Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ประวัติของอำเภอปาย

ประวัติของอำเภอปาย

Published by saksit.eak, 2020-04-03 19:31:53

Description: ประวัติของอำเภอปาย

Search

Read the Text Version

ป ร ะ วั ติ อำ เ ภ อ ป ำ ย ข้มอ ูลลแล ละประวตั ิอำเภิอปำย

1ทีต่ ้ังและอาณาเขต 2การแบง่ เขตการปกครอง o 2.1การปกครองสว่ นภูมภิ าค o 2.2การปกครองสว่ นท้องถิน่ 3ภมู ิประเทศ และภมู อิ ากาศ 4ประชากรศาสตร์ 5ประวัติศาสตร์ o 5.1ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ o 5.2สมยั กอ่ นประวัติศาสตร์ o 5.3ชมุ ชนโบราณเมืองนอ้ ย o 5.4เมืองนอ้ ย : ชมุ ชนโบราณสมัยประวตั ิศาสตร์ o 5.5ชุมชนโบราณบา้ นเวยี งเหนือ 6การทอ่ งเทยี่ วและการพัฒนา o 6.1สถานทีท่ ่องเทย่ี วสาคัญ 7เหตการณส์ าคัญ 8อา้ งอิง

อำเภอปำย (คาเมอื ง:ปำย) เปน็ อาเภอขนาดเลก็ ทางตอนเหนอื ของจังหวัดแมฮ่ อ่ งสอน เปน็ ที่ รจู้ กั กันดใี นด้านความงามของธรรมชาติ ท่ีต้ังและอำณำเขต อาเภอปายตงั้ อยทู่ างทิศตะวันออกเฉยี งเหนอื ของจังหวดั แม่ฮ่องสอน มีอาณาเขตติดต่อกับ เขตการปกครองข้างเคยี ง ดงั นี้ • ทิศเหนอื ตดิ ต่อกบั เมอื งป่ัน จงั หวดั ตองจี รัฐชาน (ประเทศพมา่ ) • ทิศตะวนั ออก ติดตอ่ กบั อาเภอเวียงแหง อาเภอเชยี งดาว และอาเภอแมแ่ ตง (จังหวัด เชยี งใหม่) • ทศิ ใต้ ติดต่อกับอาเภอสะเมิงและอาเภอกลั ยาณิวฒั นา (จงั หวดั เชยี งใหม่) • ทศิ ตะวนั ตก ติดตอ่ กบั อาเภอเมอื งแมฮ่ อ่ งสอนและอาเภอปางมะผา้ การแบ่งเขตการปกครอง การปกครองส่วนภมู ิภาค อาเภอปายแบ่งเขตการปกครองยอ่ ยออกเป็น 7 ตาบล 1. เวียงใต้ (Wiang Tai) 2. เวียงเหนือ (Wiang Nuea) 3. แม่นาเติง (Mae Na Toeng) 4. แมฮ่ ี้ (Mae Hi) 5. ทุ่งยาว (Thung Yao) 6. เมืองแปง (Mueang Paeng) 7. โปง่ สา (Pong Sa)

กำรปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ ทอ้ งท่ีอาเภอปายประกอบด้วยองคก์ รปกครองส่วนท้องถิ่น 8 แหง่ ไดแ้ ก่ • เทศบาลตาบลปาย ครอบคลมุ พนื้ ทบี่ างส่วนของตาบลเวียงใต้ • องค์การบรหิ ารสว่ นตาบลเวียงใต้ ครอบคลุมพ้นื ทีต่ าบลเวยี งใต้ (นอกเขตเทศบาลตาบล ปาย) • องค์การบริหารส่วนตาบลเวียงเหนือ ครอบคลมุ พ้ืนที่ตาบลเวยี งเหนือท้งั ตาบล • องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบลแม่นาเตงิ ครอบคลมุ พ้นื ท่ีตาบลแมน่ าเตงิ ทั้งตาบล • องคก์ ารบริหารส่วนตาบลแม่ฮ้ี ครอบคลมุ พืน้ ท่ตี าบลแม่ฮท้ี งั้ ตาบล • องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบลทุง่ ยาว ครอบคลุมพืน้ ทีต่ าบลทุ่งยาวทั้งตาบล • องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบลเมืองแปง ครอบคลุมพื้นท่ีตาบลเมืองแปงท้ังตาบล • องค์การบริหารส่วนตาบลโปง่ สา ครอบคลุมพ้ืนทต่ี าบลโปง่ สาทงั้ ตาบล ภูมปิ ระเทศ และภมู อิ ำกำศ • ภูมปิ ระเทศ เป็นท่ีราบแอง่ กระทะ ลอ้ มรอบด้วยภูเขา มีดอยแม่ยะเป็นยอดดอยทสี่ ูงท่สี ดุ สงู ประมาณ 2,005 เมตร มีแม่นา้ หลายสาย ได้แก่ นา้ ปาย นา้ ของ และนา้ แมป่ งิ นอ้ ย อีก ท้งั มลี าห้วยอีกหลายสาย คือ หว้ ยแมเ่ มือง ห้วยแม่เย็น และห้วยแมฮ่ ้ี • ภูมอิ ากาศ อาเภอปาย มี 3 ฤดู คอื ฤดหู นาว อากาศหนาวจดั ได้ถงึ 2 องศาเซลเซยี ส บาง วนั มีหมอกลงหนาทึบ จนถึงเวลาประมาณ 11.00 น. ฤดูฝนเรม่ิ ตง้ั แต่เดอื นมิถุนายนถงึ เดอื นกนั ยายนของทกุ ปี ฤดูร้อนเรม่ิ ตง้ั แต่เดือนมนี าคมถงึ เดือนมิถนุ ายน ประชำกรศำสตร์ อาเภอปายถอื วา่ มคี วามหลากหลายทางเช้ือชาติ ราว 53% ของประชากรเป็นชาวลา้ นนา และชาวไทใหญ่ และอีก 47% เป็นชาวเขา เช่น กะเหรีย่ ง มง้ ลีซอ และมเู ซอ

ประวตั ศิ ำสตร์ มีทฤษฎจี านวนมากเก่ียวกับการตัง้ ช่ือ “ปาย” บางคนเชอ่ื ว่าคาว่า “ปาย” หมายถงึ ชา้ ง หนุ่มตัวผทู้ ถี่ ูกกล่าวถงึ ในประวัติศาสตร์ ของทางภาคเหนือของไทย บางคนกล่าววา่ คาวา่ “ปาย” มาจากขอ้ เทจ็ จรงิ ทางประวัติศาสตร์ของเผา่ ลว๊ั ะ ถูกคน้ พบในอาเภอ ล๊วั ะเป็นคน กลมุ่ แรก ๆ ท่เี ขา้ มาต้ังรกรากในอาเภอปายและเป็นที่เลือ่ งลือ ในนามนักรบทสี่ ร้างความ หายนะยามคา่ คนื ซงึ่ ถูกเรยี กว่า ภูตพราย กาลเวลาผา่ นไปทาใหถ้ ูกเรยี กเพ้ียนเป็นคาว่า ปาย คาอธบิ ายอ่นื ๆ กล่าววา่ ปาย ถกู ต้งั ชอ่ื ตามชือ่ ผู้นา ของชาวไทยใหญก่ ลมุ่ แรก ท่ีเข้ามาต้งั รกรากในอาเภอปาย แต่คากลา่ วทดี่ ูเหมือนจะใกล้เคียง ความจริงท่ีสุด กล่าวว่า คาวา่ “ปาย” มาจากภาษาไทยใหญ่ ซึง่ แปลว่า “การอพยพ” คาวา่ “ปาย” ถา้ หากออกเสียงลง ต่าแลว้ จะหมายถงึ การหลบหนีอพยพหรือเคล่ือนยา้ ยออกไป กาลเวลาผ่านไปทาใหเ้ สียงสงู ต่า และการสะกดคาเปลี่ยนแปลงไป ถา้ หากได้ศึกษาเกี่ยวกบั ภาษาของไทยใหญ่ และ ภาษาไทยทางเหนืออยา่ งใกล้ชดิ แลว้ การอธบิ ายนี้ดจู ะถูกต้องท่สี ุด ชมรมเอกสารเกยี่ วกบั ประวตั ิศาสตร์ ของอาเภอปายชมรมแรกถูกตงั้ ขน้ึ ในปี 1251 โดย ชาวไทยใหญท่ อ่ี พยพจากสงคราม จากหมู่บ้านไทยใหญ่ พวกเขาตั้งหมบู่ า้ นขึน้ ใหม่ นั่นกค็ ื หมู่บา้ นเวียงเหนอื ใกล้ท่ีต้งั ของหมู่บา้ นเก่าขนึ้ , อย่ทู างทิศเหนือของตวั อาเภอปายปจั จบุ นั ที่ตงั้ ทพ่ี วกเขาเลอื ก เปน็ พนื้ ท่ีท่มี ีทรพั ยากรธรรมชาติ อดุ มสมบูรณแ์ ละ เป็นพน้ื ทีท่ ่ีเป็นจุด ยุทธศาสตร์ ซึ่งเป็นสาเหตุของการตอ่ สูร้ ะหว่างไทยใหญแ่ ละ ไทยทางเหนอื เพอื่ การ ครอบครองพ้ืนท่ี ซึ่งขณะน้ันประเทศไทย มพี อ่ ขุนเมงรายเปน็ พระมหากษตั ริย์ ซึ่งมีกองทพั ทเ่ี ข้มแข็ง ประวัติศาสตรก์ ลา่ ววา่ อาณาจกั รเชยี งแสนถกู สรา้ งขน้ึ 69 ปีกอ่ นเชียงใหม่ ราว ๆ ปี 1323 ปาย เปน็ ส่วนหนงึ่ ของอาณาจักรเชยี งแสน สงครามครัง้ ลา่ สดุ เกิดขึ้นในปี1869 เม่ือทหารไทยใหญไ่ ดเ้ อาชนะชาวบา้ นปายและเผาทุก อยา่ งเปน็ จลุ อย่างไรก็ตามทหารจากเชียงใหมก่ ็ขบั ไล่พวกเขาออกไปไดใ้ นท่ีสดุ หลงั จากนั้น หมู่บ้านกถ็ ูกยา้ ยทต่ี ั้งมาเป็นท่ีต้งั ในปัจจุบนั เม่ือวันที่ 10 เดอื นพฤษภาคม ปี 1911 ยคุ ที่ ราชอาณาจกั รตา่ งๆของประเทศไทยถูกรวมเข้าด้วยกัน รฐั บาลไดป้ ระกาศใหแ้ ม่ฮอ่ งสอน เปน็ จังหวดั หน่ึง ของประเทศไทยอย่างเป็นทางการ อย่างและ ปายก็กลายเป็นอาเภอหนึ่งใน จงั หวัดแม่ฮ่องสอน ในชว่ งสงครามโลกครงั้ ทีส่ องชาวทหารญี่ปุน่ ใชอ้ าเภอปายเป็นเสน้ ทางการขนสง่ จาก เชียงใหม่ไปถงึ พม่าสิง่ ทเ่ี หลอื อยคู่ ือ ถนนทยี่ ังคงใช้กันอย่ถู งึ ปจั จบุ นั นค้ี อื คร้งั แรกทป่ี ายได้ ตอ้ นรบั คนแปลกหน้าจากแดนไกลการสร้างถนนใหม่ของรัฐบาลไทยในช่วงปลายปี 1980

สรา้ งความเปลยี่ นแปลงใหญ่ ทนี่ าความทันสมยั เขา้ สอู่ าเภอปาย มหี ลายสิ่งหลายอย่างที่ ชาวบ้าน ไมเ่ คยคิดมาก่อนว่าจะเกิดขนึ้ 5 ปีตอ่ มา ราว ๆ ปี 1985 ชาวอาเภอปายได้ ตอ้ นรบั ผู้มาเยอื นจากแดนไกล นกั ท่องเทีย่ วทมี่ าจากทกุ มุมของโลก กับเป้บนหลังของพวก เขาที่ต่างมาแสวงหา “ปาย” อาเภอปายเป็นเมอื งเก่าแก่ ประชากรท่ตี งั้ ถนิ่ ฐานอยู่ในดินแดนแหง่ นีม้ าแต่เดิมคือชาวพ่าย หรือไปร ซงึ่ เป็นกลุม่ ชาติพนั ธุท์ ีใ่ ชภ้ าษาตระกูลออสโตร-เอเชียตกิ สาขาว้า-เรียง ดังมี รอ่ งรอยหลกั ฐานซากวหิ ารและเจดีย์กระจายอย่ทู ั่วไปทั้งบนภูเขาสูง ทีด่ อนเชงิ เขา บริเวณ พ้ืนราบลมุ่ น้าปาย บางแห่งกอ่ สร้างดว้ ยหิน เช่น ในผืนป่าบริเวณใกลน้ ้าตกเอกิ เกอเต่อ ซึ่ง เปน็ ต้นน้าแมป่ งิ นอ้ ย บางแห่งมกี ารขุดคเู ป็นร่องลึกบนภเู ขาสูงชัน มีเจดยี ์บนยอดเขา มีหลกั ฐานว่าเจา้ เมอื งคนแรกคอื ขุนส่างปาย ในสมัยพระเจา้ มโหตรประเทศ พระราชาธิบดี เจา้ ผ้คู รองนครเชยี งใหม่ สง่ เจา้ แกว้ เมอื งออกสารวจชายแดน ได้พบวา่ ภมู ิประเทศน่าสนใจ จงึ แนะนาใหข้ ุนส่างปายยา้ ยเมอื งมาตงั้ ฝัง่ ตะวันตกของแมน่ ้าปายเพราะเปน็ ทีร่ าบกว้างขวาง ผู้คนจึงเรยี กเมืองใหม่วา่ \"เวียงใต้\" ส่วนเมอื งเก่าเรยี กว่า \"เวียงเหนอื \" ภูมหิ ลงั ทำงประวัตศิ ำสตร์ เมอื งปายเป็นเมืองท่มี ีคนตง้ั ถิ่นฐานตงั้ แต่สมยั กอ่ นประวัติศาสตร์ ในสมยั ประวตั ิศาสตร์ บรเิ วณทีต่ ้งั เมืองปายเป็นเมืองสาคญั ของล้านนาในสมยั ราชวงศม์ ังรายซงึ่ มีเมืองเชยี งใหม่ เป็นศูนยก์ ลาง ต่อมาเมืองปายไดร้ ้างไปพร้อมกับเมอื งเชยี งใหม่ ประมาณปี พ.ศ. 2318- 2338 เมอื งปายได้ฟืน้ ฟูเปน็ หมบู่ า้ นและพัฒนาเปน็ อาเภอปาย โดยมผี ู้คนหลายกลุ่มชาติ พันธ์ุอพยพเข้ามาอาศัยอยู่ ได้แก่ คนไทยวน (คนเมือง) ชาวไทใหญ่ ชาวปกาเกอญอ (กะเหร่ยี ง) และชาวไทยภูเขาเผา่ ตา่ ง ๆ ท้งั นี้เนอื่ งจากเมืองปายตง้ั อยใู่ นบรเิ วณทอ่ี ดุ ม สมบูรณ์ มแี ม่น้าไหลผ่านหลายสาย เหมาะสาหรับการประกอบอาชีพเกษตรกรรม ปจั จบุ ัน เมืองปายเป็นเมอื งชุมทางท่สี าคญั เมอื งหนึ่งบนเส้นทางระหวา่ งเชยี งใหมก่ บั แมฮ่ อ่ งสอน

สมยั กอ่ นประวัตศิ ำสตร์ อาเภอปายมรี ่องรอยการอาศัยอยู่ของมนษุ ย์ยุค ก่อนประวตั ศิ าสตร์ และมีชุมชนโบราณทป่ี รากฏ ชอื่ ในตานานคัมภรี ์ใบลานหลายเมือง และมี ประวตั ิสบื ต่อกนั มานบั ร้อยปี ประกอบกบั มี หลกั ฐานโบราณคดีปรากฏอย่ใู นชมุ ชนโบราณ ดังกลา่ วดว้ ย จากการศึกษาของพระครปู ลดั กวี วตั น์ธนจรรย์ สุระมณี วัดเจดยี ห์ ลวง อาเภอ เมอื งเชียงใหม่ มีรายงานการสารวจว่าในเขต เมืองน้อย อาเภอปาย มีหลักฐานโบราณคดสี มัยก่อนประวัตศิ าสตรด์ งั นี้ถ้าผีแมน บ้านห้วย หก ตาบลเวยี งเหนือ อยู่ห่างจากบ้านห้วยหกไปทางทิศตะวันตกราว 1,500 เมตร พบซาก กระดกู และระแทะคล้ายรางไม้ให้อาหารสตั วห์ ลงเหลอื อยู่ บางสว่ นถกู ชาวบา้ นเผาไปเกือบ หมดแลว้ ถ้าผีแมนซึ่งเป็นทีอ่ ยขู่ องมนษุ ยก์ ่อนประวัติศาสตร์นม้ี ีอยู่ หลายแห่งในเขตจงั หวัด แมฮ่ อ่ งสอน เช่น o ถา้ ป่าคานา้ ฮู ตาบลปางหมู อาเภอเมืองแมฮ่ ่องสอน o ถา้ นา้ ลอด อาเภอปางมะผ้า พบหลักฐานของใช้ของคนถ้าในยุคน้ันคอื กาไลแขน ทาด้วยโลหะ หมอ้ ดินลายเชอื กทาบ ขวานหนิ ขุด ระแทะไม้ ฯลฯ • ถ้าดอยปุ๊กตัง้ อยูท่ างทิศใต้ของบา้ นหว้ ยเฮี้ย ตาบลเวียงเหนอื ใช้เวลาเดินทางดว้ ย เท้าจากหมบู่ ้านประมาณ 1 ช่วั โมง พบเคร่อื งใชข้ องมนุษย์ถา้ มลี กั ษณะเชน่ เดียวกันกับทพี่ บ ในถ้าผแี มนแหง่ อ่ืน ๆ

ชมุ ชนโบรำณเมอื งนอ้ ย ชมุ ชนโบราณเมอื งน้อยเป็นชุมชนที่ พบหลกั ฐานทางดา้ นโบราณคดี หลักฐานตานาน และ ศลิ าจารึกท่ี สะท้อนให้เห็นวา่ เมืองนอ้ ยเป็นเมือง สาคัญในสมยั ประวัติศาสตร์ ราชวงศม์ งั ราย ต้ังอย่ใู นเขตตาบล เวยี งเหนือ ตาแหน่งละตจิ ดู ที่ 19 องศา 30 ลิปดา 58 พลิ ิปดาเหนอื และลองจจิ ดู ท่ี 98 องศา 30 ลิปดา 50 พลิ ิปดาตะวันออก ระยะทางประมาณ 27 กโิ ลเมตร จากอาเภอปายไปทางทศิ เหนือ เม่อื สองรอ้ ยปเี ศษมานี้ เมืองนอ้ ยมีสภาพเป็นเมือง รา้ ง ปจั จุบนั ไดม้ ีชนเผ่าปกาเกอะญอ (กะเหรยี่ ง) เขา้ ไปจบั จองอาศัยตง้ั บา้ นเรือนท่ีบา้ นเมอื ง นอ้ ย โดยมีชอ่ื ใหมห่ ลายหมูบ่ า้ น คือ บา้ นหัวฝาย บา้ นหว้ ยงู บ้ายห้วยเฮยี้ บา้ นห้วยหก บา้ น ก่ิวหน่อ และบา้ นมะเขอื คนั เมืองนอ้ ย : ชมุ ชนโบรำณสมัยประวัตศิ ำสตร์ ตานานพ้นื เมืองเชียงใหมไ่ ดก้ ลา่ วถงึ เร่ืองราวเมอื งนอ้ ยวา่ ในรชั กาลของพระเจ้าตโิ ลกราช (พระญาติโลกราชะ) ปกครองเชยี งใหม่ พ.ศ. 1984-2030 พระองคม์ ีโอรสชือ่ ท้าวบญุ เรอื ง หรือศรีบุญเรืองครองเมืองเชยี งราย ตอ่ มาถกู แมท่ ้าวหอมุกกล่าวโทษ จงึ ให้ทา้ วบญุ เรอื งไป ครองน้อย ในทส่ี ดุ ก็ถกู ฆ่าตาย[1] เมอ่ื ส้ินสมัยพระเจา้ ตโิ ลกราชแล้ว โอรสของทา้ วบุญเรือง ชอ่ื พญายอดเชียงราย (พระญายอดเชียงราย) ไดเ้ สวยราชยเ์ ป็นกษัตรยิ ์เชยี งใหม่ ปกครองได้ ไมน่ านถกู กล่าวหาว่า พระองคร์ าชาภิเษกวนั จนั ทร์ ถือวา่ เป็นกาลกณิ แี ก่บา้ นเมือง ไม่ ประพฤตอิ ยใู่ นขนบธรรมเนียมของทา้ วพระญา ไมป่ ระพฤตอิ ยู่ในทศพิธราชธรรม และยังมี ใจฝักใฝ่ไมตรกี บั ฮอ่ เสนาอามาตย์จงึ ได้ลม้ ราชบัลลงั กแ์ ละไดอ้ ญั เชญิ ใหไ้ ปครองเมืองน้อย ในปี พ.ศ. 2038 พญายอดเชียงรายประทบั อย่เู มอื งนอ้ ยได้ 10 ปี ก็เสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2048 เมอ่ื พระชนมายุได้ 50 พรรษา พญาเมอื งแกว้ (กษัตรยิ ์เมอื งเชียงใหม่และราช โอรสของพญายอดเชียงราย) ได้เสดจ็ มาถวายพระเพลงิ พระศพของพญายอดเชียงรายท่ี เมอื งนอ้ ย และสร้างอโุ บสถครอบ คร้ันพญาเมืองแก้วเสดจ็ สวรรคตในปี พ.ศ. 2068 เสนา อามาตยไ์ ด้อัญเชิญพระอนุชาจากเมอื งนอ้ ยใหม้ าครองราชยเ์ ชยี งใหม่และราชาภเิ ษกเปน็ พระเมืองเกษเกลา้ (พระญาเมอื งเกส) ในปี พ.ศ. 2069 พระองคค์ รองราชยจ์ นถึง พ.ศ. 2081 (พระเมืองเกษเกลา้ ครองราชย์เมืองเชียงใหม่ครัง้ ท่ี 1 พ.ศ. 2068-2081 ครงั้ ที่ 2 พ.ศ. 2086-2088) เสนาอามาตยไ์ มช่ อบใจไดป้ ลดพระองค์ออกจากราชบลั ลังก์ และ อญั เชิญท้าวซายคาราชโอรสให้ครองราชย์แทนในปี พ.ศ. 2081 ทา้ วซายคาประพฤติตนไม่

อยู่ในทศพธิ ราชธรรม เสนาอามาตยไ์ ด้ลอบปลงพระชนมใ์ นปี พ.ศ. 2086 และได้อัญเชิญ พระเมืองเกษเกลา้ จากเมอื งนอ้ ยมาครองราชย์ในเมืองเชียงใหม่เป็นคร้ังท่ี 2 บา้ นเมืองน้อยมีโบราณสถานขนาดใหญท่ ีช่ าวบา้ นเรยี กวา่ \"วดั เจดยี ์หลวง\" ต้งั อยบู่ นพ้นื ท่ี ประมาณ 4 ไร่ มแี นวกาแพงกาหนดเขตพทุ ธาวาสขนาด 80 x 100 x 1 เมตร ขนาดชกุ ชี วหิ าร ฐานชุกชีอโุ บสถขนาด 4 x 8.50 เมตร (สันนิษฐานว่าเปน็ สถานท่ถี วายพระเพลงิ พระ บรมศพของพญายอดเชยี งราย) ซุ้มประตโู ขงดา้ นทิศตะวนั ออก เจดียข์ นาด 11 x 11 x 17 เป็นเจดีย์แบบเชิงช้อนยอ่ เหลยี่ ม บางส่วนยังมลี วดลายการกอ่ อิฐทามุม เจดีย์ถกู สรา้ ง ขนึ้ จากอทิ ธพิ ลของศลิ ปะเชยี งใหมใ่ นราวพทุ ธศตวรรษที่ 20-21 เจดีย์ถูกขุดค้นหาสมบตั ิ ลักษณะแบบผา่ อกไกจ่ ากยอดถงึ ฐานต่าสุด มีหลุมลึกประมาณ 1 เมตร ทาให้มองเหน็ ฐาน รากของการกอ่ สรา้ งเจดียท์ ี่ใช้กอ้ นหินธรรมชาติขนาดใหญว่ างซอ้ นกนั เป็นฐานราก กอ้ นอิฐ ทใ่ี ชก้ ่อสรา้ งมีขนาด 6 x 11 น้วิ และในบรเิ วณวัดเจดีย์หลวงยังพบจารึกบนแผ่นอิฐ 2 ชิน้ จารกึ หลกั แรกพบในบริเวณดา้ นเหนือของโบราณสถาน จารกึ ดว้ ยอกั ษรธรรมล้านนา ภาษาไทยวน จานวน 3 บรรทัด บรรทดั ท่ี 2-3 จารึกกลบั หวั จากบรรทดั ท่ี 1 ความว่า \"(1) เชแผง (2) เนอ เหย เหย (3) ฅนบ่หลายแล แล แล\" ความในจารกึ ช้ินน้กี ลา่ วถึงนายเช แผง ผ้เู ปน็ หน่ึงในผูป้ ัน้ อิฐในการกอ่ สรา้ งศาสนสถานแหง่ น้ี ราลึกถึงคนจานวนไมม่ ากนักใน การสร้างศาสนสถานแหง่ นหี้ รอื ในเมอื งน้ี จารึกหลักท่ีสองพบก่อรว่ มกับอิฐกอ้ นอน่ื ๆ ในบริเวณแนวกาแพงด้านใต้ของโบราณสถาน จารึกดว้ ยอกั ษรฝกั ขาม ภาษาไทยวน จานวน 1 บรรทัด สว่ นคร่งึ แรกหายไป สว่ นครึ่งหลงั อา่ นไดใ้ จความวา่ \"สบิ กา (บ)\" จารึกชน้ิ นีบ้ อกผปู้ นั้ วา่ สบิ กาบ คาวา่ \"สิบ\" อาจหมายถึง ตาแหนง่ ขุนนางล้านนาสมยั โบราณ เรยี กวา่ \"นายสบิ \" หรือเนือ่ งจากอิฐสว่ นหนา้ ทหี่ ักหายไป บริเวณกี่งกลางของกอ้ นอิฐนัน้ คาว่า \"สบิ กา(บ)\" อาจสันนษิ ฐานไดว้ ่า ข้อความเตม็ ดา้ น หนา้ ทีห่ ายไปเปน็ \"(หา้ ) สบิ กาบ\" หรือขนุ นางระดับนายห้าสิบกอ็ าจเป็นได้[4] ววิ รรณ์ แสงจันทร์ กลา่ วว่า จากหลักฐานโบราณคดี ซากวัดร้างตา่ ง ๆ จานวน 30 แห่งใน เมอื งน้อย รวมท้ังวดั เจดยี ห์ ลวงและข้อความที่พบสะทอ้ นใหเ้ ห็นวา่ ชมุ ชนท่ีนเี่ ป็นเมอื งใหญ่ ในอดตี มฐี านะทางเศรษฐกจิ ดพี อทจ่ี ะสร้างศาสนสถานขนาดใหญ่จานวนมากได้

ชุมชนโบรำณบ้ำนเวยี งเหนือ นอกจากเมืองนอ้ ยแล้ว เมือง ปายยังพบชุมชนโบราณท่บี ้าน เวียงเหนอื ตาบลเวยี งเหนอื ตงั้ อยใู่ นตาแหนง่ ละติจูด 19 องศา 22 ลิปดา 34 พิลปิ ดา เหนือ ลองจิจดู 98 องศา 27 ลิปดา 17 พลิ ปิ ดาตะวันออก เมืองปายมหี ลกั ฐานตานานกล่าวถงึ ประวตั ิศาสตรข์ องเมืองนี้ในสมยั พญาแสนภู (พระญา แสนพู) กษัตรยิ เ์ ชียงใหม่ (พ.ศ. 1868-1877) สร้างเมอื งเชยี งแสน พ.ศ. 1871 ได้ กาหนดให้เมืองปายเป็นเมอื งข้ึนของพนั นาทบั ปอ้ งของเมืองเชียงแสนในสมัยนั้น (พงศาวดารโยนก หน้าตานานเชียงแสนว่า เมอื งจวาดนอ้ ย/จวาดน้อย/สนั นิษฐานว่าเป็นคา เดยี วกับคาว่าชวาดนอ้ ย) วนั ศุกร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2028 ปมี ะเสง็ สปั ตศก (วันศุกร์ เดอื น 8 ขึ้น 1 ค่า จลุ ศกั ราช 847 ปดี ับใส้) เจ้าเถรสลี สังยมะให้หลอ่ พระพทุ ธรปู เวลารับประทานอาหารเช้า (ยามงาย) พ.ศ. 2032 มหาเทวี (พระมารดาพญายอดเชยี งราย) พระราชทานทถ่ี วายพระมหา สามสี ทั ธมั มราชรตั นะ ก่อสรา้ งมหาเจดยี ์ มหาวิหาร ผูกพัทธสีมาอโุ บสถวดั ศรีเกิด (ปจั จบุ ัน ชาวบ้านเรยี กวดั หนองบวั (ร้าง) บ้านแม่ฮ้ี ตาบลแม่ฮ้ี) พ.ศ. 2033 มีการถวายขา้ ทาส อุปฏั ฐากพระมหาสามสี ัทธัมมราชรัตนะ อุโบสถ มหาวหิ าร มหาเจดีย์ พระพทุ ธรูป หา้ ม ไม่ให้ผใู้ ดนาข้าทาสเหล่านี้ไปทางานอื่นหากยังเคารพนับถือพญายอดเชียงรายอยู่ หากฝา่ ฝนื ขอใหต้ กนรกอเวจี[6] พ.ศ. 2044 ปีระกา ตรีศก เจา้ หมืน่ พายสรีธมั (ม)์ จินดา หลอ่ พระพทุ ธรปู หนกั สหี่ ม่นื ห้า พนั ทอง เดือนเจด็ ไว้ในอโุ บสถวดั ดอนมนู เมอื งพายแล (เมืองพาย/อาเภอปาย) (ปจั จบุ นั พระพทุ ธรปู น้เี ก็บรกั ษาไว้ ณ วัดหมอแปง ตาบลแมน่ าเติง ดร.ฮนั ส์ เพนธ์ คลังข้อมูลจารึก ล้านนา สถาบนั วจิ ยั สังคม มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่ อา่ นฐานพระพทุ ธรูปวนั ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 ความวา่ \"ในปรี ว้ งเรา้ สักราชได้ ๘๖๓ ตัว เจ้าหม่นื พายสรีธัมจนิ ดา สา้ งรปู พระพทุ ธะเปน็ เจ้าตนนี้ สี่หม่นื หา้ พันทอง ในเดือนเจ็ด ไวใ้ นอโุ บสถวัดดอนมนู เมืองพายแล\" (ดร.ฮนั ส์ เพนธ์กล่าวว่า \"หมน่ื \" เป็นตาแหน่งเจา้ เมอื งพาย ตาแหนง่ ใหญ่เทยี บเท่าเมืองเชยี ง

แสน เมอื งลาปาง และ 1 ทอง เท่ากับ 1.1 กรัม) พ.ศ. 2124 ตานานพนื้ เมืองเชียงใหม่ กล่าวว่า พญาลาพนู มาครองเมืองปาย (พลาย) พ.ศ. 2283 ปรากฏชือ่ วัดป่าบุก ตั้งอยูท่ ศิ ใต้ของเมืองปาย (พลาย) ชา้ งตวั ผู้ ดังความว่า \"วดั ปา่ บุก ใตเ้ มอื งพายชา้ งพู้\" (คัมภีร์ ธัมมปาทะ (ธรรมบท) ปจั จุบันเกบ็ ไว้ท่ีวดั ดวงดี อาเภอ เมอื งเชยี งใหม่ จังหวดั เชียงใหม่ พ.ศ. 2330 เมอื งปายรวมตวั กบั เมืองพะเยา เมอื งเชียงราย เมอื งฝาง เมอื งปุ และเมอื ง สาดขบั ไลพ่ มา่ แตเ่ มืองพะเยาทาการไม่สาเรจ็ พ.ศ. 2412 ขณะทีพ่ ระเจ้ากาวิโลรสสรุ ิยวงศ์ดารงตาแหน่งเจา้ ผู้ครองนครเชียงใหม่ (พ.ศ. 2399-2413) ลงไปถวายบังคมกราบทูลพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หวั ณ กรุงเทพมหานครวา่ ฟา้ โกหล่านเมืองหมอกใหม่ ยกกองทัพมาตีเมอื งปายซ่ึงสมัยนั้นมีฐานะ เมอื งข้ึนของเชยี งใหม่ เจา้ ราชภาคีไนย นายบญุ ทวงศ์ นายน้อยมหาอินทร์ ักษาการเมอื ง เชียงใหม่ ทาหนงั สอื ถงึ เจ้าเมืองลาปางและเมอื งลาพนู ใหม้ าชว่ ยเมืองปาย หลงั จากนั้น เจ้านายและกองทพั จากสามเมือง ยกกาลงั มาชว่ ยเมืองเชียงใหมร่ บกับกองทัพของฟา้ โก หล่าน โดยมนี ายบญุ ทวงศ์ นายนอ้ ยมหาอินท์คมุ กาลัง 1,000 คนจากเมอื งลาปาง มีนาย นอ้ ยพมิ พิสาร นายหนายไชยวงศ์คุมกาลงั 1,000 คนจากเมอื งลาพูน มีนายอินทวไิ ชย นาย นอ้ ยมหายศคุมกาลงั 500 คน แต่ไมส่ ามารถปอ้ งกันเมอื งปายได้ กองทัพฟ้าโกหลา่ นจุดไฟ เผาบ้านเรอื นในเมอื งปาย กวาดต้อนผคู้ นและครอบครัวไปอย่เู มอื งหมอกใหม่ กองทัพท้งั สามเมืองจงึ ไดต้ ดิ ตามไปถงึ ฝัง่ แม่นา้ สาละวิน แตต่ ามไมท่ นั จึงไดเ้ ดินทางกลบั พ.ศ. 2416 พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั มพี ระราชดาริวา่ ตงั้ แตเ่ มอื งปา ยถกู ฟา้ โกหลา่ นตีแตก จุดไฟเผาบ้านเมือง กวาดต้อนผ้คู นไปเมืองหมอกใหม่แลว้ เมอื งปายมี สภาพเปน็ รา้ งบางสว่ น ไมม่ ผี รู้ ักษาเมอื ง ทง้ั ยงั ถูกกองทัพเงีย้ วและลอ้ื กวาดต้อนครอบครวั ไป อยเู่ ป็นประจา จงึ พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตงั้ พระยาชยั สงคราม (หนานธนันไชย บุตรราชวงศ์ มหายศ) เป็นพระยาเกษตรรัตนอาณาจักรไปปกครองเมอื งปาย ให้ยกเอาคนจากเมือง เชียงใหมไ่ ปตั้งเมืองปาย ให้เปน็ ภูมิลาเนาบา้ นเรอื นเหมอื นเดมิ เพื่อจะได้ป้องกันรกั ษาด่าน เมอื งเชียงใหม่ พ.ศ. 2438 พระยาดารงราชสิมา ผู้ว่าราชการเมืองปาย ถูกพวกแสนธานินทรพ์ ทิ กั ษ เจ้า เมอื งแหงปลน้ แลว้ แสนธานนิ ทร์พิทักษประกาศเกล้ยี กลอ่ มคนเมืองปน่ั เมืองนาย เมือง เชยี งตอง และเมอื งพุมารบเมืองปาย โดยจะเก็บรบิ เอาทรพั ยส์ ่งิ ของให้หมด พระยาทรงสรุ เดชพรอ้ มดว้ ยเจ้าเมอื งเชยี งใหมไ่ ด้ประชุมเจา้ นายหกตาแหนง่ มอบหมายให้เจา้ อตุ รโกศล ออกไปปราบปราม

วนั ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2449 ส่างนันติ คนในบงั คับอังกฤษ ใช้ดาบฟันส่างสุนันตา และเนอ่อง คนในบงั คับสยามตาย ณ ตาบลก่ิวคอหมา แขวงเมืองปาย และนาทรพั ยส์ ินไป มูลคา่ ประมาณ 1,000 บาท ศาลตา่ งประเทศ เมืองนครเชยี งใหม่ได้ตัดสนิ ประหารชวี ิต (คาพพิ ากษาท่ี 25/125 ศาลตา่ งประเทศ เมอื งนครเชียงใหม่ วันท่ี 24 สิงหาคม รัตนโกสนิ ทร์ศก 125 อ้างในศาลจงั หวัดแมฮ่ อ่ งสอน 2535/คาพพิ ากษานีเ้ ป็นคาพพิ ากษา ในสมัยทีส่ ยาม (ไทย) ตกอย่ภู ายใตเ้ สียสทิ ธิสภาพนอกอาณาเขตตามสนธสิ ัญญาเบาวร์ ิง พ.ศ. 2398) และจาเลยได้อุทธรณ์ ศาลอทุ ธรณก์ รุงเทพ ได้ยกฟอ้ งอทุ ธรณ์ของจาเลย และ ให้ประหารชีวิตตามคาพิพากษาศาลลา่ ง (คาพิพากษาศาลอุทธรณท์ ี่ 20 ปี ค.ศ. 1906 อ้างในศาลจังหวดั แม่ฮอ่ งสอน พ.ศ. 2536) พ.ศ. 2454 กระทรวงมหาดไทยไดย้ กเลิกการปกครองเมอื ง เปลีย่ นฐานะเมืองปายเป็น อาเภอปาย และไดแ้ ต่งตัง้ หลวงเจริญเขตเขลางคน์ คร (สอน สขุ ุมมนิ ทร์) เป็นนายอาเภอคน แรกระหวา่ งปี พ.ศ. 2454-2468 การท่องเทย่ี วและการพัฒนา อาเภอปายในอดีตเคยเป็นหมบู่ า้ นท่ีเงียบสงบมวี ถิ ีของชาวไทยใหญ่ โดยไดร้ บั อิทธพิ ลทาง วฒั นธรรมจากประเทศพม่า อาเภอปายในช่วงแรกเร่ิมรจู้ ักในหมนู่ ักทอ่ งเท่ียวชาวต่างชาตทิ ี่ เดนิ ทางแบบแบ็คแพ็ค ที่เลอื กมาสัมผสั บรรยากาศที่ผอ่ นคลายของเมือง ท่เี ต็มไปดว้ ยเกสต์ เฮา้ สท์ ี่มีราคาทพ่ี ักไมส่ ูงมากนกั ร้านขายของท่ีระลึกและร้านอาหาร และรอบเมืองที่มสี ปา และแคมปช์ ้างจึงเปน็ ท่ีช่ืนชอบของชาวต่างชาติ นอกจากนีอ้ าเภอปายยงั มีนา้ ตก นา้ พุรอ้ น และสถานที่ท่องเทีย่ วทางธรรมชาติอ่ืนๆ

อาเภอปายในปัจจุบนั มีการพัฒนาระบบสาธารณปู โภคทที่ ันสมยั และสะดวกสบายข้ึนกว่า แต่ก่อน มรี า้ นสะดวกซ้ือ มีสถานพักตากอากาศหรูรวมกว่า 350 แห่ง มคี ลับบารเ์ บียร์อยู่ ทว่ั ไป เพือ่ ตอบสนองต่อนักทอ่ งเท่ยี วที่มีมากขึ้นในชว่ งฤดทู อ่ งเท่ียวระหวา่ งเดือน พฤศจิกายนถึงเดอื นมีนาคมจะมนี ักทอ่ งเทยี่ วเดินทางยังอาเภอปายเป็นจานวนมาก โดยเฉพาะนกั ท่องเทีย่ วชาวตา่ งชาติ แต่ในภายหลงั ก็มนี ักท่องเที่ยวชาวไทยโดยเฉพาะอยา่ ง ย่งิ หลงั จากที่อาเภอปายเปน็ สถานที่ถา่ ยทาภาพยนตรแ์ นวโรแมนติก 2 เรอื่ ง ไดแ้ ก่ เรือ่ ง เดอะเลตเตอร์ จดหมายรัก และเรือ่ งรักจัง

สถานทที่ อ่ งเท่ยี วสาคญั  น้าตกหมอแปง  วดั กลาง

 วัดนา้ ฮู  หมบู่ า้ นกะเหรี่ยงแมป่ งิ

 วัดพระธาตแุ มเ่ ย็น  โป่งนา้ ร้อนทา่ ปาย  น้าตกแมเ่ ย็น

 กองแลน  นา้ พรุ ้อนเมอื งแปง  ถนนคนเดนิ ปาย

 สะพานขา้ มแมน่ ้าปาย  หมบู่ ้านจีนยนู นาน นา้ ตกแพมบก

เหตุการณส์ าคัญ  นา้ ท่วมปี 2548 ทาให้อาคารบ้านเรือน, สถานตากอากาศ, รา้ นคา้ , และระบบ สาธารณูปโภคตา่ ง ๆ เชน่ สะพาน ไดร้ ับความเสยี หายอย่างมาก  แผน่ ดนิ ไหว 27กรกฎาคม 2553 และ 21 มีนาคม 2554 วดั ขนาดไดท้ ีแ่ มกนจิ ดู 3.0 และ 3.1 ตามลาดับ

อ้ำงองิ จำก 1. ↑ ตานานพ้นื เมืองเชียงใหม่ ฉบับเชียงใหม่ ๗๐๐ ปี, หน้า 77, 83. 2. ↑ ตานานพืน้ เมอื งเชียงใหม่ ฉบับเชยี งใหม่ ๗๐๐ ปี, หนา้ 84. 3. ↑ ตานานพน้ื เมืองเชียงใหม่ ฉบบั เชยี งใหม่ ๗๐๐ ปี, พบคาว่าเมอื งนอ้ ยและคาวา่ เมอื งชวาดน้อย. 4. ↑ ฮนั ส์ เพนธ์. สถาบนั วจิ ัยสงั คม มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่. 5. ↑ ฮนั ส์ เพนธ์, 2542. 6. ↑ ฮันส์ เพนธ์, ศลิ ปากร, 2519, หนา้ 72-76. 7. ↑ ตานานพืน้ เมอื งเชียงใหม่ ฉบับเชียงใหม่ ๗๐๐ ปี, หนา้ 97. 8. ↑ ประชมุ พงศาวดารภาคที่ 61 จากเร่ืองพงศาวดารเมืองเงินยางเชียงแสน พิมพ์ เปน็ อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลงิ ศพ พลตรเี จา้ ราชบตุ ร (วงศ์ตวัน ณ เชียงใหม่) ณ เมรุวัดสวน ดอก จังหวัดเชยี งใหม่ วนั ท่ี 12 มกราคม พทุ ธศักราช 2516, หนา้ 47. 9. ↑ ประชากจิ กรจักร, พงศาวดารโยนก หน้า 501–502 และประชุมพงศาวดาร เล่ม 3 ในพระชุมพงศาวดาร ภาค 3 และภาค 4 ตอนตน้ , หนา้ 118-119. 10. ↑ ชยั ยง ไชยศรี, 2546, หน้า 22. 11. ↑ สรปุ ความจาก เมอื งปาย : ชุมทางชาติพันธุ์ตั้งแต่อดตี โดยโกศล กนั ธะรส ภูมิ ปญั ญาลา้ นนาในมติ วิ ฒั นธรรม บรรณาธิการ : ยง่ิ ยง เทาประเสรฐิ และอรณุ รัตน์ วเิ ชยี รเขยี ว จัดพมิ พแ์ ละเผยแพร่โดยคณะอนกุ รรมการวิจยั วัฒนธรรมภาคเหนอื ธันวาคม พ.ศ. 2542 สนับสนนุ ทุนวจิ ยั โดยสานกั งานคณะกรรมการวฒั นธรรมแหง่ ชาติ ประจาปี 2541 หนา้ 183- 189 (ปรบั ปรุง มิถนุ ายน 2549).


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook