Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือมรดกธรรม เล่ม ๑

หนังสือมรดกธรรม เล่ม ๑

Published by koranis9, 2020-11-10 19:38:00

Description: หนังสือมรดกธรรม เล่ม ๑

Search

Read the Text Version

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วดั ปทุมวนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เล่มท่ี ๑ อะไร อยู่เพ่ือสร้างคุณสร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติบ้านเมือง สร้างคุณสร้างประโยชน์ให้ศาสนา ให้ศรัทธาญาติโยมท่ียังเข้าไม่ถึง ให้เข้าถึง น่ัน เห็นไหมน่ัน ถ้าใจบริสุทธิ์แล้ว ถ้าใจเข้าถึงพุทธ ธรรม สงฆ์แล้ว ยังไงทาอะไรก็ไม่มีโทษ ถ้าใจดวงนี้เข้าไม่ถึงนะ ทีน้ี ยังไงก็ ผิด เดินผิดทาง เราท่านทั้งหลาย ถงึ ให้ว่า ให้สรา้ งตรงน้ี ใหม้ ีสถานที่ ตรงน้ีไว้ เพ่ือใจจะได้มีหลัก มีเกณฑ์ มาเป็นแล้วก็เป็นส่ิงท่ีน่า อนโุ มทนา สาธุ เพราะสถานที่อย่างนี้มันไม่มีแล้ว ที่จะให้พ่ีน้องชาว กรุงเทพฯ เพราะเขามีทุกส่ิงทุกอย่าง เขาไม่มีแต่บุญเขาไม่มีแต่ ธรรม เท่านั้นเอง แต่กิเลสเขามีเต็มตัว ทุกส่ิงทุกอย่างเขามีหมด เคร่ืองวัตถุไทยทาน หรือทุกสิ่งทุกอย่างเต็มสมบูรณ์หมด บริบูรณ์ หมด ไม่เคยบกพร่อง แต่หัวใจของเขาท้ังหลายเนี่ย เขาจะบกพร่อง เพราะเขามองเห็นแต่โลกอย่างเดียว เขาไม่เคย โอปนยิโก น้อมมำ อยู่ในฝ่ำยอรรถฝ่ำยธรรม ดูแต่โลก คิดตั้งแต่เรื่องโลก ทาแต่โลก เม่ือหัวใจมันมีแต่โลกแล้ว จะทาอะไร คิดอะไร ก็เพื่อโลกท้ังน้ัน ทา ไปเพ่ือการสนองกิเลสอย่างเดียว เพราะฉะนั้น เร่ืองธรรมจึงเป็น เรื่องที่สาคัญมาก เพราะฉะน้ัน ขอเวล่าเวลาให้ตัวเจ้าของ เช่น ทา การทางานมาเหน็ดเหน่ือยเม่ือยล้า วันอาทิตย์วันเสาร์ก็ให้เอาตัว ของเราเข้าวัดเข้าวาบ้าง เข้ามาหาศาสนา เราเข้าหากิเลสมามาก พอแล้ว ๗ วัน ๘ วัน มีแต่เข้าหากิเลสทั้งน้ัน อยู่ในบ้านในเรือน ขอ เวลาถ้าเป็นวันเสาร์ วันอาทิตย์ แต่ก่อนเขาให้หยุดวันพระ วันโกน ในเมื่อโลกสงสาร เขามีสมมติท่ีจะต้องปฏิบัติกัน ต่อกันแล้ว เขาก็ ตอ้ งให้หยุดวนั เสาร์ วนั อาทิตย์ ๕๐

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เล่มที่ ๑ เอาวันเสาร์ วันอาทิตย์ เอาลูกเอาหลานเข้าวัดเข้าวา เข้า หาศาสนา พาครอบพาครัวมานั่งปฏิบัติ จิตตภำวนำบ้าง หรือ ไม่อย่างน้ันก็หลบหลีกปลีกตัวกันออกมา เดินเข้าแต่ห้าง มีแต่ไป เดินเสริมกิเลส ควักแต่กระเป๋า แต่ปากก็บอกว่าเศรษฐกิจไม่ดี เศรษฐกิจไม่ดี ใจเจ้าของไมด่ ี ไม่เคยพดู ใจไม่มีซปิ ที่จะรดู เห็นอะไร ก็ซ้ือดะ เห็นอะไรก็เอาออกดะ หัดเข้าวัดเข้าวาเข้าหาศาสนา นี่ แหละวันอาทิตย์ วันเสาร์เอาตัวเราเข้ามา ย่ิงวันนี้เป็นวันพระด้วย ให้เราท่านทั้งหลาย น้อมกายวาจาใจ เอาขันธ์ ๕ มาตักเอาบุญ เอา ขันธ์ ๕ มาบาเพ็ญเอาบุญ พากันเข้าวัด นี่ห่างเหินเสียจนเหินห่าง กันไปหมด ทั้ง ๆ ที่พระพุทธศาสนาในเมืองไทยนี่ ถ้าแต่ก่อนก็ว่า ๙๕ เปอร์เซ็นต์ ทุกวันนี้แทบจะไม่เหลือ เหลือแต่สัญลักษณ์ของ ความเป็นชาวพุทธ ไม่ว่านักบวชหรือฆราวาส ศรัทธาญาติโยมมีแต่ สัญลักษณ์ แต่เก่าแต่ก่อนเขาไปเฝ้าพระพุทธเจ้า เขาไปฟังธรรมใน สานักของพระพุทธองค์ เอาโสดา สกิทาคา อนาคา อรหันต์ไปกิน หมด ถ้าเป็นญาติโยมเข้าไป ๕๐๐ เป็น ๑,๐๐๐ เน่ีย มีต้ังแต่ เป็นพระโสดา สาเร็จมรรค สาเร็จผล แต่ทุกวันนี้ แม้แต่เร่ืองต้น ๆ เช่น คนเราควรจะมากราบพระ ทาวัตร สวดมนต์ ภาวนา แค่น้ีก็ยัง ทาไม่ได้ แล้วจะเอามรรค เอาผลจากที่ไหนกัน เพราะฉะน้ัน ชาว พุทธถึงได้เหลิง ลืมวัดลืมวา ลืมศาสนาแทบจะไม่มีใครที่สนใจ ศาสนาเลย ไม่ว่าวงงานราชการ ไม่ว่าศรัทธาญาติโยม เห็นศาสนา เปน็ เครอื่ งเล่น เปน็ ตุก๊ ตาไปแลว้ ทุกวันน้ี เหน็ ไหมนน่ั กเ็ พราะไม่พา กันสนใจ มองศาสนามองเป็นวัตถุไป ไม่ได้มองเห็นความสัจ ความ จริง ให้เข้ามาปฏิบัติสิ มาค้นคว้าหาความจริงสิ ศำสนำปรำกฏอยู่ ๕๑

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วัดปทมุ วนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ที่ ๑ ในหัวใจนะ ไม่ได้ปรากฏอยู่ท่ีไหน แม้แต่บำปมันก็ปรำกฏอยู่ใน หัวใจ บุญก็ต้องปรำกฏในหัวใจ ศำสนำร้ำงอยู่ในหัวใจ ศำสนำก็ จะตอ้ งข้นึ ตรงต่อหัวใจเชน่ เดียวกนั หัวใจจึงเป็นส่ิงสาคัญ วันพระวันเจ้า ๕-๖ วัน ๗ วัน ก็ให้มี วันเจ้าของสักวันหน่ึง ให้มีโอกาสได้มานั่งพักผ่อน ชาร์ตแบตเตอรี่ มาก็ไม่ได้เสียสตุ้งสตางค์เลย ไม่ต้องหิ้วคุสังฆทานมาหรอก เอาแค่ กำย วำจำ ใจ เอำแค่ธำตุ ๔ ขันธ์ ๕ น่ี มา เข้ามา ใครมาอยู่ ตรงไหน ก็น้อมสู่พุทธ ธรรม สงฆ์ เพราะใจนี่ห่างเหินจาก พระพุทธเจ้ามากจนเกินไป จนกระทั่งมองไม่เห็นแล้ว ธรรมของ พระองค์มันไกลสุดกู่แล้ว จนกระท่ังน้อมมาสู่ภายในก็นอ้ มไม่ได้เลย คดิ เรือ่ งอรรถเรอื่ งธรรม คิดไม่ไดเ้ ลย แล้วจะเข้าใจว่าตนเองเปน็ ชาว พุทธไดอ้ ย่างไร ความเข้าใจในความเป็นพระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าท่ี ทา่ นเปน็ สกั ขีพยานใหก้ ับพระศาสนา เปน็ สกั ขพี ยานใหก้ ับพระพุทธ องค์ แลว้ ก็ไมเ่ ข้าใจท่าน นี่แหละการตคี วามหมาย เชน่ พระดี ๆ นะ ก็ไปตีความหมายว่าก็เป็นเหมือนพระเรา ๆ ท่าน ๆ ตาท่านก็มี หู ท่านก็มี นั่นก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง แต่ใจท่านไม่ได้เป็นอย่างเรานี่น่ะ นี่ คือตีความหมายแบบโลกไง เพราะฉะน้ัน การตีความหมาย คุณค่า ของอรรถของธรรม มนั ก็ตตี ามกิเลสของเจ้าของล่ะทีน้ี เลยพากนั ไม่ เข้าใจศาสนา ท้ัง ๆ ที่ศาสนาเป็นของเลิศขนาดไหน แต่ว่า โลกุตตรธรรมน่ี แปลวา่ ธรรมทเ่ี หนอื โลก อยู่ในโลก ก็มีแต่โลภ โกรธ หลง เต็มกันไปหมด ไม่ว่าท่าน ว่าเรา มันจะไปรู้ว่าศาสนาเป็นของเลิศของประเสริฐขนาดไหน นี่ แหละ ท่านท้ังหลาย ถึงอยากเห็น ภาพแบบนี้กลับย้อนคืนมาให้สู่ ๕๒

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วดั ปทมุ วนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ท่ี ๑ เมืองไทยเรา แผ่นดินไทยจะได้สงบร่มเย็น แผ่นดินไทยจะมีแต่คน เข้าวัดเข้าวา เข้าหาศาสนา ผลของคนเข้าวัดเข้าวาเข้าหาศาสนา มี แต่ความร่มเย็นไปหมด อย่างทาไมแต่ก่อนไม่ค่อยมีอะไรกันเลย แต่ ทุกวันนี้มองหน้ากันก็ไม่ได้ หาว่ามีปัญหาเหรอ ดูดิ ใจคนมันต่า ขนาดไหน มองหน้ากันก็ไม่ได้นะ ถ้ามองลงต่าก็ว่ามองอะไร มอง ส้นตีนเหรอ น่ัน ดูสิ ความต่าของคนน่ะ ถ้ามองหน้าก็มองไม่ได้อีก ก็เพราะอะไร ก็เพราะใจมันไม่มีธรรม มันมีแต่กิเลส เพราะฉะนั้น กเิ ลสจงึ เอาเปน็ เคร่ืองมือไง ออกทางตา ตากเ็ ปน็ พษิ ออกทางหู หกู ็ ร้อน คิดทางใจ ก็คิดร้อนไปหมด มันไม่เคยคิดเรื่องอรรถเร่ืองธรรม เร่ืองศาสนาเลย คิดแต่แบบกิเลส ทามันก็ทาแบบกิเลสสิ เม่ือมันคิด แบบกิเลส มันก็ต้องทาแบบกิเลสสิ จึงให้เราท่านท้ังหลายน้อมจิต น้อมใจ น้อมโอปนยิโก น้อมพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ลงมำ อยู่ท่ีหัวใจ เบรกมันไว้ มันจะได้ไม่โลภ เกินโลก เกินสงสาร มันจะ ได้ไม่โกรธจนหัวฟัดหัวเหว่ียง จนกระทั่งพล้ังพลาด ไปทาสิ่งไม่ดีไม่ รา้ ย เชน่ ไปเขน่ ไปฆา่ ไปรงั แกคนอื่นเขา ถา้ หลง กไ็ ม่ใช่หลงจนหัว ปกั หวั ปา พุทธศาสนาจงึ เป็นยาแก้ ยาระงบั ชาระมลทิน ใหอ้ อกจาก หัวใจ แต่ละดวง ละดวง แต่ละคน ละท่านแล้วนี่ ดีหนึ่ง ดีสอง ดี สาม ดีสี่ ดหี า้ ดเี ต็มหมดศาลาแลว้ น่ี ดีตรงน้มี นั ก็จะประกาศความดี ออกไปหมด ทีน้ี น่ีต่างคนต่างส่งเสริม ต่างคนต่างมาเพิ่ม เพิ่มไป เพ่ิมมา สุดท้ายมาเมืองไทย มีแต่เมืองฟืนเมืองไฟ มันก็ร้อนไปหมด จนจะไว้ใจกันไม่ได้ วางใจกันไม่ลง ระหว่างสามีภรรยา ก็ไม่มี ระหว่างผู้บังคับบัญชาก็ไม่มี เพราะอะไร เพราะมันไม่มีธรรม เป็น เคร่ืองข่มหัวใจให้อ่อนได้ ก็เลยได้ใจแข็งๆ ต่างคนต่างไม่ยอมกัน ๕๓

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วัดปทมุ วนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เล่มที่ ๑ ต่างคนก็ต่างบอกว่ามีเหตุผล เหตุผลของคนมีกิเลสมันต้องเข้าข้าง เจ้าของอยเู่ สมอนะ อย่างที่ครูบาอาจารย์ท่านพูด เหตุผลของแมลงวัน มันก็ไป ของแมลงวันล่ะ เหตุผลของแมลงผึ้งมันก็ไปของแมลงผึ้ง แล้ว เหตุผลอยู่ตรงไหน ถ้าเป็นเรื่องพวกนี้ เข้าอัตตาเจ้าของหมด เขา้ ขา้ ง เจ้าของหมด แต่เร่ืองธรรมไม่เข้าข้างใคร ธรรมไม่เข้าข้างใคร แต่ เร่ืองของกิเลส มันเข้าข้างตัวเจ้าของหมด หาความชอบธรรมให้กับ เจ้าของ ข้างๆ คูๆ ไปก็มี ฝืนเข้าไปก็มี อย่างนี้ แต่เรื่องธรรม มันไม่ มี เพราะฉะน้ัน จริง ๆ แล้วเร่ืองของธรรม มันไม่กระทบกระทั่งใคร ไม่กระทบกระเทือนใครอีกด้วย ถึงอยำกให้สร้ำงธรรมข้ึนมำใน หัวใจของแต่ละดวง ละดวง ละดวง โดยเฉพาะชาวพุทธ ชาวไหน กแ็ ล้วแต่เถอะ กม็ กี เิ ลสกันทกุ คน มคี วามโลภ ความโกรธ ความหลง ทกุ คน มีราคะ ตัณหาเหมือนกนั ทุกคน ถ้ารู้วา่ สง่ิ เหล่าน้ีเป็นโทษ ละ ส่ิงเหล่านี้ โลกท้ังหลายก็จะไม่วุ่นว่ีวุ่นวาย มีปัญหากันก็เพราะสิ่ง เหลา่ นเี้ อง น่ีเราถึงว่าให้เข้าวัดเข้าวาเข้าหาศาสนา เพื่อมาเช็คในตัว เจ้าของ น้อมกำย วำจำ ใจมำส่ศู ำสนำ คือมำสคู่ ณุ งำมควำมดี คา วา่ คุณงามความดนี ่ี ต่างคนตา่ งท่านกร็ ้อู ยแู่ ลว้ ท่ีเราเอาพระพทุ ธเจ้า ก็คิดอีกว่า ถือแต่พระพุทธเจ้าของเรามันไม่ดีเหรอ มันก็จะคิดไป อย่างน้ันอีก มันก็เลยกลายเป็นอัตตาขึ้นมา เป็นฝักเป็นฝ่าย เป็น ทา่ น เป็นเรา เป็นเขาเปน็ เราเขา้ มา เป็นฝา่ ยนน้ั ฝ่ายนี้ไป คาว่า ธรรม ไม่ข้ึนอยู่กับผู้ใด เหมือนความแก่อย่างน้ี มัน ขึ้นกับใครบ้าง เหมือนความเจ็บอย่างนี้ มันข้ึนกับใคร เหมือนความ ตายอย่างนี้มันข้ึนกับใคร ข้ึนกับความเป็นจริงต่างหาก น่ีพุทธ- ๕๔

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วดั ปทมุ วนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เล่มท่ี ๑ ศาสนาปรากฏอยู่ตรงน้ี ข้ึนอยู่ตรงนี้ ขึ้นอยู่กับความจริง เพราะฉะนั้น เราถึงกล้ากล่าว พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สรณัง คัจฉำมิ เพราะเอาความจริงตรงน้ี พระพุทธเจ้าก็ปรากฏตรงน้ี ธรรมของ พระองค์ทกี่ ลา่ ว ก็กล่าวกันอยตู่ รงนี้ บรรดาพระสงฆ์สาวกที่ท่านบรรลธุ รรม ก็บรรลุ ที่รู้ ก็รู้ตรง นี้ แล้วจะไม่ให้เรากล่าวพุทธัง ธัมมัง สังฆัง ที่ว่า ที่เป็นสมมติได้ อย่างไร ส่วนส่ิงนั้นมันไม่ใช่วิสัยที่เราจะไปคิด อันนั้นมันนอกเหตุ เหนือผลแล้ว ถ้ายังอยู่ในเหตุเหนือผล ถ้าเราต้องการสมมติ สมมติ ฝ่ายน้กี ็ตอ้ งเป็นอย่างน้ีมา เหมอื นเดินตามครู เหมอื นเดินตามศาสน ธรรม เดินกันอย่างนี้ ถ้าไม่เดินเส้นน้ี เดินไม่ได้ เหมือนจะไปอีสาน ก็ต้องมีเส้นทางมิตรภาพ ไปเส้นอื่นถามว่าถูกไหม มันก็ถูก แต่ว่า มันกถ็ ูกออ้ ม มันโค้ง มันทาให้เสียเวลา สจั ธรรมควำมจริงเหมือนกัน พระองค์ พระพุทธเจ้าผ่าเผง เลย เป็นมัชฌิมำปฏิปทำ ทางเส้นนี้ ทำงที่จะเข้ำถึงควำมจริง ถ้า ปลีกออกจากตรงนี้ ไม่ใช่ เดินแวะออกจากตรงน้ี เดินไม่ถูก ถ้าแวะ ออกนิดหน่อย ก็เหมือนมาคราวน้ี ถ้าหลงทางหน่อยนึงก็เสียเวลา หนอ่ ยนึงล่ะ หลงทางมาก มนั กเ็ สยี เวลามาก ยง่ิ หลงไปสุดก่แู ลว้ อนั นีไ้ ปไมก่ ลบั เลย ไปไม่ถูกเลย ผ้ทู ่ีเขา้ ถึงความจรงิ ถึงพุทธ ธรรม สงฆ์ ต้องเดินทางเส้นน้ีก่อน ถึงจะเดินตรงได้ ถึงจะถึงควำมจริงได้ ถึง จะถงึ มรรคถงึ ผลได้ นี่ต่างคนต่างท่าน ต่างก็ไม่เดินกัน ไปไหนก็ว่าแต่พุทธ ๆ ๆ พุทธแต่ตัวหนังสือแต่ไม่เห็นในกาย ในวาจา และในใจของแต่ละ ดวง ๆ ๆ ว่ามีพระพุทธศาสนาประจาจิต ประจาใจไว้บ้าง นี่แหละ เราท่านทั้งหลายถึงได้เดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้า เดือดร้อนในตัว ๕๕

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วัดปทุมวนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เล่มท่ี ๑ เจ้าของ เดือดร้อนในคนข้างเคียง เดือดร้อนกันออกไปทั่ว เพราะ ตา่ งคนตา่ งไมร่ ักษาไฟในหัวใจของแต่ละดวง ๆ ๆ ไว้ กำรภำวนำพุทโธ ธัมโม สังโฆ กำรบริกรรม กรรมฐำน กำรรักษำกรรมฐำนแต่ละอำรมณ์ ๆ คือกำรรักษำใจไม่ให้ออกไป ในทำงข้ำงนอก พวกเราท่านท้ังหลายไม่มีกรรมฐานเอง เวลาใคร พูดอะไร ผดิ หูบ้าง มนั กฟ็ บั่ ออกไปแล้ว เกดิ ความโกรธขน้ึ มาแล้วน่ัน เห็นไหมน่ะ เพราะไม่ยึดกรรมฐานไว้ การปฏิบัติธรรมกรรมฐานจึง เปน็ สงิ่ จาเป็น ทุกคนทกุ ทา่ นกม็ อี ยู่แล้ว กรรมฐานนี่ แต่พระพทุ ธเจ้า พระองคท์ รงแสดงไว้ต้ัง ๒,๕๐๐ กวา่ ปี แตจ่ ริง ๆ แล้วอยา่ งที่พูดน่ะ แหละ ว่าศาสนาไม่มี พ.ศ. ศาสนาไม่มีปี เราจะแค่เอาสมมติไป พาดพิงไว้เฉย ๆ ว่า ยุคนี้ ยุคของพระพุทธเจ้าช่ือว่า สมณ-โคดม น่ี ปรากฏขึ้น ๒,๕๐๐ กว่าปี จริง ๆแล้วนี่ พระพุทธเจ้าพระองค์ใดมา ตรัส ตรัสอันเดียวกัน เป็นแต่พระรูป พระชนม์ พระโฉมเท่านั้น ที่ จะแตกต่างกันเฉย ๆ จริง ๆ แล้ว ก็มาตรัสอันเดียวกัน อริยสัจ ๔ เหมือนกัน ไม่ ได้มาลบล้าง พรบ. กันอีกด้วย บาปมี บุญมี นรกมี สวรรค์มี พรหม โลกมี นิพพานมี มีอยู่อย่างนี้ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านเทศน์ ไม่ใช่ ว่าพระพุทธเจ้าท่านเลิกไปแล้ว นิพพานไปแล้วนี่ สวรรค์ก็ร้าง นรก ก็พังไปหมดแล้ว บาปไม่มี บุญไม่มีแล้ว น่ีมันถือศาสนา มันคิด ศาสนา ตามกิเลสเจา้ ของ ตามอาเภอใจเจ้าของ ไมไ่ ด้มองเห็นความ เป็นจริงเลย สัตว์โลกท้งั หลายมนั ถึงได้ประมาทกัน อยู่กบั ศาสนา ไป เอากิเลส ฟังพระเทศน์ก็ไปจับเอาแต่บัตร แต่เบอร์ เอาอะไรต่อมิ อะไรบา้ ง เขา้ วัดกไ็ ปหาแต่เครือ่ งรางของขลงั ๕๖

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วัดปทมุ วนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ท่ี ๑ เรำนี่แหละเป็นเคร่ืองรำงของขลัง ขำ ๒ แขน ๒ หัว ๑ นี่ ตัวนี้ ตัวอัปมงคลก็อยู่ที่น่ี ตัวมหามงคลก็อยู่ที่นี่ ตัววัตถุมงคลก็นี่ แหละ ตัวเรานี่แหละ จะสร้ำงให้เป็นมหำมงคล เอำสิ เอำไปเดิน จงกรม เอำไปนั่งสมำธิ ภำวนำ เอำไปปฏิบัติธรรมสิ มันจะ กลำยเป็นวัตถุมงคลขึ้นมำ ในตัวของเราท่านท้ังหลาย แต่ละคน ละคนแล้ว นี่ไม่มีเลย เห็นเดินเพ่นพ่าน ๆ กันเต็ม ไม่ว่าสถานท่ี ท่องเท่ียว ตามห้าง ห้างสรรพสินคงสินค้า เต็มไปหมด นั่งรถมาก็ ขวักไขว่กันไปหมด จะหาใครท่ีจะเข้าถึงศาสนา เข้าวัดเข้าวาไม่มี โลกมนั ถึงเดอื ดร้อนไง ต่างคนต่าง ถ้าเข้าห้างเข้าอะไรต่าง ๆ เข้ามานี่ จนกระทั่ง ว่า เข้าวดั เหมือนเข้าหา้ งนี่ โอ๊ย ภาพไหนจะสวยเทา่ กับเมืองไทยเรา ล่ะ ในต่างประเทศ ทุกประเทศ มีประเทศเดียวในโลกเน่ีย ท่ีมีพุทธ ศาสนาโดดเดน่ บางคนโจมตีศาสนาอีกซะด้วยวา่ ศาสนาคร่าครึบ้าง ลา้ สมัยบา้ ง กดถว่ งสงั คมบา้ ง ศาสนาที่ไหนท่านจะกดถว่ ง มีแตท่ า่ น จะส่งเสริม บรรดานักท่องเที่ยวในเมืองไทยเนี่ย ศาสนาหาเงินเข้า ประเทศไทยนี่เท่าไร พวกฝรั่งม่ังค่าเข้ามาเท่ียวน่ี เขามาเพราะเขา มาเที่ยววัด น้าตกหรือสถานท่ีเขามีดีกว่าพวกเราอีก ให้เข้าใจซะ พวกที่หลงว่า ความเป็นทันสมัยน่ะ เขามาดูสถาปัตยกรรมตามวัด ตามวาต่างๆ หารายได้เข้าประเทศไทยมากขนาดไหน ในแต่ละปี ๆ เคยคิดบ้างไหม จะมาโจมตีศาสนาอีก คิดให้มันดีสิ คิดให้มัน รอบคอบสิ โดยเฉพาะเราเป็นชาวพุทธ ให้สนจิตสนใจ แม้แต่ผู้ที่มี หน้าที่เก่ียวข้องกับพุทธศาสนาก็ให้เข้า เข้าให้ถึงพุทธศาสนาสิ กราบพระก็ไม่กราบ ไหว้พระก็ไหว้ไม่เป็น รักษาศีลไม่เห็นเคยหิ้ว ๕๗

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วดั ปทุมวนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เล่มที่ ๑ ปิน่ โตไปวัดเลย จะไปตคี วามศาสนาได้อยา่ งไร ขอใหช้ าวพทุ ธทกุ คน รกั ษำศำสนำ จะรักษาแบบไหน กร็ กั ษำทกี่ ำย วำจำ ใจเจ้ำของน่ะ แหละ การรักษาก็รักษาศีล รักษาการภาวนานี่ล่ะ ที่เข้าถึงพระ ศาสนา วันน้ีพูดนี่ วงกว้าง ๆ ออกไป ท่ีน้ีจะตีวงแคบเข้าละนะท่ีนี้ ถ้าจะเข้าศาสนา ถ้าจะเห็นองค์ศาสนาปรากฏจ้าอยู่ภายในหัวใจ บรรดาพีน่ ้องทั้งหลายมาปฏบิ ัติ โดยเฉพาะในด้าน จติ ตภำวนำ น่ีแหละท่ีจะเดินเข้าถึงพระพุทธเจ้า เดินเข้าถึงธรรมของ พระองค์แล้วจะกลายเป็นพระสงฆ์ขึ้นมาเป็นสักขีพยาน ธรรมของ พระพุทธเจ้าอยู่ตรงนี้ ท่ีน่ี ท่ีเรามาปฏิบัติกรรมฐาน มาปฏิบัติเพ่ือ อะไร อันน้ีก็พูดในวงนอกออกไปแล้ว เอาวงในสิ ต่างคนต่างก็ไม่มี กรรมฐาน ต่างคนก็ต่างไม่มีศาสนา ต่างคนก็ต่างห่างไกลจากพระ พุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เราจึงน้อมกาย วาจา ใจ ลงมาอยู่ตรงนี้ หามุมสงบ อย่างเช่น วัดปทุมวนาราม ก็ถือว่าเหมาะสมแล้ว อยู่ใจ กลางกรุงเลยน่ี อยู่ในแวดล้อมของกเิ ลส เอา้ พดู ง่าย ๆ อยูใ่ นดงของ กิเลสเลย ใครจะกล้าฟันฝ่าเข้ามาได้ ชาวพุทธเท่านั้นที่จะเข้ามา ผู้ เห็นโทษจากส่งิ เหล่าน้นั เท่านั้นท่จี ะเขา้ มาได้ นี่ เขา้ มาอย่างนี้ แล้วก็ น้อมเข้ามาสู่ภายใน ทีนี้ ในโทษของเราในหัวใจอยู่น่ี มีโลภ โกรธ หลง กิเลส ราคะ ตัณหา เต็มไปหมดในหัวใจ น้อมเข้ามาอีก เพือ่ ทจ่ี ะทาลายตรงน้ี เข้ามาหามมุ สงบ การทจ่ี ะหามุมสงบ หาแบบไหน เอาอะไรเปน็ สิ่งแนะนาหา อย่างที่หลวงปู่ม่ันท่านเทศน์บอกคนชาวเขาว่า เดินหาพุทโธ เราก็ เข้ามาหาพุทโธ เข้ามาหาธัมโม เข้ามาหาสังโฆ ไม่ใช่จะเข้ามาอยู่ใน บริเวณวัดแล้วก็ถือว่าเข้าถึงแล้ว ยังไม่ถึง ท่านทั้งหลายก้าวมา ก้าว เข้ามาแต่ขา แขน เข้ามาได้ แต่ขันธ์ ๕ ของท่าน แต่ใจของท่าน ๕๘

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วัดปทมุ วนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เล่มท่ี ๑ ทั้งหลายเข้าไม่ได้ ท่านถึงว่าให้น้อมกำย วำจำ ใจ นี่เป็นส่ิงสาคัญ เพราะใจเป็นสิ่งท่ีทรมานยาก โลกท้ังหลายมันแพ้อะไร แพ้ใจ เจ้าของนี่แหละ ทุกชาติชั้นวรรณะ จะเก่งกาจสามารถขนาดไหนก็แล้วแต่ เถอะ แพใ้ จเจ้าของ เราถงึ กราบพระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ กราบ บรรดาพระสงฆ์สาวกที่เป็นสักขีพยาน เพราะท่านชนะใจตัวของ ทา่ นได้แล้ว นแ่ี หละถึงว่า ถงึ พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ ถึงตรงนี้ ขอให้เราท่านท้ังหลายเข้ามา มาน้อมกาย วาจา ใจเข้ามา นี่ ศาลา พระราชศรัทธาน่ี ท่ีพระองค์ในหลวง ร.๙ แม้แต่พระองค์ ร.๑๐ ของพวกเราท่านทั้งหลาย พระองค์ก็ส่งเสริมให้เข้ามาปฏิบัติ พระ บรมวงศานุวงศ์ ท่านก็เข้ามาดู ทรงพอพระทัย อยากให้สถานที่นี่ เป็นสถานที่ของชาวพุทธ น่ีส่วนนอก ชาวพุทธในส่วนใน ก็คือให้ หัวใจเรามีพุทธประจาจิตประจาใจบ้าง ไม่ใช่จะประจาแต่บัตร ประจาตัวประชาชน อันนั้นมันของนอก ใครจะพูดเอาก็ได้ ของ อย่างนน้ั แตใ่ จเราไม่ถึงพุทธ ธรรม สงฆ์สกั ทีหนึง่ เราต้องน้อมกาย วาจา ใจเราเข้ามาอยู่ตรงน้ี ถึงจะเห็น พระพุทธเจ้า ถึงจะปรากฏพระรัตนตรัยอยู่ตรงนี้ ถึงจะเข้ามาหา พระรตั นตรัยถูก ไมอ่ ย่างน้ันจะเข้ามาเห็นแตโ่ บสถ์ วิหาร ลานเจดีย์ อยู่อย่างนี้ ใจเราก็อัปรีย์จัญไรอยู่อย่างน้ี ภายในหัวใจซุ่มไว้แต่พิษ แตภ่ ัยอยูอ่ ยา่ งน้ี ต้องมาเอามนั อีก มาสงบกาย วาจา ใจ ก็อยา่ งที่ว่า มานั่งสมาธิภาวนา เอ้า ไม่มีครูบาอาจารย์มาเทศนาว่ากัณฑ์ก็ แลว้ แตเ่ ถอะ ครูบาอาจารย์ท่านมาเทศน์ก็แค่มาบอก เหมือนพระพุทธ องค์ ทรงตรัสธรรมแต่ละประโยค ๆ มาตรัสเพื่อจะบอกมวล ๕๙

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วัดปทุมวนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เล่มที่ ๑ มนุษยชาติว่าสิ่งเหล่านี้ ๆ พระองค์ได้ทรงไปเห็นมาแล้ว ได้ไปรู้ มาแล้ว ถึงได้เปิดเผยสภาวะธรรมทั้งหลายออกมาวา่ ของอย่างนี้มัน มีอยู่ มันเป็นอยู่อย่างนี้นะ ไม่ใช่ตถาคตมาตบมาแต่งเอา ไม่ใช่มา บัญญัตเิ อา อยา่ งทีพ่ ูดไปคราวที่แลว้ นี่ อันนี้กเ็ หมอื นกนั มา ไมม่ ีใคร ก็เอาเจ้าของแหละ มานง่ั สมาธภิ าวนา หาเวลาให้กับเจ้าของ เพราะ มนุษย์ทุกวันน้ี มักจะได้ยินอยู่เสมอ ไม่มีเวลาบ้าง ไม่สบายบ้าง ไม่ ว่างบ้าง ก็แสดงว่ากิเลสเอาไปกินหมดน่ะสิ ไหนเวลาให้กับเจ้าของ ล่ะ คือเวลาอยู่กับพุทโธ ธัมโม สังโฆ มีบ้างไหม ถ้าไม่มี ก็เอ้า เข้า มา วันอาทิตย์ วันเสาร์ วันพระ วันเจ้า ขอให้มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ขอให้มารักษาศีล ขอให้มาภาวนาอยู่ในวัดบ้าง นี่คือวัน ของเจา้ ของ วันโลก วันวัฏสงสาร ทุกคนทุกท่านก็ต่างคนต่างทากันอยู่ แล้ว ส่ิงเหล่าน้ีไม่ต้องบังคับ เพราะหน้าที่การงานมันบังคับเอง ความจาเป็นของมนุษย์ ทาเอง แต่จะหำคุณงำมควำมดี ใส่ตัว เจ้ำของใส่ใจตัวเอง ต้องหันหน้ำเข้ำวัด และก็ขอเวลำให้กับ เจ้ำของให้มีเวลำน่ังภำวนำ สงบสติอำรมณ์ สงบจิตสงบใจ มีสติ คอยระงับดับส่ิงเหล่ำน้ีออกไป ให้อยู่กับอำรมณ์กรรมฐำน ใครจะ ภาวนาพุทโธ พุทโธ ก็ได้ ใครจะภาวนาธัมโม ธัมโม ก็ได้ ใครจะ ภาวนาสังโฆ สังโฆ ก็ได้ หรือใครจะกาหนดลมหายใจเข้าออกก็ได้ ถือว่าถูกหมด อย่าเอาคาบริกรรม เด๋ียวก็ว่าสายนู้น เดี๋ยวก็ว่าสายนี้ สายไหนก็สายพระพุทธเจ้า สายไหนก็สายพุทโธ ธัมโม สังโฆ สาย ไหนก็สายศาสนา สายพระรัตนตรัย นั่นเอง อย่าเอาคา ส่ิงเหล่าน้ี มาขัดมาแยง้ กนั ขอใหท้ ำจริงๆ เถอะ ๖๐

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วัดปทมุ วนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เล่มที่ ๑ ใจเข้ำถึงพุทโธ ธัมโม สังโฆ ใจจะเข้ำไปถึงควำมเป็นผู้ หย่ังทรำบเอง ว่าสายภาวนาพุทโธ ทาไมท่านถึงให้ภาวนา ให้ บริกรรม ให้รักษาใจไว้ ถ้าไม่รักษาใจ ใจก็จะลื่นไหลไปตามกระแส ของกิเลสอีก อยากไปไหนก็ไป อยากคิดอะไรก็คิด อยากทาอะไรก็ ทาตามอาเภอใจ จะถกู กฎหมาย จะผิดกฎหมาย จะผิดศีล ผิดธรรม มันก็ไม่ยาเกรงนะ ท่านถึงสอนให้รู้จักมีสติ รักษำใจตัวเองให้อยู่ ตลอด อยู่เสมอ ทำอยูอ่ ยำ่ งนี้ จนกว่ำจะเห็นผล เอ้า จะยืน เดนิ น่ัง นอน ยืนกย็ ืนอยู่กบั พระพุทธเจ้ำ ยืนก็ ยืนอยู่กับพระธรรม ยืนก็ยืนอยู่พระสงฆ์ น่ังก็น่ังอยู่กับ พระพุทธเจ้ำก็ดี เดินก็เดินอยู่กับพระพุทธองค์ก็ดี คือการบริกรรม ภาวนาพุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธอยู่อย่างน้ี บริกรรมอยู่อย่ำงน้ี จนกว่ำจิตกับพุทโธจะเป็นอันหน่ึงอันเดียวกัน กว่าท่ีจะเอาใจลง อยู่ตรงนี้ได้ อยู่กับพุทโธ ธัมโม สังโฆได้ มันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย จะ ฉลาดเลิศโลก เลศิ สงสาร กเ็ ลิศสิ ลองหลบั ตาลงสิ อยา่ งทวี่ ่า มนุษย์ ท้ังหลายมันมาแพ้อารมณ์เจ้าของ มันแก้ตัวเองไม่ได้ก็เพราะอย่างนี้ เอง มันถึงไปส่งเสรมิ กิเลส มนั ไม่มที ่สี ้ินสดุ ถ้าใจอยู่กับพุทโธ ธัมโม สังโฆ ทาเป็นเบรกห้ามล้อ คือ ห้ามหัวใจเจ้าของได้ นี่ ใจจะอยู่กับตัวเจ้าของแลว้ นี่ ใจจะไม่ไปไหน ใจจะอยู่กับปัจจุบันอย่ำงเดียวเท่ำน้ัน ใจไม่อยู่กับปัจจุบัน มันไป หาอดีต หาอนาคต เพราะใจไม่มีหลัก ใจไม่มีสรณะ ใจไม่มีที่พ่ึง เพราะฉะน้ัน ท่านจึงให้สร้างใจให้มีหลัก หลักก็คือสมำธิ คือหลัก ของใจ สร้างขึ้นมาสิ ศีลเราก็มีทุกคน สมาธิทาให้เกิด ส่วนปัญญำ ใคร่ครวญ พินิจพิจำรณำส่ิงไหนที่เป็นโทษเป็นคุณ ส่ิงไหนเป็น ๖๑

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วดั ปทุมวนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ที่ ๑ บุญเป็นบำปให้พิจำรณำ ให้พิเคราะห์ให้ดี สิ่งไหนมันจะ กระทบกระเทือนกฎหมายบ้านเมือง สง่ิ ไหนมนั จะกระทบความเป็น ตัวเจ้าของ คือบาปบุญน่ะ ความเป็นบาป ให้ระมัดระวัง ธรรม เท่ำน้ันที่จะเป็นเบรกห้ำมล้อ ถ้าไม่มีธรรมเสียอย่างเดียวแล้วเนี่ย เป็นเคร่ืองมือเสริมกิเลสหมด นอกจากธรรมอย่างเดียวเท่านั้น ให้ ภำวนำเข้ำ วันนี้มีโอกาสได้มาเยี่ยมบรรดาพี่น้องทั้งหลาย เอาสมบัติ ของพระพุทธเจ้ามาให้บรรดาพี่น้องทั้งหลายได้เข้าใจ ท้ังๆ ที่สมบัติ ชนิ้ นน้ี ่ี เปน็ มาไม่รูก้ ภ่ี พ กี่ชาติ กีก่ ปั กี่กลั ป์ แม้ปจั จบุ ัน ๒,๕๐๐ กว่า ปี ช่ือว่า พระพุทธเจ้าสมณโคดม พระองค์ก็เอามาประทานให้เรา แล้ว สมบัติชิ้นน้ีไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์ เหมือนเปิดประตู เปิดได้กว้าง อากาศก็เข้ากว้าง เหมือนทางโลก ใครขยันหม่ันเพียรหาทรัพย์ คน น้ันก็ได้มากกว่าใคร แสวงหาในสม บัติของพระพุทธเจ้าก็ เช่นเดียวกัน ก็แสวงเอาสิ ปฏิบัติเอาสิ พระองค์ไม่ได้หวงแหน พระองค์ไม่ได้สงวนลิขสิทธ์ิเลย เป็นพวกเรา ข้ีเกียจ ขี้คร้าน จะน่ัง ภาวนาก็ง่วงเหงา หาวนอน จะปฏิบัติก็บอกว่าไม่มีเวลา เหน็ด เหน่ือยเมื่อยล้า อะไรก็ถูกกิเลสเอาไปกินหมด จนเวล่าเวลาไม่เหลอื เป็นส่วนของตวั เองเลย จะหาเวลาทาคณุ งามความดี ไม่มี เพราะฉะนั้น สัตว์โลกท้ังหลายมันถึงเดือดร้อนไง ไม่มีเวลา สร้างคุณงามความดใี หก้ บั เจ้าของ ไมม่ เี วลาอยูก่ ับอรรถกับธรรม กบั ศาสนา อยู่แต่กับโลก ให้กิเลส ลากไป จูงไป เหมือนสัตว์ตัวหน่ึง แล้วจะยังเข้าใจว่าตัวเองดีอยู่เหรอ น่ันเหรอ สรณะ เวลาตายไป แล้ว ส่ิงที่หามาแทบล้นแทบตาย มันไปกับเราได้เมื่อไร จะย่ิงใหญ่ ขนาดใด โง่ขนาดไหนก็แล้ว จะฉลาดเกินโลก เกินสงสาร ก็ฉลาด ๖๒

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วัดปทุมวนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เล่มท่ี ๑ เถอะ ส่ิงเหล่านี้ไม่ได้ไปกับเรานะ นอกจากพุทธ ธรรม สงฆ์ที่เรา สร้างข้นึ มาภายใน คณุ งามความดี ทีเ่ ราสร้างขน้ึ มาส่ภู ายใน นี่แหละ สง่ิ น้ีท่จี ะเปน็ อัตตสมบัติ คือสมบัตขิ องเจา้ ของทจี่ ะไป กับตัวเจา้ ของ ไปทุกภพ ทกุ ชาติ ทุกกัป ทกุ กลั ป์ ด้วย สิ่งที่เราสร้างไว้กับโลกนี่ โลกเป็นของโลก สมบัติโลกก็อยู่ กับโลก ไปกับเราไม่ได้ นอกจาก คุณงามความดีเท่านั้น ที่จะไปกับ เรา เพราะฉะน้ัน น้อมกาย น้อมวาจา น้อมใจมาเพื่ออะไร เพ่ือ แสวงหาทรัพย์ ทรัพย์ภายนอก ทรัพย์ภายใน พระพุทธเจ้าไม่ได้ ปฏิเสธ ยง่ิ ตาหนิคนขเี้ กียจอีกดว้ ยซ้าไป แตก่ ็ตอ้ งแบ่งโลก แบ่งธรรม บ้าง ไม่ใช่จะเอาแต่โลก โลกทุกคนก็รู้อยู่แล้ว เห็นไหม ตายกันอยู่ ทุกว่ีทุกวัน มีใครบ้างท่ีเกิดมาแล้วจะไม่เจ็บ ไม่เจ็บไม่ตาย ตายกัน ทุกรูป ทุกนาม คาสอนของพระพุทธเจ้าพูดไว้ไม่ผิด พยากรณ์ไว้ ตรงไหน เผงๆ ตรงน้ัน แล้วจะไม่เช่ือว่าไม่มีพระพุทธเจ้าได้ยังไง เกดิ แก่ เจบ็ ตาย น่นั อนิจจัง ทุกขงั อนตั ตา น่นั ของทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของไม่เท่ียง ตรงไหม แน่ไหม คา สอนของพระพุทธเจ้า ยังจะเข้าใจว่าไม่มีพระพุทธเจ้าอีก อยู่ ตรงไหนก็คำสอนของพระพุทธเจ้ำติดเอำไว้หมด เหมือนประกำศ ควำมเป็นจริงอยู่ตลอด ให้เข้าใจสิ แสวงหาทางโลกด้วย ทางธรรม ก็ต้องหาด้วย เอ้อ ถ้าเราอยู่กับโลกสงสาร ไม่รู้จักเกิด จักดับ เราไม่ ว่า เกิดมาอยู่ในโลก ต่างคนต่างท่านท่ีน่ังอยู่นี่ ไม่ทราบว่าจะไปวัน ไหน ไม่ว่ายากดีมีจน โง่หรือฉลาด มันก็ตายกันทั้งนั้น ยังเข้าใจอีก ว่าตายแล้วก็แล้วไป ตายแล้วก็สูญอย่างนั้นเหรอ เพราะเห็นแต่สิ่ง เหลา่ นี้ ส่ิงท่เี ป็นวัตถุ สง่ิ ท่เี ปน็ นามธรรมอีกล่ะ นแ่ี หละถงึ ไดอ้ ัศจรรย์ ธรรมของพระพุทธเจ้า เห็นนอก เห็นใน คาว่ำโลกุตตร-ธรรม ๖๓

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วดั ปทุมวนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ที่ ๑ โลกวิทู รู้แจ้งโลกข้ำงนอก โลกข้ำงในอีกด้วย ไม่ใช่รู้แต่โลกมืด ๆ โลกตาบอด ๆ อยา่ งพวกเรา ๆ ท่าน ๆ ท้ังหลายนี่ เหนือโลกกว่าน้ัน อกี ใครสอนได้ เหน็ เทวโลก พรหมโลก จนกระท่ังนพิ พานไปด้วยอีก ซา้ ไป โลกที่มีกิเลส รู้เม่ือไร เห็นเม่ือไร เม่ือไม่เห็น ยังเห่ายังหอน อีกอ้ะ ไม่เชื่ออีกด้วย เอ้า ถ้าไม่เช่ือ ไปเหยียบไฟเข้า ไม่เช่ือมันไม่ รอ้ นนัน่ เหยยี บเข้าไปสิ น่ี มนั แทบจะไม่เชื่อแลว้ นะ ทกุ วันน้ี เพราะ มันหนา มันเอาแต่วัตถุ มันเอาแต่โลกมาเปรียบเทียบศาสนาไง มัน มองเหน็ ศาสนาอยแู่ ค่น้ี มันคดิ เรื่องศาสนาได้แคน่ ้ี สิง่ ทม่ี นั เหนือกว่า น้ันล่ะ ท่ีว่าโลกกุตรธรรมล่ะ มันไปเห็นเม่ือไร คนมีกิเลสเห็นเม่ือไร ให้ปฏิบัติธรรมเข้า ก้าวเข้าไปให้เห็น ให้รู้น่ีแหละ ที่จะเป็นสักขี พยานให้พระพุทธเจ้าเน่ีย นแ่ี หละสาวก สา-วะ-กะ เป็นผู้สดบั สดับ แล้วเอาปฏิบัติเข้าไป เดินเข้าไปสิ แล้วจะเห็นเอง เหมือนมาจากท่ี ต่าง ๆ พอเข้ามาถึงกรุงเทพฯ แล้วน่ี สิ่งท้ังหลายที่เราคาด เราด้น เราเดานี่ มันจะถูกลบออกไปจากหัวใจหมด เห็นศาสนธรรมของ พระพุทธเจ้าเหมือนกัน เรานับถือศาสนา โดยเฉพาะ พุทธศำสนำ เราไม่ไดน้ ับถอื ลม ๆ แล้ง ๆ เราไม่ได้กราบลมกราบแล้ง กราบความ มืดความแจ้งของโลกท้ังหลาย กรำบควำมเป็นจริง ๆ ๆ ตอนน้ีมัน ถูกแต่ความจอมปลอม มาหลอกหัวใจของสัตว์โลกอยู่ตอนน้ี มันถึง ไม่เช่ือศาสนา เมื่อไม่เชื่อศาสนามันก็เลยไม่เช่ือบาปเช่ือบุญนะสิ ไม่ เช่ือนรกสวรรค์ เอา้ ทาเขา้ ไปสิ เหมือนคนไมเ่ ช่ือกฎหมายบ้านเมือง ทาความชัว่ เขา้ พอจับ เข้าคุกเป็นยังไง คุกมันเดือดร้อนเมื่อไร เหมือนคนไปเหยียบไฟ ไฟ มันร้อนเม่ือไร คนมันไปเหยียบต่างหาก มันร้อน เอาสิ ท้าทายคา ๖๔

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วดั ปทมุ วนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ที่ ๑ สอนของพระพุทธเจ้า ศาสนามีตัวมีองค์แท้ ๆ จะไปเทียบศาสนา เหมือนอฐิ หิน ปนู ทรายเม่ือไร นีม่ นั วัตถุ เป็นศาสนาธรรมสิ ปฏิบัติ ให้เกิดขึ้นมาสิ เราจะได้กรำบพระพุทธเจ้ำ พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สรณัง คัจฉำมิ อ้อ นี่ธรรมของพระพุทธเจ้าเลิศอย่างน้ีเหรอ นี่มัน จะเอาอะไรมาเป็นความเลิศ มันมีแต่กิเลสปกคลุมหัวใจไว้ ปกคลุม หัวใจไว้ จนกระทั่งมองเห็นบาป เห็นบุญก็มองไม่เห็น คิดได้แต่เร่ือง โลกอยา่ งเดียว เร่อื งหาอย่หู ากนิ อยา่ งเดยี ว เร่อื งอนื่ มันคดิ ไมไ่ ด้ มอง ก็มองด้านเดียวอย่างนี้ มองแต่ด้านโลก ด้านธรรมเลยมองไม่เห็น ถ้าจะมองด้านธรรม มันก็ไปเปรียบเทียบศาสนาเหมือนวัตถุซะ มัน จะไปเขา้ ใจศาสนาไดย้ ังไง บรรดาพ่ีน้องทั้งหลายได้โปรดเข้าใจ พากันมาปฏิบัติ มา ภาวนา พิสูจน์ศาสนา ไม่ได้เอากล้องจุลทรรศน์พิสูจน์นะ พิสูจน์ ศาสนา ศาสนาไม่ใช่จะเอานักวิทยาศาสตร์มาเปรียบเทียบนะ นักวิทยาศาสตร์มีแต่คนมีกิเลสหนา ปัญญาทึบ ทิพโสต ทิพจักษุ นักวิทยาศาสตร์มันมีเม่ือไร จะพูดอย่างนี้ ของอย่างน้ีก็เอามาเทียบ แม้แต่ครูบาอาจารย์บางทีเอามาเทศน์ ยกนักวิทยาศาสตร์มาเทียบ เทียบอะไร เอาโลก เอาขหี้ มามาเทยี บ พทุ ธศาสนาเลศิ กว่านนั้ อีกดว้ ยซ้าไป เอาคนไม่รู้สจั ธรรมมา เทียบ ภาษาเขา พิสูจน์ วิเคราะห์ สิ่งเหล่าน้ัน สิ่งเหล่านี้มีขึ้นมา แล้วนับถือ แต่ของสิ่งเหล่านี้มันเปน็ ธรรมชาติของโลกที่จะรู้ จะเห็น อยู่แล้ว แต่ธรรมของพระพุทธเจ้านี่ ถ้าไม่มีพระพุทธเจ้าข้ึนมาตรัส ยังไงก็ไม่รู้ พุทธศาสนาเน่ีย เหนือกว่าสิ่งเหล่านี้เป็นไหน ๆ อีกด้วย แล้วเอามาเทียบได้ไง เอาคนมีกิเลสมาเทียบได้ไง เอ่อ นับถือพุทธ ศาสนา เด๋ียวมันก็แย้งขึ้นมาอีกล่ะ เหมือนจะชงเร่ือง ว่าสรรเสริญ ๖๕

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วดั ปทมุ วนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เล่มท่ี ๑ พระพุทธเจ้า .. เราไม่ได้สรรเสริญ เราพูดตามความจริง เหมือนเรา ไปจบิ เกลอื มาน่ี มันเคม็ กต็ ้องบอกว่ามันเค็มสิ เราไปกนิ พริกจิบพริก พริกมันเผ็ดก็ต้องบอกว่ามันเผ็ดสิ ไปบอกว่ามันหวานได้ยังไง ถึง บอกว่าไม่เข้าข้างใคร เข้าข้างธรรมอย่างเดียว ปฏิบัติเข้าสิ ดีกว่ามา เห่ามาหอนอยู่อย่างนั้น ให้เขาเข้าใจว่าตนเองมีความรู้ หลักวิชา วชิ าการสงู มันสงู แบบกิเลส พิสูจน์สิ โอปนยโิ ก เอหปิ ัสสโิ กด้วย ทา้ อกี ด้วย ไม่มปี กปดิ ไม่มีปดิ บงั ไมม่ สี งวนลขิ สทิ ธ์ิอีกด้วย นี่แหละธรรมของพระพุทธเจ้า ท้าพิสูจน์ได้ทุกกาล เป็น อกำลโิ ก ไมม่ ีกาล ไม่มสี มัย เปน็ อย่ทู กุ ยคุ ทุกสมัยอีกด้วย บาปกไ็ ม่มี สมัย บุญก็ไม่มีสมัย นรก สวรรค์ ก็ไม่มีสมัย พูดเอาแต่เร่ืองนรก สวรรค์มาอ้างกัน ไม่ได้อ้าง เอาความจริงมาพูด จะเช่ือไม่เช่ือมันคือ กิเลสของท่านทง้ั หลายอีกด้วย ใหโ้ ปรดเขา้ ใจ ปฏบิ ัตเิ อาสิ อยากรู้ ทีนี้ เห็นพระพุทธเจ้า เห็นอยู่ตรงไหน เห็นอยู่ตรงที่หัวใจ ของแต่ละดวง เห็นธรรมก็เห็นพระพุทธเจ้า เห็นพระพุทธเจ้าก็เห็น ธรรม เห็นไหม พระองค์การันตีแบบนี้ แล้วจะไปหาท่ีไหนอีก ไป อินเดียก็เห็นแต่อินเดียน่ะแหละ อย่างดีก็เห็นแต่สถานท่ีที่พระพุทธ องค์ทรงประทับ แต่เห็นธรรมของพระองค์ เราก็มืดบอดอยู่อย่างนี้ เพราะฉะนั้น อยำกเห็นธรรม อยำกเห็นพระพุทธเจ้ำ ให้น้อมกำย วำจำ ใจลงอยู่ตรงนี้ เอาอยู่ตรงน้ีแหละ แล้วจะค้านพระพุทธเจ้า ค้านท่ีไหนล่ะที่น้ี บรรดาพระสงฆ์สาวกท่านอยู่ด้วยกัน อยู่เป็นหม่ืน เป็นแสน เป็นล้าน ก็ไม่ขัดแย้งกัน แต่เราน่ี อยู่ ๒ คน ผัวเมีย สามี ภรรยา อยู่กับลูกน้อง อยู่กับลูกพ่ี แค่คนสองคน อยู่กันแค่นี้ ยังถก ยังเถียง ยังขัดยังแย้งกัน แต่ผู้ท่านส้ินกิเลส ท่านไม่มีขัดมีแย้งกัน เปน็ อันเดยี วกัน ๖๖

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วดั ปทุมวนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เล่มที่ ๑ อยากเข้าถึงตรงน้ันก็ให้เร่งปฏิบัติเอา อยากเห็น พระพุทธเจ้า อยากเห็นธรรมของพระองค์ ประเสริฐขนาดไหน อยากเห็นพระสงฆก์ เ็ หน็ ตวั เองนน่ั แหละ เขา้ ถงึ สภาวะความเปน็ จริง พุทธ ธรรม สงฆ์จะรวมลงมาอยู่ท่ีใจอย่างเดียว เพราะฉะนั้น การ เทศนาว่ากัณฑ์ให้กับบรรดาพี่น้องท้ังหลายได้ทราบ ก็สมควรแก่เว ล่าเวลาแล้วนะ เลยขอสมมติยุติลงไว้แต่เพียงเท่านี้แหละ อ้าว ไม่ เอวงั ล่ะ แก่นธรรมพระอำจำรยโ์ สภำ สมโณ พทุ ธศำสนำไปประดิษฐานอย่ตู รงไหน แผ่นดนิ ใด ในหัวใจดวง ใด หัวใจดวงนั้นก็เป็นหัวใจที่เป็นมงคล แผ่นดินน้ันก็เป็น แผ่นดินที่ร่มเย็นไปหมด เร่ืองของศาสนาจึงเป็นเบรก เบรก ความโลภ เบรกความโกรธ เบรกความหลงไม่ให้ละเมิด กฎหมาย ศีลธรรม คือคุณงามความดีที่จะให้มนุษย์อยู่ด้วยกันด้วยความ ไวว้ างใจกนั ได้ จัดระเบยี บมนุษย์ใหอ้ ยู่ดว้ ยกนั ขา ๒ แขน ๒ หัว ๑ รักษาแค่นี้ เท่ากับรักษาศีล กฎของกรรม เป็นสิง่ ที่ละเอียดกว่ากฎหมาย พุทธศำสนำไม่ได้สอนเพ่ือเอาลาภ ไม่ได้สอนเพ่ือชื่อเสียง ไม่ได้สอนเพ่ือจะเอาบริษัทบริวาร สอนเพ่ือจะเอำหัวใจคนให้ ถึงพระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ ถึงพระรตั นตรยั สร้างวัด เพื่อเอำธรรมเข้ำหัวใจคน อย่าหวังเอาเงินเอาทอง อย่าหวังอะไรทัง้ น้นั นอกจากหวังให้หัวใจคนเข้ำถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ๖๗

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วดั ปทมุ วนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ที่ ๑ อย่ามองศาสนามองเป็นวัตถุ ให้มองเห็นควำมสัจควำมจริง ให้เข้ามาปฏิบัติ มาค้นคว้าหาความจริง ศาสนาปรากฏอยู่ใน หัวใจ บาปก็ปรากฏอยู่ในหัวใจ บุญก็ปรากฏในหัวใจ ศาสนา รา้ งอยใู่ นหวั ใจ ศาสนาก็จะต้องขึ้นตรงต่อหวั ใจเชน่ เดยี วกัน พุทธศาสนาเกิดข้ึนมาด้วยอริยสัจ ๔ รักษาศาสนา ก็รักษำท่ี กำย วำจำ ใจเจ้าของ รักษำศลี รกั ษำกำรภำวนำ พทุ ธศาสนา เรากราบความเปน็ จริง จริง ๆ กราบพระพุทธเจ้า พุทธัง ธัมมัง สังฆงั สรณัง คัจฉำมิ น้อมกาย วาจา ใจน่ีเป็นสิ่งสาคัญ เพราะใจเป็นสิ่งที่ทรมาน ยาก โลกทั้งหลายมันแพ้ แพ้ใจเจ้าของ เราถึงกราบพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ กราบบรรดาพระสงฆ์สาวกที่เป็นสักขี พยาน เพราะท่านชนะใจตัวของทา่ นไดแ้ ล้ว อยากเห็นธรรม อยากเห็นพระพุทธเจ้า ให้น้อมกาย วาจา ใจ ลงอยู่ตรงน้ี หลักค้าประกันความเป็นชาวพุทธ ศีล ๕ นี่แหละ พอแล้ว ขอให้มันได้มีศีลแค่ ๕ ข้อ จากนั้นก็หัดสวดมนต์ ไหว้ พระ นงั่ สมำธิ ภำวนำไป จึงให้เราท่านทั้งหลายน้อมจติ น้อมใจน้อมโอปนยิโก น้อมพระ พุทธ พระธรรม พระสงฆ์ลงมำอยู่ท่ีหัวใจ เบรกมันไว้ มันจะ ได้ไม่โลภ เกินโลกเกินสงสาร มันจะได้ไม่โกรธจนหัวฟัดหัว เหวี่ยง จนกระทั่งพลั้งพลาด ไปทาส่ิงไม่ดีไม่ร้าย เช่น ไปเข่น ไปฆ่า ไปรงั แกคนอ่ืนเขา ถ้าหลงกไ็ มใ่ ชห่ ลงจนหัวปักหัวปา ให้หาคุณงามความดี ใส่ตัวเจ้าของ ใส่ใจตัวเอง หันหน้าเข้าวดั ขอเวลาให้กับเจา้ ของมีเวลานั่งภาวนา สงบสติอารมณ์ สงบจิต สงบใจ มีสติ ให้อยู่กับอารมณ์กรรมฐาน ใครจะภาวนาพุทโธ ๖๘

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วัดปทมุ วนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เล่มที่ ๑ พุทโธ ธัมโม ธัมโม สังโฆ สังโฆก็ได้ หรือใครจะกาหนดลม หายใจเขา้ ออกกไ็ ด้ ถอื ว่าถกู หมด ขอให้ทำจริง ๆ เถอะ เมื่อใจเข้ำถึงพุทโธ ธัมโม สังโฆ ใจจะเข้าไปถึงความเป็นผู้ หยั่งทราบเอง ใจจะอยู่กับปัจจุบันอย่ำงเดียวเท่าน้ัน ท่านจึง ให้สร้างใจให้มีหลัก หลักก็คือสมาธิ สมาธิคือหลักของใจ ให้ ภาวนาเข้า มีสติ รักษำใจตัวเองให้อยู่ตลอด จะยืน เดิน นั่ง นอน ยืนก็ ยืนอยู่กับพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ นั่งก็นั่งอยู่กับ พระพุทธเจ้า เดินก็เดินอยู่กับพระพุทธองค์ คือการบริกรรม ภำวนำพุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ อยู่อย่างนี้ บริกรรมอยู่ อย่างน้ี จนกวา่ จติ กบั พทุ โธจะเป็นอันหน่ึงอันเดยี วกัน โลกุตตรธรรมเป็นธรรมท่ีเหนอื โลก ผู้ที่อยู่ในโลก คิดอยู่ในโลก วนอยู่กับโลก ไม่สามารถที่จะเข้าใจพุทธศาสนาได้ นอกจากผู้ ที่ปฏิบัติธรรมเท่านั้น อยากให้พ่ีน้องท้ังหลายได้สนใจธรรมะ ภำคปฏิบัติ อตั ต หเว ชติ ัง เสยโย ชนะตนนั่นแหละ เปน็ ดี ๖๙

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วดั ปทุมวนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เล่มที่ ๑ หลวงปอู่ ุทัย สิริธโร วัดเขำใหญ่ ญำณสัมปนั โน ต.โป่งตำลอง อ.ปำกช่อง จ.นครรำชสีมำ แสดงเมื่อวันอำทติ ย์ที่ ๒ กันยำยน ๒๕๖๑ ณ ศำลำพระรำชศรทั ธำ วดั ปทุมวนำรำม รำชวรหำร นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสมั พุทธสั สะ นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมั มาสมั พทุ ธสั สะ นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสมั พุทธัสสะ ปุญญานิ ปรโลกัสมิง ปติฏฐา โหนติ ปาณนิ นั ติ เอ้า ว่าไงต่อไป เด๋ียวจะอ่านตามรายการอันน้ีเพ่ือให้เข้าใจ ความหมายกันหน่อยซะก่อน รายการฎีกาวัดปทุมวนารามราช วรวิหาร ในกิจกรรมแสดงพระธรรมเทศนาสานต่อปฏิปทาพระ ๗๐

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วดั ปทุมวนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ที่ ๑ กรรมฐาน เข้าใจไหมสานต่อ สานต่อปฏิปทาพระกรรมฐาน เพื่อสืบ สานพระราชศรัทธา พระราชปณิธาน น้อมถวายให้เป็นพระราช กุศล ตรงนี้น่าคิดนะ เข้าใจมากน้อยขนาดไหนพวกเรา คือเรื่อง แสดงพระธรรมเทศนา สานต่อปฏิปทาพระกรรมฐาน ประเด็นตรง น้ีนะ เอา้ ฟังกนั ต่อ ทนี ้ี จะสานตอ่ ลักษณะไหน พนี่ อ้ งญาติโยม ตรง น้ีต้องนึกถึงคาสอนของพระพุทธเจ้าที่พระองค์เทศนาสอน ไม่ใช่ สอนเฉพาะมนุษย์นะ ลองนึกถึงบทสวดทาวัตร สัตถำ เทวะมนุสสำนัง พุทโธ ภะคะวำติ แปลเป็นภาษาพวกเรา พอนึกได้ไหม สัตถำ เทวะ มนุสสำนัง พุทโธ ภะคะวำติ นึกดูสิ นึกได้ไหม แปลได้ไหมภาษา เรา ถ้าแปลไม่ได้หมดทุกคน เอ้า หลวงปู่แปลให้ฟังนะ หลวงปู่แปล ให้ฟัง ความหมายก็ว่า สัตถา เทวะมนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ แปลเป็นภาษาเราว่า พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาเอกสอนเทวดาและ มนุษย์ทั้งหลาย รวมพวกเราเข้าด้วยนะ โดยเฉพาะกับพวกเรา พี่ น้องญาติโยม ทาไม ศัพท์ความหมายที่ว่า พระพุทธเจ้าเป็นศาสดา เอกสอนเทวดา บางคนขนาดชาวพุทธแท้ ๆ เทวดาอยทู่ ่ไี หนล่ะ เทว บุตรอยทู่ ไี่ หน เทวดาอยู่ท่ไี หน ความสงสัยลักษณะน้ีอย่างน้ีก็มีกันมากอยู่นะ เพราะมี ความเช่ือมั่นตามหลักวิทยาศาสตร์ หลักวิทยาศาสตร์เครื่องใช้ใน โลก เขาจะไปทิศไหนภาคไหนในโลก เขาไปได้หมด ไปเห็นหมด เคร่ืองพาเขาไป ไม่ใช่เฉพาะโลกมนุษย์ไม่ใช่หรือ หนัก ๆ เข้า ไปถึง พระจันทร์ เอ พระจันทร์เป็นยังไง มีจริงหรือเปล่า โลกพระจันทร์ น่นั นะ การทพ่ี วกเราศกึ ษาท่เี ขาออกข่าว ลงขา่ ว ตรงน้ี สรุปใจความ ตรงนี้ เชื่อเถอะ พี่น้องญาติโยม พี่น้องลูกหลาน โลกพระจันทร์มี ๗๑

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วดั ปทมุ วนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ท่ี ๑ จริง พวกเราก็มองเห็นด้วย ที่ว่าโลกพระจันทร์กับโลกมนุษย์ ตรงนี้ แหละ ความแตกต่าง ส่วนโลกมนุษย์เราไม่สงสัย เราเกิดเป็นมนษุ ย์ สว่ นโลกพระจันทร์ พระองั คาร นั้นนะ่ เราสงสยั เพราะเรายงั ไมเ่ ห็น สงสัยวา่ เออ จะเปน็ ลักษณะไหน โลกพระจนั ทร์ โลกพระอังคาร ถึงยังไง ๆ ก็สรุปใจความตรงนี้ เช่ือเถอะ เป็นที่อยู่เป็นที่ เกิด ของสรรพสัตว์ทั้งหลายของบรรดา มีดวงจิตดวงใจ ดวงจิตดวง วิญญาณ สามารถที่จะไปอยู่ไปเกิดได้ท้ังน้ัน เอ้า พ่ีน้องญาติโยม สรุปใจความหน้าท่ีที่พระพิธีกรในวัดปทุมฯ ของเรา นิมนต์องค์ หลวงพ่อ มาเทศนาสานต่อปฏิปทาพระกรรมฐาน ความหมายของ ท่านคืออยากจะให้หลวงพ่อเนี่ย มาเล่าปฏิปทาพระกรรมฐาน โดยเฉพาะยุคพระกรรมฐานยุคน้สี มัยน้ี หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่ม่ัน ถ้า ว่าคร้ังพุทธกาลท่านเป็นพระอรหันต์ ท่านเป็นพระอริยะเจ้า ฉะน้ัน หลวงพ่อนั้นน่ะ อยู่กับหลวงปู่ฝั้น หลวงตามหาบัว ครูบาอาจารย์ พระกรรมฐานชุดน้ี เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ม่ัน แล้วหลวงปู่ม่ันสอน ยังไง ผลการประพฤติปฏิบัติตามหลวงปู่มั่น หลวงปู่ ครูบาอาจารย์ พระกรรมฐาน ผลการปฏบิ ัตเิ ป็นยังไง ตรงน้ลี ะ่ สาธฯุ องคห์ ลวงพ่อ ไมส่ งสยั เลย ไมส่ งสยั เลย เรือ่ งอะไรไม่สงสยั ไม่สงสัยว่ำ บุญมีจริง บำปมีจริง ชำติน้ีมีจริง ชำติหน้ำมี จริง มรรคผล นิพพำนมีจริง ไม่สงสัยเลย ไม่สงสัย สรุปใจความ แล้ว ตามตาราท่านว่าเอาไวว้ ่า มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ นิพพาน สมบตั ิ ท่านวา่ ตามตารา พี่นอ้ งญาติโยม พน่ี ้องลูกหลาน ตาราทเ่ี ปน็ คาสอนของพระพุทธเจ้านะ ไม่ใช่ว่าตารานึกคิดขึ้นมาเฉย ๆ ตารา เน่ีย เปน็ คาสอนของพระพุทธเจา้ พวกเราทุกองคท์ ุกคนลองนึก เอ้า นึกถึงประวัติพระพุทธเจ้า เพ่ือให้เป็นคติ พระพุทธเจ้าก่อนที่ ๗๒

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วดั ปทมุ วนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ที่ ๑ พระองคท์ ่านยงั ไม่บรรพชาอปุ สมบท ท่านกเ็ ปน็ ฆราวาส แตศ่ กั ดิ์ศรี เชอื้ ชาตขิ องพระองค์ท่าน เป็นเชือ้ ชาตเิ จา้ ฟ้ามหากษตั รยิ ์ สาธฯุ พ่ีน้องญาติโยม พ่ีน้องลูกหลาน เช้ือชาติของพระพุทธเจ้า พระสมณโคดม เช้ือชาติเจ้าฟ้ามหากษัตริย์ ความสุขแบบทางโลก ไม่ต้องสงสัย ไม่ต้องสงสัยเลย เพราะก่อนท่ีพระพุทธเจ้าจะเสด็จ บรรพชา อุปสมบท ตามประวัติ ต้องว่าภาษาเรา พระองค์ก็ต้องมี ครอบครัวเสียก่อน แต่งงานเสียก่อน ใช่หรือเปล่า แต่งงานแล้วก็มี ลูกผู้หนึ่ง ผู้ชาย พอมีลูกผู้ชายแล้ว ออกบวชทีน้ี ออกบวชช่วงน้ัน ไม่ได้ลาใครนะ ไม่ได้ลาใคร ไม่ได้บอกใครเลย เหตุผลตรงน้ี ถ้าอายุ ช่วงระยะที่พระองค์ออกบรรพชา ยังไม่ได้แต่งงานจะมีศัพท์ที่ไม่ น่าจะได้ยินย้อนมา โอ๊ย ก็ออกบวชได้นั้นแล้ว ยังไม่มีภาระอะไร ยัง ไม่ได้แต่งการแต่งงาน ก็ออกบวชได้ พระองค์ตดั ปญั หาตรงน้ีด้วยความรคู้ วามสามารถ เอ้า ตอ้ ง แต่งการแต่งงานเสียก่อน เผื่อศัพท์เขาจะย้อนว่าก็ออกบวชได้ เพราะยังไม่ได้แต่งงาน ต้องแต่งงานเสียก่อน ถ้าแต่งงานแล้ว ออก บวช ทีน้ีจะมีศัพท์หนึ่งย้อนมา ก็ออกบวชได้ เพราะยังไม่มีภาระ ผูกพันอะไรมาก เมื่อแต่งงานแล้วก็ควรจะมีลูก ควรจะมีลูกก่อน ฉะน้ัน ให้มีลูกผู้ชายผู้หนึ่ง ออกบวชเลยทีน้ี ลูกผู้ชายไม่ใช่ว่า มีผู้มา กราบทูลกราบเรียนท่านว่า ภรรยาคลอดลูกแล้ว ลูกของเราจะเป็น ลักษณะไหน เราจะไปดหู นา้ ดตู า น่ารกั หรอื เปลา่ แทนท่ีจะคิดอย่าง นี้นะ กลับไปคิดแบบธรรมชาติ ทราบขา่ ววา่ ลูกเกิดข้ึนมาแล้วก็ เอ้อ บ่วงคล้องคอ บ่วงสวมคอมาแล้ว คิดยังไง ปรารภเร่ืองน้ีข้ึนมา คือ ความผูกพัน อปุ ทานการยดึ พระพุทธเจ้าทาใหเ้ ป็นตวั อยา่ งสมบูรณ์ บริบูรณ์เลย เดี๋ยวน้ีมนุษย์คนเรา ทุกข์กายทุกข์ใจเพราะปล่อยวาง ๗๓

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เล่มที่ ๑ ได้ยาก การอุปาทานการยึด ปล่อยวางได้ยาก ตรงน้ี ลักษณะ พระพุทธเจ้า นาสัจจะความจริงตรงน้ี จึงได้วางเป็นบท เป็นแบบ สมบัติท่ีสมบูรณ์ ตำมหลักวิชำกำรท่ีพวกเรำได้ศึกษำพระธรรมคำ สอนของพระพุทธเจำ้ ควรนำมำปฏบิ ัติ ๑ ทำน ๒ ศีล ๓ สมำธิ ๔ ปญั ญำ คอื ทำน ศลี สมำธิ ปญั ญำ หรือ ศลี สมำธิ ปญั ญำ แนวทางปฏิบัติ ปฏิปทาครูบาอาจารย์ หลวงปู่เสาร์ หลวง ปู่ม่ัน เราอยู่กับหลวงปู่ฝั้น ท่านสอนอย่างไร แนวทางปฏิบัติ พ่ีน้อง ญาติโยม ให้เข้าใจความหมายวา่ เอ้า ตงั้ ใจ ๆ ท่ีพวกเราเคยพูด เคย ได้ยินได้ฟัง เอ้า ตั้งใจ ๆ ทายังไง ต้ังใจ ให้เข้าใจความหมายตรงน้ี เทศนา อย่าให้หลวงปู่เดินทางมาไกล มาเหน่ือยเฉย ๆ นะ เทศนา มาบอกมาสอน เทศนาแปลว่าบอกสอน สอนพี่น้องญาติโยมชาว พุทธ ความจริงเรอ่ื งนี้ พวกเราก็ไดย้ ินไดฟ้ ังคาบอกคาสอนของหลวง ปู่ครูบาอาจารย์อยู่แล้ว แต่บางส่ิงบางเร่ือง ยังไม่เข้าใจหรือเข้าใจ น้อย จึงได้มาเพ่ิมเติมเสริม ตรงไหนท่ีมันเข้าใจน้อย ตรงไหนท่ีมัน ยงั ไม่เขา้ ใจ ความหมายนะ เอ้า กลบั ลงมา เอ้า ตงั้ ใจ ใจของเรา ทุกองค์ทุกคน ใจคือผู้รู้ ทางพระกรรมฐาน เขา ว่า เอ้า ตั้งใจ ๆ โดยเฉพาะนั่งสมาธิ หลับตานะ เอ้า หลับตาด้วย ทุกองค์ทุกคน หลับตาตรงน้ี ไม่ใช่หลับตาเฉย ๆ เพื่อนอนนะ ทา ความเข้าใจตรงนี้ให้เป็นสัมมาทิฏฐิ ต้ังใจหลับตา หลับตาเพ่ือดูใจ เข้าใจไหม หลับตา ดูใจ ใจคือผู้รู้ ตามหลักคาสอนของพระพุทธเจ้า ใจคือผู้รู้เนี่ย ถ้าจะว่าตามสัจจะ ความจริง ใจคือผู้รู้เน่ีย แก่ไม่เป็น จรงิ ไหมตรงน้ี ผู้รู้คือใจ ใจคือผู้รู้ของเรำ เอ้า หลับตาดู ท่ีพระพุทธเจ้า สอนว่าใจนี้แก่ไม่เป็น จริงไหม นอกจากแก่ไม่เป็นแล้ว ก็ตายไม่เป็น ๗๔

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วัดปทุมวนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ที่ ๑ ใจดวงนี้ พน่ี ้องญาตโิ ยม ทพ่ี วกเราเคยได้เห็นได้ยนิ ได้ฟัง คนนัน้ ตาย คนนตี้ าย อยา่ ไปเข้าใจวา่ ใจเขาตายนะ ผดิ นะตรงน้ี คนน้ันตาย คน น้ีตาย ความจริงแล้ว ใจเขาไม่ได้ตาย ใจไม่ได้ตาย ใจออกจากร่าง จะให้อะไรพาใจไป ทีน้ี จะให้บุญหรือให้บาปพาใจไป เม่ือใจออก จากร่าง จะให้อะไรพาใจไป ตรงน้ีล่ะ หลวงปู่ครูบาอาจารย์ทาง ภาคปฏิบัติ อำตมำอยู่กับหลวงปู่ฝั้น สอนภำวนำ สอนให้ดูใจ สอนให้ดูใจ ดูใจ และสอนให้ตั้งใจ ใจคือผู้รู้ ท่ำนสอนว่ำใจคือผู้รู้ เน่ีย แก่ไม่เป็น ตำยไม่เป็น สำธุฯ เลย มันเห็นได้ชัดนะ ใจคือผู้รู้ เน่ยี แก่ไมเ่ ปน็ และกต็ ำยไม่เปน็ คนนั้นตาย คนนี้ตาย ความจริงแล้ว ใจไม่ได้ตาย ใจออก จากร่างเพราะทนกับความทกุ ข์กับโรคไม่ไหว หมดลมหายใจ แล้วก็ ใจอยู่ในรูปร่างไม่ได้ ตรงน้ีแหละ ประเด็นตรงนี้แหละ พระพุทธเจ้า สอน ตรัสรู้ ตรัสรู้นั่นน่ะ ที่พระองค์ตรัสรู้ คาว่ารู้ รู้เรื่องน้ี รู้แบบ อัศจรรย์ด้วยนะ แบบอัศจรรย์คืออะไร รู้ในส่ิงที่มนุษย์ทั้งหลายไม่รู้ เห็นในสิ่งท่ีมนุษย์ท้ังหลายไม่เห็น พระพุทธเจ้าเห็น พระพุทธเจ้ารู้ ยกตัวอย่าง นรก มีจริง สวรรค์ มีจริง เปรต มีจริง อสูรกาย มีจริง สัตว์นรก มีจริง พระพุทธเจ้ารู้ ท้ังเห็นด้วย เปรตเป็นยังไง สัตว์นรก เป็นยังไง อสูรกายเป็นยังไง สาธุฯ พี่น้องญาติโยม พี่น้องลูกหลาน พระพุทธเจ้า ตรัสรู้ ฟังเสียงเปรต ฟังเสียงสัตว์นรก ตะโกนความ เป็นทุกข์ โอ้ เป็นเปรต เป็นผี เป็นสัตว์นรก ทุกอย่างทุกข์แสนทุกข์ อยา่ งน้ีเลย ทุกข์แสนทุกข์อยา่ งน้เี ลย ความสลดสังเวชของพระพุทธเจ้า เมตตาสงสารแล้ว สลด สังเวช เมตตาสงสาร โอ้ ทายังไง พระองค์ลองย้อนในอดีตชาติ เรา เคยไดเ้ กดิ มาหรือเปล่า หรอื ได้เกิดมาภพนีช้ าตนิ ี้ชาตเิ ดียว อดตี ชาติ ๗๕

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วัดปทมุ วนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ที่ ๑ ท่ีผ่านมาเคยได้เกิดไหม มองไป ญาณความรู้เกิดขึ้น อดีตชาติก็นับ ไม่ถ้วน การเกิด เกิดเป็นเทวดาก็เคยเกิด เกิดเป็นมนุษย์ก็เคยเกิด เกิดเปน็ เปรต เปน็ ผี เปน็ สตั ว์นรก ก็เคยเกิด เกิดเปน็ สัตวเ์ ดรัจฉานก็ นับไม่ถว้ น ยิง่ สลดสงั เวช โอ้ ข้ึนชื่อว่าจติ ใจ มันแก่ไม่เปน็ มนั ตายไม่ เป็น เวียนว่ายตายเกิด เวียนว่ายตายเกิด เห็นได้ชัดเลย ไม่ต้อง สงสัยเลยทนี ้ี โอ๊ย หมู่มนุษย์ทั่วโลกเขาจะเป็นยังไง พระพุทธเจ้าก็มอง อีก มองดูมวลหมู่ดวงใจของหมู่มวลมนุษย์ในโลก เห็นได้ชัด ไม่ต้อง สงสัย บางดวงจิตดวงใจก็เป็นเทวบุตรเทวดา บางดวงจิตดวงใจก็ เป็นสัตว์เดรัจฉาน บางดวงจิตดวงใจก็เป็นเปรตเป็นผี บ่นทุกข์บ่น ยาก ตรงน้ีล่ะ ความเมตตาธรรมของพระพุทธเจ้า อดไม่ได้ล่ะที่นี้ ควรจะบอก ควรจะสอนมวลหมูม่ นุษย์ พอทจี่ ะบอกได้สอนได้ให้เขา รู้ว่า ความเป็นทุกข์ เกิดเป็นภพเป็นชาติ อยู่ในความทุกข์ ภาษา ธรรมละบาป บาปพาเกิด บางภพบางชาติ เกิดขึ้นมาในฐานะความ เป็นสมบัติ มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ เกิดเป็นเทวบุตร เทวดา อัน น้ี เรียกว่าบุญพาไปเกิด พระพุทธเจ้าอดไม่ได้ เมตตาสงสาร จึงได้ นาสัจจะความจริงเน่ีย มาเทศนาสอน สัตถำ เทวะมนุสสำนัง พุท โธ ภะคะวำติ ที่พวกเราสวดสาธยาย พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาเอก สอนโลก สอนเทวดาด้วย สอนมนุษย์ทัง้ หลายดว้ ย วิธีสอนทีน้ี ฟังแล้ว โอปนยิโก ฟังคาสอนของพระพุทธเจ้า แล้ว ให้ โอปนยิโก ให้น้อมเข้ามาดู ท่ีกายท่ีใจของตัวเอง มันจะได้ หายสงสัย เม่ือน้อมเข้ามาดูท่ีกายท่ีใจ ความสุข ก็มีกายมีใจ มีใจมี กายเนี่ย เป็นเครื่องแสดงออกบอกลักษณะความสุขความสบาย ความเป็นทกุ ข์ก็มกี ายมใี จเนีย่ เปน็ เครอ่ื งลกั ษณะแสดงออกในความ ๗๖

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วดั ปทมุ วนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เล่มที่ ๑ เป็นทุกข์ ความเป็นทุกข์กายทุกข์ใจ ภาษาชาวพุทธ ท่านเรียกว่า บาป ทุกข์น้อยก็บาปน้อย มีความทุกข์มากย่ิงบาปมาก ความสุขก็ เหมือนกัน มีความสุขกายสุขใจ สุขน้อยเป็นผู้มีบุญน้อย มีความสุข มากเป็นผูม้ ีบุญมาก ฉะน้นั คาวา่ บุญและบาป บุญและบาป อยา่ ไป ดูที่อ่ืน โอปนยิโก ตามคาสอนของพระพุทธเจ้า น้อมเข้ามาดูท่ีกาย ที่ใจ เม่ือน้อมเข้ามาดูท่ีกายที่ใจ อย่างอาตมาอธิบายให้ฟังเนี่ย มัน สงสยั ตรงไหนท่นี ้ี เอา้ สงสยั ตรงไหน ถา้ เผื่อเราตั้งใจฟัง หายสงสัย เอ้า ฟังเนื้อหาต่อไป ทีน้ี พระพุทธเจ้าสอนให้ มนุษย์ ทั้งหลาย รู้จักการทาบุญ ทำน ศีล สมำธิ ปัญญำ หรือ ฟังพระ ธรรมเทศนา ทีเ่ กิดแห่งบุญ ไม่ใชเ่ รือ่ งอื่นเร่ืองไกลนะ เพราะการเกิด ขึ้นมาเป็นมนุษย์ เพราะบุญพามาเกิด ถ้าบาปพาเกิดก็อย่างว่า น้ันน่ะ มันจะเกิดเป็นมนุษย์ไม่ได้ เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นเปรต เป็นผี อันนั้นบาปพาเกิด พี่น้องญาติโยม พี่น้องลูกหลานทุกคน เอ้า ตั้งใจขึ้นมา ใจถามใจ เอ้า ใครอยากจะไปเกิดเป็นเปรตเป็นผี เอ้า ใครอยากจะไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ตั้งใจ ข้ึนมาดูใจ และต้ังใจ ขึ้นมาถามใจด้วย ต้ังใจดูใจก็เพื่อ ใจคือผู้รู้ ความรู้เนี่ย มันแก่ไม่เปน็ จริงไหม ตายไม่เป็นด้วย ใจคือผู้รู้ ใจของเราเน่ีย จะน่ังอยู่ที่น่ี หรือ ไม่ได้นั่งอยู่ที่นี่ ฉะน้ัน เม่ือใจคือผู้รู้เน่ีย แก่ไม่เป็น ตายไม่เป็น ควร จะสร้างความดี หรือว่าสร้างความเป็นบุญ สร้างแล้วความดี หรือ บุญนน้ั ล่ะ มนั จะมารวมอยู่ทใ่ี จ ไม่ได้ไปอยทู่ ่ีอ่นื มารวมอยู่ท่ใี จ หรอื สร้างทาความผิด มันเป็นบาปเป็นกรรม เป็นบาปเป็นกรรม ความ ทุกข์ ผลเกิดข้ึน มันก็ไม่ได้ไปอยู่ท่ีอ่ืน มันก็มารวมอยู่ท่ีใจอีกล่ะ ฉะนั้น โอปนยิโก โอปนยิโก ศัพท์นี้นะ จึงเป็นประโยชน์ต่อพวกเรา ชาวพุทธ จะนั่งอยู่ท่ีน่ี หรือไม่ได้นั่งอยู่ท่ีนี่ ให้เข้าใจความหมายว่า ๗๗

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วดั ปทมุ วนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ท่ี ๑ โอปนยิโก เร่ืองบุญเร่ืองบาป เร่ืองสุขเร่ืองทุกข์ เรื่องความเป็น สมบตั ิเร่ืองความเปน็ วิบตั ิ ใหม้ าดทู ีก่ ายท่ีใจของเรา ใจคือธาตุรู้ ใจคือความรู้ รู้อยู่ แนวทางปฏิบัติ ท่าน เนน้ หนัก ใจคอื ความรู้ ให้ใช้ความฉลาด ใจคอื ผูร้ ู้เน่ยี เราฟงั คาสอน ของพระพุทธเจ้า จากหลวงปู่ครูบาอาจารย์ หลวงปู่ครูบาอาจารย์ สอนให้พวกเรา มีการทาบุญ มีการรักษาศีล จะทาบุญให้ทานมาก น้อยขนาดไหน ผลความเป็นบุญน้ันน่ะ มันมารวมอยู่ที่ใจ ใจคือ ความรู้ ไม่ได้ไปอยู่ที่อื่นนะ รักษาศีลก็เหมือนกัน จะเป็นศีล ๕ ศีล ๘ ศีลของนักบวช สามเณร พระภิกษุ มันก็มารวมอยู่ท่ีใจ พอมา รวมอยู่ที่ใจ คาว่า รักษาศีล รักษาศีล ปฏิบัติธรรม รักษาศีล รักษา ศีล ตรงนนี้ ะ่ ศีลของพระ มีเท่าไร ๒๒๗ ข้อ ท่ีพระพุทธเจ้าห้าม ศีลของ สามเณร มี ๑๐ ข้อที่พระพุทธเจ้าห้าม ศีลแม่ขาวนางชี หรือบวช เป็นชีพราหมณ์ ศีล ๘ ตามปกติ พระพุทธเจ้าสอน ทางพุทธศาสนา ให้เข้าใจเรื่องศีล ๕ เมื่อเข้าใจเรื่องศีล ๕ คาว่า รักษาศีล ๕ รักษา ศีล ๕ มันจะไดภ้ ูมิใจ มนั จะได้ยินดี ในการรักษาศีล ๕ ตรงนี้ พ่นี ้อง ญาตโิ ยม เข้าใจคาว่าศีล ๕ ศีล ๕ เข้าใจมากนอ้ ยขนาดไหน เอาทาง ภาคปฏิบัติเถอะ หลวงปู่จะอธิบายทางภาคปฏิบัติ สัจจะ ความจริง นะ มันเป็นความจริงยงั ไง สจั จะความจริงยงั ไง ศีล ๕ ศีล ๕ ไป ดทู ไ่ี หน ไปรู้ที่ไหน ศลี ๕ ตรงน้ีแหละ ฟังแลว้ ให้โอปนยิโก น้อมเขำ้ มำสู่กำยของเรำ ให้มารู้ในกาย เห็นในกายของเรา ศีล ๕ น่ะ เห็น ในกาย รู้ในกายยังไง พวกเราจะน่ังอยู่ที่น่ี หรือ ไม่ได้นั่งอยู่ท่ีนี่ เป็น ผู้ชายก็ตาม ผู้หญิงก็ตาม ดูศีล ๕ ดูในกาย ดูยังไง เรียนยังไง อ้าว ๗๘

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วดั ปทมุ วนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เล่มท่ี ๑ หลวงปู่จะถาม จะสอน พวกเรามีขาเท่าไร มีขาเท่าไร ๒ ไม่ใช่หรือ มีแขนเท่าไร ๒ ไม่ใช่หรือ รวมกันแล้ว เป็น ๔ มี ๔ กับศีรษะอัน ๑ เป็น ๕ แขน ๒ ขา ๒ ศีรษะ อัน ๑ นี่เป็น ๕ นี่ตัวศีล ๕ คือตัวพวก เรา นี่ตัวศีล ๕ ตัวศีล ๕ ตัวพวกเรา นี่ตัวบุญนะเน่ีย บุญพามา เกิด อานิสงส์การรักษาศีล ทาบุญให้ทาน เมตตาภาวนา ฟังพระ ธรรมเทศนา นั่งสมาธิเนี่ย มันเป็นผล ผลไปรวมอยู่ที่ใจเนี่ย ใจท่ีแก่ ไม่เป็น ตายไม่เป็น เน่ีย รวมอยู่ที่ใจ ใจบุญพามาเกิด คือศีล ๕ เนี่ย เรางดเว้น เราไม่ทาผิดศีล ๕ ข้อใดข้อหนึ่ง ปำณำติปำตำ กำเม มุสำ อทินนำ สุรำ แต่ละข้อ แต่ละข้อ ลงท้าย เวระมณี เวระมณี แปลเป็นภาษาเรา ให้พากันหลีกนะ พากันเล่ียงนะ พากันเว้นนะ การฆ่าก็ไม่ดี การลักชิงวิ่งราว ปล้นสดมภ์โจมตีก็ไม่ดี การผิดจารีต ประเพณีสามีภรรยาก็ไม่ดี การโกหกหลอกลวงก็ไม่ดี การดื่มสุรา เมรัยก็ไม่ดี ฉะน้ัน พระพุทธเจ้าจึงห้าม เวระมณี ให้พำกันหลีก ให้ พำกันเลี่ยง ให้พำกันเว้น ปำณำติปำตำ กำเม มุสำ สุรำ เป็นข้อ พระพุทธเจ้าห้าม เป็นสิ่งท่ีพระพุทธเจ้าห้ามนะอันน้ัน นี่ทาง ภาคปฏิบัติ ตัวศีล ๕ จริง ๆ คือตัวของเรำ ขำ ๒ แขน ๒ ศีรษะ อัน ๑ อย่ำเอำตัวศีล ๕ ไปทำโทษ ๕ ท่ีพระพุทธเจ้ำห้ำมไม่ให้ทำ เข้าใจไหมตรงนี้ หรือใครสงสัย ถ้าตั้งใจฟังดี ๆ ตั้งสติฟังดี ๆ คาว่ารู้ ธรรม เห็นธรรม รู้ธรรม เห็นธรรม ธรรมท่ีควรรู้ ก็คือ องค์หลวงปู่ อาราธนาคาสอนของพระพุทธเจ้ามาสอนให้พวกเรารู้ พวกเราฟัง รู้ ในเหตุในผลอยา่ งทว่ี ่าเนยี่ รูปธรรม รูปธรรม ร่างกาย นามธรรม จิตใจ รูปธรรม นามธรรม รู้ธรรม เรารู้อย่างนี้ มันควรไหมท่ีจะเอาธรรม ส่ิงท่ีมัน ๗๙

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วัดปทุมวนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ท่ี ๑ เป็นประโยชน์ไปทาความชั่ว ฉะน้ัน ข้อที่พระพุทธเจ้าสอน ให้พวก เรารู้จักการทาบุญ ทำนมัย บุญเกิดข้ึน เพราะการทาบุญ ทาทาน จำคะ เสียสละ อันน้ีตอ้ งแบ่งเป็นสว่ นหยาบ สว่ นกลาง ส่วนละเอยี ด ด้วยนะ ทางศีลด้วย ส่วนหยาบ ทำน จำคะ เสียสละ คือ วัตถุ ส่ิงของ เราทาบุญทาทานมากน้อยขนาดไหน น่ันล่ะ จำคะ เสยี สละ อาหารหวานคาวใส่บาตร จังหัน ตอนเช้า ตอนเที่ยงนั้นน่ะ ทาด้วย ความยินดี ทาด้วยความพอใจ เอาความพอใจ เอาความยินดีน้ันนะ่ เป็นทอี่ ยู่ เป็นเครือ่ งระลกึ รู้ ผลการกระทา เรำทำแล้วยนิ ดจี ำกกำร กระทำ ควำมยินดี ควำมพอใจน้ันน่ะ เกิดเป็นบุญเป็นกุศลจำก กำรกระทำ เรียกว่ำ ทำนมยั เอาสว่ นละเอยี ดเข้าไป ทนี ี้ ใจของเรา น้ันนะ่ ถ้ายังเปน็ สามญั ชน เป็นปุถุชน ร้อยทง้ั รอ้ ย มนั จะไปเอาเรื่อง ไมใ่ ช่เรอื่ งไปเก็บไว้ที่ใจ ให้ใจมันมีความทกุ ข์ ใหใ้ จมันมีความราคาญ หนัก ๆ เข้า ภาษาเราว่า เครียด น่ันน่ะเห็นไหม อารมณ์ ประเภท นั้นเป็นอารมณ์ของกิเลส ความเป็นทุกข์ภายในจิตใจ ให้มาเรียนรู้ อย่างนี้ พระพุทธเจ้าจึงสอนว่า จำคะ ให้พำกันสละออก ถ้ารู้ว่า จิตใจมันอยู่กับความทุกข์ อารมณ์ความเป็นทุกข์ เครียด ราคาญ ภายในจิตใจ จำคะ เสียสละ ปล่อยวางไปก็ได้ อย่างในขณะน้ี เอ้า อารมณ์ไม่ดีภายในจิตใจ อารมณ์ความเป็นทุกข์ประเภทไหน จะ มากจะน้อย ต้ังใจขึ้นมาดูใจ ตั้งสติขึ้นมาดูใจ อารมณ์ความไม่ดี พระพทุ ธเจ้าสอนใหเ้ สยี สละ จาคะ ปล่อยวาง ใหใ้ จ มนั สบาย สบาย สบาย เบาสบาย ปล่อยวางความทุกข์ความยาก ให้ใจของเราสบาย สบาย สดชื่น แจ่มใส จิตใจดีงาม ความหมายคาว่าทาน จาคะ เสียสละ อารมณ์ท่ีเป็นทุกข์ อารมณ์ท่ีไม่ดี จากใจนะ คาว่า ทาน ๘๐

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วัดปทมุ วนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เล่มท่ี ๑ ทาน น่ะ จาคะ คาว่า จาคะ เสียสละ อารมณ์ทางจิตใจ หรือส่วน หยาบ ในสิ่งที่ไม่ดี กิเลสมันพานึก กิเลสมันพาคิด กิเลสมันอยากจะ ไปทา จาคะ เสียสละ อย่าไปนึกไปคิดไปทาตามอารมณ์ของกิเลส ตัณหา ความหมายนัน้ น่ะ ลักษณะของศีล ทีนี้ ทาน ศีล พ่ีน้องญาติโยม พ่ีน้องชาว พุทธ เอ้า ฟังให้เข้าใจความหมายนะ ลักษณะของศีล ลักษณะของ ศลี และกิริยาของศีลดว้ ย ศลี ทา่ นวา่ เอาไว้วา่ ศีลคอื ความเรียบรอ้ ย ใช่หรือเปล่า ศีลคือความเรียบร้อย เอ้า แบ่งเป็น ๓ ลักษณะ ศีลคือ ความเรียบร้อยเน่ีย แบ่งเป็น ๓ ลักษณะ ลักษณะหน่ึง ศีลส่วน หยาบ คือ เว้นตามสิกขาบท จะเป็น ๕, ๘, ๑๐, ๒๒๗ คือศีลส่วน หยาบ ศีลส่วนกลางคือสังวรระวังอารมณ์ น่ีศีลส่วนกลาง สังวร ระวัง ศีลคือความสารวมนะ สังวรระวังนะ ศีลส่วนละเอียด ทาให้ จิตใจเป็นปกติดี เหมอื นกอ้ นหิน แผน่ หนิ ศิลา แดดมา ฝนมา ลมพา มา จะมากจะแรงขนาดไหน ก้อนหินไม่หว่ันไหวเลย อยู่เป็นปกติ ฉะนั้น การฝึกใจ ทาใจให้อยู่เป็นปกติ นง่ิ สบาย ๆ เอ้า ทาอยู่ ทาอยู่ เด๋ียวนี้ ฟัง ไม่ได้ฟังอยู่เฉย ๆ นะ ฟังแล้วก็ทา ฟังแล้วก็ทาด้วย มัน จะได้เห็นด้วย มันจะได้รู้ด้วย ความหมายนั้นน่ะ เมื่อฟังเข้าใจ ความรู้ว่า เราจะได้เข้าใจที่ท่านบอกว่าอานิสงส์ของศีล สีเลนะ สุคติง ยันติ ท่ีท่านบอกอานิสงส์ ถ้าใครเว้นจากความชั่ว รักษาศีล บุคคลน้ัน พวกน้ัน หมู่นั้น มีความสุข สีเลนะ สุคติง ยันติ เว้นจาก ความช่ัว จาเป็นไหม จะไปหาฆ่า หาตี หาฆ่า ไปหาลักชิงว่ิงราว ปล้นสดมภ์โจมตี ไปหาผิดจารีตประเพณีสามี ภรรยา ผู้ชายก็ไปผิด ประเพณี ไปอยู่กับชู้ ผู้หญิงไปผิดประเพณี ไปอยู่กับชู้ ไปอยู่กับชู้ ๘๑

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ท่ี ๑ ไปมีชู้เน่ีย ภาษายุคใหม่ สมัยใหม่เขาเรียกอะไรนะ ไปมีกิ๊ก ใช่หรือ เปล่า อันน้ี แรงฤทธิ์ของกิเลสตัณหา ฉะน้ัน พระพุทธเจ้าท่านให้ ใช้ ความรู้ความฉลาด เหนือกิเลสเหนือตัณหา เม่ือไปทาในสิ่งท่ีมัน ผิด ผลความทุกข์นั้นหนา มันมาแผดเผาในจิตใจของตนเอง มันไม่ คุ้มค่าความหมายนะ ฉะน้ัน ต้องการมีความสุขความสบาย พระพุทธเจา้ จึงสอนใหเ้ ว้นจาก ความชัว่ ๕ ประการ คือ ศีล ๕ สีเล นะ สุคะติง ยันติ มีความสุข เมื่อมีความสุขกาย วาจา ใจ – กาย ของเรา ใจของเรามีความสุข ตรงน้ีล่ะ การน้อมใจของเราให้อยู่ใน ลักษณะของศีล ศีลคือความเรียบร้อย อารมณ์ดี อารมณ์เรียบร้อย ใจมันก็สดช่ืน รื่นเริง แจ่มใส จิตใจดีงาม จิตใจมันก็เป็นปกติสุข มี ความสุขกาย สขุ ใจ สุขแบบธรรมชาตินะ คือ เว้นจากความช่ัว อันนี้คือต้ังใจ ให้ใจตั้ง ตั้งสติ ให้สติตั้ง รู้ตัว รู้ตัว รู้ตัว รู้ตัว ให้ใจของเรำ ให้กำย วำจำ ให้ใจของเรำอยู่ในลักษณะของ ทำน ของศีล ไม่ได้อยู่ที่อ่ืนนะ ศีลธรรมของปฏิบัติ ไม่ใช่มาอยู่ โอ๊ย อยู่กับพระกับเจ้า อยู่กับวัดกับวานู่น เราเป็นชาวบ้าน ไม่จาเป็นท่ี จะรักษาศีล ฟังเทศน์ฟังธรรม ศีลธรรมอยู่กับวัดกับวา อยู่กับพระ กับเจ้า ถ้าเข้าใจอย่างนี้ ผิดอีกนะ ว่าง่าย ๆ คือ ทำน ศีล สมำธิ ปัญญำ สติ ปัญญำ เป็นเคร่ืองแต่งใจเป็นเครื่องรักษำสมบัติ สมบัติอะไร มนุษย์สมบัติ กาย วาจา ใจ เป็นเคร่ืองแต่ง เป็นเคร่ือง รักษา เหมือนพวกเราแต่งตัว แต่งตัวแล้วเคร่ืองแต่งตัว ก็ไม่ใช่ว่ามี เครอ่ื งแต่งตัวแล้ว พอใจแลว้ สมบูรณ์แล้ว ไม่ใช่ อยา่ งน้นั อกี เครอื่ ง แต่งตัว จะแต่งตัวระดับไหนก็เถอะ ในขณะท่ีแต่งตัวนั้น ถ้าไม่ จาเป็น มันต้องมีกระจกเงาส่อง ใช่หรือเปล่า ส่องกระจกเงา ส่อง ๘๒

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วดั ปทมุ วนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เล่มท่ี ๑ เพื่ออะไร ส่องเพ่ือ เอ้อ การแต่งอย่างน้ีมันดูได้ไหม มันน่าดูไหม แต่งลักษณะนี้ ส่องดู แล้วเห็นสมบูรณ์ด้วย ว่าต้องแต่งตรงไหน บกพรอ่ งตรงไหน แลว้ ก็แตง่ เพ่ิมเติม แล้วกส็ อ่ งกระจกน้นั น่ะ น่แี ต่ง ใจ เอาสตปิ ัญญาแทนกระจกเงา ทีนี้ เข้าใจไหม แต่งใจ จะส่องกระจกไม่ได้ เอำสติปัญญำ แทนกระจกเงำ สติปัญญารู้ เออ้ แตง่ ใจ เราจะทาใจ ต้งั ใจทาใจให้ดี ทาใจอย่างน้ี ต้ังใจอย่างน้ี ใจก็ดี ใจมีความสุข ความสบาย ทาใจให้ สบาย ๆ สดชนื่ รื่นเริง แจม่ ใส จิตใจดงี าม อันน้ี คอื กำรแต่งใจ ให้ ใจอยู่กบั ควำมเป็นบุญ - บญุ ก็คือ ควำมสุข ควำมสบำย บุญก็คือ ควำมดี ฉะน้ัน พ่ีน้องญาติโยม พ่ีน้องลูกหลาน นอกจากลักษณะ ของศลี ศีล คอื ความเรียบรอ้ ย อารมณด์ ี อารมณเ์ รียบรอ้ ย แล้วก็สมาธิ สมำธิคือควำมต้ังใจมั่น สมำธิคือควำมสงบ ดูเรื่องต่าง ๆ อย่าให้มีความวุ่นวายภายในจิตใจ อารมณ์วุ่นวาย ภายในจิตใจ จาคะ เสียสละ ปล่อยวาง ให้ใจของเราอยู่ในลักษณะ ของศีล ศีลคือความเรียบร้อยสมาธิให้มีความต้ังมั่น เชื่อม่ัน อยู่กับ ความเรียบร้อย อยู่กับความดี ลักษณะนี้นะ สมาธิ ไม่ได้อยู่ท่ีอื่นนะ ถ้าไม่งั้น แล้วมันจะว่าตามตาราเฉย ๆ ความจริงแล้ว ศีล สมาธิ สติ ปญั ญา เน่ยี เปน็ เรือ่ งที่เราฝึก จิตใจของเราทัง้ นั้น รจู้ ักจติ ใจของเรา น่ีแหละ คือปญั ญา ปัญญำคือควำมรอบรู้ ปัญญำ คือควำมฉลำด สติปัญญา สติปัญญา ไม่ใช่อยู่กับวัดกับวา กับพระกับเจ้าอย่างเดียว เป็น แนวทาง เส้นทางที่มวลหมู่มนุษย์ควรจะทาความเข้าใจ แล้วเอา เรือ่ งทาน ศีล ภาวนา เป็นแนวนกึ แนวคดิ สร้างประโยชน์สขุ ให้เกิด ๘๓

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วดั ปทุมวนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เล่มท่ี ๑ ขึ้นกับตัวเอง และบุคคลที่มีความเกี่ยวข้อง ตลอดถึงประเทศชาติ บา้ นเมือง พี่น้องญาติโยม พี่น้องลูกหลาน มองดูเวลา ก็เห็นว่า พอสมควรแก่เวลาแล้วนะ สรปุ ประเดน็ ตรงน้ี ทอี่ าราธนาหลวงปู่มา อธิบายหลักธรรมภาคปฏิบัติ ก็คือ ในส่ิงที่พระพุทธเจ้าห้าม ภาษา เราก็เรียกว่า ศีล ศีล ๕ ก็คือโทษ ๕ ก็คือ ปำณำ กำเม มุสำ สุรำ อทินนำ ก็คือสิ่งที่พระพุทธเจ้ำห้ำม จาเป็นไหม จะไปทาในสิ่งที่ เป็นโทษ ถ้าเห็นว่าไม่จาเป็น ให้มีความต้ังใจ พอใจ ยินดี เว้นจาก ความชั่ว ศีล ๕ ความช่ัว ๕ อย่าง ศีล ๘ ความชั่ว ๘ อย่าง ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ เข้าใจอย่างน้ี อนั นี้แหละ มันจะเกดิ ผลอานิสงส์ สีเลนะ สุคะติง ยันติ นอกจากนี้แล้ว เรามาฝึกทาใจให้ สบาย สบาย ใจมีความรู้สึกสบาย สบาย ภาวนาต่อทีน้ี ตั้งใจอยู่กับ ความสุข ความสบาย จะนึกพุทโธ ธัมโม สังโฆ หรือ พุทโธ พุทโธ มาเปน็ หลักใจ สว่ นประกอบ หรอื อำนำปำนัสสติ ลมหายใจเข้าก็มี สติรู้ตัว ลมหายใจออกก็มีสติรู้ตัว อย่าไปลืมลักษณะของความเป็น ศลี เป็นธรรม ลักษณะของความเป็นบุญ ทาใจใหส้ บาย สบาย ๆ นึก ดูลมหายใจเข้า ลมหายใจออก เป็นส่วนประกอบ หรือนึกพุทโธ มา เป็นส่วนประกอบ อันน้ีแนวทางฝึกใจ ตั้งใจ ทาใจให้อยู่กับความ เป็นบุญ ให้เห็นคุณค่าความเป็นสมบัติ มโนสมบัติ รูปสมบัติคือ รา่ งกาย วจีสมบัติคอื คาพูด มโนสมบัติคอื จิตใจ ฉะนั้น พี่น้องญาติโยม หลวงปู่ดูเวลาก็พอสมควรแก่เวลา ท้ายท่ีสุด อาตมาขออัญเชิญคุณพระศรีรัตนตรัย คือ พุทธรัตนะ ธัมมรัตนะ สังฆรัตนะ จงมาเป็นเคร่ืองคุมครองปกป้องพ่ีน้องญาติ โยมให้พ้นจากทุกข์โศกโรคภัย แล้วปรารถนาส่ิงใด สิ่งนั้นไม่ ๘๔

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วัดปทุมวนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ที่ ๑ เหลือวิสัย ขอให้พวกเราทุกองค์ทุกคน จงสมความปรารถนาโดยทั่ว หน้ากันทุกองคท์ ุกคนเทอญฯ ปุญญานิ ปรโลกัสมงิ ปตฏิ ฐา โหนติ ปาณนิ นั ติ บญุ เทา่ น้ันท่ีจะเป็นที่พง่ึ แก่สตั ว์ทั้งโลกนแี้ ละโลกหนา้ ๘๕

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วัดปทมุ วนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เล่มท่ี ๑ แก่นธรรมหลวงปู่อทุ ัย สิรธิ โร บทสวดทาวตั ร สัตถำ เทวะมนสุ สำนัง พทุ โธ ภะคะวำติ แปล เป็นภาษาเราว่า พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาเอกสอนเทวดาและ มนุษยท์ ง้ั หลาย พระพุทธเจ้านาสัจจะความจรงิ วางเป็นบทเป็นแบบทส่ี มบูรณ์ ตามหลักวิชาการให้พวกเราได้ศึกษา นามาปฏิบัติ คือ ทำน ศลี สมำธิ ปญั ญำ หรือ ศลี สมำธิ ปัญญำ ศลี คอื ควำมเรยี บร้อย แบง่ เป็น ๓ ลักษณะ ศีลสว่ นหยำบ คือ เว้นตามสิกขาบท จะเป็นศีล ๕, ๘, ๑๐, ๒๒๗ ศีลส่วนกลำง คือ สังวรระวังอารมณ์ ศีลส่วนละเอียด ทาให้จิตใจเป็นปกติดี เหมือนกอ้ นหิน แผน่ หิน ศลิ า แดดมา ฝนมา ลมพามา จะมาก จะแรงขนาดไหน ก้อนหินไม่หว่ันไหวเลย อยู่เป็นปกติ ฉะนั้น เปน็ การฝึกใจ ทาใจให้อยู่เป็นปกติ น่งิ สบาย ๆ สมำธิ คือความต้ังใจม่ัน ความสงบจากอารมณ์วุ่นวายภายใน จิตใจ ให้มีความตั้งมั่นเช่ือมั่น อยู่กับความเรียบร้อย อยู่กับ ความดี ปัญญำ คือความรอบรู้ คือความฉลาด อาตมาอยู่กับหลวงปู่ฝั้น หลวงปู่สอนภาวนา สอนให้ดูใจและ สอนให้ตั้งใจ ใจคือผู้รู้ ท่านสอนว่าใจคือผู้รู้แก่ไม่เป็น ตายไม่ เป็น ฉะน้ัน เมื่อใจคือผู้รู้ แก่ไม่เป็น ตายไม่เป็น ควรจะสร้ำง ควำมดี สร้างควำมเป็นบุญ แล้วความดีหรือบุญน้ันจะมา รวมอยทู่ ีใ่ จเรา แขน ๒ ขำ ๒ ศีรษะ ๑ เป็นตัวศีล ๕ คือตัวพวกเรา เป็นตัว บุญ บญุ กค็ ือควำมสุขควำมสบำย คือควำมดี ๘๖

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วัดปทมุ วนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เล่มที่ ๑ บุญพามาเกิด คือศีล ๕ ฉะน้ัน เราไม่ทาผิดศีล ๕ ข้อ ปำณำ ติปำตำ กำเม มุสำ อทินนำ สุรำ ซง่ึ แตล่ ะขอ้ ลงทา้ ย เวระมณี ซ่ึงแปลว่า ให้พากันหลีก เลี่ยง เว้น การฆ่าก็ไม่ดี การลักชิง วิ่งราว ปล้นสดมภ์โจมตีก็ไม่ดี การผิดจารีตประเพณีสามี ภรรยาก็ไม่ดี การโกหกหลอกลวงก็ไม่ดี การด่ืมสุราเมรัยก็ไม่ดี ฉะนั้น พระพทุ ธเจา้ จึงห้าม สีเลนะ สุคติง ยันติ ถ้าใครเว้นจากความชั่ว รักษาศีล บุคคล น้ัน พวกนั้น หมู่น้ัน มีความสุข - สุขกาย วาจา ใจ อานิสงส์ การรักษาศีล ทาบุญให้ทาน เมตตาภาวนา ฟังพระธรรม เทศนา นง่ั สมาธิ มนั เปน็ ผลไปรวมอยู่ท่ีใจ ใหเ้ อา สตปิ ัญญำ แทนกระจกเงา แตง่ ใจ ตั้งใจ ทาใจใหด้ ี ใจก็ ดี ใจมีความสุขสบาย ทาใจให้สบาย ๆ สดชื่น รื่นเริง แจ่มใส จติ ใจดีงาม อนั นี้ คอื การแต่งใจ ใหใ้ จอยู่กับความเปน็ บุญ ฝึกทาใจให้สบาย สบาย ภาวนา ต้ังใจอยู่กับความสุข ความ สบาย จะนึกพุทโธ ธัมโม สังโฆ หรือ พุทโธ พุทโธ มาเป็น หลักใจ หรืออำนำปำนัสสติ ลมหายใจเข้า ก็มีสติรู้ตัว ลม หายใจออก ก็มีสติรู้ตัว ทาใจให้อยู่กับความเป็นบุญ ให้เห็น คุณค่าความเป็นสมบัติ - รูปสมบัติคือร่างกาย วจีสมบัติคือ คาพูด มโนสมบตั ิ คือจิตใจ ๘๗

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วดั ปทมุ วนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ที่ ๑ “มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา” วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เล่มที่ ๑ ประธานบรหิ ารศาลาพระราชศรัทธา พระธรรมธัชมุนี เจา้ อาวาสวดั ปทมุ วนาราม พระอดุลธรรมเมธี (โสฬส วีรญาโณ) ท่ีปรึกษา พิสจู น์อกั ษรบาลี พระกิตตสิ ารสธุ ี (เชิดชยั สีลสัมปันโน) คณะทางาน พระมหาชาญชยั ชยปตุ ̣โต พระมหานนทรัตน์ ชยานฺนโท ออกแบบปก ปทั มา เจียระศริ สิ ิน ประสานงาน จณิ ณภสั ร์ จติ เสรพี ิชยั พิมพค์ รัง้ ท่ี ๒ ชฎาธาร โอษธศี และ พิมพ์ที่ คณะทางานศิลปวัฒนธรรม วิทยาลยั ประชากรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สมศักด์ิ ตมุ้ ทอง สดุ ารัตน์ กันทะเนตร ตลุ าคม ๒๕๖๓ จานวน ๑,๐๐๐ เล่ม สานักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์- มหาวิทยาลยั ๘๘

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วัดปทุมวนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ที่ ๑ รำยนำมผรู้ ว่ มบุญพิมพห์ นงั สือมรดกธรรม คุณอภิชัย-คุณศิรพิ ร สุสมาวัตนะกลุ ๕๐,๐๐๐ ผศ.ดร.ปทั พร สุคนธมาน ๑,๐๐๐ คุณธีระพงษ์ ศรวี ิมลวัฒนา ๓,๐๐๐ ผศ.ดร.ยศ อมรกิจวกิ ยั ๑,๐๐๐ คณุ พัชราพรรณ ภูบญุ ศรี ๓,๐๐๐ ผศ.ดร.รกั ชนก คชานุบาล ๑,๐๐๐ ด.ญ.วรนนั ท์ สสุ มาวัตนะกลุ ๓,๐๐๐ ผศ.ดร.รตั ตยิ า ภลู ะออ ๑,๐๐๐ คณุ วิชัย สุขในใบบญุ ๒,๐๐๐ ศ.ดร.วพิ รรณ ประจวบเหมาะ ๒,๐๐๐ คุณสาธติ สขุ ในใบบุญ คุณจนั ที โทบุตร คุณณฐั สขุ ในใบบญุ ๑,๐๐๐ คุณจริ าภรณ์ อานภุ าพ ๔๐ คณุ โชตริ ส ลขิ ติ เจรญิ พาณชิ ย์ ๕๐๐ คณุ วรนิ ทร์พร ตังตระกูลไพศาล ๒๐๐ คุณวรรณวภิ า สทุ ธไิ กร ๒๐๐ คณุ ณฐั วัฒน์ มว่ งประเสรฐิ ๕๐ คณุ กนกกร แย้มสงวนศกั ดิ์ ๓๐๐ คณุ ดวงกมล ผลเพม่ิ ๑๐๐ คุณภูมพิ ัฒน์ โภชฌงค์ ๓๐๐ คุณบุศริน บางแกว้ ๒๐๐ คุณณชั ชากญั ญ์ ชชู ่นื ๓๐๐ วา่ ท่ีรอ้ ยตรี ประวัติ สายโน ๑๔๐ คณุ ประเทือง ลมิ้ กลุ ๒๐๐ คุณปราณี แหวนทองคา ๓๐๐ คุณสทิ ธ์ิ ยองประโคน ๒๐๐ คณุ ปาริชาติ เขตสมทุ ร ๑๐๐ คุณขยาวนิจ กมลศกั ด์พิ ทิ กั ษ์ ๑๐๐ คุณวนิดา เซียสกลุ ๑๐๐ คุณหนูใหม่ ตรีบาตร ๑๐๐ คณุ วรรณวดี จันทรว์ งั โปง่ ๒๗๐ คุณธนภร เพช็ รกาจดั ๒๐๐ คณุ ชาตรี หาศริ ิ ๒๐๐ คุณลิละวรรณ ธรรมชาติ ๕๐๐ คณุ วษิ ณุ ญาณเนตร ๑๐๐ คณุ กชพร วงคช์ ยั คุณสมศักดิ์ ตุม้ ทอง ๕๐๐ คุณชตุ กิ าญจน์ ธนาตย์ยศพล ๑,๐๐๐ คณุ อรพนิ พยุงวงษ์ ๑๐๐ คุณเปมปัญญภา ปัญญาปวรี ์ ๒,๐๐๐ ดร.ชลธิชา อศั วนิรนั ดร ๑๐๐ คณุ สุวมิ ล หวังสมั ฤทธ์ผิ ล ๑,๐๐๐ คณุ วิรัลพัชร มานติ ศรศกั ด์ิ ๕๐๐ คณุ รงุ่ นภา ถริ เจรญิ สกลุ คณุ รัชฎาภา แสงแก้ว ๑๐๐ ๕๐๐ ๘๙

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วดั ปทมุ วนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เล่มท่ี ๑ รำยนำมผู้ร่วมบุญพิมพ์หนงั สอื มรดกธรรม คุณกมิ ฮวย กลุ ตั ถน์ าม ๑,๐๐๐ คุณวลัยลกั ษณ์ เบอหน์ งิ ๗๒๐ คุณณัฐนชิ เท่งฮะ ๓๐๐ คุณวิวดาว พงษเ์ รอื งเกยี รติ ๑,๑๕๒ คุณเจนจิรา กิตตกิ าร ๒๐๐ คุณวลยั พรรณ เพญ็ ชาติ ด.ช. ภาณุวชั ร กิตตกิ าร ๑๐๐ คณุ ภัทรานชุ เขมจรสั ๗๒๐ คณุ พิมพอ์ ปั สร งอนสวรรค์ ๑๐๐ คุณศริ ิวรรณ พลับอนิ ทร์ ๑,๐๐๘ คณุ เพชรรตั น์ งอนสวรรค์ ๑๐๐ ผู้ไมป่ ระสงคอ์ อกนาม ADORA GEMS ๒๐๐ พ่ีนอ้ ย วัดปทมุ ๗๒๐ คณุ ธรี เดช ศยามล ๑๐๐ คณุ วายนู อดุ มสจั จานนั ท์ ๓๐๐ คณุ เครอื วลั ย์ งอนสวรรค์ ๑๐๐ คุณจาตรุ นต์ กติ ตสิ รุ นิ ทร์ ๕๐๐ ด.ญ.ภรรัมภา งอนสวรรค์ ๑๐๐ คณุ อรณุ รตั น์ สวัสดท์ิ อง ๑,๐๐๐ คุณแมเ่ ฮยี ง ศริ เิ ทพ ๑๐๐ คุณธนิยา หทโยดม ๒๐๐ คุณอนวุ ตั ร งอนสวรรค์ ๑๐๐ คณุ ณฐั า พิศภมู วิ ถิ ี ๓,๐๐๐ คุณแมท่ องสขุ กสุ มุ าลย์ ๑๐๐ คุณสริ ินทร พลจันทร์ ๕,๐๐๐ คุณพ่อทองสู่ กสุ มุ าลย์ ๑๐๐ คณุ วันทนีย์ ลอตระกลู ๑,๔๔๐ คุณณฐั กาญจน์ กสุ ุมาลย์ ๑๐๐ คุณเนาวรัตน์ ตนั ติเวทย์ ๗๒๐ คณุ กนั ยา กสุ ุมาลย์ ๑๐๐ คุณเอนก สสุ ทุ ธิ ๕๐๐ คณุ จาลอง กุสมุ าลย์ ๑๐๐ คณุ ชณุ ห์พิมาณ ศุภธาเสฏฐ์ ๕๐๐ คณุ สุรยิ า-คณุ รกั เร่ บญุ วสิ ยั ๑๐๐ คณุ ทพิ วรรณ พนั ธวงศ์ศุภกร ๒๐๐ คณุ วิยะดา แกว้ เชียงหวาง ๒๐๐ คณุ ถนอมศรี รตั นอนันต์ ๑,๐๐๐ คณุ ทงิ้ ตาคา ๑๐๐ คณุ เพ็ชรี รกั ษาเสรี ๕๐๐ คุณอุลัย ไชยะบบุ ผา ๑๐๐ คณุ กันยารตั น์ รกั ษาเสรี ๑,๐๐๐ คุณภัทราพร ตาคา ๑๐๐ คณุ จนั ทิมา รกั ษาเสรี ๕๐๐ คณุ สกุ ญั ญา บุญวลิ ยั ๑๐๐ คุณทิพยว์ รรณ รกั ษาเสรี ๕๐๐ คณุ นฤพน สวัสดน์ิ ที ๑๐๐ คณุ วรวรรณ โถทองคา ๕๐๐ ด.ญ.พิณญาดา สวัสดน์ิ ที ๑๐๐ คณุ สมรกั ษ์ โลห่ ์วสิ ยั ๒,๐๐๐ ๕๐๐ ๕๐๐ ๙๐

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วดั ปทุมวนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ท่ี ๑ รำยนำมผ้รู ่วมบญุ พิมพ์หนงั สอื มรดกธรรม คณุ ซันดพี -คุณอภูรวา ตัก ๑๐๐ คณุ ถนมิ ใจ สมทุ วณชิ ๕๐๐ คณุ อุไรรตั น์ นาคา ๒๐๐ คณุ บุษกร พฤกษพงศ์ ๖,๐๐๐ คณุ สมทรง ๑๐๐ คณุ มนนภิ า พฤกษพงศ์ คุณเต้ ๒๐๐ คณุ อรวรรณ ชมนารถ ๑,๐๐๐ คุณอรณุ ประเวรภยั ๑๐๐ คณุ อไุ รพรรณ พิพฒั นไ์ พบลู ย์ ๑,๐๐๐ ส.ต.อ.อดิสร กสุ มุ าลย์ ๑๐๐ แม่ชนี ภาจร เหมะจัน ๒๐,๐๐๐ คุณวนดิ า อ่าเอ่ียม ๑๐๐ คุณธนติ า (คุณหมอนก) ๑๒,๐๐๐ ด.ญ.ชนดิ า กสุ มุ าลย์ ๑๐๐ คุณน้า-คุณเปล้ิ ร้านแวน่ ส.ต.อ.ปญั ญาวุธ บตุ รพรม ๑๐๐ คุณปัทมา เจียระศริ ิสิน ๕๐๐ คุณอมรรัตน์ กสุ ุมาลย์ ๑๐๐ คุณไพโรจน์ คีรรี ตั น์ ๑,๐๐๐ ด.ช.ปยิ วธุ บตุ รพรม ๑๐๐ คณุ ชอ่ รดา ชยั วีรจิต คณุ สภุ ทั รา ไชยลอื ชา ๒๐๐ คณุ ธยานษิ ฐ จันทราภาส ๕๐๐ คณุ บานเยน็ จันทรพ์ พิ ฒั น์ ๑๐๐ คุณปญั ญนาถ นิลสุข ๑,๐๐๐ คุณอุดมทรัพย์ มาลา ๓๐๐ คณุ สรุ ยี ์ ศภุ วิบลู ย์ ๑,๐๐๐ คณุ ธญั กมล สกลุ วนภรณ์ ๑๐๐ คณุ เหมือนฝนั ธารณธรรม ๑,๐๐๐ คณุ กาญจนา อิทธพิ งศ์ ๑,๐๐๐ คณุ อภิพร อดุลยพ์ จิ ติ ร ๑,๐๐๐ คณุ วิภาดา อทิ ธิพงศ์ ๑,๐๐๐ คณุ วรลญั วลญั ช์ วริษฐ์พฒุ เิ มธ คณุ กรรณกิ า นนั ทวัฒน์ศริ ิ ๖๐๐ คณุ วชั รพงษ์ มุขเชดิ ๕๐๐ คณุ ภาษกร นันทวฒั น์ศริ ิ คุณภควรรณ ศลิ าเพชรจรัส ๒๐๐ พญ.พงศ์ภารดี เตทะเกษตรนิ ๑,๐๐๐ คุณพิชญานนิ ช่วยนกุ ุล ๓๐๐ คณุ พงศพ์ ัฒนา ธารมงคล คุณสดุ ารตั น์ กนั ทะเนตร ๑,๐๐๐ คุณณฏั ฐกิ า เลิศฤทธ์ิเรอื งสนิ ๕๐๐ คณุ ณชิ ารีย์ ภกั ดนี ฤนาถ ๕๐ คุณสภุ าภรณ์ ฟุ้งสาธติ คณุ สมศักด์ิ กานต์ภทั รพงศ์ ๒๐๐ คุณวรรณทนา เขม็ ทอง ๓๐๐ คณุ เหนือฟา้ กจิ จนิ ดาโอภาส ๕๐๐ คณุ วสุ ยวุ นบุณย์ ๒๐๐ คุณสุทธิวรรณ เวชมนสั ๑,๐๐๐ ๑,๐๐๐ ๕๐๐ ๙๑

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วดั ปทุมวนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เล่มที่ ๑ รำยนำมผู้รว่ มบญุ พมิ พ์หนังสอื มรดกธรรม คุณทวิ า ณฤทยั ทวิ าเจรญิ ๓๐๐ คุณธิดารตั น์ จนั ทร์ฉายงาม ๑,๒๐๐ ๑๐๐ คุณจิดาภา อทิ ธิพงศ์ ๕๐๐ คณุ พนอ วงศ์คา ๑๐๐ คณุ ตอ้ ง กรนิ ทร์ ๕๐๐ ๑,๐๐๐ คณุ เลก็ (เพอื่ น) ๖๐๐ คณุ ลมยั สขุ อว่ ม คุณธนัดดา กริอุณะ ๕๐๐ ๒๐๐ คุณนา้ ฝน ชาวโพธส์ิ ระ ๑๐๐ คณุ บิเรน ปาริก คุณวรินทร สขุ จติ ต์ ๑๐๐ ๓๐๐ คุณศดานนั ท์ รกั ษาผล ๒๐ คุณแปรนน้า ปารกิ ๕๐๐ คุณจารุวรรณ วนั เพ็ง ๕๐ ๕๐๐ Mr. Rotha Sing ๒๐๐ คุณคุชคเู ชลิ้ ปารกิ คุณสาริกา งามทานตะวัน ๒๐๐ ๑,๒๐๐ คุณอุทยั ทองบญุ ชู คุณแมก่ รรฐั สทิ ธจิ ินดา ๔,๕๔๐ คุณนฐั พรรณ์ บุญทมิ ๑,๐๐๐ คณุ ประวุธ ปลดรัมย์ และ คณุ แม่วิภา พงศ์สุวรรณ ๑๐๐ คณุ ตุ่น คุณก้งุ ๒,๘๘๐ ๑,๐๐๐ แพทยห์ ญิง สขุ ฤทยั เลขยานนท์ ๑๐๐ คุณนิภา จนั ทศรี ๑,๐๐๐ คุณศภุ ิสรา แกน่ แก้ว และครอบครวั ๕๐๐ ๑,๐๐๐ คณุ พรศักด์ิ โครตวงษ์ และครอบครวั คณุ กรณศิ พฒั นชยั ๑,๐๐๐ คณุ สุเมธ ศรเี มือง และคณะวัดปทมุ ๒,๐๐๐ คณุ สมบรู ณ์ กาญจนรัศมโี ชติ ๖๐๐ คณุ ศิวนนั ท์ บญุ โท ๓,๐๐๐ และครอบครัว คุณพิศาล-วิภาดา จรรยาเลิศอดลุ ๖,๕๐๐ คุณนิชณา ลม้ิ พทิ ยา ด.ช. เปรมสรุ นิ ทร์ จรรยาเลศิ อดุล ด.ช. ปล้ืมสรุ นิ ทร์ จรรยาเลิศอดลุ คณุ กนั ยณฏั ฐ์ บุญกิตติชยั ด.ช. โปรดรินทร์ จรรยาเลิศอดุล คณุ พมิ พ์ศยา ลมิ้ พริ ยิ ะภาณณิ ผูไ้ ม่ประสงค์ออกนาม (รวม) คุณบญุ เปรม-คณุ เพญ็ แข สารกิ จิ คุณชลธิชา มาทสิ และครอบครวั คณุ งามพรรณ์ ฐติ พิ รรณกุล และครอบครัว คณุ ณรงค์ ผอ่ งแผว้ -คณุ พรนภิ า ช่นื อารมย์ คุณอรวรรณา ฉายา และครอบครวั คณุ ธนกรณ์ ธนทวีโชติ และครอบครวั คณุ สถติ ย์ แถลงสัตย์ และครอบครัว คณุ ศิริวรรณ ศรีวมิ ลวฒั นา (นวพาณชิ น)์ ๙๒

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ที่ ๑ รำยนำมผรู้ ว่ มบุญพมิ พห์ นังสือมรดกธรรม คุณสุพาพรค-์ คณุ สมจติ ร พัฒนประเสรฐิ ๑,๐๐๐ คณุ ลลติ า อยปู่ ระเสรฐิ และครอบครวั ๒,๐๐๐ คณุ สไบทอง ชยั ประภาและครอบครวั ๗๒๐๐ คณุ ดิศนิติ-ปัญชนติ ิ-สณั หน์ ิติ โตวิวฒั น์ ๗,๗๖๐ คณุ สมสมาน-อลสิ า-บุญจริ า โสตถิทตั ๒,๑๖๐ และ คุณสมมา บญุ สง่ คุณสายบัวทอง-คณุ สมพงษ์ โดสวุ รรณ์ ๑๐๐ คณุ สุกญั ญา จานงคบ์ ญุ และครอบครวั ๑๐๐ คณุ กฤษฎี บญุ สวยขวญั และครอบครวั ๒๐๐ คุณจไุ รรัตน์ เปีย่ มเพชรกุล และครอบครวั ๑๒๐ คุณมยรุ ี และคุณมาลี ดอนนภาพร ๒๐๐ คณุ พิมพช์ นก ตันติยุทธ ๑๐๐ ๙๓


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook