กาพยเ์ หช่ มเคร่ืองคาวหวาน ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี ๑ ครสู ุภารักษ์ แดนกาไสย
ประวัตผิ ูแ้ ตง่ กาพยเ์ หช่ มเคร่อื งคาวหวาน เปน็ พระราชนพิ นธ์ใน พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลิศหล้านภาลยั (รัชกาลที่ ๒)
ประวตั ิผแู้ ตง่ - เปน็ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟา้ จุฬาโลก มหาราช - พระราชสมภพเมื่อวนั ที่ ๒๔ กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๓๑๐ - สวรรคต พ.ศ. ๒๓๖๗ - เป็นพระมหากษตั รยิ ์รัชกาลที่ ๒ แหง่ ราชวงศจ์ กั รี - เป็นทั้งนกั รบ นักปกครอง นกั บรหิ าร ศลิ ปนิ กวแี ละชา่ ง
ประวตั ผิ ้แู ต่ง - เป็นผู้ทานุบารงุ ศิลปะทกุ ประเภท ท้งั วรรณคดี ศิลปะ นาฏศลิ ป์ - พระราชนพิ นธ์ *ละครใน เรอ่ื งอิเหนา รามเกยี รติ์ *ละครนอก เร่ืองไกรทอง สังขท์ อง ไชยเชษฐ์ มณพี ชิ ัย และคาวี - เพลงพระราชนิพนธ์ คอื เพลงพระสบุ นิ หรอื บุหลันลอยเล่ือน
ประวตั ิผูแ้ ต่ง - เคร่อื งดนตรีประจำพระองค์ คือ ซอสำมสำยหรอื ซอสำยฟำ้ ฟำด - ไดร้ บั กำรยกยอ่ งจำกองคก์ ำรยเู นสโก ให้เป็นบคุ คลสำคญั ของโลก ในปี พ.ศ. ๒๕๑๑ - รฐั บำลกำหนดให้วนั ท่ี ๒๔ กมุ ภำพนั ธข์ องทกุ ปี เปน็ วันศิลปนิ แหง่ ชำติ
ประวัติผ้แู ต่ง ซอสำยฟำ้ ฟำด ประตูไม้แกะสลกั
ประวัติความเป็นมา กำพย์เห่ชมเคร่อื งคำวหวำน เดิมกำพยเ์ หห่ รอื บทเห่ มกั เปน็ บททใ่ี ชใ้ นกำรเห่เรอื กำพยเ์ ห่ เรอื ทีไ่ ด้รับกำรยกย่องว่ำแตง่ ดีทีส่ ุด คือกำพย์เหเ่ รอื ของเจ้ำฟ้ำกุ้ง ซ่งึ เป็นบทเห่ชมเรือกระบวน ชมธรรมชำติ ชมนำง ใช้ประกอบใน พระรำชพิธีทพ่ี ระมหำกษตั ริย์เสรจ็ ทำงชลมำรค
ประวัติความเปน็ มา กำพย์เหช่ มเครอ่ื งคำวหวำน ต่ำงไปจำกกำพย์เห่เรอื เพรำะ เปน็ กำรพรรณนำเกี่ยวกับอำหำร ทส่ี ะท้อนฝมี ือกำรปรุงอำหำร ของสมเด็จพระศรสี รุ เิ ยนทรำ บรมรำชินี กำพย์เห่ชมเครอ่ื งคำวหวำนจงึ ประกอบไปด้วย กำรชมเครื่อง คำว ชมผลไม้ ชมเครือ่ งหวำน เห่ครวญเขำ้ กับนกั ขัตฤกษ์และ เห่เจำ้ เซน็
ลักษณะคาประพนั ธ์ กำพยเ์ ห่ชมเครอ่ื งคำวหวำนจึงถือไดว้ ำ่ ใช้ฉันทลักษณ์ เชน่ เดียวกบั กำพยเ์ ห่เรือของเจ้ำฟ้ำกุ้ง กำพยเ์ ห่ชมเครอ่ื งคำวหวำน แต่งขึ้นต้นดว้ ยโคลงสีส่ ุภำพ ๑ บท และตำมด้วยกำพย์ยำนี ๑๑ โคลงส่สี ุภำพและกำพยบ์ ทแรก จะเลยี นควำมกนั (แตง่ เนื้อหำเหมอื นกัน)
ลักษณะคาประพนั ธ์ สแี ดง – คำเอก สฟี ้ำ - คำโท ฉนั ทลักษณ์โคลงส่สี ภุ ำพ
ลกั ษณะคาประพันธ์ ฉนั ทลกั ษณ์กำพย์ยำนี ๑๑
เนือ้ หาของกาพยเ์ ห่ชมเคร่อื งคาวหวาน เหช่ มเครือ่ งคาว เหช่ มเครือ่ งหวาน เห่ชมผลไม้ เห่ครวญเขา้ กบั นักขัตฤกษ์ เหเ่ จา้ เซ็น
ใหน้ กั เรยี นตั้งใจฟงั พร้อมบอกชื่ออาหารจากคลปิ วีดโิ อให้ถกู ตอ้ ง
บทประพนั ธ์เหช่ มเครอื่ งคาว “แกงไกม่ ัสม่นั เน้อื นพคณุ พ่ีเอย หอมยหี่ รา่ รสฉุน เฉียบรอ้ น ชายใดบรโิ ภคภญุ ช์ พศิ วาส หวังนา แรงอยากยอหตั ถ์ข้อน อกให้หวนแสวง” แกงมสั มน่ั
บทประพันธ์เหช่ มเครอื่ งคาว “มัสมนั่ แกงแก้วตา หอมยีห่ ร่ารสร้อนแรง ชายใดได้กลืนแกง แรงอยากให้ใฝฝ่ นั หา” ถอดความ แกงมสั มน่ั ทีน่ างอันเปน็ ท่ีรักได้ปรุงน้ัน มรี สชาติดหี อมกลน่ิ ยหี่ รา่ เมื่อชายใดได้ทาน แล้วก็อยากจะทานอกี
บทประพันธ์เหช่ มเครื่องคาว “ยาใหญใ่ ส่สารพัดวางจานจัดหลายเหลือตรา รสดดี ้วยน้าปลา ญ่ปี ุ่นลา้ ยา้ ยวนใจ” ถอดความ \"ยาใหญ่ที่มเี ครื่องครบครบั จัดวางอย่ใู นจานอยา่ งสดุ จะพรรณนาปรุงรสดว้ ยนา้ ปลาญี่ป่นุ ทาให้น่าลิ้มลองเปน็ อยา่ งยิ่ง\"
บทประพันธเ์ หช่ มเครอ่ื งคาว “ตบั เหลก็ ลวกหล่อนตม้ เจอื น้าส้มโรยพริกไทย โอชาจะหาไหน ไม่มีเทียบเปรยี บมือนาง” ถอดความ ตับเหล็กลวกแล้วใส่นา้ สม้ พรอ้ มกับโรยพริกไทยลงไปทาใหม้ รี สอรอ่ ยมาก ไมม่ ีทไี่ หนทามาเปรยี บเทียบกับฝีมอื ของน้องได้
บทประพันธ์เหช่ มเคร่ืองคาว “หมูแนมแหลมเลศิ รส พรอ้ มพรกิ สดใบทองหลาง พิศห่อเหน็ รางชาง หา่ งห่อหวนป่วนใจโหย” ถอดความ หมแู นมมีรสดเี ยีย่ ม พรอ้ มมพี รกิ สดกับใบทองหลางเคียง มองดหู อ่ หมูแนมแล้วเหน็ สวยงาม แต่ครนั้ พอห่างหอ่ หมูแนมทาใหห้ วั ใจของพี่ป่ันปว่ นคิดถงึ ตัวน้องอยู่ตลอดเวลา
บทประพนั ธเ์ หช่ มเคร่ืองคาว “กอ้ ยกุ้งปรงุ ประทิ่น วางถงึ ลน้ิ ดนิ้ แดโดย รสทพิ ยห์ ยบิ มาโปรย ฤๅจะเปรียบเทยี บทันขวญั ” ถอดความ ก้อยกุ้ง ปรงุ รสชาติเผด็ เม่ือโดนลิ้นแลว้ ร้สู กึ เผ็ดร้อนอยู่นง่ิ ไม่ได้ รสชาตทิ ่ีอร่อยใครกท็ าทาไม่อรอ่ ยเทา่ กบั นอ้ งทา
บทประพนั ธเ์ หช่ มเคร่อื งคาว “เทโพพน้ื เน้ือทอ้ ง เปน็ มนั ย่องลอ่ งลอยมนั น่าซดรสครามครนั ของสวรรค์เสวยรมย์” ถอดความ ปลาเทโพจะมมี นั มาก เวลาแกงกเ็ ห็นเนือ้ เปน็ มันลอยข้ึนมา รสชาตินา่ ทาน เหมือนอาหารสวรรค์ลมิ้ รสชาตแิ ล้วมีความสขุ
บทประพนั ธเ์ หช่ มเครอื่ งคาว “ความรักยักเปลีย่ นท่า ทานา้ ยาอย่างแกงขม กลอ่อมกลอ่ มเกลีย้ งกลม ชมไมว่ ายคลับคล้ายเหน็ ” ถอดความ ความรักที่มีความไม่แน่นอนเหมอื นน้ายาแกงขม ทเี่ ป็นความรสู้ กึ หนง่ึ ของความรักท่ีมีรสกลมกล่อม
บทประพนั ธเ์ หช่ มเครือ่ งคาว “ข้าวหุงปรงุ อย่างเทศ รสพเิ ศษใส่ลกู เอน็ ใครหุงปรงุ ไม่เป็น เชน่ เชิงมติ รประดิษฐ์ทา” ถอดความ ขา้ วปรงุ ดว้ ยเครอ่ื งเทศ มรี สพเิ ศษเพราะใสล่ กู กระวานลงไป ใครก็หงุ ไม่ไดอ้ ย่างทน่ี ้องตัง้ ใจทา
บทประพนั ธเ์ หช่ มเครอื่ งคาว “เหลอื รหู้ มปู า่ ต้ม แกงคัว่ สม้ ใสร่ ะกา รอยแจ้งแห่งความขา ช้าทรวงเศรา้ เจ้าตรากตรอม” ถอดความ นอ้ งรเู้ ร่อื งในการทาอาหารมากจริง ๆ นาเอาหมูป่ามาตม้ ทาแกงคั่วส้มใสร่ ะกา ทาใหเ้ หน็ เค้าเง่ือนแหง่ ความลบั ระหว่างพี่กบั น้อง ซง่ึ มแี ตค่ วามทุกขร์ ะทมใจ
ใหน้ กั เรียนต้งั ใจฟงั พรอ้ มบอกช่อื อาหารหวานจากคลปิ วดี โิ อให้ถกู ตอ้ ง
บทประพันธเ์ หช่ มเครอ่ื งหวาน “สังขยาหน้าไข่คุน้ เคยมี แกมกับขา้ วเหนียวสี โศกย้อม เป็นนยั นาวาที สมรแม่ มาแม่ แถลงวา่ โศกเสมอพ้อม เพียบแออ้ กอร” สังขยาหน้าไข่
บทประพนั ธ์เหช่ มเครือ่ งหวาน สงั ขยาหน้าตัง้ ไข่ ข้าวเหนยี วใสส่ ีโศกแสดง เปน็ นัยไม่เคลือบแคลง แจง้ ว่าเจา้ เศร้าโศกเหลือ ถอดความ สังขยาไข่ กบั ข้าวเหนียวสโี ศก น่าจะสขี นุ่ ๆ ขาวๆ เทาๆ เป็นความหมายทแ่ี นน่ อนวา่ เจ้าเศรา้ มากเหลือเกนิ
บทประพันธเ์ หช่ มเครอื่ งหวาน มศั กอดกอดอย่างไร น่าสงสัยใครข่ อถาม กอดเคล้นจะเหน็ ความ ขนมนามน้ยี งั แคลง ถอดความ คนแตง่ เคา้ สงสัยวา่ ทาไมขนมน้ีทาไมถึงชื่อวา่ มศั กอด แล้วมนั กอดอยา่ งไร
บทประพนั ธเ์ หช่ มเครอื่ งหวาน ลุดต่นี ้นี ่าชม แผ่แผน่ กลมเพยี งแผน่ แผง โอชาหนา้ ไกแ่ กง แคลงของแขกแปลกกลน่ิ อาย ถอดความ ขนมลุดต่ี เปน็ แผ่นกลมๆน่ามอง รสชาตอิ รอ่ ยกนิ กับแกงไก่ คดิ วา่ น่าจะเปน็ ขนมของแขกเพราะมกี ลิ่นอายความเปน็ แขกอยู่
บทประพนั ธเ์ หช่ มเคร่อื งหวาน ขนมจีบเจ้าจีบหอ่ งามสมส่อประพมิ พป์ ระพาย นกึ น้องนุ่งจบี กราย ชายพกจบี กลบี แนบเนียน ถอดความ ขนมจบี จีบ ห่อ สวยงามเรยี บรอ้ ย ทาใหน้ กึ ถึงจบี ผา้ น่งุ ของนอ้ งนาง
บทประพนั ธ์เหช่ มเคร่ืองหวาน ขนมผงิ ผงิ ผ่าวรอ้ น เพยี งไฟฟอนฟอกทรวงใน ร้อนนกั รักแรมไกล เม่ือไรเหน็ จะเยน็ ทรวง ถอดความ ขนมผงิ ตอ้ งใช้ความรอ้ นเผา เหมือนเชน่ ร้อนไฟในอก มีความรักกบั คนทางไกล เมอ่ื ไรเห็นก็จะสบายใจ
บทประพันธ์เหช่ มเคร่อื งหวาน ชอ่ มว่ งเหมาะมีรส หอมปรากฏกลโกสุม คิดสีสไลคลมุ หุ้มห่อม่วงดวงพุดตาน ถอดความ ช่อมว่ งมรี สดี หอมอยา่ งดอกไม้ คิดสีสไบคลุม หุ้มห่อม่วงดวงพุดตาล คิดใหม้ ีสมี ว่ งพุดตาล เหมอื นผา้ สไบ หอ่ หุ้มไว้
บทประพันธ์เหช่ มผลไม้ ผลชดิ แช่อิ่มโอ้ เอมใจ หอมชื่นกลืนหวานใน อกชู้ รนื่ รนื่ รสรมยใ์ ด ฤๅดุจ นแ้ี ม่ หวานเลิศเหลือรู้รู้ แต่เน้ือนงพาล
บทประพนั ธ์เหช่ มผลไม้ ผลชิดแชอ่ ่ิมอบ หอมตรลบล้าเหลอื หวาน รสไหนไม่เปรียบปาน หวานเหลือแลว้ แกว้ กลอยใจ ถอดความ ผลชิด มกี ล่ินหอมตลบ และมีรสชาติหอมหวาน เม่ือทานแล้วกค็ ิดถงึ น้องนาง
บทประพนั ธเ์ หช่ มผลไม้ หมากปรางนางปอกแลว้ ใส่โถแก้วแพร้วพรายแสง ยามช่ืนรนื่ โรยแรง ปรางอ่มิ อาบซาบนาสา ถอดความ มะปราง น้องนางปอกใสโ่ ถแก้วแพรวพราว เม่ือทานแลว้ รู้สกึ สดช่นื รู้สึกอ่ิมเอบิ ใจ เหมือนได้ใกล้ชิดแก้มนาง
บทประพันธ์เห่ชมผลไม้ ผลเกดพิเศษสด โอชารสลา้ เลศิ ปาง คานงึ ถงึ เอวบาง สางเกศเส้นขนเมน่ สอย ถอดความ ผลเกด รสชาติหอมหวานน่าทาน เมอ่ื ทานแล้วนกึ ถงึ เอวบางอรชร ที่น่งั สางผม
บทประพันธ์เห่ชมผลไม้ พลบั จีนจักดว้ ยมีด ทาประณีตน้าตาลกวน คดิ โอษฐ์ออ่ นย้มิ ยวน ยลยิง่ พลับยบั ยบั พรรณ ถอดความ พลับจนี รสชาตนิ ่าทาน ยง่ิ มนี ้าตาลกวนด้วยแล้ว ทานแล้วนกึ ถึงรอยยิ้มที่ออ่ นหวานเหมือนรสชาติของพลบั จนี
บทประพันธเ์ หช่ มผลไม้ สละสาแลงผล คิดลาตน้ แน่นหนาหนาม ทา่ ทิม่ ปม้ิ ปนื กาม นามสละมละเมตตา ถอดความ พลบั จีน รสชาติน่าทาน ย่งิ มนี ้าตาลกวนด้วยแล้ว ทานแล้วนกึ ถงึ รอยยิม้ ท่ีออ่ นหวานเหมอื นรสชาติของพลบั จนี
บทวเิ คราะหค์ ุณค่า (ด้านวรรณศิลป์) พระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลศิ หล้านภาลัย ทรงใชถ้ อ้ ยคาง่ายๆแตม่ ีความงามปรากฏ อยูต่ ลอดตงั้ แตต่ ้นจนจบ ดงั จะไดพ้ จิ ารณาแงง่ ามของวรรณคดีเรอ่ื งนด้ี ังตอ่ ไปนี้ ๑.สมั ผสั สัมผัสในเร่ืองนม้ี ที ั้งสัมผสั นอกและสมั ผัสใน อนั ไพเราะ เช่น ทองหยอดทอดสนิท ทองมว้ นมิดคิดความหลัง สองปสี องปิดบงั แต่ลาพังสองต่อสอง
บทวิเคราะห์คุณคา่ (ด้านวรรณศิลป์) พระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลิศหลา้ นภาลยั ทรงใชถ้ ้อยคาง่ายๆแตม่ ีความงามปรากฏ อยู่ตลอดตงั้ แตต่ ้นจนจบ ดังจะไดพ้ จิ ารณาแงง่ ามของวรรณคดีเร่ืองนี้ดังตอ่ ไปนี้ ๒.ลลี าจงั หวะ เช่นตอนท่ีบรรยายถงึ พิธตี รียัมปวาย ให้ มองเห็นความเนบิ นาบ ความออ่ นไหวในการโลช้ ิงช้า เช่ยี วชาญกระดานตน้ โยกเยกยลคนหกโหน ถือท้ายกายออ่ นโอน โดนคดิ ได้ดั่งใจถวลิ
บทวิเคราะหค์ ุณค่า (ดา้ นวรรณศิลป์) พระบาทสมเด็จพระพทุ ธเลศิ หล้านภาลยั ทรงใชถ้ อ้ ยคางา่ ยๆแตม่ ีความงามปรากฏ อย่ตู ลอดต้ังแตต่ ้นจนจบ ดงั จะไดพ้ จิ ารณาแง่งามของวรรณคดเี รอื่ งนดี้ ังตอ่ ไปน้ี ๓.การเล่นคา เปน็ การใช้คาพอ้ งเสียงในทใี่ กล้กันเปน็ ความไพเราะอยา่ งหน่งึ มีอยูห่ ลายแหง่ เช่น ขนมจบี เจ้าจบี ห่อ งามสมสอ่ ประพมิ พ์ประพาย นึกน้องนงุ่ จีบถวาย ชายพกจีบกลีบแนบเนยี น
บทวเิ คราะห์คุณคา่ (ด้านวรรณศิลป์) พระบาทสมเด็จพระพทุ ธเลิศหลา้ นภาลัย ทรงใช้ถอ้ ยคางา่ ยๆแตม่ ีความงามปรากฏ อยู่ตลอดต้ังแต่ตน้ จนจบ ดังจะไดพ้ จิ ารณาแง่งามของวรรณคดีเร่ืองนี้ดงั ตอ่ ไปนี้ ๔. การอุปมาอปุ ไมย คือความงามอนั เกิดจากการเปรยี บเทยี บ เช่น ขนมผงิ ผิงผ่าวร้อน เพียงไฟฟอนฟอกทรวงใน ร้อนนักรกั แรมไกล เมอื่ ไรเหน็ จะเยน็ ทรวง
บทวเิ คราะหค์ ุณค่า (ดา้ นวรรณศลิ ป์) พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลัย ทรงใชถ้ อ้ ยคางา่ ยๆแตม่ ีความงามปรากฏ อยูต่ ลอดตง้ั แตต่ ้นจนจบ ดงั จะได้พิจารณาแงง่ ามของวรรณคดีเรอื่ งนด้ี งั ตอ่ ไปน้ี ๕. การกล่าวเกนิ จริง ทรงใช้คาง่ายๆแตก่ ลา่ วไดล้ กึ ซึ้ง เชน่ ก้อยกงุ้ ปรงุ ประทิน่ วางถงึ ลิ้นด้ินแดโดย รสทพิ ยห์ ยิบมาโปรย ฤาจะเปรียบเทียบทันขวญั
บทวิเคราะหค์ ณุ ค่า (ด้านวรรณศลิ ป์) พระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลิศหลา้ นภาลยั ทรงใช้ถ้อยคาง่ายๆแต่มีความงามปรากฏ อยูต่ ลอดต้ังแต่ตน้ จนจบ ดงั จะไดพ้ ิจารณาแงง่ ามของวรรณคดเี รื่องนี้ดังตอ่ ไปน้ี ๖. การกลา่ วอยา่ งตรงไปตรงมา ซ่งึ สามารถใหค้ วามงามอย่าง เด่นชัดไดเ้ ช่นกัน เชน่ มศั กอดกอดอยา่ งไร นา่ สงสยั ใครข่ อถาม กอดเคล้นจะเหน็ ความ ขนมนามนยี้ งั แคลง
บทวิเคราะห์คณุ ค่า (ด้านวรรณศิลป์) พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลิศหล้านภาลัย ทรงใชถ้ ้อยคางา่ ยๆแตม่ ีความงามปรากฏ อยูต่ ลอดต้ังแต่ตน้ จนจบ ดงั จะได้พิจารณาแง่งามของวรรณคดีเรื่องนี้ดังต่อไปนี้ ๗. การบรรยายอยา่ งต้องตคี วาม มีปรากฏหลายตอนทกี่ าร บรรยายน้ันมีความหมายซ่อนอย่อู ย่างลึกซึ้ง หากอ่านดูเผินๆก็ อาจจะมองไมเ่ ห็นเลศนยั ท่ีแฝงอยู่ เปน็ ต้นวา่ ล่าเตยี งคิดเตยี งนอ้ ง นอนเตยี งทองทาเมอื งบน ลดหล่นั ชั้นชอบกล ยลอยากนทิ รคดิ แนบนอน
บทวเิ คราะห์คณุ คา่ (ดา้ นสงั คม) กาพย์เห่ชมเคร่ืองคาวหวานเป็นวรรณคดีที่สะท้อน วัฒนธรรมเก่ียวกับอาหารการกิน ที่นิยมในสมัยรัชการท่ี ๒ บาง ชนดิ เปน็ อาหารที่เรารูจ้ ักในปัจจบุ ัน เชน่ มัสมัน่ หมแู นม ก้อยกุ้ง แกงค่ัว เป็นต้น แต่อาหารบางชนิดหารับประทานได้ยากใน ปจั จุบนั เพราะมีกรรมวิธีการปรุงหลายขั้นตอน มีเคล็ดลับในการ ทา และทาให้อร่อยได้ยาก เช่น ล่าเตียง และหรุ่ม อาหาร บางอย่างเป็นอาหารต่างชาติ ใช้เคร่ืองปรุงเฉพาะท่ีทาให้มี รสชาติตา่ งไป เชน่ ขา้ วหุงปรุงเครื่องเทศ “ข้าวหุงปรุงอยา่ งเทศ รสพิเศษใส่ลกู เอ็น”
บทวเิ คราะห์คณุ คา่ (ด้านสังคม) วรรณคดีเรื่องนี้จึงสะท้อนให้เห็นว่าในยุคสมัยน้ันนิยม รบั ประทานอาหารประเภทใด อาหาร และเคร่ืองปรุงบางอย่างเป็นของต่างชาติ ดังน้ันจึงสะท้อนภาพ การติดต่อสัมพันธ์กับต่างประเทศได้อีกด้วย แสดงให้เห็นว่า อาหารไทยมีความประณีตบรรจงในการปรุงแต่ง และให้ ความสาคัญกับความงดงามและรสชาติของอาหารควบคู่กันไป อาหารไทยจึงเปน็ ทง้ั ประณตี ศิลปแ์ ละวจิ ิตรศลิ ป์
บทวเิ คราะหค์ ุณค่า (ด้านสงั คม) นอกจากจะได้ความรู้ความเพลิดเพลินแล้ว ยังทาให้ เห็นว่าอาหารเป็นเคร่ืองหมายแทนความรัก ความผูกพันและ ความเอ้ืออาทรท่ีคนในครอบครัวมีต่อกัน การปรุงอาหารไทยจึง เป็นงานศิลปะท่ีต้องใช้ฝีมือ ความประณีต และความตั้งใจในการ ประดิษฐ์ออกมาให้งดงามและโอชารส
Search
Read the Text Version
- 1 - 48
Pages: