เอกสารประกอบการสอน วชิ า วฒั นธรรมจีน 中国文化 โดยนางสาวสุนารี รักวงศต์ ระกลูระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนแม่ลานอ้ ยดรุณสิกข์
คาํ นาํ เอกสารประกอบการสอน วฒั นธรรมจีน ไดร้ วบรวม วฒั นธรรมและประเพณีจีน ดงั น้ี การกาํ เนิดตวั อกั ษรจีน วนั และเทศกาลสําคญั ดา้ นศิลปะ ดา้ นการดื่มชา ดา้ นอาหารจีน และศิลปะจีน ไดถ้ ูกถ่ายทอดเน้ือหาและเร่ืองราวกบั ประเทศจีน วฒั นธรรมจีน เพื่อเป็ นประโยคต่อผทู้ ี่ตอ้ งการศึกษา เรียนรู้ และสามารถแลกเปล่ียนประสบการณ์ ซ่ึงได้จากการสนทนาพูด การเรี ยน การฟังและ การอ่านลงในเอกสารประกอบการสอนน้ี นางสาวสุนารี รักวงศต์ ระกลู ผจู้ ดั ทาํ
สารบญั หนา้ 1 บทท่ี 1 อกั ษรจีน 9 汉语 15 21 บทที่ 2 เทศกาล 29 节日บทที่ 3 ส่ีส่ิงประดิษฐจ์ ีน 中国的四大发明บทท่ี 4 วฒั นธรรมการด่ืมชาและอาหาร 茶与食物บทที่ 5 ศิลปะจีน 中国艺术
จุดประสงค์1.เพ่อื ศึกษาความหมายและความสาํ คญั ของวฒั นธรรมประเพณีจีน2.เพื่อใหม้ ีความรู้ความเขา้ ใจเก่ียวกบั ตน้ กาํ เนิดของอกั ษรจีน เทศกาล ส่ีสิ่งประดิษฐ์จีน วฒั นธรรมการด่ืมชาและวฒั นธรรมอาหาจีน
第一课 อกั ษรจีน 汉字รูปท่ี1.รูปอกั ษรจีนบนกระดองเตา่ รูปที่2.รูปอกั ษรจีนบนกระดองเต่า อกั ษรจีน คืออกั ษรภาพท่ีโดยหลกั ๆ ในปัจจุบนั ใชส้ าํ หรับเขียนภาษาจีน 汉字(เรียกวา่ Hànzì )และภาษาญี่ป่ ุน (เรียกวา่ คนั จิ) นอกจากน้ีก็ยงั ใช้เขียนระบบเลขของภาษาอ่ืนดว้ ย ตวั อยา่ งท่ีเห็นไดช้ ดั ท่ีสุดเช่นภาษาเกาหลี (เรียกวา่ ฮนั จา) และภาษาเวยี ดนาม (เรียกวา่ จื๋อโนม) และยงั คงหลงเหลืออยใู่ นภาษาเหล่าน้ีในบางระดบั อกั ษรจีนเป็ นระบบการเขียนท่ีใช้กนั มาอยา่ งต่อเน่ืองอนั เก่าแก่ท่ีสุดในโลก นกั ภาษาศาสตร์ส่วนใหญ่เช่ือวา่ การเขียนในจีนที่เก่าสุดเริ่มเม่ือ 957 ปี ก่อนพุทธศกั ราช ไม่มีหลกั ฐานแสดงความเกี่ยวขอ้ งกบั การเขียนในบริเวณอื่น ตวั อย่างการเขียนภาษาจีนที่เก่าสุดมีอายุราว 957 – 407 ปี ก่อนพุทธศกั ราช(ราชวงศซ์ าง) ซ่ึงเป็นจารึกบนกระดูกววั และกระดองเต่าต้นกาเนิดและววิ ฒั นาการของอกั ษรจีนอกั ษรจารึกบนกระดูกสัตว์(甲骨文)Jiǎgǔwénรูปที่1.อกั ษรจีนบนกระดองเต่า 1
อกั ษรจารบนกระดูกสตั ว(์ 甲骨文)Jiǎgǔwén เป็นอกั ษรโบราณท่ีมีอายเุ ก่าแก่ท่ีสุดของจีน เทา่ ที่มีการคน้ พบในปัจจุบนั โดยมากอยใู่ นรูปของบนั ทึกการทาํ นายที่ใชม้ ีดแกะสลกั หรือจารลงบนกระดองเตา่หรือกระดูกสตั ว์ ปรากฏแพร่หลายในสมยั ราชวงศซ์ างเม่ือ 1,300 – 1,100 ปี ก่อนคริสตกาล ลกั ษณะของตวั อกั ษรบางส่วน ยงั คงมีลกั ษณะของความเป็นอกั ษรภาพอยู่ โครงสร้างตวั อกั ษรเป็นรูปวงรี มีขนาดใหญ่เล็กแตกต่างอกั ษรโลหะ(金文)Jīn wén รูปท่ี1.อกั ษรโลหะ อกั ษรโลหะ(金文)Jīn wén เป็ นอกั ษรท่ีใช้ในสมยั ราชวงศซ์ างต่อเนื่องถึงราชวงศโ์ จว(1,100 – 771ปี ก่อนคริ สตศักราช) มีช่ือเรี ยกอีกอย่างหน่ึงว่า “จงต่ิงเหวิน”(钟鼎文)Zhōngdǐngwén มีลกั ษณะพเิ ศษ คือ มีลายเส้นท่ีหนาหนกั ร่องลายเส้นราบเรียบที่ไดจ้ ากการหลอม อกั ษรจ้วนเลก็ (小篆)Xiǎozhuàn รูปท่ี 1.อกั ษรจว้ นเลก็ 2
จากสมยั ชุนชิวจ้นั กว๋ั จนถึงยคุ การก่อต้งั ราชวงศฉ์ ิน (770 – 202 ปี ก่อนคริสตศกั ราช) โครงสร้างของตวั อกั ษรจีนโดยมากยงั คงรักษารูปแบบเดิมจากราชวงศ์โจวตะวนั ตก อกั ษรจว้ นใหญ่หรือตา้ จว้ น (大篆)Dàzhuàn ซ่ึงเป็ นตน้ แบบของเส่ียวจว้ นต่อมามีการปรับให้เรียบง่ายข้ึน อกั ษรท่ีผ่านการปฏิรูปน้ีรวมเรียกวา่ อกั ษรเสี่ยวจว้ นหรือจว้ นเลก็ (小篆)Dàzhuàn ถือเป็นอกั ษรท่ีใช้ทว่ั ประเทศจีนเป็ นคร้ังแรก อกั ษรลซ่ี ู (隶书)Lìshū รูปที่1.อกั ษรล่ีซู ขณะท่ียุคสมยั ราชาวงศฉ์ ินประกาศใชอ้ กั ษรจว้ นเล็กอย่างเป็ นทางการ พร้อมกนั น้นั ก็ปรากฏว่ามีการใช้อกั ษรล่ีซู(隶书)Lìshū ควบคู่กนั ไป โดยมีการประยุกต์มาจากการเขียนอกั ษรจว้ นอยา่ งง่ายอกั ษรล่ีซูทาํ ใหอ้ กั ษรจีนกา้ วเขา้ สู่ขอบเขตของอกั ษรสัญลกั ษณ์อยา่ งเตม็ รูปแบบอกั ษรข่ายซู(楷书)Kǎishū รูปท่ี1.อกั ษรขา่ ยซู 3
อกั ษรข่ายซู(楷书)Kǎishū หรือเรียกอีกอยา่ งหน่ึงวา่ อกั ษรจริง (真书)Zhēn shūอกั ษรข่ายซูมีตน้ กาํ เนิดในยคุ ปลายราชวงศฮ์ นั่ ตะวนั ออก ภายหลงั ราชวงศจ์ ิ้น(สามก๊ก) (คริสตศกั ราช 220 –316) ไดร้ ับความนิยมอยา่ งแพร่หลาย เม่ือถึงยุคถงั (คริสตศกั ราช 618 – 907) จึงกา้ วสู่ยุคทองของอกั ษรข่ายซูอยา่ งแทจ้ ริง อกั ษรขา่ ยซูยงั เป็นอกั ษรมาตรฐานของจีน อกั ษรเฉ่าซู(草书)Cǎoshū รูปที่1. อกั ษรเฉ่าซู ราชวงศฮ์ นั่ อกั ษรหวดั ไดร้ ับการเรียกขานวา่ ‘อกั ษรเฉ่าซู’ (草书)Cǎoshū อกั ษรเฉ่าซู เกิดจากการนาํ เอาลายเส้นท่ีมีแต่เดิมมายน่ ยอ่ เหลือเพียงขีดเส้นเดียว โดยฉีกออกจากรูปแบบอนั จาํ เจของกรอบส่ีเหลี่ยมในอกั ษรจีน หลุดพน้ จากข้อจาํ กดั ของข้นั ตอนวิธีการขีดเขียนอกั ษร ในขณะที่อกั ษรข่ายซูอาจประกอบข้ึนจากลายเส้นสิบกว่าสาย แต่อกั ษรเฉ่าซูเพียงใช้ 2 – 3 ขีดก็สามารถประกอบเป็ นสัญลกั ษณ์เช่นเดียวกนั ได้ อกั ษรสิงซู(行书)Hángshū รูปที่1.อกั ษรสิงซู 4
อกั ษรสิงซูเป็นรูป(行书)Hángshū แบบตวั อกั ษรท่ีอยกู่ ่ึงกลางระหวา่ งอกั ษรข่ายซูและอกั ษรเฉ่าซู เกิดจากการเขียนอกั ษรตวั บรรจงที่เขียนอยา่ งหวดั หรืออกั ษรตวั หวดั ที่เขียน อยา่ งบรรจง อกั ษรสิงซูกาํ เนิดข้ึนในราวปลายราชวงศฮ์ นั่ ตะวนั ออก รวบรวมเอาปมเด่นของอกั ษรขา่ ยซูและเฉ่าซูเขา้ ดว้ ยกนั วธิ ีประดิษฐ์ตวั หนังสือจีนมีอยู่ 4 วธิ ีด้วยกนั ดงั นี้ 1.อักษรภาพ (象形字)Xiàngxíng zì เป็ นการวาดภาพจากของจริงอย่างชดั เจน เกือบท้งั หมดเป็นตวั หนงั สือเด่ียว เช่น 2.เคร่ืองหมายทเ่ี ป็ นนามธรรม (指事字)Zhǐ shì zì ใชเ้ ครื่องหมายท่ีเป็ นนามธรรมแสดงความหมาย เกือบท้งั หมดเป็นตวั หนงั สือเด่ียว และบางส่วนเกิดจากการผสมผสานระหวา่ งเคร่ืองหมายที่เป็ นนามธรรมกบั ตวั อกั ษรภาพ เช่น 5
3. ตัวผสมแสดงความหมาย (会意字)huìyìzì ส่วนใหญ่เป็นการรวมตวั หนงั สือเด่ียว(หรือส่วนประกอบของตวั หนงั สือ) สองตวั หรือสองตวั ข้ึนไป ใหเ้ ป็นตวั หนงั สือใหม่อีกตวั หน่ึงเพ่อื แสดงความหมายใหม่ ซ่ึงท้งั หมดตอ้ งอาศยั การเชื่อมโยงความหมายระหวา่ งตวั หนงั สือเด่ียว (หรือส่วนประกอบของตวั หนงั สือ) แตล่ ะตวั แต่ ส่วนใหญ่จะเขา้ ใจไม่ยาก เช่น 4. ส่ วนหน่ึงบอกความหมาย อีกส่วนหน่ึงบอกการออกเสียง (形声字)Xíngshēng zìท้งั หมดเป็ นตวั หนังสือผสม ใช้ตวั หนังสือเดี่ยว (หรือส่วนประกอบของตวั หนังสือ) สองตวั ข้ึนไป เป็ นส่วนประกอบของตวั หนงั สือใหม่ โดยมีส่วนหน่ึงทาํ หนา้ ที่บอกความหมาย และอีกส่วนหน่ึงทาํ หนา้ ที่บอกเสียง เช่น 6
อกั ษรจีนตัวเต็ม เป็ นหน่ึงในสองรูปแบบอกั ษรจีนมาตรฐานที่ใช้กันทว่ั โลกในปัจจุบนั ปรากฏคร้ังแรกในสมยัราชวงศ์ฮน่ั (พ.ศ. 337 - 763) และไดใ้ ช้มาต้งั แต่คริสตศ์ ตวรรษที่ 5 ในสมยั ราชวงศเ์ หนือใต้ ท่ีตอ้ งเรียกว่าอกั ษรจีนตวั เต็ม หรืออกั ษรจีนด้ังเดิม ก็เพ่ือให้แตกต่างจากอกั ษรจีนมาตรฐานอีกรูปแบบหน่ึงที่ใช้ในปัจจุบนั น่ันคือ อักษรจีนตวั ย่อ ซ่ึงประดิษฐ์และเร่ิมใช้โดยรัฐบาลของ สาธารณรัฐประชาชนจีน (จีนแผ่นดินใหญ่) ใน พ.ศ. 2492 อกั ษรจีนตวั เต็มไดใ้ ช้ใน ฮ่องกง มาเก๊า ไตห้ วนั และชุมชนชาวจีนโพน้ ทะเลบางชุมชนท่ีเร่ิ มต้ังชุมชนก่อนการใช้อักษรจีนตัวย่ออย่างแพร่หลาย ส่วนอักษรจีนตัวย่อ ใช้กันในสาธารณรัฐประชาชนจีน สิงคโปร์ และชุมชนชาวจีนโพน้ ทะเลบางชุมชนท่ีเร่ิมต้งั ชุมชนหลงั การใช้อกั ษรจีนตวั ยอ่ อย่างแพร่หลาย อย่างไรก็ตาม ชาวไทยเช้ือสายจีนส่วนมากยงั คงใช้อกั ษรจีนตวั เต็มเป็ นหลกั แต่สาํ หรับการสอนภาษาจีนตามสถานศึกษาในประเทศไทยส่วนมากจะใชอ้ กั ษรจีนตวั ยอ่ เพื่อใหเ้ ป็ นแบบแผนเดียวกนั กบั สาธารณรัฐประชาชนจีน 7
กจิ กรรม1.แบบฝึกหดั ทา้ ยบท1. ววิ ฒั นาการอกั ษรจีนโบราณมีก่ีประเภท อะไรบา้ ง2. วธิ ีประดิษฐต์ วั อกั ษรจีนมีกี่วธิ ี อะไรบา้ ง3. รูปแบบอกั ษรจีนตวั เตม็ หรืออกั ษรจีนท่ีถูกตอ้ งปรากฏคร้ังแรกในสมยั ราชวงศใ์ ด4. ราชวงศฮ์ น่ั อกั ษรหวดั ไดร้ ับการเรียกขานวา่ อะไร5. อกั ษรจีนที่เก่าแก่ที่สุดคืออกั ษรใดและจารึกบนภาชนะใด2.แบบกลุ่มนาํ เสนองาน 8
第二课 เทศกาล 节日 รูปที่1.เทศกาลตรุษจีน ชาวจีนให้ความสําคญั กบั ครอบครัวเป็ นอยา่ งมาก ดงั น้นั งานเทศกาลในจีนจึงไม่ใช่เพื่อเฉลิมฉลองเพียงอย่างเดียวเท่าน้ัน แต่ชาวจีนจะถือโอกาสวนั หยุดในช่วงเทศกาลต่างๆกลบั ไปพบปะกบั ครอบครัวหลงั จาก ท่ีตอ้ งเหินห่างเนื่องดว้ ยเหตุผลเรื่องงานหรือการแยกครอบครัวออกมาตรุษจีน 春节 Chūnjié เทศกาลตรุษจีน หรือ เทศกาลฤดูใบไมผ้ ลิ เทศกาลที่สําคญัมากของชาวจีนท้งั ท่ีแผ่นดินใหญ่และผทู้ ่ีมีเช้ือสายจีนทว่ั โลก จะจดังานฉลองปี ใหม่โดยเร่ิมข้ึนในวนั ที่ 1 เดือน 1 ตามปฏิทินจนั ทรคติของจีน โดยจะไปสิ้นสุดในวนั ท่ี 15 ซ่ึงตรงกบั เทศกาลหยวนเซียว ความเป็ นมาของวนั ตรุษจีน เกิดจากการจดั ข้ึน เพ่ือต้งั ใจที่จะ รูปท่ี2.เทศกาลตรุษจีนฉลองฤดูใบไมผ้ ลิ เนื่องจากช่วงก่อนเทศกาลตรุษจีนน้นั ประเทศจีนปกคลุมไปดว้ ยหิมะ จึงไม่สามารถทาํการเกษตรได้ เม่ือเขา้ ถึงฤดูใบไมผ้ ลิจะสามารถเพาะปลูกพืชผกั ไดต้ ามปกติ ชาวจีนจึงกาํ หนดให้วนั แรกของฤดูใบไมผ้ ลิตในแต่ละปี เป็ นวนั สําคญั ท่ีเรียกวา่ \"วนั ตรุษจีน\" อาหารวนั ตรุษจีน ประเพณีและพิธีกรรมต่างๆน้นั ผกู ไวก้ บั ทุกสิ่งทุกอยา่ ง ต้งั แต่ อาหาร ไปจนถึงเส้ือผา้ อาหารค่าํ น้นั ประกอบดว้ ยอาหารทะเล และอาหารน่ึงเช่นขนมจีบ ซ่ึงแต่ละอยา่ งจะมีความหมายต่างๆกนั เส้ือผา้ วนั ตรุษจีน การใส่เส้ือผา้ สีแดงถือเป็ นสีท่ีเป็ นมงคล เป็ นการไล่ปี ศาจร้ายใหอ้ อกไป และการใส่สีดาํ หรือขาวเป็ นสิ่งตอ้ งห้าม ซ่ึงสีเหล่าน้ีถือวา่ เป็ นสีแห่งการไวท้ ุกข์ 9
วนั เช็งเม้ง 清明节 Qīngmíng jié เป็ นเทศกาลประจาํ ปี ในการบูชาบรรพบุรุษที่ล่วงลบั ไปแลว้ ของชาวจีน ชิงหมิง หรือ เช็งเมง้ , เชงเมง้ (ตามสาํ เนียงแตจ้ ิ๋ว) \"เช็ง\" หมายถึง สะอาด บริสุทธ์ิ และ \"เมง้ \" หมายถึง สวา่ ง รวมแลว้ หมายความถึงช่วงเวลาแห่งความแจ่มใส ร่ืนรมย์ เช็งเมง้ ในประเทศจีน เริ่มตน้ ประมาณ 5 - 20 เมษายน เป็ นฤดูใบไม้ ผลิ อากาศจะคลายความหนาวเยน็ เริ่มเขา้ สู่ความอบอุ่น มีฝนตกปรอย ๆ มี บรรยากาศสดช่ืน ทอ้ งฟ้ าใสสวา่ ง (เป็นท่ีมาของชื่อ เช็งเมง้ ) ความสาํ คญั วนั เช็งเมง้ ถือวา่ เป็ นประเพณีท่ีสําคญั มากที่สุดของของชาวจีนรูปที่1.เทศกาลเช็งเม้ง เนื่องจากเป็ นประเพณีท่ีแสดงถึงความกตญั ํูกตเวทีท่ีมีต่อบรรพบุรุษท่ี ล่วงลบั ไปแลว้ ของชาวจีน โดยก่อนวนั พิธีจะมีการทาํ ความสะอาดหลุมฝังศพของบรรพบุรุษ หลงั จากน้นั ในวนั พธิ ีจะมีการเซ่นไหวอ้ าหารหวานคาวที่หลุมฝังศพ เพ่ือเป็ นการรําลึกถึงคุณงามความดีของบรรพบุรุษ และเป็ นการส่งอาหารใหท้ ุกปี เพ่ือมิให้อดอยาก เม่ือไปอยอู่ ีกภพหน่ึง คนจีนส่วนใหญ่จะหยดุ งานมาร่วมพิธีกนั พร้อมหนา้ พร้อมตา หรือถือวา่ เป็นวนั พบญาติของคนจีนก็วา่ ได้เทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง 端午节 Duānwǔ jié เทศกาลไหวบ้ ะ๊ จา่ ง ตรงกบั วนั ที่ 5 เดือน 5 ตามปฏิทินจีน (จนั ทรคติ) ของทุกปี ซ่ึงปี น้ีตรงกบั วนั ท่ี 30 พฤษภาคม 2560 เพื่อเป็ นการระลึกถึงวนั ที่ ‚ชวหี ยวน‛ ขนุ นางผรู้ ักชาติแห่งแควน้ ฉู่ ซ่ึงเป็นขนุ นางที่ซ่ือสัตย์ จนท่ีรักใคร่ ของประชาชน แต่ถูกกลั่นแกล้งจนทาํ ให้โดนเนรเทศจากแควน้ ฉู่ ก่อนจะ โดนศตั รูยกทพั มายึดเมืองไดส้ ําเร็จ เมื่อเขารู้จึงทุกขใ์ จ จนตดั สินใจกระโดดรูปท1่ี .ขนมไหว้บ๊ะจา่ ง น้าํ ฆา่ ตวั ตาย ตรงกบั วนั ท่ี 5 เดือน 5 เม่ือชาวบา้ นทราบข่าว จึงนาํ เรือออกไปในแม่น้าํ เพ่ือจะช่วยชีวติ เขาแตเ่ ม่ือหาไม่พบและกลวั วา่ ปลาจะมาแทะร่าง จึงคิดทาํ ขนมขา้ วเหนียวห่อใบไผ่โยนลงไปในแม่น้าํ ใหป้ ลากินแทน จึงกลายเป็นตน้ กาํ เนิดประเพณีกินบะ๊ จา่ งและการแข่งเรือมงั กร ตานาน ชีหยวนเป็ นขุนนางที่มีความซ่ือสัตย์ ยึดถือคุณธรรม กลา้ รูปที่2.การแขง่ เรือมงั กรพดู กลา้ ทาํ ชอบช่วยเหลือชาวบา้ น ตอ่ มาถูกเหล่าขุนนางกงั ฉินกลนั่ แกลง้ จนถูกปลดตาํ แหน่ง และเนรเทศออกจากแควน้ ฉู่ รัฐฉินจึงถือโอกาสเขา้ โจมตีรัฐฉู่จนล่มสลาย ชีหยวนมีใจรักชาติแต่ไม่อาจทาํ ส่ิงใดได้ จึงกระโดดแม่น้าํเปาะล่อกงั ( บางตาํ ราว่าเป็ นแม่น้าํ แยงซีเกียง ) ตายในวนั ข้ึน 5 ค่าํ เดือน 5 10
น้นั เอง ชาว บา้ นท่ีรู้เร่ืองการตายของชีหยวน ระลึกถึงความดีจึงไดอ้ อกเรือเพ่ือตามหาศพ ในขณะท่ีคน้ หาพวกเขาก็เตรียมขา้ วปลาอาหารไปโปรยลงแม่น้าํ ดว้ ย นยั วา่ เพือ่ ล่อใหส้ ัตวน์ ้าํ มากิน จะไดไ้ มไ่ ปกดั กินซากศพของชีหยวน หลงั จากน้นั ทุกปี เมื่อครบรอบวนั ตาย ชาวบา้ นจะนาํ เอาอาหารไปโปรยลงแม่น้าํ เปาะล่อกงั เมื่อทาํ มาไดส้ องปี ก็มีชาวบา้ นผหู้ น่ึงฝันเห็นชีหยวนท่ีมาในชุดอนั สวยงาม กล่าวขอบคุณเหล่าชาวบา้ นท่ีนาํ เอาอาหารไปโปรยให้เพื่อเซ่นไหว้ แต่เขาบอกว่าอาหารถูกเหล่าสัตวน์ ้าํ กินเสียจนหมด เนื่องจากบริเวณน้นั มีสัตวน์ ้าํ อาศยั อยมู่ ากมาย ชีหยวนจึงแนะนาํ ใหน้ าํ อาหารเหล่าน้นั ห่อดว้ ยใบไผ่ หรือใบจากก่อนนาํ ไปโยนลงน้าํ ในปี ต่อมาชาวบา้ นต่างก็ทาํ ตามท่ีชีหยวนแนะนาํ ชีหยวนก็ไดม้ าเขา้ ฝันชาวบา้ นอีกว่าไดก้ ินมากหน่อยแต่ก็ยงั คงโดนสัตวน์ ้าํ แยง่ ไปกินได้ ชาวบา้ นตอ้ งการใหช้ ีหยวนไดก้ ินอาหารท่ีพวกเขาเซ่นให้อย่างอ่ิมหนาํสาํ ราญจึง ไดถ้ ามชีหยวนวา่ ควรทาํ เช่นไรดี จึงไดค้ าํ แนะนาํ วา่ เวลาที่จะนาํ อาหารไปโยนลงแม่น้าํ ใหต้ กแต่งเรือเป็ นรูปมงั กรไป เม่ือสัตวน์ ้าํ ท้งั หลายไดเ้ ห็นก็จะนึกวา่ เป็ นเคร่ืองเซ่นของพญามงั กร จะไดไ้ ม่กลา้ เขา้ มากิน ประเพณีการแขง่ เรือมงั กร และประเพณีการไหวข้ นมจา้ ง ( บะ๊ จ่าง )เทศกาลโคมไฟ 元宵節 Yuánxiāo jiéเทศกาลโคมไฟ หรือวา่ วนั หยวนเซียว (元宵節) Yuánxiāo jié คือวนั ที่ 15 ของเดือน 1 ตามปฏิทินจนั ทรคติ หรือที่เรียกกันว่า ชูสืออู่ นั่นเอง คาํ ว่า 元 Yuánหยวน มีความหมายว่า แรก ส่วน 宵 Xiāo แปลว่า กลางคืนจึงใช้เรียกคืนที่พระจนั ทร์เต็มดวงคร้ังแรกในรอบปี หลงั ผ่านพน้ ตรุษจีน คลา้ ยกบั เป็ นวนั ตบทา้ ยเทศกาลตรุษจีนแบบแฮปป้ีเอน็ ดิ้งซ้ึงในปี น้ี ตรงกบั วนั ที่ 12 ก.พ. 2549 สําหรับคืนสําคญั น้ีมีประเพณี ว่า ชาวจีนจะต้องรับประทานบัวลอยกันในครอบครัวและออกไปชมโคมไฟท่ีจะนาํ มาประดบั ประดากนัอยา่ งสวยงาม ดงั น้นั จึงมีการเรียกเทศกาลน้ีอีกอยา่ งวา่ เทศกาล รูปท่ี1.เทศกาลโคมไฟ โคมไฟ 燈節 Dēngjié ในวนั เทศกาลสําคญั ต่างๆ ของชาวจีนน้นั มกั จะมีอาหารประจาํ เทศกาล หรือก็คืออาหารสิริมงคลนนั่ เอง ซ่ึงส่ิงที่ขาดไม่ไดส้ าํ หรับเทศกาลโคมไฟน้ี ก็คือรูปที่2.ขนมบวั ลอย การรับประทานถงั หยวน หรือว่า บวั ลอย เพียงแต่ว่าบวั ลอยที่วา่ น้ีไม่มีไข่หวาน ดงั ที่คุน้ ตาและคุน้ ปากกนัรับประทานในเทศกาล ตานาน \"หยวนเซียว\" วา่ กนั วา่ เมื่อนานมาแลว้ เป็ นยุคที่มีสัตวร์ ้ายมากมายเท่ียวทาํ ร้ายผูค้ น ทาํ ให้มนุษย์ตอ้ งรวมตวั กนั ต่อสู้ กระทงั่ วนั หน่ึง ได้มีวิหคสวรรค์บินหลงมายงั โลก แล้วถูกบรรดานายพรานพล้งั มือฆ่าตาย จนทาํ ให้เง็กเซียนฮ่องเตท้ รงพิโรธ มีราชโองการใหเ้ หล่าขุนพลสวรรค์เดินทางมา 11
เพอื่ ปล่อยเพลิง เผาทาํ ลายมนุษยแ์ ละทรัพยส์ ินท้งั หลายใหห้ มดสิ้น ในคืน 15 ค่าํ เดือนอา้ ย ในคร้ังน้นั ธิดาผู้ของเง็กเซียนฮ่องเต้ เกิดสงสารไม่อาจทนเห็นผคู้ นตอ้ งประสบเภทภยั จึงแอบข่ีเมฆบินลงมายงั โลกมนุษย์เพ่ือเตือนภยั ล่วงหนา้ เม่ือน้นั จึงมีผเู้ ฒ่าคนหน่ึงไดเ้ สนอแผนการวา่ ในคืนวนั 14 ค่าํ -16 ค่าํ เดือนอา้ ย ให้ทุกคนแขวนโคมประดบั จุดประทดั เสียงดงั พร้อมกบั จุดพลุ เช่นน้ีแลว้ เงก็ เซียนฮอ่ งเตจ้ ะเขา้ ใจวา่ คนบนโลกถูกเผากนั หมดแลว้ ทุกคนต่างเห็นดว้ ย แลว้ แยกยา้ ยกนั ไปเตรียมการตามแผนน้นั ในวนั 15 ค่าํ เมื่อเง็กเซียนฮ่องเตท้ รงทอดพระเนตรลงมา ทรงเห็นว่าบนโลกนอกจากแดงเถือกไปหมดแลว้ ยงั มีเสียงดงั โหวกเหวกตอ่ เนื่องเป็นเวลา 3 วนั จึงคิดวา่ โลกไปถูกไฟเผาไปแลว้ เพ่ือระลึกถึงเหตุการณ์ในคร้ังน้ี ทาํ ใหท้ ุกปี เม่ือถึง 15ค่าํ เดือนอา้ ย ทุกๆบา้ นกจ็ ะมีการแขวนโคมไฟ และจุดประทดั มีการฉลองกนั ท้งั คืนเทศกาลฉงหยาง 重阳节 Chóngyáng jiéเทศกาลฉงหยาง (重阳节) Chóngyáng jiéเป็ นเทศกาลท่ีจดั ข้ึนในวนั ท่ี 9 เดือน 9 ตามปฏิทินจนั ทรคติของจีน หรือเรียกวา่ 九九重阳 Jiǔjiǔ chóngyáng คาํ วา่ 九九 Jiǔjiǔ พอ้ งเสียงกบั คาํ วา่久久 Jiǔjiǔหมายถึง ยนื ยาว คาํ วา่ 重阳 Chóngyáng มาจากตาํ รา 易经 Yì jīng (อ้ีจิง) ซ่ึงระบุวา่ 阴 Yīn ก็คือเลข 6 阳 Yáng ก็คือเลข 9 ดังน้ัน 重阳 Chóngyáng ก็คือเลข 99 นน่ั เอง (阴阳 YīnYáng คือ 69) ในเรื่อง ตวั เลข คนจีนถือวา่ เลขค่ีเป็ นเลข 阳 Yáng เลขคู่เป็ นเลข 阴 Yáng ซ่ึงเลข 9 เป็ นเลข 阳 Yáng ท่ีใหญ่ท่ีสุด ถือว่าเป็ นเลขมงคลท่ีมี ความหมายดีท่ีสุด ท้งั มีความหมายวา่ อายยุ ืนยาว และสามีภรรยารักกนัรูปท่ี1.เทศกาลฉงหยาง อยดู่ ว้ ยกนั ยาวนานจนแก่เฒ่า ประเพณีปฎิบตั ิในเทศกาลฉงหยางท่ีนิยม ทาํ กนั อยา่ งหน่ึงก็คือการไป \"ปี นท่ีสูง\" ทาํ ให้มีชื่อเรียกเทศกาลน้ีอีกชื่อหน่ึงวา่ เทศกาลเติงเกาแปลวา่ \"ปี นท่ีสูง\" (登高节)Dēnggāojié เพราะเดือนเกา้ ในฤดูใบไมร้ ่วงทุกปีทอ้ งฟ้ าแจ่มใส อากาศเยน็ สบาย การไปปี นท่ีสูงจะทาํ ให้เกิดความปลอดโปร่งโล่งใจ การที่ไปปี นท่ีสูงในวนั ฉงหยางน้นั ไมม่ ีกาํ หนดวา่ ตอ้ งไปปี นสถานท่ีใด แต่ชาวบา้ นส่วนใหญ่จะนิยมไปปี นเขาหรือเดินข้ึนเจดีย์สูง ซ่ึงมิใช่เพียงแคต่ อ้ งการปี นข้ึนไปเพียงอยา่ งเดียว ยงั ทาํ ใหไ้ ดส้ ัมผสั กบั กลิ่นไอธรรมชาติ ไดช้ มความงามของดอกไมป้ ่ า ตน้ ไมป้ ่ าระหวา่ งทางดว้ ย ซ่ึงเป็นโอกาสที่ดีมากสาํ หรับออกไปเท่ียว ดงั น้นั จุดมุ่งหมายสาํ คญัของการปี นที่สูงไม่ไดเ้ ป็ นเพียงการกระทาํ ที่สําคญั ทุกคนเชื่อว่า การปี นที่สูงจะทาํ ให้ชีวิตไดก้ ้าวสูงข้ึนหน้าที่การงานจะเจริญกา้ วหนา้ หรือเล่ือนตาํ แหน่งสูงข้ึน ยงั เป็ นการทาํ จิตใจให้ช่ืนมื่น สบายใจ เพ่ิมความเขม้ แขง็ ใหส้ ุขภาพกายและจิต 12
เทศกาลไหว้พระจันทร์ 中秋节 Zhōngqiū jiéเทศกาลไหวพ้ ระจนั ทร์ เป็ นเทศกาลที่สืบทอดกนั มาเป็ นพนัปี ตรงกบั วนั ข้ึน 15 ค่าํ เดือน 8 ตามปฏิทินทางจนั ทรคติ ส่วนตามจนั ทรคติแบบไทยจะประมาณเดือนกันยายนของทุกปี เน่ืองจากเทศกาลน้ีจดั ข้ึนในช่วงกลางฤดูใบไมร้ ่วง จึงเรียกวา่ ‚จงชิว‛ (ZhongQiu) เพ่ือระลึกถึงฉางเอ๋อ เทพธิดาแห่งพระจนั ทร์ซ่ึงเช่ือกนั วา่ ถือกาํ เนิดในวนั น้ี และมีความเชื่อท่ีว่าในคืนน้ีจะสามารถมองเห็นดวง รูปที่1.เทศกาลไหว้พระจนั ทร์จนั ทร์กลม ใหญ่ และสวา่ งมากที่สุดในรอบปีตานาน กาลคร้ังหน่ึงนานมาแลว้ ในสมยั ที่โลกมีดวงอาทิตย์ 10 ดวง แตพ่ ลดั กนั สาดแสงวนั ละดวงผูค้ นอยู่กนั อย่างมีความสุขภายใต้ดวงอาทิตย์ แต่แล้วความสุขทาํ ให้มนุษยเ์ ริ่มหลงลืมความงดงามของ ธรรมชาติ เร่ิมทาํ ลายธรรมชาติกนั มากข้ึน เหล่าเทวดาจึง ตอกกลบั ดว้ ยการสาดแสง ของอาทิตยม์ าท่ีโลกพร้อมกนั 10 ดวง ทาํ ให้โลกร้อนข้ึนจนผูค้ นเริ่มล้มหายตายจาก ต่อมาปรากฏวีรชนหนุ่มหล่อนาม ‘โฮ่วอ้ี’ ผเู้ ชี่ยวชาญใน การยงิ ธนู เขาตดั สินใจช่วยโลกดว้ ยการยงิ ธนูเพื่อสอยดวงรูปท่ี2.ตานานฉางเออ๋ อาทิตยใ์ ห้เหลือเพียง 1 ดวง ทาํ ให้มนุษยก์ ลบั มาสงบสุขกนั อีกคร้ัง แต่โฮว่ อ้ีหารู้ไมว่ า่ หน่ึงในดวงอาทิตยน์ น่ั คือ บุตรชายของเง็กเซียนฮอ่ งเต้ เงก็ เซียนกริ้วมากจึงออกอุบายใหน้ างกาํ นลั สวรรคน์ ามวา่ ‘ฉางเอ๋อ’ นาํ ยาพิษมาใหโ้ ฮ่วอ้ี โดยหลอกวา่ เป็ นยาอายวุ ฒั นะ แต่เรื่องกลบัตาลปัตร ตรงท่ีหนุ่มสาวท้งั สองเกิดตกหลุมรักกนั ต้งั แต่แรกพบ ดว้ ยพลงั ของความรักในคืนวนั เพญ็ เดือน 8ฉางเอ๋อตดั สินใจกินยาพิษแทนโฮ่วอ้ีชายผเู้ ป็ นท่ีรัก ทาํ ให้ร่างของฉางเอ๋อลอยข้ึนสู่ดวงจนั ทร์ ดว้ ยความที่นางเป็นนางกาํ นลั สวรรคเ์ ม่ือนางกินยาพิษมนั จึงไม่ส่งผลถึงตายแต่จะกลายเป็ นผลร้ายบางประการแทนนน่ัคือ คาํ สาป ฉางเอ๋อไมส่ ามารถจรลีออกจากดวงจนั ทร์ไดแ้ มแ้ ต่กา้ วเดียว สําหรับฉางเอ๋อมนั คาํ สาปน้ีร้ายแรงยงิ่ กวา่ ใหเ้ ธอตายเสียอีก จากน้นั เป็นตน้ มา ในวนั เพญ็ เดือน 8 ผคู้ นจึงเริ่มกราบไหวด้ วงจนั ทร์เพื่อรําลึกถึงตาํ นานความรัก ความเสียสละ และความรักท่ีงดงามของท้งั คู่นนั่ เอง 13
กจิ กรรมท้ายบท1.แบบฝึกหดั ทา้ ยบท 1. เทศกาลตรุษจีนไดถ้ ูกจดั ข้ึนในวนั ที่เทา่ ไร2. เทศกาลใดจดั ข้ึนทุกๆวนั ท่ี 9 เดือน 9 ตามปฏิทินจนั ทรคติของจีน3. เทศกาลใดมีการจดั การละเล่นแข่งเรือมงั กร4. ขนมบวั ลอยทาํ ข้ึนในเทศกาลใด5. เทศกาลฉงหยาง 重阳节 จดั ข้ึนเพื่ออะไร2.แบบกลุ่มนาํ เสนองาน 14
第三课 ส่ีสิ่งประดิษฐ์จีน 四大发明 รูปท่ี1.สสี่ ง่ิ ประดษิ ฐ์จีน ประเทศจีนถือเป็ นอู่อารายธรรมแห่งภูมิภาคเอเชียดว้ ยประวตั ิศาสตร์ท่ียาวนานกวา่ 4,000 ปี ประกอบกบั ความเป็ นมหาอาํ นาจทางเศรษฐกิจมาชา้ นาน จึงไม่น่าแปลกใจเลยวา่ จะมีการคิดคน้ ส่ิงประดิษฐ์ที่กลายเป็ นส่วนสําคญั กบั ศิลปะวิทยาการของโลกในยุคต่อๆ มา ซ่ึงในจาํ นวนน้ัน มีอยู่ 4อยา่ งดว้ ยกนั ท่ีทวั่ โลกยกยอ่ งวา่ เป็ น 4 ยอดส่ิงประดิษฐ์ ที่เป็ นกา้ วสาํ คญั ของประวตั ิศาสตร์และวงการวทิ ยาศาสตร์ของโลกเข็มทศิ 指南针 Zhǐnánzhēn รูปท่ี2.เขม็ ทิศ ในบรรดาสี่ส่ิงประดิษฐท์ ่ียง่ิ ใหญ่ของชาวจีนน้นั เขม็ ทิศเป็นสิ่งประดิษฐท์ ี่คน้ พบเป็ นอนั ดบั แรก เมื่อประมาณ 2000 กวา่ ปี ก่อนน้นั ชาวจีนไดม้ ีการนาํ แม่เหล็กมาทาํ เป็ นเข็มทิศใชก้ นั แลว้ โดยเขม็ ทิศในสมยั น้นัมีไวใ้ ชบ้ ่งบอกทิศทาง และจะช้ีไปท่ีทิศใตเ้ สมอ ถือวา่ เป็ นเขม็ ทิศแบบคร่าวๆ เขม็ ทิศน้ีคิดคน้ เพ่ือส่งเสริมและพฒั นาอุตสาหกรรมทางการเดินเรือ ในสมยั ก่อนท่ีจะมีเข็มทิศน้ัน ชาวเรือจะใช้การดูตาํ แหน่งพระอาทิตย์ ดวงดาว และดวงจนั ทร์เพื่อบอกทิศทางในการเดินเรือ แต่ในวนั ที่ฟ้ าปิ ด หรือมีพายุ ก็จะไม่สามารถทาํ เช่นน้ันได้ ทาํ ให้เป็ นอุปสรรค์ต่อการเดินเรือเป็ นอย่างมาก แต่หลงั จากท่ีคน้ พบเข็มทิศแล้ว ชาวเรือก็สามารถวาดแผนท่ีในการเดินเรือออกมาได้ ไม่วา่ จะเดินทางท่ามกลางมหาสมุทรกวา้ งใหญ่เพียงใดพวกเขาก็ 15
สามารถเดินทางไปไดโ้ ดยใชเ้ ขม็ ทิศบอกทิศทาง เขม็ ทิศจึงมีส่วนช่วยในการบุกเบิกเส้นทางการเช่ือมต่อโลกและยงั ส่งเสริมความสมั พนั ธ์อนั ดีระหวา่ งประเทศตา่ งๆ ดว้ ย เขม็ ทิศไดแ้ พร่หลายไปยงั อาหรับในศตวรรษที่12 และไปยงั ทวปี ยโุ รปในศตวรรษที่ 13 การคน้ พบเขม็ ทิศถือเป็ นการคน้ พบส่ิงมหศั จรรยอ์ ยา่ งหน่ึง และถือเป็นคุณประโยชน์อยา่ งยง่ิ แก่มวลมนุษย์การผลติ กระดาษ 纸 Zhǐรูปท่ี3.การผลิตกระดาษในสมยั ฮน่ั ตะวนั ตกไดม้ ีการนาํ เชือก ป่ าน ปอ เศษผา้ ขาดๆ แห และอวนเก่าๆ มาทาํ เป็ นวสั ดุต้งั ตน้ของเส้นใยกระดาษ แต่กระดาษประเภทน้ีเน้ือค่อนขา้ งหยาบ จึงเขียนไม่ล่ืนไหลทาํ ให้ไม่เป็ นที่นิยม กระทง่ัสมัยฮ่ันตะวนั ออก ได้มีขุนนางคนหน่ึงนามว่า ‚ไซ่หลุน‛ ได้ปรับปรุงเทคนิคและกรรมวิธีการทาํกระดาษ เขารวบรวมเอาประสบการณ์ของบรรดาผทู้ ี่เคยผลิตกระดาษมาก่อนแลว้ นาํ เอามาปรับปรุง จนในที่สุดก็สามารถผลิตกระดาษที่มีคุณภาพดี มีสีขาว และง่ายต่อการขีดเขียน ทาํ ให้กระดาษของเขาไดร้ ับความนิยมเป็ นอย่างมาก และถูกใช้กันอย่างแพร่หลายเทคนิ คและกรรมวิธี การผลิ ตกระดาษของจีนได้เร่ิ ม รูปที่3.1.การผลติ กระดาษสมยั ราชวงศ์ฮนั่เผยแพร่เขา้ สู่เกาหลีและเวียดนามในศตวรรษท่ี 7 จากน้นั ไดเ้ ผยแพร่ไปสู่ญ่ีป่ ุน และประเทศแถบอาหรับในศตวรรษที่ 7 และเผยแพร่ไปยงั ยโุ รปและแอฟริกาในศตวรรษท่ี 12 16
ดนิ ปื น 火药 Huǒyào ดินปื นผลิตมาจากการผสมกันระหว่าง ซัลเฟอร์ สารซอลปี เตอร์ และถ่าน เดิมทีแล้ว ซัลเฟอร์(กาํ มะถนั ) สารซอลปี เตอร์ (ดินประสิว) และถ่าน ลว้ นเป็ นยาสมุนไพรของจีน กลุ่มนกั ผสมยาอายุวฒั นะ มกั จะผสมยาเหล่าน้ีลงในสูตรของยาอายุวฒั นะ และการ คน้ พบดินปื นก็เกิดข้ึนจากการทดลองหายาอายุวฒั นะของ กลุ่มนกั ผสมยาเหล่าน้ีน่ีเอง หลงั จากคน้ พบดินปื นแลว้ มนั ได้ถูกนํามาใช้ในวงการทหาร โดยผลิตเป็ นอาวุธ ยทุ โธปกรณ์ต่างๆ ไม่วา่ จะเป็ นพลุ ปื นใหญ่ และทุ่นระเบิด ก็ลว้ นแต่คน้ พบ และคิดคน้ ข้ึนที่ประเทศจีนเป็ นท่ีแรก ดิน รูปที่4.ดนิ ปื น ปื นยงั นาํ มาผลิตเป็ นประทดั ดอกไมไ้ ฟไดอ้ ีก พอถึงหนา้เทศกาลหรืองานร่ืนเริง ชาวจีนนิยมจุดประทดั และดอกไม้ไฟเพื่อเพิ่มบรรยากาศที่สนุกสนาน ในช่วงศตวรรษที่ 8-9 ดินปื นเผยแพร่ไปยงั อาหรับ หลงั จากน้นั ยโุ รปไดท้ าํ สงครามกบั ชาวอาหรับ ชาวยโุ รปจึงได้เรียนรู้ถึงวธิ ีการทาํ ดินปื น นบั เป็นการคน้ พบท่ีส่งเสริมความกา้ วหนา้ ดา้ นอาวธุ ยทุ โธปกรณ์สําหรับชาวยุโรปไดเ้ ป็ นอยา่ งมาก การคิดคน้ สิ่งประดิษฐ์ท้งั สี่ในจีนก่อใหเ้ กิดความกา้ วหนา้ ทางดา้ นวทิ ยาการในวงกวา้ งท้งัในโลกตะวนั ออกและโลกตะวนั ตก เขม็ ทิศช่วยใหเ้ กิดการสาํ รวจทางทะเล การผลิตกระดาษและเทคนิคการพิมพช์ ่วยใหเ้ กิดการปฏิวตั ิวทิ ยาศาสตร์ และดินปื นช่วยใหเ้ กิดความกา้ วหนา้ ดา้ นอาวุธยทุ โธปกรณ์ หากไม่มีสิ่งประดิษฐ์ท้งั สี่ของอารยธรรมจีนแลว้ น้นั โลกของเราอาจจะไม่มีทางกา้ วหน้ามาจนถึงทุกวนั น้ีไดอ้ ย่างแน่นอนแท่นพมิ พ์ 印刷术 Yìnshuā shù ก่อนการคิดคน้ แท่นพิมพส์ าํ เร็จมกั ใชว้ ิธีคดั ลอกตามดงั น้นั กว่าจะไดห้ นงั สือสักเล่มยอ่ มไม่ใช่เร่ือง ง่าย ต่อมาผูค้ นเริ่มใช้วิธีพิมพ์โดยวางกระดาษทาบลงบน ศิลาจารึก สมยั ราชวงศถ์ งั มีการคิดคน้ แมพ่ ิมพส์ ลกั ข้ึนโดย การแกะตวั อกั ษรลงบนแผ่นไมใ้ ชห้ มึกทาแลว้ เอากระดาษ ทาบ สมยั ราชวงศซ์ ่งเหนือป้ี เซิงคือผทู้ ่ีคิดคน้ ตวั เรียงพิมพข์ ้ึนรูปท5ี่ .แทง่ พมิ พ์สมยั ราชวงศ์ซง่ เหนือ เขาใช้วิธีแกะสลกั ตวั อกั ษรแต่ละตวั ลงบนดินเหนียวทีละ 17
กอ้ นก่อนนาํ ไปเผาไฟให้แข็งตอนพิมพ์ให้เรียงตวั อกั ษรที่ตอ้ งการทาหมึกลงไปแล้ววางกระดาษทาบลงตวั อกั ษรที่แกะสลกั เหล่าน้ียงั นาํ ไปใช้ซ้ําได้อีกดว้ ย วิธีการพิมพข์ องป้ี เซิงเป็นตน้ แบบของการพิมพท์ ่ีใชต้ ะกว่ั ในยคุ หลงัเครื่องมือวดั แผ่นดนิ ไหว 地震动义 Dìzhèn dòng yì รูปที่5.1 แทง่ พมิ พ์ยคุ หลงัเคร่ืองวดั ความส่ันสะเทือนของแผน่ ดินไหวน้นั ก็คือ‚จีน‛ โดยใน ค.ศ. 132 张衡 Zhānghéng‚จางเหิง‛ (ค.ศ. 78-139) นกั วิทยาศาสตร์สมยั ราชวงศฮ์ นั่ ไดค้ ิดคน้ 候风地动仪 Hòufēngdìdòngyí ‚โฮ่วเฟิ งต้ีตง้ อ๋ี‛ ข้ึนซ่ึงเป็ นอุปกรณ์วดั ความ ส่ันสะเทือนของแผ่นดินไหว ท่ีวดั ได้ท้งั ความรุนแรง ทิศทาง และตน้ กาํ เนิดของแผน่ ดินไหว โฮ่วเฟิ งต้ีตง้ อี๋ น้ันทาํ ด้วยทองเหลือง มีรูปร่างคล้ายไข่หรือบ้างก็ว่า คล้ายไหเหล้า มีแท่งวดั ความสะเทือนอยู่ภายในตรง กลาง ส่วนท่ีดา้ นเปลือกนอกของไข่มีมงั กรเกาะอยทู่ ้งั 8 ทิศ คือ ทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวนั ออก ทิศตะวนั ตก ทิศ ตะวันออกเฉี ยงเหนือ ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทิศรูปที่1.เครื่องมือวดั แผน่ ดินไหว ตะวนั ตกเฉียงเหนือ และทิศตะวนั ตกเฉียงใต้ โดยปากมงั กรน้ันขยบั ได้และในปากมงั กรทุกตวั คาบลูกแก้วเอาไว้ส่วนที่ดา้ นล่างจะมีกบทองแดงอา้ ปากกวา้ งต้งั วางอยู่ 8 ตวัตามตาํ แหน่งเดียวกบั หวั มงั กร เม่ือเกิดแผน่ ดินไหวข้ึนทางทิศไหน แทง่ ขา้ งในกจ็ ะสั่นสะเทือนแลว้ ทาํ ให้ปากมงั กรที่อยใู่ นทิศทางแผน่ ดินไหวขยบั และเปิ ดออกโดยอตั โนมตั ิ ลูกแกว้ ท่ีอย่ใู นปากมงั กรก็จะตกลงมาในปากกบพอดี แรกท่ีจางเหิงประดิษฐ์เคร่ืองวดั แผ่นดินไหวสําเร็จ เขาได้นําไปต้งั ไวท้ ี่เมืองลวั่ หยาง ที่เป็ นเมืองหลวงของจีนในสมยั น้นั แต่วา่ ตอน รูปท1ี่ .2 เครื่องมือวดั แผน่ ดินไหวน้นั ชาวเมืองต่างพากนั หาวา่ จางเหิงเพ้ียนท่ีสร้างเจา้ ไข่ประหลาดข้ึนมา ส่วนบางคนก็ว่าจางเหิงเมาเพราะสร้างไหเหลา้ ใบใหญ่ข้ึนมา จนในปี ค.ศ. 138 ปากมงั กรทางทิศตะวนั ตกเปิ ดออก ลูกแกว้ ตกใส่ปากกบ ซ่ึง 18
หมายความว่ามีการเกิดแผน่ ดินไหวข้ึนทางทิศตะวนั ตกของเมืองลว่ั หยาง แต่ชาวเมืองในยคุ น้นั เม่ือไม่รับรู้ในความสั่นสะเทือน ก็ไม่มีใครเช่ือเจา้ เครื่องโหวเฟิ ง และเชื่อจางเหิง เท่าน้ันยงั ไม่พอยงั มีการเยาะเยย้วพิ ากษว์ จิ ารณ์จางเหิงไปต่างๆนานา แตว่ า่ หลงั จากน้นั ไมน่ านก็มีรายงานจากเมืองหลงซีวา่ เกิดแผน่ ดินไหวข้ึนทางทิศตะวนั ตกของเมืองลว่ั หยางในวนั และเวลาท่ีมงั กรคายลูกแกว้ จริงลูกคดิ 算盘 - Suanpan‚ลูกคิดจีน‛ (珠算 - Zhusuan หรือ 算盘 - Suanpan) เป็ นเครื่องมือคิดคาํ นวณสมยั โบราณอนั มีประวตั ิศาสตร์ยอ้ นกลบั ไปในยุคชุนชิว หรือราว 2,500 ปี ก่อน นับเป็ นสิ่งประดิษฐ์ล้าํ ค่าลาํ ดบั ท่ี 5 ของประวตั ิศาสตร์จีน จีนไดป้ ระกาศให้ลูกคิดอยใู่ นรายการมรดกภูมิปั ญญาทางวัฒนธ รร มของประ เทศต้ังแต่ปี 2551 แล้วลักษณะเด่นของ ‚ลูกคิดจีน‛ คือ อุปกรณ์ลูกคิด 1 อนั แบ่งออกเป็ น 2 ส่วน ไดแ้ ก่ ส่วนบน เรียกว่า สวรรค์ จะมีลูกคิดเรียงแถวอยู่ 2 ช้นั ซ่ึงแต่ละลูกมีค่าเท่ากบั 5 หน่วย ขณะที่ส่วนล่างเรียกวา่ โลก จะมีลูกคิดเรียงแถวอยู่ 5 ช้นั ซ่ึงแต่ละลูกมีค่าเท่ากบั รูปที่1.ลกู คดิ จีน1 หน่วย โดยตวั ลูกคิดจะถูกเล่ือนข้ึนลงระหวา่ งการใชง้ าน แมว้ า่ ความนิยมชมชอบในการใชอ้ ุปกรณ์ลูกคิด ได้ลดลงตามกาลเวลา พร้อมกับการปรากฏตวั ของเครื่องคิดเลข ดิจิตอลที่มีความรวดเร็วและแม่นยาํ มากข้ึน ทวา่ ทุกวนั น้ียงั สามารถ พบเห็นชาวจีนสูงอายุหรือพ่อคา้ แม่คา้ ตามตลาดในชนบทเลือกใช้ งานลูกคิดอยู่ กลายเป็ นเอกลกั ษณ์ทางวฒั นธรรมของแดนมงั กรท่ี ทรงคุณค่าข้ึนเร่ือยๆ นอกจากน้นั ยเู นสโก กล่าวเสริมวา่ มรดกภูมิรูปที่1.2 ลกู คดิ จีน ปัญญาทางวฒั นธรรม ช่วยสะทอ้ นตวั ตนของชาติผูเ้ ป็ นเจา้ ของ และเป็ นองค์ประกอบสําคญั ท่ีรักษาความหลากหลายทางวฒั นธรรม ตลอดจนความคิดสร้างสรรค์ของมวลมนุษยชาติไวอ้ ีกดว้ ยท้งั น้ี ต้งั แต่ปี 2544 เป็ นตน้ มา จีนไดข้ อข้ึนทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวฒั นธรรมของโลก รวมกวา่ 37 รายการ โดยองคก์ ารยเู นสโกไดร้ ับรองการร้องขอดงั กล่าวท้งั สิ้น 30 รายการ ซ่ึงทาํ ให้จีนเป็นประเทศท่ีมีมรดกภูมิปัญญาทางวฒั นธรรมมากที่สุดในโลก 19
กจิ กรรมท้ายบทแบบฝึกหดั ทา้ ยบท1. การคิดคน้ เครื่องมือการบอกทิศทางเกิดข้ึนในสมยั ใด2. แทน่ พิมพเ์ กิดข้ึนในสมยั ราชวงศใ์ ด3. เครื่องมือวดั แผน่ ดินไหวประกอบดว้ ยอะไรบา้ ง4.ลกั ษณะเด่นของลูกคิดคืออะไร5. เคร่ืองมือวดั แผน่ ดินไหว เรียกอีกชื่อวา่ อะไร 20
第四课 วฒั นธรรมการด่ืมชาและวฒั นธรรมอาหาร 茶与食物 รูปที่1.การชงชาจีนวฒั นธรรมการดื่ม สมยั ราชวงศถ์ งั ค.ศ. 618 – 906 ชาไดร้ ับการยกยอ่ งเป็ นเครื่องด่ืมประจาํ ชาติของชาวจีน แลว้ ศพั ท์คาํ วา่ ชา หรือ Cha 茶 ก็ถูกบญั ญตั ิข้ึนเพ่อื เป็นการเรียกใบไมช้ นิดหน่ึง โดยเมื่อมีการนาํ มาตม้ ด่ืม จะส่งกลิ่นหอม ทาํ ให้ชุ่มคอ มีน้าํ สีน้าํ ตาล ทราบมาว่าชาวจีนดื่มชาโดยมีประวตั ิการด่ืมชามากวา่ 4,000 ปี แลว้ ชาจึงเป็นเคร่ืองดื่มท่ีขาดไมไ่ ดใ้ นชีวติ ประจาํ วนั ของชาวจีน ซ่ึงการเล้ียงน้าํ ชาเป็ นประเพณีของชาวจีนท่ีทาํ กนั มานาน ซ่ึงหากมีแขกมาเยี่ยมท่ีบา้ น เจา้ ของบา้ นก็จะรีบชงชาที่มีกลิ่นหอมพร้อมเสิร์ฟทนั ที เรียกวา่ ด่ืมชาไปพลางคุยกนั ไปพลางในบรรยากาศสบาย ๆ เพราะในใบชามีสารพดั ประโยชนอกจากจะหอมหวนชวนดื่มแลว้ ใบชายงั ช่วยดูแลสุขภาพอีกดว้ ย จึงทาํ ใหป้ ัจจุบนั น้ีมีผนู้ ิยมหนั มาดื่มชากนั มากข้ึนประเพณีการด่ืมชา มีประวตั ิยาวนาน เล่ากนั วา่ ในปี 280 ก่อนคริสตศ์ กั ราชในทางภาคใตข้ องจีนมีก๊กเล็กช่ือหวูก๋ัว กษตั ริยข์ องก๊กน้ีทรงโปรดจดั งานเล้ียงขุนนางและดื่มเหลา้ กนั จนเมามาย แต่มีขุนนางคนหน่ึงช่ือเหวย่จาวด่ืมเหลา้ ไม่เก่ง กษตั ริยก์ ็เลยโปรดให้เขาด่ืมน้าํ ชาแทนเหลา้ หลงั จากน้นั ต่อมาเหล่าปัญญาชนก็เร่ิมใชน้ ้าํชาเล้ียงแขก จนถึงสมยั ราชวงศถ์ งั ทาํ ใหก้ ารด่ืมน้าํ ชาได้กลายเป็ นความเคยชินของชาวจีนมาโดยตลอด ซ่ึงยงั มี รูปท่ี1. วิธีชงชาจีนเรื่องเล่ากนั อีกวา่ ประเพณีน้ียงั มีส่วนเกี่ยวขอ้ งกบั ศาสนาพุทธ ประมาณปี ค.ศ 713 – 741 ในพุทธศาสนา 21
นิกายเซนของจีน พระสงฆ์และศาสนิกชนในวดั ตอ้ งนงั่ เขา้ ฌานเป็ นเวลานาน ทาํ ให้มีอาการรู้สึกง่วงและอยากกินของเล่น เจา้ อาวาสจึงคิดวิธีให้ด่ืมชา ซ่ึงมีผลทาํ ใหป้ ระสาทตื่น หลงั จากน้นั วิธีด่ืมชาน้ีก็ไดเ้ ผยแพร่ไปตามทอ้ งถิ่นต่าง ๆ ในช่วงเวลาเดียวกนั ของสมยั ราชวงศถ์ งั ตามบา้ นเศรษฐียงั มีการจดั หอ้ งตม้ น้าํ ชา และชิมชาสาํ หรับเอาไวเ้ สิร์ฟเวลาอ่านหนงั สือโดยเฉพาะ ในปี ค.ศ 780 นายลู่อวี่ ผูเ้ ชี่ยวชาญดา้ นใบชาของราชวงศ์ถงั ไดร้ วบรวมประสบการณ์การปลูกชาผลิตใบและการด่ืมชา เพื่อนาํ มาเขียนตาํ ราเก่ียวกบั ชา ซ่ึงเป็ นหนังสือเกี่ยวกบั ใบชาหรือการดื่มชา และประวตั ิของชาเล่มแรกของจีน ต่อมาในสมยั ราชวงศ์ซ่ง ฮ่องเต้ ซ่งฮุยจง ก็ไดม้ ีพิธีจดั งานเล้ียงน้าํ ชาขุนนางผใู้ หญ่ และทรงตม้ น้าํ ชาเองในพระราชวงั หลวงของสมยั ราชวงศถ์ งั อีกท้งั ยงั จดั งานน้าํ ชาเล้ียงเหล่าบรรดาทตู ตา่ งประเทศอีกดว้ ย ปัจจุบนั ในวนั เทศกาลข้ึนปี ใหม่หรือวนั ตรุษจีน หน่วยงานและองคก์ รต่าง ๆ ของจีนส่วนมากจะจดั งานเล้ียงน้าํ ชาสัมมนาในจีน ทาํ ให้ชาไดก้ ลายเป็ นวฒั นธรรมพิเศษ ซ่ึงมีผคู้ นถือการตม้ น้าํ ชาและมีประเพณีการชิมชาท่ีกลายเป็ นศิลปะอยา่ งหน่ึง ต้งั แต่สมยั โบราณจนถึงปัจจุบนั โดยเฉพาะในทอ้ งถิ่นตา่ ง ๆ ของจีนมีโรงน้าํ ชาหรือร้านน้าํ ชามากมาย ที่ถนนเฉียนเหมินซ่ึงเป็นยา่ นคึกคกั ของกรุงปักก่ิงก็มีร้านน้าํชาโดยเฉพาะ ทาํ ใหผ้ คู้ นสามารถด่ืมชาพร้อม ๆ กบั การกินอาหารพ้ืนเมืองและชมการแสดงต่าง ๆ ซ่ึงถือเป็ นวธิ ีพกั ผอ่ นที่สบาย ส่วนทางภาคใตข้ องจีน นอกจากมีร้านน้าํ ชาและโรงน้าํ ชาแลว้ ยงั มีเพิงน้าํ ชากลางแจง้ ที่ส่วนมากจะสร้างตามสถานที่ท่องเท่ียวตา่ ง ๆ เพอ่ื ใหน้ กั ท่องเที่ยวไดน้ งั่ ด่ืมชาและชมววิ ไปดว้ ย การชงชาแบบจีน ในอดีตการชงชาและการด่ืมชาของชาวจีนถือไดว้ า่ เป็ นประเพณีและวฒั นธรรมที่สําคญั มาก การดื่มชาของชาวจีนจะไม่มุ่งเนน้ ไปที่พิธีการหรือนาํ เอาคาํ สอนทางศาสนามาเกี่ยวขอ้ งกบั การดื่มชา แต่จะให้ความสนใจไปท่ีใบชา กล่ินท่ีสัมผสั จากการชงและรสชาติที่ไดด้ ่ืม และความรู้สึกที่เกิดข้ึนหลงั จากการดื่มชา มารยาทการดื่มชา ในทอ้ งถ่ินบางแห่งของจีน ก็ไมเ่ หมือนกนั ท่ีกรุงปักกิ่ง พอเจา้ ของบา้ นยกถว้ ยน้าํชามาให้ แขกตอ้ งลุกข้ึนทนั ที เอาสองมือรับไวแ้ ละขอบคุณดว้ ย ในทางภาคใตข้ องจีนเช่นมณฑลกวางตุง้มณฑลกวางสีเป็ นตน้ พอเจา้ ของบา้ นยกชามาให้ แขกต้องใช้นิ้วกลางขวามือเคาะโต๊ะเบา ๆ สามคร้ัง เพื่อแสดงความขอบคุณ 22
ชนิดของชา 茶 Cháส่วนใหญแ่ ลว้ ชา จะมีอยู่ 5 ชนิดท่ีเป็นที่รู้จกั และเป็นที่นิยมของชาวจีนชาแดง เป็ นน้าํ ชาสีเขม้ ขน้ แดงเหมือนเลือดนก กรรมวิธีการผลิตตอ้ งใช้กระบวนการหมกั บางคร้ังจึงเรียกวา่ ชาหมกัชาเขียว เป็ นชาที่นํายอดชาอ่อน มาผ่ึงแดด แล้วอบแห้งในทนั ทีโดยไม่ไดผ้ า่ นกระบวนการหมกั น้าํ ชาท่ีไดจ้ ึงมีสีเขียวสดใส รูปท่ี1. ชาแดนชาอูห่ ลง หรือชาจีนท่ีเราคุน้ เคยกนั ดีนน่ั เอง ตามปกติแลว้ หากคนไทยพดู วา่ ชาจีนก็จะหมายถึงชาอูหลง ซ่ึง มีประมาณเกือบ 2,000 ชนิด ชาอหู ลงผา่ นการหมกั ประมาณ 50-70% แลว้ นาํ ไปคว่ั ถา้ ควั่ คร้ังเดียวรสชาติจะอ่อน ควั่ หลายคร้ังก็จะเขม้ ขน้ ข้ึนตามลาํ ดบั ชาขาว คือใบชาที่เด็ดมาหมกั ทิ้งไวป้ ระมาณคร่ึงวนั แล้วอบด้วยรูปที่2.ชาอหู่ ลง ความร้อนให้แห้งทนั ที ชาขาวผา่ นการหมกั นอ้ ยที่สุด ดงั น้นั รสชาติจึงน่ิง เหมาะสําหรับคนที่ฝึ กโยคะหรือฝึกสมาธิ ควรชงกบั น้าํ ร้อนประมาณ 85 องศา เพอ่ื รักษารสชาติของใบชาอ่อนๆ ไว้ รูปท่ี3. ชาขาว ชาผเู่ อ่อร์ เป็ นชาราคาแพงท่ีสุด อาจถึงข้นั ขีดละนบั หม่ืนบาท ชาพูเอ่อร์เป็ น ชาท่ีหมกั ซ้าํ นน่ั ก็คือหลงั จากหมกั จนครบ 100% และอบแหง้ แลว้ ปี ถดั มาก็นาํ กลบั มาอบไอน้าํ ใหช้ ้ืนเพ่ือหมกั ซ้าํ อีก ทาํ ซ้าํ ๆ อยเู่ ป็ น 5 หรือ 10 ปี ค่อยนาํ มาด่ืม จึงมีราคาแพงมากรูปท่ี4.ชาผเู่ ออ่ ร์ 23
วฒั นธรรมอาหาจีน 食物 Shíwù รูปที่1.วฒั นธรรมอาหารจีน จีนเป็ นชนชาติท่ีผูกพนั อยูก่ บั อาหารการกินอยา่ งแนบแน่นปัญหาทุพภิกขภยั ในช่วงหลายศตวรรษ ท่ีผา่ นมาไดบ้ ีบบงั คบั ให้ชาวจีนตอ้ งคิดหาวธิ ีถนอมอาหาร ท่ีมีอยอู่ ยา่ งจาํ กดั เพ่ือใหเ้ กิดประโยชน์สูงสุด นอกจากน้ีชนช้นั สูงยงั นิยม ใชอ้ าหารเป็ นเคร่ืองแสดงออกซ่ึงความมง่ั คั่ง และสถานภาพอนั สูงส่งของตนด้วย ในเมื่อจีนมีภูมิประเทศท่ีหลากหลายอย่างย่ิง พืชพันธุ์ธัญญาหารก็ย่อมต้องมีหลากหลายตา่ งกนั ไปเป็นธรรมดาความใส่ใจในเร่ืองอาหารของชาวจีนสะทอ้ นออกมาทางปรัชญาและวรรณคดี เพราะนกั ปราชญผ์ สู้ ร้างสรรค์ผลงานเหล่าน้ี มกั เป็นผเู้ ชี่ยวชาญทางดา้ นอาหารดว้ ย เหลาจ่ือกล่าววา่ \" จงรับมือกบั ประเทศใหญ่ๆ ดว้ ยความอ่อนโยนนุ่มนวลเสมือนหน่ึงท่านกาํ ลงั ทาํ ปลาตวั เล็กๆ\" จวงจื่อเคยแต่งโคลง แนะนาํ การคดั สรรพ่อครัวให้จกั รพรรดิ ความวา่ \" พอ่ ครัวช้นั ดี จะเปลี่ยนมีดใหม่เพียงปี ละคร้ัง เพราะเขาหน่ั พอ่ ครัวช้นั เลว จะเปลี่ยนมีดใหมท่ ุกเดือน เพราะเขาสบั \"อาหารจีน 8 กลุ่มใหญ่ (中國八大菜系) Zhōngguó bādà càixì รูปท่ี1.อาหารจีน ความกว้างใหญ่ไพศาลของประเทศจีนทําให้แต่ละภูมิภาคมีวฒั นธรรมการกินและประเภทอาหารที่แตกต่างกันข้ึนกบั สภาพภูมิประเทศ สภาพภูมิอากาศ ประวตั ิศาสตร์ แหล่งวตั ถุดิบ และธรรมเนียมเร่ืองการกินต้งั แต่อดีตที่แตกต่างกนั ไปปัจจยั ต่างๆ ผ่านระยะเวลาอนั ยาวนานจนเกิดเป็ นอาหารจีน 4กลุ่มใหญ่ ไดแ้ ก่ อาหารซานตง อาหารเสฉวน อาหารเจียงซู และอาหารกวางตุ้ง เมื่อถึงปลายราชวงศ์ชิงอาหารเจอ้ เจียง อาหารฮกเก้ียน อาหารหูหนาน และอาหารอนั ฮุย เร่ิมมีชื่อเสียงโด่งดงั ข้ึนจึงถูกจดั ใหเ้ ป็ นอาหาร 8 กลุ่มใหญ่ (八大菜系) Bādà càixìดงั น้ี24
อาหารซานตง (魯菜) Lǔ cài มี ถ่ิ น กํา เ นิ ด ใ น แ ถ บ ม ณ ฑ ล ซ า น ต ง ( 山東省) รูปท1่ี .อาหารซานตงปลาหลฮี ือ้Shāndōng shěng มีประวตั ิความเป็ นมายาวนานต้งั แต่ปลาย เปรีย้ วหวานสมยั ราชวงศ์ซาง จุดเด่นของอาหารซานตงคือการแฝงสรรพคุณในการรักษาโรค มกั ใชเ้ กลือปรุงรสเพื่อชูรสชาติเดิมของวตั ถุดิบทาํ ใหม้ ีรสชาติเค็ม นอกจากน้ียงั ใส่ตน้ หอม ขิง และกระเทียมเพื่อเพม่ิ ความหอมอาหารเสฉวน (川菜) Chuāncàiมีถิ่นกาํ เนิดในแถบมณฑลเสฉวน (四川省) Sìchuānshěngอาหารเสฉวนโดดเด่นข้ึนมาในสมยั ราชวงศฉ์ ินและราชวงศฮ์ นั่ตะวนั ตก มีรสชาติท่ีเขม้ ข้นด้วยเครื่องปรุงรส ใส่น้าํ มนั ปริมาณมากนิยมทาํ ใหม้ ีกลิ่นหอมของปลา เผด็ ร้อน เผด็ ชา และเปร้ียว รูปท2ี่ .อาหารเสฉวนเนอื ้ เส้นหอมกลน่ิ ปลาอาหารเจียงซู (苏菜) Sū cài มีถิ่นกาํ เนิดในแถบมณฑลเจียงซู (江苏省) Jiāngsū รูปที่3.อาหารเจยี งซูหมเู หลย่ี มอบshěngพ้ืนที่ในแถบน้ีค่อนขา้ งอุดมสมบูรณ์ วตั ถุดิบประกอบอาหารจึงมีความหลากหลายโดยเฉพาะอาหารทะเล รสชาติอาหารเน้นไปทางหวานอาหารกวางตุ้ง (粤菜) Yuècàiมีถ่ินกาํ เนิดในแถบมณฑลกวางตุง้ (廣東省) Guǎngdōng shěng กวางสี (廣西) Guǎngxī และไหหลาํ (海南) Hǎinán อาหารกวางตุง้ ใชว้ ตั ถุดิบและเคร่ืองปรุงรส หลากหลายตามฤดูกาล เน้นรูป รส กล่ิน และสี อาหารบางชนิดคล้ายกบั อาหารจีนในไทย เน่ืองจากไดร้ ับอิทธิพลโดยตรงรูปท4ี่ .อาหารกวางต้งุ ไกต่ ้มสบั 25
อาหารเจ้อเจียง (浙菜) Zhè cài มีถ่ินกาํ เนิดในแถบมณฑลเจอ้ เจียง (浙江省)Zhèjiāng shěng มกั ใชว้ ตั ถุดิบที่สดใหม่โดยเฉพาะอาหารทะเล ปรุงรสเพียงเล็กนอ้ ยเพื่อคงรสชาติด้งั เดิมของวตั ถุดิบเอาไว้ บางชนิดมีรสชาติเขม้ ขน้อาหารฮกเกยี้ น (闽菜) Mǐncài รูปท5ี่ .อาหารเจ้อเจียงปลาเปรีย้ วซหี ู มีถิ่นกาํ เนิดในแถบฝโู จว (福州) Fúzhōu เนื่องจากลกั ษณะทางภูมิศาสตร์ของฝโู จวตอนเหนือเป็ นภูเขา ตอนใตต้ ิดทะเล จึงมีวตั ถุดิบจาํ พวกของป่ า เช่น เห็ด หน่อไม้ และอาหารทะเลจาํ นวนมาก รูปที่6.อาหารฮกเกีย้ นพระกระโดดกาแพงอาหารหูหนาน (湘菜) Xiāngcài มีถิ่นกาํ เนิดในแถบมณฑลหูหนาน (湖南省) Húnán shěngใช้ วตั ถุดิบค่อนขา้ งหลากหลาย ส่วนใหญ่รสชาติเผ็ดร้อน เค็ม และมีปริมาณ น้าํ มนั มากรูปท7่ี .อาหารหหู นานหวั ปลานง่ึ พริกสบัอาหารอนั ฮุย (徽菜) Huī cài มีถิ่นกาํ เนิดในแถบเมืองฮุยโจว (徽州) Huīzhōu ต้งั แต่สมยั ราชวงศ์ซ่งเหนือ อาหารอนั ฮุยจะใช้วตั ถุดิบที่สดใหม่ เน้นเทคนิคเร่ืองความแรงของไฟและกรรมวธิ ีที่หลากหลาย รูปท่ี8.อาหารอนั ฮยุ ปลาหมกั 26
นอกจากน้ีแลว้ ยงั มีคาํ พูดท่ีว่า \"ภาคใตน้ ิยมรสหวาน ภาคเหนือนิยมรสเคม็ ภาคตะวนั ออกนิยมรสเปร้ียว ภาคตะวนั ตกนิยมรสเผด็ \" ซ่ึงชาวจีนท่ีอาศยั อย่ทู ุกมณฑลจะมีรสนิยมท่ีแตกต่างกนั ตามภูมิประเทศเอกลกั ษณ์พิเศษอย่างที่ 1 ของอาหารจีนคือ มีความแตกต่างกนั ตามแต่ฤดูในรอบปี ของจีน ชาวจีนจะทาํ กบั ขา้ วตามการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล ฤดูร้อนมกั จะเป็ นอาหารจืด ฤดูหนาวมกั จะเป็ นอาหารที่มีรสจดัเขม้ ขน้ อนั น้ีกเ็ พราะวา่ ชาวจีนไดร้ วบรวมประสบการณ์จากสมยั โบราณพบวา่ คนในอากาศที่หนาว ตอ้ งการพลงั ไปต่อสู้กบั ความหนาว รสชาติเขม้ ขน้ จะชวนให้เกิดความอยากอาหารทาํ ใหส้ ามารถทานไดม้ ากย่ิงข้ึนจะเป็ นผลดีต่อสุขภาพส่วนข้อท่ี 2 คือ เน้นความสวยงามของรูปลกั ษณ์อาหาร ชาวจีนรับประทานอาหารไม่เพียงแต่ให้ความสําคัญต่อรสชาติเท่าน้ัน หากยงั เน้นความสวยงามของอาหารดว้ ย ไมว่ า่ เป็นแครอดหรือหวั ไชเทา้ตา่ งกส็ ามารถแกะเป็นรูปตา่ งๆนานา นอกจากน้ี ยงั เนน้การประสานกลมกลืนกนั ของอาหาร เคร่ืองปรุงที่จะใส่อาหารและส่ิงแวดลอ้ มขณะรับประทานอาหารดว้ ย รูปท่ี9.อาหารจีนอาหารจีนได้รับความนิยมในทว่ั โลก เมื่อพิจารณาสาเหตุท่ีทาํ ไมจึงเป็ นที่นิยมของทวั่ โลกน้ันนอกจากรสชาติแล้ว ความสวยงามของอาหารก็เป็ นปัจจยั อย่างหน่ึงท่ีดึงดูดความสนใจ ถือเป็ นเน้ือหาพ้ืนฐานอยา่ งหน่ึงของวฒั นธรรมอาหารจีน และเป็นเสน่ห์สาํ คญั ของอาหารจีนดว้ ย 27
กิจกรรมทา้ ยบทแบบฝึกหดั ทา้ ยบท1. กลุ่มอาหารข้ึนช่ือของจีนมีกี่กลุ่ม อะไรบา้ ง2 .อาหารกวางตุง้ มีลกั ษณะอยา่ งไร3.คนจีนส่วนใหญ่จะรู้จกั และนิยม ชากี่ชนิดอะไรบา้ ง4. ชาเขียวมีลกั ษณะรสชาติเป็นอยา่ งไร5. ในสมยั ราชวงศใ์ ดไดร้ ับการยกยอ่ งชาเป็นเคร่ืองดื่มประจาํ ชาติจีน2.แบง่ กลุ่มทาํ อาหาร 28
第五课 ศิลปะจนี 中国艺术 ชนชาติจีนเป็นท่ีเก่าแก่และเป็ นชนชาติท่ีมีวฒั นธรรมอนั ลึกซ้ึง ศิลปะท่ีมีมาแต่อดีตของประเทศจีนมีมากมายหลากหลายชนิด ซ่ึงแสดงถึงภูมิปัญญาอนั ฉลาดหลกั แหลมของชาวจีนไดเ้ ป็ นอยา่ งดี ศิลปะจีนมีดงั น้ีอปุ รากรจีนปักกงิ่ 京剧 Jīngjùงิ้วปักกิ่งของจีนถูกขนานนามวา่ เป็น‚อุปรากรแห่งบูรพา‛ นบั เป็นมรดกทางวฒั นธรรมแห่งชาติขนานแทข้ องจีน เพราะเกิดข้ึนในปักกิ่ง จึงมีชื่อเรียกกนั ว่า ‚Jīngjù‛ ท่ีแปลเป็ นไทยวา่ ‚งิ้วปักกิ่ง‛ งิ้วปักกิ่งมีประวตั ิกว่า 200 ปี แลว้ ตน้ กาํ เนิดของงิ้วปักก่ิงตอ้ งย ้อ น ห ลัง ไ ป ถึ ง งิ้ ว ท้อ ง ถ่ิ น เ ก่ า แ ก่ บ า ง ช นิ ด ใ น อ ดี ตโดยเฉพาะคือ ‚ฮุยปัน‛ ที่เป็ นงิ้วท้องถิ่นท่ีเคยแพร่ หลายอย่างกว้างขวางในภาคใต้ของจีนเม่ือศตวรรษท่ี 18 ในปี 1790 คณะงิ้วทอ้ งถิ่น‚ฮุยปัน‛ รูปที่1.ต้นกาเนดิ ของงิว้ ปักกง่ิคณะแรกเขา้ สู่กรุงปักก่ิงเพื่อเขา้ ร่วมงานแสดงเน่ืองในวโรกาสเฉลิมฉลองวนั เฉลิมพระชนมพรรษาของจกั รพรรดิ หลงั จากน้นั มีคณะแสดงงิ้ว‚ฮุยปัน‛จาํ นวนไม่นอ้ ยไดท้ ยอยเขา้ ไปแสดงในกรุงปักก่ิง เนื่องจาก‚ฮุยปัน‛เคลื่อนยา้ ยไปมาตามท่ีต่าง ๆ บ่อย ๆ เขา้ ใจดูดซบั เอาบทละครและศิลปะการแสดงของงิ้วชนิดอื่น ๆมาปรับใชเ้ ป็ นของตวั เองอยเู่ สมอ ประกอบกบั ปักกิ่งเป็ นแหล่งที่รวมของงิ้วทอ้ งถ่ินมากมาย จึงช่วยให้ ‚ฮุย ปัน‛ ไดย้ กระดบั ศิลปะการแสดงสูงข้ึนอยา่ งรวดเร็ว ในปลาย ศตวรรษที่ 19 ตน้ ศตวรรษท่ี 20 หลงั ผ่านการหลอมรวมเป็ น เวลานานหลายสิ บปี งิ้วปักกิ่งจึงก่อรู ปข้ึนในที่สุ ด และ กลายเป็ นการแสดงงิ้วบนเวทีชนิดใหญ่ที่สุดของจีน ในบรรดา งิ้วชนิดต่าง ๆ ของจีน งิ้วปักกิ่งครองอนั ดบั หน่ึงในหลาย ๆรูปท่ี2.การแสดงงวิ ้ ปักกิ่ง ด้าน เช่น ความหลากหลายของบทละคร จํานวนศิลปิ นนกั แสดง จาํ นวนคณะแสดง จาํ นวนผชู้ มผฟู้ ังและอิทธิพลที่กวา้ งขวาง เป็นตน้งิ้วปักก่ิงเป็ นศิลปะการแสดงสมบูรณ์แบบท่ีรวมศิลปะ‚การขบั ร้อง‛ ‚การพูด‛ ‚การแสดงลีลา‛ ‚การแสดง 29
ศิลปะการต่อสู้‛และ‚ระบาํ รําฟ้ อน‛เขา้ ไวด้ ว้ ยกนั ตวั ละครของงิ้วปักกิ่งที่สําคญั แบ่งเป็ น ‚เซิง‛( เพศชาย)‚ต้นั ‛( เพศหญิง) ‚จิง้ ‛ ( เพศชาย) และ‚โฉว‛( มีท้งั เพศชายและเพศหญิง) นอกจากน้นั ยงั มีตวั ละครประกอบอีกจาํ นวนหน่ึง รูปแบบการแต่งหนา้ เป็ นศิลปะที่มีเอกลกั ษณ์ที่สุดของงิ้วปักก่ิง ความซ่ือสัตยก์ บั ความคดโกง ความงามกบั ความข้ีเหร่ ความดีกบั ความชว่ั และความสูงศกั ด์ิกบั ความต่าํ ตอ้ ย เป็ นตน้ ต่างก็แสดงให้เห็นได้โดยผ่านลวดลายในการแต่งหน้า เช่น สีแดงใช้กับบุคคลท่ีมีความซื่อสตั ย์ สีม่วงเป็นสัญลกั ษณ์แห่งความชาญฉลาด ความกลา้ หาญและความมีน้าํ ใจ สีดาํ สะทอ้ นถึงอุปนิสัยใจคอสูงส่งที่ซ่ือตรง รูปที่3.การแตง่ หน้างวิ ้สีขาวบ่งบอกถึงความคดโกงและความโหดเห้ียมของคนร้าย สีน้าํ เงินแฝงไวซ้ ่ึงความหมายที่มีใจนกั สู้และเก่ากลา้ สีเหลืองใช้กบั ตวั ละครท่ีโหดร้ายทารุณ ส่วนสีทองกบั สีเงิน มกั จะใช้กบั ตวั ละครท่ีเป็ นเทวดาและภูตผปี ี ศาจ มีความเห็นทว่ั ไปวา่ ปลายศตวรรษที่ 18 เป็ นช่วงเวลาแรกท่ีเจริญรุ่งเรืองที่สุดของงิ้วปักก่ิง เวลาน้ัน นอกจากมีสภาพการแสดงงิ้วที่เจริญคึกคกั ของภาคเอกชนแล้ว การแสดงงิ้วภายในพระราชวงั ก็มีบ่อยคร้ังเช่นกนั ท้งั น้ีเป็นเพราะวา่ บรรดาขนุ นางผดู้ ีเช้ือพระวงศต์ า่ งกช็ ่ืนชอบงิ้วปักก่ิง ส่วนเงื่อนไขทางวตั ถุที่ดีภายในพระราชวงั กไ็ ดเ้ อ้ืออาํ นวยความสะดวกไม่นอ้ ยแก่การแสดงงิ้วปักกิ่ง ต้งั แต่การแต่งหนา้ นกั แสดงเส้ือผา้ อาภรณ์ เวทีแสดงและการจดั ฉากแสดง เป็นตน้ งิ้วในวงั กบั งิ้ว‚ชาวบา้ น‛ส่งผลต่อกนั และกนั รูปที่4.การแต่งหนา้ งิ้วปักกิ่ง 30
พดั จีน 扇子 Shànziพดั มีแหล่งกาํ เนิดท่ีประเทศจีน จนถึงปัจจุบนั มีประวตั ิศาสตร์หลายพนั ปี แลว้ วฒั นธรรมพดั ของจีนมีมาช้านานและลึกซ้ึง จีนเป็ นประเทศที่มีอารยธรรมกวา่ 5,000 ปี ส่วนธุรกิจการผลิตพดั ของจีนก็มีกวา่ 3,000 ปี วฒั นธรรมพดั จึงเป็ นส่วนประกอบสาํ คญั ของวฒั นธรรมชนชาติจีน และมีความสัมพนั ธ์อย่างใกลช้ ิดกบั วฒั นธรรมไมไ้ ผ่และ รูปท่ี1.พดั ขนสตั ว์ปีกพุทธศาสนาดว้ ย แต่ไหนแต่ไรมา ประเทศจีนไดส้ มญานามวา่ เป็ นอาณาจกั แห่งพดั วตั ถุที่ใชท้ าํ พดั มีหลายอยา่ ง เช่น ไมไ้ ผ่ ไม้ กระดาษ งาชา้ ง กระดองเต่า หยก และขนสัตวป์ ี ก เป็ นตน้ นอกจากน้ี ใบของพืชชนิดอ่ืนๆ เช่น ใบปาล์ม ใบหมกั และใบตน้ หางแมว เป็ นตน้ ก็สานเป็ นพดั ไดเ้ ช่นกนั พดั นอกจากเป็ นของใช้ประจาํ วนั แลว้ ถา้ หากว่ามีช่างต้งั ใจท่ีจะแกะสลกั สาน หรือวาดภาพ ตกแต่งใหส้ วยงาม ก็จะมีคุณค่าทางศิลปะ ทาํ ให้พดั มีราคามากข้ึนและมีความหมายกวา้ งข้ึนวงศโ์ จว หลงั รถที่กษตั ริยแ์ ละพระราชินีทรงใชน้ ้นัจะมีพดั ดว้ ย เพ่ือกนั ฝ่ ุนและทราย เวลาเสด็จหรือออกเดินทาง ก็จะมีพดั ขนาดใหญ่ตามหลงั เพื่อแสดงถึง ความองอาจ ย่ิงใหญ่ และมีอาํ นาจ ต่อจากน้นั จาก ราชวงศจ์ นถึงขนุ นางช้นั สูง ไดใ้ ชพ้ ดั เป็ นเคร่ืองบ่ง บอกสถานะ จนถึงราชวงศฮ์ น่ั เริ่มมีช่างสานพดั ไม้ ไผ่และพดั ผา้ ต่วน ใช้สําหรับพดั ลม และมีการ พฒั นารูปแบบให้หลากหลาย ยงั มีนิทานเล่ากนั ว่า สมยั น้นั ในเมืองหลวงฉางอนั เคยมีช่างคนหน่ึง ชื่อรูปท่ี2.พดั จีน ติง ห่วน ทาํ พดั ชนิดหน่ึงเรียกวา่ \"พดั เจด็ ลอ้ \" คือเอาพดั 7 ดา้ มต่อเป็ นวงกลม และให้คนหมุนอย่ขู า้ งหลงั สามารถทาํ ให้ลมหรืออากาศหมุนเวียนไดท้ ้งั บา้ นชาวบา้ นบอกวา่ อนั น้ีน่าจะเป็นตน้ กาํ เนิดของลมพดั ในปัจจุบนัยงั มีเรื่องเล่ากนั วา่ โจโฉ ในสามก๊ก เป็นคนชอบพดั เหมือนกนั เคยสัง่ ใหค้ นวาดภาพบนหนา้ พดั เพื่อเป็ นของเล่น ภาพวาดมกั จะมีดอกไม้ มีสายน้าํ หรือเป็นภูเขา และจะแต่งบทกวีดว้ ย แสดงให้เห็นถึงความรู้และฐานะอนั สูงส่งของเจา้ ของพดั การปฏิรูปในระยะเวลากวา่ 3,000 ปี ทาํ ใหพ้ ดั พฒั นาเป็นหลายตระกลู มีพดั กระดาษขาวท่ีผ่งึ ผาย พดั กระดาษดาํ ท่ีล้าํ ค่า พดั ผา้ ใหม่ที่งดงาม พดั แขวงท่ีสง่า นอกจากน้ี ยงั มีพดั ลาํ ท่ีสวยหรูและพดัไมห้ อมที่ไดร้ ับความนิยมอยา่ งกวา้ งขวาง ส่วนหนา้ พดั นอกจากรูปกลมแลว้ ยงั มีรูปไข่ รูปส่ีเหลี่ยม รูปดอกบว๊ ย รูปแดงกวา เป็นตน้ พดั ที่น่าเอ่ยถึงคือพดั พบั เป็ นพดั ที่สามารถพบั เก็บเพ่ือความสะดวก สมยั ราชวงศซ์ ่ง 31
ไดผ้ ลิตพดั พบั โดยทวั่ ไปแลว้ และเจริญรุ่งเรืองในสมยั ราชวงศห์ มิง ฮ่องเตส้ ่ังให้เลียนแบบพดั เกาหลี พฒั นาเทคนิคการสานพดั ของจีน และจนถึงราชวงศช์ ิง ย่ิงใชว้ ตั ถุล้าํ ค่าในการสานพดั เช่น งาชา้ ง กระดองเต่า และไมแ้ ดง เป็นตน้ มีการแกะสลกั ไมพ้ ดั อยา่ งละเอียดประณีต ส่วนท่ีจบั ของพดั ก็มีรูปแกะสลกั ต่างๆนานา เช่นแบบหรูอ้ี แบบขิม แบบนก แบบหวั ปลาทอง แบบแห้ว แบบสมอ เป็ นตน้ ซ่ึงการใชว้ ธิ ีการต่างๆทาํ ให้พดั มีความสวยงามเพิ่มมากข้ึนน้นั ไดเ้ พ่ิมคุณค่าทางดา้ นศิลปะใหก้ บั พดั ดว้ ย สมยั ราชวงศห์ มิง มีกษตั ริยจ์ ู จนั จีเคยทรงวาดภาพ \"อา่ นหนงั สือใตต้ น้ สน\"บนหนา้ พดั ถือวา่ เป็นโบราณวตั ถุที่หายากของจีน รูปที่3.พดั จีนหยก 玉 Yù ชาวจีนโบราณเช่ือวา่ หยกเป็ นส่ิงศกั ด์ิสิทธ์ ที่สวรรค์ประทานให้ อญั มณีท่ีชาวจีนยกย่องว่าเป็ นสัญลกั ษณ์แห่งคุณธรรม 5 ประการ คือ ใจบุญ สมถะ กลา้ หาญ ยตุ ิธรรม และมีสติปัญญา ชาวจีนมีความผูกพนั กบั หยกต้งั แต่เกิดจนตายก็วา่ ได้ เพราะชาวจีนเชื่อว่าหยกเป็ นอญั มณีศกั ด์ิสิทธ์ิที่นาํ มาซ่ึงสิริมงคลความเจริญรุ่งเรือง ความร่ํารวย ความมีโชคแก่ผูค้ รอบครองและทาํ ให้อายุยืนดว้ ยโดยเฉพาะชาวจีนถือว่าหยกเป็ นเจา้ แห่งหินมีค่าท้งั มวล ในอดีตเขา้ ใจกนั วา่ หยกมี เพียงชนิดเดียว ต่อมาเมื่อมนุษยม์ ีความรู้ทางดา้ นเคมีมากข้ึน จึงสามารถแยกหยกไดเ้ ป็น 2 ชนิด คือ 32
เจไดต์ (Jadeite) มกั มีสีเขียวเขม้ สดกวา่ เนฟไฟรต์ จดั เป็นหยกชนิดคุณภาพดี อยใู่ นระบบผลึกแบบหน่ึงแกนเอียง โดยธรรมชาติมกั พบเป็ นก้อนเน้ือแน่นประกอบด้วยผลึกขนาดเลก็ อยรู่ วมกนั มีความวาวต้งั แต่แบบแกว้ จนถึงแบบน้าํ มนั หยกเจไดต์มีสีในเน้ือพลอยเฉพาะตวั และมกั ไม่สม่าํ เสมอ มีสีเขม้ และจางของแต่ละผลึกรวมกนั อยู่ โดยเฉพาะในพลอยกอ้ นจะมีลกั ษณะเป็ นหยอ่ มสี พบวา่ เกิดอยใู่ นหินเซอร์เพนทีน ท่ีไดจ้ ากการแปรสภาพของหินอคั นีชนิดท่ีมีแร่โอลีวีนอยมู่ าก หรือมีโซเดียมอยมู่ าก รูปที่1.หยกเจไดต์เนฟไฟรต์ (Nephrite) อยู่ในระบบผลึกหน่ึงแก่นเอียง โดยธรรมชาติมกั พบเกิดเป็ นผลึกกลุ่มที่มีขนาดเล็กรุปเส้นใยเดียวกนั หยกเนฟไฟรต์ มีความวาวแบบแกว้ ถึงน้าํ มนั สีมีความเฉพาะตวั เหมือนหยกเจไดต์ แต่มีสีเขม้ ไม่เท่า และมีสีมืดมากกว่า พบวา่ เกิดจากหินเดิมท่ีมีธาตุแมกนีเซียมแปรสภาพดว้ ยความร้อน รูปที่2.หยกเนฟไฟรต์หยกมีหลายสีซ่ึงแต่ละสีจะมีสัญลกั ษณ์ต่างกนั ออกไป ไดแ้ ก่ หยกสีเขียว เป็ นสัญลกั ษณ์ของ ความอุดมสมบรู ณ์ ความร่าํ รวย หยกสีขาว เป็นสญั ลกั ษณ์ของ ความมีโชคดี หยกสีม่วง เป็ นสัญลกั ษณ์ของชีวิตท่ีมีความสุขสมบูรณ์พร้อม หยกสีอ่อนๆ เน้ือแกว้ เป็ นสัญลกั ษณ์ของจิตใจที่สงบสุข นอกจากน้ีคนจีนยงัเช่ือกนั อีกวา่ หยกเป็นส่ือของพลงั ในการสร้างสรรค์ มีอาํ นาจคุม้ ครองป้ องกนั อปั มงคล เสนียดจญั ไร และถือวา่ เป็นโชคลาง โดยมีขอ้ สงั เกตวา่ ถา้ หยกท่ีสวมใส่อยนู่ ้นั มีสีสันสดใสข้ึน แปลวา่ กาํ ลงั จะมีโชคดี แต่ในทางกลบั กนั ถา้ หยกน้นั มีความหมองมวั หรือเห็นรอยแตกร้าว ชดั เจนก็ให้เชื่อกนั ไดเ้ ลยวา่ กาํ ลงั จะมีเคราะห์ร้ายเกิดข้ึนแน่นอน ชาวจีนนิยมนาํ หยกมาแกะสลกั เป็นรูปสัตวต์ ่างๆ เช่น ปลา เต่า จิง้ หรีด หนา้ เสือ หนา้ เสือสองหนา้ เรียกวา่ เต๋าเต่ีย ใชเ้ ป็ นเครื่องราง บางทีก็ประกอบกบั ความเช่ือ เช่น นาํ มาแกะเป็ นรูปกลมแบนมีรูตรงกลาง เป็ นสัญลกั ษณ์ของสวรรค์ เรียกวา่ ปิ เพราะถือวา่ สวรรคก์ ลม และนาํ มาแกะเป็ นรูปส่ีเหล่ียม เป็ นสัญลกั ษณ์ เรียกวา่ จุง เพราะถือวา่ โลกเป็นรูปส่ีเหลี่ยม 33
เครื่องป้ันดินเผาจีน 中国陶器 Zhōngguó táoqì ประเทศจีนเป็ นชาติที่มีวฒั นธรรมเก่าแก่ที่สุดในโลกชาติหน่ึงก็ว่าไดค้ ่ะเคร่ืองป้ันดินเผาของจีนก็มีประวตั ิอนั ยาวนานไดร้ ับการพฒั นาสืบทอดตอ่ กนั มาหลายราชวงศ์ จีนมีความกา้ วหนา้ ในการผลิตเซรามิกและเคร่ืองป้ันดินเผาชนิดต่างๆมากที่สุดชาติหน่ึงในโลกราชวงศจ์ ิ๋น จะมีเคร่ืองป้ันท่ีสําคญั คือ ภาชนะ ‚เยว่ ‛ (Yue ware) ทาํจากเน้ือดินสีคล้าํ เคลือบดว้ ยน้าํ เคลือบท่ีมีส่วนผสมของข้ีเถา้ ไมแ้ ละ รูปที่1.เครื่องปัน้ ดนิ เผาจีนดิน ภาชนะเยว่ ถือไดว้ า่ เป็นภาชนะที่โดดเด่นของราชวงศจ์ ๋ินเลยก็วา่ ไดค้ ่ะดว้ ยในเรื่องของสีที่มีความคล้าํ จนกลายเป็ นเอกลกั ษณ์ของ ‚เยว่ ‛ และมีความนิยมทาํ กนั แพร่หลายในช่วงน้นั ราชวงศ์ฮน่ั ในช่วงน้นั จีนมีนโยบายผกู มิตรกบั ต่างชาติ การเดินทางเพื่อแลกเปลี่ยนสินคา้ ของจีนทาํ ให้จีนไดค้ วามรู้เรื่องน้าํ เคลือบตะกว่ั ท่ีพวกโรมนั ใชใ้ นขณะน้นั ภาชนะที่เป็ นเอกลกั ษณ์ของสมยั ราชวงศฮ์ นั่ ก็คือ ภาชนะไหภูเขาคือฝาปิ ดภาชนะเป็ นภาพภูเขา ตวั ภาชนะตกแต่งดว้ ยภาพนูน ต่าํ เป็ นภาพสิงสาราสัตว์ ภาพทิวทศั น์บนฝาภาชนะไดค้ ติจากความเชื่อใน เร่ืองสวรรค์ ความสุข ราชวงศ์ถงั งานศิลปะทางเครื่องป้ันดินเผามีการ พฒั นาต่อเน่ืองจากราชวงศ์ท่ีผ่านมา นอกจากเทคนิควิธีแบบเก่ายงั มีการรูปท2่ี .เคร่ืองปัน้ ดนิ เผาจีน คน้ ควา้ วธิ ีการใหม่ๆเพื่อสร้างสรรคง์ านศิลปะ น้าํ เคลือบตะกวั่ มีการพฒั นา กา้ วไกลดา้ นฝี มือจนเกิดลกั ษณะพิเศษเป็ นที่ยอมรับทว่ั ไปจนปัจจุบนั น้ีคือเครื่องป้ันท่ีเรียกวา่ ‚ถงั สามสี‛ ลกั ษณะคือจะมีการใชเ้ คลือบสีโดยประมาณ3สีเป็ นสีท่ีสดใสเคลือบสีเหล่าน้ีจะไหลน้อยๆเม่ือแต่ละสีไหลมาผสมกนั จะทาํ ให้เกิดความนุ่มนวลของสีเปรียบไดก้ บั การระบายภาพบนกระดาษดว้ ยสีน้าํ ราชวงศซ์ อ้ ง เคร่ืองป้ันดินเผาสมยั ราชวงศซ์ ้อง สมยั รุ่งเรืองของศิลปะเครื่องป้ันดินเผาจีนเพราะมีความงดงามท้งั รูปทรงและน้าํ เคลือบ เคร่ืองป้ันดินเผา ราชวงศห์ ยวน เป็ นราชวงศข์ องชาวมองโกลที่ไดเ้ ขา้ มาครอบครองแผน่ ดินจีน ลกั ษณะของเครื่องป้ันดินเผาจะแตกตา่ งจากราชวงศซ์ อ้ งอยา่ งมาก มกั ชอบตกแตง่ อยา่ งอลงั การ ภาชนะคอ่ นขา้ งหนกั ไม่เพรียวตกแตง่ เตม็ พ้ืนที่ท้งั ลายป้ันนูนและลายเขียน และคน้ พบวธิ ีเขียนภาพดว้ ยสีคราม สีน้าํ เงิน หรือเรียกวา่ ลายคราม ราชวงศห์ มิง ส่วนใหญ่จะเป็ นลายธรรมชาติ เป็ นภาชนะลายครามเขียนลายสีน้าํ เงินบนดินชนิดปอร์ซเลน ทาํ ตอ่ เนื่องมาจากราชวงศห์ ยวน มีการคิดคน้ การทาํสีต่างๆ 34
เครื่องเคลอื บ 瓷器 Cíqìการประดิษฐ์เคร่ืองเคลือบดินเผา ถือเป็ นคุณูปการอนัย่ิงใหญ่ของชนชาติจีนที่มีต่ออารยธรรมโลก คําว่า ‚China(เครื่องเคลือบดินเผา)‛ ในภาษาองั กฤษ หมายถึงประเทศจีนนน่ั เอง เครื่องเคลือบดินเผากาํ เนิดมาจากเคร่ืองป้ันดินเผา และเคร่ืองเคลือบสีอาจเรียกได้ว่าเป็ นจุดเด่นของประวตั ิศาสตร์ รูปท่ี1.เคร่ืองเคลอื บดินเผาเคร่ืองป้ันดินเผาเลยทีเดียว เครื่องเคลือบสีลายปลาหนา้ คนถือเป็ นผลงานชิ้นเอกในบรรดาเครื่องเคลือบสีช่วงตน้ ของยุคหินใหม่ (ประมาณ 4,000 – 14,000 ปี ก่อน) ถูกขุดพบในปี 1955 ท่ีแหล่งโบราณคดีป้ันโพเมืองซีอาน มณฑลส่านซี ซ่ึงเป็ นส่วนหน่ึงของวฒั นธรรมหยง่ั เสา ขอบชามเคร่ืองเคลือบม้วนออก เลก็ นอ้ ย ตวั ชามเป็นสีแดงท้งั หมด ขา้ งชามดา้ นนอกเป็ นรูปปลาสาม หางกาํ ลังแหวกว่ายไล่ตามกนั สะท้อนให้เห็นว่าการจบั ปลามี บทบาทสําคัญต่อชีวิตในสังคมสมัยน้ันก้าวเข้าสู่สมยั ราชวงศ์ฮ่ัน (202-220 ปี ก่อนคริสตศ์ กั ราช) ‚เส้นทางสายไหม‛ อนั ลือช่ือเป็ น ตวั เช่ือมการแลกเปลี่ยนวฒั นธรรมระหว่างจีนกบั ภายนอก ประเทศ จีนเร่ิมเล่ืองช่ือไปท่ัวโลกด้วยสมญานามว่า ‛ประเทศแห่งเคร่ืองรูปท1ี่ .เคร่ืองเคลอื บดนิ เผาราชวงศ์ฮน่ั เคลือบ‛ เทคโนโลยีเคร่ืองเคลือบดินเผาไดพ้ ฒั นาไปขา้ งหนา้ โดยอาศยั พ้ืนฐานของเครื่องป้ันดินเผายคุ ก่อนและการพฒั นาเทคนิคการทาํ เคร่ืองเคลือบดินเผาแบบด้งั เดิม โถศิลาดลสมยั ราชวงศ์ฮน่ั ตะวนั ออก (คริสต์ศกั ราชท่ี 25-220 ) ถูกขุดพบท่ีเขตซั่งอวี๋มณฑลเจอ้ เจียง ดังรูปภาพ การขุดพบเครื่องเคลือบสีเขียวอ่อนน้ันแสดงให้เห็นถึงความสําเร็จสูงสุดของฝี มือการทาํเครื่องป้ันดินเผาในสมยั ราชวงศ์ฮน่ั มาถึงสมยั ราชวงศ์ซ่ง (คริสตศ์ กั ราชที่ 960-1279) อุตสาหกรรมการผลิตเคร่ืองเคลือบดินเผาพฒั นาไปอยา่ งมาก เตาเผาท่ีมีชื่อเสียงจึงปรากฏข้ึน หน่ึงในน้นั คือเครื่องเคลือบจากเตาเผาหรู่ที่เล่ืองชื่อดา้ นความประณีตงดงาม เตาเผาหรู่เป็ นเตาเผาสําหรับเผาเครื่องเคลือบให้ราชสาํ นกั ในสมยั ราชวงศซ์ ่งเหนือโดยเฉพาะ ซ่ึงเป็นท่ีโปรดปรานยง่ิ ของบรรดาเช้ือพระวงศ์ สีที่เคลือบบนเคร่ืองเคลือบจากเตาเผาหรู่ต่างจากเคร่ืองเคลือบสีเขียวอ่อนอ่ืนๆ สมยั ราชวงศห์ มิงและชิง (คริสตศ์ กั ราชที่ 1368-1840)เคร่ืองเคลือบสีมีหลากหลายแบบเคร่ืองลายครามของเมืองจ่ิงเต๋อเจิ้น (มณฑลเจียงซี) ซ่ึงเป็ น ‚นครแห่งเครื่องเคลือบดินเผา‛ นบั ได้วา่ เป็ นเคร่ืองเคลือบท่ีโด่งดงั ท่ีสุดภาพวาดตกแต่งของเครื่องลายครามวิจิตร 35
งดงาม ลวดลายมีรูปแบบหลากหลายไดร้ ับความนิยมในวงกวา้ งในรูปคือ จานลายครามลายดอกไมล้ อ้ มดว้ ยกา้ นใบการตัดกระดาษ 剪纸 Jiǎnzhǐ ศิลปะการตดั กระดาษของจีน คือการใชก้ รรไกรหรือมีดตดั หรือแกะลวดลายบนกระดาษ เพ่ือแต่งแตม้ ความงามให้กบั ชีวิตหรือใชป้ ระกอบในศิลปะทอ้ งถิ่นตามกิจกรรมประเพณีพ้ืนบา้ น เป็ นวฒั นธรรมเก่าแก่ที่มีประวตั ิศาสตร์มายาวนาน และเป็ นส่ิงล้าํ ค่าทางวฒั นธรรมของจีน เมื่อวนั ที่ 20 พฤษภาคม ค.ศ.2006 ประเทศจีนไดจ้ ดั ลาํ ดบั ให้ศิลปะการตดักระดาษเป็ นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ระดับชาติรุ่ นที่ รูปที่1.การตดั กระดาษหน่ึง ประเภทของศิลปะการตดั กระดาษมีมากมาย เช่น กระดาษตดั ประดบั หนา้ ต่าง กระดาษตดั ประดบัของขวญั กระดาษตดั ประดบั รองเทา้ ผา้ แบบจีน กระดาษตดั รูปอกั ษร ‚喜 (มงคล)‛ ท่ีใชใ้ นงานแต่งงานกระดาษตดั รูปมวลบุปผาทรงกลม กระดาษตดั รูปตวั อกั ษรจีน กระดาษตดั รูปภาพต่าง ๆ เป็นตน้เชือกถักจีน 中国结 Zhōngguójié รูปท่ี1.จงกว๋ั เจี๋ยศิลปะเชือกถกั จีน จงกว๋ั เจี๋ย (中国结) Zhōngguójié หรือศิลปะเชือกถกั จีน นบั เป็ นอีกหน่ึงผลงานศิลปะประดิษฐ์ท่ีมีความเป็นเอกลกั ษณ์ และเป่ี ยมดว้ ยภูมิปัญญาแห่งชนชาติจีน เชือกถกั จีนมีตน้ กาํ เนิดในยคุ โบราณที่ยงั ไม่มีตวั อกั ษร ผคู้ นใชว้ ิธีขมวดปมที่แตกต่างกนั ไวบ้ นเชือกเพอ่ื ช่วยในการจดจาํ เร่ืองราว ในหนงั สือ โจวอ้ีจู้ ของเจิ้งเสวยี น (ค.ศ.127-200) นกั คน้ ควา้ ศึกษาคมั ภีร์ขงจื๊อชื่อดงั มีชีวติ อยใู่ นช่วงปลายยคุ สมยั ฮน่ั ตะวนั ออก อธิบายเพมิ่ เติมวา่ การมดั ปมจดบนั ทึกในอดีตน้นั หากเป็ น 36
เรื่องใหญ่สาํ คญั ใชป้ มใหญ่ เร่ืองเลก็ ปมเล็กเมื่อย่างเขา้ สู่ราชวงศ์ชิง การถกั เชือกถือเป็ นชิ้นงานศิลปะอีกแขนงท่ีมีความสวยงามและไดร้ ับความนิยมแพร่หลาย โดยถูกนาํ มาใชเ้ ป็ นเครื่องประดบั ตกแต่งในชีวติ ประจาํ วนัมากมาย อาทิ ถักเป็ นเชือกห้อยหยกประดับเส้ือ หรือถักมาแขวนประดบั เพ่ิมความหรูหราสวยงามใหก้ บั เก้ียวนง่ั หนา้ ต่าง มุง้ พดั ขลุ่ยถุงหอม สร้อยคอ ฯลฯ โดยคาํ วา่ เจ๋ีย ประกอบข้ึนจากคาํ วา่ จี๋ ท่ีแปลวา่มงคล ดว้ ยเหตุน้ีศิลปะเชือกถกั จีน จึงถูกโยงเขา้ กบั ความเป็ นศิริมงคลการพกจงกวั๋ เจี๋ย หรือมอบจงกวั๋ เจ๋ียจึงเสมือนดง่ั พกความเป็ นศิริมงคลมียนั ตก์ นั ภยั ติดตวั ไปดว้ ยนนั่ เอง สมยั ราชวงศช์ ิงน้ีเชือกถกั ไดพ้ ฒั นาไปอยา่ งมาก มีแบบหลากหลาย ประณีตพิสดาร ทาํ ใหเ้ ชือกถกั เปลี่ยนจากเครื่องประดบั ตกแต่งกลายเป็ นงานศิลปะวสั ดุหลกั ที่ใชใ้ นการทาํ เชือกถกัจีนคือเส้นด้าย ชนิดของด้ายมีมากมาย อาทิ ไหม ฝ้ าย ปอ ไนล่อน ฝ้ ายผสมใยสังเคราะห์ และอื่นๆ ด้ายเหล่าน้ีล้วนสามารถนาํ มาถกั ได้ จุดเด่นท่ีสุดของการถกั คือ เชือกถกั ทุกอนั จะใช้ดา้ ยเพียงเส้นเดียวต้งั แต่เริ่มตน้ จนจบ เม่ือถึงเทศกาลครึกคร้ืน เชือกถกั จีนมกั จะเป็ นเคร่ืองประดบั ตกแต่งแขวนอยภู่ ายในห้อง หรือเป็นของขวญั เพ่อื มอบใหแ้ ก่ญาติสนิทมิตรสหาย รูปลกั ษณ์งดงาม แฝงกล่ินอายโบราณช่วยสร้างบรรยากาศกลมกลืนและเป็ นสิริ มงคล 37
กจิ กรรมท้ายบทแบบฝึกหดั ทายบท1.คาํ วา่ china ในภาษาจีนหมายถึงอะไร2.อญั มณีที่ชาวจีนยกยอ่ งวา่ เป็นสญั ลกั ษณ์แห่งคุณธรรม 5 ประการ คืออะไร3.หยกท่ีคน้ พบในประเทศจีนมี่กี่ชนิด อะไรบา้ ง4.เคร่ืองป้ันดินเผาในราชวงศห์ ยวนมีลกั ษณะเป็นอยา่ งไร5.การเชือกถกั จีนไดร้ ับความนิยมแพร่หลายในราชวงศใ์ ด2.แบ่งกลุ่มนาํ เสนองาน 38
บรรณานุกรมศรีพฤฒา MOU ขงจ่ือABAC.(2016).[ระบบออนไลน์]. สืบคน้ จาก http://www.sts.ac.th/0538/2016/09/22/มิส ผอ่ งศรี เอ้ืองไพโรจน์. กล่มุ สาระภาษาต่างประเทศ.).[ระบบออนไลน์]. สืบคน้ จากhttp://www.thai.cri.cn/chinaabc/chapter14/chapter140507.htm . (1 พฤษภาคม พ.ศ. 2559).เหยนิ จิ่งเหวนิ .หนังสือจุ๊กจิ๊กจอจีน เล่ม1.[ระบบออนไลน์]. สืบคน้ จากhttp://www.dict2u.com/วฒั นธรรมประเพณจี ีน.[ระบบออนไลน์]. สืบคน้ จาก https://porn12553.wordpress.com/2010/10/01/.(ตุลาคม 1.2010)ชลลาวลั ย์ ธญั ญศิรินนท์.อารยธรรมโลก.[ระบบออนไลน์]. สืบคน้ จากhttp://worldcivil14.blogspot.com/2015/12/4.htmlวารสารนานมีนิวส์ ฉบับที่ 12. [ระบบออนไลน์]. สืบคน้ จากhttp://www.thongkasem.com/knowledge.php?kid=68.(15 มกราคม พ.ศ. 2557)วชิ าการ.คอม.[ระบบออนไลน์]. สืบคน้ จาก http://www.vcharkarn.com/varticle/44131.( มกราคม 27.2012)\"หล่นบนโต๊ะจีน\" ชุดท่ี 2.[ระบบออนไลน์]. สืบคน้ จากhttp://www.oecschool.com/viewknowlage.php?noknowlage=24.(23 กุมภาพนั ธ์. 2559)ประวตั แิ ละวฒั นธรรมจีน.[ระบบออนไลน์]. สืบคน้ จาก https://sites.google.com/site/momaymay1999/.(23กุมภาพนั ธ์. 2559)อาจารยพ์ พิ ฒั น์ จิตอารียร์ ักษ.์ ประวตั ศิ าสตร์เซรามิกส์ . [ระบบออนไลน์]. สืบคน้ จากhttp://www.horonumber.com/blog-2265จินเหวย่ และโหยว กวา้ นอว้.ี ศิลปะการตัดกระดาษของจีน.[ระบบออนไลน์]. สืบคน้ จากhttp://www.cim.chinesecio.com/hbcms/f/article/info?id=f37bf8a67b4c4da4a0e6d887c164bad3.(8พฤษภาคม.2017)ศิลปหตั ถกรรมสะท้อนวฒั นธรรมจีน.[ระบบออนไลน์]. สืบคน้จาก http://thai.chinese.cn/chineseculture/article/2013-04/25/content_493333.htm
Search
Read the Text Version
- 1 - 45
Pages: