Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรรายวิชาภาษาไทย

หลักสูตรรายวิชาภาษาไทย

Published by Koon Kru Ter ST, 2021-05-25 05:17:13

Description: หลักสูตรรายวิชาภาษาไทย

Search

Read the Text Version

คำนำ ด้วยกระทรวงศึกษาธิการได้มีคาส่ังให้ใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ในโรงเรียนพร้อมการใช้หลักสูตร ในปีการศกึ ษา 2553 และใช้ในโรงเรียนทั่วประเทศ ในปีการศึกษา 2553 ซ่ึงโรงเรียนบา้ นวังปนื จงึ ดาเนินการจัดทาหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 หลักสูตร สาระการเรียนรู้แกนกลางของกลุม่ สาระการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระ ซึ่งหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ว่า ด้วยเร่ืองของทักษะท่ีต้องฝึกฝน จนเกิดความชานาญในการใช้ภาษาเพื่อการส่ือสาร การเรียนรู้อย่างมี ประสิทธภิ าพ และเพือ่ นาไปใชใ้ นชวี ติ จริง โรงเรียนบ้านวังปืน โดยความร่วมมือของกับคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และคณะครู ได้ จัดทาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน ให้มีความสมบูรณ์และเหมาะสมสาหรับการจัดการเรียนการสอน สามารถพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัดท่ีกาหนดในหลกั สูตรแกนกลางการศึกษา ข้นั พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 พ.ศ. 2553 ขอขอบพระคุณคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐานโรงเรียนบ้านวังปืน และคณะครูท่ีทาให้หลักสูตร สถานศึกษาขั้นพ้ืนฐานฉบับนี้สาเร็จไปด้วยดี หวังว่าหลักสูตรสถานศึกษาฉบับนี้ คงจะเป็นประโยชน์ต่อครูผู้สอน ประวตั ศิ าสตรแ์ ละผ้สู นใจในการจัดการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐานต่อไป โรงเรียนบา้ นวังปืน

สำรบัญ หนำ้ 1 คำนำ 1 สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น 2 คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 2 สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ 4 คุณภาพผเู้ รยี น โครงสรา้ งหลกั สูตรสถานศึกษา 5 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 6 11 คาอธบิ ายรายวชิ า ตวั ชว้ี ัดและสาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง 22 โครงสร้างรายวิชา 23 ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 2 29 คาอธิบายรายวชิ า ตัวชว้ี ัดและสาระการเรยี นรู้แกนกลาง 36 โครงสร้างรายวชิ า 37 ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 3 44 คาอธิบายรายวิชา ตวั ชว้ี ัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง 51 โครงสร้างรายวิชา 52 ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 57 คาอธบิ ายรายวิชา ตัวชี้วัดและสาระการเรียนร้แู กนกลาง 65 โครงสรา้ งรายวชิ า 66 ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 5 72 คาอธิบายรายวชิ า ตัวชี้วัดและสาระการเรยี นรู้แกนกลาง 80 โครงสรา้ งรายวชิ า 81 ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 6 92 คาอธบิ ายรายวิชา ตวั ชวี้ ัดและสาระการเรยี นรู้แกนกลาง โครงสร้างรายวิชา

๑ กลุ่มสำระกำรเรียนร้ภู ำษำไทย สมรรถนะทสี่ ำคัญของผ้เู รียน 1. ควำมสำมำรถในกำรสื่อสำร มีความรู้ทางวิชาการ สามารถในการรับและส่งสาร ท่ีใช้ถ่ายทอด ความคิด ความรู้ ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพ่ือแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและประสบการณ์ อนั จะเปน็ ประโยชน์ตอ่ การพัฒนาตนเองและสังคม รวมท้งั การเจรจาต่อรองเพ่ือขจัดและลดปัญหาความขัดแย้ง ตา่ งๆ การเลือกรบั หรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจนการเลือกใช้วิธีการส่ือสาร ทม่ี ปี ระสทิ ธิภาพโดยคานึงถงึ ผลกระทบที่มตี อ่ ตนเองและสงั คม 2. ควำมสำมำรถในกำรคิด มีทักษะกระบวนการคิด สามารถคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การ คิดอย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพ่ือนาไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือ สารสนเทศเพื่อการตัดสินใจเกยี่ วกบั ตนเองและสังคมได้อย่างเหมาะสม 3. ควำมสำมำรถในกำรแก้ปัญหำ มีจิตสานึกด้านคุณธรรม สามารถแก้ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่เผชิญได้อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจสัมพันธ์และ การเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่างๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกันและแก้ไข ปญั หา และมีการตดั สนิ ใจทีม่ ีประสทิ ธิภาพโดยคานึงถึงผลกระทบที่เกดิ ขึ้นต่อตนเอง สงั คมและส่ิงแวดลอ้ ม 4. ควำมสำมำรถในกำรใช้ทักษะชีวิต ปฏิบัติตามระเบียบวินัย รักษาไว้ซ่ึงวัฒนธรรม นาชุมชน ร่วมดาเนินการ สืบสานภูมิปัญญาไทย ร่วมใจอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อม ยึดวิถีประชาธิปไตย มีพลานามัยสมบูรณ์ สามารถในการนากระบวนการตา่ งๆ ไปใชใ้ นการดาเนินชวี ิตประจาวนั การเรียนร้ดู ว้ ยตนเอง การเรียนรู้ อยา่ งต่อเนอ่ื ง การทางาน และการอยรู่ ่วมกนั ในสงั คมด้วยการสร้างเสรมิ ความสัมพันธ์อนั ดรี ะหว่างบุคคล การจดั การปญั หาและความขัดแย้งต่างๆ อย่างเหมาะสม การปรับตวั ใหท้ นั กับการเปลี่ยนแปลงของสงั คมและ สภาพแวดลอ้ ม และการรจู้ ักหลกี เลยี่ งพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ท่สี ง่ ผลกระทบต่อตนเองและผูอ้ ืน่ 5. ควำมสำมำรถในกำรใชเ้ ทคโนโลยี พร้อมดว้ ยเทคโนโลยี สามารถในการเลอื ก และใช้เทคโนโลยี ด้านต่างๆ และมที ักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพ่ือการพฒั นาตนเองและสงั คม ในด้านการเรยี นรู้ การสื่อสาร การทางาน การแกป้ ัญหาอย่างสร้างสรรค์ ถูกต้อง เหมาะสม และมีคุณธรรม คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2. ซือ่ สตั ยส์ จุ รติ 3. มวี ินัย 4.ใฝเ่ รยี นรู้ 5. อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง 6. ม่งุ มัน่ ในการทางาน 7. รักความเปน็ ไทย 8. มีจิตสาธารณะ

๒ สำระและมำตรฐำนกำรเรียนรู้ สำระที่ 1 กำรอำ่ น มาตรฐาน ท 1.1 ใช้กระบวนการอา่ นสรา้ งความรู้และความคดิ เพอ่ื นาไปใชต้ ัดสินใจ แก้ปญั หาในการดาเนิน ชวี ติ และมีนสิ ัยรกั การอา่ น สำระที่ 2 กำรเขียน มาตรฐาน ท 2.1 ใช้กระบวนการเขยี นเขียนสื่อสาร เขยี นเรยี งความ ยอ่ ความ และเขียนเรือ่ งราวในรูปแบบตา่ งๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ คว้าอย่าง มปี ระสิทธภิ าพ สำระที่ 3 กำรฟัง กำรดู และกำรพูด มาตรฐาน ท 3.1 สามารถเลอื กฟงั และดูอยา่ งมีวจิ ารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคดิ และ ความรสู้ กึ ในโอกาสตา่ งๆ อย่างมีวจิ ารณญาณและสรา้ งสรรค์ สำระที่ 4 หลักกำรใช้ภำษำไทย มาตรฐาน ท 4.1 เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษาและพลังของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบตั ิของชาติ สำระท่ี 5 วรรณคดีและวรรณกรรม มาตรฐาน ท 5.1 เข้าใจและแสดงความคดิ เห็น วจิ ารณว์ รรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอยา่ งเหน็ คณุ ค่าและ นามาประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ จริง คุณภำพผ้เู รยี น จบช้ันประถมศกึ ษำปีที่ 3  อา่ นออกเสียงคา คาคล้องจอง ข้อความ เร่ืองสั้นๆ และบทร้อยกรองง่ายๆ ได้ถูกต้องคล่องแคล่ว เข้าใจความหมายของคาและข้อความท่ีอ่าน ตั้งคาถามเชิงเหตุผล ลาดับเหตุการณ์ คาดคะเนเหตุการณ์ สรุปความรู้ข้อคิดจากเรื่องที่อ่าน ปฏิบัติตามคาส่ัง คาอธิบายจากเรื่องท่ีอ่านได้ เข้าใจความหมายของข้อมูล จากแผนภาพ แผนที่ และแผนภูมิ อ่านหนงั สืออย่างสม่าเสมอ และ มมี ารยาทในการอา่ น  มีทักษะในการคัดลายมือตัวบรรจงเต็มบรรทัด เขียนบรรยาย บันทึกประจาวัน เขียนจดหมายลาครู เขยี นเร่อื งเกีย่ วกบั ประสบการณ์ เขยี นเรื่องตามจินตนาการและมมี ารยาทในการเขียน  เล่ารายละเอียดและบอกสาระสาคัญ ตั้งคาถาม ตอบคาถาม รวมทั้งพูดแสดงความคิด ความรู้สึกเก่ียวกับเรื่องท่ีฟังและดู พูดสื่อสารเล่าประสบการณ์และพูดแนะนา หรือพูดเชิญชวนให้ผู้อื่นปฏิบัติ ตามและมมี ารยาทในการฟงั ดู และพูด  สะกดคาและเข้าใจความหมายของคา ความแตกต่างของคาและพยางค์ หน้าท่ีของคา ในประโยค มีทักษะการใช้พจนานุกรมในการค้นหาความหมายของคา แตง่ ประโยคง่ายๆ แต่งคาคล้องจอง แต่งคาขวัญ และ เลือกใชภ้ าษาไทยมาตรฐานและภาษาถิน่ ไดเ้ หมาะสมกับกาลเทศะ  เข้าใจและสามารถสรุปข้อคิดท่ีได้จากการอ่านวรรณคดีและวรรณกรรมเพ่ือนาไปใช้ใน ชีวิตประจาวนั แสดงความคิดเห็นจากวรรณคดีท่ีอา่ น รู้จักเพลงพ้นื บ้าน เพลงกล่อมเด็ก ซ่ึงเป็นวัฒนธรรมของ ท้องถ่ิน รอ้ งบทร้องเลน่ สาหรับเด็กในท้องถน่ิ ท่องจาบทอาขยานและบทร้อยกรอง ที่มีคณุ ค่าตามความสนใจได้

๓ จบชัน้ ประถมศึกษำปีท่ี 6  อ่านออกเสยี งบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองเปน็ ทานองเสนาะได้ถูกต้อง อธบิ ายความหมายโดยตรง และความหมายโดยนัยของคา ประโยค ข้อความ สานวนโวหาร จากเร่ืองที่อ่าน เขา้ ใจคาแนะนา คาอธิบาย ในค่มู ือตา่ งๆ แยกแยะข้อคิดเหน็ และข้อเท็จจรงิ รวมทง้ั จบั ใจความสาคัญของเร่ืองทอ่ี า่ นและนาความรู้ความคิด จากเรื่องท่ีอ่านไปตดั สินใจแก้ปัญหาในการดาเนนิ ชีวติ ได้ มีมารยาทและมีนิสัยรักการอ่าน และเหน็ คณุ คา่ ส่ิงทีอ่ ่าน  มีทักษะในการคัดลายมือตัวบรรจงเต็มบรรทัดและครงึ่ บรรทัด เขียนสะกดคา แต่งประโยคและเขยี น ขอ้ ความ ตลอดจนเขียนสื่อสารโดยใชถ้ อ้ ยคาชัดเจนเหมาะสม ใชแ้ ผนภาพ โครงเร่ืองและแผนภาพความคิด เพื่อ พฒั นางานเขียน เขียนเรยี งความ ยอ่ ความ จดหมายส่วนตัว กรอกแบบรายการต่างๆ เขียนแสดงความร้สู ึกและ ความคิดเหน็ เขยี นเร่ืองตามจนิ ตนาการอย่างสร้างสรรค์ และมีมารยาทในการเขยี น  พูดแสดงความรู้ ความคิดเกยี่ วกับเรือ่ งที่ฟงั และดู เล่าเร่ืองย่อหรือสรุปจากเร่ืองท่ีฟงั และดู ตง้ั คาถาม ตอบคาถามจากเรื่องท่ีฟังและดู รวมท้ังประเมินความน่าเชื่อถือจากการฟังและดูโฆษณาอย่างมีเหตุผลพูด ตามลาดบั ขนั้ ตอนเรื่องตา่ งๆ อย่างชัดเจน พูดรายงานหรือประเด็นคน้ คว้าจาก การฟงั การดู การสนทนา และ พูดโนม้ นา้ วได้อย่างมีเหตผุ ล รวมท้งั มมี ารยาทในการดูและพูด  สะกดคาและเข้าใจความหมายของคา สานวน คาพังเพยและสภุ าษิต รู้และเข้าใจชนดิ และหน้าท่ี ของคาในประโยค ชนิดของประโยค และคาภาษาตา่ งประเทศในภาษาไทย ใช้คาราชาศพั ท์และคาสุภาพได้ อยา่ งเหมาะสม แต่งประโยค แต่งบทร้อยกรองประเภทกลอนส่ี กลอนสุภาพ และกาพย์ยานี 11  เข้าใจและเห็นคุณค่าวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน เล่านิทานพ้ืนบ้าน ร้องเพลงพื้นบ้าน ของท้องถิ่น นาข้อคดิ เหน็ จากเรอ่ื งที่อา่ นไปประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ติ จริง และทอ่ งจาบทอาขยานตามท่ีกาหนดได้

๔ โครงสรำ้ งเวลำเรียนของหลักสูตรโรงเรียนบำ้ นวังปืน พุทธศักรำช 2561 ตำมหลกั สูตรแกนกลำงกำรศึกษำข้ันพื้นฐำน พทุ ธศักรำช 2551 ชนั้ ประถมศกึ ษำปที ่ี 1-6 กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ / กจิ กรรม ป.1 ป.2 เวลำเรยี น / ปี ป.6 ป.3 ป.4 ป.5 กล่มุ สำระกำรเรียนรู้ 200 200 200 160 160 160 - ภาษาไทย 200 200 200 160 160 160 - คณิตศาสตร์ 80 80 80 80 80 80 - วทิ ยาศาสตร์ 120 120 120 120 120 120 - สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม (40) (40) (40) (40) (40) (40) 1) ประวตั ิศาสตร์ (80) (80) (80) (80) (80) (80) 2) ศาสนา ศีลธรรม จรยิ ธรรม 3) หนา้ ท่พี ลเมอื ง วัฒนธรรมและการดาเนินชวี ติ 40 40 40 80 80 80 4) เศรษฐศาสตร์ 40 40 40 80 80 80 5) ภมู ศิ าสตร์ 40 40 40 80 80 80 - สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา 120 120 120 80 80 80 - ศิลปะ 840 840 840 840 840 840 - การงานอาชีพและเทคโนโลยี - ภาษาตา่ งประเทศ 40 40 40 40 40 40 รวมเวลำเรยี นพนื้ ฐำน 40 40 40 40 40 40 40 40 40 40 40 40 กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น (10) (10) (10) (10) (10) (10) 120 120 120 120 120 120 - กิจกรรมแนะแนว - กจิ กรรมนกั เรียน 80 - - - - - - 80 - - - - 1. ลกู เสอื – เนตรนารี - - 80 - - - 2. ชมุ นมุ - - - 80 - - - กจิ กรรมเพ่อื สงั คมและสาธารณประโยชน์ - - - - 80 - - - - - - 80 รวมเวลำเรียนกจิ กรรมพัฒนำผ้เู รยี น 80 80 80 80 80 80 รำยวิชำเพ่มิ เตมิ 1,040 1,040 1,040 1,040 1,040 1,040 - ภาษาอังกฤษเพื่อการสอื่ สาร 1 - ภาษาอังกฤษเพอ่ื การสอื่ สาร 2 - ภาษาองั กฤษเพอ่ื การสื่อสาร 3 - คอมพิวเตอร์ในชวี ติ ประจาวัน 1 - คอมพิวเตอร์ในชวี ิตประจาวัน 2 - คอมพิวเตอรใ์ นชีวติ ประจาวนั 3 รวมเวลำเรียนเพ่ิมเตมิ รวมเวลาเรยี น / ปี

๕ คำอธิบำยรำยวิชำ ท 1๑102 ภำษำไทย กลุม่ สำระกำรเรียนรภู้ ำษำไทย ชนั้ ประถมศึกษำปที ี่ ๑ เวลำ ๒๐0 ชั่วโมง บอกความหมายของคา ข้อความท่ีอา่ น ความหมายของเคร่ืองหมายหรือสัญลักษณ์สาคัญท่ีมักพบเห็น ในชีวิตประจาวัน บอกและเขียนพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์และเลขไทย ข้อคิดท่ีได้จากการอ่านหรือการฟัง วรรณกรรมร้อยแก้วและรอ้ ยกรองสาหรับเด็ก ตอบคาถามเกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน ตอบคาถามและเล่าเรอื่ งที่ฟงั และ ดู ทั้งท่ีเปน็ ความรู้และความบนั เทิง เรยี บเรียงคาเป็นประโยคง่ายๆ ต่อคาคลอ้ งจองงา่ ยๆ อ่านออกเสียงคา คาคล้องจองและข้อความสั้นๆ อ่านหนังสือตามความสนใจอย่างสม่าเสมอ อ่านชื่อ ประเทศในกลุ่มอาเซียน และนาเสนอเร่ืองที่อ่าน เล่าเรื่องย่อจากเรื่องที่อ่าน คาดคะเนเหตผุ ล จากเรื่องทอ่ี ่าน คัดลายมือตัวบรรจงเต็มบรรทัด เขียนส่ือสารด้วยคาและประโยคง่ายๆ เขียนสะกดคา ฟังคาแนะนา คาสั่ง ง่ายๆ และปฏิบัติ พูดแสดงความคิดเห็นและความรู้สึกจากเรื่องท่ีฟังและดู พูดสื่อสารได้ตามวัตถุประสงค์ ทอ่ งจาบทอาขยานตามท่กี าหนดและบทรอ้ ยกรองตามความสนใจ มีมารยาทในการอ่าน การเขียน การฟัง การดูและการพูด และใช้ภาษาไทยใน ชีวิตประจาวัน ไดอ้ ย่างเหมาะสม รหสั ตวั ช้ีวดั ท 1.1 ป.1/1 , ป.1/2 , ป1/3 , ป.1/4 , ป.1/5 , ป.1/6 , ป.1/7 , ป.1/8 ท 2.1 ป.1/1 , ป.1/2 , ป1/3 ท 3.1 ป.1/1 , ป.1/2 , ป1/3 , ป.1/4 , ป.1/5 ท 4.1 ป.1/1 , ป.1/2 , ป1/3 , ป.1/4 ท 5.1 ป.1/1 , ป.1/2 รวมทั้งหมด 22 ตัวชี้วัด

๖ ตวั ชีว้ ัดและสำระกำรเรียนรู้แกนกลำง ชัน้ ประถมศึกษำปีท่ี 1 สำระที่ 1 กำรอ่ำน มำตรฐำน ตวั ช้ีวัด สำระกำรเรียนรูแ้ กนกลำง สำระกำรเรยี นรู้ท้องถ่นิ  การละเลน่ ของ ท 1.1ใช้ 1. อา่ นออกเสยี งคา  การอ่านออกเสียงและบอก เดก็ ไทยในท้องถิ่น กระบวนการอา่ น คาคลอ้ งจอง และ ความหมายของคา คาคล้องจอง สร้างความรแู้ ละ ขอ้ ความสั้นๆ และข้อความท่ปี ระกอบด้วย ความคดิ เพ่อื 2. บอกความหมาย คาพ้ืนฐาน คือ คาท่ีใช้ใน นาไปใช้ตดั สินใจ ของคาและข้อความ ชีวิตประจาวนั ไมน่ ้อยกว่า 600 คา แก้ปญั หาในการ ทอ่ี ่าน รวมทั้งคาท่ีใช้เรยี นรูใ้ นกลุ่มสาระ ดาเนนิ ชวี ติ และมี การเรียนรู้อน่ื ประกอบดว้ ย นสิ ยั รกั การอา่ น - คาทม่ี ีรปู วรรณยุกต์และไมม่ ีรปู วรรณยกุ ต์ - คาที่มีตัวสะกดตรงตามมาตรา และไม่ตรงตามมาตรา - คาที่มีพยัญชนะควบกล้า - คาทีม่ ีอักษรนา 3. ตอบคาถามเกย่ี วกับ  การอา่ นจบั ใจความจากสือ่ ตา่ งๆ เร่ืองท่ีอา่ น เช่น 4. เลา่ เรอื่ งย่อจากเร่ือง - นทิ าน ทอี่ า่ น - เรื่องสัน้ ๆ 5. คาดคะเนเหตุการณ์ - บทร้องเลน่ และบทเพลง จากเรอ่ื งทีอ่ า่ น -เรอื่ งราวจากบทเรียนในกลุ่ม สาระการเรียนรภู้ าษาไทยและกลุม่ สาระการเรยี นรู้อน่ื 6. อ่านหนงั สือตาม  การอ่านหนังสือตามความสนใจ เช่น ความสนใจอย่าง - หนงั สอื ทนี่ กั เรยี นสนใจและ สม่าเสมอและนาเสนอ เรื่องที่อ่าน เหมาะสมกับวัย - หนงั สือท่ีครูและนักเรียน กาหนดรว่ มกนั 7. บอกความหมาย  การอา่ นเคร่ืองหมายหรอื ของเครือ่ งหมาย หรือ สัญลกั ษณ์ ประกอบด้วย สญั ลกั ษณส์ าคัญท่มี ัก พบเห็นในชวี ิต - เครอื่ งหมายสัญลกั ษณ์ต่างๆ ประจาวัน ทพ่ี บเหน็ ในชีวติ ประจาวนั - เครื่องหมายแสดงความ ปลอดภยั และแสดงอนั ตราย

๗ มำตรฐำน ตวั ชีว้ ัด สำระกำรเรยี นรแู้ กนกลำง สำระกำรเรียนรทู้ ้องถ่ิน 8. มีมารยาท ในการ  มารยาทในการอ่าน เช่น - ไม่อ่านเสียงดงั รบกวนผู้อ่ืน - ไมเ่ ลน่ กันขณะท่อี ่าน - ไม่ทาลายหนังสือ สำระท่ี 2 กำรเขยี น มำตรฐำน ตัวชีว้ ัด สำระกำรเรียนร้แู กนกลำง สำระกำรเรยี นรู้ท้องถิ่น ท 2.1 ใช้ 1. คดั ลายมอื ตวั บรรจง  การคดั ลายมือตวั บรรจงเตม็ กระบวนการ เขียนเขยี นเขียน เตม็ บรรทัด บรรทัดตามรูปแบบการเขียนตวั ส่ือสาร เขยี น เรียงความ ย่อ อักษรไทย ความและเขยี น เร่อื งราวใน 2. เขียนส่ือสารด้วยคา  การเขยี นสอ่ื สาร รูปแบบต่างๆ และประโยคง่ายๆ เขียนรายงาน - คาทใ่ี ช้ในชีวิตประจาวัน ข้อมูลสารสนเทศ และรายงาน - คาพน้ื ฐานในบทเรียน การศึกษาค้นควา้ อยา่ งมี - คาคลอ้ งจอง ประสิทธภิ าพ - ประโยคง่ายๆ 3. มมี ารยาทในการ  มารยาทในการเขยี น เชน่ เขยี น - เขยี นใหอ้ า่ นง่าย สะอาด ไม่ขดี ฆา่ - ไมข่ ีดเขียนในที่สาธารณะ - ใช้ภาษาเขียนเหมาะสมกับเวลา สถานท่ี และบุคคล

๘ สำระที่ 3 กำรฟัง กำรดู และกำรพดู มำตรฐำน ตวั ช้ีวดั สำระกำรเรียนรแู้ กนกลำง สำระกำรเรียนรทู้ อ้ งถิ่น  การฟังและปฏิบตั ิตามคาแนะนา ท 3.1 สามารถ 1. ฟังคาแนะนา คาสัง่ คาส่งั งา่ ยๆ เลือกฟงั และดู งา่ ยๆ และปฏิบตั ิตาม  การจบั ใจความและพูดแสดง อยา่ งมี 2. ตอบคาถามและเลา่ ความคดิ เหน็ ความรู้สึกจากเร่ือง วจิ ารณญาณและ เร่ืองท่ีฟงั และดู ทง้ั ท่ี ทีฟ่ งั และดู ท้งั ทเี่ ปน็ ความรู้และ พูดแสดงความรู้ เป็นความรูแ้ ละ ความบันเทิง เช่น ความคดิ และ ความบนั เทงิ ความรสู้ กึ ใน 3. พูดแสดงความ - เรือ่ งเลา่ และสารคดสี าหรบั เด็ก โอกาสตา่ งๆอย่าง คิดเห็นและความรสู้ กึ - นทิ าน มีวจิ ารณญาณ จากเรอื่ งทีฟ่ งั และดู - การต์ นู และสรา้ งสรรค์ - เรื่องขบขนั 4. พดู ส่อื สารไดต้ าม  การพดู สื่อสารในชีวิตประจาวัน วัตถุประสงค์ เชน่ - การแนะนาตนเอง - การขอความช่วยเหลอื - การกลา่ วคาขอบคุณ - การกล่าวคาขอโทษ 5. มีมารยาทในการฟัง  มารยาทในการฟงั เช่น การดู และการพูด - ตัง้ ใจฟัง ตามองผู้พูด - ไม่รบกวนผ้อู น่ื ขณะที่ฟัง - ไมค่ วรนาอาหารหรือเครื่องดมื่ ไปรับประทานขณะท่ีฟงั - ให้เกียรติผู้พูดดว้ ยการปรบมอื - ไมพ่ ดู สอดแทรกขณะทฟ่ี งั  มารยาทในการดู เช่น - ต้ังใจดู - ไม่สง่ เสยี งดังหรอื แสดงอาการ รบกวนสมาธขิ องผู้อ่นื  มารยาทในการพูด เช่น - ใชถ้ ้อยคาและกริ ิยาทส่ี ภุ าพ เหมาะสมกับกาลเทศะ - ใช้นา้ เสียงน่มุ นวล - ไม่พดู สอดแทรกในขณะท่ีผอู้ ื่น กาลงั พดู

๙ สำระที่ 4 หลกั กำรใชภ้ ำษำไทย มำตรฐำน ตวั ช้ีวดั สำระกำรเรยี นรแู้ กนกลำง สำระกำรเรียนรู้ทอ้ งถิ่น 1. บอกและเขียน  พยญั ชนะ สระ และวรรณยุกต์ ท 4.1 เข้าใจ พยัญชนะ สระ  เลขไทย ธรรมชาตขิ อง วรรณยุกต์ และ ภาษาและหลัก เลขไทย  การสะกดคา การแจกลูก และ ภาษาไทย การอา่ นเป็นคา การเปลีย่ นแปลง 2. เขยี นสะกดคาและ  มาตราตัวสะกดทตี่ รงตามมาตรา ของภาษาและ บอกความหมาย และไม่ตรงตามมาตรา พลังของภาษา ของคา  การผนั คา ภูมิปญั ญาทาง  ความหมายของคา ภาษาและรักษา ภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบตั ิของชาติ 3. เรยี บเรยี งคาเปน็  การแต่งประโยค ประโยคงา่ ย ๆ 4. ตอ่ คาคลอ้ งจอง  คาคลอ้ งจอง ง่ายๆ

๑๐ สำระท่ี 5 วรรณคดแี ละวรรณกรรม มำตรฐำน ตวั ช้วี ัด สำระกำรเรียนร้แู กนกลำง สำระกำรเรียนร้ทู อ้ งถน่ิ ท 5.1 เข้าใจ 1. บอกข้อคิดที่ได้  วรรณกรรมรอ้ ยแก้วและ และแสดงความ คิดเห็น วิจารณ์ จากการอ่านหรือการฟัง ร้อยกรองสาหรับเดก็ เช่น วรรณคดีและ วรรณกรรมไทย วรรณกรรมร้อยแก้ว - นทิ าน อย่างเหน็ คุณค่า และนามา และรอ้ ยกรองสาหรับ - เรื่องสนั้ ง่ายๆ ประยุกตใ์ ชใ้ น ชวี ิตจริง เด็ก - ปริศนาคาทาย - บทรอ้ งเลน่ - บทอาขยาน - บทรอ้ ยกรอง - วรรณคดแี ละวรรณกรรม ในบทเรยี น 2. ทอ่ งจาบทอาขยาน  บทอาขยานและบทร้อยกรอง ตามที่กาหนด และ - บทอาขยานตามท่ีกาหนด บทร้อยกรองตาม - บทร้อยกรองตามความสนใจ ความสนใจ

๑๑ โครงสรำ้ งรำยวิชำ รำยวชิ ำ ภำษำไทย ชน้ั ประถมศกึ ษำปีท่ี 1 รหสั ท 11101 เวลำ ๒๐0 ชัว่ โมง /ปี หนว่ ย ชือ่ หน่วย มำตรฐำนกำร สำระกำรเรยี นรู้ เวลำ น้ำหนกั ท่ี เรียนรู้/ ตวั ช้ีวดั (ชวั่ โมง) คะแนน ตวั อกั ษรเปน็ เคร่อื งหมายที่ใช้ (100) ๑ เตรยี มพร้อมดีไมม่ ี ท ๔.๑ ป.๑/๑ แทนเสียง ตัวอกั ษรไทยมี ๖ ปญั หา พยัญชนะ สระ วรรณยกุ ต์ 3 ท ๑.๑ ป.๑/๑, และเลขไทย ซึง่ พยญั ชนะ ๕ ๒ สระ -า ท ๑.๑ ป.๑/๒ สระ และวรรณยุกต์ใชป้ ระสม 2 ท ๒.๑ ป.๑/๑ คาให้มีความหมาย ๕ ๓ สระ - ท ๒.๑ ป.๑/๒ สระ -า ออกเสยี งอา เป็น 2 ท ๔.๑ ป.๑/๒ สระเสียงยาว เขียนไวข้ า้ งหลัง ๔ ๔ สระ -ู ท ๑.๑ ป.๑/๑ พยญั ชนะตน้ คาทใี่ ชส้ ื่อสาร 2 ท ๒.๑ ป.๑/๒ ในชีวติ ประจาวนั มีคาที่ ๕ ๕ สระ เ- ท ๒.๑ ป.๑/๑ ประสมดว้ ยสระ -า 2 ท ๒.๑ ป.๑/๒ คาสระ - ี ออกเสยี ง อี เป็น ท ๔.๑ ป.๑/๒ สระเสยี งยาว เขียนไวข้ า้ งบน ท ๑.๑ ป.๑/๑ พยญั ชนะต้น คาทใี่ ช้สอ่ื สาร ท ๑.๑ ป.๑/๒ ในชวี ิตประจาวัน มคี าท่ี ท ๒.๑ ป.๑/๑ ประสมด้วยสระ - ี ท ๒.๑ ป.๑/๒ สระ -ู ออกเสยี ง อู เป็นสระ ท ๔.๑ ป.๑/๒ เสยี งยาว เขยี นไว้ข้างลา่ ง ท ๑.๑ ป.๑/๑ พยัญชนะตน้ คาท่ใี ช้ใน ท ๑.๑ ป.๑/๒ ชวี ิตประจาวนั มีคาทป่ี ระสม ท ๒.๑ ป.๑/๑ ด้วย สระ -ู ท ๒.๑ป.๑/๒ สระ เ- ออกเสยี ง เอ เปน็ สระ ท ๔.๑ ป.๑/๒ เสยี งยาว เขียนไวข้ า้ งหน้า พยญั ชนะต้น คาทใี่ ชใ้ น ชวี ติ ประจาวัน มคี าทีป่ ระสม ด้วย สระ เ-

๑๒ หน่วย ชอื่ หน่วย มำตรฐำนกำร สำระกำรเรียนรู้ เวลำ นำ้ หนัก ที่ เรยี นรู้/ ตวั ชี้วัด (ชั่วโมง) คะแนน (100) ท ๑.๑ ป.๑/๑ ๖ สระ แ- ท ๑.๑ ป.๑/๒ สระ แ- ออกเสยี ง แอ เปน็ ๕ 2 ท ๒.๑ ป.๑/๑ ท ๒.๑ ป.๑/๒ สระเสียงยาว เขยี นไวข้ า้ งหน้า ท ๔.๑ ป.๑/๒ พยัญชนะตน้ คาท่ใี ชใ้ น ชีวติ ประจาวันมีคาทีป่ ระสม ดว้ ยสระ แ- ๗ สระ โ- ท ๑.๑ ป.๑/๑ สระ โ- ออกเสียง โอ เป็นสระ ๕ 2 ๘ สระ -อ ท ๑.๑ ป.๑/๒ เสยี งยาว เขียนไวข้ ้างหน้า ๕ 2 ๙ สระ -ุ ท ๒.๑ ป.๑/๑ พยญั ชนะตน้ คาที่ใช้ใน ๔ 2 ๑๐ สระ - ิ ท ๒.๑ ป.๑/๒ ชวี ติ ประจาวนั มีคาทป่ี ระสม ๕ 2 ท ๔.๑ ป.๑/๒ ดว้ ยสระ โ- ท ๑.๑ ป.๑/๑ สระ -อ ออกเสยี ง ออ เป็น ท ๑.๑ ป.๑/๒ สระเสยี งยาว เขียนไว้ข้างหลงั ท ๒.๑ ป.๑/๑ พยัญชนะต้น คาทใี่ ชใ้ น ท ๒.๑ ป.๑/๒ ชวี ิตประจาวันมคี าทป่ี ระสม ท ๔.๑ ป.๑/๒ ดว้ ยสระ -อ ท ๑.๑ ป.๑/๑ สระ -ุ ออกเสียง อุ เป็นสระ ท ๑.๑ ป.๑/๒ เสยี งสนั้ เขยี นไวข้ ้างล่าง ท ๒.๑ ป.๑/๑ พยัญชนะตน้ คาที่ใช้ใน ท ๒.๑ ป.๑/๒ ชีวติ ประจาวันมคี าทป่ี ระสม ท ๔.๑ ป.๑/๒ ด้วย สระ - ุ ท ๑.๑ ป.๑/๑ สระ - ิ ออกเสยี ง อิ เปน็ สระ ท ๑.๑ ป.๑/๒ เสียงสัน้ เขียนไว้ขา้ งบน ท ๒.๑ ป.๑/๑ พยญั ชนะตน้ คาที่ใชใ้ น ท ๒.๑ ป.๑/๒ ชวี ติ ประจาวันมคี าทป่ี ระสม ท ๔.๑ ป.๑/๒ ดว้ ยสระ - ิ ๑๑ สระ - ึ ท ๑.๑ ป.๑/๑ สระ - ึ ออกเสียง อึ เป็นสระ ๔ 2 ท ๑.๑ ป.๑/๒ เสียงสนั้ เขียนไว้ขา้ งบน ท ๒.๑ ป.๑/๑ พยัญชนะตน้ คาท่ใี ชใ้ น ท ๒.๑ ป.๑/๒ ชีวิตประจาวนั มีคาที่ประสม ท ๔.๑ ป.๑/๒ ด้วยสระ - ึ

๑๓ หน่วย ช่อื หน่วย มำตรฐำนกำร สำระกำรเรียนรู้ เวลำ น้ำหนกั ที่ เรยี นรู้/ ตัวชี้วัด (ช่วั โมง) คะแนน สระ ไ- ออกเสียง ไอ ซ่งึ มี (100) ๑๒ สระ ไ- ไมม้ ลาย ท ๑.๑ ป.๑/๑ เสยี งเหมือนเสยี ง อะ ท่ีมี ย ๔ ท ๑.๑ ป.๑/๒ สะกด เป็นสระเสียงส้นั เขียน 2 ๑๓ สระ ใ- ไมม้ ว้ น ท ๒.๑ ป.๑/๑ ไวข้ ้างหน้าพยญั ชนะตน้ คาท่ี ๔ ๑๔ สระ - ื ท ๒.๑ ป.๑/๒ ใช้ในชวี ิตประจาวนั มคี าท่ี ๕ 2 ท ๔.๑ ป.๑/๒ ประสมดว้ ยสระ ไ- ๑๕ สระ - ำ สระ ใ- ออกเสียงเหมือน ๔ 2 ท ๑.๑ ป.๑/๑ สระ ไ- เปน็ สระเสียงส้ัน ๑๖ สระ เ-า ท ๑.๑ ป.๑/๒ เขยี นไว้ข้างหนา้ พยัญชนะต้น ๔ 2 ท ๒.๑ ป.๑/๑ คาที่ประสมด้วยสระ ใ- ที่ใช้ ท ๒.๑ ป.๑/๒ ในชีวติ ประจาวันมี ๒๐ คา 2 ท ๔.๑ ป.๑/๒ สระ - ื ออกเสยี ง อือ เปน็ ท ๑.๑ ป.๑/๑ สระเสียงยาว เขียนไว้ขา้ งบน ท ๑.๑ ป.๑/๒ พยัญชนะตน้ คาท่ีประสมด้วย ท ๒.๑ ป.๑/๑ เสยี ง อือ แต่ไม่มีตัวสะกดจะ ท ๒.๑ ป.๑/๒ ใชร้ ูป - ือ คาท่ใี ชใ้ น ท ๔.๑ ป.๑/๒ ชีวิตประจาวนั มีคาที่ประสม ด้วยสระ - ื และ - ือ ท ๑.๑ ป.๑/๑ สระ - ำ ออกเสยี ง อา ซง่ึ มี ท ๑.๑ ป.๑/๒ เสียงเหมือนเสยี ง อะ ที่มี ม ท ๒.๑ ป.๑/๑ สไะวก้ขด้างเบปนน็ สพรยะญั เสชียนงะสตัน้ ้น-เขแียลนะ ท ๒.๑ ป.๑/๒ เขยี น - า ไว้ ขา้ งหลัง ท ๔.๑ ป.๑/๒ พยญั ชนะตน้ คาท่ีใช้ใน ชีวิตประจาวันมคี าทปี่ ระสม ท ๑.๑ ป.๑/๑ ดว้ ยสระ -ำ ท ๑.๑ ป.๑/๒ สระ เ-า ออกเสยี ง เอา ซึง่ มี ท ๒.๑ ป.๑/๑ เสียงเหมือนเสียง อะ ท่ีมี ว ท ๒.๑ ป.๑/๒ สะกด เปน็ สระเสียงสัน้ เขียน ท ๔.๑ ป.๑/๒ เ- ไว้ขา้ งหน้าพยัญชนะตน้ และเขียน -า ไวข้ ้างหลัง พยญั ชนะต้น คาทีใ่ ช้ใน ชีวิตประจาวนั มคี าที่ประสม ด้วยสระ เ-า

๑๔ หน่วย ช่ือหน่วย มำตรฐำนกำร สำระกำรเรียนรู้ เวลำ น้ำหนัก ท่ี เรยี นรู้/ ตวั ช้ีวัด (ชวั่ โมง) คะแนน ท ๑.๑ ป.๑/๑ สระ เ-ีย ออกเสียง เอยี เป็น (100) ๑๗ สระ เ-ยี ท ๑.๑ ป.๑/๒ สระเสียงยาว เขยี น เ- ไว้ ๔ ท ๒.๑ ป.๑/๑ ข้างหนา้ พยัญชนะต้น เขียน - ี 2 ๑๘ สระ เ-อื ท ๒.๑ ป.๑/๒ ไวข้ า้ งบนพยญั ชนะตน้ และ ๔ ท ๔.๑ ป.๑/๒ เขียน -ย ไวข้ า้ งหลังพยัญชนะ 3 ๑๙ สระ - วั ต้น คาท่ใี ชใ้ นชีวิตประจาวัน ๕ ท ๑.๑ ป.๑/๑ มีคาทปี่ ระสมดว้ ยสระ เ-ีย 3 ๒๐ สระ - ะ ท ๑.๑ ป.๑/๒ สระ เ-อื ออกเสียง เออื เป็น ๕ ท ๒.๑ ป.๑/๑ สระเสยี งยาว เขยี น เ- ไว้ 3 ๒๑ สระ เ - ะ ท ๒.๑ ป.๑/๒ ขา้ งหน้าพยัญชนะตน้ เขยี น - ื ๕ ท ๔.๑ ป.๑/๒ ไวข้ ้างบนพยญั ชนะต้น และ 3 เขยี น -อ ไว้ขา้ งหลังพยญั ชนะ ท ๑.๑ ป.๑/๑ ต้น คาท่ีใชใ้ นชีวติ ประจาวันมี ท ๑.๑ ป.๑/๒ คาทป่ี ระสมด้วยสระ เ-อื ท ๒.๑ ป.๑/๑ สระ - ัว ออกเสียง อวั เป็น ท ๒.๑ ป.๑/๒ สระเสียงยาว เขียน -ั ไว้ ท ๔.๑ ป.๑/๒ ขา้ งบนพยัญชนะต้น และ เขยี น - ว ไวข้ า้ งหลงั ท ๑.๑ ป.๑/๑ พยัญชนะตน้ คาที่ใช้ใน ท ๑.๑ ป.๑/๒ ชีวิตประจาวนั มคี าทีป่ ระสม ท ๒.๑ ป.๑/๑ ด้วยสระ - ัว ท ๒.๑ ป.๑/๒ สระ -ะ ออกเสยี ง อะ เปน็ ท ๔.๑ ป.๑/๒ สระเสียงสัน้ เขียนไว้ข้างหลงั พยญั ชนะตน้ คาที่ประสมดว้ ย ท ๑.๑ ป.๑/๑ เสียง อะ ถ้ามตี วั สะกดจะใช้ ท ๑.๑ ป.๑/๒ รูป -ั เขียนไว้ขา้ งบน ท ๒.๑ ป.๑/๑ พยญั ชนะตน้ คาทใ่ี ชใ้ น ท ๒.๑ ป.๑/๒ ชีวติ ประจาวันมคี าที่ประสม ท ๔.๑ ป.๑/๒ ด้วยสระ -ะ และ -ั สระ เ-ะ ออกเสยี ง เอะ เปน็ สระเสียงส้นั เขยี น เ- ไว้ ข้างหน้าพยัญชนะต้น และ เขียน - ะ ไว้ข้างหลงั พยัญชนะตน้ คาทปี่ ระสมดว้ ย เสียง เอะ ถ้ามีตัวสะกดจะใช้ รูป เ -็ คาที่ใชใ้ น

๑๕ หน่วย ช่อื หน่วย มำตรฐำนกำร สำระกำรเรียนรู้ เวลำ น้ำหนัก ที่ เรยี นรู้/ ตวั ชว้ี ดั (ช่วั โมง) คะแนน (100) ในชีวิตประจาวันมีคาที่ ประสมด้วยสระ เ - ะ และ เ -็ (สรุปทบทวนภำพรวม(สอบปลำยภำคเรียนที่ 1 ) 32

๑๖ หน่วย ชือ่ หน่วย มำตรฐำนกำร สำระกำรเรียนรู้ เวลำ น้ำหนัก ที่ เรียนรู้/ ตัวชี้วัด (ชว่ั โมง) คะแนน ท ๑.๑ ป.๑/๑ สระ แ-ะ ออกเสียง แอะ เปน็ (100) 22 สระ แ-ะ ท ๑.๑ ป.๑/๒ สระเสยี งส้ัน เขียน แ- ไว้ ๔ ท ๒.๑ ป.๑/๑ ขา้ งหนา้ พยัญชนะต้น และ 2 ๒๓ สระ เ-าะ ท ๒.๑ ป.๑/๒ เขียน - ะ ไว้ขา้ งหลงั ๔ ๒๔ สระ โ-าะ ท ๔.๑ ป.๑/๒ พยัญชนะตน้ คาท่ปี ระสมดว้ ย 2 เสยี ง แอะ ถา้ มีตัวสะกดจะใช้ ๕ ๒๕ สระ เ-อะ ท ๑.๑ ป.๑/๑ รูป แ -็ คาทใี่ ชใ้ น 2 ท ๑.๑ ป.๑/๒ ชีวติ ประจาวนั มีคาท่ีประสม ๔ ท ๒.๑ ป.๑/๑ ด้วยสระ แ - ะ และ แ -็ 2 ท ๒.๑ ป.๑/๒ สระ เ-าะ ออกเสยี ง เอาะ ท ๔.๑ ป.๑/๒ เปน็ สระเสียงส้ัน เขยี น เ- ไว้ ข้างหนา้ พยัญชนะตน้ และ ท ๑.๑ ป.๑/๑ เขียน -าะ ไวข้ ้างหลงั ท ๑.๑ ป.๑/๒ พยญั ชนะต้น คาทใี่ ชใ้ น ท ๒.๑ ป.๑/๑ ชีวติ ประจาวนั มคี าที่ประสม ท ๒.๑ ป.๑/๒ ด้วยสระ เ-าะ ท ๔.๑ ป.๑/๒ สระ โ-ะ ออกเสยี ง โอะ เปน็ สระเสียงสน้ั เขียน โ- ไว้ ท ๑.๑ ป.๑/๑ ขา้ งหนา้ พยัญชนะตน้ ท ๑.๑ ป.๑/๒ และเขียน -ะ ไว้ขา้ งหลัง ท ๒.๑ ป.๑/๑ พยญั ชนะตน้ คาทป่ี ระสมด้วย ท ๒.๑ ป.๑/๒ เสียง โอะ ถ้ามีตัวสะกดจะ ท ๔.๑ ป.๑/๒ ไมป่ รากฏรปู สระ คาทใ่ี ชใ้ น ชวี ิตประจาวนั มีคาท่ปี ระสม ดว้ ยสระ โ-ะ สระ เ-อะ ออกเสียง เออะ เป็นสระเสียงสน้ั เขยี น เ- ไว้ ข้างหนา้ พยัญชนะตน้ และ เขยี น -อะ ไวข้ ้างหลัง พยัญชนะต้น คาทใี่ ช้ใน ชวี ติ ประจาวนั มี คาที่ประสมดว้ ยสระ เ- อะ

๑๗ หน่วย ชื่อหน่วย มำตรฐำนกำร สำระกำรเรยี นรู้ เวลำ น้ำหนัก ที่ เรยี นรู้/ ตัวช้วี ดั (ชั่วโมง) คะแนน ท ๑.๑ ป.๑/๑ (100) ท ๑.๑ ป.๑/๒ ๒๖ สระ เ-อ ท ๒.๑ ป.๑/๑ สระ เ-อ ออกเสยี ง เออ เป็น ๕ 2 ท ๒.๑ ป.๑/๒ ท ๔.๑ ป.๑/๒ สระเสียงยาว คาท่ีประสมด้วย ท ๑.๑ ป.๑/๑ เสียง เออ ถา้ ไม่มตี วั สะกด ท ๑.๑ ป.๑/๒ ท ๒.๑ ป.๑/๑ จะใชร้ ูป เ-อ ถ้ามี ย สะกด ท ๒.๑ ป.๑/๒ ท ๔.๑ ป.๑/๒ จะใช้รูป เ-ย ถา้ มตี ัวสะกดอื่น ๆ จะใชร้ ูป เ- ิ คาทีใ่ ชใ้ น ชีวิตประจาวนั มีคาทปี่ ระสม ดว้ ยสระ เ-อ เ-ย และ เ- ิ ๒๗ มาตรา ก กา คาที่ไมม่ ีตวั สะกดทุกคา ๔2 ๒๘ มาตรา กง ๒๙ มาตรา กม จดั เป็นคาในมาตรา ก กา ๓๐ มาตรา เกย ท ๑.๑ ป.๑/๑ คาที่มี ง เปน็ ตัวสะกดทุกคา ๔ 2 ท ๑.๑ ป.๑/๒ จัดเปน็ คาในมาตรา กง ท ๒.๑ ป.๑/๑ ท ๒.๑ ป.๑/๒ ท ๔.๑ ป.๑/๒ ท ๑.๑ ป.๑/๑ คาที่มี ม เป็นตวั สะกดทุกคา ๔ 2 ท ๑.๑ ป.๑/๒ จดั เป็นคาในมาตรา กม ท ๒.๑ ป.๑/๑ ท ๒.๑ ป.๑/๒ ท ๔.๑ ป.๑/๒ ท ๑.๑ ป.๑/๑ คาท่ีมี ย เป็นตัวสะกดทุกคา ๔ 2 ท ๑.๑ ป.๑/๒ จัดเป็นคาในมาตรา เกย ท ๒.๑ ป.๑/๑ ท ๒.๑ ป.๑/๒ ท ๔.๑ ป.๑/๒

๑๘ หนว่ ย ชื่อหน่วย มำตรฐำนกำร สำระกำรเรียนรู้ เวลำ น้ำหนัก ท่ี เรียนรู้/ ตัวชว้ี ัด (ชัว่ โมง) คะแนน (100) ท ๑.๑ ป.๑/๑ ๓๑ มาตรา เกอว ท ๑.๑ ป.๑/๒ ท ๒.๑ ป.๑/๑ ท ๒.๑ ป.๑/๒ ท ๔.๑ ป.๑/๒ ๓๒ มาตรา กน ท ๑.๑ ป.๑/๑ คาที่มีเสียงตวั สะกดเหมือน ๕ 2 ท ๑.๑ ป.๑/๒ เสยี ง น ทกุ คา ไม่ว่าจะใช้ น ท ๒.๑ ป.๑/๑ ณ ญ ร ล ฬ เป็นตัวสะกด ท ๒.๑ ป.๑/๒ จดั เป็นคาในมาตรา กน ท ๔.๑ ป.๑/๒ ๓๓ มาตรา กก ท ๑.๑ ป.๑/๑ คาที่มีเสยี งตวั สะกดเหมือน ๕ 2 ท ๑.๑ ป.๑/๒ เสยี ง ก ทกุ คา ไมว่ ่าจะใช้ ก ข ท ๒.๑ ป.๑/๑ ค ฆ เป็นตวั สะกด จดั เปน็ คา ท ๒.๑ ป.๑/๒ ในมาตรา กก ท ๔.๑ ป.๑/๒ ๓๔ มาตรา กบ ท ๑.๑ ป.๑/๑ คาท่มี ีเสียงตวั สะกดเหมือน ๕ 2 ท ๑.๑ ป.๑/๒ เสยี ง บ ทกุ คา ไมว่ ่าจะใช้ บ ๕ 2 ๓๕ มาตรา กด ท ๒.๑ ป.๑/๑ ป พ ฟ ภ เป็นตัวสะกด ๔ 2 ท ๒.๑ ป.๑/๒ จัดเป็นคาในมาตรา กบ ๓๖ อกั ษรควบและ ท ๔.๑ ป.๑//๒ อักษรนา คาที่มเี สยี งตัวสะกดเหมือน ท ๑.๑ ป.๑/๑ เสยี ง ด ทกุ คา ไมว่ า่ จะใช้ ด จ ท ๑.๑ ป.๑/๒ ชซฎฏฐฑฒตถทธศ ท ๒.๑ ป.๑/๑ ษ ส เปน็ ตัวสะกดจัดเปน็ คา ท ๒.๑ ป.๑/๒ ในมาตรา กด ท ๔.๑ ป.๑//๒ ๑. คาอักษรควบมพี ยัญชนะ ต้น ๒ ตัว ทอ่ี อกเสียงพรอ้ ม ท ๑.๑ ป.๑/๑ กนั ท ๑.๑ ป.๑/๒ ๒. คาอักษรนามีพยัญชนะตน้ ท ๒.๑ ป.๑/๑ ๒ ตัว ออกเสียงเหมือนมี ห ท ๒.๑ ป.๑/๒ นา บางคาออกเสยี งครง้ั เดียว ท ๔.๑ ป.๑//๒ บางคาออกเสยี งสองครัง้

๑๙ หนว่ ย ช่อื หน่วย มำตรฐำนกำร สำระกำรเรียนรู้ เวลำ นำ้ หนัก ที่ เรยี นรู้/ ตวั ชีว้ ัด (ช่ัวโมง) คะแนน (100) ท ๑.๑ ป.๑/๑ ๓๗ การผนั คา ท ๔.๑ ป.๑/๒ การผนั คาใชเ้ สยี งและรูป 42 ท ๑.๑ ป.๑/๑ วรรณยุกต์ ทาให้เสียงและ ท ๔.๑ ป.๑/๒ ความหมายของคาเปลย่ี นไป ท ๑.๑ ป.๑/๑ ๓๘ คาคล้องจอง ท ๒.๑ ป.๑/๒ คาคล้องจองทไ่ี ม่มีตวั สะกด 4 2 ท ๒.๑ ป.๑/๓ ท ๔.๑ ป.๑/๓ จะต้องมเี สยี งสระเหมือนกัน ท ๓.๑ ป.๑/๑, ท ๓.๑ป.๑/๒ สว่ นคาคล้องจองที่มีตวั สะกด ท ๓.๑ป.๑/๓, ป.๑/๔,ป.๑/๕ ต้องมเี สียงสระและเสยี ง ท ๑.๑ ป.๑/๑ ท ๑.๑ ป.๑/๒ ตัวสะกดเหมือนกัน ท ๑.๑ ป.๑/๓ ๓๙ การแต่งประโยค ท ๑.๑ ป.๑/๔ ประโยคจะมีคาต้ังแต่ ๒ คา 4 2 ท ๑.๑ ป.๑/๕ ๔๐ การฟงั การดู ท ๑.๑ ป.๑/๖ ขน้ึ ไป และบอกให้ทราบว่า และการพดู ท ๑.๑ ป.๑/๗ ท ๕.๑ ป.๑/๑ ใคร ทาอะไร หรอื เปน็ อยา่ งไร 4 ๑ นกั อ่านคนเก่ง ท ๕.๑ ป.๑/๒ ท ๑.๑ ป.๑/๑ ทกั ษะการฟัง การดู และการ ๗ 4 ท ๑.๑ ป.๑/๒ พดู เป็นพ้นื ฐานการใชภ้ าษาท่ี 3 2 ท ๑.๑ ป.๑/๓ สาคัญ นาไปสูก่ ารพัฒนาการ ท ๑.๑ ป.๑/๔ อา่ น และการเขยี น ท ๑.๑ ป.๑/๕ ท ๑.๑ ป.๑/๖ การอ่านและการฟังวรรณคดี ท ๑.๑ ป.๑/๗ และวรรณกรรมร้อยแกว้ และ ท ๕.๑ ป.๑/๑ ร้อยกรองสาหรบั เดก็ ทาให้ได้ ท ๕.๑ ป.๑/๒ ข้อคิดทน่ี ามาประยุกต์ใชใ้ น ชีวติ ประจาวนั 4๒ กล่อมน้องนอน การอ่านและการฟังวรรณคดี 2 1 และวรรณกรรมร้อยแกว้ และ รอ้ ยกรองสาหรบั เดก็ ทาให้ได้ ขอ้ คิดทนี่ ามาประยุกตใ์ ชใ้ น ชวี ิตประจาวัน

๒๐ หน่วย ชอื่ หน่วย มำตรฐำนกำร สำระกำรเรียนรู้ เวลำ นำ้ หนัก ที่ เรยี นรู้/ ตัวช้ีวัด (ชั่วโมง) คะแนน การอา่ นและการฟังวรรณคดี (100) 4๓ นิทานพาเพลนิ ท ๑.๑ ป.๑/๑ และวรรณกรรมร้อยแกว้ และ 2 ท ๑.๑ ป.๑/๒, ร้อยกรองสาหรบั เด็กทาให้ได้ 1 ท ๑.๑ ป.๑/๓ ข้อคิดทีน่ ามาประยุกต์ใชใ้ น ท ๑.๑ ป.๑/๔ ชีวติ ประจาวนั ท ๑.๑ ป.๑/๕ 4๔ บ้านและครอบครัว ท ๑.๑ ป.๑/๖ การอา่ นและการฟังวรรณคดี 2 1 ท ๑.๑ ป.๑/๗ และวรรณกรรมร้อยแกว้ และ ท ๕.๑ ป.๑/๑ รอ้ ยกรองสาหรบั เดก็ ทาให้ได้ ท ๕.๑ ป.๑/๒ ขอ้ คิดทน่ี ามาประยุกตใ์ ชใ้ น ชวี ติ ประจาวัน ท ๑.๑ ป.๑/๑ 4๕ โรงเรียนของเรา ท ๑.๑ ป.๑/๒ การอ่านและการฟังวรรณคดี 2 1 ท ๑.๑ ป.๑/๓ และวรรณกรรมร้อยแกว้ และ ท ๑.๑ ป.๑/๔ ร้อยกรองสาหรบั เดก็ ทาให้ได้ ท ๑.๑ ป.๑/๕ ข้อคิดทน่ี ามาประยุกตใ์ ช้ใน ท ๑.๑ ป.๑/๖ ชวี ติ ประจาวนั ท ๑.๑ ป.๑/๗ ท ๕.๑ ป.๑/๑ ท ๑.๑ ป.๑/๒ ท ๑.๑ ป.๑/๑ ท ๑.๑ ป.๑/๒ ท ๑.๑ ป.๑/๓ ท ๑.๑ ป.๑/๔ ท ๑.๑ ป.๑/๕ ท ๑.๑ ป.๑/๖ ท ๑.๑ ป.๑/๗ ท ๕.๑ ป.๑/๑ ท ๕.๑ ป.๑/๒

๒๑ หน่วย ชือ่ หน่วย มำตรฐำนกำร สำระกำรเรียนรู้ เวลำ นำ้ หนกั ที่ เรยี นรู้/ ตัวชว้ี ดั (ชวั่ โมง) คะแนน (100) เพื่อนกัน ท ๑.๑ ป.๑/๑ การอา่ นและการฟงั วรรณคดี 3 1 46 ท ๑.๑ ป.๑/๒ และวรรณกรรมร้อยแกว้ และ ท ๑.๑ ป.๑/๓ ร้อยกรองสาหรบั เดก็ ทาให้ได้ ท ๑.๑ ป.๑/๔ ข้อคิดท่ีนามาประยุกตใ์ ชใ้ น ท ๑.๑ ป.๑/๕ ชีวิตประจาวนั ท ๑.๑ ป.๑/๖ ท ๑.๑ ป.๑/๗ ท ๕.๑ ป.๑/๑ ท ๕.๑ ป.๑/๒ 47 สง่ิ แวดลอ้ มรอบตวั ท ๑.๑ ป.๑/๑ การอา่ นและการฟังวรรณคดี 21 ท ๑.๑ ป.๑/๒ และวรรณกรรมร้อยแกว้ และ ท ๑.๑ ป.๑/๓ รอ้ ยกรองสาหรับเด็กทาให้ได้ ท ๑.๑ ป.๑/๔ ข้อคิดทน่ี ามาประยุกตใ์ ช้ใน ท ๑.๑ ป.๑/๕ ชีวติ ประจาวัน ท ๑.๑ ป.๑/๖ ท ๑.๑ ป.๑/๗ ท ๕.๑ ป.๑/๑ ท ๕.๑ ป.๑/๒ 48 ชาติ ศาสนา ท ๑.๑ ป.๑/๑ การอ่านและการฟังวรรณคดี 21 พระมหากษัตริย์ ท ๑.๑ ป.๑/๒ และวรรณกรรมร้อยแกว้ และ ท ๑.๑ ป.๑/๓ ร้อยกรองสาหรับเดก็ ทาให้ได้ ท ๑.๑ ป.๑/๔ ข้อคิดทนี่ ามาประยุกต์ใช้ใน ท ๑.๑ ป.๑/๕ ชีวิตประจาวัน ท ๑.๑ ป.๑/๖ ท ๑.๑ ป.๑/๗ ท ๕.๑ ป.๑/๑ ท ๕.๑ ป.๑/๒ สรปุ ทบทวนภำพรวม(สอบปลำยภำคเรยี นที่ 2 ) 21 200 100 รวมทั้งสิ้นตลอดปี

๒๒ คำอธิบำยรำยวิชำ ท 1๒102 ภำษำไทย กลุ่มสำระกำรเรยี นรูภ้ ำษำไทย ชนั้ ประถมศึกษำปีที่ ๒ เวลำ ๒๐0 ช่วั โมง อธิบายความหมายของคาและข้อความท่ีอ่าน บอกพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ เลขไทย คาคล้องจอง ความหมายของคา สาระสาคัญของเร่ืองที่ฟังและดู เรียบเรียงคาเป็นประโยค ระบุ ใจความสาคัญ รายละเอียด ข้อคดิ ท่ไี ด้จากการอ่านและฟัง วรรณกรรมสาหรับเด็ก ตั้งคาถามและตอบคาถาม เก่ยี วกับเร่อื งทฟ่ี ังและดู อ่านออกเสียงคา คาคล้องจอง ขอ้ ความ บทรอ้ ยกรอง ข้อเขยี นเชิงอธิบาย ช่ือประเทศชอ่ื เมืองหลวง ของประเทศสมาชิกในกลุ่มอาเซียน และหนังสือตามความสนใจ คัดลายมือตัวบรรจง เต็มบรรทัด เขียนสะกด คา ช่ือประเทศและช่ือเมืองหลวงของประเทศสมาชิกในกลุ่มอาเซียนและเร่ืองสั้น จากประสบการณ์ ฟัง คาแนะนาและคาส่ัง เล่าเร่ืองท่ีฟังและดูท่ีเป็นความรู้และความบันเทิงพูดแสดงความคิดเห็น ความรู้สึกและ ส่ือสารได้ชัดเจน ท่องจาบทอาขยานและบทร้อยกรอง ร้องบทร้องเล่นสาหรับเด็กในท้องถ่ิน และใช้ภาษาไทย มาตรฐานและภาษาถน่ิ เช่น ภาษาญ้อ ภาษาอีสาน ภาษาเขมร ภาษาเวียดนาม ภาษาจีน ฯลฯ ได้เหมาะสม มีมารยาทในการอ่าน การเขียน การฟัง การดู และการพูด ใช้ภาษาไทยได้เหมาะสม ตามโอกาสในชีวติ ประจาวัน รหสั ตัวชี้วัด ท 1.1 ป.2/1 , ป.2/2 , ป.2/3 , ป.2/4 , ป.2/5 , ป.2/6 , ป.2/7 , ป.2/8 ท 2.1 ป.2/1 , ป.2/2 , ป.2/3 , ป.2/4 ท 3.1 ป.2/1 , ป.2/2 , ป.2/3 , ป.2/4 , ป.2/5 , ป.2/6 , ป.2/7 ท 4.1 ป.2/1 , ป.2/2 , ป.2/3 , ป.2/4 , ป.2/5 ท 5.1 ป.2/1 , ป.2/2 , ป.2/3 รวมท้ังหมด 27 ตวั ช้ีวดั

๒๓ ตวั ชีว้ ดั และสำระกำรเรยี นร้แู กนกลำง ช้นั ประถมศึกษำปีท่ี 2 สำระท่ี 1 กำรอำ่ น มำตรฐำน ตวั ช้ีวดั สำระกำรเรยี นร้แู กนกลำง สำระกำรเรียนรู้ท้องถน่ิ ท 1.1 ใช้ 1. อ่านออกเสียงคา  การอา่ นออกเสยี งและการบอก กระบวนการอ่าน คาคล้องจอง ข้อความ ความหมายของคา คาคล้องจอง สรา้ งความรูแ้ ละ และบทร้อยกรองงา่ ยๆ ข้อความ และบทร้อยกรองง่ายๆ ความคดิ เพือ่ ไดถ้ ูกต้อง ทีป่ ระกอบด้วยคาพ้นื ฐานเพ่มิ จาก นาไปใชต้ ัดสนิ ใจ 2. อธบิ ายความหมาย ป. 1 ไม่น้อยกว่า 800 คารวมทั้งคา แก้ปญั หาในการ ของคาและข้อความ ท่ีใช้เรียนรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรอู้ ่ืน ดาเนนิ ชีวติ และมี ทีอ่ า่ น ประกอบด้วย นิสัยรักการอา่ น - คาทม่ี รี ูปวรรณยุกต์และไมม่ ีรูป วรรณยุกต์ - คาที่มีตัวสะกดตรงตามมาตรา และไม่ตรงตามมาตรา - คาทม่ี พี ยัญชนะควบกลา้ - คาท่ีมีอักษรนา - คาทมี่ ีตัวการันต์ - คาที่มี รร - คาที่มีพยัญชนะและสระที่ไม่ ออกเสยี ง 3. ตัง้ คาถามและ  การอา่ นจบั ใจความจากสื่อตา่ งๆ ตอบคาถามเกี่ยวกบั เช่น เรือ่ งท่ีอา่ น - นิทาน 4. ระบใุ จความ - เร่ืองเลา่ สั้น ๆ สาคัญและรายละเอยี ด - บทเพลงและบทร้อยกรองง่ายๆ จากเรือ่ งทอ่ี า่ น - เรอ่ื งราวจากบทเรยี นในกลมุ่ 5. แสดงความคิดเห็น สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย และกลุ่ม และคาดคะเน สาระการเรยี นรู้อื่น เหตุการณจ์ าก - ข่าวและเหตกุ ารณ์ประจาวัน เรือ่ งท่ีอ่าน

๒๔ มำตรฐำน ตัวชว้ี ัด สำระกำรเรียนรแู้ กนกลำง สำระกำรเรียนร้ทู อ้ งถ่นิ  การอา่ นหนงั สือตามความสนใจ 6. อ่านหนังสอื ตาม เชน่ ความสนใจอย่าง สม่าเสมอและนาเสนอ - หนงั สือทนี่ กั เรยี นสนใจและ เรื่องท่ีอา่ น เหมาะสมกับวัย - หนงั สือทค่ี รูและนักเรยี น กาหนดรว่ มกัน 7. อ่านข้อเขยี นเชิง  การอ่านขอ้ เขยี นเชิงอธิบาย และ อธิบาย และปฏิบตั ติ าม ปฏิบตั ิตามคาสัง่ หรือข้อแนะนา คาส่งั หรือข้อแนะนา - การใชส้ ถานท่ีสาธารณะ - คาแนะนาการใช้เคร่ืองใช้ ที่จาเปน็ ในบ้านและในโรงเรียน 8. มมี ารยาทในการ  มารยาทในการอ่าน เชน่ อา่ น - ไมอ่ า่ นเสยี งดังรบกวนผู้อ่ืน - ไม่เล่นกันขณะทอี่ ่าน - ไมท่ าลายหนงั สอื - ไม่ควรแย่งอ่านหรือชะโงก หน้าไปอา่ นขณะทีผ่ ู้อ่ืนกาลงั อ่านอยู่

๒๕ สำระที่ 2 กำรเขยี น มำตรฐำน ตัวชว้ี ัด สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง สำระกำรเรียนรู้ทอ้ งถิ่น ท 2.1 ใช้ 1. คดั ลายมือตวั บรรจง การคดั ลายมือตวั บรรจงเตม็ กระบวนการ เต็มบรรทดั บรรทัดตามรูปแบบการเขยี นตวั เขียนเขยี นเขียน อักษรไทย ส่ือสาร เขียน เรยี งความ ย่อ 2. เขียนเรือ่ งสั้นๆ  การเขียนเรือ่ งสั้นๆ เกีย่ วกับ ความและเขียน เกี่ยวกบั ประสบการ ประสบการณ์ เรอ่ื งราวในแบบ ตา่ งๆ เขยี น 3. เขียนเรือ่ งสั้นๆ ตาม  การเขยี นเรือ่ งสน้ั ๆ ตาม รายงานขอ้ มลู จนิ ตนาการ จินตนาการ สารสนเทศและ รายงานการศึกษา คน้ ควา้ อยา่ งมี ประสทิ ธิภาพ 4. มีมารยาทในการ  มารยาทในการเขียน เชน่ เขยี น - เขียนให้อ่านง่าย สะอาด ไม่ขดี ฆ่า - ไม่ขีดเขยี นในท่ีสาธารณะ - ใชภ้ าษาเขียนเหมาะสมกับเวลา สถานที่ และบุคคล - ไมเ่ ขียนล้อเลยี นผู้อนื่ หรอื ทาให้ ผูอ้ ื่นเสยี หาย

๒๖ สำระที่ 3 กำรฟัง กำรดู และกำรพดู มำตรฐำน ตัวชี้วดั สำระกำรเรยี นรู้แกนกลำง สำระกำรเรียนรู้ท้องถ่นิ - อาชีพในท้องถนิ่ ท 3.1 สามารถ 1. ฟงั คาแนะนา การฟังและปฏิบัตติ ามคาแนะนา เลือกฟงั และดู คาส่งั ท่ซี ับซ้อน และ คาสง่ั ทีซ่ ับซ้อน อยา่ งมี ปฏิบตั ติ าม วิจารณญาณและ พูดแสดงความรู้ 2. เลา่ เรื่องที่ฟงั และดู  การจบั ใจความและพูดแสดง ความคิด และ ท้งั ที่เป็นความรูแ้ ละ ความคดิ เห็น ความร้สู ึกจากเรื่องท่ี ความรสู้ กึ ใน ความบนั เทิง ฟงั และดู ทั้งท่เี ปน็ ความรู้และความ โอกาสตา่ งๆอยา่ ง 3. บอกสาระสาคัญ บันเทงิ เช่น มวี ิจารณญาณ ของเร่ืองท่ีฟงั และดู - เรือ่ งเล่าและสารคดสี าหรับเด็ก และสรา้ งสรรค์ 4. ตงั้ คาถามและ - นิทาน การต์ ูน และเรื่องขบขัน ตอบคาถามเก่ียวกับ - รายการสาหรับเด็ก เรอื่ งท่ีฟังและดู - ข่าวและเหตกุ ารณป์ ระจาวัน 5. พดู แสดงความ - เพลง คิดเหน็ และความรสู้ ึก จากเร่ืองที่ฟงั และดู 6. พูดส่อื สารได้  การพดู ส่ือสารในชวี ิตประจาวัน ชดั เจนตรงตาม เชน่ วัตถปุ ระสงค์ - การแนะนาตนเอง - การขอความช่วยเหลอื - การกล่าวคาขอบคุณ - การกลา่ วคาขอโทษ - การพูดขอรอ้ งในโอกาสตา่ งๆ - การเล่าประสบการณใ์ น ชีวติ ประจาวนั 7. มีมารยาทในการฟัง  มารยาทในการฟงั เช่น การดู และการพดู - ตงั้ ใจฟงั ตามองผ้พู ูด - ไม่รบกวนผู้อื่นขณะทฟ่ี ัง - ไมค่ วรนาอาหารหรอื เคร่ืองดื่ม ไปรับประทานขณะที่ฟัง - ไม่พูดสอดแทรกขณะทฟี่ งั  มารยาทในการดู เช่น - ตงั้ ใจดู - ไมส่ ง่ เสียงดงั หรอื แสดงอาการ รบกวนสมาธขิ องผู้อน่ื

๒๗ มำตรฐำน ตวั ช้วี ดั สำระกำรเรยี นรู้แกนกลำง สำระกำรเรยี นรูท้ อ้ งถนิ่  มารยาทในการพดู เชน่ - ใช้ถ้อยคาและกริ ยิ าทสี่ ุภาพ เหมาะสมกับกาลเทศะ - ใช้น้าเสยี งน่มุ นวล - ไม่พดู สอดแทรกในขณะท่ผี ู้อนื่ กาลังพูด - ไมพ่ ดู ลอ้ เลียนใหผ้ อู้ นื่ ได้รบั ความอบั อายหรอื เสยี หาย สำระท่ี 4 หลักกำรใช้ภำษำไทย มำตรฐำน ตัวชว้ี ัด สำระกำรเรียนร้แู กนกลำง สำระกำรเรยี นรู้ทอ้ งถิ่น 1. บอกและเขียน  พยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์ ท 4.1 เขา้ ใจ พยัญชนะ สระ  เลขไทย ธรรมชาตขิ อง วรรณยุกต์ และ ภาษาและหลัก เลขไทย  การสะกดคา การแจกลกู และการ ภาษาไทย การ อ่านเปน็ คา เปล่ียนแปลงของ 2. เขยี นสะกดคาและ  มาตราตัวสะกดที่ตรงตามมาตรา ภาษาและพลงั บอกความหมาย และไมต่ รงตามมาตรา ของภาษา ภูมิ ของคา  การผนั อกั ษรกลาง อกั ษรสงู และ ปญั ญาทางภาษา อักษรตา่ และรักษา  คาทมี่ ีตัวการนั ต์ ภาษาไทยไว้เปน็  คาทม่ี ีพยัญชนะควบกลา้ สมบัติ  คาทม่ี ีอักษรนา คาทีม่ ีความหมายตรงขา้ มกัน  คาทมี่ ี รร  ความหมายของคา 3. เรียบเรียงคาเป็น  การแตง่ ประโยค ประโยคไดต้ รงตาม  การเรยี บเรยี งประโยคเป็น เจตนาของการ สื่อสาร ข้อความส้ันๆ

มำตรฐำน ตัวชี้วดั สำระกำรเรยี นรู้แกนกลำง ๒๘  คาคล้องจอง สำระกำรเรยี นรูท้ ้องถ่นิ 4. บอกลักษณะ คาคล้องจอง 5. เลอื กใชภ้ าษาไทย  ภาษาไทยมาตรฐาน มาตรฐานและ  ภาษาถน่ิ ภาษาถน่ิ ได้เหมาะสม กับกาลเทศะ สำระที่ 5 วรรณคดีและวรรณกรรม มำตรฐำน ตวั ช้ีวัด สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง สำระกำรเรยี นรู้ท้องถ่นิ ท 5.1 เข้าใจ 1. ระบุข้อคดิ ท่ีไดจ้ าก  วรรณกรรมรอ้ ยแก้วและ และแสดงความ คิดเหน็ วจิ ารณ์ การอ่านหรือ การฟงั รอ้ ยกรองสาหรับเดก็ เช่น วรรณคดีและ วรรณกรรมสาหรบั - นิทาน วรรณกรรมไทย เดก็ เพ่ือนาไปใช้ใน - เรอื่ งส้ันงา่ ยๆ อย่างเหน็ คุณค่า และนามา ชีวิตประจาวนั - ปรศิ นาคาทาย - บทอาขยาน ประยุกตใ์ ชใ้ น - บทรอ้ ยกรอง ชวี ิตจรงิ - วรรณคดแี ละวรรณกรรม ในบทเรยี น 2. รอ้ งบทร้องเลน่  บทรอ้ งเล่นที่มีคณุ ค่า สาหรบั เด็กในท้องถิน่ - บทรอ้ งเล่นในท้องถ่นิ - บทรอ้ งเลน่ ในการละเล่นของ เดก็ ไทย 3. ทอ่ งจาบท  บทอาขยานและบทร้อยกรองท่มี ี อาขยานตามท่ีกาหนด คุณคา่ และบทร้อยกรองท่ีมี คุณค่าตามความสนใจ - บทอาขยานตามที่กาหนด - บทร้อยกรองตามความสนใจ

๒๙ โครงสร้ำงรำยวิชำ รำยวิชำ ภำษำไทย ชน้ั ประถมศึกษำปที ่ี ๒ รหสั ท 1๒101 เวลำ ๒๐0 ชั่วโมง /ปี หนว่ ย ชื่อหน่วย มำตรฐำนกำรเรยี นรู้/ สำระกำรเรยี นรู้ เวลำ น้ำหนกั ที่ ตวั ชี้วัด (ช่ัวโมง) คะแนน ตัวอักษรไทยประกอบดว้ ย (100) ๑ ตวั อกั ษรไทย ท ๔.๑ ป. ๒/๑ พยญั ชนะ สระ วรรณยกุ ต์ และ ๗ เลขไทย ซงึ่ สามารถนามา 2 ๒ มาตรา ก กา ท ๑.๑ ป. ๒/๑, ป. ๒/๒ ประกอบเป็นคาเพอื่ ใช้ในการ ๖ ท ๒.๑ ป. ๒/๑ สอ่ื สาร 2 ๓ มาตรา กง ท ๔.๑ ป. ๒/๒ มาตรา ก กา เป็นคาทไ่ี ม่มี ๖ ตัวสะกดการอา่ น การเขียน 3 ๔ มาตรา กม ท ๑.๑ ป. ๒/๑, และร้คู วามหมายของคาที่ ๖ ป. ๒/๒ ถกู ต้องทาใหส้ ามารถนาคาไปใช้ 3 ๕ มาตรา เกย ท ๒.๑ ป. ๒/๑ ในชวี ติ ประจาวันได้ ๖ ท ๔.๑ ป. ๒/๒ 3 มาตรา กง เปน็ คาท่ีมี ง ท ๑.๑ ป. ๒/๑, เปน็ ตัวสะกดการอา่ น ป. ๒/๒ การเขยี น และรู้ความหมาย ท ๒.๑ ป. ๒/๑ ของคาทถี่ ูกต้องทาให้ ท ๔.๑ ป. ๒/๒ สามารถนาคาไปใช้ใน ชีวิตประจาวันได้ ท ๑.๑ ป. ๒/๑, มาตรา กม เปน็ คาท่ีมี ม ป. ๒/๒ เปน็ ตัวสะกดการอ่าน การ ท ๒.๑ ป. ๒/๑ เขยี น และร้คู วามหมาย ท ๔.๑ ป. ๒/๒ ของคาท่ีถูกต้องทาให้ สามารถนาคาไปใช้ใน ชีวติ ประจาวนั ได้ มาตรา เกย เปน็ คาที่มี ย เปน็ ตัวสะกดการอา่ น การ เขียน และรคู้ วามหมาย ของคาทถี่ ูกต้องทาให้ สามารถนาคาไปใช้ใน ชีวิตประจาวันได้

๓๐ หน่วย ช่อื หน่วย มำตรฐำนกำรเรยี นรู้/ สำระกำรเรียนรู้ เวลำ น้ำหนัก ที่ ตัวชวี้ ดั (ชั่วโมง) คะแนน มาตรา เกอว เป็นคาทมี่ ี ว (100) ๖ มาตรา เกอว ท ๑.๑ ป. ๒/๑, ป. เปน็ ตวั สะกด การอ่าน การ ๖ ๒/๒ เขียน และรู้ความหมายของ 3 ๗ มาตรา กก ท ๒.๑ ป. ๒/๑ คาทีถ่ ูกตอ้ ง ทาให้สามารถ ๖ ท ๔.๑ ป. ๒/๒ นาคาไปใชใ้ นชวี ิตประจาวนั 3 ๘ มาตรา กด ได้ ๖ ท ๑.๑ ป. ๒/๑, มาตรา กก เป็นคาทมี่ ี ก ข 3 ๙ มาตรา กน ป. ๒/๒ ค ฆ เปน็ ตัวสะกด ซึ่งออก ๖ ๑๐ มาตรา กบ ท ๒.๑ ป. ๒/๑ เสยี งเหมือน ก สะกด การ 3 ท ๔.๑ ป. ๒/๒ อา่ น การเขยี น และรู้ ๖ ความหมายของคาทถ่ี ูกต้อง 3 ท ๑.๑ ป. ๒/๑, ทาให้สามารถนาคาไปใช้ ป. ๒/๒ ในชวี ติ ประจาวนั ได้ ท ๒.๑ ป. ๒/๑ มาตรา กด เป็นคาทีม่ ี ท ๔.๑ ป. ๒/๒ พยญั ชนะที่เป็นตัวสะกดได้ หลายตวั ซ่ึงออกเสียง ท ๑.๑ ป. ๒/๑, เหมือน ด สะกด การอ่าน ป. ๒/๒ การเขียน และรู้ความหมาย ท ๒.๑ ป. ๒/๑ ของคาท่ีถูกต้อง ทาให้ ท ๔.๑ ป. ๒/๒ สามารถนาคาไปใชใ้ น ชวี ิตประจาวันได้ ท ๑.๑ ป. ๒/๑, มาตรา กน เปน็ คาทม่ี ี น ญ ป. ๒/๒ ณ ร ล ฬ เปน็ ตวั สะกด ซ่งึ ท ๒.๑ ป. ๒/๑ ออกเสียงเหมือน น สะกด ท ๔.๑ ป. ๒/๒ การอ่าน การเขยี น และรู้ ความหมายของคาที่ถูกต้อง ทาใหส้ ามารถนาคาไปใช้ ในชีวติ ประจาวนั ได้ มาตรา กบ เป็นคาทมี่ ี บ ป พ ฟ ภ เปน็ ตัวสะกด ซงึ่ ออกเสยี งเหมือน บ สะกด การอ่าน การเขียน และรู้ ความหมายของคาทถี่ ูกต้อง ทาใหส้ ามารถนาคาไปใช้ ในชวี ติ ประจาวนั ได้

๓๑ หนว่ ย ช่ือหน่วย มำตรฐำนกำรเรยี นรู้/ สำระกำรเรยี นรู้ เวลำ นำ้ หนัก ท่ี ตัวชว้ี ดั (ชัว่ โมง) คะแนน (100) ๑๑ การผนั อกั ษร ท ๑.๑ ป. ๒/๑, การผันอกั ษร เป็นการเปล่ียน ๖ ป. ๒/๒ เสยี งคาต่าง ๆ ตามเสียง ๗ 4 ๑๒ คาทม่ี ีพยัญชนะ ท ๒.๑ ป. ๒/๑ วรรณยุกต์ให้ได้คาใหม่ท่ีมี 6 ควบกล้า ท ๔.๑ ป. ๒/๒ ความหมายแตกตา่ งจากคาเดิม 4 การเข้าใจอกั ษรสงู อักษรกลาง ๑๓ คาท่ีมีอักษรนา ท ๑.๑ ป. ๒/๑, และอักษรต่า จะทาให้ผันอกั ษร 4 ป. ๒/๒ ได้ถูกต้องและสามารถนาคาไป ท ๒.๑ ป. ๒/๑ ใช้ในชีวติ ประจาวันได้ ท ๔.๑ ป. ๒/๒ คาทม่ี ีพยัญชนะควบกลา้ เป็นคา ท ๑.๑ ป. ๒/๑, ท่มี ีพยัญชนะตน้ ๒ ตวั ประสม ป. ๒/๒ สระตวั เดียวกัน พยญั ชนะที่มา ท ๒.๑ ป. ๒/๑ ควบคอื ร ล ว บางคาออกเสียง ท ๔.๑ ป. ๒/๒ พยญั ชนะต้น ๒ ตวั กล้ากัน บาง คาออกเสยี งเฉพาะพยญั ชนะตวั แรก และบางคาออกเสยี ง ทร เป็นเสียง ซ การอา่ น การเขยี น และรคู้ วามหมายของคาที่ ถกู ต้องทาใหส้ ามารถนาคาไปใช้ ในชวี ติ ประจาวนั ได้ คาท่ีมีอกั ษรนา เป็นคาทมี่ ี พยัญชนะตน้ ๒ ตวั ประสมสระ เดยี วกนั พยัญชนะต้นตวั แรกจะ เป็นอกั ษรสูงหรอื อักษรกลาง สว่ นพยัญชนะตัวทสี่ องจะเปน็ อักษรต่า บางคาออกเสียง พยางค์เดียว บางคาออกเสยี ง ๒ พยางค์ โดยพยางค์แรกออก -เสียง อะ กึง่ เสยี ง ส่วนพยางค์ หลงั ออกเสยี งเหมือนมี ห นา การอา่ น การเขียน และรู้ ความหมายของคาทถ่ี ูกต้องทา ให้สามารถนาคาไปใช้ใน ชวี ติ ประจาวนั ได้

๓๒ หน่วย ชอื่ หน่วย มำตรฐำนกำรเรยี นรู้/ สำระกำรเรียนรู้ เวลำ นำ้ หนกั ที่ ตัวช้วี ดั (ชั่วโมง) คะแนน (100) ๑๔ คาทมี่ ีตัวการันต์ ท ๑.๑ ป. ๒/๑, คาที่มตี วั การนั ต์ เป็นคาทม่ี ี 6 3 ป. ๒/๒ ไม้ทัณฑฆาต ( ์- ) กากับอยู่บน 6 3 ท ๒.๑ ป. ๒/๑ พยัญชนะที่ไมต่ ้องการออกเสียง 6 2 3 ท ๔.๑ ป. ๒/๒ ตวั การันต์มที ้งั พยญั ชนะตวั 1 เดียวพยญั ชนะ ๒ ตัว พยัญชนะ และสระ การอ่านจะไมอ่ า่ น ออกเสยี งพยัญชนะและสระน้ัน การเขียน และรู้ความหมายของ คาทถ่ี ูกตอ้ งทาใหส้ ามารถนาคา ไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้ ๑๕ คาที่มี รร ท ๑.๑ ป. ๒/๑, คาทมี่ ี รร อา่ นออกเสยี งเหมือน ป. ๒/๒ พยัญชนะต้นประสมสระ อะ ถ้า ท ๒.๑ ป. ๒/๑ คานน้ั ไม่มีตัวสะกดจะออกเสียง ท ๔.๑ ป. ๒/๒ เหมอื นมี น เปน็ ตัวสะกด แต่ถ้าคาน้นั มตี วั สะกดจะ ออกเสยี งตามเสียงตวั สะกด ของคา การเขียน และรู้ ความหมายของคาทถี่ ูกต้อง ทาให้สามารถนาคาไปใช้ ในชีวิตประจาวันได้ ๑๖ คาท่ีมีพยัญชนะ ท ๑.๑ ป. ๒/๑, คาบางคามพี ยัญชนะและสระที่ และสระท่ีไม่ออก ป. ๒/๒ ไมอ่ อกเสียง บางคาไม่ออกเสียง ร ซงึ่ เปน็ ตัวสะกด์ตวั ทส่ี อง บ์าง เสยี ง ท ๒.๑ ป. ๒/๑ คาไม่ออกเสยี ง ห และบางคา ไม่ออกเสียงสระ - หรือสระ - ซ่งึ ประสมอยูก่ บั ตัวสะกด สรุปทบทวนภำพรวม(สอบปลำยภำคเรยี นท่ี 1 )

๓๓ หน่วย ชือ่ หน่วย มำตรฐำนกำรเรียนรู้/ สำระกำรเรยี นรู้ เวลำ น้ำหนัก ท่ี ตวั ชี้วดั (ชัว่ โมง) คะแนน (100) ๑๗ คาที่มีความหมาย ท ๔.๑ ป. ๒/๒ คาในภาษาไทยมีคาท่ีมี ๗ ตรงข้ามกนั ความหมายตรงข้ามกนั ๗ 2 ท ๑.๑ ป. ๒/๑ ใชเ้ ปรียบเทียบเพ่ือสอ่ื ๗ ๑๘ คาคล้องจอง ท ๒.๑ ป. ๒/๑ ความหมายให้ชัดเจน การเขา้ ใจ 2 ท ๔.๑ ป. ๒/๔ ความหมายของคา ทาให้ ๑๓ 2 ๑๙ ภาษาไทย ท ๔.๑ ป. ๒/๕ สามารถนาไปใช้ใน มาตรฐาน- ชวี ติ ประจาวันได้ถกู ตอ้ ง 12 ภาษาถิ่น ท ๒.๑ ป. ๒/๒, ป. ๒/๓, ป. ๒/๔ คาคล้องจองเปน็ คาที่มเี สยี งสระ ๒๐ การเขยี น ท ๔.๑ ป. ๒/๓ และเสียงตัวสะกดเหมือนกัน ทาใหภ้ าษาไทยมีความไพเราะ และจดจาได้ง่าย ภาษาไทยมาตรฐานเป็นภาษาที่ ใช้ตดิ ตอ่ สื่อสารกันท่วั ไป ส่วนภาษาถิน่ เป็นภาษาที่ใช้ ตดิ ตอ่ สือ่ สารกนั ภายใน ท้องถ่นิ ใดท้องถ่ินหนง่ึ การ เรยี นรูภ้ าษาถนิ่ ทาใหเ้ ขา้ ใจการ สอ่ื สารของคนกลุ่มตา่ ง ๆ และ เลอื กใชภ้ าษา ๑. การแตง่ ประโยคได้ตรงตาม จุดประสงคจ์ ะทาให้การสื่อสาร ชัดเจน ๒. การเขยี นเร่ืองสนั้ ๆ เกยี่ วกับ ประสบการณเ์ ปน็ การเขยี น เรอ่ื งราวที่เกิดจากการกระทา หรอื ได้พบเห็นมาด้วยตนเอง ถ่ายทอดให้ผู้อ่นื รบั รู้ เพ่อื แลกเปลย่ี นประสบการณ์ ซ่งึ กันและกนั ๓. การเขียนเร่อื งสน้ั ๆ ตาม จนิ ตนาการ ทาให้มคี วามคดิ สร้างสรรค์ ๔. การมมี ารยาทในการเขยี น จะทาใหง้ านเขียนมีคุณภาพ เปน็ ท่ีช่ืนชมของผู้ทไี่ ด้อา่ น งานเขียนน้นั

๓๔ หนว่ ย ชือ่ หน่วย มำตรฐำนกำรเรียนรู้/ สำระกำรเรยี นรู้ เวลำ นำ้ หนกั ที่ ตวั ช้ีวดั (ชว่ั โมง) คะแนน (100) ๒๑ การฟงั การดู ท ๓.๑ ป. ๒/๑, ๑. การฟังคาแนะนาหรือคาสั่ง ๓๑ และการพูด ท ๓.๑ ป. ๒/๒, อย่างตง้ั ใจและคดิ ตามจะทาให้ 14 ท ๓.๑ ป. ๒/๓, เข้าใจและสามารถปฏบิ ัติตามได้ ๓ 22 ครอบครัวผาสุก ท ๓.๑ ป. ๒/๔, ถกู ต้อง ๕ 3 ๒3 สนุกกับนทิ าน ท ๓.๑ ป. ๒/๕, ๒. การฟังและดูเร่ืองราวตา่ ง ๆ ท ๓.๑ ป. ๒/๖, อย่างต้ังใจจะทาใหส้ ามารถ 2 ท ๓.๑ ป. ๒/๗ จับใจความของเรื่องได้ สามารถ นาไปถ่ายทอดแสดงความ ท ๑.๑ ป. ๒/๑, คดิ เหน็ และความรสู้ กึ ได้อยา่ ง ท ๑.๑ ป. ๒/๒, ถกู ต้อง ท ๑.๑ ป. ๒/๔, ๓. การพดู สือ่ สารใน ท ๑.๑ ป. ๒/๕, ชีวิตประจาวนั ต้องเลือกใช้ ท ๑.๑ ป. ๒/๘ ถอ้ ยคาและแสดงกิริยาท่าทาง ท ๕.๑ ป. ๒/๑, ใหเ้ หมาะสมกบั กาลเทศะและ ท ๕.๑ ป. ๒/๓ บุคคล ๔. การมีมารยาทในการฟัง การ ท ๑.๑ ป. ๒/๑, ดู และการพดู เกิดขึ้นจากความ ป. ๒/๒, ป. ๒/๓, ตง้ั ใจ ทาใหผ้ ู้อนื่ ชื่นชม และการ ป. ๒/๔, ป. ๒/๕ ส่ือสารประสบความสาเรจ็ ป. ๒/๘ ๑. บทดอกสร้อย ไกแ่ จ้ และไก่ ท ๕.๑ ป. ๒/๑ แกว้ สอนใหข้ ยัน มีวินัย รู้จัก หนา้ ทขี่ องตนเอง และเห็น คณุ คา่ ของเวลา ๒. เพลงค่านา้ นม ปลกู ฝัง ความกตญั ญูกตเวทีใหร้ ะลกึ ถึง พระคณุ อันยงิ่ ใหญ่ของแม่ ทลี่ ูกทกุ คนต้องทดแทน ๓. เพลงหนา้ ท่ีเด็ก สอนให้ร้จู กั หนา้ ทท่ี ี่ต้องทาและปลกู ฝงั คณุ ธรรมจรยิ ธรรมท่ดี งี าม นทิ านเรื่อง ยายกะตา ใหข้ ้อคิด ในเรื่องความรับผดิ ชอบต่อ หนา้ ที่ท่ไี ด้รับมอบหมาย รจู้ ัก ช่วยทางานในบา้ นเทา่ ท่จี ะทาได้ และไมใ่ ห้เกิดความเสยี หาย

๓๕ หนว่ ย ชอ่ื หน่วย มำตรฐำนกำรเรียนรู้/ สำระกำรเรียนรู้ เวลำ น้ำหนัก ที่ ตัวช้วี ัด (ช่ัวโมง) คะแนน (100) 24 ทันข่าวเหตกุ ารณ์ ท ๑.๑ ป. ๒/๑, ๑. ข่าวเป็นเรื่องราวรอบตัวท่ีมี ๕ 2 ป. ๒/๒, ประโยชนใ์ นการดาเนินชีวติ ๗ 3 ป. ๒/๔, การรับรู้ขา่ วจากส่ือต่าง ๆ อาจ ๔ ๙ 2 ป. ๒/๖, เป็นการอ่านจากหนังสือพิมพ์ 2 4 ป. ๒/๘ การฟังและดูจากโทรทศั นห์ รือ 200 1 ท ๕.๑ ป. ๒/๑, วทิ ยอุ ยู่เสมอ ทาใหเ้ ปน็ ผูท้ นั 100 ป. ๒/๒, เหตกุ ารณ์ ไดร้ ับความรู้และ ป. ๒/๓ ขอ้ คิดทส่ี ามารถนามาใช้ ในชวี ิตประจาวนั ๒. บทอาขยาน กาดา ปลูกฝงั การมนี ้าใจเออื้ เฟื้อเผอ่ื แผ่ แกค่ นรอบขา้ ง 25 สืบสานมรรยาท ท ๑.๑ ป. ๒/๑, ๑. นิทานอสี ปเร่อื ง ราชสีหก์ ับ ไทย ป. ๒/๒, หนู ให้ข้อคิดวา่ อยา่ ดถู ูกผอู้ ่นื ป. ๒/๓, แต่ละคนมีความสามารถ ป. ๒/๔, แตกตา่ งกนั ซ่ึงสามารถอยู่ ป. ๒/๕, รว่ มกนั และชว่ ยเหลือกันได้ ป. ๒/๖, ๒. สถานที่และเคร่ืองใช้ท่ีเปน็ ป. ๒/๗, ของส่วนรวม ทุกคนตอ้ งชว่ ยกนั ป. ๒/๘ ดูแลรกั ษา และเคารพสทิ ธิ ท ๕.๑ ป. ๒/๑ ซ่ึงกนั และกัน 26 ธรรมชาติแสนงาม ท ๕.๑ ป. ๒/๓ บทอาขยาน รักษาป่า ปลกู ฝงั จติ สานึกใหช้ ว่ ยกนั รกั ษาป่าไม้ เพราะป่าไม้เปน็ ต้นกาเนิดของ แหลง่ น้า ทาให้อากาศบริสทุ ธิ์ และดนิ ชมุ่ ช้ืน ทุกชีวติ ไม่ว่าคน หรอื สัตว์ล้วนต้องพึง่ พาป่าไม้ 27 เมอื งไทยเมืองทอง ท ๕.๑ ป. ๒/๑, ปรศิ นาคาทาย บทรอ้ งเลน่ และ ป. ๒/๒ สกั วา เป็นรปู แบบของการใช้ ภาษาทีไ่ พเราะมเี สียงสัมผัส คล้องจอง ใชร้ ้องหรือประกอบ การละเล่นที่สนกุ สนาน สะท้อน ความเป็นไทย บางบท สอดแทรกข้อคดิ ท่ีดี สรุปทบทวนภำพรวม(สอบปลำยภำคเรียนท่ี 2 ) รวมท้ังสิน้ ตลอดปี

๓๖ คำอธบิ ำยรำยวิชำ ท 1๓102 ภำษำไทย กล่มุ สำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย ชั้นประถมศกึ ษำปที ี่ ๓ เวลำ ๒๐0 ช่วั โมง อธบิ ายความหมายของคา ข้อความ ข้อมูลจากแผนภาพ แผนที่และแผนภูมิ ร้จู กั เพลงพ้ืนบา้ น และ เพลงกล่อมเด็ก บอกสาระสาคัญจากการฟังและดู ระบุชนิด หน้าท่ีของคาในประโยคและข้อคิดท่ีได้ จากการ อ่านวรรณกรรม ต้ังคาถามและตอบคาถามเชิงเหตุผลเก่ียวกับเรื่องที่อ่าน ฟังและดู ลาดับเหตุการณ์ ข่าวและ เหตุการณ์ในชีวิตประจาวันในท้องถิ่นและชุมชนและคาดคะเนเหตุการณ์จากเรื่องที่อ่าน ฟังและดู สรุปความรู้ ข้อคดิ จากเรอ่ื งที่อ่าน แสดงความคิดเห็นเกย่ี วกับวรรณคดีท่ีอ่าน อ่านออกเสียงคา การอ่านจับใจความเร่ืองเก่ียวกับนิทานท้องถ่ิน ประวัติจังหวัดสระแก้ว แหล่ง ทอ่ งเท่ียว สถานท่ีสาคญั บุคคลสาคัญ อาชีพและศิลปวัฒนธรรม ในจังหวัดสระแก้ว ข้อความ เร่ืองส้ัน บทร้อย กรอง ข้อเขียนเชิงอธิบาย และหนังสือตามความสนใจ คัดลายมือตัวบรรจงเต็มบรรทัด ช่ือประเทศ ชื่อเมือง หลวง ช่ือดอกไม้ประจาชาติของสมาชิกในกลุ่มอาเซียนเขียนสะกดคา เขียนบรรยาย บันทึก จดหมายลาครู และเขียนเร่ืองตามจินตนาการ พูดแสดงความคิดเห็น ความรู้สึกและการพูดส่ือสารในชีวิตประจาวัน ท่องจา บทอาขยานและบทร้อยกรอง แต่งประโยคง่ายๆ โดยใชค้ าตา่ งๆ ช่ือประเทศ ช่อื เมอื งหลวง ช่ือดอกไม้ประจา ชาติของสมาชิกในกลุ่มอาเซียน คาคล้องจอง และคาขวัญ เลือกใช้ภาษาไทย มาตรฐานและภาษาถ่ิน ได้ เหมาะสม มมี ารยาทในการอ่าน การเขียน การฟัง การดู และการพูด ใช้ภาษาไทยอย่างรู้คุณค่าและเหมาะสม ในชีวติ ประจาวนั รหัสตวั ชี้วดั ท 1.1 ป.3/1 , ป.3/2 , ป.3/3 , ป.3/4 , ป.3/5 , ป.3/6 , ป.3/7 , ป.3/8 ท 2.1 ป.3/1 , ป.3/2 , ป.3/3 , ป.3/4 , ป.3/5 , ป.3/6 ท 3.1 ป.3/1 , ป.3/2 , ป.3/3 , ป.3/4 , ป.3/5 , ป.3/6 ท 4.1 ป.3/1 , ป.3/2 , ป.3/3 , ป.3/4 , ป.3/5 , ป.3/6 ท 5.1 ป.3/1 , ป.3/2 , ป.3/3 , ป.3/4 รวมทั้งหมด 30 ตัวชวี้ ัด

๓๗ ตัวช้วี ัดและสำระกำรเรียนรู้แกนกลำง ช้นั ประถมศึกษำปีที่ 3 สำระท่ี 1 กำรอ่ำน มำตรฐำน ตัวชว้ี ดั สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง สำระกำรเรียนรทู้ อ้ งถนิ่  การอา่ นออกเสยี งและการบอก ท 1.1 ใช้ 1. อ่านออกเสียงคา ความหมายของคา คาคล้องจอง กระบวนการอ่าน ข้อความ เรื่องสัน้ ๆ ขอ้ ความ และบทร้อยกรองง่ายๆ สรา้ งความรแู้ ละ และบทร้อยกรองงา่ ยๆ ท่ีประกอบดว้ ยคาพน้ื ฐานเพ่มิ จาก ความคิดเพอื่ ได้ถูกต้อง คลอ่ งแคล่ว ป. 2 ไมน่ ้อยกว่า 1,200 คา นาไปใช้ตดั สินใจ 2. อธบิ าย รวมท้งั คาที่เรียนรู้ในกลมุ่ สาระ แกป้ ญั หาในการ ความหมายของคาและ การเรียนรูอ้ ่ืน ประกอบดว้ ย ดาเนินชวี ิตและมี ข้อความท่อี ่าน นสิ ยั รกั การอา่ น - คาทม่ี ีตัวการันต์ - คาทมี่ ี รร - คาที่มพี ยัญชนะและสระ ไม่ออกเสียง - คาพ้อง - คาพเิ ศษอ่นื ๆ เช่น คาที่ใช้ ฑ ฤ ฤๅ 3.ตงั้ คาถามและ  การอ่านจบั ใจความจากส่ือต่างๆ ตอบคาถามเชงิ เหตผุ ล เชน่ เกยี่ วกับเรือ่ งท่อี ่าน - นทิ านหรือเรอ่ื งเกี่ยวกับท้องถ่นิ 4. ลาดบั เหตกุ ารณ์ - เรอ่ื งเลา่ ส้ันๆ และคาดคะเน - บทเพลงและบทรอ้ ยกรอง - บทเรยี นในกล่มุ สาระการเรียนรู้ เหตกุ ารณจ์ ากเรอ่ื งท่ี อน่ื อ่านโดยระบุเหตุผล - ข่าวและเหตกุ ารณ์ใน ชวี ิตประจาวนั ในทอ้ งถ่นิ และชมุ ชน ประกอบ 5. สรปุ ความรแู้ ละ ข้อคิดจากเรื่องท่ีอา่ น เพ่ือนาไปใช้ใน ชวี ติ ประจาวนั

๓๘ มำตรฐำน ตวั ช้วี ดั สำระกำรเรยี นรู้แกนกลำง สำระกำรเรยี นร้ทู อ้ งถน่ิ  การอา่ นหนงั สือตามความสนใจ 6. อ่านหนงั สอื ตาม เช่น ความสนใจอยา่ ง สมา่ เสมอและนาเสนอ - หนงั สือทีน่ ักเรยี นสนใจและ เรือ่ งท่ีอา่ น เหมาะสมกบั วยั - หนงั สือที่ครูและนักเรียน กาหนดร่วมกัน 7. อ่านข้อเขยี นเชิง  การอ่านขอ้ เขียนเชิงอธิบาย และ อธิบายและปฏบิ ตั ติ าม ปฏบิ ัตติ ามคาสัง่ หรือข้อแนะนา คาสงั่ หรือข้อแนะนา - คาแนะนาตา่ งๆใน ชวี ิตประจาวัน - ประกาศ ปา้ ยโฆษณา และ คาขวญั 8. อธบิ ายความหมาย  การอา่ นข้อมลู จากแผนภาพ ของข้อมลู จาก แผนที่ และแผนภูมิ แผนภาพ แผนที่ และ แผนภมู ิ 9. มมี ารยาทในการ  มารยาทในการอา่ น เชน่ อ่าน - ไม่อ่านเสยี งดังรบกวนผ้อู น่ื - ไม่เลน่ กนั ขณะทอ่ี ่าน - ไม่ทาลายหนงั สอื - ไม่ควรแยง่ อ่านหรือชะโงก หนา้ ไปอ่านขณะทผ่ี ู้อืน่ กาลงั อ่าน

๓๙ สำระท่ี 2 กำรเขยี น มำตรฐำน ตัวชวี้ ดั สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง สำระกำรเรียนรู้ทอ้ งถ่นิ  การคดั ลายมือตวั บรรจงเต็ม ท 2.1 ใช้ 1. คัดลายมอื ตัว บรรทัดตามรูปแบบการเขยี น กระบวนการ บรรจงเต็มบรรทดั ตัวอักษรไทย เขียนเขยี นเขยี น สื่อสาร เขยี น 2. เขียนบรรยาย  การเขียนบรรยายเก่ียวกับลักษณะ เรียงความ ยอ่ เกีย่ วกับสงิ่ ใดส่งิ หนึง่ ของคน สัตว์ สงิ่ ของ สถานที่ ความและเขยี น ได้อย่างชดั เจน เรอื่ งราวใน รปู แบบต่างๆ 3. เขียนบันทึก  การเขยี นบันทึกประจาวนั เขียนรายงาน ประจาวนั ขอ้ มูลสารสนเทศ และรายงาน 4. เขียนจดหมายลาครู  การเขียนจดหมายลาครู การศึกษาค้นควา้ อยา่ งมี 5. เขียนเร่ืองตาม  การเขยี นเรอื่ งตามจนิ ตนาการ ประสิทธภิ าพ จนิ ตนาการ จากคา และภาพ และหัวข้อ ทก่ี าหนด 6. มมี ารยาทในการ  มารยาทในการเขยี น เชน่ เขยี น - เขียนให้อา่ นงา่ ย สะอาด ไม่ขดี ฆ่า - ไมข่ ดี เขียนในทส่ี าธารณะ - ใช้ภาษาเขยี นเหมาะสมกับเวลา สถานท่ี และบุคคล - ไม่เขียนลอ้ เลยี นผอู้ น่ื หรือทา ใหผ้ ู้อ่นื เสยี หาย

๔๐ สำระที่ 3 กำรฟงั กำรดู และกำรพดู มำตรฐำน ตัวชว้ี ดั สำระกำรเรยี นรูแ้ กนกลำง สำระกำรเรยี นรทู้ ้องถ่นิ  การจบั ใจความและพูดแสดง ท 3.1 สามารถ 1. เล่ารายละเอียด - บอกช่ือและเลา่ เลอื กฟงั และดู เก่ยี วกับเรื่องที่ฟังและ ความคิด ประวัตบิ คุ คลสาคัญ อยา่ งมี ดูทงั้ ที่เปน็ ความร้แู ละ เห็นและความรสู้ กึ จากเร่ืองที่ฟังและ วจิ ารณญาณและ ความบันเทิง ดทู ัง้ ทเ่ี ปน็ ความรู้และความบันเทิง พดู แสดงความรู้ 2. บอกสาระสาคญั ความคิด และ จากการฟังและการดู เช่น ความรู้สกึ ใน 3. ตั้งคาถามและ - เรือ่ งเล่าและสารคดีสาหรบั เดก็ โอกาสต่างๆอย่าง ตอบคาถามเก่ียวกับ - นิทาน การ์ตูน เร่ืองขบขนั มีวจิ ารณญาณ เรอ่ื งที่ฟังและดู - รายการสาหรบั เด็ก และสรา้ งสรรค์ 4. พดู แสดงความ - ข่าวและเหตกุ ารณใ์ น คิดเหน็ และความรสู้ ึก ชวี ิตประจาวัน จากเรือ่ งท่ฟี ังและดู - เพลง 5. พดู ส่ือสารได้  การพดู ส่ือสารในชีวติ ประจาวนั ชัดเจนตรงตาม เชน่ วตั ถปุ ระสงค์ - การแนะนาตนเอง - การแนะนาสถานท่ีในโรงเรียน และในชุมชน - การแนะนา/เชิญชวนเกีย่ วกบั การปฏิบัตติ นในดา้ นต่างๆ เช่น การ รกั ษาความสะอาดของรา่ งกาย - การเลา่ ประสบการณ์ใน ชีวิตประจาวนั - การพูดในโอกาสต่างๆ เชน่ การพูดขอร้อง การพดู ทักทาย การกลา่ วขอบคณุ และขอโทษ การพดู ปฏเิ สธ และการพูดชกั ถาม

๔๑ มำตรฐำน ตัวช้วี ดั สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง สำระกำรเรยี นรู้ท้องถน่ิ  มารยาทในการฟงั เชน่ 6. มมี ารยาทในการฟงั การดู และการพดู - ตั้งใจฟัง ตามองผู้พูด - ไม่รบกวนผู้อืน่ ขณะท่ฟี ัง - ไม่ควรนาอาหารหรือ เคร่อื งด่ืมไปรบั ประทานขณะที่ฟงั - ไมแ่ สดงกริ ิยาทไ่ี ม่เหมาะสม เชน่ โห่ ฮา หาว - ให้เกียรตผิ ูพ้ ดู ด้วยการปรบมือ - ไมพ่ ูดสอดแทรกขณะทฟ่ี ัง  มารยาทในการดู เชน่ - ต้ังใจดู - ไม่สง่ เสียงดงั หรอื แสดงอาการ รบกวนสมาธิของผู้อ่นื  มารยาทในการพูด เช่น - ใช้ถ้อยคาและกิรยิ าท่สี ภุ าพ เหมาะสมกับกาลเทศะ - ใชน้ า้ เสยี งนมุ่ นวล - ไมพ่ ดู สอดแทรกในขณะท่ีผอู้ ื่น กาลงั พดู - ไมพ่ ดู ล้อเลียนให้ผู้อน่ื ไดร้ ับ ความอับอายหรอื เสียหาย สำระที่ 4 หลักกำรใช้ภำษำไทย

๔๒ สำระที่ 4 หลักกำรใชภ้ ำษำไทย มำตรฐำน ตวั ช้วี ัด สำระกำรเรียนรูแ้ กนกลำง สำระกำรเรยี นรู้ท้องถ่นิ 1. เขยี นสะกดคาและ  การสะกดคา การแจกลูก และ ท 4.1 เขา้ ใจ บอกความหมาย การอ่านเปน็ คา ธรรมชาติของ ของคา  มาตราตวั สะกดที่ตรงตามมาตรา ภาษาและหลกั และไม่ตรงตามมาตรา ภาษาไทย การ 2. ระบุชนดิ และหน้าที่  การผนั อกั ษรกลาง อักษรสงู เปลย่ี นแปลงของ ของคาในประโยค และอักษรต่า ภาษาและพลัง  คาที่มีพยญั ชนะควบกล้า ของภาษา ภมู ิ 3.ใชพ้ จนานุกรม  คาที่มีอักษรนา ปญั ญาทางภาษา ค้นหาความหมาย  คาทป่ี ระวสิ รรชนียแ์ ละคา และรักษา ของคา ทไี่ มป่ ระวิสรรชนีย์ ภาษาไทยไว้เปน็ 4. แต่งประโยคง่ายๆ  คาทม่ี ี ฤ ฤๅ สมบตั ิ  คาทใี่ ช้ บัน บรร  คาที่ใช้ รร  คาที่มตี วั การันต์  ความหมายของคา  ชนดิ ของคา ได้แก่ - คานาม - คาสรรพนาม - คากริยา  การใชพ้ จนานุกรม  การแตง่ ประโยคเพื่อการสือ่ สาร ได้แก่ - ประโยคบอกเลา่ - ประโยคปฏิเสธ - ประโยคคาถาม - ประโยคขอร้อง - ประโยคคาส่ัง

๔๓ มำตรฐำน ตวั ช้วี ดั สำระกำรเรยี นรู้แกนกลำง สำระกำรเรยี นรทู้ ้องถ่ิน 5. แต่งคาคล้องจอง  คาคล้องจอง และคาขวัญ  คาขวญั 6. เลอื กใช้ภาษาไทย  ภาษาไทยมาตรฐาน มาตรฐานและ  ภาษาถ่นิ ภาษาถิน่ ไดเ้ หมาะสม กับกาลเทศะ สำระที่ 5 วรรณคดีและวรรณกรรม มำตรฐำน ตวั ชวี้ ดั สำระกำรเรียนร้แู กนกลำง สำระกำรเรียนร้ทู อ้ งถิ่น ท 5.1 เขา้ ใจ 1. ระบุข้อคดิ ท่ีไดจ้ าก  วรรณคดี วรรณกรรม และ และแสดงความ คิดเหน็ วิจารณ์ การอา่ นวรรณกรรม เพลงพน้ื บ้าน วรรณคดีและ วรรณกรรมไทย เพ่ือนาไปใช้ใน - นิทานหรอื เรอ่ื งในท้องถิ่น อย่างเห็นคุณค่า และนามา ชวี ติ ประจาวนั - เรือ่ งส้ันง่ายๆ ปริศนาคาทาย ประยุกต์ใช้ใน ชวี ิตจรงิ 2. รูจ้ ักเพลงพื้นบา้ น - บทร้อยกรอง และเพลงกลอ่ มเด็ก - เพลงพื้นบ้าน เพื่อปลูกฝังความชื่นชม - เพลงกลอ่ มเด็ก วฒั นธรรมท้องถ่ิน - วรรณกรรมและวรรณคดีใน 3. แสดงความคิดเหน็ บทเรียนและ ตามความสนใจ เก่ยี วกับวรรณคดี ที่อา่ น  บทอาขยานและบทร้อยกรองท่มี ี 4. ทอ่ งจาบทอาขยาน คุณค่า ตามท่กี าหนดและ บทร้อยกรองที่มีคุณค่า - บทอาขยานตามท่ีกาหนด ตามความสนใจ - บทร้อยกรองตามความสนใจ

๔๔ โครงสรำ้ งรำยวชิ ำ รำยวิชำ ภำษำไทย ชัน้ ประถมศึกษำปที ่ี ๓ รหสั ท 1๓101 เวลำ ๒๐0 ชั่วโมง /ปี หน่วย ช่ือหน่วย มำตรฐำนกำรเรียนร้/ู สำระกำรเรียนรู้ เวลำ น้ำหนกั ท่ี ตวั ชวี้ ดั (ชว่ั โมง) คะแนน (100) 1 สระไทย...ใชป้ ระสม ท ๑.๑ ป. ๓/๒, สระใช้ประสมกับพยัญชนะ ๘ คา ป. ๓/๒ และวรรณยุกต์ให้เป็นคาที่มี ๗ 1 ท ๒.๑ ป. ๓/๑ ความหมายเพ่ือใช้สื่อสารใน ๒ มาตรา ก กา... ท ๔.๑ ป. ๓/๑ ชวี ิตประจาวนั 1 รู้ว่าไมม่ ตี ัวสะกด ท ๑.๑ ป. ๓/๒, ป. ๓/๒ ค า ที่ ไ ม่ มี ตั ว ส ะ ก ด ทุ ก ค า 2 ท ๒.๑ ป. ๓/๑ จดั เป็นคาในมาตรา ก กา ท ๔.๑ ป. ๓/๑ 2 ๓ มาตรา กง กม เกย ท ๑.๑ ป. ๓/๒, คาในมาตรา กง กม เกย ๗ เกอว...ตัวสะกด ป. ๓/๒ และเกอว มีตัวสะกดตรง 3 กาหนดเสยี ง ท ๒.๑ ป. ๓/๑ ตามเสียงเพยี งตัวเดียว ท ๔.๑ ป. ๓/๑ 3 ๔ มาตรา กก กด กน ท ๑.๑ ป. ๓/๒, คาในมาตรา กก กด กน ๘ กบ...ตัวสะกดหลาย ป. ๓/๒ และกบ เป็นคาท่ีมีตัวสะกด ๘ ตวั ท ๒.๑ ป. ๓/๑ ห ล า ย ตั ว ซ่ึ งอ อ ก เสี ย ง ท ๔.๑ ป. ๓/๑ เหมือนกนั ๗ 5 วรรณยุกต.์ ..สนกุ กบั ท ๑.๑ ป. ๓/๒, การผันอกั ษร ป. ๓/๒ วรรณยุกต์เป็นระดับสูงต่า ท ๒.๑ ป. ๓/๑ ของเสียงท่ีปรากฏในพยางค์ ๖ ควบกล้า...คาที่มี ร ล ท ๔.๑ ป. ๓/๑ หรอื คา วรรณยุกตม์ ี ๔ รปู ว ๕ เสียงเมื่อนาวรรณยกุ ต์ ท ๑.๑ ป. ๓/๒, เขียนบนพยัญชนะตน้ ของ ป. ๓/๒ คาจะทาให้เสยี งและ ท ๒.๑ ป. ๓/๑ ความหมายของคา ท ๔.๑ ป. ๓/๑ เปล่ยี นไป พยัญชนะควบกล้าจะควบ กับ ร ล หรือ ว บางคาออก สียงพยัญชนะต้นท้ัง ๒ ตัว พร้อมกัน บางคาออกเสียง เฉพาะพยัญชนะต้นตัวแรก และบางคาออกเสียง ทร เปน็ เสยี ง ซ

๔๕ หนว่ ย ชอื่ หน่วย มำตรฐำนกำรเรยี นร้/ู สำระกำรเรียนรู้ เวลำ น้ำหนัก ที่ ตวั ช้วี ดั (ชว่ั โมง) คะแนน (100) ๗ อักษรนา...ทาใหเ้ สยี ง ท ๑.๑ ป. ๓/๒, คาทมี่ ีอกั ษรนาจะมี ๘ ต่างไป ป. ๓/๒ พยญั ชนะต้น ๒ ตวั ประสม 3 ท ๒.๑ ป. ๓/๑ สระเดยี วกัน พยัญชนะต้น ๘ ๘ คาทีป่ ระวิสรรชนยี ์ ท ๔.๑ ป. ๓/๑ ท้ัง ๒ ตวั พรอ้ มกัน บางคา ๗ 2 และคาที่ไมป่ ระ ออกเสยี งเฉพาะพยัญชนะ 2 วสิ รรชนีย์ ท ๑.๑ ป. ๓/๒,ป. ๓/ ต้นตวั แรกจะเป็นอกั ษรสูง ๘ ๒ หรอื อักษรกลาง สว่ น ๖ 2 ๙ คาทใ่ี ช้ บนั บรร รร ท ๒.๑ ป. ๓/๑ พยญั ชนะตน้ ตวั ท่ี ๒ ต้อง 3 ท ๔.๑ ป. ๓/๑ เปน็ อักษรต่าเดี่ยวเทา่ นน้ั ๑๐ คาทมี่ ตี ัวการนั ต์ ท ๑.๑ ป. ๓/๒, บางคาออกเสียงพยางค์ ป. ๓/๒ เดยี ว บางคาออกเสียงสอง ๑๑ คาทพ่ี ยัญชนะและ ท ๒.๑ ป. ๓/๑ พยางค์ สระไม่ออกเสียง ท ๔.๑ ป. ๓/๑ คาที่ออกเสยี งอะบางคามรี ูป ท ๑.๑ ป. ๓/๒, –ะ และออกเสียงอะเต็ม ป. ๓/๒ เสียง บางคาไม่มีรูป–ะ และ ท ๒.๑ ป. ๓/๑ ออกเสยี งอะ กง่ึ เสยี ง ท ๔.๑ ป. ๓/๑ คาทีใ่ ช้ รร ไม่มีตวั สะกด จะ ท ๑.๑ ป. ๓/๒, ออกเสียงสระเปน็ เสยี ง อะ ป. ๓/๒ และเสยี งตัวสะกดเปน็ เสียง ท ๒.๑ ป. ๓/๑ ในมาตรา กน สว่ นคาท่ีใช้ ท ๔.๑ ป. ๓/๑ รร มีตวั สะกด จะออกเสียง สระเปน็ เสียง อะ และเสยี ง ตัวสะกดตามมาตรา ตวั สะกดของคานั้น ส่วนคา ทีใ่ ช้ บัน บรร เปน็ การเขยี น เฉพาะของแตล่ ะคา ตัวอกั ษรที่มไี มท้ ัณฑฆาต ( -์ )เขียนอยู่ข้างบนทาให้ ตวั อกั ษรน้ันไม่ออกเสยี ง เรยี กว่าตัวการนั ตต์ ัวการนั ต์ อาจอยู่กลางคาหรือท้ายคา การอ่านและเขยี นคาท่ีมี พยญั ชนะและสระไม่ออก เสียง ตอ้ งสงั เกตและจดจา ตวั อักษรเหล่านน้ั เพื่อให้ อา่ นและเขยี นคาได้ถกู ต้อง

๔๖ หนว่ ย ชอื่ หน่วย มำตรฐำนกำรเรยี นร/ู้ สำระกำรเรยี นรู้ เวลำ น้ำหนัก ท่ี ตัวช้วี ัด (ชั่วโมง) คะแนน (100) 12 คาท่ีใช้ ฑ ฤ ฤา ท ๑.๑ ป. ๓/๒, ตั ว อั ก ษ ร บ า ง ตั ว ใ น ๗ 2 ป. ๓/๒ ภาษาไทยสามารถออกเสียง ท ๒.๑ ป. ๓/๑ ได้หลายแบบ ต้องสังเกต ท ๔.๑ ป. ๓/๑ จากการประสมคา ๑๓ คาพ้อง ท ๑.๑ ป. ๓/๒,ป. ๓/๒ คาพ้องรูปจะเขียนเหมือนกัน ๗ 3 ท ๒.๑ ป. ๓/๑ แ ต่ อ่ า น อ อ ก เสี ย ง แ ล ะ มี ท ๔.๑ ป. ๓/๑ ความหมายต่างกัน ส่วนคาพ้อง เสี ย ง เป็ น ค า ท่ี อ่ า น อ อ ก เสี ย ง เหมือนกัน แต่การเขียนและ ความหมายตา่ งกัน สรปุ ทบทวนภำพรวม(สอบปลำยภำคเรียนที่ 1 ) 21

๔๗ หน่วย ชอ่ื หน่วย มำตรฐำนกำรเรยี นรู้/ สำระกำรเรยี นรู้ เวลำ นำ้ หนัก ท่ี ตัวช้วี ัด (ชั่วโมง) คะแนน (100) 14 ชนิดของคา...ทา ท ๔.๑ ป. ๓/๒ ประโยคประกอบด้วยคา 6 หลายหน้าท่ี ท ๔.๑ ป. ๓/๓ หลายชนิดซึ่งทาหน้าที่ใน 6 3 ประโยคแตกตา่ งกนั 6 3 15 การใช้พจนานุกรม ท ๔.๑ ป. ๓/๔ 6 พจนานกุ รมเปน็ หนังสอื ที่ใช้ 3 16 การแตง่ ประโยคเพ่ือ ท ๔.๑ ป. ๓/๕ สาหรบั คน้ หาคาใน 6 การส่ือสาร ภาษาไทย เพอ่ื ตรวจสอบ 3 ท ๔.๑ ป. ๓/๔ การเขียนสะกดคาการอา่ น 6 ๑๗ คาคลอ้ งจองและคา คา ความหมายและชนิด 3 ขวัญ ท ๑.๑ ป. ๓/๗, ของคา ป. ๓/๘, ป. ๓/๙ 3 ๑๘ ภาษาไทยมาตรฐาน ประโยคเกดิ จากการนาคา และภาษาถิ่น มาเรียงกนั เพอื่ บอกเลา่ ปฏิเสธ ถาม ส่ง ขอรอ้ ง ซ่ึง ๑๙ การอา่ น เปน็ การส่ือสารใน ชวี ิตประจาวนั คาคลอ้ งจองทาให้ถ้อยคา ไพเราะ มเี สียงของคา เชอื่ มโยงกนั ซง่ึ เปน็ เอกลักษณ์ของภาษาไทย คาขวญั เปน็ ข้อความสน้ั ๆ ท่ีมเี สยี งคล้องจองกัน ให้ คติสอนใจหรือให้ทาสิง่ ดีงาม ภาษาไทยมาตรฐานเป็ น ภ าษาท่ี ใช้สื่อสารกันท่ั ว ประเทศ ส่วนภาษาถ่ินเป็น ภ า ษ า ท่ี ก ลุ่ ม ค น ใน แ ต่ ล ะ ท้องถ่ินใช้สนทนากัน ควร เลือกใช้ให้เห มาะสมกับ กาลเทศะ ก า ร อ่ า น เป็ น เค ร่ื อ ง มื อ ใ น ก า ร ค้ น ค ว้ า แ ล ะ แ ส ว ง ห า ความรู้เร่ืองต่าง ๆ ทาให้ได้ แนวคิดท่ีเป็นประโยชน์ใน การดาเนินชีวิต การฝึกฝน ทั ก ษ ะ ก า ร อ่ า น อ ย่ า ง สม่าเสมอ ทาให้มีความรู้ เพอื่ พัฒนาตนมากยิง่ ขึ้น


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook