1 การเทยี บเคยี งตัวชี้วดั ในสาระพืน้ ฐานและผลการเรยี นรใู้ นสาระเพ่มิ เตมิ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ เน่ืองจากการพัฒนาผลการเรยี นรใู้ นสาระเพิ่มเติม เปน็ การหลอมรวมตวั ชี้วดั ในสาระพื้นฐานกับองค์ความรู้ ท่ีขยายให้เขม้ ข้นข้นึ เพื่อให้เหมาะสมกบั ผู้เรยี นแผนการเรียนวทิ ยาศาสตร์ สาระทเี่ ทยี บเคยี งกนั ได้ คือ - สาระที่ 1 วทิ ยาศาสตร์ชีวภาพ กับ สาระชีววทิ ยา - สาระท่ี 2 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ กับ สาระเคมีและสาระฟสิ กิ ส์ - สาระท่ี 3 วทิ ยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ กับ สาระโลก ดราราศาสตร์ และอวกาศ รายละเอียดดังน้ี 1. สาระที่ 1 วิทยาศาสตรช์ ีวภาพ กบั สาระชวี วทิ ยา ตัวชวี้ ดั ในสาระพ้ืนฐาน ผลการเรยี นรู้ในสาระเพ่มิ เติม มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนเิ วศ ขอ้ 5. เขา้ ใจแนวคิดเกีย่ วกบั ระบบนเิ วศ กระบวนการถา่ ยทอด ความสัมพันธ์ระหว่างสง่ิ ไม่มชี ีวิตกับสงิ่ มชี ีวิตและความสมั พันธ์ พลงั งานและการหมุนเวยี นสารในระบบนิเวศ ความหลากหลาย ระหว่างสิง่ มีชีวิตกับสงิ่ มีชวี ิตตา่ ง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอด ของไบโอม การเปล่ยี นแปลงแทนทขี่ องสง่ิ มีชีวิตในระบบนเิ วศ พลังงานการเปลี่ยนแปลงแทนที่ในระบบนเิ วศ ความหมายของ ประชากรและรปู แบบการเพม่ิ ของประชากร ทรัพยากรธรรมชาติ ประชากร ปัญหาและผลกระทบที่มีตอ่ ทรัพยากรธรรมชาติและ และสง่ิ แวดลอ้ ม ปัญหา และผลกระทบท่เี กิดจากการใช้ประโยชน์ สง่ิ แวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและ และแนวทางการแก้ไขปญั หา การแกไ้ ขปัญหาสงิ่ แวดล้อม รวมทั้งนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ผลการเรียนรู้ ม.6 ตัวชวี้ ดั ม.4 4. สืบค้นขอ้ มลู ยกตัวอยา่ ง และอธิบายลักษณะของไบโอม 1. สืบคน้ ข้อมลู และอธิบายความสัมพันธ์ของสภาพทางภมู ศิ าสตร์ ที่กระจายอยตู่ ามเขตภมู ศิ าสตรต์ า่ ง ๆ บนโลก บนโลกกับความหลากหลายของไบโอม และยกตัวอยา่ งไบโอม ชนดิ ต่าง ๆ 2. สืบค้นข้อมลู อภปิ รายสาเหตุ และยกตวั อย่างการเปล่ียนแปลง 5. สบื ค้นข้อมลู ยกตวั อยา่ ง อธิบาย และเปรยี บเทยี บการ แทนที่ของระบบนเิ วศ เปลีย่ นแปลงแทนทีแ่ บบปฐมภูมแิ ละการเปลยี่ นแปลงแทนที่ แบบทตุ ยิ ภูมิ 3. สบื ค้นขอ้ มลู อธิบายและยกตัวอย่างเกี่ยวกบั การเปลี่ยนแปลง 6. สบื ค้นข้อมลู อธิบาย ยกตัวอย่างและสรุปเก่ยี วกับลกั ษณะเฉพาะ ขององคป์ ระกอบทางกายภาพและทางชวี ภาพทมี่ ีผลต่อการ ของประชากรของสง่ิ มีชีวติ บางชนิด เปล่ยี นแปลงขนาดของประชากรสงิ่ มีชวี ติ ในระบบนเิ วศ 7. สบื คน้ ขอ้ มลู อธิบาย เปรยี บเทยี บ และยกตัวอย่างการเพ่ิม ของประชากรแบบเอ็กโพเนนเชียลและการเพม่ิ ของประชากร แบบลอจิสตกิ 8. อธบิ ายและยกตัวอยา่ งปัจจัยท่ีควบคมุ การเตบิ โตของประชากร 4. สบื ค้นข้อมลู และอภปิ รายเกย่ี วกบั ปัญหาและผลกระทบทีม่ ตี ่อ 9. วิเคราะห์ อภิปราย และสรปุ ปญั หาการขาดแคลนนา้ การเกดิ ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อม พรอ้ มท้งั นาเสนอแนวทาง มลพษิ ทางน้า และผลกระทบทีม่ ตี อ่ มนษุ ย์และสิง่ แวดล้อม ในการอนุรักษ์ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละการแกไ้ ขปญั หา รวมท้ังเสนอแนวทางการวางแผนการจัดการนา้ และการแกไ้ ข สิ่งแวดล้อม ปญั หา สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (สสวท.) www.ipst.ac.th
2 ตัวช้ีวัดในสาระพน้ื ฐาน ผลการเรียนรใู้ นสาระเพ่ิมเตมิ 10. วเิ คราะห์ อภิปราย และสรุปปญั หามลพษิ ทางอากาศและ ผลกระทบท่มี ตี ่อมนุษย์และสิ่งแวดลอ้ ม รวมทั้งเสนอแนวทาง การแกไ้ ขปัญหา 11. วเิ คราะห์ อภิปราย และสรุปปญั หาทเ่ี กดิ กับทรพั ยากรดนิ และผลกระทบทมี่ ตี ่อมนษุ ย์และสิ่งแวดล้อม รวมท้ังเสนอแนวทาง การแก้ไขปัญหา 12. วิเคราะห์ อภปิ ราย และสรปุ ปัญหาผลกระทบทีเ่ กิดจาก การทาลายปา่ ไม้ รวมทัง้ เสนอแนวทางในการปอ้ งกันการทาลาย ปา่ ไม้และการอนรุ กั ษป์ า่ ไม้ 13. วเิ คราะห์ อภปิ ราย และสรปุ ปญั หาผลกระทบที่ทาให้สตั วป์ ่า มจี านวนลดลง และแนวทางในการอนรุ กั ษส์ ัตวป์ า่ มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบตั ขิ องสง่ิ มชี ีวิต หนว่ ยพนื้ ฐานของ ขอ้ 1. เข้าใจธรรมชาตขิ องสง่ิ มชี ีวติ การศึกษาชวี วทิ ยาและ สิง่ มชี วี ิต การลาเลยี งสารเข้าและออกจากเซลล์ ความสมั พนั ธ์ วิธกี ารทางวิทยาศาสตร์ สารที่เปน็ องค์ประกอบของสิ่งมีชีวิต ของโครงสร้าง และหนา้ ท่ขี องระบบตา่ ง ๆ ของสตั ว์และมนุษย์ ปฏกิ ริ ิยาเคมีในเซลลข์ องสงิ่ มชี วี ติ กล้องจลุ ทรรศน์ โครงสรา้ ง ทท่ี างานสัมพันธก์ ัน ความสัมพันธข์ องโครงสร้าง และหน้าทีข่ อง และหนา้ ทข่ี องเซลล์ การลาเลียงสารเขา้ และออกจากเซลล์ อวัยวะตา่ ง ๆ ของพชื ท่ีทางานสมั พนั ธ์กัน รวมทั้ง นาความรู้ การแบง่ เซลล์ และการหายใจระดบั เซลล์ ไปใชป้ ระโยชน์ ผลการเรียนรู้ ม.4 ตัวชี้วัด ม.4 11. อธิบายโครงสร้างและหน้าทขี่ องสว่ นทห่ี ่อห้มุ เซลลข์ องเซลล์ 1. อธิบายโครงสรา้ งและสมบตั ิของเย่อื หุ้มเซลล์ทส่ี ัมพันธก์ บั พืชและเซลลส์ ัตว์ การลาเลียงสาร และเปรยี บเทยี บการลาเลียงสาร 12. สบื คน้ ขอ้ มลู อธิบาย และระบุชนดิ และหน้าท่ีของออร์แกเนลล์ ผ่านเย่ือหมุ้ เซลล์แบบต่าง ๆ 13. อธบิ ายโครงสร้างและหน้าท่ขี องนวิ เคลยี ส 14. อธบิ ายและเปรยี บเทยี บการแพร่ ออสโมซสิ การแพรแ่ บบฟาซลิ เิ ทต และแอกทีฟทรานสปอรต์ 15. สบื ค้นขอ้ มูล อธบิ าย และเขียนแผนภาพการลาเลียงสาร โมเลกลุ ใหญอ่ อกจากเซลลด์ ว้ ยกระบวนการเอกโซไซโทซสิ และ การลาเลียงสารโมเลกลุ ใหญเ่ ขา้ สเู่ ซลลด์ ้วยกระบวนการ เอนโดไซโทซสิ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของส่ิงมีชีวติ หนว่ ยพื้นฐานของ ขอ้ 4. เขา้ ใจการยอ่ ยอาหารของสตั ว์และมนษุ ย์ รวมทั้งการหายใจ สง่ิ มชี ีวติ การลาเลยี งสารเขา้ และออกจากเซลล์ ความสมั พนั ธ์ และการแลกเปลย่ี นแกส๊ การลาเลียงสารและการหมนุ เวียนเลือด ของโครงสรา้ ง และหน้าทขี่ องระบบต่าง ๆ ของสตั ว์และมนุษย์ ภูมคิ ุ้มกันของร่างกาย การขับถ่าย การรบั รู้และการตอบสนอง ทีท่ างานสัมพนั ธก์ ัน ความสัมพนั ธข์ องโครงสรา้ ง และหนา้ ทข่ี อง การเคล่อื นท่ี การสบื พนั ธ์ุและการเจรญิ เตบิ โต ฮอรโ์ มนกบั การ อวยั วะตา่ ง ๆ ของพืชทที่ างานสมั พนั ธ์กนั รวมท้งั นาความรู้ รกั ษาดุลยภาพ และพฤตกิ รรมของสตั ว์ รวมทง้ั นาความรไู้ ปใช้ ไปใชป้ ระโยชน์ ประโยชน์ ตวั ชี้วดั ม.4 ผลการเรียนรู้ ม.5 2. อธิบายการควบคมุ ดลุ ยภาพของน้าและสารในเลือดโดยการ 19. อธบิ ายโครงสรา้ งและหน้าท่ีของไต และโครงสร้างท่ีใช้ ทางานของไต ลาเลยี งปัสสาวะออกจากรา่ งกาย สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (สสวท.) www.ipst.ac.th
3 ตัวชี้วัดในสาระพ้นื ฐาน ผลการเรียนร้ใู นสาระเพ่ิมเตมิ 3. อธบิ ายการควบคุมดลุ ยภาพของกรด-เบสของเลือดโดยการ ทางานของไตและปอด 20. อธิบายกลไกการทางานของหน่วยไตในการกาจัดของเสยี ออกจากรา่ งกาย และเขยี นแผนผงั สรปุ ขน้ั ตอนการกาจัดของเสยี 4. อธบิ ายการควบคมุ ดลุ ยภาพของอณุ หภูมภิ ายในรา่ งกายโดย ออกจากรา่ งกายโดยหน่วยไต ระบบหมุนเวียนเลือด ผิวหนัง และกล้ามเน้อื โครงรา่ ง 21. สบื คน้ ข้อมูล อธิบายและยกตวั อย่างเก่ียวกับความผดิ ปกติ ของไตอนั เน่ืองมาจากโรคตา่ ง ๆ 5. อธิบายและเขียนแผนผังเกย่ี วกบั การตอบสนองของรา่ งกาย 10. อธบิ ายโครงสร้างและการทางานของหวั ใจและหลอดเลอื ด แบบไม่จาเพาะและแบบจาเพาะตอ่ ส่งิ แปลกปลอมของรา่ งกาย ในมนษุ ย์ 6. สบื ค้นขอ้ มูล อธิบายและยกตวั อย่างโรคหรอื อาการท่ีเกดิ จาก 11. สังเกตและอธิบายโครงสร้างหัวใจของสัตว์เลีย้ งลกู ดว้ ยน้านม ความผิดปกติของระบบภมู คิ ุ้มกัน ทิศทางการไหลของเลอื ดผ่านหัวใจของมนษุ ย์ และเขยี นแผนผงั 7. อธิบายภาวะภมู คิ มุ้ กนั บกพร่องที่มีสาเหตมุ าจากการตดิ เช้อื สรุปการหมนุ เวยี นเลือดของมนษุ ย์ HIV 15. สบื ค้นขอ้ มลู อธิบาย และเปรยี บเทยี บกลไกการต่อต้านหรอื ทาลายส่งิ แปลกปลอมแบบไมจ่ าเพาะและแบบจาเพาะ 16. สบื ค้นขอ้ มลู อธิบาย และเปรยี บเทยี บการสร้างภูมคิ ุ้มกนั กอ่ เองและภมู ิคมุ้ กนั รบั มา 17. สบื คน้ ขอ้ มลู และอธบิ ายเก่ียวกับความผดิ ปกติของระบบ ภูมคิ มุ้ กันทที่ าใหเ้ กดิ เอดส์ ภมู ิแพ้ การสรา้ งภมู ติ า้ นทานต่อ เน้อื เยื่อตนเอง มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบัตขิ องส่ิงมีชวี ติ หน่วยพ้ืนฐานของ ข้อ 1. เข้าใจธรรมชาติของสงิ่ มชี วี ติ การศึกษาชีววทิ ยาและ สิ่งมชี ีวติ การลาเลยี งสารเขา้ และออกจากเซลล์ ความสมั พนั ธ์ วิธกี ารทางวิทยาศาสตร์ สารที่เป็นองค์ประกอบของส่ิงมชี ีวิต ของโครงสร้าง และหนา้ ท่ขี องระบบตา่ ง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ ปฏกิ ิรยิ าเคมีในเซลล์ของสงิ่ มีชวี ิต กลอ้ งจลุ ทรรศน์ โครงสรา้ ง ท่ีทางานสมั พันธก์ นั ความสมั พนั ธข์ องโครงสรา้ ง และหน้าท่ีของ และหนา้ ทขี่ องเซลล์ การลาเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ อวัยวะตา่ ง ๆ ของพืชที่ทางานสัมพนั ธก์ ัน รวมทงั้ นาความรู้ การแบง่ เซลล์ และการหายใจระดบั เซลล์ ไปใชป้ ระโยชน์ ผลการเรียนรู้ ม.4 ตัวชี้วัด ม.4 4. สืบค้นขอ้ มูล อธบิ ายโครงสร้างของคารโ์ บไฮเดรต ระบุกลมุ่ 8. ทดสอบและบอกชนิดของสารอาหารทพี่ ืชสังเคราะหไ์ ด้ ของคารโ์ บไฮเดรต รวมทั้งความสาคญั ของคารโ์ บไฮเดรตที่มตี อ่ 9. สบื ค้นขอ้ มูล อภปิ ราย และ ยกตัวอยา่ งเกย่ี วกับการใช้ ส่งิ มชี ีวิต ประโยชน์จากสารตา่ ง ๆ ท่ีพืชบางชนิดสร้างข้ึน 5. สบื ค้นขอ้ มูล อธบิ ายโครงสร้างของโปรตนี และความสาคญั ของโปรตีนท่ีมีต่อสง่ิ มชี ีวิต 6. สบื คน้ ข้อมลู อธิบายโครงสรา้ งของลิพดิ และความสาคญั ของ ลพิ ดิ ท่มี ีตอ่ สงิ่ มชี วี ติ 7. อธบิ ายโครงสรา้ งของกรดนวิ คลอิ กิ และระบชุ นิดของ กรดนวิ คลิอกิ และความสาคญั ของกรดนิวคลิอิกทมี่ ตี ่อสิง่ มชี วี ติ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (สสวท.) www.ipst.ac.th
•4 ตัวชี้วดั ในสาระพน้ื ฐาน ผลการเรยี นรู้ในสาระเพ่ิมเติม มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบตั ิของส่ิงมชี ีวติ หน่วยพื้นฐานของ ข้อ 3. เขา้ ใจสว่ นประกอบของพืช การแลกเปล่ยี นแกส๊ และคาย ส่งิ มชี วี ติ การลาเลยี งสารเข้าและออกจากเซลล์ ความสมั พนั ธ์ น้าของพชื การลาเลยี งของพชื การสงั เคราะห์ดว้ ยแสง การ ของโครงสร้าง และหนา้ ท่ขี องระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ สืบพนั ธขุ์ องพืชดอกและการเจรญิ เติบโต และการตอบสนองของ ทท่ี างานสัมพนั ธ์กัน ความสัมพนั ธข์ องโครงสรา้ ง และหน้าท่ขี อง พืช รวมท้ังนาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ อวัยวะต่าง ๆ ของพชื ที่ทางานสัมพนั ธ์กัน รวมท้ัง นาความรู้ ไปใช้ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ ม.5 12. สบื ค้นข้อมูล อภปิ รายและสรปุ ปจั จัยความเข้มของแสง ตัวชีว้ ดั ม.4 ความเข้มข้นของคารบ์ อนไดออกไซด์ และอณุ หภมู ิ ทีม่ ีผลต่อการ 10. ออกแบบการทดลอง ทดลอง และอธิบายเกย่ี วกบั ปัจจัย สงั เคราะหด์ ้วยแสงของพืช ภายนอกท่ีมีผลตอ่ การเจรญิ เติบโตของพชื 11. สืบคน้ ขอ้ มลู เกี่ยวกบั สารควบคุมการเจริญเตบิ โตของพชื 17. สบื คน้ ขอ้ มูล อธบิ ายบทบาทและหน้าทีข่ องออกซนิ ที่มนษุ ยส์ งั เคราะห์ข้นึ และยกตัวอย่างการนามาประยกุ ต์ใช้ ไซโทไคนิน จบิ เบอเรลลิน เอทิลีน และกรดแอบไซซกิ ทางด้านการเกษตรของพชื และอภปิ รายเกยี่ วกับการนาไปใช้ประโยชน์ทางการเกษตร 12. สงั เกตและอธิบายการตอบสนองของพืชต่อส่ิงเรา้ ในรูปแบบ 18. สบื ค้นข้อมลู ทดลอง และอภปิ รายเก่ยี วกับสง่ิ เรา้ ภายนอก ต่าง ๆ ทม่ี ผี ลตอ่ การดารงชวี ิต ทม่ี ีผลตอ่ การเจริญเตบิ โตของพืช มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสาคัญของการ ขอ้ 2. เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถา่ ยทอดยนี ถา่ ยทอดลักษณะทางพนั ธุกรรม สารพนั ธุกรรม การเปล่ียนแปลง บนโครโมโซม สมบัติและหน้าท่ีของสารพนั ธุกรรม การเกดิ มวิ เทชัน ทางพันธกุ รรมทีม่ ผี ลตอ่ ส่งิ มีชวี ติ ความหลากหลายทางชวี ภาพและ เทคโนโลยีทางดเี อ็นเอ หลกั ฐาน ข้อมูลและแนวคดิ เกย่ี วกบั วิวัฒนาการของสิ่งมีชวี ติ รวมทั้งนาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ วิวฒั นาการของส่ิงมชี ีวติ ภาวะสมดลุ ของฮาร์ดี-ไวนเ์ บริ ก์ การเกดิ สปชี ีสใ์ หม่ ความหลากหลายทางชวี ภาพ กาเนิดของ ตวั ชี้วัด ม.4 สงิ่ มีชวี ติ ความหลากหลายของส่งิ มชี วี ติ และอนุกรมวธิ าน 1. อธบิ ายความสมั พนั ธ์ระหวา่ งยนี การสังเคราะห์โปรตีน และ รวมทัง้ นาความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรม ผลการเรยี นรู้ ม.4 6. สบื ค้นขอ้ มูล อธบิ ายสมบัตแิ ละหนา้ ท่ีของสารพันธุกรรม โครงสร้างและองค์ประกอบทางเคมีของ DNA และสรุปการ จาลอง DNA 7. อธบิ ายและระบุข้นั ตอนในกระบวนการสังเคราะหโ์ ปรตนี และ หน้าท่ขี อง DNA และ RNA แตล่ ะชนดิ ในกระบวนการสังเคราะห์ โปรตนี 8. สรปุ ความสมั พันธร์ ะหวา่ งสารพันธุกรรม แอลลีล โปรตนี ลักษณะทางพนั ธกุ รรม และเชือ่ มโยงกับความรู้เร่ืองพันธศุ าสตร์ เมนเดล 2. อธบิ ายหลักการถา่ ยทอดลกั ษณะท่ถี ูกควบคุมด้วยยีนทอ่ี ยบู่ น 3. สบื คน้ ขอ้ มูล วิเคราะห์ อธบิ าย และสรุปเกยี่ วกับการถา่ ยทอด โครโมโซมเพศและมลั ติเปลิ แอลลลี ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมทเ่ี ปน็ สว่ นขยายของ พันธศุ าสตรเ์ มนเดล 5. อธบิ ายการถ่ายทอดยนี บนโครโมโซม และยกตัวอย่างลักษณะ ทางพันธุกรรมที่ถูกควบคมุ ด้วยยนี บนออโตโซมและยีนบน โครโมโซมเพศ nnosnasoaaeraereสถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (สสวท.) www.ipst.ac.th
•5 ตัวชี้วดั ในสาระพ้ืนฐาน ผลการเรียนรู้ในสาระเพ่ิมเติม 3. อธบิ ายผลท่ีเกิดจากการเปลย่ี นแปลงลาดบั นวิ คลโี อไทด์ 9. สืบคน้ ขอ้ มูล และอธบิ ายการเกดิ มวิ เทชันระดบั ยนี และระดบั ในดเี อน็ เอตอ่ การแสดงลกั ษณะของส่ิงมีชีวิต โครโมโซม สาเหตกุ ารเกดิ มวิ เทชนั รวมท้งั ยกตัวอย่างโรคและ 4. สืบคน้ ขอ้ มลู และยกตวั อยา่ งการนามวิ เทชันไปใชป้ ระโยชน์ กลมุ่ อาการท่เี ปน็ ผลของการเกดิ มวิ เทชนั 5. สบื ค้นข้อมูลและอภปิ รายผลของเทคโนโลยีทางดเี อน็ เอทีม่ ตี อ่ 10. อธบิ ายหลกั การสรา้ งส่ิงมชี วี ติ ดดั แปรพนั ธุกรรมโดยใช้ มนษุ ย์และสงิ่ แวดล้อม ดีเอน็ เอรีคอมบิแนนท์ 11. สืบค้นขอ้ มลู ยกตัวอยา่ ง และอภปิ รายการนาเทคโนโลยี ทางดีเอน็ เอไปประยุกตท์ ั้งในดา้ นสิง่ แวดลอ้ ม นิตวิ ทิ ยาศาสตร์ การแพทย์ การเกษตร และอตุ สาหกรรม และข้อควรคานึงถึง ดา้ นชีวจรยิ ธรรม มาตรฐาน ว 1.3 เขา้ ใจกระบวนการและความสาคญั ของการ ข้อ 2. เข้าใจการถา่ ยทอดลกั ษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอดยนี ถา่ ยทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรม สารพนั ธุกรรม การเปล่ียนแปลง บนโครโมโซม สมบตั ิและหน้าที่ของสารพนั ธุกรรม การเกิดมวิ เทชัน ทางพันธกุ รรมทมี่ ผี ลต่อส่งิ มชี วี ติ ความหลากหลายทางชีวภาพและ เทคโนโลยที างดเี อน็ เอ หลกั ฐาน ขอ้ มลู และแนวคิดเกยี่ วกับ ววิ ฒั นาการของสิ่งมชี ีวิต รวมทั้งนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ วิวฒั นาการของสงิ่ มชี ีวติ ภาวะสมดลุ ของฮาร์ดี-ไวน์เบิรก์ ตัวช้วี ัด ม.4 การเกิดสปีชสี ใ์ หม่ ความหลากหลายทางชวี ภาพ กาเนดิ ของ 6. สบื คน้ ข้อมูล อธบิ าย และยกตวั อยา่ งความหลากหลายของ สงิ่ มชี ีวิต ความหลากหลายของสง่ิ มีชีวิต และอนกุ รมวิธาน ส่งิ มีชีวติ ซง่ึ เป็นผลมาจากวิวัฒนาการ รวมทัง้ นาความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ผลการเรยี นรู้ ม.6 1. อภปิ รายความสาคญั ของความหลากหลายทางชวี ภาพ และความเช่ือมโยงระหวา่ งความหลากหลายทางพันธุกรรม ความหลากหลายของสปชี ีส์ และความหลากหลายของระบบนิเวศ 2. สาระท่ี 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ กบั สาระเคมี ผลการเรียนร้ใู นสาระเพิม่ เตมิ ตัวชีว้ ดั ในสาระพืน้ ฐาน ข้อ 1. เขา้ ใจโครงสร้างอะตอม การจดั เรยี งธาตใุ นตารางธาตุ สมบตั ขิ องธาตุ พันธะเคมีและสมบัตขิ องสาร แกส๊ และสมบตั ขิ อง มาตรฐาน ว 2.1 เขา้ ใจสมบัตขิ องสสาร องค์ประกอบของสสาร แก๊ส ประเภทและสมบตั ิของสารประกอบอินทรยี ์และพอลิเมอร์ ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งสมบตั ิของสสารกับโครงสรา้ งและแรงยึด รวมท้ังการนาความร้ไู ปใช้ประโยชน์ เหน่ยี วระหว่างอนุภาค หลกั และธรรมชาตขิ องการเปลย่ี นแปลง สถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกิดปฏกิ ิริยาเคมี ผลการเรยี นรู้ ม.4 9. อธบิ ายการเกดิ ไอออนและการเกิดพันธะไอออนิก โดยใช้ ตวั ชว้ี ดั ม.5 แผนภาพ หรอื สัญลกั ษณแ์ บบจดุ ของลวิ อิส 1. ระบวุ า่ สารเปน็ ธาตหุ รอื สารประกอบ และอย่ใู นรูปอะตอม 14. อธิบายการเกิดพันธะโคเวเลนตแ์ บบพันธะเดย่ี ว พันธะคู่ โมเลกลุ หรอื ไอออน จากสตู รเคมี และพนั ธะสาม ดว้ ยโครงสรา้ งลวิ อสิ หมายเหตุ : เมื่อนกั เรียนเรียนรู้เนอ้ื หาตามสาระเพิม่ เติม ในข้อ 9 และขอ้ 14 ชนั้ ม.4 จะสามารถพจิ ารณาสตู รเคมีและระบไุ ด้ว่า สารอยูใ่ นรปู อะตอม โมเลกลุ หรือไอออน noronrcrroenoocnraสถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (สสวท.) www.ipst.ac.th
6 ตวั ช้ีวดั ในสาระพ้นื ฐาน ผลการเรียนรใู้ นสาระเพ่ิมเตมิ 2. เปรียบเทยี บความเหมือนและความแตกตา่ งของแบบจาลอง อะตอมของโบร์กับแบบจาลองอะตอมแบบกลมุ่ หมอก 1. สืบค้นขอ้ มลู สมมติฐาน การทดลอง หรือผลการทดลองที่เปน็ ประจักษพ์ ยานในการเสนอแบบจาลองอะตอมของ 3. ระบุจานวนโปรตอน นิวตรอน และอิเลก็ ตรอนของอะตอม นักวทิ ยาศาสตร์ และอธิบายววิ ฒั นาการของแบบจาลองอะตอม และไอออนทีเ่ กิดจากอะตอมเดยี ว 2. เขียนสญั ลักษณ์นวิ เคลยี ร์ของธาตุ และระบจุ านวนโปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอนของอะตอมจากสญั ลกั ษณ์นิวเคลยี ร์ 4. เขียนสัญลักษณ์นวิ เคลียรข์ องธาตุและระบุการเปน็ ไอโซโทป รวมท้งั บอกความหมายของไอโซโทป 9. อธบิ ายการเกิดไอออนและการเกิดพนั ธะไอออนกิ โดยใช้ 5. ระบุหมแู่ ละคาบของธาตุ และระบวุ ่าธาตุเป็นโลหะ อโลหะ แผนภาพ หรือสัญลกั ษณ์แบบจุดของลิวอิส กง่ึ โลหะ กลมุ่ ธาตุเรพรเี ซนเททีฟ หรือกลุ่มธาตุแทรนซิชัน จาก หมายเหตุ : เมอ่ื นกั เรยี นเรยี นรูเ้ นอ้ื หาเกีย่ วกบั จานวนอนุภาค ตารางธาตุ ในอะตอมและการเกดิ ไอออนตามสาระเพม่ิ เตมิ ในข้อ 2 และ 6. เปรียบเทียบสมบตั ิการนาไฟฟ้า การให้และรบั อิเลก็ ตรอน ขอ้ 9 ช้ัน ม.4จะสามารถระบจุ านวนโปรตอน นิวตรอน และ ระหวา่ งธาตุในกลมุ่ โลหะกับอโลหะ อิเล็กตรอนของอะตอมและไอออนได้ 7. สืบคน้ ขอ้ มลู และนาเสนอตวั อยา่ งประโยชนแ์ ละอนั ตราย 2. เขยี นสญั ลกั ษณ์นิวเคลยี ร์ของธาตุ และระบจุ านวนโปรตอน ทเี่ กิดจากธาตเุ รพรเี ซนเททฟี และธาตุแทรนซชิ ัน นิวตรอน และอเิ ล็กตรอนของอะตอมจากสัญลักษณน์ ิวเคลยี ร์ 8. ระบวุ า่ พันธะโคเวเลนต์เปน็ พนั ธะเด่ยี ว พันธะคู่ หรือพนั ธะ รวมทัง้ บอกความหมายของไอโซโทป สาม และระบจุ านวนค่อู ิเลก็ ตรอนระหวา่ งอะตอมครู่ ว่ มพันธะ 4. ระบหุ มู่ คาบ ความเปน็ โลหะ อโลหะ และ กงึ่ โลหะ ของธาตุ จากสูตรโครงสร้าง เรพรเี ซนเททฟี และธาตุ แทรนซิชันในตารางธาตุ 9. ระบุสภาพขั้วของสารท่ีโมเลกลุ ประกอบด้วย 2 อะตอม 5. วิเคราะหแ์ ละบอกแนวโนม้ สมบตั ขิ อง ธาตเุ รพรีเซนเททฟี 10. ระบุสารทเี่ กดิ พนั ธะไฮโดรเจนได้จากสูตรโครงสร้าง ตามหม่แู ละตามคาบ 11. อธบิ ายความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งจดุ เดือดของสารโคเวเลนต์กบั 8. สบื คน้ ข้อมูลและยกตวั อยา่ งการนาธาตมุ าใชป้ ระโยชน์ รวมทัง้ แรงดงึ ดูดระหว่างโมเลกลุ ตามสภาพขัว้ หรือการเกดิ พนั ธะ ผลกระทบตอ่ สง่ิ มชี ีวิตและสิ่งแวดลอ้ ม ไฮโดรเจน 14. อธิบายการเกิดพันธะโคเวเลนต์แบบพันธะเดย่ี ว พันธะคู่ 12. เขยี นสตู รเคมขี องไอออนและสารประกอบไอออนกิ และพนั ธะสาม ดว้ ยโครงสรา้ งลวิ อสิ 13. ระบวุ ่าสารเกดิ การละลายแบบแตกตัวหรอื ไมแ่ ตกตัว พรอ้ ม ใหเ้ หตุผล และระบวุ า่ สารละลายทไ่ี ด้เปน็ สารละลายอเิ ล็กโทร 17. คาดคะเนรูปร่างโมเลกลุ โคเวเลนต์โดยใช้ทฤษฎกี ารผลัก ไลต์ หรือนอนอเิ ล็กโทรไลต์ ระหว่างคอู่ เิ ลก็ ตรอนในวงเวเลนซ์ และระบุสภาพขวั้ ของโมเลกลุ โคเวเลนต์ 18. ระบุชนิดของแรงยดึ เหนยี่ วระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และเปรียบเทียบจดุ หลอมเหลว จดุ เดือด และการละลายน้าของ สารโคเวเลนต์ 10. เขียนสูตรและเรยี กชอ่ื สารประกอบไอออนกิ 12. อธิบายสมบัตขิ องสารประกอบไอออนกิ 18. ระบุชนิดของแรงยึดเหนีย่ วระหวา่ งโมเลกลุ โคเวเลนต์ และ เปรยี บเทยี บจุดหลอมเหลว จุดเดอื ด และการละลายนา้ ของสาร โคเวเลนต์ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) www.ipst.ac.th
7 ตัวชีว้ ัดในสาระพืน้ ฐาน ผลการเรยี นรใู้ นสาระเพมิ่ เตมิ หมายเหตุ : เมือ่ นกั เรียนเรยี นรูเ้ กยี่ วกบั การละลายน้าของ สารโคเวเลนต์และสารประกอบไอออนกิ ตามสาระเพ่ิมเติม ในขอ้ 12 และ ขอ้ 18 ชน้ั ม.4 จะสามารถระบุการละลายน้า ของสารและระบไุ ดว้ า่ เปน็ สารละลายอเิ ล็กโทรไลตห์ รอื นอนอเิ ลก็ โทรไลต์ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบตั ิของสสาร องค์ประกอบของสสาร ข้อ 1. เข้าใจโครงสรา้ งอะตอม การจัดเรียงธาตุในตารางธาตุ ความสมั พันธร์ ะหว่างสมบตั ิของสสารกับโครงสรา้ งและแรงยึด สมบัติของธาตุ พันธะเคมแี ละสมบตั ขิ องสาร แกส๊ และสมบตั ิของ เหน่ียวระหวา่ งอนภุ าค หลกั และธรรมชาตขิ องการเปลย่ี นแปลง แก๊ส ประเภทและสมบตั ิของสารประกอบอนิ ทรยี แ์ ละพอลิเมอร์ สถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกดิ ปฏิกิรยิ าเคมี รวมทั้งการนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ตัวชี้วดั ม.5 ผลการเรยี นรู้ ม.6 14. ระบุสารประกอบอินทรยี ป์ ระเภทไฮโดรคาร์บอนว่าอิ่มตวั 3. วิเคราะห์โครงสรา้ งและระบปุ ระเภทของสารประกอบอนิ ทรยี ์ หรอื ไมอ่ มิ่ ตวั จากสูตรโครงสรา้ ง จากหมู่ฟังกช์ นั 15. สบื คน้ ขอ้ มูลและเปรียบเทียบสมบัตทิ างกายภาพระหว่างพอ 11. ระบุประเภทของปฏิกริ ิยาการเกิดพอลเิ มอร์จากโครงสรา้ ง ลเิ มอรแ์ ละมอนอเมอร์ของพอลิเมอร์ชนดิ นัน้ ของมอนอเมอร์หรอื พอลเิ มอร์ หมายเหตุ : เมอ่ื นักเรยี นไดเ้ รยี นรู้เนอ้ื หาเกย่ี วกับการเกดิ พอลเิ มอร์ ตามสาระเพมิ่ เตมิ ในขอ้ 11 ชน้ั ม.6 จะสามารถเปรยี บเทียบ สมบัติทางกายภาพระหว่างพอลเิ มอรแ์ ละมอนอเมอร์ของพอลิเมอร์ ชนดิ นัน้ ได้ 16. ระบุสมบตั คิ วามเป็นกรด-เบสจากโครงสร้างของ 3. วเิ คราะหโ์ ครงสรา้ งและระบุประเภทของสารประกอบอินทรยี ์ สารประกอบอินทรยี ์ จากหมฟู่ ังก์ชัน 17. อธบิ ายสมบตั กิ ารละลายในตวั ทาละลายชนิดตา่ ง ๆ ของสาร 6. วเิ คราะห์และเปรยี บเทยี บจดุ เดอื ดและการละลายในนา้ ของ สารประกอบอินทรีย์ทีม่ หี มฟู่ ังกช์ นั ขนาดโมเลกุล หรือโครงสรา้ ง ตา่ งกัน 18. วเิ คราะห์และอธิบายความสมั พันธร์ ะหวา่ งโครงสร้างกบั 12. วเิ คราะหแ์ ละอธิบายความสัมพนั ธ์ระหวา่ งโครงสรา้ งและ สมบัตเิ ทอรม์ อพลาสตกิ และเทอรม์ อเซตของพอลิเมอร์ และการ สมบตั ิของพอลเิ มอร์ รวมทัง้ การนาไปใชป้ ระโยชน์ นาพอลิเมอรไ์ ปใชป้ ระโยชน์ 13. ทดสอบและระบปุ ระเภทของพลาสติกและผลติ ภณั ฑย์ ยาง รวมท้ังการนาไปใชป้ ระโยชน์ 19. สบื ค้นขอ้ มลู และนาเสนอผลกระทบของการใชผ้ ลติ ภณั ฑพ์ อ 15. สืบคน้ ข้อมลู และนาเสนอตวั อย่างผลกระทบจากการใชแ้ ละ ลเิ มอร์ทมี่ ีตอ่ สิง่ มีชีวิตและส่ิงแวดลอ้ ม พรอ้ มแนวทางปอ้ งกนั การกาจัดผลติ ภณั ฑ์พอลิเมอร์และแนวทางแกไ้ ข หรือแก้ไข มาตรฐาน ว 2.1 เขา้ ใจสมบัตขิ องสสาร องค์ประกอบของสสาร ขอ้ 2. เข้าใจการเขียนและการดลุ สมการเคมี ปรมิ าณสัมพันธ์ ความสมั พนั ธร์ ะหว่างสมบัตขิ องสสารกับโครงสร้างและแรงยึด ในปฏิกริ ยิ าเคมี อัตราการเกดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมี สมดลุ ในปฏิกริ ยิ าเคมี เหนี่ยวระหวา่ งอนภุ าค หลักและธรรมชาตขิ องการเปลย่ี นแปลง สมบตั ิและปฏิกริ ยิ าของกรด–เบส ปฏกิ ิริยารีดอกซแ์ ละเซลล์ สถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี เคมไี ฟฟ้า รวมทั้งการนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) www.ipst.ac.th
8 ตัวชีว้ ดั ในสาระพน้ื ฐาน ผลการเรยี นรูใ้ นสาระเพมิ่ เติม ตัวชี้วดั ม.5 ผลการเรียนรู้ ม.4 20. ระบุสูตรเคมขี องสารตงั้ ตน้ ผลติ ภณั ฑ์ และแปลความหมาย 1. แปลความหมายสญั ลักษณใ์ นสมการเคมี เขยี นและ ของสัญลักษณ์ในสมการเคมขี องปฏกิ ริ ยิ าเคมี ดลุ สมการเคมีของปฏกิ ริ ยิ าเคมีบางชนิด มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ขอ้ 2. เขา้ ใจการเขียนและการดลุ สมการเคมี ปรมิ าณสมั พนั ธ์ ความสัมพันธร์ ะหวา่ งสมบัติของสสารกบั โครงสร้างและแรงยดึ ในปฏิกิริยาเคมี อัตราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี สมดลุ ในปฏกิ ริ ยิ าเคมี เหน่ยี วระหวา่ งอนภุ าค หลกั และธรรมชาติของการเปลยี่ นแปลง สมบัติและปฏิกิริยาของกรด–เบส ปฏกิ ริ ิยารดี อกซ์และเซลล์ สถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี เคมไี ฟฟ้า รวมท้งั การนาความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ ตัวชวี้ ัด ม.5 ผลการเรียนรู้ ม.5 21. ทดลองและอธบิ ายผลของความเขม้ ข้น พนื้ ทผี่ วิ อณุ หภูมิ 4. ทดลองและอธิบายผลของความเข้มขน้ พน้ื ท่ผี ิวของสารต้ังต้น และตัวเร่งปฏกิ ริ ิยา ท่มี ีผลตอ่ อตั ราการเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมี อณุ หภูมิ และตัวเรง่ ปฏกิ ริ ยิ าทม่ี ตี อ่ อัตราการเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมี 22. สืบคน้ ข้อมูลและอธบิ ายปจั จยั ท่ีมีผลต่ออตั ราการ 6. ยกตัวอย่างและอธบิ ายปจั จัยทมี่ ีผลตอ่ อตั ราการเกดิ ปฏิกริ ิยา เกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมีทใ่ี ชป้ ระโยชน์ในชวี ติ ประจาวันหรอื ใน เคมีในชวี ติ ประจาวนั หรืออุตสาหกรรม อตุ สาหกรรม 23. อธบิ ายความหมายของปฏกิ ิรยิ ารดี อกซ์ 24. คานวณเลขออกซเิ ดชันและระบุปฏิกริ ยิ าท่ีเป็นปฏิกริ ิยา รีดอกซ์ มาตรฐาน ว 2.1 เขา้ ใจสมบตั ิของสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ข้อ 2. เขา้ ใจการเขยี นและการดุลสมการเคมี ปรมิ าณสัมพนั ธ์ ความสัมพันธร์ ะหว่างสมบตั ขิ องสสารกบั โครงสรา้ งและแรงยึด ในปฏิกิรยิ าเคมี อัตราการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี สมดุลในปฏิกริ ิยาเคมี เหน่ียวระหว่างอนภุ าค หลักและธรรมชาติของการเปลย่ี นแปลง สมบตั ิและปฏิกิริยาของกรด–เบส ปฏิกิรยิ ารีดอกซ์และเซลล์ สถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏกิ ิริยาเคมี เคมีไฟฟ้า รวมทัง้ การนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ตวั ชว้ี ดั ม.5 ผลการเรยี นรู้ ม.4 24. อธิบายสมบตั ิของสารกมั มนั ตรังสี และคานวณคร่ึงชวี ติ และ 7. อธิบายสมบตั แิ ละคานวณครึง่ ชีวติ ของไอโซโทปกมั มันตรงั สี ปริมาณของสารกมั มันตรังสี 25. สบื ค้นขอ้ มูลและนาเสนอตวั อย่างประโยชน์ของสาร 8. สบื คน้ ขอ้ มูลและยกตัวอยา่ งการนาธาตุมาใช้ประโยชน์ รวมท้ัง กมั มันตรงั สีและการปอ้ งกนั อนั ตรายท่เี กดิ จากกมั มันตภาพรังสี ผลกระทบตอ่ สิง่ มีชีวติ และส่ิงแวดลอ้ ม 3. สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ กบั สาระฟิสิกส์ ผลการเรียนรใู้ นสาระเพิ่มเติม ตัวชวี้ ดั ในสาระพ้ืนฐาน ข้อ 1. เข้าใจธรรมชาติทางฟสิ กิ ส์ ปริมาณและกระบวนการวดั การเคล่อื นทแ่ี นวตรง แรงและกฎการเคล่อื นท่ขี องนวิ ตัน มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชวี ติ ประจาวนั กฎความโนม้ ถว่ งสากล แรงเสยี ดทาน สมดลุ กลของวตั ถุ งาน และกฎการอนรุ กั ษพ์ ลงั งานกล โมเมนตมั และกฎการอนุรกั ษ์ ผลของแรงทีก่ ระทาตอ่ วัตถุ ลักษณะการเคล่อื นท่ีแบบต่าง ๆ โมเมนตมั การเคลอ่ื นทีแ่ นวโค้ง รวมท้ังนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ของวตั ถุ รวมทงั้ นาความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) www.ipst.ac.th ร่
9 ตัวช้วี ัดในสาระพ้นื ฐาน ผลการเรียนรู้ในสาระเพม่ิ เตมิ ตวั ชว้ี ัด ม.5 ผลการเรยี นรู้ ม.4 1. วิเคราะหแ์ ละแปลความหมายขอ้ มูลความเร็วกับเวลาของการ 3. ทดลองและอธบิ ายความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งตาแหน่ง การกระจดั เคลอ่ื นทีข่ องวัตถเุ พอ่ื อธิบายความเรง่ ของวตั ถุ ความเร็ว และความเร่งของการเคล่อื นท่ีของวัตถใุ นแนวตรงท่ีมี ความเร่งคงตัวจากกราฟและสมการ รวมท้งั ทดลองหาคา่ ความเร่งโนม้ ถ่วงของโลก และคานวณปรมิ าณต่าง ๆ ทเี่ ก่ยี วขอ้ ง 2. สังเกตและอธิบายการหาแรงลพั ธท์ เ่ี กดิ จากแรงหลายแรงทีอ่ ยู่ 4. อธบิ ายแรงและผลของแรงลพั ธท์ ่ีมีต่อการเคลอื่ นท่ขี องวตั ถุ ในระนาบเดยี วกนั ที่กระทาต่อวตั ถโุ ดยการเขยี นแผนภาพการ รวมทั้งทดลองหาแรงลพั ธข์ องแรงสองแรงที่ทามมุ ตอ่ กัน รวมแบบเวกเตอร์ 3. สังเกต วเิ คราะห์ และอธิบายความสัมพันธร์ ะหวา่ งความเรง่ 5. เขียนแผนภาพของแรงทก่ี ระทาต่อวัตถุอิสระ อธบิ ายกฎการ ของวตั ถกุ ับแรงลพั ธท์ ี่กระทาตอ่ วตั ถุและมวลของวตั ถุ เคลอ่ื นท่ีของนวิ ตันและการใชก้ ฎการเคลื่อนทีข่ องนวิ ตันกบั 4. สงั เกตและอธบิ ายแรงกริ ิยาและแรงปฏิกิรยิ าระหว่างวัตถคุ ู่ สภาพการเคล่อื นที่ของวตั ถุ รวมทง้ั ทดลองและอธิบาย หนง่ึ ๆ ความสัมพันธร์ ะหว่างแรง มวล และความเรง่ ตามกฎข้อที่สอง ของนวิ ตนั มาตรฐาน ว 2.2 เขา้ ใจธรรมชาตขิ องแรงในชีวิตประจาวนั ขอ้ 1. เขา้ ใจธรรมชาติทางฟสิ กิ ส์ ปรมิ าณและกระบวนการวดั ผลของแรงท่กี ระทาตอ่ วตั ถุ ลกั ษณะการเคลอ่ื นท่แี บบตา่ ง ๆ การเคลอื่ นท่ีแนวตรง แรงและกฎการเคลือ่ นท่ีของนวิ ตนั ของวตั ถุ รวมทั้งนาความรไู้ ปใช้ประโยชน์ กฎความโนม้ ถว่ งสากล แรงเสยี ดทาน สมดลุ กลของวตั ถุ งาน และกฎการอนรุ กั ษพ์ ลังงานกล โมเมนตมั และกฎการอนุรักษ์ ตวั ช้วี ัด ม.5 โมเมนตัม การเคล่อื นท่ีแนวโค้ง รวมทั้งนาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ 5. สังเกตและอธิบายผลของความเรง่ ทมี่ ีต่อการเคล่อื นที่แบบ ตา่ ง ๆ ของวตั ถุ ไดแ้ ก่ การเคลอ่ื นท่ีแนวตรง การเคลื่อนท่แี บบ ผลการเรยี นรู้ ม.4 โพรเจกไทล์ การเคลื่อนที่แบบวงกลม และ การเคล่อื นทีแ่ บบสัน่ 16. อธบิ าย วเิ คราะห์ และคานวณปริมาณตา่ ง ๆ ท่ีเก่ยี วข้องกับ การเคลอ่ื นท่ีแบบโพรเจกไทล์ และทดลองการเคลื่อนที่แบบ โพรเจกไทล์ 17. ทดลองและอธบิ ายความสมั พนั ธร์ ะหว่างแรงสู่ศูนยก์ ลาง รัศมขี องการเคลื่อนที่ อัตราเร็วเชงิ เสน้ อตั ราเรว็ เชงิ มุม และมวล ของวัตถใุ นการเคล่ือนท่ีแบบวงกลมในระนาบระดับ รวมทง้ั คานวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ทเ่ี ก่ยี วข้อง และประยกุ ต์ใช้ความร้กู าร เคลือ่ นที่แบบวงกลมในการอธิบายการโคจรของดาวเทยี ม ข้อ 2. เข้าใจการเคลือ่ นทแี่ บบฮารม์ อนิกสอ์ ยา่ งง่าย ธรรมชาติ ของคลื่น เสียงและการได้ยนิ ปรากฏการณ์ท่ีเกยี่ วขอ้ งกับเสียง แสงและการเห็น ปรากฏการณท์ ่เี กยี่ วขอ้ งกบั แสง รวมทงั้ นาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ ม.5 1. ทดลองและอธบิ ายการเคล่อื นทแ่ี บบฮาร์มอนกิ อย่างง่ายของ วตั ถุติดปลายสปรงิ และลกู ตมุ้ อย่างง่าย รวมทงั้ คานวณปรมิ าณ ต่าง ๆ ทเ่ี กี่ยวขอ้ ง สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) www.ipst.ac.th
10 ตวั ช้ีวัดในสาระพ้นื ฐาน ผลการเรยี นรู้ในสาระเพิม่ เติม มาตรฐาน ว 2.2 เขา้ ใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจาวนั ขอ้ 1. เขา้ ใจธรรมชาติทางฟสิ กิ ส์ ปริมาณและกระบวนการวดั การเคลอ่ื นท่ีแนวตรง แรงและกฎการเคลอ่ื นทขี่ องนิวตัน ผลของแรงทีก่ ระทาต่อวตั ถุ ลกั ษณะการเคลอื่ นทแ่ี บบตา่ ง ๆ กฎความโนม้ ถว่ งสากล แรงเสยี ดทาน สมดลุ กลของวตั ถุ งาน ของวัตถุ รวมทงั้ นาความรไู้ ปใช้ประโยชน์ และกฎการอนรุ กั ษ์พลังงานกล โมเมนตัมและกฎการอนุรักษ์ ตัวชวี้ ดั ม.5 โมเมนตมั การเคล่อื นที่แนวโค้ง รวมทั้งนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ 6. สืบค้นข้อมลู และอธิบายแรงโนม้ ถว่ งทีเ่ กีย่ วกบั การเคลอื่ นที่ ของวตั ถุต่าง ๆ รอบโลก ผลการเรยี นรู้ ม.4 6. อธบิ ายกฎความโนม้ ถว่ งสากลและผลของสนามโนม้ ถว่ งที่ มาตรฐาน ว 2.2 เขา้ ใจธรรมชาติของแรงในชวี ิตประจาวนั ทาใหว้ ัตถุมีนา้ หนกั รวมทั้งคานวณปริมาณต่าง ๆ ท่ีเก่ียวขอ้ ง ผลของแรงทก่ี ระทาตอ่ วตั ถุ ลักษณะการเคลอื่ นที่แบบต่าง ๆ ขอ้ 3. เข้าใจแรงไฟฟ้าและกฎของคลู อมบ์ สนามไฟฟ้า ของวัตถุ รวมท้ังนาความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ ศักยไ์ ฟฟา้ ความจไุ ฟฟา้ กระแสไฟฟ้า และกฎของโอหม์ ตัวช้วี ัด ม.5 วงจรไฟฟา้ กระแสตรง พลงั งานไฟฟา้ และกาลังไฟฟา้ 7. สังเกตและอธิบายการเกดิ สนามแม่เหลก็ เนือ่ งจากกระแสไฟฟา้ การเปลยี่ นพลงั งานทดแทนเป็นพลงั งานไฟฟ้า สนามแมเ่ หลก็ แรงแม่เหลก็ ท่ีกระทากบั ประจไุ ฟฟ้า และกระแสไฟฟา้ การเหนี่ยวนาแม่เหลก็ ไฟฟา้ และกฎของฟาราเดย์ ไฟฟา้ กระแสสลบั คลื่นแมเ่ หล็กไฟฟ้า และการส่ือสาร รวมทง้ั นาความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ผลการเรยี นรู้ ม.6 1. สงั เกตและอธบิ ายเส้นสนามแมเ่ หลก็ อธบิ ายและคานวณ ฟลกั ซ์แมเ่ หลก็ ในบรเิ วณทกี่ าหนด รวมทั้งสังเกต และอธิบาย สนามแมเ่ หล็กทเ่ี กดิ จากกระแสไฟฟา้ ในลวดตวั นาเส้นตรง และ 8. สงั เกตและอธบิ ายแรงแม่เหลก็ ที่กระทาตอ่ อนุภาคทมี่ ปี ระจุ โซเลนอยด์ ไฟฟา้ ท่เี คลือ่ นท่ีในสนาม แม่เหลก็ และแรงแมเ่ หลก็ ท่กี ระทาตอ่ 2. อธบิ ายและคานวณแรงแม่เหลก็ ทีก่ ระทาต่ออนภุ าคท่ีมปี ระจุ ลวดตัวนาทมี่ ีกระแสไฟฟา้ ผ่านในสนามแมเ่ หลก็ รวมทง้ั อธิบาย ไฟฟ้าเคลื่อนที่ในสนามแมเ่ หล็ก แรงแม่เหล็กท่กี ระทาต่อเสน้ ลวด หลักการทางานของมอเตอร์ ท่ีมีกระแสไฟฟา้ ผา่ นและวางในสนามแมเ่ หล็ก รัศมีความโค้งของ การเคลื่อนที่เมื่อประจุเคล่อื นท่ตี ง้ั ฉากกับสนามแมเ่ หลก็ รวมทงั้ อธิบายแรงระหว่างเสน้ ลวดตัวนาคขู่ นานท่มี ีกระแสไฟฟ้าผ่าน 3. อธบิ ายหลกั การทางานของแกลแวนอมิเตอร์และมอเตอร์ ไฟฟ้ากระแสตรง รวมทง้ั คานวณปริมาณตา่ ง ๆ ท่ีเกีย่ วขอ้ ง 9. สงั เกตและอธิบายการเกิดอีเอ็มเอฟ รวมท้งั ยกตวั อยา่ งการนา 4. สังเกตและอธบิ ายการเกิดอเี อม็ เอฟเหน่ยี วนา กฎการ ความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ เหนีย่ วนาของฟาราเดย์ และคานวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ทีเ่ กย่ี วข้อง รวมทงั้ นาความรเู้ ร่ืองอีเอ็มเอฟเหน่ียวนาไปอธิบายการทางาน ของเครอื่ งใช้ไฟฟ้า สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) www.ipst.ac.th
11 ตัวชีว้ ัดในสาระพนื้ ฐาน ผลการเรียนรใู้ นสาระเพม่ิ เตมิ มาตรฐาน ว 2.2 เขา้ ใจธรรมชาติของแรงในชีวติ ประจาวัน ขอ้ 4. เขา้ ใจความสมั พันธข์ องความรอ้ นกบั การเปลีย่ นอณุ หภมู ิ และสถานะของสสาร สภาพยืดหย่นุ ของวสั ดุ และมอดลุ สั ผลของแรงที่กระทาตอ่ วัตถุ ลกั ษณะการเคล่ือนที่แบบต่าง ๆ ของยงั ความดนั ในของไหล แรงพยุง และหลกั ของอาร์คมิ ีดสี ของวัตถุ รวมทง้ั นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ความตงึ ผิวและแรงหนดื ของของเหลว ของไหลอุดมคติ และ ตัวชีว้ ัด ม.5 สมการแบร์นูลลี กฎของแก๊ส ทฤษฎจี ลนข์ องแก๊ส อุดมคติและ 10. สืบค้นขอ้ มลู และอธบิ ายแรงเข้มและแรงออ่ น พลังงานในระบบ ทฤษฎอี ะตอมของโบร์ ปรากฏการณ์ โฟโตอเิ ลก็ ทริก ทวิภาวะของคลน่ื และอนุภาค กมั มนั ตภาพรงั สี แรงนิวเคลียร์ ปฏกิ ริ ิยานิวเคลียร์ พลังงานนิวเคลยี ร์ ฟิสกิ ส์อนภุ าค รวมทง้ั นาความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ ม.6 15. อธิบายแรงนิวเคลยี ร์ เสถยี รภาพของนิวเคลียส และพลงั งาน ยึดเหนี่ยว รวมทงั้ คานวณปริมาณต่าง ๆ ท่ีเกย่ี วข้อง 18. อธิบายการคน้ คว้าวจิ ยั ดา้ นฟสิ กิ สอ์ นภุ าค แบบจาลอง มาตรฐาน และการใช้ประโยชนจ์ ากการค้นคว้าวจิ ยั ด้านฟสิ ิกส์ อนภุ าคในดา้ นตา่ ง ๆ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลงั งาน การเปลยี่ นแปลง ข้อ 4. เขา้ ใจความสมั พนั ธข์ องความร้อนกับการเปล่ียนอณุ หภูมิ และการถ่ายโอนพลังงาน ปฏสิ ัมพนั ธร์ ะหว่างสสารและพลังงาน และสถานะของสสาร สภาพยืดหยุ่นของวัสดุ และมอดุลสั พลงั งานในชวี ิตประจาวนั ธรรมชาตขิ องคลื่น ปรากฏการณ์ท่ี ของยัง ความดันในของไหล แรงพยงุ และหลกั ของอารค์ มิ ดี สี เกี่ยวขอ้ งกบั เสยี ง แสง และคล่ืนแม่เหล็กไฟฟา้ รวมท้งั นาความรู้ ความตงึ ผวิ และแรงหนดื ของของเหลว ของไหลอุดมคติ และ ไปใชป้ ระโยชน์ สมการแบรน์ ลู ลี กฎของแก๊ส ทฤษฎจี ลน์ของแก๊ส อดุ มคตแิ ละ ตวั ชีว้ ัด ม.5 พลังงานในระบบ ทฤษฎอี ะตอมของโบร์ ปรากฏการณ์ 1. สบื ค้นขอ้ มลู และอธบิ ายพลงั งานนวิ เคลยี ร์ ฟิชชนั และฟิวชนั โฟโตอิเล็กทรกิ ทวภิ าวะของคลน่ื และอนุภาค กมั มนั ตภาพรังสี และความสัมพนั ธร์ ะหว่างมวลกับพลงั งานท่ีปลดปลอ่ ยออกมา แรงนิวเคลยี ร์ ปฏกิ ิรยิ านิวเคลยี ร์ พลังงานนิวเคลยี ร์ ฟสิ กิ ส์อนภุ าค จากฟชิ ชนั และฟิวชัน รวมทง้ั นาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ผลการเรยี นรู้ ม.6 16. อธบิ ายปฏกิ ริ ยิ านวิ เคลยี ร์ ฟิชชนั และฟวิ ชนั รวมท้งั คานวณ พลังงานนิวเคลยี ร์ 17. อธบิ ายประโยชน์ของพลังงานนิวเคลยี ร์ และรังสี รวมทั้ง มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลงั งาน การเปลีย่ นแปลง อันตรายและการปอ้ งกันรังสใี นดา้ นตา่ ง ๆ และการถา่ ยโอนพลงั งาน ปฏสิ มั พนั ธ์ระหวา่ งสสารและพลงั งาน พลงั งานในชีวติ ประจาวนั ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ที่ ข้อ 3. เข้าใจแรงไฟฟา้ และกฎของคูลอมบ์ สนามไฟฟ้า เก่ียวขอ้ งกบั เสยี ง แสง และคล่นื แมเ่ หล็กไฟฟา้ รวมทงั้ นาความรู้ ศกั ยไ์ ฟฟา้ ความจไุ ฟฟ้า กระแสไฟฟา้ และกฎของโอหม์ ไปใช้ประโยชน์ วงจรไฟฟ้ากระแสตรง พลงั งานไฟฟ้าและกาลงั ไฟฟา้ การเปลยี่ นพลังงานทดแทนเป็นพลงั งานไฟฟ้า สนามแม่เหลก็ แรงแม่เหลก็ ท่ีกระทากบั ประจไุ ฟฟ้า และกระแสไฟฟา้ การเหน่ียวนาแม่เหล็กไฟฟ้าและกฎของฟาราเดย์ ไฟฟา้ กระแสสลับ คลื่นแม่เหลก็ ไฟฟ้า และการสือ่ สาร รวมทง้ั นาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (สสวท.) www.ipst.ac.th
12 ตัวชี้วัดในสาระพ้นื ฐาน ผลการเรียนรู้ในสาระเพม่ิ เตมิ ตัวชวี้ ดั ม.5 ผลการเรยี นรู้ ม.5 2. สบื ค้นข้อมลู และอธบิ ายการเปล่ยี นพลังงานทดแทนเป็น 11. อธบิ ายการเปล่ียนพลงั งานทดแทนเปน็ พลงั งานไฟฟ้า พลงั งานไฟฟา้ รวมท้งั สบื ค้นและอภปิ รายเก่ียวกบั เทคโนโลยี รวมทัง้ สบื คน้ และอภิปรายเกย่ี วกับเทคโนโลยีอนื่ ๆ ที่นามา อืน่ ๆ ท่นี ามาแก้ปัญหาหรอื ตอบสนองความตอ้ งการทางด้าน แกป้ ัญหาหรอื ตอบสนองความต้องการทางดา้ นพลงั งาน พลังงาน มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลงั งาน การเปล่ียนแปลง ขอ้ 2. เขา้ ใจการเคล่ือนทแ่ี บบฮาร์มอนกิ ส์อย่างง่าย ธรรมชาติ และการถ่ายโอนพลังงาน ปฏสิ มั พนั ธ์ระหว่างสสารและพลงั งาน ของคลนื่ เสียงและการไดย้ นิ ปรากฏการณท์ ่ีเกี่ยวขอ้ งกบั เสยี ง พลังงานในชวี ิตประจาวนั ธรรมชาติของคลน่ื ปรากฏการณท์ ี่ แสงและการเหน็ ปรากฏการณท์ ีเ่ กีย่ วข้องกับแสง รวมทั้ง เกี่ยวข้องกบั เสยี ง แสง และคลืน่ แมเ่ หล็กไฟฟา้ รวมท้งั นาความรู้ นาความร้ไู ปใชป้ ระโยช ไปใช้ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ ม.5 ตัวช้วี ดั ม.5 3. อธิบายปรากฏการณ์คล่ืน ชนดิ ของคลน่ื ส่วนประกอบของ 3. สงั เกตและอธบิ ายการสะทอ้ น การหกั เห การเลยี้ วเบน และ คลน่ื การแผ่ของหนา้ คลน่ื ด้วยหลกั การของฮอยเกนส์ และการ การรวมคล่ืน รวมกันของคลื่นตามหลักการซอ้ นทับ พร้อมท้ังคานวณอัตราเร็ว ความถี่ และความยาวคล่ืน 4. สังเกตและอธบิ ายการสะท้อน การหกั เห การแทรกสอด และการเลย้ี วเบนของคล่นื ผวิ น้า รวมทัง้ คานวณปริมาณตา่ ง ๆ ที่เกีย่ วข้อง 4. สงั เกตและอธิบาย ความถ่ธี รรมชาติ การสนั่ พ้อง และผลท่ี 2. อธิบายความถี่ธรรมชาตขิ องวตั ถแุ ละการเกดิ การส่ันพ้อง เกดิ ข้นึ จากการส่ันพ้อง 5. สังเกตและอธิบายการสะท้อน การหกั เห การเลยี้ วเบน และ 5. อธบิ ายการเกดิ เสยี ง การเคลอ่ื นท่ีของเสยี ง ความสัมพันธ์ การรวมคลื่นของคลน่ื เสยี ง ระหว่างคลื่นการกระจดั ของอนภุ าคกับคล่ืนความดนั ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งอตั ราเร็วของเสยี งในอากาศทข่ี ้ึนกบั อุณหภมู ใิ นหนว่ ยองศาเซลเซียส สมบตั ิของคลืน่ เสยี ง ไดแ้ ก่ การ สะท้อน การหกั เห การแทรกสอด การเลี้ยวเบน รวมทงั้ คานวณ ปริมาณตา่ ง ๆ ท่ีเกย่ี วขอ้ ง 6. สืบค้นขอ้ มูลและอธิบายความสมั พันธ์ระหว่างความเขม้ เสียง 6. อธบิ ายความเขม้ เสยี ง ระดับเสยี ง องคป์ ระกอบของการไดย้ ิน กับระดับเสยี งและผลของความถ่ีกบั ระดับเสียงทม่ี ตี ่อการได้ยิน คุณภาพเสยี ง และมลพิษทางเสียง รวมทั้งคานวณปรมิ าณต่าง ๆ เสียง ท่เี กี่ยวข้อง 7. สงั เกตและอธิบายการเกิดเสยี งสะทอ้ นกลับ บีต ดอปเพลอร์ 7. ทดลองและอธบิ ายการเกิดการสน่ั พ้องของอากาศในท่อ และการสน่ั พอ้ งของเสียง ปลายเปดิ หนึ่งด้าน รวมทงั้ สงั เกตและอธบิ ายการเกิดบตี คล่นื น่งิ 8. สบื ค้นขอ้ มลู และยกตวั อยา่ งการนาความรูเ้ ก่ยี วกบั เสยี งไปใช้ ปรากฏการณด์ อปเพลอร์ คลน่ื กระแทกของเสียง คานวณ ประโยชนใ์ นชีวิตประจาวัน ปริมาณต่าง ๆ ทีเ่ ก่ยี วข้อง และนาความรู้เรื่องเสียงไปใชใ้ น ชวี ติ ประจาวัน 9. สังเกตและอธบิ ายการมองเหน็ สีของวตั ถุและความผดิ ปกติ 13. สงั เกตและอธิบายการมองเหน็ แสงสี สขี องวตั ถุ การผสมสารสี ในการมองเห็นสี และการผสมแสงสี รวมทัง้ อธิบายสาเหตุของการบอดสี 10. สงั เกตและอธบิ ายการทางานของแผ่นกรองแสงสี การผสม แสงสี การผสมสารสีและการนาไปใช้ประโยชน์ในชวี ติ ประจาวัน สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) www.ipst.ac.th
ย13 ตัวชว้ี ดั ในสาระพื้นฐาน ผลการเรยี นรใู้ นสาระเพม่ิ เตมิ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลงั งาน การเปล่ยี นแปลง ข้อ 3. เข้าใจแรงไฟฟา้ และกฎของคูลอมบ์ สนามไฟฟา้ และการถ่ายโอนพลงั งาน ปฏสิ ัมพนั ธ์ระหว่างสสารและพลงั งาน ศักย์ไฟฟา้ ความจไุ ฟฟ้า กระแสไฟฟา้ และกฎของโอห์ม พลงั งานในชีวิตประจาวัน ธรรมชาติของคล่นื ปรากฏการณ์ที่ วงจรไฟฟ้ากระแสตรง พลังงานไฟฟ้าและกาลงั ไฟฟา้ เก่ยี วขอ้ งกับเสียง แสง และคลื่นแม่เหล็กไฟฟา้ รวมทั้งนาความรู้ การเปลยี่ นพลงั งานทดแทนเปน็ พลังงานไฟฟ้า สนามแม่เหลก็ ไปใชป้ ระโยชน์ แรงแม่เหล็กที่กระทากบั ประจไุ ฟฟา้ และกระแสไฟฟ้า ตัวชี้วดั ม.5 การเหนยี่ วนาแม่เหล็กไฟฟา้ และกฎของฟาราเดย์ 11. สืบคน้ ข้อมูลและอธิบายคล่ืนแมเ่ หลก็ ไฟฟ้าสว่ นประกอบ ไฟฟา้ กระแสสลบั คลน่ื แม่เหล็กไฟฟา้ และการสอ่ื สาร คลื่นแม่เหลก็ ไฟฟ้า และ หลักการทางานของอุปกรณ์บางชนิดที่ รวมท้ังนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ อาศัยคล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟ้า ผลการเรยี นรู้ ม.6 7. อธบิ ายการเกดิ และลักษณะเฉพาะของคลืน่ แมเ่ หล็กไฟฟา้ แสงไมโ่ พลาไรส์ แสงโพลาไรส์เชิงเสน้ และแผ่นโพลารอยด์ รวมทง้ั อธบิ ายการนาคล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟ้าในช่วงความถี่ต่าง ๆ ไปประยกุ ตใ์ ช้และหลกั การทางานของอปุ กรณ์ทีเ่ กย่ี วข้อง 12. สืบคน้ ข้อมลู และอธบิ ายการสอื่ สารโดยอาศัยคล่ืน 8. สืบคน้ และอธิบายการสอ่ื สารโดยอาศยั คล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟา้ ใน แม่เหล็กไฟฟา้ ในการสง่ ผา่ นสารสนเทศและเปรยี บเทียบการ การสง่ ผ่านสารสนเทศ และเปรยี บเทยี บการสอ่ื สารด้วยสัญญาณ สอ่ื สารดว้ ยสัญญาณแอนะลอ็ กกับสญั ญาณดจิ ทิ ัล แอนะลอ็ กกบั สญั ญาณดิจทิ ลั 4. สาระที่ 3 วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ กบั สาระโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ตัวชวี้ ดั ในสาระพนื้ ฐาน ผลการเรยี นรู้ในสาระเพม่ิ เตมิ มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองคป์ ระกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกดิ ข้อ 3. เข้าใจองคป์ ระกอบ ลักษณะ กระบวนการเกดิ และ และววิ ัฒนาการของเอกภพ กาแลก็ ซี ดาวฤกษ์ และระบบสรุ ิยะ ววิ ัฒนาการของเอกภพ กาแลก็ ซี ดาวฤกษ์ และระบบสรุ ิยะ รวมท้ังปฏสิ มั พนั ธ์ภายในระบบสรุ ยิ ะที่สง่ ผลต่อสิ่งมชี วี ติ และ ความสมั พนั ธ์ของดาราศาสตร์กบั มนษุ ยจ์ ากการศกึ ษาตาแหน่ง การประยกุ ต์ใช้เทคโนโลยอี วกาศ ดาวบนทรงกลมฟา้ และปฏสิ มั พันธภ์ ายในระบบสุรยิ ะ รวมทง้ั การประยกุ ตใ์ ช้เทคโนโลยอี วกาศ ตวั ชี้วดั ม.6 1. อธบิ ายการกาเนดิ และการเปลย่ี นแปลงพลังงาน สสาร ผลการเรียนรู้ ม.6 ขนาด อณุ หภมู ิของเอกภพหลงั เกดิ บกิ แบงในชว่ งเวลาต่าง ๆ 1. อธิบายการกาเนดิ และการเปลยี่ นแปลงพลังงาน สสาร ตามววิ ัฒนาการของเอกภพ ขนาดอณุ หภมู ขิ องเอกภพหลังเกดิ บกิ แบงในช่วงเวลาต่าง ๆ ตามววิ ัฒนาการของเอกภพ 2. อธบิ ายหลักฐานทส่ี นบั สนุนทฤษฎบี กิ แบง จากความสมั พันธ์ 2. อธบิ ายหลักฐานท่ีสนบั สนนุ ทฤษฎีบิกแบง จากความสมั พันธ์ ระหว่างความเรว็ กบั ระยะทางของกาแลก็ ซี รวมทงั้ ขอ้ มลู การ ระหวา่ งความเร็วกับระยะทางของกาแล็กซี รวมทัง้ ขอ้ มูลการ คน้ พบไมโครเวฟพนื้ หลังจากอวกาศ ค้นพบไมโครเวฟพน้ื หลังจากอวกาศ Osasrrcrsonrssrnสถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (สสวท.) www.ipst.ac.th
14 ตวั ชีว้ ัดในสาระพ้ืนฐาน ผลการเรยี นรใู้ นสาระเพ่มิ เตมิ 3. อธบิ ายโครงสรา้ งและองคป์ ระกอบของกาแล็กซที างชา้ งเผือก 3. อธบิ ายโครงสรา้ งและองคป์ ระกอบของกาแล็กซที างช้างเผือก และระบุตาแหนง่ ของระบบสุรยิ ะพร้อมอธิบายเชอ่ื มโยงกับการ และระบุตาแหนง่ ของระบบสรุ ยิ ะพร้อมอธิบายเชอื่ มโยงกับการ สังเกตเห็นทางชา้ งเผอื กของคนบนโลก สงั เกตเห็นทางชา้ งเผอื กของคนบนโลก 4. อธบิ ายกระบวนการเกดิ ดาวฤกษ์ โดยแสดงการเปลีย่ นแปลง 4. อธิบายกระบวนการเกดิ ดาวฤกษ์ โดยแสดงการเปลย่ี นแปลง ความดนั อุณหภมู ิ ขนาด จากดาวฤกษก์ อ่ นเกิดจนเป็นดาวฤกษ์ ความดัน อณุ หภมู ิ ขนาด จากดาวฤกษ์กอ่ นเกิดจนเป็นดาวฤกษ์ 5. อธิบายกระบวนการสร้างพลงั งานของดาวฤกษ์และผลที่เกดิ ข้นึ 5. ระบปุ ัจจัยทสี่ ่งผลต่อความส่องสวา่ งของดาวฤกษ์ และอธบิ าย โดยวเิ คราะหป์ ฏกิ ิรยิ าลกู โซโ่ ปรตอน-โปรตอน และวฏั จกั ร ความสัมพนั ธร์ ะหว่างความส่องสวา่ งกับโชติมาตรของดาวฤกษ์ คาร์บอน-ไนโตรเจน ออกซเิ จน 6. ระบุปจั จัยทสี่ ่งผลตอ่ ความส่องสว่างของดาวฤกษ์ และอธิบาย ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งความสอ่ งสวา่ งกับโชติมาตรของดาวฤกษ์ 6. อธิบายความสัมพนั ธร์ ะหว่างสี อณุ หภูมผิ วิ และสเปกตรมั ของ 7. อธิบายความสัมพนั ธร์ ะหว่างสี อณุ หภูมผิ วิ และสเปกตรมั ของ ดาวฤกษ์ ดาวฤกษ์ 8. อธบิ ายวธิ ีการหาระยะทางของดาวฤกษ์ด้วยหลักการ แพรลั แลกซ์ พรอ้ มคานวณหาระยะทางของดาวฤกษ์ 7. อธิบายลาดบั วิวัฒนาการทสี่ ัมพนั ธ์กับมวลต้ังต้น และ 9. อธิบายลาดบั ววิ ฒั นาการทสี่ ัมพนั ธก์ ับมวลตัง้ ตน้ และ วิเคราะห์การเปล่ยี นแปลงสมบตั บิ างประการของดาวฤกษ์ วิเคราะหก์ ารเปล่ียนแปลงสมบตั บิ างประการของดาวฤกษ์ใน ลาดบั วิวฒั นาการ จากแผนภาพเฮริ ์ซปรงุ -รสั เซลล์ 8. อธิบายกระบวนการเกดิ ระบบสรุ ิยะ และการแบง่ เขตบริวาร 10. อธิบายกระบวนการเกดิ ระบบสุริยะ การแบง่ เขตบริวารของ ของดวงอาทติ ย์ และลกั ษณะของดาวเคราะหท์ ีเ่ อือ้ ต่อการ ดวงอาทติ ย์ และลักษณะของดาวเคราะห์ที่เอือ้ ต่อการดารงชีวติ ดารงชีวิต 11. อธิบายการโคจรของดาวเคราะหร์ อบดวงอาทิตยด์ ว้ ย กฏเคพเลอร์ และกฎความโนม้ ถว่ งของนิวตนั พรอ้ มคานวณ คาบการโคจรของดาวเคราะห์ 9. อธบิ ายโครงสรา้ งของดวงอาทิตย์ การเกดิ ลมสุรยิ ะ พายุสรุ ยิ ะ 12. อธิบายโครงสร้างของดวงอาทติ ย์ การเกดิ ลมสุริยะ พายสุ ุรยิ ะ และสบื ค้นข้อมลู วิเคราะห์ นาเสนอปรากฏการณห์ รือเหตกุ ารณ์ และวเิ คราะห์ นาเสนอปรากฏการณ์หรือเหตกุ ารณท์ ่ีเกยี่ วขอ้ ง ท่เี กีย่ วขอ้ งกับผลของลมสุริยะ และพายุสรุ ิยะท่ีมตี อ่ โลกรวมทงั้ กับผลของลมสุรยิ ะ และพายสุ รุ ิยะที่มตี ่อโลกรวมทั้งประเทศไทย ประเทศไทย 10 สืบค้นขอ้ มลู อธบิ ายการสารวจอวกาศโดยใช้กลอ้ ง 18. สบื ค้นข้อมลู อธิบายการสารวจอวกาศโดยใชก้ ลอ้ ง โทรทรรศน์ในช่วงความยาวคล่นื ตา่ ง ๆ ดาวเทยี ม ยานอวกาศ โทรทรรศน์ในชว่ งความยาวคลื่นตา่ ง ๆ ดาวเทยี ม ยานอวกาศ สถานีอวกาศ และนาเสนอแนวคดิ การนาความรทู้ างด้าน สถานอี วกาศ และนาเสนอแนวคดิ การนาความร้ทู างด้าน เทคโนโลยอี วกาศมาประยุกตใ์ ชใ้ นชีวิตประจาวนั หรอื ในอนาคต เทคโนโลยีอวกาศมาประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั หรือในอนาคต 19. สืบค้นขอ้ มูล ออกแบบและนาเสนอกิจกรรมการสังเกตดาว บนท้องฟ้าดว้ ยตาเปลา่ และ/หรือกลอ้ งโทรทรรศน์ มาตรฐาน ว 3.2 เขา้ ใจองค์ประกอบและความสมั พันธข์ อง ขอ้ 1. เข้าใจกระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลก ธรณพี ิบตั ภิ ัย ระบบโลก กระบวนการเปลีย่ นแปลงภายในโลก และบนผวิ โลก และผลตอ่ สง่ิ มชี วี ิตและสงิ่ แวดล้อม การศึกษาลาดับชนั้ หนิ ธรณพี ิบัตภิ ัย กระบวนการเปลยี่ นแปลงลมฟา้ อากาศและ ทรพั ยากรธรณี แผนท่ี และการนาไปใช้ประโยชน์ ภมู อิ ากาศโลก รวมท้ังผลต่อสงิ่ มชี วี ิตและสงิ่ แวดลอ้ ม สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) www.ipst.ac.th
•15 ตวั ชว้ี ัดในสาระพน้ื ฐาน ผลการเรียนรใู้ นสาระเพิม่ เติม ตัวชวี้ ัดช้ันปี ม.6 ผลการเรยี นรู้ ม.4 1. อธบิ ายการแบ่งช้นั และสมบัตขิ องโครงสรา้ งโลก พรอ้ ม 1. อธบิ ายการแบ่งชั้นและสมบตั ิของโครงสรา้ งโลก พรอ้ มยกตวั อยา่ ง ยกตวั อย่างขอ้ มูลทส่ี นับสนนุ ข้อมลู ท่สี นับสนุน 2. อธบิ ายหลกั ฐานทางธรณวี ทิ ยาท่ีสนับสนนุ การเคลอื่ นที่ของ 2. อธิบายหลกั ฐานทางธรณีวิทยาทีส่ นบั สนุนการเคลอื่ นท่ีของ แผ่นธรณี แผน่ ธรณี 3. ระบุสาเหตุ และอธบิ ายรปู แบบแนวรอยต่อของแผ่นธรณีท่ี 3. ระบสุ าเหตุและอธิบายรปู แบบการเคล่ือนทข่ี องแผน่ ธรณีท่ี สมั พนั ธ์การเคล่อื นทขี่ องแผ่นธรณี พร้อมยกตวั อย่างหลกั ฐาน สมั พนั ธ์กับการเกิดลักษณะธรณสี ณั ฐานและธรณโี ครงสรา้ งแบบ ทางธรณีวิทยาทพี่ บ ต่าง ๆ 4. อธิบายสาเหตุกระบวนการเกดิ ภเู ขาไฟระเบดิ รวมทง้ั สบื คน้ 5. อธบิ ายสาเหตกุ ระบวนการเกิดภูเขาไฟระเบดิ และปัจจยั ท่ีทา ข้อมูลพืน้ ทเ่ี สี่ยงภยั ออกแบบและนาเสนอแนวทางการเฝา้ ระวงั ให้ความรุนแรงของการปะทุและรปู รา่ งของภเู ขาไฟแตกตา่ งกนั และการปฏิบัตติ นใหป้ ลอดภยั รวมทั้งสบื ค้นข้อมลู พน้ื ที่เส่ียงภัย ออกแบบและนาเสนอแนวทาง การเฝา้ ระวังและการปฏบิ ตั ติ นใหป้ ลอดภัย 5. อธิบายสาเหตุ กระบวนการเกดิ ขนาดและความรุนแรง และ 6. อธบิ ายสาเหตุ กระบวนการเกิด ขนาดและความรนุ แรง และ ผลจากแผน่ ดนิ ไหว รวมทัง้ สบื ค้นข้อมูลพืน้ ทเี่ ส่ยี งภัย ออกแบบ ผลจากแผ่นดนิ ไหว รวมทงั้ สบื ค้นข้อมลู พน้ื ทเ่ี สีย่ งภัย ออกแบบ และนาเสนอแนวทางการเฝา้ ระวังและการปฏบิ ตั ติ นใหป้ ลอดภัย และนาเสนอแนวทางการเฝ้าระวงั และการปฏบิ ตั ติ นให้ปลอดภัย 6. อธบิ ายสาเหตุ กระบวนการเกิด และผลจากสึนามิ รวมทัง้ 7. อธบิ ายสาเหตุ กระบวนการเกิด และผลจากสึนามิ รวมทั้ง สืบค้นขอ้ มูลพื้นทเี่ สยี่ งภยั ออกแบบและนาเสนอแนวทาง สืบค้นข้อมลู พื้นที่เสย่ี งภยั ออกแบบและนาเสนอแนวทาง การเฝา้ ระวังและการปฏบิ ตั ติ นใหป้ ลอดภยั การเฝา้ ระวังและการปฏิบตั ติ นใหป้ ลอดภยั มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองคป์ ระกอบและความสมั พนั ธข์ อง ขอ้ 2. เข้าใจสมดลุ พลังงานของโลก การหมนุ เวยี นของอากาศ ระบบโลก กระบวนการเปลย่ี นแปลงภายในโลก และบนผวิ โลก บนโลก การหมนุ เวยี นของนา้ ในมหาสมุทร การเกดิ เมฆ ธรณพี บิ ัตภิ ยั กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟา้ อากาศและ การเปลย่ี นแปลงภมู ิอากาศโลกและผลต่อสงิ่ มชี ีวติ และ ภูมอิ ากาศโลก รวมทั้งผลต่อสิ่งมชี ีวติ และส่งิ แวดลอ้ ม ส่ิงแวดลอ้ ม รวมทัง้ การพยากรณ์อากาศ ตัวชีว้ ดั ม.6 ผลการเรยี นรู้ ม.5 7. อธิบายปัจจยั สาคญั ท่ีมผี ลต่อการไดร้ บั พลงั งานจากดวง 1. อธบิ ายปจั จยั สาคญั ทม่ี ผี ลต่อการรับและคายพลงั งานจากดวง อาทติ ยแ์ ตกต่างกนั ในแตล่ ะบรเิ วณของโลก อาทติ ยแ์ ตกต่างกนั และผลทีม่ ตี อ่ อุณหภมู อิ ากาศในแต่ละบรเิ วณ ของโลก 8. อธบิ ายการหมนุ เวียนของอากาศท่เี ป็นผลมาจากความแตกตา่ ง 2. อธิบายกระบวนการทที่ าให้เกดิ สมดุลพลงั งานของโลก ของความกดอากาศ 3. อธิบายผลของแรงเนอ่ื งจากความแตกต่างของความกดอากาศ 9. อธิบายทิศทางการเคลือ่ นท่ีของอากาศท่เี ปน็ ผลมาจากการ แรงคอริออลสิ แรงสศู่ ูนยก์ ลาง และแรงเสยี ดทานทม่ี ีตอ่ การ หมุนรอบตัวเองของโลก หมนุ เวียนของอากาศ 10 อธิบายการหมนุ เวียนของอากาศตามเขตละตจิ ดู และผลทม่ี ี ต่อภูมิอากาศ 4. อธิบายการหมนุ เวียนของอากาศตามเขตละติจดู และผลทมี่ ี ตอ่ ภูมิอากาศ 11. อธบิ ายปจั จยั ทท่ี าให้เกดิ การหมุนเวียนของน้าผิวหนา้ ใน 6. อธบิ ายปัจจัยท่ที าใหเ้ กิดการหมุนเวียนของนา้ ในมหาสมทุ ร มหาสมทุ รและรปู แบบการหมนุ เวยี นของน้าผิวหนา้ ในมหาสมุทร และรูปแบบการหมุนเวียนของน้าในมหาสมุทร nrnsonsoeeoreoeaสถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) www.ipst.ac.th
•16 ตัวชี้วัดในสาระพ้ืนฐาน ผลการเรียนรู้ในสาระเพ่มิ เติม 12. อธบิ ายผลของการหมนุ เวยี นของอากาศและน้าผวิ หนา้ ใน มหาสมุทรทีม่ ตี ่อลักษณะภมู อิ ากาศ ลมฟ้าอากาศ สง่ิ มีชีวติ และ 7. อธิบายผลของการหมนุ เวียนของน้าในมหาสมทุ รทม่ี ตี ่อ ส่ิงแวดลอ้ ม ลักษณะภมู ิอากาศ ลมฟ้าอากาศ ส่ิงมชี ีวติ และสง่ิ แวดลอ้ ม 13. อธบิ ายปจั จัยท่ีมผี ลต่อการเปลย่ี นแปลงสมดลุ พลงั งานและ ภูมอิ ากาศของโลก พรอ้ มทัง้ นาเสนอแนวปฏิบัตเิ พ่อื ลดกจิ กรรม 10. อธบิ ายปจั จยั ต่าง ๆ ที่มีผลตอ่ การเปลย่ี นแปลงภมู ิอากาศ ของมนษุ ยท์ ่ีส่งผลต่อการเปลยี่ นแปลงภมู อิ ากาศโลก ของโลก พรอ้ มยกตวั อย่างขอ้ มลู สนับสนุน 11. วิเคราะห์ และอภปิ รายเหตกุ ารณ์ท่ีเปน็ ผลจากการ 14. แปลความหมายสญั ลกั ษณล์ มฟา้ อากาศทส่ี าคญั จากแผนท่ี เปลย่ี นแปลงภมู อิ ากาศของโลก และนาเสนอแนวปฏิบตั ิของ อากาศ และนาข้อมลู สารสนเทศตา่ ง ๆ มาวางแผนการดาเนนิ มนษุ ย์ท่ีมสี ่วนช่วยในการชะลอการเปลย่ี นแปลงภมู อิ ากาศโลก ชวี ติ ให้สอดคล้องกับสภาพลมฟ้าอากาศ 12. แปลความหมายสัญลักษณ์ลมฟา้ อากาศบนแผนทอี่ ากาศ 13. วิเคราะห์ และคาดการณล์ ักษณะลมฟ้าอากาศเบื้องต้นจาก แผนทอ่ี ากาศและขอ้ มลู สารสนเทศ เพ่ือวางแผนในการประกอบ อาชพี และการดาเนินชวี ิตใหส้ อดคลอ้ งกับสภาพลมฟ้าอากาศ --สถาบนั0ส0ง่ เสรมิ การสอ0น0วิทยาศาสตร7์แ2ละเทคโนโล0ย0ี (สสวท.) -w00ww.ipst.ac.th
Search
Read the Text Version
- 1 - 17
Pages: