คำนำ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กาหนดให้ผู้เรียนมีผลการประเมิน ความสามารถในการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขียน ตามเกณฑ์ทส่ี ถานศึกษากาหนด จึงจะได้รบั การตัดสนิ ใหเ้ ลือ่ นช้ัน และจบการศึกษาแต่ละระดับการศึกษา ซ่ึงสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ได้กาหนดขอบเขตการ ประเมิน ตวั ชว้ี ัด ความสามารถในการอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น และรูปแบบการประเมินไว้ ให้สถานศึกษานาไป เปน็ แนวทางในการพฒั นาและประเมินการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขยี น โรงเรียนบ้านวังปืน จึงได้จัดทาคู่มือการพัฒนาและประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน เล่มน้ีขึ้น เพ่ือให้ครูผู้สอนได้นาไปใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน อย่างมี ประสิทธิภาพและเกิดประสิทธผิ ล โรงเรยี นบำ้ นวังปืน สำนกั งำนเขตพ้ืนทก่ี ำรศกึ ษำประถมศึกษำสระแกว้ เขต ๑
สำรบัญ หนำ้ ๑ เรอ่ื ง ๒ บทนา ๓ การพฒั นาความสามารถในการอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขยี น ๔ ประเด็นสาคญั ในการประเมนิ การอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ๔ หลักการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน แนวดาเนินการพฒั นาและประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขยี น ๕ ๑. แต่งตงั้ คณะกรรมการพัฒนาและประเมินความสามารถในการอ่าน ๕ คดิ วิเคราะห์ และเขยี น ๒. ศกึ ษาหลกั การประเมิน ความหมาย ขอบเขตการประเมิน ๖ และตวั ชวี้ ัดการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขยี น ๓. กาหนดรปู แบบ วธิ ีการ และแนวทางทจี่ ะใช้ในการพัฒนาและ ๑๐ ประเมนิ การอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขียน ๔. ดาเนินการพฒั นา ประเมนิ และปรับปรุงแก้ไขความสามารถในการอา่ น ๒๐ คดิ วเิ คราะห์ และเขียน ตามรูปแบบและวธิ ีการท่ีกาหนดอย่างตอ่ เน่ือง ๕. สรปุ และตัดสนิ ผลการประเมิน บนั ทกึ และรายงานผลการประเมิน ความสามารถในการอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขียนตอ่ ผูเ้ กยี่ วขอ้ ง
๑ กำรพัฒนำและประเมนิ กำรอำ่ น คิดวเิ ครำะห์ และเขยี น บทนำ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กาหนดให้ผลการประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน เป็นเกณฑ์หน่ึงในการตัดสินเล่ือนข้ันและจบการศึกษาแต่ละระดับการศึกษา ผู้เรียน ต้องมี ความสามารถในการอ่านจากหนังสือ ตาราเรียน เอกสาร และหรือส่ือต่าง ๆ แล้วนาเนื้อหาสาระที่อ่าน มาคิด วิเคราะห์นาไปสู่การแสดงความคิดเห็น การสังเคราะห์ สร้างสรรค์ การแก้ปัญหา แล้วถ่ายทอดความคิดนั้น ด้วย การเขียนท่ีมีสานวนภาษาถูกต้อง มีเหตุผลและมีการนาเสนอท่ีเป็นไปตามลาดับข้ันตอน สามารถสร้างความเขา้ ใจ แก่ผู้อ่านได้อย่างชัดเจน ตามขอบเขตและตัวช้ีวัดที่กาหนดในแต่ละระดับข้ัน ดังนั้น การอ่าน คิดวิเคราะห์ และ เขียน จึงจาเป็นต้องปลูกฝังและพัฒนาให้เกิดข้ึนกับผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง โดยบูรณาการไปพร้อม ๆ กับการจัดการ เรียนรู้ ตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ และ/หรือการจัดโครงการ/กิจกรรมต่าง ๆ ขณะเดียวกันต้องมีการตรวจสอบว่า ผเู้ รยี น มีความสามารถตามตวั ชี้วัดแล้วหรอื ไม่ ทำไมจึงต้องมีกำรพฒั นำและประเมินกำรอ่ำน คิด วเิ ครำะห์ และเขียน สังคมโลกในปัจจุบันเป็นยุคของเศรษฐกิจฐานความรู้ มนุษย์ต้องดาเนินชีวิตอยู่ท่ามกลางข้อมูลข่าวสาร สารสนเทศต่าง ๆ มากมาย การเขา้ ถึงข้อมลู สามารถทาได้งา่ ย และรวดเร็ว ถึงแม้แหลง่ ของข้อมลู ความรู้ จะอยู่กัน ไกลคนละซีกโลกก็ตาม การรับรู้เรื่องราวต่าง ๆ จึงเกิดขึ้นตลอดเวลาท้ังจากการอ่าน การฟัง การดู ดังนั้น การ พัฒนาผ้เู รียนใหม้ ที ักษะทางด้านการอ่าน คอื อ่านได้คลอ่ ง อ่านเกบ็ ประเดน็ ได้ นน่ั คือมีทกั ษะท่ีดีทางการอ่าน แล้ว สามารถนาไปสกู่ ระบวนการคิดท้ังในมิติของการคิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ หรอื การคดิ อย่างมีวิจารณญาณ เพ่อื ให้ สารที่ได้รับจากการอ่านเกิดตกผลึก มีเหตุผลประกอบ จนสามารถนาไปเขียน หรือเล่าเรื่องราวให้ผู้อื่นเข้าใจได้ อย่างมปี ระสิทธภิ าพถกู ตอ้ งตามหลกั การเชิงตรรกะ สาหรับในประเทศไทยจะพบว่ามแี นวทางการพัฒนาการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขยี นมาโดยตลอด แต่การ ดาเนินการยังไม่มีเอกภาพหรือมีวิธีการท่ีชัดเจน ข้ึนกับครูผู้สอนจะนาไปใช้จัดการเรียนรู้กันเอง ทาให้ผลการ ประเมินด้านการอ่านของนักเรียนไทยอยู่ในระดับท่ีต่ากว่าเกณฑ์ ส่วนด้านการคิดวิเคราะห์ก็มีผลการประเมินของ สานักงานรบั รองมาตรฐานและประเมนิ คุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) ว่านักเรียนไทยมีความสามารถในการ คิดวิเคราะห์ในระดับท่ีไม่น่าพึงพอใจ นักเรียนในระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษา มีปัญหาด้านการเขียนคา ภาษาไทยผิด เรยี งรูปประโยคไมถ่ ูกตอ้ งตามหลกั ไวยากรณ์ และขอ้ ความทีเ่ ขยี นไม่สามารถส่อื ความหมายได้ สภาพปัญหาของการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนของนักเรียนไทยที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น หลักสูตร แกนกลางการศกึ ษาข้นึ พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ จึงไดก้ าหนดแนวทางการพัฒนาผูเ้ รยี นท่ีเนน้ ให้มีความเป็นเลิศ ทางดา้ นทักษะการอ่าน แล้วสามารถนาสิ่งท่ีอ่านหรือสารท่ีได้รับไปผ่านกระบวนการคิดอย่างมีระบบ เพ่ือให้ผู้เรียน สามารถสรา้ งข้อสรุปเกยี่ วกับสิ่งที่อา่ นได้อยา่ งมิวิจารณญาณ แลว้ ส่ือสารต่อใหผ้ ู้อ่ืนเข้าใจได้ดว้ ยการเล่า หรือเขียน ไดถ้ ูกต้องตามหลักเกณฑท์ างภาษา เหมาะสมกับระดับชัน้ หรอื วัยของผเู้ รยี น
๒ กำรพฒั นำควำมสำมำรถในกำรอำ่ น คดิ วเิ ครำะห์ และเขียน การพัฒนาความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน เป็นหน้าที่ของครูท่ีจะต้องช่วยกัน พัฒนาให้ ผู้เรียนสามารถคิดวิเคราะห์จากเน้ือหาสาระท่ีอ่านและถ่ายทอดให้ผู้อื่นรู้ด้วยการเขียน กระบวนการพัฒนา ความสามารถในการอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขียน ส่งิ สาคญั ท่จี ะต้องทาความเข้าใจ คอื ไมว่ า่ จะเรม่ิ ตน้ ด้วย กิจกรรม การเรียนรู้อย่างไร หรือจะกาหนดภาระงานในลักษณะใด ต้องให้ความสาคัญต่อความเข้าใจต่อกระบวนการ พัฒนาการอ่าน คิดวิเคราะห์ของผู้เรียน โดยผ่านกระบวนการเขียนที่สามารถสะท้อนความสามารถในการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขยี นของผู้เรียน ซึ่งเนน้ ไปทก่ี ารเขียนอย่างมจี ดุ มงุ่ หมายตามตัวช้ีวัดของแต่ละระดับ ความสัมพันธ์ระหว่างกระบวนการอ่าน กระบวนการคิดวิเคราะห์ และกระบวนการเขียน ที่นาไปสู่ การ พฒั นาความสามารถในการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขียนของผูเ้ รยี น แสดงได้ตามแผนภาพต่อไปนี้ จากแผนภาพท่ี ๑.๒ ครผู ูส้ อนสามารถพฒั นากระบวนการอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขียนไดต้ ามขนั้ ตอน ดงั นี้ ขัน้ ทหี่ นงึ่ ฝกึ ใหผ้ ้เู รยี นอา่ นอย่างมจี ุดมุ่งหมาย (อา่ นเพอื่ ให้ได้ข้อมูลอะไร เพือ่ อะไร) โดยครูอาจใช้วิธี การ ตัง้ คาถามเพ่อื ให้ผู้เรยี นทราบวา่ จะอา่ นเพื่อใหไ้ ดข้ ้อมลู ในลักษณะใด เช่น - นักเรียนเรียนรู้อะไรจากเรื่องที่อา่ น - นกั เรยี นอ่านเร่อื งนีเ้ พือ่ อะไร - นักเรียนจะนาสง่ิ ทไ่ี ด้จากการอา่ นไปใชเ้ ม่อื ใด อย่างไร - นกั เรยี นควรอา่ นอะไรเพิม่ เติม ข้ันที่สอง ฝึกการจัดระบบข้อมูลท่ีได้จากการอ่าน โดยใช้หลักการพัฒนาทักษะการคิดของบลูม (Bloom) เช่น การแยกแยะ การเปรียบเทียบ การจัดลาดับ การติความ การคาดการณ์ ความเป็นไปได้ การสร้างสมมุติฐาน การลงขอ้ สรปุ การเสอื กและการตัดสนิ ใจ การระบคุ ุณค่า เป็นต้น
๓ ขั้นทสี่ ำม ตรวจสอบข้อมูลท่ีไดจ้ ากการอ่านวา่ มีเพียงพอกับจดุ มงุ่ หมายทต่ี ้องการเขียนนาเสนอหรือไม่ ถ้า ยังไม่เพียงพอ ควรแนะนาให้ผู้เรียนแสวงหาข้อมูลเพ่ิมเติมจากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ โดยย้อนกลับไปที่ขั้นตอน แรก (อา่ นเพ่อื ให้ได้ขอ้ มลู อะไร เพ่ืออะไร) หากมขี อ้ มูลเพยี งพอแล้วกด็ าเนินงานต่อในขนั้ ตอนต่อไป ขั้นท่ีสี่ ฝึกการเขียนอย่างมีจุดมุ่งหมาย โดยยึดตัวชี้วัดของการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ข้อ ๕ ของแต่ ละระดับ ซึ่งผู้สอนอาจจะประยุกต์ใช้แนวทางการพัฒนางานเขียน ๕ ข้ันตอน (ท้ังนี้ ให้คานึงถึงความสามารถใน การเรยี นรตู้ ามตวั ชวี้ ัดของแตล่ ะระดบั ) คอื ๑. การเตรียมการเขียน เป็นขั้นเตรียมพร้อมท่ีจะเขียนโดยเสือกเร่ืองท่ีจะเขียนบนพื้นฐานของ ประสบการณ์ กาหนดรูปแบบการเขียน รวบรวมความคิดในการเขียน อาจใช้วิธีการอ่านหนังสือ สนทนา จัด หมวดหมู่ ความคดิ โดยเขียนเปน็ แผนภาพความคิด จดบันทึกความคิดท่ีจะเขียนเป็นรูปหวั ข้อเร่ืองใหญ่ หัวข้อย่อย และรายละเอยี ดครา่ ว ๆ ๒. การยกร่างข้อเขียน เม่ือเตรียมหัวข้อเรื่องและความคิดรูปแบบการเขียนแล้ว ให้นาความคิดมาเขียน ตามรูปแบบท่ีกาหนดเป็นการยกร่างข้อเขียน โดยคานึงถึงว่าจะเขียนให้ใครอ่าน จะใช้ภาษาอย่างไรให้เหมาะสม กบั เรื่องและเหมาะกบั ผู้อ่าน จะเรมิ่ ต้นเขยี นอย่างไร มหี ัวข้อเร่อื งอย่างไร ลาดบั ความคิดอย่างไร เช่อื มโยงความคิด อย่างไร ๓. การปรับปรุงข้อเขียน เมื่อเขียนยกร่างแล้ว ควรอ่านทบทวนเร่ืองที่จะเขียน ปรับปรุงเร่ืองท่ีเขียน เพ่ิมเติมความคิดให้สมบูรณ์ แก้ไขภาษา สานวนโวหารแล้วนาไปให้เพ่ือนหรือผู้อ่ืนอ่าน เพื่อนาข้อเสนอแนะ มา ปรบั ปรุงอีกครง้ั ๔. การบรรณาธิการกิจ นาข้อเขียนท่ีปรับปรุงแล้วมาตรวจทาน แก้ไขให้ถูกต้อง แล้วอ่านตรวจทาน อีก คร้ัง แก้ไขข้อผดิ พลาดทั้งภาษา ความคิด และการเว้นวรรคตอน ๕. การเขียนให้สมบูรณ์ นาเร่ืองที่แก้ไขปรับปรุงแล้วมาเขียนเร่ืองให้สมบูรณ์ จัดพิมพ์ วาดรูปประกอบ เม่ือพิมพห์ รอื เขียนแล้วตรวจทานอกี ครง้ั ใหส้ มบูรณ์ก่อนจดั ทารูปเล่ม ประเด็นสำคัญในกำรประเมนิ กำรอ่ำน คิดวเิ ครำะห์ และเขียน เน่ืองจากการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน เป็นการแสดงความสามารถในภาพรวมท่ีต่อเน่ืองกัน โดยเริ่ม ด้วยการอ่าน การคิดวิเคราะห์จากสาระที่อ่าน และเขียนสะท้อนความคิดที่ได้จากการอ่าน ดังนั้น จึงเป็น หน้าที่ ของครูที่ต้องจัดกิจกรรมการเรียนรูท้ ี่ส่งเสรมิ ให้ผู้เรียนรู้วธิ กี ารอ่านอย่างมีจุดมุ่งหมาย สามารถคิดวิเคราะห์ เรื่องที่ อ่าน และนามาเขียนสื่อความให้ผู้อ่ืนเข้าใจได้ ดังนั้น ถ้าครูต้องการทราบว่าผู้เรียนมีความสามารถในการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียนตามตัวชี้วัดของแต่ละระดับข้ันหรือไม่ จาเป็นจะต้องประเมินจากผลงานที่เกิดจากการเขียน เพราะผลงานการเขยี นจะเปน็ ผลผลติ ขัน้ สดุ ท้ายทีป่ รากฏใหเ้ ห็นโดยคานึงถงึ ประเดน็ สาคญั ดังน้ี ๑. การกาหนดลักษณะภาระงาน สื่อที่ครูกาหนดหรือให้ผู้เรียนเสือกอ่าน ต้องเป็นสื่อท่ีสอดคล้องกับ ขอบเขตการประเมินตามตัวชี้วัดในแต่ละระดับขั้นการกาหนดเง่ือนไขของภาระงานต้องตรงกับประเด็นการ ตรวจสอบ และการใช้ประเด็นคาถามต้องกระตุ้นใหผ้ ู้เรียนได้แสดงออกถงึ ความรู้ความเข้าใจ ความคิดเกยี่ วกบั สิ่งที่ อา่ น และสามารถถา่ ยทอดความคดิ ของตนเองดว้ ยการเขียน ๒. วิธีการและเครื่องมือประเมิน เน้นให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติจริง เปิดโอกาสให้ผู้เรียนประเมินตนเอง เพ่ือน ประเมินโดยการพดู คยุ ถาม-ตอบปากเปล่า การตรวจผลงาน หรือการทดสอบโดยการสอบขอ้ เขยี น ๓. การให้ข้อมูลย้อนกลับแก่ผู้เรียนระหว่างการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เพ่ือเป็นการปรับปรุงพัฒนา และดู ความก้าวหน้าปัญหาอุปสรรคในการเรียนของผู้เรียนโดยเน้นการประเมินเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ (Assessment for Learning) มากกวา่ การประเมินเฟือสรุปผลการเรียนรู้ (Assessment of Learning)
๔ ในการประเมินผลงานการเขียน ครูต้องกาหนดเกณฑ์การประเมินที่แสดงถึงระดับคุณภาพให้สอดคล้อง กับภาระงาน และครอบคลุมตัวช้ีรัดท่ีแสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน โดยสถานศึกษา สามารถกาหนดเกณฑ์การประเมนิ ผลงานการเขยี นของผูเ้ รียนให้ครูใชร้ ่วมกน้ ได้ หลกั กำรประเมินกำรอำ่ น คิดวิเครำะห์ และเขยี น ๑. เป็นการประเมินเพ่ือการปรับปรุงพัฒนาผู้เรียน และประเมินเพื่อการตัดสินการเล่ือนช้ัน และจบ การศึกษาระดบั ต่าง ๆ ๒. ใช้วิธีการประเมินที่หลากหลาย เพื่อให้ผู้เรียนมีโอกาสได้แสดงออกซ่ึงความสามารถดังกล่าว อย่างเต็ม ตามศักยภาพ และทาให้ผลการประเมนิ ที่ได้มคี วามน่าเชื่อถือ ๓. การกาหนดภาระงานใหผ้ เู้ รียนไดป้ ฏิบตั ิ ควรสอดคล้องกบั ขอบเขตและประเด็นการประเมนิ ท่ีกาหนด ๔. ใชร้ ปู แบบ วธิ กี ารประเมนิ และเกณฑก์ ารประเมนิ ทีไ่ ดจ้ ากการมสี ว่ นร่วมของผ้เู กี่ยวชอ้ ง ๕. การสรุปผลการประเมินเพื่อรายงาน เน้นการรายงานคุณภาพของความสามารถในการอ่าน คิด วเิ คราะห์ แนวดำเนนิ กำรพฒั นำและประเมนิ กำรอ่ำน คดิ วเิ ครำะห์ และเขียน สถานศึกษาควรดาเนินการพัฒนาและประเมินความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ให้เป็น กระบวนการอยา่ งชัดเจน สามารถตรวจสอบไดโ้ ดยอาจจะดาเนนิ การตามกระบวนการต่อไปน้ี
๕ จำกแผนภำพที่ ๑.๑ แนวดำเนินกำรพัฒนำและประเมินกำรอ่ำน คดิ วเิ ครำะห์ และเขยี น สำมำรถ อธิบำยได้ ดังนี้ ๑. แต่งต้ังคณะกรรมกำรพัฒนำและประเมินควำมสำมำรถในกำรอ่ำน คิดวิเครำะห์ และ เขียน ของสถานศึกษา อาจประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้แทนคณะกรรมการสถานศึกษา ผู้แทนครูผู้สอน ผแู้ ทนผู้ปกครองนักเรียน และผ้แู ทนนักเรียน มีบทบาทหน้าที่ในการกาหนดแนวทางการพฒั นา ประเมนิ ปรับปรุง แกไข และตัดสินผลการประเมินความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนรายปี (ระดับประถมศึกษา) ราย ภาค (ระดบั มัธยมศึกษา) และจบการศกึ ษาแตล่ ะระดบั ๒. ศึกษำหลักกำรประเมิน ควำมหมำย ขอบเขตกำรประเมิน และตัวช้ีวัดกำรอ่ำน คิด วิเครำะห์ และเขียน ตามแนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ซ่ึงในการกาหนดขอบเขตการประเมนิ และตวั ชี้วดั จาแนกเป็นระดับขน้ั นนั้ เปน็ การจัด
๖ ระดับความสามารถของผู้เรียน ที่จะสามารถทาได้ ช่วยให้ครูเลือกวิธกี ารท่ีจะใช้ในการพัฒนาและประเมินได้อยา่ ง เหมาะสม รายละเอียดขอบเขต การประเมนิ และตัวชี้วัดแต่ละระดับข้นั ดงั น้ี ขอบเขตและตวั ชี้วดั ควำมสำมำรถในกำรอ่ำน คิดวเิ ครำะห์ และเขยี น ระดบั ชัน้ ขอบเขตกำรประเมนิ ตวั ชี้วัด ป. ๑-๓ การอา่ นจากสอื่ ส่ิงพิมพ์และหรอื สอ่ื ๑. สามารถอ่านและหาประสบการณจ์ ากสอ่ื ท่ี ประเภทต่าง ๆ ท่ีให้ความเพลิดเพลิน หลากหลาย ความรู้ ประสบการณ์ และมปี ระเด็น ให้คิด๒. สามารถจับประเด็นสาคัญ ข้อเทจ็ จรงิ ความ และเขียนบรรยาย ถ่ายทอด ประเด็นที่คิด คิดเหน็ เรือ่ งที่อา่ น ด้วยภาษาทถี่ ูกต้องเหมาะสม เช่น อ่าน ๓. สามารถเปรียบเทียบแงม่ ุมต่าง ๆ เช่น ข้อดี สาระความรู้ทีน่ าเสนออย่างสนใจ นยิ าย ขอ้ เสีย ประโยชน์ โทษ ความเหมาะสม ไม่ เร่ืองสั้น นทิ าน นิยายปรมั ปรา เหมาะสม ๔. สามารถแสดงความคิดเห็นต่อเร่ืองทอี่ ่าน โดยมี เหตผุ ลประกอบ ๕. สามารถถา่ ยทอดความคดิ เห็น ความรู้สึก จาก เร่ืองที่อ่านโดยการเขียน ป. ๔-๖ การอ่านจากสื่อส่ิงพมิ พ์และหรือ ส่อื ๑. สามารถอา่ นเพื่อหาข้อมูลสารสนเทศ เสริม ประเภทตา่ ง ๆ ท่ีใหข้ ้อมลู สารสนเทศ ประสบการณ์จากส่อื ประ๓ทต่าง ๆ ความรู้ ประสบการณ์ ทเ่ี ออ้ื ให้ผู้อา่ นนาไป ๒. สามารถจับประเดน็ สาคัญ เปรยี บเทยี บ คิดวิเคราะห์ แสดงความคิดเห็น ตัดสินใจ เชอ่ื มโยง ความเปน็ เหตเุ ป็นผลจากเรือ่ งท่ีอ่าน แก้ปญั หา และถา่ ยทอดโดยการเขยี นเป็น ๓. สามารถเชอ่ื มโยงความสัมพันธข์ องเรือ่ งราว ความเรียงเชงิ สร้างสรรค์ดว้ ยกอ้ ยคา ภาษา เหตุการณ์ของเร่ืองที่อา่ น ทถ่ี กู ต้องชัดเจน เชน่ อา่ นหนังสือพิมพ์ ๔. สามารถแสดงความคิดเห็นตอ่ เรือ่ งทอี่ ่าน โดยมี วารสาร หนงั สอื เรียน บทความ สนุ ทรพจน์ เหตผุ ลสนับสนนุ คาแนะนา คาเตือน ๕. สามารถถา่ ยทอดความเขา้ ใจ ความคดิ เห็น คุณค่า จากเรอื่ งทอ่ี ่านโดยการเขียน ๓. กำหนดรปู แบบ วิธกี ำร และแนวทำงท่จี ะใช้ในกำรพัฒนำและประเมินกำรอ่ำน คิดวิเครำะห์ และ เขยี น ให้เหมาะสมกับบรบิ ทของสถานศึกษา สอดคล้องกบั ขอบเขตและตวั ชว้ี ดั ที่กาหนดในข้อ ๒ รวมทง้ั กาหนด ระดบั คุณภาพ หรือเกณฑใ์ นการประเมนิ เปน็ ๔ ระดับ คือ ดเี ยย่ี ม ดี ผ่าน และไมผ่ า่ น เพ่ือใช้ในการตัดสนิ ผลรายปี (ระดับ ประถมศกึ ษา) รายภาค (ระดบั มธั ยมศึกษา) และจบการศกึ ษาแตล่ ะระดับ สถานศึกษาอาจเลือกรูปแบบใด รปู แบบหนึง่ หรอื หลายรูปแบบ หรือหลายวิธีการผสมผสานกัน ดงั นี้ รูปแบบกำรประเมินกำรอ่ำน คิดวิเครำะห์ และเขียน รปู แบบท่ี ๑ การบรู ณาการตัวช้วี ัดของการประเมินการอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขยี น ร่วมกบั การ ประเมินผลกลุม่ สาระการเรียนรู้ ๘ กลุม่ สาระการเรียนรู้ รปู แบบท่ี ๒ การใชเ้ ครื่องมอื หรือแบบทดสอบประเมนิ การอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขียน
๗ รปู แบบที่ ๓ การกาหนดโครงการ/กิจกรรมส่งเสริมความสามารถในการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น ให้ ผู้เรยี นปฏบิ ัติโดยเฉพาะ รปู แบบที่ ๔ การบรู ณาการตัวชีว้ ัดของการประเมินการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น ร่วมกับการประเมิน กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น ทั้งน้ี นอกจากรปู แบบในการพฒั นาและประเมินการอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขียน ตามที่เสนอแนะขา้ งตน้ แล้ว สถานศึกษาอาจจัดเป็นรายวิชาเพมิ่ เติม หรอื นาเทคนิคการใชค้ าถามสาคญั สรปุ ความคิด มาช่วยเสริมเพ่ือการ พฒั นาผ้เู รียน รปู แบบกำรประเมนิ กำรอ่ำน คิดวิเครำะห์ และเขียน ของโรงเรียนบำ้ นวังปนื โรงเรยี นบา้ นวงั ปืน กาหนดรปู แบบในการประเมินการอา่ น คิดวเิ คราะห์ และเขียน คือ รปู แบบท่ี ๒ การ ใช้เครอ่ื งมอื หรอื แบบทดสอบประเมินการอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขยี น มีรายละเอยี ดดงั น้ี รปู แบบที่ ๒ กำรใชเ้ ครื่องมอื หรือแบบทดสอบประเมนิ กำรอำ่ น คดิ วิเครำะห์ และเขียน สถานศึกษาสามารถสรา้ งและพัฒนาแบบทดสอบตามตวั ชี้วดั การประเมินความสามารถในการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียนได้ โดยใช้กระบวนการสร้างและพฒั นาแบบทดสอบทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ ซ่ึงต้องมนั่ ใจ ในความ เที่ยงตรง (Validity) ความยตุ ิธรรม (Fair) และความเชอื่ ถือได้ (Reliability) ของแบบทดสอบนั้น ๆ ทีจ่ ะนามา ประเมนิ ความสามารถในการอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขียน หรือตดิ ตอ่ ของใชบ้ ริการแบบทดสอบมาตรฐานจาก หนว่ ยงานท่ใี หบ้ ริการแบบทดสอบมาตรฐาน เพ่ือประเมินความสามารถการอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขียน เช่น สานักทดสอบทางการศกึ ษา สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน ในการประเมนิ ความสามารถในการอา่ น คิดวเิ คราะห์ และเขียน โดยใช้แบบทดสอบ สามารถแสดง เป็น ขัน้ ตอนการดาเนนิ งานดังน้ี
๘
กำรวิเครำะหข์ อบเขตกำรประเมนิ และตวั ชี้วัดเพ่อื กำหนดวิธีก ระดับชน้ั ขอบเขตการประเมนิ ตวั ช้วี ัด ป. ๑-๓ การอ่านจากส่ือสง่ิ พมิ พแ์ ละสื่อประเภท ๑. สามารถอ่านและหาปร ตา่ ง ๆ ทใ่ี ห้ความเพลิดเพลิน ความรู้ จากส่ือทห่ี ลากหลาย ประสบการณ์ และมีประเด็นให้คิดและ ๒. สามารถจบั ประเดน็ สาค เขยี นบรรยายถา่ ยทอดประเด็นท่คี ิด ขอ้ เทจ็ จริง/ความคิดเห็นเร ด้วยภาษาทีถ่ ูกต้องเหมาะสม เชน่ อา่ น ๓. สามารถเปรียบเทียบแง สาระความรทู้ ี่นาเสนออย่างสนใจ นทิ าน เชน่ ข้อดี ข้อเสีย ประโยชน เร่อื งสน้ั นิยายปรัมปรา ความเหมาะสมไมเ่ หมาะส ๔. สามารถแสดงความคิดเ อา่ น โดยมีเหตุผลประกอบ ๕. สามารถถา่ ยทอดความ ความรูส้ กึ จากเรื่องท่ีอา่ น โ
๙ กำรและเคร่ืองมือกำรประเมนิ กำรอ่ำน คิดวิเครำะห์ และเขียน วธิ ีการประเมิน เครอ่ื งมือการประเมนิ แนวทางการให้คะแนน ระสบการณ์ ๑. ตรวจสอบ ๑. แบบตรวจสอบ - ตรวจใหค้ ะแนนตามเกณฑ์ หลกั ฐานรอ่ งรอย รายการ ทก่ี าหนด คญั ๒. การทดสอบ รอ่ื งท่ีอา่ น ๒. แบบทดสอบ ง่มุมตา่ ง ๆ น์ โทษ - เลอื กตอบ สม เห็นต่อเร่ืองที่ - ตอบสั้น บ มคิดเหน็ - เขยี นตอบ โดยการเขียน
ระดบั ชัน้ ขอบเขตการประเมิน ตัวชีว้ ัด ป. ๔-๖ การอ่านจากสอ่ื สิ่งพมิ พ์และ/หรอื สือ่ ๑. สามารถอา่ นเพื่อหาข้อมลู ประเภทตา่ ง ๆ ที่ใหข้ ้อมลู สารสนเทศ สารสนเทศ เสรมิ ประสบการ ความรู้ ประสบการณ์ท่เี อือ้ ให้ผู้อ่าน ประเภทตา่ ง ๆ นาไปคดิ วิเคราะห์ แสดงความคดิ เหน็ ๒. สามารถจบั ประเดน็ สาคญั ตัดสนิ ใจ แก้ปัญหา และถ่ายทอด โดย เปรยี บเทยี บ เชือ่ มโยง ความ การเขยี นเปน็ ความเรยี ง เชิงสร้างสรรค์ เปน็ ผลจากเรื่องท่ีอ่าน ด้วยถอ้ ยคา ภาษาท่ีถูกตอ้ งชดั เจน เช่น ๓. สามารถเชอื่ มโยงความสัม อา่ นหนังสอื พมิ พ์ วารสาร หนงั สอื เรียน เร่อื งราว เหตุการณ์ของเร่อื ง บทความ สุนทรพจน์ คาแนะนา คาเตอื น ๔. สามารถแสดงความคิดเห อา่ น โดยมเี หตผุ ลสนบั สนุน ๕. สามารถถา่ ยทอดความเข คิดเห็น คุณค่า จากเร่ืองที่อ่า เขยี น
๑๐ วธิ ีการประเมนิ เครือ่ งมือการประเมนิ แนวทางการให้คะแนน ล ๑. ตรวจสอบหลักฐาน รณจ์ ากสอ่ื ร่องรอย ๑. แบบตรวจสอบ - ตรวจใหค้ ะแนนตามเกณฑ์ ๒. การทดสอบ รายการ ที่กาหนด ญ มเป็นเหตุ ๒. แบบทดสอบ มพันธข์ อง - เลือกตอบ งที่อ่าน ห็นต่อเรอ่ื งท่ี - ตอบส้นั - เขียนตอบ ขา้ ใจ ความ านโดยการ
11 ๔. ดำเนนิ กำรพัฒนำ ประเมิน และปรับปรุงแก้ไขควำมสำมำรถในกำรอ่ำน คดิ วิเครำะห์ และเขยี น ตำมรูปแบบและวิธีกำรท่กี ำหนดอย่ำงต่อเนอื่ ง แนวทำงกำรพัฒนำแบบทดสอบ ในการจดั การเรยี นรูค้ รูผ้สู อนจาเปน็ ตอ้ งคานึงถึงองค์ประกอบของการจัดการเรยี นรู้ อาทิ หลกั สูตร วิธกี าร จัดการเรียนรู้ สื่ออุปกรณ์ และการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ซึ่งการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ จะเป็น สารสนเทศเพื่อบอกแก่ครู นักเรียน ผปู้ กครอง ให้ทราบว่าผูเ้ รยี นเกิดการเรยี นรูห้ รือไม่ มากนอ้ ยเพียงใด เพอื่ นามา สู่การพัฒนาปรับปรุงหรือการตัดสินผลการเรียน ซ่ึงตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ น้ัน ได้แนะนาวิธีการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ไว้หลายวิธี หนึ่งในนั้นคือ การทดสอบ ด้วยแบบทดสอบ ทั้งน้ี การสร้างและพัฒนาแบบทดสอบหากเป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักการทางวิชาการแล้ว ถือว่าเป็น เครื่องมือ ในการวัดและประเมินผลที่มีประสิทธิภาพในการวัดความรู้ (Cognitive Domain) ได้ในระดับสูง ซึ่งในส่วนน้ันจะ ได้นาเสนอเป็นลาดบั ต่อไป ขนั้ ตอนกำรสรำ้ งแบบทดสอบ ๑. กำรกำหนดจดุ มงุ่ หมำยของกำรสอบ การกาหนดจุดมุ่งหมายของการสอบมิความจาเป็นอย่างย่ิง เพราะในการจัดการเรยี นรู้ผู้สอน จาเป็นต้องมิ การวิเคราะห์หลักสูตรเพื่อนามาสู่การออกแบบการเรียนรู้ ซ่ึงผลจากการวิเคราะห์จะทาให้ทราบว่า ผู้สอนต้อง จัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียนรู้และทาอะไรได้ตามมาตรฐานการเรียนรู้ และตัวช้ีวัดท่ีกาหนดไวในหลักสูตร ผลจากการ วิเคราะห์หลักสูตรและหน่วยการเรียนรู้จะทาให้ผู้สอนเห็นภาพความสัมพันธ์ของเน้ือหา ลาดับความสาคัญ ของ เนื้อหา ซ่ึงจะนามาสู่ความเข้าใจว่าหลักสูตรต้องการให้วัดและประเมินผลหรือสอบอะไร เน้นความสาคัญ หรือ น้าหนักของเน้ือหาตรงส่วนไหน มากน้อยอย่างไร ซ่ึงผู้สอนจะได้เข้าใจว่าควรใช้วิธีการสอบ ชนิดของเคร่ืองมือ เวลาท่ีใช้สอบอย่างเปน็ ลาดบั ขน้ั ตอนที่ชดั เจน ๒. กำรออกแบบกำรสรำ้ งแบบทดสอบ เม่อื ไดว้ เิ คราะห์เน้ือหาชองหลักสตู รแล้ว วา่ ตอ้ งสอบช่วงไหน ดว้ ยเคร่ืองมอื อะไร น้าหนักความสาคญั ของ เน้ือหาเท่าใด ข้ันตอนต่อไปคือการออกแบบการสร้างแบบทดสอบ ซึ่งจะเริ่มต้นต้ังแต่การวางแผนการสอบ ว่าจะ สอบในชว่ งเวลาใด ซึง่ โดยทวั่ ไปจะมีการสอบใน ๓ ลกั ษณะ คอื การสอบกอ่ นเรยี น การสอบระหวา่ งเรียน และการ สอบหลังเรียน ส่ิงที่ผู้สอนควรวางแผนร่วมในข้ันตอนนีด้ ้วย คือ ในหนึ่งปีการศึกษาหรือหน่ึงภาคเรียนน้ัน จะมีการ สอบกี่คร้ัง ลดั ส่วนคะแนนการสอบระหวา่ งภาค/ปีกับปลายภาค/ปจี ะเป็นเท่าใด เพ่ือให้การสอบ มีความครอบคลุม มวลเน้ือหาท่ีสอน และมีความถี่ห่างในการสอบท่ีเหมาะสม เมื่อวางแผนการสอบแล้วผู้สอน ควรมีการสร้างผังการ ทดสอบ เพื่อใหก้ ารสอบมคี วามสัมพนั ธ์กับกจิ กรรมการเรยี นรู้ และจดุ ม่งุ หมายการเรยี นรู้ มีความสมั พนั ธ์กัน ผสู้ อน จะสามารถกาหนดให้จุดมุ่งหมายที่สอบน้ันมีน้าหนักการวัดและประเมินผลที่เหมาะสม ในขั้นตอนต่อไป คือการ สร้างตารางผังข้อสอบ (Table of Specification) ซ่ึงก็คือ การกาหนดรายละเอียดของการสอบแต่ละครั้ง ดัง ตัวอย่างแผนผังข้อสอบดงั นี้ แผนผงั ขอ้ สอบ (Table of Specification)
12 วิชำ : กลุ่มสำระกำรเรียนรู้...................................................................................ระดบั ชนั้ ……………….………… จดุ ม่งุ หมำยของกำรทดสอบ : วัดควำมสำมำรถในกำรคิดวิเครำะห์ เวลำทใ่ี ช้ในกำรสอบ : ๑ ช่ัวโมง วำงแผนเมือ่ :……………………………………………………………….วำงแผน :……………………………………………….…… มำตรฐำน ตัวชวี้ ัด นำ้ หนักรำยข้อ กำรเรยี นรู้ รอ้ ยละ จำนวนข้อ รวม (๑) รวม ๑๐๐ รวม (๒) รวมท้งั หมด (๓) ๓. กำรเขยี นข้อสอบ เป็นการเขียนข้อสอบให้เป็นไปตามเนื้อหาและจานวนข้อที่กาหนดไว้ในตารางผังข้อสอบ ผู้เขียนข้อสอบ จาเป็นต้องอาศัยความรู้ในเน้ือหาวิชาที่จะเขียนข้อสอบอย่างลุ่มลึก และถูกต้องตามหลักการทางวิชาการ ร่วมกับ ศิลปะในการเขียนข้อสอบให้สามารถกระตุ้นให้ผู้สอบแสดงความรู้ความสามารถออกมาได้อย่างเต็มตามศักยภาพ โดยข้อสอบทีเ่ ขียนน้นั ตอ้ งผา่ นกระบวนการตรวจสอบหาคณุ ภาพก่อนนาไปใช้จรงิ ดว้ ย จากท่ีกล่าวมาสามารถสรุปเป็นแผนภาพแสดงขัน้ ตอนการพฒั นาแบบทดสอบได้ดังนี้ กำรหำคุณภำพของแบบทดสอบ
13 การหาคณุ ภาพของแบบทดสอบน้ัน เปน็ การดาเนนิ การเพ่ือสร้างความเชื่อมั่นให้ได้ว่าข้อสอบท่ีสร้างน้นั มี คุณภาพ เชื่อถือได้ มีความยุติธรรมกับผู้สอบเท่าเทียมกัน และสามารถวัดคุณลักษณะที่ต้องการได้ตรงตาม สิ่งที่ ต้องการวัด ด้งน้ัน เมื่อสถานศึกษาดาเนินการสร้างแบบทดสอบแล้ว ควรมีการวิเคราะห์คุณภาพของแบบทดสอบ ทสี่ รา้ งขึ้นด้วย ดังนัน้ ในสว่ นนี้จะนาเสนอกระบวนการตรวจสอบคุณภาพของแบบทดสอบเบ้ืองตน้ ตามลาดบั ดงั นี้ ๑. กำรหำดวำมเทย่ี งตรงตำมเนื้อหำ (Content Validity) การหาความเท่ียงตรงตามเน้ือหาของข้อสอบ สามารถใชเ้ ทคนิคการวเิ คราะห์ความสอดคล้อง ระหวา่ ง ข้อสอบทีส่ รา้ งข้ึนกบั ตวั ชี้วดั ที่กาหนด โดยใช้ดชั นี IOC (Index of Item Objective Congruence) มีขัน้ ตอนดงั น้ี ๑.๑ แต่งตั้งคณะกรรมการประเมินคุณภาพข้อสอบ สถานศกึ ษาดาเนนิ การแตง่ ต้ังครูในโรงเรียนเปน็ คณะกรรมการประเมินคณุ ภาพข้อสอบ ซึ่ง อาจมี จานวน ๓-๕ คน ข้ึนอยู่กับความพร้อมและจานวนครูของสถานศึกษาเอง หากสถานศึกษาใดมีคณะกรรมการ สถานศึกษาขนึ้ พนื้ ฐานท่มี ีความร้คู วามสามารถในดา้ นนี้ ก็อาจแตง่ ตั้งใหม้ ีส่วนรว่ มในการดาเนินงานได้ ๑.๒ ดาเนินการประเมินขอ้ สอบท่สี รา้ งข้ึน คณะกรรมการที่แต่งต้ังพจิ ารณาวา่ ข้อสอบแต่ละข้อท่ีสร้างขน้ึ น้ัน สามารถวดั ความรู้ ความสามารถ ของผู้เรียนได้ตรงตามตัวช้ีวัดที่กาหนดหรือไม่ หากพิจารณาแล้วว่าใช่ ไม่แน่ใจ หรือไม่ใช่ ก็ประเมิน ตามที่พิจารณา ลงในแบบที่สถานศึกษากาหนด ๑.๓ การสรุปผลการประเมิน การวิเคราะห์ความสอดคล้องระหว่างข้อสอบกับตัวช้ีวดั ทก่ี าหนด โดยใชด้ ชั นีความสอดคล้อง (IOC : Index of Item Objective Congruence) น้ัน มสี ูตรในการคานวณ ด้งนิ ดังน้ัน หากสถานศึกษาตั้งคณะกรรมการ จานวน ๓ คน และทุกคนมีความเห็นว่าข้อสอบ ท่ีสร้างขึ้น สอดคล้องกบั ตัวชวี้ ดั ที่กาหนด ผลรวมก็จะมคี าเท่ากบั ๓ และเมื่อหารดว้ ยจานวนผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด ก็จะมีคา IOC เท่ากบั ๑ ท้ังนี้ หากได้คา IOC มากกวา่ ๐.๕ ถือวา่ นาขอ้ สอบไปใช้ได้ ๒. กำรวเิ ครำะหค์ ุณภำพขอ้ สอบรำยข้อ หากสถานศึกษาใดมีความพร้อม สามารถดาเนินการวิเคราะห์คุณภาพของข้อสอบรายข้อของ แบบทดสอบท่ีสร้างข้ึนได้เพ่ิมเติมจากการวิเคราะห์เบ้ืองต้น ซึ่งผลจากการวิเคราะห์จะเป็นข้อมูลสารสนเทศ ชอง ข้อสอบท่ีมากขึ้นกว่าเดิม อันจะนาไปสู่การพัฒนาเป็นแบบทดสอบมาตรฐานต่อไป ซึ่งโดยท่ัวไปแบบทดสอบ แบบ หลายตัวเลือกมดี ัชนกี ารบ่งช้ีคุณภาพของข้อสอบ ๓ ประการ ๑) คาความยากง่ายของข้อสอบ (Item difficulty : p) ๒) คาอานาจจาแนกของขอ้ สอบ (Item discrimination : r) ๓) คาประสทิ ธิภาพตวั ลวง (Distracter Efficiency) สาหรับรายละเอียดข้ันตอนในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อหาคุณภาพของแบบทดสอบตามคาท่ีกล่าวข้างต้น สามารถศึกษาเพ่มิ เตมิ ได้จากเอกสารตาราเก่ยี วกบั การวดั และประเม่นผลทางการศึกษา ๓. กำรหำคณุ ภำพของแบบทดสอบแบบเขยี นตอบ
14 ในกรณีท่ีสถานศึกษาจะดาเนินการสร้างและพัฒนาแบบทดสอบตามตัวชี้วัด เพื่อประเมิน ความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน จะต้องศึกษาขั้นตอนการสร้างแบบทดสอบประเมินการอ่าน คิด วเิ คราะห์ และเขยี น ซงึ่ มีขนั้ ตอนสาคญั ดังนี้ ข้นั ตอนกำรสรำ้ งและพฒั นำแบบทดสอบประเมินกำรอำ่ น คิดวเิ ครำะห์ และเขียน ขั้นที่ ๑ ขนั้ วำงแผนกำรสรำ้ งแบบทดสอบ ประกอบด้วย ๑) กาหนดจดุ มุ่งหมายของการสอบเพือ่ ประเมินความสามารถในการอา่ น คิดวเิ คราะห์ และเขียน ซึง่ สามารถสอบในระหว่างการพัฒนาเพ่ือการนาผลการประเมนิ ไปปรับปรุงพฒั นาผ้เู รยี นให้มีความสามารถ บรรลุตาม ตัวช้ีวัดที่กาหนด สอบปลายภาค/ปลายปีเพ่ือตัดสินระดับความสามารถโดยรวมและนาผลไปใช้ในการตัดสินให้ เลื่อนขั้น สอบในข้ันปีสุดท้ายของแต่ละระดับการศึกษาเพื่อนาผลไปใช้ตัดสนิ การจบระดับการศึกษา หรือสอบเพ่ือ ตรวจสอบศักยภาพผู้เรียนด้านความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ในลักษณะการสอบ ในระดับ นานาชาติ เช่น PISA ท่ีจัดสอบเพื่อประเมินสมรรถนะของนักเรียนท่ีจบการศึกษาภาคบังคับในด้านการใช้ ความรู้ และทักษะเพ่ือเผชิญคับโลกในชีวิตจริงมากกว่าการประเมินความรู้ท่ีได้เรียนตามหลักสูตรในโรงเรียน ซ่ึงเรียก สมรรถนะน้นั ว่า Literacy หรือ “การร้เู ร่ือง” ๒) ศึกษาวิเคราะห์ขอบเขตการประเมินและตัวช้ีวัดการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ในแต่ละระดับข้ัน วิเคราะห์เน้ือหาและพฤติกรรมท่ีต้องการวัด ซึ่งจะนาไปใช้ในการกาหนดสถานการณ์ให้นักเรียน อ่านให้เหมาะสม คับจุดมุ่งหมายของการสอบ กาหนดวิธีการและเครื่องมือการประเมินท่ีเหมาะสมตรงตามตัวชวี้ ัด เพื่อให้เห็นความ สอดคลอ้ ง ครอบคลมุ ตามขอบเขตการประเมินและตวั ชว้ี ัด ซึ่งเปน็ เปา้ หมายในการพัฒนาผ้เู รียน ๓) จัดทาผังการออกข้อสอบ เพ่ือให้เห็นภาพรวมของชุดข้อสอบท่ีนาไปใช้ในการประเมิน ผู้เรียน โดย จะต้องมีความครอบคลุมด้านขอบเขตการประเมิน ซ่ึงต้องใช้ในการพิจารณากาหนดเสือกสถานการณ์ ให้ผู้เรียน อา่ นและศึกษาหาความร้เู พื่อนาไปสู่ส่ิงทีต่ ้องการประเมิน แสดงการเชื่อมโยงคับตัวชว้ี ดั ทตี่ ้องการประเมิน และระบุ รปู แบบข้อสอบพร้อมจานวนขอ้ โดยใช้วธิ ีวเิ คราะหข์ อ้ สอบเป็นรายสถานการณเ์ พื่อนาไปสร้างข้อสอบ ข้ันที่ ๒ ขนั้ ดำเนินกำรสร้ำงแบบทดสอบตำมที่วำงแผนไวใ้ นผังกำรออกข้อสอบ ข้นั ที่ ๓ ขั้นตรวจสอบคณุ ภำพกอ่ นนำไปใช้ การตรวจสอบสามารถทาได้ท้ังตรวจสอบเอง และ ให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจ การตรวจเองเป็นการตรวจสอบ คุณภาพของข้อคาถาม-คาตอบ ตามหลักการสร้างข้อสอบท่ีดี สาหรับการตรวจโดยผู้เช่ียวชาญจะเป็นการ ตรวจสอบความเที่ยงตรงเชงิ เน้อื หาหรือขอบเขต/ตัวช้ีวัด การประเมิน การอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขียน รวมทัง้ การ หาคา่ ตา่ ง ๆ ของคุณภาพแบบทดสอบตามทก่ี ล่าวมาข้างต้น
15 ตัวอย่ำงตำรำงวเิ ครำะหข์ ้อสอบประเมนิ กำรอ่ำน คิดวเิ ครำะห์ และเขียน ชน้ั ประถมศกึ ษำปีที่ ๓ ขอบเขตกำรประเมนิ สถำนกำรณ์ ตัวชว้ี ดั รูปแบบข้อสอบ รวม (จำนวนขอ้ ) ๓ ๑ ๒ ๓ ๔ ๔ เลอื กตอบ เขยี นตอบ การอา่ นจากสื่อส่งิ พิมพ์ นทิ าน เรอ่ื ง กบ / // ๒ ๑ และหรือส่ือประเภทต่าง ๆ กบั หนู ท่ใี ห้ความเพลิดเพลนิ ความรู้ ประสบการณ์ และ มีประเดน็ ให้คิดและเขียน บรรยาย ถา่ ยทอดประเดน็ ทคี่ ิดดว้ ยภาษาที่ถกู ต้อง เหมาะสม เช่น อา่ นสาระ ความรทู้ ีน่ าเสนอ อยา่ ง สนใจ นิทาน เรื่องสัน้ นยิ ายปรัมปรา รวม
16 ตัวอย่ำงข้อสอบ ช้นั ประถมศึกษำปีที่ ๓ คำชแ้ี จง อ่านเน้ือเร่ืองทก่ี าหนดให้แล้วตอบคาถาม (คะแนนเตม็ ๕ คะแนน) กบกบั หนู หนแู ก่ตวั หน่งึ เดนิ ทางรอนแรมมาถงึ ลาธาร หนตู อ้ งการจะข้ามลาธารไปยงั ฝังตรงข้าม จึงไปหา เจา้ กบตวั นอ้ ยทรี่ ิมลาธาร แลว้ เอย่ ขอให้กบช่วยพาขา้ มลาธาร กบน้อยมองหนู แล้วปฏเิ สธอยา่ งสุภาพวา่ “โธ่....ฉันน่ะ ตวั เลก็ พอ ๆ กับท่าน แล้วจะพาทา่ น ขา้ มไป ได้อย่างไรละ่ จ๊ะ” แตห่ นไู ม่ยอม อ้างว่าตนเปน็ สตั ว์ผู้อาวุโสกวา่ ถ้ากบไม่ช่วยตนกจ็ ะไปปาวประกาศใหส้ ัตวท์ ัง้ หลาย รวู้ ่า กบใจดา เมื่อถูกขู่เช่น'นนั้ กบจึงจายอมให้หนเู อาเท้าผูกกับเท้าของตน แล้วพาวา่ ยขา้ มลาธาร พอวา่ ยไป ไดค้ รึ่ง ทางกบก็เริ่มหมดแรง ก่อนทที่ ้ังคู่จะจมน้าตาย เหยี่ยวตวั หนง่ึ กโ็ ฉบลงมาจิกเอาทง้ั กบและหนูไปกิน คำถำมข้อท่ี ๑ ขอ้ ใดเป็นจริงตามเน้ือเร่ือง (๑ คะแนน) ๑. กบพาหนูขา้ มลาธารดว้ ยความเตม็ ใจ ๒. กบและหนูเอาเทา้ ผกู ตดิ กันว่ายน้าขา้ มลาธาร ๓. กบและหนมู อี ายเุ ทา่ กัน ลักษณะของขอ้ สอบ คะแนนเต็ม ตัวช้วี ดั กำรอ่ำนฯ : ขอ้ ท่ี ๒ หาขอ้ เท็จจริงจากการอา่ น ตอบ ข้อ ๒. กบและหนูเอาเท้าผูกติดกันว่ายน้า สถำนกำรณ์ : นิทานอีสป รปู แบบของข้อสอบ : เลือกตอบ ข้ามลาธาร ไม่ไดค้ ะแนน ตอบ ข้ออ่ืน ๆ คำถำมขอ้ ท่ี ๒ ใครไดป้ ระโยชน์มากทสี่ ดุ พร้อมทั้งใหเ้ หตุผลประกอบ (๒ คะแนน) ............................................................................................ ........................................................................................ ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ลักษณะของขอ้ สอบ คะแนนเต็ม ตัวช้วี ัดกำรอ่ำนฯ : ข้อที่ ๔ แสดงความคดิ เหน็ ตอบ ข้อ ๒. เหยีย่ ว และมีเหตผุ ลประกอบ ไมไ่ ด้คะแนน โดยมีเหตผุ ล ตอบ อน่ื ๆ สถำนกำรณ์ : นิทานอีสป รูปแบบของข้อสอบ : เขียนตอบสั้น ๆ
17 คำถำมขอ้ ท่ี ๓ ในนทิ าน เรื่อง กบกับหนู ถา้ ไมม่ เี หย่ียวเหตกุ ารณ์จะเป็นอย่างไร (๒ คะแนน) ............................................................................................ ........................................................................................ ......................................................................................................................................................... ........................... ........................................................................................................ ............................................................................ ลกั ษณะของขอ้ สอบ คะแนนเต็ม ตัวชี้วดั กำรอ่ำนฯ : ขอ้ ท่ี ๕ ถ่ายทอดความคดิ ๑. กบและหนูจะจมน้าตาย ๒. กบว่ายน้าต่อไปไม่ไหว ความรู้สึกจากเรื่องท่ีอา่ น ๓. กบและหนูขา้ มลาธารไม่ได้ สถำนกำรณ์ : นทิ านอีสป ๔. กบหมดแรงจมน้าตายพรอ้ มกับหนู รูปแบบของข้อสอบ : เขยี นตอบ ไม่ได้คะแนน ๑. กบและหนูมีโอกาสรอดชีวติ ๒. กบสามารถพาหนขู ้ามลาธารไดส้ าเร็จ ๓. อาจมีสัตว์อืน่ เชน่ งู มากินกบและหนู
18 ตัวอยำ่ งข้อสอบ ช้นั ประถมศกึ ษำปที ี่ ๖ คำช้ีแจง อ่านเน้อื เร่ืองต่อไปนี้ แล้วตอบคาถาม เมอ่ื พูดถึงสัตว์เล้ยี งลูกดว้ ยนา้ นม คนส่วนใหญม่ ักจะนกึ ถึงสัตว์อยา่ งคณุ ช้าง คุณม้า คณุ แมว คณุ หมา นอ้ ยคนท่ีจะนกึ ถงึ ฉนั แถมบางคนยังไมร่ เู้ ลยวา่ “ฉนั เป็นสตั วช์ น้ั สูง” ท่ีเตบิ โตมาไดด้ ว้ ยน้านมแม่เหมือนกันกบั เขา มิหนา้ ซา้ ยงั เรียกชือ่ ฉันผดิ ๆ จนเสยี สถาบันสัตวห์ มด ก็เล่นเตมิ คาว่า “ปลา” ใหฉ้ ัน ทาใหห้ ลายคน เข้าใจ ผิดคดิ ว่าฉันเป็นปลาจรงิ ๆ นะซิ ช่ือจรงิ ๆ ของฉนั คือ “พะยูน” ไมใ่ ช่ “ปลาพะยนู ” จาไว้นะจ๊ะ ส่วนชอ่ื เล่นท่ี ชาวบา้ นตั้งให้กค็ ือ “หมูน้า” จะ้ ฉนั จดั เป็นหนงึ่ ใน ๑๕ ชนดิ ของสัตวป์ ่าสงวน ตามพระราชบญั ญตั ิ สงวนและ คุ้มครองสตั วป์ ่า พ.ศ. ๒๕๓๕ ไมร่ ้วู ่าฉันควรจะดีใจหรือเสยี ใจกบั ตาแหน่งนี้ดี เพราะสตั วท์ ี่ได้รบั ตาแหนง่ นี้ล้วน เป็นสตั วท์ ่ีหายาก และทส่ี าคัญมีสิทธิ์สูญพันธ์ุจ้ะ พะยนู มอี ย่ดู ว้ ยกนั ๒ พวก คือ ดูกอง และแมนาที พวกแมนาทีจะมีรมิ ฝีปากบนเปน็ จะงอยมากกวา่ พวกดกู องอยา่ งฉัน และอาศยั อยูต่ ามปากแม่นา้ สว่ นพวกฉันนะ่ อาศัยอยู่ในทะเลจะ้ ท้งั ดูกองและแมนาที พวก ฝร่ังเขาเรียกวา่ “ววั ทะเล (Sea Cow)” ดว้ ยเหตทุ ฉ่ี ันต้องใช้ชีวิตอย่ใู นน้า จึงมรี ปู ร่างท่เี พรยี วลม ขา และ หาง แบนคล้ายใบพาย และแมว้ ่าตาของฉนั มขี นาดเล็ก ซ่ึงทาให้ฉันมองอะไรไม่ค่อยเหน็ แตฉ่ ันกม็ ีหูท่สี ามารถรับฟัง เสียงผา่ นทางใต้น้าได้อยา่ งดีเยีย่ มเลยละ พะยนู อย่างพวกเรา จะอยู่กนั เป็นครอบครัว พวกเราจะรักและผกู พนั กนั มาก โดยเฉพาะฉนั กบั แม่ มักจะไปไหนมาไหนตลอด แม่จะคอยดแู ลฉนั เป็นอยา่ งดตี ้ังแตแ่ รกเกดิ เวลาฉนั หิวนมแม่ก็จะใหฉ้ นั ดูดด้วย ความเตม็ ใจไมแ่ สดงทาทวี า่ ราคาญ แม้กระท่ังฉันโตแลว้ แม่กย็ งั ดูแลฉนั ไมย่ อมหา่ ง ฉนั รักแมจ่ ังเลย ปัจจบุ ันสภาพทอ้ งทะเลที่เปลี่ยนแปลงไปทาให้ฉนั และครอบครวั หากินลาบากมากขึ้น “หญ้าทะเล” ซึง่ เปน็ อาหารโปรดของพวกฉนั หาไดย้ ากเตม็ ที ครอบครวั ของฉนั จึงตอ้ งออกไปหากนิ ไกลกว่าเดมิ ซ่ึงบางครัง้ กพ็ ลัดเข้าไปในเขตหาปลาของพวกชาวประมงถูกจับติดไปกบั แหกับอวนกม็ ี บ้างก็ถูกใบพัดเรือบาด จนเนอ้ื ตวั เป็นแผลเหวอะหวะตายไปหลายตัว ด้วยเหตุนี้จึงทาให้พวกเราเหลือนอ้ ยลงทุกที ๆ ถ้าเพ่ือน ๆ ไม่อยากให้ ลูกหลานรู้จกั พวกเราแตเ่ พยี งในภาพ ก็ช่วยกนั อนรุ ักษ์พวกเราไวด้ ้วยนะจะ้ (ทมี่ า : เกร็ดชีวติ สัตวน์ า้ วารสารแม็ค ป.๖. ปีที่ ๑๗ ฉบับที่ ๖ ตลุ าคม ๒๕๔๔) คำถำมข้อท่ี ๑ ใหน้ ักเรยี นเขียนผงั ความคิดเกีย่ วกับข้อคดิ /ความรู้ทไี่ ด้จากการอา่ น รวมทั้งระบุพฤติกรรมที่ สอดคลอ้ ง กับข้อคิด/ความรนู้ ั้น (๒ คะแนน)
19 ลักษณะของขอ้ สอบ คะแนนเตม็ ตวั ชวี้ ัดกำรอ่ำนฯ : ขอ้ ที่ ๑-๓ อา่ นเพ่ือหาข้อมูล บอกข้อคดิ ที่ได้จากการอ่านมาจากเนอื้ หาใน บทความ (หรือครผู ู้สอนพจิ ารณาแล้ววา่ เกยี่ วขอ้ ง) จับประเด็น เช่อื มโยง ไมไ่ ดค้ ะแนน ความสัมพันธ์ บอกข้อคดิ ท่ีไดจ้ ากการอ่านไม่เกี่ยวข้องกับเน้ือหา สถำนกำรณ์ : เกรด็ ความรู้ ในบทความหรืออา่ นไมร่ ู้เร่ืองวา่ ตอบอะไรหรือไม่ รปู แบบของข้อสอบ : เขยี นตอบสั้น ๆ ตอบ คำถำมข้อที่ ๒ ให้นกั เรียนเขยี นวิธีการทชี่ ่วยในการอนุรักษพ์ ันธุพะยูนโดยให้เหตุผลประกอบ (๓ คะแนน) ............................................................................................ .................................................................................. ...... ............................................................................................................................. ....................................................... .................................................................................................................................................................................... ลกั ษณะของข้อสอบ เกณฑ์กำรใหค้ ะแนน ตัวช้วี ดั กำรอ่ำนฯ : ขอ้ ที่ ๔-๕ ถ่ายทอดความคิดเหน็ ๓ = เขยี นวิธีการระบเุ หตผุ ลได้อยา่ งสมเหตสุ มผล ไมส่ ับสนวกวน เขา้ ใจชดั เจน โดยมเี หตผุ ลสนบั สนนุ ๒ = เขยี นวิธีการ ระบเุ หตผุ ลได้ไม่ชดั เจน แต่อ่าน สถำนกำรณ์ : เกร็ดความรู้ เข้าใจ รปู แบบของข้อสอบ : เขยี นตอบ ๑ = เขียนวธิ ีการได้ ไม่ระบเุ หตผุ ล ๐ = เขยี นไมต่ รงประเด็น ไม่สามารถสอ่ื ใหผ้ ู้อา่ น เข้าใจได้ หรือไมเ่ ขยี น กำรดำเนนิ กำรประเมินกำรอ่ำน คิดวิเครำะห์ และเขยี น ในการดาเนินการประเมินโดยใช้เคร่ืองมือหรือแบบทดสอบประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน สถานศึกษาควรนาแบบทดสอบที่ได้สร้างและพัฒนาหลาย ๆ ชุด ท่ีสอดคล้องกับขอบเขตการประเมินและตัวช้ีวัด มาใช้ประเมินเพื่อตรวจสอบ พัฒนาการเรียนของผู้เรียนในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ในระหว่างการเรียน การสอน ดาเนินการประเมินเป็นคร้ัง ๆ เพ่ือสรุปเป็นระยะ ๆ สาหรับรายงานความก้าวหน้าของผู้เรียน และ ดาเนินการทดสอบ ความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน โดยใช้แบบทดสอบมาตรฐานท่ีสร้างและ พัฒนาขึ้น หรือ ขอใช้บริการแบบทดสอบมาตรฐานจากหน่วยงานท่ีให้บริการ เพื่อนาผลการประเมินไปใช้ในการ ตัดสินเล่ือนขึน้ และจบการศกึ ษาแต่ละระดบั ข้นึ
20 กำรสรุปผลกำรประเมินกำรอำ่ น คิดวเิ ครำะห์ และเขยี น ในการสรุปผลการประเมินเพื่อรายงานความก้าวหน้าและตัดสินผลการพัฒนาความสามารถในการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขียน สถานศกึ ษาจะตอ้ งดาเนินการบันทึกผลการประเมนิ ในแตล่ ะคร้ังแลว้ นามาสรปุ ผลรวม โดย ควรแบ่งระยะเวลาสรุปเป็นระยะ ๆ เพื่อนาข้อมูลที่ได้จากผลการประเมินไปใช้วางแผน ปรับปรุง พัฒนา ความสามารถผูเ้ รียน ไปสเู่ กณฑ์ทีส่ ถานศึกษากาหนด กำรตัดสนิ ผลกำรประเมนิ เพอ่ื เลื่อนชนั้ ใช้ผลการประเมนิ ปลายปี ส่วนกำรตัดสินกำรจบระดับกำรศึกษำ ใช้ผลการประเมินปลายปีสุดท้ายของแต่ละระดับการศึกษา กำหนดเกณฑ์กำรตดั สินคุณภำพกำรอำ่ น คดิ วเิ ครำะห์ และเขียน เปน็ ๔ ระดับ คือ ดเี ยี่ยม หมายถึง มผี ลงานท่ีแสดงถงึ ความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขยี น ทมี่ คี ณุ ภาพดีเลิศ อยเู่ สมอ ดี หมายถึง มผี ลงานทแ่ี สดงถึงความสามารถในการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น ท่ีมีคุณภาพเปน็ ท่ี ยอมรบั ผำ่ น หมายถงึ มผี ลงานท่แี สดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขียน ทมี่ ีข้อบกพรอ่ งบาง ประการ ไม่ผ่ำน หมายถึง ไม่มีผลงานทแ่ี สดงถงึ ความสามารถในการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขยี น หรือถ้ามีผลงาน ผลงานน้ัน ยงั มีข้อบกพรอ่ งท่ีต้องไดร้ ับการปรบั ปรงุ แกไ้ ขหลายประการ กำรรำยงำนผลกำรประเมินกำรอ่ำน คิดวิเครำะห์ และเขยี น สถานศึกษาต้องสรปุ ผลการประเมนิ การอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขยี น และจดั ทาเอกสารรายงาน ใหผ้ เู้ ก่ียว ช้องทราบเป็นระยะ ๆ หรืออย่างน้อยภาคเรียนละ ๑ คร้ัง ควรจัดให้มีการรายงานผลการประเมิน ระหว่างการ พัฒนาและผลการประเมินสรุป แบบรายงานผลควรออกแบบที่ง่ายต่อการลื่อความหมาย และ สะท้อนผลการ พัฒนาทงั้ ตามรายตัวชีว้ ัด และผลการประเมินโดยรวม เพื่อการนาข้อมลู ไปใช้ในการปรบั ปรุงพัฒนา และการตดั สนิ ๕. สรปุ และตดั สนิ ผลกำรประเมนิ บันทึกและรำยงำนผลกำรประเมินควำมสำมำรถในกำร อำ่ น คิดวเิ ครำะห์ และเขียนตอ่ ผู้เกย่ี วข้อง เกณฑ์กำรตดั สนิ ควำมสำมำรถในกำรอ่ำน คิดวเิ ครำะห์ และเขียน การประเมินความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนของผู้เรียน เพื่อเล่ือนชั้นและจบการศึกษา แต่ละระดับการศึกษา ตามเกณฑ์ที่หลักสูตรแกนกลางการศึกษาชั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ และเกณฑ์ท่ี สถานศึกษากาหนด การตัดสินผลการประเมินเพื่อเลื่อนชั้นใช้ผลการประเมินปลายปี ส่วนการตัดสินการจบระดับ การศกึ ษาใชผ้ ลการประเมินปลายปสี ดุ ทา้ ยของระดบั การศึกษา
21 การประเมินความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน เมื่อจบรายวิชา ส้ินปีการศึกษา จบระดับ การศึกษา มเี กณฑใ์ นการตดั สนิ ๔ ระดับ ดังนี้ (สานกั วชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา, ๒๕๕๙ : ๙๘) ดเี ยย่ี ม หมายถึง มผี ลงานท่ีแสดงถงึ ความสามารถในการอา่ น คิดวเิ คราะห์ และเขยี น ท่มี ีคณุ ภาพดีเลศิ อยเู่ สมอ ดี หมายถงึ มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขียน ทม่ี ีคณุ ภาพเปน็ ที่ ยอมรับ ผ่ำน หมายถึง มผี ลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขยี น ทีม่ ีข้อบกพร่องบาง ประการ ไม่ผำ่ น หมายถงึ ไม่มผี ลงานท่แี สดงถึงความสามารถในการอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น หรือถ้ามผี ลงาน ผลงานนัน้ ยงั มีข้อบกพร่องที่ต้องไดร้ บั การปรบั ปรงุ แก้ไขหลายประการ ทง้ั นี้ ในการนาเกณฑ์น้ีไปใช้ในการประเมินผลงานของผูเ้ รียน ครูควรปรับคาอธบิ ายคณุ ภาพของแตล่ ะ ระดบั ใหช้ ดั เจน สอดคลอ้ งกับรายละเอยี ดของตวั ชี้วดั แนวทำงกำรแก้ไขผเู้ รียนกรณีไมผ่ ำ่ นเกณฑ์ ในกรณที ผี่ ู้เรยี นมผี ลการประเมินการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขยี น อยู่ในระดบั ไม่ผ่าน ครู หรือ คณะกรรมการประเมินการอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น ควรเร่งดาเนินการจดั กิจกรรมเพ่ือสง่ เสริมและพัฒนาให้ ผเู้ รียนมคี วามกา้ วหน้าในตัวช้ีวดั ท่ีมีจดุ บกพรอ่ ง สมควรไดร้ ับการแก้ไขในระยะเวลาพอสมควร เพ่ือใหผ้ ู้เรยี นเกิด การเรียนรู้และสามารถสรา้ งผลงานที่สะท้อนความสามารถในตวั ชวี้ ัดน้นั ได้อยา่ งแทจ้ รงิ ดว้ ยวธิ ีการที่หลากหลาย เช่น มอบหมายงานให้ผู้เรยี นได้อ่าน ได้คดิ วเิ คราะห์จากเร่ืองทอ่ี า่ น และสามารถเขียนส่อื ความจากเรื่องท่ีอ่านได้ แลว้ ประเมินและตัดสินผลงานตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากาหนดเปน็ ระดบั ดเี ยย่ี ม ดี และผา่ น
Search
Read the Text Version
- 1 - 26
Pages: