Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงาน เครื่องมือการเก็บตัวอย่างอากาศ.6240311351

รายงาน เครื่องมือการเก็บตัวอย่างอากาศ.6240311351

Published by Sophriya Saeh, 2021-03-19 06:35:03

Description: รายงาน เครื่องมือการเก็บตัวอย่างอากาศ.

Search

Read the Text Version

รายงาน เคร่ืองมือการเกบ็ ตวั อยา่ งอากาศ เสนอ อาจารย์ นุจรีย์ แซ่จิว จดั ทาโดย นางสาว ซอพรียา แซะ รหสั นกั ศึกษา 6240311351 สาขา อาชีวอนามยั และความปลอดภยั รายงานฉบบั น้ีเป็นส่วนหน่ึงของรายวชิ า 924-209 INDUSTRIAL HIGIENE ภาคเรียนที่ 2 ปี การศกึ ษา 2563 มหาวทิ ยาสงขลานครินทร์ วทิ ยาเขตสุราษฏร์ธานี

คานา รายงานเลม่ น้ีจดั ทาข้ึนเพ่ือเป็นส่วนหน่ึงของวิชา 924-209 INDUSTRIAL HIGIENE ช้นั ปี 2 เพ่ือให้ไดศ้ ึกษาหาความรู้ในเร่ืองเคร่ืองมือการเกบ็ ตวั อยา่ งอากาศ และไดศ้ ึกษาอยา่ งเขา้ ใจเพ่ือ เป็นประโยชนก์ บั การเรียนผจู้ ดั ทาหวงั วา่ รายงานเลม่ น้ีจะเป็นประโยชนก์ บั ผอู้ ่าน หรือนกั เรียน นกั ศึกษา ท่ีกาลงั หาขอ้ มลู เรื่องน้ีอยู่ หากมีขอ้ แนะนาหรือขอ้ ผิดพลาดประการใด ผจู้ ดั ทาขอนอ้ ม รับไวแ้ ละขออภยั มา ณ ที่น้ีดว้ ย จดั ทาโดย นางสาว ซอพรียา แซะ

สารบัญ เรื่อง หนา้ การประเมินและการเกบ็ ตัวอย่างมลพษิ ทางอากาศ…………………………………………………………… 1 วัตถุประสงค์ของการเกบ็ ตวั อย่างมลพษิ ทางอากาศ………………………………………………................. 1 เคร่ืองมือที่ใช้ในการเก็บตวั อย่างมลพิษทางอากาศ…………………………………………………………… 2 เคร่ืองมือทอ่ี ่านผลการตรวจวดั ทางหน้าปัด ………………………………………………….….................... 3 เครื่องมือทอ่ี ่านค่าโดยตรงทีแ่ สดงผลตวั กลาง………………………………………………….…………… 4 การประเมินและการเก็บตวั อย่างอากาศ ………………………………………………………….... ……….. 5 กลวธิ ีในการเก็บตวั อย่างอากาศ…………………………………………………………………………………. 6 การเก็บตัวอย่างอากาศชนิดอนุภาคโดยหลักการกรอง……………………………………………………… 7 กลไกการเกบ็ อนุภาค (Collection mechanism) ……………………………………………………………………. 8 ชนิดและโครงสร้างของกระดาษกรอง………………………………………………………………………….. 9 เคร่ืองมือตรวจวดั ชนิดอ่านค่าโดยตรง………………………………………………………………………… 10 การเกบ็ ตวั อย่างอากาศในบริเวณสถานทที่ างาน (workplace air sampling)………………………………. 11 กฎหมายในประเทศไทยท่เี ก่ียวข้อง.......................................................................................... 11 เคร่ืองมือ/อปุ กรณ์ในการเก็บตัวอย่างอากาศในสถานทท่ี างาน…………………………………………. 15 บรรณานุกรม…………………………………………………..................................................................................... 17

1 การประเมนิ และการเก็บตวั อย่างมลพษิ ทางอากาศ มลพษิ ทางอากาศอาจแบ่งได้2 ประเภท คือ 1.อนุภาค (Particulates) หมายถึง สารทุกชนิดไม่วา่ จะอยใู่ นรูปของแขง็ หรือ ของเหลวท่ีสามารถแขวนลอย อยใู่ นบรรยากาศไดใ้ นระยะเวลาใดเวลาหน่ึง และอาจเขา้ สู่ระบบ ทางเดินหายใจคนได้ อนุภาคของแขง็ เช่น ฝ่ นุ ฟมู ควนั ข้ีเถา้ เสน้ ใย อนุภาคของเหลว ไดแ้ ก่ละออง(mist) และ หมอก(fog) -ฝ่ นุ (Dust) หมายถงึ อนุภาคของสารอนิ ทรียห์ รืออนินทรียท์ ่ีเกิดจากการขดั ตดั กระแทก เจาะ ทุบวตั ถุ ฯลฯ ทาใหว้ ตั ถแุ ตกออกและช้ินส่วนท่ีมขี นาดเลก็ ฟ้งุ กระจายข้นึ สู่อากาศ ฝ่ นุ มีต้งั แต่สามารถมองเห็นดว้ ยตาเปลา่ จนถึงขนาดเลก็ ที่ไม่สามารถมองเห็นไดด้ ว้ ยตาเปล่า อยา่ งไรกต็ ามฝ่ นุ ท่นี กั สุขศาสตร์ฯ สนใจคือฝ่ นุ ท่ี สามารถถูกหายใจเขา้ สู่ทางเดินหายใจได้ หรือที่ เรียกวา่ Inhalable dust -ควนั (Smoke) เกิดจากการเผาไหมท้ ี่ไมส่ มบูรณ์ของสารอินทรีย์ โดยทวั่ ไปขนาด ของควนั มกั เลก็ วา่ 0.5 ไมโครเมตร 140 สาหรับอนุภาคท่ีอยใู่ นสถานะของเหลวไดแ้ ก่ -ละออง(Mist) เกิดจากการท่ีของเหลวถูกอดั ใหแ้ ตกกระจายออก (Atomization) กลายเป็นอนุภาคที่มขี นาด เลก็ แขวนลอยในอากาศ โดยทวั่ ไปมขี นาดใหญก่ ว่า 5 ไมโครเมตร -หมอก(Fog) เกิดจากการกลนั่ ตวั กลายเป็นของเหลวของสารที่อยใู่ นสถานะกา๊ ซ เม่ือก๊าซน้นั มคี วามเขม้ ขน้ สูงมากๆ เช่น ของเหลวอนิ ทรียท์ ี่ถกู ตม้ จนเดือดกลายเป็นไอลอยตวั ข้ึน ไปกระทบกบั ความเยน็ จึงกลน่ั ตวั เป็นของเหลว โดยทวั่ ไปมขี นาดเลก็ กวา่ หรือเท่ากบั 0.25 ไมโครเมตร แขวนลอยในอากาศ 2.ก๊าซ และไอ -กา๊ ซ หมายถงึ สภาวะของของไหลท่ีไร้รูปทรงของสารเคมที ี่อาจเปลี่ยนแปลงไปสู่ สภาวะของเหลว หรือ ของแข็ง โดยผลร่วมกนั ระหวา่ งการเพิม่ ความดนั และการลดอณุ หภูมิ -ไอ หมายถงึ สภาวะการเป็นกา๊ ซของสารซ่ึงโดยปกติแลว้ ภายในอณุ หภูมิหอ้ ง และความดนั ปกติจะอยใู่ น สภาวะของแข็งหรือของเหลว ไอน้นั จะทาใหเ้ ปลี่ยนแปลงกบั ไปเป็น สภาวะของแข็ง หรือของเหลวไดโ้ ดย การเพม่ิ ความดนั หรือลดอณุ หภูมิ วตั ถุประสงค์ของการเกบ็ ตวั อย่างมลพษิ ทางอากาศ 1.เพอื่ ทราบระดบั ความเขม้ ขน้ ของมลพษิ ทางอากาศว่าอยใู่ นระดบั ที่เป็นอนั ตรายต่อ สุขภาพผปู้ ฏิบตั ิงาน หรือไม่ หรือเกินค่าท่ีกาหนดโดยกฎหมาย หรือค่าแนะนาโดยหน่วยงานที่ ยอมรับในระดบั สากลหรือไม่

2 2.เพอื่ เป็นขอ้ มูลในการวางแผน บริหารจดั การเพื่อลดระดบั ความเขม้ มลพษิ ใหอ้ ยใู่ น ระดบั ที่ไม่เป็นอนั ตราย ต่อสุขภาพ ตลอดจนการจดั ใหม้ กี ิจกรรมเฝ้าคุมอากาศในสถานที่ทางาน อยา่ งเป็นระบบและต่อเนื่อง เครื่องมือทีใ่ ช้ในการเกบ็ ตวั อย่างมลพษิ ทางอากาศ การเกบ็ ตวั อยา่ งอากาศ ตอ้ งพจิ ารณาถงึ ประเภทของมลพษิ ทางอากาศ ชนิดของสาร ปนเป้ื อนท่ีแขวนลอยใน อากาศ ดงั น้นั ในทนี่ ้ีจึงแบ่งการเกบ็ ตวั อยา่ งอากาศออกเป็น 2 ประเภท คือ การเก็บตวั อยา่ งอากาศสาหรับสาร ปนเป้ื อนท่ีเป็นอนุภาคและการเกบ็ ตวั อยา่ งอากาศสาหรับสาร ปนเป้ื อนที่เป็นไอระเหยและก๊าซ ท้งั น้ีเพอ่ื ประโยชนใ์ นการเลือกเคร่ืองมอื และอุปกรณ์ที่เหมาะสม กบั การเกบ็ ตวั อยา่ งอากาศเพือ่ การวิเคราะห์หา ปริมาณของมลพิษน้นั ๆ ปัจจุบนั เคร่ืองมือที่ใชใ้ น การเกบ็ ตวั อยา่ งมมี ากมายหลายประเภท แต่ละประเภทก็ ไดร้ ับการพฒั นาใหม้ ปี ระสิทธิภาพใน การใชง้ าน สามารถแบ่งออกไดด้ งั น้ี 1.เคร่ืองมอื ชนดิ ทอี่ ่านค่าโดยตรง(Direct reading instruments) เคร่ืองมือที่รวมเอาการเกบ็ ตวั อยา่ งและวเิ คราะหไ์ วใ้ นเครื่องมือน้นั ๆ สามารถแสดงผล การตรวจวดั ในเชิง ปริมาณไดท้ นั ทีที่ทาการตรวจวดั โดยแสดงที่หนา้ ปัด เคร่ืองบนั ทึก หรือ แสดงผลท่ีตวั กลางที่เก่ียวขอ้ งกบั การเก็บตวั อยา่ งอากาศ เช่น หลอดตรวจวดั ฯลฯ เครื่องมอื ประเภทน้ีมขี อ้ ดีและขอ้ จากดั ดงั น้ี ข้อดี -สามารถประมาณค่าความเขม้ ขน้ ของมลพิษทางอากาศไดท้ นั ที -บางชนิดสามารถบนั ทกึ ความเขม็ ขน้ มลพิษทางอากาศไดอ้ ยา่ งต่อเนื่อง ตลอดเวลา -ลดปัญหาข้นั ตอนและเวลาในการทางาน -ลดปัญหาขอ้ ผดิ พลาดท่ีเกดิ จากการเก็บตวั อยา่ งและวเิ คราะหต์ วั อยา่ ง -ลดปัญหาการใชเ้ คร่ืองมือไมถ่ กู ตอ้ งจากบุคคลท่ีไม่ไดร้ ับการฝึก -เคร่ืองมือบางชนิดถกู ออกแบบมาใหม้ ีระบบเตือนภยั โดยสามารถแสดงออกในรูป ของแสง หรือเสียงท้งั น้ี เพอ่ื เตือนผปู้ ฏบิ ตั ิงานใหท้ ราบถงึ สภาวะที่เป็นอนั ตราย ข้อจากดั -ราคาแพง - อาจตอ้ งทาการตรวจปรับความถูกตอ้ งบ่อย ดงั น้นั การขาดเครื่องมือตรวจ ปรับความถกู ตอ้ งจึงเป็นปัญหา ต่อการใชเ้ คร่ืองมอื ประเภทน้ีมาก

3 เคร่ืองมอื ที่อ่านผลการตรวจวดั ทางหน้าปัด ที่นิยมใชไ้ ดแ้ ก่ 1.เครื่องมือท่ีอาศยั หลกั การกระจายของแสง (Light scattering) สาหรับการเก็บและ วเิ คราะห์อนุภาคใน อากาศ เช่น เครื่องมอื ท่ีตรวจวดั ปริมาณฝ่ นุ ที่เขา้ ถงึ ถงุ ลมปอดชนิดที่อ่านค่า ไดท้ นั ที 2.เครื่องมอื ท่ีอาศยั หลกั การแตกตวั เป็นไอออน (Ionization) สาหรับการตรวจวดั ก๊าซและ ไอ เช่น เคร่ืองวดั VOC 3.เครื่องมอื ที่อาศยั หลกั การวดั ความเขม้ ขน้ ของแสง (Photometry) สาหรับการตรวจวดั ก๊าซและไอ เช่น เครื่อง Miran vapor analyzer 4.เครื่องมอื ที่อาศยั หลกั การแยกช้นั ของกา๊ ซโดยการซึมผา่ นวตั ถดุ ูดซบั (Gas chromatography ) เช่น Portable GC

4 เครื่องมอื ทอ่ี ่านค่าโดยตรงทแี่ สดงผลตัวกลาง เคร่ืองมอื ท่ีอ่านค่าโดยตรงที่แสดงผลตวั กลาง ทนี่ ิยมใชไ้ ดแ้ ก่ หลอดตรวจวดั (Detector tube) จะตอ้ งใช้ กบั เคร่ืองเกบ็ ตวั อยา่ งอากาศร่วมดว้ ย เป็นชนิด Squeeze bulb หรือ Hand piston pump หรือ Peristallic pump เป็ นตน้ ภายในหลอดตรวจวดั บรรจุสาร Silica gel ,Activated alumina ,Silica sand ,Silica glass อยา่ งใดอยา่ ง หน่ึง สารเหล่าน้ีถูกดูดซบั ดว้ ยสารเคมที ีจ่ ะทาปฏกิ ิริยาเฉพาะเจาะจงกบั มลพษิ ทต่ี อ้ งการเกบ็ ตวั อยา่ งอากาศ ทาให้ เกิดการเปล่ียนสีอยา่ งรวดเร็วและชดั เจน ทาใหท้ ราบปริมาณความเข็ม ขน้ ของมลพิษไดเ้ ม่ือตอ้ งการใชห้ ลอด ตรวจวดั ใหต้ ดั ปลายท้งั สองออก ปลายดา้ นหน่ึงของหลอด ต่อกบั ช่องอากาศขา้ วของเคร่ืองเก็บตวั อยา่ ง อากาศชนิดท่กี ลา่ วมาแลว้ ส่วนปลายอกี ดา้ นหน่ึง ของหลอดตรวจวดั เป็นช่องใหอ้ ากาศเขา้ ขอ้ ควรระวงั ใน การใชห้ ลอดตรวจวดั ซ่ึงสามารถทาใหเ้ กิดค่าที่ผดิ พลาดไดค้ ือ -Pump stroke -การสวมหลอดตรวจวดั เขา้ กบั เคร่ืองมือไม่ถูกตอ้ ง -การใชใ้ นท่ีที่มอี ณุ หภูมแิ ละความช้ืนสูง -การสวมหลอดตรวจวดั เขา้ กบั เครื่อง ถา้ ไม่แน่นจะทาใหอ้ ากาศร่ัวไหลออกภายนอก -สารเคมใี นหลอดตรวจวนั หมดอาย

5 การประเมนิ และการเกบ็ ตวั อย่างอากาศ เป็นกระบวนการประเมนิ ระดบั ความเสี่ยงจากการสมั ผสั กบั สาร หรือ ปัจจยั เส่ียงทางเคมี ของผปู้ ฏบิ ตั ิงาน ซ่ึงอาจก่อใหเ้ กิดผลกระทบต่อสุขภาพ โดยสงั เกตการณ์ทางาน การสอบถาม การใชเ้ คร่ืองมอื เพื่อประเมิน ความเขม้ ขน้ วา่ อยใู่ นระดบั มาตรฐานหรือไม่ กรณีไม่อยรู่ ะดบั มาตรฐานก็ควบคุมใหอ้ ยใู่ นระดบั ท่ีปลอดภยั นกั สุขศาตร์ควรพจิ ารณาปัจจยั ต่างๆต่อไปน้ี เพอ่ื ประเมนิ ความรุนแรงของอนั ตรายในส่ิงแวดลอ้ มการ ทางาน คือ ความเป็นพษิ (Toxicity) หมายถึงความสามารถของปัจจยั เส่ียงในการก่อใหเ้ กิดผลกระทบ ต่อสุขภาพและ ความปลอดภยั ของผปู้ ฏบิ ตั ิงาน ปริมาณท่ีได(้ Dose/Exposure) หมายถงึ ปริมาณสารหรือระดบั ของปัจจยั เสี่ยงที่ ผปู้ ฏบิ ตั ิงานจะไดร้ ับเขา้ สู่ ร่างกายทุกทาง หรือสมั ผสั กบั ส่วนใดๆของร่างกายในระหวา่ งปฏิบตั ิงาน ทางเขา้ สู่ร่างกาย (Route of entry) หมายถึงทางที่สารเคมีสามารถเขา้ สู่ร่างกายและทาให้ เกิดผลกระทบ ต่อร่างกายได้ เชน่ ฝ่ นุ ทรายอาจเขา้ สู่ร่างกายไดท้ ้งั ทางปากและทางจมูก แต่ทางท่ี นบั เป็นทางเขา้ สู่ร่างกายคือ ทางจมูกเท่าน้นั เนื่องจากสามารถทาใหเ้ กิดโรคปอด( Silicosis ) ได้ ในขณะที่ฝ่นุ ทรายท่ีเขา้ ทางปากจะถกู ขบั ออกมากบั กากอาหารและไมไ่ ดท้ าใหเ้ กิดอนั ตรายต่อ ร่างกาย และปัจจยั เสริมเกี่ยวกบั ทางเขา้ สู่ร่างกายท่ี ควรพิจารณา คือ สุขวทิ ยาส่วนบุคคล สถาน ที่ต้งั ของโรงอาหาร การใชอ้ ปุ กรณ์ป้องกนั อนั ตรายส่วนบคุ คลที่ ปกป้องผวิ หนงั ปกป้องทางเดิน หายใจ เช่น ถงุ มอื ชุดป้องกนั สารเคมี หนา้ กาก การวิเคราะหก์ ระบวนการผลิตและการทางาน(Process analysis and Operation) ข้นั ตอนการทางานต่างๆ ท่ีผปู้ ฏิบตั ิงานอาจสมั ผสั กบั ปัจจยั เสี่ยง ซ่ึงอาจเป็นวตั ถุดิบ ผลิตภณั ฑ์ ผล พลอยไดจ้ ากการผลติ หรือกากของ เสีย ท่ีอาจฟุ้งกระจายหรือถูกปลดปลอ่ ยออกสู่อากาศใน ขณะท่ีมีการใช้ การขนยา้ ย การจดั เกบ็ หรือการ กาจดั กิจกรรมในขณะซ่อมบารุงเคร่ืองจกั ร(Maintenance) การหกร่ัวไหลและการเกิดอุบตั ิเหตุ ความถ่ีในการ ซ่อมบารุง สถิติการหกร่ัวไหลของสารและอุบตั ิเหตุ ผปู้ ฏิบตั ิงานสมั ผสั กบั สารใน ลกั ษณะใด สารน้นั อยใู่ น ถานะอะไร

6 ระบาดวิทยาและการประเมนิ ความเส่ียง(Epidemiologic study and risk assessment) ขอ้ มลู และความ เคลอ่ื นไหวต่างๆ ที่ไดจ้ ากการศกึ ษาทางระบาดวทิ ยาเกี่ยวกบั ผลกระทบต่อ สุขภาพของปัจจยั เส่ียง เช่น จาก ขอ้ มูลของฝ่ ายการแพทยข์ องโรงงานช้ีว่า คนงานแผนกขนถา่ ย วตั ถดุ ิบเป็นโรคผวิ หนงั มากกว่าแผนกอนื่ และคนทว่ั ไป หรือจากการติดตามขอ้ มลู ในอดีตพบวา่ คนงานในแผนกผสมสารมกี ารสมั ผสั สารเคมมี ากกวา่ แผนกอื่นๆ เป็นตน้ การสอบถาม(Interview) ขอ้ มูลท่ีไดจ้ ากการสอบถามผปู้ ฏิบตั ิงานเกี่ยวกบั อากาศเจ็บป่ วย ลกั ษณะงาน การเปลี่ยนแปลงสภาพปวดลอ้ มการทางาน ความเครียดจากการทางานฯลฯ การตอบสนองต่อปัจจยั เสี่ยงที่แตกต่างกนั ของบุคคล(Individual) ในกลุ่มผปู้ ฏิบตั ิงานที่มี ความแตกต่าง กนั เช่น อายุ เพศ เช้ือชาติ กลวธิ ใี นการเกบ็ ตวั อย่างอากาศ ในการกาหนดกลวิธีการเก็บตวั อยา่ งอากาศทางสุขศาสตร์อุตสาหกรรม นกั สุขศาสตร์ฯ สามารถ ออกแบบกลวธิ ีใหเ้ หมาะสมตามวตั ถปุ ระสงคข์ องการตรวจวดั เช่น ตอ้ งการประเมนิ การ สมั ผสั ตลอดเวลา การท างานในสภาพปกติ หรือตอ้ งการนาไปเปรียบเทียบกบั ค่า TLV-TWA หรือ ตอ้ งการประเมินในกรณี worst case เช่น คนงานที่ทาหนา้ ท่ีเทสารลงถงั ผสม ซ่ึงมีระยะเวลาการ ท างานเพยี ง 15 นาที หรือเม่อื มีเร่ือง ร้องเรียน หรือเมือ่ ตอ้ งการประเมินการท างานของระบบ ควบคุม เป็นตน้ ไม่ว่าวตั ถปุ ระสงคใ์ นการเกบ็ หรือ ตรวจวดั น้นั จะเป็นอะไร นกั สุขศาสตร์จะตอ้ ง ตอบคาถาม What, Where, When, Why, How และ whom ก็ สามารถกาหนดกลวิธกี ารเก็บ ตวั อยา่ งได้ ค าถามเหลา่ น้ีมคี วามหมายดงั น้ี อะไร( What) จะทาการตรวจวดั อะไร สารเคมีอะไร เป็นสารอนั ตรายประเภทใด เชน่ สาร ก่อมะเร็ง สาร ระคายเคืองฯลฯ ทไ่ี หน (Where) จะตรวจวดั ทไี่ หน ที่ตวั บคุ คลหรือพ้ืนท่ี หรือจุดที่มสี ารฟุ้งกระจายออก จากกระบวนการ ผลติ ทิศทางของลมมผี ลกระทบต่อตาแหน่งท่ีต้งั หรือไม่ เป็นตน้ เมื่อไร (When) จะตรวจวดั เมอื่ ไร กาหนดวนั เวลาที่ตรวจวดั กะกลางวนั หรือกะกลางคนื ฤดูกาลอาจมผี ลต่อ ความเขม้ ขน้ ของสาร เช่น ฤดูหนาวหนา้ ต่างปิด ส่วนฤดูร้อนเปิ ดพดั ลมและเปิ ด หนา้ ต่าง หากเป็นหอ้ งท่ีปรับ อากาศฤดูกาลอาจมผี ลกระทบนอ้ ยหรือไม่มี แต่อตั ราการดงึ อากาศ เขา้ และระบายอากาศออกในแต่ละชว่ ง ของปี อาจมีผลกระทบได้ ทาไม (Why) วตั ถุประสงคข์ องการตรวจวดั คืออะไร ตอ้ งการประเมินการสมั ผสั สารของ ผปู้ ฏิบตั ิงาน?

7 ตอ้ งการนาไปเปรียบเทียบกบั ค่า TLV-TWA หรือ STEL? ตอ้ งการประเมนิ ระบบ ควบคุม? อย่างไร (How) วิธีที่ตรวจวดั ทาอยา่ งไร มีวิธีการเก็บตวั อยา่ งมาตรฐาน(NIOSH Metod) หรือไม่ อปุ กรณ์และ เคร่ืองมอื ท่ีตอ้ งใช้ หรือตอ้ งใชเ้ ครื่องมืออ่านค่าโดยตรง (Direct reading) ทีใ่ คร (Whom) ถา้ ตอ้ งการตรวจวดั ที่ตวั ผปู้ ฏบิ ตั ิงาน จะเลือกใคร คนงานท่ีมกี ารสมั ผสั สูงสุด คนท่ีมีนิสยั ที่ เสี่ยงต่อการไดร้ ับสารเขา้ สู่ร่างกาย เมื่อสามารถกาหนดกลวิธีในการเกบ็ ตวั อยา่ งไดแ้ ลว้ ข้นั ตอนต่อมา คือ การกาหนดกลวธิ ี ในการวดั การ สมั ผสั สารของผปู้ ฏบิ ตั ิงาน มีวิธีการท่ีแตกต่างกนั ข้ึนกบั กลวธิ ีในการวดั การสมั ผสั สารของผปู้ ฏิบตั ิงาน ซ่ึง แบ่งออกเป็น 4 ประเภท โดยพจิ ารณาจากวิธีการเกบ็ ตวั อยา่ ง ระยะเวลา ท่ีเกบ็ ตวั อยา่ ง โดยเปรียบเทียบกบั เวลาการท างานมาตรฐาน คือ 8 ชวั่ โมง/วนั กลวิธีในการวดั การ สมั ผสั สารของผปู้ ฏบิ ตั ิท้งั 4 ประเภท จะมีขอ้ ดีและขอ้ เสียที่แตกต่างกนั ดงั น้ีคือ 1.การเกบ็ ตวั อย่างเพยี งหน่งึ ตวั อย่างตลอดเวลา 8 ช่ัวโมง หรือตลอดช่วงเวลาการ ทางาน (Single sample for full period) ความเขม้ ขน้ ของมลพิษหรือปัจจยั เสี่ยงที่วดั ไดจ้ ากการ เก็บตวั อยา่ งดว้ ยวิธีน้ี จะสะทอ้ นถึง ความเขม้ ขน้ เฉลย่ี ของมลพษิ ที่ผปู้ ฏิบตั ิงานสมั ผสั 2.การเกบ็ ตวั อย่างหลายตวั อย่างต่อเน่ืองกนั ในเวลา 8 ชั่วโมง หรือตลอดเวลาการ ทางาน (Consecutive samples for full period) เช่นเกบ็ 4 ตวั อยา่ งๆละ 2 ชวั่ โมง ซ่ึงสามารถ แกป้ ัญหาการอดุ ตนั ของกระดาษกรอง ได้ 3.การเกบ็ ตวั อย่างต่อเนื่องมากกว่า 1 ตวั อย่าง โดยระยะเวลาการเก็บ ตวั อยา่ ง ท้งั หมด นอ้ ยกว่า 8 ชว่ั โมง (Single sample for partial period) เช่น เกบ็ 4 ตวั อยา่ งๆละ 1 ชวั่ โมง เน่ืองจากตอ้ งคานึงถงึ ค่าใชจ้ ่าย 4.การเกบ็ ตวั อย่างในช่วงส้ันๆหลายตวั อย่าง (grab sampling) คือ การเกบ็ ตวั อยา่ ง อากาศโดยใชร้ ะยะเวลา การเก็บตวั อยา่ งส้นั ๆ ไม่เกินตวั อยา่ งละ 15 นาที หมายเหต:ุ ระยะเวลาในการเก็บตวั อยา่ งท้งั หมดในแต่ละพน้ื ท่ีหรือแต่ละบุคคลจะตอ้ ง สะทอ้ นระยะเวลาใน การท างานของผปู้ ฏิบตั ิงาน ซ่ึง NIOSH กาหนดระยะเวลาในการเก็บไมน่ อ้ ย กวา่ 70% ของเวลาท้งั หมด การเกบ็ ตวั อย่างอากาศชนิดอนุภาคโดยหลกั การกรอง อนุภาคที่สะสมในทางเดินหายใจ ถูกแยกออกจากอากาศในลกั ษณะเดียวกบั ท่ีอนุภาคถกู ดกั จบั ดว้ ยอปุ กรณ์ดกั เก็บตวั อยา่ งอนุภาคซ่ึงอาศยั แรง

8 ทางฟิ สิกส์ ไดแ้ ก่ การตกลงสู่พ้ืนระนาบ (Setting) แรงเฉื่อย (Inertial force)แรงประจุไฟฟ้า (Electrical attraction) ความร้อน (Thermophoresis) และการกรอง (Filtration)ท้งั น้ีการแยกอนุภาคออกจากอากาศท้งั ชนิดคดั แยกขนาดและไมค่ ดั แยกขนาดมหี ลกั การเดียวกนั อยา่ งไรกต็ ามการคดั แยกขนาดตอ้ งมอี ปุ กรณ์เพอ่ื คดั แยกขนาดก่อนดกั เก็บดว้ ยหลกั การแยกอนุภาคออกจากอากาศ มีดงั น้ี การกรอง (Filtration) เป็นเทคนิคการเกบ็ ตวั อยา่ งอากาศท่ีนิยมมากที่สุดสาหรับอนุภาคท้งั น้ีเพราะเป็น วิธีการท่ีง่าย ไมซ่ บั ซอ้ น และราคาถูก นอกจากน้นั ตวั อยา่ งท่ีเก็บยงั มขี นาดเลก็ ไมส่ ิ้นเปลืองเน้ือท่ีในการเกบ็ และตวั อยา่ งเหลา่ น้ีสามารถเกบ็ ไวไ้ ดน้ านก่อนที่จะทาการวเิ คราะห์โดยไมเ่ กิดความเสียหายต่อตวั อยา่ งและ ผลการวเิ คราะห์ กลไกการเกบ็ อนุภาค (Collection mechanism) กระดาษกรองกรองอนุภาคออกจากกระแสของอากาศที่ผา่ นเขา้ มาในอุปกรณ์เกบ็ ตวั อยา่ งโดยกลไกต่าง ๆ ดงั น้ี - การชนตรง (Inertial impaction) เกิดจากการเปลย่ี นทิศทางของอากาศอยา่ งกระทนั หนั ในขณะท่ีอนุภาค ซ่ึงมมี วลมากยงั คงอยใู่ นทิศทางเดิมของมนั กลไกน้ีเกิดข้ึนมากในกรณีที่อากาศมคี วามเร็วมากและกระดาษ กรองมีความหนาแน่นมาก - การชนขอบ (Direct interception) เกิดข้ึนเมือ่ รัศมขี องอนุภาคมขี นาดใหญก่ วา่ ระยะจากกระแสอากาศถึง ผวิ ของเสน้ ใยกลไกน้ีจะเกิดข้ึนมากกต็ ่อเมื่ออนุภาคมขี นาดใหญ่กว่ารูบนกระดาษกรอง - การแพร่ (Diffusion deposition) เป็นกลไกท่ีมีประสิทธิภาพสูงสาหรับอนุภาคที่มีขนาดเล็ก (submicron คือ เลก็ กวา่ 1 um )และอตั ราการไหลของอากาศต่า - แรงดูดไฟฟ้า (Electrical attraction) กลไกน้ีมีประสิทธิภาพสูงเมื่ออนุภาคหรือกระดาษกรองมปี ระจุ ไฟฟ้าซ่ึงการไหลของอากาศสามารถทาใหก้ ระดาษกรองเกดิ ประจุไฟฟ้าได้ - แรงโน้มถ่วง (Gravitational attraction)โดยทว่ั ไปกลไกน้ีมีอิทธิพลต่อการเก็บตวั อยา่ งชนิดอนุภาคเพียง เลก็ นอ้ ยเท่าน้นั นอกจากความเร็วของอากาศผา่ นกระดาษกรองจะต่ามากๆ เช่น 5 cm/sec ในการเก็บตวั อยา่ งอากาศแต่ละคร้ังอาจมเี พยี งกลไกใดกลไกหน่ึงที่มีอทิ ธิพลในการแยกอนุภาคออกจาก อากาศมากท่ีสุด ท้งั น้ีข้ึนกบั อตั ราการไหลของอากาศ ลกั ษณะของอนุภาคและชนิดของกระดาษกรอง

9 ชนดิ และโครงสร้างของกระดาษกรอง อนุภาคท่ีแขวนลอยในอากาศในสิ่งแวดลอ้ มการทางานมีหลากหลายท้งั ขนาดและชนิดจึงมกี ารพฒั นา กระดาษกรองใหม้ ีลกั ษณะเฉพาะที่เหมาะสมกบั วิธีการเกบ็ และวิเคราะห์ของอนุภาคท่ีแตกต่างกนั ซ่ึงผใู้ ช้ ควรเลือกใชก้ ระดาษกรองใหเ้ หมาะสมกบั ขนาดและสมบตั ิของอนุภาครวมท้งั วธิ ีวเิ คราะห์ กระดาษกรองทุกชนิดมโี ครงสร้างที่เป็นรูพรุนซ่ึงเกิดจากช่องว่างระหว่างเสน้ ใยของวตั ถดุ ิบที่ใชท้ ากระดาษ กรอง ทาใหช้ ่องทางที่อากาศเคลอ่ื นที่ผา่ นอาจเป็นเสน้ ตรงหรือคดเค้ียวไปมาอตั ราการไหลและระยะเวลาท่ี อากาศเคลื่อนที่ผา่ นกระดาษกรองแต่ละชนิดแตกต่างกนั อนุภาคถูกดกั และเกาะอยบู่ นเสน้ ใยหรือเน้ือเยอ่ื ของ กระดาษรองกระดาษกรองมรี ูปร่างภายนอกท่ีสามารถวดั ได้ คือ ความหนาและพ้นื ที่หนา้ ตดั ท่ีอากาศไหล ผา่ นส่ิงท่ีแตกต่างกนั ของกระดาษกรอง คือ โครงสร้างภายใน แบ่งตามโครงสร้างออกเป็น 4 ประเภท คือ 1. กระดาษกรองเสน้ ใย (Fibrous filter) เป็นชนิดด้งั เดิมที่นิยมใชใ้ นการเกบ็ ตวั อยา่ งทามาจากเสน้ ใย cellulose, glass, quartz, asbestos หรือเสน้ ใยพลาสติกทาเป็นแผน่ โดยทิศทางหรือการเรียงตวั ของเสน้ ใยไม่ เป็ นระเบียบ 2. กระดาษกรองเน้ือเยอื่ (Membrane filter) เดิม membrane filterใชส้ าหรับแผน่ ของ cellulose ester gel ซ่ึงรู ภายในแผน่ เจลน้ีมขี นาดสม่าเสมอ แต่ในปัจจุบนั มmี embrane filter หลายชนิด เช่น ชนิดท่ีทาจาก PVC, nylon และพลาสติกชนิดต่างๆ 3. กระดาษกรองแกรนูล (Granular beds filter) ทาจากอนุภาคของแข็งขนาดเลก็ (granules) อดั อยใู่ นแผน่ 4. กระดาษกรองนิวคลโี อพอร์ (Nucleopore filter) อาจพจิ ารณาใหเ้ ป็น membrane filter ชนิดหน่ึงเพราะทา มาจากแผน่ polycarbonate plastic แต่ nucleopore มวี ิธีการทาท่ีแตกต่างออกไป จึงทาใหม้ ีโครงสร้างที่แตกตา่ งออกไป นน่ั คือ นาแผน่ polycarbonate plastic ที่ มคี วามหนาประมาณ 10 m มาสมั ผสั กบั ฟลกั ซข์ องนิวตรอนจากnuclear reactor ทาใหร้ ูบนกระดาษกรอง เป็นเสน้ ตรงซ่ึงแตกต่างไปจากกระดาษกรองสามชนิดแรก

10 เคร่ืองมือตรวจวดั ชนดิ อ่านค่าโดยตรง

11 การเกบ็ ตวั อย่างอากาศในบริเวณสถานทีท่ างาน (workplace air sampling) วตั ถุประสงค์ วตั ถปุ ระสงคห์ ลกั ของการเก็บตวั อยา่ งอากาศในบริเวณสถานท่ีทางาน คือ เพ่ือประเมินการสมั ผสั มลพษิ อากาศของผปู้ ฏบิ ตั ิงาน ท้งั น้ีเพื่อความปลอดภยั และเฝ้าระวงั ป้องกนั ปัญหาสุขภาพอนามยั ที่อาจเกิด ข้ึนกบั ตวั ผปู้ ฏบิ ตั ิงาน ดงั น้นั หากเป็นผทู้ ี่อยใู่ นแวดวงอาชีวอนามยั และความปลอดภยั จะคนุ้ เคยกบั การเก็บตวั อยา่ งประเภทน้ี กฎหมายของประเทศไทยทเี่ กย่ี วข้อง ในปัจจุบนั (มี.ค.2554) กฏหมายประเทศไทยท่ีเก่ียวขอ้ งกบั การเกบ็ ตวั อยา่ งอากาศในบริเวณสถานที่ ทางานโดยตรงมอี ยู่ 2 ฉบบั คือ 1. ประกาศกระทรวงมหาดไทย เร่ืองความปลอดภยั ในการทางานเกี่ยวกบั ภาวะแวดลอ้ ม (สารเคม)ี ลงวนั ที่ 30 พ.ค.2520 2. ประกาศกระทรวงมหาดไทย เร่ืองความปลอดภยั ในการทางานเก่ียวกบั สารเคมีอนั ตราย ลงวนั ที่ 22 ส.ค. 2534 จะเห็นไดว้ า่ กฎหมายท้งั 2 ฉบบั น้ียงั เป็นกฎหมายเก่าท่ีอาศยั อานาจจากกฏหมายแมบ่ ทดา้ นอาชีวอนา มยั และความปลอดภยั ฉบบั เก่า คือ ประกาศคณะปฏวิ ตั ิ ฉบบั ท่ี 103 ลงวนั ท่ี 16 มีนาคม 2515 ในการออก กฎหมาย (ปัจจุบนั กฏหมายแมบ่ ทดา้ นอาชีวอนมยั และความปลอดภยั ไดเ้ ปล่ยี นแปลงไปอยา่ งมากแลว้ โดย ไดเ้ ปล่ียนจากประกาศคณะปฎิวตั ิฉบบั ดงั กลา่ วเป็นพระราชบญั ญตั ิคุม้ ครองแรงงานพ.ศ.2541 ก่อนท่ีจะมี พระราชบญั ญตั คิ วามปลอดภยั อาชีวอนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทางาน พ.ศ.2554 ซ่ึงจะมีผลบงั คบั ใช้ ประมาณกลางเดือนกรกฎาคม 2554 ท่ีจะถึงน้ี นอกจากน้ี มขี อ้ น่าสงั เกตว่ากฎหมายท้งั 2 ฉบบั ดงั กลา่ ว มชี ื่อ เป็นประกาศกระทรวงมหาดไทย ท้งั น้ีตอ้ งเขา้ ใจวา่ กฎหมายดงั กล่าวออกสมยั ที่ยงั ไม่มกี ารจดั ต้งั กระทรวง แรงงานข้ึน มีเพียงกรมแรงงานภายใตส้ งั กดั กระทรวงมหาดไทย ดงั น้นั ในปัจจุบนั กฎหมายดงั กล่าวอยู่ ภายใตก้ ารกากบั ดูแลของกระทรวงแรงงาน) อยา่ งไรก็ตาม ในขณะน้ีไดม้ กี ารยกร่างกฎกระทรวงเกี่ยวกบั ความปลอดภยั ในการทางานเก่ียวกบั สารเคมี อนั ตราย ท้งั น้ีเน้ือหาโดยรวมจะนากฎหมายท้งั 2 ฉบบั รวมเขา้ ดว้ ยกนั รวมท้งั ปรับปรุงใหท้ นั สมยั มากข้ึน จึง ขอแนะนาใหต้ ิดตามความกา้ วหนา้ ในการประกาศใชก้ ฎกระทรวงดงั กลา่ วจากกรมสวสั ดิการและคุม้ ครอง แรงงานทางเวบ็ ไซต์ http://www.labour.go.th และ/ หรือจากสานกั ความปลอดภยั แรงงานทางเวบ็ ไซต์ http://www.oshthai.org

12 รายละเอยี ดพอสงั เขปของประกาศกระทรวงมหาดไทย เร่ืองความปลอดภยั ในการทางานเกี่ยวกบั ภาวะ แวดลอ้ ม (สารเคมี) ในประกาศฯ ฉบบั น้ี มกี ารกาหนดแบ่งเป็น 3 หมวด คือ หมวด 1 สารเคมี หมวด 2 มาตรฐานเก่ียวกบั อุปกรณ์คุม้ ครองความปลอดภยั ส่วนบุคคล และหมวด 3 เบด็ เตลด็ ซ่ึงขอ้ กาหนดท้งั หมดถือเป็นมาตรฐานข้นั ต่าท่ีตอ้ งปฏิบตั ิเท่าน้นั สรุปสาระสาคญั ของประกาศฯ ฉบบั น้ี คือ 1. การกาหนดค่ามาตรฐานสารเคมีในบรรยากาศของสถานที่ทางานหรือในการทางาน โดยในประกาศฉบบั น้ี กาหนดค่ามาตรฐานสารเคมใี นบรรยากาศของการทางานโดยสมั พนั ธก์ บั ระยะเวลาท่ีทางานในท่ีที่สารเคมี ฟ้งุ กระจายและจดั แบ่งออกเป็น 4 ตาราง คือ ตารางหมายเลข 1 จะกาหนดวา่ ตลอดระยะเวลาทางานปกติ (คือ 8 ชว่ั โมงต่อวนั ) ปริมาณสารเคมีท่ีฟุ้ง กระจายในบรรยากาศของการทางานโดยเฉลย่ี จะเกินกวา่ ที่กาหนดไวใ้ นตารางดงั กลา่ วไมไ่ ด้ ซ่ึงในตาราง กาหนดสารเคมใี หท้ ้งั สิ้น 72 ชนิด ตวั อยา่ งเช่น สารอลั ดริน สามารถฟ้งุ กระจายในบรรยากาศที่ทางานเฉล่ยี ตลอดระยะเวลาการทางาน 8 ชวั่ โมงไดไ้ ม่เกนิ 0.25 มิลลกิ รัมต่อลกู บาศกเ์ มตร สาหรับตารางหมายเลข 2 เป็นค่ามาตรฐานเคมใี นการบรรยากาศของการทางานที่ไมว่ ่าเวลาใดของการ ทางานปกติ หา้ มมคี ่าเกินเท่าท่ีกาหนดไวโ้ ดยตารางกาหนดสารเคมีไวท้ ้งั สิ้น 24 ชนิด ตวั อยา่ งเช่น บิวทิลอะ ไมด์ ในที่ทางานไม่ว่าเวลาใดๆ สามารถฟ้งุ กระจายไดไ้ ม่เกิน 5 ลา้ นในลา้ นส่วนหรือ 15 มลิ ลกิ รัมต่อ ลกู บาศกเ์ มตร เป็นตน้ สาหรับตารางหมายเลข 3 น้นั จะกาหนดค่ามาตรฐานสารเคมีเป็นค่าความเขม้ ขน้ เฉลีย่ ตลอดระยะเวลา ทางานปกติ และค่าความเขม้ ขน้ ในระยะเวลาทก่ี าหนดใหท้ างานไดซ้ ่ึงในตารางกาหนดสารเคมีไวท้ ้งั ส้ิน 21 ชนิด ส่วนตารางหมายเลข 4 กาหนดค่า ปริมาณสารเคมเี ป็นค่าเฉลยี่ ตลอดระยะเวลาทางานปกติเช่นเดียวกนั ตารางท่ี 1 เพยี งแต่สารเคมีในตารางท่ี 4 น้ี จะอยใู่ นรูปฝ่ นุ แร่ ซ่ึงในตารางกาหนดสารเคมใี นรูปฝ่ นุ แร่ไว้ 4 ชนิด ตวั อยา่ งเช่น ฝ่นุ ท่ีก่อใหเ้ กิดความราคาญชนิดฝ่ นุ ทกุ ขนาด (Total Dust) สามารถฟ้งุ กระจายใน บรรยากาศท่ีทางานเฉล่ียตลอดระยะเวลาการทางานปกติ (8 ชม.) ไดไ้ ม่เกิน 15 มลิ ลกิ รัมต่อลูกบาศกเ์ มตร ฝ่ นุ ที่ก่อใหเ้ กิดความราคาญชนิดฝ่นุ ขนาดที่สามารถเขา้ ถงึ และสะสมในถงุ ลมของปอดได้ (Respirable Dust) สามารถฟ้งุ กระจายในบรรยากาศที่ทางานเฉลีย่ ตลอดระยะเวลาการทางานปกติ (8 ชม.) ไดไ้ ม่เกิน 5 มิลลกิ รัมต่อลูกบาศกเ์ มตร เป็นตน้

13 2. กาหนดใหม้ กี ารดาเนินงานเพือ่ ความปลอดภยั และการปรับปรุงแกไ้ ข ถา้ สภาพการใชส้ ารเคมีอาจเป็น อนั ตรายต่อผใู้ ชห้ รือผอู้ ยใู่ กลเ้ คียง (เช่น ลกู จา้ งแผนกอืน่ แต่มพี ้นื ท่ีทางานติดกนั เป็นตน้ ) นายจา้ งตอ้ งจดั หอ้ งหรืออาคารสาหรับการใชส้ ารเคมไี วโ้ ดยเฉพาะ และกรณีผลการตรวจวดั ปริมาณสารเคมี พบว่า มี สารเคมีฟ้งุ กระจายสู่บรรยากาศของการทางานเกนิ กว่าท่ีกาหนดไวใ้ นตารางหมายเลข 1-4 กฎหมายได้ กาหนดข้นั ตอนของการปรับปรุงหรือแกไ้ ข โดยข้นั ตอนแรกนายจา้ งตอ้ งหาทางลดความเขม้ ขน้ ของสารเคมี ลงมาไม่ใหเ้ กินกว่าทก่ี าหนด (แสดงว่า ตอ้ งหาทางลดที่แหลง่ กาเนิดสารเคมหี รือบริเวณทางผา่ นของ สารเคม)ี หากไมส่ ามารถทาได้ จึงจะมาถงึ ข้นั ตอนจดั ใหล้ กู จา้ งสวมใส่อุปกรณค์ ุม้ ครองความปลอดภยั ส่วน บุคคล คือ ฝ่ นุ ละออง ฟมู แก๊สหรือไอเคมี ตอ้ งสวมใส่ท่ีกรองอากาศหรือเครื่องช่วยหายใจท่ีเหมาะสม สารเคมีในรูปของของเหลวท่ีเป็นพษิ ตอ้ งสวมใส่ถุงมอื ยาง รองเทา้ พ้นื ยางหุม้ แข็ง กะบงั หนา้ ชนิดใส และที่ กนั สารเคมกี ระเดน็ ถกู ร่างกาย สารเคมใี นรูปของแข็งท่ีเป็นพษิ ตอ้ งสวมใส่ถุงมือยางและรองเทา้ พ้นื ยางหุม้ สน้ ท้งั น้ีกฎหมายไดก้ าหนดมาตรฐานของอุปกรณ์คุม้ ครองความปลอดภยั ส่วนบุคคลไวด้ ว้ ย เช่น ถงุ มือยาง ตอ้ งทาดว้ ยยางหรือวตั ถอุ ืน่ ที่คลา้ ยกนั มคี วามยาวหุม้ ถึงขอ้ มอื มลี กั ษณะใชส้ วมกบั น้ิวมือไดท้ ุกนิ้ว มคี วาม เหนียวไมฉ่ ีกขาดง่าย สามารถกนั น้าและสารเคมไี ด้ ท่ีกรองอากาศสาหรับใชค้ รอบจมกู และปากกนั ฝ่นุ แร่ ตอ้ งสามารลดปริมาณฝ่ นุ แร่ไมใ่ หเ้ กินกว่าท่กี าหนดกฎหมาย เป็นตน้ รายละเอียดพอสงั เขปประกาศกระทรวงมหาดไทย เร่ืองความปลอดภยั ในการทางานเกี่ยวกบั สารเคมี อนั ตราย ประกาศกระทรวงฯ ฉบบั น้ีไดม้ กี ารระบุชนิดและประเภทของสารเคมีอนั ตรายใหช้ ดั เจน โดยออก กฎหมายลาดบั รอง คือ ประกาศสวสั ดิการและคุม้ ครองแรงงาน เรื่องกาหนดชนิดและประเภทของสารเคมี ประกาศ ณ วนั ที่ 17 มิถนุ ายน พ.ศ. 2535 ซ่ึงระบุชนิดและประเภทของสารเคมีอนั ตรายไว้ 2 ตาราง ตาราง หมายเลข 1 คือ ชนิดและประเภทของสารเคมที ี่เป็นสารเคมีอนั ตรายมีท้งั สิ้น 1,579 สาร และตารางหมายเลข 2 คือ ชนิดและประเภทของสารเคมี ซ่ึงมปี ริมาณต้งั แต่ท่กี าหนดข้ึนไปเป็นสารเคมอี นั ตรายมที ้งั ส้ิน 180 สาร สาระหรือขอ้ กาหนดในประกาศกระทรวงฯ ฉบบั น้ี ไดแ้ บง่ ออกเป็น 3 หมวดคือ หมวด 1 การทางานเก่ียวกบั สารเคมีอนั ตราย หมวด2 การคุม้ ครองความปลอดภยั ส่วนบุคคล และหมวด 3 เบ็ดเตลด็ สรุปสาระท่ีสาคญั ของประกาศฉบบั น้ี เช่น 1. กาหนดเรื่อง การขนส่ง เกบ็ รักษา เคลอ่ื นยา้ ย และกาจดั หีบห่อ ภาชนะบรรจุ หรือวสั ดุห่อหุม้ สารเคมี อนั ตราย ตอ้ งปฏบิ ตั ิตามหลกั เกณฑแ์ ละวิธีการที่กาหนด 2. กาหนดใหม้ ีฉลากปิดไวท้ ี่หีบห่อภาชนะบรรจุ หรือวสั ดุห่อหุม้ สารเคมี โดยฉลากตอ้ งมีรายละเอียดดงั น้ี สญั ลกั ษณ์ที่แสดงถงึ อนั ตรายและคาวา่ “สารเคมอี นั ตราย”หรือ “วตั ถมุ พี ิษ” หรือช่ือทางเคมหี รือช่ือทาง

14 วิทยาศาสตร์ของสารเคมีอนั ตราย ปริมาณและส่วนประกอบของสารเคมอี นั ตราย อนั ตรายและอาการเกิดพษิ จากสารเคมีอนั ตราย คาเตือนเกี่ยวกบั วธิ ีเกบ็ วิธีใช้ วิธีเคล่อื นยา้ ยสารเคมีอนั ตรายและวธิ ีกาหนดหีบห่อ ภาชนะบรรจุหรือวสั ดุห่อหุม้ สารเคมอี นั ตรายอยา่ งปลอดภยั วิธีปฐมพยาบาลเมอื่ มีอากาศหรือความเจ็บป่ วย เนื่องจากสารเคมอี นั ตราย และคาแนะนาใหร้ ับส่งผปู้ ่ วยไปหาแพทย์ 3. กาหนดใหแ้ จง้ ขอ้ มลู เคมภี ณั ฑต์ ามแบบ สอ.1 ต่อราชการภายใน 7 วนั (แบบ สอ.1 คือ Material Safety Data Sheet ; MSDS) และกรณีมกี ารใชส้ ารเคมอี นั ตรายเกนิ กว่าท่ีกาหนดตอ้ งทาการประเมินการก่ออนั ตราย ตามแบบ สอ.2 อยา่ งนอ้ ยปี ละคร้ัง รวมท้งั กาหนดใหส้ ถานที่ทางานของลูกจา้ งตอ้ งมีปริมาณสารเคมีอนั ตราย ในบรรยากาศการทางานไมเ่ กินกวา่ ทก่ี าหนดไวใ้ นกฎหมายความปลอดภยั เก่ียวกบั ภาวะแวดลอ้ ม (สารเคม)ี โดยตอ้ งทาการวดั ปริมาณความเขม้ ขน้ ของสารเคมอี นั ตรายในบรรยากาศท่ีทางานและสถานท่ีเก็บอยา่ งชา้ ที่สุดตอ้ งไมเ่ กิน 6 เดือนต่อคร้ัง และรายงานผลตามแบบ สอ. 3 ถา้ ผลการตรวจวดั พบวา่ เกินค่ามาตรฐาน ตอ้ งดูแลหรือปรับปรุงแกไ้ ขไม่ใหเ้ กิน 4. กาหนดใหส้ ถานท่ีทางานของลกู จา้ งซ่ึงเก่ียวขอ้ งกบั สารเคมอี นั ตรายตอ้ งถูกสุขลกั ษณะสะอาดและเป็น ระเบียบเรียบร้อยมกี ารระบายอากาศที่เหมาะสม รวมท้งั มรี ะบบป้องกนั และกาจดั สารเคมีอนั ตราย และตอ้ ง จดั ที่ชาระลา้ งสารเคมอี นั ตรายดว้ ย 5. กาหนดใหม้ ีการอบรมลกู จา้ งที่ทางานเก่ียวกบั สารเคมอี นั ตราย 6. กาหนดใหม้ กี ารตรวจสุขภาพลกู จา้ งท่ีทางานกบั สารเคมอี นั ตราย โดยใหร้ ายงานผลการตรวจตามแบบ สอ. 4 และเก็บผลการตรวจสุขภาพเป็นเวลาไมน่ อ้ ยกว่า 2 ปี และพร้อมใหเ้ จา้ หนา้ ท่ีตรวจได้ หากพบความ ผดิ ปกติตอ้ งจดั การใหล้ กู จา้ งไดร้ ับการรักษาพยาบาลทนั ที 7. กาหนดใหน้ ายจา้ งตอ้ งจดั อปุ กรณ์คุม้ ครองความปลอดภยั ส่วนบุคคล เช่น ถงุ มือ รองเทา้ หุม้ แข็ง กะบงั หนา้ เป็นตน้ ท่ีทาจากวสั ดุที่มคี ุณสมบตั ิสามารถป้องกนั อนั ตรายได้ และถา้ ลกู จา้ งไม่ใชห้ รือไมส่ วมใส่ อปุ กรณ์คุม้ ครองความปลอดภยั ส่วนบคุ คล ใหน้ ายจา้ งสงั่ หยดุ การทางานจนกวา่ จะไดใ้ ชห้ รือสวมใส่ 8. กาหนดมาตรการกรณีเกิดเหตฉุ ุกเฉิน เช่น สารเคมีอนั ตรายร่ัวไหล ฟุ้งกระจาย เกิดอคั คภี ยั /ระเบิด อนั อาจ ทาใหล้ กู จา้ งประสบอนั ตราย เจบ็ ป่ วยหรือตายอยา่ งเฉียบพลนั ตอ้ งใหล้ กู จา้ งทุกคนท่ีทางานบริเวณน้นั หรือ บริเวณใกลเ้ คียงหยดุ งานทนั ที และออกไปใหพ้ น้ รัศมที ่ีอาจไดร้ ับอนั ตราย สรุปประเดน็ จากกฎหมาย 2ฉบบั ดงั ทีก่ ลา่ วขา้ งตน้ ท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั การเกบ็ ตวั อยา่ งอากาศในบริเวณสถานที่ ทางาน ดงั น้ี

15 ประเทศไทยไดม้ ีการกาหนดใหส้ ถานประกอบการ/ โรงงานอุตสาหกรรมทีมกี ารใชส้ ารเคมตี ามท่ี กาหนดตอ้ งทาการตรวจวดั ปริมาณความเขม้ ขน้ ของสารเคมีอนั ตรายในบรรยากาศที่ทางานและสถานท่ีเกบ็ หรือกล่าวไดว้ ่าตอ้ งมกี ารเกบ็ ตวั อยา่ งอากาศในบริเวณสถานท่ีทางานที่มีการใชส้ ารเคมตี ามท่ีกาหนดรวมท้งั มกี ารกาหนดค่ามาตรฐานสารเคมใี นบรรยากาศของการทางานไวด้ ว้ ย เครื่องมือ/อุปกรณ์ในการเกบ็ ตวั อย่างอากาศในสถานทท่ี างาน ภาพที่ 1 เคร่ืองมอื / อปุ กรณ์ที่ใชใ้ นการเก็บตวั อยา่ งฝ่ นุ รวม (Total Dust) ภาพที่ 2 เครื่องมือ/ อุปกรณ์ท่ีใชใ้ นการเกบ็ ตวั อยา่ งฝ่ นุ ที่สามารถเขา้ ไปในระบบทางเดินหายใจส่วนปลาย ได้ (Respirable Dust)

16 ภาพที่ 3 การเกบ็ ตวั อยา่ งแบบตดิ ตวั บุคคล(Personal Sampling) ท่ีมา: http://www.swtestingltd.co.uk/airsampling.html สาหรับรายละเอียดพอสงั เขปของการเกบ็ ตวั อยา่ งอากาศจากปล่องหรือช่องเปิ ด ที่ระบายอากาศออกจาก สถานประกอบกิจการ/ โรงงานอตุ สาหกรรม (stack air sampling) และการเกบ็ ตวั อยา่ งอากาศจาก บรรยากาศรอบๆ สถานประกอบกิจการ/ โรงงานอุตสาหกรรม หรือจากบรรยากาศบริเวณชุมชนติดกบั สถานประกอบการ/ โรงงานอุตสาหกรรม (ambient air sampling

17 บรรณานุกรม 1. การเกบ็ ตวั อยา่ งมลพษิ ทางอากาศ สืบคน้ เม่ือ 17 มีนาคม 2564 แหลง่ ท่ีมา http://envocc.ddc.moph.go.th/uploads/Menu/rayong/air.pdf 2. การเก็บตวั อยา่ งอนุภาค. สืบคน้ เม่อื 17 มนี าคม 2564 แหลง่ ท่ีมา https://classroom.google.com/c/MTY1MTA1MzQ5NTQ4 3. หลกั การใชเ้ ครื่องมือและการตรวจประเมินฝ่ นุ และสารเคมี ในบรรยากาศการทางาน สืบคน้ เมื่อ 17 มีนาคม 2564 แหลง่ ที่มา http://envocc.ddc.moph.go.th/uploads/Menu/rayong/dust_chem_IH_19_22_12_60.pdf 4.การเกบ็ ตวั อยา่ งมลพิษอากาศ สืบคน้ เมอ่ื 17 มีนาคม 2564 แหลง่ ท่ีมา https://www.stou.ac.th/schools/shs/booklet/book543/sanitation.html

18


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook