รายงานวชิ าภาษาไทย เร่อื ง การตัง้ ชือ่ นนั้ สาคญั ไฉน จดั ทำโดย 1. นำยภำณวุ ิชญ์ วนิ ัยชำตศิ กั ดิ์ ม.5/1 เลขท่ี 3 2. นำยธนทั พฒั นจันทร์ ม.5/1 เลขท่ี 7 3. นำยชอบธรรม อย่วู นชิ ชำนนท์ ม.5/1 เลขท่ี 11 เสนอ รำยงำนนเ้ี ปน็ สว่ นหนึ่งของวชิ ำภำษำไทย อำจำรยศ์ ุภลกั ษณ์ พลเรอื ง กลมุ่ สำระกำรเรียนร้ภู ำษำไทย โรงเรยี นรำชสีมำวทิ ยำลัย
คานา รำยงำนฉบบั นเ้ี ป็นสว่ นหนง่ึ ของวิชำภำษำไทย ชน้ั มัธยมศึกษำปีที่5 โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อ มีจดุ ประสงคเ์ พือ่ ศกึ ษำควำมรูเ้ กีย่ วกับกำรตั้งช่ือ และววิ ฒั นำกำรของช่ือของคน ไทย และยงั เปน็ กำรเพิม่ ทกั ษะในกำรเขยี นรำยงำน ผู้จดั ทำไดท้ ำกำรศกึ ษำค้นควำ้ และ รวบรวมขอ้ มลู จำกอินเตอรเ์ น็ต ผู้จดั ทำหวังวำ่ รำยงำนเลม่ น้ีจะเปน็ ประโยชนต์ ่อผู้ท่ี ต้องกำรจะศกึ ษำเรอ่ื งรำวของกำรตั้งชือ่ และเป็นตัวอยำ่ งเบือ้ งต้นของกำรเขียนรำยงำน หำกมีขอ้ ผิดพลำด ผู้จดั ทำขออภยั มำ ณ ที่น้ดี ว้ ย ภำณวุ ิชญ์ วินัยชำติศักดิ ธนทั พัฒนจนั ทร์ ชอบธรรม อย่วู นิชชำนนท์
สารบัญ ควำมเช่ือเกีย่ วกบั ชือ่ ………………………………………………………………………………………………………….4 ภำษำกบั วัฒนธรรมท่เี กย่ี วข้องกับกำรตงั้ ช่ือ………………………………………………………………………….5 วิวฒั นำกำรของชื่อคนไทย…………………………………………………………………………………………………..9 กำเนิดช่ือเล่น………………………………………………………………………………………………………………….10 ค่ำนยิ มทปี่ รำกฏในกำรต้ังชื่อ…………………………………………………………………………………………….12 ประเภทของภำษำในกำรตัง้ ชอื่ ………………………………………………………………………………………….14 บรรณำนกุ รม………………………………………………………………………………………………………………….16
การต้งั ช่ือ ชอื่ คือสิง่ ทม่ี นษุ ย์ได้สรำ้ งขึน้ เปน็ คำตำ่ ง ๆ เพ่ือใช้แทนคน สัตว์ สง่ิ ของ โดยทัว่ ๆ ไปหรือโดย เฉพำะเจำะจง หรอื สง่ิ ที่เปน็ นำมธรรมท่สี ำมำรถสัมผสั หรอื รู้สกึ ได้ เพอื่ นำมำเรียกหรืออ้ำงถึง กำร ใชช้ อ่ื เรียกแทนบุคคลเป็นสิ่งที่ควรทต่ี งั้ แตเ่ กิดหำกไม่ได้เปน็ คนเร่รอ่ น ตำมกฎหมำยแลว้ บงั คบั ให้ ประชำชนทุกคนต้องมีชอ่ื ตง้ั แตเ่ กิด ซึ่งช่อื อำจจะซ้ำกนั ได้ ความเชือ่ เก่ียวกบั ชื่อ เซอร์เจมส์ จอร์จ เฟรเซอร์ นักมำนุษยวิทยำชำวองั กฤษ เคยกลำ่ วไวว้ ่ำ อำรยชนมักจะต้ังชอื่ คน สตั ว์ ส่ิงของ ดว้ ยควำมประสงคท์ ี่ว่ำ ต้องกำรใหม้ นั แทนสงิ่ นั้นจรงิ ๆ หรอื อำจกลำ่ วได้ว่ำช่อื น้นั เป็น ตัวตนที่แทจ้ รงิ ของวัตถุท่ีบอกเล่ำเอกลกั ษณต์ ำ่ ง ๆ ไว้เช่น ผม ขน เลบ็ ฯลฯ ดงั น้นั ในหลำย วัฒนธรรม ชื่อจรงิ จึงเปน็ สิ่งตอ้ งหำ้ มเนอ่ื งจำกหำกลว่ งรกู้ ห็ มำยถึงชวี ติ ต้องตกอยู่ในมือผู้อนื่ อำจ โดนทำไสยศำสตร์เช่นใดก็ได้ ทำใหใ้ นกำลตอ่ มำควำมหวำดระแวงน้พี ัฒนำเปน็ มำรยำทที่ตอ้ งเอ่ย นำมตัวเองกอ่ นถำมนำมผู้อน่ื นั่นเอง กลำ่ วโดยยอ่ ก็คือในวฒั นธรรมโบรำณ ชอ่ื จริงนั้นเปน็ ส่งิ สำคัญ มำกเพรำะอำจถกู เอำไปทำไสยศำสตร์ คนโบรำณเลยมกั ไมบ่ อกกัน หำกชือ่ คอื ตัวตน ชือ่ ของคน ยอ่ มสง่ ผลกับตวั ตนเช่นกัน ผูค้ นโดยมำกจงึ นยิ มตั้งชื่อมนษุ ย์ให้สอื่ ถึงควำมเข้มแขง็ ทำงวิญญำณ อกี นยั หนง่ึ ช่ือกเ็ ป็นวิชำไสยเวทประเภทหนง่ึ ในตระกลู ทรัมปแู หง่ ซลู ำเวซี ประเทศอินโดนีเซีย ถงึ กับ มีกำรเอำชือ่ ของคนในเกำะมำเกบ็ ไว้ เพรำะเชอื่ ว่ำกำรไดค้ รอบครองชอ่ื กเ็ หมือนประหนึ่งได้ ครอบครองวิญญำณของผนู้ นั้ สำหรบั ควำมเชื่อของคนไทยแล้ว ช่อื ไม่เป็นเพียงแค่ส่ิงสมมุติท่ใี ช้เรียกขำนแทนตัวเท่ำน้นั แต่ยังจะ มีบทบำทและแสดงถงึ สภำพของเจ้ำของชือ่ ดว้ ย โดยจะสง่ ผลถึงควำมเป็นสิริมงคลและกำลกณิ ีให้ เกดิ แกเ่ จำ้ ของชอ่ื ได้ จึงมีควำมเชือ่ มำแตโ่ บรำณวำ่ กำรเปลยี่ นชอ่ื ใหม่เป็นกลวธิ หี น่ึงท่ีจะชว่ ยให้ หำยเจ็บป่วยหรือเครำะห์รำ้ ยต่ำง ๆ เพรำะเชือ่ วำ่ เด็กเกดิ จำกผีปน้ั เม่ือคลอดออกมำแลว้ ผกี ย็ งั จะ คอยมำเอำชวี ิตกลับคืนไป ดงั น้ันกำรเปล่ยี นชอ่ื จงึ เป็นกำรหลอกใหผ้ ีเข้ำใจวำ่ เปน็ คนละคนกนั เสฐยี รโกเศศ กลำ่ ววำ่ ช่อื เกำ่ ท่มี ผี ชู้ ือ่ เชน่ หมู หมำ กบ เขียด ด้วง เป็นต้น คงเป็นชอื่ ตง้ั ขึน้ เพือ่ หลอกลวงผีว่ำไม่ใช่คนแต่เป็นหมหู มำ ผจี ะได้ตำยใจไม่เอำตวั ไป เป็นลักษณะที่ใชใ้ นภำษำอังกฤษ เรียกว่ำ cacophonism ซงึ่ มีอย่ใู นประเพณีดัง้ เดมิ ของทกุ ชำตทิ กุ ภำษำ
ควำมเช่ือเร่อื งชอ่ื ในสังคไทยสะทอ้ นออกมำให้เห็นในแง่มุมตำ่ ง ๆ เช่น วรรณคดีพ้ืนบ้ำนเร่อื ง ขุน ช้ำงขุนแผน ทนี่ ำง พมิ พลิ ำไล เปลีย่ นชอ่ื เป็น วันทอง ตำมคำทักของขรวั ตำจูหลงั จำกท่ีเจบ็ ปว่ ย ออด ๆ แอด ๆ มำตลอด ภาษากบั วฒั นธรรมทีเ่ กย่ี วขอ้ งกับการตง้ั ช่ือ วฒั นธรรมในกำรต้งั ชอ่ื เพือ่ เรียกขำนกนั น้นั สะท้อนให้เหน็ พัฒนำกำรในกำรใช้ภำษำและวฒั นธรรม ด้ำนอืน่ ๆ บำงประกำรหลักฐำนทพ่ี อจะช่วยให้เหน็ แนวนยิ มในกำรต้ังช่ือบุคคลระดบั ชำวบำ้ นคือ ชื่อบคุ คลทป่ี รำกฏในตำนำนเมืองนครศรีธรรมรำชที่ว่ำดว้ ยผสู้ ร้ำงวดั สรำ้ งไรน่ ำ และเอกสำรท่ี เกย่ี วกับเรอื่ งกัลปนำ ในสมัยกรุงศรอี ยุธยำซงึ่ มรี ำยชื่อประเพณเี ป็นจำนวนมำกพอ นอกจำกนีก้ ม็ ี ชือ่ เจำ้ เมืองและบรรดำศักด์ทิ แ่ี ตง่ ต้งั มำจำกสว่ นกลำงซึง่ มแี นวนิยมตำ่ งไปอกี ลกั ษณะหนงึ่ ครัน้ ถึง สมยั รัชกำรที่ ๖ แหง่ กรงุ รัตนโกสนิ ทร์ มกี ำรตัง้ ชื่อสกลุ มกี ำรพระรำชทำนนำมและพระรำชทำน นำมสกลุ แนวนิยมตงั้ ชือ่ จงึ เป็นเชน่ เดยี วกับภำคกลำงและภำคอน่ื ๆ ของประเทศ รำยช่อื ชำวบ้ำนที่พบในตำนำนเมืองนครศรีธรรมรำชสว่ นใหญเ่ ป็นคำไทยแท้ มีทง้ั ทเ่ี ปน็ พยำงค์ เดียวและคำผสมมมี ำกกว่ำหนง่ึ พยำงค์ เชน่ สุก คำ ดำ แกล้ ออ่ น เกลีย้ ง เรือง กองทอง พำนทอง อยู่ผอง จันเลำทอง รดั เมอื ง ที่เป็นคำภำษำบำลสี ันสกฤตก็มบี ้ำง เช่น รำช เพชร บญุ เทศ ประภำ วดี ศรีรำชำ เร่อื ง “ยอเข้ำตำรำเหมอื นตรำพระธรรมวลิ ำสเอำไปววิ ำทเป็นหวั เมือง” ซงึ่ เกย่ี วเนอื่ งกบั กำร กลั ปนำวดั พะโคะ เมืองพทั ลุง(สทงิ พระ) ปรำกฏว่ำมรี ำยชือ่ บรรดำเทอื กเถำหล่ำกำของคนทำน มกี ำรใชค้ ำ “นำง” (มี ๔๙ รำยชอ่ื ) และใช้คำ “ออ” นำหนำ้ เพศชำย (มี ๓๖ รำยชื่อ) ส่วนใหญ่ เปน็ คำภำษำไทยและเป็นคำภำษำถน่ิ ชอ่ื เพศชำยไดแ้ ก่ ออโสม ออบุตร ออไชย อองว้ั กำน ออเทพ ออวงั ออเย (๒ ชื่อ) ออรำชศรียศ ออเทพกุมำร ออสอนมลิ ออตน ออพรหม ออนิยำย ออรตั แกว้ ออแกว้ สะคอน อองำย ออไชยปญั ญำ ออแกว้ ออหอม ออสอนวงรำช ออกรทอง ออไชยศรี ออมะ คน ออสี ออสวน ออรำช ออเพชร ออดี ออพรหมกมุ ำร อออินหมู ออชำย ออชำย ออศรี ออไทย ออขำน
ปรำกฏวำ่ คำท้งั หลำยคำที่ใช้ทั้งท่ีเปน็ ช่ือผหู้ ญงิ และช่ือผ้ชู ำย เชน่ นำงหอม ออหอม นำงแกว้ ออ แก้ว นำงดี ออดี นำงสี ออสี เปน็ ตน้ เป็นท่หี น้ำสงั เกตว่ำรำยชอ่ื นำยประเพณีและหวั งำนในเรือ่ งยอเข้ำตำรำฯ ฉบบั น้ี ซ่ึงมีอยู่ ๑๑๐ รำยชื่อ จำแนกไดเ้ ป็นรำยชื่อสันสกฤตถงึ ๔๕ รำยชอื่ (ในจำนวนนีอ้ ำจเป็นไปไดท้ ัง้ คำบำลแี ละ สนั สกฤตอยู่ ๑๐ ช่อื ) เป็นคำประสมระหว่ำคำภำษำบำลีกับภำษำสันสกฤต ๘ ชอ่ื เป็นคำภำษำ บำลี ๘ ชอ่ื คำไทยแท้ ๓๖ ชอ่ื และเปน็ คำภำษำอื่นๆ นอกจำกทก่ี ลำ่ วมำแลว้ ๑๓ ชื่อ ซ่ึงทำใหเ้ ห็น ว่ำชข่อื บุคคลที่เก่ียวขอ้ งกับสถำบันสงฆ์อยำ่ งใกลช้ ดิ ในยคุ น้ัน (รำวสมยั อกำทศรถ) นิยมใช้ภำษำ สันสกฤตมำกกว่ำภำษำบำลแี ละมำกกว่ำภำษำไทยแท้ ตวั อยำ่ งชือ่ ที่เป็นสนั สกฤต เช่น พรหม พิจติ ร ยศ อนิ ทร์ ศรสี งครำม ศรชี ำติ รำชไมตรี เทศ จันทร หงส์ เพชร ศรโี สต พรหมบตุ ร รำชศรี ยศ ศุข ศรีกมุ ำร ชอื่ ทีเ่ ป็นภำษำอื่น (ไม่แนใ่ จว่ำเป็นภำษอะไร) เชน่ โสมมะคน มะพล ศรีชำยตรอย ศรีชำยกะมำน ศรกี ะมำน พรหมสะดัน (ซงึ ล้วนมรี ปุ คำสันสกฤตประสมอยู่ดว้ ย) กำรท่ีรำยชือ่ ผู้ใกลช้ ดิ กับศำสนำนิยมใชภ้ ำษำสนั สกฤตเช่นน้ี อำจสบื เนื่องมำจำกอิทธพิ ลของ ภำษำสันสกฤตทใ่ี ช้ในพุทธศำสนำลทั ธิมหำยำนซง่ึ แพรห่ ลำยในภำคใตก้ อ่ น พทุ ธศำสนำลงั กำวงศ์ วงศ์จะเขำ้ มำสแู่ ถบนก้ี ็เป็นได้ แม้ว่ำหลกั ฐำนท่ีอ้ำงถึงนี้พุทธศำสนำลทั ธิลงั กำวงศ์จะแพรห่ ลำยใน ภำคใตม้ ำนำนแลว้ ก็ตำม อนงึ่ แม้แตภ่ ำษำพดู ทัว่ ไปก็พบว่ำนยิ มคำสนั สกฤตประสมอยมู่ ำกมำย ในแง่ควำมหมำยของชอื่ ชำวภำษำใตท้ เี่ ป็นไทยพทุ ธบำงทอ้ งถ่ินนยิ มตั้งชอ่ื เดก้ เลก็ หรือเม่อื เป็น ทำรก ซง่ึ เรียกช่อื วำ่ “น้ำนม” ใหค้ วำมหมำยในทำงไม่ดี เพ่อื ไม่ใหผ้ ีรัก ไม่ใหผ้ พี อใจ เช่นชอื่ หมำ ขหี้ มำ แมว ข้ีกลำ(นำ้ ครำ) ก้ำงปลำ เป็นต้นและมำกรำยชื่อนำ้ นมนน้ั ได้เรียกไปตลอดชวี ิต ขนบนิยมกำรตัง้ ช่ือน้ำนมน้ีของจนี ก็มี ภำษำจนี แตจ๋ วิ๋ เรียกชือ่ น้ำนมว่ำ “เลอ่ เมีย่ ” เช่นชอ่ื “เหยียง” ของพระยำวิเชียรคิรี ต้นสกลุ ณ สงขลำ ก็เป็นชอ่ื น้ำนม แต่คำเหยียงเปน็ ภำษำจีน ฮกเกีย้ น (ดู ณ สงขลำฒต้นตระกลู ) เดโช สวนำนนท์ ตัง้ ข้อสังเกตว่ำ ชอ่ื เจำ้ เมืองหรอื บรรดำศักดม์ิ กั จะระบถุ ึงควำมสำคัญและศกั ด์ิ ของเมืองน้ันๆ อย่เู สมอ เช่น เจำ้ เมืองไชยำ”พระศรรี ำชสงครำมรำมภักดี” ระบุวำ่ เป็นผใู้ หญ่มี ภำรกิจในกำรรบ เพรำะเปน็ เมอื งท่ีต้องรบทัพจกั ศกึ อยตู่ ลอดเวลำ เจ้ำเมอื งระนองมีรำชทนิ นำมวำ่ พระยำรตั นเศรษฐี เพรำะเมอื งระนองเป็นเมอื งท่ีเกี่ยวกับกำรเงินกำรทอง เก่ยี วกบั ภำษอี ำกรเปน็ สำคัญ เจำ้ เมอื งภูเก็ตมีศักดว์ิ ำ่ พระยำภูเก็ตเกษตรำรักษ์ เพรำะเมืองภเู กต็ มแี รโ่ ลหะเปน็ สำคัญ
เมอื งนครศรธี รรมรำชเป็นเมอื งพระหรือเมอื งสำคญั ทำงพระพุทธศำสนำตำแหน่งปลัดเมืองไดช้ อื่ ว่ำ พระศิริธรรมบรริ ักษ์ หรือเจำ้ เมืองเป็น พญำศรธี รรมำโศกรำช เป็นต้น เม่อื ธรรมเนียมกำรตงั้ ชื่อตำมหลักโหรศำตร์แพร่หลำยมตี ำรำต้งั ชอ่ื เกดิ ขึ้น (เช่น ตำรำพรหมชำต)ิ มีเกณฑก์ ำรต้ังชทื ่อตำมอกั ษรวนั เกดิ ตำมนำมกำเนดิ และตำมนำมปีเกดิ ผู้ทเ่ี ป็นบิดำมำรดำหรือ ผ้ปู กครองจึงไปใหผ้ ูร้ ้ผู ้เู ขำ้ ใจในกำรต้งั ช่อื ช่วยคดิ และต้ังชอื่ ใหล้ ูกกลุ บุตรกุลธิดำตำมธรรมเนียมกำร ต้งั ชอ่ื ในทำงโหรศำตร์ ซ่ึงถอื ว่ำดำวเครำะทงั้ ๘ เป็นนำมกำเนิดเป็น นำมชำย นำมหญงิ ไว้คนละ ฝ่ำย แล้วกำหนดอักษร ๘ หมูป่ ระจำวันพระเครำะหน์ ั้นๆ ผเู้ กดิ วันไหนกเ็ อำอกั ษรประจำวันน้ันมำ ตัง้ ชอ่ื คอื ผูเ้ กิดวันอำทิตย์ ให้นำอกั ษร อ อำ อิ อี อุ อเู อ โอ มำต้งั ถำ้ เกดิ วันจนั ทร์ นำอกั ษร ก ข ค ฆ ง มำตัง้ วันเกดิ วันองั คำร นำอักษร จ ฉ ช ฌ ญ มำตง้ั เกอดวนั พทุ ธ นำอกั ษร ฏ ฐ ฑ ฒ ณ มำตงั้ เกิดวนั พฤหัสบดี นำอกั ษร ส ห ฬ อ มำตง้ั เกิดวันเสำร์ นำเอำ ต ถ ท ธ น มำตั้ง นอกจำกนี้ ยังมีนยิ มตงั้ ชอื่ ตำมทกั ษำปกรณ์ คือ ดำวเครำะห์ทจ่ี ัดให้เปน็ ระเบยี บเปน็ บรวิ ำร อำยุ เดช ศรี มู ละ อุตสำหะ มนตรี กำลกรรณี โดยเวยี นขวำไปตำมทิศทง้ั ๘ คอื บูรพำ อำคเนย์ ทกั ษิณ หรดี ประจิม พำยัพ อดุ ร อสี ำน ชำยเกดิ วัรอะไรใหน้ บั วันนั้นขึ้นต้นเป็นบรวิ ำร แล้วนบั ตอ่ ไปเป็นอำยุ เดช ศรี มลู ะ ฯลฯ นำมชำยนิยมอกั ษรวรรคเดช นำมหญิงนิยมใช้อกั ษรวรรคศรีหรอื วรรคอ่ืนๆ เวน้ แต่กำลกรรณี เหลำ่ นีเ้ ป็นต้น เน่ืองจำกกำรตั้งช่อื ตำมคติโหรำศำตร์คอ่ นข้ำงซบั ซ้อนให้ตัง้ ช่อื ตำมมงคลนำม หมำยดีไดต้ ำม ควำมเข้ำใจ อนงึ่ ในสมัยรชั กำรที่ ๖ ทรงโปรดเกล้ำฯพระรำชทำนนำมและสกุลแก่ขำ้ รำชบรพิ ำร และโปรดทจ่ี ะใช้คำภำษำบำลหี รือสนั สกฤต ดงั เชน่ เมืองวนั ท่ี ๑๒ กรกฎำคม พ.ศ.๒๔๕๘ เสดจ็ ประทบั ณ วัดพระมหำธำตุ ฯเมอื งนครศรีธรรมรำช ทรงพระกรุณำโปรดเกล้ำฯ พระรำชทำนพระ หตั ถเลขำขนำนนำมสกลุ เป็นสวสั ดมิ งคลแกข่ ้ำรำชกำร คือ อำมำตย์เอก พระยำประชำกิจกรจักร (ทับ) พระรำชทำนนำมสกุลว่ำ “มหำเปำรยะ” อำมำตย์โท หลวงธรรมรัฐธุรำทร (คลำ้ ย) พระรำชทำนนำมสกลุ วำ่ “โกไศยกำนนท์” รองอำมำตย์เอก หลวงสทิ ธิศกั ด์ิภักดี (ปำน) พระรำชทำนนำมสกลุ วำ่ “ขมั พำนนท์” รองอำมำตยเ์ อก หลวงประจนั ต์จธุ ำรักษ์ (สำ) พระรำชทำนนำมสกุลว่ำ “สวรรณสำร” รองอำมำตยโ์ ท หลวงบุรธนพทิ ักษ์ (ใหญ่) พระรำชทำน นำมสกุลวำ่ “สทุ ธิเศวต” รองอำมำตยโ์ ท ขนุ รัฐวฒุ วิ ิจำรณ์ (เขยี น) พระรำชทำนนำมสกุลวำ่ “มำล ยำนนท์” รองอำมำตย์โท ขนุ พยคั พยูนกำร (เตำ่ ) พระรำชทำนนำมสกุลวำ่ “ศตะกูรมะ” นำยบญุ เลก็ มหำดเลก็ พระรำชทำนนำมสกุลว่ำ “หุตนิ นั ทน์” นำยรอ้ ยโทฟู พระรำชทำนนำมสกลุ ว่ำ “มหำกนิษฐ์” นบั แตน่ ั้นมำเกดิ นิยมเปลี่ยนชอ่ื นำมสกุลเปน็ คำภำษำบำลแี ละสนั สกฤตกนั อย่ำงกว้ำงขวำง เช่น ขำว เปน็ “เศวต” แก้ว เป็น “รตั น์” เป็น “ มณี” หนู เป็น “มุสิ” บัว เปน็ “โกมล” เป็น “ปทุม”
เป็น “อบุ ล” บัวเขยี ว เปน็ “นิลุบล” เปน็ “นิโลบล” สีทอง เปน็ “กนกวรรณ” ฯลฯ และควำม นยิ มต้งั ช่อื เปน็ ภำษำบำลคี ำสนั สกฤตให้นิยมกนั มำจนถึงปัจจุบนั ววิ ัฒนาการของชอ่ื คนไทย วถิ ีชีวิตของคนไทยมีควำมผูกพันกบั กำรต้งั ชอื่ มำยำวนำน ในทนี่ ี่ขอเริม่ ต้นที่สมยั สโุ ขทัย เพรำะเปน็ สมยั แรกที่คนไทยรวมชำติเป็นปกึ แผน่ และปรำกฏหลกั ฐำนลำยลกั ษณ์อกั ษร จนถงึ สมยั รัตนะ โกสนิ ทร์ในระบอบประชำธิปไตยปัจจุบัน ดังมีรำยละเอียดดังน้ี -ช่ือในสมัยสโุ ขทยั ชื่อที่พบเกอื บทงั้ หมดจะเป็นคำพยำงค์เดียว ภำษำทีใ่ ช้น่ำจะเปน็ ภำษำไทยท้ังหมด โดยควำมหมำย ของชอ่ื สะทอ้ นแนวคิดของคนในยคุ \"สรำ้ งบ้ำนแปลงเมือง\" 2 ประกำรคอื แนวคิดเรื่อง ควำมสมั พนั ธ์ฉันญำติ เชน่ อ้ำย ย่ี ไส ฯลฯ และแนวคิดเรือ่ งกำรมุง่ เอำควำมปลอดภยั มนั่ คง และ ควำมเจรญิ ของชมุ ชนเป็นหลกั รว่ มกนั เช่น คง จิด จอด ผำกอง ฯลฯ -ชื่อในสมยั อยุธยำ และธนบุรี ชื่อที่พบจะเป็นคำพยำงคเ์ ดียวถงึ 2 พยำงค์ ภำษำท่ใี ชส้ ว่ นใหญเ่ ป็นภำษำไทย นอกน้ันเป็นภำษำ บำลสี ันสกฤต และภำษบำลสี นั สกฤตผสมภำษำไทย โดยควำมหมำยของชือ่ มักแสดงรปู ธรรมที่ สัมพนั ธ์กบั ชวี ิตประจำวนั เช่น จัน (ต้นไม)้ ทอง (ธำตุ) ฯลฯ หรอื มีควำมหมำย แสดงกริ ยิ ำอำกำร เคลอ่ื นไหวท่กี ระทำอยูอ่ ยำ่ งปกติ เช่น มำ พนู เลือ่ น ฯลฯ -ชือ่ ในสมยั รัตนโกสนิ ทร์ ในระบอบสมบูรณำญำสทิ ธริ ำชย์ ชื่อทพ่ี บจะเป็นคำพยำงค์เดียวถงึ 2 พยำงค์ ภำษำทใ่ี ชส้ ่วนใหญเ่ ป็นภำษำไทย นอกน้ันเป็นภำษำ บำลีสันสกฤต ภำษบำลสี ันสกฤตผสมภำษำไทย และภำษำเขมร โดยควำมหมำยของชอ่ื สะทอ้ นคติ นยิ ม และวิถที ำงดำเนินชีวติ คล้ำยคลึงกับสมัยอยุธยำและธนบุรี -ช่ือในสมยั รัตนโกสินทร์ ในระบอบประชำธิปไตยระยะตน้ ชื่อทีพ่ บจะเปน็ คำพยำงคเ์ ดยี วถงึ 2 พยำงค์ ภำษำทใ่ี ชส้ ว่ นใหญย่ ังคงเป็นภำษำไทย แตม่ ปี ริมำณ กำรใช้ลดลง และเพิ่มกำรใช้ภำษำบำลีสันสกฤต โดยควำมหมำยของช่ือมลี ักษณะแตกต่ำงจำกคติ นยิ มเดิม คือมีชือ่ ที่มคี วำมหมำยในเรือ่ งอำนำจ ชัยชนะ และกำรสงครำมเพิม่ ขึน้ มำก เช่น เฉลิมพล ณรงค์ ฯลฯ และมชี ื่อที่แสดงควำมหมำยเก่ียวกบั ควำมรู้ ควำมฉลำด กำรศกึ ษำ ซ่ึงไมป่ รำกฏเป็น ช่ือในสมยั ทผี่ ำ่ นมำ เช่น โกวิท ปรชี ำ สุธี ฯลฯ -ชอ่ื ในสมัยรัตนโกสนิ ทร์ ในระบอบประชำธปิ ไตยปจั จุบัน
ช่อื ทีพ่ บสว่ นใหญจ่ ะเป็น 2 พยำงคข์ ึน้ ไป ภำษำท่ใี ชใ้ นกำรต้ังช่อื นิยมใชภ้ ำษำบำลสี ันสกฤตเป็น อย่ำงมำก นอกนัน้ เป็นภำษำไทย และภำษำบำลสี ันสกฤตผสมภำษำไทย นอกจำกน้ยี ังนยิ มสรรหำ ชอ่ื ที่มเี อกลกั ษณไ์ ม่เหมอื นคนอ่ืน จงึ ปรำกฏช่อื ทม่ี รี ูปลกั ษณ์ทำงภำษำแปลก ๆ หรือมหี ลำยพยำงค์ มำกกวำ่ สมยั ที่ผ่ำนมำ โดยควำมหมำยของชอื่ จะลดควำมนยิ มช่อื ที่มีควำมหมำยเปน็ รปู ธรรม และ มีควำมหมำยเป็นนำมธรรมมำกขึ้น เช่นช่อื ทม่ี ีควำมหมำยแสดงอำนำจ ชัยชนะ ควำมงำม ควำม เจรญิ หรือศิริมงคล สังเกตไดว้ ่ำระหวำ่ งแต่ละสมัยชือ่ ของคนไทยมีจำนวนพยำงคเ์ พม่ิ ขึ้น หรือยำวขึ้น สำเหตสุ ำคัญมำ จำกกำรขยำยชมุ ชน เมื่อชุมชนใหญ่ขึ้น ประชำชนมำกขน้ึ ช่อื ย่อมมโี อกำสซ้ำกนั มำกขึ้น และ เน่ืองจำกชื่อเกิดข้ึนเพรำะควำมจำเป็นในกำรส่ือสำรให้สะดวกและถกู ต้อง จงึ ต้องมชี อ่ื ท่บี ง่ บอก เฉพำะลงไปเพือ่ กำหนดกำรเรยี กขำนตวั กนั ชัดเจนไม่สบั สน กำรตง้ั ชือ่ ให้ยำวข้ึนจงึ เป็นทำงออก หน่ึง นอกจำกกำรต้งั ชือ่ ให้ยำวขึ้นแลว้ กำรตง้ั ชอ่ื ให้แปลกใหมก่ ็เปน็ อกี วธิ ีหนึ่งเพ่ือหลกี เล่ยี งกำรต้ัง ชื่อซำ้ ซ่ึงพบมำกข้นึ เร่อื ย ๆ ในปัจจบุ ัน ควำมสำคญั อยทู่ ีจ่ ะแสดงลักษณะเดน่ ของผเู้ ป็นเจำ้ ของชือ่ ให้เป็นท่ีรจู้ กั จำได้ เช่น เสยี งแปลก สะกดแปลก ฯลฯ ฉะน้นั ถงึ แม้จะมีควำหมำย หรือไม่มี ควำมหมำยจึงไมน่ ่ำจะถือเป็นสำคั กาเนดิ ชือ่ เล่น ประวัติของชือ่ เล่นน้ัน สนั นิษฐำนวำ่ น่ำจะปรำกฏครัง้ แรกในสมยั กรุงศรีอยุธยำตอนตน้ ดังที่สมเด็จ พระเจ้ำบรมวงศ์เธอ กรมพระยำดำรงรำชำนภุ ำพ ทรงพระนพิ นธไ์ ว้ว่ำ เมอื่ สมเด็จพระนเรศวรสมภพ ยศเจำ้ ฟ้ำยงั ไม่มใี นประเพณกี รงุ ศรีอยธุ ยำ พระองค์เป็นรำชนัดดำคง ทรงพระยศเปน็ พระองคเ์ จำ้ ฝรง่ั จงึ เรียกในจดหมำยเหตุแห่งในสมยั น้ันว่ำ \"The Black Prince\" ตรงกับ \"พระองค์ชำยดำ\" และเรยี กพระอนุชำเอกำทศรถว่ำ \"The White Prince\" ตรงกบั \"พระองคช์ ำยขำว\" กำรตัง้ ชอื่ เล่นปรำกฏเป็นท่นี ยิ มกันมำกข้นึ ในรัชกำลพระบำทสมเด็จพระจอมเกล้ำเจำ้ อยหู่ วั ทัง้ น้ี เพรำะในสมยั นน้ั พระนำมของพระมหำกษตั ริย์ ตลอดจนพระบรมวงศำนวุ งศม์ กั เป็นคำมำกพยำงค์ ทำให้พระนำมยำว และเรียกไม่สะดวก จงึ ตอ้ งมีวิธเี รียกใหส้ น้ั จนกลำยเปน็ \"ชือ่ เลน่ \" แต่กระน้นั ก็ ต้องข้นึ อยู่กับกำลเทศะของผพู้ ูดเป็นสำคญั จะเหน็ ได้วำ่ วิวัฒนำกำรของชือ่ เล่นมีควำมเก่ยี วข้องกับชอ่ื จรงิ เมือ่ สภำพสงั คมคอ่ ย ๆ เปลย่ี นแปลงไป คอื เน้นควำมเสมอภำคมำกขึน้ สำมญั ชนจึงต้งั ชื่อจริงยำวขึ้น และเรียกยำกขึ้น เชน่ เดยี วกบั พระนำมของเจำ้ นำย ด้วยเหตุนช้ี อื่ เลน่ จึงปรำกฏใช้ในทำนองเดียวกัน อย่ำงไรก็ตำม กำรเรียกชอ่ื เลน่ ที่ยอ่ มำจำกชอื่ จริงอำจก่อใหเ้ กิดควำมสบั สนได้ เพรำะช่ือเลน่ เดียวกันอำจมำจำก
ช่อื จริงท่ตี ่ำงกนั ได้หลำยช่ือ เช่น คนทช่ี ่อื จริงว่ำ \"กติ ตบิ ูรณ\"์ \"ธนบูรณ์\" \"ภทั รบูรณ์\" \"ธีรบรู ณ\"์ และ \"สมบูรณ\"์ อำจมีชอ่ื เลน่ วำ่ \"บูรณ\"์ เหมอื นกนั หมด ปัญหำที่เกิดจำกกำรเรยี กช่ือเลน่ จำกส่วนหนง่ึ ของช่อื จรงิ น้ี กอปรกับควำมคุ้นเคยตอ่ กำรใช้คำไทยง่ำย ๆ เพื่อส่อื ลักษณะเฉพำะของแต่ละบุคล นับเปน็ จดุ กำเนิดของ \"ช่ือเล่น\" (Pet Name) และ \"ชื่อล้อ\" (Nick Name) ซ่งึ แยกตำ่ งหำกออก จำกชือ่ จรงิ อยำ่ งเด็ดขำด และใช้เรยี กกันอยำ่ งแพร่หลำยในปจั จุบนั (หมำยเหตุผเู้ รียบเรยี ง: สมัย ผมเรยี นปริญญำตรี มเี พ่อื นรุ่นเดียวกนั ท่ีมีชื่อเล่นว่ำ \"โอ\"๋ ถงึ 11 โอด๋ ว้ ยกนั -_-') ซง่ึ ในปัจจุบนั กำรตง้ั ชือ่ ผ้ตู ้งั ชอ่ื มักจะตอ้ งคำนงึ ถงึ เงือ่ นไขต่ำง ๆ กอ่ ที่จะต้งั ช่อื ไดแ้ ก่ เพศของ ทำรก วนั เวลำเกิด ควำมหมำยของชอ่ื ควำมไพเรำะของชื่อ ควำมแปลกใหมข่ องชอ่ื ช่ือของบุคคล ในครอบครัวเดียวกัน นำมสกลุ กำรเลียนแบบชอื่ ผอู้ ื่น และเสียงต่ำง ๆ ในชอ่ื ท่ีอำจเกดิ ปญั หำ โดย ส่วนใหญบ่ ดิ ำมำรดำนยิ มตง้ั ชื่อดว้ ยตนเอง โดยต้ังด้วยตนเอง และเลอื กชื่อจำกส่อื แนะนำกำรต้งั ชื่อ คา่ นยิ มทป่ี รากฏในการตงั้ ชื่อ ชอ่ื คอื สงิ่ ท่ีมนษุ ย์ไดส้ ร้ำงข้นึ เป็นคำตำ่ งๆเพ่ือใชเ้ รยี กแทนคน สตั ว์ สิ่งของ หรือสิง่ ทเี่ ป็น นำมธรรมทส่ี ำมำรถสัมผสั หรอื ร้สู ึกได้เพื่อนำมำเรยี กหรอื อ้ำงถงึ กำรใช้ช่อื เรียกแทนบคุ คล นัน้ เป็นสิ่งทม่ี ีมำตง้ั แต่เกดิ ถ้ำหำกว่ำไม่ได้เปน็ คนเรร่ อ่ น ตำมกฎหมำยแลว้ บังคับใหป้ ระชำชนทกุ คนตอ้ งมีชอ่ื ตงั้ แต่เกิด ซ่งึ ช่ือกอ็ ำจจะซำ้ กันไดบ้ ้ำง สำหรบั ควำมเชอื่ ของคนไทยชือ่ ไม่ เปน็ เพียงส่ิงสมมตทิ ีใ่ ช้เรียกขำนแทนตัวเทำ่ น้ัน แต่ว่ำยังสะท้อนใหเ้ ห็นคำ่ นิยมวัฒนธรรมของ ทอ้ งถ่ิน
ภำพจำก Web Site http://d.lnwfile.com/_/d/_raw/4x/cn/ha.jpg http://d.lnwfile.com/_/d/_raw/ha/8y/rb.jpg ข้อมูลภำพ ณ วนั ที่ 27-2-60 ควำมเป็นมำของกำรวิวฒั นำกำรกำรตัง้ ช่อื ของคนไทย คนไทยมีควำมผกู พันกบั กำรมชี ่ือ เป็นสญั ลักษณว์ ่ำเรำเปน็ ใครมำตงั้ แตส่ มยั สโุ ขทยั จะมี ลักษณะของกำรใช้ช่อื ทีเ่ ป็นคำพยำงคเ์ ดยี วเป็นสว่ นใหญ่ เพรำะภำษำไทยเปน็ ภำษำคำ โดดมชี ่อื ง่ำยๆ เช่น อ้ำย อี้ ใส จติ จอด ตอ่ มำสมัยอยุธยำและสมยั ธนบรุ เี ร่ิมเปลี่ยนจำกพยำงค์ เดยี วเป็นสองพยำงค์ แตก่ ็ยังคงเป็นภำษำไทยล้วนๆอยู่ เพรำะวำ่ กำรตดิ ต่อส่อื สำรกับ นำนำชำตยิ งั น้อย มีชอื่ เช่น ทองมว้ น ทองดี มำ พูน เลือ่ น ทองมตี ่ำงๆ ตอ่ มำในสมัยรัตนโกสนิ ทร์ ช่วงแรกเป็นชว่ งมีกำรปกครองในระบบสมบรู ณำญำสิทธริ ำชย์ ในสมัยน้ีเรำเร่ิมมีเรื่อง ของภำษำบำลสี ันสกฤตรบั วัฒนธรรมของตำ่ งชำตเิ ข้ำมำ ทำให้ช่ือเรมิ่ มคี ำในภำษำบำลีและ สนั สกฤตมำปนแต่คงเปน็ 2 พยำงค์ สมยั รชั กำลที่ 4 จะมภี ำษำบำลสี ันสกฤตเขำ้ มำมำกขึ้น เริม่ มีภำษำบำลสี ันสกฤตล้วนๆ หรือไทยผสมบำลีสันสกฤต แต่กย็ งั คงไว้ที่สองพยำงค์ เชน่ สมพล สมพร ธนพล ธนพร พรวดี เริ่มมีสองพยำงค์ บุญทิพย์ บุญรกั ษ์ บุญศรี บุณยวรี ์ ต่ำงๆ เรม่ิ มลี กั ษณะสองพยำงค์ ตรงนี้แสดงวำ่ อทิ ธพิ ลของภำษำบำลีสนั สกฤตที่เข้ำมำกท็ ำให้มชี อ่ื สอง พยำงค์ ข่วงรัชกำลที่ 6 มำจนถึงปจั จบุ ันน้ี ชื่อมีควำมทันสมยั มำกขนึ้ มีควำมเฉพำะเจำะ
จงและมีควำมยำก มกี ำรออกเสยี งที่ต่ำงๆ อทิ ธิพลของภำษำบำลีสันสกฤตมำผสมกบั ภำษำไทยบำ้ ง มีทัง้ บำลสี นั สกฤต ภำษำไทย เขมร จำนวนพยำงคท์ ่ีเคยเปน็ แค่สองพยำงคจ์ ะมี สำมพยำงค์ หรือบำงทีออกเสยี ง 4 พยำงค์ ภำพจำก Web Site http://theluckyname.com/upload/content/wCv7UM5sdASun31244.jpg https://f.ptcdn.info/386/010/000/1380605309-680572img1-o.jpg ข้อมูลภำพ ณ วนั ท่ี 27-2-60 ประเภทของภาษาในการตัง้ ชอ่ื สำรวจจำกกำรตั้งชอ่ื จะมอี ยู่ 3 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นภำษำไทยล้วนๆเรำเรยี กวำ่ ภำษำคำโดด เชน่ ช่อื มี สนิ ทอง ดำ แดง ดี คำเหล่ำนี้เป็นภำษำไทยลว้ นๆ กลุม่ ท่ี 2 เป็นภำษำบำลี สนั สกฤตจะมีมำก ช่อื ทเี่ ป็นภำษำบำลสี ันสกฤต เชน่ ปัญญำ วิศษิ ฐ์ อภิวัฒน์ วรวฒั น์ ทรงคุณ คุณธรรม คำพวกนเี้ ป็นบำลีสันสกฤตล้วนๆ มีทั้งบำลีอยำ่ งเดยี วสนั สกฤตอย่ำงเดียวและบำลี สนั สกฤต และกลุม่ สุดทำ้ ยจะเปน็ ช่อื กลุม่ ของภำษำตำ่ งประเทศนอกเหนอื จำกบำลสี ันสกฤตบำงคำ เปน็ เขมร หรอื มีภำษำอังกฤษเข้ำมำปน โดยเฉพำะถำ้ อย่ำงภำษำอังกฤษมักนำมำใช้
เป็นชอ่ื เล่น เขน่ แนน นกุ๊ นอ้ งน็อต น้องโนต้ นอ้ งบำส น้องออย ต่ำงๆมำกมำย หลกั ๆโดดเดน่ ก็จะ มีภำษำไทย ภำษำบำลีสันสกฤต ภำษำตำ่ งประเทศ ซึง่ ภำษำตำ่ งประเทศน้ีก็มตี ง้ั แต่ ภำษำองั กฤษ ภำษำเขมรและภำษำอ่นื ๆ ภำพจำก Web Site http://www.horonumber.com/upload/uppic/1414925467.jpg http://www.horoguide.com/wp-content/uploads/2012/03/taksa_2.gif ข้อมลู ภำพ ณ วันที่ 27-2-60 อิทธพิ ลของภำษำตำ่ งประเทศที่นำมำใช้ในกำรตั้งชื่อ จำกกำรสำรวจทะเบยี นรำษฎร์ต่ำงๆไปพบว่ำประมำณไมน่ อ้ ยกว่ำ70เปอรเ์ ซน็ ต์ มำกทสี่ ดุ อันดบั หน่งึ คือภำษำบำลีสนั สกฤต ดูจำกเพื่อนในองค์กรจะนำชือ่ จำกบำลสี นั สกฤตเปน็ อันดับหนึ่งมำอันดับหน่ึง อนั ดบั สองก็เปน็ ไทยผสมบำลสี นั สกฤต เชน่ ชือ่ บุญเก้ือ บญุ เป็นภำษำบำลี สนั สกฤต เกอื้ เป็นภำษำไทย บุญเกอ้ื เป็นคำผสม หรือคำผสมผสำน เชน่ น้ำเพชร นำ้ เป็นคำไทย เพชรเปน็ ภำษำสันสกฤตชอื่ น้ำเพชร ช่อื นำชยั นำเป็นภำษำไทย ชยั เป็นภำษำบำลี สันสกฤต เปน็ อิทธพิ ลของภำษำที่สอง อันดับหนึ่งเป็นภำษำบำลสี ันสกฤต ภำษำทสี่ องคือเป็น
ภำษำเขมรบำ้ งทป่ี ระยุกตม์ ำเปน็ คำแผลง แล้วกเ็ ป็นกลมุ่ ของภำษำตำ่ งประเทศคอื ภำษำอังกฤษซ่งึ มำเป็นช่ือเลน่ ตรงน้ี ส่วนภำษำไทยตกไปอยู่อันดบั ทส่ี ำมเพรำะวำ่ อ่ำนงำ่ ย ภำพจำก Web Site http://www.tlcthai.com/horo/wp- content/uploads/2011/12/%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD.jpg http://www.pookazza.com/images/stories/esarn-knowledge/taksa_wan_jan.jpg ข้อมลู ภำพ ณ วันที่ 27-2-60 คำ่ นยิ มทส่ี ะทอ้ นให้เห็นถงึ กำรตั้งชอื่ ของคนไทย 1. เกดิ ค่ำนยิ มทเี่ กิดจำกควำมเชอื่ ส่วนใหญ่เป็นชื่อทม่ี ีควำมหมำยว่ำดี เช่น สุภำวดี สวุ ดี สุ รพล เพรำะแปลว่ำดี แสดงวำ่ เรำมีควำมเชื่อว่ำอะไรที่เปน็ ส่งิ ดีๆเหล่ำนน้ั ควรมำเป็นช่อื จะเปน็ คำไทยจะเปน็ บำลีสนั สกฤตกต็ อ้ งเป็นชื่อ จะเป็นชอื่ จรงิ ชือ่ เล่นเรำจะเลือกคำควำมหมำยดีๆ มำใช้ 2. กำรต้งั ชอ่ื นนั้ สะทอ้ นถงึ ควำมเป็นพุทธศำสนำหรือพุทธศำสนิกชนเพรำะมคี ำวำ่ ธรรม วรรณธรรม คณุ ธรรม ชอื่ ทลี่ งด้วยธรรม คำวำ่ ธรรม แปลว่ำ สะทอ้ นว่ำควำมดกี บั ธรรมะเป็น เร่ืองของแนวคิดทำงพทุ ธศำสนำ เทวดำ เทพเทวดำ อะไรที่เปน็ สง่ิ ดีๆที่เป็นคณุ งำมควำมดใี น ตำนำนพุทธศำสนำได้รับเอำมำต้ังชือ่ เยอะนะคะ ชอ่ื อัปสร เทวะ เทวกลุ เทวพรหม ตำ่ งๆ
จะมมี ำก ตรงนแี้ สดงว่ำอทิ ธิพลของควำมเปน็ พุทธศำสนำอยู่ในคำ่ นิยมของกำรตงั้ ชอื่ เรำ ไมม่ คี นตงั้ ชอ่ื วำ่ นำยบำปะ ไม่มีคนตง้ั ชอื่ วำ่ นำยชว่ั ก็ไม่มี ไม่มีคนต้งั ชอื่ วำ่ อะไรทเี่ ป็นควำมหมำย ลบลบ 3. คนไทยจะมีลักษณะสงั คมมนษุ ยสัมพันธ์ เพรำะเรำมองวำ่ ถ้ำตง้ั ชอ่ื ดี จำงำ่ ยคนจะรักเรำ แล้วเรำก็จะมองว่ำถ้ำชอ่ื ดีเปน็ สิรมิ งคลกับชวี ิต จนบัดนเ้ี รำยงั มีวัฒนธรรมวำ่ ถ้ำเรำรูส้ ึก ว่ำชวี ติ ไมด่ ีเรำจะเปลี่ยนชอ่ื นำคำควำมหมำยดๆี เรำจะมีเรอื่ งอักษรกำลกณิ ีอะไรตำ่ งๆ เรำร้สู กึ ว่ำ ชือ่ เปน็ สิ่งสำคัญ เขำบอกวำ่ คนไทยให้ ควำมสำคญั กบั ตวั เอง เพรำะเรำสังคมมนษุ ย์ สัมพนั ธ์ ถ้ำช่อื เรำดจี ะมคี วำมมนั่ ใจ ถำ้ ช่ือเรำดีจะมีคนร้จู กั ถำ้ ชอ่ื เรำดจี ะเป็นท่ียอมรับ ถำ้ ชอื่ เรำดี จะมชี ื่อเสยี ง 4. ดำ้ นวัฒนธรรมไทย คนไทยเป็นเมืองเสรีเป็นเมอื งมีควำมสขุ ช่อื ทล่ี งท้ำยดว้ ยคำวำ่ สขุ หรือควำมหมำยทดี่ ีๆ ชีวติ ชีวำ สดใส ช่ือสดใส ช่ือท่ีเปน็ มงคล ท่แี ปลว่ำอำรมณ์ดี พรงิ้ เพรำสวยงำม ชือ่ ทแ่ี ปลว่ำงำมสวยเยอะมำกสำหรับผหู้ ญงิ เพรำะเรำเปน็ เมอื งมคี วำมสขุ ชื่อท่ี แปลว่ำอำรมณด์ ีๆ แสดงวำ่ กำรตัง้ ชอื่ ตวั น้ีเปน็ ตัวบ่งบอกใหเ้ รำร้จู กั คนไทย รู้จกั วฒั นธรรมไทย 5. สะท้อนให้เห็นวำ่ คนไทยจะมลี กั ษณะสังคมมนุษยสมั พันธ์ เพรำะเรำมองว่ำถำ้ ตงั้ ช่อื ดี จำง่ำยคนจะรกั เรำ แลว้ เรำกจ็ ะมองวำ่ ถำ้ ช่อื ดเี ปน็ สิริมงคลกับ ถ้ำเรำรู้สกึ ว่ำชวี ิตไม่ดีเรำ จะเปลย่ี นช่ือ เพรำะเรำสังคมมนษุ ยส์ ัมพันธ์ ถ้ำชื่อเรำดีจะมีควำมมั่นใจ ถ้ำช่อื เรำดีจะมคี นรู้จกั ถำ้ ชือ่ เรำดีจะเป็นทีย่ อมรับ ถำ้ ช่อื เรำดจี ะมชี ือ่ เสียง 6. มีวัฒนธรรมของกำรนบั ญำติ กำรตง้ั ชื่อจะพบว่ำในแต่ละตระกลู จะพยำยำมตั้งไมใ่ หซ้ ำ้ เพรำะเรำตอ้ งกำรให้ตระกลู เรำกลมุ่ เรำเปน็ ทย่ี อมรับ แตใ่ นสมัยกอ่ นกอ่ นเรำมีภำษำ นอ้ ย ท่ไี ด้สะท้อนมำท้งั หมดนี้กค็ ือวิถีและวฒั นธรรมที่ปรำกฏในกำรตัง้ ชือ่ ตรงน้ีกจ็ ะทำให้เรำรจู้ กั คนไทยไดผ้ ่ำนช่ือ
บรรณานกุ รม https://www.google.com/url?sa=t&rct=j&q=&esrc=s&source=web&cd=&cad=rja &uact=8&ved=2ahUKEwjlw_eohpnvAhVWeH0KHSuPBawQFjAAegQIAhAD&url= http%3A%2F%2Fwww.thaibabyname.com%2Finformation_history.asp&usg=A OvVaw0iHeIXKFPF3ZjV0G73QSTj https://www.google.com/url?sa=t&rct=j&q=&esrc=s&source=web&cd=&cad=rja &uact=8&ved=2ahUKEwilzLnehpnvAhVYOSsKHbuqDxYQFjAAegQIAhAD&url=ht tps%3A%2F%2Ftheluckyname.com%2Fdetail.php%3Ftype%3Darticle%26co de%3D43&usg=AOvVaw3LOkomuq2l34GJrcb3Wn7- https://www.google.com/url?sa=t&rct=j&q=&esrc=s&source=web&cd=&cad=rja &uact=8&ved=2ahUKEwi3qbrWh5nvAhWESH0KHQHRB_MQFjAAegQIARAD&url= https%3A%2F%2Fwww.stou.ac.th%2Fstudy%2Fsumrit%2F6-60%2Fpage1-6- 60.html&usg=AOvVaw2pmGN5qAMlLgfTAof5K4sa
Search
Read the Text Version
- 1 - 16
Pages: