รายงานผลการดำเนินงาน กจิ กรรมสรา้ งสำนกึ พลเมือง (Project Citizen) “โรงเรียนชมุ ชนสะอาด ปราศจากขยะมูลฝอย” โรงเรียนวดั เนนิ เขาดิน ปกี ารศึกษา 2564 สพป.ระยอง เขต 2
แนวคดิ เกีย่ วกบั การสรา้ งสำนึกพลเมือง การสร้างความเปนพลเมืองใหเกดิ กบั ประชาชนเปนเรอื่ งทีท่ ุกประเทศในโลกตางใหความสําคญั และพยายาม ผลกั ดนั ใหเกดิ ข้นึ อยางตอเน่ือง ดวยตระหนกั ถงึ ความจําเปนและคณุ คาของความเปนพลเมอื งในฐานะเปนปจจยั กําลงั อาํ นาจหลักท่ีขบั เคลื่อนประเทศใหอยูรอดและกาวพนวกิ ฤตการณตาง ๆ เมอ่ื ประชาชนเปนพลเมอื งท่มี ีคณุ ภาพยอม สงผลตอการสรางสรรคสังคมท่ีมคี ณุ ภาพท่ีเปนฐานรากของสงั คมเขมแขง็ และพฒั นาไดอยางย่ังยนื แทจริง ตั้งแตอดตี จนถงึ ทกุ วนั น้ี ประเทศตาง ๆ มีการปลูกฝงรากฐานความรูของความเปนพลเมืองใหสืบทอดไดอยางมน่ั คงและยั่งยนื ความเปนพลเมืองในสงั คมรวมสมัยจําเปนตองสรางกลไกทางการศึกษาข้นึ เพื่อท่ีจะสรางพลเมืองใหมีความ รับผดิ ชอบดวยจิตสาํ นกึ ในตนเอง อีกทัง้ มีความรับผิดชอบตอผูอนื่ และตอชมุ ชนของตนเอง โดยคาํ นึงถงึ เหตุและผลที่ กําหนดไวในหลกั นิตริ ฐั ที่คาํ นึงถงึ สทิ ธิและเสรภี าพความเปนมนษุ ยรวมถงึ สิทธมิ นุษยชนอยางเสมอภาคและเทาเทียม กนั เปนพลเมืองที่กระตอื รือรน (Active citizen) อันเปนคุณลักษณะของความเปนพลเมืองท่ีพึงประสงค การสรางความเปนพลเมืองคุณภาพใหเกิดขึน้ ในสงั คมโดยมุงเนนใหสมาชิกเปนพลเมืองไทยรวมสมัยท่ีกระตือรือ รนและมีความรับผิดชอบดวยจติ สาํ นกึ ในตนเอง ตอผูอื่น และตอชุมชนของตนเอง ตลอดจนคาํ นึงถึงเหตุและผลที่ กาํ หนดไวในหลกั นิตริ ฐั ตามสิทธแิ ละเสรภี าพความเปนมนุษย และสทิ ธมิ นษุ ยชนอยางเสมอภาคและเทาเทยี ม เพอ่ื สงผลตอการสรางสรรคสังคมที่มคี ุณภาพที่เปน ฐานรากของสงั คมเขมแขง็ และพัฒนาไดอยางยง่ั ยนื แทจริงนน้ั ควร มุงเนนดาํ เนินการใน ๓ มิติ คือดานความรูความเขาใจ ดานความคดิ และความเช่ือ (เจตคติ) และดานการปฏิบตั ิตน โดยให ความสาํ คัญกับการเสรมิ สรางพลเมืองไทยใหมีคุณลักษณะตาง ๆ ที่เหมาะสม พลเมอื งพึงไดรบั การปลูกฝงใหมคี ณุ ธรรมความเปนพลเมืองเพื่อเปนหลักในการดาํ เนนิ ชีวิต คณุ ธรรม พลเมอื งจะช่วยลดและขจัดปญหาท่เี กิดกับบุคคล สังคม และประเทศชาติไดอยางดดี วย เหตุผลท่ีวา เมอื่ ทุกคน ประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ นดี อปุ สรรคปญหาตาง ๆ จะหมดสิ้นไป บุคคลจะดํารงชวี ติ ดวยความสงบสุข มีความรัก ความ สามัคคี และสมานฉันท์ ตอกนั นาํ มาซ่งึ ความสขุ สงบเจรญิ กาวหนา มั่นคงแหงสงั คมในท่สี ดุ อยางไรก็ตาม คุณธรรมความเปนพลเมืองจะมีข้ึน ไดอยางแทจริงเมื่อสมาชกิ ใน สงั คมมีความซ่ือสตั ยตอกัน (Honesty) มีความไววางใจกัน (Trust) และเคารพและ ปฏิบตั ิตาม กฎหมาย (Law-abidingness) การเสริมสรางและพัฒนาคุณลักษณะของความเปนพลเมืองในบรบิ ททเี่ หมาะสมกับ สถานการณปจจบุ นั และ สอดรบั กับความทาทายของโลกสมัยใหมเพอื่ ใหเปนปจจยั กําลงั อาํ นาจหลักไป ชวยขับเคลอื่ นสงั คมไทยพฒั นาสู อนาคต เป็นเร่ืองจําเปนท่ีตองไดรับการดาํ เนินการอยางเปนระบบ และตอเนื่อง ความเปนพลเมืองไมอาจสรางให เกดิ ข้นึ ไดโดยเร็วแบบฉาบฉวยเพราะเปนเรอื่ งของการ สรางจติ สาํ นกึ ทีจ่ ะตองหยั่งรากลกึ ในแตละชวงวยั เพื่อบมเพาะ พฤติกรรมที่พงึ ประสงคใหส่ังสมจน กลายเปนนิสัยท้งั ในเร่ืองการใชชวี ิตสวนตัว การใชชวี ิตในครอบครัว การใชชวี ิตใน ชมุ ชน และการใช ชวี ิตในประเทศชาตกิ ารบูรณาการการดําเนนิ งานของหนวยงานทุกภาคสวนไมวาจะเปนภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม และส่ือมวลชน ท่มี ีเน้ืองานสวนใดสวนหน่งึ สอดคลองกับการสรางและพฒั นา ความเปนพลเมอื ง ไวดวยกนั อย่างเปนระบบจะนํามาซ่ึงความสาํ เรจ็ ท่ยี ั่งยนื มากกวาการใหความสาํ คัญ และแยกสวนดาํ เนินการเปนชวง ๆ ตามกระแส
กิตตกิ รรมประกาศ ในการดำเนนิ กิจกรรมสร้างสำนกึ พลเมือง (Project Citizen) สำเรจ็ ลุลว่ งไปด้วยดีขอขอบคณุ หนว่ ยงานจาก ภาครัฐดงั ตอ่ ไปนีค้ ือ เทศบาลตำบลท่งุ ควายกิน ชุมชนบ้านเนนิ เขาดิน กำนนั ผู้ใหญ่บา้ น โรงพยาบาลสง่ เสริมสุขภาพ บ้านเนินเขาดนิ ท่ีให้ความอนุเคราะหใ์ นด้านการดำเนินงานและข้อมูลตา่ งๆ ทเี่ กยี่ วข้อง ขอขอบคุณผอู้ ำนวยการและคณะครูโรงเรียนวัดเนนิ เขาดนิ ท่เี ป็นท่ีปรึกษาและให้ข้อเสนอแนะแนวทางการ ดำเนินงานในครั้งนจ้ี นสำเรจ็ ลลุ ว่ ง และหวงั เปน็ อย่างยิ่งว่ารายงานฉบบั นีจ้ ะเปน็ ประโยชน์ตอ่ ผู้ทม่ี คี วามสนใจเพ่ือเปน็ แนวทางในการทำกจิ กรรม ต่อไปหากมีข้อผิดพลาดใดขา้ พเจ้าก็ขออภัยมา ณ ทนี่ ี้ คณะผู้จัดทำ
ชือ่ เร่ือง : กิจกรรมการสรา้ งสำนึกพลเมือง (Project Citizen) “ชมุ ชนสะอาด ปราศจากขยะมูลฝอย” จดั ทำโดย : นักเรียนชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4-6 โรงเรยี นวัดเนนิ เขาดิน สพป.ระยองเขต2 ครูท่ีปรึกษา: นางสาวทิพวิมล สทุ ธิวงค์ ปกี ารศึกษา : 2564 บทคดั ยอ่ การดำเนนิ กิจกรรมการสรา้ งสำนกึ พลเมือง (Project Citizen) มวี ัตถุประสงคเ์ พื่อรณรงคใ์ ห้ชุมชนรอบๆ โรงเรียนท้ิงขยะใหเ้ ปน็ ที่ เพื่อใหส้ ถานท่มี ีความสะอาดปราศจากแหล่งเชื้อโรคต่างๆ โดยมีการดำเนินงานของนักเรยี น ระดบั ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4-6 ทเ่ี ปน็ ตวั แทนจำนวน 8 คน มวี ิธีการดำเนนิ งานดงั น้ี ไดศ้ ึกษาแนวทางการดำเนนิ งาน ของกิจกรรมการสร้างสำนกึ พลเมือง (Project Citizen) โดยดำเนนิ การตามข้ันตอนดังนี้ ขัน้ ตอนท่ี1.การระบุปญั หาในชมุ ชน โดยการเสนอปัญหาที่มแี ละพบเหน็ ในโรงเรียนและชมุ ชน ขน้ั ตอนที่2.การเลอื กปญั หาที่จะตอ้ งแก้ไขเพยี ง 1 หัวข้อ โดยการลงฉนั ทามติ ขน้ั ตอนท่ี3.การรวบรวมข้อมลู ดำเนนิ การดงั น้ี 3.1 แตง่ ตั้งคณะกรรมการดำเนินกจิ กรรมการสร้างสำนึกพลเมือง (Project Citizen) 3.2 ประชุมคณะกรรมการดำเนนิ กจิ กรรมการสรา้ งสำนกึ พลเมอื ง (Project Citizen) 3.3 ออกสำรวจบรเิ วณชุมชนรอบๆโรงเรียน เกยี่ วกบั ปญั หาท่ีเกดิ ข้ึนในชมุ ชน 3.4 รวบรวมปญั หาท่ีเกิดขนึ้ ในชุมชน 3.5 สรุปเลอื กปญั หาที่ตอ้ งการสรา้ งสำนึกพลเมือง (Project Citizen) 3.6 นำปญั หาดังกล่าวมาทำกิจกรรมในคา่ ยตา่ งๆ ของโรงเรียนเพ่อื สรา้ งสรา้ งสำนึกพลเมือง (Project Citizen) ขั้นตอนท่ี 4. การพฒั นาแฟ้มผลงานของนักเรยี น ดำเนินการ ดังน้ี คณะกรรมการในดำเนินกิจกรรม ตรวจสอบแฟ้ม ผลงานของนักเรียนให้ข้อเสนอแนะ และให้นักเรยี น ปรับปรุงแกไ้ ข ขั้นตอนท่ี 5. การนำเสนอแฟ้มผลงาน ดำเนินการ ดงั นี้ หลังจากที่มีการปรบั ปรุงแก้ไข ใหน้ กั เรียนนำมาส่งให้กบั คุณครู ประจำชั้นและรวบรวมส่งคณะกรรมการดำเนนิ งาน ขั้นตอนท่ี 6. ผลสะทอ้ นจากประสบการณ์การเรียนรู้ ส่ิงท่ีได้เรียนรู้จากกจิ กรรมการสรา้ งสำนึกพลเมือง ดำเนินการ ไดแ้ ก่ 6.1 เรยี นร้ปู ระชาธิปไตยโดยใชป้ ัญหาเปน็ ฐานผา่ นโครงการสรา้ งสำนกึ พลเมือง 6.2 มุ่งเนน้ ให้นักเรียนสรา้ งองค์ความรู้ดว้ ยตนเอง 6.3 เนน้ การลงมือปฏบิ ัติดว้ ยตนเองและการทำงานเปน็ ทีม 6.4 ครูเปน็ ทีป่ รึกษาและอำนวยความสะดวก สง่ เสรมิ และกระต้นุ ให้ตระหนักในความรับผดิ ชอบ เกิด คุณลกั ษณะของโรงเรียนสจุ รติ ๕ ประการ คือ ทักษะกระบวนการคดิ มีวินัย ซ่ือสัตยส์ จุ ริต อยูอ่ ยา่ งพอเพยี ง จติ สาธารณะ 6.5 บทบาทของนักเรยี น ตระหนกั ในความรบั ผดิ ชอบต่อการเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง
สารบัญ หนา้ เร่ือง 1 1 แนวคิดเกีย่ วกบั การสรา้ งสำนึกพลเมือง 1 กิตตกิ รรมประกาศ บทคัดย่อ 2 บทท่ี 1 บทนำ 2 2 ความเปน็ มาของการดำเนนิ กิจกรรมสรา้ งสำนึกพลเมือง(Project Citizen) 2 วตั ถุประสงค์ 3 ขอบเขตของการดำเนินงาน 11 เป้าหมาย 15 งบประมาณ 24 การประเมินผล 31 ผลทค่ี าดวา่ จะได้รับ บทท่ี2 เอกสารและกจิ กรรมทเ่ี ก่ียวขอ้ ง เอกสารทฤษฎที ่เี กีย่ วขอ้ ง บทที่3 วธิ ีการดำเนินกิจกรรม บทท่ี4 ผลการดำเนินการ บทที่5 สรุปผลและข้อเสนอแนะ บรรณานุกรม ภาคผนวก
1 บทที่1 บทนำ 1.ความเป็นมาของการดำเนนิ กจิ กรรมสร้างสำนกึ พลเมือง(Project Citizen) แนวทางการดาํ เนนิ กจิ กรรมสรา้ งสาํ นกึ พลเมือง (Project Citizen) เปน็ กจิ กรรมท่สี ํานักงานคณะกรรมการ การศึกษาข้ันพ้นื ฐาน ร่วมมือกบั สถาบันพระปกเกลา้ ดาํ เนินการจัดอบรมใหแ้ ก่ผู้บริหารและ ครูเพ่ือให้เปน็ แกนนําใน โครงการเสริมสร้างคุณธรรม จรยิ ธรรมและธรรมาภบิ าลในสถานศกึ ษา “ป้องกัน การทจุ รติ ” (โครงการโรงเรียนสจุ รติ ) ทส่ี ง่ เสริมให้นักเรียนไดศ้ ึกษา สาํ รวจ สภาพปญั หาในโรงเรยี น และ ชุมชน สํารวจนโยบายสาธารณะอันเปน็ สาเหตขุ อง ปญั หาตา่ งๆ ทเ่ี กิดขนึ้ ในชุมชน มกี ารวเิ คราะห์ สงั เคราะห์ เพอ่ื หาแนวทางและวิธกี ารแก้ปัญหา โดยผา่ นข้นั ตอน กระบวนการวจิ ัยอย่างมีเหตผุ ลมีหลักการ เชื่อถือได้ สง่ ผลใหน้ ักเรียนมีความรู้ความเขา้ ใจในความเป็นพลเมืองและเกดิ จติ สาํ นึกในระบอบ ประชาธปิ ไตยอันมพี ระมหากษตั รยิ ์เป็นประมุข บนพ้ืนฐานของคุณลักษณะ ๕ ประการของ โรงเรียนสจุ ริต คือ ทักษะกระบวนการคิด มวี ินยั ซอื่ สตั ยส์ จุ รติ อยู่อยา่ งพอเพียง และจิตสาธารณะ โดยให้นักเรยี น ปฏบิ ตั ิ อยา่ งตอ่ เนื่องเพ่ือนําไปสกู่ ารเป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบในการทํางานและสามารถอยู่รว่ มกันในสังคมอย่างมี ความสุข การจัดกิจกรรมเพื่อสร้างสาํ นกึ พลเมือง (Project Citizen) เปน็ กระบวนการจัดการเรียนรแู้ บบ บรู ณาการท่ี ออกแบบให้นักเรียนในโรงเรยี นได้มสี ว่ นรว่ มในการแก้ปญั หาสาธารณะ โดยมุ่งเนน้ 1. การฝึกทักษะการคดิ แบบวพิ ากษ์วจิ ารณ์ (Critical Thinking) 2. การฝึกทกั ษะกระบวนการเรียนรู้อยา่ งมีสว่ นรว่ มโดยการฝกึ คดิ นโยบายท่ใี ช้ในการแก้ไข ปัญหาสาธารณะ 3. การให้ความรเู้ ก่ยี วกบั บทบาทภารกจิ หน้าที่ข้นั ตอนและกระบวนการดําเนินงานของ หนว่ ยงานภาครัฐ ตงั้ แต่ระดบั ชมุ ชน ท้องถ่ินและจงั หวัดโดยเฉพาะท่ีมีผลกระทบตอ่ การดําเนนิ ชีวติ ประจําวัน 4. การให้ความร้เู กย่ี วกบั แนวทางในการตรวจสอบ ติดตาม และมสี ว่ นรว่ มในการแก้ไข ปรับปรุงหรือ พฒั นาการดําเนนิ งานของหน่วยงานภาครฐั ตามวถิ ปี ระชาธิปไตย 2.วัตถปุ ระสงค์ 2.1 เพื่อให้นักเรียนมีทักษะเรียนรูป้ ระชาธิปไตยโดยใช้ปญั หาเป็นฐานผ่านโครงการสรา้ งสำนึกพลเมือง 2.2 เพื่อมุง่ เนน้ ให้นักเรยี นสรา้ งองคค์ วามรดู้ ้วยตนเอง 2.3 เพอ่ื เนน้ ให้นกั เรยี นร้จู กั การลงมือปฏบิ ัติดว้ ยตนเองและการทำงานเปน็ ทีม 2.4 เพอ่ื นักเรยี นได้ตระหนกั ในความรับผิดชอบ เกิด คุณลักษณะของโรงเรียนสจุ รติ ๕ ประการ คือ ทักษะ กระบวนการคิด มวี นิ ยั ซ่อื สัตย์สุจริต อยอู่ ย่างพอเพยี ง จติ สาธารณะ 2.5 เพือ่ ให้นักเรียนรูจ้ ักบทบาทของตนเอง ตระหนกั ในความรับผดิ ชอบต่อการเรียนร้ดู ว้ ยตนเอง 3.ขอบเขตของการดำเนนิ งาน 3.1 นักเรียนชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 4-6 จำนวน 8 คน 3.2 ระยะเวลา มถิ นุ ายน – สิงหาคม 2564 3.3 เครื่องมือท่ีใช้ในการประเมินผล - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - แบบสอบถามความพึงพอใจ
2 4.เป้าหมาย 4.1 เชงิ ปรมิ าณ นกั เรยี นท่ีโรงเรียนวดั เนินเขาดนิ 4.2 เชิงคุณภาพ 4.2.1 นกั เรยี นร้อยละ 90 มที ักษะเรียนรู้ประชาธปิ ไตยโดยใชป้ ญั หาเป็นฐานผ่านโครงการสรา้ ง สำนึกพลเมือง 4.2.2 นกั เรียนรอ้ ยละ90 สรา้ งองค์ความรูด้ ้วยตนเอง 4.2.3 นกั เรียนรอ้ ยละ 90 รู้จักการลงมือปฏบิ ตั ิด้วยตนเองและการทำงานเปน็ ทมี 4.2.4 นักเรียนรอ้ ยละ 90 ได้ตระหนักในความรับผิดชอบ เกดิ คณุ ลักษณะของโรงเรียนสุจริต ๕ ประการ คือ ทักษะกระบวนการคิด มวี ินยั ซ่ือสัตย์สุจริต อยอู่ ยา่ งพอเพียง จิตสาธารณะ 4.5 นกั เรยี นร้อยละ 90 รู้จกั บทบาทของตนเอง ตระหนักในความรบั ผดิ ชอบต่อการเรียนรดู้ ้วย ตนเอง 5.งบประมาณ จากสำนกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาระยองเขต 2 จำนวน 4,000 บาท รายละเอียดดังนี้ - จา่ ยเปน็ ค่าวัสดดุ ำเนนิ กิจกรรม 4,000 บาท 6.การประเมนิ ผล เปา้ หมาย/ตัวช้วี ดั วธิ กี ารประเมนิ เครอ่ื งมอื ประเมิน 1.ร้อยละของนักเรียนมีทักษะเรียนรู้ประชาธิปไตยโดยใชป้ ัญหาเป็น สงั เกต แบบสงั เกต ฐานผา่ นโครงการสร้างสำนึกพลเมอื งสร้างองค์ความรู้ดว้ ยตนเอง รู้จกั ประเมนิ โครงการ แบบประเมนิ โครงการ การลงมือปฏบิ ัตดิ ้วยตนเองและการทำงานเปน็ ทีม ตระหนักในความ รบั ผิดชอบ เกิด คณุ ลักษณะของโรงเรยี นสจุ รติ ๕ ประการ คือ ทักษะ กระบวนการคิด มีวินัย ซ่อื สตั ยส์ ุจริต อยูอ่ ยา่ งพอเพียง จิตสาธารณะ รจู้ ักบทบาทของตนเอง ตระหนักในความรบั ผิดชอบต่อการเรยี นรู้ดว้ ย ตนเอง 2.ระดับคณุ ภาพของสถานทโ่ี รงเรียนและชมุ ชนสะอาด ปราศจากขยะ 3.ร้อยละของการสง่ เสริมสร้างจิตสำนกึ ให้กับบุคคลในโรงเรียนและ ชมุ ชน 7.ผลทีค่ าดวา่ จะไดร้ ับ 7.1 ปลกู ฝงั ให้นักเรยี นมีทกั ษะเรยี นรู้ประชาธปิ ไตยโดยใชป้ ัญหาเป็นฐานผ่านโครงการสร้างสำนึกพลเมือง สรา้ งองค์ความรูด้ ว้ ยตนเอง รูจ้ กั การลงมือปฏิบตั ดิ ว้ ยตนเองและการทำงานเป็นทมี ตระหนักในความรับผดิ ชอบ เกดิ คณุ ลกั ษณะของโรงเรยี นสุจริต ๕ ประการ คือ ทักษะกระบวนการคดิ มีวินยั ซ่อื สัตย์สุจริต อย่อู ยา่ งพอเพียง จติ สาธารณะ ร้จู กั บทบาทของตนเอง ตระหนักในความรบั ผิดชอบตอ่ การเรียนรูด้ ้วยตนเอง 7.2 สถานท่โี รงเรียนและชุมชนสะอาด ปราศจากขยะ 7.3 ส่งเสรมิ สรา้ งจิตสำนึกให้กับบคุ คลในโรงเรยี นและชุมชน
3 บทท2่ี เอกสารและกิจกรรมทีเ่ กย่ี วขอ้ ง ในการดำเนินกจิ กรรมสร้างสำนกึ พลเมืองครั้งน้ี ผจู้ ดั ทำได้ศึกษาเอกสารทีเ่ กย่ี วข้อง และไดน้ ำเสนอตามหวั ข้อต่อไปน้ี 1. เอกสารท่ีเกยี่ วขอ้ งกับหวั ข้อตา่ งๆ ขั้นที1่ การระบุปัญหา การระบุปัญหา เปน็ ขั้นที่มุ่งใหน้ ักเรียนและชมุ ชนเสนอปัญหาโดยร่วมกันระบปุ ัญหา เช่น ปญั หาในชมุ ชนหรือ ในโรงเรยี น โดยอาจใช้การแบ่งกล่มุ ย่อย 3-5 คน เพื่อให้ทุกคนได้มโี อกาสแสดงความคิดเห็นอยา่ งทว่ั ถงึ โดยอาจให้แต่ ละคน เสนอปญั หามาคนละ 3 ปัญหา จากนัน้ พูดคยุ กนั ภายในกลุ่มเพ่ือนำไปสู่ ข้ันตอนท่ี 2 การระบปุ ญั หา นับเปน็ ขั้นตอนแรกของการดำเนิน กระบวนการสรา้ งสำนกึ พลเมือง โดยมุง่ กระตนุ้ ให้ นกั เรียน เสนอปัญหาที่ตนรับรู้สนใจและต้องการแกไ้ ข โดยรว่ มกนั ระบุ ปญั หาทเี่ กดิ ขนึ้ ในชมุ ชนหรอื ในโรงเรยี นของ ตน ข้นั ตอนนมี้ ีความสำคัญอย่างยงิ่ เพราะเปน็ จดุ เรม่ิ ตน้ สำคัญท่จี ะทำให้ผู้เข้ารว่ มทกุ คนมสี ว่ นร่วมในการระบุ ประเดน็ ปญั หาที่มีความสำคัญ เป็นปญั หาที่ชุมชน/สงั คมใหค้ วามสนใจ เพราะการสร้างการมสี ว่ นรว่ มในขนั้ ตอนนจ้ี ะ ส่งผลต่อการให้ ความร่วมมือดำเนินกระบวนการต่อไป ดงั น้นั คณุ ครูควร เปดิ โอกาสให้นักเรยี นมสี ่วนรว่ มอย่างเต็มที่ และทว่ั ถงึ ซึง่ จะสามารถสรา้ งใหน้ ักเรียนเกิดความร้สู กึ เป็นเจ้าของ (sense of belonging) และสง่ ผลต่อการให้ความ สนใจและ ความร่วมมือต่อไป วธิ ีการหรอื เทคนิคท่ีสามารถนำมาใช้ในการเปิดโอกาส ให้ทกุ คนระบุปัญหาได้อย่าง ทัว่ ถงึ อาจใช้การแบ่งกลมุ่ นักเรียน เป็นกลุ่มย่อยกลุ่มละประมาณ 5-10 คน ขึ้นอยกู่ บั ความ เหมาะสม เพื่อเปิดโอกาส ใหท้ ุกคนได้มีโอกาสแสดง ความคดิ เห็นอย่างกว้างขวาง โดยให้แตล่ ะกลุ่มเสนอปญั หา ท่ีตนสนใจกอ่ น จากนน้ั แลกเปล่ียนกบั เพือ่ นในกลุ่มพร้อมท้งั ให้เหตุผลประกอบวา่ เพราะเหตุใดปญั หานั้นจึงมีความสำคัญ จากน้นั จึงรว่ มกัน ระดมความเห็นกับเพอ่ื นในกลุ่มวิเคราะห์ และประเมินวา่ ปัญหาใดมคี วามสำคัญทสี่ ุด โดยพจิ ารณาจาก ผลกระทบ ความรนุ แรง ความยาวนาน เพื่อให้ได้ปัญหาท่ีมี ความเปน็ สาธารณะอยา่ งแท้จรงิ โดยกอ่ นเร่ิมตน้ ระบุปัญหาคณุ ครูหรือผูน้ ำกระบวนการควรให้ แนวทางในการระบุปญั หาแกน่ กั เรยี นหรอื ผู้ เขา้ อบรมด้วย เพือ่ เปน็ แนวทาง ในการระบปุ ญั หานน้ั เชน่ 1). ปญั หานน้ั มคี วามสำคัญส่งผลกระทบรนุ แรง และมี ผูเ้ ก่ยี วขอ้ งจำนวนมากหรือไม่ 2). ปัญหานัน้ มขี ้อมลู เพยี งพอในการ ศกึ ษาเพ่ือกำหนดแนวทางแก้ไขหรอื ไม่ 3). ปัญหา นั้นมีหนว่ ยงานภาครัฐที่ รบั ผิดชอบหรือไม่ เพ่ือใหส้ ามารถผลักดันข้อเสนอสนู่ โยบายสาธารณะตอ่ ไปได้ และ 4). ปัญหานั้นมคี วามเปน็ ไปได้ทจ่ี ะแก้ไขไหม ทั้งน้ีการสรา้ งบรรยากาศ ใหม้ ีการแลกเปล่ียนอย่างเสรีและต้งั อยบู่ น กติการว่ มมีความสำคัญทีส่ ดุ อย่างไรก็ตาม เพ่ือใหไ้ ด้ขอ้ มูลปญั หาครอบคลุมย่ิงข้นึ และเป็นปัญหา ทมี่ ีความสำคัญกบั คนในชมุ ชนอยา่ งแท้จริง นักเรยี นและชมุ ชนสามารถ ใช้แบบฟอร์มในการระบุปัญหาเปน็ เครอ่ื งมอื ประกอบการศกึ ษา ค้นควา้ ได้ ข้นั ท่2ี การเลือกปัญหา เป็นข้ันของการคัดเลอื กปัญหาที่มคี วามสำคัญทส่ี ุดใหเ้ หลือเพยี ง 1 ปัญหา ในขั้นน้ี ผ้เู รยี นจะได้เรียนรู้ถึง กระบวนการฉันทมติ (Consensus) ซง่ึ จะไมใ่ ช้การยกมือโหวต แต่จะใช้การพดู คุยกนั แลกเปล่ียนความคดิ เหน็ ในการ คดั เลือกเม่ือนักเรยี นหรอื ชมุ ชนระบปุ ญั หาสาธารณะร่วมกบั กลมุ่ เพื่อนได้แล้ว ขน้ั ตอ่ ไปเป็นการคดั เลือกปญั หาท่กี ล่มุ หรอื ชนั้ เรียนเห็นว่ามคี วามสำคัญท่สี ุดเพยี ง 1 ปญั หา เพ่ือกลุ่มจะ ไดร้ ว่ มกันหาแนวทางแกไ้ ขปญั หาต่อไป ขัน้ ตอนใน การคัดเลือกปญั หามีความสำคัญอย่างมาก เพราะในการแก้ไขปัญหาน้ัน เราไมส่ ามารถแก้ไขหลายปญั หา พร้อมกนั ได้ เพราะการแกไ้ ขปัญหาแตล่ ะคร้ังจำเป็นต้องระดม สรรพกำลังต่างๆมาใช้ในการแก้ไข ดว้ ยเหตุนจี้ งึ จำเปน็ อย่างย่ิง ท่ี
4 จะตอ้ งเลือกปัญหาทีม่ ีความสำคัญมากท่ีสุดในขณะนัน้ มา แก้ไขกอ่ น โดยมิไดห้ มายความว่าปญั หาเปน็ ปัญหาท่ีไม่ สำคญั หรือท่ีไม่ได้เลอื กในคราวนี้จะละทงิ้ ไป เพียงแต่พกั ไว้กอ่ น เท่านน้ั เพราะยงั เป็นปัญหาท่ีรอได้ กระบวนการ เพอื่ ให้ไดม้ าซ่ึงปญั หาท่ีชั้นเรยี นหรอื ชุมชน เหน็ ว่ามีความสำคญั ท่สี ุด โดยทกุ ฝ่ายมีส่วนรว่ มน้นั มคี วามสำคัญอย่างยิง่ คุณครูหรือผูด้ ำเนนิ การจะต้อง เปิดโอกาสใหน้ ักเรียนหรอื ชุมชนได้แลกเปลย่ี นความเห็นเกย่ี วกับ ปญั หาตา่ งๆ ได้อย่าง เตม็ ท่ี โดยนักเรยี นหรือชมุ ชนสามารถ แสดงความเห็นต่อปัญหาตา่ งๆ ถงึ เหตผุ ลและความสำคญั ท่ี ต้องเลือกปญั หา นน้ั เพือ่ ใหเ้ พ่ือนนักเรียนคล้อยตามเห็นความ สำคัญและพร้อมใจกันท่จี ะแก้ไขปัญหานั้น ดว้ ยเหตุนคี้ ณุ ครู หรอื ผดู้ ำเนินการจะต้องทำหน้าทเ่ี ป็นกลางและสรา้ ง บรรยากาศใหเ้ กดิ การแลกเปลีย่ นเรยี นรู้ และต้องไม่ครอบงำ ความคิดของนักเรยี นหรอื ชมุ ชนขอ้ สังเกตในข้นั ตอนน้ีคือ บางแห่งอาจพบกบั การถกเถยี งหาข้อยุติ ไม่ได้ ขณะท่ีบาง แหง่ นักเรยี นอาจไม่คอ่ ยแสดงความเหน็ เมอื่ เป็นเช่นนี้ วธิ ีการหนง่ึ ที่คุณครูสามารถนำมาใชใ้ นการแก้ไขปญั หาได้กค็ ือ การต้งั “กติกา” รว่ มกนั ระหว่างนักเรียนหรือชุมชนต้ังแตแ่ รก เช่น การสลับกันพดู สลับการฟัง การแสดงความเห็น บนพื้นฐานของเหตผุ ลไม่ใชอ่ ารมณ์ ความร้สู กึ และเมื่อเกดิ การถกเถยี งทะเลาะเบาะแวง้ กัน ใหค้ ุณครู ผ้ดู ำเนนิ การ กลับมาทบทวนที่กติกาอีกครง้ั แตห่ ากพบว่านักเรียนหรอื ชุมชน ไม่แสดงความเห็นเท่าท่ีควร คณุ ครูจะตอ้ งพยายาม กระตนุ้ และสรา้ ง บรรยากาศเชญิ ชวนและช้ีใหเ้ ห็นถงึ ความสำคัญของการพดู คุยแลกเปล่ียน เปน็ ต้น สง่ิ สำคัญอีก ประการก่อนดำเนินการ “เลือก” ปญั หาก็คือ การทำความเขา้ ใจเร่อื งนโยบายสาธารณะ (Public Policy) และ กระบวนการ หาฉันทมติ (Consensus) ใหเ้ ข้าใจตรงกนั เน่ืองจาก การเลอื กปัญหาที่ สำคัญท่ีสุดจำเป็นต้องเลือก ปญั หาทีส่ ่งผลกระทบตอ่ สาธารณะและคนจำนวน มาก โดยเกิดจากกระบวนการพูดคุยแสดงความคิดเหน็ อยา่ งกว้าง ขวา้ งเพ่ือ ให้ได้ขอ้ ตกลงที่คนสว่ นมากยอมรับได้ ดงั นนั้ การทำความเข้าใจพนื้ ฐาน 2 เรื่องนมี้ คี วามสำคัญอยา่ งยง่ิ เพราะนอกจากจะทำให้ไดป้ ญั หาท่ีทกุ ฝ่ายเหน็ ตรงกนั วา่ มีความสำคญั รนุ แรง และควรได้รบั การแก้ไขเป็นอันดบั แรกๆ อยา่ งแท้จริงแล้ว ยงั ทำให้ เกิดความพึงพอใจต่อทกุ ฝา่ ย ส่งผลให้เกิดความรว่ มมือจากทกุ ฝ่าย กระบวนการ “ฉันทม ต”ิ มคี วามแตกต่างจากคำวา่ เอกฉนั ท์ เพราะ “เอกฉันท์” หมายถงึ การท่ที ุกคนมคี วามเห็นพ้องตอ้ งกันในเรื่องหนง่ึ ๆ โดย ไม่มีข้อโต้แย้ง สว่ น “ฉันทมติ” ไมจ่ ำเป็นท่ีทกุ ฝา่ ยทุกคนจะต้องเห็นตรงกัน หมดเป็นเสยี งสว่ นใหญแ่ ตไ่ ม่ได้เกิด จากการยกมอื โหวตกนั แต่เกิดจาก การพูดคยุ ฟังกนั อาจมีความเห็นต่างได้ แตเ่ ปน็ การเหน็ ต่างทต่ี งั้ อยู่บน ความ เขา้ ใจ และยอมรบั กันได้ ดงั นนั้ การแสวงหาฉนั ทมตใิ ห้เกดิ ข้ึนอยา่ งแทจ้ รงิ จึงต้องเปิดโอกาสให้ ทุกฝ่ายได้พูดคุยกันอย่างทัว่ ถึงบน พน้ื ฐานของการทำความเข้าใจซ่งึ กนั และ กนั บนเหตุผลและข้อมูล ดังน้ัน การพูดคยุ กันในกระบวนการฉนั ทมตนิ ้ีจึง มิใช่การ “โต้วาท”ี เพราะการโตว้ าทีเน้นการโตเ้ ถยี ง เน้นวาทะ อารมณ์ ความรู้สกึ มากกวา่ เร่อื งของเหตผุ ลข้อมูล ดว้ ยเหตุน้ี เพ่ือใหเ้ กดิ ฉนั ทมติจึงตอ้ งใช้กระบวนการ “สานเสวนา” ที่ เน้นการพดู คุยกนั อย่างสนุ ทรยี ์ ต้งั อยบู่ นเหตผุ ล และการยอมรับซ่ึงกนั และกัน ไมเ่ นน้ มองท่ีความ “แตกตา่ ง” แต่มุ่งแสวงหาจุดร่วมที่ทุกฝ่ายมี “ร่วม” กัน ที่สำคญั ไมไ่ ด้มีเปา้ หมายมงุ่ เอาชนะ แต่เน้นการ “ฟัง” กนั อยา่ งตั้งใจ รับฟัง ข้อมูลด้วยใจเปิดกวา้ งและตดั สินใจเลือกบน ฐานข้อมูลดว้ ยใจเปน็ กลาง การสำรวจความคิดเห็นของกลุ่มว่ามีทศิ ทางแนวทางไปทางไหนเปน็ ส่วนใหญ่อาจใช้ สติก เกอร์ 3 สี หรือ บางทา่ นอาจใชเ้ พียงสีเดยี วแตห่ ลาย ดวงโดยแต่ละคนสามารถติดสติกเกอรไ์ ด้ไมจ่ ำกัดจำนวนในข้อท่ี ต้องการ โดยระบุความหมายใหก้ บั สติกเกอรเ์ ช่น สีแดง หมายถงึ ปัญหาที่ไม่สำคัญ หรือเป็นปัญหาทีแ่ ก้ยากยงั ไม่ สามารถแก้ไขได้ในเวลาน้ี สีเหลือง หมายถึง ปัญหาสำคัญรองลงมา สเี ขยี ว หมายถงึ ปัญหาท่ีมีสำคญั มากทีส่ ุดและ มี ความเปน็ ไปไดใ้ นการแกไ้ ข เปน็ ตน้ สำหรบั การตดิ สติกเกอร์ อาจใช้การ หันหลงั ติดไดเ้ พอ่ื ป้องกันการชนี้ ำผอู้ ื่น สง่ิ สำคัญคือ เมื่อติดสติกเกอรแ์ ล้ว คุณครหู รอื ผนู้ ำกระบวนการตอ้ งเปิดโอกาสใหน้ กั เรยี นหรือชมุ ชนได้แสดง ความ คดิ เหน็ ตอ่ ปัญหาต่างๆ อยา่ งท่วั ถึงอีกครั้ง ผลที่ได้จากการติดสตกิ เกอร์ ไม่ใช่ผลลพั ธส์ ดุ ท้ายทจี่ ะตัดสินใจ แต่เป็นเพียง
5 การดึงใหค้ นท่ไี ม่ได้พูดเขา้ มา มสี ว่ นรว่ มและการตดั สินใจต้องเกิดจากการพดู คยุ กนั กระท่ังทกุ ฝ่ายยอมรับได้ โดยสรุป “ฉันทมต”ิ คือ ข้อสรุปหรือผลของการตัดสนิ ใจของกลุ่มท่ี ผา่ นการพูดคุย ปรกึ ษาหารอื ด้วยเหตผุ ล กระทง่ั คนสว่ นใหญ่ยอมรบั เหตุผล น้ันๆ และคนสว่ นน้อยกพ็ ึงพอใจ (consensus) ร่วมกนั ตัวอยา่ งการทำปญั หาสำหรับการลงฉนั ทมติ ขยะ ป่ าไม้ ยาเสพตดิ จราจร ยกตัวอย่าง การติดสติกเกอร์ขา้ งต้น จะเห็นไดว้ ่าปัญหาสขุ ภาพและ ปญั หาขยะ มีดาวติดเป็นจำนวนมากโดย ปัญหาขยะมสี ตกิ เกอร์สีเขยี วติด มากทส่ี ุด ขณะท่ปี ัญหาสุขภาพมีสติกเกอร์สีแดงตดิ มากทส่ี ดุ สำหรบั ปัญหา อ่นื ๆมี สติกเกอรต์ ดิ ประปรายและไม่มสี ีเขยี วเลย วิธกี ารคือให้คุณครูหรือผนู้ ำกระบวนการสอบถามช้ันเรยี นหรอื ชมุ ชน ว่า ปญั หาท่ีไม่มีสติกเกอรส์ ีเขียวติดนน้ั หมายถงึ สำคัญนอ้ ยทสี่ ุดใชห่ รอื ไม่ แสดงว่านักเรียนหรือชุมชนมองเหน็ ปัญหาอ่ืน สำคัญมากกว่าจึงไปตดิ สติกเกอร์ สเี ขยี วไว้ในปัญหาอืน่ ใชห่ รอื ไม่ ดังนัน้ อาจขออนุญาตนำปัญหาที่สำคัญ น้อยท่สี ุด ออกไปกอ่ น อยา่ งไรก็ตาม สำหรบั ปัญหาทตี่ ดิ สตกิ เกอร์สีเขียว มากทส่ี ดุ กย็ งั ไม่อาจสรปุ ได้วา่ เป็นปัญหาที่สำคญั ท่ีสดุ คุณครตู ้องเปิดโอกาส นกั เรยี นที่ติดสติกเกอรส์ แี ดงและสเี หลืองในข้อน้ันแสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกบั ปญั หานั้นก่อน เชน่ เดยี วกนั กับปัญหาทีต่ ิดสติกเกอร์สแี ดงมากทส่ี ุดก็ไมไ่ ด้ หมายความวา่ ไม่สำคญั ต้องเปดิ โอกาสให้ผู้ทต่ี ดิ สติกเกอร์สี เขยี วในข้อนัน้ ได้แสดงความเห็นวา่ เพราะเหตใุ ดตนจงึ คิดว่าปญั หาน้นั สำคัญเสียก่อน และ หากนักเรยี นผตู้ ิดสติกเกอร์ สเี ขยี วเหน็ วา่ ปญั หาดังกลา่ วมีความสำคัญ ก็สามารถเก็บข้อมลู มาเพื่อนำเสนอตอ่ เพ่ือนรว่ มชัน้ เพ่อื ช้ีชวนให้เห็นความ สำคัญได้ ดังนน้ั ในขัน้ ตอนน้ีจึงใชเ้ วลาค่อนข้างมาก ซง่ึ คุณครคู วรให้ความ สำคัญและไม่ควรรวบรัดตัดตอนการแสดง ความเหน็ ของนักเรยี นเพื่อให้ ปญั หาทไ่ี ดร้ ับการคดั เลอื กเกดิ จาก “ฉันทมติ” และเป็นปัญหาทมี่ คี วาม สำคัญอยา่ ง แท้จรงิ ข้อสงั เกต : ขั้นตอนการหาฉันทมติใช้เวลาคอ่ นขา้ งมาก คุณครไู ม่ควร เรง่ รบี แต่ควรเปิดโอกาสใหน้ กั เรยี นได้ แสดงความเหน็ อยา่ งทั่วถึง และ ไม่ควรชนี้ ำนักเรียนเพ่ือให้กระบวนการจบลงอยา่ งรวดเรว็ ทีส่ ำคัญอย่า ยึดติดกบั สติก เกอรว์ า่ เปน็ คำตอบสดุ ท้าย ปัญหาทถ่ี กู ตดิ สตกิ เกอรส์ แี ดง มากทีส่ ุด อาจกลายเป็นปัญหาทส่ี ำคัญทีส่ ดุ กไ็ ด้หาก นกั เรยี นสามารถให้ ข้อมลู สนับสนนุ ให้เพือ่ นรว่ มช้ันเห็นความสำคญั ของปัญหาดังกล่าวได้ ดังน้ัน คำตอบสดุ ทา้ ยจงึ มา จากการ “พูดคุยกนั ”
6 ขน้ั ที่ 3 การลงพืน้ ทเี่ ก็บรวบรวมข้อมูล เมอ่ื ผเู้ รียนคดั เลือกปัญหาทส่ี ำคญั ที่สุดไดแ้ ลว้ 1 ปญั หา ขัน้ ตอ่ ไป คือการเก็บรวบรวมข้อมูลทีเ่ กี่ยวข้อง โดย ทบทวนว่าปัญหานน้ั มีแหล่งข้อมลู ใด ท่ีสามารถศึกษาค้นคว้า เพิ่มเติมโดยนักเรียนและชุมชนอาจแบง่ กลุม่ ในการ ลง พน้ื ท่ี และนำแบบฟอรม์ ทมี่ ีอย่ใู นค่มู ือมาปรบั ใช้ในการลงพ้ืนที่ เมื่อเลอื กปัญหาได้ 1 ปญั หาแลว้ สิ่งท่สี ำคัญลำดับตอ่ ไป ก็คือ การเก็บข้อมูลทเี่ กีย่ วข้องเพื่อนำมาเปน็ กำหนดแนวทาง แก้ไขปัญหาต่อไป ขอ้ มลู มคี วามสำคญั อย่างมากท่จี ะทำใหป้ ัญหาทีเ่ ลอื ก มานั้นได้รับการแกไ้ ขหรอื ไม่ เพราะหากไม่มี ข้อมูลที่เกย่ี วข้อง กับปัญหาเลย ไมว่ า่ จะเปน็ สาเหตุของปัญหา ผลกระทบ ผู้เก่ยี วข้อง ท้ายท่สี ุดจะไมส่ ามารถหาแนว ทางแก้ไขปัญหาได้ อย่างเหมาะสม และเมอ่ื นำไปเสนออาจไมไ่ ด้รับความสนใจ จากผู้มีอำนาจท่จี ะผลกั ดนั เป็น นโยบายสาธารณะ เนือ่ งจาก เปน็ ปญั หาท่ีไม่มีข้อมูลและขาดความนา่ เชือ่ ถอื ดว้ ยเหตุน้ี วตั ถปุ ระสงค์ของขั้นตอนที่ 3 ในการลง พื้นทีเ่ ก็บข้อมลู น้ี จึงเป็นไปเพือ่ 1. ม่งุ ใหน้ ักเรียนหรอื ชุมชนได้ค้นคว้าและรวบรวม ข้อมูลทเ่ี กี่ยวข้องกบั ปญั หาทต่ี ้องการแกไ้ ขอย่าง ละเอยี ด เพื่อนำมาเปน็ ฐานสนับสนุนการเสนอ โครงการ / นโยบายสาธารณะ 2. เพื่อให้ นักเรียนหรือชุมชนทบทวน และประเมนิ ข้อมลู ที่ได้มาสรุปเป็นโครงการ / นโยบายสาธารณะ และกิจกรรม เสนอแนะ ในการแก้ปัญหาต่อไป 3. เพื่อเปน็ ฐานขอ้ มูลสำหรบั ขยายผลและดำเนนิ การ อยา่ งต่อเน่ืองได้ 4. ได้ขอ้ มลู ทีเ่ หมาะสมในการจดั ทำเป็นบอรด์ นิทรรศการและ แฟม้ ผลงานเพ่ือนำเสนอ สำหรบั ประโยชนท์ จ่ี ะไดร้ ับจากการลงพื้นท่ีเก็บข้อมลู คือ 1. เพือ่ ยนื ยันสภาพปัญหา สาเหตแุ ละความสำคัญของปัญหา ดังกล่าว 2. เพ่อื หาแนวทางในการแก้ไขปญั หา 3. เพ่อื กำหนดแนวทางในการหาข้อมูลจากแหล่งข้อมูล 4. เพอ่ื นำมาตรวจสอบแนวทาง / มาตรการ / นโยบายสาธารณะ ทีใ่ ช้อยใู่ นปจั จุบัน (สว่ นท่ี 2) 5. เพ่ือเป็นข้อมลู สำหรับการตัดสินใจเลอื กแหล่งขอ้ มูลท่จี ะหาปัญหา เพิ่มเติม ดงั น้นั คุณครหู รือผ้นู ำกระบวนการ จะตอ้ งเปดิ โอกาสให้นักเรยี น ไดท้ บทวนวา่ ปัญหานั้นมีแหล่งข้อมลู ใดเก่ยี วข้องบา้ งท่สี ามารถศกึ ษา ค้นควา้ สอบถาม ข้อมูลเพม่ิ เติมเพื่อให้เกดิ ความเขา้ ใจทชี่ ัดเจนย่ิงข้ึนไดบ้ ้าง และ สามารถเก็บข้อมลู โดยวธิ ีใดไดบ้ ้าง เน่ืองจาก แหลง่ ขอ้ มูลนน้ั มีจำนวนมาก หลากหลายประเภท เชน่ ห้องสมุด หนงั สอื พิมพ์ นักวชิ าการ ทนายความ ผูพ้ ิพากษา องค์กรชมุ ชนตา่ งๆ ทงั้ ภาครัฐ เอกชน ประชาชน องคก์ าร บรหิ ารส่วนจังหวัด ส่วนภมู ภิ าคและทอ้ งถิน่ เครือขา่ ย ขอ้ มลู อิเล็กทรอนกิ และแหล่งปญั หา เปน็ ต้น ซึ่งไม่วา่ นักเรยี นจะเลอื กแหล่งข้อมูลใดในการ ลงพื้นที่เกบ็ ขอ้ มลู กต็ าม ส่ิงสำคัญท่คี วรคำนึงถงึ คือ แหลง่ ข้อมูลน้ันมีข้อมูล ทส่ี อดคล้องกบั ประเด็นปญั หาหรอื ไมใ่ นการตัดสินใจเลอื ก แหล่งข้อมูลต่างๆ นักเรยี นหรือชุมชนต้อง วางแผนการหาข้อมูลว่าจะเรม่ิ จากที่ไหน วธิ ีการอย่างไร และมผี ใู้ ดที่ เกยี่ วข้องบ้าง เชน่ ผกู้ ระทำ ผู้เสียหาย หน่วยงานทีร่ บั ผิดชอบ ท้งั ภาครฐั เอกชน ประชาสังคม ให้ครอบคลุมทุกระดบั จากนนั้ จึงต้อง พจิ ารณาวา่ ข้อมลู ทีต่ ้องการจะมีเร่ืองใดบ้าง เช่น 1. สาเหตุ / ความร้ายแรง / การแพร่กระจายของ ปญั หา 2. ผลกระทบท่เี กิดจากปญั หา 3. แนวทางการแก้ไขปัญหา เป็นตน้ เมือ่ ไดแ้ หล่งข้อมูลและแนวทางในการเกบ็ ข้อมลู แล้ว ขนั้ ต่อไป นักเรยี นหรือชุมชนจะต้องร่วมกันหาแนวทาง/วธิ กี ารลงพื้นท่ีเก็บข้อมลู ใหเ้ หมาะสมกบั แหลง่ ข้อมูล อาทิ ใชก้ ารเดินสำรวจเกบ็ ข้อมลู พืน้ ฐาน การสังเกต การแจกแบบสอบถาม การสัมภาษณ์ทง้ั การ สัมภาษณผ์ ่านทาง โทรศัพทห์ รือตวั ตอ่ ตวั การขอขอ้ มลู เชงิ สถติ จิ ากหนว่ ยงานทีเ่ ก่ียวข้อง การจดั สมั นากล่มุ ย่อย เป็น ต้น ซึ่งการเลือกวา่ จะใชร้ ูปแบบใดในการเกบ็ ข้อมูลข้นึ อยู่กับประเภทของแหลง่ ข้อมูล และข้อมูลทีต่ ้องการ การเลือก แหล่งขอ้ มลู และวิธกี ารไดม้ าซ่ึงข้อมลู มีความสำคัญมาก นกั เรยี นหรอื ชุมชนสามารถใช้ แบบฟอร์มรวบรวมข้อมูล ช่วย
7 ในการ รวบรวมวเิ คราะห์ข้อมูลได้ ซึ่งนอกจากจะชว่ ยในการเก็บข้อมูลครบ ทุกประเด็น และเปน็ ระบบแล้ว ยังช่วย เปน็ แหลง่ อา้ งองิ กลบั ไปยังขอ้ มลู ทส่ี บื คน้ ไวอ้ ีกด้วย ซงึ่ จะช่วยสรา้ งความนา่ เช่อื ถือของข้อมลู ในแฟม้ ผลงาน ต่อไป ตัวอย่างการเตรียมกระดาษฟลปิ ชารท์ สำหรบั ระดมความเห็น เรอ่ื งแหล่งข้อมูล กรณีศกึ ษาปัญหา : ปัญหาขยะ ชือ่ ปัญหาทไี่ ด้รบั การคดั เลือก แหล่งขอ้ มลู /ใคร ขอ้ มลู ท่ตี อ้ งการ วธิ ีการเกบ็ ขอ้ มลู ชมุ ชน ปรมิ าณขยะท่ที งิ้ ต่อวนั สถานท่ที งิ้ เวลา การสมั ภาษณ์ แบบสอบถามผทู้ ่ี ท่ที งิ้ ปัญหาท่เี กดิ จากการทงิ้ ขยะ เป็น เกี่ยวขอ้ ง ตน้ เทศบาล / อบต. ชนดิ ของขยะท่คี นในชมุ ชน ทงิ้ มากท่ีสดุ การสมั ภาษณ์ ปรมิ าณขยะ ตอ่ วนั ต่อเดอื น วธิ ีการ ขอ้ มลู เชงิ สถติ ิ กาจดั ขยะ/ การจดั การขยะ บคุ ลากรใน การจดั การขยะ เวลา ตลาด จดั เก็บ สถานท่ที งิ้ ขยะ เป็นตน้ ความ การสมั ภาษณ์ คดิ เหน็ และ นโยบาย แบบสอบถามผทู้ ่เี กีย่ วขอ้ ง แมน่ า้ ลาคลอง ปรมิ าณขยะ สถานท่ที งิ้ ขยะ การเดนิ สารวจ การสงั เกต โรงพยาบาล ประเภทและปรมิ าณขยะ จานวนผปู้ ่วย การสมั ภาษณ์ ท่ไี ดร้ บั ผลกระทบจากขยะท่มี าเขา้ รบั แบบสอบถามผทู้ ่เี ก่ียวขอ้ ง การรกั ษาท่โี รงพยาบาล งบประมาณท่ี ขอ้ มลู เชงิ สถิต โรงพยาบาล ใชใ้ นการดแู ลผปู้ ่วย ฯลฯ เมอ่ื นกั เรยี นหรอื ชุมชนรว่ มกันระบุและตัดสินใจเลือกแหลง่ ข้อมลู ที่ เหมาะสมได้แลว้ คุณครูหรือผดู้ ำเนนิ การ อาจใชว้ ิธีการแบง่ กล่มุ เพื่อให้ นกั เรยี นหรอื ชมุ ชนทำหนา้ ท่ีเก็บข้อมลู จากแหลง่ ข้อมูลตา่ งๆ โดยนำแบบ ฟอร์มทมี่ ีอยใู่ น คู่มือมาปรับใชเ้ ป็นเคร่ืองมือในการลงพน้ื ท่ีได้ การเตรียมตัวก่อนลงพื้นที่ มีความสำคัญอยา่ งมาก โดยเฉพาะอยา่ ง ยงิ่ สำหรบั กลุ่มทตี่ ้องลงพ้นื ที่สัมภาษณ์ หากเตรียมตวั ดี จะชว่ ยให้เกิดความ มัน่ ใจลดความประหมา่ อีกทั้งยังทำให้ สามารถสอบถามขอ้ มลู ต่างๆ ได้อย่าง ครบถ้วนครอบคลมุ การเตรยี มตวั ให้พร้อมควรเร่ิมต้นจากการเตรยี ม ประเดน็ ในการสมั ภาษณ์ให้ครอบคลมุ ทุกเร่ืองท่ีสำคัญ การแบ่งประเด็นคำถามในการสัมภาษณ์และแบ่งผ้รู ับผิดชอบในการ สมั ภาษณเ์ ปน็ ส่ิงจำเป็น การเตรยี มคำพูดใหเ้ หมาะสม รวมไปถงึ ผู้ท่ีทำ หน้าท่ีบนั ทึกข้อมูล บันทกึ ภาพ โดยก่อนทำการ บนั ทกึ ภาพและเสยี งทุกครงั้ ต้องไม่ลืม “ขออนุญาต” ผู้ถูกสัมภาษณ์ เน่อื งจากเป็นจรรยาบรรณและ มารยาททด่ี ีของ นักวิจยั ประการหนงึ่ และควรนดั หมายเวลาและสถานท่ี ลว่ งหนา้ ให้เรยี บรอ้ ย โดยสดุ ท้ายต้องไม่ลมื เตรียมอุปกรณท์ ี่ จำเปน็ เชน่ ปากกา สมุด ดินสอ เครื่องบนั ทกึ ภาพและเสยี ง และของทรี่ ะลกึ (หากมี) ไปดว้ ย เม่อื ไดข้ ้อมูลเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอ่ มาทีส่ ำคญั ไมแ่ พ้กนั คือ การรวบรวม วเิ คราะห์ และสงั เคราะห์ข้อมูลที่ได้มา ให้เกิดประโยชน์ ดงั นนั้ คุณครหู รือผูน้ ำกระบวนการควรจดั ใหน้ ักเรียนหรือชุมชนมีการพบปะ แลกเปลีย่ นข้อมลู ทีเ่ กบ็ มาได้อกี ครัง้ เพ่ือชว่ ยกนั คดั เลือกและสรุปข้อมลู ทม่ี ีร่วมกนั ขั้นท4่ี การพัฒนาและจดั ทำเปน็ ข้อเสนอเชิงนโยบาย เปน็ ขน้ั ของการพัฒนาข้อมูลที่ได้จากการศึกษามาเขียนเป็นข้อสรุป และแนวทางแกไ้ ขปัญหาและเสนอต่อ สาธารณะหรือผมู้ ีอำนาจเพอื่ กำหนด เปน็ นโยบายสาธารณะต่อไป การจัดทำข้อเสนอนโยบายและการนำเสนอ จะมี 2 รปู แบบคือ การทำเปน็ บอร์ดนทิ รรศการและแฟ้มผลงานซ่ึงประกอบ ไปดว้ ย 4 สว่ น
8 ข้นั ตอนท่ี 4 มวี ัตถปุ ระสงคห์ ลักเพ่ือให้นักเรยี นไดน้ ำ ข้อมูลทีไ่ ด้จากการรวบรวมข้อมูลในขัน้ ตอนที่ 3 มา เรยี บเรยี ง สังเคราะห์ วิเคราะห์ จดั เป็นหมวดหมู่ และจัดทำเป็นข้อเสนอ เชิงนโยบายหรอื นโยบายสาธารณะใน รูปแบบของบอร์ด นิทรรศการและแฟ้มผลงาน (portfolio) เพอ่ื นำเสนอแก่ผู้ท่ี เกีย่ วข้องตอ่ ไป (หรือดำเนนิ การแก้ไข ดว้ ยตนเองต่อไป) การนำเสนอสามารถทำไดห้ ลากหลายรปู แบบ เช่น ในรปู แบบรายงาน ในรูปแบบโปรแกรมพาว เวอร์พอยท์ จดั นิทรรศการ การพูดนำเสนอในทส่ี าธารณะ การวาดภาพ การจดั ทำหนังส้ัน บทละครสัน้ เป็นตน้ อยา่ งไรก็ตาม กระบวนการสรา้ งสำนกึ พลเมอื งไดน้ ำวธิ กี ารนำเสนอข้อมูลใน รูปแบบของ “บอร์ดนิทรรศการ” และ “แฟ้มผลงาน” มาใช้ เน่ืองจากเปน็ รูปแบบการนำเสนอชว่ ยให้เขา้ ใจง่าย ทำได้ไมย่ าก สามารถนำผลงานตดิ ตัวไป นำเสนอได้ทุกที่ทกุ โอกาส ทีส่ ำคัญ คือเปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นไดฝ้ ึกฝนการทำงานเปน็ ทีม บอร์ดนิทรรศการ บอร์ดนทิ รรศการแสดงข้อมูลจะมลี ักษณะท่ีสามารถปรับเปลยี่ น ใหจ้ ดั วางบนโต๊ะ ติดประกาศ หรอื วางบนขา ตง้ั ไดง้ า่ ยและสะดวกต่อการ นำเสนอ โดยข้อมูลจะคดั เลือกมาเฉพาะสว่ นทีม่ คี วามสำคัญและน่าสนใจ สามารถอธิบาย ใหเ้ ห็นถึงความสำคญั ของปัญหาและนโยบายที่เสนอได้อยา่ ง ชดั เจน ตวั อยา่ งเช่น ข้อมูลตวั เลข ปัญหา หรอื ผลกระทบ ทไ่ี ด้รบั โดยอาจ นำเสนอในรูปแบบของกราฟ แผนภูมิ หรอื รปู ภาพตา่ งๆ เพ่ือให้งา่ ยต่อ การทำความเขา้ ใจและดงึ ดดู บอรด์ นทิ รรศการนีจ้ ะประกอบด้วย 4 ส่วนหลักๆ คือ บอร์ดที่ 1 อธิบายปัญหา บอรด์ ที่ 2 ประเมินนโยบายสาธารณะ ที่มอี ยู่ในปัจจุบัน บอรด์ ท่ี 3 ข้อเสนอนโยบายสาธารณะของชน้ั เรียน/ชมุ ชน และ บอรด์ ท่ี 4 แผนปฏบิ ตั กิ ารหรือผล การดำเนินงาน สำหรบั รายละเอยี ดของบอรด์ นิทรรศการท้ัง 4 มีดงั ตอ่ ไปน้ี รายละเอยี ดบอรด์ นทิ รรศการ 4 ส่วน บอร์ดนิทรรศการนี้ควรมีความกว้างไมเ่ กนิ 32 นว้ิ ความสูงไม่เกิน 40 น้ิว โดยวสั ดทุ ีน่ ำมาใช้ควรเป็นวัสดุที่มีความ แขง็ แรง คงทน และ สามารถเคลื่อนย้ายไปในทีต่ ่างๆไดง้ า่ ย ดงั น้ันจงึ ไม่ควรหนกั มาก วัสดุท่ี นักเรียนนิยมใชค้ ือ บอรด์ พลาสตกิ (future board) สีต่างๆ บอร์ดท่ี 1 อธิบายปัญหา บอรด์ นี้จะนำเสนอปัญหาท่ชี ัน้ เรียนหรอื ชมุ ชนร่วมกนั เลอื กในขนั้ ตอน ท่ี 2 โดยจะ อธบิ ายสาเหตุ ความรนุ แรง ผลกระทบของปัญหา โดยแสดงให้ เหน็ ว่าปัญหานมี้ คี วามสำคัญที่รฐั บาล หน่วยงาน ภาครัฐ และชุมชนตอ้ ง จัดการแกไ้ ข โดยควรระบชุ อ่ื ปัญหาให้ชดั เจนไวใ้ นบอรด์ น้ี บอรด์ ท่ี 2 ประเมนิ นโยบายสาธารณะที่มอี ยใู่ นปจั จุบนั บอรด์ นี้นำเสนอผลการสำรวจนโยบายสาธารณะ/ มาตรการต่างๆ ทใี่ ช้ แก้ไขปัญหาทเ่ี กี่ยวข้องกบั ปัญหาในบอรด์ ที่ 1 ว่าทป่ี จั จบุ นั มนี โยบาย อะไรบ้าง (ตัง้ แตน่ โยบาย ระดับประเทศจนถงึ ระดับทอ้ งถนิ่ และหน่วยงาน ท่ีรับผิดชอบ) ท่เี กยี่ วข้องโดยสำรวจข้อดแี ละข้อจำกดั ของนโยบาย น้ันๆ เพอ่ื ชีใ้ ห้เห็นว่าเพราะเหตุใดนโยบาย/มาตรการเหล่านน้ั จึงไม่สามารถแกไ้ ข ปัญหาได้ เพ่อื เช่ือมโยงไปสูบ่ อรด์ ท่ี 3 คือ นโยบายของช้ันเรียนหรือของ ชุมชน บอรด์ ที่ 3 ขอ้ เสนอนโยบายสาธารณะของ ชัน้ เรียน/ชมุ ชน บอรด์ น้ีจะเปน็ การนำเสนอนโยบายสาธารณะที่ ชน้ั เรยี น/ชุมชน ไดร้ ว่ มกนั คิดและพฒั นาข้นึ (ใส่ชอ่ื นโยบายทเี่ ลือกไว้ในขน้ั ตอนที่ 3) เพื่อแกไ้ ขปญั หา โดยระบุถงึ วตั ถุประสงคห์ รือเป้าหมายของนโยบาย งาน/กจิ กรรมท่ีจะทำให้ข้อเสนอนี้บรรลเุ ป้าหมาย ตลอดจนอธบิ ายเช่ือมโยง ไปถงึ บทบญั ญัติของรัฐธรรมนูญ/กฎหมายมาตราทเ่ี กีย่ วข้อง ข้อดีและ ข้อจำกัดของนโยบายดังกลา่ ว รวมไปถึงระบวุ า่ ส่วนใดทนี่ ักเรียนหรือชุมชน สามารถดำเนนิ การเองได้และส่วนใดทต่ี อ้ งขอความรว่ มมือสนับสนนุ จากหนว่ ยงาน ภาครัฐท่ีมีหนา้ ท่รี บั ผดิ ชอบ เพอ่ื กำหนดเปน็ นโยบาย สาธารณะต่อไป บอร์ดท่ี 4 แผนปฏบิ ตั กิ ารหรือผลการดำเนินงาน บอรด์ เป็นการนำเสนอกจิ กรรมและแผนการปฏบิ ัตงิ านเพอื่ แกไ้ ข ปญั หาต่อหน่วยงานภาครฐั ที่มีหน้าทร่ี ับผิดชอบ รวมทง้ั นำเสนอผลการ ปฏิบัติงานท่ชี ัน้ เรียนหรอื ชุมชนได้ ดำเนนิ การไปแล้ว เพอ่ื สรา้ งความมัน่ ใจให้ หนว่ ยงานภาครัฐยอมรับแนวทางท่ชี ้ันเรยี นหรือชุมชนเสนอ โดย
9 แผนปฏิบตั ิ การนี้ควรประกอบด้วยขน้ั ตอนตา่ งๆ ระยะเวลา ผ้รู ับผิดชอบ และงบประมาณทใ่ี ช้ เพ่ือใหภ้ าครฐั สามารถ เหน็ ความสำคัญและความเป็นไปได้ และนำไปประกาศ/ประยุกตใ์ ชเ้ ป็นนโยบายสาธารณะต่อไป สรปุ บอรด์ นิทรรศการทั้ง 4 สว่ นมีความเชอื่ มโยงสัมพันธ์กนั ทจ่ี ะ ทำให้ผ้ฟู งั หรอื ผู้เกี่ยวข้องสามารถรับรเู้ ขา้ ใจปญั หาและแนว ทางแก้ไขทีเ่ สนอ ไดใ้ นเวลาอันรวดเรว็ ดังนน้ั การคัดเลือกข้อมูลเสนอในบอรด์ จงึ มคี วามสำคัญ อย่างยิ่ง สำหรับขอ้ มลู ที่เป็นรายละเอียดอ่ืนๆนักเรยี นหรอื ชมุ ชนสามารถ นำข้อมูลเหล่าน้นั จดั ทำเป็นแฟ้มผลงาน (portfolio) เพอื่ ให้ ประกอบในการ ตัดสินใจได้ ข้อสงั เกตุ : บอรด์ นิทรรศการ 4 ส่วน และแฟม้ ผลงานมีข้อมูลชดุ เดียวกนั เพียงแต่ในแฟ้มผลงานจะมีความ ละเอียดมากกวา่ ซึง่ การทำเป็นบอร์ด เปน็ การนำขอ้ มลู สำคัญมานำเสนอเพ่ือใหเ้ กิดความซำ้ ซ้อนและน่าสนใจ เริม่ จาก 1. อธบิ ายสาเหตุและความสำคญั ของปญั หา 2. อธบิ ายแนวทาง นโยบายทด่ี ำเนินการอยู่ทั้งข้อดขี ้อเสีย 3. เสนอ แนวทางแก้ไขปัญหาของ ชนั้ เรยี นหรือชมุ ชน และ 4. แผนปฏบิ ตั ิการ ดงั นั้นบอร์ดนิทรรศการ จะเลือกเฉพาะส่วนที่ สำคัญมานำเสนอเทา่ นนั้ ส่วนรายละเอยี ดต่างๆ จะใส่ไวใ้ นแฟ้มผลงานท้ังหมด แฟม้ ผลงาน แฟ้มผลงานมีความสำคัญเพราะเป็นส่วนที่รวบรวมขอ้ มูลรายละเอยี ด ต่างๆ ท้งั หมดและ สามารถอ้างอิงไปยงั แหลง่ ข้อมลู ได้ รปู แบบของแฟม้ ผลงานน้นั ควรมขี นาดท่เี หมาะสม ไม่ใหญห่ รอื เล็ก จนเกนิ ไป ส่วน ใหญม่ ีความหนาขนาด 2 นวิ้ (ประมาณ 5 เซนตเิ มตร) และนยิ มใช้แฟ้ม 3 ห่วงเพ่อื ให้สามารถเพ่ิมเตมิ ข้อมูลไดง้ ่าย และนยิ มนำ กระดาษสีตา่ งๆ คน่ั แตล่ ะบทไว้ เพื่อใหง้ ่ายตอ่ การแยกแยะ โดยรายละเอียด ท่ีใสไ่ วใ้ นแฟ้มข้อมูล ประกอบดว้ ย: 1. สารบัญ 2. บทนำ 3. ภารกจิ แบง่ เปน็ 4 สว่ น (ดงั จะกล่าวตอ่ ไปในสว่ นขององค์ประกอบ ของแฟม้ เอาสาร) 4. ตวั อย่างท่สี ำคัญ อาทิ รูปภาพ สถิติ แผนภาพ 5. บรรณานกุ รมเพอื่ อา้ งอิงแหล่งข้อมลู หรือทีม่ าของข้อมูล 6. สว่ นสดุ ท้ายเปน็ การทบทวนถงึ ประสบการณ์การเรียนรู้ที่ได้รบั จาก การดำเนนิ โครงการ การนำเสนอข้อมลู ตา่ งๆ ใน แฟ้มผลงาน ควรทำอยา่ งเป็นระบบ มตี ารางสารบัญและการอ้างอิงเชิงวชิ าการ เพราะการอา้ งอิงนอกจาก จะเป็นการ แสดงใหเ้ หน็ ว่านกั เรยี นหรอื ชุมชนไดล้ งพ้นื ทส่ี บื คน้ ข้อมลู ทำการศึกษาวจิ ัยอย่างแท้จริงแลว้ ยังเป็นการใหเ้ กยี รติ แหลง่ ขอ้ มูล ทำให้ ข้อมลู นา่ เช่อื ถือและสามารถสบื คน้ ย้อนกลบั ได้ ดงั นั้น คุณครหู รือผนู้ ำ กระบวนการจึงควรให้ ความสำคญั กบั การอา้ งอิงเอกสารในแฟม้ ผลงานของ นักเรียนหรอื ชุมชน ข้ันท่ี5 การนำเสนอนโยบายสาธารณะ เป็นการนำเสนอนโยบายไปเสนอตอ่ โรงเรียน ชุมชน และหนว่ ยงานที่ เก่ียวข้องเพ่ือใหเ้ ห็นความสำคญั ของ ปญั หาทเ่ี กดิ ขนึ้ รวมทงั้ เห็นความจำเป็น ในการแก้ไข หรือป้องกันปัญหานั้นโดยการกำหนดเปน็ นโยบายสาธารณะ เพ่ือแก้ไขปญั หาให้เปน็ รปู ธรรมตอ่ ไป การนำเสนอแบ่งออกเป็น 2 สว่ น สว่ นแรก เป็นการฝกึ นำเสนอต่อผมู้ ีสว่ นเกยี่ วข้อง เชน่ นักเรียนในโรงเรยี น คนใน ชุมชน ภาคเอกชน และภาคประชาสงั คมตา่ งๆ โดยการนำ เสนอในส่วนนี้ จะทำก่อนทีจ่ ะไปเสนอต่อผู้มีอำนาจ ในการ กำหนดนโยบายสาธารณะเพอ่ื เป็นการฝึกฝนและได้ขอ้ เสนอ แนะจากทุกภาคสว่ น ทเ่ี ก่ียวข้องและนำมา ปรบั ปรงุ แก้ไขและ นำไปสกู่ ารปฏบิ ัติ ก่อนนำไปเสนอแก่ภาครฐั เพอ่ื กำหนดเปน็ นโยบายสาธารณะต่อไป ส่วนที่สอง เปน็ การนำเสนอต่อผู้มีอำนาจในการกำหนด นโยบายสาธารณะ เช่น องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำบล เทศบาล องค์การ บริหารส่วนจงั หวดั ผวู้ า่ ราชการจังหวดั ผ้บู ริหาร โรงเรียน ผู้บริหารหนว่ ยงานตา่ งๆ ท่เี กี่ยวข้อง เป็นต้น ดังนน้ั การ นำเสนอต่อผูม้ ีอำนาจ ขอ้ มลู ทน่ี ำเสนอควร ได้รบั การเลือกสรรแลว้ ว่ามีความสำคัญ มคี วามกระชับชัดเจน และไม่ควร ยาวจนเกินไป ในส่วนของผ้นู ำเสนอควรได้รบั การ ฝกึ ฝน ทำความเข้าใจประเด็นปัญหาให้ลึกซึ้งเพื่อให้การ นำเสนอ เป็นไปอยา่ งคล่องแคล่ว ไดร้ บั ความสนใจ มคี วาม น่าเชื่อถือ และสามารถตอบข้อซักถามต่างๆ ได้ ดังน้ัน
10 การทำความเข้าใจกับเน้ือหาทน่ี ำเสนอ จงึ มีความสำคญั เพราะจะชว่ ยให้ผู้ฟัง เหน็ ความสำคัญของปัญหาอยา่ งแทจ้ รงิ ซ่งึ หากนกั เรียนหรือชุมชนเป็น ผู้ลงมอื ทำดว้ ยตนเอง การตอบข้อซกั ถามย่อมไม่เป็นปัญหา เพราะนักเรียน สามารถ ตอบคำถามไดอ้ ยู่แล้ว ขอเพียงลดความต่นื เตน้ ลงเท่านนั้ การฝึกฝนการนำเสนอ สามารถกระทำไดไ้ มย่ าก สงิ่ สำคัญคือ การจดั พนื้ ที่ให้มีผนู้ ำเสนอและผูฟ้ งั โดยในการนำเสนอควรมผี ู้นำเสนอ อย่างนอ้ ย 4 คน และแบง่ บทบาทหนา้ ท่ใี นการ นำเสนอวา่ ผู้ใดจะนำเสนอ ในสว่ นใดใหช้ ดั เจน เพื่อใหผ้ ู้นำเสนอฝึกทำความเข้าใจและถา่ ยทอดเน้ือหา ตา่ งๆด้วย ความรู้และความเข้าใจ ไมใ่ ช่จากการท่องจำ ในส่วนของผู้ฟัง ควรใชห้ ลกั การฟงั อยา่ งต้ังใจ พยายามทำความเขา้ ใจ ไม่ พดู แทรกขณะที่ผู้อน่ื กำลังนำเสนอ และควรใช้หลักของการ “ตเิ พื่อก่อ” ไมค่ วรตกิ นั เพ่ือบัน่ ทอนกำลงั ใจ แต่เป็นการติ ชมเพอื่ ใหผ้ ู้นำเสนอไดป้ รับปรุง วิธกี ารนำเสนอใหน้ ่าสนใจย่ิงข้นึ สำหรบั หลักในการติเพ่ือกอ่ น้คี วรแสดง ความชืน่ ชม อย่างจรงิ ใจ ในจดุ ดขี องผพู้ ูด และไมค่ วรใชค้ ำวา่ “แต่” หลงั จาก ชื่นชม แตค่ วรใช้คำว่า “และ” เพือ่ บอกวา่ หากผูน้ ำ เสนอจะทำใหด้ ขี ้ึน ควรทำอย่างไร เชน่ พูดได้ดีมาก มีความคลอ่ งแคล่ว ตรงประเดน็ “และ หากจะใหด้ ียิง่ ขนึ้ ” ควร พดู ใหช้ ้าลง เปน็ ตน้ ขน้ั ท6ี่ การสะท้อนประสบการณ์การเรยี นรู้ เป็นการทบทวนประสบการณ์ความรู้ความเข้าใจจากการเข้าร่วม กระบวนการสรา้ งสำนึกพลเมืองตงั้ แต่ก่อน ระหวา่ ง และหลงั การอบรม รวมไปถงึ ความสำเร็จและขอ้ ท้าทายต่างๆ ที่เกิดขึ้นในการบวนการทผ่ี า่ นมา เพื่อใชใ้ นการ ปรับปรงุ พฒั นาการทำงานในอนาคต กระบวนการสรา้ งสำนึกพลเมืองมุ่งหวังให้นักเรียนหรือ ชมุ ชนเกดิ ความรู้ความเข้าใจ มีความเปน็ พลเมืองใน ระบอบ ประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษตั รยิ ์ทรงเปน็ ประมุข และ มคี วามรเู้ กีย่ วกับการมีส่วนรว่ มทางการเมือง โดย มุ่งเนน้ การมี ส่วนร่วมผา่ นกระบวนการกำหนดนโยบายสาธารณะ (public policy making) พร้อมทั้งไดฝ้ ึกฝน ทักษะ การแสดงออก การทำงานเป็นทมี การทำงานอย่างเป็นระบบ การคิดเชงิ วิเคราะห์ การทำงานบนฐานข้อมูลและการ ฝกึ ฝนทักษะการ สื่อสารและการนำเสนอ เปน็ ต้น โดยท้ายทส่ี ุดมงุ่ หวงั ให้นกั เรยี นเกดิ เจตคติ ในการเปน็ พลเมืองทีด่ ี ทีม่ ีความ รบั ผิดขอบต่อตนเอง สงั คม และประเทศชาติ ด้วยเหตุน้ี ภายหลังการอบรมและการดำเนินโครงการ จงึ ควร เปิดโอกาสใหน้ ักเรียนหรือชุมชนไดส้ ะท้อนประสบการณ์ แลกเปลีย่ นเรียนรจู้ ากส่งิ ที่ไดด้ ำเนินโครงการระหว่างกนั เพ่อื เป็นการประเมินว่านักเรียนเกิดความรู้ ทักษะ และเจตคติ ตามวตั ถุประสงค์ของโครงการหรอื ไม่ อย่างไรก็ตาม การแลกเปล่ียนประสบการณ์สามารถทำ ไดท้ กุ ข้นั ของกระบวนการซ่งึ ไมจ่ ำเป็นต้องรอให้ถงึ ขน้ั ตอนที่ 6 แล้วจึงเปิด โอกาสให้แลกเปลีย่ นเรยี นรู้ โดยคุณครูหรือผนู้ ากระบวนการสามารถชวนนกั เรียนหรือชมุ ชน “ถอดบทเรยี น” สิ่งท่ี ได้ ยนิ ไดเ้ ห็นได้เรียนร้จู ากการเรียนในแต่ละวนั เพ่ือประเมินความ เปลี่ยนแปลงหรือการพฒั นาท่เี กิดขึ้นจากการเข้าร่วม โครงการและเพ่ือนำไป ปรบั ปรงุ และพัฒนาโครงการต่อไป กระบวนการแลกเปลย่ี นเรียนรมู้ หี ลายวธิ ี ไมม่ วี ิธกี าร ตายตวั แต่ สงิ่ สำคัญคือ ต้องเปิดโอกาสให้นกั เรยี นหรอื ชมุ ชนได้ทบทวนและแลกเปลยี่ น ส่ิงทไี่ ดจ้ ากการทำโครงการ โดยอาจเรมิ่ ตน้ จากการประเมินตนเองก่อน จากน้นั จึงประเมินร่วมกันกบั คนอ่ืน อยา่ งไรก็ตาม หากในชั้นเรียนหรือ ชุมชนไมม่ กี ารพดู คยุ แลกเปลี่ยน กันเท่าใดนัก คณุ ครหู รอื ผู้นำกระบวนการอาจจะต้องหาวธิ ีการอ่ืนๆ เข้ามาชว่ ย ซง่ึ การด์ เทคนิค (card technique) หรอื การระดมความเหน็ กลมุ่ (brainstroming) เปน็ ต้น โดยการด์ เทคนิคเป็นอีก วธิ ีการหนึ่งทน่ี ิยมใช้โดย มวี ัตถปุ ระสงค์เพ่ือเปดิ โอกาสใหท้ ุกคนได้มีโอกาสแสดงความคดิ เหน็ อย่าง กวา้ งขวางและเสรี โดยมีวธิ กี ารคือแจกกระดาษเปลา่ ใหแ้ กท่ ุกคนและใหท้ ุก คนเขยี นความคิดเห็นของตนเองต่อประเด็นคำถามต่างๆ ท่ี ตอ้ งการทราบ จากน้นั ให้นักเรียนอธบิ ายสิ่งทีต่ นเขียน โดยอาจขออาสาสมัคร แต่หาก จำนวนนักเรยี นไม่มากนัก คุณครสู ามารถใหน้ ักเรียนอา่ นสงิ่ ทีต่ นเขยี น ได้ทุกคน ซง่ึ การเปดิ โอกาสให้อา่ นสง่ิ ทต่ี นเขียนนน้ั จะช่วยให้ผูท้ ่ีไม่คอ่ ยมี โอกาสได้พดู และขาดความมน่ั ใจ มีความม่ันใจมากขึน้ หลังจากน้ัน หากต้องการให้นกั เรียนมีโอกาสได้แลกเปล่ยี นกนั
11 มากขน้ึ คุณครูหรือผนู้ ำกระบวนการอาจนำเทคนิคการระดมสมองมาใช้เสรมิ โดยจดั กล่มุ ใหน้ ักเรียนได้แลกเปลย่ี นสิ่ง ท่ตี นเขยี นกบั เพื่อนในกลมุ่ และช่วยกนั สรุปความคิดของทุกคนลงในกระดาษฟลปิ ชารท์ เปน็ ตน้ After Action Review หรือ ท่รี จู้ ักกันวา่ AAR เปน็ อีกรปู แบบหนึ่ง ของการทบทวนหรอื ประเมนิ การดำเนินการทผี่ ่านมาซ่งึ เปน็ ท่ี นยิ มกนั มากเป็นรูปแบบการถอดบทเรยี นหลงั การปฏบิ ัตงิ าน หรอื การดำเนินกจิ กรรม ต่างๆ ซงึ่ คุณครูหรอื ผนู้ ำ กระบวนการสามารถนำกระบวนการนม้ี าปรบั เพื่อเป็นการประเมินหลังการเรยี นรู้และเพื่อใหท้ ราบว่ากจิ กรรมน้นั ๆ บรรลุ ตามเปา้ หมายหรอื ไม่อยา่ งไร คำถามทนี่ ิยมใช้ในการทำ AAR ประกอบด้วย 1. สง่ิ ท่คี าดว่าจะได้รบั จากการทำงาน / การอบรม / การเรยี น คอื อะไร 2. สิง่ ทเ่ี กดิ ขน้ึ จริงคืออะไร เพราะอะไร 3. สิง่ ทีไ่ ม่เกดิ ขึ้นจริงคอื อะไร เพราะอะไร 4. สง่ิ ท่ีไดเ้ รียนรู้และเป็น ประโยชนค์ ืออะไร 5. คดิ ว่าควรปรบั ปรุงอะไร วธิ ีการลด / แก้ความแตกต่างคืออะไร 6. หากต้องทำครงั้ ต่อไป จะ ปรับปรงุ อะไรให้ดีข้นึ อย่างไรกต็ ามคุณครูหรือผ้นู ำกระบวนการสามารถปรบั ปรุงและ พัฒนาคำถามใหง้ ่ายและ เหมาะสมกับนักเรยี นหรือชุมชนได้ AAR มักจะใช้ หลังเสร็จสิ้นกจิ กรรม หรอื อยา่ งน้อยควรใหเ้ ร็วท่สี ดุ เพ่ือไมใ่ หล้ ืม บรรยากาศ อารมณ์และความรสู้ กึ ทเ่ี กิดขนึ้ ระหวา่ งทำกระบวนการ กตกิ าคอื ส่ิงสำคัญ ในการสะท้อนประสบการณ์ให้ มปี ระสิทธภิ าพ ดังนนั้ กอ่ นการแลกเปลยี่ นคณุ ครคู วรใหค้ วามสำคญั กับการวางกติกา ร่วมกนั และหากเม่ือใดทีเ่ กิด ความไม่เขา้ ใจกนั ขอใหก้ ลบั มาทบทวนกติกา ซึ่ง จะสามารถลดความตงึ เครียดลงได้ กติกาทส่ี ำคญั อาทิ การพลดั กนั พูดพลัดกันฟัง การเปิดใจ ยอมรบั ฟัง ความเห็นที่แตกตา่ ง การแลกเปลีย่ นความเห็นกนั ด้วยสุนทรยี ะ ไม่พูดจา โดยมี อคติ ไม่ควรพยายามชกั จูงหรือโน้มนา้ วความคดิ ของผูอ้ ืน่ ควรมุง่ เน้น การเรยี นรู้และปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เป็นตน้ 2.แนวคิดและทฤษฎีเก่ียวกับการสร้างสำนึกพลเมอื ง เมื่อกลา่ วถึง คำว่า “พลเมือง” คงมีคำถามมากมาย เกดิ ข้นึ วา่ “พลเมือง” คืออะไร ซึ่งแท้จรงิ แลว้ พลเมือง ไม่ใช่ เรือ่ งใหม่ แต่ไม่ค่อยไดร้ ับความสนใจจากผคู้ นในสังคม คำว่า “พลเมือง” ได้รบั ความสนใจเพ่มิ มากข้ึนหลังจาก ที่ การปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบตวั แทน (Representative Democracy) เร่มิ มีปัญหาไมส่ ามารถตอบ สนอง ความตอ้ งการของคนในสังคมได้ ขณะที่การกำหนด นโยบายสาธารณะหลายครัง้ ภาคประชาชนไม่ไดม้ สี ว่ นรว่ ม อย่าง แทจ้ รงิ ทำใหน้ โยบายหลายเรื่องนำมาสู่ปัญหามากกวา่ จะนำมาซง่ึ การแก้ไข ส่งผลใหภ้ าคประชาชนรวมตัวกนั มากขน้ึ เพ่ือปกปอ้ งสทิ ธิของตนในฐานะพลเมือง ด้วยความหวงั วา่ เมื่อ การเมืองภาคตัวแทนไม่สามารถแก้ไขปญั หาได้ “คำตอบ สุดท้าย” จึงกลับมาสภู่ าคประชาชน อยา่ งไรกต็ าม ในสงั คมไทยยังมีความเข้าใจความหมาย ท่ีของคำว่า “พลเมือง” แตกต่างกนั โดยหลายต่อหลายครง้ั มักใช้คำวา่ “พลเมือง” “ประชาชน” และ “ราษฎร” ควบค่กู ัน ไปโดยเข้าใจว่า 3 คำนี้มคี วามหมายเหมอื นกันและสามารถใชแ้ ทนกนั ได้ ทงั้ ที่แท้จริงแลว้ ทงั้ 3 คำนม้ี ีความหมายที่ แตกตา่ งกนั อย่างมาก สง่ิ สำคัญประการแรกในการสรา้ งความเป็นพลเมืองคอื ต้องเริ่มต้น จากการทำความเข้าใจ ความหมายของคำว่าพลเมืองใหถ้ กู ต้องตรงกนั ก่อน เพ่ือให้เหน็ ว่าเพราะเหตุใดพลเมืองจงึ มีความสำคัญ รวมไปถงึ คณุ สมบตั ิ ทส่ี ำคัญและบทบาทหน้าท่ีของพลเมืองในระบอบประชาธปิ ไตยอันมี พระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นประมุขควร เป็นเช่นใด โดยความแตกต่างท่สี ำคัญ ของคำว่า “ราษฎร” “ประชาชน” และ “พลเมือง” อย่ทู ่ีจติ สำนึกความ รับผิดชอบและพฤติกรรมการแสดงออกต่อสาธารณะดงั ต่อไปน้ี 1 “ราษฎร” (subject) หมายถึงผู้ท่ีเปน็ ภาระให้แก่ สังคมไมส่ ามารถ พง่ึ พาตัวเองได้ รอการชว่ ยเหลอื จากคนอื่นอย่างเดียว อยา่ งไรก็ตาม สังคม จะต้องเปดิ โอกาสให้พวก เขามีการพฒั นาเพ่อื พึ่งพาตนเองได้มากขึ้น ผทู้ อ่ี ยู่ ภายใต้การดูแลและมบี ทบาทเพยี งการรบั คำสั่งและทำตามคำสง่ั “ประชาชน” (people) หมายถึงคนที่อยใู่ ต้อำนาจ เป็นผู้รับคำสั่ง และทำตามคำส่ัง เป็นผู้ดูและไม่ใชผ่ เู้ ล่น ในอีกนยั ยะคือ ในสังคมมี ผู้ปกครองและผูอ้ ยู่ภายใตก้ ารปกครอง ประชาชนในท่ีน้ถี ูกผูป้ กครองบอกให้ ไปเลอื กตง้ั หรือเสยี ภาษกี จ็ ะทำตาม แต่ถา้ มีโอกาสก็จะหนภี าษีหรอื ไม่ไป เลอื กตง้ั เป็นตน้ เพราะจะมองท่ผี ลประโยชนข์ องตนเองอย่าง
12 เดยี ว โดยถา้ ตัวเองไม่ไดผ้ ลประโยชน์กจ็ ะคิดหยิบฉวย แต่ถ้าต้องเสียผลประโยชนก์ จ็ ะไม่ ยอมเสยี สละหรือมสี ว่ นใน การช่วยกันแก้ปัญหาซึ่งถือว่ามจี ำนวนมากใน สังคมบ้านเรา คือ เปน็ เพยี งคนยนื ดูเฉยๆ มีนัยความหมายสะท้อนให้ เห็น อำนาจท่มี ากข้นึ มีการสื่อถงึ ความเป็นเจ้าของประเทศ และเจ้าของอำนาจ อธปิ ไตยมากกว่ากว่าราษฎร (กิตติศกั ด์ิ ปรกต.ิ “ความสำคัญของพลเมอื งต่อการพัฒนาประชาธปิ ไตยไทย”. เอกสารประกอบการประชมุ วชิ าการสถาบัน พระปกเกลา้ ครงั้ ที่ 13 เรือ่ ง ความเปน็ พลเมืองกบั อนาคตประชาธปิ ไตยไทย. หนา้ 137-154.) สว่ นคำว่า “พลเมอื ง” (citizen) มรี ากศัพท์มาจาก 2 คำ คือ “พละ” + “เมือง” โดย“พละ” หมายถึง พละกำลัง “เมือง” หมายถึง บา้ นเมือง เม่อื นำ 2 คำน้ีมารวมกนั จึงทำให้คำวา่ “พลเมือง” มีความหมาย ท่มี ากไปกว่าผ้ทู ่ีมี บทบาทหน้าทเี่ พยี งแค่รับคำสั่งจากรฐั และทำตามกฎหมาย เท่านนั้ แต่ยังหมายถงึ ผู้ท่เี ป็นกำลัง/พลงั ของบ้านเมือง รวมตัวกันทำเรื่อง ดีๆ รวมถงึ มจี ิตสำนึกความรบั ผิดชอบตอ่ ตัวเองและสังคม ซื่อสัตย์ เสียสละ มเี หตุผล เห็นกบั ประโยชน์สว่ นรวมและเป็นสว่ นช่วยให้สงั คมและประเทศ ชาติมีความเจริญ โดยสรุป พลเมอื งจงึ หมายถงึ คนที่เปน็ “พละกำลงั ของ บา้ นเมือง” ไมเ่ ป็นภาระให้กับคนอน่ื แต่สามารถพ่ึงตนเองและชว่ ยเหลือ สังคมได้ ในสว่ นของ ภาษาองั กฤษไดใ้ ห้ความแตกต่างระหว่างคำวา่ “ราษฎร” “ประชาชน” และ “พลเมือง” ไว้เช่นกนั คอื “ราษฎร” มา จากภาษาอังกฤษ คือ “Subject” ซง่ึ ในภาษาองั กฤษมีความหมายถึงผู้ท่ีถูกกระทำ “ประชาชน” มาจากคำ ภาษาองั กฤษว่า “People” ซ่ึงมคี วามหมายถงึ กลมุ่ คนหรือประชาชนทั่วไปในประเทศ ส่วนคำวา่ “พลเมือง” มาจาก ภาษา อังกฤษวา่ “Citizen” ศ. ดร.บวรศกั ด์ิ อุวรรณโณ กล่าววา่ สงั คมจะมคี ุณภาพได้ หากประชาชนพ้นจากความ เปน็ ราษฎรสคู่ วามเป็นพลเมอื ง เชน่ เดียวกบั อาจารยแ์ ก้วสรร อติโพธิ อาจารย์ประจำคณะนติ ิศาสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ และสมาชกิ สภากรงุ เทพมหานคร ที่กลา่ ววา่ การปฏริ ูป การเมอื งจำเปน็ ต้อง “ยกระดับ” ราษฎรให้เปน็ ประชาชนและ “พลเมือง” ต่อไป ดงั นน้ั การพฒั นาสังคมหนงึ่ ๆ ให้มีคุณภาพจงึ จำเป็นอยา่ งยง่ิ ท่ีจะตอ้ ง ยกระดับ ความรคู้ วามสามารถ (knowledge) ทักษะ (skill) และเจตคติ (disposition) ของผคู้ นในสังคมจาก “ราษฎร” ทย่ี ัง เปน็ ภาระให้กับคนอืน่ และสงั คมไปสู่ “ประชาชน” ทเ่ี ปน็ เพียงผู้เฝ้าดยู นื มองเฉยๆ ใหก้ ลายเป็น “พลเมือง” ที่มคี วามรู้ ความสามารถ ตระหนักในศักยภาพของตน มีความ กระตือรอื รน้ ทจี่ ะใชส้ ิทธเิ สรภี าพตาม กฎหมายน้นั อย่างเหมาะสมตามลำดับ เห็นกบั ประโยชน์ของสว่ นรวมเป็นใหญแ่ ละทำเพ่ือใหบ้ ้านเมอื งมีความเจรญิ ก้าวหน้า มคี วามเป็นอยู่ทีด่ ีและมีความสุขกันทั่วหน้า ข้อสังเกต : การ “ยกระดับ” ความรคู้ วามเข้าใจของคนในชาติ จากการ เปน็ เพียงผ้รู บั นโยบาย ไมว่ า่ จะในฐานะ “ราษฎร” หรอื “ประชาชน” คนธรรมดา สกู่ ารเปน็ “พลเมือง” ท่ีมคี วามตระหนักถึงสิทธหิ นา้ ทแี่ ละ ความรับผดิ ชอบ ของตน คือหวั ใจของการปกครองระบอบประชาธปิ ไตย ท่มี ีคุณภาพ นอกจากความหมาย ของคำว่าพลเมืองแล้ว ส่งิ ที่พึงตระหนักอีก ประการคือ คณุ ลักษณะของพลเมืองจะ แตกต่างกนั ออกไปข้นึ อยู่กบั ระบอบ การปกครองเปน็ สำคัญ เชน่ ภายใตร้ ะบอบเผด็จการหรือกึ่งเผดจ็ การท่ี ผู้ปกครองถอื อำนาจตนเปน็ ใหญแ่ ละไมฟ่ งั เสยี งของประชาชน ผทู้ ี่อยู่ภายใต้ การปกครองระบอบนย้ี ่อมต้องทำตาม คำสั่งของรัฐอย่างเคร่งครดั โดยปราศจาก การตง้ั คำถามและการตรวจสอบ ตรงกนั ข้ามกับการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตย ซึ่งเปน็ การปกครองที่ใหค้ วามสำคัญกบั เรื่องสทิ ธิเสรภี าพ หนา้ ทแี่ ละความรบั ผดิ ชอบ ผ้ทู ่ีอยภู่ ายใต้การ ปกครองระบอบน้ี จงึ สามารถ มีสว่ นรว่ มในการออกกฎและแสดงความเห็นตา่ งๆ ไดด้ ว้ ย ไมใ่ ชเ่ พียงแค่ ทำตามกฎ เท่าน้นั ด้วยเหตุน้ี การสรา้ งความเป็นพลเมืองในระบอบประชาธปิ ไตย จึงจำเปน็ ต้องตรวจสอบหลักของการปกครอง ในระบอบนี้เสียก่อน เพื่อให้ ทราบวา่ คุณสมบตั ิทีด่ ขี อง “พลเมือง” ในระบอบประชาธิปไตยควรเปน็ เชน่ ใด หลักการปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย หลักการที่สำคญั ในการปกครองระบอบประชาธิปไตย สรุปได้ดัง ตอ่ ไปน้ี
13 1. หลกั อำนาจอธิปไตยเปน็ ของปวงชน หมายถงึ อำนาจสงู สุดในการปกครองประเทศเป็นของประชาชน ประกอบดว้ ย อำนาจนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ ซึ่งประชาชนสามารถ ใชอ้ ำนาจเหลา่ นี้ไดท้ ั้งโดยตรงและ ทางอ้อมผา่ นการเลอื กตงั้ ทัง้ น้เี ปน็ ไปตาม รฐั ธรรมนญู 2. หลักสิทธิ (Rights) เสรีภาพ (Liberty) ความเสมอภาค (Equality) และ ภราดรภาพ (Fraternity) หมายถงึ ประชาชนทุกคนต้องมีสิทธิ มีเสรีภาพ มีความเสมอภาค ตามกฎหมายและขนบประเพณใี นฐานะประชาชน ของรฐั อยา่ งไม่แบง่ แยก ด้วยเหตผุ ลเรื่อง ชนชั้น เช้อื ชาติ ศาสนา หรือสีผวิ ทุกคนในสงั คมต้องอยู่ ร่วมกันฉนั ท์พน่ี อ้ ง สิทธิ – หมายถงึ อำนาจอันชอบธรรมท่ีบุคคลพงึ มภี ายใต้ กฎหมายในฐานะพลเมืองของประเทศ เช่น สิทธใิ นทรัพย์ สิน สิทธิในการประกอบอาชพี สิทธใิ นการอยอู่ าศัย สิทธิ ในการเลอื กตง้ั เป็นต้น เสรีภาพ – หมายถึงอสิ ระในการ กระทำอยา่ งใดอย่างหนง่ึ ของบุคคล ภายใตก้ รอบของกฎหมายและไมร่ ุกล้ำสิทธิเสรภี าพของ ผู้อืน่ เชน่ เสรีภาพในการ นับถอื ศาสนา เสรภี าพในการ ประกอบอาชีพ เสรีภาพในการแสดงความคดิ เหน็ เปน็ ต้น (คำนงึ ชัยสุวรรณรกั ษ์ และ ธรี ะพล บญุ สรา้ ง. ประชาธิปไตยในวถิ ี ประชาธิปไตย. กรงุ เทพฯ : แมก๊ , 2546. หน้า 9-10.) ความเสมอภาค – หมายถึงความเท่าเทยี มกนั ภายใต้กฎหมายฉบบั เดียวกัน ความแตกต่างของชาติพันธุ์ เช้ือ ชาติ ศาสนา การศกึ ษา สถานะทางสงั คม ไมม่ ีผลต่อ การปฏบิ ตั ทิ ่แี ตกต่างกนั ภราดรภาพ – หมายถงึ ความเป็นพีน่ อ้ งกนั คือการมองมนุษย์ ทุกคนเทา่ เทยี มกันและปฏบิ ัตติ ่อกันดุจพนี่ ้อง ไมแ่ บง่ แยกกันดว้ ยผิวพรรณ หรอื เผ่าพันธุ์ 3. หลักนิตธิ รรม (Rule of Law) การปกครองในระบอบประชาธปิ ไตยจำเปน็ ต้องยึดกฎหมายเปน็ หลกั ในการกระทำการต่างๆ ทกุ คนจะต้อง เสมอกันต่อหนา้ กฎหมาย เพ่ือการอยู่ ร่วมกันของผ้คู นในสังคมอยา่ งสงบสขุ 4. หลักการถือเสยี งส่วนมากเป็นเกณฑ์ โดยคุ้มครองเสียง สว่ นนอ้ ย (Majority Rules, Minority Rights) หมายถงึ หลกั การยอมรบั มติของคนในสงั คมสว่ นใหญ่ ไม่ใช้การ ตดั สินใจโดยคนหรือกล่มุ คนเพยี งกลุม่ เดยี ว อย่างไรก็ ตาม จำเป็นตอ้ งให้ ความสำคัญกับเสยี งสว่ นน้อยดว้ ย กล่าวคือ ต้องเปิดโอกาสใหเ้ สยี งสว่ นนอ้ ย แสดงความเห็น หรือ สงวนความเห็นตา่ งไดโ้ ดยเปน็ ธรรม 5. หลักการมีส่วนร่วม พลเมอื งในระบอบประชาธิปไตยตอ้ งไมน่ ่งิ เฉย และต้องใช้สิทธิ เสรีภาพของตนเองตามที่กฎหมายกำหนดเพื่อ สรา้ งความเจริญใหแ้ ก่ประเทศ ชาติ เชน่ ใชส้ ทิ ธิเสรีภาพในการแสดงความเหน็ และกฎหมาย เป็นต้น นอกจาก หลกั การข้างต้นแลว้ ยงั มหี ลกั การทส่ี ำคญั อ่ืนๆ อกี เช่น หลักการเปน็ ผู้นำผตู้ ามท่ีดี การพ่ึงพาอาศัยซ่งึ กันและกัน และ หลกั การฉันทมติ เพราะในสงั คมยอ่ มประกอบไปดว้ ยกลมุ่ คนท่มี คี วาม แตกตา่ งทางความคิด ขณะท่ีบางครัง้ เสียงส่วน ใหญไ่ ม่ได้ถูกต้องเสมอไป การตดั สินใจเร่ืองใดเรือ่ งหน่ึงจึงควรต้ังอยบู่ นหลักของเหตุผลและขอ้ มลู ดงั นั้นการนำหลัก ฉันทมติ โดยผา่ นการพดู คุยกันมาใช้ในการทำกิจการตา่ งๆ จึงมคี วามสำคัญอย่างยงิ่ ตอ่ การปกครองในระบอบ ประชาธิปไตย หลกั การปกครองในระบอบประชาธิปไตย สะท้อนใหเ้ หน็ คุณสมบัติที่ สำคัญของ “พลเมือง” ได้เปน็ อย่างดวี ่า พลเมอื งคือคนทจ่ี ะต้องเป็นผเู้ ลน่ ไมใ่ ชย่ นื ดู และเปน็ ผ้ใู ช้อำนาจอธิปไตยอยา่ งแท้จรงิ เพื่อใหเ้ กิดประโยชน์ต่อ ส่วนรวม พลเมอื งที่ดีจงึ ต้องร้จู ักสทิ ธเิ สรภี าพในการแสดงความคดิ เห็นและ มสี ว่ นร่วมในการปกครองภายใตก้ รอบของกฎหมาย หลักแห่งศกั ด์ิศรี ความเปน็ มนษุ ย์ และการเคารพสิทธขิ องผูอ้ ื่นตลอดจนความรบั ผิดชอบต่อ ความคดิ เหน็ ของตน ผอู้ ่ืน และความเป็นไปของเพ่อื นร่วมชาติอันเนื่อง มาจากการกระทำของตน รวมไปถงึ ปัญหาของบ้านเมือง พลเมืองใน ระบอบประชาธปิ ไตยจึงมีบทบาทท้ังการเปน็ ผูน้ ำ และผตู้ าม ไม่ได้เป็นเพียงผู้ตามทจี่ ะทำหน้าทีต่ ามคำส่ังหรือตาม
14 นโยบาย ของรัฐเทา่ น้ัน แตส่ ามารถรเิ ร่มิ เสนอนโยบายตา่ งๆ ได้ ด้วยเหตุนพ้ี ลเมืองใน ระบอบประชาธปิ ไตย จงึ ควร ตระหนกั ถึงหน้าที่ความรบั ผดิ ชอบของตนเอง และผอู้ ื่น ไม่ปล่อยให้การบรหิ ารประเทศชาติหรอื การกำหนดนโยบาย ตา่ งๆ เปน็ หนา้ ที่ของนักการเมือง ผู้นำ หรอื รัฐบาลเท่าน้นั แต่ควรชว่ ยกันตดิ ตาม ตรวจสอบให้ข้อเสนอแนะต่างๆ ตอ่ นโยบายเหลา่ นน้ั ด้วย เพลโต (Plato) และ อรสิ โตเติล (Aristotle) บิดาทางรฐั ศาสตรข์ อง ตะวันตก กล่าวว่า หากต้องการใหร้ ะบบ การเมืองและประเทศชาติมีความ ม่นั คง และเอ้ือประโยชน์ต่อคนในสังคมอยา่ งแทจ้ ริงถ้วนหนา้ พลเมอื ง จะต้องเปน็ ผู้ ทม่ี ีความคดิ พฤตกิ รรม และวิถีชีวติ ท่ีสอดคล้องกบั ระบอบ การปกครอง เพราะบทบาทท่ีสำคัญของพลเมืองคอื การ สนบั สนนุ และคำ้ จนุ การดำรงอยูห่ รือความมน่ั คงของรัฐ ดงั น้ัน การพัฒนาคุณลกั ษณะของพลเมืองให้มีความ สอดคลอ้ งและ ไปด้วยกนั กับระบอบการปกครองเพ่ือสง่ เสริมกนั และกนั จงึ มีความสำคัญ อย่างย่งิ สถาบนั พระปกเกลา้ ได้กำหนดค่านิยมประชาธิปไตยไว้ 9 ประการ ประกอบด้วย 1. การเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนษุ ย์และสิทธิเสรีภาพ 2. การทำหนา้ ที่และมีสำนึกรับผดิ ชอบ 3. การธำรงไวซ้ ่งึ เสรีภาพของตน เคารพเสรภี าพของผู้อืน่ 4. การยดึ หลกั กฎหมายในการกระทำการตา่ งๆ 5. การเคารพระเบยี บ กติกา ขอ้ บงั คบั ของสงั คม 6. การใชเ้ หตุผลในการ พิจารณา 7. การยดึ มนั่ ในความยตุ ธิ รรม ความถกู ต้องชอบธรรม 8. การยึดหลักสันตวิ ิธแี ละธรรมาภบิ าลในการดำเนินการและจัดการปญั หา ต่างๆ 9. การมีสว่ นร่วมและการเป็นเจา้ ของประเทศ สำนักสง่ เสริมการเมืองภาคพลเมือง สถาบันพระปกเกล้า ได้ ศกึ ษา วิจัยคุณลักษณะของความเปน็ พลเมือง พบวา่ มคี ุณลกั ษณะสำคญั 5 ประการ ประกอบด้วย 1. ความรบั ผิดชอบ 2. ความมรี ะเบยี บวินัย 3. จิตสาธารณะ 4. ความซ่ือสัตย์ และ 5. ความมีเหตุผล (ศรณั ยุ หมัน้ ทรพั ย.์ การวจิ ยั เพื่อพฒั นาหลกั สตู รสรา้ งสำนกึ พลเมอื งในบรบิ ท ไทย. เอกสารรายงานวจิ ัย. สำนักส่งเสริมการเมืองภาค พลเมือง สถาบนั พระปกเกลา้ , 2556.) โดยสรุป พลเมอื งในระบอบประชาธปิ ไตยจะต้องเปน็ ผู้ทีม่ สี ำนึก รบั ผดิ ชอบ ซื่อสัตย์ และมจี ิตสาธารณะเป็น คุณธรรมประจำใจ รวมไปถึง ต้องเปน็ ผูม้ ีวนิ ยั มีเหตุผล แสดงออกซึง่ สิทธเิ สรภี าพนนั้ ได้อย่างเหมาะสม ไม่ละเมิดผู้อน่ื ทสี่ ำคัญคือมีความรบั ผิดชอบตอ่ สงั คม กระตือรือร้นและ เข้ามามสี ่วนรว่ มทางการเมือง เม่อื เป็นเช่นน้ี การเลือกต้ังจึง เป็นเพยี งวิธีการหนงึ่ เท่านัน้ ท่ีพลเมือง จะต้องปฏบิ ตั แิ ละถือเปน็ หนา้ ท่ี แตโ่ ดยที่อำนาจท้ังหมดไม่ไดห้ มดไปหลัง การ เลอื กตงั้ พลเมืองในระบอบประชาธปิ ไตยยงั มีหนา้ ท่อี ีกหลายประการท่ี จะต้องรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คมรว่ มกัน สำหรบั รูปแบบและวธิ กี ารมีส่วนรว่ ม ทางการเมอื งของ “พลเมอื ง” ในระบอบประชาธปิ ไตยเปน็ เช่นใดนน้ั จะกลา่ วไว้โดย ละเอยี ดในบทท่ี 2 ข้อคดิ สะกิดชวนคอื หลักการดๆี ของระบอบประชาธปิ ไตย คงเปน็ ได้เพียงแค่ตวั หนังสือ หาก สุดทา้ ยแลว้ พลเมืองเอาแต่นง่ิ เฉยและ คดิ เพยี งแตว่ า่ ไม่ใชห่ น้าที่ พลเมืองในระบอบประชาธิปไตยคงไมแ่ ตกต่างไป จากพลเมืองในระบอบการปกครองอ่ืนๆเพราะแม้จะมีเสรภี าพ แตก่ ็ไม่ยอม ใชส้ ิทธเิ สรีภาพน้ันให้เกิดประโยชน์ ข้อสงั เกต : คุณลักษณะท่ีสำคัญของ “พลเมอื งในระบอบประชาธิปไตย” โดยสรุปคือ 1. ตระหนกั ถึงศักดิศ์ รี สทิ ธิ เสรีภาพ 2. เคารพกฎระเบยี บ 3. ยดึ หลักกฎหมาย 4. ทำหน้าที่ 5. มคี วามรับผดิ ชอบ 6. ใช้หลักเหตุผล 7. ยึดมนั่ ยตุ ิธรรม 8. ยึดหลักสนั ติ 9. มีสว่ นร่วม
15 บทท่3ี วิธีการดำเนินกจิ กรรม การดำเนินกจิ กรรมสรา้ งสำนกึ พลเมือง(Project Citizen) มีขั้นตอนการดำเนินการดังน้ี 1.แต่งตงั้ คณะกรรมการดำเนินกจิ กรรมการสร้างสำนกึ พลเมือง (Project Citizen) 2.ประชมุ คณะกรรมการดำเนินกจิ กรรมการสรา้ งสำนึกพลเมอื ง (Project Citizen) 3.ดำเนนิ งานตามกิจกรรม ข้ันตอนท่ี 1 การระบุปญั หาในชุมชน โดยนักเรยี นเสนอปัญหาท่ีพบในโรงเรียนและชมุ ชน ซงึ่ ปญั หาที่ นักเรยี นเสนอมามดี งั น้ี - ปัญหามลภาวะทางอากาศ - ปัญหาขยะ - ปญั หายาเสพติด - ปัญหาจราจร ข้ันตอนท่ี 2 การเลอื กปัญหาในชุมชน โดยการลงฉันทามติ เลือกมาแค่ 1 ปัญหาและปัญหาทีเ่ ลือกมา คอื ปัญหาขยะ ความสำคัญของปัญหา ปญั หาขยะมูลฝอย (หมายถงึ ขยะทวั่ ไปที่เกิดจากการอุปโภค บริโภค กจิ กรรมทั้งหลายของมนุษย์ ไมว่ า่ จะ เปน็ บา้ นเรอื น ชมุ ชน ตลาด รา้ นคา้ และโรงงาน) ในประเทศไทยถอื เป็นปัญหาส่ิงแวดล้อมท่สี ำคัญทเ่ี กดิ ข้ึนจากน้ำมือ มนษุ ย์ ซึ่ง มปี ัญหาที่เกย่ี วเนื่องกนั ในหลายแง่มมุ ไม่วา่ จะเป็น พฤตกิ รรมการบรโิ ภคและการแยกขยะจากต้นทาง การ จัดการขยะท่ไี มไ่ ด้มาตรฐานก่อให้เกิดมลพิษและไม่เกดิ การนำกลบั มาใช้ซำ้ ปญั หามลพิษและส่งิ แวดล้อม เช่น ปฏกิ ริ ิยาเรอื นกระจกที่มีสาเหตจุ าก ขยะเทกอง ท่ีปล่อยก๊าซมเี ทน ซลั เฟอร์กับคาร์บอนไดออกไซต์ออกมา ปญั หาขยะ ในทะเลที่สง่ ผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและชวี ติ ความเป็นอยขู่ องสตั วใ์ นทะเล เป็นตน้ ประเทศไทยมปี ริมาณขยะสูงข้นึ ต่อเนื่องขึ้นทกุ ปี จากรายงานสถานการณ์ขยะมลู ฝอยชุมชนของประเทศไทย ปี 2559¹ พบว่ามีปริมาณการเกดิ ขยะรวมกันท้ังประเทศ 27.06 ลา้ นตนั ต่อปี เทยี บเทา่ ตึกใบหยก 2 จำนวน 140 ตึก คิดเปน็ ประมาณ 74,130 ตันต่อวนั เฉลีย่ เปน็ ปรมิ าณขยะ 1.14 กิโลกรมั ต่อคนต่อวัน ยังไมร่ วมขยะตกค้างสะสมท่ี เพิ่มขน้ึ ทกุ ปีไมต่ ่ำกว่าปีละ 10 ลา้ นตัน ขยะมลู ฝอยสามารถแบง่ แยกตามประเภทไดท้ ั้งหมด 4 ประเภท โดยมสี ดั ส่วนดังนี้ (ปี 2559) 1. ขยะอินทรยี ์ หรือขยะที่ยอ่ ยสลายได้ คิดเปน็ ร้อยละ 64 จากขยะท้ังหมด ส่วนใหญม่ าจากอาหารเหลือท้ิง 2. ขยะรไี ซเคิล เปน็ ที่ขยะสามารถนำมาหลอมใช้ใหม่ได้หากมีการแยกขยะอย่างถูกตอ้ งและทำความสะอาดก่อน ทิง้ คดิ เป็นสัดสว่ นรอ้ ยละ 30 ของขยะทัง้ หมด 3. ขยะทว่ั ไป เปน็ ยอ่ ยสลายตามธรรมชาติได้ยาก หรือนําไปรีไซเคลิ แล้วไมค่ ุ้มทนุ ต้องนำไปกำจัด ไดแ้ ก่ซองขนม กล่องโฟม ถงุ พลาสตกิ รอ้ ยละ 3 ของขยะทงั้ หมด 4. ขยะอันตราย เป็น ขยะที่ต้องนาํ ไปกําจัดหรือบาํ บัดด้วยวธิ เี ฉพาะ เชน่ หลอดไฟ ขวดยา ถ่านไฟฉาย ยาฆ่า แมลง กระป๋องสี ขยะจากภาคการเกษตรและอตุ สาหกรรม คิดเปน็ สดั สว่ นร้อยละ 3
16 จากแหลง่ กำเนิดขยะสกู่ ารจดั การ จากข้อมลู จะเหน็ ไดว้ า่ ถึงแมป้ ระเทศไทยจะมีความพยายามในการรีไซเคลิ และกำจัดขยะอย่างถูกต้องมากข้ึน แต่ แนวโนม้ ปริมาณขยะในแตล่ ะปีเพิ่มสงู ขน้ึ เช่นกนั นอกจากน้ีปรมิ าณขยะกว่าครึ่งยังถูกกำจัดอย่างไม่ถูกวธิ ี ผลกระทบ เมอื่ ขยะมากกว่าครงึ่ ถูกกำจัดดว้ ยกระบวนการท่ีไม่ถกู ต้องจึงนำมาซ่งึ ปญั หาสุขภาพ ปัญหาเศรษฐกิจ และท่ี สำคญั ปญั หาส่งิ แวดลอ้ มทง้ั ทางตรงและทางอ้อมผลกระทบหน่ึงต่อสขุ ภาพจากการไม่แยกขยะและไม่มีการจัดการ พน้ื ทเี่ ทกองใหถ้ ูกต้อง มีได้ต้งั แตจ่ ากการการรับสารเจือปนต้ังแต่ทเี่ ป็นเชื้อโรค ไมโครพลาสตกิ (พลาสติกขนาดเล็ก มากๆ ที่แตกจากการย่อยสลายไมส่ มบรู ณ์) และสารเคมีอนั ตราย อย่างสารตะกวั่ และโลหะหนกั ในขยะอเิ ลกทรอนิกส์ ซึมลงดนิ และย้อนกลับมาหาคนและสตั ว์ในผัก อาหารทะเล เนอื้ สัตว์ รวมถึงนำ้ และยงั เป็นสาเหตทุ ที่ ำใหส้ ัตวท์ ะเล 5- 10% พกิ าร6 จากการกนิ พลาสตกิ เข้าไป และเสยี ชีวิต ตามทีเ่ ป็นข่าวดงั ตลอดหลายปที ีผ่ ่านมา7 ประเทศ ไทย เป็นประเทศที่มีขยะในทะเลมากทีส่ ดุ เป็นอนั ดับ 68 โดยมขี ยะในทะเลกวา่ 11.47 ลา้ นตัน ซ่ึง 80% มาจากขยะ บนบก ข้อมูลจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝัง่ พบวา่ ขยะท่ีพบในทะเลกวา่ คร่งึ เป็นขยะพลาสติก นอกจากน้ี การกำจัดขยะท่ีไม่ถกู วธิ ี เผาโดยไม่มีการควบคุม กอ่ ใหเ้ กิดสารไดออกซนิ สร้างมลพษิ ในดิน อากาศ ท้ังใน รูปแบบฝนุ่ ละออง กา๊ ซพิษ และกลน่ิ ไมพ่ งึ ประสงค์ ทำให้เป็นอันตรายต่อผคู้ นทวั่ ไปท่ีสดู ดมหรอื สมั ผสั ข้อมลู จาก สำนักอนามยั กรงุ เทพมหานคร ระบุว่าพนกั งานเกบ็ ขยะทต่ี ้องอยู่กับแหลง่ สะสมเชือ้ โรคเป็นเวลานานกวา่ 8 ชว่ั โมง ต่อวนั ป่วยบ่อยกว่าคนทวั่ ไป 10-15%9 โดยต้องเสีย่ งต่ออนั ตรายหลายรปู แบบ ท้งั ถูกของมีคมบาดจนอาจเกิดแผลตดิ เชือ้ และบาดทะยัก อนั ตรายจากเชือ้ โรคในกระดาษชำระ ถุงยางอนามยั ผ้าอนามัย เศษอาหารเน่าบูด และซากสตั ว์ โดยโรคภยั จากขยะท่เี กดิ บ่อยได้แก่ โรคระบบทางเดินอาหาร ทอ้ งร่วง โรคจากการตดิ เชื้อ โรคภูมแิ พ้ คลืน่ ไส้อาเจยี น ปวดศีรษะ และโรคมะเรง็ เป็นตน้ ในดา้ นการสญู เสียทางเศรษฐกจิ นั้น รัฐบาลไทยใชง้ บประมาณในการจัดการขยะ มากถึง 13,000 ล้านบาท/ปี โดยในจำนวนน้ียังไมร่ วมค่าใช้จา่ ยในการรักษาเม่ือเกิดโรค รวมทง้ั การจัดการดินเสยี และ นำ้ ทว่ มจากการอุดตนั ของขยะ ( ที่มา :เว็บไซต์https://www.schoolofchangemakers.com/knowledge/11678 ) ความจำเป็นทีห่ น่วยงานรัฐต้องแกไ้ ขปญั หา ขยะ ได้ถกู ผลกั ดันใหเ้ ป็นวาระแห่งชาติ เน่อื งจากในชว่ งที่ผ่านมานน้ั ประเทศไทยประสบวกิ ฤตผลกระทบ สงิ่ แวดลอ้ มจากกองขยะเก่าท่ีมไิ ดถ้ ูกดำเนนิ การจัดการอย่างถกู ต้องในหลายแห่ง ทำให้เกิดเหตุเพลงิ ไหมอ้ ย่างรุนแรง เกดิ ผลกระทบตอ่ สุขภาพอนามัยของประชาชน ผลกระทบต่อดิน แหลง่ น้ำ แหล่งน้ำใต้ดิน และอ่ืน ๆ ตามมา และเมื่อ วนั ที่ 26 สิงหาคม 2557 คณะรกั ษาความสงบแห่งชาติ ไดเ้ ห็นชอบกบั Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของ เสยี อนั ตราย โดยไดก้ ำหนดให้จังหวดั และองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิน่ สำรวจ ประเมนิ ขยะมลู ฝอยเพ่ือปิด และฟน้ื ฟู สถานที่กำจัดขยะมูลฝอยเดมิ ใหถ้ ูกต้อง สว่ นกรณสี ถานทีก่ ำจัดขยะมูลฝอยเอกชนและดำเนินงานไม่ถกู ต้อง ใหบ้ ังคบั ใช้กฎหมายให้ดำเนินการอย่างถูกต้อง จากการเจรญิ เติบโตทางเศรษฐกิจและการพฒั นาชมุ ชนเมืองอยา่ งรวดเร็ว ทำให้ประเทศไทย ประสบปัญหา การเพิ่มขึ้นของขยะมลู ฝอยจำนวนมาก ซ่งึ หากระบบจัดการมูลฝอยมปี ระสิทธิภาพไม่เพยี งพอ ก็อาจส่งผลกระทบ โดยตรงตอ่ คุณภาพส่ิงแวดล้อม และสุขภาพอนามยั ของชุมชนโดยรอบได้ ปัจจุบันหนว่ ยงานต่างๆ ท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั การ จัดการขยะมลู ฝอยทัง้ ในระดับประเทศและระดบั ท้องถนิ่ ได้ เขา้ มามสี ว่ นร่วมในการวางแผนการจัดการขยะมูลฝอย
17 เพื่อใหท้ ้องถนิ่ มีการจดั การขยะมูลฝอยแบบครบวงจรตั้งแต่การเก็บ การคัดแยก การขนสง่ การนำกลบั ไปใชป้ ระโยชน์ รวมถึงการเลือกใช้เทคโนโลยีการกำจดั ทถ่ี กู ตอ้ งตามหลกั วิชาการและรฐั บาลเหน็ ความสำคญั ของขยะมลู ฝอยจงึ ได้ กำหนดการแกไ้ ขปญั หาขยะมูลฝอยเป็นวาระแห่งชาติ และได้มรี ะเบยี บสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจดั ระบบ บริหารจดั การขยะมูลฝอยของประเทศ พ.ศ. 2557 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 131 ตอนพเิ ศษ 189 ง ลงวนั ท่ี 25 กันยายน 2557 และมหี นังสือส่ังการรวมถึงแผนการจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย ซ่งึ ผา่ นความเหน็ ชอบ จากคณะรกั ษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ เม่ือวนั ที่ 26 สิงหาคม 2557 และได้มีมตเิ ห็นชอบ Road Mapขอบแผน แม่บทการบริหารจดั การขยะมูลฝอยของประเทศ (พ.ศ. 2559 - 2564) และไดม้ อบหมายให้ กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อมหารอื รว่ มกบั กระทรวงมหาดไทย เพอื่ จัดทําแผนแม่บทการบรหิ ารจัดการขยะมลู ฝอยของประเทศในระยะสนั้ (พ.ศ. 2559 –2560) และเร่งรัดการดําเนนิ งานตามแผน Road Map การจดั การขยะมลู ฝอยและขยะอนั ตราย ซง่ึ เทศบาลตำบลทุ่งควายกนิ ไดด้ ำเนินโครงการในสว่ นของการส่งเสริมการลด คัดแยก ขยะตน้ ทางเพ่ือสร้าง ความรู้ ความเข้าใจ และปลูกจติ สำนกึ ให้ประชาชนตระหนักถงึ ปญั หาดา้ นสิง่ แวดลอ้ มของชมุ ชน และการมสี ่วนรว่ มใน การแก้ไขปัญหาภายใตค้ วามรู้ ความเขา้ ใจ และการมีจติ สำนึกท่ดี ี เพื่อใหเ้ กดิ ผลสัมฤทธ์ใิ นการแก้ไขปัญหาอย่างยงั่ ยนื และเพื่อความเป็นอยู่ทดี่ ี สง่ิ แวดล้อมทีป่ ราศจากมลพิษโดยใช้วธิ ีการจัดการขยะมลู ฝอย โดยการมสี ว่ นร่วมของชุมชน ข้ันตอนท่ี 3 การรวบรวมข้อมลู ดำเนินการ ดังนี้ การตรวจสอบนโยบายสาธารณะ ซ่ึงจะเป็นการให้นักเรียนศกึ ษาและสำรวจนโยบายต่างๆของหน่วยงานรฐั องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ชุมชน รพ.ส่งเสริมสขุ ภาพประจำตำบล โดยการวางแผนตารางกำหนดการ และวันท่ี ออกไปทีช่ ัดเจน ตวั อยา่ งการเตรียมสำหรบั ระดมความคิดเห็นเร่อื งแหล่งข้อมลู ชอื่ ปัญหาท่ไี ดร้ ับการคัดเลอื ก แหลง่ ขอ้ มลู /ใคร ขอ้ มลู ท่ตี อ้ งการ วธิ ีการเกบ็ ขอ้ มลู ชมุ ชน/กำนัน หรอื ผู้นำชุมชน ปรมิ าณขยะท่ที งิ้ ต่อวนั สถานท่ที งิ้ เวลา การสมั ภาษณ์ แบบสอบถามผทู้ ่ี ท่ที งิ้ ปัญหาทเ่ี กดิ จากการทงิ้ ขยะ เป็น เกี่ยวขอ้ ง ตน้ เทศบาล / อบต. ชนิดของขยะท่คี นในชมุ ชน ทงิ้ มากท่สี ดุ การสมั ภาษณ์ ปรมิ าณขยะ ต่อวนั ตอ่ เดือน วธิ ีการ ขอ้ มลู เชงิ สถติ ิ กาจดั ขยะ/ การจดั การขยะ บคุ ลากรใน การจดั การขยะ เวลา ตลาด /ผนู้ าชมุ ชน จดั เกบ็ สถานท่ที งิ้ ขยะ เป็นตน้ ความ การสมั ภาษณ์ คิดเห็น และ นโยบาย แบบสอบถามผทู้ ่เี กี่ยวขอ้ ง แมน่ า้ ลาคลอง /ผนู้ าชมุ ชน ปรมิ าณขยะ สถานท่ที งิ้ ขยะ การเดนิ สารวจ การสงั เกต โรงพยาบาลสง่ เสรมิ สขุ ภาพประจา ประเภทและปรมิ าณขยะ จานวนผปู้ ่วย การสมั ภาษณ์ ตาบล ท่ไี ดร้ บั ผลกระทบจากขยะท่มี าเขา้ รบั แบบสอบถามผทู้ ่เี ก่ียวขอ้ ง การรกั ษาท่โี รงพยาบาล งบประมาณท่ี ขอ้ มลู เชงิ สถิต โรงพยาบาล ใชใ้ นการดแู ลผปู้ ่วย ฯลฯ
18 นโยบายทีม่ ใี ช้อยใู่ นปัจจุบัน นโยบายการบริหารจดั การขยะมูลฝอยชุมชนของประเทศไทย เพ่ือให้การจัดการขยะมลู ฝอย สามารถดำเนินการได้อยา่ งต่อเน่ืองโดยสนองตอบต่อเปา้ หมายทีไ่ ด้กำหนดไว้ ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ ฉบับที่ 8 และเป็นแนวทางสำหรบั แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ที่ 9 จงึ สมควรกำหนดนโยบายการบรหิ ารจัดการขยะมูลฝอยดังน้ี นโยบาย การบรหิ ารจดั การขยะมลู ฝอยชุมชนของประเทศไทย โดยกำหนดรูปแบบการกำจัดขยะมูลฝอยแบบศูนย์ กำจดั ขยะที่ได้รบั การศึกษาออกแบบและก่อสร้างดว้ ยเทคโนโลยที เี่ หมาะสม มรี ะบบและมาตรการการป้องกันปัญหา ผลกระทบสิง่ แวดล้อมและประชาชน และยงั สามารถรองรับปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนหลาย ๆ แห่งรวมกัน ซ่งึ จะชว่ ย ลดปญั หาการบรหิ ารจัดการขยะมลู ฝอยแต่ละชมุ ชนและไม่ให้เกิดข้นึ อีกต่อไปในอนาคตโดย 1. ควบคมุ การผลติ ขยะมลู ฝอยของประชาชน 2. สนบั สนุนงบประมาณ บุคลากร และวชิ าการแกท่ ้องถิน่ เพอ่ื ให้มกี ารจัดการขยะมูลฝอยแบบครบวงจร ต้ังแต่การเกบ็ การคัดแยก การขนสง่ การนำกลับมาใชป้ ระโยชน์ และการกำจัดทถี่ ูกต้องตามหลักสุขาภบิ าล 3. สง่ เสริมและสนับสนนุ ให้องคก์ รปกครองสว่ นท้องถิ่นมีความร่วมมือกันในการจดั การขยะมลู ฝอยโดยมุง่ เนน้ รูปแบบศนู ยก์ ำจัดขยะมลู ฝอยชมุ ชนรวม 4. สนับสนนุ ใหม้ กี ฎระเบยี บ และเกณฑ์การจัดการขยะมูลฝอยท่เี หมาะสมเพือ่ ใหห้ น่วยงานที่เกยี่ วข้องถือ ปฏิบัติ ปัญหาและสาเหตุ 1. การขาดแคลนที่ดินสำหรับใชเ้ ปน็ สถานทก่ี ำจดั 2. การดำเนินการและดแู ลรักษาระบบกำจดั ไม่มปี ระสิทธิภาพเทา่ ทคี่ วร 3. ขาดบคุ ลากรระดบั ปฏิบตั ทิ ่ีมีความรูค้ วามชำนาญ 4. ข้อจำกัดด้านงบประมาณ 5. แผนการขยะมลู ฝอยในระดบั ทอ้ งถ่นิ ยงั ไม่มีการพิจารณาดำเนินการในลักษณะศูนย์กำจัดขยะมลู ฝอยรวม 6. ระเบียบและแนวทางปฏบิ ัติในเรอ่ื งศูนยก์ ำจัดขยะมูลฝอยรวมยังไม่เคยมกี ารกำหนดขึ้นอย่างชัดเจน 7. ยงั มกี ารนำขยะมลู ฝอยกลับมาใช้ประโยชนน์ ้อย 8. กฎหมายทีเ่ กี่ยวข้องไม่เออื้ อำนวยต่อการจดั การ เชน่ ระเบยี บใหท้ ้องถ่ินลงทนุ และดำเนนิ การจดั การขยะ มูลฝอยร่วมกนั 9. ประชาชนในทอ้ งถน่ิ ขาดจิตสำนึก ความเขา้ ใจ และทศั นคตทิ ่มี ตี ่อการจัดการขยะมูลฝอย 10. ประชาชนทอี่ ยใู่ นเขตพน้ื ที่ใกลเ้ คยี งตอ่ ต้านการกอ่ สรา้ งระบบกำจัดขยะมูลฝอย เป้าหมาย 1. ควบคมุ อตั ราการผลิตขยะมูลฝอยใหม้ ีไมเ่ กิน 1 กโิ ลกรัมตอ่ คน ต่อวันภายในปี พ.ศ. 2544
19 2. ให้มีการใช้ประโยชน์จากขยะมูลฝอยในอัตราไมน่ ้อยกว่ารอ้ ยละ 15 และ 30 ภายในปี พ.ศ. 2544 และ พ.ศ. 2549 ตามลำดบั 3. ควบคุมปรมิ าณขยะมูลฝอยตกค้างในเขตเทศบาลไมเ่ กนิ ร้อยละ 10 และ 5 ภายในปี พ.ศ. 2544 และ พ.ศ. 2549 ตามลำดับ 4. ใหท้ กุ จังหวดั มแี ผนงานการจดั การขยะมลู ฝอยในรูปแบบศนู ยก์ ำจดั ขยะมลู ฝอย ส่วนกลางสำหรับท้องถน่ิ ตา่ ง ๆ สามารถใชร้ ว่ มกันได้ โดยสนบั สนนุ ให้มีศูนย์กำจัดขยะมลู ฝอยไม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ 50 ของจำนวนจงั หวดั ทัง้ หมด ในปี พ.ศ. 2549 (หรือ 38 จังหวัด) มาตรการท่ีจะเสริมใหส้ ามารถนำแนวนโยบายไปสูก่ ารปฏิบัติ 1. สนับสนุนให้มกี ารจัดต้งั ศนู ย์กำจัดขยะมลู ฝอยใช้รว่ มกันหลายชมุ ชน 2. สง่ เสริมการลงทุนร่วมจากภาคเอกชนในการกำจัดขยะมูลฝอย และนำขยะมลู ฝอยมาใช้ประโยชน์ 3. สนบั สนุนภาคเอกชนดำเนินธุรกจิ การจดั การขยะมูลฝอย การติดตามตรวจสอบ 4. ใชห้ ลักการผกู้ อ่ มลพิษเปน็ ผ้จู ่ายอย่างยตุ ธิ รรมและเสมอภาค 5. ปรับปรงุ กฎ ระเบียบ ข้อบังคบั ที่เกี่ยวข้องกับอัตราค่าธรรมเนียมคา่ บริการเก็บขนส่งและกำจัดให้ สอดคล้องกับค่าดำเนินการ 6. ปลูกฝังทศั นคติที่ถูกตอ้ งแก่เยาวชน โดยให้การศึกษาและรณรงคใ์ หเ้ กดิ ความร่วมมือปฏิบัติ รวมท้ังให้ ประชาชนและชุมชนเขา้ มามีสว่ นร่วมมากข้ึน 7. ฝกึ อบรมเพ่ิมพูนความรู้แก่เจ้าหนา้ ทข่ี องรฐั และเอกชน 8. สนบั สนนุ การศกึ ษา วจิ ัยและพฒั นาเทคโนโลยีทีเ่ หมาะสมในการจดั การขยะมูลฝอยอย่างมรี ะบบ ท่มี า http://www.pcd.go.th/info_serv/waste_garbage.html#s2 นโยบายการกำจดั ขยะของเทศบาลตำบลทุ่งควายกนิ อำเภอแกลง จงั หวดั ระยอง 1. มีการจดั เก็บขยะทกุ วนั ยกเว้นวันอาทติ ย์ 2. มกี ารจัดสรรงบประมาณในการกำจดั ขยะ 3. ส่งเสรมิ และสนบั สนนุ ให้ชมุ ชนมีสว่ นร่วมในการจดั การขยะมูลฝอยโดยมีการจัดอบรมให้ความรู้ในการแยก และกำจัดขยะอยา่ งถกู ต้อง ปัจจัยที่ทำให้นโยบายที่ใชอ้ ยู่ไมส่ ัมฤทธ์ผิ ล 1. การขาดแคลนทดี่ นิ สำหรับใชเ้ ป็นสถานทก่ี ำจดั 2. การดำเนินการและดูแลรกั ษาระบบกำจดั ไม่มีประสทิ ธภิ าพเทา่ ท่ีควร 3. ขาดบุคลากรระดบั ปฏบิ ัติที่มคี วามรคู้ วามชำนาญ 4. ข้อจำกดั ด้านงบประมาณ
20 5. แผนการขยะมลู ฝอยในระดับท้องถ่นิ ยงั ไม่มีการพจิ ารณาดำเนนิ การในลักษณะศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยรวม 6. ระเบียบและแนวทางปฏิบัติในเร่ืองศูนย์กำจัดขยะมลู ฝอยรวมยังไมเ่ คยมีการกำหนดขึ้นอย่างชดั เจน 7. ยังมกี ารนำขยะมูลฝอยกลับมาใช้ประโยชน์นอ้ ย 8. กฎหมายทีเ่ กยี่ วข้องไม่เออ้ื อำนวยตอ่ การจดั การ เชน่ ระเบียบให้ท้องถิน่ ลงทนุ และดำเนินการจดั การขยะ มลู ฝอยรว่ มกัน 9. ประชาชนในทอ้ งถ่ินขาดจิตสำนกึ ความเขา้ ใจ และทศั นคตทิ ่ีมีต่อการจดั การขยะมลู ฝอย 10. ไมม่ ีการจดั ต้ังศูนย์กำจัดขยะมลู ฝอยของเทศบาล ยงั คงใช้สถานกำจดั ของเอกชนทำให้ส้นิ เปลอื ง งบประมาณในการกำจดั ขยะ กิจกรรมเป้าหมาย กจิ กรรมเปา้ หมายท่จี ะเสรมิ ให้สามารถนำแนวนโยบายไปสู่การปฏิบตั ิ คอื การสนบั สนุนใหม้ ีการจัดต้งั ศนู ย์ กำจดั ขยะมูลฝอยใช้รว่ มกนั หลายชมุ ชน ชอ่ื โครงการ : ส่งเสรมิ และสนบั สนนุ การก่อสรา้ งศนู ย์กำจดั ขยะมูลฝอยรวมแบบครบวงจรเทศบาลตำบลทงุ่ ควายกนิ เหตผุ ลความจำเป็น ปัญหาขยะมลู ฝอยในพ้นื ทีเ่ ทศบาลตำบลทงุ่ ควายกนิ นบั เปน็ ปญั หามลพิษทีส่ ำคญั จำเป็นตอ้ งเร่งปรบั ปรุง แกไ้ ข เนื่องจากปรมิ าณขยะมูลฝอยท่เี กิดขึน้ ในเทศบาลตำบลทงุ่ ควายกินเป็นจำนวนมาก และมีแนวโน้มเพิม่ ขน้ึ อย่าง ตอ่ เนอ่ื ง จากการเพ่ิมขึ้นของประชากร การเจรญิ เตบิ โตทางเศรษฐกจิ และการขยายตัวของธรุ กิจอุตสาหกรรม ซ่งึ ยัง ขาดแคลนสถานที่กำจัด และใช้วิธีการกำจดั ทไี่ ม่ถูกหลักสุขาภบิ าล ก่อใหเ้ กิดมลพิษตอ่ สง่ิ แวดลอ้ ม ได้แก่ ปัญหากล่นิ เหม็น ปัญหาน้ำเสียจากน้ำชะขยะ ซึง่ สง่ ผลกระทบต่อประชาชนของจงั หวัดระยองในภาพรวม จากปัญหาดังกลา่ ว จึง จำเป็นต้องดำเนินการแก้ไขโดยเรง่ ดว่ น ก่อนทป่ี ัญหาขยะมูลฝอยสง่ ผลกระทบรนุ แรงมากข้นึ เพือ่ เปน็ การแกไ้ ขปญั หามลพิษที่เกิดจากขยะมูลฝอย และใหม้ กี ารจดั การขยะมลู ฝอยท่ีถูกหลักวิชาการ รวมถึงการนำ ขยะมูลฝอยกลับมาใช้ประโยชนใ์ หมอ่ ย่างคุม้ คา่ จึงมคี วามจำเป็นทต่ี อ้ งผลกั ดันนโยบายให้มกี ารจดั ตงั้ ศูนย์กำจดั ขยะ วตั ถปุ ระสงคก์ จิ กรรม เพอื่ แก้ไขปญั หาขยะมลู ฝอยชุมชนในพนื้ ทเี่ ทศบาลตำบลท่งุ ควายกนิ และใหเ้ กดิ กระบวนการจดั การขยะมูล ฝอยที่ครบวงจร ถูกหลักสขุ าภิบาลโดยใช้ทรัพยากรให้เกดิ ประโยชน์สูงสดุ มุง่ เนน้ การคัดแยกวัสดุ โดยให้ประชาชนมี สว่ นร่วม ซง่ึ มกี ระบวนการนำกลับมาใชใ้ หม่ และการแปรรปู ขยะมูลฝอยอินทรีย์เปน็ ปุย๋ หมัก ผดู้ ำเนนิ การ เทศบาลตำบลท่งุ ควายกนิ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง สถานทจี่ ะดำเนินการพน้ื ทีเ่ ทศบาลตำบลทุ่งควายกินอำเภอแกลง จงั หวดั ระยอง ขน้ั ตอนการดำเนนิ งาน 1. จดั ใหม้ โี รงคัดแยกขยะในอาคารทเ่ี ปน็ ระบบปดิ โดยทำการกำจัดขยะให้หมดทุกวนั ไมม่ ีขยะตกค้าง จงึ ไมม่ ปี ัญหาด้านกล่ินและแมลงวัน ขยะทเ่ี ข้าภายในศูนย์ใช้การจดั การฝังกลบ ทถี่ ูกหลักสขุ าภบิ าลในทุกๆ วัน 2. จดั ใหม้ ีระบบบำบดั น้ำเสียจากน้ำชะขยะมูลฝอย พร้อมระบบป้องกันการปนเปือ้ นของน้ำใตด้ ิน โดยการรองก้นหลมุ ฝังกลบด้วยวัสดุกนั ซึม (HDPE) เพอ่ื ปอ้ งกันการปนเปื้อนต่อแหลง่ นำ้ ธรรมชาติ และนำน้ำทีผ่ ่าน การบำบัดแล้วมาใช้ประโยชนใ์ นสถานทกี่ ำจัดขยะมูลฝอยโดยไม่ปลอ่ ยลงสู่แหลง่ น้ำสาธารณะ และใหป้ ระชาชนมีส่วน รว่ มในการเฝา้ ระวงั และรบั ทราบการตรวจสอบคุณภาพนำ้ ในบอ่ สังเกตการณ์ทกุ 3 เดือน
21 3. ปรบั ภูมิทศั น์ ไดก้ ำหนดให้มกี ารปลูกต้นไมใ้ หญ่โดยรอบพ้นื ท่ที ีด่ ำเนินการฝงั กลบ เป็นพ้นื ที่กันชน (Buffer Zone) เพื่อแนวป้องกนั ฝนุ่ และปรบั ทัศนยี ภาพใหส้ วยงามประมาณการคา่ ใช้จา่ ย ระยะดำเนินการโครงการฯปีงบ 2565 งบประมาณ อย่ใู นขนั้ ตอนการประเมนิ งบประมาณ ผลท่คี าดวา่ จะไดร้ บั 1.ระบบการคัดแยกขยะมูลฝอยดว้ ยเครอ่ื งจักรทนั สมัยรว่ มกับการใช้แรงงานมนษุ ยท์ ำการคัดแยกขยะเพื่อนำ สว่ นท่ียังมคี ณุ ค่านำกลบั มาใช้ประโยชนไ์ ดอ้ ีกคร้ัง 2.ระบบการหมกั ปยุ๋ ชวี ภาพจากขยะมูลฝอยประเภทสารอินทรีย์มาเพ่ิมมูลค่าและใช้ประโยชน์ทางการเกษตร 3.การแปรรูปเพือ่ เปล่ียนเป็นพลงั งานความร้อนหรือเปลยี่ นเปน็ รปู ก๊าซชวี ภาพหรอื เลือกการแปรรปู เพ่ือ ผลติ ภัณฑอ์ ่ืนทส่ี ามารนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้ใหม่ เช่น ผลิตเป็นบล็อกปูถนน เปน็ ต้น 4.ระบบการลดปริมาตรขยะมลู ฝอยประเภทอนินทรียท์ ไี่ มส่ ามารถใช้ประโยชนไ์ ด้ ก่อนนำไปฝังกลบอย่างถูก หลักสุขาภิบาล 5.ระบบการฝงั กลบอย่างถูกต้องตามหลักสขุ าภบิ าล 6.ระบบกำจดั กล่ินและระบบบำบัดน้ำเสียเพื่อรักษาคณุ ภาพสงิ่ แวดล้อมโดยรอบโครงการฯ 7.จัดภมู ทิ ัศนใ์ นพนื้ ที่โครงการใหม้ ีความสวยงาม เพ่อื สร้างความรสู้ กึ และสุขภาพท่ดี ขี องผ้ปู ฎบิ ัติงานภายใน โครงการ และประชาชนทีอ้ าศัยโดยรอบโครงการ รวมถงึ ผู้เย่ียมชมการดำเนนิ กจิ การ ข้ันท่ี4 การพัฒนาและจัดทำเป็นข้อเสนอเชิงนโยบาย เปน็ ข้ันของการพฒั นาข้อมลู ที่ได้จากการศึกษามาเขียนเปน็ ข้อสรุป และแนวทางแกไ้ ขปัญหาและเสนอตอ่ สาธารณะหรือผู้มีอำนาจเพ่อื กำหนด เปน็ นโยบายสาธารณะต่อไป การจดั ทำข้อเสนอนโยบายและการนำเสนอ จะมี 2 รปู แบบคือ การทำเป็นบอรด์ นทิ รรศการและแฟ้มผลงานซ่ึงประกอบ ไปดว้ ย 4 สว่ น ข้ันตอนท่ี 4 มวี ตั ถปุ ระสงค์หลักเพื่อใหน้ ักเรยี นไดน้ ำ ข้อมูลท่ีไดจ้ ากการรวบรวมข้อมลู ในข้ันตอนที่ 3 มาเรยี บเรียง สังเคราะห์ วิเคราะห์ จดั เป็นหมวดหมู่ และจดั ทำเปน็ ข้อเสนอ เชงิ นโยบายหรอื นโยบายสาธารณะในรปู แบบของบอร์ด นิทรรศการและแฟ้มผลงาน (portfolio) เพื่อนำเสนอแกผ่ ู้ท่ี เกยี่ วข้องตอ่ ไป บอรด์ ท่ี 1 อธบิ ายปญั หา บอร์ดนี้จะนำเสนอปัญหาที่ช้นั เรียนหรือชุมชนรว่ มกันเลอื กในขน้ั ตอน ท่ี 2 โดยจะ อธิบายสาเหตุ ความรนุ แรง ผลกระทบของปัญหา โดยแสดงให้ เหน็ วา่ ปญั หานม้ี ีความสำคัญที่รัฐบาล หนว่ ยงาน ภาครฐั และชุมชนตอ้ ง จดั การแกไ้ ข โดยควรระบชุ ่อื ปญั หาให้ชดั เจนไว้ในบอรด์ นี้ บอร์ดท่ี 2 ประเมินนโยบายสาธารณะท่ีมีอยูใ่ นปจั จุบนั บอรด์ นีน้ ำเสนอผลการสำรวจนโยบายสาธารณะ/ มาตรการตา่ งๆ ทีใ่ ช้ แก้ไขปัญหาทเ่ี กย่ี วข้องกับปัญหาในบอรด์ ท่ี 1 วา่ ทปี่ ัจจบุ ันมนี โยบาย อะไรบ้าง (ตัง้ แตน่ โยบาย ระดับประเทศจนถงึ ระดับท้องถ่ิน และหนว่ ยงาน ทร่ี บั ผิดชอบ) ท่ีเกย่ี วขอ้ งโดยสำรวจขอ้ ดีและข้อจำกดั ของนโยบาย น้ันๆ เพ่อื ช้ีให้เหน็ วา่ เพราะเหตใุ ดนโยบาย/มาตรการเหล่านั้นจึงไม่สามารถแก้ไข ปัญหาได้ เพอื่ เชื่อมโยงไปสู่บอร์ดที่ 3 คอื นโยบายของชั้นเรียนหรือของ ชมุ ชน บอร์ดท่ี 3 ขอ้ เสนอนโยบายสาธารณะของ ช้นั เรียน/ชมุ ชน บอรด์ นจ้ี ะเปน็ การนำเสนอนโยบายสาธารณะท่ี ชัน้ เรียน/ชุมชน ได้ร่วมกนั คดิ และพัฒนาข้นึ (ใส่ชือ่ นโยบายทเี่ ลอื กไว้ในขนั้ ตอนท่ี 3) เพ่ือแกไ้ ขปญั หา โดยระบุถงึ วัตถุประสงค์หรือเป้าหมายของนโยบาย งาน/กจิ กรรมทจี่ ะทำใหข้ ้อเสนอนี้บรรลุเปา้ หมาย ตลอดจนอธิบายเชื่อมโยง ไปถึงบทบญั ญัติของรฐั ธรรมนูญ/กฎหมายมาตราทีเ่ กี่ยวข้อง ขอ้ ดีและ ขอ้ จำกดั ของนโยบายดงั กลา่ ว รวมไปถึงระบุวา่
22 สว่ นใดทีน่ กั เรียนหรอื ชุมชน สามารถดำเนินการเองได้และส่วนใดทตี่ อ้ งขอความร่วมมือสนบั สนนุ จากหน่วยงาน ภาครัฐท่มี หี น้าท่ีรับผิดชอบ เพ่อื กำหนดเป็นนโยบาย สาธารณะต่อไป บอร์ดท่ี 4 แผนปฏิบัติการหรือผลการดำเนนิ งาน บอรด์ เป็นการนำเสนอกิจกรรมและแผนการปฏิบตั ิงานเพือ่ แกไ้ ข ปญั หาต่อหน่วยงานภาครัฐท่มี ีหนา้ ทร่ี บั ผดิ ชอบ รวมทั้งนำเสนอผลการ ปฏิบตั งิ านที่ช้นั เรียนหรือชมุ ชนได้ ดำเนนิ การไปแล้ว เพือ่ สรา้ งความมัน่ ใจให้ หน่วยงานภาครัฐยอมรบั แนวทางที่ชน้ั เรียนหรอื ชุมชนเสนอ โดย แผนปฏบิ ตั ิ การน้ีควรประกอบดว้ ยขั้นตอนต่างๆ ระยะเวลา ผูร้ ับผิดชอบ และงบประมาณทีใ่ ช้ เพื่อให้ภาครัฐสามารถ เห็นความสำคญั และความเป็นไปได้ และนำไปประกาศ/ประยกุ ต์ใช้เปน็ นโยบายสาธารณะต่อไป สรปุ บอร์ด นทิ รรศการทั้ง 4 สว่ นมคี วามเชอ่ื มโยงสัมพนั ธ์กันทจ่ี ะ ทำให้ผู้ฟังหรือผเู้ กี่ยวข้องสามารถรับร้เู ข้าใจปัญหาและแนว ทางแก้ไขท่เี สนอ ไดใ้ นเวลาอันรวดเรว็ ดงั นัน้ การคัดเลอื กข้อมลู เสนอในบอรด์ จึงมีความสำคญั อยา่ งย่ิง สำหรับขอ้ มลู ทเ่ี ป็นรายละเอียดอืน่ ๆนกั เรียนหรอื ชมุ ชนสามารถ นำข้อมูลเหล่าน้นั จดั ทำเปน็ แฟ้มผลงาน (portfolio) เพอื่ ให้ ประกอบในการ ตดั สนิ ใจได้ ขนั้ ท5่ี การนำเสนอนโยบายสาธารณะ เปน็ การนำเสนอนโยบายไปเสนอตอ่ โรงเรยี น ชมุ ชน และหน่วยงานท่ี เกี่ยวข้องเพื่อให้เห็นความสำคญั ของ ปัญหาทีเ่ กิดข้นึ รวมทงั้ เหน็ ความจำเป็น ในการแก้ไข หรอื ป้องกันปัญหาน้นั โดยการกำหนดเป็นนโยบายสาธารณะ เพ่อื แก้ไขปัญหาให้เปน็ รูปธรรมต่อไป นโยบายของโรงเรียนวดั เนินเขาดนิ แผนปฏิบัติการเดินหนา้ บรหิ ารการจดั การขยะดว้ ยกระบวนการ 5 R ของโรงเรียนวัดเนนิ เขาดิน หลักการและเหตุผล จากการสำรวจปรมิ าณขยะในประเทศไทย พบว่าในปัจจุบันมีปรมิ าณขยะท่ีเพ่ิมขึน้ อย่างต่อเนื่อง สาเหตุ เนอื่ งจากประชากรมคี วามต้องการอปุ โภคบริโภคทสี่ ะดวกสะบายมากขนึ้ โดยการบริโภคอาหารตามรา้ นคา้ ทจ่ี ัดเตรยี ม ไวใ้ นบรรจุภณั ฑ์ เพ่ือการประหยดั เวลาและสะดวกสบายต่อการซอื้ กลับบ้าน สง่ ผลตอ่ ปริมาณขยะทเ่ี พ่ิมขน้ึ อย่างเหน็ ได้ชัด รวมถงึ ขยะในโรงเรยี นและชุมชน จากปญั หาดังกลา่ วจงึ เลง็ เหน็ ความสำคญั อย่างยิ่งจึงไดจ้ ัดทำโครงการนี้ขน้ึ มา การดำเนนิ กิจกรรม 1. กจิ กรรมบ้านสะอาดปราศจากขยะ - การคดั แยะขยะ - รณรงคใ์ ช้ตะกร้า /ถุงผ้าลดโลกร้อน - การจดั ตง้ั ธนาคารขยะ - รีไซเคิลการประดษิ ฐ์ของเล่นของใช้จากเศษวัสดุ 2. กจิ กรรมโรงเรียนปลอดขยะ - กำหนดมาตรการ ระเบยี บข้อตกลงการท้ิงขยะให้ถูกที่ ดูดีสะอาดตา - ลดปริมาณขยะโดยใช้ 5R คือ Reduce : ลดการใช้ Reuse : การใชซ้ ้ำ Recycle : นำกลับมาใช้ Repair : การซ่อมแซม Reject : ปฏเิ สธ - กำหนดเขตสีรบั ผิดชอบ เชา้ นีไ้ มม่ ีขยะ/ขยะหายบ่าย 3 โมง 3.กิจกรรมสายตรวจตาสปั รด - สรา้ งเครอื ข่ายสายตรวจโดยปปช.สพฐ.นอ้ ย
23 ข้อดี: 1.ส่งเสรมิ การมีจิตสำนกึ ท่ีดีในการรกั ษาส่งิ แวดลอ้ ม 2.เกดิ คณุ ลักษณะพงึ ประสงค์ 5 ประการของโรงเรยี นสจุ รติ 3.มีส่วนร่วมในการชว่ ยรกั ษาสงิ่ แวดล้อม 4.มคี ณุ ธรรม 5.ลดปรมิ าณขยะ ขอ้ ท้าทาย การใช้ความร่วมมือของบุคคลและหน่วยงานต่างๆ นโยบายนไ้ี มข่ ดั ต่อรฐั ธรรมนูญ ข้นั ที6่ การสะท้อนประสบการณ์การเรียนรู้ เปน็ การแลกเปลยี่ นเรียนร้ปู ระสบการณ์ การทำAAR เปน็ รูปแบบการถอดบทเรยี นหลงั การปฏิบัติงาน หรือ การดำเนนิ กจิ กรรม ต่างๆ ซ่ึงคุณครหู รือผนู้ ำกระบวนการสามารถนำกระบวนการน้ีมาปรับ เพ่อื เป็นการประเมนิ หลงั การเรียนรแู้ ละเพือ่ ใหท้ ราบว่ากจิ กรรมน้ันๆ บรรลุ ตามเป้าหมายหรอื ไม่อย่างไร
24 บทท่ี4 ผลการดำเนนิ งาน จากการท่ีได้ดำเนนิ กิจกรรมสรา้ งสำนึกพลเมือง (Project Citizen) “โรงเรยี นชมุ ชนสะอาด ปราศจากขยะ มูลฝอย” เพื่อใหน้ กั เรียนมีทกั ษะเรยี นรปู้ ระชาธิปไตยโดยใช้ปัญหาเป็นฐานผ่านโครงการสรา้ งสำนึกพลเมือง สร้างองค์ ความรู้ด้วยตนเอง รูจ้ กั การลงมอื ปฏิบตั ดิ ้วยตนเองและการทำงานเปน็ ทีม ตระหนักในความรบั ผิดชอบ เกิด คณุ ลกั ษณะของโรงเรยี นสจุ ริต ๕ ประการ คือ ทกั ษะกระบวนการคดิ มวี ินัย ซอ่ื สตั ย์สจุ ริต อยู่อย่างพอเพียง จิต สาธารณะ รู้จกั บทบาทของตนเอง ตระหนักในความรบั ผิดชอบตอ่ การเรียนรูด้ ว้ ยตนเอง 1.วตั ถปุ ระสงค์ 1.เพื่อปลกู ฝงั ให้นักเรยี นมที ักษะเรียนรู้ประชาธปิ ไตยโดยใชป้ ญั หาเปน็ ฐานผา่ นโครงการสรา้ งสำนึก พลเมอื งสร้างองค์ความรู้ดว้ ยตนเอง รู้จักการลงมือปฏิบัติด้วยตนเองและการทำงานเป็นทมี ตระหนักในความ รับผิดชอบ เกิด คุณลักษณะของโรงเรียนสจุ ริต ๕ ประการ คอื ทักษะกระบวนการคดิ มีวนิ ัย ซ่อื สตั ย์สุจรติ อยูอ่ ย่าง พอเพียง จิตสาธารณะ ร้จู กั บทบาทของตนเอง ตระหนักในความรับผิดชอบต่อการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง 2. เพอ่ื ให้สถานท่ีโรงเรยี นและชมุ ชนสะอาด ปราศจากขยะ 3. สง่ เสรมิ สรา้ งจติ สำนกึ ใหก้ ับบคุ คลในโรงเรยี นและชมุ ชน 2.ขอบเขตของการดำเนินงาน 2.1 นักเรยี นชน้ั ประถมศึกษาปที 4ี่ -6 จำนวน 8 คน 2.2 โรงเรยี นวดั เนนิ เขาดนิ 2.3 ชมุ ชนบริเวณใกล้เคยี งโรงเรยี น ตลาด เทศบาล รพ.สต. 2.4 ระยะเวลา มถิ ุนายน – สิงหาคม 2564 2.5 เครื่องมือท่ีใช้ - แบบสงั เกตพฤติกรรม - แบบสอบถามความพงึ พอใจ 3.ผลทไ่ี ด้รบั จากการดำเนนิ กิจกรรม ผลที่เกิดกบั นกั เรยี น นกั เรียนรอ้ ยละ 100 ไดร้ ับการปลกู ฝงั มีทกั ษะเรียนรปู้ ระชาธิปไตยโดยใช้ปญั หาเป็นฐานผา่ น โครงการสรา้ งสำนกึ พลเมืองสรา้ งองค์ความรูด้ ว้ ยตนเอง รจู้ ักการลงมือปฏิบตั ิดว้ ยตนเองและการทำงานเป็นทีม ตระหนักในความรับผิดชอบ เกิด คุณลกั ษณะของโรงเรียนสุจรติ ๕ ประการ คอื ทักษะกระบวนการคดิ มวี นิ ัย ซอ่ื สัตย์ สุจริต อยู่อยา่ งพอเพียง จติ สาธารณะ รจู้ กั บทบาทของตนเอง ตระหนักในความรบั ผิดชอบต่อการเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง ผลท่เี กดิ กบั โรงเรียน โรงเรียนสะอาดปราศจากขยะมลู ฝอย ไม่เป็นแหล่งเพาะพนั ธโุ์ รค ผลทเี่ กดิ กบั ชุมชน ชุมชนบริเวณใกล้เคยี ง สะอาด เป็นระเบียบ ไมม่ แี หล่งเพาะพนั ธุ์เชื้อโรค และมคี วามพงึ พอใจตอ่ การจดั กิจกรรมกิจกรรมสร้างสำนึกพลเมอื ง (Project Citizen) “โรงเรยี นชมุ ชนสะอาด ปราศจากขยะมูลฝอย”
25 4.ผลจากการใชจ้ า่ ยงบประมาณ จากสำนักงานเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษาระยองเขต 2 จำนวน 4,000 บาท ถว้ นดงั นี้ รายละเอียดดังน้ี จ่ายเป็นค่าดำเนนิ การวสั ดุอปุ กรณ์ จำนวน 4,000 บาท
26 แบบสอบถามแบบประเมินความพงึ พอใจ/แบบสงั เกตพฤตกิ รรม สรปุ ไดด้ ังน้ี แบบประเมนิ กิจกรรมสร้างสำนกึ พลเมือง(Project Citizen) “โรงเรยี นชุมชนสะอาด ปราศจากขยะมูลฝอย” โรงเรยี นวดั เนินเขาดิน สพป.ระยอง เขต 2 ระหวา่ งเดือน มิถนุ ายน-สงิ หาคม 2564 คำชแี้ จง 1.โปรดทำเคร่ืองหมาย ลงในชอ่ งระดับความพึงพอใจตามความคดิ เห็นของท่านวา่ แตล่ ะรายการประเมิน ทา่ นมีความพงึ พอใจระดบั ใด โดยแปลความหมายดังน้ี 5 หมายถึง มีความพึงพอใจมากทสี่ ุด 4 หมายถึง มีความพอใจมาก 3 หมายถงึ มีความพอใจปานกลาง 2 หมายถงึ มีความพอใจน้อย 1 หมายถึง มีความพอใจน้อยท่สี ดุ ตอนท่ี1.ข้อมูลท่ัวไปของผูต้ อบแบบประเมนิ คำช้แี จง โปรดทำเคร่ืองหมาย ลงใน ( ) ตามความเปน็ จรงิ 1. ผู้ตอบเป็น นักเรียน 20 คน ครู 3 คน ผู้บรหิ าร 2 คน กรรมการสถานศกึ ษา 5 คน บุคคลใน ชมุ ชน 20 คน 2. เพศ ชาย 19 คน หญงิ 31 คน ตอนที่2 แบบประเมนิ ความพึงพอใจ 2.1 ประเมนิ ความพึงพอใจในกิจกรรมสร้างสำนกึ พลมอื ง(Project Citizen) “โรงเรยี นชุมชนสะอาด ปราศจากขยะมูลฝอย” จำนวน 4 ตอน 12 ข้อ ดังน้ี ตอนท่ี 1 การประเมนิ ความพึงพอใจด้านสภาพแวดล้อม จำนวน 3 ข้อ ตอนท่ี 2 การประเมนิ ความพึงพอใจด้านการจัดปจั จยั จำนวน 3 ขอ้ ตอนท่ี 3 การประเมนิ ความพึงพอใจดา้ นกระบวนการ จำนวน 3 ขอ้ ตอนท่ี 4 การประเมนิ ความพึงพอใจด้านผลผลติ จำนวน 3 ขอ้ 2.2 วิธีการประเมนิ ทำเครื่องหมายลงในชอ่ งระดบั คะแนนการประเมิน 5 ระดบั ดงั น้ี คะแนน 5 หมายถึง มผี ลการดำเนินงานในระดบั มากทสี่ ดุ คะแนน 4 หมายถึง มผี ลการดำเนนิ งานในระดับ มาก คะแนน 3 หมายถงึ มีผลการดำเนินงานในระดับ ปานกลาง คะแนน 2 หมายถงึ มีผลการดำเนนิ งานในระดบั น้อย คะแนน 1 หมายถงึ มีผลการดำเนนิ งานในระดับ น้อยท่ีสุด
27 ขอ้ รายการประเมิน ระดบั ความพึงพอใจ การประเมินด้านบรบิ ทสภาพแวดลอ้ ม มากท่ีสุด มาก ปานกลาง นอ้ ย น้อยทส่ี ดุ 1 ความเหมาะสมของกจิ กรรมตา่ งๆในการจดั กิจกรรม 60.00 - 2 ความเหมาะสมของข้ันตอนการดำเนนิ งานในสว่ นตา่ งๆ 64.00 30.00 10.00 - - 3 ระยะเวลาการดำเนินงานในสว่ นตา่ งๆ 60.00 - การประเมินด้านปัจจยั เบ้ืองตน้ 30.00 6.00 - 1 นกั เรียนมคี วามรคู้ วามเข้าใจในการดำเนินกิจกรรม 56.00 - 2 ครมู คี วามรคู้ วามสามารถในการดำเนนิ กจิ กรรม 80.00 30.00 10.00 - - 3 ชุมชนมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจและใหค้ วามร่วมมือในการดำเนิน 40.00 - 20.00 24.00 - กิจกรรม 70.00 20.00 - - - การประเมินด้านกระบวนการ 68.00 20.00 40.00 - - 1 ลำดบั ขน้ั ตอนการดำเนินกิจกรรม 60.00 - 2 การนำเสนอแลกเปลี่ยนการเรยี นรู้ 30.00 - - 3 แผนการดำเนนิ งาน/กจิ กรรมมีความเหมาะสม 66.00 18.00 14.00 - - การประเมนิ ดา้ นผลผลิต 18.00 22.00 - 1 นกั เรียนรจู้ กั การลงมือปฏิบัตดิ ว้ ยตนเองและการทำงานเป็นทมี 68.00 - 58.00 20.00 14.00 - - ตระหนกั ในความรับผดิ ชอบ ร้จู ักบทบาทของตนเอง เกดิ คณุ ลกั ษณะของโรงเรียนสุจรติ ๕ ประการ 16.00 16.00 - 2 โรงเรยี นมีความสะอาด เป็นระเบยี บปริมาณขยะลดลง 12.00 30.00 - 3 ชมุ ชนมคี วามสะอาด เป็นระเบียบปรมิ าณขยะลดลง
28 ผลการวเิ คราะห์ข้อมลู ตอนที่ 1 วเิ คราะหก์ ารประเมินกจิ กรรมสรา้ งสำนึกพลเมือง (Project Citisen) “โรงเรียนชุมชนสะอาด ปราศจากขยะมูลฝอย” โดยรวมและรายด้าน 4 ดา้ น คือดา้ นบริบท ด้านปัจจัยเบื้องตน้ ดา้ นกระบวนการ และดา้ น ผลผลติ ดว้ ยการหาคะแนนเฉลีย่ ปรากฏดังตารางท1ี่ ตารางท1่ี คะแนนเฉลยี่ ความเบ่ียงเบนมาตรฐานและระดับผลการประเมินกิจกรรมสรา้ งสำนึกพลเมือง (Project Citisen) “โรงเรยี นชมุ ชนสะอาด ปราศจากขยะมูลฝอย” โรงเรียนวดั เนนิ เขาดิน สพป.ระยองเขต2 ของผู้มี ส่วนเกยี่ วขอ้ งในการจัดกจิ กรรม ด้านการประเมนิ ผมู้ ีสว่ นเก่ียวขอ้ ง ค่าเฉล่ยี ระดับ 1.ดา้ นบรบิ ท 4.44 มาก 2.ด้านปัจจยั เบื้องตน้ 3.ดา้ นกระบวนการ 4.37 มาก 4.54 มากทส่ี ดุ 4.ดา้ นผลผลติ 4.44 มาก 4.44 มาก รวม จากตารางท่ี 1 พบว่าการประเมนิ กจิ กรรมสร้างสำนึกพลเมือง (Project Citisen) “โรงเรียนชุมชนสะอาด ปราศจากขยะมลู ฝอย”โรงเรียนวดั เนินเขาดนิ สพป.ระยองเขต2 ตามความคิดเหน็ ของผู้มีสว่ นเก่ียวขอ้ ง โดยรวมมี ความเหมาะสมอยู่ในระดบั มาก เมือ่ พิจารณาเปน็ รายดา้ น พบวา่ ทกุ ด้านมคี วามเหมาะสมอยู่ในระดับมากเรียงลำดับ คา่ เฉลี่ยจากมากไปหานอ้ ย คือด้านกระบวนการมคี ะแนนสูงสดุ รองลงมาด้านบรบิ ท ด้านผลผลิต ส่วนด้านท่ีมคี ะแนน ต่ำสุด ได้แก่ดา้ นปจั จยั เบ้ืองต้น ตอนท่2ี วิเคราะห์ผลการประเมินกิจกรรมสรา้ งสำนึกพลเมือง (Project Citisen) “โรงเรียนชุมชนสะอาด ปราศจากขยะมูลฝอย”โรงเรียนวัดเนนิ เขาดนิ สพป.ระยองเขต2 รายประเดน็ และรายด้าน คือด้านบรบิ ท ด้านปจั จัย เบ้ืองต้น ดา้ นกระบวนการ และด้านผลผลติ ด้วยการหาค่าเฉล่ีย ปรากฎดังตารางที่2-ตารางที่5 ตารางที่2 คะแนนเฉล่ีย และระดบั ผลการประเมนิ กิจกรรมสร้างสำนกึ พลเมือง (Project Citisen) “โรงเรียน ชมุ ชนสะอาด ปราศจากขยะมูลฝอย”โรงเรยี นวดั เนินเขาดนิ สพป.ระยองเขต2 ด้านบรบิ ท ผูม้ ีสว่ นเกย่ี วขอ้ ง ดา้ นบริบท คา่ เฉลยี่ ระดบั 1.ความเหมาะสมของกจิ กรรมต่างๆในการจัดกจิ กรรม 4.50 มาก 2.ความเหมาะสมของขน้ั ตอนการดำเนนิ งานในสว่ นตา่ งๆ 4.58 มากที่สดุ 3.ระยะเวลาการดำเนินงานในสว่ นต่างๆ 4.50 มาก รวม 4.52 มากทส่ี ดุ จากตารางที่2 พบว่าการประเมนิ กิจกรรมสรา้ งสำนึกพลเมือง (Project Citisen) “โรงเรยี นชุมชนสะอาด ปราศจากขยะมูลฝอย”โรงเรียนวัดเนินเขาดิน สพป.ระยองเขต2 ตามความคดิ เหน็ ของผมู้ ีส่วนเก่ียวขอ้ งด้านบริบท มี
29 ความเหมาะสมอยู่ในระดบั มากที่สดุ 1 ประเดน็ ระดับมาก 2 ประเดน็ ทมี่ ีคะแนนเฉล่ยี สูงสุดไดแ้ ก่ ความเหมาะสม ของข้นั ตอนการดำเนินงาน รองลงมาความเหมาะสมของกิจกรรมตา่ งๆในการจัดกิจกรรมและระยะเวลาการ ดำเนนิ งานในสว่ นตา่ งๆ ตารางท่ี3 คะแนนเฉล่ีย และระดับผลการประเมินกิจกรรมสร้างสำนึกพลเมือง (Project Citisen) “โรงเรียน ชุมชนสะอาด ปราศจากขยะมูลฝอย”โรงเรยี นวดั เนินเขาดิน สพป.ระยองเขต2 ด้านปจั จยั ดา้ นปัจจยั ผูม้ สี ่วนเก่ยี วขอ้ ง คา่ เฉล่ยี ระดบั 1.นักเรียนมคี วามรู้ความเขา้ ใจในการดำเนินกิจกรรม 4.32 มาก 2.ครูมีความรู้ความสามารถในการดำเนินกิจกรรม 4.80 มากท่ีสดุ 3.ชุมชนมีความรู้ความเข้าใจและใหค้ วามรว่ มมือในการดำเนินกจิ กรรม 4.00 มาก รวม 4.37 มาก จากตารางท่ี3 พบวา่ การประเมนิ กิจกรรมสร้างสำนึกพลเมือง (Project Citisen) “โรงเรยี นชมุ ชนสะอาด ปราศจากขยะมลู ฝอย”โรงเรียนวดั เนินเขาดิน สพป.ระยองเขต2 ตามความคิดเห็นของผู้มสี ว่ นเกีย่ วข้อง ดา้ นปัจจัย มีความเหมาะสมอย่ใู นระดับ มาก เมื่อพจิ ารณาเปน็ รายประเดน็ พบวา่ ประเด็นที่มคี ะแนนคา่ เฉลี่ยสงู สดุ ไดแ้ ก่ครูมี ความรคู้ วามสามารถในการดำเนินกจิ กรรม รองลงมานักเรียนมีความรูค้ วามเข้าใจในการดำเนนิ กจิ กรรม และประเดน็ ทมี่ ีความเหมาะสมในระดบั ต่ำสุด ได้แก่ชมุ ชนมีความรคู้ วามเข้าใจและให้ความรว่ มมอื ในการดำเนนิ กจิ กรรม ตารางที4่ คะแนนเฉลย่ี และระดับผลการประเมินกจิ กรรมสรา้ งสำนึกพลเมือง (Project Citisen) “โรงเรยี น ชุมชนสะอาด ปราศจากขยะมูลฝอย”โรงเรยี นวัดเนนิ เขาดิน สพป.ระยองเขต2 ด้านกระบวนการ ด้านกระบวนการ ผู้มีสว่ นเกี่ยวข้อง คา่ เฉลี่ย ระดบั 1. ลำดบั ข้ันตอนการดำเนนิ กิจกรรม 4.70 มากท่สี ุด 2. การนำเสนอแลกเปลยี่ นการเรียนรู้ 4.54 มากท่ีสุด 3. แผนการดำเนินงาน/กิจกรรมดำเนินการมีความเหมาะสม 4.38 มาก รวม 4.54 มากท่ีสดุ จากตารางท่ี4 คะแนนเฉลีย่ และระดับผลการประเมนิ กิจกรรมสรา้ งสำนึกพลเมือง (Project Citisen) “โรงเรียนชมุ ชนสะอาด ปราศจากขยะมลู ฝอย”โรงเรียนวดั เนินเขาดิน สพป.ระยองเขต2 ด้านกระบวนการ พบว่ามี ความเหมาะสมอยู่ในระดบั มากทส่ี ดุ เมื่อพิจารณาเปน็ รายประเดน็ พบวา่ ประเด็นที่มคี ะแนนเฉลยี่ สูงสดุ ไดแ้ กล่ ำดบั ข้ันตอนการดำเนินกิจกรรม รองลงมาไดแ้ ก่ การนำเสนอแลกเปลีย่ นการเรียนรู้ และประเดน็ ที่มคี ะแนนเฉลี่ยต่ำสุด คือ แผนการดำเนินงาน/กิจกรรมดำเนนิ การมีความเหมาะสม
30 ตารางที่5 คะแนนเฉล่ยี และระดบั ผลการประเมนิ กจิ กรรมสร้างสำนึกพลเมือง (Project Citisen) “โรงเรยี น ชมุ ชนสะอาด ปราศจากขยะมูลฝอย”โรงเรียนวดั เนินเขาดิน สพป.ระยองเขต2 ด้านผลผลิต ดา้ นผลผลติ ผ้มู สี ่วนเก่ียวขอ้ ง คา่ เฉลยี่ ระดบั 1.นกั เรียนรจู้ กั การลงมอื ปฏบิ ัติดว้ ยตนเองและการทำงานเป็นทีมตระหนัก 4.52 มากท่ีสดุ ในความรับผิดชอบ รจู้ ักบทบาทของตนเอง เกิด คุณลักษณะของโรงเรยี น สุจริต ๕ ประการ 2.โรงเรยี นมคี วามสะอาด เป็นระเบยี บปรมิ าณขยะลดลง 4.52 มากที่สุด 3.ชมุ ชนมีความสะอาด เปน็ ระเบยี บปริมาณขยะลดลง 4.28 มาก รวม 4.44 มาก จากตารางท่ี5 คะแนนเฉล่ียและระดบั ผลการประเมนิ กิจกรรมสร้างสำนกึ พลเมอื ง (Project Citisen) “โรงเรยี นชมุ ชนสะอาด ปราศจากขยะมูลฝอย”โรงเรยี นวดั เนินเขาดิน สพป.ระยองเขต2 ดา้ นผลผลิต พบวา่ มคี วาม เหมาะสมอยใู่ นระดบั มากที่สุด เมอ่ื พิจารณาเปน็ รายประเด็น พบว่าประเด็นที่มคี ะแนนเฉล่ยี สงู สุดไดแ้ ก่นักเรียนรจู้ ัก การลงมือปฏิบตั ดิ ว้ ยตนเองและการทำงานเป็นทีมตระหนักในความรบั ผดิ ชอบ รจู้ กั บทบาทของตนเอง เกดิ คุณลักษณะของโรงเรียนสจุ รติ ๕ ประการ รองลงมาได้แก่ โรงเรยี นมคี วามสะอาด เป็นระเบยี บปริมาณขยะลดลง และประเดน็ ทม่ี ีคะแนนเฉลีย่ ตำ่ สดุ คอื ชมุ ชนมีความสะอาด เป็นระเบยี บปริมาณขยะลดลง
31 บทที่5 สรุปผลและขอ้ เสนอแนะ การรายงานผลการดำเนนิ งานกิจกรรมสรา้ งสำนึกพลเมือง (Project Citisen) “โรงเรยี นชมุ ชนสะอาด ปราศจากขยะมลู ฝอย”โรงเรียนวดั เนินเขาดิน สพป.ระยองเขต2เพ่อื ใหน้ ักเรียนมีทักษะเรยี นรปู้ ระชาธปิ ไตยโดยใช้ ปญั หาเปน็ ฐานผา่ นโครงการสรา้ งสำนกึ พลเมือง สร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง รู้จกั การลงมือปฏบิ ตั ิด้วยตนเองและการ ทำงานเปน็ ทีม ตระหนักในความรับผิดชอบ เกดิ คุณลักษณะของโรงเรียนสจุ รติ ๕ ประการ คอื ทกั ษะกระบวนการคดิ มวี นิ ยั ซอื่ สัตย์สุจริต อยอู่ ย่างพอเพียง จติ สาธารณะ รู้จักบทบาทของตนเอง ตระหนักในความรบั ผดิ ชอบต่อการเรียนรู้ ดว้ ยตนเอง ความมุ่งหมายของการดำเนนิ กิจกรรมสรา้ งสำนึกพลเมือง (Project Citisen) “โรงเรียนชมุ ชนสะอาด ปราศจากขยะมูลฝอย” 1.เพอ่ื ปลกู ฝังให้นักเรยี นมีทกั ษะเรียนรู้ประชาธปิ ไตยโดยใชป้ ญั หาเปน็ ฐานผา่ นโครงการสร้างสำนึก พลเมอื งสรา้ งองคค์ วามรู้ด้วยตนเอง รู้จักการลงมือปฏบิ ัตดิ ้วยตนเองและการทำงานเปน็ ทมี ตระหนักในความ รับผิดชอบ เกดิ คณุ ลักษณะของโรงเรียนสจุ รติ ๕ ประการ คือ ทักษะกระบวนการคิด มวี ินยั ซื่อสตั ยส์ จุ รติ อยู่อย่าง พอเพียง จติ สาธารณะ รจู้ กั บทบาทของตนเอง ตระหนกั ในความรบั ผิดชอบต่อการเรยี นรู้ด้วยตนเอง 2. เพือ่ ใหส้ ถานทโ่ี รงเรยี นและชมุ ชนสะอาด ปราศจากขยะ 3. ส่งเสรมิ สรา้ งจิตสำนึกให้กับบคุ คลในโรงเรยี นและชมุ ชน สรปุ ผลการดำเนนิ งาน ผลทีเ่ กดิ กับนกั เรียน นักเรียนรอ้ ยละ 100 ได้รับการปลูกฝังมีทกั ษะเรยี นรู้ประชาธปิ ไตยโดยใช้ปญั หาเป็นฐานผา่ น โครงการสร้างสำนึกพลเมืองสร้างองค์ความรูด้ ้วยตนเอง รูจ้ กั การลงมือปฏิบัตดิ ้วยตนเองและการทำงานเป็นทีม ตระหนักในความรบั ผิดชอบ เกิด คุณลกั ษณะของโรงเรยี นสุจริต ๕ ประการ คือ ทักษะกระบวนการคดิ มีวินัย ซ่อื สตั ย์ สจุ รติ อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง จติ สาธารณะ รู้จักบทบาทของตนเอง ตระหนักในความรับผิดชอบต่อการเรียนรดู้ ว้ ยตนเอง ผลทีเ่ กดิ กับโรงเรยี น โรงเรียนสะอาดปราศจากขยะมลู ฝอย ไมเ่ ปน็ แหล่งเพาะพนั ธุ์โรค ผลทเ่ี กดิ กบั ชุมชน 1.ชมุ ชนบรเิ วณใกลเ้ คยี ง สะอาด เป็นระเบยี บ ไมม่ ีแหลง่ เพาะพนั ธ์เุ ชือ้ โรค 2.ปลกู จติ สำนึกใหช้ ุมชนร้จู ักการรกั ษาสง่ิ แวดล้อม มีความรบั ผิดชอบ รจู้ ักสิทธแิ ละหนา้ ที่ เปน็ พลเมืองท่ีดี ข้อเสนอแนะ 1.กจิ กรรมนเ้ี ป็นกจิ กรรมที่ละเอยี ดอ่อนและมีข้อจำกดั ในการลงเก็บข้อมูลในพ้นื ท่มี าก เน่ืองจากในปัจจบุ ัน เกิดเหตุการณ์โรคระบาด ไวรัส โควิด19 จึงทำให้ไมส่ ามารถลงพื้นท่ีได้และด้วยระยะเวลาทีจ่ ำกัด ทำใหผ้ ลการดำเนิน กจิ กรรมสร้างสำนึกพลเมือง (Project Citisen) “โรงเรยี นชมุ ชนสะอาด ปราศจากขยะมูลฝอย” ของโรงเรียนวัดเนิน เขาดนิ ยังไมป่ ระสบผลสำเร็จเทา่ ท่ีควร 2.ยังไมไ่ ดร้ บั ความรว่ มมือจากผู้ท่มี สี ว่ นเกีย่ วข้องจากชุมชนและหน่วยงานอื่นมากนักจงึ ทำใหก้ ารดำเนิน กจิ กรรมค่อนข้างตดิ ขดั และยังอยใู่ นขนั้ ตอนการพฒั นาในระยะต่อไป
บรรณานกุ รม คณะอนุกรรมการนโยบายปฏิรปู การศกึ ษาในทศวรรษท่สี อง ดานพัฒนาการศึกษาเพอื่ สรางความ เปนพล เมืองดี. (2554). ยุทธศาสตรพัฒนาการศกึ ษาเพ่อื สรางความเปนพลเมือง พ.ศ. 2553-2561. กรงุ เทพมหานคร: สำนัก นโยบายดานพัฒนาคุณภาพและมาตรฐาน การศกึ ษาสำนกั งานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. ทพิ ยพาพร ตันตสิ ุนทร. (2554). การศกึ ษาเพื่อสรางพลเมือง. กรุงเทพมหานคร: สถาบันนโยบาย ศกึ ษา. 2554 ธรี วฒั น วงศวรัญ ู. (2561). รายงานการวจิ ัยผลกระทบของระบบอุปถมั ภในหนวยงานราชการตอ การปฏบิ ตั หิ นาท่ีของขาราชการใน จงั หวดั เลย. รายงานการวจิ ัย.มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เลย. ปรญิ ญา เทวานฤมติ รกลุ . (2555). การศึกษาเพ่อื สรางพลเมือง. กรุงเทพมหานคร: นานมบี ุคศพบั ลชิ น่ั ส.
ภาคผนวก
ภาพประกอบการดำเนินกิจกรรมสรา้ งสำนกึ พลเมือง(Project Citisen) “โรงเรียนชมุ ชนสะอาด ปราศจากขยะมลู ฝอย” การเลือกระบปุ ัญหา
ภาพประกอบการดำเนินกจิ กรรมสรา้ งสำนึกพลเมือง(Project Citisen) “โรงเรยี นชุมชนสะอาด ปราศจากขยะมลู ฝอย” การตรวจสอบนโยบาย เทศบาลทงุ่ ควายกนิ รบั มอบถงั ขยะสนบั สนนุ จากโครงการพฒั นาระบบสขุ าภิบาลในโรงเรียนในชมุ ชน
ภาพประกอบการดำเนนิ กจิ กรรมสร้างสำนกึ พลเมือง(Project Citisen) “โรงเรียนชุมชนสะอาด ปราศจากขยะมลู ฝอย” ลาดบั ขนั้ ตอนการดาเนินงานกจิ กรรม 2.ตรวจสอบนโยบาย 1.ความสาคญั ของปัญหา 3.นำเสนอและพฒั นานโยบายสาธารณะของตนเอง 4.การดาเนนิ กจิ กรรม
Search
Read the Text Version
- 1 - 42
Pages: