Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน

คู่มือกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน

Published by Koon Kru Ter ST, 2021-05-20 06:04:19

Description: คู่มือกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน

Search

Read the Text Version

๔๘ โครงสรำ้ งกจิ กรรมลกู เสอื -เนตรนำรี เอก จำนวน ๔๐ ช่ัวโมง ชน้ั ประถมศกึ ษำปีท่ี ๖ ท่ี เร่ือง จดุ ประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ จานวน ช่ัวโมง ๑ การพ่ึงตนเอง ๑.๑ บอกสถานที่ ท่เี หมาะสมในการตงั้ - สถานท่ี ทเ่ี หมาะสมในการต้ังคา่ ย ๖ ค่ายพักแรมได้ พกั แรม ๑.๒ ปรงุ อาหารแบบชาวป่า ๒ อย่าง - การปรุงอาหารแบบชาวปา่ ๒ สาหรับ คน ๒ คน ได้ อย่าง สาหรบั คน ๒ คน ๑.๓ บอกวิธใี ช้ ดแู ล รกั ษาและ - วธิ ใี ช้ ดูแล รักษาและระมัดระวัง ระมัดระวงั อันตรายจากการใชต้ ะเกยี ง อันตรายจากการใชต้ ะเกียง เตา และ เตา และเครื่องใชไ้ ฟฟา้ ได้ เคร่อื งใช้ไฟฟ้า ๒ การบรกิ าร ๒.๑ ปฐมพยาบาลผ้ปู ระสบอุบัตเิ หตุ - การปฐมพยาบาลผู้ประสบ ๓ เลอื ดออกภายนอก และผปู้ ่วยท่ีมอี าการ อุบตั ิเหตุ เลือดออกภายนอก และ ช็อคได้ ผูป้ ว่ ยท่มี อี าการชอ็ ค ๒.๒ เคลอื่ นยา้ ยผ้ปู ว่ ยอยา่ งถูกวิธี และ - การเคลอ่ื นย้ายผู้ปว่ ยอย่างถกู วิธี บอกวิธขี อความชว่ ยเหลอื ในกรณีท่เี กดิ และบอกวธิ ีขอความช่วยเหลอื ใน อบุ ตั เิ หตไุ ด้ กรณที ่ีเกิดอุบัติเหตุ ๓ การผจญภยั ๓.๑ เตรยี มอปุ กรณส์ าหรบั การเดิน - การเตรยี มอปุ กรณส์ าหรบั การเดิน ๓ ทางไกล และเดนิ ทางไกลดว้ ยเท้าเปน็ ทางไกล และเดนิ ทางไกลด้วยเท้า ระยะทาง ๕ กโิ ลเมตร ได้ เป็นระยะทาง ๕ กโิ ลเมตร ๔ แผนทแ่ี ละเขม็ ทิศ ๔.๑ อธบิ ายระดบั ชน้ั ความสงู และบอก - ระดับชั้นความสงู และการอ่าน ๓ อ่าน ตาแหนง่ พิกัดกรดิ ในแผนทไ่ี ด้ ตาแหนง่ พิกัดกรดิ ในแผนที่ ๔.๒ บอกสว่ นประกอบ และวธิ ใี ช้เข็ม - สว่ นประกอบ และวธิ ีใช้เข็มทิศ ทศิ แสดงวธิ ีการหาทิศโดยใช้เข็มทิศได้ ๕ การผูกเง่ือน ๕.๑ แสดงวิธีการผกู เง่ือน ทใี่ ชส้ าหรับ - วิธีการผกู เงือ่ น ที่ใชส้ าหรบั ช่วย ๕ ชว่ ยคนไดอ้ ย่างน้อย ๓ เงอื่ น คน อยา่ งน้อย ๓ เงอื่ น ๖ วชิ าการของลกู เสอื ๖.๑ บอกวธิ ใี ชข้ วาน เล่อื ย อย่าง - วธิ ีใชข้ วาน เลอื่ ย อย่างปลอดภัย ๖ ปลอดภัยเหมาะสมกับงาน และบอกวิธี เหมาะสมกับงาน และบอกวิธเี ก็บ เกบ็ รักษา ขวาน เลอ่ื ยได้ รกั ษา ขวาน เล่อื ย ๗ คาปฏญิ าณ กฎ คติ ๗.๑ อภิปรายรว่ มในส่วนทเ่ี กีย่ วกับคา - การอภปิ รายรว่ มในสว่ นทเี่ กีย่ วกับ ๔ พจน์ของลกู เสอื ปฏญิ าณ กฎ และคติพจนข์ องลกู เสือ คาปฏญิ าณ กฎ และคติพจน์ของ สามญั ลูกเสอื ๘ งานอดเิ รก และเรื่อง ๘.๑ ปฏบิ ตั ิงานทเี่ ลอื กไดส้ าเร็จ ๒ - การปฏบิ ตั ิงานทนี่ ่าสนใจ ๖ ทน่ี า่ สนใจ อย่าง ๙ ระเบยี บแถว ๙.๑ ปฏบิ ตั ิการตามระเบียบแถว และ - การปฏบิ ัตกิ ารตามระเบียบแถว ๔ เดินสวนสนามได้ และเดินสวนสนาม รวม ๔๐

๔๙ ๒.๒ กจิ กรรมชุมนมุ กิจกรรมชมุ นุม ชมรม เปน็ กิจกรรมนกั เรยี นที่สถานศึกษาสนับสนนุ ให้ผู้เรยี นรวมกลมุ่ กัน จดั ข้ึนตามความ สนใจ ความถนัด ความสามารถของผู้เรยี น เพอ่ื เติมเตม็ ศักยภาพของผูเ้ รียนตามเจตนารมณข์ องหลักสูตรแกนกลาง การศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ชุมนุม หมายถงึ การรวมกลมุ่ ของผู้เรยี นที่มีความสนใจ ความถนัดในเร่ืองเดยี วกันและ รว่ มปฏิบัติกิจกรรม ใหบ้ รรลุวตั ถุประสงค์ เพื่อพัฒนาความรู้ ทกั ษะ ประสบการณ์ของตนเองให้เตม็ ตามศักยภาพ ตลอดจนปลูกฝัง จติ สานึกในการทาประโยชน์ต่อตนเองและสังคม ชมรม หมายถงึ การรวมกันของกลมุ่ ผู้เรยี นที่มคี วามมุ่งหมายอยา่ งใดอยา่ งหน่ึงร่วมกนั การจัดตั้งมกี าร กาหนดวตั ถปุ ระสงค์ ข้อบังคับ สมาชกิ โครงสรา้ งของชมรม และบทบาทของผทู้ เี่ กีย่ วข้อง ใหเ้ ป็นไปตามข้อกาหนด ของสถานศกึ ษา หลกั กำร กิจกรรมชมุ นมุ ชมรม มหี ลักการท่สี าคัญดงั น้ี ๑. เปน็ กจิ กรรมท่ีเกิดจากการสร้างสรรค์และออกแบบกิจกรรมของผเู้ รียนตามความ สมัครใจ ๒. เป็นกจิ กรรมท่ีผูเ้ รยี นร่วมกนั ทางานเปน็ ทมี ชว่ ยกนั คดิ ชว่ ยกนั ทา และชว่ ยกันแกป้ ัญหา ๓. เป็นกจิ กรรมทส่ี ง่ เสรมิ และพัฒนาศักยภาพของผู้เรียน ๔. เปน็ กจิ กรรมที่เหมาะสมกับวยั และวฒุ ิภาวะของผเู้ รยี น รวมท้ังบรบิ ทของสถานศึกษา และท้องถนิ่

๕๐ วัตถุประสงค์ ๑. เพื่อใหผ้ เู้ รยี นได้ปฏิบัติกิจกรรมตามความสนใจ ความถนัด และความต้องการของตน ๒. เพ่ือใหผ้ เู้ รยี นได้พฒั นาความรู้ ความสามารถดา้ นการคิดวิเคราะห์ สงั เคราะห์ ใหเ้ กดิ ประสบการณ์ ท้ังทางวิชาการและวชิ าชีพตามศกั ยภาพ ๓. เพอ่ื สง่ เสริมให้ผเู้ รียนใชเ้ วลาให้เกิดประโยชน์ตอ่ ตนเองและส่วนรวม ๔. เพอ่ื ใหผ้ ูเ้ รยี นทางานร่วมกับผอู้ ื่น ได้ตามวิถีประชาธปิ ไตย ขอบขำ่ ย กจิ กรรมชมุ นมุ ชมรม มขี อบขา่ ยดงั นี้ ๑. เป็นกจิ กรรมทเี่ กื้อกลู สง่ เสริมการเรยี นรู้ ๘ กล่มุ สาระการเรยี นรู้ ใหก้ วา้ งขวางลกึ ซ้งึ ยิง่ ข้ึน ๒. เป็นกจิ กรรมจัดตามความสนใจของผู้เรียน ๓. เป็นกิจกรรมท่ีสามารถจดั ไดท้ ้ังในและนอกสถานศึกษา และทงั้ ในและนอกเวลาเรยี น แนวกำรจัดกิจกรรม การจดั กิจกรรมชมุ นมุ ชมรมของสถานศึกษา สามารถปรับใช้ได้ตามความเหมาะสมกบั บริบทและสภาพ ของสถานศึกษา ดงั น้ี ๑. สถานศึกษาบรหิ ารการจัดการใหผ้ ู้เรียนดาเนินกิจกรรมได้หลากหลาย ทั้งรูปแบบ ภายในหรอื ภายนอกหอ้ งเรยี น และระยะเวลาการจดั กจิ กรรม เชน่ กิจกรรมระยะเวลา ๑ ภาคเรียน กิจกรรมระยะเวลา ๑ ปี การศึกษา และกิจกรรมระยะเวลามากกวา่ ๑ ปีการศกึ ษา ๒. กรณีสถานศึกษามกี ารจัดตงั้ ชุมนมุ หรือชมรมอยแู่ ล้ว สถานศกึ ษาควรสารวจความ สนใจของผู้เรยี น ในการเลือกเขา้ ร่วมชุมนุม ชมรม ๓. กรณีทีส่ ถานศึกษายงั ไม่มีการจัดตัง้ ชุมนุม ชมรม ควรให้ผู้เรยี นรว่ มกันจัดตงั้ ชมุ นุม ชมรม และเชิญ ครเู ป็นทป่ี รึกษา โดยรว่ มกันดาเนินกิจกรรมชุมนมุ ชมรม ตามระเบียบปฏิบัติท่สี ถานศึกษากาหนด ๔. ครทู ป่ี รึกษากระตุ้นและส่งเสริมให้ผู้เรียนมกี ารถอดประสบการณแ์ ลกเปล่ยี นเรยี นรู้ และเผยแพร่ กจิ กรรม เง่อื นไข ๑. การจัดกิจกรรมชมุ นุม ชมรมในแต่ละระดับชนั้ สถานศึกษาจัดใหเ้ ป็นไปตาม โครงสร้างของหลักสูตร สถานศึกษา ๒. สมาชกิ ของชุมนมุ ชมรม ตอ้ งเข้าร่วมกิจกรรมและปฏิบัตติ ามระเบยี บของชมุ นมุ ชมรม และมี ผลงาน/ช้ินงาน/คณุ ลักษณะตามทก่ี าหนดไว้ของแต่ละกิจกรรม ๓. สถานศึกษามรี ะบบการกากับตดิ ตาม และประเมินผลการดาเนินงานของชุมนุม ชมรมอยา่ งต่อเนื่อง กำรประเมินกจิ กรรม การประเมินกิจกรรมชมุ นุม ชมรม เป็นการตรวจสอบความสามารถและพัฒนาการดา้ นต่างๆ ตาม วตั ถุประสงค์ที่กาหนด ดว้ ยวิธกี ารท่ีหลากหลายและประเมินตามสภาพจรงิ โดยกาหนดผลการประเมินเป็น “ผา่ น” และ “ไม่ผา่ น” ผ่าน หมายถงึ ผเู้ รียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมครบตามเกณฑ์ ปฏบิ ตั ิกจิ กรรม และมี ผลงาน/ชนิ้ งาน/คุณลักษณะตามเกณฑ์ทีส่ ถานศึกษากาหนด ไมผ่ ่าน หมายถงึ ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกจิ กรรมไม่ครบตามเกณฑ์ ไม่ผา่ น การปฏบิ ัติ กจิ กรรมหรอื มีผลงาน/ช้ินงาน/คุณลักษณะ ไมเ่ ปน็ ไปตามเกณฑ์ท่ี สถานศกึ ษากาหนด

๕๑ โครงสรำ้ งกจิ กรรมชมุ นุม สร้ำงสรรค์งำนใบตอง ชนั้ ประถมศกึ ษำปีท่ี ๑-๒ จำนวน ๓๐ ชัว่ โมง ท่ี เร่อื ง จุดประสงค์การเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ จานวน ช่วั โมง ๑ เร่ืองน้มี ที ี่มา ๑. ศกึ ษาความหมายและความ ๑. ประวัตแิ ละความเป็นมาของงาน ๓ เป็นมาของงานใบตอง ใบตอง ๒. บอกประโยชนข์ องใบตองในการ ๑.๑ ประวตั คิ วามเป็นมา ทาช้นิ งานได้ ๑.๒ ความสาคญั ของงานใบตอง ๑.๓ ประโยชนข์ องงานใบตอง ๒ รว่ มสรรหาก่อน ๑. เลือกใบตองชนดิ ต่าง ๆ ในการ ๑. การเลอื กวสั ดอุ ปุ กรณ์ ๒ ลงมอื นามาทาช้ินงานได้ ๑.๑ ใบตอง ๒. เลอื กดอกไม้และวัสดุอุปกรณ์ ๑.๒ ดอกไม้ เสรมิ ในการนามาทาชน้ิ งานได้ ๒. อปุ กรณ์ในการทางาน ๓ ฝกึ ปรือจน ๑. สามารถหอ่ ขนมแบบต่าง ๆ ๑. ฝกึ ปฏบิ ัตงิ านใบตอง ๑๐ เชยี่ วชาญ จากวสั ดอุ ุปกรณ์ในท้องถนิ่ ได้ ๑.๑ การห่อขนมแบบตา่ ง ๆ ๔ ฝึกปรือจน ๑. สามารถประดษิ ฐถ์ าดรองจาก ๑. ฝกึ ปฏบิ ัตงิ านใบตอง ๑๐ เชี่ยวชาญ ใบตองและวสั ดใุ นท้องถ่ินได้ ๑.๑ ถาดรองจาน/พาน ๒. สามารถประดิษฐก์ ระทงจาก ๑.๒ กระทงแบบต่าง ๆ วสั ดุในทอ้ งถิ่นแบบตา่ งๆ ได้ ๕ ทางานต้องรักษา ๑. สามารถเกบ็ อปุ กรณใ์ นการ ๑. การเกบ็ รักษาเคร่ืองมอื ในการทางาน ๒ ทางานอย่างถูกวธิ ี ๑.๑ วธิ ีเกบ็ รกั ษาเครือ่ งมือ ๒. ใชอ้ ุปกรณใ์ นการทางานอย่าง ๑.๒ คณุ คา่ ของเคร่ืองมือ ปลอดภัยและรู้คุณค่า ๖ รู้คุณค่านาไปใช้ ๑. สามารถคิดตน้ ทุนในการผลิต ๑. การคดิ ตน้ ทุน-กาไร ๓ ชน้ิ งานได้ ๑.๑ คานวณต้นทุนในการผลิต ๒. สามารถคานวณหากาไรจากการ ๑.๒ คดิ กาไรจากการจาหน่าย จาหน่ายช้ินงานได้ ๓. นาความรไู้ ป ประยกุ ตใ์ ช้ใน ชีวติ ประจาวนั รวม ๓๐

๕๒ โครงสรำ้ งกจิ กรรมชุมนุม นักประดษิ ฐน์ อ้ ย ชั้นประถมศกึ ษำปที ่ี ๓-๔ จำนวน ๓๐ ชั่วโมง ท่ี เรือ่ ง ชอื่ กจิ กรรม สาระการเรียนรู้ จานวน ช่ัวโมง 1 งานกระดาษ สรา้ งงานประดิษฐจ์ ากกระดาษได้ ๑. งานประดิษฐ์จากกระดาษ ๑๕ ๑๕ สร้างสรรค์ ๓๐ 2 ดอกไมแ้ สนสวย ๑. ประดิษฐด์ อกไมจ้ ากวสั ดุ ๑. งานประดิษฐด์ อกไม้ ธรรมชาติในท้องถ่ินได้ ๑.๑ วสั ดุธรรมชาตใิ นท้องถน่ิ ๒. ประดิษฐด์ อกไม้จากวสั ดุ ๑.๒ วสั ดุสงั เคราะห์ สังเคราะห์ได้ รวม โครงสร้ำงกิจกรรมชุมนุม เกษตรกรนอ้ ย ชั้นประถมศึกษำปีท่ี ๕-๖ จำนวน ๓๐ ชว่ั โมง ที่ เรอ่ื ง จุดประสงค์การเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ จานวน ชั่วโมง ๑ ความร้ทู ่ัวไป ๑. มคี วามรู้ ความเข้าใจ ๑. ความรู้เบ้ืองตน้ เกยี่ วกับงานเกษตร ๕ เกีย่ วกบั งาน พ้ืนฐานแนวทางในการประกอบ ๒. เครอื่ งมือและอุปกรณง์ านเกษตร เกษตร อาชีพ ๒.๑ ประเภทเครื่องมือ ๒.๒ การใช้เครือ่ งมือ ๒.๓ การเก็บรกั ษา ๒ ไม้ดอกไมป้ ระดับ ๑. มที ักษะกระบวนการทางาน ๑. การปลกู ไม้ดอกไม้ประดับ ๑๐ ร่วมกับผอู้ น่ื ๒. มีความปลอดภัยในการทางาน ๓ พชื สวนครวั ๑. ปฏิบัตงิ านตามลาดับข้ันตอน ๑. การปลูกพชื ผักสวนครัว ๑๐ การทางาน ๔ การพฒั นาอาชพี ๑. เห็นคุณคา่ ของอาชีพสุจริตและ ๑. การเพม่ิ ผลผลติ ทางการเกษตร ๕ มเี จตคติทด่ี ีตอ่ อาชีพ ๒. การจาหน่ายผลผลิตทางการเกษตร รวม ๓๐

๕๓ ๓. กิจกรรมเพอื่ สงั คมและสำธำรณประโยชน์

๕๔ กจิ กรรมเพือ่ สงั คมและสาธารณประโยชน์เป็นกิจกรรมที่สง่ เสริมใหผ้ ้เู รยี นบาเพญ็ ตน ให้เป็นประโยชน์ตอ่ ครอบครัว ชุมชน สงั คม และประเทศชาตใิ นลกั ษณะอาสาสมัคร เพ่ือช่วยขัดเกลาจติ ใจของผู้เรียนให้มีความเมตตา กรุณา มีความเสียสละ และมีจิตสาธารณะ เพอ่ื ชว่ ยสร้างสรรค์ สังคมให้อยู่ร่วมกนั อย่างมคี วามสขุ หลักกำร กิจกรรมเพ่อื สงั คมและสาธารณประโยชน์เป็นกจิ กรรมท่ีต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถ พัฒนาตนเองตาม ธรรมชาตแิ ละเตม็ ตามศักยภาพ โดยคานึงถงึ ความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คลและ พัฒนาการทางสมอง เนน้ ให้ ความสาคญั ทั้งความรูแ้ ละคุณธรรมจรยิ ธรรม จดั กิจกรรมโดยใหผ้ ู้เรยี นคิดสร้างสรรคอ์ อกแบบกิจกรรมเพ่ือ สาธารณประโยชน์อยา่ งหลากหลายรปู แบบ เพอื่ แสดง ถงึ ความรับผดิ ชอบตอ่ สังคมในลกั ษณะจิตอาสา วัตถุประสงค์ ๑. เพ่อื ปลูกฝงั และสร้างจติ สานึกใหแ้ กผ่ ้เู รยี นในการบาเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อ ครอบครัว โรงเรยี น ชมุ ชน สงั คม และประเทศชาติ ๒. เพอื่ ให้ผู้เรียนมคี วามคิดรเิ รมิ่ สร้างสรรค์ในการจดั กจิ กรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์ตามความ ถนัดและความสนใจในลักษณะอาสาสมัคร ๓. เพอื่ ให้ผู้เรียนมคี วามรู้ คุณธรรมจรยิ ธรรม ตามคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ๔. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นมจี ติ สาธารณะและใช้เวลาวา่ งใหเ้ ป็นประโยชน ขอบข่ำย เป็นกระบวนการจัดกิจกรรมในลักษณะกิจกรรมบาเพ็ญประโยชน์ กิจกรรมอาสาพฒั นา หรอื กจิ กรรม สร้างสรรคส์ ังคม โดยผู้เรียนดาเนินการดว้ ยตนเองในลักษณะอาสาสมคั ร เพื่อแสดงถึงความรับผดิ ชอบ ความดีงาม ความเสยี สละตอ่ สงั คม และมีจติ สาธารณะ แนวกำรจัดกิจกรรม การจดั กิจกรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์ เนน้ ใหผ้ เู้ รียนรว่ มกันสารวจและวเิ คราะหส์ ภาพปญั หา ร่วมกันออกแบบการจัดกิจกรรม วางแผนการจดั กิจกรรม ปฏิบตั กิ ิจกรรมตามแผน ร่วมสรปุ และประเมินผลการจัด กจิ กรรมรว่ มรายงานผล พร้อมทั้งประชาสัมพันธแ์ ละเผยแพรผ่ ลการจัดกจิ กรรม การจัดกจิ กรรมเพ่ือสังคมและ สาธารณประโยชน์ ผเู้ รยี นสามารถเลือกจดั กจิ กรรมหรือเข้ารว่ มกจิ กรรมได้ ดงั นี้ ๑. จดั กจิ กรรมภายในโรงเรียน (กจิ กรรมในวถิ ีชีวติ โรงเรียนเพื่อปลูกฝังจติ อาสา) เป็น กจิ กรรมท่ผี ูเ้ รยี นและ ครูท่ปี รกึ ษากจิ กรรมรว่ มกนั วางแผนปฏิบัติกจิ กรรมจิตอาสาในวถิ ชี ีวิตของชนั้ เรยี นและโรงเรยี นจนเกดิ เปน็ นิสัยในการ สมัครใจทางานต่างๆ เพอ่ื ประโยชน์ของส่วนรวม ซง่ึ งานเหล่านจ้ี ะขยายขอบเขตจากใกล้ตัวไปสสู่ งั คมท่ีอยภู่ ายนอกได้ ๒. จัดกิจกรรมภายนอกโรงเรียน (กิจกรรมอาสาสมคั รเพ่ือสงั คม) เป็นกิจกรรมท่ผี ู้เรียนได้รับการสนบั สนุน ตามแผนการจัดกจิ กรรม โดยใหท้ ากิจกรรมด้วยความสมัครใจทเี่ ปน็ ประโยชนแ์ กช่ ุมชนและสงั คมโดยรวม แนวการจัดกิจกรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์มีแนวการจัดดงั นี้ ๑. จดั กจิ กรรมในลักษณะบรู ณาการใน ๘ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ โดยผเู้ รียนสามารถจัดกจิ กรรมตามองค์ ความร้ทู ่ไี ดจ้ ากการเรียนรู้ของแตก่ ล่มุ สาระการเรยี นร้ตู ามความเหมาะสม ๒. จดั กจิ กรรมลกั ษณะโครงการ/โครงงาน/กจิ กรรมหมายถึงกจิ กรรมที่ผูเ้ รียนนาเสนอ การจัดกจิ กรรมตอ่ โรงเรียนเพอื่ ขอความเห็นชอบในการจัดทาโครงการหรือโครงงานหรือกิจกรรม ซ่งึ มรี ะยะเวลาเริม่ ต้นและสิ้นสดุ ที่ ชัดเจน ๓. จดั กจิ กรรมร่วมกับองคก์ รอื่น หมายถึง กิจกรรมท่ีผูเ้ รียนอาสาสมคั รเข้ารว่ มกจิ กรรม กับหนว่ ยงาน

๕๕ หรอื องคก์ รอน่ื ๆ ท่จี ัดกจิ กรรมในลักษณะเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ โดยผู้เรยี นสามารถเลอื กเขา้ ร่วมกจิ กรรม ได้ ดังนี้ ๑) รว่ มกบั หน่วยงานอื่นที่เขา้ มาจดั กจิ กรรมในโรงเรียน ๒) ร่วมกบั หนว่ ยงานอืน่ ทจี่ ัดกิจกรรมนอกโรงเรยี น เง่ือนไข ๑. เวลาเข้ารว่ มกจิ กรรม ผู้เรยี นเขา้ รว่ มกจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์อย่างตอ่ เน่ืองทุกภาค เรยี น/ปี โดยข้นึ อยู่กับการบริหารจดั การของสถานศึกษา ๒. เนน้ ให้ผ้เู รยี นเปน็ ผจู้ ดั กจิ กรรมดว้ ยตนเองทุกข้ันตอนและต่อเน่อื ง โดยมคี รูเปน็ ทีป่ รกึ ษากจิ กรรม ๓. ผเู้ รยี นจะจดั กจิ กรรมหรือแสดงพฤติกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชนใ์ นเวลา สถานที่ หรือ รปู แบบของกจิ กรรมใดก็ได้ โดยคานึงถึงความเหมาะสมตามบริบทของแต่ละสถานศกึ ษาและขึน้ อยู่กับการบรหิ าร จัดการของสถานศกึ ษา กำรประเมนิ กจิ กรรม กจิ กรรมเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชน์ ผู้เรียนต้องเข้าร่วมกจิ กรรมให้ครบตามกรอบเวลาในโครงสร้าง ของหลกั สูตรสถานศึกษา ดงั น้ี ๑. ระดับประถมศึกษา (ป.๑-ป.๖) มเี วลาเขา้ ร่วมกจิ กรรม ๖๐ ช่ัวโมง การประเมินในแตล่ ะกิจกรรมเพือ่ สังคมและสาธารณประโยชน์ มีผลการประเมินเป็น “ผ่าน” และ “ไม่ผา่ น” ดงั น้ี ผ่าน หมายถึง ผู้เรยี นเข้ารว่ มกิจกรรมครบตามเวลา ปฏิบัติกจิ กรรม และมีผลงาน/ ช้ินงาน/คุณลักษณะตามเกณฑ์ทสี่ ถานศึกษากาหนด ไม่ผา่ น หมายถึง ผเู้ รยี นเขา้ ร่วมกจิ กรรมไม่ครบตามเวลา ปฏิบัตกิ ิจกรรม หรือมผี ลงาน/ ชน้ิ งาน/คณุ ลกั ษณะไมเ่ ป็นไปตามเกณฑ์ทส่ี ถานศึกษากาหนด ในกรณที ่ี ผ้เู รียนไมผ่ ่าน ครทู ี่ปรึกษาต้องให้ผเู้ รยี นซ่อมเสริมการทากิจกรรมให้ครบ ตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากาหนด

๕๖ โครงสร้ำงกจิ กรรมเพื่อสงั คมและสำธำรณะประโยชน์ ช้ันประถมศกึ ษำปที ี่ ๑-๖ จำนวน ๑๐ ช่ัวโมง ที่ เรื่อง จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ จานวน ชว่ั โมง ๑ โรงเรยี นสะอาด ๑. บาเพญ็ ตนให้เป็นประโยชนต์ ่อ ทาความสะอาดบรเิ วณโรงเรยี น ๒ ๒ ปลูกตน้ ไม้ในวนั ครอบครัว โรงเรยี น ชุมชน สงั คม รว่ มอนรุ กั ษ์ธรรมชาติ ๒ สาคญั และประเทศชาติ ๓ รว่ มกจิ กรรมชมุ ชน ๒. ออกแบบการจัดกิจกรรมเพื่อ เขา้ ร่วมกจิ กรรมต่างๆในชุมชน ๒ สังคมและสาธารณประโยชน์ พัฒนาวัดในวันสาคญั ทางศาสนา ๒ ๔ พฒั นาวดั อยา่ งสร้างสรรค์ ตามความถนัด ทาความสะอาดบ้านทพี่ ักของ ๕ บ้านนา่ อยู่ และความสนใจในลกั ษณะ ๒ อาสาสมคั ร ตนเองใหเ้ ปน็ บ้านนา่ อยู่ ๓. พัฒนาศกั ยภาพในการจัด กจิ กรรมเพอ่ื สังคมและ สาธารณประโยชนไ์ ด้อย่างมี ประสิทธิภาพ ๔. ปฏิบัติกจิ กรรมเพื่อสังคมและ สาธารณประโยชนจ์ นเกดิ คณุ ธรรมจรยิ ธรรมตาม คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ๕. มีจติ สาธารณะและใชเ้ วลาวา่ ง ให้เป็นประโยชน์ รวม ๑๐

๕๗ แนวทำงกำรประเมินกจิ กรรมพัฒนำผเู้ รียน การประเมินการจดั กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ เปน็ การประเมนิ โดยผเู้ รยี นตอ้ งมีเวลาเข้าร่วมกจิ กรรม ปฏิบตั กิ ิจกรรม และมีผลงาน/ชนิ้ งาน/คุณลกั ษณะผ่านการ ประเมินตามเกณฑท์ ่ีสถานศึกษากาหนด หลกั กำร การประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี นตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ เปน็ การประเมนิ การปฏบิ ตั ิกิจกรรมหรอื ผลงาน/ชิน้ งาน/คุณลักษณะของผเู้ รยี น เปน็ ระยะอย่างต่อเนือ่ ง ม่งุ เน้นให้ ผ้เู รยี นค้นหาศกั ยภาพของตน สะทอ้ นแนวคดิ จากการปฏบิ ตั ิ กจิ กรรมการทางานกลุม่ และการมจี ิตสาธารณะ โดยใหท้ ุกฝา่ ยทเ่ี กีย่ วข้องมีสว่ นรว่ มในการประเมิน แนวทำงกำรประเมิน การประเมนิ กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน มแี นวทางในการประเมินตามแผนภาพ ดงั นี้ สถานศกึ ษาควรกาหนดแนวทางทช่ี ดั เจนในการประเมินกจิ กรรมพัฒนาผูเรยี น ๒ ประการ คือ ๑. กำรประเมินกจิ กรรมพัฒนำผูเรียนรำยกจิ กรรม มแี นวปฏบิ ตั ดิ งั น้ี ๑.๑ ตรวจสอบเวลาเขารวมกิจกรรมของผูเรียนใหเปนไปตามเกณฑที่สถานศึกษากาหนดไว ๑.๒ ประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาผูเรยี นจากการปฏิบัตกิ ิจกรรมและผลงาน/ชิน้ งานของผูเรียนตามเกณฑท่ี สถานศกึ ษากาหนด ดวยวธิ ีการที่หลากหลาย และใชการประเมินตามสภาพจรงิ ๑.๓ ผเู รียนทม่ี ีเวลาการเขารวมกิจกรรม การปฏบิ ตั ิกิจกรรมและผลงาน/ช้นิ งานของผูเรียนตามเกณฑที่ สถานศึกษากาหนด เปนผูผานการประเมนิ รายกิจกรรมและนาผลการประเมินไปบันทกึ ในระเบยี น แสดงผลการเรยี น

๕๘ ๑.๔ ผเู รียนท่มี ีผลการประเมินไมผานในเกณฑเวลาการเขารวมกิจกรรม หรือเกณฑการปฏิบตั กิ ิจกรรมและ ผลงาน/ชิน้ งานของผูเรียนหรือท้งั สองเกณฑ ถือวาไมผานการประเมินผลกจิ กรรมพฒั นาผูเรียน ผสู อนตองดาเนินการซ อมเสรมิ และประเมนิ จนผาน ทง้ั น้ีควรดาเนนิ การใหเสรจ็ ส้นิ ในปการศึกษานนั้ ยกเวนมเี หตสุ ุดวสิ ัยใหอยูในดุลยพินจิ ของสถานศกึ ษา ๒. กำรประเมินกิจกรรมพัฒนำผูเรยี นเพื่อกำรตดั สิน การประเมินกจิ กรรมพัฒนาผูเรียน เปนการประเมินการผานกิจกรรมพฒั นาผูเรียน เปนรายป /รายภาค เพอื่ สรปุ ผลการผานในแตละกจิ กรรม สรุปผลรวมเพ่ือเลอ่ื นช้นั และประมวลผลรวมในปสุดทาย เพือ่ การจบแตละระดบั การศึกษา โดยการดาเนนิ การดงั กลาวมแี นวปฏิบัติ ดังน้ี ๒.๑ กาหนดใหม้ ผี ูรบั ผดิ ชอบในการรวบรวมขอ มูลเกี่ยวกบั การรวมกิจกรรมพัฒนาผูเรียนของ ผูเรียนทุกคนตลอดระดับการศกึ ษา ๒.๒ ผรู ับผิดชอบสรุปและตดั สนิ ผลการรวมกจิ กรรมพัฒนาผูเรยี นของผูเรยี นเปนรายบุคคลตามเกณฑท่ี สถานศึกษากาหนด เกณฑการจบแตละระดับการศึกษาทสี่ ถานศกึ ษากาหนดนั้นผูเรียนจะตองผานกจิ กรรม ๓ กิจกรรมสาคัญ ดังน้ี ๑) กจิ กรรมแนะแนว ๒) กจิ กรรมนักเรยี น ไดแก (๑) กจิ กรรมลกู เสอื เนตรนารี ยวุ กาชาด และผูบาเพ็ญประโยชน (๒) กิจกรรมชมุ นุม ชมรม ๓) กิจกรรมเพ่อื สงั คมและสาธารณประโยชน ๒.๓ นาเสนอผลการประเมินตอคณะอนุกรรมการกลุมสาระการเรียนรูและกิจกรรมพฒั นาผูเรยี น เพ่อื ให ความเห็นชอบ ๒.๔ เสนอผบู รหิ ารสถานศึกษาพจิ ารณาอนมุ ตั ิผลการประเมนิ กิจกรรมพัฒนาผูเรยี นผานเกณฑการจบแตละ ระดบั การศกึ ษา เกณฑกำรตัดสนิ ผูเรยี นจะตองไดรบั การประเมินกจิ กรรมพฒั นาผูเรียนและผานเกณฑตามท่สี ถานศึกษากาหนด โดยกาหนด เกณฑในการประเมินอยางเหมาะสม ดังนี้ ๑. กาหนดคุณภาพหรือเกณฑในการประเมินตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐาน กาหนดไว ๒ ระดบั คือ ผาน และ ไมผาน ๒. กาหนดประเด็นการประเมินใหสอดคลองตามจุดประสงคในแตละกจิ กรรมและกาหนดเกณฑการผานการ ประเมนิ ดังน้ี ๒.๑ เกณฑการตัดสนิ ผลการประเมินรายกิจกรรม ผาน หมายถึง ผูเรียนมีเวลาเขารวมกิจกรรมครบตามเกณฑและปฏบิ ัติกิจกรรมและผลงาน ของผูเรยี นตามเกณฑทส่ี ถานศกึ ษากาหนด ไมผาน หมายถงึ ผเู รยี นมเี วลาเข้ารวมไมครบตามเกณฑ หรือไมผานการปฏบิ ัติกิจกรรมและผลงาน ของผูเรยี นตามเกณฑท่สี ถานศึกษากาหนด

๕๙ ๒.๒ เกณฑการตัดสนิ ผลการประเมินกิจกรรมพฒั นาผูเรยี นรายป / รายภาค ผาน หมายถึง ผูเรยี นมผี ลการประเมินระดบั “ผาน” ในกิจกรรมสาคัญทั้ง ๓ กิจกรรม คอื กจิ กรรมแนะแนว กจิ กรรมนกั เรียน กิจกรรมเพอื่ สังคมและสาธารณประโยชน ไมผาน หมายถงึ ผูเรยี นมผี ลการประเมินระดบั “ไมผาน” ในกจิ กรรมสาคญั ใดกิจกรรมหนง่ึ จาก ๓ กิจกรรม คือ กจิ กรรมแนะแนว กิจกรรมนักเรียน กิจกรรมเพอ่ื สงั คมและ สาธารณประโยชน ๒.๓ เกณฑการตดั สินผลการประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาผูเรยี นเพือ่ จบระดับการศึกษา ผาน หมายถงึ ผูเรยี นมีผลการประเมนิ ระดบั “ผาน” ทุกชน้ั ปใี นระดับการศกึ ษานนั้ ไมผาน หมายถึง ผูเรียนมีผลการประเมินระดับ “ ไมผาน ” บางช้นั ปในระดบั การศึกษานน้ั แนวทำงกำรแกไขนกั เรยี นกรณีไมผำนเกณฑ กรณที ่ีผูเรยี นไมผานกิจกรรม ใหเปนหนาทขี่ องครูหรือผูรับผิดชอบกิจกรรมน้นั ๆท่จี ะต้องซอมเสรมิ โดยให้ ผูเรียนดาเนินกจิ กรรมจนครบตามเวลาท่ขี าดหรือปฏิบัติกจิ กรรมให้บรรลตุ ามวตั ถุประสงคของกิจกรรมนน้ั แลวจงึ ประเมนิ ใหผานกจิ กรรม เพ่อื บันทึกในระเบยี นแสดงผลการเรียน ยกเว้นมีเหตสุ ุดวสิ ัยใหร้ ายงานผูบริหารสถานศึกษา ทราบ เพ่ือดาเนนิ การชวยเหลือผูเรียนอยางเหมาะสมเปนรายกรณไี ป ขอเสนอแนะ การประเมนิ ผลการเขารวมกิจกรรมพฒั นาผูเรยี นนนั้ จะตองคานึงถึงสิ่งตอไปน้ี ๑. เวลาการเขารวมกิจกรรมของผูเรียนตามเกณฑท่สี ถานศึกษากาหนด สถานศึกษาควรกาหนดเวลาไม นอ้ ยกวารอยละ ๘๐ ของเวลาเรียนแตละกจิ กรรม สาหรับกิจกรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน ผเู รยี นตอง ปฏิบตั กิ จิ กรรมครบตามโครงสรางเวลาเรียน ๒. ผลการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมและผลงานของผูเรียนใหเปนไปตามเกณฑทส่ี ถานศกึ ษากาหนด โดยอาจจัดใหผู เรียนแสดงผลงาน แฟมสะสมงานหรือจัดนิทรรศการ ๓. ในการจัดกิจกรรมพัฒนาผูเรียน หากสถานศึกษามีบคุ ลากรไมเพยี งพอ หรือไมสามารถจดั กิจกรรมไดอยาง หลากหลาย สถานศึกษาอาจจัดกจิ กรรมในลักษณะบูรณาการ หรอื สอดแทรกในกจิ กรรมหรอื โครงการตาง ๆ เชน กิจกรรมโฮมรูม กจิ กรรมวันสาคญั กิจกรรมบาเพญ็ ประโยชน เปนตน ซึ่งสถานศึกษาสามารถดาเนินการประเมินผล การเขารวมกจิ กรรมดังกลาวและนามาเปนสวนหนง่ึ ในการประเมินกจิ กรรมพัฒนาผูเรียนได ๔. การจดั กจิ กรรมพฒั นาผูเรยี นควรมอี งคประกอบในการดาเนนิ การ ดังน้ี ๔.๑ มคี รทู ่ปี รกึ ษาและแผนการดาเนนิ กิจกรรม ๔.๒ มหี ลกั ฐาน / ภาพถาย / แฟมสะสมงาน ๔.๓ มีผูรับรองผลการเขารวมกิจกรรม ๔.๔ มีรายงานแสดงการเขารวมกจิ กรรม

๖๐


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook