[วนั ท่]ี
มารยาทในการรับประทานอาหาร ﴾﴿آداب الطعام ] ไทย – Thai – [ تايلاندي ดร.อะมีน บนิ อบั ดลุ ลอฮฺ อชั -ชะกอวีย์ แปลโดย : ณจั ญวา บญุ มาเลศิ ผู้ตรวจทาน : อสั รัน นิยมเดชาท่มี า : หนงั สือ อดั -ดรุ ็อรฺ อลั -มนุ ตะกอฮฺ มนิ อลั -กะลีมาต อลั -มลุ กอฮฺ 2011 - 1432
﴿آداب الطعام﴾ « باللغة التايلاندية » د .أمين بن عبدالله الشقاوي ترجمة :نجوى بونماليرت مراجعة :عصران نئ يوم ديشاالمصدد ::كتاب الد ::المنتقاة من الكلمات الملقاة 2011 - 1432
ด้วยพระนามของอลั ลอฮฺ ผ้ทู รงเมตตา ปรานีย่งิ เสมอ มารยาทในการรับประทานอาหาร มวลการสรรเสริญเป็ นสิทธิ์ของพระองค์อัลลอฮฺพระผู้อภิบาลแห่งสากลจักรวาล ขอความสขุ ความจาเริญและความสนั ตจิ งประสบแดท่ ่านนบีมฮู าหมดั ศ็อลลลั ลอฮุอะลยั ฮิวะสลั ลมัตลอดจนวงศ์วานและมิตรสหายของท่านโดยทวั่ กนั ฉันขอปฏิญาณวา่ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอลั ลอฮฺเพียงพระองคเ์ ดียว ไมม่ ีภาคีใดๆ สาหรับพระองค์ และฉนั ขอปฏิญาณวา่ มฮู าหมดั เป็นบา่ วของพระองคอ์ ลั ลอฮฺและเป็นศาสนทตู ของพระองค์ ส่ิงหน่ึงที่เป็ นความลับแห่งความย่ิงใหญ่ของศาสนาอิสลาม คือ การที่ศาสนาอิสลามได้กลา่ วถึงและอธิบายแนวทางการดาเนินชีวิตในแง่มมุ ตา่ งๆ ไว้อย่างชดั เจน และสว่ นหนึ่งจากแง่มมุต่างๆ ของการดาเนินชีวิตที่ศาสนาได้ กล่าวถึงก็คือ มารยาทในการรับประทานอาหาร ซ่ึงมีดงั ตอ่ ไปนี ้หน่ึง การกล่าว “บิสมิลลาฮ”ฺ ก่อนรับประทานอาหารและการด่มืมีรายงานจากอลั -บคุ อรีย์และมสุ ลิมจากหะดีษของ อมั ร์ บิน สะละมะฮฺ เล่าวา่ ท่านนบี ได้กลา่ วกบั อมั ร์วา่ : » و لك مما يليلك، سم الله و لك بيميلنك، «يا غلام“โอ้เด็กน้อยเอ๋ย จงกล่าวนามของอัลลอฮฺ และจงรับประทานด้วยมือขวา และรับประทานอาหารท่ีอยู่ถัดจากท่าน” (อลั -บคุ อรีย์: 5376 และมสุ ลิม:2022) หากว่าลืมกล่าว “บิสมิลลาฮฺ” ก่อนเร่ิมรับประทานอาหาร ก็ให้กล่าวเม่ือนึกขึน้ ได้ มีรายงานจากอัต-ติรมิซีย์ จากหะดีษของท่านหญิงอาอิชะฮฺ รอฎิยัลลอฮุอันฮา ว่า ท่านนบีศอ็ ลลลั ลอฮอุ ะลยั ฮวิ ะสลั ลมั ได้กลา่ ววา่ : فإ لن نس أ لن ي لذكر ا لسم الله، «إذا أكل أحدك لم فللي لذكر ا لسم الله تعالى » با لسم الله أول وآخره: فلليق لل، تعالى ف أول “เม่ือคนใดคนหน่ึงในหมู่พวกท่าน ได้รับประทานอาหาร ก็จงกล่าวนาม ของอัลลอฮเถดิ ถ้าหากว่าเขาลืมกล่าวก่อนทาน หากเขานึกขึน้ ได้ ก็จง กล่ าวว่า “บิสมิลลาฮิ เอาวะลุฮู วะอาคิรุฮู” (ความว่า ด้วยพระนาม ของอลั ลอฮฺทงั ้ ในตอนเริ่มและตอนสดุ ท้าย-ผ้แู ปล)” (อตั -ตริ มิซีย์: 3767) 1
สอง รับประทานและด่มื ด้วยมือขวา ดงั นนั้ จึงไม่อนญุ าตให้มสุ ลิมรับประทานหรือด่ืมด้วยมือซ้าย มีรายงานจากมสุ ลิม จากหะดษี ของสะละมะฮฺ บนิ อลั อกั วะอฺ วา่ : فقال الب صلى، جلا أكل عنلد الب صلى الله عليه وسلم بشمال: أن «لا: قال، لا أ لستطيلع: فقال، »الله عليه وسلم « لك بيميلنك .فعها إلى فيله: فما: قال، ما منعه إلا الك لب،»ا لستط لعت ชายคนหน่ึงได้ รับประทานอาหารด้ วยมือซ้ าย ต่ อหน้ าท่ านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ท่านนบีได้กล่าวแก่ชายคนนัน้ ว่า “จงทาน ด้วยมือขวาของท่าน” ชายคนนัน้ ได้ตอบว่า “ฉันทาไม่ได้” ท่านนบีจึงได้ กล่าวว่า “แล้วท่านจะทาไม่ได้อีกต่อไป!” ท่ีทาไม่ได้นัน้ ก็เพราะความ ยะโสโอหังต่างหาก ท่านสะละมะฮฺกล่าวว่า: แล้วชายคนนัน้ ก็ไม่สามารถ ทานด้วยมือซ้ายอีก (มสุ ลมิ : 2021)และมีรายงานจากมุสลิม จากหะดีษของอิบนุ อุมัร ว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสลั ลมั ได้กลา่ ววา่ : فإن، وإذا شب فللي لش لب بيميلنه، «إذا أكل أحدكم فلليألك لل بيميلنه ل »بشمال وي لشب ،بشمال يأكل الشيلطان“เม่ือคนหน่ึงจากพวกท่านจะรับประทาน จงรับประทานด้วยมือขวาของเขาเถดิ และเม่ือเขาจะด่ืม ก็จงด่ืมด้วยมือขวาของเขาเถดิ แท้จริงเหล่ามารร้าย(ชัยฏอน)นัน้ จะกินด้วยมือซ้าย และด่ืมด้วยมือซ้าย” (มุสลิม:2020)สาม รับประทานโดยใช้เพยี งสามนิว้มีรายงานจากมสุ ลิม จากหะดษี กะอบั บนิ มาลกิ กลา่ ววา่ ل فإذا فرغ، سول الله صلى الله عليه وسلم كن يأكل بثلاث أصابع: أن لعقها “ท่านเราะสูลุลลอฮ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้รับประทานอาหาร โดยใช้เพียงสามนิว้ เม่ือท่านทานเสร็จท่านก็จะเลียนิว้ ของท่าน” (มสุ ลมิ : 2032) ส่ี เลียนิว้ และจานอาหาร เม่ือเราทานอาหารเสร็จและมีร่องรอยอาหารหลงเหลืออยู่ และสามารถทานได้โดยไมเ่ ป็ นอนั ตราย หรือเหลือเศษอาหารติดที่จาน มีซุนนะฮฺให้เลีย(ทาน) ส่ิงที่ติดอยทู่ ี่จานให้หมด เหตผุ ลก็ 2
เพราะวา่ มนษุ ย์นนั้ ไม่สามารถรู้ได้วา่ อาหารสว่ นไหนมีความจาเริญ (บะเราะกะฮฺ) และเช่นกนั มีซุนนะฮฺให้เลียอาหารท่ีตดิ ที่นิว้ ด้วย มีรายงานจากมสุ ลิมจากหนงั สือเศาะฮีหฺมสุ ลิม จากหะดีษกะอบับนิ มาลกิ กลา่ ววา่ : ل فإذا فرغ، سول الله صلى الله عليه وسلم يأكل بثلاث أصابع: كن لعقها “ท่านเราะสูลุลลอฮฺนัน้ ท่านทานอาหารโดยใช้สามนิว้ และเม่ือท่านอ่ิม ท่านก็จะเลียนิว้ ของท่าน” (มสุ ลมิ : 2032) และรายงานจากมุสลิมจากหนังสือเศาะฮีหฺมุสลิม จากหะดีษญาบิร ว่า ท่านนบีศอ็ ลลลั ลอฮอุ ะลยั ฮิวะสลั ลมั ได้สงั่ ให้เลียนวิ ้ และจาน ทา่ นกลา่ ววา่ : »ون ف َيه البكة:«إنك لم لا ت لد “แท้จริงพวกท่านไม่รู้หรอกว่า อาหารส่วนไหนมีความจาเริญ” (มุสลิม: 2032)ห้า ให้ทานอาหารท่หี ล่นออกนอกจานมีรายงานจากมุสลิมในหนังสือเศาะฮีหฺมุสลิม จากหะดีษญาบิร บิน อับดุลลอฮเราะฎิยลั ลอฮอุ นั ฮฺ กลา่ ววา่ ทา่ นนบี ศอ็ ลลั ลอฮอุ ะลยั ฮิวะสลั ลมั ได้กลา่ ววา่ : ل فلليألخ لذها، أذى م لن بها كن ما فليمط ، أحدك لم ل لقمة وقع لت «إذا ولا ي لمسح يده بالمنلديل حّت يللعق، ولا يدعها للشيطان، و للألكللها »ي ف أي طعامه البكة: فإنه لا يد، أصابعه“เม่ืออาหารคาหน่ึงของพวกท่านได้ตกลง จงหยบิ มันขึน้ มา และจงขจัดส่วนท่ีเปื้ อนสกปรกออก และจงกินอาหารนั้น อย่าปล่ อยทิง้ ไว้ให้ชัยฏอนมารร้าย และอย่าเช็ดมือด้วยผ้าจนกว่าเขาจะได้เลียนิว้ เสียก่อนเพราะแท้จริงเขาไม่รู้ได้ว่า อาหารส่วนไหนมีความจาเริญ (บะเราะกะฮ)ฺ ” (มสุ ลมิ : 2032)หก ร่วมวงทานอาหารกับภรรยา หรือ ลูกๆ หรือ บุคคลอ่ืนรายงานจากอบดู าวดู ในหนงั สือ สนุ นั อะบีดาวดู จากหะดษี วะฮฺชี บนิ หรั บ์ จากพอ่ ของเขาจากป่ ขู องเขา เราะ لฎิยลั ลอฮอุ นั ฮมุ กลา่ ววา่ وسلم عليه الله صلى الب أ لصحاب أن ولا سول الله إنا نأكل: يا: قالوا «فا لجتمعوا َع: قال. نعم: «فلعلك لم ت لفتقون؟ » قالوا: قال، ن لشبع » لك لكم فيه: وا لذكروا اسم الله عليه يبا، طعامكم 3
บรรดาเศาะหาบะฮขฺ องท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าว ว่า “โอ้ท่านเราะสูลุลลอฮ แท้จริงเราได้ทานอาหารแต่เราไม่รู้สึกอ่ิม” ท่านรอซูล ได้กล่าวว่า “พวกท่านได้แยกกันทาน ต่างคนต่างทานกระนัน้ หรือ?” บรรดาเศาะหาบะฮฺตอบว่า “ใช่ครับ” ท่านเราะสูลได้กล่าวว่า “จง ร่วมวงกันทานอาหารเถดิ และจงกล่าวนามของอัลลอฮ และพระองค์จะ ประทานความจาเริญแก่พวกท่านจากอาหารนัน้ ” (อบดู าวดู : 3764) เจ็ด ห้ามพ่นลมหายใจลงในภาชนะอาหาร รายงานจากอัล-บุคอรีย์ในหนังสือเศาะฮีหฺอัล-บุคอรีย์ จากหะดีษ อบู เกาะตาดะฮฺเราะฎิยลั ลอฮอุ นั ฮุ ทา่ นนบไี ด้กลา่ ววา่ : » «إذا شب أحدك لم فلا يتنفس ف اإناء “เม่ือคนใดคนหน่ึงจากพวกเจ้าได้ด่ืม จงอย่าพ่นลมหายใจลงในภาชนะ นัน้ ” (อลั -บคุ อรีย์: 153) เช่นเดียวกัน การเป่ าอาหารหรือเคร่ืองด่ืมก็ถกู ห้าม รายงานจากอบดู าวดู ในหนังสือ สนุ นัอบีดาวดู จากหะดีษ อบู สะอีด อลั -คดุ รีย์ กลา่ ววา่ نه ال يب صلى الله عليه وسلم أ لن يتنفس ف اإناء أ لو ينلفخ فيه “ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ห้ามการหายใจลงในภาชนะ อาหาร หรือเป่ าอาหาร” (อบดู าวดู : 3728) แปด ห้ามทานอาหารจากส่วนบนของจานอาหาร หรือตรงกลางจาน ดงั กลา่ วนีแ้ บง่ ออกเป็นสองประเภท ประเภทที่หน่ึง อาหารประเภทเดียว หมายความวา่ อาหารในจานนนั้ เป็ นอาหารชนิดเดียวมีประเภทเดยี ว มีซนุ นะฮฺให้ทานสว่ นท่ีอยใู่ กล้กบั เราก่อน ดงั หะดษี ท่ีกลา่ วไว้ข้างต้น วา่ : »«و لك مما يليلك “และจงทานอาหารส่วนท่ีอยู่ถัดจากท่าน” (อัล-บุคอรีย์: 5376 และมุสลิม: 2022) และอีกหะดีษหน่ึง ที่รายงานโดย อัต-ติรมิซีย์ ในหนังสือ สุนันอัต-ติรมิซีย์ จากหะดีษของอบิ นอุ บั บาส กลา่ ววา่ : ولا تأكلوا م لن، فكلوا م لن حافتيله، «البكة تنزل ف وسط الطعام »وسطه 4
“ความจาเริญ (บะเราะกะฮฺ) จะถูกประทานลงมาท่ีอาหารส่วนท่ีอยู่ตรง กลาง ดังนัน้ จงเร่ิมทานจากส่วนขอบก่อน อย่าเร่ิมทานจากตรงกลาง ของอาหาร” (อตั -ตริ มิซีย์: 1805) ประเภทท่ีสอง อาหารมีหลากหลายประเภท ดังนัน้ ถือว่าไม่เป็ นไร ถ้าจะเร่ิมทานจากสว่ นบนของอาหารหรือสว่ นขอบของอาหารก่อน หลกั ฐานท่ีมายืนยนั ในเรื่องดงั กล่าวก็คือ หะดีษที่รายงานจากอลั -บคุ อรีย์และมสุ ลิม จากหะดีษของอะนสั บนิ มาลกิ กลา่ ววา่ : أيلت الب صلى الله عليه وسلم يتتبع الدباء من حوالي الصد لحفة: “ฉันเห็นท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เลือกหามะระในจาน อาหาร” (อลั -บคุ อรีย์: 2092 และมสุ ลมิ : 2041) เก้า ห้ามด่ืมนา้ ในขณะท่ียนื อยู่ จากคากล่าวของท่านนบี ศ็อลลลั ลอฮุอะลยั ฮิวะสัลลมั ในหะดีษที่รายงานโดยมุสลิมในหนงั สือเศาะฮีหฺมสุ ลมิ จากหะดษี อบู ฮรุ ็อยเราะฮฺ เราะฎิยลั ลอฮอุ นั ฮฺ เลา่ วา่ ทา่ นนบี ได้กลา่ ววา่ » فم لن نس فللي لستق لئ، «لا ي لشبن أحد منلك لم قائما “คนหน่ึงในพวกท่านจงอย่าด่ืมนา้ ในขณะท่ียืนอยู่ หากใครลืมก็จงบ้วน ออกมา” (มสุ ลมิ : 2026) สบิ มีความพอดใี นการรับประทานอาหาร รายงานจากอัต-ติรมิซีย์ จากหะดีษ อลั -มิกดาม บิน มะอฺดี กัรบฺ กล่าวว่า ฉันได้ยินท่านเราะสลู ศอ็ ลลลั ลอฮอุ ะลยั ฮวิ ะสลั ลมั กลา่ ววา่ : ، ب لسب ابلن آدم أكلات يق لمن صللبه، «ما مل آدم وعاء شا م لن ب لطن » وثلث لفسه، وثلث لشابه، فثلث لطعامه،فإ لن كن لا محالة “ไม่ มีภาชนะใดท่ีเม่ือลูกหลานอาดัมบรรจุจนเต็มแล้ วจะแย่ ย่ ิงไปกว่ า ท้อง การท่ีเขาทานแต่น้ อยแค่พอให้ร่ างกายมีชีวิตอยู่ได้ก็เป็ นการ เพียงพอแล้ว แต่ถ้าหากหลีกเล่ียงไม่ได้ ก็ให้ทานเพียงหน่ึงส่วนสาม ของท้อง ด่ืมนา้ อีกหน่ึงส่วนสาม และอีกหน่ึงส่วนสามเผ่ือไว้ให้ได้ หายใจ” (อตั -ตริ มิซยี ์: 2380) وصلى الله وسلم َع نبينا محمد وَع آل وصحبه أجمعين،ب العالمين: والحمد لله 5
Search
Read the Text Version
- 1 - 8
Pages: