Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรรายวิชาวิทยาศาสตร์

หลักสูตรรายวิชาวิทยาศาสตร์

Published by Koon Kru Ter ST, 2021-05-26 04:17:21

Description: หลักสูตรรายวิชาวิทยาศาสตร์

Search

Read the Text Version

1

คำนำ กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศใช้มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ตามคาส่ังกระทรวงศึกษาธิการที่ สพฐ. ๑๒๓๙/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๐ และคาสั่งสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ท่ี ๓๐/๒๕๖๑ ลงวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๑ ให้เปลี่ยนแปลงมาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัด กลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณิตศาสตร์และ วทิ ยาศาสตร์ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ.๒๕๖๐) โดยมคี าส่งั ให้โรงเรียนดาเนนิ การใช้หลกั สูตรในปีการศึกษา ๒๕๖๑ โดยให้ ใช้ในชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ และ ๔ ตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๖๑ เป็นต้นมา ซ่ึงหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์มีบทบาทสาคัญย่ิงต่อการพัฒนาความคิดมนุษย์ ทาให้มนุษยม์ ีความคิดสร้างสรรค์ คิดอย่างมีเหตุผล มี ระบบ มีแบบแผน สามารถวิเคราะห์ปัญหาหรือสถานการณ์ได้อย่างถ่ีถ้วนรอบคอบช่วยให้คาดการณ์ วางแผน ตัดสินใจ แก้ปัญหา และนาไปใช้ในชีวิตประจาวันได้อย่างถูกต้องเหมาะสม นอกจากนี้ วิทยาศาสตร์ยังเป็น เครื่องมือในการศึกษาด้าน เทคโนโลยี และศาสตร์อื่น ๆ วิทยาศาสตร์จึงประโยชน์ต่อการดาเนินชีวิต ช่วยพัฒนา คุณภาพชีวติ ใหด้ ีข้ึน และสามารถอยรู่ ่วมกับผ้อู น่ื ได้อย่างมคี วามสุข โรงเรียนบ้านวังปืน โดยความร่วมมือของกับคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพื้นฐาน และคณะครู ได้จัดทา หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน ให้มคี วามสมบูรณ์และเหมาะสมสาหรับการจัดการเรียนการสอน สามารถ พัฒนาผู้เรียนให้มคี ุณภาพตามมาตรฐานการเรยี นรู้และตัวช้ีวัดท่ีกาหนดในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 พ.ศ. 2561 ขอขอบพระคุณคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐานโรงเรียนบ้านวังปืน และคณะครูที่ทาให้หลักสูตร สถานศึกษาข้ันพ้ืนฐานฉบับน้ีสาเร็จไปด้วยดี หวังว่าหลักสูตรสถานศึกษาฉบับนี้ คงจะเป็นประโยชน์ต่อครูผู้สอน ประวตั ศิ าสตร์และผู้สนใจในการจดั การศึกษาขัน้ พ้ืนฐานตอ่ ไป โรงเรยี นบ้านวงั ปืน

สำรบญั หนา้ 1 ญ 1 2 คานา 3 สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 5 คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ 6 คณุ ภาพผเู้ รียน 7 โครงสรา้ งหลกั สูตรสถานศึกษา 14 ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 1 21 คาอธิบายรายวิชา 23 ตวั ชว้ี ัดและสาระการเรยี นร้แู กนกลาง 33 โครงสรา้ งรายวชิ า ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 คาอธบิ ายรายวชิ า ตวั ชว้ี ัดและสาระการเรียนร้แู กนกลาง โครงสรา้ งรายวิชา

๑ กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร มีความรู้ทางวิชาการ สามารถในการรับและส่งสาร ที่ใช้ถ่ายทอด ความคดิ ความรู้ ความเขา้ ใจ ความรสู้ ึก และทศั นะของตนเองเพอื่ แลกเปลยี่ นขอ้ มลู ข่าวสารและประสบการณ์อนั จะ เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสงั คม รวมทง้ั การเจรจาตอ่ รองเพอื่ ขจดั และลดปญั หาความขัดแย้งต่างๆ การ เลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจนการเลือกใช้วิธีการสื่อสารท่ีมี ประสิทธิภาพโดยคานงึ ถึงผลกระทบท่ีมตี อ่ ตนเองและสังคม 2. ความสามารถในการคิด มีทักษะกระบวนการคิด สามารถคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด อยา่ งสร้างสรรค์ การคิดอย่างมวี จิ ารณญาณ และการคิดเปน็ ระบบ เพือ่ นาไปสู่การสรา้ งองค์ความรูห้ รือสารสนเทศ เพ่ือการตัดสนิ ใจเกี่ยวกับตนเองและสังคมได้อย่างเหมาะสม 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา มีจิตสานึกด้านคุณธรรม สามารถแก้ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่ เผชิญได้อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพ้ืนฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจสัมพันธ์และการ เปล่ยี นแปลงของเหตุการณ์ต่างๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยกุ ตค์ วามรมู้ าใชใ้ นการปอ้ งกนั และแก้ไขปัญหา และ มีการตัดสินใจที่มปี ระสิทธภิ าพโดยคานึงถงึ ผลกระทบทเ่ี กดิ ขน้ึ ต่อตนเอง สังคมและสิ่งแวดล้อม 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ปฏิบัติตามระเบียบวินัย รักษาไว้ซึ่งวัฒนธรรม นาชุมชนร่วม ดาเนินการ สืบสานภูมิปัญญาไทย ร่วมใจอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ยึดวิถีประชาธิปไตย มีพลานามัยสมบูรณ์ สามารถในการนากระบวนการต่างๆ ไปใช้ในการดาเนินชีวิตประจาวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่าง ต่อเนื่อง การทางาน และการอยู่ร่วมกันในสังคมด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการ ปัญหาและความขัดแย้งต่างๆ อย่างเหมาะสม การปรับตัวให้ทันกับการเปล่ียนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม และการรูจ้ กั หลีกเลย่ี งพฤตกิ รรมไมพ่ งึ ประสงค์ทส่ี ่งผลกระทบต่อตนเองและผ้อู ่นื 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี พร้อมด้วยเทคโนโลยี สามารถในการเลอื ก และใช้เทคโนโลยีดา้ น ตา่ งๆ และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้ การสื่อสาร การ ทางาน การแกป้ ญั หาอย่างสร้างสรรค์ ถกู ตอ้ ง เหมาะสม และมคี ณุ ธรรม คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ 2. ซื่อสัตย์ สจุ รติ 3. มีวนิ ยั 4. ใฝ่เรยี นรู้ 5. อยอู่ ย่างพอเพียง 6. มงุ่ มนั่ ในการทางาน 7. รกั ความเป็นไทย 8. มีจติ สาธารณะ

สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ สาระที่ 1 วทิ ยาศาสตรช์ วี ภาพ มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนเิ วศ ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งสงิ่ ไม่มีชวี ติ กบั สง่ิ มชี วี ติ และ ความสมั พนั ธร์ ะหว่างส่ิงมีชวี ติ กบั สิง่ มีชวี ติ ตา่ ง ๆ ในระบบนเิ วศการถ่ายทอดพลังงาน การ เปลย่ี นแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบทม่ี ีต่อ ทรัพยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อมแนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไข ปญั หาสง่ิ แวดลอ้ มรวมทัง้ นาความรู้ไปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบตั ิของส่งิ มชี วี ิต หน่วยพื้นฐานของสง่ิ มชี วี ติ การลาเลียงสารเขา้ และออกจากเซลล์ ความสมั พันธ์ของโครงสรา้ ง และหน้าท่ขี องระบบต่าง ๆของสัตว์และมนษุ ย์ทีท่ างานสมั พนั ธก์ นั ความสมั พันธ์ของโครงสรา้ ง และหน้าที่ของอวยั วะต่าง ๆ ของพชื ท่ที างานสัมพนั ธ์กนั รวมท้ังนา ความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสาคญั ของการถา่ ยทอดลกั ษณะทางพันธุกรรมสารพันธุกรรม การ เปลี่ยนแปลงทางพันธกุ รรมท่ีมีผลตอ่ สงิ่ มชี ีวติ ความหลากหลายทางชวี ภาพและววิ ัฒนาการของ สิ่งมชี วี ติ รวมท้ังนาความร้ไู ปใช้ประโยชน์ สาระท่ี 2 วทิ ยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.1 เขา้ ใจสมบตั ขิ องสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสมั พนั ธร์ ะหว่างสมบตั ขิ องสสารกับโครงสรา้ ง และแรงยดึ เหนีย่ วระหวา่ งอนภุ าค หลักและธรรมชาติของการเปลยี่ นแปลงสถานะของสสาร การ เกิดสารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ิริยาเคมี มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชวี ิตประจาวนั ผลของแรงทก่ี ระทาต่อวัตถุ ลักษณะการเคลือ่ นท่แี บบ ต่าง ๆ ของวตั ถรุ วมทง้ั นาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว 2.3 เขา้ ใจความหมายของพลงั งาน การเปลย่ี นแปลงและการถา่ ยโอนพลงั งานปฏสิ มั พันธ์ระหว่าง สสารและพลงั งาน พลงั งานในชีวติ ประจาวัน ธรรมชาตขิ องคล่ืน ปรากฏการณท์ ี่เกย่ี วขอ้ งกับ เสียง แสง และคลน่ื แม่เหล็กไฟฟา้ รวมท้งั นาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ สาระที่ 3 วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองคป์ ระกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพกาแลก็ ซีดาวฤกษ์และ ระบบสรุ ยิ ะ รวมทง้ั ปฏิสมั พนั ธ์ภายในระบบสรุ ยิ ะท่ีส่งผลตอ่ สิ่งมชี วี ติ และการประยกุ ตใ์ ช้ เทคโนโลยอี วกาศ มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองคป์ ระกอบและความสมั พนั ธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลย่ี นแปลงภายในโลก และบน ผิวโลก ธรณพี บิ ัตภิ ัย กระบวนการเปลีย่ นแปลงลมฟ้าอากาศและภมู ิอากาศโลก รวมทง้ั ผลต่อ สิง่ มชี วี ิตและสง่ิ แวดล้อม สาระที่ 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.1 เขา้ ใจแนวคดิ หลักของเทคโนโลยีเพอื่ การดารงชวี ติ ในสังคมทม่ี กี ารเปลี่ยนแปลงอยา่ งรวดเรว็ ใช้ ความร้แู ละทักษะทางด้านวทิ ยาศาสตร์คณติ ศาสตร์และศาสตรอ์ ื่น ๆ เพอื่ แกป้ ญั หาหรอื พฒั นา งานอย่างมีความคิดสรา้ งสรรคด์ ว้ ยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลอื กใช้เทคโนโลยอี ย่าง เหมาะสมโดยคานึงถงึ ผลกระทบต่อชีวิต สงั คม และส่ิงแวดล้อม

มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแกป้ ญั หาทพี่ บในชวี ิตจรงิ อยา่ งเปน็ ข้นั ตอนและเปน็ ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สารในการเรียนรกู้ ารทางาน และการแก้ปญั หาไดอ้ ยา่ งมี ประสทิ ธภิ าพ รูเ้ ท่าทนั และมจี ริยธรรม คุณภาพผูเ้ รียน จบช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 3  เขา้ ใจลักษณะทั่วไปของสงิ่ มีชีวิตและการดารงชวี ติ ของส่งิ มชี วี ติ รอบตวั  เขา้ ใจลักษณะทป่ี รากฏ ชนดิ และสมบตั บิ างประการของวสั ดุที่ใช้ทาวัตถุและการเปลี่ยนแปลง ของวัสดรุ อบตวั  เขา้ ใจการดึง การผลัก แรงแมเ่ หล็ก และผลของแรงท่มี ตี ่อการเปลี่ยนแปลงการเคลือ่ นท่ขี อง วัตถุ พลังงานไฟฟา้ การเกิดเสยี ง แสงและการมองเหน็  เข้าใจการปรากฏของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาว ปรากฏการณ์ข้ึนและตกของดวงอาทติ ย์ การเกิดกลางวนั กลางคืน การกาหนดทศิ ลกั ษณะของหิน การจาแนกชนิดดิน และการใชป้ ระโยชน์ ลกั ษณะและ ความสาคัญของอากาศ การเกิดลม ประโยชนแ์ ละโทษของลม  ตง้ั คาถามหรอื กาหนดปัญหาเก่ยี วกับส่งิ ท่ีจะเรียนรตู้ ามท่ีกาหนดให้หรอื ตามความสนใจ สังเกต สารวจตรวจสอบโดยใชเ้ ครอ่ื งมืออย่างงา่ ย รวบรวมขอ้ มูล บันทกึ และอธบิ ายผลการสารวจ ตรวจสอบดว้ ยการเขยี น หรือวาดภาพ และสือ่ สารสง่ิ ทเ่ี รยี นร้ดู ว้ ยการเล่าเรอ่ื ง หรอื ด้วยการแสดงทา่ ทาเพอื่ ใหผ้ อู้ ื่นเขา้ ใจ  แก้ปญั หาอย่างง่ายโดยใชข้ นั้ ตอนการแกป้ ญั หา มีทักษะในการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการ ส่ือสารเบอ้ื งตน้ รกั ษาขอ้ มลู สว่ นตัว  แสดงความกระตอื รอื รน้ สนใจทีจ่ ะเรียนรู้ มคี วามคดิ สร้างสรรคเ์ ก่ียวกับเรอื่ งทจ่ี ะศกึ ษาตามที กาหนดให้หรอื ตามความสนใจ มสี ่วนรว่ มในการแสดงความคดิ เห็น และยอมรบั ฟงั ความคดิ เห็นผู้อื่น  แสดงความรับผิดชอบดว้ ยการทางานทีไ่ ด้รบั มอบหมายอย่างมุ่งม่นั รอบคอบ ประหยัด ซอื่ สตั ย์ จนงานลลุ ว่ งเป็นผลสาเร็จ และทางานรว่ มกับผอู้ น่ื อยา่ งมคี วามสุข  ตระหนักถึงประโยชนข์ องการใช้ความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตรใ์ นการดารงชีวติ ศึกษาหาความรเู้ พิม่ เติม ทาโครงงานหรอื ช้นิ งานตามทีก่ าหนดใหห้ รอื ตามความสนใจ จบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖  เขา้ ใจโครงสรา้ ง ลักษณะเฉพาะและการปรบั ตวั ของสงิ่ มีชีวิต รวมท้งั ความสัมพนั ธข์ องสิง่ มชี วี ติ ในแหลง่ ท่อี ยู่ การทาหนา้ ทขี่ องสว่ นตา่ งๆ ของพชื และการทางานของระบบยอ่ ยอาหารของมนุษย์  เข้าใจสมบตั แิ ละการจาแนกกลุม่ ของวัสดุ สถานะและการเปล่ียนสถานะของสสาร การละลาย การเปลยี่ นแปลงทางเคมี การเปลีย่ นแปลงท่ผี ันกลับไดแ้ ละผันกลบั ไมไ่ ด้ และการแยกสารอยา่ งงา่ ย  เขา้ ใจลกั ษณะของแรงโนม้ ถ่วงของโลก แรงลัพธ์ แรงเสียดทาน แรงไฟฟา้ และผลของแรงตา่ งๆ ผลทเี่ กิดจากแรงกระทาต่อวตั ถุ ความดนั หลักการทมี่ ตี อ่ วัตถุ วงจรไฟฟา้ อยา่ งงา่ ย ปรากฏการณ์เบอื้ งตน้ ของเสียง และแสง  เข้าใจปรากฏการณก์ ารขน้ึ และตก รวมถึงการเปลี่ยนแปลงรูปรา่ งปรากฏของดวงจนั ทร์ องค์ประกอบของระบบสรุ ิยะ คาบการโคจรของดาวเคราะห์ ความแตกตา่ งของดาวเคราะห์และดาวฤกษ์ การขึ้น และตกของกลุม่ ดาวฤกษ์ การใช้แผนทด่ี าว การเกิดอุปราคา พัฒนาการและประโยชนข์ องเทคโนโลยอี วกาศ

 เข้าใจลกั ษณะของแหลง่ นา้ วัฏจกั รนา้ กระบวนการเกดิ เมฆ หมอก นา้ คา้ ง นา้ ค้างแข็ง หยาด นา้ ฟา้ กระบวนการเกิดหนิ วฏั จกั รหิน การใช้ประโยชนห์ นิ และแร่ การเกิดซากดกึ ดาบรรพ์ การเกิดลมบก ลมทะเล มรสมุ ลกั ษณะและผลกระทบของภัยธรรมชาติ ธรณพี ิบัติภยั การเกิดและผลกระทบของปรากฏการณ์ เรือนกระจก  คน้ หาขอ้ มูลอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพและประเมนิ ความนา่ เชอ่ื ถือ ตดั สินใจเลอื กขอ้ มลู ใชเ้ หตผุ ล เชิงตรรกะในการแกป้ ญั หา ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการทางานรว่ มกนั เข้าใจสิทธแิ ละหน้าทขี่ อง ตน เคารพสทิ ธิของผอู้ น่ื  ต้งั คาถามหรอื กาหนดปญั หาเกยี่ วกับสง่ิ ที่จะเรยี นรูต้ ามท่กี าหนดใหห้ รือตามความสนใจ คาคคะเนคาตอบหลายแนวทาง สร้างสมมติฐานที่สอดคลอ้ งกบั คาถามหรอื ปญั หาทีจ่ ะสารวจตรวจสอบ วางแผน และสารวจตรวจสอบโดยใชเ้ ครอ่ื งมอื อปุ กรณ์ และเทคโนโลยีสารสนเทศท่ีเหมาะสม ในการเกบ็ รวบรวมข้อมูลท้งั เชงิ ปรมิ าณและคณุ ภาพ  วเิ คราะห์ขอ้ มูล ลงความเห็น และสรุปความสมั พนั ธข์ องข้อมูลที่มาจากการสารวจตรวจสอบใน รูปแบบท่เี หมาะสม เพอ่ื สอ่ื สารความรจู้ ากผลการสารวจตรวจสอบไดอ้ ยา่ งมีเหตผุ ลและหลกั ฐานอา้ งอิง  แสดงถึงความสนใจ มุ่งมน่ั ในส่งิ ที่จะเรยี นรู้ มคี วามคดิ สร้างสรรค์เกี่ยวกบั เรอื่ งท่จี ะศึกษาตาม ความสนใจของตนเอง แสดงความคิดเหน็ ของตนเอง ยอมรบั ในข้อมูลที่มหี ลักฐานอ้างองิ และรับฟงั ความคิดเห็น ผู้อื่น  แสดงถงึ ความสนใจ ม่งุ ม่นั ในส่ิงท่จี ะเรยี นรู้ มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์เก่ยี วกบั เรอื่ งทจ่ี ะศกึ ษาตาม ความสนใจของตนเอง แสดงความคิดเห็นของตนเอง ยอมรับในข้อมลู ท่หี ลกั ฐานอา้ งองิ และรบั ฟังความคดิ เหน็ ผอู้ ่นื  แสดงความรับผิดชอบดว้ ยการทางานที่ไดร้ ับมอบหมายอย่างมุง่ มั่น รอบคอบ ประหยัด ซ่อื สตั ย์ จนงานลุลว่ งเป็นผลสาเร็จ และทางานรว่ มกับผ้อู ื่นอย่างสร้างสรรค์  ตระหนักในคณุ คา่ ของความรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ใช้ความร้แู ละกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ในการดารงชวี ติ แสดงความชื่นชม ยกยอ่ ง และเคารพสิทธใิ นผลงานของผคู้ ิดค้นและศึกษาหาความรู้ เพม่ิ เติม ทาโครงงานหรอื ชน้ิ งานตามทีก่ าหนดให้หรอื ตามความสนใจ  แสดงถึงความซาบซงึ้ หว่ งใย แสดงพฤติกรรมเกยี่ วกบั การใช้ การดแู ลรกั ษา ทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ้ มอยา่ งรู้คณุ ค่า

โครงสรา้ งเวลาเรยี นของหลกั สูตรโรงเรยี นบา้ นวังปนื พทุ ธศักราช 2561 ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 1-6 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ / กิจกรรม เวลาเรียน / ปี ป.1 ป.2 ป.3 ป.4 ป.5 ป.6 กลุ่มสาระการเรียนรู้ - ภาษาไทย 200 200 200 160 160 160 - คณติ ศาสตร์ 200 200 200 160 160 160 - วทิ ยาศาสตร์ 80 80 80 80 80 80 - สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม 120 120 120 120 120 120 (40) (40) (40) (40) (40) (40) 1) ประวตั ิศาสตร์ 2) ศาสนา ศีลธรรม จรยิ ธรรม (80) (80) (80) (80) (80) (80) 3) หนา้ ทพ่ี ลเมือง วัฒนธรรมและการดาเนนิ ชวี ติ 4) เศรษฐศาสตร์ 40 40 40 80 80 80 5) ภูมศิ าสตร์ 40 40 40 80 80 80 - สุขศึกษาและพลศึกษา 40 40 40 80 80 80 - ศลิ ปะ 120 120 120 80 80 80 - การงานอาชพี และเทคโนโลยี 840 840 840 840 840 840 - ภาษาตา่ งประเทศ 40 40 40 40 40 40 รวมเวลาเรียนพนื้ ฐาน กิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น 40 40 40 40 40 40 - กจิ กรรมแนะแนว 40 40 40 40 40 40 - กิจกรรมนกั เรียน (10) (10) (10) (10) (10) (10) 120 120 120 120 120 120 1. ลกู เสอื – เนตรนารี 2. ชมุ นุม 80 - - - - - - กจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ - 80 - - - - - - 80 - - - รวมเวลาเรียนกิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน - - - 80 - - รายวิชาเพ่มิ เตมิ - - - - 80 - - - - - - 80 - ภาษาองั กฤษเพื่อการสอ่ื สาร 1 80 80 80 80 80 80 - ภาษาองั กฤษเพื่อการส่อื สาร 2 1,040 1,040 1,040 1,040 1,040 1,040 - ภาษาองั กฤษเพือ่ การสอื่ สาร 3 - คอมพิวเตอร์ในชีวติ ประจาวัน 1 - คอมพวิ เตอรใ์ นชวี ติ ประจาวัน 2 - คอมพิวเตอร์ในชวี ติ ประจาวัน 3 รวมเวลาเรยี นเพมิ่ เติม รวมเวลาเรียน / ปี

คาอธิบายรายวชิ า รายวิชา วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 1 รหสั ว 11101 เวลา 80 ช่ัวโมง / ปี ระบุชอื่ พชื และสัตว์ทอ่ี าศัยอยู่บริเวณต่างๆและอาศัยอย่ใู นท้องถิ่น จากข้อมูลทีร่ วบรวม บอกภาพแวดลอ้ ม ที่เหมาะสมกับการดารงชีวิตของสัตว์ ในบริเวณที่อาศัยอยู่ ระบุชื่อบรรยายลักษณะและบอกหน้าที่ของส่วนต่างๆ ของร่างกายมนุษย์สัตว์และพืชรวมท้ังบรรยายการทาหน้าที่ร่วมกั นของส่วนต่างๆของร่างกายมนุษย์ในการทา กิจกรรมต่างๆจากข้อมูลท่ีรวบรวมตระหนักถึงความสาคัญของส่วนต่างๆของร่างกายตนเองโดยการดูแลส่วนต่างๆ อย่างถูกต้องให้ปลอดภัยและรกั ษาความสะอาดอยู่เสมออธิบายสมบัติท่ีสังเกตไดข้ องวสั ดุท่ีใช้ทาวตั ถุซึ่งทาจากวัสดุ ชนิดเดียวหรือหลายชนิดประกอบกันโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ระบุชนิดของวัสดุและจัดกลุ่มวัสดุตามสมบัติท่ี สังเกตบรรยายการเกิดเสียงและทศิ ทางการเคลือ่ นที่ของเสยี งจากหลกั ฐานเชิงประจักษ์ระบุดาวที่ปรากฏบนท้องฟ้า ในเวลากลางวัน และกลางคืนจากข้อมูลที่รวบรวมอธิบายสาเหตุที่มองไม่เห็นดาวส่วนใหญ่ในเวลากลางวันจาก หลักฐานเชิงประจักษ์อธิบายลักษณะภายนอกของหิน จากลักษณะเฉพาะตัวที่สังเกตแกป้ ัญหาอย่างง่ายโดยใช้การ ลองผิดลองถูก การเปรียบเทียบแสดงลาดับข้ันตอนการทางานหรือการแก้ปัญหาอย่างง่ายโดยใช้ภาพ สัญลักษณ์ หรือข้อความเขียนโปรแกรมอยา่ งงา่ ย โดยใช้ซอฟต์แวร์หรือสื่อ ใช้เทคโนโลยีในการสร้าง จัดเก็บ เรียกใชข้ ้อมูลตาม วัตถุประสงค์ และใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย ปฏิบัติตามข้อตกลงในการใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกัน ดูแล รกั ษาอุปกรณ์เบ้อื งต้น ใช้งานอย่างเหมาะสม ใช้ความรู้ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการแก้ปัญหาในสถานการณ์ต่างๆ ให้เหตุผล ประกอบการตัดสินใจ มีความคิดสร้างสรรค์ การสื่อสารสอ่ื ความหมายทางวิทยาศาสตร์และเชื่อมโยงความร้ไู ปใช้ ในชวี ติ ประจาวัน มีวินัย ใฝ่เรียนรู้และมีความรับผิดชอบในการทางาน ต้ังใจเรียนเอาใจใส่และพยายามในการเรียนรู้ร่วม กจิ กรรมการเรียนรดู้ ้วยความกระตือรือร้น และตง้ั ใจปฏิบตั ิหนา้ ที่ท่ีไดร้ บั มอบหมายทางานสาเร็จตามวตั ถปุ ระสงค์ รหัสตวั ชีว้ ัด ว 1.1 , ป.1/1 , ป.1/2 ว 1.2 , ป.1/1 , ป.1/2 ว 2.1 , ป.1/1 , ป.1/2 ว 2.3 , ป.1/1 ว 3.1 , ป.1/1 , ป.1/2 ว 3.2 , ป.1/1 ว 4.2 , ป.1/1 , ป.1/2 , ป.1/3, ป.1/4 ,ป.1/5 รวมทัง้ หมด 15 ตวั ชีว้ ัด

ตัวชี้วัดและสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 1 สาระที่ 1 วทิ ยาศาสตร์ชวี ภาพ มาตรฐาน ตัวชวี้ ดั สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ ท้องถ่ิน ว 1.1 เขา้ ใจความ ๑.ระบชุ ื่อพืชและสตั ว์ที่ • บริเวณตา่ งๆในท้องถ่ิน เชน่ • พืชและสัตว์ใน หลากหลายของระบบ อาศัยอยู่บรเิ วณตา่ งๆจาก สนามหญ้า ใตต้ ้นไม้ สวนหยอ่ ม ท้องถน่ิ ของตน เช่น นิเวศ ความสัมพนั ธ์ ขอ้ มลู ทรี่ วบรวมได้ แหลง่ น้า อาจพบพชื และสัตว์ ในสนามหญา้ ใต้ ระหว่างสง่ิ ไมม่ ีชวี ติ กับ ๒. บอกสภาพแวดลอ้ มท่ี หลายชนิดอาศัยอยู่ ตน้ ไม้ สวนหย่อม สง่ิ มีชวี ิต และ เหมาะสมกบั การดารงชวี ิต • บรเิ วณที่แตกต่างกันอาจพบพืช แหลง่ น้า ท่งุ นา ความสมั พันธร์ ะหว่าง ของสัตวใ์ นบริเวณทอ่ี าศัย และสัตว์แตกตา่ งกัน เพราะ ฯลฯ ส่งิ มีชีวิตกับส่ิงมชี ีวิตตา่ งๆ อยู่ สภาพแวดลอ้ มของแตล่ ะบรเิ วณ • สภาพแวดลอ้ มใน ในระบบนเิ วศ การ จะมีความเหมาะสมตอ่ การ ทอ้ งถน่ิ ท่ีเหมาะสม ถ่ายถอดพลงั งาน การ ดารงชวี ิตของพืชและสตั ว์ท่อี าศัย กับการด้ารงชวี ิต เปล่ียนแปลงแทนทีใ่ น อย่ใู นแตล่ ะบรเิ วณ เช่น สระนา้ มี ของสตั ว์ เชน่ ระบบนเิ วศ ความหายของ นา้ เป็นทอ่ี ยอู่ าศยั ของหอย ปลา วัดถา้ เขาฉกรรจ์ ประชากร ปัญหาและ สาหรา่ ย เปน็ ทห่ี ลบภัยและมี อทุ ยานแหง่ ชาตปิ าง ผลกระทบท่ีมตี ่อ แหลง่ อาหารของหอยและปลา สดี า ทรัพยากรธรรมชาติและ บริเวณตน้ มะมว่ งมีต้นมะมว่ งเปน็ ฯลฯ สิ่งแวดลอ้ ม แนวทางใน แหลง่ ที่อยู่ และมอี าหารสาหรบั การอนุรักษ์ กระรอกและมด ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ • ถา้ สภาพแวดลอ้ มในบรเิ วณที่ การแกไ้ ขปัญหา พชื และสัตวอ์ าศยั อยู่มีการ ส่งิ แวดลอ้ ม รวมทัง้ นา เปล่ียนแปลง จะมผี ลตอ่ การ ความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ดารงชวี ติ ของพืชและสตั วๆ์

มาตรฐาน ตัวชวี้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ ท้องถน่ิ ว ๑.๒ เข้าใจสมบัติของ ๑. ระบุชอื่ บรรยาย • มนษุ ย์มีสว่ นตา่ งๆ ท่ีมีลกั ษณะ - สง่ิ มีชีวิต หนว่ ยพื้นฐาน ลกั ษณะและบอกหนา้ ท่ี และหนา้ ท่แี ตกต่าง เพอื่ ให้ ของสิ่งมชี วี ติ การลาเลียง ของสว่ นตา่ งๆ ของ เหมาะสมในการดารงชวี ิต เชน่ สารเขา้ และออกจากเซลล์ ร่างกายมนษุ ย์ สตั ว์ และ ตามีหนา้ ที่ไวม้ องดู โดยมีหนงั ตา ความสมั พันธข์ อง พชื รวมท้ังบรรยายการทา และขนตา เพอ่ื ปอ้ งกนั อันตราย โครงสรา้ งและหนา้ ท่ขี อง หนา้ ที่ร่วมกันของสว่ น ใหก้ บั ตา หูมีหน้าท่รี บั ฟงั เสยี ง ระบบตา่ งๆของสัตวแ์ ละ ตา่ งๆของร่างกายมนษุ ย์ใน โดยมใี บหูและรหู ู เพอ่ื เปน็ มนุษย์ทีท่ างานสัมพันธก์ ัน การทากิจกรรมต่างๆจาก ทางผ่านของเสียง ปากมีหน้าท่ีพูด ความสมั พนั ธ์ของ ขอ้ มูลที่รวบรวมได้ กนิ อาหาร มชี อ่ งปากและมรี มิ โครงสรา้ งและหน้าทขี่ อง ๒. ตระหนกั ถงึ ความสาคญั ฝปี ากบนลา่ ง แขนและมือมหี น้าที่ อวยั วะตา่ งๆ ของพชื ท่ี ของสว่ นตา่ งๆ ของ ยก หยิบ จบั มที ่อนแขนและน้ิว ทางานสัมพนั ธ์กนั รวมท้งั ร่างกายตนเอง โดยการ มอื ท่ีขยบั ได้ สมองมีหนา้ ที่ควบคุม นาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ดแู ลสว่ นตา่ งๆ อย่าง การทางานของสว่ นต่างๆ ของ ถกู ตอ้ ง ใหป้ ลอดภยั และ รา่ งกาย อยใู่ นกะโหลกศีรษะ โดย รกั ษาความสะอาดอยู่ สว่ นต่างๆ ของร่างกาย จะทา เสมอ หนา้ ทีร่ ่วมกันในการทากจิ กรรม ในชีวติ ประจาวัน • สตั วม์ หี ลายชนดิ แตล่ ะชนดิ มี สว่ นต่างๆทมี่ ีลักษณะและหนา้ ที่ แตกต่างกัน เพ่ือใหเ้ หมาะสมใน การดารงชวี ติ เชน่ ปลามคี รบี เปน็ แผ่น ส่วนกบ เต่า แมว มีขา ๔ ขา และมีเทา้ สาหรับใช้ในการ เคลื่อนที่ • พืชมสี ว่ นตา่ งๆ ท่มี ลี กั ษณะและ หน้าทแี่ ตกต่างกนั เพือ่ ให้ เหมาะสมในการดารงชวี ิต โดยทั่วไป รากมีลักษณะเรยี วยาว และแตกแขนงเปน็ รากเล็กๆ ทา หนา้ ที่ดูดน้า ลาตน้ มีลักษณะเป็น ทรงกระบอกตง้ั ตรงและมกี ิ่ง กา้ น ทาหน้าท่ีชกู ่ิง ก้าน ใบและดอก ใบมลี กั ษณะเป็นแผ่นแบน ทา หนา้ ทสี่ รา้ งอาหาร นอกจากน้ีพชื หลายชนดิ อาจมดี อกท่มี ีสี

มาตรฐาน ตวั ช้ีวดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ ทอ้ งถ่นิ รูปรา่ งตา่ งๆ ทาหน้าทส่ี บื พนั ธ์ุ รวมท้ังมีผลทมี่ ีเปลอื ก มีเนือ้ - ห่อหมุ้ เมลด็ และมีเมลด็ ซ่ึง สามารถงอกเปน็ ตน้ ใหมไ่ ด้ • มนุษย์ใชส้ ว่ นตา่ งๆของรา่ งกาย ในการทากจิ กรรมตา่ ง ๆ เพื่อการ ดารงชวี ิต มนษุ ยจ์ ึงควรใช้สว่ น ตา่ งๆ ของรา่ งกายอยา่ งถกู ต้อง ปลอดภัยและรักษาความสะอาด อย่เู สมอ เชน่ ใช้ตามองตัวหนังสือ ในท่ีที่มีแสงสวา่ งเพยี งพอ ดูแลตา ใหป้ ลอดภัยจากอันตราย และ รักษาความสะอาดตาอยู่เสมอ สาระท่ี 2 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ตัวช้วี ดั สาระการเรียนร้แู กนกลาง สาระการเรียนรู้ ทอ้ งถ่นิ ว ๒.๑ เข้าใจสมบตั ิของ สสาร องคป์ ระกอบของ ๑. อธบิ ายสมบัตทิ สี่ ังเกต • วัสดทุ ่ีใช้ทาวตั ถทุ ่ีเปน็ ของเล่น สสาร ความสัมพนั ธ์ ไดข้ องวสั ดุทีใ่ ช้ทาวัตถุ ซ่ึง ของใช้ มหี ลายชนิด เชน่ ผ้า แกว้ ระหว่างสมบัตขิ องสสาร ทาจากวสั ดชุ นดิ เดียวหรอื พลาสติก ยาง ไม่ อิฐ หนิ กบั โครงสรา้ งและแรงยดึ หลายชนิดประกอบกนั กระดาษ โลหะ วสั ดแุ ต่ละชนดิ มี เหนย่ี วระหวา่ งอนุภาค โดยใช้หลักฐานเชงิ สมบัตทิ สี่ งั เกตได้ต่างๆ เช่น สี นุ่ม หลักและธรรมชาติของ การเปล่ียนแปลงสถานะ ประจักษ์ แขง็ ขรขุ ระ เรียบ ใส ขนุ่ ยดื หด ของสสาร การเกดิ ๒. ระบุชนดิ ของวสั ดแุ ละ ได้ บดิ งอได้ สารละลาย และการ จดั วสั ดุตามสมบตั ิท่ีสังเกต • สมบัติทีส่ งั เกตได้ของวสั ดุแต่ละ เกดิ ปฏิกริ ิยาเคมี ได้ ชนดิ อาจเหมือนกนั ซ่ึงสมารถ นามาใช้เปน็ เกณฑใ์ นการจดั กลมุ่ วัสดุได้ • วสั ดุบาอย่างสามารถนามา ประกอบกัน เพอ่ื ทาเป็นวัตถตุ า่ งๆ เช่น ผ้าและกระดุม ใช้ทาเส้อื ไม้ และโลหะ ใชท้ ากระทะ

มาตรฐาน ตัวชว้ี ัด สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ ท้องถนิ่ • เสยี งเกดิ จากการสน่ั ของวตั ถุ ว ๒.๓ เข้าใจความหมาย ๑. บรรยายการเกดิ เสียง วตั ถทุ ท่ี าใหเ้ กดิ เสยี ง เปน็ แหล่งกาเนิดเสยี ง ซง่ึ มีทงั้ ของพลงั งาน การ และทิศทางการเคลอื่ นท่ี แหลง่ กาเนิดเสียงที่มนษุ ยส์ รา้ งขน้ึ เสยี งเคล่ือนทอี่ อกจาก เปลยี่ นแปลงและการถา่ ย ของเสียงจากหลักฐานเชงิ แหล่งกาเนิดเสยี งทกุ ทิศทาง โอนพลงั งาน ปฏิสัมพันธ์ ประจกั ษ์ ระหว่างสสารและพลงั งาน พลงั งานในชวี ติ ประจาวนั ธรรมชาตขิ องคลื่น ปรากฏการณท์ เ่ี กี่ยวข้อง กับเสยี ง แสง และคลื่น แม่เหล็กไฟฟา้ รวมทงั้ นา ความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ สาระท่ี ๓ วทิ ยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ มาตรฐาน ตัวชว้ี ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ ทอ้ งถน่ิ ว ๓.๑ เขา้ ใจองค์ประกอบ ๑. ระบดุ าวที่ปรากฏบน • บนทอ้ งฟ้ามีดวงอาทิตย์ ลกั ษณะ กระบวนการเกิด ทอ้ งฟา้ ในเวลากลางวัน ดวงจันทร์ และดาว ซึ่งในเวลา • ระบดุ วงดาว และววิ ัฒนาการของเอก และเวลากลางคนื จาก กลางวันจะมองเหน็ ดวงอาทิตย์ จาลองทห่ี อ้ ง ภพการแลก็ ซี ดาวฤกษ์ ข้อมลู ที่รวบรวมได้ และอาจมองเหน็ ดวงจันทร์บาง วิทยาศาสตรข์ อง และระบบสรุ ยิ ะ รวมทัง้ ๒. อธบิ ายสาเหตทุ ่มี องไม่ เวลาในบางวัน แตไ่ มสามารถ โรงเรยี น ศนู ย์การ มองเห็นดาว เรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ปฏิสมั พนั ธภ์ ายในระบบ เหน็ ดาวส่วนใหญใ่ นเวลา • ในเวลากลางวนั มองไมเ่ หน็ ดาว จังหวัดสระแกว้ สุริยะทส่ี ่งผลตอ่ สง่ิ มชี วี ติ กลางวนั จากหลักฐานเชิง สว่ นใหญ่ เนอื่ งจากแสงอาทิตย์ และการประยุกตใ์ ช้ ประจกั ษ์ สวา่ งจงึ กลบแสงของดาว สว่ นใน เทคโนโลยอี วกาศ เวลากลางคนื จะมองเหน็ ดาวและ มองเห็นดวงจันทรเ์ กอื บทกุ คืน

มาตรฐาน ตวั ชวี้ ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ ท้องถิน่ ว ๓.๒ เขา้ ใจองค์ประกอบ ๑. อธบิ ายลกั ษณะ • หนิ ท่ีอยใู่ นธรรมชาติมีลกั ษณะ และความสัมพนั ธ์ของ ภายนอกของหนิ จาก ภายนอกเฉพาะตวั ที่สงั เกตได้ เชน่ • หินทอี่ ยใู่ น ระบบโลก กระบวนการ ลกั ษณะเฉพาะตวั ที่สงั เกต สี ลวดลาย นา้ หนัก ความแข็ง ธรรมชาติในท้องถน่ิ เปล่ยี นแปลงภายในโลก ได้ และเนอื้ หนิ ของตนเอง และบนผวิ โลก ธรณพี ิบตั ิ ภัย กระบวนการ เปลี่ยนแปลงลมฟา้ อากาศ และภูมอิ ากาศโลก รวมทัง้ ผลต่อสง่ิ มีชวี ิตและ สง่ิ แวดลอ้ ม สาระท่ี ๔ เทคโนโลยี มาตรฐาน ตวั ช้วี ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรู้ ท้องถิ่น ว ๔.๒ เข้าใจและใช้ ๑. แกป้ ญั หาอยา่ งง่ายโดย • การแกป้ ัญหาให้ประสบ แนวคิดเชิงคานวณในการ ใช้การลองผดิ ลองถูก ความสาเร็จทาไดโ้ ดยใช้ข้ันตอน แกป้ ญั หาที่พบในชวี ิตจรงิ การเปรียบเทียบ การแก้ปัญหา อย่างเปน็ ข้นั ตอนและเปน็ • ปญั หาอยา่ งง่าย เช่น เกมเขา ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยี วงกต เกมหาจุดแตกตา่ งของภาพ สารสนเทศและการ การจัดหนงั สอื ใส่กระเป๋า ส่อื สารในการเรียนรู้ การ ทางาน และการแกป้ ัญหา ๒. แสดงลาดบั ขน้ั ตอนการ • การแสดงข้นั ตอนการแกป้ ัญหา ไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ ทางานหรือการแก้ปญั หา ทาได้โดยการเขยี น บอกเลา่ วาด รู้เทา่ ทัน และมจี รยิ ธรรม อย่างง่ายโดยใชภ้ าพ ภาพ หรอื ใชส้ ัญลกั ษณ์ สญั ลักษณ์ หรอื ขอ้ ความ • ปัญหาอยา่ งงา่ ย เช่น เกมเขา วงกต เกมหาจุดแตกต่างของภาพ การจัดหนงั สอื ใส่กระเป๋า ๓. เขียนโปรแกรมอยา่ ง • การเขียนโปรแกรมเปน็ การสรา้ ง ง่าย โดยใช้ซอฟต์แวร์หรอื ลาดับของคาส่งั ใหค้ อมพวิ เตอร์ สอ่ื ทางาน

มาตรฐาน ตวั ชว้ี ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรู้ ท้องถนิ่ • ตัวอยา่ งโปรแกรม เช่น เขยี น โปรแกรมส่งั ให้ตวั ละครยา้ ย ตาแหนง่ ย่อขยายขนาด เปลย่ี น รูปร่าง • ซอฟตแ์ วรห์ รือสือ่ ทใ่ี ชใ้ นการ เขยี นโปรแกรม เชน่ ใชบ้ ัตรคาส่ัง แสดงการเขยี นโปรแกรม ,code.org ๔. ใชเ้ ทคโนโลยีในการ • การใชง้ านอุปกรณ์เทคโนโลยี สร้าง จดั เก็บ เรียกใช้ เบื้องต้น เชน่ การใชเ้ มาส์ ข้อมูลตามวัตถปุ ระสงค์ คยี บ์ อรด์ จอสมั ผัส การเปดิ -ปดิ อุปกรณ์เทคโนโลยี • การใชง้ านซอฟต์แวรเ์ บอ้ื งตน้ เชน่ การเข้าและออกจาก โปรแกรม การสร้างไฟล์ ทาไดใ้ น โปรแกรม เช่น โปรแกรมประมวล คา โปรแกรมกราฟิก โปรแกรม นาเสนอ • การสรา้ งและการจดั เก็บไฟล์ อยา่ งเปน็ ระบบจะทาใหเ้ รียกใช้ คน้ หาข้อมลู ไดง้ า่ ยและรวดเรว็ ๕. ใชเ้ ทคโนโลยี • การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ สารสนเทศอย่างปลอดภยั อยา่ งปลอดภยั เช่น รจู้ กั ข้อมูล ปฏบิ ตั ติ ามข้อตกลงในการ ส่วนตวั อนั ตรายจากการเผยแพร่ ใช้คอมพวิ เตอร์รว่ มกนั ข้อมลู ส่วนตวั และไม่บอกข้อมลู ดแู ลรกั ษาอุปกรณ์เบอื้ งตน้ ส่วนตวั กบั บุคคลอนื่ ยกเวน้ ใชง้ านอย่างเหมาะสม ผู้ปกครองหรอื ครู แจ้งผเู้ กี่ยวข้อง เม่ือต้องการความชว่ ยเหลอื เกยี่ วกบั การใชง้ าน • ข้อปฏบิ ัติในการใชง้ านและการ ดูแลรักษาอปุ กรณ์ เช่น ไมข่ ดี เขียนบนอปุ กรณ์ ทาความสะอาด ใช้อปุ กรณอ์ ย่างถกู วธิ ี

มาตรฐาน ตวั ชี้วดั สาระการเรยี นร้แู กนกลาง สาระการเรยี นรู้ ท้องถน่ิ • การใชง้ านอยา่ งเหมาะสม เช่น จัดท่านัง่ ให้ถกู ตอ้ ง การพกั สายตา เมอ่ื ใชอ้ ุปกรณเ์ ป็นเวลานาน ระมดั ระวงั อบุ ตั ิเหตุจากการใช้ งาน

โครงสรา้ งรายวชิ า รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 1 รหัส ว 11101 เวลา 80 ชั่วโมง/ปี ที่ ช่อื หน่วย มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ เวลา น้าหนกั ๑ สิ่งรอบตวั เรา / ตวั ชว้ี ัด ( ชั่วโมง ) คะแนน ( 100 ) ว 1.1 ป.1/1 • บริเวณต่างๆในทอ้ งถิน่ เช่น 6 ๕ ว 1.1 ป.1/2 สนามหญ้า ใตต้ ้นไม้ สวนหยอ่ ม แหลง่ น้า อาจพบพชื และสัตว์ หลายชนิดอาศยั อยู่ • บรเิ วณทแี่ ตกต่างกันอาจพบ พืชและสัตว์แตกต่างกัน เพราะ สภาพแวดลอ้ มของแตล่ ะ บริเวณจะมีความเหมาะสมตอ่ การดารงชวี ิตของพืชและสตั ว์ท่ี อาศยั อย่ใู นแต่ละบรเิ วณ เช่น สระนา้ มีนา้ เป็นท่อี ยอู่ าศยั ของ หอย ปลา สาหร่าย เปน็ ทีห่ ลบ ภยั และมีแหล่งอาหารของหอย และปลา บรเิ วณต้นมะมว่ งมตี ้น มะม่วงเปน็ แหล่งท่ีอยู่ และมี อาหารสาหรบั กระรอกและมด • ถ้าสภาพแวดลอ้ มในบรเิ วณที่ พชื และสตั วอ์ าศัยอย่มู ีการ เปลยี่ นแปลง จะมผี ลตอ่ การ ดารงชวี ติ ของพชื และสตั วๆ์

ท่ี ชื่อหน่วย มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ เวลา นา้ หนัก 2 พืชรอบตัวเรา / ตวั ชีว้ ัด ( ชั่วโมง ) คะแนน ( 100 ) 3 สัตว์รอบตัวเรา ว1.2 ป.1/๑ • พืชมสี ว่ นตา่ งๆ ทมี่ ลี กั ษณะ ๕ ๔ ว1.2 ป.1/๑ และหน้าทแ่ี ตกต่างกนั เพอ่ื ให้ 5 ๔ เหมาะสมในการดารงชวี ิต โดยท่วั ไป รากมีลักษณะเรยี ว ยาว และแตกแขนงเป็นราก เล็กๆ ทาหนา้ ทด่ี ดู นา้ ลาตน้ มี ลักษณะเป็นทรงกระบอกตง้ั ตรง และมีกงิ่ ก้าน ทาหน้าทีช่ ูก่งิ กา้ น ใบและดอก ใบมีลักษณะ เป็นแผ่นแบน ทาหนา้ ท่ีสรา้ ง อาหาร นอกจากน้พี ชื หลายชนิด อาจมดี อกท่ีมสี รี ปู รา่ งตา่ งๆ ทา หน้าท่ีสืบพันธุ์ รวมทงั้ มีผลทมี่ ี เปลอื ก มีเนอ้ื ห่อหมุ้ เมลด็ และมี เมลด็ ซ่ึงสามารถงอกเปน็ ต้น ใหม่ได้ • สัตวม์ หี ลายชนดิ แตล่ ะชนดิ มี ส่วนตา่ งๆท่มี ีลักษณะและหนา้ ท่ี แตกต่างกนั เพอื่ ใหเ้ หมาะสมใน การดารงชวี ิต เช่น ปลามคี รบี เปน็ แผ่น สว่ นกบ เตา่ แมว มีขา ๔ ขา และมีเท้าสาหรับใชใ้ น การเคล่ือนที่

ที่ ชื่อหนว่ ย มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ เวลา นา้ หนกั 4 ร่างกายของเรา / ตวั ช้ีวดั ( ช่ัวโมง ) คะแนน ( 100 ) ว1.2 ป.1/๑ • มนษุ ย์มีสว่ นตา่ งๆ ทม่ี ีลกั ษณะ 7 ๖ ว1.2 ป.1/๒ และหน้าทแี่ ตกต่าง เพอื่ ให้ เหมาะสมในการดารงชวี ติ เชน่ ตามหี น้าทไ่ี วม้ องดู โดยมหี นงั ตาและขนตา เพอ่ื ปอ้ งกัน อนั ตรายใหก้ บั ตา หูมหี นา้ ท่ีรับ ฟังเสยี ง โดยมีใบหแู ละรหู ู เพอื่ เป็นทางผา่ นของเสยี ง ปากมี หน้าทีพ่ ดู กินอาหาร มชี อ่ งปาก และมีริมฝีปากบนล่าง แขนและ มือมีหน้าที่ยก หยบิ จับ มที อ่ น แขนและนว้ิ มอื ทข่ี ยับได้ สมองมี หน้าที่ควบคมุ การทางานของ สว่ นต่างๆ ของร่างกาย อยใู่ น กะโหลกศีรษะ โดยส่วนตา่ งๆ ของร่างกาย จะทาหน้าท่ี รว่ มกันในการทากจิ กรรมใน ชีวติ ประจาวัน • มนุษย์ใช้สว่ นตา่ งๆของ ร่างกายในการทากจิ กรรมตา่ ง ๆ เพ่อื การดารงชวี ิต มนษุ ยจ์ งึ ควรใชส้ ว่ นตา่ งๆ ของร่างกาย อย่างถูกตอ้ ง ปลอดภยั และ รกั ษาความสะอาดอยเู่ สมอ เช่น ใช้ตามองตวั หนังสอื ในท่ีทมี่ แี สง สว่างเพียงพอ ดูแลตาให้ ปลอดภยั จากอนั ตราย และ รกั ษาความสะอาดตาอยเู่ สมอ

ที่ ชอ่ื หนว่ ย มาตรฐานการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ เวลา น้าหนกั 5 ของเลน่ และของใช้ / ตวั ช้ีวดั ( ชั่วโมง ) คะแนน ( 100 ) ว2.1 ป.1/๑ • วัสดุทใี่ ชท้ าวตั ถุท่เี ปน็ ของเลน่ 7 ๖ ว2.1 ป.1/๒ ของใช้ มีหลายชนดิ เช่น ผา้ แกว้ พลาสตกิ ยาง ไม่ อิฐ หนิ กระดาษ โลหะ วสั ดแุ ต่ละชนดิ มีสมบตั ทิ ี่สงั เกตไดต้ า่ งๆ เช่น สี นุ่ม แขง็ ขรขุ ระ เรยี บ ใส ขนุ่ ยืดหดได้ บิดงอได้ • สมบตั ิทส่ี ังเกตได้ของวสั ดุแต่ ละชนดิ อาจเหมอื นกัน ซ่งึ สมา รถนามาใชเ้ ปน็ เกณฑ์ในการจดั กล่มุ วัสดุได้ 6 เสียงและการ ว 2.3 ป.1/1 • เสยี งเกดิ จากการสัน่ ของวตั ถุ 5 ๕ เคลอื่ นท่ี ๕ ๑๐ วัตถุท่ที าใหเ้ กดิ เสียง เป็น แหล่งกาเนิดเสียง ซง่ึ มีทง้ั แหล่งกาเนดิ เสยี งที่มนษุ ยส์ ร้าง ขน้ึ เสียงเคลอื่ นที่ออกจาก แหล่งกาเนิดเสยี งทุกทศิ ทาง สรปุ ทบทวนภาพรวม ( สอบปลายภาคเรียนท่ี 1 )

ที่ ช่ือหนว่ ย มาตรฐานการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ เวลา น้าหนกั 7 ดวงอาทิตย์ ดวง / ตวั ชี้วดั ( ชว่ั โมง ) คะแนน ( 100 ) จนั ทร์ และดาว ว3.1 ป.1/๑ • บนท้องฟา้ มีดวงอาทิตย์ 5 ๕ 8 หินในธรรมชาติ ว3.1 ป.1/๒ ดวงจนั ทร์ และดาว ซ่ึงในเวลา กลางวันจะมองเห็นดวงอาทิตย์ และอาจมองเหน็ ดวงจันทร์บาง เวลาในบางวนั แต่ไมสามารถ มองเห็นดาว • ในเวลากลางวันมองไมเ่ หน็ ดาวสว่ นใหญ่ เนอ่ื งจาก แสงอาทิตย์สว่างจงึ กลบแสง ของดาว สว่ นในเวลากลางคืน จะมองเห็นดาวและมองเห็นดวง จนั ทรเ์ กอื บทกุ คนื ว 3.2 ป.1/1 • หินท่ีอยใู่ นธรรมชาตมิ ีลกั ษณะ 3 ๓ ภายนอกเฉพาะตวั ท่สี ังเกตได้ เชน่ สี ลวดลาย นา้ หนกั ความ แข็งและเนอื้ หนิ

ท่ี ช่อื หน่วย มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ เวลา น้าหนัก / ตวั ชวี้ ัด ( ชั่วโมง ) คะแนน ( 100 ) 9 การใช้งานเทคโนโลยี ว 4.2 ป.1/4 • การใชง้ านอุปกรณเ์ ทคโนโลยี 5 ๕ เบ้ืองต้น เบ้ืองต้น เช่น การใช้เมาส์ คยี บ์ อรด์ จอสัมผัส การเปิด-ปิด อุปกรณเ์ ทคโนโลยี • การใช้งานซอฟตแ์ วรเ์ บือ้ งตน้ เช่น การเขา้ และออกจาก โปรแกรม การสรา้ งไฟล์ ทาได้ใน โปรแกรม เช่น โปรแกรมประมวล คา โปรแกรมกราฟิก โปรแกรม นาเสนอ • การสรา้ งและการจดั เกบ็ ไฟล์ อย่างเปน็ ระบบจะทาใหเ้ รียกใช้ คน้ หาขอ้ มลู ไดง้ ่ายและรวดเรว็ 10 การแกป้ ญั หาอยา่ ง ว 4.2 ป.1/1 • การแก้ปญั หาให้ประสบ ๙ ๗ ความสาเร็จทาไดโ้ ดยใช้ขั้นตอน 10 ๗ เป็นขัน้ ตอน ว 4.2 ป.1/2 การแก้ปัญหา • การแสดงขั้นตอนการแกป้ ัญหา 11 การเขียนโปรแกรม ว 4.2 ป.1/3 ทาได้โดยการเขียน บอกเล่า วาด เบอ้ื งต้น ภาพ หรอื ใชส้ ญั ลักษณ์ • ปัญหาอย่างง่าย เช่น เกมเขา วงกต เกมหาจุดแตกตา่ งของภาพ การจดั หนงั สอื ใส่กระเป๋า • การเขยี นโปรแกรมเปน็ การ สร้างลาดับของคาส่ังให้ คอมพวิ เตอรท์ างาน • ตัวอยา่ งโปรแกรม เช่น เขยี น โปรแกรมสั่งใหต้ วั ละครยา้ ย ตาแหน่ง ย่อขยายขนาด เปลยี่ น รูปร่าง • ซอฟตแ์ วรห์ รอื สือ่ ท่ใี ชใ้ นการ เขยี นโปรแกรม เชน่ ใช้บตั รคาสง่ั แสดงการเขียนโปรแกรม ,code.org

ท่ี ชอ่ื หนว่ ย มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ เวลา น้าหนัก / ตวั ช้วี ัด (ชั่วโมง ) คะแนน ( 100 ) 12 การใชง้ านเทคโนโลยี ว 4.2 ป.1/5 • การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ 3 ๓ อยา่ งปลอดภยั อย่างปลอดภยั เชน่ รจู้ กั ข้อมลู ๕ ๑๐ 80 100 สว่ นตวั อนั ตรายจากการเผยแพร่ ข้อมูลสว่ นตวั และไม่บอกข้อมลู ส่วนตวั กบั บุคคลอ่ืน ยกเว้น ผ้ปู กครองหรอื ครู แจง้ ผเู้ กี่ยวขอ้ ง เมื่อตอ้ งการความชว่ ยเหลอื เก่ียวกับการใชง้ าน • ขอ้ ปฏบิ ตั ิในการใช้งานและการ ดูแลรักษาอุปกรณ์ เชน่ ไม่ขดี เขียนบนอุปกรณ์ ทาความสะอาด ใช้อปุ กรณอ์ ย่างถูกวธิ ี • การใชง้ านอยา่ งเหมาะสม เชน่ จดั ท่านั่งใหถ้ กู ตอ้ ง การพักสายตา เมื่อใชอ้ ุปกรณเ์ ป็นเวลานาน ระมัดระวังอุบัตเิ หตจุ ากการใช้ งาน สรปุ ทบทวนภาพรวม ( สอบปลายภาคเรยี นที่ ๒ ) รวมท้งั ส้ิน ตลอดปี

คาอธิบายรายวชิ า รายวิชา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๔ รหัส ว 1๔101 เวลา 80 ช่วั โมง / ปี บรรยายหน้าที่ของราก ลาต้น ใบ และดอกของพืชดอก โดยใช้ข้อมูลท่ีรวบรวมได้จาแนกส่ิงมีชีวิตโดยใช้ ความเหมือนและความแตกต่างของลักษณะของสิ่งมีชีวิตออกเป็นกลุ่มพืชกลุ่มสัตว์และกลุ่มที่ไม่ใช่พืชและสั ตว์ จาแนกพืชออกเปน็ พืชดอกและพชื ไมม่ ดี อกโดยใชก้ ารมดี อกเป็นเกณฑ์ใชข้ อ้ มูลทร่ี วบรวมไดจ้ าแนกสัตว์ออกเปน็ สตั ว์ มีกระดูกสันหลังและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังโดยใช้การมีกระดูกสันหลังเป็นเกณฑ์ใช้ข้อมูลที่รวบรวมได้บรรยาย ลักษณะเฉพาะท่ีสงั เกตได้ของสัตวม์ กี ระดูกสันหลังในกลุ่มปลากลุม่ สัตวส์ ะเทินนา้ สะเทินบกกล่มุ สตั วเ์ ลอ้ื ยคลานกลุ่ม นกและกลุ่มสัตว์เล้ียงลูกด้วยน้านมและยกตัวอย่างสิ่งมีชีวิตในแต่ละกลุ่มเปรียบเทียบสมบัติทางกายภาพด้านความ แข็งสภาพยืดหยุ่นการนาความร้อนและการนาไฟฟ้าของวัสดุโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์จากการทดลองและระบุ การนาสมบัติเรื่องความแข็งสภาพยืดหยุ่นการนาความร้อนและการนาไฟฟ้าของวัสดุไปใช้ในชีวิตประจาวันผ่าน กระบวนการออกแบบชิ้นงานแลกเปล่ียนความคดิ กับผู้อนื่ โดยการอภปิ รายเก่ียวกับสมบตั ิทางกายภาพของวัสดอุ ยา่ ง มเี หตุผลจากการทดลองเปรียบเทียบสมบัติของสสารท้งั 3สถานะจากขอ้ มลู ท่ีไดจ้ ากการสังเกตมวลการตอ้ งการที่อยู่ รปู ร่างและปรมิ าตรของสสารใช้เคร่ืองมือเพื่อวัดมวลและปริมาตรของสสารท้ัง3สถานะระบุผลของแรงโน้มถ่วงท่ีมี ต่อวัตถุจากหลักฐานเชิงประจักษ์ใช้เคร่ืองช่ังสปริงในการวัดน้าหนักของวัตถุบรรยายมวลของวัตถุที่มีผลต่อการ เปล่ียนแปลงการเคล่ือนท่ีของวัตถุจากหลักฐานเชิงประจักษ์จาแนกวัตถุเป็นตัวกลางโปร่งใสโปร่งแสงและวัตถุทึบ แสงจากลักษณะการมองเห็นส่ิงต่างๆผา่ นวตั ถุน้ันเป็นเกณฑ์โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์อธิบายแบบรูปเส้นทางการ ข้ึนและตกของดวงจันทร์โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์สร้างแบบจาลองท่ีอธิบายแบบรู ปการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง ปรากฏของดวงจันทร์และพยากรณร์ ูปรา่ งปรากฏของดวงจันทร์สร้างแบบจาลองแสดงองคป์ ระกอบของระบบสุริยะ และอธบิ ายเปรยี บเทียบคาบการโคจรของดาวเคราะห์ตา่ งๆจากแบบจาลองใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะในการแกป้ ัญหาการ อธบิ ายการทางานการคาดการณ์ผลลัพธ์จากปญั หาอยา่ งง่ายออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างงา่ ยโดยใช้ซอฟต์แวร์ หรือสื่อและตรวจหาข้อผิดพลาดและแก้ไขใช้อินเทอร์เน็ตค้นหาความรู้และประเมินความน่าเช่ือถือของข้อมูล รวบรวมประเมินนาเสนอข้อมูลและสารสนเทศโดยใช้ซอฟต์แวร์ที่หลากหลายเพื่อแก้ปัญหาในชีวิตประจาวันใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัยเขา้ ใจสทิ ธิและหน้าท่ีของตนเคารพในสทิ ธิของผ้อู ื่นแจง้ ผ้เู ก่ยี วข้องเมือ่ พบขอ้ มูล หรือบุคคลท่ีไมเ่ หมาะสม ใช้ความรู้ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการแกป้ ญั หาในสถานการณ์ตา่ ง ๆ ให้เหตุผลประกอบการ ตดั สนิ ใจ มีความคดิ สรา้ งสรรค์ การสอ่ื สารส่ือความหมายทางวิทยาศาสตรเ์ ชอ่ื มโยงความร้ไู ปใช้ในชีวติ ประจาวัน มีวินยั ใฝเ่ รยี นรู้ มงุ่ มัน่ ในการทางาน มีความซ่อื สัตย์สจุ ริต มีความรบั ผดิ ชอบในการทางาน และตง้ั ใจปฏบิ ัติ หนา้ ที่ทไ่ี ด้รับมอบหมายทางานสาเรจ็ ตามวัตถุประสงค์ รหสั ตวั ชวี้ ดั ว 1.2 ป.4/1 ว 1.3 ป.4/1 , ป.4/2 , ป.4/3 , ป.4/4 ว 2.1 ป.4/1 , ป.4/2 , ป.4/3 , ป.4/4 ว 2.2 ป.4/1 , ป.4/2 , ป.4/3

ว 2.3 ป.4/1 ว 3.1 ป.4/1 , ป.4/2 , ป.4/3 ว 4.2 ป.4/1 , ป.4/2 , ป.4/3 , ป.4/4 , ป.4/5 รวมตวั ชวี้ ัด 21 ตวั ช้ีวัด

ตัวชว้ี ัดและสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ สาระท่ี 1 วทิ ยาศาสตรช์ วี ภาพ มาตรฐาน ตวั ชว้ี ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ ทอ้ งถิ่น ว ๑.๒ เขา้ ใจสมบัติของ ๑. บรรยายหน้าทข่ี องราก • สว่ นต่าง ๆ ของพชื ดอกทา ส่ิงมีชวี ติ หนว่ ยพืน้ ฐาน ลาต้น ใบ และดอก หน้าท่ีแตกต่างกัน - ของส่ิงมีชวี ติ การลาเลยี ง ของพืชดอก โดยใชข้ อ้ มลู - รากทาหนา้ ทีด่ ดู นา้ และธาตุ ทรี่ วบรวมได้ สารเขา้ และออกจากเซลล์ อาหารข้ึนไปยงั ลาตน้ ความสมั พันธ์ของ - ลาตน้ ทาหนา้ ทีล่ าเลียงน้าตอ่ ไป โครงสรา้ งและหนา้ ทขี่ อง ยังส่วนตา่ ง ๆ ของพืช ระบบตา่ งๆของสัตวแ์ ละ - ใบทาหนา้ ที่สรา้ งอาหาร อาหาร มนุษย์ท่ที างานสัมพนั ธก์ นั ท่ีพชื สร้างขึน้ คือ น้าตาลซึง่ จะ ความสมั พนั ธ์ของ เปลยี่ นเป็นแป้ง โครงสรา้ งและหน้าทีข่ อง - ดอกทาหนา้ ที่สืบพันธ์ุ อวยั วะตา่ งๆ ของพชื ที่ ประกอบดว้ ย ทางานสัมพันธ์กนั รวมทัง้ สว่ นประกอบต่าง ๆ ได้แก่ กลบี นาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ เลีย้ ง กลีบดอก เกสรเพศผู้ และ เกสรเพศเมยี ซง่ึ สว่ นประกอบแต่ ละสว่ นของดอกทาหน้าทีแ่ ตกต่าง กัน ว ๑.๓ เขา้ ใจกระบวนการ ๑. จาแนกส่ิงมชี วี ติ โดยใช้ • ส่ิงมชี ีวิตมหี ลายชนิด สามารถ และความสาคัญของการ ความเหมอื นและความ จดั กล่มุ ได้ โดยใช้ความเหมอื น แตกต่างของลักษณะของ และความแตกตา่ งของลักษณะ ถ่ายทอดลกั ษณะทาง สงิ่ มชี ีวิต ออกเปน็ กลมุ่ พชื ต่างๆ เชน่ กลุ่มพืชสรา้ งอาหาร พนั ธุกรรม สารพนั ธกุ รรม กลุ่มสตั ว์ และกลมุ่ ทไี่ ม่ใช่ เองได้ และเคลอื่ นทด่ี ้วยตนเอง การเปล่ยี นแปลงทาง พชื และสตั ว์ ไม่ได้ กลุม่ สัตวก์ นิ สิง่ มีชีวิตอน่ื เป็น พันธุกรรมทมี่ ผี ลตอ่ อาหารและเคล่อื นทไ่ี ด้ กลุ่มที่ สิ่งมชี วี ิต ความ ๒. จาแนกพชื ออกเปน็ พชื ไมใ่ ช่พืชและสัตว์ เช่น เห็ด รา หลากหลายทางชวี ภาพ ดอกและพชื ไมม่ ีดอก โดย จุลนิ ทรีย์ ใชก้ ารมดี อกเปน็ เกณฑ์ และววิ ฒั นาการ ของ • การจาแนกพืช สามารถใช้การมี สง่ิ มีชวี ิต รวมทั้งนาความรู้ ดอกเปน็ เกณฑใ์ นการจาแนก ได้ ไปใชป้ ระโยชน์ เป็นพชื ดอกและพืชไมม่ ีดอก โดยใชข้ อ้ มลู ทร่ี วบรวมได้

มาตรฐาน ตัวช้วี ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ ท้องถน่ิ ๓. จาแนกสตั ว์ออกเปน็ • การจาแนกสตั ว์ สามารถใชก้ าร สตั ว์มกี ระดูกสันหลังและ มกี ระดกู สนั หลังเปน็ เกณฑ์ในการ สตั วไ์ มม่ ีกระดูกสนั หลัง จาแนกไดเ้ ปน็ สตั ว์มกี ระดกู สนั โดยใชก้ ารมกี ระดูกสนั หลัง หลงั และสตั ว์ไม่มีกระดูกสันหลงั เปน็ เกณฑ์ โดยใชข้ อ้ มูลที่ รวบรวมได้ ๔. บรรยายลกั ษณะ • สตั ว์มกี ระดูกสันหลังมีหลาย เฉพาะทสี่ ังเกตได้ของสัตว์ กลุม่ ได้แก่ กล่มุ ปลา กลุม่ สตั ว์ มกี ระดกู สนั หลงั ในกลุ่ม สะเทนิ น้าสะเทนิ บก กลุม่ ปลา กลมุ่ สตั วส์ ะเทนิ น้า สัตว์เลอื้ ยคลาน กล่มุ นก และ สะเทินบก กลุ่ม กล่มุ สตั ว์เล้ยี งดว้ ยนา้ นม ซ่ึงแต่ละ สัตว์เล้ือยคลาน กลุ่มนก กลุ่ม จะมีลักษณะเฉพาะทส่ี งั เกต และกลมุ่ สตั วเ์ ลยี้ งลูกด้วย ได้ น้านม และยกตวั อย่าง ส่ิงมีชวี ิตในแต่ละกลุ่ม สาระที่ 2 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ตัวชว้ี ัด สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ ท้องถนิ่ ว ๒.๑ เขา้ ใจสมบัตขิ อง สสาร องค์ประกอบของ ๑. เปรยี บเทยี บสมบัติทาง • วัสดแุ ต่ละชนดิ มีสมบัตทิ าง สสาร ความสมั พันธ์ กายภาพดา้ นความแข็ง กายภาพแตกต่างกนั วสั ดุท่ีมี ระหวา่ งสมบตั ิของสสาร สภาพยดื หยุน่ การนา ความแข็งจะทนตอ่ แรงขูดขดี วสั ดุ กบั โครงสรา้ งและแรงยดึ ความรอ้ น และการนา ท่มี ีสภาพยืดหยุ่นจะเปล่ียนแปลง เหนย่ี วระหว่างอนภุ าค ไฟฟา้ ของวสั ดุโดยใช้ รปู รา่ งเมอ่ื มีแรงมากระทาและ หลักและธรรมชาตขิ อง การเปลี่ยนแปลงสถานะ หลักฐานเชงิ ประจักษจ์ าก กลับสภาพเดิมได้ วสั ดทุ ่ี ของสสาร การเกดิ การทดลองและระบุการ นาความร้อนจะร้อนไดเ้ รว็ เมอ่ื สารละลาย และการ นาสมบตั ิเรอ่ื งความแขง็ ได้รับความร้อนและวสั ดทุ น่ี า เกดิ ปฏิกริ ิยาเคมี สภาพยืดหยนุ่ การนา ไฟฟ้าได้ จะใหก้ ระแสไฟฟ้าผา่ น ความร้อน และการนา ได้ ดังนนั้ จึงอาจนาสมบัตติ ่าง ๆ ไฟฟ้าของวสั ดุไปใช้ใน มาพิจารณาเพอ่ื ใช้ในกระบวนการ ชวี ติ ประจาวนั ผา่ น ออกแบบชนิ้ งานเพอื่ ใช้ประโยชน์ กระบวนการออกแบบ ในชีวติ ประจาวนั ชิ้นงาน

มาตรฐาน ตวั ชว้ี ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ ท้องถ่ิน ๒. แลกเปล่ยี นความคิดกบั ผอู้ น่ื โดยการอภิปราย เก่ียวกับสมบตั ิทาง กายภาพของวัสดอุ ยา่ งมี เหตุผลจากการทดลอง ๓. เปรียบเทียบสมบตั ิของ • วัสดุเปน็ สสารเพราะมีมวลและ สสารทง้ั ๓ สถานะ จาก ตอ้ งการท่อี ยู่ สสารมสี ถานะเปน็ ข้อมูลที่ไดจ้ ากการสังเกต ของแขง็ ของเหลว หรอื แก๊ส มวล การตอ้ งการทอ่ี ยู่ ของแขง็ มีปริมาตรและรูปร่าง รูปร่างและปริมาตรของ คงท่ี ของเหลวมปี ริมาตรคงที่ แต่ สสาร มรี ปู ร่างเปลย่ี นไปตามภาชนะ ๔. ใช้เครอื่ งมอื เพอ่ื วัดมวล เฉพาะสว่ นท่ีบรรจขุ องเหลว สว่ น และปริมาตรของสสารทงั้ แกส๊ มีปรมิ าตรและรูปร่าง ๓ สถานะ เปล่ยี นไปตามภาชนะที่บรรจุ ว ๒.๒ เข้าใจธรรมชาติ ๑. ระบผุ ลของแรงโนม้ ถ่วง • แรงโนม้ ถว่ งของโลกเปน็ แรง ของแรงในชวี ิตประจาวนั ท่ีมตี ่อวตั ถุจากหลกั ฐาน ดึงดูดทโ่ี ลกกระทาตอ่ วตั ถุ มที ศิ ผลของแรงท่กี ระทาตอ่ เชงิ ประจกั ษ์ ทางเข้าสู่ศูนย์กลางโลก และเปน็ วตั ถุ ลกั ษณะการเคลอ่ื นท่ี ๒. ใชเ้ ครอ่ื งชั่งสปริงในการ แรงไม่สัมผสั แรงดึงดูดท่ีโลก แบบตา่ ง ๆ ของวัตถุ วดั นา้ หนกั ของวัตถุ กระทากบั วตั ถหุ นง่ึ ๆ ทาให้วตั ถุ รวมทง้ั นาความรไู้ ปใช้ ตกลงสพู่ นื้ โลก และทาให้วตั ถุมี ประโยชน์ น้าหนัก วดั นา้ หนกั ของวัตถุได้ จากเคร่ืองชง่ั สปริง น้าหนักของ วตั ถขุ ึ้นกบั มวลของวตั ถุ โดยวตั ถุ ที่มมี วลมากจะมีนา้ หนกั มาก วตั ถุ ที่มีมวลน้อยจะมีนา้ หนกั นอ้ ย ๓. บรรยายมวลของวัตถุที่ • มวล คอื ปริมาณเนอ้ื ของสสาร มผี ลต่อการเปลยี่ นแปลง ทั้งหมดทีป่ ระกอบกนั เป็นวัตถุ ซึง่ การเคลอ่ื นทข่ี องวัตถุจาก มีผลตอ่ ความยากง่ายในการ หลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ เปลยี่ นแปลงการเคลอื่ นทขี่ องวตั ถุ วัตถทุ ี่มมี วลมากจะเปลี่ยนแปลง การเคลอ่ื นที่ได้ยากกว่าวัตถทุ ีม่ ี มวลนอ้ ย

มาตรฐาน ตวั ชี้วดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ ทอ้ งถนิ่ ดังนัน้ มวลของวัตถุนอกจากจะ หมายถึงเนอ้ื ท้ังหมดของวัตถนุ ้ัน แลว้ ยังหมายถงึ การตา้ นการ เปลยี่ นแปลง การเคลือ่ นที่ของวัตถนุ ัน้ ดว้ ย ว ๒.๓ เข้าใจความหมาย ๑. จาแนกวตั ถเุ ป็น • เม่ือมองสิ่งต่าง ๆ โดยมีวัตถตุ ่าง ของพลงั งาน การ ตัวกลางโปรง่ ใส ชนดิ กันมากนั้ แสง จะทาให้ ตัวกลางโปร่งแสง และ ลกั ษณะการมองเหน็ สิ่งน้ัน ๆ เปล่ยี นแปลงและการถา่ ย วตั ถุทบึ แสง จากลักษณะ ชดั เจนต่างกนั จงึ จาแนกวตั ถทุ ีม่ า โอนพลังงาน ปฏิสัมพนั ธ์ กั้นออกเปน็ ตวั กลางโปรง่ ใส ซงึ่ ทา ระหวา่ งสสารและพลงั งาน การมองเหน็ ส่ิงตา่ ง ๆ ผ่าน พลังงานในชวี ติ ประจาวัน วตั ถนุ นั้ เปน็ เกณฑ์โดยใช้ ใหม้ องเห็นสง่ิ ต่าง ๆ ไดช้ ัดเจน ธรรมชาติของคล่ืน หลักฐานเชิงประจกั ษ์ ตัวกลางโปรง่ แสงทาใหม้ องเหน็ สิ่ง ปรากฏการณ์ท่ีเก่ียวขอ้ ง ตา่ ง ๆ ไดไ้ มช่ ดั เจน และวตั ถทุ บึ แสงทาใหม้ องไม่เหน็ สง่ิ ตา่ ง ๆ น้นั กับเสยี ง แสง และคล่ืน แม่เหลก็ ไฟฟา้ รวมทัง้ นา ความรู้ไปใชป้ ระโยชน์

สาระท่ี ๓ วิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ มาตรฐาน ตัวช้ีวัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง สาระการเรยี นรู้ ทอ้ งถ่ิน ว ๓.๑ เขา้ ใจองค์ประกอบ ๑. อธบิ ายแบบรปู เส้นทาง • ดวงจนั ทรเ์ ป็นบรวิ ารของโลก • แบบรปู เสน้ ทาง ลักษณะ กระบวนการเกิด การขนึ้ และตกของดวง โดยดวงจันทรห์ มุนรอบตวั เอง การขึ้นและตกของ ดวงจันทร์ โดยใช้ และววิ ฒั นาการของเอก จนั ทร์ โดยใช้หลกั ฐานเชิง ขณะโคจรรอบโลก ขณะทโ่ี ลกก็ หลักฐานเชิง ประจกั ษใ์ นทอ้ งถ่นิ ภพการแลก็ ซี ดาวฤกษ์ ประจักษ์ หมุนรอบตวั เองด้วยเช่นกัน การ ของตนและท่ีศูนย์ วิทยาศาสตร์จงั หวัด และระบบสุรยิ ะ รวม หมนุ รอบตัวเองของโลกจากทศิ สระแก้ว ท้ังปฎสิ ัมพนั ธภ์ ายใน ตะวันตกไปทิศตะวนั ออกใน ระบบสรุ ยิ ะทสี่ ง่ ผลตอ่ ทิศทางทวนเขม็ นาฬกิ าเมอื่ มอง ส่ิงมชี วี ิต และการ จากขั้วโลกเหนอื ทาให้มองเหน็ ประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยี ดวงจนั ทร์ปรากฏข้นึ ทางดา้ นทศิ อวกาศ ตะวันออกและตกทางด้านทศิ ตะวันตกหมนุ เวียนเป็นแบบรปู ซา้ ๆ ๒. สร้างแบบจาลองที่ • ดวงจันทร์เปน็ วตั ถุท่เี ป็นทรง อธบิ ายแบบรูปการ กลม แต่รูปร่างของดวงจันทรท์ ่ี เปลยี่ นแปลงรปู ร่างปรากฏ มองเหน็ หรอื รปู รา่ งปรากฏของ ของดวงจนั ทร์ และ ดวงจันทร์บนทอ้ งฟา้ แตกตา่ งกัน พยากรณร์ ูปร่างปรากฏ ไปในแต่ละวัน โดยในแต่ละวนั ของดวงจันทร์ ดวงจันทร์จะมรี ูปรา่ งปรากฏเปน็ เสี้ยวทีม่ ีขนาดเพิ่มขึน้ อย่าง ตอ่ เนอื่ งจนเต็มดวง จากนั้นรปู รา่ ง ปรากฏของดวงจนั ทรจ์ ะแหวง่ และมขี นาดลดลงอยา่ งตอ่ เนอ่ื งจน มองไมเ่ หน็ ดวงจันทร์ จากนั้น รูปร่างปรากฏของดวงจนั ทร์ จะเป็นเสีย้ วใหญข่ ึ้นจนเต็มดวง อกี ครง้ั การเปลย่ี นแปลงเช่นนเี้ ป็น แบบรปู ซา้ กันทุกเดือน

มาตรฐาน ตวั ช้วี ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรู้ ท้องถน่ิ ๓. สร้างแบบจาลองแสดง • ระบบสรุ ยิ ะเป็นระบบทมี่ ดี วง องค์ประกอบของระบบ อาทิตยเ์ ปน็ ศูนย์กลางและมี สรุ ยิ ะ และอธิบาย บริวารประกอบด้วย ดาวเคราะห์ เปรยี บเทยี บคาบการโคจร แปดดวง และบรวิ าร ซึ่งดาว ของดาวเคราะหต์ ่าง ๆ เคราะหแ์ ตล่ ะดวงมีขนาด จากแบบจาลอง และระยะหา่ งจากดวงอาทิตย์ แตกตา่ งกนั และ ยงั ประกอบดว้ ย ดาวเคราะห์ แคระ ดาวเคราะหน์ ้อย ดาวหาง และวตั ถุขนาดเลก็ อ่ืน ๆ โคจรอยู่ รอบดวงอาทิตย์ วตั ถุขนาดเลก็ อื่น ๆ เมื่อเข้ามาในชน้ั บรรยากาศ เน่ืองจากแรงโน้มถ่วงของโลก ทา ให้เกิดเปน็ ดาวตกหรือผพี ุง่ ไตแ้ ละ อุกกาบาต

สาระที่ ๔ เทคโนโลยี มาตรฐาน ตวั ช้วี ดั สาระการเรยี นร้แู กนกลาง สาระการเรยี นรู้ ท้องถิน่ ว ๔.๒ เข้าใจและใช้ ๑. ใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะใน • การใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะเปน็ การ แนวคดิ เชงิ คานวณในการ การแกป้ ญั หา การอธบิ าย นากฎเกณฑ์ หรอื เง่ือนไขท่ี แกป้ ัญหาท่พี บในชวี ิตจรงิ การทางาน การคาดการณ์ ครอบคลุมทกุ กรณีมาใชพ้ จิ ารณา อยา่ งเปน็ ขนั้ ตอนและเปน็ ผลลพั ธ์ จากปัญหา ในการแกป้ ัญหา การอธิบายการ ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยี อยา่ งงา่ ย ทางาน หรอื การคาดการณ์ สารสนเทศและการ ผลลัพธ์ ส่ือสารในการเรยี นรู้ การ • สถานะเรม่ิ ต้นของการทางานที่ ทางาน และการแก้ปัญหา แตกต่างกนั จะให้ผลลพั ธ์ท่ี ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ แตกต่างกัน รู้เทา่ ทนั และมีจรยิ ธรรม • ตวั อยา่ งปญั หา เช่น เกม OX โปรแกรมท่มี ีการคานวณ โปรแกรมทมี่ ตี วั ละครหลายตวั และมกี ารส่งั งานที่แตกตา่ งหรือมี การสอื่ สารระหว่างกนั การ เดินทางไปโรงเรียน โดยวธิ ีการ ตา่ ง ๆ ๒. ออกแบบ และเขียน • การออกแบบโปรแกรมอย่างงา่ ย โปรแกรมอยา่ งงา่ ย โดยใช้ เช่น การออกแบบโดยใช้ ซอฟต์แวรห์ รอื สอ่ื และ storyboard หรือการออกแบบ ตรวจหาขอ้ ผดิ พลาดและ อลั กอริทึม แก้ไข • การเขยี นโปรแกรมเป็นการสร้าง ลาดับของคาสงั่ ใหค้ อมพวิ เตอร์ ทางาน เพ่ือใหไ้ ด้ผลลพั ธ์ตาม ความตอ้ งการ หากมีขอ้ ผิดพลาด ให้ตรวจสอบ การทางานทลี ะ คาสงั่ เมอื่ พบจุดท่ีทาให้ผลลพั ธ์ ไมถ่ กู ต้อง ให้ทาการแก้ไขจนกวา่ จะไดผ้ ลลพั ธ์ท่ถี กู ต้อง

มาตรฐาน ตัวช้วี ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรู้ ท้องถน่ิ • ตวั อย่างโปรแกรมท่มี ีเรอื่ งราว เชน่ นิทานทีม่ ี การโต้ตอบกบั ผ้ใู ช้ การต์ ูนส้ัน เลา่ กจิ วตั รประจาวัน ภาพเคลอื่ นไหว • การฝึกตรวจหาขอ้ ผดิ พลาดจาก โปรแกรมของผู้อน่ื จะช่วยพฒั นา ทักษะการหาสาเหตขุ องปญั หาได้ ดยี ่ิงข้นึ • ซอฟตแ์ วร์ท่ีใชใ้ นการเขียน โปรแกรม เชน่ Scratch, logo ๓. ใชอ้ ินเทอรเ์ น็ตค้นหา • การใชค้ าค้นท่ตี รงประเดน็ ความรู้ และประเมินความ กระชบั จะทาให้ได้ ผลลัพธ์ท่ี นา่ เชอื่ ถือของขอ้ มูล รวดเรว็ และตรงตามความตอ้ งการ • การประเมินความน่าเชอื่ ถือของ ขอ้ มลู เชน่ พจิ ารณาประเภทของ เวบ็ ไซต์ (หนว่ ยงานราชการ สานักข่าว องคก์ ร) ผเู้ ขยี น วนั ที่ เผยแพรข่ ้อมลู การอา้ งองิ • เมอื่ ได้ขอ้ มูลทีต่ ้องการจาก เวบ็ ไซต์ต่าง ๆ จะตอ้ งนาเนื้อหา มาพิจารณา เปรยี บเทยี บ แลว้ เลอื กข้อมลู ท่ีมคี วามสอดคลอ้ ง และสมั พนั ธก์ นั • การทารายงานหรอื การนาเสนอ ขอ้ มูลจะตอ้ งนาขอ้ มลู มาเรยี บ เรยี ง สรปุ เปน็ ภาษาของตนเอง ที่ เหมาะสมกับกลมุ่ เป้าหมายและ วธิ ีการนาเสนอ (บรู ณาการกบั วิชา ภาษาไทย)

มาตรฐาน ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ ทอ้ งถิ่น ๔. รวบรวม ประเมิน • การรวบรวมขอ้ มลู ทาไดโ้ ดย นาเสนอขอ้ มลู และ กาหนดหัวขอ้ ทตี่ ้องการ เตรยี ม สารสนเทศ โดยใช้ อุปกรณใ์ นการจดบนั ทกึ ซอฟต์แวร์ท่หี ลากหลาย • การประมวลผลอย่างง่าย เชน่ เพือ่ แก้ปญั หาใน เปรียบเทยี บ ชวี ิตประจาวัน จัดกลมุ่ เรยี งลาดบั การหาผลรวม วิเคราะหผ์ ลและสรา้ งทางเลอื กท่ี เป็นไปได้ ประเมินทางเลอื ก (เปรียบเทียบ ตดั สนิ ) • การนาเสนอขอ้ มูลทาได้หลาย ลักษณะตามความเหมาะสม เชน่ การบอกเลา่ เอกสารรายงาน โปสเตอร์ โปรแกรมนาเสนอ • การใช้ซอฟต์แวรเ์ พือ่ แก้ปญั หา ในชีวติ ประจาวนั เช่น การสารวจ เมนูอาหารกลางวนั โดยใช้ ซอฟตแ์ วรส์ รา้ งแบบสอบถามและ เกบ็ ข้อมูล ใชซ้ อฟต์แวร์ตาราง ทางานเพอ่ื ประมวลผลข้อมลู รวบรวมขอ้ มลู เก่ียวกบั คณุ คา่ ทาง โภชนาการและสรา้ งรายการ อาหารสาหรับ ๕ วนั ใช้ ซอฟต์แวรน์ าเสนอผลการสารวจ รายการอาหารท่ีเป็นทางเลอื ก และข้อมูลดา้ นโภชนาการ ๕. ใช้เทคโนโลยี • การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ สารสนเทศอย่างปลอดภยั อย่างปลอดภัย เข้าใจสทิ ธิและ เข้าใจสิทธแิ ละหนา้ ทข่ี อง หนา้ ที่ของตน เคารพในสทิ ธขิ อง ตน เคารพในสิทธขิ องผอู้ ื่น ผอู้ ่ืน เช่น ไมส่ รา้ งข้อความเทจ็ แจ้งผเู้ กยี่ วขอ้ งเมอ่ื พบ และสง่ ใหผ้ อู้ ่นื ไมส่ ร้าง ความ ข้อมูลหรือบุคคลทไ่ี ม่ เดือดรอ้ นตอ่ ผูอ้ นื่ โดยการสง่ เหมาะสม สแปมข้อความลูกโซ่ ส่งตอ่ โพสต์ ท่ีมีข้อมลู สว่ นตัวของผอู้ ืน่ สง่ คา

มาตรฐาน ตวั ช้วี ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ ทอ้ งถิ่น เชญิ เลน่ เกม ไมเ่ ขา้ ถึงขอ้ มูล สว่ นตวั หรอื การบ้านของบุคคลอนื่ โดยไมไ่ ดร้ บั อนุญาต ไม่ใชเ้ ครอ่ื ง คอมพวิ เตอร/์ ชอื่ บญั ชีของผู้อน่ื • การสื่อสารอยา่ งมมี ารยาทและรู้ กาลเทศะ • การปกปอ้ งขอ้ มูลสว่ นตวั เชน่ การออกจากระบบเมอื่ เลิกใชง้ าน ไมบ่ อกรหัสผ่าน ไม่บอกเลข ประจาตวั ประชาชน

โครงสรา้ งรายวชิ า รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๔ รหสั ว 1๔101 เวลา 80 ชว่ั โมง/ปี ที่ ชื่อหนว่ ย มาตรฐานการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ เวลา นา้ หนัก / ตวั ชี้วัด ( ชั่วโมง ) คะแนน ( 100 ) ๑ ความหลากหลายของ ว ๑.๓ ป.๔/1 • สิ่งมีชีวติ มีหลายชนดิ สามารถ ๔ ๕ ส่งิ มชี ีวติ จัดกล่มุ ได้ โดยใชค้ วามเหมอื น ๖ ๑0 ว ๑.๒ ป.๔/๑ และความแตกตา่ งของลักษณะ ๒ พืชและประเภทของ ว ๑.๓ ป.๔/๒ ตา่ งๆ เช่น กลุ่มพืชสร้างอาหาร พชื เองได้ และเคลอื่ นท่ีด้วยตนเอง ไมไ่ ด้ กลมุ่ สัตว์กินส่ิงมีชีวติ อนื่ เปน็ อาหารและเคลอื่ นท่ีได้ กลุ่ม ทไี่ ม่ใช่พชื และสัตว์ เชน่ เห็ด รา จุลินทรีย์ • ส่วนต่าง ๆ ของพชื ดอกทา หนา้ ทีแ่ ตกต่างกนั - รากทาหน้าท่ดี ดู น้าและธาตุ อาหารขึน้ ไปยงั ลาต้น - ลาต้นทาหนา้ ท่ีลาเลยี งน้า ตอ่ ไปยงั สว่ นตา่ ง ๆ ของพชื - ใบทาหน้าทส่ี รา้ งอาหาร อาหารทพี่ ชื สร้างขึ้น คือ นา้ ตาล ซึ่งจะเปล่ยี นเปน็ แปง้ - ดอกทาหน้าทีส่ ืบพนั ธุ์ ประกอบดว้ ย ส่วนประกอบต่าง ๆ ไดแ้ ก่ กลบี เลย้ี ง กลีบดอก เกสรเพศผู้ และ เกสรเพศเมีย ซ่ึงสว่ นประกอบ แต่ละสว่ นของดอกทาหนา้ ท่ี แตกตา่ งกัน • การจาแนกพืช สามารถใชก้ าร มดี อกเปน็ เกณฑ์ในการจาแนก ได้เป็นพชื ดอกและพืชไม่มดี อก

ที่ ชอ่ื หน่วย มาตรฐานการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ เวลา น้าหนัก / ตวั ชีว้ ดั ( ชวั่ โมง ) คะแนน ( 100 ) ๓ สัตว์และประเภทของ ว ๑.๓ ป.๔/๓ • การจาแนกสัตว์ สามารถใช้ ๖ ๕ สตั ว์ ว ๑.๓ ป.๔/๔ การมกี ระดกู สันหลังเป็นเกณฑ์ ๖ ๕ ในการจาแนกไดเ้ ป็นสัตว์มี ๔ สมบตั ิของวสั ดุ ว ๒.๑ ป.๔/๑ กระดูกสนั หลงั และสตั ว์ไม่มี รอบตวั เรา ว ๒.๑ ป.๔/๒ กระดกู สนั หลงั • สตั วม์ กี ระดูกสันหลงั มหี ลาย กลมุ่ ไดแ้ ก่ กลุ่มปลา กลุม่ สัตว์ สะเทินน้าสะเทินบก กลุ่ม สตั วเ์ ลอ้ื ยคลาน กลุ่มนก และ กล่มุ สตั วเ์ ลีย้ งด้วยนา้ นม ซ่งึ แต่ ละกลมุ่ จะมลี ักษณะเฉพาะที่ สังเกตได้ • วัสดแุ ตล่ ะชนดิ มีสมบัตทิ าง กายภาพแตกต่างกัน วัสดทุ ีม่ ี ความแข็งจะทนตอ่ แรงขดู ขีด วสั ดุท่ีมสี ภาพยืดหยนุ่ จะ เปล่ียนแปลงรปู ร่างเมือ่ มีแรงมา กระทาและกลับสภาพเดิมได้ วสั ดทุ ี่ นาความรอ้ นจะรอ้ นไดเ้ รว็ เมอื่ ได้รับความร้อนและวสั ดุท่ีนา ไฟฟา้ ได้ จะให้กระแสไฟฟา้ ผา่ น ได้ ดังนน้ั จึงอาจนาสมบัติตา่ ง ๆ มาพจิ ารณาเพ่อื ใชใ้ น กระบวนการออกแบบชิ้นงาน เพื่อใชป้ ระโยชน์ใน ชีวติ ประจาวนั

ท่ี ชื่อหนว่ ย มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ เวลา นา้ หนัก / ตวั ชว้ี ดั ( ชว่ั โมง ) คะแนน ( 100 ) ๕ สสารรอบตวั เรา ว ๒.๑ ป.๔/๓ • วสั ดุเป็นสสารเพราะมมี วล ๖ ๕ ว ๒.๑ ป.๔/๔ และต้องการทอี่ ยู่ สสารมี ๑0 ๑0 สถานะเป็นของแข็ง ของเหลว ๒ ๑0 หรอื แกส๊ ของแขง็ มีปริมาตร และรปู รา่ งคงที่ ของเหลวมี ปรมิ าตรคงที่ แตม่ ีรปู รา่ ง เปล่ียนไปตามภาชนะเฉพาะ ส่วนท่ีบรรจุของเหลว ส่วนแกส๊ มปี รมิ าตรและรปู ร่างเปลีย่ นไป ตามภาชนะที่บรรจุ ๖ แรงและการเคลอ่ื นท่ี ว ๒.๒ ป.๔/๑ • แรงโน้มถ่วงของโลกเปน็ แรง ว ๒.๒ ป.๔/๒ ดึงดูดทีโ่ ลกกระทาต่อวัตถุ มีทิศ ทางเขา้ สูศ่ ูนยก์ ลางโลก และเป็น ว ๒.๒ ป.๔/๓ แรงไม่สมั ผสั แรงดงึ ดดู ท่โี ลก กระทากับวัตถุหนง่ึ ๆ ทาให้วตั ถุ ตกลงสู่พืน้ โลก และทาใหว้ ตั ถุมี น้าหนกั วดั นา้ หนักของวตั ถุได้ จากเครือ่ งชงั่ สปริง น้าหนักของ วัตถขุ ึน้ กบั มวลของวตั ถุ โดยวัตถุ ท่มี มี วลมากจะมีนา้ หนกั มาก วัตถุ ที่มีมวลน้อยจะมนี ้าหนักนอ้ ย • มวล คอื ปรมิ าณเนอื้ ของสสาร ทั้งหมดท่ีประกอบกนั เป็นวัตถุ ซึง่ มผี ลตอ่ ความยากง่ายในการ เปลี่ยนแปลงการเคลื่อนท่ขี องวัตถุ วตั ถทุ ม่ี มี วลมากจะเปลี่ยนแปลง การเคลอ่ื นท่ไี ดย้ ากกว่าวตั ถุทม่ี ี มวลนอ้ ย ดงั นนั้ มวลของวตั ถุ นอกจากจะหมายถึงเน้ือทงั้ หมด ของวัตถุนนั้ แลว้ ยงั หมายถึงการ ตา้ นการเปลีย่ นแปลง การเคลอ่ื นทข่ี องวตั ถุนน้ั ด้วย สรุปทบทวนภาพรวม ( สอบปลายภาคเรียนที่ 1 )

ท่ี ชื่อหน่วย มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ เวลา นา้ หนกั / ตวั ชีว้ ัด ( ชัว่ โมง ) คะแนน ( 100 ) ๗ แสงและตวั กลางของ ว ๒.๓ ป.๔/๑ • เมอ่ื มองสง่ิ ตา่ ง ๆ โดยมวี ตั ถุ ๖ ๕ แสง ตา่ งชนิดกนั มาก้ันแสง จะทาให้ ๘ ๕ ว ๓.๑ ป.๔/๑ ลกั ษณะการมองเห็นส่ิงน้ัน ๆ ๘ การข้ึนและตกของ ว ๓.๑ ป.๔/๒ ชัดเจนตา่ งกัน จึงจาแนกวตั ถุ ดวงจันทร์ ท่มี ากัน้ ออกเปน็ ตัวกลางโปร่งใส ซงึ่ ทาให้มองเห็นสิ่งตา่ ง ๆ ได้ ชดั เจน ตวั กลางโปรง่ แสงทาให้ มองเหน็ สง่ิ ตา่ ง ๆ ไดไ้ ม่ชัดเจน และวตั ถทุ ึบแสงทาให้มองไม่ เห็นส่ิงต่าง ๆ นัน้ • ดวงจันทรเ์ ป็นบรวิ ารของโลก โดยดวงจนั ทรห์ มนุ รอบตวั เองขณะ โคจรรอบโลก ขณะทีโ่ ลกก็ หมุนรอบตวั เองด้วยเชน่ กนั การ หมนุ รอบตวั เองของโลกจากทิศ ตะวันตกไปทศิ ตะวนั ออกในทิศทาง ทวนเขม็ นาฬิกาเมอื่ มองจากขั้วโลก เหนอื ทาใหม้ องเหน็ ดวงจันทร์ ปรากฏขนึ้ ทางดา้ นทศิ ตะวันออก และตกทางดา้ นทิศตะวันตก หมนุ เวยี นเป็นแบบรูปซา้ ๆ • ดวงจันทร์เปน็ วัตถทุ ่เี ปน็ ทรงกลม แต่รปู ร่างของดวงจนั ทรท์ ่ีมองเหน็ หรือรูปรา่ งปรากฏของ ดวงจันทรบ์ นท้องฟา้ แตกตา่ งกันไป ในแต่ละวัน โดยในแตล่ ะวันดวง จันทรจ์ ะมรี ปู รา่ งปรากฏเปน็ เสยี้ วที่ มีขนาดเพิม่ ขึน้ อยา่ งต่อเนอ่ื งจนเตม็ ดวง จากนั้นรปู รา่ งปรากฏของดวง จันทรจ์ ะแหว่ง และมขี นาดลดลงอยา่ งต่อเนอ่ื งจน มองไม่เหน็ ดวงจนั ทร์ จากนนั้ รูปร่างปรากฏของดวงจันทร์ จะเปน็ เสยี้ วใหญ่ขนึ้ จนเตม็ ดวง อีก ครง้ั การเปลีย่ นแปลงเช่นน้เี ปน็ แบบ รปู ซ้ากันทุกเดอื น

ท่ี ชื่อหนว่ ย มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ เวลา น้าหนกั ๙ ดาวในระบบสรุ ยิ ะ / ตวั ช้ีวดั ( ชั่วโมง ) คะแนน ( 100 ) ๑0 ขั้นตอนวธิ กี าร แก้ปญั หา ว ๓.๑ ป.๔/๓ • ระบบสรุ ยิ ะเป็นระบบที่มีดวง ๖ ๕ ว ๔.๒ ป.๔/๑ อาทิตยเ์ ปน็ ศูนย์กลางและมี ๔ ๕ บรวิ ารประกอบด้วย ดาว เคราะหแ์ ปดดวง และบรวิ าร ซง่ึ ดาวเคราะห์แต่ละดวงมขี นาด และระยะห่างจากดวงอาทิตย์ แตกตา่ งกัน และ ยังประกอบดว้ ย ดาวเคราะห์ แคระ ดาวเคราะหน์ อ้ ย ดาว หาง และวตั ถุขนาดเลก็ อืน่ ๆ โคจรอยรู่ อบดวงอาทติ ย์ วัตถุ ขนาดเลก็ อนื่ ๆ เมื่อเขา้ มาในชน้ั บรรยากาศเนอื่ งจากแรงโน้ม ถว่ งของโลก ทาใหเ้ กดิ เปน็ ดาว ตกหรือผีพงุ่ ไต้และอกุ กาบาต • การใช้เหตผุ ลเชิงตรรกะเปน็ การนากฎเกณฑ์ หรอื เงื่อนไขท่ี ครอบคลุมทกุ กรณีมาใช้ พจิ ารณาในการแก้ปัญหา การ อธิบายการทางาน หรอื การ คาดการณ์ผลลัพธ์ • สถานะเริม่ ต้นของการทางาน ทแ่ี ตกต่างกนั จะใหผ้ ลลัพธ์ท่ี แตกต่างกัน • ตัวอย่างปญั หา เช่น เกม OX โปรแกรมทีม่ กี ารคานวณ โปรแกรมทีม่ ตี ัวละครหลายตวั และมกี ารสั่งงานท่แี ตกตา่ งหรือ มกี ารส่ือสารระหวา่ งกัน การ เดินทางไปโรงเรยี น โดยวธิ ีการ ต่าง ๆ

ที่ ชื่อหนว่ ย มาตรฐานการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ เวลา นา้ หนัก ๑๑ การเขียนโปรแกรม / ตวั ชี้วดั ( ชั่วโมง ) คะแนน ( 100 ) ๑๒ การใชง้ าน อนิ เทอรเ์ น็ต ว ๔.๒ ป.๔/๒ • การออกแบบโปรแกรมอยา่ งง่าย ๕ ๕ ว ๔.๒ ป.๔/๓ เช่น การออกแบบโดยใช้ ๔ ๕ storyboard หรือการออกแบบ อลั กอริทึม • การเขยี นโปรแกรมเปน็ การสร้าง ลาดับของคาสัง่ ให้คอมพวิ เตอร์ ทางาน เพ่ือให้ได้ผลลพั ธต์ าม ความ ตอ้ งการ หากมขี ้อผิดพลาดให้ ตรวจสอบ การทางานทลี ะคาส่ัง เม่อื พบจุดทีท่ าใหผ้ ลลัพธ์ ไม่ถูกต้อง ให้ ทาการแกไ้ ขจนกวา่ จะได้ผลลัพธ์ท่ี ถกู ต้อง • ตวั อยา่ งโปรแกรมทม่ี เี รื่องราว เชน่ นทิ านท่มี ี การโตต้ อบกับผใู้ ช้ การต์ นู สั้น เล่า กจิ วัตรประจาวัน ภาพเคลื่อนไหว • การฝกึ ตรวจหาข้อผิดพลาดจาก โปรแกรมของผอู้ นื่ จะชว่ ยพฒั นา ทักษะการหาสาเหตุของปญั หาได้ดี ยิ่งขน้ึ • ซอฟต์แวรท์ ใ่ี ช้ในการเขยี นโปรแกรม เช่น Scratch, logo • การใช้คาค้นทตี่ รงประเด็น กระชบั จะทาใหไ้ ด้ ผลลพั ธ์ที่รวดเร็วและ ตรงตามความต้องการ • การประเมนิ ความนา่ เช่ือถอื ของ ขอ้ มูล เช่น พจิ ารณาประเภทของ เว็บไซต์ (หน่วยงานราชการ สานกั ข่าว องคก์ ร) ผ้เู ขยี น วนั ทเี่ ผยแพร่ ขอ้ มูล การอา้ งองิ • เมอ่ื ได้ข้อมูลท่ีตอ้ งการจากเวบ็ ไซต์ ต่าง ๆ จะตอ้ งนาเนอื้ หามาพิจารณา เปรียบเทยี บ แล้วเลือกขอ้ มูลท่ีมี ความสอดคลอ้ งและสัมพันธก์ นั • การทารายงานหรือการนาเสนอ ขอ้ มูลจะต้องนาขอ้ มลู มาเรียบเรยี ง สรุป เป็นภาษาของตนเอง ที่ เหมาะสมกับกล่มุ เปา้ หมายและ วธิ กี ารนาเสนอ (บูรณาการกบั วชิ า ภาษาไทย)

ท่ี ช่ือหน่วย มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ น้าหนัก / ตวั ชวี้ ัด เวลา คะแนน ( ชวั่ โมง ) ( 100 ) ๑๓ การนาเสนอข้อมลู ว ๔.๒ ป.๔/๔ • การรวบรวมขอ้ มูล ทาไดโ้ ดย ๕ ๕ ดว้ ยซอฟตแ์ วร์ กาหนดหัวข้อท่ตี อ้ งการ เตรยี ม อุปกรณใ์ นการจดบนั ทึก • การประมวลผลอยา่ งงา่ ย เช่น เปรียบเทยี บ จัดกลมุ่ เรยี งลาดบั การหา ผลรวมวเิ คราะหผ์ ลและสร้าง ทางเลือกท่เี ป็นไปได้ ประเมนิ ทางเลอื ก (เปรียบเทยี บ ตดั สนิ ) • การนาเสนอขอ้ มลู ทาไดห้ ลาย ลกั ษณะตามความเหมาะสม เชน่ การบอกเลา่ เอกสารรายงาน โปสเตอร์ โปรแกรมนาเสนอ • การใช้ซอฟตแ์ วรเ์ พือ่ แกป้ ญั หาในชวี ิตประจาวนั เชน่ การสารวจเมนอู าหารกลางวนั โดยใชซ้ อฟต์แวรส์ รา้ ง แบบสอบถามและเก็บข้อมลู ใช้ ซอฟตแ์ วรต์ ารางทางานเพ่ือ ประมวลผลขอ้ มูล รวบรวม ข้อมูลเก่ยี วกับคุณคา่ ทาง โภชนาการและสร้างรายการ อาหารสาหรับ ๕ วนั ใช้ ซอฟตแ์ วร์นาเสนอผลการ สารวจรายการอาหารท่เี ป็น ทางเลอื กและขอ้ มูลดา้ น โภชนาการ

ท่ี ชอ่ื หน่วย มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ เวลา นา้ หนกั / ตวั ชว้ี ดั ( ชัว่ โมง ) คะแนน ๑๔ การใชเ้ ทคโนโลยี ( 100 ) อยา่ งปลอดภัย ว ๔.๒ ป.๔/๕ • การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ๔ อย่างปลอดภัย เขา้ ใจสทิ ธิและ ๕ หน้าทขี่ องตน เคารพในสทิ ธิ ๒ ของผอู้ นื่ เช่น ไมส่ ร้างขอ้ ความ 80 10 เท็จและสง่ ใหผ้ อู้ ่นื ไม่สรา้ ง 100 ความเดือดร้อนตอ่ ผอู้ นื่ โดยการ ส่งสแปมข้อความลูกโซ่ ส่งตอ่ โพสตท์ ม่ี ีข้อมลู ส่วนตวั ของผอู้ นื่ ส่งคาเชญิ เล่นเกม ไม่เข้าถงึ ข้อมูลส่วนตวั หรอื การบา้ นของ บุคคลอ่ืนโดยไม่ได้รับอนญุ าต ไมใ่ ช้เคร่อื งคอมพวิ เตอร์/ช่ือ บัญชีของผ้อู น่ื • การส่อื สารอย่างมีมารยาท และรกู้ าลเทศะ • การปกปอ้ งขอ้ มูลส่วนตวั เชน่ การออกจากระบบเมอ่ื เลิกใช้ งาน ไม่บอกรหสั ผ่าน ไม่บอก เลขประจาตวั ประชาชน สรุป ทบทวน ภาคเรยี นที่ ๒ รวมท้งั สน้ิ ตลอดปี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook