Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ชุดการเรียนการอ่านคิดวิเคราะห์เรื่องสั้น

ชุดการเรียนการอ่านคิดวิเคราะห์เรื่องสั้น

Published by ภูมิพัฒน์ เสาเอก, 2021-02-02 02:16:55

Description: ชุดการเรียนการอ่านคิดวิเคราะห์เรื่องสั้น

Search

Read the Text Version

1

คำนำ ชุดการเรียนการอ่านคิดวิเคราะห์ เป็นชุดการเรียนท่ีสร้างข้ึนเพ่ือใช้พัฒนาและแก้ไขปัญหา การเรียนการสอนวิชาภาษาไทย รหัส ท ๓๑๑๐๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๔ โดยมีจุดประสงค์ เพ่ือให้ นักเรียนสามารถอ่านคิดเชิงวิเคราะห์ได้ค้นพบองค์ความรู้ ปฏิบัติจริง เกิดทักษะอย่างถูกต้อง มีประสิทธิภาพและการเรียนรไู้ ด้ด้วยตนเอง วิธีการเรียนรจู้ ากงา่ ยไปหายาก ประกอบด้วยชุดการเรียน ๖ ชดุ ดงั นี้ ชดุ การเรียนที่ ๑ พ้นื ฐานการอ่านเชิงวิเคราะห์ ชุดการเรียนท่ี ๒ การอา่ นวเิ คราะหเ์ พลง ชุดการเรียนที่ ๓ การอ่านวิเคราะหข์ ่าว ชุดการเรยี นที่ ๔ การอ่านวิเคราะห์บทความ ชุดการเรียนท่ี ๕ การอา่ นวิเคราะห์เรื่องส้ัน ชดุ การเรยี นที่ ๖ การอ่านวิเคราะห์บทร้อยกรอง สาหรับชุดการเรียนชุดน้ีเป็น ชุดกำรเรียนที่ ๕ กำรอ่ำนวิเครำะห์เรื่องสั้น ในการใช้ชุดการ เรียนนักเรียนควรศึกษาเรียงตามลาดับชุดท่ีจัดทาเพื่อให้การพัฒนาการอ่านเชิงวิเคราะห์ เป็นไปตาม ข้ันตอนและกระบวนการท่ีถูกต้องปฏิบัติตามคาช้ีแจงสาหรับนักเรียน ทุกชุดจะให้ความรู้ฝึกความ เข้าใจฝึกทักษะการคดิ การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ และการนาไปใช้ ให้ความสนุกสนานเพลิดเพลิน และเกดิ ความภาคภูมใิ จในความสาเร็จทไี่ ดร้ บั ผจู้ ัดทาหวงั เป็นอยา่ งยิ่งว่าชุดการเรียนนี้จะเป็นประโยชนต์ ่อการเรียนการสอนวิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ และช่วยแบ่งเบาภาระครูผู้สอนสามารถใช้เป็นเคร่ืองนาทางให้นักเรียนได้ ประสบผลสาเร็จ มีทักษะการอ่านเชิงวิเคราะห์ อย่างมีคุณภาพและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่ครู นกั เรียน และผสู้ นใจ นางสาวสพุ ชิ ฌาย์ แกว้ ขาว ผู้จัดทา

สำรบัญ เร่อื ง หน้ำ คานา............................................................................................................................. ....... ก คาชแ้ี จงสาหรับนักเรียน........................................................................................................ ๑ จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระสาคญั ....................................................................................... ๒ บตั รเนือ้ หา............................................................................................................................. ๓ บัตรคาถาม........................................................................................................................... ๖ บตั รเฉลย.............................................................................................................................. ๗ แบบทดสอบก่อนเรยี น ชุดการเรยี นท่ี ๕ ...................................................................................๘... บัตรกจิ กรรมอ่านคิดวิเคราะห์ ๑ ........................................................................................... ๑๓ แนวคาตอบบตั รกจิ กรรมอ่านคิดวิเคราะห์ ๑ ...........................................................................๑..๗ บตั รกจิ กรรมอ่านคิดวิเคราะห์ ๒ ..............................................................................................๑...๘ แนวคาตอบบตั รกิจกรรมอ่านคดิ วเิ คราะห์ ๒ ...........................................................................๒..๑ บตั รกิจกรรมอา่ นคิดวเิ คราะห์ ๓ ..............................................................................................๒...๒ แนวคาตอบบัตรกิจกรรมอา่ นคิดวิเคราะห์ ๓ ...........................................................................๒. ๖ บตั รกจิ กรรมอา่ นวเิ คราะห์ ๔ ................................................................................................. ๒๗ แนวคาตอบบัตรกจิ กรรมอา่ นคิดวเิ คราะห์ ๔ ...........................................................................๓..๓ แบบทดสอบหลังเรยี น ชดุ การเรยี นที่ ๕ ................................................................................. ๓๔ เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น ชุดการเรียนที่ ๕ ..........................................................................๓...๙.... เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน ชดุ การเรียนท่ี ๕ ..........................................................................๔...๐.... บรรณานกุ รม................................................................................................................... ..........๔..๑.......

อ่านคิดวิเคราะหเ์ รื่องส้นั 1 คำชแ้ี จงสำหรบั นกั เรยี น ชุดการเรียนการอ่านคิดวิเคราะห์เป็นชุดการเรียนที่สร้างข้ึนเพื่อให้นักเรียน สามารถเรยี นไดด้ ้วยตนเอง ชุดการเรียนนีจ้ ะทาหน้าท่ีเหมือนเปน็ ครผู ู้สอน นักเรียนจะต้อง ปฏบิ ัติตามคาส่ังอยา่ งเครง่ ครดั จึงจะทาใหเ้ กิดผลดี โดยมแี นวทางในการศึกษาและปฏบิ ัตใิ น แต่ละชุดการเรยี นตามลาดบั ข้นั ตอนดังตอ่ ไปนี้ ๑. นักเรียนใช้เวลาในการทากิจกรรมในแต่ละชุดการเรียนการอ่านคิดวิเคราะห์ ชดุ การเรียนละ ๓ ชวั่ โมง ๒. นักเรยี นศึกษาจดุ ประสงค์การเรยี นรแู้ ละสาระสาคัญ ๓. นักเรียนศึกษาเน้ือหาประกอบชุดการเรียนการอ่านคิดวิเคราะห์แต่ละชุด แลว้ ทากจิ กรรมตามทก่ี าหนดไวใ้ นบัตรกิจกรรม แล้วตรวจคาตอบ ๔. นักเรียนทาแบบทดสอบหลังเรียนลงในกระดาษคาตอบท่ีกาหนดให้ แล้วตรวจ คาตอบ ๕. นักเรียนต้องซื่อสัตย์ต่อตนเองในการตอบคาถาม ไม่ดูเฉลยก่อนทาเสร็จ เพราะ จะไม่เกิดประโยชนแ์ ตป่ ระการใดๆ ทงั้ ส้ินต่อการเรียนรู้ ๖. ขณะที่ทาการศึกษาชุดการเรียนการอ่านคิดวิเคราะห์ ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้นหรือ นักเรียนไมเ่ ขา้ ใจสามารถขอคาปรกึ ษาจากครผู ู้สอนได้ ๗. นักเรยี นไม่เขียนข้อความใดๆ ทง้ั สนิ้ ลงในชุดการเรียน

อา่ นคดิ วิเคราะหเ์ รื่องสนั้ 2 จุดประสงค์กำรเรียนรู้ เม่อื กาหนดเรอ่ื งสน้ั ใหน้ ักเรียนสามารถอ่านและวเิ คราะห์เรื่องสน้ั ได้ ๑. สามารถบอกลกั ษณะและประเภทของเรอ่ื งสน้ั ได้ ๒. สามารถอธบิ ายองคป์ ระกอบของเรื่องสั้นได้ ๓. สามารถตอบคาถามจากเรือ่ งสน้ั ได้ ๔. สามารถบอกความหมายของคา สานวน โวหารจากเรื่องสนั้ ได้ ๕. สามารถบอกข้อคิดจากเรื่องสน้ั ได้ สำระสำคญั เรื่องส้นั เป็นวรรณกรรมที่ใช้ความงามดา้ นวรรณศิลป์ ถ่ายทอดแนวคิดของ ผู้เขียนโดยสะท้อนสภาพสังคม ผู้อ่านจะได้รับความบันเทิง คติ แง่คิดต่าง ๆ ซึ่ง เป็นประโยชนส์ ามารถนาไปใช้ในชวี ติ ประจาวันได้

อา่ นคดิ วเิ คราะหเ์ ร่ืองสั้น 3 บัตรเนอ้ื หำ เร่อื งส้นั ควำมหมำยของเร่ืองส้ัน กุหลาบ มัลลิกะมาส ให้ความหมายของเรื่องสั้นไว้วา่ “เร่ืองส้ันมีลักษณะคล้ายนวนิยาย แต่มี เนื้อเร่อื งส้ันกว่ากลา่ วถึงเหตกุ ารณ์แต่เพียงหนึง่ หรือสองเหตุการณ์ มีตัวละครน้อยกว่านวนิยาย และมี วิธีจบแบบธรรมดา หรือจบแบบไม่คาดหมาย” ลกั ษณะของเร่อื งสัน้ ลกั ษณะสาคัญของวรรณกรรมประเภทเรื่องสนั้ อาจสรปุ ไดด้ ังนี้ ๑. มีความยาวไม่มากนัก คือสามารถอ่านจบได้ภายในเวลา ๕ - ๕๐ นาที หรือมีจานวนคา อยู่ระหวา่ ง ๒,๐๐๐ - ๑๒,๐๐๐ คา ๒. มีโครงเร่อื งเดยี ว และเป็นโครงเรอ่ื งง่าย ๆ ไมส่ ลบั ซับซ้อน ๓. มแี ก่นของเรือ่ งหรือแนวคิดเพยี งประเภทเดยี ว ๔. มีตัวละครน้อย บางเรื่องอาจมีตัวละครเพียงตัวเดียว หรืออาจมีตัวละครเอกเพียง ๒ - ๓ ตัว เท่านัน้ ๕. การพรรณนาฉากและบรรยากาศ รวมท้ังบทสนทนา เน้นความกระชับรัดกุมและมีประโยชน์ ต่อการดาเนนิ เรือ่ งมากที่สดุ รศ.ดร.อมั พร สุขเกษม หนังสอื เรียนภาษาไทย ท๐๒๒ วรรณกรรมปัจจุบัน ระดบั ช้ันมัธยมศึกษา ตอนปลาย (กรงุ เทพมหานคร: บริษัทโรงพมิ พ์ไทยวฒั นาพานิช จากัด, ๒๕๕๒), หน้า ๑๔ - ๑๕. องค์ประกอบของเรอ่ื งส้ัน ๑. แก่นเรื่อง หรือแนวคิดของเร่ือง คือทัศนะท่ีผู้แต่งมีต่อชีวิต หรือสารท่ีผู้แต่งต้องการจะสื่อ ให้ผู้อา่ นทราบ ๒. โครงเรื่อง เป็นขอบข่ายเค้าโครงท่ีจะนาเสนอเร่ืองราว นับต้ังแต่การปิดเปิดเรื่อง ปมปัญหา ของเรอ่ื ง การคลคี่ ลายปัญหาของเรอ่ื ง ตลอดจนการสรา้ งเหตุการณ์ในเรือ่ ง ๓. ตัวละคร อาจเป็น คน สัตว์ หรอื สงิ่ อ่ืน ๆ เป็นผู้แสดงบทบาทในเร่ือง เรอื่ งส้ันจะมีตวั ละคร เฉพาะท่ีสาคัญและจาเป็น ดาเนินเรื่องราว อย่างสมจริง ในด้านต่าง ๆ เช่น ความรู้สึกนึกคิด พฤติกรรมต่าง ๆ ๔. ฉากและบรรยากาศ ฉากและบรรยากาศจะช่วยเน้นสิ่งสาคัญท่ีผู้เขียนต้องการนาเสนอแก่ ผู้อ่านอาจเป็นเหตุการณ์ สภาพฉาก ประกอบบทบาท ของตัวละครในแง่มุมที่ต่างกัน ตามความ เหมาะสมของเร่อื งราว เช่น ฉากทุง่ ข้าวเขียวขจี ให้ความรูส้ กึ สดช่นื มีความหวงั เป็นต้น ๕. กลวิธีการแต่ง เป็นเทคนิค หรือลีลาในการนาเสนอเรื่อง เพื่อให้น่าสนใจ ชวนติดตาม ไดแ้ ก่ การปิดเปดิ เรอื่ ง การดาเนินเหตุการณ์ในเรือ่ ง ๖. บทสนทนา เรื่องสั้นอาจมีบทสนทนาหรือไม่ก็ได้ บทสนทนาจะช่วยทาให้ผู้อ่าน เข้าใจ เร่อื งราวไดช้ ัดเจนข้ึนบทสนทนาจะต้องเหมาะสมกับพฤตกิ รรม นิสัยของตัวละคร สานวนภาษาท่ีใชใ้ น เร่ือง ก็จะต้องเหมาะสมกับพฤติกรรม นิสัยของตัวละคร สานวนภาษาท่ีใช้ในเร่ือง ก็จะต้องเหมาะสม กับเนื้อหาเร่ืองราวทีน่ าเสนอดว้ ย

อา่ นคิดวเิ คราะห์เร่ืองสน้ั 4 ประเภทของเรอื่ งสั้น การแบ่งเรื่องสั้นโดยอาศัยเนื้อเรื่องและกลวิธีการแต่ง ศาสตราจารย์ กุหลาบ มัลลิกะมาส ได้แบ่ง เร่ืองสน้ั โดยยึดหลักดังกลา่ ว ดังนี้ ๑. ประเภทตัวเอกเป็นผรู้ ้ายท่ีทาความดี แม้ตัวเอกจะเป็นผรู้ า้ ยแต่จะทาประโยชนใ์ ห้แกส่ งั คม ส่วนรวม ตวั เอกจึงมลี ักษณะก้ากง่ึ กันระหวา่ งคนดีและคนร้าย ๒. ประเภทจดหมาย เปน็ การใชเ้ ทคนคิ การเลา่ เรอ่ื ง ด้วยการดาเนินเรอ่ื งด้วยจดหมาย ๓. ประเภทจติ วิทยา กลา่ วถงึ เร่ืองความผดิ ปกติทางจิตใจ ทางอารมณ์ ๔. ประเภทแนวสังคม ตัวเอกของเรื่องตอ่ สู้เพื่อความยตุ ธิ รรม ความเจริญก้าวหน้าของสังคม หรอื แสดงความแตกต่างระหว่างชนช้นั ๕. ประเภทพัฒนาการอันเกิดจากการศึกษาชีวิต ตัวละครจะค่อยๆ มีประสบการณ์ต่างๆ ผา่ นเรื่องราวตา่ งๆ ในชวี ติ จนเกดิ ความรู้ความเข้าใจในสิง่ แวดล้อมเข้าใจตนเอง ๖. ประเภทแสดงแนวคิด ตัวละครเอกจะแสดงให้เห็นความคิดที่น่าสนใจในเรื่องต่างๆ มงุ่ เสนอแนวคดิ เรื่องใดเรือ่ งหนงึ่ ให้เหน็ ชดั เจน ๗. ประเภทมีตัวบุคคลจริงเป็นหุ่น ผู้แต่งจะเอาเร่ืองราวของบคุ คลที่มีจรงิ มาแตง่ โดยดดั แปลง บา้ ง แต่ผูอ้ ่านจะทราบว่าเปน็ ใคร ๘. ประเภทการเมอื ง เสนอแนวเน้ือหาเชิงการเมอื ง ๙. ประเภทประวัติศาสตร์ อาจนาเค้าโครงเรื่องมาจากประวัติศาสตร์ หรือนาช่วงเหตุการณ์ ประวัติศาสตร์ มาสมั พันธ์กบั เรอ่ื งท่ีแต่งขน้ึ ๑๐. ประเภทนกั สบื จะเป็นเรอ่ื งลึกลับ มเี งอื่ นปม แกป้ ม ในการสบื ๑๑. ประเภทวทิ ยาศาสตร์ เปน็ เรอ่ื งเกยี่ วกับความกา้ วหน้าทางดา้ นวิทยาศาสตร์ ๑๒. ประเภทลูกทงุ่ ฉากและตัวละครเปน็ ชาวชนบท ดาเนนิ ชวี ติ แบบลูกทุง่ ๑๓. ประเภทสงคราม มกั มีเรอ่ื งสายลับปนอยู่ดว้ ย ๑๔. ประเภทขบขนั อาจเปน็ เรอ่ื งประเภทลอ้ เลยี น ๑๕. ประเภทผจญภัย สนุกสนานตน่ื เตน้ ชวนติดตาม ๑๖. ประเภทลกึ ลับสยองขวญั มกั เปน็ เรอ่ื งผี วญิ ญาณ อานาจลกึ ลับ ๑๗. ประเภทตะวันตก เป็นเรอ่ื งเกี่ยวกับคาวบอย อนิ เดียแดง ๑๘. ประเภทรักโศก หรอื ที่เรยี กกนั ติดปากวา่ “นยิ ายนา้ เนา่ ” เป็นเรอื่ งเก่ยี วกบั ความรกั วธิ อี ่ำนเรอื่ งสัน้ มีผู้เสนอแนะวิธีอ่านและพิจารณาเรื่องส้ันไว้หลายแนว ดังเช่น ดร.สิทธิ พินิจภูวดล ได้เสนอ วธิ ีอา่ นเรอื่ งสนั้ ไว้ดังน้ี ๑. พิจารณาชอ่ื เรอ่ื ง และเนือ้ เรื่องวา่ สอดคลอ้ งกันหรือไม่เพยี งใด ๒. แนวคดิ และวิธีแตง่ ท่ดี ีตอ้ งมลี ักษณะชดั เจนและสอดคล้องกนั การแตง่ ไดส้ ร้างปมอะไรบ้าง เช่น ปมย่งุ ยาก ปมขบขัน การขัดแยง้ มหี ลายชนิดเชน่ - ขดั แย้งกับคนอ่ืน เกิดคดั ง้างกนั ทะเลาะวิวาท ความคดิ เหน็ ไม่ตรงกัน - ขัดแย้งกบั ตวั เอง ใจหนง่ึ ตอ้ งการ อกี ใจหน่ึงไม่ต้องการ เกดิ ความวุน่ วาย

อ่านคิดวเิ คราะหเ์ ร่ืองสนั้ 5 - ขดั แยง้ กบั สงั คม ตอ้ งการปรบั เปลยี่ นทศั นคติของคนในสงั คม - ขัดแย้งกบั ธรรมชาติ เช่น แตง่ งานแลว้ ไมป่ ฏบิ ัติต่อกันเย่ยี งสามีภรรยา ๓. พิจารณาการจบของเรื่อง เร่ืองส้ันมักจบแบบประทับใจ ผู้แต่งจะประกวดฝีมือกันใน ตอนจบ ซง่ึ มีลกั ษณะดงั น้ี ๓.๑ จบแบบปมท้ิงทา้ ย การจบแบบนีจ้ ะทง้ิ ใหผ้ ูอ้ ่านคิดเอาเองวา่ เป็นอยา่ งไรตอ่ ไป เพราะ เหตุใดจงึ เป็นเช่นนั้น ๓.๒ จบแบบเศร้า เช่น พลาดหวัง ตายจากกนั ความสูญเสยี ๓.๓ จบแบบหวานช่ืน คือจบลงด้วยความสขุ สมหวัง ความสาเรจ็ อันงดงาม คลีค่ ลายปม ๓.๔ จบตามท่ีเป็นจริงในชีวิต คือผู้แต่งปล่อยให้เหตุการณ์ดาเนินไปตามข้ันตอนหรือ ดาเนินไปตามสามัญสานกึ กำรอ่ำนและพิจำรณำเรอ่ื งสั้นน้ันควรพิจำรณำในดำ้ นตำ่ ง ๆ ดังต่อไปนี้ ๑. ชื่อเร่ืองและเนื้อเร่ือง เน้ือเรื่องและชื่อเรื่องของเรื่องสั้น ควรจะมีความสัมพันธ์กัน เนื้อ เร่ืองจะแสดงให้เหน็ วา่ ใคร ทาอะไร ที่ไหน อยา่ งไร เม่ือไร ๒. ผู้แต่ง ผู้อ่านควรได้ศึกษาประวัติผู้แต่งด้วยเพราะจะทาให้เข้าใจความคิดต่างๆ ท่ีแฝงอยู่ ในเร่ืองได้เข้าใจชดั เจนข้นึ ๓. กลวิธีกำรแต่ง ผอู้ ่านจะต้องพิจารณาถึงแนวคดิ ที่ได้ของเรื่องนั้นเช่น เรื่องผู้ดี ของดอกไม้ สดให้แนวคิดเก่ียวกับความหมายและการปฏิบัติตนของผู้ดี พิจารณากลวิธีในการดาเนิน เรื่อง เช่น อาจดาเนนิ ไปตามปฏิทนิ อาจดาเนินเรือ่ งแบบสลบั ไปสลับมา กล่าวถึงเหตกุ ารณ์สาคัญ นอกจากน้ี ยงั ต้องพิจารณาในกลวิธีการบรรยายเรอ่ื ง ซ่ึงผู้แต่งอาจบรรยายตัวเอง ให้ตวั ละครบรรยาย หรือใช้วิธี เขยี นจดหมายโต้ตอบกัน ๔. ตัวละคร ลักษณะของตัวละคร บทบาทของตัวละคร เป็นส่ิงหน่ึงที่จะดึงดูดความสนใจ ของผู้อ่านให้เกิดความประทับใจ ผู้แต่งต้องมีกลวิธีในการแสดงลักษณะนิสัยของตัวละคร การสร้างตัว ละคร จงึ เป็นเรอื่ งสาคญั สาหรบั เรือ่ งสนั้ ๕. ฉำกและบรรยำกำศ จะเป็นส่วนประกอบที่จะช่วยให้ผู้อ่านรู้สึกอย่างไรกับเนื้อหาในตอน น้ัน เช่น อาจใช้ฉากธรรมชาติท้องทุ่งนา ฉากในพระราชวัง การจะใช้ฉากอย่างไรน้ันขึ้นอยู่กับ เนื้อเรอ่ื งและบทบาทของตัวละครในตอนน้ัน ๖. สำนวนภำษำ เป็นส่วนสาคัญมากในการแต่งหนังสือ สานวนภาษาท่ีใช้จะต้องเหมาะสม กบั เหตุการณ์และสภาพของตัวละคร สานวนภาษาควรชัดเจน คมคาย แฝงข้อคดิ ๗. ทัศนะหรือควำมคิดเห็นของผู้ประพันธ์ ในการอ่านจะต้องจับความคิดของผู้ประพันธ์ให้ ได้ จะทาให้เข้าใจเรื่อง แจ่มชัดข้ึน ความคิดของผู้แต่งท่ีจะส่ือสารถึงผู้อ่านนั้น อาจแสดงไว้ในหลาย รูปแบบ เช่น แฝงไว้ในลักษณะนิสัยของตัวละคร แสดงออกไว้ในบทสนทนา ทัศนะท่ีแสดงก็เป็นแง่มุม ตา่ งกนั เชน่ ทศั นะเกย่ี วกบั ชีวติ ทัศนะเกย่ี วกับเรอื่ งการเมือง อุทัย ปรีชา และธวัชชัย เปรมปรีด์ิ คู่มือสอบภาษาไทย ๒ หลักสูตรการศึกษานอกโรงเรียน สายสามัญศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.๖) (กรุงเทพมหานคร : บริษัทรุ่งศิลป์การพิมพ์ จากดั , ๒๕๔๑,หนา้ ๒๐-๒๑.

อ่านคดิ วิเคราะหเ์ รื่องสัน้ 6 บัตรคำถำม คำชี้แจง: จับคู่ข้อความที่สัมพันธ์กัน โดยนาตัวอักษรหน้าข้อความทางซ้ายมือมาใส่หน้าข้อความ ทางขวามือ ก. แก่นเร่ือง .......๑. เทคนิคหรือลลี าในการนาเสนอเร่ือง เพื่อให้น่าสนใจ ข. โครงเรอ่ื ง ค. ตวั ละคร .......๒. เร่ืองหัวใจชายหน่มุ ง. บทสนทนา .......๓. มลี ักษณะสมจริงทง้ั ในดา้ นกิรยิ าทา่ ทคาวงามคราู้สพกึ ดู นคกึ วคาิดมรูส้ ึก จ. ฉาก ฉ. กลวิธีการแต่ง คิด ช. เรอ่ื งสนั้ ประเภทจดหมาย .......๔. ผู้แต่งกาหนดข้ึนเพ่ือใช้เปน็ แนวทางการดาเนินเรื่องตามท่ีผู้ ซ. เร่อื งสนั้ ประเภทลูกทงุ่ แตง่ ต้องการ ฌ. เรอื่ งสนั้ ประเภทแสดงแนวคดิ ญ. เรื่องสนั้ ประเภทแนวสังคม .......๕. ชว่ ยแสดงบคุ ลกิ ลักษณะและนิสยั ใจคอของตัวละครและ ชว่ ยดาเนนิ เรือ่ ง ใส่คาตอบทางขวามอื นะคะ .......๖. เรอื่ งใบผ้ ู้ชนะทแ่ี ทจ้ รงิ .......๗. เร่ืองซ่นิ ไหมผืนเก่า ๆ .......๘. เขียดขาคา .......๙. ทุ่งข้าวเขียวขจีให้ความรูส้ ึกสดชื่นมีความหวัง .......๑๐. ทศั นะทผี่ ู้แตง่ มตี อ่ ชีวิต หรือสารทีผ่ ้แู ต่งตอ้ งการจะสื่อให้ ผู้อ่านทราบ

อา่ นคิดวเิ คราะหเ์ ร่ืองส้นั 7 บัตรเฉลย ๑. ฉ ๒. ช ๓. ค ๔. ข ๕. ง ๖. ญ ๗. ฌ ๘. ซ ๙. จ ๑๐. ก

อ่านคดิ วเิ คราะหเ์ ร่ืองสัน้ 8 แบบทดสอบกอ่ นเรยี น ชุดกำรเรยี นท่ี ๕ กำรอ่ำนคิดวิเครำะห์เรื่องส้ัน คำชแี้ จง อ่านเร่ืองสน้ั เรื่องเขียดขาคา แล้วตอบคาถามข้อ ๑-๑๐ เรอื่ ง เขียดขำคำ แดดกล้าเริงแรงเหมือนจงใจจะแผดเผาทุกชีวิตบนทุ่งกว้างให้ไหม้มอดจนส้ินซาก สะแบง หลวงกับพะยอมโดดเด่น ท้ิงใบแก่สีเหลืองคล้าร่อนลงดินเป็นคร้ังคราว เขาหย่อนกายลงตรงโคนไม้ ดว้ ยท่าทางท่เี หนือ่ ยอ่อน เสอ้ื สคี รามคล้าเปียกช้นื ไปด้วยหยาดเหงอื่ รอบตวั มแี ตค่ วามอ้างว้างแห้งแล้ง เขาเพ่งมองกลุ่มหญ้าหม่นและฟางฝอยที่ปลิวว่อนหมุนเป็นลาสูงพุ่งข้ึนสู่ท้องฟ้า นอกจากหญ้าและ ฟางมนั ยังหอบเอาดนิ สีนา้ ตาลลอยฟุ้งจนมืดมัวไปหมด มันเป็นลมหัวกดุ หรือทีบ่ างคนเรียกลมหัวด้วน เขารู้สึกหวาดข้ึนมาทันทีเม่ือคิดได้ว่าลมที่พัดตึงๆ อยู่น้ัน ผู้ใหญ่เคยบอกว่ามันเป็นเคร่ืองหมายของ ความแห้งแลง้ ความอดอยาก ความวิบตั ิ และความตาย เมื่อคิดถึงตรงน้ีเขารู้สึกกระวนกระวายอยากจะให้ถึงบ้านที่มองเห็นยอดไผ่เรี่ยดินลิบๆ อยู่ เบื้องหน้า แต่ก็ลังเลที่จะเดินต่อเพราะเมื่อครู่น้ีเองก่อนจะถึงร่มไม้ เขารู้สึกหูอื้อ ตามัว ซ่ึงเขารู้สึกว่า กาลังจะเมาแดดและเป็นลม ของมองดูฝ่าเท้าท่ีพองเพราะความร้อนไหม้ของพื้นทรายแล้ว รู้สึกโกรธ ข้ึนมาอย่างบอกไม่ถูกโกรธดินฟ้าอากาศซ่ึงมีแต่ความทารุณไม่จบสิ้น เช้านี้มันยังหนาวเหน็บจนถึง กระดูก แต่ขณะน้ีกลับรู้สึกร้อนจนว่าหัวจะแตกเป็นเส่ียง เม่ือคิดถึงความเยือกเย็นยามเช้าตรู่ ก็ย่ิง คิดถึงลกู นอ้ ยมากข้ึน เช้านี้เองเขากับลูกเล็กๆ สองคนพากันออกไปหาเขียดเพ่ืออาหารมื้อเช้าท่ีทุ่งนาข้างบ้าน อากาศแสนหนาว ลูกน้อยทั้งสองคางส่ันกักๆ ขณะที่ก้มมองตาเขียดซ่ึงซ่อนอยู่ตามรอยแตกระแหง ของผืนนา ทกุ ครัง้ ท่ีมองเห็นตาใสในลืบลกึ ลูกนอ้ ยจะเรียกเขาเสยี งดัง “พอ่ น้ีอกี ตัว” “พ่อ หลืบนม้ี สี อง เขียดขาคาเสยี ด้วย เรว็ หนอ่ ยซิพอ่ ” เขาจะกะโผลกกะเผลกไปตามเสียงเรียก ใช้จอบงัดรอยระแหง บางตัวเขาจับมันได้ทันที แต่ บางตัวพอเริ่มงัดดินมันก็กระโดดแผลว็ ไป เป็นหนา้ ทขี่ องลูกที่ไล่ตะครุบ บางตัวก็ทัน บางตัวก็กระโดด ลงไปในหลบื ดินใหม่ ทาให้เขาต้องตามไปงัดรอยระแหงนนั้ อีก บางครง้ั ถ้าโชคดี นอกจากจะได้เขียดยัง พบหอยกาบ หอยจุ๊บแจงที่หมกตัวรอฝน ซ่ึงเขาก็เก็บมันไป แดดเริ่มอุ่นและได้เขียดมากพอสาหรับ กับข้าวมื้อเช้าแล้ว เสียงผู้ใหญ่บ้านเคาะเกราะเรียกประชุมดังแว่วมาจากในบ้าน เมื่อคิดถึงตรงน้ีเขา รู้สึกโกรธตัวเองข้ึนมาอย่างบอกไม่ถูก เพราะถ้าหากว่าเขากลับบ้านเสียแต่ตอนนั้น ลูกที่น่าสงสารก็คง ไม่เจ็บ มันเป็นหลืบสุดท้ายแท้ๆ ในทันทีที่เขางัดดินแตกกระจาย เขียดขาคาโตเต็มท่ีขนาดหัวแม่มือ กระโดดแผล็วผ่านหน้าลูกชายคนกลางไป เด็กน้อยไล่ตามไปห้าหกวา เขียดจึงกระโดดหลบไปใน รอยเท้าควาย ลูกน้อยของเขาล้วงมือตามหมายจะจับ เท่าน้ันเอง เขาก็ตะลึงแทบส้ินสติ เม่ือได้ยิน เสยี งลูกน้อยร้องเสยี งลั่น

อา่ นคดิ วเิ คราะหเ์ รื่องส้นั 9 “พ่อ งู งูกัดมือ” งเู ห่าแผ่แมเ่ บี้ยขู่ฟ่อๆ ได้สตเิ ขากระโจนใช้ด้ามจอบหวดไปเต็มแรงสามคร้ัง งูรา้ ยก็หางสัน่ ดกิ ๆ เขาหอบลูกนอ้ ยพร้อมกับครเุ ขียดกลบบ้าน และไม่ลมื บอกให้ลูกอีกคนลากงูไปด้วย ลูกของเขาร้องไห้และครางเบาๆ ตลอดทาง มือของเด็กตบท่ีหน้าอกบอกว่าหายใจไม่ออก เม่ือถึงบา้ นทุกสงิ่ โกลาหลไปหมด วงิ่ หาหมอน้ามนต์ หมอยากลางบา้ นเทา่ ทค่ี ดิ ช่ือได้ “เอาเขยี ดมาสบั ปดิ แผล” เพื่อนบ้านคนหน่ึงรอ้ งบอก “ป้ิงตบั งูให้มันกนิ ” อีกคนตะโกนเสยี งดัง เขาว่ิงไปท่ีซากงู ผ่าทอ้ งหาตบั ในขณะทเ่ี มียของเขา เฝ้าแต่น่ังร้องไห้ ยิ่งสายคนย่ิงมาก เพื่อนบ้านประชุมอยู่ที่บ้านผู้ใหญ่เมื่อทราบข่าวก็แตกฮือมาสมทบ และในขณะเดียวกนั เขาก็ตกใจแทบเป็นบ้า เม่ือเพอ่ื นบ้านบอกว่าเขาต้องอาเภอวันนี้เพราะผู้ใหญบ่ ้าน ช้ีแจงว่า วันนี้เป็นวันท่ีทางการจะจ่ายเงินให้กับคนท่ีมีลูกตั้งแต่ห้าคนข้ึนไป และเขาก็เป็นคนหนึ่งที่มี ลูกครบห้าคนพอดี “จะไปไดย้ ังไง? ลูกจะตาแเหง็บๆ อยู่ไม่เหน็ รึ” เขาพดู อยา่ งเจ็บแคน้ “มนั จะเปน็ อะไรไปวะ? มดหมอออกมากมายต่างก็เคยรักษากนิ บา้ นกินเมอื งมาแลว้ ท้งั น้นั ” “ไปซีอ้ายบ้า ต้องสองรอ้ ยบาทเทียวนะ เกิดมามงึ เคยมีรึ? เงินสองรอ้ ยนะ่ ” “พูดมันเสยี เถอะ” อีกคนพดู “ถา้ มันเกิดมอี ันเป็นถึงล้มถึงตายก็เลยชวดเท่านั้นเอง” “ไมไ่ ปไ๊ ม่ไป” เขาเอด็ ตะโร “ลกู ถอนหายใจปะหงับๆ อยู่ยังจะมาบอกให้ไป วันอืน่ มันทาไมไม่ จา่ ย?จริง เงนิ สองรอ้ ยบาท เกิดมากูกไ็ มเ่ คยมี แต่กูไมไ่ ป ข้าไม่ไป” “ตะราง” อีกคนหนึ่งพูด “ถ้ามันไม่ไปก็ตะรางเท่านั้นเอง มีหรือจะขัดเจ้านายเขาให้ ต้องเอา ไม่เอาก็ตะราง” เขารู้สึกเสียใจเม่อื ไดย้ ินคาว่าตะรางบอ่ ยๆ แตก่ ย็ งั แข็งใจพูด “ตะรางตะเริงท่ีไหน ก็บอกไม่เอา ลูกจะตายท้ังคนจะท้ิงไปด้ายยังง้าย” เขาขึ้นเสียง “ไม่ไป ไมไ่ ป” เขาย้าอกี “ไปเสยี อยา่ ขัดทางการเขา เราเปน็ ราษฎร” หนั ไปก็พบผู้ใหญ่บา้ นยนื หน้าขรึมอยู่ขา้ งๆ เสียง เขาแหบแหง้ ลงทนั ที “ถ้าไมไ่ ป โทษถึงตะรางจริงหรือ?” เขาถาม “แน่นอน ” ผู้ใหญบ่ า้ นพดู ขึงขัง “บางทถี งึ จาคุกตลอดชีวติ ” เท่าน้ันเอง เขาก็ต้องซมซานไปอาเภอเหมือนคนบ้า ฝากลูกน้อยกับหมอน้ามนต์ และเพ่ือน บ้านแล้วผลุงลงเรือนไป ถึงอาเภอเอาเม่ือพระจวนจะเพล พบกันเพ่ือนบ้านที่มาเอาเงินช่วยเหลือ เช่นเดียวกบั เขานั่งเป็นกลุ่ม เพอ่ื นบ้านช้ีให้เขาไปทีโ่ ตะ๊ ปลดั อาเภอแกๆ่ คนหน่ึง จึงผลนุ ผลนั เขา้ ไป “ผมนายนาค นางาม ครบั มาขอรบั เงนิ ค่ามลี ูกมาก” ปลัดอาเภอเงยหน้าท่ีอวบอูมขึ้นมองเขาอย่างช้าๆ จ้องอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดเสียงหนัก “อ้ายบ้า คนกาลงั ทางานไมม่ ีตารึ? “ไป๊ ไปรอข้างนอก”

อา่ นคดิ วเิ คราะหเ์ ร่ืองสน้ั 10 “เออนาย ลูกผมกาลงั จะตาย” แต่แล้วเข้าก็ชะงักโดยเร็ว เมื่อคิดว่าเขาไมค่ วรพูดคานี้ เพราะ บางทีเจ้านายเกิดสงสัยว่าลูกเค้าจะตายจะลาบาก ปลดั อาเภอคนน้ันกม้ หน้าเขียนอะไรขยุกขยิกตอ่ ไป นาคเดินออกมาสมทบเพ่ือนข้างนอกอย่างเงื่องหงอย เกดิ เปน็ ราษฎรชาวนานี้ช่างมีแตก่ องทุกข์เขาคิด อดอยากปากหมองก็สุดจะทุกข์อยู่แล้ว หันหน้าไปหาเจ้านายก็มีแต่คาขู่เข็ญ เขารอต่อไปจนเที่ยง แต่ เจ้านายคนน้ันก็ยังเขียนหนังสือต่อไปเหมือนไม่มีพวกเขาชาวนาท้ังหลายซึ่งน่ังรออยู่อย่างกระวน กระวาย สกั ครู่ปลัดจึงลุกข้ึนเดนิ อาดๆ ออกมาขา้ งนอก แตย่ งั มเี มตตาหนั มาบอกสองสามคา “เที่ยงแล้ว หยุดพัก บ่ายโมงมาเอา” นาคกับเพื่อนน่งั รอจนบา่ ย ปลัดหน้าตายคนน้ันจึงเขา้ มา และเรียกพวกเขาให้ไปหา ทกุ คนนั่ง ราบลงท่ีพ้ืน เขาเริ่มซักถามต่างๆ ว่าทายังไงจึงมีลูกมากนัก เพื่อนบ้านตอบไปงกๆ เงิ่นๆ เรียกเสียง หวั เราะชอบใจจากหมู่เจ้านายที่หันมาฟงั คาตอบอันแสนจะน่าอดสูเหล่าน้นั และแล้วก็ถงึ เขาจนได้ “คนไหน? นายนาค นางาม” “ผมครบั ” เขาตอบอ้อมแอ้ม “เราละ่ ทายงั ไงจึงมลี ูกมากมายนัก?” หลายคนหวั เราะคกิ ๆ “โอ้ย มันยากมนั จน นายเอย๊ ” เขาโพล่งออกไปเพราะเหลอื อด “กม็ นั มาเก่ียวอะไรกับยากๆ จนๆเล่า?” ปลัดซักถามดว้ ยน้าเสยี งแสดงความผิดหวัง “มันจน มันจน ไม่มีเงินจะไปซ้ือผ้าห่ม ถึงจะเหม็นสาบเหม็นคาวท้ังปีทั้งชาติก็ได้ใช้เมีย นั่นแล้วต่างผ้าห่ม ลูกมันก็หลั่งไหลมา” แทนเสียงหัวเราะเราทุกคนเงียบงันไปครู่หน่ึง เสียงปลัดหน้า ตายคนนนั้ จงึ ปร่าๆ ข้นึ อีก “บ๊ะ อา้ ยหมอนเ่ี อาเมียทาผา้ ห่ม” ลมพัดมาอีกอู้หนงึ่ สะแบงหลวงและพะยอมทิง้ ใบแกก่ ราวใหญ่ ประกายแดดยงั เต้นระยิบ ลม หังกุดยังคงอ้ืออึงกลางทุ่งโล่งเบ้ืองหน้า นาคผละจากเงาไม้สูง ฝ่าเปลวแดดร้อนยามบ่ายมุ่งตรงไป หมูบ่ า้ นไมน่ านเขาสวนทางกับเพ่ือนบ้านหมหู่ น่ึง “เอย้ ทิคนาค” เสยี งน้นั ทักมาแตไ่ กล ไมท่ ันจะตอบอกี คนหนึ่งก็ชิงเลา่ “เอง็ โชคดเี หลอื เกิน” คนเลา่ ทาให้เขาใจชืน้ มากขน้ึ ยิม้ เล็กน้อยกอ่ นถาม “โชคยงั ไง?โชคยังไง” เขาถามอยา่ งรอ้ นรน “ก็เงนิ สองรอ้ ยเอง็ ได้หรอื เปลา่ เลา่ ?” “ได้ซี อยูน่ ่ี” เขาตบกระเปา๋ “โชคดีเหลือเกนิ โชคเอง็ ดเี หลือเกนิ นาคเอย๋ ถา้ เอง็ ชา้ ไปอกี วันเดียวกช็ วดเงนิ สองร้อยบาท” ลาวคาหอม.(๒๕๕๒).เขยี ดขาคา ใน ฟา้ บก่ ัน้ (หนา้ ๔๙-๕๔). (พิมพ์ครัง้ ท่ี ๓). กรงุ เทพฯนาอักษรการพมิ พ์

อ่านคิดวิเคราะหเ์ ร่ืองสน้ั 11 คำชี้แจง จงเลอื กคาตอนที่ถกู ตอ้ งทส่ี ุดเพยี งคาตอบเดียว ๑. เรอื่ งเขยี ดขาคาเปน็ งานเขียนประเภทใด ก. บทความ ข. นวนยิ าย ค. เร่ืองส้ัน ง. สารคดี ๒. พ่อตัดสนิ ใจไปอาเภอเพราะเหตใุ ด ก. เพราะแรงยุจากเพอ่ื นบา้ น ข. ตอ้ งการเงิน ๒๐๐ บาท ค. กลวั ได้รับโทษติดคุก ง. เกรงกลัวผใู้ หญบ่ ้าน ๓. “นอกจากหญ้าและฟางมันยังหอบเอาดินสนี า้ ตาลลอยฟงุ้ จนมดื มวั ไปหมด มันเป็นลมหวั กดุ หรอื ที่ บางคนเรียกลมหัวดว้ น” ข้อใดไมใ่ ชเ่ ครื่องหมายของ “ลมหัวกุด” ก. ความอดยาก ข. ความหนาว ค. ความวิบตั ิ ง. ความตาย ๔. ปัญหาสังคมไทยขอ้ ใดปรากฏอยใู่ นเร่ือง “เขยี ดขาคา” ก. ปญั หาความยากจน ข. ปัญหาอบายมุขและยาเสพตดิ ค. ปัญหาความเลื่อมลา้ ระหว่างราษฎรกับหนว่ ยงานทางราชการ ง. ปัญหาการขาดแคลนแพทย์และการบริการสาธารณสขุ ข้ันพน้ื ฐาน ๕. “โชคดีเหลอื เกนิ โชคเอ็งดีเหลือเกนิ นาคเอย๋ ถ้าเอง็ ช้าไปอกี วันเดยี วก็ชวดเงนิ สองร้อยบาท” ขอ้ ความดงั กล่าวมีนยั ถึงอะไร ก. ลูกของนาคท่ีถูกงูกดั ตายแล้ว ข. ราชการจะจา่ ยเงินเฉพาะวันนี้ ค. นาคโชคดีทีไ่ ด้เงนิ สองร้อยบาท ง. นาคจะได้นาเงินสองร้อยบาทไปซ้ือยา ๖. ข้อใดกล่าวถูกตอ้ ง ก. ลกู ชายมชี วี ิตอยูเ่ พราะกินตับงปู ้งิ ข. ลูกชายมีชวี ิตอยู่เพราะใชก้ ารรักษาตามความเชื่อ ค. ลูกชายเสยี ชวี ิตเพราะมัวรอเงินท่ีจะไดจ้ ากอาเภอ ง. ลกู ชายเสยี ชีวิตเพราะไม่ได้รับการปฐมพยาบาลและการรักษาอย่างถูกต้อง

อ่านคดิ วเิ คราะหเ์ ร่ืองสน้ั 12 ๗. เร่ืองน้ใี ห้ประโยชน์แกส่ งั คมในเรอ่ื งใด ก. เป็นกระจกสะท้อนใหเ้ ห็นข้อเท็จจรงิ ในชนบททีร่ ัฐต้องเรง่ แกป้ ญั หา ข. เป็นกระจกสะท้อนใหเ้ หน็ ขอ้ ผดิ พลาดในการพัฒนาชนบท ค. เห็นถึงการทางานของเจา้ หน้าทรี่ ัฐไมม่ ปี ระสิทธภิ าพ ง. เหน็ การต่อสชู้ วี ิตคนชนบททคี่ วรเอาอยา่ ง ๘. ขอ้ ใดสะท้อนภาพชนบทห่างไกลทีย่ ังขาดการพฒั นาได้ชัดเจนทส่ี ุด ก. เมื่อถึงบา้ นทุกส่ิงโกลาหลไปหมด วิง่ หาหมอน้ามนต์ หมอยากลางบ้านเทา่ ที่คิดชื่อได้ ข. เกดิ เปน็ ราษฎรชาวนาน้ชี า่ งมแี ตก่ องทกุ ข์ เขาคิด อดอยากปากหมองก็สดุ จะทุกขอ์ ยแู่ ลว้ หนั หนา้ ไปหาเจา้ นายก็มีแตค่ าข่เู ขญ็ ค. มนั จน มันจน ไมม่ เี งนิ จะไปซ้ือผ้าห่ม ถึงจะเหมน็ สาบเหมน็ คาวทง้ั ปีทั้งชาติก็ได้ใช้เมยี นั้น แลว้ ต่างผา้ ห่ม ลกู มนั กห็ ลง่ั ไหลมา ง. โกรธดินฟา้ อากาศซ่ึงมแี ตค่ วามทารณุ ไม่จบสนิ้ เช้าน้ีมนั ยังหนาวเหนบ็ จนถงึ กระดกู แต่ ขณะน้ีกลบั รู้สึกว่าหวั จะแตกเป็นเสย่ี ง ๙. เพราะเหตุใดผู้เขียนจึงตง้ั ช่ือวา่ “เขียดขาคา” ก. เพราะเขยี ดขาคาเป็นตน้ เหตุของปัญหาทั้งหมด ข. เพราะคนอีสานถือวา่ เขยี ดขาคาเป็นสัตวน์ าโชค ค. เพราะเขยี ดขาคาคืออาหารหลักของตวั ละครในเรื่อง ง. เพราะเขียดขาคาเปน็ ตวั แทนของความยากจนแร้นแคน้ ของอีสาน ๑๐. แนวคดิ หลักของเร่ืองคืออะไร ก. ความรกั ของพ่อย่งิ ใหญม่ หาศาล ข. ชาวชนบทยังขาดความรู้ในการดารงชีวติ ค. ประชาชนชนบทยงั ขาดความรูเ้ รื่องกฎหมาย ง. ในชนบทหา่ งไกลประชาชนยังยากจนมาก ถูกกดขี่ขม่ เหงอยูเ่ สมอ ควรไดร้ ับการเหลียวแล ชว่ ยเหลือ

อ่านคิดวเิ คราะห์เรื่องสนั้ 13 บตั รกจิ กรรมอำ่ นคิดวเิ ครำะห์ ๑ คำช้แี จง อา่ นเรื่องสนั้ เรื่อง ข้าวเอ๋ยข้าวโพดแล้วตอบคาถาม ของ นพพร บณุ ยฤทธิ์ เบ้ืองบนท่ีเรียงแถวกันอยู่บนตะแกรงคือข้าวโพดดิบท่ีจะกลายเป็นข้าวโพดสุกหอมหวน จนคนเดินผา่ นท่ีชอบขา้ วโพดป้ิงชาเลืองมอง บางคนหยดุ ซื้อ บางคนก็เพยี งเดนิ ผ่าน มือท่ีจับก้านข้าวโพดให้ได้ไอร้อนสม่าเสมอน้ัน เป็นท่ีกาลเวลาอันยาวนานแต่งเติมเส้นสาย และรว้ิ รอยอันเห่ียวย่นให้ จนเดาอายเุ จ้าของมือได้อยา่ งง่ายดาย ย่ิงมองหน้าเจ้าของมือถนดั ถึงแม้คน ทไ่ี มอ่ ยากกินข้าวโพดปิ้งเลยก็ยงั อยากจะซื้อ เพราะใบหนา้ น้ันเปน็ ใบหน้าของหญิงชราทด่ี ูเสงย่ี ม เจียม ตัวและเศร้าสงบ ร่างเล็กจนดูบอบบาง น่าจะได้อย่เู ป็นมิง่ ขวัญของลกู หลานในเหย้าในเรือนมากกว่าที่ จะมาน่ังป้ิงข้าวโพดขายอยู่หน้าเตาไฟข้างถนน และวันหนึ่งจะขายได้สักก่ีฝัก จะพอ เลี้ยงปาก เล้ียงท้องละหรือ ถ้าปากเดียวท้องเดียวก็คงพอประทัง แต่ถ้าปากท้องที่ต้องหาเล้ียงมีมากกว่าตัวเอง เลา่ ยายหรอื ยา่ คนน้ีจะต้องน่งั กราอยู่กับไอร้อนจากถ่านแดงๆ กบั ฝักข้าวโพดสักวันละกช่ี ั่วโมง กวา่ จะ ไดเ้ อนหลงั อนั เรม่ิ จะค่อมโค้งลงเพ่ือพักผ่อน ละแวกนั้น ข้าพเจ้าผ่านแทบจะทุกวัน และภาพของแม่ค้าข้าวโพดป้ิงที่นั่งหง่อมอยู่กับ การทามาหากนิ เป็นความคุน้ เคยกันสายตาของขา้ พเจ้าอย่างยิ่ง บางวนั มองไปก็จะเห็นข้าวโพดท่ปี ้ิงสุกแล้วเรียงซ้อนกันอยู่ด้านนอกของตะแกรงจนเป็น รั้ว สูง รั้วท่ีบังมือเห่ียวย่นไว้ในทีและอย่างจาใจ เพราะเย็นวันน้ันคงไม่มีใครอยากจะกินข้าวโพดปิ้ง และ นนั่ มนั หมายถึงทุนทีก่ าลังจะขาดลอย กาไรไม่ตอ้ งพูดถึง อุปาทานหรือส่ิงใดก็ตามที วันไหนข้าวโพดป้ิงสุกแล้ววางซ้อนกันมากๆ ข้าพเจ้ารู้สึกเหมือน หน้าเกรียมๆ ของคุณยายคนน้นั แกยง่ิ เศร้า หลังก็ดูเหมอื นจะค่อมโค้งกว่าที่เคยเห็น และถงึ จะไม่ต้งั ใจ เลย ก็อดเขา้ ไปแวะซื้อไม่ได้ เงนิ บาทสองบาทบางทกี ม็ คี า่ ผดิ กันไกลเพียงเปลยี่ นเจา้ ของเสียใหม่เท่านั้น ครั้งแรก ซื้อโดยไม่ต้ังใจ เพียงแต่อยากจะช่วยซ้ือให้ยายแกมีรายได้เท่าน้ัน แต่คร้ังต่อมา ข้าพเจ้ากลับซ้ือด้วยความต้ังใจ เคยเหมือนกัน เคยผ่านไปเสียเฉยๆ ไม่มองไม่ซ้ือ เสร็จแล้วพอ กลับบ้านไอ้เจา้ ความไม่สบายใจไม่รู้ว่ิงมาจากไหน มาเกาะมาก่อกวนอยู่ในความรู้สึก จนวันรุ่งข้ึนต้อง ซอื้ ข้าวโพดของยายเป็นสองเท่า ทัง้ ท่ีแกไม่เคยเรียกร้องหรือเซ้าซี้ให้ซ้ือแกมากๆ เลย ทเี่ คยก็คือขอบ อกขอบใจและยิม้ แย้ม กลุ กี ุจอหยิบข้าวโพดใส่ถงุ ให้อย่างเรยี บร้อยเท่านน้ั นานวันเข้าข้าพเจ้ากับแม่ค้าข้าวโพดคราวยายคนนี้ก็คุ้นเคยหน้ากันมากข้ึน จนถึงกับทักถาม ทุกข์สุข บางวันข้าพเจ้าคงจะหน้าคร่าเครียด จะด้วยทุกข์อกทุกข์ใจอะไรก็แล้วแต่ พอเห็นหน้าแทนที่ แกจะเรยี กให้ซ้อื ขา้ วโพด แกกลับทกั ว่า

อา่ นคดิ วิเคราะห์เรื่องสั้น 14 “ไมส่ บายรไึ งพ่อคุณ หนา้ คล้าเชยี ว เปน็ ไข้เปน็ หนาวละก็รีบหายากินเสียนะ เด๋ยี วจะเปน็ มากไป” มิหนาซ้ายงั แนะนาอีกเสียว่า “เปน็ ไขล้ ะก็อยา่ กนิ ขา้ วโพดเลย มันถะแหลงไข้” ก็นั่นมนั เป็นเครอื่ งยังชีพของยายแท้ๆ ถูกละถึงข้าพเจ้าจะซ้ือไม่เกนิ สองบาท แต่เงินสองบาท ที่แกตอ้ งน่งั ทางานเปน็ นานกว่าจะได้ มนั กย็ ่อมมีค่าเป็นธรรมดาแกกลบั ยอมขาดรายได้ หัวใจของข้าพเจ้ามันพร้อมอยู่แล้วที่จะหลงรักผู้เฒ่าผู้แก่ ไม่ว่าจะคราวป้าหรือคราวยาย พอ ได้รับน้าใจจากยายข้าวโพดคนน้ีเข้า ข้าพเจ้าจึงมีความรู้สึกเหมือนแกเป็นญาติผู้ใหญ่ที่ตกยาก ความเวทนาส่งสาร ความห่วงใยจึงเกิดข้ึนเหมือนเงาตามตัว และข้าพเจ้าจึงเรียกแกว่ายายได้อย่าง สนทิ ปากสนิทใจ ถ้าแกช่างพูดสักหน่อย หรือชอบราพันถึงตัวเองหรือลูกหลานอย่างคนแก่ทั้งหลายที่ยังต้อง ทามาหากินเป็นส่วนมาก ข้าพเจ้าก็คงไม่ต้องเสียเวลาตะล่อมถามเป็นระยะอันเน่ินนานเลย ว่าชีวิต ส่วนตัวของแกลาเค็ญเพียงไหน แต่เพราะแกพูดน้อยเหลือเกิน และแกก็ไม่เคยพูดถึงตัวเองเลย ช่าง เป็นคนแกท่ เ่ี งยี บขรึมจนข้าพเจ้าเกรงใจ แต่ก็ซักถามถึงชวี ิตส่วนตัวของแกจนได้ “...พ่อไอ้หนูเขาตายไปนานแล้ว ต้ังแต่ไอ้หนูได้เจ็ดขวบ อิฉันก็เล้ียงเขามาด้วยน้าพักน้าแรง ทาขนมขายม่ัง ขายผักปลาในตลาดมั่ง ไอ้หนูมันก็ดี ขยันเรียนหนังสือไม่เคยสอบตกสักช้ันเดียว งานค้าขายมันก็ชว่ ยแม่ทกุ อย่าง ได้อาศัยเตม็ ที่แหละลกู คนน.ี้ ..” “เดย๋ี วอีหนู ฝักนยี้ ังไม่สกุ ดี เด๋ยี วเอ็งจะท้องขน้ึ รอกะเดย๋ี วนะ” “คุณว่าไงนะคะ อ๋อ...เขาดีจริงๆ ค่ะคุณ รักแม่เอาใจใส่แม่สารพัด จะกินจะอยู่อะไร ก็เป็น ต้องนึกถึงแมก่ ่อนเสมอ อิฉันก็เห็นวา่ เขารักหนังสอื รักการเรียน ก็อยากจะส่งเสียให้ถึงที่สดุ สองคนแม่ ลกู ตะเกยี กตะกายชว่ ยกนั หากิน ก็สง่ เสียเขามาไดจ้ นจบชน้ั หก” “เอ้า...นี่ตังค์ทอนนะ ฝักละห้าสิบ ยายทอนไปห้าสิบกาไว้ดีๆ เดี๋ยวจะตกหายเสีย คอ่ ยกินล่ะ มันยงั รอ้ นอยู่” “เขาอยากเรยี นต่อ อฉิ นั รู้ ยงั บอกเขาว่าเอาเถอะแม่จะพยายามสง่ เสีย แตเ่ ขาว่าเขาเรยี นแคน่ ้ี กพ็ อแล้ว พอจะหางานทาได้ ลูกผู้ชายถ้าขยันไอ้เร่ืองอดตายเป็นไม่มี เขาชอบทางต้นไม้นะไอ้ลูกคนน้ี แล้วก็มือข้ึนเสียด้วย ที่บ้านอิฉันเขาปลกู ต้นไม้ดอกไม้ไว้เต็ม พริก ข่า ตะไคร้ โหระพา ก็ปลูก แล้วก็ใช่ วา่ จะปลกู ใส่กระถางดบิ ดี ชามร่ัวๆ กระปอ๋ งน้ามันอะไรอย่างง้ี เอามาทาแทนกระถางได้ทงั้ นนั้ พอค่าลง มะลทิ ี่ปลูกไวใ้ นอ่างใบโตสง่ กล่ินหอมฟุ้ง ก็สุขสบายดีตามประสายากจนสองคนแม่ลูก ถา้ เขาเทย่ี วเป็น พาลเกเร ริทางนักเลงหรือกินเหล้าเมายา อิฉันคงอกแตกตายเสียแล้ว บุญเหลือเกินที่ลูกไม่มีนิสัยทาง นัน้ เลย บุญของเขา” “ห้าฝักสองขายไม่ได้หรอกคุณ ข้าวโพดมันแพงเหลือเกิน อิฉันรับเขามาก็ฝักละสี่สิบแล้ว เจ้าประคณุ ”

อา่ นคดิ วเิ คราะห์เร่ืองส้นั 15 “เพื่อนฝูงเขามาก แล้วเพื่อนก็รักทุกคน คนนั้นคนนี้ชวนไปทางานท่ีโน่นท่ีน่ี ไอ้หนูของดิฉัน เขาเลือกไปกับเพื่อนท่ีทาไร่อยู่ทางปากช่อง เขาว่าเขาชอบทางทาไร่ทาสวน ได้โอกาสแล้วก็จะไป ทางาน ฝึกงานกับเพอ่ื นเสียกอ่ น ปะเหมาะเคราะห์ดกี อ็ าจจะได้มีทีม่ ีไร่กะเขาบ้างก็ได้” “ชอบเกรียมๆ เอาฝักนี้ซิคะ วันนี้ขา้ วโพดอ่อนท้งั น้ัน ทิ้งเอาไว้จนเย็นก็ไม่แข็งกระด้าง ฝักละ ห้าสิบค่ะ อย่าต่อเลย แม่คุณ” “อิฉันน่ะ จนลูกโตเป็นหนมุ่ ก็อดห่วงไม่ได้ ตามไปดูจนเห็นว่าเขามีที่อยู่ที่กินพอสบายแล้ว ถึง ได้กลับมาขายผักในตลาดตามเคย เหงาน่ะมันก็เหงาบ้าง แต่อาศัยท่ีว่าคนแถวห้องเคยเห็นหน้ากันมา นาน เด็กเล็กลูกเขาแถวน้ันก็ได้พึ่งพาอาศัยให้ค่าขนมมันมั่งอะไรมั่ง จนกระท่ังไอ้หนูเขาได้เงินเดือน เป็นกอบเป็นกาเขาก็ส่งมาให้ เขาลงมาเย่ียมแม่เสมอแหละค่ะ งานการก็ก้าวหน้าข้ึนไปเร่ือยๆ ทีแรก เป็นคนงาน อาศัยตัวเรียนสูงหน่อยแล้วก็ชอบทางนี้อยู่แล้วก็เลยเล่ือนเป็นหัวหน้า เงินทองก็พอมีเก็บ งา อฉิ ันกพ็ ลอยสบายขนึ้ บ้าง” “ดซู ิคะคุณ เวลาซ้อื เราก็เหมาเขามานับฝักขาย ฝักละสสี่ ิบรวด จับๆ ดูกว็ ่าเมด็ โตดีแน่นดี พอ ปลอกเปลอื กออก มันกรอ่ น มันหา่ ง เหน็ แต่ซงั ใครเขาก็ไม่ซ้อื ขาดทนุ ไปอีก” “เขาอยู่ที่ไร่น่ันไม่ก่ีปีก็เก็บเงินซ้ือท่ีได้ ผ่อนส่งอยู่หลายปีเหมือนกันกว่าจะหมด พอเขาเป็น เจา้ ของไร่เอง ชกั จะมีหลักฐานก็มารบั แม่ไปอยู่ด้วย อฉิ ันเลยเลกิ ขายของ ข้ึนไปอยู่กับลูกทากบั ข้าวกับ ปลาดูแลบ้านช่องให้เขาตามประสาหมายจะฝากผีฝากไข้กับลูก ก็มีกันสองคนเท่านั้น หลานอิฉันก็ น่ารักน่าเอ็นดู แม่เด็กเป็นคนพื้นน้ัน หน้าตาเขาก็ดีหรอกผิวพรรณสะอาดสะอ้านแล้วก็รักผัวรักลูก เหลือเกนิ บญุ ของไอ้หนูเขา” “อ้าวอีหนู อยากกินล่ะซิ เอ้า...ยายให้ เอาฝักท่ีจะแถมเขาเนี่ยแหละ ฝักดีๆ เอาไว้ขายเขา กาไรมันนอ้ ยเต็มที ข้าวโพดปนี ้มี นั แพงเหลอื ใจ เจา้ ประคณุ เอย๋ ...” “คุณว่าไงนะคะ อ๋อ...ทาไมอิฉันไม่อยู่กับลูกชาย ก็เขามีครอบครัวเป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว ถึงอิฉัน จะเป็นแม่ แต่กไ็ ม่อยากใหล้ ูกร้อนใจเพราะเร่ืองไม่เป็นเรื่อง เม่อื ลูกสะใภ้เขารงั เกียจนักจะอยูใ่ ห้ผัวเมีย เขาขุ่นใจกันทาไม เร่ียวแรงมีแค่ไหนก็ทาแต่พอกิน ปากเดียวท้องเดียวจะยากลาบากอะไรหนักหนา อีกไม่กี่วันก็คงส้ินเวร คิดเสียอย่างน้ีอิฉันก็เลยไม่กลับไปพึ่งพาอะไรเขาอีก เงินทองท่ีเขาเคยให้ไว้ก็ยัง พอมีไว้พอทาทุนค้าขาย แต่เดี๋ยวนี้หาบคอนไม่ไหวแล้วคุณ ออกมาป้ิงข้าวโพดขายอย่างนี้มันไม่ค่อย เหนอ่ื ย นีก่ จ็ ้างเดก็ แถวบา้ นมันหาบมาส่ง ขากลับก็หาบกลับให้ หาบเองไมไ่ หวเสยี แลว้ ” “พอกลับมาเท่ียวหลังน้ี อิฉันก็เลยย้ายไปอยู่ที่อื่น ลูกเขาก็ไม่มาหาก็จะได้คิดเสียว่าเขาหา บา้ นไม่ถกู เขากค็ งไม่มาหรอก งานมันมาก คดิ ถึงเขากไ็ ด้แต่คิด น่ีสั่งขา้ งบา้ นเขาไว้ว่า ถ้าอิฉันสนิ้ ลมไป กจ็ ดหมายถึงเขา เหลือแตซ่ าก ลูกสะใภเ้ ขาคงไมร่ งั เกียจหรอก ยังไงก็เผาผีแมห่ นเดียวเท่านัน้ ” “คุณว่าจดหมายจะไม่ถึงลูกอิฉันน่ะหรือคะ โอย...ถึงค่ะคุณ หน้าไร่เขามีป้ายอันใหญ่บอกไว้ ลงจา่ หนา้ วา่ นายประเสริฐ เจ้าของไร่จาเริญ เป็นถึง...” “ลูกยำยเขำทำอะไรนะ ทโ่ี น่นน่ะ” “ไรข่ ้ำวโพดคะ่ คณุ เขำเปน็ เจ้ำของไร่ขำ้ วโพด”

อ่านคดิ วิเคราะห์เร่ืองส้ัน 16 คำชแี้ จง ตอบคาถามต่อไปน้ีให้ถกู ต้อง ๑. แกน่ ของเร่ือง ข้าวเอย๋ ข้าวโพดคอื อะไร ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... ๒. จากเร่อื ง ขา้ วเอ๋ยข้าวโพด ให้นักเรียนบอกลักษณิสยั ของยายว่าเป็นอยา่ งไร ................................................................................................................................................... ............. ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................... ................................................................. ............................................................................................................................. ................................... ๓. “กเ็ ขามคี รอบครัวเป็นฝัง่ เป็นฝาแล้ว ถึงอฉิ นั จะเป็นแม่ แตก่ ไ็ มอ่ ยากให้ลกู ร้อนใจ เพราะเร่อื งไม่ เปน็ เรื่อง เม่ือลกู สะใภ้รงั เกยี จนกั จะอยู่ให้ผัวเมียเขาขุ่นใจกันทาไม.....” คาพดู ของยายก่อใหเ้ กิดอารมณ์ใดกับผู้อา่ น ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ..................................................................................................................................... ........................... ....................................................................................................... ......................................................... ............................................................................................................................. ................................... ๔. นักเรียนคิดว่า เหตุใดยายจึงเลือกที่จะดารงชวี ิตอยู่ด้วยการปิง้ ขา้ วโพดขาย ............................................................................................................................. ................................... ......................................................... ............................................................................................ ........... ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... ๕. แงค่ ดิ ใดท่ผี ูเ้ ขียนต้องการนาเสนอจากเร่ือง ข้าวเอย๋ ขา้ วโพด ..................................................................................................................................................... ........... ........................................................................................................................ ........................................ ............................................................................................................................. ................................... ...................................................... ............................................................................................... ........... ............................................................................................................................. ...................................

อ่านคิดวิเคราะห์เรื่องสัน้ 17 แนวคำตอบ บัตรกิจกรรมอำ่ นคดิ วิเครำะห์ ๑ ๑. แก่นของเรื่อง ขา้ วเอ๋ยขา้ วโพดคืออะไร การแสดงความรักและความผูกพนั ของแมท่ ี่มตี อ่ ลูก ๒. จากเรือ่ ง ขา้ วเอย๋ ขา้ วโพด ให้นักเรียนบอกลกั ษณะนสิ ยั ของยายวา่ เปน็ อยา่ งไร มีเมตตา โอบอ้อมอารี สภุ าพอ่อนโยน เงยี บขรึม พดู น้อย เขม้ แข็ง เด็ดเดยี่ ว ๓. “กเ็ ขามคี รอบครวั เป็นฝง่ั เป็นฝาแลว้ ถึงอิฉนั จะเปน็ แม่ แต่ก็ไมอ่ ยากให้ลูกร้อนใจเพราะเรื่องไม่เปน็ เร่อื ง เม่ือลกู สะใภ้รงั เกยี จนกั จะอยใู่ ห้ผัวเมียเขาขุน่ ใจกันทาไม.....” คาพูดของยายก่อใหเ้ กิดอารมณใ์ ดกบั ผู้อ่าน อารมณ์สะเทือนใจ ๔. นกั เรียนคิดว่า เหตใุ ดยายจงึ เลอื กทจ่ี ะดารงชีวติ อยู่ด้วยการปิ้งข้าวโพดขาย เพราะยายยังคงผูกพนั อยู่กับลูกชายอยูเ่ สมอ ยายจึงอาศยั “ข้าวโพด” เป็นเครอื่ งโยงความรัก และคดิ ถงึ ๕. แง่คดิ ทผ่ี ู้เขยี นต้องการนาเสนอจากเรื่อง ข้าวเอย๋ ขา้ วโพด กระตุน้ สานึกผอู้ ่านท่ีเปน็ ลูก ให้ทบทวนบทบาทของตวั เองท่ีมตี อ่ พอ่ แม่ เก่งมาก... อา่ นเรอ่ื งยาวๆ ได้แล้ว

อา่ นคดิ วิเคราะหเ์ ร่ืองส้ัน 18 บัตรกิจกรรมอ่ำนคิดวเิ ครำะห์ ๒ คำชแ้ี จง อ่านเรอ่ื งสั้นเร่ือง ซิ่นไหมผืนเก่าๆ แลว้ ตอบคาถาม ซน่ิ ไหม ผืนเก่ำๆ ของ ฮุ่งอะลุน แดนวิไล “แมเ่ อย้ แม.่ .. แมเ่ อ้ย...” “อะไรกัน เอ็งทาไมตาลีตาเหลอื กมา ไอ้เปย๊ี ก” “เขามาหาซอื้ ซิน่ เก่า เขาว่าถ้าไมอ่ ยากขาย ก็แลกกะซิ่นผืนใหม่ ๆ ก็ได!้ ” ลกู ชายคนเล็กว่ิงตาลีตาเหลอื กมาทั้ง ๆ ยงั หอบกระเส่ารีบรายงานแม่ “อยูไ่ หน ท่ีเอง็ วา่ จริงเปลา่ วะ” “จรงิ ๆ แม่ โนน่ อยตู่ รงโน้นไง!” ไมร่ ีรอ ลูกชายตัวกะเปี๊ยกลากแขนแม่ไปที่รถกระบะคนั หนึ่งที่จอดอยู่ตรงปากทางเข้าหมู่บา้ น ซ่งึ มกี ลุ่มชาวบา้ นกาลงั มุงกนั เต็มราวกบั มงี านบญุ นานแล้ว ท่ีแม่ไม่ได้ซ้ือซิ่นผืนใหม่ใส่เหมือนชาวบ้านชาวเมืองเขา แม่คิดว่าตัวเองนั้นแก่ชรา มากแล้ว ใส่อะไรก็ใส่ ๆ ไป เกบ็ เงินไว้ซอ้ื ให้ลูกเตา้ ใส่ และสง่ เสริมให้ลูกไดเ้ ล่าไดเ้ รยี นหนังสอื หนังหา ดีกว่า เร่ืองน้ลี ูกสาวคนโตก็เคยเตอื นออกบ่อยไปว่า “แม่ควรจะซอื้ ซ่นิ ผนื ใหม่ ๆ มาใชส้ กั ผืนนะ!” ลกู สาวคนโตช่ือ “นวล” กาลังเรียนที่โรงเรียนวิจติ รกรรมปีสุดท้าย ส่วนลูกชายคนเล็กก็เรียน โรงเรียนประถม เม่ือพูดถึงนวลน่ีก็เกือบจะถึงเดือนแล้ว ท่ียังไม่เห็นหน้ากลับมาเย่ียมบ้าน ตามปกติ นวลจะกลับมาเยี่ยมแม่ทุกอาทิตย์ หรือถ้านานหน่อยก็ไม่เกินสองอาทิตย์ นวลมันก็จะกลับมาเย่ียม บา้ นทหี น่งึ แม่สงั เกตดูซน่ิ ผืนใหม่ๆ ที่เพื่อนบา้ นกาลังเลือก พลางนึกถึงคาพูดของลูกสาวแล้วทาให้รู้สึก วา่ ใจสดชื่นข้ึนมาทันที แม่พินิจดูดีๆ แล้วเห็นว่า ซิ่นไหมที่ชาวบ้านเอามาขายหรือแลกเปล่ียน กับซ่ิน ผนื ใหม่น้นั มันเก่ามาก เกา่ จนขาดกม็ ี แม่ตัดสนิ ใจกลับบ้าน เปิดเอาซนิ่ ไหมผืนเก่า ๆ ออกมาจากหีบ ซ่นิ ผนื น้ีเป็นซิ่นท่ีแม่ของแม่เป็น คนทอและเอามาฝาก ถึงมันจะเก่าก็ยังไม่ขาด ยังดูเป็นเงางาม แม่เคยสวมใส่แต่ครั้งยังเป็นสาว พอได้ สามีกเ็ อาเก็บไว้ในหีบและไมเ่ คยใสม่ นั อีกเลย แม้แต่ลกู ทงั้ สองคนก็ไม่เคยรดู้ ว้ ยซ้าว่าแม่มซี ิ่นผืนน้ี แม่ถอื ผ้ากลบั มาหาพ่อค้าเร่ มีเพื่อนบา้ นหลายคนทยอยกันเอาผา้ ซนิ่ เกา่ มาแลกผืนใหม่ พ่อคา้ เรม่ องผา้ ซ่ินท่แี มถ่ อื มา แลว้ พูดวา่ “ผนื นี้ยงั ไมข่ าด แต่เก่ามากแลว้ ขอสามพันกบี ขายมัย้ ” “ไมข่ าย! แม่ไม่ขาย แมข่ อเปลี่ยนกับซ่ินผนื ใหม่”

อ่านคดิ วิเคราะห์เรื่องสน้ั 19 “ราคาซนิ่ ผืนใหมน่ ้ีส่ีพันกีบ แต่ไม่เป็นไรหรอก ถือเสียว่าลูกเขยตามนโยบายใหม่มอบให้ แม่ ยายเปน็ พเิ ศษกแ็ ล้วกนั มลี ูกสาวมั้ยละ่ แม่ยายน่ะ” เม่อื รับเอาซ่นิ ผืนใหม่มาแล้ว แมก่ ็ไมล่ มื กล่าวขอบอกขอบใจชายคนท่ีย่ืนผ้าซนิ่ ให้ “แมข่ อขอบใจพวกลูกหลานหลายๆ ทีเ่ ห็นอกเหน็ ใจคนเฒา่ คนแก่ ตรี าคาซ่นิ ผนื เก่า ๆ เท่ากับ ซน่ิ ผนื ใหมท่ มี่ ีราคาต้งั สามสพี่ ันกีบนะ่ ” คนื น้ัน แม่นอนไมห่ ลบั ตลอดคืน แมอ่ ยากให้ลกู สาวคนโตกลบั มาเยยี่ มบา้ นเรว็ ๆ จะได้อวดซ่ิน ผืนใหม่ แม่คิดว่านวลจะต้องดีใจมากท่ีเห็นแม่มีซิ่นผืนใหม่ใส่เหมือนชาวบ้านชาวเมืองแล้ว แม่ยังนึก ขอบคุณคนทม่ี ากับรถกระบะคันนัน้ เขาเข้ากับคนได้งา่ ย ชา่ งพูดช่างจาน่าฟงั ถึงไม่เคยเห็นหนา้ คา่ ตา กันมาก่อนก็ตาม สมควรลดให้ก็ลด สมควรจะแจกจะแถมก็ให้ ช่างเปน็ คนมีนา้ ใจเหลือเกิน แม่จะต้อง เลา่ เรือ่ งนใ้ี ห้นวลฟังอย่างแน่นอน เมือ่ ถงึ เยน็ วันตอ่ มา นวลกลับมาเยี่ยมบ้าน วนั นี้ร้สู กึ วา่ เธอมีใบหน้าที่สดใสผดิ ปกติจนแม่นกึ สงสัยวา่ “หรือวา่ เจ้า เปีย๊ กมันแอบบอกพส่ี าวมนั แลว้ วา่ แมไ่ ดซ้ ่ินใหม่” เมื่อเห็นแม่มีสีหน้าสงสัย นวลก็คิดว่าแม่ข้องใจท่ีสองอาทิตย์ก่อนน้ันเธอไม่ได้กลับบ้าน นวล รีบอธิบายให้แม่เข้าใจทันทีว่า ท่ีเธอไม่ได้กลับมาเยี่ยมบ้านก็เพราะเธอช่วยงานนิทรรศการแสดงภาพ จิตรกรรมของกระทรวง ซงึ่ บดั นง้ี านดงั กล่าวไดเ้ สร็จผ่านพ้นไปแล้ว “ลูกยังได้นาภาพจิตรกรรมสามภาพเข้าร่วมแสดงครั้งน้ีอีกด้วยนะแม่ แม่เห็นไหมว่าผู้หญิงก็ สามารถมีสว่ นรว่ มช่วยเหลอื สังคมได้เชน่ กัน!” ครตู่ อ่ มา นวลไดล้ ว้ งเอาหอ่ ห่อ หน่งึ ออกมาอวดแม่ “แมเ่ อย้ ...แมท่ ายดซู ิวา่ ลกู ได้อะไรมาน่ี” แม่ยังไม่เอ่ยตอบ นวลรีบเปิดห่อกระดาษนั้นออกมา จนทาให้แม่นิ่งอ้ึง ตะลึงอยู่ตรงน้ัน เพราะในห่อ กระดาษน้ันมซี นิ่ ไหมเกา่ ๆ ผนื หน่งึ “ลูกเห็นเขาวางขายอยู่ตลาดเช้า พอดีตอนนี้ ลูกขายภาพจิตรกรรมช้ินแรกได้ ลูกเลยซ้ือเอา ซนิ่ ผืนน้ี สามรอ้ ยบาทเทา่ นัน้ เอง แถมมคี นใหล้ ูกต้ังส่ีร้อยบาทแล้วนะ แม่ไม่รู้เรอะ ถ้าเก็บเอาไวข้ ายให้ คนไทยอาจจะได้ถึงห้าร้อยบาทโน่นแน่ะ แต่จะไปตีเป็นราคาก็ไม่ได้ดอกแม่ มันอยู่ที่คุณค่าทางศิลปะ นน้ั ตา่ งหาก เพราะมันคือศลิ ปะอันวิจติ รงดงาม และกเ็ ปน็ ฝมี อื ของผหู้ ญิงลาวไดป้ ระดิษฐค์ ิดสรา้ งสรรค์ ข้นึ มา กลายเปน็ สมบตั ิชิ้นหน่งึ ของชาตลิ าวเรา ที่สามารถอวดอ้างในระดับสากลได้” “หา้ ร้อยบาทของลูก มนั เปน็ เงนิ กบี เราเทา่ ไรละ่ ” แม่อดถามไม่ได้

อ่านคิดวเิ คราะห์เร่ืองสัน้ 20 “หน่ึงหม่ืนส่ีพันกีบโน้นแหละแม่ แต่ลูกไม่ขายดอก ลูกไม่อยากให้ของดี ๆ ชิ้นนี้สูญหายไป จากผืนดินลาว ลูกจะเก็บรกั ษาไว้ เก็บไว้เป็นมรดก เปน็ ต้นแบบหากลูกอยากทอผ้าซนิ่ ถา้ แมอ่ ยากจะ ใสก่ เ็ อาไปใส่ได้เลยนะ งามวจิ ิตรจริง ๆ ดลู วดลายของมันสิ ไหมลว้ น ๆ ของแทเ้ ลย ดสู ิแม”่ หยาดน้าตาของแมค่ อ่ ย ๆ เอ่อไหลซมึ ออกมา แม่พดู ไม่ออก กัดฟนั กล้นั ความค่ังแค้นเอาไว้ แม่จาได้แม่นวา่ ซ่ินไหมเก่า ๆ ผนื นี้ ก่อนหนา้ นเ้ี พียงวนั เดียวมันยงั นอนอยู่ในหีบของแม่ คำช้แี จง ตอบคาถามต่อไปน้ีให้ถูกต้อง ๑. เหตผุ ลสาคัญท่ผี ู้เปน็ แม่ในเร่ืองตดั สินใจแลกเปลยี่ นซ่ินไหมผืนเกา่ กบั พอ่ คา้ เร่คืออะไร ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................... ................................................................. ............................................................................................................................. ................................... ..................................................................................................................................................... ........... ๒. ข้อเสียของตัวละครทีเ่ ป็นแมค่ อื อะไร ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................... ................................................................. ............................................................................................................................. ................................... ๓. นักเรียนคิดว่านวลเปน็ ตัวอย่างท่ีดีในเรอ่ื งใด ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ๔. จากเรอื่ งซ่นิ ไหมผนื เก่าๆ นักเรียนได้ขอ้ คิดทจ่ี ะนาไปปรับใช้ในชีวิตประจาวันอยา่ งไร ............................................................................................................................. ................................... .................................................................................................................................................. .............. .................................................................................................................... ............................................ ๕. ผู้เขียนต้องการส่ือให้ผูอ้ ่านเหน็ ความสาคัญของส่งิ ใด ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... .......................................................................................... ........................................................... ........... ............................................................................................................................. ...................................

อ่านคิดวิเคราะหเ์ รื่องสัน้ 21 แนวคำตอบ บตั รกจิ กรรมอำ่ นคิดวิเครำะห์ ๒ ๑. เหตุผลสาคญั ทีผ่ ู้เปน็ แม่ในเรือ่ งตัดสนิ ใจแลกเปล่ียนซิ่นไหมผืนเกา่ กบั พ่อคา้ เรค่ ืออะไร เพราะนึกถงึ คาพูดของลกู สาวคนโตคอื นวลท่ีอยากให้แม่ซ้ือซ่ินผืนใหม่ ๒. ขอ้ เสยี ของตัวละครที่เปน็ แมค่ ืออะไร เชื่อคนง่ายจึงถูกพอ่ ค้าเร่ซื้อซ่ินไหมในราคาถูก ๓. นกั เรยี นคดิ ว่านวลเปน็ ตวั อย่างท่ดี ีในเร่อื งใด การรกั ชาตแิ ละเป็นนักอนุรักษน์ ยิ ม จะเหน็ ไดจ้ ากการที่นวลซ้อื ซิ่นไหมเกา่ ๆ เพราะเห็นว่าเปน็ ฝมี ือของผู้หญิงลาว ๔. จากเรอื่ งซิ่นไหมผืนเก่าๆ นกั เรยี นได้ขอ้ คิดทจ่ี ะนาไปปรับใช้ในชีวติ ประจาวนั อย่างไร กอ่ นที่เราจะทาอะไรน้นั เราก็ควรจะตัดสนิ ใจให้รอบคอบก่อนเพราะอาจจะทาให้เราเสียใจ ภายหลงั เหมอื นกบั ตวั ละครทเ่ี ป็นแม่ ๕. ผ้เู ขยี นตอ้ งการสื่อให้ผอู้ า่ นเหน็ ความสาคัญของสิ่งใด กระต้นุ ให้ผู้อ่านอนรุ ักษ์ศิลปวัฒนธรรมของชาติ ยำกไหมเอ่ย.. อดทนและต้ังใจ

อ่านคิดวเิ คราะหเ์ ร่ืองสัน้ 22 บัตรกจิ กรรมอ่ำนคิดวิเครำะห์ ๓ คำชี้แจง อา่ นเร่ืองสัน้ เรื่อง ใบผ้ ชู้ นะที่แท้จรงิ แลว้ ตอบคาถาม ใบ.้ ..ผชู้ นะท่แี ทจ้ ริง ของ อัศศิริ ธรรมโชติ ใบ้ย่ิงวิ่งเข้ามาใกล้ เสียงร้องเรียกก็ย่ิงดัง พวกเด็กต่างลิงโลดกระโดดเต้นกันขวักไขว่ จนพวก ผใู้ หญ่เองต้องส่งเสยี งเรียกใบ้และปรบมือกันกราวไปพร้อมกับเด็กๆ ดว้ ย... “ฮลั โหล ฮลั โหล! หนึ่ง สอง สาม...” เสยี งจากเครื่องขยายเสยี งตรงเสน้ ชัยสแี ดงดงั กงั วาลข้ึน.. “โปรดอย่าเข้าใจผิด นายใบ้ท่ีกาลังนาหน้ามานนั้ ไม่เกี่ยวกับการวิง่ แขง่ มาราธอนคร้งั นี้นะครับ เน่ืองจาก...” ฯลฯ ใบว้ ิง่ ใกลเ้ สน้ ชัยเขา้ มาทุกขณะ แต่คราวน้ีเสียงเงยี บจนได้ยินเสยี งหอบหายใจของใบเ้ อง... ผมต่ืนเช้ามืดทุกวันเพราะถูกยายบังคับให้ตักบาตร ถนนริมทะเลหน้าบ้านเมื่อฟ้าสลัวลัวราง จะเห็นพระเดินเรียงกัน...มาแต่ไกลๆ น้ัน คล้ายกับเส้นสายสีเหลืองที่เคลื่อนพล้ิวอยู่ข้างหน้า ขณะท่ี ลมอ่อนโยนพัดคล่ืนสีน้าเงนิ เข้าหาฝ่ังสีขาว แต่ผู้ที่มาก่อนพระจะเปน็ กลุ่มคนที่แต่งชุดสีเขียว พวกเขา มากับฝุ่นฟุ้ง และเสียงดังเป็นจังหวะทั้งจากรองเท้าที่กระทบพ้ืนถนนและเสียงเพลงจากปากที่ร้อง ออกมาพร้อมๆ กนั พวกนีเ้ ปน็ ตารวจพลรม่ จากคา่ ยฝกึ เหนือหมบู่ ้าน วันน้ีตารวจพลร่มเคล่ือนผ่านผมไปแล้ว ... และ “ เจ้าสายสีเหลือง ” ก็ค่อยปรากฏขึ้น ตรงหัวโคง้ ถนน “ยาย...” ผมเอะใจรอ้ งบอก “วนั น้พี ระมาองคเ์ ดยี ว...” “ไมใ่ ชห่ รอกอา้ ยหนู...” ยายโผลห่ น้าต่างชั้นบนบอกลงมา“นัน่ มันใครกไ็ ม่รู้ วง่ิ มาคนเดยี ว” เขาวง่ิ ใกล้เขา้ มาดว้ ยเท้าเปลา่ ไม่มเี สียง นุง่ กางเกงขาส้ันสเี หลืองจวี รพระ และเสื้อยืดคอกลม สเี ดยี วกนั ได้ยนิ แตเ่ สยี งหอบหายใจในความสงัดยามเชา้ มดื “ใบ!้ ...”ผมทกั เขาเมอ่ื เห็นตวั แจ่มชัดแล้ว... “ใบจ้ ะว่งิ ไปไหนนะ่ ” ใบ้ไม่ยอมหยุด โบกมือไหวๆ วิ่งผ่านหน้าผมไป ยิ้มปากแห้งฟันขาว แววตาเลิ่กล่ัก พลางก็ใช้ เสยี งแบะ แบะ เหมือนอย่างท่เี คยไดย้ นิ “อา้ ยใบ้มันซ้อมวงิ่ น่ะลูก” ยายบอกพร้อมหวั เราะอย่างเหน็ ขัน ก่อนจะหันกลบั เข้าบา้ นไป ใบเ้ ป็นหนุม่ ร่างลา่ สัน ผิวเผือกเป็นฝรงั่ ผมหยิกหยอยก็ออกสแี ดงดาราวกบั เปลอื กไม้ย้อม ความผดิ ปกติของเขาเปน็ มาแต่เกดิ ลิน้ ไก่สนั้ หคู ่อนข้างหนวก ต้องพูดตรงหนา้ ถึงไดย้ ิน ใบ้ฟงั คนพดู รู้ เร่อื งแตต่ ้องทามือไม้ประกอบ คนคยุ ด้วยตอ้ งจบั คาทเี่ ขาเปลง่ ออกมาสั้นๆ และตะกกุ ตะกกั ลน้ิ พนั รัว เสยี งอ้อแอ้อยใู่ นลาคอลกึ เวลาอารมณด์ ีจะยิ้มแย้มและให้เสียง แบะ – แบะ เป็นการทักทายคน คุ้นเคยแต่ถ้าเขาน่ังนง่ิ เฉย คนแปลกหน้าจะไมร่ ู้วา่ เขาคอื คนพิการ

อ่านคดิ วเิ คราะห์เร่ืองสน้ั 23 ชีวิตของใบ้ สาหรับเด็กๆ อย่างผม คล้ายกับเสียงคลื่นขับกล่อมและเป็นเหมือน “ของเล่น” เพือ่ ความสนกุ เพลิดเพลนิ และสรา้ งเสยี งหวั เราะ แบะ – แบะ เสียงเด็กๆล้อเลียน ใบ้ได้ยนิ ก็จะย่อตัวต้ังท่าวิ่งไล่กวด “เดี่ยว - เคก - หัว - เลย...” ใบ้ว่า พร้อมกับงอมือเตรียมพร้อม ครั้นได้เห็นเด็ก ๆ แตกฝูงว่ิงหน้าต้ังกันไปก่อน เขากลับยืน หัวเราะเฉยหรือถ้าหากว่าเขาออกไล่กวดไปจริงๆ เด็กสักคนว่ิงหนีเกิดหกล้มร้องไห้ เขาก็จะเข้าไปอุ้ม ปลอบด้วยเสียงอ้อแอ้ พวกเรารู้ว่าใบ้เป็นคนใจดี จึงย่ามใจล้อเขาบ่อย เรียกเขาว่าตาใบ้บ้าง อ้ายใบ้ บา้ ง บางทกี ็ใบเ้ ฉยๆ แตเ่ ขาไม่เคยโกรธสักครง้ั ถา้ อารมณไ์ ม่ดเี ขาก็จะไม่เลน่ ดว้ ย เดินหนีไปเสยี ที่อน่ื พวกเรา เด็กๆ รู้สึกว่าใบ้เป็น “ของเรา” ในหมู่บ้านริมทะเลเล็กๆ แห่งน้ี ใบ้เหมือนน้าเค็ม เมด็ ทรายเหมอื นกบั ว่าวสีสวย และเหมือนกับผีเสื้อ แมงทบั ทเี่ ราจบั มาเลน่ กนั ยายนุน่ ผเู้ ป็นแม่ของใบ้บน่ กับยายของผมในวนั หนง่ึ ไดย้ นิ ว่า... “โฮ้ย...อ้ายใบ้ของข้าน่ะ มันอยากจะเป็นทุกอย่างแหละ เห็นเขาชกมวยกัน มันก็ไปซ้อมกับ เค้าด้วย หน้าตาบวมกลับมา ก็มันใบ้บ้าอย่างน้ัน จะไปสู้ใครเคา้ ได้ เห็นเขาบวชพระมันก็อยากจะบวช เห็นเพ่ือนเป็นทหารมันก็อยากจะเป็น ตอนเค้ารับสมัครตารวจพลร่ม มันก็จะตามไปสมัครกบั เค้าด้วย ข้าต้องบอกว่าใบ้เอ๊ย คนอ่านหนังสือไม่ออกเค้าไม่เอาหรอก แต่มันด้ือนะ ด้ืออย่าบอกใครอ้ายน่ี เฮอ้ ...! เวรกรรมชาติก่อนมนั คงมากอย.ู่ ..” ยายนนุ่ สา่ ยหวั “ตอนนี้เห็นวิ่งตามพวกตารวจพลร่มอยู่ทุกเช้า ใส่ชุดเหลืองยังกะพระออกบิณฑบาตแน่ะ” ยายบอกผม “มันไปเอาของใครมาใส่ไม่รู้บอกข้าว่าวิ่งแข่งงานปีใหม่ ข้ารู้ว่ามันไปสมัครมาแล้ว ถูกเค้าไล่ กลับมาคงเหน็ มันใบ้บ้า ไม่เอามัน แตก่ ็ยงั ซ้อมอยู่ทกุ วัน บอกแล้วไมร่ ้เู รอื่ ง ปล่อยให้มันวิง่ ของมนั ไปคน เดยี ว” ยายนนุ่ ว่าแลว้ อดหัวเราะไม่ได้ “อ้ายน่ีแรงมันมาก มันมีแต่กาลัง” ในใจจริงแลว้ ใบ้อยากจะทาอะไร เป็นอะไร ไม่มีใครใส่ใจถือสา นอกจากจะเห็นเป็นของขาใบ้ ไม่เคยร้ายต่อใคร สาหรับพวกผู้ใหญ่ในหมู่บ้านน้ี เขาเป็นทั้งน่าสงสารและทั้งน่าขัน เป็นคนมีกาลังท่ี เรือหาปลาทุกลาอยากจะได้ แต่ใบ้ก็ไม่เคยทาอะไรจริงจัง นอกจากจะตกเบ็ดและหาปลามาให้ยายนุ่น ผู้เป็นแม่ขายท่ีตลาดเป็นบางคร้ัง ติดเรือเร่ออกทะเลเป็นบางเท่ียว แล้วก็กลับมาอยู่บ้าน และอยู่ไป วันๆ โดยไม่เป็นพษิ ภยั ตอ่ ใคร ความแขง็ แรงของใบ้เป็นที่เลื่องลือรู้กันดีในคร้งั หน่ึงว่า เยน็ วันหนึ่งเขาพายเรอื เลน่ ตามชายฝ่ัง ลมกลับเปลีย่ นทศิ เปน็ พายุ พัดพาเรือเขาออกไปไกลลกึ ลบั หายไปกับขอบฟา้ และลมพัดจู่โจม คืนหน่ึง เตม็ ๆ ที่ยายนุ่นร่าไห้ จนเชา้ วนั ต่อมา คนในหม่บู ้านถึงไดเ้ หน็ เขาจา้ พายเรอื กลับมา อยา่ งปลอดภัย คืน นั้นท้งั คืนที่ใบ้ตอ้ งพายเรอื ตา้ นแรงลมอยโู่ ดยไม่ไดห้ ลับนอน

อ่านคดิ วเิ คราะหเ์ รื่องสน้ั 24 คร้ังน้ันพวกเรา เด็กๆ นึกว่าใบ้ตายแล้ว จึงดีใจแห่ไปต้อนรับเขาเกรยี วกราว เขาก็ยมิ้ เห็นปากแห้ง ฟนั ขาว แววตาเลิก่ ลกั่ พลางก็ใหเ้ สยี งแบะ – แบะ เหมอื นอยา่ งทเ่ี คยไดย้ นิ ความรู้สึกว่าใบ้เป็น “ของเรา” น่ีเอง ที่ทาให้ผม เพื่อนๆ และเด็กเกือบทั้งหมู่บ้านพากัน สง่ เสียงเอาใจชว่ ยเขาเกือบเปน็ เสียงเดียวกนั ในวันท่ีเขาวิ่งแข่ง วันข้ึนปีใหม่ ทางอาเภอได้จัดให้มีการแข่งวิ่งทนเป็นระยะทางยาวรวมสิบกิโลเมตร มีผู้เข้า แข่งขันมากมาย แต่ท่ีว่ิงเท้าเปล่า ไม่มีเสียง นุ่งกางเกงขาส้ันสีเหลืองจีวรพระ และเสื้อยืดคอกลมสี เดียวกนั นน้ั นาหนา้ ทิ้งกลุ่มมาไกลห่าง...พวกเรา เด็กๆ ตา่ งกระโดดตัวลอยสง่ เสียงเรียกใบ้กนั ขรมทเี ดียว “ฉิบหายแลว้ เว้ย! อา้ ยใบ้มันนามานหี่ ว่า” เสียงผใู้ หญ่ยืนข้างๆ ผมพูดขึ้น “น่ันน่ะซี...เฮ้ย! มันแข่งด้วยหรือวะก็ไหนว่ากรรมการเขาไม่รับสมัครมันไงล่ะ” ผู้ใหญ่อีกคน หนงึ่ ว่า ใบ้ย่ิงว่ิงเข้ามาใกล้ เสียงร้องเรียกก็ย่ิงดัง พวกเด็กต่างลิงโลดกระโดดเต้นกันขวักไขว่ จนพวก ผใู้ หญ่เองต้องสง่ เสยี งเรยี กใบแ้ ละปรบมอื กนั กราวไปพร้อมกับเด็กๆ ดว้ ย... “ฮลั โหล ฮลั โหล! หนึ่ง สอง สาม...”เสยี งจากเคร่ืองขยายเสียงตรงเส้นชยั สีแดงดงั กังวาลขนึ้ “โปรดอย่าเข้าใจผิด นายใบ้ที่กาลังนาหน้ามาน้ันไม่เก่ียวกับการว่ิงแข่งมาราธอนครั้งน้ีนะครับ เน่ืองจากนายใบข้ าดคณุ สมบัติบางอย่าง กรรมการไม่ได้รับสมัคร และไม่มีรายชื่ออยู่ในผเู้ ข้าแข่ง... ฮัล โหล ฮัลโหล...ทางคณะกรรมการไม่สามารถจะห้ามนายใบ้ได้ แม้จะได้ช้ีแจงแล้ว นายใบ้ก็ยังออกว่ิง ตามมาดว้ ย การชนะของนายใบ้ถอื เปน็ โมฆะนะครบั ...” ใบว้ ิง่ ใกล้เส้นชัยเขา้ มาทุกขณะ แต่คราวนเี้ สียงเงียบจนได้ยนิ เสียงหอบหายใจของใบเ้ อง “ฮัลโหล ฮัลโหล! หนึ่ง สอง สาม...”เสียงจากเครื่องขยายเสียงดังขึ้นอีก... “พ่อแม่พ่ีน้อง ทง้ั หลายผู้ชนะทแ่ี ท้จริงนนั้ ไดแ้ กเ่ บอรย์ สี่ ิบทีว่ งิ่ ตามหลังนายใบม้ า...” คราวน้ีเสียงโห่ดังข้ึนสองฟากถนนเป็นเสียงทงั้ จากผู้ใหญ่ เด็ก และเมื่อใบ้ถึงเส้นชัย หลายคน ก็เข้าไปรุมล้อมแสดงความยินดีต่อเขาโดยไม่ยอมใส่ใจเสียงจากเคร่ืองขยายเสียงนั้นเลย ซ่ึงก็ได้แต่ส่ง เสียง ฮัลโหล ฮัลโหล หนึ่ง สอง สาม... อย่างขาดคนสนใจฟัง เม่ือนายอาเภอได้มอบถ้วยที่เหมือนกับเคร่ืองหมายยาทาแก้พิษแมลงตะขาบกัดต่อยให้กับ ผูช้ นะหมายเลขยีส่ บิ ทวี่ ิง่ ตามหลังใบ้มาน้ัน ใบย้ ืนหลบอยู่กลางวงลอ้ มของเดก็ ๆ ในขณะทผี่ ู้ใหญ่ หลายคนเร่ิมเหน็ เป็นเร่ืองตลก ครน้ั แล้วเสยี งปรบมือเปาะแปะก็กลับเงีบยกริบลง เมื่อผู้ชนะ หมายเลขยีส่ ิบเดนิ ถือถ้วยใบโตมาส่งตอ่ ให้ใบ้ พลางก็ชมู ือใบข้ ้นึ ทา่ มกลางเสยี งโห่ร้องราวกบั เสยี งคลื่น ทะเลเม่ือยามหนา้ มรสมุ เดก็ ๆ ตลี งั กากนั ด้วยความดีใจก่อนเข้ารมุ ล้อมใบ้ เรียกชื่อเขาอีกครัง้ ขณะทใ่ี บย้ ม้ิ เหน็ ปากแห้ง ฟนั ขาว และแววตาเลิก่ ลั่ก พลางก็ใหเ้ สยี งแบะ – แบะ เหมือนที่เคยไดย้ ิน ผมเหน็ ร่างของเขาไหวเป็น “เส้นสายสีเหลือง” เคลื่อนพล้ิวอยูใ่ นฝูงคน

อ่านคดิ วเิ คราะห์เร่ืองสน้ั 25 คำชแ้ี จง ตอบคาถามต่อไปนี้ให้ถกู ต้อง ๑. “วันนีต้ ารวจพลร่มเคล่อื นผ่านผมไปแล้ว.....และ” เจ้าสายสีเหลอื ง “ก็คอ่ ยปรากฏข้นึ ตรงหัวโค้ง ถนน” คาตอบที่ขีดเส้นใต้ หมายถงึ อะไร. ............................................................................................................................. .................................. ................................................................................................ ................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ..................................................................................................................................................... ........... ๒. “ในหมู่บ้านริมทะเลเล็กๆ แห่งน้ี ใบ้เหมือนน้าเค็ม เม็ดทรายเหมือนกับว่าวสีสวย และเหมือนกับ ผเี ส้อื แมงทับที่เราจับมาเล่นกัน” ข้อความนม้ี ีโวหารประเภทใด ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... ๓. “โฮ้ย...อ้ายใบ้ของข้านะ่ มนั อยากจะเป็นทึกอยา่ งแหละ เห็นเขาชกมวยกัน มนั กไ็ ปซ้อมกับเค้าด้วย หน้าตาบวมกลับมา ก็มันใบ้บ้ายังน้ัน จะไปสู้ใครเค้าได้ เห็นเขาบวชพระมันก็อยากจะบวช เห็น เพือ่ นเปน็ ทหารมนั กอ็ ยากจะเปน็ …” จากขอ้ ความขา้ งตน้ แสดงวา่ ใบม้ นี สิ ัยอย่างไร ............................................................................................... ................................................................. ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................... ................................................................. ๔. การที่ใบว้ งิ่ นาเขา้ ถึงเส้นชยั ได้สาเร็จ ตรงกบั สุภาษติ ว่าอย่างไร ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ๕. “คร้นั แลว้ เสยี งปรบมอื เปาะแปะก็กลับเงียบกรบิ ลง เมอ่ื ผู้ชนะหมายเลขยสี่ ิบเดินถอื ถ้วยใบโต มาส่งต่อใหใ้ บ้ พลางก็ชมู อื ใบข้ ึน้ ท่ามกลางเสยี งโห่ร้องราวกับเสียงคลื่นทะเลเม่ือยามหนา้ มรสมุ ” จากเหตกุ ารณน์ ี้นกั เรยี นคิดว่าเหตุใด ผู้ชนะหมายเลขยี่สิบจึงสง่ ถ้วยต่อใหใ้ บ้ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... ....................................................................................... .............................................................. ........... ............................................................................................................................. ................................... .................................................................................................................................................. ..............

อ่านคดิ วิเคราะหเ์ ร่ืองสน้ั 26 แนวคำตอบ บตั รกจิ กรรมอ่ำนคิดวิเครำะห์ ๓ ๑. “วนั นี้ตารวจพลรม่ เคลือ่ นผา่ นผมไปแลว้ .....และ” เจา้ สายสีเหลือง “ก็คอ่ ยปรากฏข้นึ ตรง หวั โคง้ ถนน” คาทีข่ ดี เส้นใต้ หมายถงึ อะไร หมายถึง นายใบ้ นุ่งกางเกงขาสนั้ สีเหลอื งจวี รพระ ๒. “ในหม่บู า้ นรมิ ทะเลเลก็ ๆ แหง่ น้ี ใบเ้ หมอื นน้าเค็ม เมด็ ทรายเหมือนกับว่าวสีสวย และเหมือนกับ ผเี สอื้ แมงทบั ที่เราจับมาเล่นกนั ” ข้อความนี้มโี วหารประเภทใด อุปมาโวหาร ๓. “โฮย้ ...อ้ายใบข้ องขา้ น่ะ มันอยากจะเป็นทุกอย่างแหละ เหน็ เขาชกมวยกนั มันกไ็ ปซอ้ มกับเคา้ ด้วย หนา้ ตาบวมกลบั มา กม็ ันใบ้บา้ ยงั งั้นจะไปสใู้ ครเคา้ ได้ เห็นเขาบวชพระมันก็อยากจะบวช เห็นเพื่อนเป็นทหารมันก็อยากจะเป็น…” จากขอ้ ความขา้ งต้น แสดงว่าใบม้ นี ิสัยอย่างไร เป็นคนทไ่ี มย่ อมแพ้ อดทน และพยายามเอาชนะในสงิ่ ที่เป็นปมดอ้ ยของตนเอง ๔. การทใ่ี บว้ ิง่ นาเขา้ ถงึ เส้นชัยไดส้ าเรจ็ ตรงกับสุภาษิตว่าอย่างไร ความพยายามอยู่ท่ีไหน ความสาเรจ็ อยูท่ ่ีนัน่ ๕. “คร้นั แล้วเสยี งปรบมือเปาะแปะกก็ ลับเงียบกรบิ ลง เม่ือผชู้ นะหมายเลขยี่สบิ เดนิ ถือถ้วยใบโต มาสง่ ต่อให้ใบ้ พลางก็ชูมือใบ้ขน้ึ ท่ามกลางเสยี งโห่ร้องราวกับเสยี งคลน่ื ทะเลเมอื่ ยามหน้ามรสุม” จากเหตุการณ์นนี้ กั เรียนคดิ วา่ เหตใุ ด ผ้ชู นะหมายเลขยีส่ ิบจงึ สง่ ถ้วยตอ่ ให้ใบ้ -ชน่ื ชมใบ้ด้วยใจจรงิ -ละอายใจที่ใบเ้ ปน็ ผู้ชนะแต่ไม่ไดถ้ ว้ ยรางวลั เกง่ ขึน้ แล้วจ้ำ...

อา่ นคดิ วิเคราะหเ์ รื่องส้นั 27 บัตรกจิ กรรมอำ่ นคดิ วเิ ครำะห์ ๔ คำช้แี จง อา่ นเรื่องส้นั เร่ืองวนั หนงึ่ ของชวี ิต แลว้ ตอบคาถาม วนั หนง่ึ ของชีวติ ของ วชั ระ สัจจะสำรสนิ วันนี้เป็นวันเผาศพแม่ของเพ่ือน บ่ายแก่ๆ ข้าพเจ้าออกไปงานดังกล่าวในวัดแห่งหน่ึงแถว บางขุนพรหม บรรยากาศในวัดช่างเศร้าสร้อย เต็มไปด้วยสีดา มีทั้งผู้ท่ีมางานศพแม่ของเพื่อนและ งานศพอ่ืนๆ งานศพในวัดมีไม่ต่ากว่าสามงาน ศาลาที่เดินผ่านล้วนมีศพตั้งอยู่ ข้าพเจ้าคานวณเล่นๆ ในใจ วัดในกรุงเทพมีไม่ต่ากว่าสี่ซ้าห้าร้อยวัด ถ้าแต่ละวัดมีงานศพรายสองรายเป็นอย่างน้อย ตัวเลข ศพคงมหาศาล ข้าพเจ้าตกใจ ท้ังๆ ท่ีเป็นเรื่องไม่น่าตกใจ ความตาย ไม่มีวาระ ไม่มีฤดูกาล งานศพ เกิดขนึ้ เมือ่ ไหร่ก็ได้ ใช่งานอืน่ ทีม่ ีช่วงเวลาของมัน ข้าพเจ้าฝ่ามา่ นสีดาเข้าไปหาเพ่ือนเขาย้ิมแห้งๆ ให้ขา้ พเจ้า หนา้ เขาซูบเซยี ว แกม้ ตอบตาแดงกา่ “เสียใจด้วยนะ” ข้าพเจ้ากามอื เขาแน่น “โทษทีกไู มไ่ ดม้ าตั้งแต่แรก งานยุ่งเหลือเกิน” “ไมเ่ ปน็ ไร” เสียงเขาแหบพร่า “กูเข้าใจ ขอบใจมากทม่ี า เด๋ียวเลิกงานค่อยคุยกัน พรรคพวก เราก็มากนั หลายคน น่งั อยู่ดา้ นหลงั โน่นน่ะ” ข้าพเจ้าไม่อยากพูดอะไรกับเขามาก สาหรับบรรยากาศเช่นนี้ ความเงียบน่าจะเหมาะกว่า ข้าพเจ้าย่ืนซองให้เขา แล้วเลยี่ งไปหาเพอ่ื นฝูง หลายคนไมไ่ ดเ้ จอกันตง้ั นาน เราต่างดใี จเมื่อปะหน้ากัน พูดคุยอาแซวอย่างคร้ืนเครงจนแทบลืมว่าอยู่ในงานศพ บางคนบอกว่าหากไม่มีงานศพน้ี ไม่รู้อีกกี่ปี ก่ีชาติถึงจะได้เจอกันอีก พวกเราใช่อยู่ห่างไกลกัน ต่างก็ทางานในเมืองหลวง หลายคนยุ่งวุ่นวาย กับการงานจนไม่มเี วลาวา่ งให้กบั เพ่ือน อาจเดินปะปนอยู่ในกลุ่มคน อาจจอดรถใกล้กนั ตอนติดไฟแดง อาจกินขา้ วกันคนละฟากร้านอาหาร หรืออาจชอ็ ปปง้ิ กันคนละชั้นของห้างสรรพสินค้า “กูว่าพวกเราอาจเจอกันอีกคร้ัง ก็โน่นแหละ...” ทุกคนเงียบรอฟัง “คงเป็นงานศพใครสัก คน” ข้าพเจา้ พดู เล่นๆ ขึ้น “ไอเ้ หยี้ ! พดู หมาๆ งานมึงสิไมว่ ่า” เพ่อื นคนหน่งึ สบถลน่ั ออกมา เราต่างพากันหัวเราะ เพื่อนข้าพเจ้าบอกว่าพิธีเผาเร่ิมเร็วหน่อย เพราะมีศพใหม่คอยท่าอยู่แล้วจาเป็นต้องใช้ศาลา ด่วน ศาลาไม่ว่างแม้วินาที ศพจองไว้ยาวเหยียด น่ีมันวัดหรือโรงแรมกันแน่ ยังไมไ่ ด้เช็กเอาต์เลยแขก ดันหอบกระเป๋ามายืนรออยู่หน้าประตูงานศพ ในเมืองดูเหมือนจะเร่งรีบไปหมด บางงานพอพระสวด เสร็จ แขกเหร่ือทานของว่างเรียบร้อย ศาลาถูกปิดทันที แขกกับเจ้าภาพกลับพร้อมกัน บางทีเจ้าภาพ ดันกลบั กอ่ นแขก ไม่มกี ารเฝ้าศพเหมอื นงานศพในต่างจังหวัด

อ่านคดิ วิเคราะห์เรื่องสนั้ 28 คนต่างจังหวัดอย่างข้าพเจ้ารู้สึกสะท้อนใจเสมอ เม่ือมาเจองานศพในเมืองที่แสนรวบรัด รู้สึกว่ามันรวดเร็วจนไม่ทิ้งร่องรอยโศกเศร้าเอาไว้ ทุกอย่างถูกจัดวางไว้เป็นระบบระเบียบ เป็นข้ันเป็น ตอน เวลาถูกล็อกไว้อย่างแน่นอน แขกสามารถกะเวลาที่เสียไปได้ ต่างจากงานศพต่างจังหวัด แม้จะเป็น งานที่โศกเศร้า แต่กลับมีชีวิตชีวาต่อเน่ืองจนกวา่ จะถงึ วันเผา ศพไม่เคยเหงา คนเป็นและคนตายคล้ายร่า สนุกกนั เป็นการสง่ั ลา ถอื เปน็ การตอ่ อายุความตายออกไปอีกสห่ี ้าวนั ก่อนท่ีจะแตกดับสญู สลาย พธิ ีเรมิ่ ข้ึนแลว้ พวกเราต่างเงียบสงบลง ศพถกู นาขึ้นวางบนเมรุ เมือ่ ลูกๆ ออกมากลา่ วประวัติ และคุณงามความดีของแม่ ข้าพเจ้าเงยหน้าขึ้นมองอย่างสนใจ เพ่ือนข้าพเจ้าอ่านบทกวีบทเศร้าตบ ท้าย เสียงเขาสั่นเครือขณะอ่าน และเริ่มมีเสียงสะอื้นเมื่อเข้าบทสุดท้าย มันเป็นกวีที่เศร้าเหลือเกิน เศรา้ จนเหมอื นโลกน้ไี มม่ ีอะไรใหเ้ ศรา้ อีก ข้าพเจา้ รู้ดวี า่ เขาคงเศรา้ กว่าคนอนื่ หลายเท่า เม่ือผู้หลักผู้ใหญ่ทอดผ้าบังสุกุล ข้าพเจ้าและพรรคพวกเล่ียงออกมาสูบบุหรี่นอกศาลา กลับเข้าไปอีกคร้ังเมื่อแขกเริ่มทยอยเดินข้ึนไปวางดอกไม้จันทน์ ข้าพเจ้ายกดอกไม้จันทน์ข้ึนไหว้ วาง ไว้ขา้ งโลงเหลอื บมองไปท่ีรูปถา่ ยใกล้ๆ รอยยิม้ เปี่ยมเมตตาฉายออกมาจากใบหน้าเอิบอ่ิม ข้าพเจ้าโค้ง คารวะ แลว้ เดินลงมารับของชารว่ ย สักครศู่ พเคลื่อนเขา้ สู่เตาเผา ควันดาพวยพงุ่ เป็นสายสูพ่ ืน้ ฟา้ กวา้ ง ลมกรรโชกมาจากท่ีไหนสักแห่ง เหมือนการเริ่มต้นเสียงระงมข้ึนอีกรอบ เป็นการร่าไห้เพื่อล่าลา ครง้ั สดุ ท้าย ขา้ พเจ้ากับพรรคพวกห้าหกคนออกมาหาท่ีนง่ั คยุ หลงั เสร็จพิธเี ผา ออกจะประหลาดใจเมื่อเขา มากบั พวกเราด้วย ทัง้ ทศี่ พแม่เพิง่ เข้าเตาเผาก่อนหน้าไม่นาน ไมร่ ู้ละ่ มนั จะเหมาะ ไมเ่ หมาะแต่ถอื เป็น ขอ้ ดีของงานเผาศพในเมืองท่ีรวบรัดจนเขามีโอกาสได้มาน่ังคุยกับเพ่ือนๆ คราแรกพวกเรากะชวนเขา เลน่ ๆ ไมน่ ึกว่าเขาจะปลีกตัวออกมาได้ แต่เขากลับบอกว่า ไม่มีอะไรแล้ว ทุกอย่างเคลียรห์ มดหายหว่ ง เหลอื พรุง่ นที้ ต่ี ้องมาเกบ็ กระดกู แม่ ข้าพเจา้ นึก มันง่ายดายขนาดนน้ั เลยหรอื ร้านอาหารริมน้ารสชาติอร่อย ดนตรีเล่นคลอพอฟังได้ คราแรกผ่านไปด้วยความเงียบงัน ต่าง คนต่างหิวท้องกิ่ว มุ่งมั่นในอาหารแทบจะไม่ได้เงยหน้าข้ึนมาคุย ท้ังยังไม่กล้าคุยอะไรท่ีเฮฮา ด้วย เกรงใจเขา เลยต้ังหลักซัดอาหารเงียบๆ ไปก่อน เขาเงียบไปสักพัก กินข้าวเพียงเล็กน้อย พวกเราต่าง คุยปลอบใจไปตามเรอ่ื งตามราว ขา้ พเจา้ รสู้ ึกอึดอัดอย่างบอกไมถ่ ูก ไม่สนุกอยา่ งท่ีคิด คิดถูกหรือเปล่า ท่ชี วนเขามาด้วย “ทาไมเงียบกันจังวะ” เขาโพลง่ ขนึ้ “ไอเ้ หย้ี ! จะให้พวกกูหัวเราะกันหรอื ไงในเม่อื เพ่งิ จะเผาแม่มึงมา” เพอ่ื นอกี คนสวนกลับ “มันผ่านไปแลว้ ” เขาพดู เบาๆ “ทุกอยา่ งจบแลว้ คนเราก็แค่นแี้ หละ กูเลกิ เศรา้ แล้ว” พวกเรายงั เงยี บกนั เชน่ เดิม เขาพูดขึน้ อีก “กจู ะเล่าอะไรให้ฟัง” พวกเราหันไปทางเขา

อา่ นคิดวเิ คราะหเ์ ร่ืองส้นั 29 “ตอนกูไปรับศพแม่ท่ีโรงพยาบาล เจอผู้หญิงคนหน่ึง เหมือนกูนี่แหละ ไปรับศพเหมือนกัน เห็นเธอยืนร้องไห้ตาแดง กูกะเข้าไปปลอบตามประสาหัวอกเดียวกัน เธอบอกว่ามารอรับศพสามี กูก็ ถามว่า แล้วสามีพ่ีเป็นอะไรตายล่ะ พอเธอบอกสาเหตุ กูแทบจะก๊ากออกมาตรงน้ัน แต่กู้ต้องเก็บ อาการเอาไว้ พวกมึงคิดดูแล้วกันอึดอัดฉิบหาย แม่งกูก็กาลังเศร้าๆ เจอเข้าไปอย่างนั้น กูแทบลืมไป เลยวา่ แมก่ ูก็เพงิ่ ตาย” “แล้วไอ้หนุ่มนัน่ เป็นอะไรตายล่ะ” ข้าพเจ้าถาม “แม่ง ไส้กรอกติดคอตาย” ในวงหัวเราะครืนเม่ือนึกข้ึนได้ว่าเขาอยู่ด้วย จึงเงียบลงกะทันหัน แต่เขากลับหวั เราะไม่ยอมหยดุ “แม่ง มึงนึกภาพสิ กูแม่งก็เศร้าเหลือเกิน แต่คนอย่างกูพวกมึงก็รู้นี่ เส้นตื้นจะตายห่า เสือก เจอเข้าไปอย่างนนั้ อีก แมก่ ็แม่เถอะ” “กวู า่ เป็นมุขมงึ มากกวา่ มง้ั ” เพอื่ นคนหนง่ึ ขัดขนึ้ “ไอ้เห้ยี ! จรงิ ๆ ไมเ่ ช่ือมึงไปถามท่โี รงพยาบาลสิ” เขายืนยันเสียงแขง็ บอกชื่อโรงพยาบาล แต่ พวกเราไม่สนใจจะจา โทรศัพท์มือถือดังขึ้น เขากดรับเลี่ยงเดินออกไปนอกร้านคงคุยกับญาตๆิ เกี่ยวกับงานศพ สัก พกั เขากลบั เขา้ มา “มนั ยงั ไงกันวะ” ขา้ พเจา้ ถามขนึ้ อกี “มงึ บอกไส้กรอกตดิ คอทาไมมันง่ายนักวะ” “กูก็ไม่รู้รายละเอียดชัดเจนหรอก กูไม่กล้าถามมาก แต่รู้มาว่าสองคนนั้นไปร่วมงานเลี้ยง อะไรสักอย่างท่โี รงแรมแถวลาดพร้าว แมง่ คราวนี้ไม่ร้ไู ปกินอีท่าไหนเข้า ไส้กรอกเสือกไปค้างอยู่ในคอ มันคงไปอุดหลอดลม หายใจไมอ่ อก ก็ตายหา่ กนั เทา่ นน้ั แหละ” “กูว่าไอ้หนุ่มนั่นคงหิวจัด แล้วรีบกลืนเข้าไปท้ังดุ้น หรือไม่ก็เคี้ยวไม่ละเอียดรีบกลืนเข้าไป หรอื ไม่กต็ อนกลืนดันไปหวั เราะหรอื ตกใจอะไรสกั อยา่ ง” “กูวา่ ทานองน้นั แหละ” เขาพยักหนา้ “ทาไมคนเรามันตายง่ายอย่างงน้ั วะ” เพ่อื นคนหน่ึงเอ่ยข้ึน “มึงเคยดูข่าวหรือเปลา่ ละ่ แม่ง นอนอยู่ในบ้านดๆี เสือกมคี นโดดร่มหล่นลงมาทับตาย” เพื่อนอีกคนแทรกขนึ้ บา้ ง ข้าพเจ้าไม่แน่ใจว่า เร่ืองเลา่ ของเขาจะเป็นเร่ืองจริงหรือเปล่า แตเ่ ร่ืองทานองนอี้ าจเปน็ จริงได้ เสมอ แมแ้ ต่การตายที่งา่ ยกว่าน้กี ็ยงั มใี ห้เห็น ตอนนขี้ ้าพเจา้ รู้สกึ สบายใจข้นึ คลายความอดึ อัด เพื่อนๆ คงรู้สึกไม่ต่างกนั นัก บางทีเร่ืองเลา่ เก่ยี วกับความตายก็ชว่ ยให้บรรยากาศผ่อนคลายลงได้บ้าง

อ่านคิดวเิ คราะหเ์ รื่องส้นั 30 ดื่มต่อกันอีกหน่อย พูดคุยเรื่องราวของเพ่ือนๆ แต่ละคนสลับกันไป ผ่านไปสักพัก เขาดู ออ่ นล้าอิดโรย เราอยากให้เขาพักผ่อน จึงแยกย้ายกันเรว็ กว่าปกติ ข้าพเจ้าอาสาไปส่งเขาท่ีบ้าน บ้าน ที่เม่ือก่อนเขาเคยอยู่ร่วมกับแม่ แต่หลังจากน้ีเขาจาต้องอยู่เพียงคนเดียว ระหว่างน่ังมาในรถ เราต่าง เงียบกันไป ย่ิงใกล้ถึงบ้านเขาบรรยากาศย่ิงวังเวงเข้าไปอีก ข้าพเจ้าเข้าใจความรู้สึกเขาดี จึงขับรถ เงยี บๆ ไมไ่ ด้ชวนคยุ อะไรอกี ก่อนเขาจะปดิ ประตูรถเดนิ เขา้ บ้านข้าพเจ้าถามขน้ึ “มึงจะอยคู่ นเดยี วไดห้ รอื ” เขามองตาข้าพเจา้ “ได้สิ” “ยังไงถา้ ไม่ไหวก็ไปพกั กับกกู ่อน” “ไอ้เหี้ย! ไม่ต้องห่วงกูหรอก กูอยู่ได้” เขาเดินกลับเข้าไปในบ้าน ข้าพเจ้ามองตาม เม่ือไฟ ในบา้ นสวา่ งขน้ึ ขา้ พเจ้าถอยรถออกมา เขาบอกว่าบ้านหลังนี้พ่ีๆ ร่วมกันซื้อใหแม่อยู่ ส่วนเขาเข้ามาอยู่เป็นเพื่อนแม่ เมื่อแม่เสียไป ขา่ วว่าพี่ๆ จะยึดเอาบ้านคืน เห็นเขาเปรยว่าหากพี่ๆ ยึดบ้านคืนไปจริงๆ เขาก็คงหาทอ่ี ยู่ใหม่ ข้าพเจ้า บอกเขาว่าพ่ีน้องกันน่าจะคุยกันได้ ถึงจะไม่ยกบ้านให้เขาฟรีๆ ก็ควรขายให้ถูกๆ เขาบอกว่าถ้าเป็น อยา่ งนนั้ กด็ สี ิ ขา้ พเจ้ารมู้ าบ้างว่าความสมั พนั ธ์ระหว่างพ่ๆี น้องๆ ของครอบครวั เขาไม่คอ่ ยราบรนื่ นกั รถออกมำ ถึงถนนใหญ่ตอนเกือบสามทุ่ม ลูกสาวโทรมือถือเข้ามา ข้าพเจ้าบอกว่าเสร็จธุระ แล้วกาลังจะกลับ แวะซ้ือขนมฝากภรรยาและลูกแล้วบ่ึงรถกลับบ้านทันที ระหว่างทางไพล่นึกถึงเขา ขึน้ มาอกี คืนนีเ้ ขาคงนอนไมห่ ลับ เขาคงรอ้ งไห้อีกหลายรอบเมอื่ เหน็ ข้าวของตา่ งๆ ของแม่ ขับรถมาได้สักพัก ข้าพเจ้าถึงกับใจหายวาบ เหยียบเบรกตัวโก่ง เมื่อมอเตอร์ไซค์คันหน้าพุ่ง ชนแท่งคอนกรีตซ่ึงวางกั้นถนนท่ีกาลังซ่อม รถข้าพเจ้าจอดน่ิงกับท่ี มอเตอร์ไซค์ล้มคว่า คนข่ีกระเด็น ตกอยู่ใกล้ๆ หมวกกันน็อคกระเด็นหลุดออกไปข้างถนน เขาแน่นิ่งไม่ไหวติง ประสาทข้าพเจ้าต่ืนตัว หลังนิง่ งันไปสกั พัก ข้าพเจ้าไม่ได้ชนเขา แต่เขาคงมองไมเ่ ห็นแท่งคอนกรีต ใช่แล้วละ่ แท่งคอนกรีตไม่ มไี ฟตดิ เตือนเอาไว้ ข้าพเจา้ เคล่ือนรถไปบงั รา่ งเขาไว้ เปิดไฟกะพรบิ ปอ้ งกันรถอีกเลนวง่ิ เขา้ มาทับ ขา้ พเจ้าลงไปดู เขายังแน่น่ิง ไม่แน่ใจว่าเขายงั มีชีวิตอยู่หรอื เปล่า ยงั ไมก่ ลา้ แตะตัวเขา ความรู้ เรอ่ื งการเคล่อื นยา้ ยผปู้ ระสบภยั ของข้าพเจ้าแทบจะไม่มี ขา้ พเจา้ ไมอ่ ยากเสี่ยงหากทาไป โดยผดิ วิธี เขาอาจเจ็บหนักกว่าเดิม แต่ใจหนึ่งอยากจะแบกเขาส่งโรงพยาบาลให้รู้แล้วรู้รอด ข้าพเจ้า โบกให้รถคันหลงั ขบั เบย่ี งไปอกี เลน บรรยากาศโกลาหลขนึ้ เมื่อรถคันหลังบบี แตรลนั่ รถขยบั ตวั ช้าลง “อ้าวคุณ! ชนเขาแลว้ รีบพาไปส่งโรงพยาบาลสิ” เสียงกรา้ วของป้าคนหน่ึงล่ันมาจากริมทาง ขา้ พเจ้าฉกุ ก้กึ หันขวบั ตะโกนออกไป “เปลา่ ผมไม่ได้ชน เขาชนแท่งคอนกรตี นั่นตา่ งหาก” ข้าพเจ้าชี้ให้ดู ป้าคนเดมิ ตีสีหน้าไม่เช่ือ ข้าพเจ้าหงุดหงิด อยากจะบ้าตาย หากขา้ พเจ้าขับรถไปให้พ้นๆ ต้งั แตแ่ รกกค็ งส้ินเรอื่ งสิน้ ราวไปแลว้ “ผมไม่ไดช้ นจริงๆ เขาชนของเขาเองป้า ผมวิง่ ตามหลงั มา มาดรู ถผมสิ”ขา้ พเจา้ ตะโกนบอกอีกรอบ

อา่ นคิดวิเคราะหเ์ ร่ืองสั้น 31 คนเริ่มมุงเยอะขึ้น รถที่ผ่านมาต่างเปิดกระจกออกมาถามว่าตายหรือเปล่า ข้าพเจ้า เอือมระอากับคาถามเหล่าน้ันเหลือเกินพยายามนึกถึงวิธีการช่วยเหลือ โทรถามเพื่อนหลายคน จนได้ เบอร์โทรของศูนย์ให้ความช่วยเหลือแห่งหน่ึง พยายามโทรอยู่หลายคร้ังจนติด สักพักรถให้ความ ชว่ ยเหลือของศูนยว์ ิง่ ฉวิ เปิดหวอลั่นมาแต่ไกล ขา้ พเจ้าคลายอึดอดั ลง มองไปทางคนข่มี อเตอรไ์ ซค์ เขา ยงั นอนแน่นงิ่ เขาขมี่ าไม่เร็วนกั บวกกบั สวมหมวกกันนอ็ คอาจแคส่ ลบไปเท่านนั้ เมื่อเจ้าหน้าที่ของศูนย์มาถึง ข้าพเจ้าถอยห่างออกมา พวกเขานาเปลลงมาจากรถ พยายาม เคล่ือนย้ายร่างเขาอย่างแผ่วเบา เจ้าหน้าท่ีคนหน่ึงบอกว่าเขายังหายใจอยู่ แล้วหันมาทางข้าพเจ้า จากน้นั หนั ไปพูกบั เจา้ หนา้ ทอี่ กี คนหนงึ่ “น่ีคู่กรณี” เขาหันมาทางข้าพเจ้า “คุณเป็นคู่กรณี อย่าเพิ่งไปไหนนะครับ” ข้าพเจ้านิ่งอึ้ง โกรธจัด อยากปล่อยหมดั ชุดใส่เขา “เปล่า ผมไม่ได้ชนเขา เขาชนแท่งคอนกรีตน่ันต่างหาก คุณมาดูหน้ารถผมสิไม่มีรอยอะไร เลย” เจ้าหนา้ ทเ่ี ดินตามขา้ พเจ้ามา เดินดหู นา้ รถขา้ พเจา้ ไปมาหลายรอบ แลว้ ถามขนึ้ “แลว้ คณุ ลงมาทาไม” “ก็มาช่วยดูเขาน่ะสิ ไม่ง้ันรถอีกเลนอาจจะเหยียบเอาได้ ผมเองแหละท่ีโทรไปหาพวกคุณ ผมไม่ กล้ายกเขาไปโรงพยาบาลหรอก เดี๋ยวเจ็บหนักกว่าเดิม ผมก็แย่สิ พวกคุณน่าจะมีความรู้ด้านนด้ี ีกว่าผม” ขา้ พเจา้ รา่ ยยาวจนเจ้าหนา้ ที่คนนัน้ เงียบไป เขาคงเขา้ ใจข้าพเจ้าแล้วล่ะ ขา้ พเจ้ายังไม่เห็นตารวจ ดีแลว้ ล่ะ หากมีตารวจเข้ามายุ่งด้วย ข้าพเจา้ คิดว่าเร่อื งราวคงไม่จบ ลงแค่น้ี เม่ือร่างคนขี่มอเตอร์ไซค์ถูกลาเลียงข้ึนรถศูนย์ ข้าพเจ้าเหมือนหมดภาระ เคลื่อนรถออกจาก เหตุการณ์ รู้สึกร้อนอ้าวไปหมด เน้ือตัวเหนียวเหนอะหนะ แอร์รถทาให้เยียบเย็นลง รู้สึกโล่งอก นขี่ นาดลงไปช่วยแค่นั้นก็เล่นเอาเกือบตาย หากข้าพเจ้าเป็นผชู้ นเขาจริงๆ เร่ืองวนุ่ ๆ คงประดังเข้ามา ไม่รู้จบ ข้าพเจ้าโทรเล่าเหตุการณ์ให้ภรรยาฟัง หล่อนหัวเราะเสียยกใหญ่ท่ีข้าพเจ้าอุตส่าห์ทาความดี แล้ว ไม่มีใครเชื่อ หล่อนแซวเล่นๆ ว่าไปยุ่งเรื่องชาวบ้านเขาดีนัก แล้วเป็นไงล่ะ ภรรยากาชับให้กลับ บ้านไวๆ ทุกคนเป็นหว่ ง รถเล้ือยเข้าซอยช้าๆ บ้านอยู่ท้ายซอยเลยดูเปลีย่ วกว่าบ้านหลังอื่น เมื่อเข้าใกล้บ้าน ข้าพเจ้า ประหลาดใจเม่ือเห็นบ้านมืดมิดเหมือนไม่มีใครอยู่ มีเพียงไฟสองดวงตรงประตูร้ัวบ้านท่ียังเรืองแสง สลัว ขา้ พเจ้าเริ่มหวาดหวน่ั บบี แตรสองสามครั้ง ทกุ อยา่ งยังเงียบสนิท กดโทรศัพท์มือถอื เข้าไป แตไ่ ม่ มใี ครรับสาย ชักจะยังไงข้าพเจ้าดับเครือ่ งรถ หันไปมองบ้าน น่ิงคดิ ต้ังหลักแล้วลงจากรถ มันเกิดอะไร ข้นึ ประสาทเร่ิมเครยี ดข้นึ มา ใจเตน้ แรง กวาดตาหาไม้เหมาะมอื แถวนั้น กระชบั มนั่ เปิดประตรู วั้ เบาๆ ก้าวเท้าเข้าไปอย่างเงียบเชียบ กระชับไม้มั่นอีกครั้ง พร้อมปล่อยออกไปทุกขณะลองแตะประตูบ้าน เบาๆ ไม่ไดล้ อ็ กน่นี า แง้มประตูเขา้ ไปทีละนดิ ๆ งา้ งไม้เตรยี มพร้อม แล้วเทรกตวั เขา้ ไปชา้ ๆ

อ่านคิดวิเคราะหเ์ รื่องสนั้ 32 ทนั ใดนั้น ไฟสวา่ งพรึบขนึ้ พรอ้ มเสยี ง “แฮบปเี บิร์ธเดย์ ทยู ู แฮบปีเบริ ธ์ เดย์ ทยู .ู ..” เทียนบนเค้กก้อนใหญ่ท่วี างอยู๋บนโตะ๊ ถกู จดุ ขึน้ เสียงเพลงยงั ดังต่อเน่ือง ขา้ พเจ้าตะลึงงัน พรู ลมหายใจ ทรดุ ลงก้มจา้ เบา้ โยนไม้ออกไปข้างนอก ความเครยี ดคลายตวั ลง พรอ้ มสบถในใจ “เล่นอะไรกนั นี่ ตกอกตกใจหมด” “ก็วันนวี้ ันเกดิ คณุ นคี่ ะ ภรรยาพดู ขึ้น หย้ายมิ้ แป้น” ลกู เลยอยากเซอร์ไพรซ์คุณ “บ้าจริงๆ เลย เล่นเอาผมประสาทกนิ ทหี ลังไม่เล่นอย่างน้ีอีกนะ อนั ตราย” ลูกสาวโผเข้ามา กอด อาการโกรธหายไป หอมแก้มลกู ฟอดใหญ่ “เอ๊...วนั น้วี นั เกิดพอ่ หรือ” ลูกสาวพยกั หน้า วันนเี้ ป็นวนั เกดิ ขา้ พเจ้าจริงหรือ? คำช้ีแจง ตอบคาถามตอ่ ไปนใ้ี ห้ถูกต้อง ๑. “ความตายไม่มวี าระไม่มฤี ดูกาล” ข้อความน้ีหมายความวา่ อยา่ งไร ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ๒. นกั เรียนคิดวา่ ผู้เขียนเป็นคนอย่างไร จากเหตกุ ารณ์ที่เขาชว่ ยเหลอื คนทขี่ บั รถชนแท่งคอนกรตี .................................................................................................................................. .............................. ................................................................................................................................................................ ๓. นักเรียนจะนาเรอ่ื งทอ่ี ่านมาประยุกตใ์ ชใ้ นชีวิตประจาวนั อยา่ งไรบา้ ง ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ๔. การใช้ชีวติ ของคนเมืองกรงุ กบั คนต่างจังหวดั ต่างกนั อย่างไร ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ๕. นักเรยี นคดิ วา่ การอยู่ในสงั คมอยา่ งมคี วามสขุ ควรเร่ิมจากที่ใด ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................

อ่านคิดวเิ คราะห์เรื่องสั้น 33 แนวคำตอบ บตั รกจิ กรรมอำ่ นคิดวเิ ครำะห์ ๔ ๑. “ควำมตำยไม่มีวำระไม่มีฤดูกำล” ขอ้ ความนี้หมายความวา่ อย่างไร ทุกชวี ิตเกดิ แล้วตอ้ งตายไม่วันใดก็วนั หนึ่ง ๒. นักเรียนคดิ ว่าผู้เขยี นเปน็ คนอย่างไร จากเหตุการณ์ทเี่ ขาช่วยเหลอื คนทข่ี บั รถชนแทง่ คอนกรตี เปน็ คนมีนา้ ใจ ตงั้ ใจทีจ่ ะทาดีแมว้ ่าจะต้องเจอสายตาของคนทมี่ องว่าเขาเป็นคนผดิ ๓. นกั เรยี นจะนาเรื่องท่ีอา่ นมาประยุกต์ใช้ในชวี ิตประจาวนั อย่างไรบ้าง - ทาความดี เชือ่ ฟังคาสงั่ สอนของพอ่ แม่ ครูอาจารย์ - ดูแลพอ่ แมแ่ ละคนทร่ี กั ให้ดีกอ่ นทจี่ ะไมม่ โี อกาสได้ดูแลเขา ๔. การใชช้ ีวติ ของคนเมืองกรุงกับคนตา่ งจังหวัดตา่ งกันอยา่ งไร คนในเมืองกรงุ มีชีวิตทีเ่ รง่ รีบจนลืมสนใจส่งิ ทอี่ ยูร่ อบตัว สภาพแวดลอ้ มความเป็นอยู่ก็มแี ต่ อันตราย สว่ นคนตา่ งจังหวัดมีความเป็นอยสู่ งบสุขไมว่ ุน่ วาย ๕. นักเรยี นคิดวา่ การอยู่ในสังคมอยา่ งมีความสุขควรเริ่มจากทใ่ี ด การที่จะอยู่อย่างมีความสุขน้ันควรเรม่ิ ทีค่ รอบครัว คือ มีความรักความเขา้ ใจซ่ึงกนั และกนั รกั ใครส่ ามัคคีกนั ชว่ ยเหลือกัน ดแู ลซงึ่ กันและกนั ทาสงิ่ ดีๆ รว่ มกนั อ่ำนบอ่ ยๆ ค่อยๆ พฒั นำนะคะ

อ่านคดิ วเิ คราะห์เร่ืองสนั้ 34 แบบทดสอบหลังเรียน ชดุ กำรเรยี นที่ ๕ กำรอ่ำนคดิ วเิ ครำะห์เร่ืองสน้ั คำช้ีแจง อา่ นเรื่องส้ัน เรื่องเขียดขาคา แลว้ ตอบคาถามข้อ ๑-๑๐ เรือ่ ง เขียดขำคำ แดดกล้าเริงแรงเหมือนจงใจจะแผดเผาทุกชีวิตบนทุ่งกว้างให้ไหม้มอดจนส้ินซาก สะแบง หลวงกับพะยอมโดดเด่น ท้ิงใบแก่สีเหลืองคล้าร่อนลงดินเป็นครั้งคราว เขาหย่อนกายลงตรงโคนไม้ ดว้ ยท่าทางท่เี หนอ่ื ยออ่ น เสอื้ สีครามคล้าเปียกชนื้ ไปดว้ ยหยาดเหง่ือ รอบตัวมีแตค่ วามอ้างวา้ งแหง้ แล้ง เขาเพ่งมองกลุ่มหญ้าหม่นและฟางฝอยท่ีปลิวว่อนหมุนเป็นลาสูงพุ่งข้ึนสู่ท้องฟ้า นอกจากหญ้าและ ฟางมนั ยงั หอบเอาดินสนี ้าตาลลอยฟุ้งจนมดื มัวไปหมด มันเป็นลมหวั กุด หรือท่บี างคนเรยี กลมหัวด้วน เขารู้สึกหวาดขึ้นมาทันทีเมื่อคิดได้ว่าลมท่ีพัดตึงๆ อยู่น้ัน ผู้ใหญ่เคยบอกว่ามันเป็นเครื่องหมายของ ความแห้งแลง้ ความอดอยาก ความวบิ ัติ และความตาย เมื่อคิดถึงตรงนี้เขารู้สึกกระวนกระวายอยากจะให้ถึงบ้านที่มองเห็นยอดไผ่เรี่ยดินลิบๆ อยู่ เบ้ืองหน้า แต่ก็ลังเลท่ีจะเดินต่อเพราะเมื่อครู่นี้เองก่อนจะถึงร่มไม้ เขารู้สึกหูอ้ือ ตามัว ซึ่งเขารู้สึกว่า กาลังจะเมาแดดและเป็นลม ของมองดูฝ่าเท้าท่ีพองเพราะความร้อนไหม้ของพื้นทรายแล้ว รู้สึกโกรธ ข้ึนมาอย่างบอกไม่ถูกโกรธดินฟ้าอากาศซึ่งมีแต่ความทารุณไม่จบส้ิน เช้านี้มันยังหนาวเหน็บจนถึง กระดูก แต่ขณะนี้กลับรู้สึกร้อนจนว่าหัวจะแตกเป็นเส่ียง เม่ือคิดถึงความเยือกเย็นยามเช้าตรู่ ก็ย่ิง คดิ ถึงลกู น้อยมากขึน้ เช้านี้เองเขากับลูกเล็กๆ สองคนพากันออกไปหาเขียดเพ่ืออาหารม้ือเช้าที่ทุ่งนาข้างบ้าน อากาศแสนหนาว ลูกน้อยท้ังสองคางสั่นกักๆ ขณะที่ก้มมองตาเขียดซึ่งซ่อนอยู่ตามรอยแตกระแหง ของผนื นา ทกุ คร้ังที่มองเหน็ ตาใสในลืบลกึ ลูกนอ้ ยจะเรียกเขาเสียงดัง “พ่อ นีอ้ ีกตัว” “พอ่ หลบื นี้มีสอง เขียดขาคาเสียด้วย เร็วหน่อยซิพอ่ ” เขาจะกะโผลกกะเผลกไปตามเสียงเรยี ก ใชจ้ อบงัดรอยระแหง บางตัวเขาจับมนั ไดท้ นั ที แต่ บางตวั พอเร่ิมงดั ดินมนั ก็กระโดดแผล็วไป เป็นหนา้ ทีข่ องลกู ท่ไี ลต่ ะครบุ บางตัวก็ทนั บางตัวก็กระโดด ลงไปในหลบื ดินใหม่ ทาใหเ้ ขาตอ้ งตามไปงดั รอยระแหงน้นั อีก บางคร้ังถา้ โชคดี นอกจากจะไดเ้ ขียดยัง พบหอยกาบ หอยจบุ๊ แจงท่ีหมกตัวรอฝน ซง่ึ เขากเ็ ก็บมันไป แดดเริ่มอ่นุ และไดเ้ ขยี ดมากพอสาหรบั กับขา้ วมื้อเชา้ แลว้ เสียงผู้ใหญบ่ ้านเคาะเกราะเรยี กประชมุ ดังแวว่ มาจากในบา้ น เมอ่ื คิดถงึ ตรงน้ีเขา รู้สึกโกรธตัวเองขึน้ มาอยา่ งบอกไมถ่ ูก เพราะถา้ หากว่าเขากลับบ้านเสียแต่ตอนนั้น ลกู ที่น่าสงสารกค็ ง ไมเ่ จบ็ มนั เปน็ หลืบสดุ ท้ายแท้ๆ ในทันทที ี่เขางดั ดินแตกกระจาย เขยี ดขาคาโตเตม็ ท่ีขนาดหัวแม่มอื กระโดดแผลว็ ผา่ นหน้าลกู ชายคนกลางไป เด็กน้อยไล่ตามไปหา้ หกวา เขียดจึงกระโดดหลบไปใน รอยเท้าควาย ลูกน้อยของเขาล้วงมอื ตามหมายจะจับ เท่านั้นเอง เขาก็ตะลงึ แทบส้นิ สติ เมื่อไดย้ นิ เสียงลกู น้อยร้องเสียงล่ัน

อ่านคดิ วิเคราะหเ์ ร่ืองสั้น 35 “พ่อ งู งกู ดั มอื ” งูเห่าแผ่แมเ่ บี้ยขู่ฟ่อๆ ได้สติเขากระโจนใช้ดา้ มจอบหวดไปเต็มแรงสามครั้ง งูรา้ ยกห็ างสน่ั ดิกๆ เขาหอบลูกน้อยพร้อมกับครุเขียดกลบบ้าน และไมล่ ืมบอกใหล้ ูกอีกคนลากงูไปดว้ ย ลูกของเขาร้องไห้และครางเบาๆ ตลอดทาง มือของเด็กตบท่ีหน้าอกบอกว่าหายใจไม่ออก เมือ่ ถงึ บ้านทุกสง่ิ โกลาหลไปหมด วิง่ หาหมอน้ามนต์ หมอยากลางบ้านเทา่ ทีค่ ดิ ช่อื ได้ “เอาเขยี ดมาสบั ปิดแผล” เพ่อื นบา้ นคนหน่ึงร้องบอก “ปง้ิ ตับงูให้มันกิน” อีกคนตะโกนเสียงดัง เขาวิ่งไปท่ีซากงู ผา่ ท้องหาตบั ในขณะท่เี มียของเขา เฝ้าแต่น่ังร้องไห้ ยิ่งสายคนย่ิงมาก เพื่อนบ้านประชุมอยู่ที่บ้านผู้ใหญ่เม่ือทราบข่าวก็แตกฮือมาสมทบ และในขณะเดียวกันเขาก็ตกใจแทบเป็นบ้า เม่ือเพอ่ื นบ้านบอกว่าเขาต้องอาเภอวันนี้เพราะผู้ใหญ่บ้าน ชี้แจงว่า วันนี้เป็นวันที่ทางการจะจ่ายเงินให้กับคนท่ีมีลูกต้ังแต่ห้าคนข้ึนไป และเขาก็เป็นคนหน่ึงท่ีมี ลูกครบห้าคนพอดี “จะไปได้ยงั ไง? ลกู จะตาแเหงบ็ ๆ อยู่ไม่เหน็ รึ” เขาพูดอย่างเจ็บแคน้ “มันจะเปน็ อะไรไปวะ? มดหมอออกมากมายตา่ งก็เคยรักษากินบ้านกินเมืองมาแล้วท้งั น้ัน” “ไปซีอา้ ยบา้ ต้องสองร้อยบาทเทียวนะ เกิดมามงึ เคยมีรึ? เงินสองรอ้ ยนะ่ ” “พดู มันเสียเถอะ” อีกคนพูด “ถา้ มันเกิดมอี ันเป็นถึงล้มถงึ ตายกเ็ ลยชวดเท่านน้ั เอง” “ไมไ่ ป๊ไม่ไป” เขาเอ็ดตะโร “ลกู ถอนหายใจปะหงับๆ อย่ยู ังจะมาบอกให้ไป วันอนื่ มันทาไมไม่ จา่ ย?จริง เงนิ สองรอ้ ยบาท เกิดมากกู ็ไม่เคยมี แต่กไู มไ่ ป ขา้ ไม่ไป” “ตะราง” อีกคนหน่ึงพูด “ถ้ามันไม่ไปกต็ ะรางเท่าน้ันเอง มีหรือจะขัดเจ้านายเขาให้ ต้องเอา ไม่เอากต็ ะราง” เขารสู้ ึกเสยี ใจเมือ่ ได้ยนิ คาว่าตะรางบ่อยๆ แต่ก็ยังแข็งใจพดู “ตะรางตะเริงท่ีไหน ก็บอกไม่เอา ลูกจะตายท้ังคนจะทิ้งไปด้ายยังง้าย” เขาข้ึนเสียง “ไม่ไป ไมไ่ ป” เขายา้ อีก “ไปเสยี อยา่ ขดั ทางการเขา เราเปน็ ราษฎร” หนั ไปกพ็ บผูใ้ หญ่บ้านยนื หน้าขรึมอยูข่ ้างๆ เสียง เขาแหบแห้งลงทนั ที “ถา้ ไมไ่ ป โทษถึงตะรางจริงหรอื ?” เขาถาม “แนน่ อน ” ผูใ้ หญบ่ า้ นพูดขึงขงั “บางทีถึงจาคกุ ตลอดชวี ติ ” เท่าน้ันเอง เขาก็ต้องซมซานไปอาเภอเหมือนคนบ้า ฝากลูกน้อยกับหมอน้ามนต์ และเพื่อน บ้านแล้วผลุงลงเรือนไป ถึงอาเภอเอาเมื่อพระจวนจะเพล พบกันเพ่ือนบ้านท่ีมาเอาเงินช่วยเหลือ เช่นเดียวกับเขานง่ั เปน็ กลมุ่ เพือ่ นบา้ นช้ใี ห้เขาไปทโี่ ต๊ะปลัดอาเภอแก่ๆ คนหนึง่ จงึ ผลุนผลันเขา้ ไป “ผมนายนาค นางาม ครับ มาขอรับเงนิ ค่ามลี ูกมาก” ปลัดอาเภอเงยหน้าท่ีอวบอูมขึ้นมองเขาอย่างช้าๆ จ้องอยู่ครู่หน่ึงแล้วพูดเสียงหนัก “อ้ายบ้า คนกาลงั ทางานไมม่ ตี ารึ? “ไป๊ ไปรอข้างนอก”

อ่านคดิ วเิ คราะห์เร่ืองสน้ั 36 “เออนาย ลูกผมกาลังจะตาย” แต่แลว้ เข้าก็ชะงกั โดยเร็ว เม่อื คิดว่าเขาไม่ควรพูดคานี้ เพราะ บางทีเจ้านายเกิดสงสัยว่าลกู เค้าจะตายจะลาบาก ปลดั อาเภอคนน้ันก้มหน้าเขียนอะไรขยุกขยิกตอ่ ไป นาคเดินออกมาสมทบเพ่ือนข้างนอกอย่างเง่ืองหงอย เกดิ เป็นราษฎรชาวนาน้ีช่างมีแตก่ องทุกข์เขาคิด อดอยากปากหมองก็สุดจะทุกข์อยู่แล้ว หันหน้าไปหาเจ้านายก็มีแต่คาขู่เข็ญ เขารอต่อไปจนเที่ยง แต่ เจ้านายคนน้ันก็ยังเขียนหนังสือต่อไปเหมือนไม่มีพวกเขาชาวนาท้ังหลายซ่ึงนั่งรออยู่อย่างกระวน กระวาย สกั ครปู่ ลดั จงึ ลุกขน้ึ เดนิ อาดๆ ออกมาข้างนอก แตย่ งั มเี มตตาหนั มาบอกสองสามคา “เท่ียงแลว้ หยุดพัก บ่ายโมงมาเอา” นาคกับเพื่อนนง่ั รอจนบ่าย ปลัดหน้าตายคนน้ันจึงเขา้ มา และเรียกพวกเขาให้ไปหา ทกุ คนนั่ง ราบลงท่ีพ้ืน เขาเริ่มซักถามต่างๆ ว่าทายังไงจึงมีลูกมากนัก เพื่อนบ้านตอบไปงกๆ เง่ินๆ เรียกเสียง หวั เราะชอบใจจากหม่เู จา้ นายที่หนั มาฟงั คาตอบอนั แสนจะน่าอดสูเหล่านน้ั และแล้วกถ็ ึงเขาจนได้ “คนไหน? นายนาค นางาม” “ผมครับ” เขาตอบอ้อมแอ้ม “เราล่ะ ทายงั ไงจึงมลี ูกมากมายนัก?” หลายคนหวั เราะคิกๆ “โอย้ มนั ยากมันจน นายเอ๊ย” เขาโพลง่ ออกไปเพราะเหลืออด “ก็มนั มาเกีย่ วอะไรกับยากๆ จนๆเล่า?” ปลัดซักถามดว้ ยน้าเสยี งแสดงความผิดหวงั “มันจน มันจน ไม่มีเงินจะไปซ้ือผ้าห่ม ถึงจะเหม็นสาบเหม็นคาวทั้งปีท้ังชาติก็ได้ใช้เมีย นั่นแล้วต่างผ้าห่ม ลูกมันก็หล่ังไหลมา” แทนเสียงหัวเราะเราทุกคนเงียบงันไปครู่หนึ่ง เสียงปลัดหน้า ตายคนน้ันจงึ ปร่าๆ ข้นึ อีก “บ๊ะ อ้ายหมอนี่เอาเมียทาผา้ หม่ ” ลมพัดมาอกี อู้หนึ่ง สะแบงหลวงและพะยอมท้งิ ใบแกก่ ราวใหญ่ ประกายแดดยงั เตน้ ระยบิ ลม หังกุดยังคงอ้ืออึงกลางทุ่งโล่งเบื้องหน้า นาคผละจากเงาไม้สูง ฝ่าเปลวแดดร้อนยามบ่ายมุ่งตรงไป หมูบ่ ้านไมน่ านเขาสวนทางกบั เพ่ือนบ้านหมู่หน่ึง “เอ้ย ทิคนาค” เสยี งนน้ั ทักมาแตไ่ กล ไม่ทันจะตอบอีกคนหนึ่งกช็ ิงเลา่ “เอง็ โชคดเี หลอื เกิน” คนเล่าทาใหเ้ ขาใจชนื้ มากขนึ้ ยิ้มเล็กน้อยกอ่ นถาม “โชคยังไง?โชคยงั ไง” เขาถามอย่างรอ้ นรน “ก็เงนิ สองร้อยเอง็ ได้หรอื เปลา่ เลา่ ?” “ไดซ้ ี อยู่น่ี” เขาตบกระเปา๋ “โชคดีเหลือเกิน โชคเอ็งดเี หลือเกินนาคเอ๋ย ถ้าเอง็ ช้าไปอีกวันเดยี วกช็ วดเงนิ สองร้อยบาท” ลาวคาหอม.(๒๕๕๒).เขียดขาคา ใน ฟ้าบก่ ัน้ (หน้า ๔๙-๕๔). (พิมพค์ ร้ังท่ี ๓). กรงุ เทพฯนาอักษรการพมิ พ์

อ่านคดิ วิเคราะหเ์ รื่องสน้ั 37 คำช้ีแจง จงเลือกคาตอนท่ีถูกต้องทสี่ ุดเพียงคาตอบเดยี ว ๑. เรื่องเขยี ดขาคาเป็นงานเขียนประเภทใด ก. บทความ ข. นวนิยาย ค. เรื่องสั้น ง. สารคดี ๒. ปัญหาสงั คมไทยในข้อใดมิได้ปรากฏอยูใ่ นเร่ือง “เขียดขาคา” ก. ปญั หาความยากจน ข. ปัญหาอบายมุขและยาเสพตดิ ค. ปัญหาความเหลอ่ื มล้าระหว่างราษฏรกบั หนว่ ยงานทางราชการ ง. ปัญหาการขาดแคลนแพทย์และการบริการสาธารณสขุ ข้ันพื้นฐาน ๓. พอ่ ตดั สนิ ใจไปอาเภอเพราะเหตใุ ด ก. เพราะแรงยจุ ากเพ่อื นบ้าน ข. ต้องการเงิน ๒๐๐ บาท ค. กลัวไดร้ บั โทษติดคุก ง. เกรงกลวั ผูใ้ หญ่บา้ น ๔. เพราะเหตใุ ดผ้เู ขยี นจึงต้งั ช่ือวา่ “เขียดขาคา” ก. เพราะเขยี ดขาคาเปน็ ตน้ เหตขุ องปัญหาทั้งหมด ข. เพราะคนอสิ านถอื วา่ เขียดขาคาเป็นสตั วน์ าโชค ค. เพราะเขยี ดขาคาคืออาหารหลักของตัวละครในเรื่อง ง. เพราะเขียดขาคาเป็นตวั แทนของความยากจนแรน้ แค้นของอสิ าน ๕. “โชคดเี หลือเกนิ โชคเอ็งดีเหลือเกนิ นาคเอ๋ย ถ้าเอง็ ช้าไปอีกวันเดียวกช็ วดเงนิ สองร้อยบาท” ขอ้ ความดังกลา่ วมนี ัยถึงอะไร ก. ลูกของนาคท่ีถูกงูกัดตายแล้ว ข. ราชการจะจา่ ยเงนิ เฉพาะวนั น้ี ค. นาคโชคดที ไ่ี ด้เงนิ สองร้อยบาท ง. นาคจะได้นาเงนิ สองร้อยบาทไปซ้ือยา ๖. “นอกจากหญ้าและฟางมันยงั หอบเอาดินสนี า้ ตาลลอยฟุ้งจนมดื มัวไปหมด มันเป็นลมหวั กดุ หรือท่ี บางคนเรยี กลมหัวด้วน” ขอ้ ใดไม่ใช่เครื่องหมายของ “ลมหัวกดุ ” ก. ความอดยาก ข. ความหนาว ค. ความวิบตั ิ ง. ความตาย

อา่ นคิดวิเคราะห์เรื่องส้นั 38 ๗. ข้อใดกล่าวถูกต้อง ก. ลกู ชายมชี วี ติ อยเู่ พราะกนิ ตับงูปง้ิ ข. ลูกชายมชี วี ิตอย่เู พราะใชก้ ารรกั ษาตามความเช่อื ค. ลูกชายเสยี ชีวิตเพราะมวั รอเงนิ ท่จี ะได้จากอาเภอ ง. ลูกชายเสยี ชวี ติ อยเู่ พราะไม่ไดร้ บั การปฐมพยาบาลและการกั ษาอยา่ งถูกต้อง ๘. แนวคดิ หลกั ของเรือ่ งคืออะไร ก. ความรักของพอ่ ยิ่งใหญม่ หาศาล ข. ชาวชนบทยงั ขาดความรใู้ นการดารงชีวติ ค. ประชาชนในชนบทขาดความรูเ้ รือ่ งกฎหมาย ง. ในชนบทห่างไกลประชาชนยังยากจนมาก ถูกกดขี่ขม่ เหงอยู่เสมอ ควรได้รับการเหลียวแล ช่วยเหลอื ๙. เรื่องนใ้ี ห้ประโยชน์แก่สงั คมในเรือ่ งใด ก. เป็นกระจกสะทอ้ นใหเ้ หน็ ขอ้ เท็จจริงในชนบทท่ีรฐั ตอ้ งเร่งแก้ไข ข. เป็นกระจกสะท้อนให้เห็นขอ้ ผิดพลาดในการพัฒนาชนบท ค. เหน็ ถึงการทางานของเจา้ หนา้ ท่ีรัฐไมม่ ปี ระสิทธิภาพ ง. เหน็ การต่อสู้ชีวติ ของคนชนบทที่ควรเอาอยา่ ง ๑๐. ข้อใดสะทอ้ นภาพชนบทหา่ งไกลทยี่ งั ขาดการพฒั นาไดช้ ดั เจนทีส่ ดุ ก. เมอ่ื ถึงบา้ นทกุ สิง่ โกลาหลไปหมด วิง่ หาหมอน้ามนต์ หมอยากลางบ้านเทา่ ทค่ี ดิ ชือ่ ได้ ข. เกิดเป็นราษฎรชาวนาน่ีช่างมีแต่กองทุกข์เขาคิด อดยากปากหมองก็สุดจะทุกข์อยู่แล้ว หันหน้าไปหาเจ้านายกม็ ีแตค่ าขเู่ ขญ็ ค. มันจน มันจน ไม่มีเงนิ จะไปซ้ือผ้าห่ม ถึงจะเหม็นสาบเหม็นคาวทง้ั ปีท้ังชาติ กไ็ ด้ใช้เมียน้ัน แลว้ ต่างผา้ หม่ ลูกมนั ก็หล่ังไหลมา ง. โกรธดินฟ้าอากาศซ่ึงช่างมีแต่ความทารุณไม่จบสิ้น เช้านี้มันยังหนาวเหน็บจนถึงกระดูก แต่ขณะนีก้ ลบั รู้สกึ วา่ ร้อนจนหวั จะแตกออกเป็นเส่ยี งๆ

อ่านคดิ วเิ คราะหเ์ ร่ืองส้นั 39 เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี น ชุดกำรเรยี นท่ี ๕ กำรอ่ำนคดิ วเิ ครำะหเ์ รื่องสั้น ๑. ค ๒. ค ๓. ข ๔. ข ๕. ก ๖. ง ๗. ก ๘. ก ๙. ง ๑๐. ง

อ่านคดิ วเิ คราะหเ์ ร่ืองส้นั 40 เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น ชุดกำรเรยี นท่ี ๕ กำรอ่ำนคิดวเิ ครำะหเ์ รื่องสั้น ๑. ค ๒. ข ๓. ค ๔. ง ๕. ก ๖. ข ๗. ง ๘. ง ๙. ก ๑๐. ก

อา่ นคดิ วเิ คราะห์เรื่องสัน้ 41 บรรณำนกุ รม ประพนธ์ เรอื งณรงค์ และคณะ ชุดปฎริ ปู การเรยี นร้หู ลักสตู รการศึกษาข้นั พื้นฐาน พ.ศ.๒๕๔๔ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ชว่ งชัน้ ที่ ๔ ม. ๔-๖ กรุงเทพมหานคร : บริษัทโรงพิมพ์ สามมิตร จากดั ,๒๕๕๕. วัชระ สจั จะสารสิน. รวมเรอ่ื งสนั้ รางวลั ซีไรท์ ปี๒๕๕๑ “เราหลงลมื อะไรบางอย่าง” ปทุมธานี: ๒๕๕๒. อัมพร สุขเกษม หนังสอื เรียนภาษาไทย ท๐๒๒ วรรณกรรมปจั จุบนั ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย กรุงเทพมหานคร : บรษิ ัทไทยวฒั นาพานชิ จากดั ,๒๕๕๒. อทุ ัย ปรชี า และธวัชชัย เปรมปรีดิ์ คู่มือสอบภาษาไทย ๒ หลักสตู รการศึกษาโรงเรยี นสายสามัญ ศกึ ษาระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย(ม.๖) กรุงเทพมหานคร : บริษทั รุ่งศลิ ป์การพมิ พ์(๑๙๗๗) จากดั ,๒๕๕๑. เอมอร เนียมน้อย พัฒนาการอา่ นอยา่ งมวี จิ ารณญาณด้วยวธิ ี SQ3R กรุงเทพมหานคร : สุวีรยิ าสาสน์ ๒๕๕๕. ฮงุ่ อะลนุ แดนวิไล (เขียน) จินตรยั (แปล) รวมเรอ่ื งสนั้ วรรณกรรมสร้างสรรคย์ อดเยีย่ มแหง่ อาเซยี น ของประเทศลาว ประจาปี ๒๐๐๘ กรุงเทพมหานคร:นามบี ุ๊คส์พับลเิ คชนั่ ส,์ ๒๕๕๔.