Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ppt bsru เคมีสิ่งแวดล้อม

ppt bsru เคมีสิ่งแวดล้อม

Published by jibbij, 2018-03-01 12:10:24

Description: ppt bsru เคมีสิ่งแวดล้อม

Search

Read the Text Version

เคมสี งิ่ แวดลอ้ มวชิ าเคมที วั่ ไปอ. วาทนิ ี จันมี คณะวทิ ยาศาสตรแ์ ลเทคโนโลยีมหาวทิ ยาลยั ราชภฏั บา้ นสมเดจ็ เจ้าพระยา

เคมสี ่งิ แวดล้อม (enviromental chemistry)เคมสี ่งิ แวดล้อมแบ่งออกเปน็ 4 สาขา ไดแ้ ก่•เคมที เ่ี กี่ยวข้องกบั อุทกพิภพ (Hydrosphere)•เคมีทเี่ ก่ยี วขอ้ งกับปฐพีพภิ พ (Lithospere)•เคมที เี่ กยี่ วขอ้ งกบั อากาศพิภพหรือบรรยากาศ (Atmospere)•เคมที ่เี กย่ี วขอ้ งกับชีวพภิ พ (Biospere)ในหวั ขอ้ น้ีจะกลา่ วถงึ นยิ ามของมลพิษสง่ิ แวดลอ้ ม สาเหตกุ ารเกดิ การควบคุม และการกา้ จดั มลพิษทัง้ ทางอากาศ ทางน้า และทางดนิ

สาเหตุของการเกดิ มลพษิ ส่ิงแวดลอ้ ม• การเพ่ิมของประชากรโลก (population growth) จากหน่ึงพันลา้ นคน ในปี ค.ศ. 1800 กลายเป็น เจด็ พนั ลา้ นคนในในปจั จบุ ันเคมีทีเ่ กีย่ วขอ้ งกับปฐพพี ภิ พ (Lithospere)• การขยายตวั ของเศรษฐกิจ สงั คม และเทคโนโลยี (economic, social and technology growth)

มลพิษทางอากาศ (Air pollution)แหลง่ ของสารมลพิษทางอากาศ มาจากหลายสาเหตุแตส่ าเหตุที่ทา้ ใหเ้ กิดมลพิษทางอากาศมากทส่ี ดุ คอื การคมนาคมขนส่งชนิดของมลพิษทางอากาศ • สารอนนิ ทรีย์ สารเคมที ่ไี มใ่ ช่สารประกอบไฮโดรคาร์บอน ได้แก่ สารประกอบออกไซด์ ของ N, S, C เชน่ NO, NO2, SO2, SO3, CO, CO2 และสารอน่ื ๆ เช่น H2S, NH3, Cl2 • สารอนิ ทรยี ์ สารประกอบไฮโดรคารบ์ อน เช่น มีเทน บิวเทน ออกเทน เบนซีน ฟอรม์ าลดีไฮด์ อะซีโตน แอลกอฮอล์ • อนุภาคคอลลอยด์ ท่เี ป็นของแขง็ เช่น ควัน เขม่า ฝนุ่ ข้เี ถ้า คาร์บอน ตะกวั่ แร่ ใยหิน ส่วนทีเ่ ป็นของเหลว เช่น ละอองน้า ละอองน้ามัน ไอของกรดต่าง ๆ

มลพษิ ในอากาศที่สา้ คญัคาร์บอนมอนนอกไซด์ (CO)•เปน็ สารพิษทางอากาศท่ีมีปรมิ าณมากทสี่ ุด•เม่ือได้รับปรมิ าณมากจะเปน็ พิษต่อคนและสตั วอ์ ยา่ งรา้ ยแรง เพราะ CO สามารถเกาะตดิ กบัฮีโมโกลบินในโลหติ ไดด้ กี ว่า O2 มาก ท้าให้ขาดออกซเิ จน•แหลง่ ท่มี าของ CO• มาจากมนษุ ยโ์ ดยการเผาไหม้เชอ้ื เพลิงท่ีไม่สมบูรณ์• และมาจากแหล่งธรรมชาตโิ ดยปฏิกริ ิยาออกซิเดชันของมีเทน (CH4) และปฏกิ ริ ยิ า ออกซเิ ดชันทางชวี ภาพ ของสิง่ มชี วี ิตในทะเล (biological oxidation)•rกadารicกa้าlจ(ดั OHC·O) โดยธรรมชาติมี 2 ทางไดแ้ กก่ ารเปล่ยี น CO เป็น CO2 โดย hydroxyl ในอากาศ หรือ โดยจุลินทรีย์ในดนิ หรอื โดยเช้ือรา และทางการสลายตัวโดยแสงแดด

มลพษิ ในอากาศทีส่ ้าคญัออกไซด์ของก้ามะถนั•แก๊สซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (sulfur dioxide : SO2) เปน็ แก๊สที่พบมากในบรรยากาศ•ท้าให้เกดิ หลอดลมอกั เสบ ถุงลมโปร่งพอง มะเร็งปอด•เกดิ จากการเผาไหมข้ องเช้อื เพลิงในภาคการขนส่ง อตุ สาหกรรม ครวั เรอื น และจากธรรมชาติ Sทีป่ นอยู่ในเช้อื เพลิง หรอื H2S จากสงิ่ มีชีวิต จะท้าปฏิกริ ิยากับแก๊สออกซิเจน เกิดเป็น SO2•ท้าใหเ้ กดิ ฝนกรด ซึ่งจะจะท้าลายอาคาร โบราณสถาน และฝนกรดยงั สามารถท้าปฏิกิริยากบั สีโลหะ เสือ้ ผ้า ทที่ า้ ดว้ ยไนลอน ฝา้ ย เรยอน

มลพิษในอากาศที่ส้าคญัอนุภาคตา่ ง ๆ ในอากาศเชน่ ฝุน่ ละออง หมอก ควนั เกสรดอกไม้ ควันไฟ วัตถจุ ากภูเขาไฟ จากปลอ่ งโรงงาน หากมีมากเกนิ ไป จะดดู กลนื ลา้ แสง (visible light) และเกดิ การกระเจงิ แสง ท้าให้รบกวนทัศนวิสยั ในการมองเห็น ถา้ รา่ งกายได้รับจะรบกวนระบบทางเดินหายใจออกไซดข์ องไนโตรเจน (NOx)•ไนตรัสออกไซด์ (N2O) ไนตริกออกไซด์ (NO) ไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) เกิดจากฏกิ ิริยาออกซเิ ดชันของ N2 กบั O2 ดงั สมการ•ทา้ ให้เกดิ โรคหลอดลมเกรง็ ตัว (broncho constriction) และ เป็นองคป์ ระกอบของ(photochemical smog) เช่นเดยี วกับสารประกอบไฮโดรคารบ์ อน

ปรากฏการณเ์ รือนกระจก (Greenhouse Effect) แก๊สเรอื นกระจก •water vapor, 36–70% •carbon dioxide, 9–26% •methane, 4–9% •ozone, 3–7%https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Earth%27s_greenhouse_effect_(US_EPA,_2012).png

ผลกระทบของปรากฏการณเ์ รือนกระจกhttp://ar5-syr.ipcc.ch/topic_futurechanges.php

การเปลย่ี นแปลงโอโซนโอโซนและผลกระทบต่อภูมอิ ากาศหรือการแผ่รงั สี โอโซนมีบทบาทในบรรยากาศ ในการปกป้องรังสีดวงอาทิตย์ที่เป็นอันตรายให้กับส่ิงมีชีวิต แม้เป็นเพยี งปริมาณเล็กน้อย ของรังสีอัลตราไวโอเลตชนิดบี (UV-B) ท่ีผ่านช้ันโอโซนสามารถกระทบต่อสุขภาพคนเรา เช่น โรคตา ต้อกระจก อันตรายตอ่ เนื้อเย่ือผวิ หนังและการเพ่ิมข้ึนของมะเร็งผวิ หนังชนิดนอนมีลาโนมา (non-melanoma) การทาลายดีเอน็ เอทางพนั ธกุ รรม และยบั ยง้ั ระบบภูมคิ ุ้มกนั รา่ งกายhttp://www.geo.hunter.cuny.edu/tbw/wc.notes/1.atmosphere/ozone_depletion.1.htmhttps://www.nasa.gov/content/goddard/ten-year-endeavor-nasa-s-aura-and-the-ozone-layer/

การเปลี่ยนแปลงโอโซนโอโซนและผลกระทบตอ่ ภูมอิ ากาศหรอื การแผร่ งั สีจากรายงานขององคก์ ารอตุ นุ ิยมวทิ ยาโลก ปี ค.ศ. 1988 ได้ข้อเทจ็ จรงิ วา่ ระดบั โอโซนลดลงหลายเปอรเ์ ซ็นต์ระหวา่ ง 17 ปี ที่ผ่านมา สาเหตุท่เี ด่นชดั คือสารประกอบฮาโลคาร์บอนท่สี ังเคราะห์ขึน้ สามารถทาลายโมเลกลุ โอโซนไดด้ ังน้ี CF2Cl2 + UV → Cl + CF2Clคลอรนี ทาปฏกิ ริ ยิ ากบั โอโซนไดค้ ลอรีนมอนอกไซด์ ( ClO ) และออกซิเจน ( O2 ) → ClO + O2 Cl + O3คลอรนี มอนอกไซดท์ าปฏิกริ ยิ ากับอะตอมของออกซิเจนในชน้ั สตราโตสเฟยี รแ์ ล้วแตกตัวให้โมเลกุลของออกซิเจน ClO + O Cl + O2

การควบคมุ มลพิษทางอากาศ 1. การควบคมุ สารมลพิษโดยการแยกแยกมลพษิ จาก แก๊สทไี่ มเ่ ปน็ พิษ โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงอนภุ าคต่าง ๆ เชน่ ฝุ่น ควนั เคร่อื งมอื ท่ีใชม้ หี ลายแบบ เชน่ เครื่องแยกแบบไซโคลน (cyclone separator) เครอ่ื งแยกแบบฉีดน้า (wet scrubber) เครื่องแยกแบบไฟฟ้าสถิตย์ ดดู ซับ โดยใชผ้ ้า กระดาษ หรือ fibrousmats ถ่านกัมมันต์ 2.การควบคุมมลพษิ โดยการแลกเปลย่ี นสารมลพษิวิธที ใ่ี ชท้ ั่วไป และเป็นวิธีทสี่ า้ คัญทีส่ ดุ คือการออกซิไดซด์ ว้ ยอากาศที่อณุ หภูมสิ งูมีข้อดีคือ ก้าจัดสารมลพิษ ได้หลายชนิดได้แก่ แก๊สอนินทรีย์ ไอของสารอินทรีย์ ผลิตผลจากoxidation คอื H2O และ CO2 แตม่ ขี ้อเสยี คือมคี ่าใชจ้ ่ายสูง

มลพษิ ทางน้า คุณสมบัติของน้าคุณสมบัติทางกายภาพของน้า ลักษณะทางภายนอกท่ีแตกต่างกัน เช่น อุณหภูมิ สี กล่ินรสความใส ความขุ่น การนา้ ไฟฟา้ ปริมาณของแขง็ ทั้งหมดสมบตั ทิ างดา้ นเคมขี องน้า • pH แสดงความเป็นกรดหรือเบสของน้า (น้าดื่มควรมคี ่า pH ระหว่าง 6.8-7.3) • ความกระด้าง (hardness) การมี Ca2+, Mg2+ ละลายอย่ในน้าท้าให้ไม่เกิดฟองกับ สบู่ • ปริมาณออกซเิ จนทล่ี ะลายน้า (dissolved oxygen, DO) เสียจะมีค่า DO ตา้่ กวา่ 3 ppm ค่า DO มคี วามสา้ คัญในการบง่ บอกวา่ แหล่งนา้ นั้นมปี รมิ าณออกซิเจน เพียงพอตอ่ ความต้องการของสง่ิ มชี ีวิตหรือไม่ • บโี อดี (biological oxygen demand, BOD) เป็นปริมาณออกซิเจนทจี่ ุลินทรีย์ • ต้องการใชใ้ นการยอ่ ยสลายสารอินทรีย์ในน้า น้าท่ีมีคุณภาพดี ควรมีค่าบีโอดี ไม่เกิน 6 ppm ถา้ ค่าบีโอดสี ูงมากแสดงวา่ น้านั้นเน่ามาก

มลพิษทางนา้สมบัตทิ างด้านเคมีของนา้ • ซโี อดี (Chemical Oxygen Demand, COD) คือ ปริมาณ O2ที่ใช้ในการออกซไิ ดซ์ ในการสลายสารอินทรยี ์ดว้ ยสารเคมโี ดยใชส้ ารละลาย • ทีโอซี (Total Organic Carbon, TOC) คือ ปริมาณคารบ์ อนในน้า • ไนโตรเจน เป็นธาตุสา้ คญั ส้าหรับพชื ซง่ึ จะอยู่ในรูปของ แอมโมเนีย-ไนโตรเจน ไน ไตรท ไนเตรต ย่ิงถ้าในน้ามีปริมาณไนโตรเจนสงู จะทา้ ใหพ้ ืชน้าเจรญิ เติบโตอยา่ ง รวดเรว็ • ฟอสฟอรสั • ซลั เฟอร์ อย่ใู นธรรมชาติและเป็นองค์ประกอบภายในของส่ิงมชี วี ติ ซง่ึ สารพวกนจ้ี ะ ทา้ ให้เกิดกลน่ิ เหม็นเนา่ เชน่ ที่เรียกวา่ ก๊าซไขเ่ นา่ • โลหะหนกั มที ้งั ทเ่ี ปน็ พิษและไมเ่ ปน็ พษิ แต่ทงั้ น้ขี นึ้ อยกู่ บั ปรมิ าณทไ่ี ดร้ บั ถ้ามากเกนิ ไปจะเป็นพษิ

ชนิดของสารมลพษิ ทางน้า• กากของเสียท่ตี อ้ งการ O2 เพือ่ สลายตวัมลพษิ ทางนา้ เกิดขน้ึ เมือ่ คา่ DO (Dissolved Oxygen) ต่้ากวา่ 3 ppm• ส่งิ ทท่ี ้าใหเ้ กดิ โรคภยั ไข้เจ็บก้าหนดคุณภาพน้าด้วยปริมาณ Coliform bacteria (ซ่งึ ปกติอยใู่ นล้าไส้ใหญ่ และพบในน้าธรรมชาต)ิ stanndard plate count ต้องไม่เกิน 500 โคโลนี / น้า 1 cm3• อาหารหรอื ปุ๋ยของพืชธาตุหลายชนิดเช่น K , N , P , C (ในรูป CO2 ) ถ้าลงไปสู่แหล่งน้าจะท้าให้สิ่งมีชีวิตที่สามารถสงั เคราะหแ์ สงได้ในน้าเติบโตอยา่ งรวดเร็วเมือ่ พชื ตายลงจะทา้ ให้ DO ในน้าลดลงอยา่ งมาก• สารอินทรียส์ งั เคราะห์ เช่น ผลติ ภัณฑ์ปโิ ตรเลยี ม พลาสติก ผงซกั ฟอก สยี ้อม• น้ามนั เช้ือเพลงิ สารอนินทรยี ์ และแร่ธาตุ ๆ• ตะกอน และสารแขวนลอย สารกมั มนั ตรังสี• ความร้อน

การทา้ นา้ ให้บรสิ ทุ ธแ์ิ ละกา้ จัดน้าเสยีการกาจัดความกระด้างของน้าความกระดา้ งเกดิ จากการมี Ca2+ หรอื Mg2+ ละลายอย่ไู อออนเหลา่ นี้อยูใ่ นรปู ของสารประกอบหลายชนิดเชน่ CaHCO3 , CaSO4, MgHCO3 หรอื MgSO4 ซ่งึ จะทาใหส้ บู่เกิดการตกตะกอนละลายน้าไมไ่ ด(้ ไคลสบู่, calcium stearate) และไมเ่ กิดฟองไม่สามารถซักลา้ งได้ ดงั สมการCa2+ + 2 CH3(CH2)16COO- → Ca[OOC(CH2)16CH3]2 สบู่ calcium stearateนอกจากนีน้ ้ากระดา้ งยังทาใหเ้ กิดตะกรนั (CaCO3) ในหมอ้ ตม้ นา้ ดังสมการCa2+ + 2HCO3- → CaCO3 + CO2 + H2O

การทา้ นา้ ให้บรสิ ุทธ์ิและกา้ จัดนา้ เสีย การกาจดั ความกระดา้ งของน้าการกาจัดความกระดา้ งของนา้ ทาได้หลายวิธีวิธีแรกคอื Lime - soda process นิยมใช้ลดความกระด้างของน้าในแหล่งชมุ ชนโดยใชป้ ูนขาว (Ca(OH)2) ใช้โซดาแอซ (Na2CO3)โดยเติมลงไปเพอื่ ใหต้ กตะกอน Ca2+ ดังสมการCa2+ + 2HCO3- + Ca(OH)2 → 2CaCO3 + 2H2OCa2+ + 2Cl- + 2Na+ + CO32- → CaCO3 + 2Na+ + 2Cl-CaCO3(s) → Ca2+ + CO32-CO32- + H2O → HCO3- + OH-สว่ น Mg2+ จะทาปฏกิ ริ ยิ ากับ OH- ท่ไี ด้จากปฏิกริ ิยาไฮโดรไลซสิ ของ Na2CO3Mg2+ + 2OH- → Mg(OH)2วิธที ีส่ องการกาจดั ความกระด้างของนา้ โดยขบวนการแลกเปล่ยี นไอออน

การท้าน้าให้บรสิ ุทธิ์และกา้ จัดน้าเสยี การทาน้าประปา ต้องทาการกาจัดสารแขวนลอย ไอออน และฆ่าเช้ือโรคในนา้(ท่มี า : http://www.pwa.co.th/contents/service/treatment)

การทา้ น้าใหบ้ รสิ ุทธิ์และก้าจดั น้าเสยี การกาจดั น้าเสีย คอื การแยก หรือทาลายสง่ิ ปฏกิ ลู ต่าง ๆ ทีม่ อี ยู่ในนา้ ทงิ้ ให้มปี รมิ าณลดลงอยู่ใน ระดับทไี่ ม่กอ่ ใหเ้ กดิ ปญั หานา้ เสียในแหล่งนา้ ท่รี องรบั น้าทง้ิ น้ัน ทาได้ดังน้ี 1. การกาจดั สารท่ีเปน็ ของแข็งใชว้ ิธกี ายภาพ ตะแกรงกรอง จะกาจัดวัตถุชิน้ ใหญ่ทลี่ อยนา้ กรวยทราย เศษหนิวัตถชุ นิ้ เล็ก ๆ และถงั ตกตะกอน จะทาให้โคลนตม หรือสง่ิ แขวนลอย ตกตะกอนรวมกันซง่ึ จะทาใหค้ ่า BOD ลดลงเลก็ นอ้ ยดว้ ย

การทา้ น้าใหบ้ รสิ ทุ ธแ์ิ ละก้าจดั น้าเสีย การกาจัดนา้ เสีย 2. การออกซิไดส์สารอินทรยี ์ในน้าโดยแบคทเี รีย ใชว้ ิธีการทางชีววิทยาโดยแบคทเี รียจะออกซิไดส์สารอนิ ทรีย์ในนา้ ทาใหค้ ่า BOD ลดตา่ ลงมากมี 2 วิธีได้แก่ วธิ กี ากตะกอนแบคทีเรยี (activated sludge) เตมิ กากตะกอนแบคทเี รียลงในน้าเสีย และเติมอากาศเข้าไปเพอื่ ให้กากตะกอนแบคทีเรยี ไดส้ มั ผสั กับนา้เสียและเกิดปฏิกริ ิยาดขี ึ้น และวิธกี ารกรองหยด (tricking filters) ใช้แบคทีเรียเคลอื บท่ีก้อนกรวด แล้วให้นา้ เสยี ไหลผ่าน ปฏกิ ริ ิยาเกดิ ขน้ึ ดังสมการ สารอินทรีย์ (C , H , O , N) + แบคทีเรยี + ออกซเิ จน CO2 + H2O + พลังงาน (นา้ ปลอ่ ยสู่สิง่ แวดลอ้ มได้ หรอื กาจดั ต่อ)

การท้านา้ ให้บริสุทธิแ์ ละกา้ จัดน้าเสีย การกาจัดนา้ เสยี 3. การกาจดั ของแขง็ ทง้ั หมด ใช้เทคนคิ ต่าง ๆ หลายวิธที ้งั วิธกี ารทางชวี วิทยา เคมี และกายภาพ เชน่กระบวนการออสโมซิสผนั กลับ การแลกเปล่ียนไอออน การทาไดอะไลซสิ ไฟฟ้า การตกตะกอน การกรอง และ การดดู ซบั กล่นิ และสีดว้ ยถ่านกมั มนั ต์(activated carbon) จะใชก้ ีข่ ้ันตอนข้นึ อย่กู บั ตน้ ทนุ ชนดิ ของน้า จดุ มุ่งหมายของความตอ้ งการคุณภาพนา้สุดทา้ ยจะได้ค่า BOD ตา่ กว่า 20 ppm การกาจัดนา้ เสียจากแหลง่ ชมุ ชน นา้ ทิ้งจากครวั เรือน และร้านคา้ มคี า่ BODระหว่าง 100 - 400 ppm ของแข็งทีแ่ ขวนลอยอยใู่ นน้า ประมาณ 200 - 1,000 กรมั /ลบ.ม. สามารถกาจดั โดยการใช้ วิธกี ากตะกอนแบคทีเรีย ใช้ระบบเล้ยี งกากตะกอนแบคทเี รยี และถังหมัก แบบไม่ใชอ้ ากาศ

มลพิษทางดนิสาเหตุของมลพิษทางดิน1. สภาพธรรมชาติ ไดแ้ ก่ สภาพทเ่ี กิดตามธรรมชาตขิ องบริเวณนน้ั ๆ เช่น บรเิ วณท่มี ีเกลือใน ดนิ มาก หรือบริเวณท่ดี ินมีความหนาแนน่ นอ้ ย2. การกระทาของมนุษย์ • การใช้สารเคมีและสารกมั มันตรังสี สารเคมี ไดแ้ ก่ ยาฆา่ แมลง ยาปราบศตั รูพืช • การใสป๋ ุ๋ย • น้าชลประทาน การทดน้านั้นมโี อกาสทาใหท้ ่ีดินได้รับ สารพษิ มากขึ้น หรอื ละลายเอาเกลอื ซ่ึงสะสมในดนิ ช้ันล่าง ๆ ขึ้นมาปะปน ทาใหด้ ินเคม็ • การใชย้ าปราบศัตรูพชื และสตั ว์ • การท้งิ ขยะมลู ฝอยและของเสียต่าง ๆ • การเพาะปลกู ดนิ ทใ่ี ชใ้ นการเพาะปลูกเป็นเวลานาน ๆ โดยมิได้คานงึ ถงึ การ บารงุ รักษา อย่างถูกวธิ จี ะทาใหแ้ ร่ธาตใุ นดินถูกใช้หมดไป จนในท่ีสุดไมอ่ าจปลกู พืชไดอ้ ีก • การหกั ร้างถางป่า เกดิ การสญู เสยี หนา้ ดนิ และเกิดการพงั ทลายได้

ดินเค็มดินทมี่ ีปรมิ าณเกลอื ทีล่ ะลายอย่ใู นสารละลายดนิ มากเกนิ ไปจนมีผล กระทบตอ่การเจริญเตบิ โตและผลติ ผลของพืช เน่ืองจากทาให้พชื เกดิ อาการขาดนา้ สาเหตุการแพรก่ ระจายดนิ เค็ม หนิ หรอื แร่ท่อี มเกลืออยู่เม่ือสลายตัวหรอื ผพุ งั ไป โดยกระบวนการทางเคมีและทางกายภาพ กจ็ ะปลดปลอ่ ยเกลอื ตา่ งๆ ออกมา เกลือสามารถละลายน้าไดด้ ี น้าจงึ เป็นตวั การหรอื พาหนะในการพาเกลอื ไปสะสมในที่ต่าง ๆท่ีนา้ ไหลผ่าน ซ่งึ เป็นสาเหตุของการเกดิ การแพรก่ ระจายดนิ เค็ม นอกจากนย้ี ังเกิดจากการกระทาของมนุษย์ เชน่ การทานาเกลือ ท้งั วธิ กี ารสูบนา้ เคม็ ขึ้นมาตาก

ดนิ เคม็แนวทางการจดั การดนิ เค็ม• วธิ ที างวศิ วกรรม จะต้องมกี ารออกแบบพจิ ารณาเพอ่ื ลดหรือตัดกระแสการ ไหลของนา้ ใตด้ ินใหอ้ ย่ใู นสมดลุ ของธรรมชาติมากท่สี ุด ไม่ใหเ้ พ่มิ ระดับน้าใต้ ดินเคม็ ในท่ีล่มุ• วิธีทางชวี ทิ ยา โดยใชว้ ิธีการทางพืชเช่นการปลูกป่าเพ่อื ปอ้ งกันการ แพรก่ ระจายดนิ เค็ม มกี ารกา้ หนดพนื้ ทีร่ บั น้าทจี่ ะปลกู ปา่ ปลูกไมย้ ืนตน้ หรือ ไม้โตเรว็ มีรากลึก ใชน้ ้ามากบนพ้นื ที่รับน้าทีก่ า้ หนด เพ่ือท้าใหเ้ กิดสมดลุ การใช้ น้าและน้าใต้ดนิ ในพน้ื ที่ สามารถแกไ้ ขลดความเค็มของดินในทล่ี ุ่มท่ีเปน็ พน้ื ท่ี ใหน้ ้าได้โครงการศกึ ษาทดลองแก้ไขปัญหาดนิ เคม็ อนั เนือ่ งมาจากพระราชด้าริ จังหวัดนครราชสมี า ไดแ้ ก้ไขปัญหาดนิ เคม็ โดยเน้นการเพาะปลกู พชื ที่มคี วามเหมาะสมกับลักษณะของดนิ ปรบั ปรุงดิน และปลกู พืชผักตา่ งๆ ควบคไู่ ปด้วย

ดนิ เปรี้ยวหรือดนิ กรด (Acid soil)พ้นื ท่ีดนิ เปรย้ี วสว่ นใหญ่แพรก่ ระจายอยทู่ ว่ั ไปในทุกภาคของประเทศ โดยเฉพาะท่ีราบลมุ่ ภาคกลางตอนใต้ บริเวณชายฝัง่ ทะเลตะวันออกเฉียงใต้และชายฝั่งทะเลตะวันออกของภาคใต้ ดนิ เปร้ียวจดั สว่ นใหญเ่ ปน็ ทร่ี าบล่มุ มนี ้าขงัอยู่ตลอดช่วงฤดฝู นและลกั ษณะของดนิ เปน็ ดนิ เหนียวจงึ จดั ใช้เปน็ พ้นื ที่เพาะปลูกขา้ ว ความเปน็ กรดจัดมีผลต่อกจิ กรรมของจลุ นิ ทรยี ์ท่ีอาศยั อยู่ในดนิและมีประโยชนต์ อ่ พชื มปี ริมาณทลี่ ดลง ซึง่ เปน็ สาเหตสุ าคัญทที่ าใหบ้ รเิ วณพืน้ ท่ีดังกล่าวให้ผลผลติ ข้าวต่า

ดนิ เปร้ียวหรอื ดนิ กรด (Acid soil)ประเภทของดนิ เปรีย้ ว• ดนิ เปรย้ี วจัด ดินกรดจัด หรือดนิ กรดก้ามะถัน (acid sulfate soil) เป็นดินที เกิดจากการตกตะกอนของนา้ ทะเลหรือตะกอนนา้ กรอ่ ย ทมี่ ีสารประกอบของ กา้ มะถนั ซ่ึงจะถูกเปลย่ี นเป็นกรดก้ามะถัน• ดินอนิ ทรีย์ หรอื โดยท่วั ไปเรียกว่า “ดินพร”ุ ในประเทศมดี ินทเี่ ปน็ ดนิ อนิ ทรีย์ แพรก่ ระจายอยูห่ นาแนน่ อยตู่ ามแนวชายแดนหรอื เขตชายแดนไทยและ มาเลเซีย• ดนิ กรด หรือดินกรดธรรมดา เปน็ ดนิ เกา่ แกอ่ ายมุ ากซงึ่ พบไดโ้ ดยทว่ั ไป ดนิ กรดเกิดข้นึ บริเวณพ้ืนทเ่ี ขตร้อนชนื้ มีฝนตกชกุ ดนิ ทผ่ี ่านกระบวนการชะลา้ ง หรอื ดนิ ทถ่ี ูกใชป้ ระโยชน์มาเป็นเวลานาน

ดินเปรี้ยวหรอื ดนิ กรด (Acid soil)วิธกี ารแกไ้ ขดินเปรี้ยวตามแนวพระราชดาริ เปน็ วธิ ีการทต่ี รงข้ามกบั วธิ ีการทว่ั ไปทีต่ ้องการลดปญั หา แตเ่ ป็นการสร้างหรอื เพม่ิ ใหป้ ญั หามีความรนุ แรงขนึ้ ด้วยกระบวนการท่ีทรงเรียกวา่ แกลง้ดนิ เป็นกระบวนการเร่งปฏกิ ริ ยิ าทางเคมขี องดนิ ทีม่ ีแร่กามะถันหรอืสารประกอบไพไรท์ โดยการขงั น้าในที่ดนิ แลว้ ปลอ่ ยน้าออก ทาใหด้ นิ แห้งและเปยี กสลบั กนั จนกลายเป็นดินที่เปรย้ี วหรอื เปน็ กรดจัด จงึ ใหห้ าทางแกไ้ ขความเป็นกรดจัดของดินโดยวธิ กี ารต่างๆ เชน่ ใชน้ า้ จืดชะลา้ งน้าเปรยี้ วออกไป และการโรยปนู ขาว


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook