Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิทยาศาสตร์หน้ารู้ 15-6 PDF

วิทยาศาสตร์หน้ารู้ 15-6 PDF

Published by loveptztv, 2020-02-10 03:45:59

Description: วิทยาศาสตร์หน้ารู้ 6-16 PDF

Search

Read the Text Version

วทิ ยาศาสตร์ น่ารู้

คำนำ ระบบสุริยะ โดยมแี รงบนั ดำลใจจำกกำรได้ไปดูรำยกำร โทรทศั น์รำยกำรหนึ่ง ซ่ึงเป็ นรำยกำรทเ่ี กยี่ วกบั ระบบสุริยะ และทำให้ดฉิ ันสนใจเกยี่ วกบั ระบบสุริยะ จงึ นำมำศึกษำ ค้นคว้ำเพอ่ื เป็ นประโยชน์แก่ผู้อนื่ และเป็ นควำมรู้เพม่ิ เติม ให้กบั ตนเอง ในรำยงำนเล่มนีป้ ระกอบด้วย ระบบสุริยะ กำร สำรวจยคุ แรก กำรสำรวจด้วยยำนอวกำศ กำเนิดและ ววิ ฒั นำกำรของระบบสุริยะ และเนือ้ หำสำระควำมรู้เกย่ี วกบั ดวงดำวต่ำงๆ จดั ทำโดย ด.ช.หัสธชัย ปัญญำดี ด.ช.ปิ ยบุตร จนั ทร์ยอด

สารบญั คำนำ 1 สำรบัญ 2 ดำวพธุ 3 ดำวศุกร์ (Venus) 4 โลก (Earth) 5 ดำวองั คำร (Mars) 6 ดำวพฤหสั บดี (Jupiter) 7 ดำวเสำร์ (Saturn) 8 ดำวยูเรนัส (Uranus) 9 ดวงอำทติ ย์ 10 ดำวพลูโต 11

ดาวพธุ ดำวพธุ เป็นดาวเคราะห์ที่อยใู่ กลด้ วงอาทิตยม์ ากที่สุด และเป็นดาว เคราะห์ที่เลก็ ท่ีสุดในระบบสุริยะ ใชเ้ วลาโคจรรอบดวงอาทิตย์ 87.969 วนั ดาวพธุ มกั ปรากฏใกล้ หรืออยภู่ ายใตแ้ สงจา้ ของดวงอาทิตยท์ าให้ สงั เกตเห็นไดย้ ากที่สุด ดาวพธุ ไม่มีดาวบริวาร ยานอวกาศเพยี งลาเดียวที่เคยสารวจดาวพธุ ในระยะใกลค้ ือยานมาริเนอร์ 10เมื่อปี พ.ศ. 2517-2518 (ค.ศ. 1974- 1975) และสามารถทาแผนท่ีพ้ืนผวิ ดาวพธุ ไดเ้ พยี ง 40-45% เท่าน้นั ดาวพธุ มีสภาพพ้นื ผวิ ขรุขระเนื่องจากการพงุ่ ชนของอุกกาบาต ไม่ มีดวงจนั ทร์เป็นบริวารและไม่มีแรงโนม้ ถ่วงมากพอท่ีจะสร้างช้นั บรรยากาศ ดาวพธุ มีแกนกลางเป็นเหลก็ ขนาดใหญท่ าใหเ้ กิด สนามแม่เหลก็ ความเขม้ ประมาณ 1 เปอร์เซ็นตข์ องสนามแม่เหลก็ โลก ลอ้ มรอบดาวพธุ ไว้ ช่ือละตินของดาวพธุ (Mercury) มาจากคาเตม็ วา่ Mercurius เทพนา สารของพระเจา้ สญั ลกั ษณ์แทนดาวพธุ คือ ☿ เป็นรูปคทาของเทพเจา้ เมอคิวรี ก่อนศตวรรษท่ี 5 ดาวพธุ มีสองช่ือ คือ เฮอร์เมส เม่ือปรากฏใน เวลาหวั ค่า และอพอลโล เมื่อปรากฏในเวลาเชา้ มืด เช่ือวา่ พที าโกรัสเป็น คนแรกที่ระบุวา่ ท้งั สองเป็นดาวเคราะห์ดวงเดียวกนั

ดาวศุกร์ ดำวศุกร์ (องั กฤษ: Venus) เป็นดาวเคราะห์ท่ีอยหู่ ่างจากดวงอาทิตยเ์ ป็น ลาดบั ท่ี 2 ดาวศุกร์มีเสน้ ผา่ นศูนยก์ ลางเป็น 3 เท่าของดวงจนั ทร์ และ มี ขนาดใหญก่ วา่ ดาวพธุ และดาวองั คาร 2 เท่าตวั ชื่อละตินของดาวศุกร์ (Venus) มาจากเทพีแห่งความรักของโรมนั ดาวศุกร์เป็นดาวเคราะห์ หิน มีขนาดใกลเ้ คียงกบั โลก บางคร้ังเรียกวา่ \"นอ้ งสาว\" ของโลก แมว้ า่ วงโคจรของดาวเคราะห์ทุกดวงจะเป็นวงรี วงโคจรของดาวศุกร์จดั วา่ เกือบเป็นวงกลม มีความเยอ้ื งศนู ยก์ ลาง (ความรี) นอ้ ยที่สุด สาหรับวตั ถุในธรรมชาติ ดาวศุกร์เป็นวตั ถุทอ้ งฟ้ าท่ีสวา่ งที่สุดเป็น ลาดบั ที่ 3 รองจากดวงอาทิตยแ์ ละดวงจนั ทร์ เนื่องจากดาวศุกร์มีวงโคจร ใกลด้ วงอาทิตยม์ ากกวา่ โลก จึงมีมุมห่างจากดวงอาทิตยไ์ ม่เกิน 47.8° มองเห็นไดเ้ ฉพาะในเวลาเชา้ มืดหรือหวั ค่าเท่าน้นั ขณะปรากฏในทอ้ งฟ้ า เวลาหวั ค่าทางทิศตะวนั ตก เรียกวา่ \"ดาวประจาเมือง\" และเม่ือปรากฏใน ทอ้ งฟ้ าเวลาเชา้ มืดทางทิศตะวนั ออก เรียกวา่ \"ดาวประกายพรึก\" หรือ \"ดาวรุ่ง\" ชาวบาบิโลนโบราณรู้จกั ดาวศุกร์มาต้งั แต่ราว 1,600 ปี ก่อน คริสตกาล แต่เช่ือวา่ ดว้ ยความสวา่ งสุกใสของดาวศุกร์ น่าจะเป็นท่ีรู้จกั มาก่อนหนา้ น้นั นานแลว้ นบั ต้งั แต่ยคุ ก่อนประวตั ิศาสตร์ สญั ลกั ษณ์แทน ดาวศุกร์ คือ ♀

โลก โลก (องั กฤษ: Earth) เป็นดาวเคราะห์ลาดบั ทีส่ ามจากดวงอาทิตย์ และเป็นวตั ถุทางดาราศาสตร์เพยี งหน่ึงเดียวที่ทราบวา่ มีสิ่งมีชีวติ จากการวดั อายุ ดว้ ยกมั มนั ตรังสีและแหล่งหลกั ฐานอ่ืนไดค้ วามวา่ โลกกาเนิดเม่ือประมาณ 4,500 ลา้ นปี ก่อน[24][25][26] โลกมี อนั ตรกิริยะเชิงโนม้ ถ่วงกบั วตั ถุอ่ืนในอวกาศโดยเฉพาะดวงอาทิตยแ์ ละดวงจนั ทร์ ซ่ึงเป็นดาวบริวารถาวร หน่ึงเดียวของโลก โลกโคจรรอบดวงอาทิตยใ์ ชเ้ วลา 365.26 วนั เรียกวา่ ปี ซ่ึงระหวา่ งน้นั โลกโคจรรอบแกน ตวั เองประมาณ 366.26 รอบ[n4] แกนหมุนของโลกเอียงทาใหเ้ กิดฤดูกาลต่าง ๆ บนผวิ โลก[27] อนั ตรกิริยาความโนม้ ถ่วงระหวา่ งโลกกบั ดวงจนั ทร์ก่อใหเ้ กิดน้าข้ึนลงมหาสมุทร ทาใหก้ ารหมุนบนแกนของโลกมีเสถียรภาพ และคอ่ ย ๆ ชะลอการ หมุนของโลก[28] โลกเป็นดาวเคราะห์ที่มีความหนาแน่นสูงสุดในระบบสุริยะและใหญ่สุดในดาวเคราะห์คลา้ ย โลก 4 ดวง ธรณีภาคของโลกแบ่งออกไดเ้ ป็นหลาย ๆ ส่วน เรียกวา่ แผน่ ธรณีภาค ซ่ึงยา้ ยที่ตดั ผา่ นพ้ืนผวิ ตลอดเวลาหลายลา้ นปี ร้อยละ 71 ของพ้นื ผวิ โลกปกคลุมดว้ ยน้า ซ่ึงส่วนใหญ่เป็ นมหาสมุทร[29] อีกร้อยละ 29 ท่ีเหลือเป็ นแผน่ ดินประกอบดว้ ยทวปี และเกาะซ่ึงมีทะเลสาบ แม่น้าและแหล่งน้าอ่ืนจานวนมากกอปรเป็น อุทกภาค บริเวณข้วั โลกท้งั สองปกคลุมดว้ ยน้าแขง็ เป็ นส่วนใหญ่ ไดแ้ ก่แผน่ น้าแขง็ แอนตาร์กติก และน้าแขง็ ทะเลของแพน้าแขง็ ข้วั โลก บริเวณภายในของโลกยงั คงมีความเคล่ือนไหวโดยมีแก่นช้นั ในซ่ึงเป็นเหลก็ ใน สถานะของแขง็ มีแก่นเหลวช้นั นอกซ่ึงกาเนิดสนามแมเ่ หลก็ และช้นั แมนเทิลพาความร้อนที่ขบั เคลื่อนการ แปรสณั ฐานแผน่ ธรณีภาค ภายในพนั ลา้ นปี แรก[30] ส่ิงมีชีวติ ปรากฏข้ึนในมหาสมุทรและเร่ิมส่งผลกระทบต่อช้นั บรรยากาศและ ผวิ ดาว เก้ือหนุนใหเ้ กิดการแพร่ขยายของส่ิงมีชีวติ ท่ีใชอ้ อกซิเจนเช่นเดียวกบั ส่ิงมีชีวติ ท่ีไมใ่ ช้ ออกซิเจน หลกั ฐานธรณีวทิ ยาบางส่วนช้ีวา่ ชีวติ อาจกาเนิดข้ึนเร็วสุด 4.1 พนั ลา้ นปี ก่อน นบั แตน่ ้นั ตาแหน่ง ของโลกในระบบสุริยะ คุณสมบตั ิทางกายภาพของโลก และประวตั ิศาสตร์ธรณีวทิ ยาของโลกประกอบกนั ทา ใหส้ ิ่งมีชีวติ ววิ ฒั นาการและแพร่พนั ธุ์ได[้31][32] ในประวตั ิศาสตร์ของโลก ความหลากหลายทางชีวภาพผา่ น ระยะการขยายยาวนาน แตถ่ ูกขดั จงั หวะบางคร้ังดว้ ยการสูญพนั ธุ์คร้ังใหญ่[33] กวา่ ร้อยละ 99 ของสปี ชีส์ ท้งั หมดที่เคยอยอู่ าศยั บนโลกน้นั สูญพนั ธุ์ไปแลว้ [34][35] ประมาณการจานวนสปี ชีส์บนโลกปัจจุบนั มี หลากหลาย[36][37][38] และสปี ชีส์ส่วนใหญย่ งั ไมม่ ีผอู้ ธิบาย[39] มนุษยก์ วา่ 7.6 ลา้ นคนอาศยั อยบู่ นโลกและอาศยั ชีว มณฑลและทรัพยากรธรรมชาติของโลกเพอ่ื การอยรู่ อด มนุษยพ์ ฒั นาสังคมและวฒั นธรรมหลากหลาย ในทางการเมือง โลกมีรัฐเอกราชกวา่ 200 รัฐ

ดาวองั คาร ดำวองั คำร (องั กฤษ: Mars) เป็ นดาวเคราะห์ลาดบั ท่ีส่ีจากดวงอาทิตย์ เป็ นดาวเคราะหเ์ ลก็ ที่สุดอนั ดบั ท่ีสองในระบบสุริยะ รองจากดาวพธุ ในภาษาองั กฤษไดช้ ื่อตามเทพเจา้ แห่งสงครามของโรมนั มกั ไดร้ ับขนานนาม \"ดาวแดง\" เพราะมีออกไซด์ ของเหลก็ ดาษด่ืนบนพ้นื ผิวทาใหม้ ีสีออกแดงเร่ือ[15] ดาวองั คารเป็นดาวเคราะหห์ ินท่ีมีบรรยากาศเบาบาง มีลกั ษณะพ้ืนผวิ คลา้ ยคลึงกบั ท้งั หลุมอุกกาบาตบนดวงจนั ทร์ และภูเขาไฟ หุบเขา ทะเลทราย ตลอดจนพดิ น้าแขง็ ข้วั ดาวที่ปรากฏบน โลก คาบการหมุนรอบตวั เองและวฏั จกั รฤดูกาลของดาวองั คารก็มีความคลา้ ยคลึงกบั โลกซ่ึงความเอียงก่อใหเ้ กิดฤดูกาลต่าง ๆ ดาวองั คารเป็ นที่ต้งั ของโอลิมปัสมอนส์ ภูเขาไฟใหญท่ ่ีสุดบนดาวองั คารและสูงสุดอนั ดบั สองในระบบสุริยะเท่าท่ีมีการ คน้ พบ และเป็ นท่ีต้งั ของเวลส์มาริเนริส แคนยอนขนาดใหญ่อนั ดบั ตน้ ๆ ในระบบสุริยะ แอง่ บอเรียลิสท่ีราบเรียบในซีก เหนือของดาวปกคลมุ กวา่ ร้อยละ 40 ของพ้นื ที่ท้งั หมดและอาจเป็นลกั ษณะการถกู อกุ กาบาตชนคร้ังใหญ[่16][17] ดาวองั คารมี ดาวบริวารสองดวง คือ โฟบอสและดีมอสซ่ึงตา่ งก็มีขนาดเลก็ และมีรูปร่างบิดเบ้ียว ท้งั คู่อาจเป็นดาวเคราะห์นอ้ ยที่ถกู จบั ไว้ [18][19] คลา้ ยกบั ทรอยของดาวองั คาร เช่น 5261 ยเู รกา ก่อนหนา้ การบินผา่ นดาวองั คารที่สาเร็จคร้ังแรกของ มาริเนอร์ 4 เม่ือปี 1965 หลายคนคาดวา่ มีน้าในรูปของเหลวบน พ้ืนผิวดาวองั คาร แนวคิดน้ีอาศยั ผลต่างเป็นคาบที่สงั เกตไดข้ องรอยมืดและรอยสวา่ ง โดยเฉพาะในละติจูดข้วั ดาวซ่ึงดูเป็ น ทะเลและทวปี บางคนแปลความรอยมืดริ้วลายขนานเป็ นร่องทดน้าสาหรับน้าในรูปของเหลว ภายหลงั มีการอธิบายวา่ ภูมิ ประเทศเสน้ ตรงเหลา่ น้นั เป็นภาพลวงตา แมว้ า่ หลกั ฐานทางธรณีวทิ ยาที่ภารกิจไร้คนบงั คบั รวบรวมช้ีวา่ คร้ังหน่ึงดาวองั คาร เคยมีน้าปริมาณมากปกคลุมบนพ้นื ผวิ ณ ช่วงใดช่วงหน่ึงในระยะตน้ ๆ ของอาย[ุ20] ในปี 2005 เรดาร์เผยวา่ มีน้าแขง็ น้า (water ice) ปริมาณมากข้วั ท้งั สองของดาว[21] และที่ละตจิ ูดกลาง[22][23] ยานสารวจภาคพ้นื ดาวองั คารสปิ ริต พบตวั อยา่ งสารประกอบ เคมีที่มีโมเลกลุ น้าเมื่อเดือนมนี าคม 2007 ส่วนลงจอดฟี นิกซ์ พบตวั อยา่ งน้าแขง็ น้าโดยตรงในดินส่วนต้ืนของดาวองั คารเม่ือ วนั ที่ 31 กรกฎาคม 2008[24] มียานอวกาศที่กาลงั ปฏิบตั ิงานอยเู่ จด็ ลา หา้ ลาอยใู่ นวงโคจร ไดแ้ ก่ 2001 มาร์สโอดิสซี มาร์สเอก็ ซ์เพรส มาร์สรีคอน เนสเซนซ์ออร์บิเตอร์ เมเวน็ และมาร์สออร์บิเตอร์มิชชัน และสองลาบนพ้นื ผวิ ไดแ้ ก่ ยานสารวจภาคพ้ืนดาวองั คารออปพอร์ ทูนิตี และยานมาร์สไซแอนซแ์ ลบอราทอรีคิวริออซิตี การสงั เกตโดย มาร์สรีคอนเนสเซนซ์ออร์บิเตอร์ เปิ ดเผยวา่ มีความ เป็ นไปไดท้ ี่จะมีน้าไหลในช่วงเดือนที่ร้อนท่ีสุดบนดาวองั คาร[25] ในปี 2013 ยานคิวริออซิตี ของนาซาคน้ พบวา่ ดินของดาว องั คารมีน้าเป็ นองคป์ ระกอบระหวา่ งร้อยละ 1.5 ถึง 3 โดยมวล แมว้ า่ น้าน้นั จะติดอยกู่ บั สารประกอบอ่ืน ทาใหไ้ มส่ ามารถ เขา้ ถึงไดโ้ ดยอิสระ[26] กาลงั มีการสืบคน้ เพ่อื ประเมินศกั ยภาพความสามารถอยอู่ าศยั ไดใ้ นอดีตของดาวองั คาร ตลอดจนความเป็ นไปไดท้ ่ี จะมีส่ิงมีชีวติ หลงเหลืออยู่ มีการสืบคน้ บริเวณน้นั โดยส่วนลงจอด ไวกิง โรเวอร์ สปิ ริต และออปพอร์ทูนิตี ส่วนลงจอด ฟี นิกซ์ และโรเวอร์ คิวริออซิตี[27][28] มีการวางแผนภารกิจทางชีวดาราศาสตร์ไวแ้ ลว้ ซ่ึงรวม มาร์ส 2020 และเอก็ โซมาร์สโร เวอร์ [29][30] ดาวองั คารสามารถมองเห็นไดด้ ว้ ยตาเปลา่ จากโลกโดยง่ายซ่ึงจะปรากฏใหเ้ ห็นเป็ นสีออกแดง มีความส่องสวา่ ง ปรากฏไดถ้ ึง −2.91[6] ซ่ึงเป็ นรองเพยี งดาวพฤหสั บดี ดาวศุกร์ ดวงจนั ทร์ และดวงอาทิตย์ กลอ้ งโทรทรรศนภ์ าคพ้นื ดิน โดยทวั่ ไปมขี ีดจากดั การมองเห็นรายละเอียดของภูมิประเทศขนาดประมาณ 300 กิโลเมตรเมื่อโลกและดาวองั คารเขา้ ใกลก้ นั มากท่ีสุดอนั เป็นผลจากบรรยากาศของโลก[

ดวงอาทิตย์ ดวงอำทติ ย์เป็นดาวฤกษ์ ณ ใจกลางระบบสุริยะ เป็นพลาสมาร้อนทรงเกือบกลมสมบรู ณ์ โดยมีการเคลื่อนที่พาซ่ึงผลิตสนามแม่เหลก็ ผา่ นกระบวนการไดนาโม ปัจจุบนั เป็นแหล่งพลงั งาน สาคญั ที่สุดสาหรับสิ่งมีชีวติ บนโลก มีเส้นผา่ นศนู ยก์ ลางประมาณ 1.39 ลา้ นกิโลเมตร ใหญ่กวา่ โลก 109 เท่า และมีมวลประมาณ 330,000 เท่าของโลก คิดเป็นประมาณร้อยละ 99.86 ของมวล ท้งั หมดของระบบสุริยะ มวลประมาณสามในสี่ของดวงอาทิตยเ์ ป็นไฮโดรเจน ส่วนที่เหลือเป็น ฮีเลียมเป็นหลกั โดยมีปริมาณธาตุหนกั กวา่ เลก็ นอ้ ย รวมท้งั ออกซิเจน คาร์บอน นีออนและเหลก็ ดวงอาทิตยเ์ ป็นดาวฤกษล์ าดบั หลกั ระดบั จี (G2V) ตามการจดั ประเภทดาวฤกษต์ ามระดบั สเปกตรัม โดยมกั ถกู เรียกอยา่ งไม่เป็นทางการวา่ \"ดาวแคระเหลือง\" ดวงอาทิตยก์ ่อตวั ข้ึนเมื่อ ประมาณ 4.6 พนั ลา้ นปี ก่อน จากการยบุ ของแรงโนม้ ถ่วง (gravitational collapse) ของสสาร ภายในบริเวณกลุ่มเมฆโมเลกลุ ขนาดใหญ่ สสารน้ีส่วนใหญ่รวมอดั แน่นอยทู่ ี่ใจกลาง ส่วนที่ เหลือบีบตวั ลงลงเป็นแผน่ โคจรซ่ึงกลายมาเป็นระบบสุริยะ มวลใจกลางร้อนและหนาแน่นมาก จนเริ่มเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิ วชนั่ ณ แก่นดาว ซ่ึงเชื่อวา่ เป็นกระบวนการเกิดดาวฤกษส์ ่วนใหญ่ ดวงอาทิตยม์ ีอายมุ าไดป้ ระมาณคร่ึงอายขุ ยั แลว้ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนกั เป็นเวลากวา่ 4 พนั ลา้ นปี มาแลว้ และคาดวา่ จะอยใู่ นภาวะค่อนขา้ งเสถียรไปเช่นน้ีอีก 5 พนั ลา้ นปี ในแต่ละ วนิ าที ปฏิกิริยาหลอมนิวเคลียส (ฟิ วชนั ) ของดวงอาทิตย์ สามารถเปลี่ยนไฮโดรเจนอะตอม ปริมาณ 600 ลา้ นตนั ใหก้ ลายเป็นฮีเลียม และเปล่ียนสสาร 4 ลา้ นตนั ใหเ้ ป็นพลงั งานจากปฏิกิริยา ดงั กล่าว กวา่ พลงั งานน้ีจะหนีออกจากแกนดวงอาทิตยม์ าสู่พ้ืนผวิ ได้ ตอ้ งใชเ้ วลานานราว 10,000 ถึง 170,000 ปี ในอีกราว 5 พนั ลา้ นปี ขา้ งหนา้ เม่ือปฏิกิริยาฟิ วชนั ไฮโดรเจนในแก่นของดวง อาทิตยล์ ดลงถึงจุดท่ีไม่อยใู่ นดุลยภาพอุทกสถิตต่อไป แก่นของดวงอาทิตยจ์ ะมีความหนาแน่น และอุณหภูมิเพม่ิ ข้ึนส่วนช้นั นอกของดวงอาทิตยจ์ ะขยายออกจนสุดทา้ ยเป็นดาวยกั ษแ์ ดง มีการ คานวณวา่ ดวงอาทิตยจ์ ะใหญ่พอกลืนวงโคจรปัจจุบนั ของดาวพธุ และดาวศกุ ร์ และทาใหโ้ ลก อาศยั อยไู่ ม่ได้ มนุษยท์ ราบความสาคญั ของดวงอาทิตยท์ ี่มีโลกมาต้งั แต่สมยั ก่อนประวตั ิศาสตร์ และบาง วฒั นธรรมถือดวงอาทิตยเ์ ป็นเทวดา การหมุนของโลกและวงโคจรรอบดวงอาทิตยข์ องโลกเป็น รากฐานของปฏิทินสุริยคติ ซ่ึงเป็นปฏิทินที่ใชก้ นั แพร่หลายในปัจจุบนั

พลูโต ดำวพลูโต (องั กฤษ: Pluto; ดชั นีดาวเคราะห์นอ้ ย: 134340 พลูโต) เป็ นดาวเคราะห์แคระในแถบไคเปอร์ วงแหวนของวตั ถพุ น้ ดาวเนปจูน[8] โดยเป็นวตั ถุแถบไคเปอร์ชิ้นแรกท่ีถกู คน้ พบ มนั มีขนาดใหญท่ ่ีสุดและมีมวลมากที่สุดเป็ นอนั ดบั สองในบรรดา ดาวเคราะห์แคระท่ีรู้จกั ในระบบสุริยะ และยงั เป็ นวตั ถทุ ี่มีขนาดใหญ่เป็ นอนั ดบั ท่ี 9 และมวลมากเป็ นอนั ดบั ที่ 10 ในระบบ สุริยะท่ีโคจรรอบดวงอาทิตย์ ดาวพลูโตเป็ นวตั ถแุ ถบไคเปอร์ท่ีใหญ่ท่ีสุดโดยปริมาตร แต่มีมวลนอ้ ยกวา่ อีริส ซ่ึงเป็ นวตั ถใุ น แถบหินกระจาย ดาวพลูโตมีลกั ษณะเหมือนกบั วตั ถอุ ่ืน ๆ ในบริเวณเดียวกนั กล่าวคือ ประกอบไปดว้ ยหินและน้าแขง็ เป็ น ส่วนใหญ[่9] มีมวลและปริมาตรประมาณ 1 ใน 6 และ 1 ใน 3 ของดวงจนั ทร์ตามลาดบั วงโคจรของดาวพลูโตมีความเย้อื ง ศูนยก์ ลางมาก อยทู่ ่ี 30 ถึง 49 หน่วยดาราศาสตร์ (4.4 – 7.4 พนั ลา้ นกิโลเมตร) จากดวงอาทิตย์ หมายความวา่ เมื่อดาวพลโู ต อยใู่ นตาแหน่งท่ีใกลด้ วงอาทิตยม์ ากท่ีสุด มนั จะอยใู่ กลก้ วา่ วงโคจรของดาวเนปจนู เสียอีก แตเ่ น่ืองดว้ ยการสนั่ พอ้ งของวง โคจร ทาใหด้ าวเคราะห์ท้งั สองดวงไม่สามารถโคจรมาชนกนั ได้ ในปี พ.ศ. 2557 ดาวพลูโตมีระยะห่างจากดวงอาทิตย์ ประมาณ 32.6 หน่วยดาราศาสตร์ แสงจากดวงอาทิตยใ์ ชเ้ วลาประมาณ 5.5 ชวั่ โมง ถึงจะไปถึงดาวพลโู ตที่ระยะทางเฉลี่ย (39.5 หน่วยดาราศาสตร์) ดาวพลูโตถกู คน้ พบในปี พ.ศ. 2473 โดยไคลด์ ทอมบอ และถกู จดั ใหเ้ ป็ นดาวเคราะหด์ วงท่ี 9 ที่โคจรรอบดวง อาทิตย์ สถานะการเป็ นดาวเคราะห์ของมนั เริ่มเป็ นท่ีสงสยั เมื่อมีการคน้ พบวตั ถปุ ระเภทเดียวกนั จานวนมากซ่ึงถกู คน้ พบใน ภายหลงั ในบริเวณแถบไคเปอร์ ความรู้ท่ีวา่ ดาวพลโู ตเป็ นดาวเคราะห์หินขนาดใหญ่ท่ีเป็ นน้าแขง็ เร่ิมถกู คดั คา้ นจากนกั ดารา ศาสตร์หลายคนที่เรียกร้องใหม้ ีการจดั สถานะของดาวพลโู ตใหม่ ในปี พ.ศ. 2548 มีการคน้ พบอีริส วตั ถุในแถบหิน กระจาย ซ่ึงมีขนาดใหญ่กวา่ ดาวพลูโต 27% ซ่ึงทาใหส้ หพนั ธ์ดาราศาสตร์สากล (IAU) จดั การประชุมซ่ึงเกี่ยวกบั การต้งั \"นิยาม\" ของดาวเคราะห์ข้ึนมาคร้ังแรก ในปี เดียวกนั หลงั สิ้นสุดการประชุม ดาวพลูโตถูกลดสถานะใหเ้ ป็ นกลมุ่ \"ดาว เคราะห์แคระ\"[10] แตย่ งั มีนกั ดาราศาสตร์บางคนท่ียงั คงจดั ใหด้ าวพลโู ตเป็ นดาวเคราะห์[11] ดาวพลโู ตมีดาวบริวารท่ีทราบแลว้ 5 ดวง ไดแ้ ก่ แครอน (มีขนาดใหญท่ ี่สุด โดยมเี สน้ ผา่ นศูนยก์ ลางเป็ นคร่ึงหน่ึง ของดาวพลูโต) สติกซ์ นิกซ์ เคอร์เบอรอส และไฮดรา[12] บางคร้ังดาวพลโู ตและแครอนถูกจดั เป็ นระบบดาวคู่ เน่ืองจากจุด ศูนยก์ ลางมวลของวงโคจรไมไ่ ดอ้ ยใู่ นดาวดวงใดดวงหน่ึงเฉพาะ[13] ไอเอยยู งั ไม่มีการใหค้ านิยามของระบบดาวเคราะห์แคระ คู่อยา่ งเป็นทางการ และแครอนกลายเป็ นดาวบริวารของดาวพลูโตอยา่ งเป็ นทางการแลว้ [14] ในเดือนกนั ยายน พ.ศ. 2559 นกั ดาราศาสตร์ประกาศวา่ บริเวณสีน้าตาลแดงท่ีข้วั โลกของแครอนน้นั มีองคป์ ระกอบของโทลีน สารประกอบอนิ ทรียข์ นาด ใหญท่ ี่อาจเป็ นตน้ กาเนิดของสิ่งมีชีวติ และผลิตไดจ้ ากมีเทน ไนโตรเจน และแก๊สท่ีเกี่ยวขอ้ งซ่ึงปล่อยออกมาจากช้นั บรรยากาศของดาวพลูโต และเคล่ือนท่ีเป็ นระยะทางกวา่ 19,000 กิโลเมตร รอบดาวบริวาร[15] ในวนั ท่ี 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 ยานอวกาศนิวฮอไรซนั ส์กลายเป็ นยานอวกาศลาแรกที่บินผา่ นดาวพลโู ตสาเร็จ [16][17][18]ระหวา่ งเสน้ ทางนิวฮอไรซนั ส์ก็ไดเ้ กบ็ ขอ้ มูลต่าง ๆ เก่ียวกบั ดาวพลโู ตและดาวบริวารของมนั ไปดว้ ย[8][19][20][21]

ดาวพฤหสั ดำวพฤหัสบดี เป็นดาวเคราะห์ท่ีอยหู่ ่างจากดวงอาทิตยเ์ ป็นลาดบั ที่ 5 และเป็นดาวเคราะห์ ท่ีมีขนาดใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะ นอกจากดาวพฤหสั บดี ดาวเคราะหแ์ กส๊ ดวงอื่นๆ ในระบบ สุริยะไดแ้ ก่ ดาวเสาร์ ดาวยเู รนสั และดาวเนปจนู ชื่อละตินของดาวพฤหสั บดี (Jupiter) มาจาก เทพเจา้ โรมนั สัญลกั ษณ์แทนดาวพฤหสั บดี คือ ♃ เป็นสายฟ้ าของเทพเจา้ ซุส ดาวพฤหสั บดีมีมวลสูงกว่ามวลของดาวเคราะหอ์ ่ืนรวมกนั ราว 2.5 เท่า ทาใหศ้ นู ยร์ ะบบ มวลระหวา่ งดาวพฤหสั บดีกบั ดวงอาทิตย์ อยเู่ หนือผวิ ดวงอาทิตย์ (1.068 เท่าของรัศมีดวงอาทิตย์ เม่ือวดั จากศนู ยก์ ลางดวงอาทิตย)์ ดาวพฤหสั บดีหนกั วา่ โลก 318 เท่า เส้นผา่ นศนู ยก์ ลางยาวกวา่ โลก 11 เท่า และมีปริมาตรคิดเป็น 1,300 เท่าของโลก เช่ือกนั วา่ หากดาวพฤหสั บดีมีมวลมากกวา่ น้ีสกั 60-70 เท่า อาจเพยี งพอที่จะใหเ้ กิดปฏิกิริยานิวเคลียร์จนกลายเป็นดาวฤกษไ์ ด้ ดาวพฤหสั บดีหมุนรอบตวั เองดว้ ยอตั ราเร็วสูงที่สุด เม่ือเทียบกบั ดาวเคราะหด์ วงอื่นใน ระบบสุริยะ ทาใหม้ ีรูปร่างแป้ นเม่ือดูผา่ นกลอ้ งโทรทรรศน์ นอกจากช้นั เมฆท่ีห่อหุม้ ดาว พฤหสั บดี ร่องรอยที่เด่นชดั ที่สุดบนดาวพฤหสั บดี คือ จุดแดงใหญ่ ซ่ึงเป็นพายหุ มุนท่ีมีขนาด ใหญ่กวา่ โลก โดยทวั่ ไป ดาวพฤหสั บดีเป็นวตั ถุท่ีสวา่ งท่ีสุดเป็นอนั ดบั ท่ี 4 ในทอ้ งฟ้ า (รองจากดวง อาทิตย์ ดวงจนั ทร์ และดาวศุกร์ อยา่ งไรกต็ าม บางคร้ังดาวองั คารกป็ รากฏสวา่ งกวา่ ดาว พฤหสั บดี) จึงเป็นท่ีรู้จกั มาต้งั แต่ยคุ ก่อนประวตั ิศาสตร์ การคน้ พบดาวบริวารขนาดใหญ่ 4 ดวง ไดแ้ ก่ ไอโอ, ยโู รปา, แกนีมีด และคลั ลิสโต โดยกาลิเลโอ กาลิเลอี เมื่อ ค.ศ. 1610 เป็นการคน้ พบ วตั ถุที่ไม่ไดโ้ คจรรอบโลกเป็นคร้ังแรก นบั เป็นจุดที่สนบั สนุนทฤษฎีดวงอาทิตยเ์ ป็นศนู ยก์ ลางท่ี เสนอโดยโคเปอร์นิคสั การออกมาสนบั สนุนทฤษฎีน้ีทาใหก้ าลิเลโอตอ้ งเผชิญกบั การไต่ สวน ดาวพฤหสั บดี หมุนรอบตวั เองใชเ้ วลา 10 ชวั่ โมง

ดาวเสาร์ ดำวเสำร์ (องั กฤษ: Saturn) เป็นดาวเคราะห์ดวงที่ 6 จากดวง อาทิตย์ ถดั จากดาวพฤหสั บดี เป็นดาวเคราะห์ท่ีมีขนาดใหญ่เป็นอนั ดบั 2 ของระบบสุริยะ รองจาก ดาวพฤหสั บดี ดาวเสาร์เป็นดาวแกส๊ ยกั ษท์ ่ีมีรัศมีเฉล่ีย มากกวา่ โลกประมาณเกา้ เท่า[3][4] แมว้ า่ จะมีความหนาแน่นเป็นหน่ึงในแปด ของโลก แต่มวลของมนั มีมากกวา่ โลกถึง 95 เท่า[5][6][7] ดาวเสาร์ต้งั ช่ือตาม เทพโรมนั แห่งการเกษตร สัญลกั ษณ์ทางดาราศาสตร์ของดาวเสาร์ (♄) แทน เคียวของเทพเจา้ ดาวเสาร์มีรูปร่างป่ องออกตามแนวเสน้ ศูนยส์ ูตร ท่ีเรียกวา่ ทรงกลมแป้ น (oblate spheroid) เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางตามแนวข้วั ส้ันกวา่ ตามแนว เสน้ ศนู ยส์ ูตรเกือบ 10% เป็นผลจากการหมุนรอบตวั เองอยา่ งรวดเร็ว ดาว เคราะห์ดวงอ่ืนๆ กม็ ีลกั ษณะเป็นทรงกลมแป้ นเช่นกนั แต่ไม่มากเท่าดาวเสาร์ ดาวเสาร์เป็นดาวเคราะห์เพียงดวงเดียวในระบบสุริยะ ที่มีความหนาแน่นเฉลี่ย นอ้ ยกวา่ น้า (0.70 กรัม/ลกู บาศกเ์ ซนติเมตร) อยา่ งไรกต็ าม บรรยากาศช้นั บนของดาวเสาร์มีความหนาแน่นนอ้ ยกวา่ น้ี ขณะท่ีที่แกนมีความหนาแน่น มากกวา่ น้า วงแหวนของดาวเสาร์ประกอบไปดว้ ย เศษหินและน้าแขง็ ขนาดเลก็ เรียงตวั อยใู่ นระนาบเดียวกนั และวงแหวนของดาวเสาร์กป็ ระกอบไปดว้ ย วง แหวนยอ่ ยๆมากมาย ความจริงแลว้ วงแหวนดาวเสาร์น้นั บางมาก โดยมีความ หนาเฉลี่ยเพยี ง 500 กิโลเมตรเท่าน้นั แต่เศษวตั ถุในวงแหวนมีความสามารถ ในการสะทอ้ นแสงดี และกวา้ งกวา่ 80,000 กิโลเมตร จึงสามารถสงั เกตได้ จากโลกของเราไดไ้ ม่ดีนกั

ดาวยเู รนสั ดำวยูเรนัส (ภาษาองั กฤษ:Uranus ยเู รนสั หรือ มฤตยู) เป็น ดาวเคราะห์ท่ีอยหู่ ่างจากดวงอาทิตยเ์ ป็นลาดบั ที่ 7 ในระบบ สุริยะ จดั เป็นดาวเคราะห์แก๊ส มีเสน้ ผา่ นศูนยก์ ลาง 50,724 กิโลเมตร นบั ไดว้ า่ มีขนาดใหญ่เป็นอนั ดบั ที่3 ในระบบสุริยะของเรา ยเู รนสั ถูกต้งั ชื่อตามเทพเจา้ ยเู รนสั (Ouranos) ของกรีก สญั ลกั ษณ์ แทนดาวยเู รนสั คือ หรือ (ส่วนใหญใ่ ชใ้ นดาราศาสตร์) ชื่อไทย ของยเู รนสั คือ ดำวมฤตยู ผคู้ น้ พบดาวยเู รนสั คือ เซอร์วลิ เลียม เฮอร์เชล(Sir William Herschel) พบในปี พ.ศ. 2324 (ค.ศ. 1781) ต่อมาในปี พ.ศ. 2520 (ค.ศ. 1977) นกั ดาราศาสตร์จากหอดู ดาวไคเปอร์แอร์บอร์น (James L. Elliot, Edward W. Dunham, and Douglas J. Mink using the Kuiper Airborne Observatory) คน้ พบวา่ ดาวยเู รนสั มี วงแหวนจางๆโดยรอบ และเรากไ็ ดเ้ ห็นรายละเอียด ของดาวยเู รนสั พร้อมท้งั วงแหวน และ ดวงจนั ทร์บริวารในปี พ.ศ. 2529 (ค.ศ. 1986) เม่ือยานวอยเอ เจอร์ 2 (Voyager 2) เคล่ือนผา่ น

แหลงอา้ งอิง ระบบสุริยะ (องั กฤษ: Solar System) ประกอบดว้ ยดวงอาทิตยแ์ ละวตั ถุอื่น ๆ ท่ีโคจรรอบดวงอาทิตย์ เน่ืองจากแรงโนม้ ถ่วง ไดแ้ ก่ ดาวเคราะห์ 8 ดวงกบั ดวงจนั ทร์บริวารที่คน้ พบแลว้ 166 ดวง[5] ดาวเคราะห์ แคระ 5 ดวงกบั ดวงจนั ทร์บริวารที่คน้ พบแลว้ 4 ดวง กบั วตั ถุขนาดเลก็ อ่ืน ๆ อีกนบั ลา้ นชิ้น ซ่ึงรวมถึง ดาว เคราะห์นอ้ ย วตั ถุในแถบไคเปอร์ ดาวหาง สะเก็ดดาว และฝ่ นุ ระหวา่ งดาวเคราะห์ โดยทว่ั ไปแลว้ จะแบง่ ยา่ นตา่ ง ๆ ของระบบสุริยะ นบั จากดวงอาทิตยอ์ อกมาดงั น้ีคือ ดาวเคราะห์ช้นั ใน จานวน 4 ดวง แถบดาวเคราะห์นอ้ ย ดาวเคราะห์ขนาดใหญร่ อบนอกจานวน 4 ดวง และแถบไคเปอร์ซ่ึง ประกอบดว้ ยวตั ถุที่เยน็ จดั เป็ นน้าแขง็ พน้ จากแถบไคเปอร์ออกไปเป็นเขตแถบจานกระจาย ขอบเขตเฮลิโอ พอส (เขตแดนตามทฤษฎีท่ีซ่ึงลมสุริยะสิ้นกาลงั ลงเน่ืองจากมวลสารระหวา่ งดวงดาว) และพน้ ไปจากน้นั คือ ยา่ นของเมฆออร์ต กระแสพลาสมาที่ไหลออกจากดวงอาทิตย์ (หรือลมสุริยะ) จะแผต่ วั ไปทวั่ ระบบสุริยะ สร้างโพรง ขนาดใหญ่ข้ึนในสสารระหวา่ งดาวเรียกกนั วา่ เฮลิโอสเฟี ยร์ ซ่ึงขยายออกไปจากใจกลางของแถบจานกระจาย ดาวเคราะห์ช้นั เอกท้งั 8 ดวงในระบบสุริยะ เรียงลาดบั จากใกลด้ วงอาทิตยท์ ่ีสุดออกไป มีดงั น้ีคือ ดาว พธุ ดาวศุกร์ โลก ดาวองั คาร ดาวพฤหสั บดี ดาวเสาร์ ดาวยเู รนสั และดาวเนปจูน นบั ถึงกลางปี ค.ศ. 2008 วตั ถุขนาดยอ่ มกวา่ ดาวเคราะห์จานวน 5 ดวง ไดร้ ับการจดั ระดบั ใหเ้ ป็นดาว เคราะห์แคระ ไดแ้ ก่ ซีรีสในแถบดาวเคราะห์นอ้ ย กบั วตั ถุอีก 4 ดวงท่ีโคจรรอบดวงอาทิตยอ์ ยใู่ นยา่ นพน้ ดาว เนปจนู คือ ดาวพลูโต (ซ่ึงเดิมเคยถูกจดั ระดบั ไวเ้ ป็ นดาวเคราะห์) เฮาเมอา มาคีมาคี และ อีรีส มีดาวเคราะห์ 6 ดวงและดาวเคราะห์แคระ 3 ดวงท่ีมีดาวบริวารโคจรอยรู่ อบ ๆ เราเรียกดาวบริวาร เหล่าน้ีวา่ \"ดวงจนั ทร์\" ตามอยา่ งดวงจนั ทร์ของโลก นอกจากน้ีดาวเคราะห์ช้นั นอกยงั มีวงแหวนดาวเคราะห์ อยรู่ อบตวั อนั ประกอบดว้ ยเศษฝ่ นุ และอนุภาคขนาดเล็ก สาหรับคาวา่ ระบบดาวเคราะห์ ใชเ้ มื่อกล่าวถึงระบบดาวโดยทว่ั ไปท่ีมีวตั ถุตา่ ง ๆ โคจรรอบดาว ฤกษ์ คาวา่ \"ระบบสุริยะ\" ควรใชเ้ ฉพาะกบั ระบบดาวเคราะห์ท่ีมีโลกเป็นสมาชิก และไม่ควรเรียกวา่ \"ระบบสุ ริยจกั รวาล\" อยา่ งท่ีเรียกกนั ติดปาก เน่ืองจากไมเ่ กี่ยวขอ้ งกบั คาวา่ \"จกั รวาล\" ตามนยั ที่ใชใ้ นปัจจุบนั

ด.ช.หสั ธชยั ปัญญาดี กบั ด.ช.ปิ ยบุต จนั ทร์ยอด เลขท่ี16-6 เสนอ ครูประภสั สร ก๋ำเขยี ว วชิ ำ กำรสร้ำงหนังสืออเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ โรงเรียนแจ้ห่มวทิ ยำ อ.แจ้ห่ม จ.ลำปำง สำนักงำนเขตพนื้ ทก่ี ำรศึกษำมัธยมศึกษำเขต 35 ภำคเรียนท่ี 2 ปี กำรศึกษำ 2563


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook