Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore มาฆบูชา

Description: มาฆบูชา

Search

Read the Text Version

วนั มาฆบชู า “วันขึ้น 15 ค่า เดือน 3” วนั มาฆบชู า ซึ่งถอื เปน็ วันสาคญั ทางพระพทุ ธศาสนาวนั หน่งึ ไดเ้ วียนมาบรรจบ อีกครั้ง โดยในปี พ.ศ.2555 น้ี เปน็ ปีอธิกมาส คอื เปน็ ปีทมี่ เี ดือน 8 สองครั้งตามปฏิทินจันทรคติ ของไทย จงึ ทาใหว้ นั มาฆบูชาซ่งึ ปกติตรงกับวนั ขึ้น 15 คา่ เดอื น 3 เล่อื นไปเป็นวันข้นึ 15 ค่าเดอื น 4 แทน ท่าให้วันมาฆบูชาปนี ี้ ตรงกบั วนั ที่ 7 มี.ค. พ.ศ.2555 วันน้จี งึ มีเกร็ดความรเู้ ก่ียวกับวัน มาฆบชู ามาฝากกันค่ะ ความหมายของวันมาฆบูชา คาว่า \"มาฆะ\" นน้ั เปน็ ชอ่ื ของเดือน 3 ยอ่ มาจากคาวา่ \"มาฆบรุ ณมี\" หมายถงึ การบชู าพระในวนั เพญ็ กลางเดอื นมาฆะตามปฏทิ นิ ของอนิ เดีย หรือเดอื น 3

การก่าหนดวันมาฆบูชา การกาหนดวนั มาฆบูชาตามปฏทิ ินจันทรคตขิ องไทยน้ันจะตรงกับวันขึน้ 15 ค่า เดอื น 3 แต่ถา้ ปีใด มเี ดือนอธกิ มาส คอื มีเดอื น 8 สองครั้ง วันมาฆบูชาก็จะเลอ่ื นไปเป็นวนั ขึ้น 15 คา่ เดอื น 4 และมกั ตรงกับเดือนกุมภาพันธห์ รือมีนาคม ความส่าคญั และประวตั ขิ องวันมาฆบชู า ความสาคญั ของวันมาฆบชู า คอื เปน็ วนั ท่พี ระสมั มาสมั พทุ ธเจ้าทรงแสดง \"โอวาทปาตโิ มกข์\" แก่ พระสงฆเ์ ปน็ คร้ังแรก หลงั จากตรัสรู้มาแลว้ เปน็ เวลา 9 เดอื น ซึ่งหลักคาสอนนีเ้ ปน็ หลกั การ และ วิธีการปฏบิ ัติต่างๆ หากสรปุ เป็นใจความสาคัญ จะมเี น้ือหาว่า \"ท่าความดี ละเว้นความชวั่ ท่า จติ ใจให้บริสทุ ธ์ิ\" ทง้ั น้ใี นวนั มาฆบูชาไดเ้ กดิ เหตอุ ัศจรรย์ข้ึนพร้อมๆ กนั ถงึ 4 ประการ อนั ได้แก่ 1.วนั น้ันตรงกบั วันเพญ็ ขึ้น 15 ค่า เดอื น 3 ซึ่งพระจนั ทรเ์ สวยมาฆฤกษ์ 2.มพี ระสงฆจ์ านวน 1,250 รูป มาประชมุ พรอ้ มกนั โดยมิได้นัดหมาย ณ วดั เวฬวุ ัน เมือง ราชคฤห์ แคว้นมคธ เพ่อื สักการะพระสมั มาสัมพทุ ธเจา้ 3.พระสงฆ์ที่มาประชมุ ทงั้ หมดล้วนแตเ่ ป็นพระอรหันต์ ผไู้ ด้อภญิ ญา 6 4.พระสงฆ์ท้งั หมดไดร้ บั การอปุ สมบทโดยตรงจากพระพุทธเจา้ หรอื \"เอหภิ กิ ขุอุปสมั ปทา\" และเพราะเกดิ เหตอุ ศั จรรย์ 4 ประการข้างต้น ทาให้วันมาฆบูชา เรียกอีกชือ่ หนึ่งได้วา่ \"วันจาตุรงค สนั นบิ าต\" ซงึ่ คาว่า \"จาตรุ งคสนั นบิ าต\" นี้ มีความหมายตามการแยกศัพท์คอื จาตรุ แปลวา่ 4 องค์ แปลวา่ สว่ น สนั นบิ าต แปลวา่ ประชมุ ดงั น้ัน \"จาตรุ งคสนั นบิ าต\" จงึ หมายความว่า \"การประชุมดว้ ยองค์ 4\" นนั่ เอง ทั้งนี้วันมาฆบชู าถอื ว่าเป็นวนั พระธรรม ขณะทีว่ นั วิสาขบชู าถอื วา่ เป็นวนั พระพุทธ สว่ นวนั อาสาฬหบชู า เป็นวันพระสงฆ์ ประวตั กิ ารถอื ปฏิบัตวิ นั มาฆบูชาในประเทศไทย พิธีทาบุญวนั มาฆบูชาน้ี ไม่ปรากฏหลักฐานว่ามีมาในสมยั ใด อย่างไรกต็ ามในหนังสือ \"พระ ราชพธิ ีสบิ สองเดือน\" อนั เปน็ บทพระราชนพิ นธ์ของ \"พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจ้าอยู่หวั \" มี เรอื่ งราวเกย่ี วกบั การประกอบราชกศุ ลมาฆบูชาไวว้ า่

ประเทศไทยเรมิ่ กาหนดพธิ ปี ฏิบัติในวันมาฆบชู าเปน็ ครงั้ แรกในชว่ งรัชสมยั พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อย่หู ัว รัชกาลท่ี 4 ซ่ึงมกี ารประกอบพธิ ีเปน็ คร้ังแรกในปี พ.ศ.2394 ใน พระบรมมหาราชวังกอ่ น โดยมีพธิ พี ระราชกุศลในเวลาเชา้ นมสั การพระสงฆ์จากวัดบวรนิเวศ วรวหิ ารและวัดราชประดษิ ฐจ์ านวน 30 รูป ฉันภตั ตาหารในพระอโุ บสถ วัดพระศรรี ัตนศาสดาราม เมือ่ ถงึ เวลาค่า พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั เสดจ็ ฯ ออก ทรงจดุ ธูปเทยี น นมสั การ พระสงฆท์ าวัตรเยน็ และสวดคาถาโอวาทปาตโิ มกข์ เม่ือสวดจบทรงจดุ เทียน 1,250 เลม่ รอบพระอุโบสถ มีการประโคมอีกครั้งหนงึ่ แล้วจงึ มกี ารเทศนาโอวาทปาติโมกข์ 1 กณั ฑ์เป็นท้ัง เทศนาภาษาบาลี และภาษาไทย สว่ นเครื่องกัณฑป์ ระกอบดว้ ยจีวรเน้อื ดี 1 ผืน เงนิ 3 ตาลงึ และ ขนมต่างๆ เม่อื เทศนาจบ พระสงฆ์ 30 รูป สวดรบั ในสมัยรชั กาลที่ 4 นั้น พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว จะเสดจ็ ออกประกอบพธิ ี ด้วยพระองค์เองทุกปี แตม่ ีการยกเวน้ บ้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รัชกาลท่ี 5 เนอื่ งจากบางครั้งตรงกบั ชว่ งเสดจ็ ประพาสก็จะทรงประกอบพิธมี าฆบชู าในสถานที่ นัน้ ๆ ข้นึ อีกแหง่ นอกเหนือจากภายในพระบรมมหาราชวัง ต่อมาการประกอบพธิ มี าฆบูชาได้แพร่หลายออกไปภายนอกพระบรมมหาราชวงั และ ประกอบพธิ ีกนั ทว่ั ราชอาณาจักร ทางรัฐบาลจงึ ประกาศใหเ้ ปน็ วนั หยุดทางราชการดว้ ย เพ่อื ให้ ประชาชนจากทกุ สาขาอาชพี ไดไ้ ปวดั เพื่อทาบุญกุศลและประกอบกิจกรรมทางศาสนา นอกจากนใ้ี นปี พ.ศ2.549 รัฐบาลไทยประกาศใหว้ ันมาฆบูชา ให้เปน็ วนั กตญั ญแู หง่ ชาตอิ ีกดว้ ย หลักธรรมท่คี วรน่าไปปฏิบตั ิ หลกั ธรรมท่คี วรนาไปปฏบิ ตั คิ ือ \"โอวาทปาตโิ มกข์\" ซึ่งเปน็ หลกั คาสอนสาคัญอนั เป็นหวั ใจของ พระพุทธศาสนา เพ่ือไปสู่ความหลดุ พน้ หลักธรรมประกอบด้วย หลกั การ 3 อุดมการณ์ 4 และ วธิ ีการ 6 ดงั น้ี หลกั การ 3 คือหลักค่าสอนท่คี วรปฏบิ ตั ิ ไดแ้ ก่ 1.การไม่ทา่ บาปท้ังปวง คือ การลด ละ เลิก ทาบาปทง้ั ปวง อนั ได้แก่ อกศุ ลกรรมบถ 10 ซึง่ เปน็ ทางแห่งความช่วั 10 ประการท่เี ป็นความชว่ั ทางกาย (การฆ่าสตั ว์ การลกั ทรพั ย์ การประพฤติ ผดิ ในกาม) ทางวาจา (การพดู เท็จ การพดู ส่อเสยี ด การพดู เพ้อเจ้อ) และทางใจ (การอยากได้ สมบตั ิของผูอ้ น่ื การผูกพยาบาท และความเห็นผิดจากทานองคลองธรรม)

2.การทา่ กศุ ลใหถ้ ึงพรอ้ ม คอื การทาความดที กุ อย่างตาม กุศลกรรมบถ 10 ทง้ั ความดีทางกาย (ไมฆ่ า่ สตั ว์ ไมเ่ บยี ดเบียนผ้อู นื่ ไม่เอาส่งิ ของที่เจ้าของไมไ่ ด้ใหม้ าเป็นของตน มคี วามเอ้อื เฟ้อื เผอื่ แผ่ ไมป่ ระพฤตผิ ิดในกาม) ความดีทางวาจา (ไม่พดู เท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พดู หยาบคาย ไม่พูดเพ้อเจอ้ ) และความดที างใจ (ไม่โลภอยากได้ของผอู้ ื่น มคี วามเมตตาปรารถนาดี มคี วามเขา้ ใจถูกต้องตาม ทานองคลองธรรม) 3.การทา่ จติ ใจใหผ้ ่องใส คอื ทาจิตใจใหบ้ ริสุทธ์ิ หลดุ จากนิวรณ์ท่คี อยขดั ขวางจติ ใจไม่ใหเ้ ขา้ ถงึ ความสงบ ได้แก่ ความพอใจในกาม, ความพยาบาท, ความหดหู่ทอ้ แท้, ความฟุ้งซา่ น และความ ลงั เลสงสัย ซ่งึ ทัง้ 3 หลกั การขา้ งตน้ สามารถสรุปใจความส่าคญั ได้ว่า \"ทา่ ความดี ละเวน้ ความชวั่ ทา่ จิตใจให้บรสิ ุทธิ์\" นน่ั เอง อดุ มการณ์ 4 ไดแ้ ก่ 1.ความอดทน อดกลน้ั คือ ไมท่ าบาปทงั้ กาย วาจา ใจ 2.ความไม่เบียดเบยี น คือ งดเว้นจากการทาร้าย หรอื เบียดเบียนผอู้ น่ื 3.ความสงบ ไดแ้ ก่ การปฏิบัตติ นใหส้ งบทงั้ ทางกาย ทางวาจาและทางใจ 4.นพิ พาน ได้แก่ การดบั ทกุ ข์ ซ่งึ เป็นเปา้ หมายสูงสดุ ในพระพทุ ธศาสนา วิธกี าร 6 ได้แก่ 1.ไมว่ ่ารา้ ย คือ ไมก่ ล่าวใหร้ า้ ย โจมตีใคร 2.ไม่ทา่ ร้าย คือ การไมเ่ บยี ดเบยี นผอู้ นื่ 3.สา่ รวมในปาติโมกข์ คือ เคารพระเบียบวนิ ัย กฎกติกา รวมท้ังขนบธรรมเนียมประเพณอี ันดี งามของสังคม 4.รู้จกั ประมาณ คอื รู้จกั ความพอดใี นการบริโภค รวมท้งั การใช้สอยสิ่งต่างๆ 5.อยู่ในสถานที่สงดั คือ อยใู่ นสถานทที่ ีม่ สี ง่ิ แวดลอ้ มท่เี หมาะสม 6.ฝึกหัดจติ ใจใหส้ งบ คอื การฝกึ หัดชาระจิตใจใหส้ งบ มีประสิทธภิ าพท่ีดี

กจิ กรรมตา่ งๆ ที่ควรปฏิบัติในวนั มาฆบูชา การปฏิบตั ิตนสาหรับพทุ ธศาสนิกชนในวนั มาฆบชู าคอื คอื ในตอนเชา้ ควรไปทาบุญตกั บาตร ไป วัดเพ่ือฟงั พระธรรมเทศนา หรอื จัดสารับคาวหวานไปทาบุญถวายภัตตาหาร ชว่ งบ่ายฟงั พระแสดง พระธรรมเทศนา เจริญสมาธภิ าวนา เม่อื ถงึ ตอนค่า นาดอกไม้ ธูปเทยี นไปเวียนเทยี น 3 รอบท่ีพระ อุโบสถ โดยการเวยี นเทียนนัน้ จะเวียนขวา จานวน 3 รอบ และชว่ งเวลาท่ีเดินอยู่นัน้ ใหร้ ะลึกถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นอกจากนพ้ี ทุ ธศาสนกิ ชนควรบาเพ็ญสาธารณประโยชนต์ ามสถานที่ ตา่ งๆ และรกั ษาศลี สาหรบั ตามบ้านเรือน สถานท่ีราชการ จะมกี ารประดับธงชาติ ธงธรรมจักร เพอื่ ระลึกถึงวนั สาคัญทางพระพุทธศาสนา นอกจากนี้ สา่ หรบั กจิ กรรมวนั มาฆบชู า วนั ที่ 7 มนี าคม 2555 นี้ ทางกระทรวง วฒั นธรรม ไดจ้ ัดงานสปั ดาห์สง่ เสริมพระพทุ ธศาสนา ระหวา่ งวนั ที่ 3 - 7 มนี าคมนี้ ณ มณฑล พธิ ีท้องสนามหลวง เพ่อื ให้พุทธศาสนิกชนรว่ มกจิ กรรมถวายเปน็ พทุ ธบชู า แด่องคส์ มเดจ็ พระ สมั มาสมั พุทธเจา้ และพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัว อาทิ นทิ รรศการวนั มาฆบชู า กจิ กรรม ดา้ นศาสนพิธี ทาบุญตักบาตร ไหวพ้ ระ 9 วัด กิจกรรมแสดงความสามารถของเดก็ และเยาวชน การประกวดสวดมนตห์ มู่ การแข่งขันตอบปญั หาธรรมะ การแข่งขันบรรยายธรรม ร้องเพลงธรรมะ สาหรับประชาชนที่ต้องการสอบถามข้อมูลเกีย่ วกบั การจัดกจิ กรรมของวดั ตา่ ง ๆ สอบถามได้ท่ี สานักงานพัฒนาคณุ ธรรมจริยธรรม หมายเลข 0-2422-8812-6

ข้อเสนอแนะการจดั กจิ กรรมทางวฒั นธรรมในวันมาฆบูชา กจิ กรรมเกี่ยวกบั ครอบครัว กจิ กรรมทีค่ รอบครัวควรทาในวนั มาฆบูชา อย่างเชน่ การทาความสะอาดบ้าน จัดแตง่ ที่บูชาประจา บ้าน ชักชวนครอบครวั ไปทาบญุ ตกั บาตร ฟงั ศลี ฟงั ธรรม บาเพ็ญกุศล ปฏบิ ตั ธิ รรม รวมท้งั ควร ศึกษาหลกั ธรรมคาส่ังสอน และความสาคัญของวนั มาฆบูชาดว้ ย กจิ กรรมเกยี่ วกับสถานศึกษา ในสถานศกึ ษาเป็นแหลง่ เรยี นรทู้ ีส่ าคัญอกี แห่ง โดยภายในสถานศกึ ษาควรมกี ารรว่ มราลกึ ถึง ความสาคญั ของวันมาฆบชู า เชน่ จดั นิทรรศการใหค้ วามรู้ ประกวดเรยี งความ ตอบปัญหาธรรมะ บรรยายธรรม หรอื ร่วมกนั ทาบุญ ตักบาตร เวียนเทียน บาเพ็ญกุศล อีกท้งั ประกาศเกียรติคุณ นักเรยี นผทู้ าประโยชน์ ประพฤติตนเปน็ แบบอยา่ งที่ดี กจิ กรรมเก่ียวกับสถานทีท่ า่ งาน ควรประชาสัมพันธใ์ นที่ทางาน และจดั ให้มีการบรรยายธรรม หรือรว่ มบาเพญ็ ประโยชนร์ ว่ มกนั รว่ มทาบุญ บาเพญ็ กศุ ลร่วมกัน กิจกรรมเกี่ยวกับสงั คม ภาคสว่ นตา่ งๆ ในสังคม ไม่ว่าจะเป็น วดั มูลนิธิ สมาคม สอ่ื มวลชน สนามบนิ สถานรี ถไฟ ฯลฯ ควรชว่ ยกันประชาสมั พนั ธค์ วามสาคัญของวันมาฆบชู า อาจเปน็ การพิมพเ์ อกสารให้ความรู้ จัดให้มี การเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนารว่ มกนั เช่น ทาบุญตกั บาตร ฟังธรรม ช่วยกนั รณรงค์ใหเ้ ลกิ อบายมุข แตร่ ณรงค์ใหช้ ่วยกนั ทาประโยชน์ตอ่ สงั คมแทน อาจช่วยกนั ปลูกตน้ ไม้ ทาความสะอาดที่ สาธารณะ ฯลฯ ประโยชนท์ จี่ ะได้รบั จากการจัดกจิ กรรมในวนั มาฆบชู า พุทธศาสนกิ ชนจะมคี วามรู้ ความเข้าใจอย่างถกู ต้องเก่ียวกบั ความสาคัญของวันมาฆบชู า รวมท้ังหลกั ธรรมตา่ งๆ ซึ่งจะทาให้เกดิ ความตระหนกั ตอ่ ความสาคญั ของพระพุทธศาสนา อกี ทงั้ ยัง เป็นการปฏบิ ัตหิ นา้ ทีใ่ นฐานะชาวพุทธ และยงั เป็นการชว่ ยธารงพระพุทธศาสนาให้สืบตอ่ ไป ทม่ี า : http://hilight.kapook.com/view/20696


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook