Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Best practice

Best practice

Published by suraded.iamae, 2023-06-29 14:33:20

Description: Best practice

Search

Read the Text Version

ชอื่ นวตั กรรม พฒั นาทกั ษะดิจทิ ลั และภาษาคอมพิวเตอร์ Unplugged Coding ฝึกกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบ คดิ อยา่ งเป็นข้ันตอน รู้เทา่ ทันส่ือ ชอ่ื ผู้นำเสนอ สกู่ ารลงมือปฏิบตั ิ” ด้วย CAMP MODEL หน่วยงาน/สถานศกึ ษา นายสุรเดช มีนาง สังกดั โรงเรียนบ้านนามกุย ไปรษณยี ์อเิ ล็กทรอนกิ ส์ สังกดั สำนกั งานเขตพน้ื ท่ีการศึกษาประถมศึกษากาญจนบรุ ี เขต 3 ภาคเรยี นท/่ี ปกี ารศึกษา [email protected] 1/2566 บทคดั ย่อ การรายงานแนวปฏบิ ตั ทิ เ่ี ปน็ เลศิ (Best Practice) ครงั้ นี้ เปน็ การรายงานการพัฒนานวัตกรรม กระบวนการ การจัดการเรียนรู้ พัฒนาทักษะดิจิทัลและภาษาคอมพิวเตอร์ Unplugged Coding ฝึกกระบวนการคิดอย่างเป็น ระบบ คิดอย่างเป็นขั้นตอน รู้เท่าทันสื่อ สู่การลงมือปฏิบัติ” ด้วย CAMP MODEL เพื่อพัฒนานักเรียนให้มีทักษะ ดิจิทลั และภาษาคอมพวิ เตอร์ ดา้ นโคด้ ดง้ิ มีทักษะพนื้ ฐานในการวเิ คราะห์ การคดิ อยา่ งเป็นระบบ แกป้ ญั หาอย่างเป็น ขั้นตอน การคิดสร้างสรรค์และนักเรียนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ต่อยอดการเรียนรู้ พัฒนาทักษะ ชีวิต ตลอดจนการสร้างนวัตกรรมได้ในอนาคตและ พบว่า ก่อนนำนวัตกรรมมาใช้ในการพัฒนานักเรียนนักเรียน จำนวนร้อยละ 65 มีการประเมินอยู่ในระดับพอใช้ และหลังนำนวัตกรรมมาใช้พัฒนานักเรียน พบว่านักเรียนจำนวน ร้อยละ 85 มีทักษะการรู้ที่เพิ่มขึ้น อยู่ในระดับดีมากพบว่า นักเรียนมีทักษะการเรียนรู้การที่เพิ่มขึ้น สามารถนำไป ต่อยอดการเรียนรู้ในเร่อื งตอ่ ๆ ไปได้ และเป็นการเตรยี มความพรอ้ มเมอื่ นักเรยี นขน้ึ ในระดบั ช้ันถัดไป

คำนำ รายงานเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาการจัดการเรียนการสอน พัฒนาทักษะดิจิทัล และภาษาคอมพิวเตอร์ Unplugged Coding ฝึกกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบ คิดอย่างเป็นขั้นตอน รู้เท่าทันสื่อ สู่การลงมือปฏิบัติ” ด้วย CAMP MODEL” ได้จัดทำขึ้นเพื่อพัฒนานักเรียนให้มีทักษะดิจิทัลและภาษาคอมพิวเตอร์ ด้านโค้ดดิ้ง มีทักษะพื้นฐานในการวิเคราะห์ การคิดอย่างเป็นระบบ แก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอน คิดสร้างสรรค์และ นักเรยี นสามารถนำไปประยุกตใ์ ช้ในชีวิตประจำวนั ตอ่ ยอดการเรียนรู้ พฒั นาทักษะชวี ิต ตลอดจนการสรา้ งนวัตกรรม ได้ในอนาคต โดยเนื้อหาภายในเล่มประกอบด้วยเนื้อหาสำคัญ ได้แก่ ความสำคัญของนวัตกรรม หลักการแนวคิด ทฤษฎี ข้ันตอนการดำเนนิ งาน ในการพฒั นานวตั กรรม ผลสำเร็จของการพฒั นานวัตกรรม แนวทางการนำนวัตกรรม ไปใช้ ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รายงานเล่มนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์ให้กับผู้ที่สนใจศึกษา ในการนำนวัตกรรม การศึกษาเข้ามาใช้ในการจัดการเรยี นรู้ทั้งภายในและภายนอกห้องเรยี น เพอ่ื พฒั นานักเรียนให้มีคุณภาพ เป็นไปตาม มาตรฐานทีก่ ระทรวงศกึ ษาธกิ ารกำหนด

สารบัญ บทนำ ก บทคัดย่อ ข สารบญั ค แบบรายงานผลการคัดเลือกแนวปฏบิ ัตทิ ีเ่ ป็นเลิศ (Best Practice) 1 องคป์ ระกอบท่ี 1 ดา้ นความสำคญั ของนวตั กรรม ตวั ชว้ี ัดท่ี 1 ความเป็นมาและสภาพปัญหา 1 ตัวชี้วัดที่ 2 แนวทางการแก้ไขปัญหาและการพัฒนา 2 ตวั ชว้ี ัดท่ี 3 กรอบแนวคิดในการพัฒนา 2 ตวั ชว้ี ดั ท่ี 4 ประโยชน์/ความสำคญั 3 องค์ประกอบที่ 2 ด้านกระบวนการพฒั นารูปแบบหรือแนวทางการพัฒนานวัตกรรมการศกึ ษา ตวั ชี้วดั ที่ 5 วตั ถุประสงค์และเป้าหมายการพฒั นา 3 ตวั ชี้วดั ที่ 6 หลกั การทฤษฎี แนวคิดในการพัฒนา 4 ตัวชี้วดั ท่ี 7 การออกแบบแนวทางการพัฒนา 5 ตวั ชว้ี ัดที่ 8 การมสี ่วนรว่ มในการพฒั นา 5 ตวั ชว้ี ดั ท่ี 9 การนำไปใช้ 6 ตวั ช้วี ดั ท่ี 10 การประเมนิ และการปรับปรงุ 7 องค์ประกอบที่ 3 ด้านผลทเี่ กดิ ข้นึ จากการดำเนนิ งานตามรปู แบบหรอื แนวทางการพัฒนานวตั กรรม 3.1 ผลท่ีเกดิ ขึ้นกับสถานศกึ ษา ตัวชี้วดั ที่ 11 ขอ้ มลู สารสนเทศของสถานศึกษา 7 ตวั ชว้ี ัดท่ี 12 มกี ารดำเนนิ งานอย่างเปน็ ระบบ 7 ตวั ชว้ี ัดที่ 13 มีเครือข่ายการพัฒนาคณุ ภาพการศึกษาของสถานศกึ ษา 7 ตัวชี้วดั ที่ 14 การยอมรบั ท่มี ีต่อสถานศึกษา 7 3.2 ผลทีเ่ กิดขนึ้ กบั ครูผู้สอน ตัวชี้วัดที่ 15 การออกแบบการจัดการเรียนรู้ 7 ตัวชว้ี ดั ที่ 16 การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ 7 ตวั ช้วี ดั ที่ 17 การพัฒนาสอื่ การเรียนรู้ 7 ตัวชี้วัดท่ี 18 การวดั และประเมนิ ผล 8

สารบญั (ต่อ) 8 8 3.3 ผลทเี่ กดิ กับผู้เรียน ตัวช้ีวดั ท่ี 19 ผเู้ รยี นมีผลการพฒั นาทเ่ี กดิ จากการใช้นวตั กรรม 3.4 การขยายผล ตวั ชี้วัดที่ 20 การขยายผล/การใช้นวัตกรรมการศึกษา อ้างอิง ภาคผนวก

แบบรายงานผลผลการดำเนินงานและแลกเปล่ยี นเรยี นรู้ การคดั เลือกแนวปฏบิ ัติท่เี ป็นเลศิ (Best Practice) การพฒั นานวตั กรรมทางการบริหารจัดการศึกษา การจัดการเรียนรแู้ ละการนิเทศ ตดิ ตาม และประเมนิ ผล ของสถานศึกษา ภายใตโ้ ครงการ Innovation For Thai Education (IFTE) นวัตกรรมการศกึ ษาเพื่อพัฒนาการศึกษา ปงี บประมาณ พ.ศ.2566 ดา้ นการบริหารจดั การศกึ ษา การจดั การเรียนรู้ การนิเทศ ตดิ ตาม และประเมินผล สำนักงานศึกษาธิการจังหวดั กาญจนบุรี ชอ่ื นวตั กรรม พัฒนาทักษะดิจิทัลและภาษาคอมพวิ เตอร์ Unplugged Coding ฝกึ กระบวนการคดิ อยา่ งเป็นระบบ คดิ อยา่ งเปน็ ขน้ั ตอน รู้เทา่ ทนั สอ่ื ชือ่ ผู้นำเสนอ สกู่ ารลงมือปฏิบัติ” ดว้ ย CAMP MODEL หนว่ ยงาน/สถานศกึ ษา นายสุรเดช มนี าง สังกัด โรงเรียนบ้านนามกุย ไปรษณยี อ์ ิเลก็ ทรอนิกส์ สงั กดั สำนักงานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาประถมศึกษากาญจนบรุ ี เขต 3 [email protected] องคป์ ระกอบท่ี 1 ดา้ นความสำคญั ของนวตั กรรม ตวั ช้ีวดั ท่ี 1 ความเปน็ มาและสภาพปัญหา จุดมุ่งหมายของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ในสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ทีม่ งุ่ ให้ผเู้ รยี น มคี วามรูค้ วามสามารถในการส่ือสาร การคดิ การแก้ปญั หา การใชเ้ ทคโนโลยี และมีทกั ษะชีวิตอีกทั้งยัง ได้ระบุทกั ษะของคนในศตวรรษที่ 21 ท่ีทกุ คนจะตอ้ งเรียนรตู้ ลอดชีวติ คือ การเรียนรู้ 3R 8C ในการจัดการเรยี นรู้ให้นักเรียนมีทักษะด้านการโค้ดด้ิง ทกั ษะอัจฉริยะแห่งอนาคต ท่เี น้นพัฒนาความคิดอย่าง เป็นระบบ การแก้ปัญหา การใช้เหตุผล การรู้ลำดับขั้นตอน และการคิดสร้างสรรค์นั้นการโค้ดดิ้งจะทำให้นักเรียนมี ทักษะการคิดที่เป็นกระบวนการได้ดี สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ ทั้งยังปรับตัวได้ไวในสถานการณ์ต่าง ๆ เนื่องจากโรงเรยี นบ้านนามกุยยังขาดวัสดุ อุปกรณ์ สื่อการเรียนรู้ ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทกั ษะด้าน การโค้ดดิ้งของนักเรียนโรงเรียนบ้านนามกุยที่หลากหลายรูปแบบ เช่น กิจกรรมรูปแบบ Unplugged Plugged Active Learning และเวทีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ เพื่อให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติ ได้เรียนรู้อย่างสนุก ดังนั้น จึงได้ดำเนินการส่งเสริมการพัฒนาทักษะด้านโค้ดดิ้ง ทักษะอัจฉริยะสำหรับการเรียนรู้สู่ยุคของประเทศไทย 4.0 เพื่อพัฒนานักเรียนให้มีทักษะด้านโค้ดดิ้ง มีทักษะพื้นฐานในการวิเคราะห์ แก้ปัญหาอย่างเป็นขั้น ตอน การคิด สรา้ งสรรค์ และนักเรยี นสามารถนำไปประยุกต์ใชใ้ นชีวิตประจำวนั ตอ่ ยอดการเรียนรู้ ตลอดจนการสร้างนวตั กรรมได้ ในอนาคต และรูเ้ ทา่ ทนั สอ่ื สงั คมออนไลน์ CAMP Model | 1 “คิดอย่างเปน็ ระบบ คิดอยา่ งเป็นขน้ั ตอน รู้เท่าทนั สื่อ สู่การลงมอื ปฏิบตั จิ รงิ ”

ตวั ช้วี ัดท่ี 2 แนวทางการแก้ไขปญั หาและการพัฒนา จากความสำคัญและประโยชน์ของนวัตกรรมทางการศึกษาที่กล่าวมาจะพบว่านวัตกรรมทางการศึกษา มีความสำคญั ตอ่ การนำมาแก้ปัญหาหรือพัฒนานักเรียน อีกทัง้ ยังเป็นส่ือการสอนและวธิ ีการสอนใหม่ ๆ ที่ครูนำมาใช้ พัฒนานักเรียนโดยเน้นที่ความแตกต่างระหว่างบุคคล เน้นความสามารถในการเรียนรู้ของนักเรียนเป็นหลัก นวัตกรรมจะทำให้นักเรียนเข้าบทเรียนหรอื เน้ือหามากขึ้น โดยสามารถพัฒนาทั้งด้านความรู้ ทักษะ และด้านเจตคติ ของนักเรยี นทั้งนเ้ี พ่อื ใหน้ กั เรียนมผี ลการเรียนรู้เป็นไปตามมาตรฐานทหี่ ลกั สตู รกำหนด ขนั้ ตอนการสรา้ งแนวทางการจัดการเรยี นรดู้ ังน้ี 1. C (coding) “เรยี นวิธคี ิด ผา่ นวิธีโคด้ ” 2. A (Algorithm) คิดอยา่ งมเี หตผุ ล คดิ อย่างเป็นขั้นตอน 3. M (Media Literracy) รู้เทา่ ทนั สื่อ 4. P (Praticalness) การลงมอื ปฏบิ ตั ิจริง ตวั ชีว้ ัดที่ 3 กรอบแนวคิดในการพฒั นา จากปัญหาดังกล่าว ครูผู้สอนจึงได้ออกแบบวิธีการจัดการเรียนรู้ เกิดเป็นนวัตกรรม โดยใช้นวัตกรรม CAMP MODEL “คิดอย่างเป็นระบบ คิดอย่างเป็นขั้นตอน รู้เท่าทันสื่อ สู่การลงมือปฏิบัติจริง” เข้ามาช่วยในการพัฒนา ได้แก่ 1. C (coding) “เรยี นวธิ ีคดิ ผา่ นวิธโี คด้ ” 2. A (Algorithm) คิดอยา่ งมเี หตุผล คดิ อยา่ งเปน็ ข้นั ตอน 3. M (Media Literracy) รู้เท่าทนั สื่อ 4. P (Praticalness) การลงมอื ปฏิบตั จิ ริง ดงั นัน้ นวัตกรรม CAMP MODEL“คดิ อย่างเป็นระบบ คดิ อยา่ งเป็นขนั้ ตอน ร้เู ทา่ ทันสื่อ สกู่ ารลงมือปฏบิ ัติ จรงิ ” จงึ เป็นวธิ ีการและกระบวนการในพฒั นาทกั ษะดจิ ิทลั ภาษาคอมพิวเตอร์ Unplugged Coding ฝึกกระบวนการ คดิ อยา่ งเป็นระบบ คิดอยา่ งเปน็ ขั้นตอนและร้เู ท่าทนั สอ่ื สงั คมออนไลน์ ส่กู ารลงมือปฏบิ ัติจริง CAMP Model | 2 “คดิ อย่างเป็นระบบ คิดอย่างเปน็ ขัน้ ตอน รู้เท่าทนั ส่ือ ส่กู ารลงมือปฏิบัติจริง”

ตวั ช้ีวัดที่ 4 ประโยชน/์ ความสำคัญ 1.นกั เรยี นมที ักษะ แนวคิด อยา่ งเป็นระบบ เป็นข้นั ตอน นำไปสกู่ ารแก้ไขปัญหาอยา่ งถูกตอ้ ง 2.นักเรยี นมีทักษะดา้ นดิจทิ ลั และภาษาคอมพิวเตอร์(coding) และมีศกั ยภาพในการเรียนรู้ 3.นกั เรยี นสามารถนำความรู้ทไ่ี ด้ ไปพัฒนาทักษะชีวิต หรืองานตา่ ง ๆ ที่ต้องรบั ผิดชอบใหม้ ปี ระสิทธภิ าพ องค์ประกอบท่ี 2 ด้านกระบวนการพัฒนารูปแบบหรือแนวทางการพัฒนานวัตกรรมการศกึ ษา ตัวชว้ี ดั ท่ี 5 วัตถุประสงคแ์ ละเป้าหมายการพัฒนา การจดั ทำนวตั กรรม CAMP MODEL “คดิ อยา่ งเป็นระบบ คิดอยา่ งเปน็ ขัน้ ตอน ร้เู ท่าทันสื่อ สกู่ ารลงมือปฏบิ ตั ิ จริง” เพือ่ ใหน้ ักเรยี นมที ักษะการเรียนรู้ที่ดขี ึ้น ไดแ้ ก่ - เพอ่ื เสรมิ สร้างทักษะ แนวคดิ อย่างเป็นระบบ เป็นขั้นตอน นำไปสู่การแก้ไขปัญหาอยา่ งถูกต้อง - เพ่อื พฒั นาทกั ษะดา้ นดิจทิ ลั ให้กับนักเรียน ให้มศี ักยภาพในการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ สอ่ื การ เรียนการสอนดจิ ิทลั และนำไปประยุกต์ใช้เพอื่ พัฒนาทกั ษะโคด้ ดง้ิ ใหก้ ับนักเรยี น - เพื่อให้ผู้เรียนสามารถนำความรู้ท่ไี ด้ ไปพฒั นาทักษะชวี ิตงานตา่ ง ๆ ทร่ี บั ผดิ ชอบให้มปี ระสิทธภิ าพดี ย่งิ ขน้ึ กล่มุ เปา้ หมาย กลมุ่ เป้าหมาย นักเรยี นชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 5 โรงเรียนบ้านนามกยุ อำเภอทองผาภมู ิ จังหวดั กาญจนบรุ ี เป้าหมายเชิงปรมิ าณ - นกั เรยี นชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 5 โรงเรียนบา้ นนามกุย รอ้ ยละ 80 มีทักษะ แนวคดิ อย่างเป็นระบบ เปน็ ขน้ั ตอนนำไปสกู่ ารแก้ไขปัญหาอยา่ งถกู ต้อง - นกั เรยี นชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 5 โรงเรียนบา้ นนามกยุ รอ้ ยละ 80 มีทักษะด้านดจิ ทิ ัล ให้มีศกั ยภาพ ในการรว่ มกจิ กรรมการเรียนรู้ และนำไปประยกุ ต์ใชเ้ พื่อพฒั นาทักษะโค้ดดิ้ง - นกั เรยี นชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรยี นบ้านนามกยุ รอ้ ยละ 80 นำความรู้ทีไ่ ด้ ไปพฒั นาทกั ษะ ชวี ิตงานต่าง ๆ ทรี่ บั ผิดชอบใหม้ ีประสทิ ธภิ าพดยี ง่ิ ขึ้น เป้าหมายเชิงคุณภาพ - นกั เรียนชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรยี นบา้ นนามกุย มคี วามสามารถ มีทกั ษะ แนวคิด อยา่ งเปน็ ระบบเป็นข้ันตอนนำไปสกู่ ารแกไ้ ขปญั หาอยา่ งถูกต้อง อยู่ใน ระดบั ดีมาก - นกั เรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5 โรงเรียนบ้านนามกุย มคี วามสามรถ มีทักษะด้านดจิ ิทัล ใหม้ ี ศกั ยภาพในการร่วมกจิ กรรมการเรียนรู้ และนำไปประยกุ ต์ใชเ้ พ่อื พัฒนาทกั ษะโค้ดด้ิง อยู่ใน ระดบั ดมี าก - นกั เรยี นชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 5 โรงเรยี นบา้ นนามกยุ สามารถความรู้ท่ีได้ ไปพัฒนาทักษะชวี ิตงาน ทีร่ ับผิดชอบให้มปี ระสิทธิภาพดยี ่ิงขนึ้ อยใู่ น ระดับดีมาก CAMP Model | 3 “คดิ อย่างเปน็ ระบบ คิดอยา่ งเปน็ ข้ันตอน รูเ้ ท่าทนั สื่อ สู่การลงมือปฏิบัติจริง”

ตวั ช้ีวัดที่ 6 หลักการทฤษฎี แนวคดิ ในการพฒั นา 6.1 โค้ดดิ้ง (Coding) หมายถึง การเขียนชุดคำส่ังของคอมพิวเตอร์ด้วย “โค้ด (Code)”เพื่อให้โปรแกรม ทำ ตามคำส่ัง โดยใชภ้ าษาคอมพวิ เตอร์ เชน่ python, java, Objective C ซ่งึ การเรียนCoding จะช่วยพฒั นาทักษะการ คิดแบบมเี หตุผลและเป็นข้ันตอน ทกั ษะการคดิ วิเคราะห์ การคดิ อย่างเป็นระบบ และการคิด สร้างสรรค์ให้กบั ผูเ้ รียน เป็นส่วนหน่ึง ของวิชาวิทยาการคำนวณ 6.2 การจัดการเรียนการสอนโค้ดดิ้ง หมายถึง การจัดการศึกษาให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาทักษะการคิดแบบ มีเหตุผลและเปน็ ขนั้ ตอน ทักษะการคิด วิเคราะห์ การคดิ อยา่ งเป็นระบบ และการคิดสร้างสรรค์ 6.3 สภาพการจัดการเรียนการสอนโค้ดดิ้ง หมายถึง การดำเนินงานในระดับนโยบายและระดับปฏิบัติในการ ส่งเสริมและสนับสนุนให้สถานศึกษาจัดการเรียนการสอนโค้ดดิ้ง ปัจจัยที่มีผลต่อการจัดการเรียนการสอน Coding ได้แก่ หน่วยงานต้นสังกัดและหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง ผู้บริหาร ครูผู้สอน ผู้เรียน การบริหารการศึกษา การมีส่วนร่วม ของชมุ ชน, ผูป้ กครอง รวมถึงปญั หาและอปุ สรรคในการดำเนินงาน 6.4 การเรยี นการสอน แบบ Unplugged หมายถึง การจดั การศึกษาให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาทักษะการคิดแบบ มีเหตุผลและเปน็ ขนั้ ตอน ทักษะการคดิ วเิ คราะห์ การคิดอย่างเปน็ ระบบ และการคดิ สร้างสรรค์ โดยไม่ใช้คอมพิวเตอร์ 6.5 การเรียนการสอน แบบ Plugged หมายถึง การจัดการศึกษาใหผู้เรียนการพัฒนาทักษะ การคิดแบบมีเหตุ และเป็นขนั้ ตอน ทักษะการคิดวิเคราะห์ การคิด อยา่ งเป็นระบบ และการคิดสร้างสรรค์รวมถึง การเขยี นชดุ คาส่ังของ คอมพิวเตอร์ด้วย “โค้ด (Code)” เพื่อให้โปรแกรมทาตามคำสั่งโดยใช้ภาษาคอมพิวเตอร์ เช่น python, java, Objective โดยใช้คอมพิวเตอร์ 6.6 โค้ดดิ้ง (Coding) คือ การเขียนโค้ดด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ เช่น BASIC C, Pascal, Assemble เป็นต้น ซ่ึง เป็นขั้นตอนหนของการเขียนโปรแกรม เราเรียกโค้ดที่ได้ว่า Source code และเม่ือเราทำการ Coding แล้วเราจะ นำเอาโค้ดที่ได้ไปทดสอบและประมวลผล เพื่อดูว่าโปรแกรมที่ได้จากการ Coding นี้เป็นไปตามที่เราต้องการหรือไม่ ก่อนจะนำโปรแกรมท่ีเรียบร้อยแล้วไปประยุกต์ใชง้ านต่อไป (สำนกั งานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทลั , 2562: ออนไลน์) 6.7 โลกศตวรรษท่ี 21 หมายถงึ โลกในยคุ ค.ศ. 2000 - 2100 ความก้าวหนา้ ทางเทคโนโลยีในการผลิตและการ สื่อสาร โดยเฉพาะเร่ืองคอมพิวเตอร์ หุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) เทคโนโลยีชีวภาพ เทคโนโลยีวัสดุ และอ่ืน ๆ ใช้เครื่องจักร คอมพิวเตอร์ หุ่นยนต์เพ่ิมขึ้นประสิทธิภาพการผลิตโดยรวมของระบบ เศรษฐกิจสมัยใหม่เพ่ิมข้นึ ใช้คนทำงานการผลติ แบบเก่าลดลง งานหลายอยา่ งใชค้ อมพิวเตอร์ทำแทนคนได้ทำให้คนที่ มีความรู้ทักษะแบบง่ายๆ ในประเทศพัฒนาอุตสาหกรรมและประเทศตลาดเกิดใหม่ถูกปลดจากงานคนที่ทำงานใน ภาคความรู้ ข้อมูลข่าวสาร บริการ มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น คนที่ทำงานในภาคเกษตรและอุตสาหกรรมการผลิตมีสัดส่วน ลดลง 6.8 อัลกอรทิ มึ (Algorithm) แนวคิดอยา่ งมีเหตมุ ผี ลท่ผี ู้พัฒนาโปรแกรม โปรแกรมเมอร์ หรือนักวเิ คราะห์ระบบ ใช้ในการอธิบายวิธีการทำงานอย่างเป็นขั้นตามลำดับในการที่จะพัฒนาโปรแกรมนั้นๆ ให้กับผู้ที่สนใจหรือผู้ที่เป็น เจา้ ของงาน หรือผทู้ รี่ บั ผิดชอบไดท้ ราบถึงขนั้ ตอนต่างๆ ในการเขียนหรอื พฒั นาโปรแกรม 6.9 \"รู้เทา่ ทันสื่อ\" คือ การท่เี ราไม่หลงเช่อื ส่ือง่าย ๆ เปน็ ความสามารถในการคิด วเิ คราะห์ รูจ้ ักตง้ั คำถามอย่างมี วิจารณญาณว่า สิ่งที่สื่อนำเสนอนั้นเป็นความจริงหรือไม่ ใครเป็นผู้สร้างข้อมูลและสื่อมีจุดมุ่งหมายอย่างไร ในทาง CAMP Model | 4 “คดิ อย่างเปน็ ระบบ คิดอย่างเปน็ ข้นั ตอน รู้เท่าทันสื่อ ส่กู ารลงมือปฏบิ ัตจิ รงิ ”

กลบั กันหากเราเปน็ คนส่ือสาร จะผลติ ส่อื ด้วยความรับผดิ ชอบ ตระหนกั ถงึ ผลกระทบที่มีต่อสังคมผลของการรู้เท่าทัน ส่อื ทำใหบ้ คุ คลนั้นไมถ่ กู ครอบงำจากสื่อ และสามารถใชส้ อ่ื ให้เป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้และการดำรงชวี ติ ของตนเอง ครอบครวั ชุมชนและสังคมตอ่ ไป 6.10 Active Learning เป็นการจัดการเรียนรู้แบบเน้นพัฒนากระบวนการเรียนรู้ ส่งเสริมให้ผู้เรยี นประยุกต์ใช้ ทักษะและเชื่อมโยงองค์ความรู้ไปปฏิบัติเพื่อแก้ไขปัญหาหรือประกอบอาชีพในอนาคตหลักการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning เป็นการนำเอาวธิ กี ารสอน เทคนิคการสอนที่หลากหลายมาใช้ออกแบบแผนการสอนและกิจกรรม กระตุ้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในชั้นเรียน ส่งเสริมปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนกับผู้เรีย นและผู้เรียนกับผู้สอน Active Learning จึงถอื เปน็ การจัดการเรยี นรูป้ ระเภทหนง่ึ ทีส่ ่งเสริมให้ผเู้ รยี นมีคุณลักษณะสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงใน ยุคปัจจุบัน อีกทั้งยังช่วยส่งเสริม student engagement,enhance relevance, and improve motivation ของ ผู้เรียน ตัวชว้ี ัดที่ 7 การออกแบบแนวทางการพฒั นา CAMP MODEL “คิดอย่างเป็นระบบ คดิ อย่างเปน็ ข้นั ตอน ร้เู ท่าทันส่ือ ส่กู ารลงมือปฏิบัตจิ รงิ ” มกี าร พัฒนาการจัดการเรยี นรตู้ ามลำดับดังนี้ C : Coding “เรยี นวิธีคดิ ผา่ นวิธโี คด้ ” ให้ผู้เรียนเกดิ การพฒั นาทักษะการคิดแบบ มเี หตุผลและเป็น ขน้ั ตอน ทักษะการคิด วิเคราะห์ การคิดอย่างเป็นระบบ และการคิดสร้างสรรค์ A : (Algorithm) “คิดอย่างมีเหตุผล คิดอย่างเป็นขั้นตอน” เรียนรู้วิธีคิดการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ แก้ไขปญั หาในการทำงาน และสามารถนำไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการแกป้ ญั หาในชวี ติ ประจำวันได้ M : (Media Literracy) “รเู้ ท่าทันส่อื ” ใช้สื่อมัลติมเี ดยี และเทคโนโลยีอยา่ งสร้างสรรค์ ตระหนกั ถงึ ผลกระทบที่มีต่อสังคมผลของการรู้เทา่ ทนั สื่อทำให้บคุ คลน้ันไม่ถูกครอบงำจากส่ือ และสามารถใช้สอ่ื ใหเ้ ปน็ ประโยชน์ ต่อการเรียนร้แู ละการดำรงชีวติ ของตนเอง ครอบครัว ชมุ ชนและสงั คมตอ่ ไป P : (Praticalness) “การลงมือปฏบิ ัตจิ ริง” เรียนรู้แบบเชงิ รกุ (Active Learning)การจัดการเรยี นรูแ้ บบ เนน้ พัฒนากระบวนการเรยี นรู้ สง่ เสริมให้ผ้เู รียนประยุกต์ใช้ทักษะและเชื่อมโยงองค์ความรไู้ ปสู่การปฏบิ ัติจริง ตัวชีว้ ดั ที่ 8 การมสี ่วนร่วมในการพัฒนา - ชมุ ชนและหน่วยงานอ่นื มสี ่วนร่วมในการพฒั นานวัตกรรม ทางโรงเรยี นมีการจดั กจิ กรรม Open House เปิดบ้านวิชาการ ภายในงานจะมีการแสดงโชว์ผลงานที่เกิด จาก นวัตกรรม CAMP MODEL “คิดอย่างเป็นระบบ คิดอย่างเป็นขั้นตอน รู้เท่าทันสื่อ สู่การลงมือปฏิบัติจริง” ให้ชุมชนและผ้ปู กครองเข้ามาเยี่ยมชม - มีการนิทศ ตดิ ตาม การเตรียมความพร้อมเปดิ ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2566 โดยมที า่ นศกึ ษานเิ ทศก์จากสำนกั งานเขตพืน้ ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษากาญจนบุรี เขต 3 ให้คำแนะนำในเก่ยี วกบั นวัตกรรม CAMP MODEL “คดิ อยา่ งเปน็ ระบบ คดิ อยา่ งเปน็ ขั้นตอน รเู้ ท่าทนั สอ่ื สกู่ ารลงมือปฏิบตั จิ รงิ ” CAMP Model | 5 “คิดอย่างเป็นระบบ คิดอยา่ งเปน็ ขัน้ ตอน รเู้ ท่าทนั สือ่ สกู่ ารลงมือปฏบิ ตั ิจรงิ ”

ตวั ช้วี ดั ท่ี 9 การนำไปใช้ การจดั ทำเอกสารคู่มือ แนวทางการดำเนนิ งานตามนวัตกรรมท่ีชัดเจนข้าพเจ้าได้จดั ทำแผน่ พับประชาสมั พนั ธ์ เก่ียวกับนวตั กรรม CAMP MODEL “เรียนวิธคี ิด ผ่านวธิ ีโคด้ ” ให้กบั ผทู้ ่ีมาศึกษาดงู าน และนำเสนอผลงานในระดับ เขตพน้ื ท่ีการศึกษา ตัวช้ีวดั ท่ี 10 การประเมินและการปรับปรุง นวัตกรรม CAMP MODEL“คิดอยา่ งเป็นระบบ คิดอยา่ งเปน็ ขนั้ ตอน รเู้ ท่าทนั สื่อ สกู่ ารลงมือปฏบิ ัตจิ ริง” ขา้ พเจ้าแบบประเมิน เพื่อเป็นเกณฑ์ในการประเมินนักเรยี นในการร่วมทำกิจกรรม องค์ประกอบท่ี 3 ด้านผลที่เกดิ ข้ึนจากการดำเนินงานตามรปู แบบหรือแนวทางการพัฒนานวัตกรรม 3.1 ผลทีเ่ กิดข้นึ กับสถานศกึ ษา ตัวช้ีวดั ท่ี 11 ข้อมูลสารสนเทศของสถานศกึ ษา โรงเรียนบ้านนามกุย ตั้งอยู่ 25/15 หมู่ 7 บ้านนามกุย ตำบลลิ่นถิ่น อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี รหัสไปรษณีย์ 71180 เปิดทำการเรียนการสอน ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล 1 ถึง ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มี นักเรียนเข้าเรียนในปีการศึกษา 2566 จำนวน 276 คน แบ่งเป็นนักเรียนชาย จำนวน 156 คน และ นักเรียน หญงิ จำนวน 120 คน มขี า้ ราชครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา ดงั น้ี ข้าราชการครู จำนวน 8 คน ชาย 3 คน หญิง 5 คน พนกั งานราชการ จำนวน 1 คน ครอู ตั ราจา้ ง จำนวน 2 คน และนักการภารโรง จำนวน 1 คน เขตพ้นื ท่ีบริการ ของโรงเรยี น คอื บา้ นนามกุย หมู่ 7 ประชากรในเขตพื้นทบ่ี รกิ ารส่วนใหญ่ เป็นชาวไทยภาคกลาง มีชาวกระเหร่ยี งอยู่ 3 ครอบครวั ใช้ภาษาไทยในการส่ือสาร และเพือ่ เป็นการสนองนโยบายของรัฐบาล โรงเรยี นบา้ นนามกยุ จึงได้ เปิดรับเด็กต่างชนชาติ ซึ่งเป็นชาวพม่า และมอญ ที่ผู้ปกครองเข้ามาประกอบอาชีพรับจ้างในเขตพื้นที่ ซึ่งมีอยู่ ประมาณ 40 เปอรเ์ ซ็นต์ ประชากรส่วนใหญน่ บั ถอื ศาสนาพทุ ธ ประกอบอาชพี เกษตรกรรม และรบั จา้ ง ปัจจุบัน โรงเรียนบ้านนามกุย ประกอบด้วย อาคารเรียน จำนวน 3 หลัง ซึ่งมีห้องเรียน จำนวน 7 ห้อง อาคารเรียนอนุบาล 1 จำนวน 1 หลัง อาคารเรียนอนุบาล 2 จำนวน 1 หลัง อาคารโรงอาหารจำนวน 1 หลัง หอ้ งสมุด จำนวน 1 หลงั หอ้ งปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ จำนวน 1 หลัง ห้องนำ้ จำนวน 2 หลงั สนามกฬี า จำนวน 1 สนาม สนามฟตุ บอล จำนวน 1 สนาม และสนามเด็กเลน่ จำนวน 1 สนาม เอกลักษณข์ องโรงเรียน “บรรยากาศนา่ อยู่ เชดิ ชูคณุ ธรรม” อตั ลักษณ์ของโรงเรียน “มารยาทงาม สขุ ภาพดี” ปรัชญาของโรงเรียน “รหู้ น้าที่ มีวนิ ยั ใฝค่ ุณธรรม น้อมนำความพอเพยี ง” คติพจน์ของโรงเรยี น “นตฺ ถิ ปญญา สมาอาภา แสงสวา่ งเสมอด้วยปญั ญาไม่มี” สีประจำโรงเรียน “ม่วง – ขาว” CAMP Model | 6 “คดิ อย่างเปน็ ระบบ คิดอย่างเป็นขน้ั ตอน รเู้ ท่าทันสอื่ สกู่ ารลงมอื ปฏบิ ตั จิ รงิ ”

ตัวชี้วัดที่ 12 มกี ารดำเนินงานอย่างเปน็ ระบบ มีแผนงานโครงการหรือกิจกรรมทส่ี อดคล้องกับนวตั กรรมการพฒั นา - โครงการผลติ ส่ือเพ่ือการเรียนรู้ - โครงการพฒั นาทักษะดิจิทลั และภาษาคอมพิวเตอร์ Unplugged Coding ฝึกกระบวนการคิดอย่าง เปน็ ระบบ คิดอยา่ งเปน็ ขั้นตอน ตัวขี้วดั ที่ 13 มีเครอื ข่ายการพัฒนาคุณภาพการศกึ ษาของสถานศกึ ษา สถานศึกษามีการขบั เคลือ่ นกิจกรรมชุมชนการเรียนรทู้ างวิชาชพี PLC หรือ รูปแบบอื่นๆ ในการจดั การ เรียนรู้ ท่ีหลากหลายใหม้ คี วามเขม้ แขง็ โดยมีผูเ้ ช่ียวชาญใหค้ วามรู้คำแนะนำอย่างสม่ำเสมอ ตวั ชี้วดั ที่ 14 การยอมรับทีม่ ีต่อสถานศกึ ษา ผู้บริหารให้การสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมและเป็นที่ปรึกษาที่ดีให้กับผู้จัดทำนวัตกรรม นักเรียนมีส่วน ร่วมในกิจกรรมตามนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรม นักเรียนมีความสุขและสนุกสนานกับ การรว่ มทำกิจกรรมเปน็ อยา่ งมาก 3.2 ผลทีเ่ กดิ ขน้ึ กับครผู ู้สอน ตัวช้วี ดั ท่ี 15 การออกแบบการจดั การเรยี นรู้ มีการออกแบบการจดั การเรียนรู้แบบเชงิ รกุ (Active learning) ด้วยกระบวนการ Co-5-Steps ทสี่ อดคลอ้ ง กับมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวช้ีวดั หรอื ผลการเรยี นรู้ ตัวช้วี ดั ที่ 16 การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ นักเรียน มีส่วนรว่ มในการจัดกิจกรรมการเรยี นรูใ้ นการจดั กจิ กรรม นกั เรียนจะเปน็ ผชู้ ่วยจดั กจิ กรรม ร่วมกนั แสดง ความคิดเหน็ และช่วยกันเลือกกิจกรรมอยากจะทำ ครู ใช้สื่อการเรียนรู้ เทคโนโลยี และสารสนเทศ ประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้นำเทคโนโลยีมาใช้ ในการจดั ทำใบงาน ใบความรู้ใหก้ บั นกั เรียนเพ่ิมความน่าสนใจในการกระตนุ้ ให้ผเู้ รยี นเกิดการเรียนรู้ ตัวชี้วัดท่ี 17 การพฒั นาส่อื การเรยี นรู้ ครูมีการสื่อการสอนที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรม นำเทคโนโลยีมาเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยจัดกิจกรรมการเรียน การสอนให้กับนักเรียนออกแบบและพัฒนาสื่อนวัตกรรมเทคโนโลยีให้มีคุณภาพ สะดวกต่อการใช้ประกอบกิจกรรม ในการเรียนรู้นักเรียนมสี ่วนร่วมในการออกแบบ เลือกใช้สื่อ และพัฒนาคุณภาพของส่ือนวตั กรรม เทคโนโลยี-ในการ ทำกจิ กรรม นอกจากนกั เรียนจะเป็นผูช้ ว่ ยการออกแบบนวตั กรรมแล้ว นักเรยี นยงั มสี ่วนร่วมในการเสนอความคิดเห็น และอยากให้ครูผูส้ อนพัฒนาส่อื และนวัตกรรมท่แี ปลกใหม่ให้กบั นักเรยี นอีกด้วย CAMP Model | 7 “คดิ อย่างเป็นระบบ คิดอยา่ งเป็นข้นั ตอน รูเ้ ท่าทนั สือ่ สูก่ ารลงมือปฏบิ ัตจิ ริง”

ตวั ชวี้ ดั ท่ี 18 การวัดและประเมินผล มีการวางแผน และออกแบบเครื่องมือวิธีการวัดประเมินผลในการจัดการเรียนรู้ที่นำนวัตรกรรมมาใช้ในการ เรียนการสอนหลังดำเนินกิจกรรมไปแลว้ จึงต้องมกี ารวัดและประเมินผลเพื่อให้ทราบผลที่เกิดขึ้นจากการจัดกิจกรรม จากนั้นนำผลของการวัดและประเมินผล ไปใช้ในการออกแบบวางแผนและดำเนินการพัฒนาคุณภาพทางการศึกษา และการจดั การเรียนร้อู ย่างเปน็ ระบบและอย่างต่อเนื่อง 3.3 ผลทเ่ี กดิ กบั ผเู้ รียน ตวั ชว้ี ดั ที่ 19 ผ้เู รยี นมีผลการพฒั นาทีเ่ กดิ จากการใชน้ วัตกรรม นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจในการใช้นวัตกรรมเป็นไปตามเป้าหมายการพัฒนานักเรียนเกิดความรู้ และ เข้าใจการปฏิบัติกิจกรรมในนวัตกรรมได้ตรงตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้นักเรียนมีทักษะความสามารถในการใช้ นวตั กรรมเป็นไปตามเป้าหมายในการพฒั นาเกดิ การเรียนรู้ทฝ่ี ึกการคิดอย่างเป็นระบบ เปน็ ขน้ั ตอนและฝึกทักษะการ คดิ วเิ คราะหส์ ามารถนำไปบรู ณาการกับการจัดการเรยี นรู้ในวิชาตา่ ง ๆ และนำไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั ได้ 3.4 การขยายผล ตัวชี้วดั ท่ี 20 การขยายผล/การใชน้ วัตกรรมการศึกษา มกี ารเผยแพร่ส่อื /นวัตกรรม ประชาสัมพันธ์ และขยายผลนวตั กรรมในทางสอ่ื สังคมออนไลน์ขา้ พเจ้าได้มีการ เผยแพรน่ วตั กรรมผ่านช่องทาง YouTube และตามชอ่ งทางอืน่ ๆ ประโยชน์ท่ไี ด้รับ และปัจจยั ความสำเร็จ นักเรยี นมคี วามรู้ ความเขา้ ใจ พัฒนาทักษะดิจิทัลและภาษาคอมพิวเตอร์ ด้านโค้ดด้งิ มีทักษะพื้นฐานในการ วิเคราะห์ การคิดอย่างเป็นระบบ แก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอน การคิดสร้างสรรค์และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ใน ชีวติ ประจำวัน ต่อยอดการเรียนรู้ พัฒนาทกั ษะชวี ิต ตลอดจนการสร้างนวตั กรรมได้ในอนาคต มีการเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ และขยายผลนวัตกรรมในทางสื่อสังคมออนไลน์ มีการเผยแพร่นวัตกรรม ผ่านช่องทาง YouTube เป็นตัวแทนระดับเครือข่ายนำเสนอนวัตกรรมในระดับเขตพื้นที่การศึกษา ได้รับรางวัล กิจกรรมส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนทุกช่วงชั้นได้เรียนรู้ผ่านกิจกรรมการปฏิบัติจริ งโดยมีการจัดการเรียนรู้ Active Learning ระดบั เขตพ้นื ทกี่ ารศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรี เขต ๓ จดุ เดน่ /จุดท่ีควรพัฒนา จดุ เดน่ คอื กิจกรรมมีความนา่ สนใจ และแปลกใหม่สำหรบั นักเรียนทำใหน้ ักเรียนเกิดความสนใจและต้ังใจ จุดที่ควรพัฒนา คือ ต้องมีกิจกรรมที่หลากหลายมากขึ้น นำไปใช้จัดการเรียนสอนครบทุกระดับชั้น ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และบูรณาการไปยังรายวิชาอื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพใน การจัดการเรยี นการสอนมากยง่ิ ขึน้ ปัญหา/อปุ สรรค นักเรียนบางส่วนไม่มีสมาธิระหว่างการทำกิจกรรมต่างๆ ยังมีหยอกล้อ พูดคุย และเล่นกับเพื่อนระหว่างทำ กจิ กรรม ทำใหเ้ พือ่ นที่กำลังทำกจิ กรรมอยูน่ ้ันไมม่ สี มาธิ ทำใหเ้ กิดกระบวนการเรียนรู้ไมเ่ ต็มประสิทธิภาพ CAMP Model | 8 “คิดอย่างเปน็ ระบบ คดิ อยา่ งเปน็ ข้ันตอน รู้เท่าทันส่ือ สู่การลงมอื ปฏบิ ตั ิจริง”

ขอ้ เสนอแนะเพิม่ เติม - CAMP Model | 9 “คิดอย่างเป็นระบบ คิดอย่างเปน็ ขั้นตอน รู้เท่าทนั ส่อื สกู่ ารลงมือปฏบิ ตั ิจริง”

ภาคผนวก CAMP Model | 10 “คดิ อย่างเปน็ ระบบ คิดอย่างเปน็ ขัน้ ตอน รูเ้ ท่าทนั สือ่ สู่การลงมอื ปฏบิ ตั จิ ริง”

ภาคผนวกประกอบ ตัวชี้วัดท่ี 7 การออกแบบแนวทางการพัฒนา CAMP MODEL “คดิ อย่างเปน็ ระบบ คดิ อยา่ งเป็นขนั้ ตอน ร้เู ทา่ ทนั ส่ือ ส่กู ารลงมือปฏิบัติจรงิ ” ภาคผนวก ตวั ชวี้ ดั ท่ี 8 การมีส่วนร่วมในการพัฒนา Open House เปิดบ้านวิชาการภายในงานจะมีการแสดงโชว์ผลงานที่เกิดจาก นวตั กรรม CAMP MODEL “คิดอย่างเป็นระบบ คิดอย่างเปน็ ขั้นตอน รเู้ ท่าทันสื่อ สกู่ ารลงมอื ปฏบิ ัติจรงิ ” ให้คณะกรรมการสถานศึกษา ชุมชนและ ผู้ปกครองเขา้ มาเยย่ี มชม CAMP Model | 11 “คิดอย่างเปน็ ระบบ คดิ อยา่ งเปน็ ขั้นตอน รเู้ ท่าทันส่ือ ส่กู ารลงมือปฏิบตั ิจริง”

มีการนิทศ ติดตาม การเตรียมความพร้อมเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 โดยมีท่านศึกษานิเทศก์จาก สำนักงานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษากาญจนบรุ ี เขต 3 ใหค้ ำแนะนำในเกย่ี วกบั นวตั กรรม CAMP MODEL “คิด อยา่ งเป็นระบบ คิดอย่างเป็นขัน้ ตอน รูเ้ ทา่ ทันสอ่ื สู่การลงมอื ปฏบิ ัติจริง” ภาคผนวกประกอบ ตวั ช้ีวัดที่ 9 การนำไปใช้ การจัดทำเอกสารคู่มือ แนวทางการดำเนินงานตามนวัตกรรมที่ชัดเจนข้าพเจ้าได้จัดทำแผ่นประชาสัมพันธ์ เกี่ยวกับนวัตกรรม CAMP MODEL “เรียนวิธีคิด ผ่านวิธีโค้ด” ให้กับผู้ที่มาศึกษาดูงาน และนำเสนอผลงานในระดับ เขตพืน้ ทีก่ ารศกึ ษา CAMP Model | 12 “คิดอย่างเป็นระบบ คิดอยา่ งเปน็ ข้ันตอน รู้เท่าทันสอ่ื สกู่ ารลงมือปฏิบตั จิ ริง”

ภาคผนวกประกอบ ตวั ช้ีวดั ที่ 11 ข้อมูลสารสนเทศของสถานศึกษา มกี ารจัดทำข้อมลู สารสนเทศอยา่ งเปน็ ระบบ นำข้อมูลมาใช้ได้งา่ ย ทันสมัย งา่ ยต่อการใช้งาน ภาคผนวกประกอบ ตวั ช้ีวัดที่ 12 มกี ารดำเนนิ งานอยา่ งเปน็ ระบบ มแี ผนงานโครงการหรือกจิ กรรมที่สอดคลอ้ งกบั นวตั กรรมการพฒั นา CAMP Model | 13 “คิดอย่างเป็นระบบ คิดอยา่ งเป็นข้นั ตอน รูเ้ ท่าทันส่ือ ส่กู ารลงมอื ปฏิบัติจริง”

ภาคผนวกประกอบ ตวั ชี้วัดท่ี 13 มเี ครอื ข่ายการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศกึ ษา สถานศึกษามีการขับเคล่อื นกิจกรรมชมุ ชนการเรยี นรู้ทางวิชาชีพ PLC หรอื รูปแบบอนื่ ๆ ภาคผนวกประกอบ ตวั ช้ีวัดที่ 14 การยอมรบั ท่มี ีต่อสถานศกึ ษา ผู้บริหารสนบั สนนุ ทุกๆ ด้าน ในการจัดทำนวตั กรรม และเป็นทป่ี รกึ ษาท่ีดีให้กับผจู้ ัดทำนวัตกรรมทกุ คน CAMP Model | 14 “คดิ อย่างเป็นระบบ คดิ อย่างเป็นขน้ั ตอน รเู้ ท่าทนั ส่อื ส่กู ารลงมอื ปฏบิ ตั ิจริง”

ภาคผนวกประกอบ ตวั ช้ีวดั ที่ 15 การออกแบบการจดั การเรยี นรู้ ภาพการอบรมการเขียนแผนการออกแบบการจัดการเรียนรู้แบบเชิงรกุ (Active learning) ด้วยกระบวนการ Co-5-Steps ทสี่ อดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ ตวั ช้วี ดั หรอื ผลการเรียนรู้ โดยศึกษานิเทศกจ์ ากเขตพ้นื ท่ีการศึกษา ภาคผนวกประกอบ ตัวชี้วดั ท่ี 16 การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ใชส้ ่ือการเรยี นรู้ เทคโนโลยี และสารสนเทศ ประกอบการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ นำเทคโนโลยีมาใชใ้ นการ จัดทำใบงาน ใบความรู้ ให้กบั นักเรยี นเพ่ิมความนา่ สนใจให้ผ้เู รียน CAMP Model | 15 “คิดอย่างเปน็ ระบบ คดิ อย่างเป็นข้ันตอน รเู้ ท่าทนั สื่อ ส่กู ารลงมอื ปฏบิ ตั ิจริง”

ภาคผนวกประกอบ ตัวช้ีวดั ท่ี 17 การพฒั นาสื่อการเรยี นรู้ ครมู ีการส่ือการสอนทเ่ี กย่ี วข้องกับนวัตกรรม นำเทคโนโลยมี าเปน็ ส่วนหน่ึงในการช่วยจดั กจิ กรรมการเรียน การสอนให้กับนักเรียนออกแบบและพฒั นาสื่อนวัตกรรมเทคโนโลยีให้มคี ณุ ภาพ ภาคผนวกประกอบ ตัวช้ีวดั ท่ี 19 ผ้เู รียนมผี ลการพัฒนาท่เี กิดจากการใชน้ วัตกรรม การปฏิบัติกิจกรรมในนวัตกรรมได้ตรงตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้นักเรียนมีทักษะความสามารถในการใช้ นวตั กรรมเป็นไปตามเป้าหมายในการพัฒนาเกิดการเรียนรู้ทีฝ่ ึกการคดิ อย่างเปน็ ระบบ เป็นขน้ั ตอนและฝึกทักษะการ คิดวิเคราะห์สามารถนำไปบรู ณาการกบั การจดั การเรยี นรู้ในวิชาตา่ ง ๆ และนำไปใช้ในชีวติ ประจำวนั ได้ CAMP Model | 16 “คิดอย่างเป็นระบบ คิดอยา่ งเป็นข้นั ตอน รเู้ ท่าทนั สือ่ สู่การลงมือปฏิบตั ิจรงิ ”

ภาคผนวกประกอบ ตวั ช้ีวัดที่ 20 การขยายผล/การใช้นวตั กรรมการศกึ ษา มีการเผยแพร่ส่ือ/นวัตกรรม ประชาสมั พนั ธ์ และขยายผลนวัตกรรมในทางส่ือสงั คมออนไลนข์ า้ พเจา้ ได้มี การเผยแพร่นวตั กรรมผา่ นช่องทาง YouTube และตามชอ่ งทางอืน่ ๆ CAMP Model | 17 “คิดอย่างเปน็ ระบบ คดิ อย่างเป็นขั้นตอน รู้เท่าทนั สื่อ สู่การลงมอื ปฏบิ ัตจิ รงิ ”

CAMP Model | 18 “คิดอย่างเปน็ ระบบ คิดอยา่ งเปน็ ข้ันตอน รู้เท่าทันสือ่ สู่การลงมือปฏบิ ัตจิ ริง”


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook