มวติ ก อพยาบาทวติ ก อวิหงิ สาวติ ก 2. อกุศลวติ ก 3 : คดิ เรอ่ื งไม่ดี ได้แก่ กามวติ ก พยาบาทวิตก วิหงิ สาวิตก (แบง่ ตามกาลเวลาทใ่ี หผ้ ล) 1. ทฏิ ฐธมั มเวทนยี กรรม : กรรมท่ีใหผ้ ลทันตาเห็น / ในชาตนิ ี้ 2. อุปชั ชเวทนียกรรม : กรรมทใ่ี ห้ผลในชาตหิ น้า 3. อปราปรเวทนยี กรรม : กรรมทใี่ หผ้ ลในชาติตอ่ ๆ ไป 4. อโหสิกรรม : กรรมที่ไมม่ โี อกาสให้ผล / กรรมทใ่ี หผ้ ลเสรจ็ แล้ว (แบง่ ตามหนา้ ทที่ ใ่ี หผ้ ล) 1. ชนกกรรม : กรรมอนั นำไปเกิด 2. อปุ ตั ถมั ภกรรม : กรรมท่ีสนับสนุน 3. อปุ ปฬิ กกรรม : กรรมทีบ่ ีบบงั คับ 4. อปุ มาตกรรม : กรรมทต่ี ัดรอน สรปุ เนอ้ื หาวชิ าสังคมศึกษา ระดับช้นั ม.ปลาย 2

สมทุ ยั (ธรรมทีค่ วรละ) หลกั ธรรม รายละเอยี ดหลกั ธรรม อปุ าทาน 4 (แบง่ ตามหนกั เบา) (ความยดึ ม่ันในกิเลส) 1. ครุกรรม : กรรมหนัก นวิ รณ์ 5 (สิ่งกีดขวางจิตไม่ให้ 2. พหุลกรรม : กรรมท่เี คยชนิ บรรลุธรรม) 3. อาสนั นกรรม : กรรมใกล้ตาย ปฏจิ จสมปุ บาท (การเกดิ ขนึ้ ของสิ่งทั้ง 4. กตัตตากรรม : กรรมทสี่ ักแต่วา่ ทำ ปวง ความเป็นเหตุ เปน็ ผลกัน) 1. กามุปาทาน : ยึดมั่นในกาม อทิ ปั ปจั ยตา ปจั จยาการ 2. ทฏิ ฐปุ าทาน : ยดึ ม่ันในทิฏฐิ ธรรมนยิ าม 3. สลี ัพพตุปาทาน : ยดึ มั่นในส่งิ งมงาย 4. อตั ตวาทปุ าทาน : ยึดม่ันวา่ เป็นของตน 1. กามฉันทะ : ความอยากในกาม 2. พยาบาท : การคดิ รา้ ย เคืองแค้น 3. ถนี มทิ ธะ : ความหดหู่ ง่วงเหงาหาวนอน 4. อุทธัจจกุกกจุ จะ : ความฟงุ้ ซ่าน รำคาญใจ 5. วิจิกิจฉา : ความลังเลสงสัย หลักการว่า “เมอื่ มสี ง่ิ นี้ สงิ่ นจี้ งึ มี / เพราะสงิ่ นเี้ กดิ ขนึ้ สง่ิ นจ้ี งึ เกดิ ขนึ้ / เมอื่ ไมม่ สี ง่ิ นี้ สงิ่ นก้ี ไ็ มม่ ี / เพราะสงิ่ นด้ี บั ไป สงิ่ นก้ี ด็ บั ไปดว้ ย” อวชิ ชาสังขารวญิ ญาณนามรูปสฬายตนะผัสสะเวทนา ตัณหาอปุ าทานภพชาติ ชรามรณะอวิชชา องค์ประกอบทั้ง 12 ประการนแ้ี ยกออกเป็น 3 กลุม่ ตามหน้าทใ่ี นวงจรการเวียนว่าย ตายเกิด เรยี กวา่ วฏั ฏะ 3 คือ กิเลสวัฏ กรรมวัฏ และวบิ ากวฏั นโิ รธ (ธรรมทค่ี วรบรรล)ุ หลกั ธรรม รายละเอยี ดหลกั ธรรม วิมตุ ติ 5 (การหลดุ พ้น ภาวะที่ 1. วิกขัมภนวิมุตติ : หลดุ พน้ ด้วยการใชฌ้ านขม่ กเิ ลส หลุดพน้ ช่วั คราว ไม่มีกเิ ลสและทุกข์) 2. ตทังควิมุตติ : หลุดพน้ ดว้ ยธรรมท่ตี รงกันข้าม ภาวนา 4 (การพัฒนาฝกึ ฝนตน 3. สมจุ เฉทวิมตุ ติ : หลดุ พ้นอย่างเด็ดขาด ใหเ้ จริญงอกงาม) 4. ปฏิปัสสัทธิวิมุตติ : หลุดพ้นอยา่ งสงบ 5. นสิ สรณวมิ ุตติ : หลดุ พน้ จนเกิดภาวะปลอดโปร่ง (นิพพาน) 1. กายภาวนา : พัฒนากาย 2. สลี ภาวนา : พัฒนาความประพฤติ 3. จิตตภาวนา : พัฒนาจิต 4. ปัญญาภาวนา : พัฒนาปัญญา สรุปเนื้อหาวชิ าสังคมศกึ ษา ระดบั ชั้น ม.ปลาย 3

หลกั ธรรม นโิ รธ (ธรรมทคี่ วรบรรล)ุ นพิ พาน รายละเอยี ดหลกั ธรรม การดับกเิ ลสและทกุ ข์ เพ่อื ใหห้ ลดุ พน้ จากกิเลสและตัณหาท้ังปวง มรรค (ธรรมที่ควรเจรญิ ,ปฏบิ ตั )ิ หลกั ธรรม รายละเอยี ดหลกั ธรรม พระสทั ธรรม 3 1. ปฏิยัติ : คำสอน (ของพระพุทธเจ้า) ที่ต้องเล่าเรียน ได้แก่ พระไตรปิฎก (แก่นของพทุ ธศาสนา 2. ปฏิบตั ิ : คำสอนทตี่ อ้ งลงมือปฏบิ ตั ิ ไดแ้ ก่ ไตรสิกขา ธรรมอันดี ธรรมท่แี ท้ 3. ปฏิเวธ : ผลทไี่ ด้จากการปฏบิ ัติ ได้แก่ มรรค ผล นพิ พาน ธรรมของสตั บุรุษ) พละ 5 1. ศรทั ธา : ความเชอื่ ทมี่ เี หตุผล (ธรรมท่เี ปน็ กำลังและ 2. วริ ยิ ะ : ความเพยี รในส่งิ ทีถ่ กู ตอ้ ง พัฒนาตนให้กา้ วสู่ 3. สติ : ความระลกึ ได้ ไม่ประมาท ความสำเร็จ) 4. สมาธิ : ความตั้งม่ันแหง่ จติ 5. ปัญญา : ความรอบรู้ อธปิ ไตย 3 1. อัตตาธปิ ไตย : ถือตนเป็นใหญ่ (ความเปน็ ใหญ่ ภาวะ 2. โลกาธิปไตย : ถอื ความเห็นของท่ัวไปเป็นใหญ่ ท่ถี ือวา่ ใหญ่) 3. ธรรมาธิปไตย : ถือธรรม (ความถกู ต้อง) เปน็ ใหญ่ โภคอาทยิ ะ 1. ใช้จา่ ยเพ่ือเล้ียงดูตนเองและครอบครวั (ธรรมทสี่ อนเกยี่ วกับ 2. ใช้จ่ายเพอ่ื บำรุงมิตรสหายเปน็ คร้ังคราว การใชจ้ ่ายทรัพย์ท่ีหา 3. เกบ็ ออมไว้ยามเจ็บไข้ได้ปว่ ย มาได)้ 4. ใชจ้ า่ ยเพ่อื ทำพลี 5 อยา่ ง คือ สงเคราะหญ์ าติ ตอ้ นรบั แขก บำรงุ ราชการ บำรุง เทวดา และทำนบุ ำรุงใหบ้ ุพการผี ู้ลว่ งลับไปแลว้ อปรหิ านยิ ธรรม 7 1. หมน่ั ประชมุ ประจำ (ธรรมท่นี ำความเจรญิ 2. พร้อมเพรียงกันประชุมและเลกิ พร้อมกัน มาสู่หมู่คณะ) 3. ไม่บัญญัตสิ งิ่ ทไ่ี ม่ไดบ้ ญั ญตั ิไว้ ไม่ยกเลิกหลกั การเดิม 4. เคารพนบั ถือผ้มู ีประสบการณ์ 5. ใหเ้ กยี รติ และไม่ขม่ เหงสตรี 6. เคารพสักการะปูชนียสถาน ปชู นียบคุ คล 7. จดั บำรุงแกผ่ ู้ทรงศลี ทฏิ ฐธมั มกิ ตั ถะ 4 1. อฏุ ฐานสมั ปทา : มคี วามขัยนหม่ันเพียร (ธรรมอันกอ่ ให้เกิด 2. อารักขสมั ปทา : มีการรักษาทรัพย์ท่หี ามาได้ ประโยชนใ์ นปจั จุบัน) 3. กลั ป์ยาณมิตตา : มกี ารคบเพอ่ื นดี 4. สมชีวติ า : มคี วามเป็นอยทู่ เ่ี หมาะสม สาราณยี ธรรม 6 1. เมตตากายกรรม : มีเมตตาทางกาย 2. เมตตาวจีกรรม : มีเมตตาทางวาจา สรุปเนื้อหาวชิ าสังคมศกึ ษา ระดบั ชัน้ ม.ปลาย 4

มรรค (ธรรมท่ีควรเจรญิ ,ปฏบิ ตั )ิ หลกั ธรรม รายละเอยี ดหลกั ธรรม (ธรรมสำหรับอยู่ รว่ มกนั สรา้ งความ 3. เมตตามโนกรรม : มีเมตตาทางใจ สามคั คี) 4. สาธารณโภคี : มีการแบง่ ปันสง่ิ ของใหส้ าธารณชน ทศพธิ ราชธรรม (ธรรมของราชา 5. ศีลสามัญญตา : มีความประพฤตดิ ี ผูป้ กครอง) 6. ทิฐสิ ามญั ญตา : มีการรบั ฟังความเหน็ ของผ้อู ่ืน พรหมวหิ าร 4 (ธรรมของผเู้ ปน็ ใหญ่) 1. ทาน : รู้จกั ให้ มนี ำ้ ใจเอื้อเฟ้ือเผอ่ื แผ่ สงั คหวตั ถุ 4 2. ศีล : ประพฤตดิ ีงาม (ธรรมยึดเหน่ียวใจคน ช่วยเหลือผู้อนื่ ) 3. ปรจจาคะ : เสยี สละ อทิ ธบิ าท 4 4. อาชชวะ : ซอื่ ตรง (ธรรมนำสู่ ความสำเร็จ) 5. มัททวะ : สุภาพอ่อนโยน ทศิ 6 6. ตบะ : ไมห่ มกมนุ่ ในความสขุ สำราญ (การปฏบิ ัติตอ่ บคุ คล ตา่ ง ๆ) 7. อกั โกธะ : ไมโ่ กรธ สปั ปรุ สิ ธรรม 7 8. อวหิ ิงสา : ไมข่ ่มเหงเบียดเบยี นผอู้ ื่น 9. ขนั ติ : อดทนอดกลัน้ 10. อวิโรธนะ : วางตนเปน็ กลาง 1. เมตตา : ปรารถนาให้ผู้อนื่ มีสุข (คิด) 2. กรุณา : ช่วยให้ผู้อน่ื พน้ ทกุ ข์ (ทำ) 3. มทุ ติ า : ยินดีเมอ่ื ผอู้ ืน่ มสี ุข 4. อเุ บกขา : วางเฉย ไมย่ ินดยี ินร้าย 1. ทาน : การให้ 2. ปิยวาจา : การพูดจาไพเราะอ่อนหวาน 3. อตั ถจรยิ า : การประพฤติตัวเปน็ ประโยชน์ตอ่ ผอู้ ืน่ 4. สมานัตตา : การประพฤติตัวเสมอต้นเสมอปลาย 1. ฉันทะ : ความพอใจ 2. วิริยะ : ความเพยี รขยนั 3. จิตตะ : ความตั้งใจ เอาใจใส่ 4. วิมงั สา : ความคิดไตรต่ รอง รอบคอบ 1. ทศิ เบ้อื งหนา้ : พ่อแม่ 2. ทศิ เบอ้ื งขวา : ครอู าจารย์ 3. ทิศเบอ้ื งหลงั : บุตร คคู่ รอง 4. ทิศเบอื้ งซา้ ย : มติ รสหาย 5. ทิศเบอื้ งบน : พระสงฆ์ 6. ทิศเบ้ืองล่าง : บรวิ าร 1. ธมั มัญญุตา : รจู้ กั เหตุ 2. อัตถญั ญุตา : รู้จกั ผล สรปุ เน้ือหาวิชาสงั คมศกึ ษา ระดบั ชั้น ม.ปลาย 5

หลกั ธรรม มรรค (ธรรมท่ีควรเจรญิ ,ปฏบิ ตั )ิ (ธรรมท่ีทำใหเ้ ป็นคน ดี) รายละเอยี ดหลกั ธรรม 3. อัตตญั ญตุ า : ร้จู กั ตน 4. มัตตัญญตุ า : ร้จู กั ประมาณ 5. กาลญั ญตุ า : รูจ้ กั เวลาทเ่ี หมาะสม 6. ปรสิ ญั ญตุ า : ร้จู ักชมุ ชน สถานท่ี 7. ปุคคลัญญตุ า : รู้จักความแตกต่างของบุคคล หลกั ธรรมสำคญั (เพม่ิ เตมิ ) ทน่ี กั เรยี นควรรู้ หลกั ธรรม รายละเอยี ดหลกั ธรรม ไตรลกั ษณ์ 1. อนิจจัง : สรรพสงิ่ ลว้ นไม่เทย่ี งเท้ไม่แน่นอน ลว้ นตอ้ งมีการเปลี่ยนแปลง (ลักษณะสามัญของ 2. ทุกขงั : สรรพสิ่งล้วนทนไดย้ าก เป็นทุกข์ทรมาน สรรพสิง่ ทงั้ หลายบน 3. อนัตตา : สรรพส่ิงลว้ นไมม่ ีตัวตน เราควบคมุ มนั ไม่ได้ โลกท้งั มชี ีวิตและไม่มี *อนัตตาเปน็ เอกลกั ษณ์เฉพาะของพระพุทธศาสนา ชีวติ ) และตรงข้ามกบั “อาตมนั (อัตตา)” ของศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดู ไตรสกิ ขา 1. ศีล : การอบรมกาย วาจา ให้สงบเรียบรอ้ ย (การฝึกฝนอบรม 2. สมาธิ : การอบรมจิตใจใหส้ งบเรียบรอ้ ย ตนเอง) 3. ปญั ญา : การอบรมปญั ญาใหเ้ กิดความรแู้ จ้ง อรยิ มรรค 8 1. สมั มากมั มนั ตะ : กระทำชอบ ทำแต่ความดี ทำแตส่ ่งิ ทีส่ ุจรติ (ทางสู่ความประเสรฐิ ) 2. สัมมาวาจา : วาจาชอบ พดู แตส่ ิง่ ทด่ี ี 3. สัมมาอาชีวะ : เล้ยี งชพี ชอบ ประกอบอาชพี สจุ รติ 4. สมั มาสมาธิ : จิตตงั้ มน่ั ชอบ จิตสงบไมฟ่ ุ้งซ่าน 5. สัมมาสติ : ระลึกรูต้ วั ชอบ ไมห่ ลงใหลมวั เมาในสิ่งตา่ ง ๆ 6. สมั มาวายามะ : เพียรระวังตนชอบ ไมใ่ ห้ทำความชวั่ และหมนั่ รกั ษาความดี 7. สมั มาสงั กัปปะ : คิดชอบ คิดแต่สิง่ ทด่ี ี 8. สัมมาทฏิ ฐิ : มคี วามเห็นชอบ มคี วามคิดเหน็ ถูกตอ้ งตามทำนองคลองธรรม โอวาทปาฏโิ มกข์ 1. ทำแตค่ วามดี (หวั ใจของศาสนา 2. ละเว้นความชวั่ พทุ ธ) 3. ทำจติ ใจใหบ้ รสิ ุทธ์ิ หลกั ธรรม หลกั ธรรมกบั การบรหิ ารจติ และปญั ญา สตปิ ฏั ฐาน 4 รายละเอยี ดหลกั ธรรม (การตง้ั สติเพ่อื พิจารณาให้ร้แู ละเข้าใจ 1. กายานุปสั สนาสตปิ ฏั ฐาน : มสี ติกำหนดรู้เท่าทนั กาย ตามหลกั ความจริง) 2. เวทนานุปสั สนาสตปิ ัฏฐาน : มสี ติกำหนดร้เู ท่าทันความรสู้ ึก 3. จติ ตานปุ สั สนาสติปฏั ฐาน : มีสตกิ ำหนดรเู้ ทา่ ทนั จติ 4. ธัมมานปุ สั สนาสตปิ ัฏฐาน : มสี ตกิ ำหนดรูเ้ ท่าทนั สภาวธรรม สรปุ เน้อื หาวิชาสังคมศกึ ษา ระดบั ชั้น ม.ปลาย 6

หลกั ธรรม หลกั ธรรมกบั การบรหิ ารจติ และปญั ญา โยนโิ สมนสกิ าร รายละเอยี ดหลกั ธรรม (วธิ คี ิดอยา่ งละเอียด แยบคาย) 1. คดิ แบบสบื สาวเหตปุ ัจจัย 2. คดิ แบบแยกแยะส่วนประกอบ / กระจายเนื้อหา 3. คิดแบบสามัญลักษณะ / รู้เทา่ ทนั ธรรมดาของมัน 4. คดิ แบบอรยิ สัจ / คิดแบบแก้ปัญหา 5. คิดแบบอรรถธรรม / คิดตามหลกั การและความมุ่งหมาย 6. คิดแบบเห็นคณุ โทษและทางออก 7. คดิ แบบคุณค่าแท้คุณคา่ เทียม 8. คิดแบบปลกุ เร้าคณุ ธรรม 9. คิดแบบเป็นอยู่ในปัจจุบนั 10. คิดแบบวิภชั ชวาท / คดิ แบบแยกแยะประเด็น ทศชาติ / พระพทุ ธเจ้า 10 ชาตสิ ดุ ทา้ ย ไดท้ รงบำเพ็ญบารมี ดังน้ี 1) เต พระเตมีย์ : เนกขมั มะบารมี 2) ชะ พระมหาชนก : วริ ิยะบารมี 3) สุ พระสุวรรณสาม : เมตตาบารมี 4) เน พระเนมริ าช : อธิษฐานบารมี 5) มะ พระมโหสถบัณฑติ : ปัญญาบารมี 6) ภู พระภรู ทิ ตั : ศีละบารมี 7) จะ พระจนั ทกุมาร : ขนั ติบารมี 8) นา พระพรหมนารท : อุเบกขาบารมี 9) วิ พระวิฑูรบณั ฑิต : สัจจะบารมี 10)เว พระเวสสันดร : ทานบารมี >> สงั คายนา : การประชมุ เพอื่ ตรวจสอบ รวบรวมเรียบเรยี ง และจดั หมวดหมู่คำสอนของพระพุทธเจ้า โดยมีการ สงั คายนาพระไตรปิฎกมาแล้ว 11 ครั้ง ครัง้ ที่สำคัญ มดี ังนี้ สงั คายนาครงั้ ท่ี 1 : ปฐมสงั คายนา - สถานท่ี : ถ้ำสตั ตบรรณคหู า กรุงราชคฤห์ - มูลเหตุ : ภิกษชุ อ่ื สุภัททะวฒุ ฑะบรรพชติ กล่าวจาบจ้วงพระพุทธเจ้า - ประธานการสังคายนา : พระมหากสั สปะเถระ และพระอบุ าลี (ตอบดา้ นพระวนิ ัย) และพระอานนท์ (ตอบดา้ นพระธรรม) - ผ้อู ุปถัมภ์ : พระเจา้ อชาตศตั รู สรปุ เนอื้ หาวิชาสังคมศึกษา ระดบั ช้ัน ม.ปลาย 7

สงั คายนาครงั้ ท่ี 3 : เผยแผ่ศาสนา 9 สาย - สถานท่ี : วัดอโศการาม กรุงปาฏลบี ุตร - มลู เหตุ : พวกเดยี รถยี /์ นกั บวชในศาสนาอนื่ ปลอมบวชเขา้ มาเป็นภกิ ษุ เพอ่ื หวังลาภสักการะและบ่อนทำลายพระพทุ ธศาสนา - ประธานการสังคายนา : พระโมคคัลลีบุตร พร้อมดว้ ยพระสงฆ์ 1,000 รูป - ผู้อปุ ถัมภ์ : พระเจ้าอโศกมหาราช สงั คายนาครง้ั ที่ 5 : จารกึ พระไตรปฎิ กลงบนใบลาน - สถานที่ : อาโลกเลณสถาน มลัยชนบท ประเทศศรีลังกา - มูลเหตุ : พระสงฆใ์ นลังกาประสงค์จะจารึกพระไตรปฎิ กไวเ้ ป็นลายลักษณ์อักษรลงในใบลาน (ก่อนหน้านถ้ี ่ายทอดพระไตรปฎิ กด้วยปากเปลา่ เรยี กวา่ “มุขปาฐะ”) - ประธานการสงั คายนา : พระรักขิตเถระ พรอ้ มด้วยพระสงฆ์และฆราวาส 1,000 รปู - ผู้อปุ ถัมภ์ : พระเจา้ วฏั ฏคามณอี ภยั สงั คายนาครงั้ ที่ 8 : คร้ังแรกในประเทศไทย - สถานท่ี : วัดโพธาราม นครเชียงใหม่ อาณาจกั รลา้ นนา - มลู เหตุ : คมั ภรี พ์ ระไตรปฎิ กและคมั ภรี อ์ ่ืน ๆ มีความผิดเพย้ี นเนอ่ื งจากคดั ลอกตอ่ ๆ กนั มานาน - ประธานการสงั คายนา : พระธรรมทินนะมหาเถระ พรอ้ มดว้ ยพระสงฆ์ชาวล้านนาหลายร้อยรูป - ผอู้ ุปถัมภ์ : พระเจา้ ตโิ ลกราช สงั คายนาครง้ั ท่ี 11 : จัดทำพระไตรปิฎกเพื่อเฉลมิ พระเกยี รติ ร.9 ในวโรกาสทรงเจรญิ พระชนมายุครบ 60 พรรษา - สถานที่ : วัดมหาธาตุยวุ ราชรังสฤษฎ์ิ กรุงเทพมหานคร - มูลเหตุ : สมเดจ็ พระสงั ฆราช (วาสนะมหาเถระ) ทรงดำรวิ า่ พระไตรปิฎกยังคงมคี วามผดิ พลาด คลาดเคลอ่ื นเนอ่ื งมาจากการคัดลอกและตีพมิ พ์ต่อ ๆ กันมานาน - ประธานการสงั คายนา : สมเดจ็ พระสงั ฆราช (วาสนะเถระ) พร้อมพระสงฆ์ทัง้ มหานิกายและธรรมยตุ - ผอู้ ปุ ถมั ภ์ : รัฐบาลไทย >> วนั สำคญั ทางพทุ ธศาสนา : วนั สำคญั รายละเอยี ดสำคญั หลกั ธรรมทเี่ กยี่ วขอ้ ง วนั มาฆบชู า 1. เปน็ วันจาตรุ งคสนั นบิ าต ประกอบด้วย - บุญกิรยิ าวตั ถุ 3 (ข้นึ 15 ค่ำ เดือน 3) - พระสงฆ์ 1,250 รูปมาประชมุ โดยไมไ่ ดน้ ัด (ทาน ศลี ภาวนา) - พระสงฆ์ล้วนเปน็ อรหนั ต์ - โอวาท 3 - พระสงฆล์ ว้ นเปน็ เอหิภิกขุ (ทำดี ละชัว่ ทำใจให้บริสุทธ์)ิ - เปน็ วันพระจนั ทร์เตม็ ดวง 2. พระพทุ ธเจา้ แสดงโอวาทปาฏโิ มกข์ 3. เป็นวนั “พระธรรม” 4. ประเทศไทยกำหนดเปน็ “วนั กตญั ญแู หง่ ชาต”ิ สรปุ เนอ้ื หาวิชาสังคมศกึ ษา ระดับชน้ั ม.ปลาย 8

วนั สำคญั รายละเอยี ดสำคญั หลกั ธรรมทเ่ี กย่ี วขอ้ ง วนั วสิ าขบชู า (ขึ้น 15 คำ่ เดอื น 6) 1. เป็นวันคลา้ ยวนั ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน - ขันธ์ 5 วนั อฏั ฐมบี ชู า ของพระพุทธเจ้า - อรยิ สจั 4 (แรม 8 ค่ำ เดือน 6) 2. เปน็ วนั “พระพทุ ธ” - ปฏิจจสมปุ บาท วนั อาสาฬหบชู า (ขน้ึ 15 ค่ำ เดือน 8) - อปั ปมาทธรรม วนั เขา้ พรรษา เปน็ วันคลา้ ยวันถวายพระเพลงิ พุทธสรีระ - อปั ปมาทธรรม (แรม 1 คำ่ เดือน 8) วนั ออกพรรษา - ไตรลักษณ์ (ขน้ึ 15 ค่ำ เดอื น 11) วนั เทโวโรหณะ - ขนั ธ์ 5 (แรม 1 คำ่ เดอื น 11) วนั ธรรมสวนะ - สุจรติ 3 (ข้นึ 8 , ข้ึน 15 , แรม 8 , แรม 15) 1. เป็นวนั แสดงปฐมเทศนา - ธมั มจักกัปวตั นสูตร 2. เกดิ อริยสงฆ์องค์แรก (พระอัญญาโกฑัญญะ) (อรยิ สัจ 4 + ทางสายกลาง) 3. เป็นวนั ที่พระรตั นตรยั ครบ 4. เป็นวนั “พระสงฆ”์ 1. พระสงฆ์เรมิ่ จำวัดนาน 3 เดอื น - วริ ัติ 3 (งดเว้นจากบาป) 2. เป็นวันเร่มิ ต้นทำความดี 1. วนั มหาปวารณา - อรยิ วงศ์ 4 (ธรรมสำหรับ 2. วันแหง่ การตกั เตือน พระสงฆ)์ 1. วันพระเจา้ เปดิ โลก - กตญั ญกู ตเวที 2. วันที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรคช์ ั้นดาวดงึ ส์ 1. วันอโุ บสถ (วนั พระ) - อิทธิบาท 4 2. เดอื นหน่งึ จะมี 4 วนั - บุญกริ ิยาวตั ถุ 3 สรุปเนอ้ื หาวชิ าสังคมศึกษา ระดับชนั้ ม.ปลาย 9

สรปุ เนอ้ื หา เรอ่ื ง ศาสนาพราหมณ-์ ฮนิ ดู - เปน็ ศาสนาที่เกา่ แก่ทส่ี ุดในโลก - ไมป่ รากฏศาสดา - ตน้ กำเนดิ ศาสนา คอื ประเทศอนิ เดีย - เปน็ ศาสนาประเภทพหุเทวนยิ ม (นับถือเทพเจ้าหลายพระองค)์ >> ววิ ฒั นาการภาพรวมของศาสนาพราหมณ-์ ฮนิ ดู : แบง่ เป็น 4 สมัย ไดแ้ ก่ สมยั ลกั ษณะเดน่ พระเวท ลักษณะเปน็ พหเุ ทวนิยม เนน้ ศรัทธาในพระอินทร์ พราหมณ์ เนน้ ศรทั ธาในตรมี รู ติ , เปา้ หมายสูงสุด คือ ปรมาตมนั ฮนิ ดู เชื่อในเรอื่ งกรรม การเวียนวา่ ยตายเกดิ , เป้าหมายสูงสุด คือ โมกษะ ฮินดูยคุ อวตาร เน้นศรัทธาในพระนารายณ์ >> ความเชอ่ื ของศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดู : ตรมี รู ติ คือ พระเจา้ สูงสดุ เพยี งพระองค์เดยี ว (พระปรมาตมัน) แต่แบ่งออกเป็น 3 ภาค ได้แก่ 1. ผูส้ รา้ ง (พระพรหม) มี 4 พักตร์ / พระชายาคือ พระนางสรุ สั วดี 2. ผรู้ กั ษา (พระนารายณ์) มีอาวธุ ตรี คฑา จกั ร สงั ข์ / พระชายาคือ พระนางลักษมี 3. ผ้ทู ำลาย (พระอิศวร) มี 3 พระเนตร / พระชายาคือ พระนางอมุ า การสร้างและการทำลายโลก ดังน้ี - พระเจ้าทำการสรา้ งโลก ต้งั อยู่ และให้โลกพินาศไป ใชเ้ วลา 1 กลั ป์ - 1 กลั ป์ ประกอบดว้ ย 4 ยุค คือ กฤตยุค ไตรดายุค ทวาปรยุค กลียุค - เมอ่ื โลกเข้าสู่กลียคุ พระนารายณ์จะอวตารลงมาเกดิ เพ่อื ปราบยุคเข็ญ ปรมาตมนั (บรม+อาตมนั ) หมายถึง วิญญาณสากล เปน็ วญิ ญาณทีเ่ กดิ ข้นึ เอง ไม่สามารถมองเห็นได้ อาตมนั หมายถึง วิญญาณย่อย จะหลุดจากปรมาตมันมาสู่กายมนุษยก์ ลายเปน็ 1 ชีวิต เรยี กว่า ชีวาตมัน โมกษะ หมายถึง การหลุดพน้ จากการเวียนว่ายตายเกดิ >> วธิ กี ารเขา้ สโู่ มกษะ : เรยี กว่า โมกษคติ ซ่ึงในชว่ งวัย สนั ยาสี จะเป็นผู้ปฏิบตั ิ ได้แก่ โยคะ 3 / จตุรมรรค - กรรมมรรค/กรรมโยคะ : การกระทำท่ตี อ้ งไม่หวังผลตอบแทน - ชญาณมรรค/ชยานโยคะ : การใชป้ ญั ญา ความรู้ - ภกั ตมิ รรค/ภกั ตโิ ยคะ : การภักดตี ่อพระเจ้า - ราชมรรค : การฝกึ จิตอย่างเครง่ ครัด สรุปเนอื้ หาวชิ าสงั คมศึกษา ระดับชั้น ม.ปลาย 10

>> หลกั ธรรมคำสอนทส่ี ำคญั : หลกั ธรรม รายละเอยี ดหลกั ธรรม อาศรม 4 คอื วิธีการดำเนนิ ชีวติ ของชาวฮนิ ดูตง้ั แตเ่ กิดจนตาย 1. พรหมจารี : วยั ศกึ ษาเลา่ เรียน ตอ้ งประกอบพิธอี ุปนยนั (รบั ด้ายศักดิ์สิทธิ์) 2. คฤหสั ถ์ : วยั ครองเรอื น (แต่งงาน) 3. วานปรัสถ์ : วัยบำเพ็ญศลี มุ่งหาความสงบ จะออกไปอย่ปู ่าเขาบา้ ง 4. สนั ยาสี : วยั มุ่งส่โู มกษะ เตรยี มตัวบรรลุ สละชีวิตทางโลก หลกั ธรรม 10 ประการ 1. ธฤติ : เพียร สันโดษ 2. กษมา : อดทน อดกลน้ั 3. ทมะ : ขม่ จิตใจ ไม่ปล่อยตามอารมณ์ 4. อโกธะ : ความไมโ่ กรธ 5. อินทรยี ครหะ : ระงบั อนิ ทรีย์ท้งั 10 6. เศาจะ : ความบริสุทธิท์ งั้ กาย ใจ 7. อสั เตยะ : ความไมล่ กั ขโมย 8. ธี : ปญั ญา 9. วิทยา : ความรู้เกี่ยวกับพรหม 10. สตั ยะ : ความซ่อื สตั ย์ >> ระบบวรรณะ : แบ่งเป็น : พราหมณ์ นกั บวช (สขี าว) ออกจากปากพระพรหม - พราหมณ์ ออกจากต้นแขนพระพรหม - กษตั รยิ ์ : กษตั ริย์ นักรบ (สีแดง) ออกจากตน้ ขาพระพรหม - แพศย์ (ไวศยะ) ออกจากเทา้ พระพรหม - ศูทร : พ่อคา้ (สเี หลือง) - จัณฑาล : ผรู้ ับใช้ (สดี ำ เทา) ไม่จัดเป็นวรรณะ (อวรรณะ) >> คมั ภีร์ : ไดแ้ ก่ ศรุติ (พระเจ้ามอบให)้ เชน่ คัมภรี ์พระเวท สมฤดี (มนุษย์เขยี น) เชน่ คมั ภรี ร์ ามายณะ >> คมั ภรี พ์ ระเวท : ประกอบด้วย - ฤคเวท : บทสวดอ้อนวอนและบทสรรเสรญิ พระเจ้า - ยชุรเวท : พิธีบวงสรวง พธิ กี รรม - สามเวท : บทสวดถวายน้ำโสมแด่พระอนิ ทร์ - อาถรรพเวท : พวกไสยศาสตร์ คาถาอาคม มนต์ดำ สรุปเนอ้ื หาวชิ าสังคมศึกษา ระดับช้ัน ม.ปลาย 11

>> พธิ กี รรมทส่ี ำคญั : รายละเอยี ดพธิ กี รรม พธิ กี รรม เปน็ พิธีกรรมทก่ี ระทำเฉพาะวรรณะพราหมณ์ กษตั ริย์ แพทศย์ เชน่ สงั สการ 1. นามกรรม : พิธีตัง้ ชือ่ เด็ก 2. อนั นประศัน : พธิ ีปอ้ นขา้ วเด็กเม่อื อายุได้ 5 เดอื น ศราทธ์ 3. วิวาหะ : พิธีแต่งงาน 4. อุปนยนั : พิธเี รม่ิ การศึกษาเพ่ือเป็นพราหมณ์ เปน็ พิธที ำบญุ ใหแ้ กด่ วงวิญญาณบพุ การี ญาติ บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ด้วยข้าว บิณฑ์ (ก้อนข้าวสุก) เพ่ือไมใ่ ห้ดวงวญิ ญาณเร่ร่อน และผู้ทำพิธคี วรเปน็ ลูกชาย >> นกิ าย : เกดิ จากการทฮี่ ินดูแต่ละกลุ่มนบั ถอื ภาวะของตรีมรู ติแตกต่างกันไป โดยปัจจบุ ันแบง่ เป็น - นกิ ายพรหม : พระพรหม เปน็ เทพเจา้ สูงสุด (ปัจจุบนั เหลือนอ้ ยมาก) - นิกายไวษณพ : พระนารายณ์ , พระวษิ ณุ เป็นเทพเจ้าสงู สดุ - นกิ ายไศวะ : พระอิศวร , พระศิวะ เปน็ เทพเจา้ สงู สดุ - นิกายศักติ : พระชายาของตรีมูรติ (พระสุรสั วดี, พระลักษม,ี พระอมุ า) สรุปเน้อื หาวิชาสงั คมศกึ ษา ระดบั ช้ัน ม.ปลาย 12

สรปุ เนอ้ื หา เรอ่ื ง ศาสนาครสิ ต์ >> ประเภท : เอกเทวนยิ ม (นบั ถอื พระเจ้าองคเ์ ดียว) คือ พระยะโฮวา >> ศาสดา : พระเยซู >> คมั ภรี ์ : คมั ภีร์ไบเบลิ ซึ่งแบง่ ออกเป็น 2 ภาค ได้แก่ 1) ภาคพนั ธสญั ญาเดมิ เปน็ คัมภีรส์ ำคัญของศาสนายดู าย (ยวิ ) วา่ ดว้ ยเรื่องพระเจ้าสร้างโลกและสรา้ ง มนษุ ยค์ ่แู รก (อาดมั และเอวา) เรือ่ งโนอาหต์ อ่ เรอื หนนี ำ้ ท่วมโลก เรอื่ งโมเสสนำชาวยิวอพยพจากอียิปต์ 2) ภาคพนั ธสญั ญาใหม่ เป็นคำสอนของพระเยซู โดยเฉพาะเร่ืองความรักของพระเจ้าตอ่ มนษุ ยแ์ ละสอนให้ มนุษย์รักซ่ึงกนั และกนั ใหอ้ ภัยตอ่ กันและกนั >> นกิ ายสำคญั : มี 3 นิกาย ไดแ้ ก่ นกิ าย รายละเอยี ดนกิ าย นกิ ายโรมนั คาธอลคิ - นับถอื พระสนั ตะปาปา (Pope) เปน็ ประมุขของครสิ จักร และมนี กั บวช (คริสตงั ) - เน้นบชู าสวดมนต์ตอ่ พระแม่มารีย์ และตอ่ นักบุญ (Saint) ทั้งหลาย - มพี ธิ ีกรรมหรหู ราหลายขนั้ ตอน โบสถต์ กแต่งสวยงามหรูหรา และยอมรับปฏบิ ัตติ าม ศลี 7 ประเภท (ศีลลา้ งบาป, ศลี มหาสนิท, ศลี แก้บาป, ศลี กำลัง, ศีลเจิมคนป่วย, ศีลสมรส และ ศีลบวช) - ไม้กางเขนมอี งคพ์ ระเยซูตรึงอยกู่ ลางไม้กางเขน - แพรห่ ลายในยโุ รปใต้ เช่น อิตาลี ฝรั่งเศส สเปน โปรตเุ กส และในทวีปอเมรกิ าใต้ เช่น บราซิล อาร์เจนตินา นกิ ายโปรเตสแตนท์ - ไม่มนี ักบวช (มีแต่ ศาสนจารย์) และไม่นับถือพระสนั ตะปาปา (คริสเตยี น) - ไมบ่ ูชานบั ถอื พระแม่มารีย์ และไมน่ บั ถอื นักบญุ - เน้นพิธีกรรมที่เรียบง่าย โบสถ์ตกแต่งเรียบง่าย และยอมรบั ปฏิบัติตามศลี แค่ 2 ประเภทเท่านนั้ คือ ศลี ล้างบาป (ศลี จุ่ม) และ ศีลมหาสนิท (ขนมปังกบั ไวน)์ - ไม้กางเขนไม่มีองคพ์ ระเยซู เป็นไม้กางเขนเปล่า ๆ - แพร่หลายในยโุ รปตะวนั ตกและยโุ รปเหนอื เช่น องั กฤษ เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ เยอรมัน และสหรฐั อเมรกิ า ออสเตรเี ลีย นวิ ซีแลนด์ นกิ ายออรโ์ ธดอกซ์ - มนี กั บวช แตไ่ มน่ บั ถือพระสันตะปาปา (ในแตล่ ะประเทศจะมพี ระสงั ฆราชที่เรยี กว่า “Pratriach” เป็นประมขุ ประเทศใครประเทศมนั ) - เน้นบูชานบั ถอื พระแม่มารีย์และนักบุญท้ังหลาย - มพี ิธีกรรมหรหู ราหลายขน้ั ตอน - แพร่หลายในยโุ รปตะวันออก เชน่ รัสเซยี กรีก โรมาเนยี สรปุ เน้ือหาวชิ าสงั คมศึกษา ระดับชน้ั ม.ปลาย 13

>> หลกั ธรรมสำคญั : หลกั ธรรม รายละเอยี ดหลกั ธรรม หลกั ความรกั 1. ความรกั ระหว่างพระเจ้าตอ่ มนษุ ย์ (หวั ใจแหง่ ศาสนาคริสต์) 2. ความรกั ตอ่ เพอื่ นบา้ น 3. ความรักต่อตนเอง หลกั ตรเี อกานภุ าพ เชือ่ วา่ พระเจ้าสูงสุดมเี พียงองค์เดยี ว แตแ่ บง่ เปน็ 3 ภาค ไดแ้ ก่ (Trinity) 1. พระบดิ า : พระยะโฮวา สถิตอยู่ในสวรรค์ เป็นผสู้ ร้างโลก สรา้ งมนุษย์ 2. พระบตุ ร : พระเยซู ลงมาเกิดในโลกมนุษย์ เพอ่ื ไถบ่ าปใหก้ ับมนุษย์ 3. พระจิต : พระวญิ ญาณบริสทุ ธ์ิ สถิตอย่ทู ุกที่ ร้คู วามเปน็ ไปของมนษุ ย์ หลกั อาณาจกั รพระเจา้ คาทอลกิ เช่ือว่า อาณาจกั รของพระเจ้าคอื ความเปน็ หน่ึงเดียวกนั ของคริสตจักร ชาวยวิ เช่ือวา่ อาณาจักรของพระเจ้าคอื ดินแดนคะนาอนั หลกั บาปกำเนดิ 1. มนษุ ย์มบี าปกำเนิดตดิ ตัว บาปนีส้ บื ทอดมาจากบรรพบุรษุ คู่แรกของมนุษยค์ ือ อาดัมและเอวาทไ่ี ดท้ ำบาปครัง้ แรกไว้ คอื ขโมยแอปเปลิ ศักดส์ิ ทิ ธ์ิของพระเจา้ กิน 2. ชาวคริสตท์ กุ คนทุกนิกาย จงึ ต้องรับศีลล้างบาป (ศลี จุ่ม) เพือ่ ล้างบาป กำเนดิ เปน็ ศีลขอ้ แรกของชวี ติ *ศาสนาครสิ ต์ไม่เชือ่ เรื่องการเวยี นว่ายตายเกดิ ไม่มชี าติท่แี ลว้ ไม่มชี าตหิ นา้ มนุษยเ์ กิดหนเดียวตายหนเดียว* >> เปา้ หมายชวี ติ ของศาสนาครสิ ต์ : อาณาจกั รพระเจ้า , การมีชวี ติ นริ ันดรอยู่ในอาณาจักรพระเจ้า สรุปเน้ือหาวิชาสังคมศึกษา ระดับชัน้ ม.ปลาย 14

สรปุ เนอื้ หา เรอื่ ง ศาสนาอสิ ลาม >> ประเภท : เอกเทวนิยม (นับถือพระเจ้าองคเ์ ดียว) คือ พระอลั ลอฮ์ >> ศาสดา : นบีมฮู มั หมดั >> คมั ภีร์ : คมั ภรี อ์ ัลกรุ อาน >> นกิ ายสำคญั : มี 3 นิกาย ได้แก่ นกิ าย รายละเอยี ดนกิ าย ซนุ นี - เปน็ นิกายท่มี ผี นู้ ับถอื มากทสี่ ุด (มุสลมิ ในประเทศไทยสว่ นใหญ)่ - ยดึ แนวทางตามคัมภรี อ์ ลั กุรอานและคำสอนของศาสดา - เป็นนิกายทมี่ คี วามเครง่ ครัด - เคารพต่อองคก์ าหลิบ (คอลฟี ะห์) ทั้ง 4 คน คอื อาบูบักร์ อุมรั อสุ มาน อาลี ชอี ะห์ - เน้นสนบั สนุน อาลี เป็นองค์กาหลิบ (คอลีฟะห์) แต่เพียงผเู้ ดยี ว - คนไทยเรยี กนิกายน้ีว่า แขกเจ้าเซ็น - พบผูน้ ับถอื ในประเทศอหิ รา่ น อริ ัก เยเมน และแถบแอฟริกาตะวนั ออก วะหฮ์ าบี - ผกู้ ่อตงั้ คอื มฮู มั หมดั อับดลุ วาฮบั - ไมม่ อี งคก์ าหลบิ (คอลีฟะห)์ - เน้นยดึ ม่ันในคมั ภรี ์อัลกรุ อาน - พบผูน้ บั ถือในบางส่วนของประเทศซาอุดอิ าระเบีย >> หลกั ธรรมสำคญั : รายละเอยี ดหลกั ธรรม หลกั ธรรม 1. ศรทั ธาในพระอลั ลอฮ์ว่ามีจริง และเป็นพระเจา้ สงู สุดเพียงองคเ์ ดยี ว หลกั ศรัทธา 6 2. ศรทั ธาในศาสดา (นบี/รอซูล) เชน่ นบีอาดัม นบีอบิ รอฮีม นบีมซู า(โมเสส) (มสุ ลิมต้องศรัทธา) นบอี ซี า(พระเยซู) และ นบมี ูฮมั หมัด ซึง่ เปน็ นบคี นสดุ ท้าย (นบี คือ ผู้ได้รับโองการจากพระเจ้ามาปฏบิ ัตเิ องและเผยแผ่แกค่ นใกลช้ ดิ ) (รอซลู คอื ถกู ยกระดบั จากนบี เพ่ือเปน็ ศาสดาเผยแผ่ศาสนาให้มนุษยชาติ) 3. ศรัทธาในคมั ภรี ท์ ั้งหลาย เชน่ คัมภีร์เดิมของยูดาย คัมภรี ์ไบเบลิ ของคริสต์ และ คมั ภีรอ์ ัลกรุ อาน ซง่ึ เป็นคัมภีรส์ ุดท้ายท่ีพระอัลลอฮ์ประทานให้ 4. ศรัทธาในเทวทูต (มลาอกี ะห์) ซ่ึงเป็นบริวารของพระอัลลอฮ์ 5. ศรัทธาในวันพิพากษาโลก (วนั กยี ามะห์) 6. ศรัทธาในกฎสภาวะแห่งพระอัลลอฮ์ เชน่ กฎธรรมชาติ กฎแหง่ กรรม สรปุ เนื้อหาวชิ าสงั คมศกึ ษา ระดบั ชน้ั ม.ปลาย 15

หลกั ธรรม รายละเอยี ดหลกั ธรรม หลกั ปฏบิ ตั ิ 5 1. การปฏญิ ญาณตน : มุสลมิ ต้องปฏญิ ญาณตนว่ามพี ระอลั ลอฮ์เป็นพระเจา้ (มุสลมิ ตอ้ งปฏบิ ตั )ิ สูงสดุ เพยี งองคเ์ ดยี ว 2. การละหมาด : แสดงความนอบน้อมต่อพระอัลลอฮ์ วนั ละ 5 ครง้ั 3. การถือศลี อด : ในเดือนรอมฎอน โดยมสุ ลิมจะอดอาหารและนำ้ ต้งั แต่ เวลาทพี่ ระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทติ ย์ตกดนิ เพอ่ื ให้เขา้ ใจคนอดอยากยากจน 4. การบริจาคซะกาต : มสุ ลมิ ทม่ี ีฐานะจะไดช้ ่วยเหลอื คนจน 5. การประกอบพธิ ีฮจั ญ์ : วิหารกะหบ์ ะอ นครเมกกะ (ซาอุดิอารเบีย) ไม่ได้ บงั คบั ทุกคน ให้ทำเฉพาะมุสลิมที่มคี วามพรอ้ ม *ศาสนาอสิ ลามไม่เชอื่ เรื่องการเวยี นว่ายตายเกดิ ไม่มีชาตทิ แี่ ล้ว ไมม่ ชี าตหิ น้า มนษุ ย์เกิดหนเดยี วตายหนเดยี ว* >> เปา้ หมายชวี ติ ของศาสนาอสิ ลาม : การเข้าถึงพระอลั ลอฮ์ สรปุ เนอื้ หาวิชาสังคมศกึ ษา ระดบั ชั้น ม.ปลาย 16

สรปุ เนอ้ื หา เรอ่ื ง สงั คมวทิ ยา >> สงั คม คอื : กลุ่มบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึน้ ไป มาอยู่รวมกนั โดยมปี ฏิสัมพันธร์ ะหว่างกนั >> วฒั นธรรม คอื : วิถชี ีวิต/แบบแผนในการดำเนนิ ชีวิตของมนษุ ย์ ซ่ึงเกดิ จากการเรยี นรู้และการสร้างสรรค์ ลกั ษณะของวัฒนธรรม 1) เกิดจากการเรียนรขู้ องมนุษย์ 2) เป็นแบบแผนในการดำเนนิ ชวี ิต 3) เป็นมรดกของสังคม 4) สามารถเปลยี่ นแปลงได้ 1) วัตถุธรรม : ส่ิงที่เป็นวตั ถุรปู ธรรม ประเภทของวฒั นธรรม 2) เนติธรรม : กฎเกณฑ์ ขอ้ บังคบั กฎหมาย 3) คติธรรม : คำสอน ความเชอื่ ทางศาสนา/ศีลธรรม 4) สหธรรม : สง่ิ ทใี่ ชใ้ นการดำเนินชวี ติ มารยาททางสังคมและประเพณี >> โครงสรา้ งทางสงั คม : - กลมุ่ สงั คม 1) กลุ่มปฐมภมู ิ คอื กลุ่มทม่ี คี วามสมั พันธ์ใกล้ชิด เชน่ ครอบครัว เพ่ือนรว่ มกลุ่ม 2) กลุ่มทตุ ยิ ภูมิ คอื กลุ่มทีม่ คี วามสัมพนั ธ์ห่างเหนิ เชน่ พนักงานบริษัทเดียวกนั - สถาบนั ทางสงั คม 1) สถาบันครอบครัว 2) สถาบนั การศึกษา 3) สถาบนั การเมอื งการปกครอง 4) สถาบันเศรษฐกจิ 5) สถาบันศาสนา 6) สถาบนั นันทนาการ 7) สถาบันส่ือสารมวลชน - บรรทดั ฐานทางสงั คม คอื แบบแผนพฤตกิ รรมทางสงั คมท่ีถูกสร้างข้ึน เพือ่ ให้สมาชกิ ในสังคมได้ทำตาม เพ่อื ใหส้ งั คมสามารถอยู่ร่วมกนั ได้อยา่ งสงบสุข บรรทดั ฐานทางสงั คม ประเภท ความหมาย บทลงโทษ (ถา้ ไมท่ ำ) วิถปี ระชา (วถิ ปี ระชา) สิ่งที่เราทำกนั จนเป็นนสิ ัย ทำเพราะความเคยชิน นินทา, ตักเตือน, วา่ กล่าว จารตี (ศีลธรรม) เรอื่ งเก่ียวกับความดีความชว่ั รวมถงึ ขอ้ ห้ามทางศาสนา ประณาม, รุมทำรา้ ย กฎหมาย ข้อบังคับทุก ๆ คนในสงั คม โทษตามอาญา และแพง่ - สถานภาพ และ บทบาท บทบาท คือ การปฏิบัตติ ามสถานภาพ สถานภาพ คอื ตำแหนง่ ทางสังคม - ทางตรง : บอกตรง ๆ + สอนตรง ๆ เช่น แมส่ อน - ตดิ ตัวมาแตเ่ กิด เชน่ เพศ สัญชาติ ศาสนา ลกู ครูสอนศษิ ย์ - ไดม้ าภายหลงั เช่น วฒุ กิ ารศึกษา อาชพี - ทางอ้อม : เหน็ จากคนอ่ืน เลยทำตาม เช่น ดจู าก ข่าว ดูจากละคร สรปุ เนื้อหาวิชาสังคมศึกษา ระดบั ช้นั ม.ปลาย 17

สรปุ เนอื้ หา เรอ่ื ง ความรเู้ บอ้ื งตน้ เกย่ี วกบั รฐั >> รฐั (State) คอื : ดินแดนทมี่ ีคนมาอาศัยอยู่รวมกนั โดยมีองค์ประกอบ 4 ประการ ไดแ้ ก่ องคป์ ระกอบของรฐั ประชาชน ประชากรจำนวนหน่ึง จะมากหรอื นอ้ ยก็ได้ และมหี ลายเชื้อชาตไิ ด้ อาณาเขต ต้องกำหนดใหช้ ดั เจนแน่นอน (12+188 ไมล์ทะเล) - 12 ไมลท์ ะเล เรยี กว่า ทะเลอาณาเขต - 188 ไมลท์ ะเล เรยี กวา่ เขตเศรษฐกจิ จำเพาะ รัฐบาล คณะผู้บริหารปกครองดนิ แดนน้นั อาจะเป็นประชาธิปไตย เผดจ็ การ หรือกษัตรยิ ก์ ไ็ ด้ อำนาจอธิปไตย อำนาจสูงสุดในการปกครองรัฐของตนเอง โดยไม่ตกเป็นเมืองข้นึ ของใคร >> ประเภทของรฐั : แบง่ ได้ 2 รปู แบบ คอื รัฐรวม รฐั เดยี่ ว มีรัฐบาล 2 ระดับ 2 รูปแบบ มีรัฐบาลแห่งเดียว - รฐั บาลกลาง : จะบรหิ ารงานในเรอื่ งสำคัญของท้งั - ตัง้ อยู่ทเ่ี มอื งหลวงของประเทศ ประเทศ เช่น ทหาร การทตู การคลัง เปน็ ต้น - เช่น ไทย กมั พูชา ลาว เวียดนาม ญี่ป่นุ อังกฤษ - รฐั บาลทอ้ งถน่ิ : จะบริหารงานในเรือ่ งเลก็ นอ้ ย ฝรงั่ เศส (ประเทศส่วนใหญ่จะเปน็ รัฐเด่ียว) ภายในท้องถนิ่ เชน่ สาธารณสขุ การศึกษา เปน็ ตน้ - เช่น สหรฐั อเมรกิ า แคนาดา มาเลเซีย สรุปเน้อื หาวิชาสังคมศกึ ษา ระดับชนั้ ม.ปลาย 18

สรปุ เนอ้ื หา เรอ่ื ง ระบอบการเมอื งทสี่ ำคญั ของโลก >> ระบอบประชาธปิ ไตย : เป็นการปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน (ลนิ คอลน์ พูดไว)้ โดยนครรัฐเอเธนสเ์ ป็นเมอื งต้นกำเนดิ ประชาธิปไตย และมชี อง ชาคส์ รุสโซ เปน็ บิดาประชาธิปไตย >> หลกั การสำคญั ของระบอบประชาธปิ ไตย : - อำนาจอธปิ ไตยเปน็ ของประชาชน : เปน็ *หัวใจสำคญั ของระบอบประชาธิปไตย - สทิ ธเิ สรภี าพ : ประชาชนตอ้ งมีสทิ ธเิ สรีภาพขั้นพน้ื ฐาน เชน่ สทิ ธใิ นชวี ิตรา่ งกายและทรพั ยส์ นิ ของตนเอง สทิ ธใิ นการรับบรกิ ารขนั้ พน้ื ฐานจากรฐั เสรีภาพในการนับถอื ศาสนา เสรภี าพในการแสดงความคิดเห็น เสรภี าพในการชมุ นมุ โดยสงบและปราศจาก อาวธุ เสรภี าพในการรวมตวั กัน - ความเสมอภาค : ความเทา่ เทียมกนั โดยเฉพาะในทางกฎหมาย - ยอมรับเสยี งขา้ งมาก : แตไ่ มล่ ะเลยเสยี ข้างนอ้ ย - เหตผุ ล : เนน้ ใช้เหตุผลและความสงบ - นติ ธิ รรม : กฎหมายสำคัญที่สดุ ทุกคนอยู่ภายใตก้ ฎหมายเดยี วกนั - ความแตกตา่ ง : เคารพและยอมรับในความแตกตา่ งและความหลากหลายของคนในสงั คม >> การมสี ว่ นรว่ มของประชาชน : 2) มีส่วนร่วมในพรรคการเมือง 1) มสี ่วนรว่ มในการเลือกต้งั 4) มสี ่วนรว่ มในการจัดตั้งกลุ่มผลประโยชน์ 3) มสี ว่ นรว่ มในการแสดงความคิดเหน็ >> ประเภทของระบอบประชาธปิ ไตย : แบง่ ได้ 3 ประเภท ไดแ้ ก่ แบบรฐั สภา แบบประธานาธิบดี แบบกง่ึ ประธานาธบิ ดกี งึ่ รัฐสภา (แบบอังกฤษ) (แบบสหรฐั อเมริกา) (แบบฝร่ังเศส) รปู แบบ แบบรวมอำนาจ แบบแบ่งแยกอำนาจ แบบผสม ENG & USA การเลอื กตง้ั นายกรฐั มนตรีมาจากการ ประธานาธิบดีมาจากการ ประธานาธิบดีมาจากการ เลือกของ ส.ส. ในสภา ซึง่ เลอื กตัง้ โดยตรงของประชาชน เลอื กตั้งโดยตรง เปน็ ตวั แทนที่ประชาชนเลือก นายกรฐั มนตรมี าจากการ แตง่ ตง้ั การทำงาน - นายกฯ เป็นหัวหน้ารฐั บาล - ปธน. เปน็ ทงั้ ประมุขของ - ปธน. และ นายกฯ จะ ทำหน้าที่บริหารประเทศ ประเทศ และเป็นหัวหนา้ บรหิ ารประเทศรว่ มกัน - สภาทำหนา้ ท่คี วบคมุ การ รัฐบาลบริหารประเทศ - ปธน. มอี ำนาจมากกว่า ทำงานของนายกฯ และ - สภาทำหนา้ ท่ีออกกฎหมาย - นายกฯ จะเป็นเหมือนผู้ชว่ ย รฐั บาล ปธน. สรปุ เนือ้ หาวิชาสังคมศึกษา ระดบั ชัน้ ม.ปลาย 19

แบบรฐั สภา แบบประธานาธบิ ดี แบบกงึ่ ประธานาธบิ ดกี ง่ึ รัฐสภา (แบบฝร่ังเศส) (แบบองั กฤษ) (แบบสหรัฐอเมริกา) - สภาลงมติไม่ไว้วางใจนายกฯ การถว่ งดลุ - สภาลงมติไม่ไว้วางใจนายกฯ - สภาลงมตไิ ม่ไวว้ างใจ ปธน. ได้ แต่ลงมติไม่ไวว้ างใจ ปธน. ประเทศทใ่ี ช้ ไม่ได้ *ขอ้ สงั เกต และรฐั บาลได้ ไม่ได้ - ปธน. ยุบสภาได้ - นายกฯ ยบุ สภาได้ - ปธน. ยุบสภาไม่ได้ ฝรง่ั เศส รัสเซยี เกาหลใี ต้ ไต้หวนั (เฉพาะ ส.ส.) - สภาออกกฎหมาย แต่ ปธน. มอี ำนาจมากกวา่ นายกฯ ปธน. เปน็ ผ้ลู งนาม อังกฤษ ไทย ญ่ีปุ่น มาเลเซยี สหรัฐอเมริกา ฟลิ ิปนิ ส์ กัมพูชา นอรเ์ วย์ เดนมารก์ อินโดนเี ซยี เม็กซโิ ก สวเี ดน สเปน เบลเยย่ี ม แคนาดา ออสเตรเลยี นวิ ซแี ลนด์ สงิ คโปร์ อินเดยี เยอรมัน อติ าลี ประมุขจะไมม่ ีอำนาจบรหิ าร รปู แบบนไี้ มม่ นี ายกฯ ผู้มอี ำนาจบรหิ ารคือ นายกฯ >> ระบอบเผดจ็ การ : การปกครองท่ีไมใ่ หป้ ระชาชนมสี ่วนรว่ ม โดยอำนาจรฐั /รัฐบาลสำคญั ท่สี ดุ (สำคัญกว่าสิทธิ เสรภี าพของประชาชน) ระบอบนแี้ บง่ ได้ 2 ประเภท ได้แก่ เผดจ็ การอำนาจนยิ ม เผดจ็ การเบด็ เสรจ็ นยิ ม ฟาสซสิ ต์ คอมมวิ นสิ ต์ 1) เน้นควบคุมประชาชนเฉพาะ 1) เน้นผู้นำรัฐเพยี งคนเดยี ว เช่น 1) เนน้ พรรคคอมมวิ นิสต์ ไมเ่ นน้ อำนาจดา้ นการเมือง แตใ่ หเ้ สรีภาพ - อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (เยอรมัน) ผู้นำรัฐทเ่ี ปน็ คนเดียว ด้านเศรษฐกิจและสงั คมวฒั นธรรม - เบเนตโต มสุ โลลนิ (ี อิตาลี) 2) ไมเ่ น้นชาตินิยม 2) ยอมให้มีการลงทนุ ได้ ให้มีการ - ฮิเดกิ โตโจ (ญป่ี ุ่น) 3) ต่อต้านทนุ นิยม สนับสนนุ เลอื กตัง้ ได้ ให้ตั้งพรรคการเมอื งได้ - จอมพล ป. (ไทย) แนวคิดสังคมนยิ ม 3) หา้ มประชาชนประท้วงรัฐบาล 2) บา้ ชาตินยิ ม คลง่ั เชือ้ ชาติ 4) ยกยอ่ งเกษตรกรและกรรมกร และหา้ มวิพากษ์วิจารณ์รฐั บาล รงั เกยี จชาติอนื่ 5) พบในประเทศจีน เวยี ดนาม 4) พบในประเทศเผด็จการทหาร 3) ยอมใหม้ นี ายทนุ นกั ธุรกิจได้ เกาหลเี หนอื คิวบา ลาว เชน่ ไทยในอดีต เกาหลใี ตใ้ นอดตี 4) ยกย่องอาชีพทหาร พม่าในปัจจุบัน 5) ปจั จบุ นั ถอื ว่าไม่(นา่ )มีแล้ว สรุปเน้ือหาวิชาสังคมศกึ ษา ระดบั ชน้ั ม.ปลาย 20

สรปุ เนอ้ื หา เรอื่ ง ความรเู้ บอ้ื งตน้ เกยี่ วกบั กฎหมาย >> กฎหมาย คอื : กฎ/ข้อบังคับของรัฐ ซ่งึ กำหนดความประพฤติของมนษุ ย์ ถา้ ฝา่ ฝืนจะถูกลงโทษ >> ลกั ษณะของกฎหมาย : ประกอบด้วย : กบั ทกุ คนภายในประเทศ ทกุ ชนชน้ั ทกุ สัญชาติ ทุกอาชีพ 1) ต้องใชไ้ ด้ทั่วไป : ตลอดเวลาจนกว่าจะมกี ารยกเลิก 2) ต้องใช้ไดต้ ลอดไป : รัฏฐาธิปตั ย์คอื ผมู้ ีอำนาจสงู สดุ ในรฐั 3) ต้องตราโดยรฏั ฐาธปิ ตั ย์ : ไม่รวมการกระทำของสัตว์ (ถา้ สัตว์ทำผิด เจา้ ของรับผิดชอบแทน) 4) ตอ้ งควบคุมมนุษย์ : ในกรณีที่คนทำผดิ ต้องถกู ลงโทษ 5) ต้องมสี ภาพบงั คับ >> ประเภทของกฎหมาย : แบง่ ไดห้ ลายรปู แบบ ดงั นี้ 1) ตราโดยประชาชน ดว้ ยการลงประชามติ : รัฐธรรมนญู แบ่งตามองคก์ รผมู้ ี 2) ตราโดยฝา่ ยนิติบญั ญตั ิ (รฐั สภา) : พระราบญั ญตั ิ ประมวลกฎหมาย อำนาจตรากฎหมาย 3) ตราโดยฝา่ ยบรหิ าร (รัฐบาล) : พระราชกำหนด พระราชกฤษฎกี า กฎกระทรวง 4) ตราโดยฝา่ ยท้องถน่ิ : ข้อบัญญตั ิ กทม. เมืองพทั ยา อบจ. อบต. เทศบญั ญัติ 1) กฎหมายมหาชน (รัฐกับรฐั /รฐั กับเอกชน) : รฐั ธรรมนูญ กฎหมายปกครอง แบง่ ตามลกั ษณะ กฎหมายอาญา กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา กฎหมายวิธีพิจารณาความแพง่ ฯ ความสมั พนั ธข์ องคกู่ รณี 2) กฎหมายเอกชน (เอกชนกบั เอกชน) : กฎหมายครอบครัว กฎหมายมรดก กฎหมายแพงและพาณิชย์ 3) กฎหมายระหว่างประเทศ (รฐั ตอ่ รฐั ) : สนธสิ ัญญาทางการทตู ส่งผู้ร้ายข้ามแดน 1) กฎหมายสารบญั ญัติ (เปน็ เน้อื หาของกฎหมาย) : ประมวลกฎหมาย แบง่ ตามวธิ กี ารใช้ 2) กฎหมายวธิ สี บัญญัติ (เปน็ ขั้นตอนวิธีการใช้กฎหมาย) : กฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา (ว.ิ อาญา) กฎหมายวธิ พี ิจารณาความแพง่ และพาณชิ ย์ (วิ.แพ่ง) แบง่ ตามสภาพบงั คบั 1) กฎหมายอาญา (ว่าด้วยการทำผดิ และโทษน้นั ) : ทำรา้ ยร่างกาย ลกั ทรัพย์ 2) กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ว่าด้วยสทิ ธิและทรัพย์) : นิติกรรมสญั ญา หนี้ มรดก >> กฎหมายเกย่ี วกับตนเองและครอบครวั : ผเู้ ยาว์ คือ บุคคลทยี่ ังไม่บรรลุนิติภาวะ (20 ปี) ต้องอยู่ในความดแู ลของ “ผูแ้ ทนโดยชอบธรรม” บุคคลจะบรรลนุ ิติภาวะได้ มี 2 กรณี 1. อายคุ รบ 20 ปีบริบูรณ์ 2. ทำการสมรสเม่ืออายุ 17 ปีบริบรู ณ์ โดยไดร้ ับการยินยอมจากผู้ปกครอง คนไรค้ วามสามารถ (วิกลจรติ +ศาลมีคำส่ัง) ตอ้ งอยใู่ นความดแู ลของ “ผู้อนุบาล” คนเสมอื นไรค้ วามสามารถ (พกิ าร/จติ ฟัน่ เฟือน/เสเพล/ติดยา+ศาลมีคำสัง่ ) ตอ้ งอยใู่ นความดแู ลของ “ผู้พิทกั ษ”์ สรุปเนื้อหาวชิ าสังคมศึกษา ระดับช้ัน ม.ปลาย 21

การหมน้ั คอื การทฝี่ า่ ยชายและฝ่ายหญงิ สญั ญาวา่ จะสมรสกนั ซึง่ มีเง่ือนไขดังนี้ - ชายหญงิ มอี ายุ 17 ปบี รบิ ูรณ์ - ผ้เู ยาวต์ อ้ งได้รับความยนิ ยอมจากผูแ้ ทนโดยชอบธรรม - การหม้นั สมบรู ณ์เม่อื ส่งมอบ/โอนของหมนั้ แกห่ ญงิ เพอื่ เป็นหลักฐานว่าจะสมรสกบั หญงิ นนั้ - ถ้าฝา่ ยชายผดิ สัญญาหม้ัน ฝ่ายหญงิ สามารถยดึ ของหมนั้ ไวไ้ ด้ แตต่ อ้ งคนื สินสอด - ถา้ ฝา่ ยหญิงผิดสญั ญาหมัน้ ฝ่ายชายสามารถเรียกคืนของหม้ันและสินสอดจากฝา่ ยหญิงได้ ของหมัน้ : ทรพั ย์สินท่ฝี า่ ยชายให้ฝา่ ยหญงิ เพอื่ เปน็ หลกั ประกนั การสมรส สนิ สอด : ทรพั ยส์ นิ ที่ฝ่ายชายใหพ้ อ่ แมข่ องฝา่ ยหญิง เพื่อเป็นการตอบแทนท่ยี กฝา่ ยหญิงให้ การสมรส คือ ชายหญิงตกลงใจที่จะเป็นสามีภรรยากัน โดยจดทะเบยี นสมรสกบั เจ้าหนา้ ที่ ซึง่ มีเงือ่ นไขดังน้ี - ชายหญิงมอี ายุ 17 ปีบริบูรณ์ - ผเู้ ยาวต์ ้องได้รับความยนิ ยอมจากผแู้ ทนโดยชอบธรรม - การสมรสจะมผี ลสมบูรณ์เม่อื มกี ารจดทะเบยี นต่อเจา้ หน้าท่ี การรับบตุ รบญุ ธรรม มเี งื่อนไขดังนี้ - ผ้รู บั บญุ ธรรม ตอ้ งมีอายไุ ม่ตำ่ กว่า 25 ปีบริบูรณ์ และอายมุ ากกว่าบุตรบุญธรรมท่ีจะรับ 15 ปีข้นึ ไป - กรณีบุตรบญุ ธรรมอายุไมถ่ งึ 20 ปีบรบิ ูรณ์ ตอ้ งไดร้ ับความยินยอมจากผูแ้ ทนโดยชอบธรรม - บตุ รบญุ ธรรมทอ่ี ายุ 15 ปบี ริบรู ณ์ขึ้นไป ย่อมมีสิทธิใหค้ วามยนิ ยอมดว้ ย - บตุ รบุญธรรมมีฐานะเดียวกบั บุตรท่ีชอบด้วยกฎหมาย สำหรับสิทธิในมรดก มรดก คือ ทรพั ย์สนิ /สิทธหิ นา้ ท่ขี องผู้ตาย เมือ่ เจา้ มรดกตาย มรดกจะตกเป็นของทายาท ซง่ึ มี 2 ประเภท ได้แก่ 1) ทายาทโดยธรรม คอื ทายาททม่ี สี ทิ ธติ ามกฎหมายในการรับมรดก มี 6 ลำดบั ดังน้ี ลำดบั ท่ี 1 ผสู้ บื สนั ดาน ลำดบั ท่ี 2 บดิ ามารดา ลำดับที่ 3 พ่ีนอ้ งร่วมบดิ ามารดาเดยี วกัน ลำดบั ท่ี 4 พนี่ อ้ งรว่ มบดิ า/มารดาเดยี วกนั ลำดับที่ 5 ปู่ ยา่ ตา ยาย ลำดับที่ 6 ลุง ปา้ น้า อา 2) ผรู้ ับพนิ ยั กรรม คอื ผู้มสี ทิ ธไิ ด้รับมรดกตามที่ระบุไวใ้ นพนิ ัยกรรม >> สญั ญาประเภทตา่ ง ๆ : สญั ญาซอื้ ขาย เป็นสัญญาท่ตี กลงโอนกรรมสทิ ธ์ิทนั ทเี มื่อตกลงซ้อื ขายกัน แมว้ า่ จะยงั ไม่จ่ายเงินก็ตาม ถ้าซอ้ื ขายอสงั หาริมทรพั ย/์ สงั หาริมทรัพยพ์ ิเศษ ต้องทำเปน็ หนงั สอื และจดทะเบยี นต่อเจ้าหนา้ ที่ สญั ญาเชา่ ทรพั ย์ เป็นสัญญาการเช่าทรพั ย์สินชัว่ คราว โดยกรรมสทิ ธใ์ิ นทรพั ย์สนิ ยงั เปน็ ของผูใ้ หเ้ ชา่ เสมอ ถ้าเช่า อสงั หารมิ ทรัพย์ตามกฎหมายหา้ มเช่าเกนิ 30 ปี สญั ญาเชา่ ซอ้ื เป็นสัญญาท่ีกรรมสิทธิ์ในทรัพยส์ ินจะยังไม่ตกเป็นของผู้เช่าซอ้ื ในขณะท่ียงั จ่ายคา่ เชา่ ไมค่ รบ จำนวนทตี่ กลงกนั ไว้ แต่เม่ือจา่ ยครบแล้วกรรมสิทธ์จิ ึงจะตกเป็นของผ้เู ช่าซ้ือ สรุปเน้อื หาวิชาสงั คมศกึ ษา ระดับชัน้ ม.ปลาย 22

สญั ญาขายฝาก เปน็ สัญญาซ้อื ขายท่ีมีเง่ือนไขใหผ้ ขู้ ายสามารถไถ่คืนทรพั ยส์ นิ น้ันได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด (อสังหาริมทรพั ยไ์ มเ่ กิน 10 ปี / สังหาริมทรัพยไ์ มเ่ กนิ 3 ปี) สญั ญากยู้ มื เงนิ เปน็ สัญญากยู้ มื เงินต้ังแต่ 2,000 บาทขนึ้ ไป ต้องทำสญั ญากนั เป็นหนงั สอื และเกบ็ ดอกเบยี้ สญั ญาจำนำ ได้ไมเ่ กินร้อยละ 15 ต่อปี ถ้าเรียกดอกเบยี้ มากกว่านัน้ ถอื เป็นดอกเบี้ยโมฆะ สญั ญาจำนอง เป็นสัญญาทนี่ ำสงั หารมิ ทรพั ย์ไปเป็นหลักประกันในการชำระหนี้ เป็นสญั ญาทนี่ ำอสงั หารมิ ทรพั ย/์ สังหารมิ ทรพั ยพ์ เิ ศษไปเป็นหลกั ประกันในการชำระหน้ี และ ตอ้ งมีการจดทะเบียนต่อเจา้ หนา้ ที่ >> กฎหมายอาญา : เป็นกฎหมายที่บญั ญตั เิ กี่ยวกับความสัมพนั ธ์ระหว่างรัฐกับประชาชน โดยมีการกำหนดลกั ษณะ ความผิดและบทลงโทษไว้อยา่ งชดั เจน เพือ่ รกั ษาความสงบเรียบรอ้ ยภายในสงั คม >> ลกั ษณะสำคญั ของกฎหมายอาญา : - ตอ้ งตคี วามโดยเคร่งครัดตามตวั อกั ษร และต้องสันนษิ ฐานไวก้ ่อนวา่ ผตู้ ้องหาไม่มีความผิด - ไม่มีผลยอ้ นหลัง (ย้อนหลงั ใหผ้ ลร้ายไมไ่ ด้ แต่ย้อนหลงั ใหผ้ ลดีได้) >> ความผดิ ทางอาญา : 1) ความผิดอาญาแผน่ ดิน : เชน่ ฆ่าคนตาย ชิงทรัพย์ กบฏ >>ยอมความไม่ได้<< 2) ความผิดท่ียอมความกนั ได้ : เชน่ หมนิ่ ประมาท ฉ้อโกง (ท่ไี ม่ใชฉ่ ้อโกงประชาชน) 3) ความผิดลหโุ ทษ : มีโทษเบา จำคุกไม่เกนิ 1 เดือน ปรบั ไมเ่ กิน 10,000 บาท หรอื ทง้ั จำท้ังปรบั เช่น ดหู มิ่นซง่ึ หนา้ เปลอื ยกาย ทำลามก สง่ เสียงดงั ยิงปนื ในชมุ ชน >> โทษทางอาญา : มี 5 สถาน ไดแ้ ก่ 1) ประหารชวี ติ : ดว้ ยการฉีดยา/สารพษิ ให้ตาย 2) จำคุก : เอาตวั ไปขังไวท้ เี่ รอื นจำ 3) กักขัง : เอาตัวไปกักตวั ไว้ในสถานทก่ี ักขงั ท่ีไมใ่ ชเ่ รอื นจำ/โรงพกั 4) ปรบั : ต้องชำระเงนิ ใหแ้ กร่ ฐั ตามจำนวนท่กี ำหนดไวใ้ นคำพิพากษา 5) รบิ ทรัพย์ : ริบทรพั ยข์ องผูก้ ระทำผิดมาเป็นของรฐั >> ความผดิ เกยี่ วกบั ทรพั ย์ : ลกั ทรพั ย์ เอาทรัพย์สินของผู้อนื่ ไปโดยทุจรติ วิง่ ราวทรพั ย์ ลักทรพั ย์โดยการฉกฉวยซ่ึงหน้า ชงิ ทรพั ย์ ลักทรัพยโ์ ดยใช้/ขู่ว่าจะใชก้ ำลังประทุษรา้ ย กรรโชกทรพั ย์ ขม่ ขู่ (ทำรา้ ยจติ ใจ) เพ่ือให้ได้ทรพั ย์ รดี เอาทรพั ย์ ขม่ ขู่ (ว่าจะเปิดเผยความลับ) เพื่อให้ไดท้ รัพย์ ปลน้ ทรพั ย์ รว่ มกนั ชิงทรัพยต์ ้งั แต่ 3 คนขึน้ ไป ยกั ยอกทรพั ย์ เบียดบังเอาทรัพย์ผู้อนื่ มาเปน็ ของตน รับของโจร รบั ซือ้ รับจำนำ หรอื ชว่ ยจำหนา่ ย โดยรู้ว่าเป็นทรพั ย์ที่ได้มาโดยทุจรติ ทำใหเ้ สยี ทรพั ย์ ทำให้ทรัพย์ของผู้อ่ืน หรือเปน็ เจ้าของรว่ ม ได้รับความเสยี หาย สรุปเน้อื หาวชิ าสงั คมศึกษา ระดบั ช้ัน ม.ปลาย 23

สรปุ เนอื้ หา เรอื่ ง เศรษฐศาสตร์ >> เศรษฐศาสตร์ คือ : (Economics) เป็นวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับการจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด มาใช้ ตอบสนองความต้องการของมนษุ ย์ท่ีมอี ยอู่ ยา่ งไม่จำกัด >> ประเภทของเศรษฐศาสตร์ : แบง่ ได้ 2 สาขา ได้แก่ 1) เศรษฐศาสตรจ์ ุลภาค (Micro Economics) เน้นศกึ ษากจิ กรรมทางเศรษฐกิจหนว่ ยเล็ก/หนว่ ยย่อย 2) เศรษฐศาสตร์มหภาค (Macro Economics) เน้นศึกษากิจกรรมทางเศรษฐกิจหน่วยใหญ่ ใน ระดับประเทศ/ระดบั โลก >> ระบบเศรษฐกิจทส่ี ำคญั ของโลก : แบง่ ได้ 3 ระบบ ได้แก่ ระบบเศรษฐกจิ แบบทนุ นยิ ม ลกั ษณะเดน่ ขอ้ ดี ขอ้ เสยี - เอกชนเปน็ ผู้ดำเนินกจิ กรรมทางเศรษฐกจิ - เอกชนมเี สรภี าพทาง ศก. - การกระจายรายได้ไม่ดี - เอกชนเปน็ เจ้าของปัจจยั การผลิต - สินค้าและบริการมีมาก ส่วนใหญต่ กอย่กู บั นายทุน - มีการแข่งขนั สูง ทง้ั ดา้ นคุณภาพ รและาคา คณุ ภาพดี และราคาถูก - ประชาชนอาจมีปัญหาจาก - ราคาสินค้าถูกกำหนดโดยกลไกราคา - รัฐบาลไม่ต้องจัดส รร ราคาสินค้า/สินค้าขาดแคลน งบประมาณมาทำธรุ กจิ เนอื่ งจากนายทนุ รวมตัวกัน - การใชท้ รัพยากรฟุ่มเฟือย ระบบเศรษฐกจิ แบบสงั คมนยิ ม ลกั ษณะเดน่ ขอ้ ดี ขอ้ เสยี - รัฐบาลเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตอย่างสน้ิ เชงิ - เอกชนไม่ต้องรับผิดชอบ - ประชาชนไม่มีสทิ ธเิ สรีภาพ - รฐั บาลเป็นผทู้ ำกจิ กรรมทางเศรษฐกิจทั้งหมด ทางดา้ นเศรษฐกจิ ทางเศรษฐกิจ - เอกชนไม่มสี ิทธทิ ำกจิ กรรมทางเศรษฐกิจใด ๆ - ทรัพยากรถูกควบคุมการใช้ - สินค้าและบริการมีน้อย จากรัฐบาล และด้อยคณุ ภาพ - เกิดความเท่าเทียมกันของ - ผลผลิตตกต่ำเพราะ ประชาชน ประชาชนไม่มีแรงจงู ใจ ระบบเศรษฐกจิ แบบผสม ลกั ษณะเดน่ ลกั ษณะเดน่ ลกั ษณะเดน่ - กิจกรรมทางเศรษฐกจิ สว่ นใหญเ่ ป็นของเอกชน - ปชช. มีเสรีภาพทาง ศก. - ร ั ฐ บ า ล ต ้ อ ง จ ั ด ส ร ร - รัฐบาลเข้าทำธุรกิจเพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ - สินค้าและบริการมีมาก งบประมาณมาทำธุรกิจและ ให้แกป่ ระชาชน คุณภาพดี และราคาถูก ช่วยเหลือ ปชช. จึงมักขาดทุน - ปัญหาเศรษฐกิจได้รบั การแก้ไขจากรฐั บาล - ปชช. ได้รับการคุ้มครอง - รฐั บาลจดั สรรสวสั ดกิ ารให้ประชาชน ผลประโยชนจ์ ากรัฐ สรปุ เนื้อหาวชิ าสงั คมศกึ ษา ระดบั ชั้น ม.ปลาย 24

>> กจิ กรรมทางเศรษฐกจิ : มี 4 ประเภท ไดแ้ ก่ 1) การผลติ คือ การนำปจั จัยการผลติ มาผ่านกระบวนการผลติ จนไดเ้ ป็นสินคา้ และบริการ ปจั จัยการผลติ ลกั ษณะสำคญั ผลตอบแทน ทด่ี นิ ทรัพยากรธรรมชาตทิ ง้ั หมด ค่าเช่า ทุน ส่ิงทน่ี ำมาใชใ้ นการผลติ สินค้าและบริการ เชน่ เครือ่ งจักร โรงงาน ดอกเบี้ย แรงงาน แรงงานจากมนุษยเ์ ทา่ นนั้ คา่ จ้าง ผูป้ ระกอบการ ผูท้ ี่นำปจั จยั การผลติ มาดำเนินการผลติ เป็นสนิ คา้ และบรกิ าร กำไร 2) การบริโภค คอื การกิน/การใชส้ นิ ค้าและบรกิ ารต่าง ๆ ปัจจยั ที่มผี ลต่อการบริโภค ไดแ้ ก่ *ราคาของสนิ ค้าและบริการ / รายไดข้ องผบู้ รโิ ภค / รสนยิ มของผบู้ ริโภค / ราคาของสินค้าชนดิ อนื่ ท่ีเก่ียวข้อง / การคาดคะเนราคาสนิ ค้าในอนาคต / ฤดกู าล สภาพดินฟา้ อากาศ / การ โฆษณา หนว่ ยงานคุ้มครองผบู้ ริโภค บทบาทหนา้ ที่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ดูแลควบคุมผลิตภัณฑ์ก่อน-หลังออกสู่ตลาด เช่น อาหาร ยา (อย) เครือ่ งสำอาง เปน็ ต้น สำนกั งานคุ้มครองผู้บรโิ ภค (สคบ.) รับเรื่องร้องทุกข์จากผู้บริโภคที่ได้รับความเดือดร้อนทั้งด้านการ โฆษณาสินค้า ฉลากสินคา้ การทำสัญญา กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กำกับดูแลการค้าภายในประเทศให้ดำเนินไปอย่างเสรีและเป็นธรรม ดแู ลราคาสนิ ค้า สำนักงานมาตรฐานผลติ ภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรม รับรองมาตรฐานเพ่อื พฒั นาผลติ ภัณฑ์อุตสาหกรรมให้สามารถแข่งขัน (สมอ.) ในตลาดโลก 3) การแลกเปล่ยี น คือ การนำสินคา้ และบริการชนดิ หน่งึ มาแลกเปล่ยี นกบั อีกชนดิ หน่งึ 4) การกระจาย/การแบ่งสรร คือ การกระจายรายได้คืนสู่เจา้ ของปัจจัยการผลิต และ การกระจายสินค้า และบรกิ ารจากผ้ผู ลิตไปสู่ผูบ้ รโิ ภค >> ตลาด : คือ การตดิ ตอ่ ซ้อื ขายสนิ ค้าและบรกิ ารระหวา่ งผู้ซอื้ และผูข้ าย มี 2 ประเภท ได้แก่ ตลาดแขง่ ขนั สมบรู ณ์ ตลาดแข่งขนั ไมส่ มบรู ณ์ ตลาดผกู ขาด ตลาดแขง่ ขนั กง่ึ ผกู ขาด ตลาดผู้ขายนอ้ ยราย - สินคา้ เหมือนกนั - มผี ู้ผลติ จำนวนมาก - มีผ้ผู ลติ 2-3 ราย - มีผู้ผลิตเพียงรายเดียว - มกี ลไกราคา - มีกลไกราคา - เปน็ การผลิตขนาดใหญ่ ทำให้ผู้ผลิตกำหนดราคา - ผ้ซู ้ือ-ผขู้ ายมีมาก - รัฐบาลอาจแทรกแซง - ตัวอย่างสินค้า เช่น สนิ ค้าและบรกิ ารไดเ้ ตม็ ท่ี - ผู้ขายมอี สิ ระอย่างเสรี ราคา เพือ่ คมุ้ ครอง ปชช. น้ำอัดลม รถยนต์ น้ำมนั - ตัวอย่างสินค้า เช่น - การซ้ือขายทำได้สะดวก - ตัวอย่างสินค้า เช่น เครอื ขา่ ยโทรศพั ท์ ฯลฯ ไฟฟ้า ประปา ฯลฯ **เปน็ ตลาดท่ีไม่มจี ริง** ผงซกั ฟอก น้ำมันพชื สบู่ สรปุ เนอ้ื หาวชิ าสังคมศกึ ษา ระดับช้นั ม.ปลาย 25

>> กลไกราคา : ประกอบดว้ ย อปุ สงค์ อุปทาน และดลุ ยภาพ - อปุ สงค์ (Demand) คอื ความตอ้ งการซอื้ สินค้าและบรกิ าร มีกฎของอุปสงค์ดงั น้ี 1) เมื่อราคาสินคา้ เพ่ิมข้นึ อปุ สงคจ์ ะลดลง 2) เมื่อราคาสินค้าลดลง อปุ สงค์จะเพิ่มข้นึ - อปุ ทาน (Supply) คอื ความต้องการขาย สินค้าและบรกิ าร มีกฎของอปุ ทานดงั นี้ 1) เมือ่ ราคาสินคา้ เพม่ิ ขึน้ อุปทานจะเพ่มิ ขึน้ 2) เมอ่ื ราคาสินคา้ ลดลง อปุ ทานจะลดลง - ดลุ ยภาพ คอื สภาพทอี่ ุปสงคเ์ ท่ากับอุปทาน ทั้งดา้ นราคา และปรมิ าณสนิ ค้า >> เครอื่ งมอื ทใ่ี ชว้ ดั กจิ กรรมทางเศรษฐกจิ : คอื การคำนวณหาตัวเลข GDP และ GNP - GDP ยอ่ มาจาก Groos Domestic Product แปลว่า ผลติ ภณั ฑม์ วลรวมในประเทศ หมายถงึ ตวั เลขของมูลคา่ สนิ คา้ และบรกิ ารข้ันสุดท้าย ที่ผลิตขน้ึ ภายในประเทศในรอบ 1 ปี GDP = การบริโภคของประชาชน + การลงทุนของเอกชน + การลงทนุ ของรฐั บาล + การสง่ ออก + การนำเขา้ - GNP ยอ่ มาจาก Groos National Product แปลว่า ผลิตภณั ฑม์ วลรวมประชาชาติ หมายถึง ตัวเลขของมูลค่าสนิ คา้ และบริการข้ันสดุ ทา้ ย ท่ีผลติ ขน้ึ โดยคนของประเทศ ในรอบ 1 ปี GNP = GDP - รายได้ต่างชาติท่เี ข้ามาลงทุน + รายไดจ้ ากคนท่อี ยู่ต่างประเทศ >> ปญั หาเงนิ เฟอ้ : คอื ปัญหาของแพง (ราคาสินคา้ เพ่มิ สูงขนึ้ ) เงนิ เฟอ้ ดา้ นอปุ ทาน เงนิ เฟอ้ ดา้ นอปุ สงค์ สาเหตุ ของแพงจากตน้ ทนุ การผลิตสนิ คา้ และบริการ ของแพงจากอุปสงคม์ ากเกนิ ไป (คนซอื้ ของ ท่แี พงขึน้ เชน่ นำ้ มันข้นึ ราคา เยอะทำใหข้ องแพง) เช่น ช่วงกนิ เจผักแพง วธิ ีแกไ้ ข ลดต้นทนุ การผลิตสนิ ค้า เชน่ ลดปรมิ าณเงินในระบบ ศก. เชน่ - ถา้ น้ำมันแพง ต้องหาพลงั งานอน่ื มาแทน - นโยบายการเงนิ : ให้ ธ. ขึ้นดอกเบยี้ เงิน - ใชเ้ ทคโนโลย/ี เครือ่ งจักร เพ่ือลดต้นทุน ฝากและเงนิ กู้ ลดการปล่อยสินเชอ่ื - นโยบายการคลงั : ขายพันธบตั รรัฐบาล ขนึ้ ภาษี ทำงบประมาณแบบเกินดุล ผเู้ สยี ประโยชน์ ผทู้ ม่ี รี ายได้ประจำ เชน่ ขา้ ราชการ พนกั งานบริษัทเอกชน เจ้าหน้ี ผไู้ ดป้ ระโยชน์ พอ่ ค้า นายทนุ นกั ธรุ กจิ ผู้ผลิต ลูกหน้ี >> ปญั หาเงนิ ฝดื : คือ ปญั หาของถกู (ราคาสนิ คา้ ลดลง) สาเหตุ เงินฝืดดา้ นอปุ สงค์ คือ ของถกู จากอปุ สงค์มีน้อยเกินไป (คนไม่ซ้อื สินคา้ จนทำให้ของถกู ) วธิ ีแกไ้ ข - นโยบายการเงนิ : ให้ ธ. ลดดอกเบีย้ เงนิ ฝากและเงินกู้ เพิม่ การปล่อยสนิ เช่ือ - นโยบายการคลงั : รบั ซ้อื พนั ธบัตรรฐั บาลคืน ลดภาษี ทำงบประมาณแบบขาดดุล ผเู้ สยี ประโยชน์ พอ่ ค้า นายทนุ นกั ธรุ กจิ ผ้ผู ลติ สรุปเนื้อหาวชิ าสงั คมศกึ ษา ระดบั ชัน้ ม.ปลาย 26

>> ดลุ การชำระเงนิ ระหวา่ งประเทศ : คอื ตวั เลขท่แี สดงฐานะทางการเงินของประเทศไทยในรอบ 1 ปี โดยดูได้จาก 1) บญั ชเี ดนิ สะพดั - บญั ชกี ารคา้ : บญั ชที ่ีแสดงรายการสินคา้ สง่ ออก หกั ลบกับสนิ ค้านำเข้า - บญั ชบี รกิ าร : บัญชีทีแ่ สดงรายการบริการส่งออก หักลบกับบริการนำเข้า - บญั ชบี รจิ าค/บญั ชเี งนิ โอน : บญั ชที แี่ สดงรายการเงินบรจิ าคท่โี อนเข้าประเทศ หักลบกบั ท่โี อน ออกจากประเทศ 2) บญั ชที นุ เคลอ่ื นยา้ ย : บัญชีท่ีแสดงรายการทุนไหลเข้าประเทศ หักลบกับทุนไหลออกจากประเทศ 3) บญั ชที นุ สำรองระหวา่ งประเทศ : บัญชที ่แี สดงดุลการชำระเงนิ ระหวา่ งประเทศท้ังหมด >> อตั ราแลกเปลยี่ นเงนิ ตราระหวา่ งประเทศ : ปัจจุบันประเทศไทยใชแ้ บบกงึ่ เสรี หรอื แบบกึง่ ลอยตวั หรือลอยตวั ภายใตก้ ารจดั การ ค่าเงนิ บาทลดลง (ออ่ นคา่ ) ค่าเงนิ บาทเพม่ิ ขนึ้ (แขง็ คา่ ) เชน่ 1 เหรยี ญ เทา่ กบั 40 บาท เชน่ 1 เหรียญ เท่ากับ 27 บาท - สง่ ออกจะเพิ่มขนึ้ เพราะสินค้าไทยจะมีราคาถูกลงใน - สง่ ออกลดลง เพราะสินคา้ ไทยจะมีราคาแพงขนึ้ ใน ตลาดโลก ตลาดโลก - นำเข้าจะลดลง เพราะสินคา้ ตา่ งประเทศจะมรี าคา - นำเข้าจะเพ่ิมขึ้น เพราะสนิ คา้ ต่างจะมรี าคาถกู ลง แพงขึน้ - หน้ีตา่ งประเทศจะลดลง - หนีต้ า่ งประเทศจะเพิ่มมลู ค่ามากข้นึ สรปุ เนื้อหาวชิ าสังคมศกึ ษา ระดบั ชน้ั ม.ปลาย 27

สรปุ เนอ้ื หา เรอื่ ง วธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์ และการแบง่ ยคุ ทางประวตั ศิ าสตร์ >> วธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์ : คือ วธิ กี ารค้นหาข้อเทจ็ จริงทางประวัตศิ าสตร์ เพอื่ ให้ได้ขอ้ มูลทางประวัติศาสตร์ท่ี ใกลเ้ คียงความจรงิ ที่สุด โดยมีข้นั ตอนของวิธกี ารทางประวัติศาสตร์ อยู่ 5 ข้ันตอน คอื 1) กำหนดประเด็น 2) รวบรวมหลกั ฐาน 3) ประเมินคณุ ค่า (วิพากษ์วิธี) แบง่ เป็น 3.1) ประเมนิ คุณคา่ ภายนอก : ดวู ่าหลกั ฐานน้นั จรงิ หรือปลอม 3.2) ประเมินคุณคา่ ภายใน : ตีความหรืออ่านหลกั ฐานนน้ั ว่าบอกอะไรแกเ่ รา ให้ขอ้ มูลอะไรแก่เรา 4) วเิ คราะห์ : แยกแยะขอ้ มูล 5) สังเคราะห์ เรยี บเรียง และนำเสนอ >> การแบง่ ยคุ สมยั ทางประวตั ิศาสตร์ : ยคุ กอ่ นประวตั ศิ าสตร์ คือ ยุคสมัยทยี่ งั ไมม่ ตี ัวอกั ษร โดยแบ่งได้ 2 ยคุ คือ 1) ยุคหนิ คือ ยคุ ทเ่ี ครือ่ งมอื เคร่อื งใช้ มดี ขวานของมนุษยท์ ำดว้ ยหนิ และยุคหนิ ยงั สามารถ แบง่ ย่อยไดอ้ ีก 3 ยุคย่อย : ยคุ หนิ เก่า ยุคหนิ กลาง ยคุ หินใหม่ 2) ยุคโลหะ คือ ยุคท่ีเครือ่ งมอื เครือ่ งใช้ มีด ขวานของมนษุ ยท์ ำด้วยโลหะ และยุคโลหะยัง สามารถแบ่งยอ่ ยได้อีก 3 ยุคย่อย : ยุคทองแดง ยุคสำริด ยุคเหล็ก ยคุ ประวตั ศิ าสตร์ คือ ยุคทม่ี นุษย์ร้จู ักประดิษฐต์ ัวอักษรขึ้นมาใช้ >> ประเภทของหลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์ : แบง่ เปน็ 2 ประเภท คือ 1) หลกั ฐานชน้ั ตน้ (ปฐมภมู ิ) คอื หลักฐานทผ่ี ้บู ันทกึ /ผูเ้ ขียนหลกั ฐานนนั้ เกดิ /เกิดร่วมสมยั กับเหตกุ ารณ์ ที่ไดบ้ ันทึกไว้น้ัน เช่น พงศาวดาร, จารึกต่าง ๆ, จดหมายเหต,ุ บนั ทกึ ประจำวนั , หนงั สือพิมพ์ 2) หลกั ฐานชน้ั รอง (ทุตยิ ภมู ิ) คือ หลกั ฐานทผ่ี ู้บันทึก/ผู้เขยี นหลกั ฐานนั้นเกดิ ไม่ทัน/เกิดภายหลงั เหตกุ ารณน์ ้ัน และได้เขียนหลกั ฐานนนั้ ข้นึ มาจากหลกั ฐานปฐมภมู อิ กี ที เช่น ตำรา/หนงั สือ >> วธิ เี ทยี บศกั ราชทส่ี ำคญั ทค่ี วรทราบ : หรือ ม.ศ. + 621 = พ.ศ. พ.ศ. – 621 = ม.ศ. หรอื จ.ศ. + 1181 = พ.ศ. พ.ศ. – 1181 = จ.ศ. หรอื ค.ศ. + 543 = พ.ศ. พ.ศ. – 543 = ค.ศ. หรอื ฮ.ศ. + 1122 = พ.ศ. พ.ศ. – 1122 = ฮ.ศ. หรอื ร.ศ. + 2324 = พ.ศ. พ.ศ. – 2324 = ร.ศ. สรปุ เนื้อหาวิชาสังคมศกึ ษา ระดบั ชน้ั ม.ปลาย 28

สรปุ เนอ้ื หา เรอ่ื ง ประวตั ศิ าสตรไ์ ทย >> ความเปน็ มาของชนชาตไิ ทย : - อยบู่ รเิ วณเทอื กเขาอัลไต **ไม่น่าเชือ่ ถือแล้ว - อยู่บรเิ วณตอนกลางของจนี - อยู่บริเวณตอนใตข้ องจีน **นา่ เชื่อถอื ทสี่ ุด - อยู่บริเวณดินแดนไทยในปัจจบุ ัน - อยู่บริเวณคาบสมุทรมลายู >> พฒั นาการของอาณาจักรในดนิ แดนไทย : ชมุ ชน > เมอื ง > แควน้ > อาณาจกั ร >> สมยั สโุ ขทัย : - สโุ ขทัยตอนตน้ ใช้การปกครองระบอบปิตุราชา (พ่อปกครองลูก) - สโุ ขทัยตอนกลางใช้การปกครองระบบธรรมราชา - อำนาจสงู สดุ อยู่ทกี่ ษัตรยิ ์ ใหค้ วามเสมอภาคระหว่างผปู้ กครองกับผูอ้ ยใู่ ตป้ กครอง - การจดั ระเบยี บการปกครอง ค่อนข้างกระจายอำนาจ โดยแบง่ เปน็ ❖ เมอื งราชธานี : เปน็ ทอี่ ยขู่ องพระมหากษตั รยิ ์ ❖ หัวเมืองชั้นใน/หน้าด่าน : ปกครองโดยเชื้อพระวงศ์ชั้นสูง ❖ หวั เมืองชั้นนอก : ปกครองโดยเช้อื พระวงศแ์ ละข้าราชการผใู้ หญ่ ❖ หวั เมืองประเทศราช : ปกครองโดยเจา้ นายทอ้ งถิน่ ต้องส่งส่วย >> สมยั อยธุ ยา : - ปกครองระบอบสมบรู ณาญาสิทธริ าชย์ (สมมตเิ ทพ) - ฐานะของกษัตริย์สมยั อยธุ ยาเปน็ เทวราชาคอื เป็นเจ้าชีวิต แต่ปกครองด้วยหลักทศพธิ ราชธรรม - ส่วนกลางมีหนว่ ยราชการคอื จตุสดมภ์ (เวยี ง วัง คลงั นา) - ในสมยั สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ มกี ารปฏริ ปู การปกครองคร้ังแรก โดยมีสาระสำคญั ดงั น้ี ❖ ดึงอำนาจเข้าสู่ศนู ยก์ ลาง (ให้ K. มีอำนาจมากขน้ึ ) ❖ ยกเลิกเมอื งลกู หลวง และเปลี่ยนหัวเมืองช้ันในเปน็ เมืองชัน้ จัตวา มผี ู้ปกครองเรยี กว่า ผู้ร้ัง ❖ หวั เมอื งชั้นนอก แบ่งระดบั เปน็ เมอื งชน้ั ตรี ชนั้ โท ช้ันเอก ตามความสำคัญ ❖ ส่วนกลาง มีการแตง่ ต้งั อัครเสนาบดี 2 ตำแหน่งคือ ฝ่ายพลเรอื น (สมหุ นายก) และฝา่ ยทหาร (สมุหกลาโหม) สว่ นจตสุ ดมภ์ให้อยู่ในฝา่ ยพลเรอื น - ในสมยั พระเพทราชา มีการเปลย่ี นแปลงบทบาทของอคั รเสนาบดี คือ ❖ สมหุ นายก ดแู ลฝ่ายพลเรอื นและฝ่ายทหาร ของหัวเมอื งฝา่ ยเหนือ ❖ สมุหกลาโหม ดแู ลฝา่ ยพลเรือนและฝา่ ยทหาร ของหัวเมืองฝา่ ยใต้ สรุปเนื้อหาวิชาสังคมศกึ ษา ระดับชั้น ม.ปลาย 29

>> สมยั รตั นโกสนิ ทร์ : - ในสมยั รตั นโกสนิ ทรต์ อนตน้ (ร.1-ร.4) แบ่งการจัดระเบียบการปกครอง เป็นดังนี้ ❖ เจ้าพระยาจกั รี (สมุหนายก) : ดูแลหวั เมอื งฝา่ ยเหนือ ❖ เจ้าพระยามหาเสนา (สมุหกลาโหม) : ดแู ลหวั เมอื งฝ่ายใต้ ❖ พระยาโกษาธิบดี (พระคลัง) : ดแู ลหัวเมอื งชายฝั่งทะเลตะวันออก - ฐานะและอำนาจของกษัตรยิ ์ ถกู ลดความเปน็ เทวราชาลงมา มีความเปน็ คนธรรมดามากขน้ึ - กษตั ริย์ถกู ยกยอ่ งเป็น “อเนกชนนกิ รสโมสรสมมติ” คอื กษตั รยิ ์ท่ปี ระชาชนพร้อมใจให้ปกครอง - ร.4 ใหเ้ สรีภาพในการนบั ถือศาสนาแก่ประชาชน และรว่ มดื่มนำ้ พพิ ัฒน์สตั ยากบั เหลา่ ขนุ นาง - ในสมยั พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั (ร.5) มีการปฏริ ูปการครองครงั้ ใหญ่ ได้แก่ - ยกเลิกตำแหนง่ วังหน้า และแต่งตง้ั ตำแหนง่ มกฎุ ราชกมุ าร - ตั้งสภาทป่ี รึกษาราชการแผ่นดนิ 2 สภา - ยกเลกิ ตำแหนง่ อคั รเสนาบดแี ละจตสุ ดมภ์ ตั้งกระทรวงต่าง ๆ โดยมีเสนาบดเี ปน็ ผดู้ ูแล - เริ่มใช้ “ระบบราชการ” ในส่วนภมู ิภาค : มณฑลเทศาภิบาล เมือง อำเภอ ตำบล หมบู่ า้ น - การปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ตั้งสขุ าภิบาลข้นึ : แห่งแรกคือ สขุ าภบิ าลท่าฉลอม จ.สมทุ รสาคร - เลกิ ทาส และเลกิ ไพร่ และให้มรี ะบบการเกณฑท์ หารแทน - เสดจ็ ประพาสตน้ ในประเทศ และประพาสยุโรป เพอ่ื ถว่ งดุลอำนาจของชาติล่าอาณานิคม - ชว่ งเปลยี่ นแปลงการปกครองเปน็ ประชาธปิ ไตยในสมยั ร.7 มีเหตุการณ์สำคัญ ดังนี้ - วนั ท่ี 24 มถิ ุนายน พ.ศ. 2475 เกิดการปฏวิ ัตเิ ปลยี่ นแปลงการปกครองโดย คณะราษฎร - วันท่ี 27 มิถนุ ายน พ.ศ. 2475 ร.7 พระราชทานรัฐธรรมนูญ (ฉบับชัว่ คราว) - วนั ท่ี 10 ธนั วาคม พ.ศ. 2475 ร.7 พระราชทานรัฐธรรมนูญ ฉบบั ถาวร (ฉบับแรก) - ปี พ.ศ. 2476 เกดิ ความขดั แย้งเรื่องเค้าโครงเศรษฐกจิ ท่ีรา่ งโดยปรีดี กบั เกิดกบฏบวรเดช - ปี พ.ศ. 2477 ร.7 ตัดสนิ พระทัยสละราชสมบัติ 1. หลกั เอกราช หลกั 6 ประการของคณะราษฎร 2. หลกั ความปลอดภัย : จะรักษาความเป็นเอกราชทั้งทางการเมอื ง เศรษฐกิจ และการศาล 3. หลักเศรษฐกิจ : จะรกั ษาสวัสดิภาพความปลอดภัยภายในประเทศ จะลดการประทุษรา้ ยต่อกัน 4. หลกั เสมอภาค : จะบำรงุ ความสขุ สมบรู ณท์ างเศรษฐกิจให้ราษฎร ใหท้ ุกคนมงี านทำ 5. หลกั เสรีภาพ : ให้ราษฎรมีสิทธิเสมอภาค/เท่าเทยี มกัน 6. หลักการศกึ ษา : ให้ราษฎรมีอิสรภาพและเสรภี าพ : ให้ราษฎรได้รบั การศึกษาอยา่ งเต็มท่ี สรุปเนอื้ หาวชิ าสังคมศึกษา ระดับชนั้ ม.ปลาย 30

>> เหตกุ ารณส์ ำคญั ทางการเมอื งไทย หลงั เปลยี่ นแปลงการปกครอง : สมยั เหตกุ ารณท์ างการเมอื งทสี่ ำคญั 24 ม.ิ ย. 2475 คณะราษฎรปฏวิ ตั ิเปลี่ยนแปลงการปกครอง (สมบรู ณาญาสิทธิราชย์ >> ประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษตั ริย์ทรงเป็นประมุข) 27 ม.ิ ย. 2475 ร.7 พระราชทาน พ.ร.บ. ธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามช่วั คราว 28 มิ.ย. 2475 แต่งต้งั พระยามโนปกรณน์ ิติธาดาเป็นนายกรฐั มนตรีคนแรกของไทย 10 ธ.ค. 2475 ร.7 พระราชทาน รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรสยาม 15 ม.ี ค. 2476 ปรีดี พนมยงค์ เสนอเคา้ โครงเศรษฐกิจ (สมดุ ปกเหลอื ง) และถูกกลา่ วหาว่าเปน็ คอมมวิ นิสต์ ทำให้ - เกิดความแตกแยกในรฐั สภา และปรีดตี ้องลภ้ี ัยออกนอกประเทศ - ร.7 เขยี นสมดุ ปกขาวเพอ่ื ตอบโตส้ มดุ ปกเหลอื ง 20 ม.ิ ย. 2476 พ.อ.พระยาพหลพลพยหุ เสนา รฐั ประหารยดึ อำนาจจากรัฐบาลพระยามโนปกรณฯ์ 11 ต.ค. 2476 เหตุการณก์ บฏบวรเดช : ถกู ปราบปรามโดย พ.ท.แปลก พบิ ูลสงคราม 2 มี.ค. 2477 ร.7 ทรงประกาศสละราชสมบัติ >> รัฐสภาถวายบัลลังก์ให้ ร.8 รฐั บาลพระยาพหลพล - มีการวางรากฐานระบอบการเมืองประชาธิปไตยแบบรฐั สภาโดยรัฐสภาจะพยายาม พยหุ เสนา ควบคุมฝา่ ยบริหาร รัฐบาลจอมพล ป. - กลุ่มทหารมีอำนาจทางการเมืองมาก + เปน็ ผู้กำหนดแนวทางพัฒนาเมอื งไทย พบิ ูลสงคราม (สมยั 1) - รฐั มนตรีเปน็ นายทหารประจำการ - เกิดสงครามโลก คร้ังที่ 2 จอมพล ป. พิบลู สงคราม นำไทยเข้าร่วมกับญ่ปี นุ่ - เกดิ ขบวนการเสรีไทย คอยตอ่ ตา้ นฝ่ายอักษะและญปี่ ุน่ - ฝา่ ยอกั ษะและญี่ปุน่ แพ้สงคราม ไทยจึงตกอยูใ่ นฝ่ายแพ้ดว้ ย - จอมพล ป. พบิ ลู สงคราม ต้องออกจากตำแหน่งและโดนเนรเทศไปอยู่ปีนงั รฐั บาล ม.ร.ว.เสนีย์ - แกนนำขบวนการเสรีไทย และเป็นผู้แก้สถานการณ์บา้ นเมืองจากทตี่ กเปน็ ฝา่ ยแพ้ ปราโมช สงครามโลกครง้ั ท่ี 2 ได้กลายมาอยู่กบั ฝ่ายชนะได้ - เกดิ พรรคการเมอื งตา่ ง ๆ หลายแนวทาง เชน่ เสรีนิยม สงั คมนยิ ม อนรุ กั ษน์ ยิ ม 9 ม.ิ ย. 2489 ร.8 สวรรคต >> ปรีดี พนมยงค์ ถกู ใส่ร้ายว่าพัวพันกับการสวรรคต จนตอ้ งล้ีภัย 8 พ.ย. 2490 เกดิ รัฐประหาร นำโดย พลโท ผนิ ชณุ หะวณั และใหน้ ายควง อภยั วงศเ์ ป็นนายกฯ ช่ัวคราว (ไมถ่ ึง 6 เดือน) และจึงยกให้จอมพล ป. กลับมาเป็นนายกฯ อีกคร้งั รัฐบาลจอมพล ป. - 1 ต.ค. 2491 เกิดกบฏเสนาธกิ าร/กบฏนายพล พบิ ูลสงคราม (สมยั 2) - 26 ก.พ. 2492 เกิดกบฏวังหลวง นำโดย ฝา่ ยนายปรดี ี พนมยงค์ - 29 ม.ิ ย. 2494 เกดิ กบฏแมนฮัตตนั นำโดย ฝ่ายทหารเรือ >> ทหารเรอื ถูก ลดบทบาทการเมือง - จอมพล ป. มกี ารถว่ งดุลอำนาจของ 2 กลมุ่ ทไี่ มถ่ ูกกัน คือ 1) พล.ต.อ. เผา่ ศรียานนท์ “ไม่มีอะไรภายใต้ดวงอาทติ ย์ท่ีตำรวจไทยทำไม่ได้” 2) จอมพล สฤษดิ์ ธนะรชั ต์ “พบกนั เม่ือชาติตอ้ งการ” สรปุ เน้ือหาวชิ าสังคมศึกษา ระดบั ชั้น ม.ปลาย 31

สมยั เหตกุ ารณท์ างการเมอื งทส่ี ำคญั 26 ก.พ. 2500 16 ก.ย. 2500 - จอมพล ป. ตงั้ เวทไี ฮค์ปาร์คทสี่ นามหลวง จากการไปเห็นท่ี USA และ UK ประชาชนไม่ยอมรับผลการเลือกต้ัง เพราะมีการทุจรติ โดย ฝ่ายจอมพล ป. รัฐประหาร 2501 จอมพล สฤษดิ์ ธนะรชั ต์ กอ่ การรัฐประหารรัฐบาลของจอมพล ป. รัฐบาลจอมพล ถนอม และให้นายพจน์ สารสนิ เปน็ นายกฯ 90 วนั (รักษาการณ์) กิตติขจร และจัดการเลอื กตัง้ ได้ พลโท ถนอม กติ ตขิ จร เปน็ นายกฯ - จอมพล สฤษดิ์ ธนะรชั ต์ ก่อการรฐั ประหารยดึ อำนาจ และเป็นนายกฯ รัฐประหาร 2514 - เรมิ่ ตน้ ยคุ เผด็จการแบบพอ่ ขุนภายใต้ สฤษดิ์ โดยมี ถนอม เปน็ ผู้สืบทอด 14 ต.ค. 2516 - เกดิ รฐั ธรรมนูญ 2502 ทใี่ หอ้ ำนาจแกน่ ายกฯ มาก ๆ (ม.17) 14 ต.ค. 16 - สบื ทอดรูปแบบการปกครองเผด็จการมาจาก จอมพล สฤษด์ิ แตไ่ ม่มบี ารมเี ท่า - ลกู ชายของ จอมพล ถนอม คอื พ.อ. ณรงค์ กิตติขจร ไดเ้ ลือ่ นยศอย่างรวดเรว็ 2516-1519 เกินหนา้ นายทหารคนอน่ื และใช้อำนาจคกุ คามผูม้ ีอำนาจทางการเมืองกล่มุ อืน่ 6 ต.ค. 2519 - การเขา้ แถวยาวเหยยี ดพร้อมสำมะโนครวั เพือ่ ใชซ้ ้ือขา้ วสาร รัฐบาลนายธานินทร์ - การขาดแคลนนำ้ ตาล กรยั วเิ ชยี ร - เฮลคิ อปเตอร์ของคณะล่าสัตวต์ กท่ีทุ่งใหญ่ ซ่ึงเป็นปา่ สงวน รฐั บาล พล.อ.เกรียงศกั ด์ิ - การต่ออายรุ าชการของ จอมพล ถนอม ชมะนนั ท์ รัฐบาล พล.อ.เปรม จอมพล ถนอม รฐั ประหารตัวเอง แลว้ จดั ตั้งคณะปฏวิ ตั ขิ ึน้ มาปกครองประเทศ ตณิ สลู านนท์ นิสิตนักศกึ ษาและประชาชน ชมุ นุมประท้วงขับไลร่ ัฐบาลเผด็จการของ จอม ถนอม รฐั บาล พล.อ.ชาติชาย ชณุ หะวณั - จอมพล ถนอม ใชก้ ำลงั ทหารพร้อมอาวธุ สงครามเข้าปราบปรามการชุมนมุ - ถนอม ประภาส และณรงค์ ถูกกดดันใหต้ ้องลีภ้ ยั ออกนอกประเทศ - แต่งตง้ั นายกฯ คนใหมค่ อื นายสญั ญา ธรรมศกั ด์ิ - นสิ ติ นิ ักศกึ ษา ทำการปลกุ ระดมชาวนา กรรมกรให้ลกุ ขึน้ มามีปากเสยี ง - กลุม่ นายทุนเสยี ผลประโยชน์ จงึ ตอ่ ต้านด้วยการกล่าวหาวา่ เปน็ คอมมิวนิสต์ จอมพล ถนอม เดนิ ทางกลบั เขา้ ประเทศ ทำให้เกิดการต่อต้านจากนิสิตนักศึกษาจน ลุกลามเปน็ เหตกุ ารณ์การปิดล้อมเข้าถลม่ มธ. - ต่อตา้ นลัทธติ อมมิวนิสต์ - ประกาศรฐั ธรรมนูญ 2519 ซึ่งเป็นเผด็จการมาก ๆ (ม.21) - เกดิ การปฏริ ูปการปกครองแผน่ ดิน โดย พล.ร.อ. สงัด ชะลออยู่ เป็นหวั หน้า - ได้เปน็ นายกฯ หลงั การรัฐประหารยดึ อำนาจ - เกิดรัฐธรรมนูญ 2521 ทำให้ พล.อ. เกรียงศกั ด์ิ ชมะนันท์ ได้เป็นนายกฯ อกี ครงั้ ในฐานะนายกฯ คนนอก ไดเ้ พราะเสยี ง ส.ว. - นโยบายการเมอื งนำทหาร - ปราบปรามพรรคคอมมิวนิสต์แหง่ ประเทศไทย (พ.ค.ท.) จนสลายตัว - นโยบายเปลย่ี นสนามรบเป็นสนามการค้า (ชายแดนไทย-เขมร) สรุปเนอ้ื หาวิชาสงั คมศึกษา ระดับชนั้ ม.ปลาย 32

สมยั เหตกุ ารณท์ างการเมอื งทสี่ ำคญั รัฐประหาร 2534 - คาดการณว์ ่าไทยจะเปน็ “เสอื ตัวที่ 5 ของเอเชยี ” ต่อจาก เกาหลีใต้ ฮ่องกง รฐั บาล พล.อ.สจุ ินดา สิงคโปร์ และไตห้ วนั คราประยูร - มกี ารโจมตีรฐั บาลว่ามกี ารคอรร์ ัปชันมากมาย พฤษภาทมฬิ รัฐประหาร 2549 - โดยคณะรกั ษาความสงบเรยี บรอ้ ยแห่งชาติ (รสช.) พฤษภาอำมหติ 2553 นำโดย พล.อ.สนุ ทร คงสมพงษ์ และ พล.อ. สจุ ินดา คราประยรู รัฐประหาร 2557 - เปน็ นายกฯ ที่ไมไ่ ด้มาจากการเลือกตั้งโดยตรง + อยู่เบอื้ งหลงั คณะ รสช. + ทำ เพื่อประโยชนข์ องตัวเอง (พร้อมคำพูด “เสียสัตย์เพอื่ ชาต”ิ ) การเลอื กตัง้ 2562 - ประชาชนประท้วงรัฐบาลของ พล.อ.สุจนิ ดา จนนำไปสู่ “พฤษภาทมฬิ ” - ทำให้ไดน้ ายกทม่ี าจากการเลือกตั้ง - ทหารลดบทบาททางการเมืองลง - เกดิ รัฐธรรมนญู 2540 ซ่ึงมีความเปน็ ประชาธิปไตย - รฐั บาลถกู กล่าวหาว่าเป็นเผดจ็ การ โดยเฉพาะการครอบงำสอ่ื - เกดิ การชุมนมุ ตอ่ ตา้ นรฐั บาล พ.ต.ท.ทักษณิ ชินวตั ร - เกดิ การรัฐประหาร นำโดย พล.อ.สนธิ บุญรตั นกลิน - เกิดการชุมนมุ ตอ่ ต้านรฐั บาลนายอภสิ ทิ ธิ์ เวชชาชวี ะ โดย นปช. (เสื้อแดง) - รองนายกฯ นายสุเทพ เทอื กสบุ รรณ ส่งั การสลายการชุมนมุ โดยใช้กระสุนจรงิ ได้ - ผชู้ มุ นุมไมพ่ อใจท่ีถูกยตุ กิ ารชมุ นมุ จึงไปเผาศาลากลางจังหวดั หลายแหง่ - มีผเู้ สียชวี ติ 56 ศพ สญู หาย 51 คน และอาคารหลายแหง่ ถกู เผา - เกิดการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวตั ร โดยกลุ่ม กปปส. ซ่ึงนำ โดย นายสเุ ทพ เทอื กสบุ รรณ - เกดิ เหตุการณ์ชัตดาวน์ กรุงเทพมหานคร ปิดสถานที่ราชการหลายแหง่ - เกดิ การรัฐประหาร โดย คณะรักษาความสงบแหง่ ชาติ (คสช.) นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จนั ทรโ์ อชา และเปน็ นายกฯ - เกดิ รัฐธรรมนูญ 2557 ซง่ึ ใหอ้ ำนาจหัวหนา้ คสช. มาก (ม.44) - กกต. ซง่ึ แต่งต้ังโดย คสช. ประกาศผลการเลือกตงั้ หลังการเลอื กต้งั กว่า 1 เดอื น ท่ามกลางขอ้ สงสัยกรณกี ารทจุ รติ การเลอื กต้ังมากมาย - พรรคพลงั ประชารฐั ได้จัดตั้งรฐั บาลร่วมแซงหนา้ พรรคที่ได้รบั คะแนนอันดับ 1 อยา่ งพรรคเพือ่ ไทย - รฐั ธรรมนญู 2560 ให้ ส.ว. ท่ี คสช. แต่งตงั้ เข้ามามสี ิทธิเลือกนายกฯ ได้ - พรรครว่ มรัฐบาลและ ส.ว. เลอื ก พล.อ.ประยทุ ธ์ เป็นนายกฯ ต่ออกี ครง้ั - องค์กรอสิ ระตา่ ง ๆ รวมทัง้ ศาลรัฐธรรมนญู ลว้ นถกู แต่งตงั้ โดย คสช. ทงั้ สิน้ สรปุ เนอื้ หาวชิ าสังคมศึกษา ระดบั ชน้ั ม.ปลาย 33

>> เหตกุ ารณส์ ำคญั ดา้ นพฒั นาการทางเศรษฐกจิ ไทย : - เศรษฐกิจไทย แบง่ เปน็ 2 ระยะ คอื ❖ เศรษฐกิจแบบธรรมชาต/ิ แบบยังชีพ : สโุ ขทัย-พ.ศ. 2398 ❖ เศรษฐกจิ แบบเงนิ ตรา การคา้ การสง่ ออก : พ.ศ. 2398-ปัจจบุ นั - เศรษฐกิจสโุ ขทัย ❖ มีสินค้าออกสำคัญ คอื ของป่า ปลกู ขา้ วเปน็ หลกั แต่ทำนาไม่คอ่ ยได้ผล จึงตอ้ งมีระบบ ชลประทานช่วย ได้แก่ สรีดภงค์ (เขือ่ น) ตระพัง (บอ่ นำ้ ) ❖ การค้าเสรี (ไม่เก็บจงั กอบ) แลกเปลยี่ นของกนั ทต่ี ลาดปสาน และมกี ารค้ากบั จนี ในระบบ บรรณาการ เรยี กว่า จ้มิ ก้อง - เศรษฐกิจอยธุ ยา ❖ มีทำเลทต่ี ้ังเหมาะสมแกก่ ารเพาะปลกู และการเปน็ เมืองทา่ ทำให้ ศก. ดี ❖ สามารถผลิตขา้ วได้มาก - เศรษฐกจิ รตั นโกสินทรต์ อนตน้ ❖ ยงั คงเป็นการผลติ แบบยงั ชพี อาชีพหลกั เปน็ เกษตรกรรม ❖ มีการคา้ กับจีนมากท่สี ุด ภาษที ่ที ำรายไดใ้ หร้ ัฐมากทีส่ ุดคือ ภาษเี บยี้ บอ่ น ❖ คนจนี เร่มิ เข้ามาในดินแดนมากขึ้น สมัย ร.2 จึงเกดิ การผกู ปีข้ ้อมอื จีน ❖ สมยั ร.3 เกดิ ระบบเจา้ ภาษีนายอากร สำหรับให้เอกชนมาประมูลการจัดเก็บภาษตี า่ ง ๆ มีการทำสนธสิ ัญญาเบอร์นกี ับองั กฤษ (ไทยยงั ไม่เสียเปรียบ) และการคา้ สำเภากบั จีนรุ่งเรอื ง - เศรษฐกิจสมัยหลังทำสนธิสญั ญาเบาว์ริง ❖ ยกเลกิ ระบบพระคลังสินคา้ ไปเป็นการค้าแบบเสรี ❖ ไทยเสียสิทธสิ ภาพนอกอาณาเขต ❖ ใหเ้ กบ็ ภาษีขาเข้าไดไ้ มเ่ กิน 3% และยกเลกิ ภาษปี ากเรือ >> ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งประเทศของไทย : - การรบกับพมา่ สิน้ สุดลงในสมยั ร.3 - การคา้ กับจีนในระบบบรรณาการ ยกเลิกในสมยั ร.4 - อังกฤษไม่พอใจการคา้ แบบผูกขาดและการเกบ็ ภาษซี ้ำซอ้ น จึงสง่ ทตู มาเจรจาในสมยั ร.3-ร.4 - สมัย ร.5 เกดิ การแข่งขนั กนั ลา่ อาณานคิ มขององั กฤษกบั ฝร่งั เศส ไทยจงึ เจรจาให้ไทยเป็น “รัฐกนั ชน” สรปุ เน้ือหาวชิ าสังคมศึกษา ระดบั ชน้ั ม.ปลาย 34

สรปุ เนอ้ื หา เรอื่ ง ประวตั ศิ าสตร์โลก >> ประวตั ศิ าสตรจ์ นี : - แหลง่ อารยธรรมลมุ่ แมน่ ำ้ ฮวงโห ขุดพบหลักฐานโบราณคดี 2 ยุค ดังน้ี ❖ วัฒนธรรมหยางเชา : ชมุ ชนมนุษยย์ ุคหนิ ใหม่ ขุดพบเคร่ืองป้ันดนิ เผาแบบลายเขียนสี ❖ วฒั นธรรมหลงชาน : ชุมชนมนุษย์ยคุ สำรดิ ขุดพบเคร่อื งปนั้ ดินเผาสีดำขัดมนั เงา - สมยั ราชวงศช์ าง ❖ อักษรจนี โบราณ : สลกั บนกระดกู สัตว์/กระดองเต่า เพ่อื ทำนายโชคชะตา ❖ ปฏิทนิ : บอกฤดกู าลไวส้ ำหรับการเพาะปลกู - สมยั ราชวงศโ์ จว ❖ แนวคดิ อาณตั สิ วรรค์ (เทียนหมิง) : เชื่อว่ากษตั รยิ เ์ ปน็ โอรสสวรรค์ ไดร้ ับอำนาจให้มาปกครอง ❖ ขงจื๊อ : เนน้ คณุ ธรรม จริยธรรม ยกย่องการศกึ ษาและจารีตประเพณี ❖ เตา๋ : เนน้ ปรบั ตัวเข้ากบั ธรรมชาติ สันโดษ เรียบง่าย ปฏเิ สธกฎเกณฑข์ องมนษุ ย์ ❖ ฟาเฉีย (นิติธรรม) : เชือ่ ว่าธรรมชาติมนุษยเ์ ป็นเลว จงึ ยึดหลักกฎหมายมาควบคุมพฤติกรรม ❖ รู้จกั คณุ สมบัตขิ องแมเ่ หลก็ / คำนวณไดว้ า่ 1 ปี มี 365 วนั / ใชต้ ะเกียบ / ขุดคลอง - ราชวงศฉ์ นิ : รวมแผ่นดินเป็นหน่งึ เดียว มผี ู้นำคอื จ๋ินซฮี อ่ งเต้ ❖ สร้างความเป็นหน่ึงเดยี วในจักรวรรดิ : บังคับใช้ภาษาจีน มาตราช่ัง ตวง วดั เหรียญกษาปณ์ ❖ ยดึ หลกั ฟาเฉีย : ปราบปรามลัทธิขงจอื๊ เผาตำราท้ิง และปราบลัทธิอื่น ๆ ด้วย ❖ สร้างกำแพงเมืองจนี : สรา้ งและต่อเตมิ จนสำเรจ็ เป็นแนวยาว เพอื่ ป้องกันชนเผา่ ทางเหนอื มารุกราน ❖ ดินปืน : เป็นชนชาติแรกในโลกท่ปี ระดิษฐด์ นิ ปนื ได้ - ราชวงศฮ์ น่ั : ชาวจนี ภมู ใิ จในยคุ น้มี ากจึงเรยี กตนเองว่า ชาวฮัน่ ❖ เส้นทางสายไหม : จากจนี ไปยุโรปใต้ เปน็ เส้นทางการค้าทสี่ ำคญั และแลกเปลย่ี นวัฒนธรรม ❖ ฟ้นื ฟูขงจือ๊ : มาใช้ใน “การสอบจอหงวน” เพือ่ เข้ารับราชการ ❖ กระดาษ : ชาติแรกในโลกทป่ี ระดิษฐก์ ระดาษได้ (ค.ศ. 105) จากเปลือกไม้ ปอ ป่าน ❖ เข็มทศิ : นำแม่เหล็กมาประดิษฐ์เข็มทศิ และใช้กบั กิจการทหารและการเดินเรอื ❖ ซือหมา่ เชยี น : บดิ าประวตั ิศาสตรโ์ ลกตะวนั ออก ผู้เขยี นหนงั สอื สอื่ จี้ - ราชวงศถ์ งั : ยคุ ทองของวรรณกรรมจนี ❖ พระถังซำจัง๋ : หรอื พระเสวยี นจา้ ง ไปอัญเชญิ พระไตรปฎิ กที่ชมพูทวปี (อนิ เดีย) ❖ เปดิ รับวัฒนธรรมของชาตอิ นื่ จนไดช้ อ่ื ว่าเป็น ศูนยก์ ลางของโลก (เมืองฉางอาน) - ราชวงศซ์ อ้ ง ❖ ประดษิ ฐ์ดินปืนทำพลุ ดอกไม้ไฟ ประทัด ❖ ประเพณรี ัดเท้าเดก็ หญงิ : นิยมในหมูช่ นชนั้ สงู รดั เท้าสตรีใหเ้ รียวเล็กเหมอื นดอกบวั - ราชวงศห์ ยวน : ชนเผา่ มองโกล (กุบไลขา่ น) ศาสนาครสิ ตร์ งุ่ เรือง - ราชวงศห์ มงิ : พยายามรกั ษาอารยธรรมจนี ทำให้ไมส่ ามารถปรับตัวรับวฒั นธรรมตะวันตกที่ไหลเขา้ มา - ราชวงศช์ งิ : ชนเผา่ แมนจู เป็นราชวงศ์สดุ ท้าย / แพ้อังกฤษในสงครามฝ่นิ สรุปเนื้อหาวิชาสังคมศึกษา ระดับช้นั ม.ปลาย 35

- ยคุ ประชาธปิ ไตย : นำการปฏวิ ัติโดย ดร.ซุน ยตั เซน โคน่ ล้มจักรพรรดปิ ยู ี - ยคุ คอมมวิ นสิ ต์ : นำการปฏวิ ตั โิ ดย เหมา เจ๋อตง ทำให้ฝ่ายประชาธปิ ไตยของเจียงไคเช็คตอ้ งล้ีไปไต้หวัน >> ประวตั ศิ าสตรอ์ นิ เดยี : - แหลง่ อารยธรรมลมุ่ แมน่ ำ้ สนิ ธุ : ขุดพบซากเมืองโมเฮนโจดาโรและเมืองฮารปั ปา ซ่ึงโดดเดน่ เรือ่ งผังเมือง - สมยั พระเวท : พวกอารยัน (ผิวขาว) เข้ามาปกครองอนิ เดยี และขับไล่ชาวพืน้ เมืองคือ พวกดราวเิ ดียน (ผวิ ดำ) ไปอยูท่ างตอนใต้ หรือไมก่ ็จับมาเป็นข้ารับใช้ ❖ มคี วามเชอ่ื ในศาสนาพราหมณ์ ❖ ระบบวรรณะ : พราหมณ์ กษตั ริย์ แพทศย์ ศทู ร และจณั ฑาล ❖ คัมภรี ์พระเวทประกอบด้วย 4 คัมภีร์ยอ่ ย ไดแ้ ก่ ฤคเวท ยชรุ เวท สามเวท และอถรรพเวท - สมยั มหากาพย์ : เกิดวรรณกรรมทีย่ ิง่ ใหญ่ 2 เร่ือง ไดแ้ ก่ ❖ มหาภารตะ : แต่งโดยฤาษีวยาส เปน็ สงครามทีย่ ิ่งใหญ่ระหว่างกษตั รยิ ์ 2 ราชวงศ์ ❖ รามายณะ : แตง่ โดยฤาษีวาลมีกิ เปน็ สงครามระหว่างคนกบั ลิง รบกับยักษ์ - สมยั จกั รวรรดมิ คธ : มีกษัตริยท์ ี่ย่งิ ใหญ่ 2 พระองค์คอื พระเจา้ พมิ พิสารและพระเจา้ อชาติศัตรู - สมยั จกั รวรรดเิ มารยะ : พระเจา้ อโศกมหาราช ทรงสนับสนุนและเผยแผ่ศาสนาพทุ ธไปยังดนิ แดนตา่ ง ๆ - สมยั ราชวงศก์ ษุ าณะ : พระเจา้ กนิษกะเป็นผู้ตงั้ มหาศกั ราช และเป็นยคุ ที่กรีกเข้ามามอี ทิ ธิพลทางเหนือ ทำใหเ้ กดิ พระพุทธรปู ซงึ่ สรา้ งเลียนแบบเทพอพอลโลของกรีกขน้ึ เรยี กวา่ พระพทุ ธรูปศิลปะคันธาระ - สมยั จกั รวรรดคิ ปุ ตะ : (ยุคทองของอินเดียและศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ด)ู ม.นาลนั ทา ผลิตสบู่ ปนู ซีเมนต์ - สมยั สลุ ตา่ นแหง่ เดลี : เป็นมุสลิมเตริ ์กท่ีเข้ามายดึ อำนาจปกครอง และพยายามบงั คับใหค้ นอินเดยี นบั ถอื ศาสนาอิสลาม ดว้ ยการเก็บ “ภาษจี ซิ ยา” ผ้ทู ่นี บั ถอื ศาสนาอ่ืน / เกิดศาสนาสิกข์ โดยท่านคุรุนานกั เทพ - สมยั จกั รวรรดโิ มกลุ : ❖ พระเจ้าอกั บาร์มหาราช : ทรงนบั ถืออสิ ลาม แต่ก็ทรงให้เสรีภาพศาสนาอ่ืนเพอื่ สนั ติภาพ ❖ พระเจ้าชาห์ เจฮนั : ผสู้ รา้ ง “ทชั มาฮาล” และ “วิหารไข่มุกทเี่ มืองอคั รา” ❖ พระเจา้ ออรงั เซบ : ทรงปราบปรามผู้ทไ่ี มถ่ ือศาสนาอิสลามอย่างรนุ แรง มีการทำลายเทวสถาน - สมยั เปน็ อาณานคิ มมขององั กฤษ : มหาตมะ คานธี เปน็ ผู้นำในการเรยี กร้องเอกราชดว้ ยวธิ ี “อวหิ ิงสา” - สมยั เอกราช : เมอ่ื ได้รบั เอกราช กเ็ กิดการแยกประเทศออกไปจากอนิ เดียคือ ปากสี ถาน บงั กลาเทศ >> ประวตั ศิ าสตรต์ ะวนั ตกยคุ โบราณ : - อารยธรรมเมโสโปเตเมยี : บริเวณแมน่ ำ้ ไทกริส-ยเู ฟรติส (ประเทศอริ ัก) เกา่ แกท่ ส่ี ุดในโลก ❖ มีหลายชนชาตเิ ขา้ มามีอทิ ธิพล >> สเุ มเรยี บาบิโลเนีย อสั ซเี รีย และคาลเดยี (บาบโิ ลนใหม)่ ❖ ซิกกูแรต : เปน็ วหิ ารขนาดใหญ่ สรา้ งพวกสุเมเรยี นเพ่อื บูชาเทพเจ้า ❖ อกั ษรคูนิฟอรม์ (ลม่ิ ) : อักษรที่เกา่ แกท่ ่ีสุดในโลก ประดษิ ฐ์โดยพวกสุเมเรียน ❖ ประมวลกฎหมายฮัมมรู าบี : ใชห้ ลัก “ตาตอ่ ตา ฟันตอ่ ฟนั ” โดยพวกบาบโิ ลเนยี น ❖ พระราชวังทเ่ี มอื งนเิ นเวห์ : เร่มิ นิยมสร้างพระราชวงั สำหรับกษตั ริย์ แทนศาสนสถาน ❖ สวนลอยแห่งบาบโิ ลน : เป็นหนงึ่ ในเจ็ดสิง่ มหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ โดยพวกคาลเดีย สรปุ เนอ้ื หาวชิ าสังคมศกึ ษา ระดับช้นั ม.ปลาย 36

- อารยธรรมอยี ปิ ต์ : บริเวณแมน่ ำ้ ไนล์ ❖ มพี นื้ ที่ท่อี ุดมสมบูรณบ์ ริเวณปากแมน่ ้ำไนลซ์ ่ึงมีลกั ษณะเปน็ รูปสามเหลี่ยม ❖ อักษรเฮียโรกลิฟกิ (รปู ภาพ) : นยิ มเขยี นบนกำแพงและกระดาษ ❖ ฟาโรห์ : กษตั ริย์อียิปต์ มฐี านะเป็นเทวราชา ❖ พรี ะมดิ : สถาปัตยกรรมที่ยง่ิ ใหญ่ เปน็ สถานท่เี กบ็ พระศพฟาโรห์ ท่เี รียกวา่ มัมมี่ ❖ เทพเจา้ : นบั ถอื เทพเจา้ หลายพระองค์ แต่ทสี่ ูงสดุ คือ เร/รา (เทพแห่งดวงอาทิตย)์ ❖ คมั ภีรม์ รณะ : คูม่ อื ปฏบิ ัตติ นกอ่ นและหลังเสยี ชวี ติ อารยธรรมกรกี อารยธรรมโรมนั เมืองเอเธนส์ : เป็นต้นแบบประชาธิปไตยของโลก ระยะแรกปกครองแบบสาธารณรัฐ ต่อมาจึงเปล่ยี นเป็น เมอื งสปารต์ า : เปน็ ตน้ แบบเผด็จการทหาร จักรวรรดิ โดยมีจกั รรพรรดิออตตาเวียน เปน็ จักรพรรดิ มกี ษตั รยิ ค์ รง้ั ละ 2 คน คนแรกของจักรวรรดิ ชาวกรีกเปน็ นกั คดิ เน้นปัจเจกบุคคล เหตุผล เสรีภาพ ชาวโรมนั เป็นนกั ปฏิบัติ เน้นระเบียบ รับผดิ ชอบ กม. ศลิ ปะกรกี เนน้ ความสวยงามอ่อนช้อย จินตนาการสูง ศลิ ปะโรมนั เน้นประโยชน์ใชส้ อย (โคลอสเซียม ถนน) สถาปัตยฯ : เสาดอริก เสาอไอโอนคิ เสาคอรนิ เธียนส์ สถาปัตยฯ : ประตูโค้ง และ โดม เหตุการณ์สำคัญ : เหตุการณ์สำคญั : - สงครามกรีก-เปอร์เซยี : กรีกชนะ เอเธนส์ยคุ ทอง - สงครามพวิ นกิ : โรมนั ชนะคารเ์ ธจ - สงครามเพโลพอนนีเชียน : สปาร์ตาชนะเอเธนส์ ครอบครองทะเลเมดเิ ตอรเ์ รเนยี น - พระเจ้าอเล็กซานเดอรม์ หาราชแห่งมาซิโดเนยี - กฎหมายสิบสองโตะ๊ : ทุกคนอยใู่ ต้ กม. เดียวกนั ขยายอาณาเขตไปไกลถึงอินเดยี - จักรวรรดิโรมันตะวนั ตกลม่ สลาย จากการถกู พวกวิซกิ อธบกุ ปลน้ สะดมและเผาเมือง ถือเปน็ การสนิ้ สดุ สมยั ประวัติศาสตร์ยุคโบราณ เม่ือปี ค.ศ. 476 >> ประวตั ศิ าสตรย์ โุ รปสมยั กลาง (ยคุ มดื ) : เป็นยคุ ท่ยี ุโรปแตกแยกออกเปน็ อาณาจักรใหญ่นอ้ ย เกิดสงครามกนั ว่นุ วาย ชาวยุโรปจึงต้องหาทพี่ ่ึงทางใจคือ ศาสนาคริสต์ ทำให้ศาสนาเขา้ มามีอทิ ธิพลในสมยั น้มี าก - อิทธพิ ลของศาสนาครสิ ต์ : มปี ระมขุ สงู สุดคอื พระสันตะปาปา Pope ❖ ครอบงำชาวยโุ รปทุกด้าน เชน่ ดา้ นเศรษฐกิจ (ชาวยุโรปเสยี ภาษใี หค้ ริสตจักร) ด้านการเมือง (พระสนั ตะปาปาแต่งต้ังกษตั ริย์) ด้านสงั คมวฒั นธรรม (วัดเปน็ ศูนยก์ ลางของสังคม) - ระบอบศกั ดนิ าสวามิภกั ดิ์ Feudalism : เปน็ การแบง่ ชนชั้นและบทบาทหนา้ ท่ีในสังคม ❖ ชนชัน้ ปกครอง Lord ได้แก่ กษตั ริย์ ขนุ นาง อัศวิน มีที่ดนิ เปน็ ของตนเอง ❖ ชนช้ันใตป้ กครอง Vassal ได้แก่ ชาวนา ทาสติดท่ีดนิ คอยทำงานรบั ใช้ lord - ระบบเศรษฐกจิ แมเนอร์ เป็นการจัดการที่ดนิ ของขุนนางผู้ครอบครอง โดยมีปราสาทอยูต่ รงกลาง - ศลิ ปะ : ได้รับอิทธิพลมาจากคริสต์ศาสนา ดังน้ี ❖ ไบแซนไทน์ วหิ ารมยี อดโดม ซ่งึ อนุรกั ษ์ศิลปะกรีกไว้ได้ ❖ โรมาเนสก์ เน้นเรยี บงา่ ย ประตูและหน้าตา่ งรูปโค้ง ผนงั หนาทบึ เชน่ หอเอนปิซา ❖ โกธิค วหิ ารมียอดแหลม เน้นประดับกระจกสี เชน่ วิหารโนตรดาม สรุปเนื้อหาวชิ าสังคมศึกษา ระดับช้ัน ม.ปลาย 37

- การฟน้ื ฟศู ลิ ปวทิ ยาการ Renaissance : เป็นการหันกลบั ไปฟืน้ ฟูความเจรญิ สมยั กรกี -โรมัน เนอ่ื งจากการลม่ สลายของจักรวรรดิไบแซนไทนท์ ำให้ศิลปะวทิ ยาการต่าง ๆ ไหลเข้าสู่ยโุ รป ❖ โยฮันเนส กูเตนเบริ ์ก ชาวเยอรมนั ประดษิ ฐแ์ ท่นพมิ พ์เปน็ คนแรก ทำใหเ้ กิดการเผยแพรค่ วามรู้ ❖ เลโอนาร์โด ดาร์วนิ ช่ี ศิลปินผ้วู าดภาพโมนาลิซา >> ประวตั ศิ าสตรย์ โุ รปสมยั ใหม่ : เร่ิมตน้ จากเหตกุ ารณ์โคลัมบสั คน้ พบดนิ แดนใหม่ - สมยั สำรวจทางทะเล : เร่มิ จากการเปิดโรงเรียนเดินเรือโดย เจา้ ชายเฮนรี นาวิกราช ❖ บาร์โธโลมิว ไดแอส ชาวโปรตเุ กส เดนิ เรือออ้ มแหลมกดู๊ โฮป (แอฟรกิ าใต้) ❖ วาสโก ดา กามา ชาวโปรตเุ กส เดนิ เรอื อ้อมแหลมกู๊ดโฮปไปถงึ อนิ เดยี ได้เปน็ คนแรก ❖ ครสิ โตเฟอร์ โคลัมบสั ชาวอติ าลี คน้ พบดนิ แดนทวีปอเมรกิ า แต่เจ้าตัวเขา้ ใจว่าเปน็ อินเดยี ❖ เฟอรด์ ินานด์ แมกเจลแลน ชาวโปรตเุ กส เดินเรือรอบโลกได้เป็นคนแรก แตเ่ จา้ ตัวตายท่ีฟลิ ิปปนิ ส์ ❖ เจมส์ คุก ชาวองั กฤษ เดินเรอื ไปพบทวปี ออสเตรเลยี ❖ อเมริโก เวสปุชช่ี ชาวอิตาลี สำรวจดินแดนใหม่ท่โี คลัมบสั ค้นพบ และระบุได้วา่ ไม่ใชท่ วปี เอเชยี - การปฏริ ปู ศาสนา : โดยมาร์ติน ลเู ธอร์ ทำให้เกิดนิกายโปรเตสแตนท์ ❖ สาเหตุเกดิ จาก นกั บวชในครสิ ตจักรมีการสะสมทรัพย์สินและถ่ายโอนใหส้ ู่ลูกหลานตนเอง ครสิ ตจักร เนน้ พธิ ีกรรมมากกวา่ หลักธรรม มีการขายใบไถ่บาปเพือ่ นำเงนิ มาสรา้ งวิหารเซนตป์ เี ตอร์ ❖ มาร์ติน ลูเธอร์ นกั บวชชาวเยอรมนั เขียนคำประทว้ งคริสตจักร 95 ขอ้ ทำใหพ้ ระสันตะปาปาขบั ไล่เขาออกจากคริสตจักร ลูเธอรจ์ งึ แยกออกมาต้ังนิกายใหมค่ ือ “โปรเตสแตนท”์ - การปฏวิ ตั วิ ทิ ยาศาสตร์ : นโิ คลสั โคเปอรน์ ิคสั พบ โลกไม่ใชศ่ ูนยก์ ลางจักรวาล แต่เป็นดวงอาทติ ย์ ❖ กาลเิ ลโอ กาลเิ ลอี บิดาแหง่ วิทยาศาสตร์สมัยใหม่ ผู้ประดิษฐ์กลอ้ งโทรทรรศน์ ❖ ไอแซค นิวตัน ค้นพบแรงโนม้ ถ่วงของโลก ❖ ฟรานซิส เบคอน แนวคิดของเขาทำใหเ้ กิด “วิธีการทางวิทยาศาสตร์” ❖ ชารล์ ดาร์วิน เสนอทฤษฎวี ิวัฒนาการ ❖ อลั เบริ ์ต ไอน์สไตน์ เสนอทฤษฎีสัมพทั ธภาพ แนวคิดที่ทำใหเ้ กิดระเบิดนวิ เคลียร์ - การปฏวิ ตั อิ ตุ สาหกรรม : ยุคทเ่ี ปลีย่ นการใช้แรงงานคนและสัตว์มาใช้เครอ่ื งจักรในการผลติ ❖ ระยะที่ 1 การปฏวิ ตั ิอตุ สาหกรรมยุคเหล็ก : ใชพ้ ลังงานไอน้ำ เรมิ่ ต้นทอี่ ุตสาหกรรมทอผ้า ❖ ระยะท่ี 2 การปฏิวตั อิ ุตสาหกรรมยุคเหลก็ กล้า : ใช้พลังงานไฟฟา้ แก๊สธรรมชาติ นำ้ มนั - การปฏวิ ตั ภิ มู ปิ ญั ญา : ❖ โทมสั ฮอบส์ : การปกครองที่ดตี อ้ งมาจากประชาชน หากมีกษัตรยิ ท์ ีด่ ีแลว้ ไม่ต้องมีรฐั บาลก็ได้ ❖ จอห์น ลอ็ ก : เสรีภาพเปน็ สทิ ธิพน้ื ฐานของมนุษย์ รฐั บาลตอ้ งมาจากประชาชน ถา้ รัฐบาลไมด่ ี ประชาชนมสี ิทธลิ ม้ ล้างได้ เป็นเจา้ แห่งสทิ ธิเสรภี าพตามธรรมชาติ ❖ มองเตสกิเออร์ : การปกครองทด่ี ีท่ีสดุ คอื กษัตริยอ์ ยู่ใตก้ ฎหมายรัฐธรรมนญู หลักการแบง่ อำนาจ อธปิ ไตยเป็น 3 สว่ น ไดแ้ ก่ อำนาจนิตบิ ญั ญตั ิ อำนาจบรหิ าร และอำนาจตลุ าการ ❖ วอลแตร์ : ประชาชนมีเสรีภาพในการแสดงความคดิ เหน็ ได้ เปน็ เจ้าทฤษฎแี หง่ สอื่ สารมวลชน ❖ ชอง ชาคส์ รุสโซ : รัฐบาลที่ดตี อ้ งมาจากประชาชน เสนอหลกั เสรภี าพ เสมอภาค และภราดรภาค เปน็ บดิ าแห่งประชาธิปไตย สรุปเน้อื หาวิชาสงั คมศึกษา ระดับช้ัน ม.ปลาย 38

- การปฏวิ ตั ทิ างการเมอื งขององั กฤษ ค.ศ. 1215 ❖ ขุนนางรวมตวั ต่อต้านการใชอ้ ำนาจทีก่ ดข่ีของพระเจ้าจอห์นท่ี 5 โดยบีบให้ลงนามและปฏบิ ตั ิตาม ใน กฎบตั รแมกนา คาร์ตา (ถอื เปน็ รฐั ธรรมนญู ฉบบั แรกของโลก) คอื กษตั รยิ อ์ ยูใ่ ตก้ ฎหมาย - การปฏวิ ตั อิ เมรกิ า ค.ศ. 1776 ❖ อเมรกิ าซึ่งเปน็ อาณานคิ มขององั กฤษ ต้องการเปน็ อสิ รภาพ จึงไดก้ อ่ สงครามกับองั กฤษ ผลคือ อเมรกิ าชนะ จงึ สามารถประกาศอิสรภาพและจดั ตั้งประเทศสหรัฐอเมริกา - การปฏวิ ตั ฝิ รงั่ เศส ค.ศ. 1789 ❖ ประชาชนรวมตัวกันโคน่ ล้มอำนาจกษตั ริย์ และเปล่ียนประเทศเป็นประชาธิปไตย - แนวคดิ ตา่ ง ๆ : เสรนี ยิ ม จักรวรรดนิ ยิ ม ชาตนิ ยิ ม สงั คมนยิ ม - ประชาชนมีเสรีภาพใน - ชาติมหาอำนาจออกล่า - รักและภาคภูมใิ จใน - ให้ทุกคนเทา่ เทียม ลด การทำสง่ิ โดยไม่ผิด กม. อาณานคิ ม ภารกิจผิวขาว ความเป็นชาตติ นเอง ความเหล่ือมลำ้ จอหน์ ลอ็ ก / รสุ โซ / การปฏิวัติฝรัง่ เศสเปน็ คาร์ล มาร์กซ์ มองเตสกิเออร์ / อดมั ต้นแบบ สมิธ - ศลิ ปะ : แบบนโี อคลาสสกิ แบบจนิ ตนยิ ม แบบสจั นยิ ม แบบบารอก เน้นสะทอ้ นสงั คม เน้นความหรหู รา ฟุ้งเฟ้อ เนน้ เหตุผล คุณคา่ มนุษย์ เนน้ อารมณ์ ความรู้สึก ศิลปะแบบอิมเพรสชนั นสิ ม์ พระราชวังแวร์ซาย / วง ดนตรีออรเ์ คสตรา โมสารท์ / บีโธเฟ่น เวริ ์ดสเวธิ / เกอเธ สรุปเนอื้ หาวิชาสงั คมศึกษา ระดบั ช้ัน ม.ปลาย 39

สรปุ เนอื้ หา เรอื่ ง เครอ่ื งมอื ทางภมู ศิ าสตร์ >> แผนที่ : การนำข้อมูลบนพืน้ ผวิ โลกมาย่อสว่ นใหเ้ ลก็ ลง โดยเขียนลงบนกระดาษ แล้วใช้สี เส้น สญั ลักษณ์ต่าง ๆ >> ประเภทของแผนท่ี : แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ไดแ้ ก่ - แผนทภี่ มู ปิ ระเทศ คอื แผนท่ีทแ่ี สดงขอ้ มูลทัว่ ไปบนพน้ื ผิวโลก เช่น ความสูงต่ำ ขนาดเล็กใหญ่ - แผนทเี่ ฉพาะเรอ่ื ง คอื แผนทีท่ สี่ ร้างข้นึ เพ่อื แสดงรายละเอียดเฉพาะเรื่อง เช่น ชนดิ ของปา่ ไม้ ลักษณะดิน >> องคป์ ระกอบของแผนท่ี : ประกอบดว้ ย - ขอบระวางแผนท่ี คือ กรอบเสน้ กั้นรูปส่ีเหลยี่ มของแผนที่ มักมีตัวเลขแสดงค่าละติจูด ลองจจิ ูด - ชอื่ แผนท่ี เพอ่ื บอกให้รวู้ ่าเป็นแผนทช่ี นิดใด - ทศิ ทาง ในแผนทท่ี ุกชนดิ จะระบุทิศทางไว้ โดยเฉพาะทศิ เหนือจะถกู ระบุเสมอ - สญั ลกั ษณ์ คอื เคร่ืองหมายท่ใี ช้แทนทสี่ งิ่ ต่าง ๆ ทปี่ รากฏบนผิวโลก โดยตอ้ งมคี ำอธบิ ายประกอบดว้ ย ❖ รปู ทรงเรขาคณิตต่าง ๆ มักใช้แทนสถานที่ หรอื กำหนดที่ตั้งจำพวกประเทศ เมอื งหลวง สนามบนิ ❖ เสน้ มกั ใช้แทนถนน แมน่ ้ำ ทางรถไฟ ❖ สี แบ่งเป็น สมี าตรฐานในแผนที่ สที ใี่ ชบ้ อกระดบั ความสงู -ตำ่ ของภมู ปิ ระเทศ 1. สดี ำ : สถานที่ตา่ ง ๆ เช่น วัด โรงเรียน 1. สีเขียว : ที่ราบ ทีต่ ่ำ หรอื ปา่ ไม้ 2. สีแดง : ถนนหนทางต่าง ๆ 2. สเี หลอื ง : เนนิ เขา ที่สูง 3. สีน้ำเงิน : บริเวณทเ่ี ป็นนำ้ 3. สเี หลอื งแก่/สม้ : ภเู ขา 4. สนี ้ำตาล : พื้นที่สูง-ต่ำ เช่น ภเู ขา 4. สนี ้ำตาลอ่อน : ภเู ขาสงู 5. สีเขยี ว : พ้ืนท่ปี า่ ไม้ พนื้ ที่การเกษตร 5. สนี ้ำตาลแก่ : ภเู ขาสูงมาก 6. สีนำ้ ตาลแดง : ภูเขาสูงชันมาก ๆ 7. สีขาว : พื้นทท่ี ม่ี หี มิ ะปกคลุม - มาตราส่วน ตวั เลขแสดงอัตราสว่ นของระยะทางบนที่แผนทีก่ บั ระยะทางบนภูมิประเทศจรงิ เช่น มาตราส่วน 1 : 250,000 (คอื 1 ซ.ม. ในแผนที่ เท่ากับระยะทางจรงิ 250,000 ซ.ม.) >> พกิ ดั ทางภมู ศิ าสตร์ : เปน็ การกำหนดตำแหน่งบนผิวโลก โดยใช้คา่ ละตจิ ูด ลองจิจดู - เสน้ ละตจิ ดู (Latitude) หรอื เสน้ ขนาน ❖ เส้นละตจิ ูด จะเป็นตวั บอก เขตอากาศของโลก ❖ เป็นเสน้ สมมตทิ ่ีลากผา่ นรอบโลกในแนวนอน หรอื ลากจากทิศตะวนั ออกไปทิศตะวนั ตก ❖ มเี ส้นเรม่ิ ต้นท่ี “เสน้ ศนู ย์สูตร” ซึ่งมคี ่า 0 องศา และยังแบง่ โลกเป็นซีกโลกเหนอื กบั ซีกโลกใต้ ❖ เสน้ ทเ่ี หลือ จะมีจำนวนซีกโลกละ 90 เส้น รวมท้ังโลกเปน็ 180 เสน้ มีเสน้ สำคญั ได้แก่ - เสน้ ศนู ย์สูตร มีค่า 0 องศา - เสน้ ทรอปกิ ออฟ แคนเซอร์ มคี ่า 23.5 องศา ในซีกโลกเหนอื - เส้นอาร์กตกิ เซอร์เคิล มีคา่ 66.5 องศา ในซกี โลกเหนือ - เสน้ ทรอปกิ ออฟ แคปรคิ อร์น มคี า่ 23.5 องศา ในซกี โลกใต้ - เสน้ แอนตาร์กตกิ เซอรเ์ คลิ มีคา่ 66.5 องศา ในซีกโลกใต้ สรปุ เนอ้ื หาวชิ าสงั คมศึกษา ระดับชนั้ ม.ปลาย 40

- เสน้ ลองจจิ ดู (Longgitude) หรือ เสน้ เมอรเิ ดยี น ❖ เส้นลองจิจูด จะเปน็ ตัวบอก เขตเวลาของโลก ❖ เป็นเสน้ สมมตทิ ีล่ ากผ่านรอบโลกในแนวตัง้ หรือลากจากทิศเหนอื ไปทิศใต้ ❖ มีเสน้ เริม่ ต้นจาก “เสน้ กรีนชิ เมอรเิ ดียน” มีคา่ 0 องศา และแบง่ โลกเป็นตะวันออกกับตะวนั ตก ❖ เส้นที่เหลอื จะมจี ำนวนซกี โลกละ 180 เสน้ รวมท้งั โลกเป็น 360 เสน้ (เสน้ 180 มีเส้นเดียว) ❖ เส้นลองจิจดู ท่ี 180 องศา ถือเป็น “เสน้ วันทส่ี ากล/เส้นแบ่งวัน” >> เครอ่ื งมอื ทางภมู ศิ าสตร์ กลมุ่ เครอ่ื งวดั : ได้แก่ บารอมเิ ตอร์ วดั ความดนั อากาศ เทอโมมเิ ตอร์ วัดอุณหภมู ิ ไซโครมเิ ตอร์ วัดความชื้นสัมพทั ธ์ ซิสโมมเิ ตอร์ วัดแรงสนั่ สะเทือน ไฮโกรมเิ ตอร์ วัดความชน้ื อากาศ แพลนมิ เิ ตอร์ วดั พนื้ ทใ่ี นแผนท่ี แอนนิโมมิเตอร์ วดั ความเรว็ ลม เรนเกจ วดั ปรมิ าณนำ้ ฝน >> เครอ่ื งมอื ทางภมู ศิ าสตร์ กลมุ่ ภมู สิ ารสนเทศ : ได้แก่ - GPS ยอ่ มาจาก Global Positioning System เป็นระบบกำหนดตำแหน่งบนพนื้ โลก - GIS ยอ่ มาจาก Geographic Information System กระบวนการประมวลผลข้อมูลพน้ื ท่ดี ว้ ย ระบบคอมพิวเตอร์ เพ่อื ใช้ในการจัดการวางแผนทรัพยากร - RS ย่อมาจาก Remote Sensing ระบบสัมผัสระยะไกลผ่านดาวเทียม >> กลมุ่ ดาวเทยี มตา่ ง ๆ : ไดแ้ ก่ - ใชพ้ ยากรณ์อากาศ ได้แก่ NOAA , GMS - ใชส้ ำรวจทรัพยากร ได้แก่ THEOS , LANDSAT , SPOT , IKONOS , QUICK BIRD - ใชท้ างสมทุ รศาสตร์ ได้แก่ SEASAT , MOS - ใชส้ ือ่ สาร ไดแ้ ก่ THAICOM , INTELSAT , ECHO สรุปเนื้อหาวชิ าสงั คมศึกษา ระดบั ชนั้ ม.ปลาย 41

สรปุ เนอ้ื หา เรอื่ ง ภมู ศิ าสตรป์ ระเทศไทย >> ลกั ษณะกายภาพของประเทศไทย : - ต้ังอย่ทู ี่ ละตจิ ดู 5-20 องศาเหนือ และลองจจิ ดู 97-105 องศาตะวันออก - มีพื้นท่ี 513,115 ตารางกโิ ลเมตร ใหญเ่ ป็นอนั ดบั ที่ 3 ของอาเซียน รองจากอินโดนเี ซีย และพม่า >> ประเทศไทยประกอบดว้ ย 6 ภาค : ไดแ้ ก่ เหนอื ตะวันออกเฉียงเหนอื กลาง ใต้ ตะวันตก และตะวนั ออก >> ลกั ษณะภมู อิ ากาศ : มี 3 ฤดกู าล คอื รอ้ น ฝน และหนาว ยกเว้นภาคใตท้ ี่มเี พียงร้อนและฝน - ฤดฝู น (พ.ค.-ก.ย.) รบั อิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใตท้ ่ีมาจากมหาสมุทรอนิ เดีย - ฤดหู นาว (ต.ค.-ก.พ.) รับอทิ ธิพลจากลมมรสมุ ตะวันออกเฉยี งเหนอื มาจากประเทศจีน - ฤดูรอ้ น (ก.พ.-พ.ค.) >> ภมู อิ ากาศในไทยตามเกณฑข์ องเคปิ เปนิ : เป็นแบบ A รอ้ น โดยแบง่ ย่อยได้ 2 ประเภท คือ - Aw ภมู ิอากาศแบบทงุ่ หญา้ สะวนั นา : ฝนตกนอ้ ย ฤดูแลง้ นาน ปา่ ผลัดใบ ปา่ เบญจพรรณ ป่าแดง - Am ภูมิอากาศแบบมรสุมเมอื งร้อน : ฝนตกชกุ ฤดูแลง้ สน้ั ปา่ ไม่ผลดั ใบ ป่าดิบชนื้ (พบท่ีภาคใต้) >> ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศในภาคตา่ ง ๆ : ภมู ปิ ระเทศ ภมู อิ ากาศ ทรพั ยากร ภาคเหนอื - เป็นทวิ เขาสลับกบั ทร่ี าบหุบเขา - ป่าเบญจพรรณ (ไมส้ กั ) กว้าง - ดบี กุ ทงั สเตน ปโิ ตรเลยี ม ดินขาว - มแี หล่งนำ้ พรุ ้อน - แม่น้ำปิง วงั ยม นา่ น ภาคตะวนั ตก - คล้ายภาคเหนือ - ปา่ เบญจพรรณ (ไมส้ ัก) - เปน็ ทิวเขาสลบั กับทรี่ าบหบุ เขา - แรด่ ีบกุ ทงั สเตน ฟอสเฟต แคบ - Aw - แมน่ ำ้ แคว แมก่ ลอง - มี 3 ฤดู ภาค - ที่ราบสูงขนาดตำ่ เกดิ จากการยก คือ ร้อน - ปา่ แดง (แพะ โคก เตง็ รงั ) ตะวนั ออกเฉยี ง ตวั ของขอบตะวันตกกับใต้ หนาว และฝน - เกลือหนิ เกลอื โพแทซ ทองแดง เหนอื (อสี าน) - มีแอง่ กระทะ คือ แอ่งโคราช ปโิ ตรเลียม รัตนชาติ (พลอย) แอ่งสกลนคร ภาคกลาง - เป็นท่ีราบดนิ ตะกอน - ป่าเบญจพรรณในเขตตอนบน - แม่นำ้ ป่าสัก เจ้าพระยา ท่าจีน ลพบรุ ี ภาคตะวนั ออก - ตอนบนเป็นทิวเขาสลบั กบั ที่ราบ - ป่าไม้ผลดั ใบ/ไม่ผลดั ใบ ลกู ฟูก - แรท่ รายแกว้ ปิโตรเลยี ม - ตอนกลางเป็นท่รี าบบางปะกง - Aw - แมน่ ำ้ บางปะกง - ตอนลา่ งเป็นทีร่ าบชายฝง่ั ทะเล จันทบุรี ตราด ภาคใต้ - เป็นคาบสมทุ ร ทิวเขา และท่ี และภาคใต้ - ปา่ ไม้ผลัดใบ ป่ารกทึบ ปา่ ดงดิบ ราบชายฝง่ั ทะเล - แร่ดบี ุก ทังสเตน ยปิ ซัม - แมน่ ้ำตาปี ชุมพร โกลก สรุปเนอื้ หาวิชาสงั คมศกึ ษา ระดับชนั้ ม.ปลาย 42

สรปุ เนอื้ หา เรอื่ ง ปรากฏการณท์ างภมู ศิ าสตร์ >> เอกภพและโลก : : 21 มีนาคม วันทเี่ วลากลางวนั และกลางคนื ยาวนานเท่ากัน - วสนั ตวษิ วุ ตั : 22 กันยายน วันทเ่ี วลากลางวนั และกลางคนื ยาวนานเทา่ กนั - ศารทวษิ วุ ตั : 21 มถิ นุ ายน วันท่ีเวลากลางวันยาวนานกว่ากลางคืน - ครษี มายนั : 22 ธันวาคม วันที่เวลากลางคืนยาวนานกว่ากลางวนั - เหมายนั >> การเกดิ ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศ : การแปร - หบุ เขาทรุด (graben) สณั ฐาน - ภูเขาบล็อกท่ีเกิดจากรอยเล่ือน (horst) เช่น แบล็กฟอเรสต์ เซียร์ราเนบาดา โวซ - ทรี่ าบสงู ทเี่ กิดจากรอยเล่อื น เชน่ ปาตาโกเนยี เดกกนั ฮาร์ต โคลัมเบยี - ท่ีราบสูงภูเขาไฟที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟ เชน่ แอนทรีม บรติ ชิ โคลัมเบยี การปรบั ระดบั 1) เกดิ จากการกระทำของแม่น้ำ/ธารน้ำไหล เช่น ทร่ี าบนำ้ ทว่ มถงึ , ลานตะพกั ลำนำ้ , ดนิ ผวิ แผน่ ดนิ ดอนสามเหลยี่ ม , คนั ดนิ ธรรมชาติ , ทะเลสาบรูปแอก/กุด , แก่ง , นำ้ ตก , กุมภลกั ษณ์ , แคนยอน/หุบผาชัน , โกรกธาร , เสาดนิ 2) เกดิ การการกระทำของนำ้ ใต้ดิน เช่น ถำ้ , หลมุ ยุบ , หินงอกยอ้ ย , พนุ ้ำร้อน , กีเซอร์ 3) เกดิ จากการกระทำของลม เช่น แอง่ ในทะเลทราย , เนนิ ทราย , เลิสส์/ท่ีราบลมหอบ 4) เกิดจากการกระทำของธารน้ำแข็ง เช่น ธารนำ้ แข็งหบุ เขา (เซิร์ก , อะเร็ท , ฮอร์น , ฟยอร์ด) , ธารน้ำแขง็ ภาคพืน้ ทวีป (ทะเลสาบธารนำ้ แข็ง , ทร่ี าบเศษหนิ ธารน้ำแขง็ ) 5) เกิดจากการกระทำของคลน่ื นำ้ ขึ้นน้ำลง และกระแสนำ้ เชน่ แหลม , อ่าว สะพานหนิ ธรรมชาติ , โพรงหนิ ชายฝั่ง , ท่ีราบนำ้ ทะเลท่วมถึง , ท่รี าบชายฝ่งั , หาดและสันทราย การกระทำจากภายนอกโลก - อุกาบาต >> ปรากฏการณท์ างภมู ิศาสตร์ : 1. การเปล่ยี นแปลงของเปลอื กโลก การกระทำของแรงนำ้ ไหล - เสาดิน เชน่ แพะเมอื งผี , ฮ่อมจ๊อม , โป่งยุบ , ละลุ กระบวนการภเู ขาไฟ - วนอทุ ยานเขากระโดง ภูองั คาร ภูพนมร้งุ , ปล่องภเู ขาไฟ , เขาหลวง นำ้ ลม อณุ หภมู ิ - เสาหนิ รปู เห็ด เชน่ เสาเฉลียง , ภูผาเทิบ , ป่าหินงาม , หอนางอษุ า 2. การเปล่ียนแปลงของบรรยากาศโลก การกระทำของอณุ หภมู ิ - นำ้ ค้างแข็ง หรือเหมยขาบ , แม่คะนิง้ - ลกู เหบ็ สมั พนั ธก์ ับเมฆควิ มูโลนิมบัส , ตกช่วงพายฝุ นฟ้าคะนอง ฤดรู อ้ น พายหุ มนุ - พายุหมนุ เขตรอ้ น เกดิ บรเิ วณนา่ นน้ำในเขตละติจูดตำ่ - พายุหมุนนอกเขตรอ้ น เกิดบรเิ วณนา่ นนำ้ ในเขตละติจดู กลางและเหนือข้นึ ไป - พายุทอรน์ าโด มีขนาดเลก็ สดุ รุนแรงสุด (เกดิ เหนอื น้ำ : นาคเล่นนำ้ ) สรุปเน้ือหาวิชาสงั คมศึกษา ระดบั ชน้ั ม.ปลาย 43

สรปุ เนอื้ หา เรอื่ ง การเปลย่ี นแปลงเชงิ ภมู ศิ าสตรแ์ ละภยั พบิ ตั ิ >> การเปลย่ี นแปลงเชงิ ภมู ศิ าสตร์ : ความหมาย ผลกระทบ เอลนโี ญ เกิดจากกระแสน้ำอุ่นไหลย้อนกลับจากบรเิ วณศนู ย์ - บริเวณที่เคยมีฝนตกชุก กลับแห้งแล้ง สูตรทางมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกไปทาง เชน่ ฝง่ั ตะวนั ออกของทวปี เอเชีย มหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออก เนื่องจากลมสินค้ามี - บริเวณที่แห้งแล้ง กลับฝนตกชุก เช่น กำลังออ่ นลง ฝ่งั ตะวันตกของทวปี อเมริกา - เกดิ ไฟป่า ฝง่ั ตะวันออกของทวีปเอเชีย ลานญี า เป็นสภาวะตรงขา้ มกับเอลนโี ญ ปรากฏการณ์ ได้แก่ คาร์บอนไดออกไซด์ มีเทน ไนตรัสออกไซด์ - อุณหภูมิโลกสูงขึน้ ระดับน้ำทะเลสงู ขนึ้ เรอื นกระจก คลอโรฟลูออโรคาร์บอน CFC ธารนำ้ แขง็ ขัว้ โลกละลาย - มนุษย์เปน็ โรคมะเร็งผิวหนงั การระบาด ของแมลงศัตรพู ชื ปะการังฟอกขาว >> ภยั พบิ ตั ขิ องโลกและของไทย : - แผน่ ดนิ ไหว Earthquake : - เกดิ จากการเคลอ่ื นท่ขี องเปลือกโลก มักเกดิ ทเี่ ขตโครงสร้างหนิ ใหม่ เพราะเป็นบรเิ วณท่ีเปลือกโลก ยังไม่มั่นคง แนวเปลือกโลกที่เกิดแผ่นดินไหวบ่อยและมีความรุนแรงมากที่สุดอยู่บริเวณขอบ มหาสมุทรแปซฟิ ิก เรียกว่า แนววงแหวนไฟแปซิฟิก The Pacific of Fire - ภเู ขาไฟ Volcanic : - เกดิ จากการเคล่ือนทขี่ องเปลือกโลก พบบรเิ วณตามแนววงแหวนไฟแปซิฟกิ - สนึ ามิ Tsunami : - เกิดจากการเคลอ่ื นท่ีของเปลือกโลก มักเกดิ บรเิ วณขอบมหาสมุทรแปซิฟิก มหาสมทุ รแอตแลนติก มหาสมทุ รอนิ เดยี ทะเลเมดิเตอรเ์ รเนียน ทะเลแครบิ เบียน และหม่เู กาะอนิ โดนเี ซยี - แผ่นดินถล่ม Landslide : - มกั เกิดจากพายหุ มนุ เขตร้อนทำให้ฝนตกหนักตอ่ เนอื่ ง และการทำลายปา่ ไม้ - พายุหมนุ Cyclone : เรยี กช่ือตามแหลง่ กำเนิด เฮอรเิ คน ความเรว็ ลม - ไตฝ้ ุ่น > 118 กม./ชม. - โซนร้อน 63-118 กม./ชม. ไตฝ้ นุ่ - ดเี ปรสชัน < 63 กม./ชม. ไซโคลน วลิ ล-ี่ วลิ ลี่ สรปุ เนอ้ื หาวิชาสังคมศกึ ษา ระดบั ชั้น ม.ปลาย 44

สรปุ เนอ้ื หา เรอ่ื ง ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม >> มาตรการในการจดั การดา้ นทรพั ยากรและสงิ่ แวดลอ้ มโลก : มาตรการ สาระสำคญั Agenda 21 แผนปฏิบตั ิการเพือ่ การพฒั นาอย่างยั่งยืนและสมดุลด้านสงั คม เศรษฐกิจ และสิง่ แวดล้อม พธิ สี ารเกียวโต เพื่อลดการปลอ่ ยก๊าซเรอื นกระจก เพือ่ ลดอณุ หภูมโิ ลก อนสุ ญั ญาเวยี นนาและ เพ่ือป้องกนั การทำลายชั้นโอโซน พธิ สี ารมอนทรอี อล (เกยี่ วขอ้ งกบั กระทรวงอตุ สาหกรรม) อนสุ ญั ญา เพอื่ ป้องกันชน้ั บรรยากาศโลก โดยการรักษาระดับปริมาณแกส๊ เรอื นกระจก UNFCCC อนสุ ญั ญาไซเตส เพือ่ อนรุ ักษส์ ตั วป์ ่าและพชื ป่าท่ีใกล้สญู พนั ธ์ุ อนสุ ญั ญา CBD เพื่ออนรุ กั ษค์ วามหลากหลายทางชีวภาพ อนสุ ญั ญาบาเซลิ เพื่อควบคมุ การขนส่งสารเคมอี นั ตรายและการกำจดั ของเสีย อนสุ ญั ญาแรมซาร์ เพอ่ื อนรุ ักษแ์ ละฟนื้ ฟพู นื้ ทชี่ มุ่ นำ้ อนสุ ญั ญารอตเตอดมั การแจ้งขอ้ มูลสารเคมอี ันตรายและสารเคมีกำจัดศตั รูพืชลว่ งหน้า อนสุ ญั ญา UNCCD การต่อตา้ นการแปรสภาพเป็นทะเลทราย อนสุ ญั ญา WHC การคุ้มครองมรดกโลกทางวฒั นธรรมและทางธรรมชาตขิ องโลก >> องคก์ รทมี่ บี ทบาทการจดั การดา้ นทรพั ยากรธรรมชาติ : - องคก์ รกรนี พีช Greenpeace : รณรงค์ตอ่ ต้านการจัดสร้างเตาเผาขยะท่ีไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งส่งผลให้เกดิ สารท่ีกอ่ ให้เกิดมะเร็ง ลดการใช้พลังงานสกปรก จากเชอื้ เพลิงฟอสซลิ แลว้ ใชพ้ ลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์ - กองทนุ สัตว์ป่าโลก WWF (World Wide Fund for Nature) : อนุรกั ษ์และแกป้ ญั หาการเปลีย่ นแปลงภมู ิอากาศ ป่าไม้ นำ้ จืด ทะเล พนั ธุ์พชื พนั ธส์ุ ตั ว์ การพัฒนาท่ียง่ั ยนื - กองทนุ สิ่งแวดล้อมโลก GEF (Global Environment Facility) : แก้ไขปัญหาการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ความเสื่อมโทรมของน่านน้ำสากล การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ และการลดลงของชนั้ โอโซน >> แนวทางการอนุรักษ์ทรัพยากรและสงิ่ แวดลอ้ ม : Reject (ปฏิเสธการใช้) Preservation (การถนอม) Repair (ซอ่ มแซม) Restoration (การบรู ณะ) Recovery (ปรับสภาพกลบั มาใช้) Reuse (นำกลบั มาใช้ใหม่) Renewal (แตง่ เติมของเกา่ ) Recycle (นำไปผลติ ใหม่) Reduce (ลดการใช้) สรุปเนือ้ หาวชิ าสังคมศกึ ษา ระดับช้นั ม.ปลาย 45


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook