Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทเรียนสำเร็จรูปเรื่องสารป.6ปีนี้

บทเรียนสำเร็จรูปเรื่องสารป.6ปีนี้

Published by พีระยศ แท่นจันทร์, 2022-01-11 07:00:54

Description: บทเรียนสำเร็จรูปเรื่องสารป.6ปีนี้

Keywords: บทเรียนสำเร็จรูปเรื่องสาร

Search

Read the Text Version

เผwยแwพwร.kบ่ rนooเวbบ็anไnซoตk์.com

ชดุ กิจกรรมการเรียนรูด วยรูปแบบ 4 MAT หนวยที่ 4 สารในชวี ิตประจําวนั กลมุ สาระการเรยี นรวู ทิ ยาศาสตร ช้นั ประถมศกึ ษาปท่ี 6 ชดุ ที่ 1 เรื่อง สมบตั ขิ องสาร เผwยแwพwร.kบ่ rนooเวbบ็anไnซoตk์.comนางรชั นี พรหมรศ ครู วทิ ยฐานะ ครูชาํ นาญการพเิ ศษ โรงเรยี นวัดวงั น้ํา สาํ นกั งานเขตพ้นื ท่กี ารศกึ ษานครราชสีมา เขต 7 สํานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

คาํ นาํ พระราชบญั ญัติการศกึ ษาแหง ชาติ พทุ ธศกั ราช 2542 กําหนดใหมีการจัด กระบวนการเรยี นรทู ่ีมุง เนนใหฝ กทกั ษะ กระบวนการ โดยจดั กจิ กรรมใหผ ูเรยี นไดเรยี นรู จากการลงมอื ปฏิบัติ สรางองคความรไู ดด ว ยตนเอง ดวยการฝก ปฏบิ ัติใหคดิ เปน ทําเปน รวมทงั้ ปลกู ฝง คุณธรรม คา นยิ มอนั ดีงาม และคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค ชุดกิจกรรมการเรียนรูด วยรูปแบบ 4 MAT จัดทาํ ขึน้ เพ่อื เสรมิ สรางทักษะ เผยแพรบ่ นเว็บไซต์กระบวนการคิด กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร และควบคูกบั การพัฒนาจิตวิทยาศาสตร ของนักเรียนชน้ั ประถมศึกษาปท ี่ 6 ประกอบไปดวย 11 ชุด ดังนี้ www.kroobannok.comชดุ กจิ กรรมที่1 เรอ่ื ง สมบัตขิ องสาร ชดุ กจิ กรรมที่ 2 เร่อื ง การจําแนกประเภทของสาร ชดุ กจิ กรรมที่ 3 เรอ่ื ง การเปล่ียนสถานะของสาร ชดุ กจิ กรรมท่ี 4 เรือ่ ง การละลาย ชดุ กจิ กรรมที่ 5 เรอื่ ง การเกิดสารใหม ชดุ กจิ กรรมท่ี 6 เรื่อง การแยกสารเน้อื ผสม ชุดกจิ กรรมท่ี 7 เรือ่ ง การแยกสารเนื้อเดียวและสารละลาย ชุดกจิ กรรมท่ี 8 เรอ่ื ง สารในชวี ิตประจาํ วัน ชุดกิจกรรมที่ 9 เรอื่ ง สารปรุงรสและสารแตงสี ชุดกิจกรรมท่ี 10 เร่อื ง สารทาํ ความสะอาด ชุดกิจกรรมท่ี 11 เรอ่ื ง สารกาํ จัดแมลง และศัตรูพชื ผูจดั ทําหวังเปน อยางย่ิงวา ชดุ กจิ กรรมการเรียนรูน ้ี จะเปน ประโยชนส ูงสดุ ในการที่ จะพัฒนาผูเ รยี นใหบ รรลุผลการเรยี นรทู ค่ี าดหวงั สง ผลใหผูเรียนมีคุณภาพสอดคลองกับ เจตนารมณของพระราชบญั ญตั ิการศึกษาแหงชาติ พุทธศักราช 2542 และมาตรฐาน การศึกษาของชาติตอไป รชั นี พรหมรศ

สารบญั หนา คําแนะนําในการใชชุดกิจกรรม 1 แผนภูมกิ ารใชช ดุ กิจกรรมการเรียนรดู ว ยรปู แบบ 4 MAT2 สาระการเรียนรู 3 จุดประสงคการเรยี นรู 3 5 เผยแพรบ่ นเวบ็ ไซต์แบบทดสอบกอ นเรยี น 7 เฉลยแบบทดสอบกอนเรียน 8 9 www.kroobannok.comกิจกรรมการเรยี นรู 10 กิจกรรมที่ 1.1 สํารวจรอบตัว 11 กจิ กรรมที่ 1.2 สง เสรมิ ความคดิ 14 กจิ กรรมที่ 1.3 สรา งความคิดรวบยอด 21 กิจกรรมท่ี 1.4 อา นเพิ่ม สง เสรมิ ความรอบรู 22 กจิ กรรมท่ี 1.5 เพ่มิ พนู ทกั ษะ 23 กจิ กรรมท่ี 1.6 สะทอ นความคิด สะกิดสมอง 24 กิจกรรมท่ี 1.7 ประยุกตใ ชในชวี ติ ประจําวนั 26 กจิ กรรมที่ 1.8 แลกเปล่ยี นเรยี นรู แบบทดสอบหลงั เรยี น เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน

1 คาํ แนะนําในการใชช ุดกจิ กรรม ชุดกจิ กรรมการเรียนรดู วยรปู แบบ 4 MAT หนว ยท่ี 4 สารในชวี ิตประจําวนั ชุดที่ 1 เร่อื ง สมบัติของสาร เปน ชดุ กิจกรรมทสี่ งเสรมิ ใหนกั เรียนไดลงมือปฏิบัติ กิจกรรมเพ่อื สรางองคความรู ฝกทักษะกระบวนการคดิ ทกั ษะกระบวนการทาง เผยแพรบ่ นเวบ็ ไซต์วทิ ยาศาสตร ดว ยตนเอง สงเสรมิ จติ วทิ ยาศาสตร ใหน กั เรยี นปฏิบัติกจิ กรรมดงั นี้ 1. นกั เรียนแบง กลุม ๆ ละ 4 – 5 คน ศกึ ษาจุดประสงคก ารเรยี นรูใหเ ขาใจ 2. สงตัวแทนรบั ชดุ กจิ กรรม ซึ่งประกอบดว ย www.kroobannok.comกจิ กรรมท่ี1.1 สาํ รวจรอบตวั กจิ กรรมที่ 1.2 สงเสรมิ ความคดิ กิจกรรมท่ี 1.3 สรางความคิดรวบยอด กิจกรรมที่ 1.4 อานเพิ่ม สง เสรมิ ความรอบรู กิจกรรมท่ี 1.5 เพิ่มพูนทักษะ กจิ กรรมที่ 1.6 สะทอนความคิด สะกดิ สมอง กจิ กรรมที่ 1.7 ประยกุ ตใ ชใ นชวี ิตประจําวนั กจิ กรรมท่ี 1.8 แลกเปลีย่ นเรียนรู 3. ใหส มาชกิ แตล ะกลมุ ปฏิบตั ิกิจกรรมตามข้ันตอนทกี่ ําหนดไวในชุดกิจกรรม 4. ใหน ักเรยี นแตละคนทํากจิ กรรมแบบฝก ทักษะและแบบทดสอบยอ ยเสรจ็ แลวให นักเรียนรบั ใบเฉลยจากครูไปตรวจคําตอบ 5. ถา นักเรยี นทดสอบหลังเรยี นไมผ า นเกณฑรอ ยละ 80 ควรเริม่ ตน ศึกษา ชุดกจิ กรรมใหมอกี ครงั้ 6. นกั เรียนควรฝก ปฏบิ ตั ิดว ยตนเองทกุ ขั้นตอนอยางเตม็ ความสามารถ ซงึ่ จะทําให นกั เรียนมีพัฒนาการดานการเรียนรจู นสามารถสรางองคค วามรูไดดว ยตนเอง 7. ถา นกั เรยี นมีขอสงสยั ใด ๆ สามารถสอบถามหรือขอคาํ แนะนําจากครไู ดท นั ที

2 แผนภมู ิการใชช ุดกจิ กรรมการเรยี นรดู ว ยรปู แบบ 4 MAT แผนภูมิการใชชดุ กิจกรรม เผยแพรบ่ นเวบ็ ไซต์ทดสอบกอ นเรียน ชีแ้ จงการใชชุดกจิ กรรม www.kroobannok.comกิจกรรมสํารวจรอบตวักิจกรรมสง เสริมความคดิ กิจกรรมสรา งความคดิ รวบยอด ซอ มเสรมิ อานเพม่ิ สง เสรมิ ความรอบรู กจิ กรรมเพม่ิ พนู ทกั ษะ กจิ กรรมสะทอ นความคดิ สะกิดสมอง กจิ กรรมประยกุ ตใ ชใ นชวี ติ ประจาํ วัน ไมผ า น กจิ กรรมแลกเปลย่ี นเรยี นรู ผาน ทดสอบหลงั เรยี น สรปุ บทเรียน

3 ชดุ กิจกรรรมการเรียนรดู วยรปู แบบ 4 MAT หนวยท่ี 4 สารในชวี ิตประจาํ วนั ชดุ ที่ 1 เรื่อง สมบตั ิของสาร สาระการเรยี นรู เผยแพรบ่ นเวบ็ ไซต์สมบตั ิของสาร ผลการเรียนรทู ีค่ าดหวัง 1. ทดลอง วเิ คราะห เปรยี บเทยี บและอธบิ ายสมบัตขิ องสารในสถานของของแขง็ www.kroobannok.comของเหลวและแกส(ว3.1-2) 2. มีทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร 3. มีจติ วิทยาศาสตร จดุ ประสงค ดา นความรู 1. อธบิ ายสมบตั ิของสารในสถานะของแข็ง ของเหลว และแกส ได 2. ยกตัวอยา งสารในชวี ิตประจาํ วันในสถานะของแข็ง ของเหลวและแกสได 3. บอกขอมูลของสิง่ ที่สังเกตไดชัดเจน ดา นทกั ษะกระบวนการ 1. สงั เกต ทดลอง วเิ คราะหและเปรียบเทยี บสมบัติของสารในสถานะของแขง็ ของเหลว และแกสโดยใชส ถานะเปน เกณฑได ดา นจิตวิทยาศาสตร 1. มคี วามสนใจใฝร ู 2. มคี วามมงุ มน่ั อดทน รอบคอบ 3. มคี วามซ่ือสตั ย 4. มีเหตุผล 5. รว มแสดงความคิดเห็น และยอมรบั ฟง ความคดิ เห็นของผอู ่นื

4 สอื่ 1. ตวั อยา งสารไดแก น้ําดื่ม เกลือ นาํ้ ตาล แทง ไม ฟองน้ําลางจาน ดินน้ํามัน นํา้ มนั พชื กระดาษ ลกู โปง แกว นํ้า 2. ภาพอนุภาคของของแข็ง ของเหลว และแกส 3. ขวดปากแคบ 4. น้ํา กอ นหนิ เผยแพร่บนเว็บไซต์5. สายยาง 6. กระดาษขาว www.kroobannok.com7.ไมบรรทัด 8. ดนิ สอ 9. ภาพนาํ้ ตก ภาพกังหนั ลม เพื่อน ๆ มีเวลาปฏบิ ตั กิ จิ กรรม 3 ชัว่ โมง พรอมแลวลงมือเลยคะ ...

5 แบบทดสอบกอนเรยี น ชุดกิจกรรมที่ 1 สมบตั ิของสาร คําชแ้ี จง ใหนักเรยี นเลอื กคําตอบขอทถ่ี กู ตองท่ีสดุ เพียงขอเดยี ว แลวทําเครือ่ งหมาย × เผยแพรบ่ นเวบ็ ไซต์ภาชนะท่บี รรจุทับอักษรหนาคําตอบนน้ั 1. สารใดสามารถเปล่ียนรูปรางไปตาม 4. จากตารางตอบคําถาม สาร A BC ก. นาํ้ แขง็ข. น้าํ ผลไม รปู รา ง คงที่ ไมคงท่ี ไมค งที่ www.kroobannok.comค. ดินน้าํมัน ปริมาตร คงท่ี คงท่ี ไมคงท่ี ง. น้ําตาลทราย อนภุ าค เรียงชดิ กัน อยหู า งกัน ฟุงกระจาย 2. ขอใดไมใ ชขอมูลทไ่ี ดจ ากการสงั เกต ก. น้ําตาลทรายมสี ีขาว ขอ ใดกลาวถกู ตอ ง ข. นาํ้ ตาลทรายมรี สหวาน ค. นาํ้ ตาลทรายนา จะหวานกวานํา้ เชื่อมก. A คือของเหลว B คือของแขง็ C คอื แกส ง. นํา้ ตาลทรายละลายนาํ้ ข. A คือของเหลว B คือแกส C คือของแข็ง 3. สารใดตอ ไปนเ้ี ปน ของแขง็ ของเหลวค. A คอื ของแข็ง B คอื ของเหลว C คอื แกส และแกสตามลาํ ดบั ง. A คอื ของแขง็ B คอื แกส C คอื ของเหลว ก. นํ้าแข็ง นํา้ ปลา ออกซิเจน ข. นาํ้ ปลา น้ําตาล ออกซิเจน 5. สารในขอ ใดมีสถานะตางกนั ก. น้ําเชอื่ ม น้ํามะนาว ข. พมิ เสน ยาธาตุ ค. นาํ้ แข็ง กอ นหิน ง. นํา้ เกลอื นาํ้ เชอ่ื ม ค. นาํ้ แข็งแหง นาํ้ ปลา ออกซิเจน ง. นํา้ ปลา ออกซิเจน น้ําแขง็ แหง

6 6. ขอ ใดคอื สมบตั ิของของเหลว 9. ขอ ใดคอื สมบัตขิ องของแข็ง ก. รูปรางคงท่ี ปริมาตรคงที่ ก. รปู รางคงท่ี ปริมาตรคงท่ี ข. รปู รา งคงที่ ปรมิ าตรไมค งท่ี ข. รูปรางคงท่ี ปรมิ าตรไมค งที่ ค. รปู รางไมค งท่ี ปรมิ าตรคงท่ี ค. รปู รางไมคงท่ี ปริมาตรคงท่ี ง. รปู รางไมค งที่ ปรมิ าตรไมคงที่ 7. ขอ ใดคือสมบัติของที่เหมอื นกันของ ง. รปู รางไมคงท่ี ปรมิ าตรไมค งท่ี 10. ขอ ใดตอ ไปนก้ี ลาวถกู ตอ ง ของแข็งและของเหลว ก. ของเหลว และแกสเปน ของไหล ข. ของแข็ง ของเหลว มมี วล เผยแพร่บนเว็บไซต์ก. รูปราง แกสไมม มี วล ข. ปรมิ าตร ค. ของแขง็ ของเหลวมีปรมิ าตรไมคงที่ ง. ของแข็ง และของเหลวมีรปู รา งคงท่ี www.kroobannok.comค. เปน ของไหล ง. การจดั เรียงของอนุภาค 8. ขอ ใดคือสมบัตขิ องแกส ก. รูปรา งคงที่ ปรมิ าตรคงที่ ข. รูปรางคงท่ี ปรมิ าตรไมคงท่ี ค. รูปรา งไมคงท่ี ปริมาตรคงท่ี ง. รูปรางไมค งท่ี ปริมาตรไมค งที่ ซือ่ สตั ยตอตนเองและผอู ่นื นะจะ

7 เฉลยแบบทดสอบกอนเรียน ชดุ กจิ กรรมท่ี 1 สมบตั ขิ องสาร 1. ข 6. ค 2. ค 7. ข เผยแพรบ่ นเวบ็ ไซต์3.ก 8. ง 4. ค 9. ก www.kroobannok.com5.ข 10. ก เอ ….. เรายงั มีความรูเรื่องสาร คลาดเคลอ่ื น ตอ งต้ังใจศกึ ษาแลวละ เต็ม 10 คะแนน ได. ........คะแนน

8 กจิ กรรมที่ 1.1 สาํ รวจรอบตัว คําชแี้ จง 1. นักเรยี นสงั เกตส่งิ ท่เี ตรียมไวล ว งหนาไดแ ก นา้ํ ดืม่ เกลอื นํา้ ตาล แทง ไม ฟองน้ําลา งจาน ดินนํ้ามนั นาํ้ มันพชื กระดาษ ลกู โปงท่ีเปาลมจนพอง แกวนํ้า เผยแพรบ่ นเว็บไซต์2. ใหน ักเรียนจดั กลมุ สารขา งตน พรอมทัง้ ระบเุหตุผลในการจดั กลุม กลุมท่ี ชื่อสาร เหตุผลในการจดั www.kroobannok.com..................................................................................................................................... ............................................................. .................................................. ................................................................................... .................................................. ...................... ................................................................................... .................................................. ............................................................. .................................................. ............................................................. .................................................. ............................................................. .................................................. ............................................................. .................................................. ............................................................. .................................................. ............................................................. .................................................. ............................................................. .................................................. ............................................................. .................................................. นักเรยี นควรคิดดว ยตนเอง เสร็จแลว แลกเปลีย่ นกับเพ่อื นเพือ่ ศกึ ษา ขอมูลของนกั เรยี น ไมจาํ เปน ตองเหมือนเพ่ือนนะคะ

9 กิจกรรมท่ี 1.2 สงเสรมิ ความคดิ คาํ ช้ีแจง ใหนักเรียนแตละกลมุ ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมแลวตอบคําถามดังน้ี 1. ใหแ ตละกลมุ กอดคอกนั เปนวงกลมใหแนน แลว เคลือ่ นทไ่ี ปดา นใด ดานหนง่ึ เผยแพรบ่ นเว็บไซต์- นักเรยี นเคล่อื นทีส่ ะดวกหรือไม เพราะเหตใุ ด................................. ....................................................................................................................................... 2. ใหน ักเรียนจับมือกนั เปนวงกลม แลวเคลื่อนทไ่ี ปดา นใดดานหนึ่ง www.kroobannok.com- นักเรียนเคล่ือนทงี่ ายหรอื ยากกวา การกอดคอกันเพราะเหตุใด........... ....................................................................................................................................... 3. ใหนกั เรยี นปลอยมอื แลว ตางคนตา งเคลื่อนที่ - นักเรยี นเคล่ือนทีไ่ ดงา ยหรอื ยากเพราะเหตใุ ด.................................... ....................................................................................................................................... 4. นักเรยี นคิดวา สารสถานะใดมีการจับตัวกัน เหมอื นลกั ษณะการปฏิบัติของ นักเรียน 4.1 สารท่ีมลี กั ษณะกอดกันแนน ไดแกส ารใด........................................ 4.2 สารท่มี ลี ักษณะเหมือนการจบั มือกันหลวม ๆ ไดแ กส ารใด ............. 4.3 สารที่มลี กั ษณะตางคนตางเคลือ่ นทไี่ ดแกสารใด............................... ตง้ั ใจเรยี นนะจะเพอื่ น ๆ

10 กจิ กรรมที่ 1.3 สรา งความคิดรวบยอด คาํ ชีแ้ จง นักเรยี นศกึ ษาภาพตอไปน้ีและอธบิ ายเก่ียวกับคณุ สมบตั ขิ อง ของแขง็ ของเหลว และแกส เผwยแwพwร.k่บrนooเวb็บanไnซoตk์.comอนภุ าคของของแขง็ อนภุ าคของของเหลว อนภุ าคของแกส ลักษณะการจัดเรยี งอนภุ าคของแข็ง……………………………………………………... ……………………………………................................................................................... ……………………………………................................................................................... ลกั ษณะการจดั เรียงอนุภาคของเหลว……………………………………………………. ………………………………………………................................................................... ลักษณะการจัดเรียงอนุภาคแกส …………………………………………………………. ........................................................................................................................................... …………………………………………………………………………………………... อนภุ าค หมายถึง ชนิ้ หรอื สวนหรอื หนวยที่เลก็ มาก เชน ฝนุ ละออง โมเลกลุ อะตอม อิเล็กตรอน

11 กจิ กรรมท่ี 1.4 อา นเพ่ิม สง เสริมความรอบรู คาํ ชี้แจง นกั เรียนศกึ ษาแลวรวมกันอภปิ รายภายในกลมุ สาร หมายถึง สิ่งท่มี อี งคประกอบอยา งเดียวกนั มสี มบตั เิ ฉพาะและไมส ามารถใช เผยแพร่บนเวบ็ ไซต์กลวธิ ใี ด ๆ มาแบง แยกใหเปน สว นอื่นที่มีองค ประกอบและสมบตั ิสารและสมบตั ิของสาร วสั ดุหรอื วตั ถตุ าง ๆ รอบตัวเรา ทัง้ ส่ิงมีชีวติ และสิง่ ไมม ชี วี ิต รวมท้ังรางกายของเราตา งก็มี www.kroobannok.comสารเปน องคป ระกอบ และเมอื่ สารจาํ นวนมากอยูร วมกนั ในวัสดุหรอื วตั ถุ กจ็ ะเกิดเปน เน้ือ ของวสั ดหุ รือวัตถุ จึงกลา วไดวา สารเปนเนือ้ ของวสั ดหุ รอื วตั ถุ วสั ดุหรอื วัตถบุ างอยา งประกอบดว ยสารเพยี งชนดิ เดียว เชน ทองคาํ แทง 100 เปอรเซ็นต ประกอบดว ยทองคาํ ลวน ๆ หรือนา้ํ 1 แกว ก็ประกอบดวยหนวยเล็ก ๆ ของนํ้า ลวน ๆ รวมกัน วัสดุหรือวัตถุบางอยางประกอบดวยสารมากกวา 1 ชนิด เชน ทองเหลือง ประกอบดวย ทองแดงกับสังกะสี เหล็กกลา ท่ีใชทํามดี ประกอบดว ยเหล็กกบั คารบ อน หรอื ไสด นิ สอประกอบดวยแกรไฟตกบั ดินเหนียว สารตา งชนดิ กันมีสมบตั แิ ตกตางกัน เชน ทองคํา เปนของแข็งสเี หลอื ง ไมเปน สนิม ไมด าํ เหล็ก เปนของแข็งสีเทา ทงิ้ ไวในอากาศนาน ๆ จะเกิดสนิมและผกุ รอ นได น้าํ เปนของเหลวใส ไมมสี ี ละลายสิ่งตา ง ๆ ไดห ลายชนดิ เกลือและนาํ้ ตาล เปน ของแขง็ สขี าว เกลือมีรสเคม็ แตนา้ํ ตาลมรี สหวานท้ังเกลือ และนา้ํ ตาล ตางกล็ ะลายในนํ้าไดดี วัสดุตา ง ๆ ลว นมีสารเปน องคประกอบ การที่วัสดุตา งชนิดกันมีสมบตั ติ างกนั ก็ เนื่องมาจากสารเปนองคประกอบมีสมบัติตางกนั

12 การทีเ่ ราทราบสารองคประกอบของวสั ดหุ รือวัตถุตา ง ๆ รวมทั้งทราบสมบตั ิของสาร ทีเ่ ปน องคป ระกอบของวัสดุ ชว ยใหเราสามารถใชว ัสดุ หรือสิง่ ของตาง ๆ ไดอยา งถูกตอง เหมาะสมและปลอดภัย เชน เราทราบวา แกสหงุ ตม เปนแกส ทตี่ ดิ ไฟไดงา ย เราจึงตอ ง ระมดั ระวงั ในการใชโ ดยตง้ั ถงั แกสใหหางจากเปลวไฟ สถานะ หมายถึง ความเปนอยขู องสารในขณะทสี่ ามารถสมั ผสั ได สารรอบตัวแบง ได 3 สถานะ คือ ของแขง็ ของเหลวและแกส สารในแตละสถานะ จะมีการจัดเรยี งตวั ของอนภุ าคท่เี ปนองคประกอบแตกตา งกัน ซงึ่ มผี ลทําใหส ารในสถานะ เผยแพรบ่ นเว็บไซต์ของแขง็ ของเหลวและแกส มีสมบตั ิตา งกนั สารในสถานะของแขง็ อนภุ าคภายในของแขง็ จะเรียงตวั และอยชู ิดกันมาก ทําให www.kroobannok.comอนุภาคเคลือ่ นไหวไดนอ ยมาก ของแข็งจงึ สามารถรักษารูปรางและปรมิ าตรใหคงท่ไี ด สารในสถานะของเหลว อนภุ าคภายในของเหลวจะอยหู างกนั และไมเปนระเบยี บ เหมือนในของแขง็ อนภุ าคจงึ สามารถเคล่ือนไหวไดมากกวา ในของแข็ง ทําใหของเหลวไม สามารถรักษารูปรางใหคงทไ่ี ด โดยรปู รา งของของเหลวจะเปล่ียนแปลงไปตามภาชนะท่ี บรรจุ สารในสถานะแกส อนุภาคภายในแกสอยหู างกันมาก ทาํ ใหมีท่วี า งระหวางอนุภาค มากกวา ในของแขง็ และของเหลว อนุภาคจงึ เคลอ่ื นทีไ่ ดอ ยา งอิสระทกุ ทิศทางและไมเปน ระเบยี บ สารในสถานะแกส จงึ ฟงุ กระจายเตม็ ภาชนะที่บรรจเุ สมอ และไมสามารถรกั ษา รูปรา งและปรมิ าตรใหค งท่ไี ด โดยจะเปล่ียนแปลงไปตามรปู รา งของภาชนะทบ่ี รรจแุ ละมี ปรมิ าตรเทา กบั ปริมาตรของภาชนะทบี่ รรจุเสมอ เม่ือเปรียบเทยี บสมบตั ิของสารในสถานะของแข็ง ของเหลวและแกสจะมสี มบัตบิ าง ประการเหมือนกัน และบางประการตา งกันดังนี้ สมบตั ิที่เหมือนกันของสารทง้ั 3 สถานะ คือ มมี วล ตองการที่อยู และสัมผสั ได สมบตั ทิ ี่แตกตางกันดงั น้ี ปริมาตร ของแขง็ และของเหลวมปี ริมาตรคงท่ี แตแกส มปี รมิ าตรไมค งท่ี รปู รา ง ของแข็งมรี ูปรา งคงทแ่ี ตข องเหลวและแกสมรี ปู รา งไมค งที่ จะเปล่ียนแปลง ไปตามรูปรางของภาชนะที่บรรจุ

13 นอกจากน้ีของเหลวและแกสตางกเ็ ปนของไหล เนอ่ื งจากสารทง้ั สองสถานะน้ี สามารถเคล่ือนทไี่ ด และมีรปู รา งเปลย่ี นแปลงไปตามภาชนะทบ่ี รรจุ สมบัติเฉพาะของของเหลวทแ่ี ตกตางจากของแขง็ และแกส คือ ผวิ ของของเหลวใน ภาชนะเดยี วกนั จะอยใู นระดับเดียวกันเสมอ จึงสามารถนําไปใชป ระโยชน เพอื่ หาแนว ระดับในการกอ สรา งได เผwยแwพwร.k่บrนooเวbบ็anไnซoตk์.comหลานๆรจูกั สารและ สมบตั ิของสาร รอบตัว เราแลว ใชไหมจะ ใชค ะ คณุ ตาพวกเรา เขาใจแลวคะ

14 กจิ กรรมท่ี 1.5 เพ่ิมพูนทักษะ กจิ กรรมที่ 1.5.1 ใหนกั เรยี นจาํ แนกชนดิ ของสารตอ ไปนี้ โดยทําเครือ่ งหมาย  เผยแพร่บนเว็บไซต์สาร ในชอ งทีต่ รงกบั สมบตั ขิ องสารนั้น แลว สรุปวา สารใดบางเปนของแข็ง ของเหลวหรือแกส ของแขง็ ของเหลว แกส ออกซเิ จน www.kroobannok.comนํ้าแข็ง ซีเมนต แกว นา้ํ นม น้ํามนั เบนซิน นา้ํ มนั พืช ยางลบ คารบ อนไดออกไซด อากาศ นา้ํ มะพราว แอลกอฮอลจุดไฟ สรุป ของแขง็ ไดแก. .............................................................................................. ของเหลว ไดแก........................................................................................................... แกส ไดแ ก. ..................................................................................................

15 กจิ กรรมท่ี 1.5.2 นักเรียนแตละกลมุ ศึกษาภาพตอ ไปน้ี ทาํ การทดลองสมบตั ิ ของแขง็ และของเหลว บันทึกผล 1. เตมิ นํา้ ลงในขวดปากแคบจนถงึ คอขวด จํานวน 2 ขวดเทา ๆ กัน 2. คอ ย ๆ หยอนกอนหินลงไปในขวดใบท่ี 2 สงั เกตระดบั นํา้ เปรยี บกับระดบั น้ําใน ขวดที่ 1 เผwยแwพwร.k่บrนooเวb็บanไnซoตk์ .comตอบคาํ ถาม 1. จากภาพระดับนาํ้ ในขวดใบที่ 1 กบั ระดบั นาํ้ ในขวดใบท่ี 2 แตกตา งกันหรอื ไม อยา งไร…………………………………………………………………………………… 2. จากภาพเม่อื นักเรียนคอ ย ๆ หยอนกอ นหินลงในขวดใบท่ี 2 ระดบั นํ้าคอ ย ๆ เพ่มิ ข้นึ แสดงวา กอนหนิ ซ่ึงเปน ของแขง็ มีสมบตั อิ ยา งไร....................................................

16 ผลการทดลอง ………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………. เผยแพร่บนเว็บไซต์สรปุ ผลการทดลอง…………………………………………………………………… www.kroobannok.com…………………………………………………………………………….…………. …………………………………………………………………………….………….

17 กจิ กรรมที่ 1.5.3 นักเรียนแตละกลุมรวมกันปฏิบัติกิจกรรมการทดลองตามขน้ั ตอน ตอไปนี้ 1. กรอกนํา้ สใี สส ายยางประมาณ 2/3 ของสายยาง โดยไมใหม ีฟองอากาศ เช็ดสายยางใหแ หง เผwยแwพwร.kบ่ rนooเวbบ็ anไnซoตk์.com2.2นาํ กระดาษขาวติดกับผนงั หองแลว ขดี เสน ตรงสน้ั ๆ บนกระดาษทางดานซายมือ 2.3 นาํ ปลายสายยางขา งหน่ึงทาบบนกระดาษ ใหทับบนตําแหนง ทข่ี ีดไวส วนปลายอกี ขาง หนง่ึ ใหทาบไปบนกระดาษทางดานขวามือ 2.4 เล่ือนปลายสายยางขางขวาขึ้น-ลง จนระดับน้ําสีในสายยางขางซายตรงกับตาํ แหนงที่ขดี ไว และสงั เกตระดบั น้ําสใี นสายยางขา งขวาวาอยตู รงตําแหนงใด ใหขดี เสน สน้ั ๆ ตรงตําแหนงนน้ั ไว 2.5 เลื่อนปลายสายยางขางขวาออกไปทางขวา แลวทําซ้ําตามขอ 4 จนไดตาํ แหนงใหมอีก 3 ตําแหนง

18 2.6 ลากเสนผานตาํ แหนงตา งๆ ทที่ ําเคร่ืองหมายไว สงั เกต และบนั ทึกผล บันทึกผลการทดลอง เผยแพรบ่ นเว็บไซต์………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………. www.kroobannok.comตอบคําถามตอ ไปน้ี 1. จากการทดลอง เสน ที่ลากผา นตําแหนงตาง ๆ ของระดับนา้ํ ในสายยางมลี ักษณะ อยางไร………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………….. 2. นกั เรียนคิดวาของเหลวอื่นจะมสี มบตั เิ ชนเดยี วกบั นาํ้ หรอื ไม.......................... ……………………………………………………………………………………….. สรุปผลการทดลอง ……………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………..

19 กิจกรรมที่ 1.5.4 นักเรยี นแตละกลุมรวมกันศกึ ษาภาพตอไปนีแ้ ลว รว มกนั อภิปราย ตอบคําถามและสรปุ สมบัติของของเหลวและแกส เผwยแwพwร.k่บrนooเวb็บanไnซoตk์.comน้าํตก กังหนัลม ตอบคําถามตอไปน้ี 1. จากภาพนํา้ เคลือ่ นท่ีหรือไหลไดหรือไม สงั เกตจากอะไร ………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………. 2. จากภาพอากาศเคล่อื นท่ีหรอื ไหลไดห รือไม สงั เกตจากอะไร ………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………. สรุปผล ของเหลวและแกสมสี มบตั ิเหมือนกนั คือ................................................

20 กจิ กรรมท่ี 1.5.5 ใหน กั เรียนสังเกตสารตอไปน้ี นาํ้ ดม่ื เกลอื นํ้าตาล แทงไม ฟองนา้ํ ลา งจาน ดินน้ํามนั นํา้ มนั พชื กระดาษ ลูกโปง แกวนํ้า บอกสถานะของสาร และทาํ เครือ่ งหมาย  ในชองท่ตี รงกบั สมบตั ขิ องสารแตล ะชนิด สถานะ ปรมิ าตร รปู ราง ผวิ หนา เผยแพร่บนเวบ็ ไซต์นาํ้ดม่ืของสาร อยใู น ชอ่ื สาร คงที่ ไม คงที่ ไม มีมวล สามารถไหลได คงท่ี คงท่ี แนวราบ เกลือwww.kroobannok.comน้ําตาล แทง ไม ฟองนํ้าลางจาน ดนิ นํ้ามนั น้ํามนั พชื กระดาษ ลกู โปง ท่เี ปา ลม จนพอง แกว น้ํา สรุปสมบตั ขิ องสาร 1. สารในสถานะของแข็งมปี ริมาตร....................รูปรา ง...................................................... 2. สารในสถานะของเหลวมปี รมิ าตร...................รปู รา ง...................................................... 3. สารในสถานะแกสมีปริมาตร...........................รูปรา ง...................................................... - ของแขง็ ของเหลว มีสมบตั ิเหมือนกันไดแก. ............................................................... - ของเหลวและแกส มีสมบัติเหมือนกนั ไดแ ก. ...............................................................

21 กิจกรรมท่ี 1.6 สะทอ นความคดิ สะกดิ สมอง คาํ ช้แี จง ใหน กั เรยี นแตละกลุมรวมกันสรุปสมบัติของสารท้ัง 3 สถานะ พรอมท้ัง ยกตวั อยา ง ในรปู แบบแผนทีค่ วามคดิ พรอ มท้งั ตกแตงใหส วยงาม เผwยแwพwร.kบ่ rนooเวbบ็anไnซoตk์.comสมบตั ขิ องสาร

22 กจิ กรรมที่ 1.7 ประยุกตใ ชในชวี ติ ประจําวนั คําชี้แจง ใหน ักเรยี นรวมกนั คดิ วเิ คราะห และยกตวั อยา งการนําสมบตั ขิ องสาร สารในสถานะของแขง็ ของเหลว หรือแกส ไปใชในชีวติ ประจําวนั แลว นําเสนอในรูปแบบท่นี ักเรยี นตองการ เผยแพร่บนเวบ็ ไซต์ของแข็ง www.kroobannok.comของเหลว แกส

23 กจิ กรรมที่ 1.8 แลกเปลีย่ นเรยี นรู คําชีแ้ จง ใหน ักเรยี นแตละกลมุ รว มกันอภิปรายและเขยี นสรปุ ความรปู ระโยชนท เ่ี รียน เร่อื ง สมบัติของสาร ตามรปู แบบท่ตี อ งการเชน แผนทีค่ วามคดิ แผนภาพ รูปภาพ หนังสอื เผwยแwพwร.kบ่ rนooเวbบ็ anไnซoตk์.comเลม เลก็ ภาพสามมติ ิฯลฯนาํ ผลงานแลกเปลี่ยนเรยี นรูก ับเพอ่ื นและจัดปายนิเทศ

24 แบบทดสอบหลังเรยี น ชดุ กิจกรรมท่ี 1 สมบตั ิของสาร คําชแี้ จง ใหน ักเรยี นเลอื กคาํ ตอบขอ ทถ่ี ูกตอ งที่สดุ เพยี งขอเดยี ว แลวทาํ เคร่อื งหมาย × เผยแพรบ่ นเวบ็ ไซต์ก.นา้ํ แข็ง กอนหิน ทับอกั ษรหนา คาํ ตอบน้นั 1. สารในขอใดมสี ถานะตา งกัน 4. สารใดสามารถเปลีย่ นรูปรา งไปตาม www.kroobannok.comง. พิมเสน ยาธาตุ ภาชนะที่บรรจุ ข. น้าํ เชื่อม นา้ํ มะนาว ก. น้ําแขง็ ค. นาํ้ เกลือ นํา้ เชอ่ื ม ข. น้าํ ผลไม ค. ดนิ นาํ้ มนั 2. สารใดตอ ไปนเี้ ปนของแขง็ ของเหลว ง. นาํ้ ตาลทราย และแกส ตามลาํ ดับ 5. จากตารางตอบคาํ ถาม ก. นาํ้ ปลา นา้ํ ตาล ออกซิเจน สาร A BC ข. นํา้ แขง็ นํ้าปลา ออกซิเจน ค. น้ําแขง็ แหง นา้ํ ปลา ออกซเิ จน รูปรา ง คงท่ี ไมคงที่ ไมคงที่ ง. นํ้าปลา ออกซิเจน นาํ้ แข็งแหง ปริมาตร คงที่ คงท่ี ไมค งท่ี 3. ขอใดไมใ ชขอ มลู ที่ไดจ ากการสงั เกต ก. น้าํ ตาลทรายมีสขี าว อนภุ าค เรียงชิดกัน อยูหางกนั ฟุงกระจาย ข. นํ้าตาลทรายมรี สหวาน ค. นาํ้ ตาลทรายนาจะหวานกวา นา้ํ เช่อื ม ขอใดกลาวถกู ตอ ง ง. นาํ้ ตาลทรายละลายนาํ้ ก. A คือของเหลว B คือของแข็ง C คือแกส ข. A คอื ของเหลว B คอื แกส C คอื ของแข็ง ค. A คือของแข็ง B คอื ของเหลว C คอื แกส ง. A คือของแขง็ B คือแกส C คอื ของเหลว

25 6. ขอ ใดคอื สมบัติของแกส 9. ขอใดตอไปนี้กลาวถกู ตอง ก. รปู รางคงที่ ปรมิ าตรคงที่ ก. ของเหลว และแกสเปนของไหล ข. รูปรางคงที่ ปริมาตรไมค งที่ ข. ของแข็ง ของเหลว มมี วล ค. รปู รา งไมค งท่ี ปริมาตรคงที่ แกสไมมีมวล ง. รปู รา งไมค งที่ ปริมาตรไมคงที่ 7. ขอ ใดคอื สมบตั ขิ องของเหลว ค. ของแข็ง ของเหลวมีปริมาตรไมค งที่ ง. ของแข็ง และของเหลวมีรปู รางคงที่ ก. รปู รางคงที่ ปริมาตรคงที่ 10. ขอ ใดคือสมบัติของของแข็ง ก. รปู รา งคงท่ี ปริมาตรคงที่ เผยแพรบ่ นเวบ็ ไซต์ข. รปู รางคงท่ี ปรมิ าตรไมค งที่ข. รปู รางคงท่ี ปรมิ าตรไมค งที่ ค. รปู รา งไมคงท่ี ปรมิ าตรคงที่ ค. รปู รางไมคงที่ ปรมิ าตรคงที่ ง. รปู รา งไมค งที่ ปรมิ าตรไมค งท่ี www.kroobannok.comง. รูปรางไมคงที่ ปริมาตรไมค งที่ 8. ขอ ใดคอื สมบัตขิ องที่เหมอื นกนั ของ ของแข็งและของเหลว ก. รูปราง ข. ปรมิ าตร ค. เปนของไหล ง. การจดั เรยี งของอนภุ าค ความซ่ือสตั ย เปน คุณสมบตั ขิ องนักวทิ ยาศาสตรน อ ยจะ

26 เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน ชดุ กจิ กรรมที่ 1 สมบัติของสาร 1. ง 6. งไชโย ! ผมตั้งใจเรยี นรู ผมพฒั นาขึน้ 2. ค 7. คแลว ครบั คณุ ครู เผยแพรบ่ นเวบ็ ไซต์3.ค 8. ข www.kroobannok.com4.ข 9. ก 5. ค 10. ก เต็ม 10 คะแนน ได. .........คะแนน พัฒนาขึน้ ..........

27 บรรณานกุ รม จาํ นง ภาษาประเทศ. (2549). หนังสอื เรยี นสาระการเรียนรูพน้ื ฐาน วิทยาศาสตร ป.6. กรงุ เทพฯ : แมค็ . รัตนา ใจซ่อื สมบูรณ. (2548). เสรมิ สาระการเรยี นรูพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร ป.6. กรงุ เทพฯ : เดอะบคุ ส. วรรณทพิ า รอดแรงคา และคณะ. (2550). ชุดกจิ กรรมพฒั นาการคดิ วิเคราะห เผยแพรบ่ นเวบ็ ไซต์เสริมสรา งคณุ ธรรม จริยธรรม และคา นยิ มทีด่ งี าม วิทยาศาสตรป.6. กรุงเทพฯ : บริษทั พัฒนาคุณภาพวชิ าการ (พว) จาํ กัด. ศกึ ษาธกิ าร, กระทรวง. (2548). หนงั สือเรียนสาระการเรียนรพู นื้ ฐานวิทยาศาสตร www.kroobannok.comกลุมสาระการเรียนรูวิทยาศาสตร ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ี่6.กรงุ เทพฯ:โรงพมิ พ คุรสุ ภาลาดพรา ว. สงเสริมการสอนวิทยาศาสตร, สถาบนั . (2549). คมู อื ครูสาระการเรยี นพน้ื ฐาน วทิ ยาศาสตร กลุม สาระการเรียนรวู ิทยาศาสตร ชนั้ ประถมศึกษาปท ี่ 6. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพคุรสุ ภาลาดพรา ว. . (2548) . แบบบนั ทกึ กิจกรรมสาระการเรียนพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร ช้ันประถมศึกษาปท ี่ 6. กรุงเทพฯ : โรงพิมพค รุ สุ ภาลาดพรา ว. . (2550). หนังสอื เรยี นสาระการเรียนรูพน้ื ฐาน สารและสมบัตขิ องสาร ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 1. พิมพค ร้ังท่ี 7. กรุงเทพฯ : องคการคา สกสค. สมศักดิ์ สินธุระเวชญ และคณะ. (2548). หนงั สอื เรยี นสาระการเรียนรูพนื้ ฐาน ชุดปฏริ ูป : รวู ธิ กี ารเรียนรู วทิ ยาศาสตร ช้ันประถมศกึ ษาปท ่ี 6. กรงุ เทพฯ : วัฒนาพานชิ . เอกรนิ ทร ส่มี หาศาล และคณะ. (2548). ส่ือการเรยี นรู สาระพ้นื ฐาน กลุมสาระ การเรียนรวู ิทยาศาสตร แมบ ทมาตรฐาน วิทยาศาสตร ป.6. พิมพคร้งั ท่ี 4 . กรุงเทพฯ : อกั ษรเจริญทัศน . เขาถึงไดจาก www.google.com. สบื คน เมื่อวันท่ี 20 มีนาคม 2550.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook