Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore E-book

E-book

Published by ปราถนา ประโยธิน, 2022-07-05 15:04:56

Description: E-book

Search

Read the Text Version

การเขยี นบนั เทงิ คดี (เรื่องส้นั )

เสนอ คณุ ครูจติ มณพิสทุ ธิ์ ยารมั ย์

จดั ทาโดย 1.นางสาวปรารถนา ประโยธนิ ชั้นม.6/1 เลขที่ 2นางสาวชลธิชา ชานาญ ชั้นม.6/1 เลขท่2ี 1 3.นายจกั รพงษ์ เเกว้ พนั ธ์ ชั้นม.6/1 เลขที่ 4.นายศตพล ชัยชาญ ชัน้ ม.6/1 เลขที่

คานา รายงานเล่มนจ้ี ดั ทาข้นึ เพือ่ เป็นส่วนหนง่ึ ของวิชาภาษาไทย ชัน้ ม.๖/๑เพ่อื ให้ไดศ้ กึ ษาหาความรใู้ นเรื่องการเขียนบนั เทงิ คดี (เรอื่ งส้ัน)และได้ศกึ ษาอย่างเข้าใจเพอื่ เปน็ ประโยชน์กบั การเรยี น ผูจ้ ัดทาหวังวา่ รายงานเล่มนจี้ ะเปน็ ประโยชนก์ บั ผู้อา่ น หรือนักเรียน นกั ศกึ ษา ที่กาลงั หาข้อมูลเรือ่ งน้ีอยู่ หากมีข้อผดิ พลาดทางคณะผจู้ ดั ทา ตอ้ งขออภยั มา ณ ที่นด้ี ว้ ย ก คณะผจู้ ดั ทา

สารบญั คานา หนา้ สารบญั ก ข ความหมายของบันเทงิ คดี 1-2 3-26 องค์ประกอบของบันเทิงคดี 27-31 32-35 ประเภทของการเขียนบันเทิง การเขียนเรอ่ื งสั้น ข

ความหมายของบนั เทงิ คดี บนั เทงิ คดี (Ficttion) หมายถึง เรื่องสมมติที่สรา้ ง ข้ึนมาอย่างมจี ินตนาการและอารมณ์ มงุ่ ใหค้ วาม เพลิดเพลนิ เปน็ ใหญ่ แตก่ ใ็ ห้ความรูด้ ้วย มีหลายรปู แบบ เชน่ เร่ืองสั้น นวนิยาย บทละคร ฯลฯ 1

บันเทิงคดีจงึ เปน็ งานเขียนท่ผี ู้เขยี นมีเจตนานให้ ผอู้ า่ นไดร้ ับความเพลิดเพลนิ จากการอา่ นโดยมี เกรด็ ความรู้ ข้อคิด คติธรรม และประสบการณช์ ีวติ แทรกอยู่ในเร่ืองนั้น ๆ การเขียนบันเทิงคดนี ้นั ผู้เขียนจะต้องมีจนิ ตนาการ มีความสามารถคิดเร่ืองทีส่ นุกนา่ สนใจ มีศิลปะในการใช้ ภาษา มปี ระสบการณ์ มีความเข้าใจชวี ิต มีความรู้รอบตวั ในศาสตรต์ า่ งๆ อย่างดี จึงจะเขยี นบันเทิงคดไี ด้นา่ อ่านและ มสี ารประโยชน์ 2

องคป์ ระกอบของบนั เทงิ คดี บันเทงิ คดมี อี งค์ประกอบที่สาคัญ ๖ ประการ คอื 3 ๑. สารัตถะของเรื่อง (Theme) ๒. โครงเรอื่ ง (Plot) ๓. ตัวละคร (Character) ๔. บทสนทนา (Dialoque) ๕. ฉาก (Setting) ๖. บรรยากาศ (Atmosphere)

๑. สารตั ถะของเรอ่ื ง (Theme) หรือเรยี กว่า \"แก่นเร่ือง\" หรอื \"แนวคดิ ของเร่ือง\" หมายถงึ ความคิดสาคัญของเร่อื ง หรือ เปา้ หมาย หรือวัตถุประสงคท์ ี่ผเู้ ขยี นต้องการนาเสนอแก่ ผู้อ่าน ๒. โครงเร่ือง (Plot) คอื เหตกุ ารณ์ท่ีจัดเรยี งลาดับและเป็น เหตุเปน็ ผลกัน เหตกุ ารณ์หน่ึงเปน็ ผลให้เกิดเหตกุ ารณ์หนง่ึ หรอื หลายๆ เหตกุ ารณ์สบื ตามมา โครงเรอื่ งท่ดี ีจะตอ้ งเกิด จากความขดั แย้ง 4

การเขียนเรอ่ื งโดยท่ัวไปมวี ิธกี ารดังน้ี ๒.๑ การเปิดเรือ่ ง (The Opening) คือ การเร่ิมเร่ือง เหมอื นกบั ส่วนนาเร่อื งในการเขียนสาระคดี เปน็ ส่วนท่ี กระตนุ้ จูงใจ สร้างความสนใจให้ผู้อ่าน การเปดิ เร่ือง โดยทวั่ ไป มวี ิธีการดังน้ี ๒.๑.๑ เปดิ เร่อื งโดยการบรรยายฉาก ๒.๑.๒ เปดิ เร่อื งโดยการบรรยายตัวอกั ษร ๒.๑.๓ เปิดเรือ่ งโดยการบรรยายเหตุการณ์ 5 ๒.๑.๔ เปดิ เรอ่ื งโดยการใช้บทสนทนา

๒.๒ การผกู ปม (Complication) คือ การสรา้ งข้อ ขดั แยง้ ให้เกิดข้ึนกับตวั ละครหรือเหตกุ ารณใ์ นเร่อื ง เป็น การนาปัญหาหรืออปุ สรรคมาเสนอ เพ่ือให้ตัวละครได้ แสดงปฏิกิรยิ าต่อปัญหา และหาทางออก การผกู ปมหรือ ขัดแยง้ จะต้องมีความน่าสนใจสมเหตุสมผล ท้าทาย ความรสู้ ึกอารมณ์ของผ้อู ่าน 6

๒.๓ การหน่วงเรอื่ ง (Suspense) คือ การดาเนินเรอ่ื งโดย ให้ตัวละครแสดงพฤตกิ รรมตา่ งๆ ในการแก้ปญั หาหรอื ตอ่ สู้ กับอุปสรรค พฤติกรรมของตวั ละครควรจะมคี วามเขม้ ขน้ โดยลาดบั เพอ่ื นาไปสสู่ ดุ ยอดของเร่ือง ถา้ ผูเ้ ขยี นเสนอ เหตุการณ์หรอื พฤตกิ รรมของตัวละครไปเรือ่ ยๆ โดยขาด ความเข้มขน้ ตามลาดบั เหตกุ ารณ์ ถือวา่ เปน็ การหนว่ งเรอ่ื ง ท่นี า่ เบอ่ื ไมม่ คี วามกระชับในการดาเนินเร่ือง 7

๒.๔ จดุ สุดยอด (Climax) คือ จุดทเ่ี ข้มข้นทส่ี ดุ ของ เหตุการณ์ หรือเป็นเงือ่ นงาของเนือ้ เรือ่ ง เปน็ ยอดทส่ี ุดของ อารมณ์และความสนใจ จุดสุดยอดท่ีดีจะต้องสรา้ งความ ตื่นเต้นเร้าใจให้กับผู้อ่าน 8

๒.๕ การคลายปม (Denovement) คอื การขยาย ความลบั หรือคลค่ี ลายปัญหาของเรื่อง ใหผ้ อู้ า่ นเขา้ ใจ เหตุการณห์ รือปมปัญหาต่างๆ การคล่คี ลายปมปญั หา จะตอ้ งมคี วามสมเหตผุ ล ตงั้ อยบู่ นพนื้ ฐานของข้อเทจ็ จริง แสดงความคิดทแ่ี ยบยล มิใชค่ ล่คี ลายปมแบบตนื้ เขนิ หรือ ขาดเหตุผล 9

๒.๕ การคลายปม (Denovement) คอื การขยายความลับ หรือคลี่คลายปัญหาของเรอื่ ง ให้ผู้อา่ นเขา้ ใจเหตกุ ารณ์หรอื ปมปัญหาตา่ งๆ การคล่ีคลายปมปัญหาจะตอ้ งมีความสม เหตุผล ตัง้ อยูบ่ นพน้ื ฐานของข้อเท็จจรงิ แสดงความคิดท่ี แยบยล มใิ ชค่ ล่ีคลายปมแบบตน้ื เขิน หรอื ขาดเหตผุ ล 10

๒.๖ การปิดเร่อื ง (Close หรือ Conclusion) คอื การจบ เรื่องเหมือนสว่ นสรุปของการเขียนสารคดี การปดิ เรื่องทด่ี มี ี ศลิ ปะจะต้องสรา้ งความประทบั ใจให้แกผ่ อู้ า่ น ซงึ่ การปิด เรอ่ื งโดยท่ัว ๆ ไป มีดงั นี้ ๒.๖.๑ การปิดเรื่องแบบธรรมดา ๒.๖.๒ ปิดเรื่องแบบหกั มมุ ๒.๖.๓ ปิดเรอื่ งแบบทิ้งปญั หาให้ผูอ้ ่านขบคดิ 11

๓. ตวั ละคร (Character) คอื ตัวบุคคล สตั ว์หรอื ส่งิ ตา่ ง ๆ ที่ ผู้เขียนสร้างข้ึนให้มีบทบาทมชี ีวิต มวี ิญญาณ แสดง พฤติกรรมต่างๆ เพอ่ื ให้เหตุการณ์ดาเนนิ ไป ตามเรือ่ งราวท่ี วางไว้ ซ่งึ ผู้เขยี นควรคานงึ ถึงตวั ละครในส่งิ ใดตอ่ ไปนี้ 12

๓.๑ ประเภทของตวั ละคร ซ่ึงแบ่งออกตามบทบาท ความสาคญั ในการดาเนินเร่ืองได้ ๒ ประเภท คอื ๓.๑.๑ ตัวเอกของเรื่อง (Main Character) คือ ตวั ละครที่มี บทบาทสาคัญในการดาเนินเรื่อง เป็นศูนยก์ ลางของ เหตกุ ารณ์ที่เกิดข้ึนในเรื่อง ตวั ละครเอกอาจเปน็ คน สัตวเ์ ทพ เจ้า ภูตผีปศี าจ หรอื สิ่งสมมตใิ ด ๆ กไ็ ด้ เพศหรือวัยใดก็ได้ มีอุปนสิ ัยดีหรอื ไม่ดีกไ็ ด้ สิง่ ทีส่ าคญั ก็คือ ตอ้ งเป็นตวั ดาเนนิ เร่อื ง 13

๓.๑.๒ ตัวประกอบ (Minor Character) คอื ตวั ละครท่มี ี บทบาทรองลงไปจากตวั เอกของเร่ือง เปน็ ตัวละครที่ชว่ ย ให้การดาเนินเรอื่ งของตวั เอก ดาเนนิ ไปอยา่ งเหมาะสม ตามเหตกุ ารณ์ในเรือ่ ง 14

๓.๒ ลกั ษณะนิสัยของตวั ละคร โดยทั่วไปมี ๒ ลักษณะ คือ ๓.๒.๑ ตัวละครที่เป็นแบบตายตวั (Typed Character) คือ ตัวละครที่มลี กั ษณะปรากฏเด่นชัดเพียงด้านเดียว แสดง นสิ ัยเพียงแงม่ มุ เดยี ว ดีอยา่ งเดยี ว หรือร้ายอย่างเดียว เป็น การสร้างตวั ละครอย่างงา่ ยๆ ซึ่งผ้อู ่านมกั คาดเดาการ กระทาของตัวละคร และเหตกุ ารณข์ องเรอ่ื งได้งา่ ย 15

๓.๒.๒ ตวั ละครทมี่ ีลักษณะซับซ้อน (Wellrounded Charater) คอื ตวั ละครท่มี ีลักษณะซบั ซ้อน เข้าใจยาก สร้าง ไดย้ ากกวา่ ตวั ละครแบบตายตัว มีลกั ษณะสมจริงเหมือนคน ในชวี ิตจรงิ ซ่ึงมีทง้ั สว่ นดี และส่วนบกพรอ่ ง ตอ้ งติดตาม ศึกษาโดยละเอียด จงึ สามารถเขา้ ใจได้ ตวั ละครประเภทน้ีมกั มีการเปล่ียนแปลงหรอื พัฒนานิสัยใจคอ ตลอดจนทศั นคตไิ ด้ เมอ่ื มีเหตุการณต์ ่างๆ มากระทบ ในตอนต้นเรื่องอาจเป็นคนดี ตอ่ มาอาจกลายเป็นคนเลว เพราะมีปัจจยั เหตุปจั จัยบางอยา่ ง เข้ามาเก่ียวขอ้ ง ตวั ละครแบบน้ีจะทาให้เร่อื งนา่ สนใจ มี คุณคา่ และชวนติดตาม 16

๓.๓ การต้ังช่ือตัวละคร ควรต้ังให้เหมาะสมกบั เพศ วยั สถานะ บทบาท และหนา้ ท่ขี องตวั ละครในเรอ่ื ง ตัวละครที่ เป็นตัวเอก ควรตง้ั ช่อื ที่ฟังงา่ ย คมคาย นา่ สนใจ ตวั ละครท่ี เปน็ ชาวบา้ นใช้ช่ือว่า ลงุ วิษณุ พ่อเฒา่ ศรุต หรอื คณุ ยายพวง แข ก็ฟังดูขัดแยง้ ไมเ่ หมาะกับตวั ละคร 17

๓.๔ การกาหนดบุคลิกของตวั ละคร ตอ้ งใหส้ อดคลอ้ งกบั เพศ วัย สถานะ บทบาท และหนา้ ท่ีของตวั ละคร และ สอดคลอ้ งกบั การดาเนินเร่ือง เชน่ สร้างให้ตวั เอกรูปร่าง หนา้ ตาดี มคี วามคิด มีความกล้าหาญ สร้างให้ตัวประกอบที่ เปน็ คนจนรูปร่างผอม ซบู ซดี ขี้โรค ซ่ือ มกั ขลาดเขลา แต่ ถ้าสร้างใหต้ วั เอกมีรูปร่างหนา้ ตาอปั ลกั ษณ์ ทะล่ึง หลุกหลิก และข้ีขลาด หรือคนจนรปู รา่ งอว้ นท้วม ผิวผ่อง พดู จา ฉะฉาน ก็ไม่เหมาะสมกบั เหตผุ ลและขอ้ เท็จจรงิ 18

๔. บทสนทนา (Dialoque) คือ คาพดู ของตัวละครแตล่ ะ ตวั บทสนทนานับเป็นองคป์ ระกอบสาคญั ของเรอ่ื งบันเทิงคดี ได้ประการหนึ่ง เพราะชว่ ยใหผ้ อู้ ่านไดท้ ราบถงึ แนวคดิ ของ ผแู้ ต่ง ทราบถงึ บุคลิกลักษณะของตัวละคร ข้อขดั แยง้ ระหว่างตัวละคร ภมู ิหลงั และรายละเอียดต่างๆ ได้ โดยทผ่ี ู้ แต่งไมต่ ้องบรรยาย หรือพรรณนาความให้ยืดยาว นอกจากนย้ี ังทาให้ผอู้ ่านไดร้ บั ความเพลดิ เพลนิ ไปพร้อมกัน ดว้ ย บทสนทนาทีด่ คี วรมลี กั ษณะดงั น้ี 19

๔.๑ มีความสมจริง คอื สมจริงตามเพศ วัย อาชพี สถานะ บทบาท และหน้าที่ของตวั ละคร ถ้าตัวละครเปน็ ผู้ดี มกี ารศกึ ษาก็ควรใชภ้ าษาท่ีสุภาพ ตัวละครทเ่ี ป็น ชาวบ้านมีการศกึ ษาน้อย อยูใ่ นสถานะและสังคมทีไ่ มด่ ีก็ ใชภ้ าษาที่เป็นภาษาตลาดไดต้ ามความเหมาะสม 20

๔.๒ ช่วยดาเนนิ เรื่อง คอื บทสนทนาของตัวละครจะชว่ ย ให้ผอู้ ่านรวู้ ่าตวั ละครจะทาอะไร และเหตกุ ารณ์ดาเนินไป อยา่ งไร โดยไม่ตอ้ งบอกดว้ ยการบรรยายตรงๆ ในฉาก ช่วยให้การดาเนินเรือ่ งกระชับไม่ยืดยาด เปน็ วิธีการดาเนนิ เรอ่ื งท่ีแนบเนียน ไม่สรา้ งความเบอื่ หนา่ ยให้กับผู้อ่าน 21

๔.๓ ช่วยบอกลกั ษณะนสิ ยั ของตัวละคร ด้วยการ สอดแทรกลกั ษณะนิสยั ของตัวละครลงไปในบทสนทนา ชว่ ยให้เรือ่ งกระชับโดยไม่ตอ้ งบรรยายลักษณะตัวละคร ตรงๆ 22

๔.๔ มจี ุดมุ่งหมายและสารประโยชน์ บทสนทนาแต่ละ วรรคแต่ละตอน ตอ้ งมจี ุดมุ่งหมายวา่ ใหต้ ัวละครสนทนาใน เรอ่ื งใด เพ่อื อะไร มเี นอื้ หาที่เป็นสารประโยชนส์ ะทอ้ น ความคดิ ของผเู้ ขียน หรือความคดิ ของเรอ่ื ง โดยอาศยั ตัว ละครเปน็ ผพู้ ูด อย่าสรา้ งบทสนทนาโดยเดด็ ขาด จุดม่งุ หมายและสารประโยชน์ เพราะจะทาให้เร่ืองน่าเบ่ือ 23

๔.๕ บทสนทนาต้องอยู่ในเครอ่ื งหมายคาพูด และมี คาอธิบายประกอบบทสนทนาตามสมควร คาบรรยาย ประกอบบทสนทนา ควรมคี ณุ ค่าในการเสริมบรรยากาศของ การสนทนานน้ั ๆ ชว่ ยในการเน้นบุคลิกลกั ษณะของตัวละคร หรอื ชว่ ยในการดาเนินเรอื่ ง ไมค่ วรเขียนคาบรรยายตื้นๆ ซึ่ง รไู้ ดเ้ ขา้ ใจดีอยแู่ ลว้ การเขียนคาบรรยายประกอบการ สนทนาน้ัน ควรเขียนให้พอเหมาะ ไมจ่ าเปน็ ตอ้ งเขียน บรรยายทุกถ้อยคา ทตี่ วั ละครพดู ควรเปดิ โอกาสใหผ้ ู้อ่านได้ ใช้จินตนาการบา้ งตามสมควร 24

๕. ฉาก (Setting) คือ การบรรยายภาพสถานท่ี เวลา และสภาพแวดล้อมที่ปรากฏในเหตกุ ารณ์ของเร่ือง เป็น การสร้างอารมณจ์ ินตนาการให้กบั ผู้อ่าน ช่วยใหผ้ อู้ า่ น เพลดิ เพลนิ มอี ารมณร์ ว่ มกบตวั ละคร และคาดเดา เหตุการณท์ ่เี กิดข้ึนในเรื่องได้ การบรรยายฉาก ตอ้ งคานึงถึงขอ้ เท็จจริง มคี วามถูก ต้องสมจริง มีความสมั พันธ์กบั เหตกุ ารณ์ มีความแจม่ ชดั เปน็ ระเบยี บ ไม่สับสน ใชภ้ าษาประณตี ดว้ ยภาพพจนแ์ ละโวหาร ต่าง ๆ อย่างเหมาะสม โดยทั่วไปมักนิยมใชพ้ รรณนาโวหาร 25

๖. บรรยากาศ (Atmosphere) คอื การบรรยายอารมณ์ ความรู้สึก องค์ประกอบต่างๆ ของฉากและตวั ละคร เพ่ือ สร้างอารมณค์ วามรู้สกึ แก่ผู้อ่าน 26

ประเภทของการเขยี นบนั เทงิ การเขยี นบันเทงิ อาจแบ่งได้หลายประเภทดังน้ี 27

การเขยี นนทิ าน นิทาน คือ เรอื่ งเลา่ สบื ต่อกันมา เปน็ วรรณกรรมท่ี เก่าแกท่ ี่สุด กล่าวกันวา่ นิทานมกี าเนิดพร้อม ๆ กบั ครอบครัว ของมนษุ ยชาติ มูลเหตุทม่ี าแตเ่ ริ่มแรก คงเป็นเร่ืองทเี่ กิดข้นึ จริงแลว้ เลา่ สูก่ นั ฟัง มกี ารเพ่ิมเตมิ เสริมแตง่ ใหพ้ สิ ดารมาก ยงิ่ ข้นึ จนห่างไกลจากเรอ่ื งจริง กลายเป็นนิทานไป การเขียนนิทาน เป็นการเขยี นจากจนิ ตนาการ ผูเ้ ขียนจะต้องมศี ิลปะในการเขยี น โดยเขียนใหส้ นกุ และมี คณุ ค่าแก่ผู้อา่ น 28

๑. แนวคดิ หรือแกนของเรื่อง หรือสารัตถะของเร่ือง แนวคิดของเรื่องนทิ าน มักเป็นองค์ประกอบพ้ืนฐาน ง่ายไม่ ลกึ ซงึ้ นกั เช่น แนวคดิ เรื่องแมเ่ ล้ยี งข่มแหงลกู เล้ียง การทา ความดีจะไดผ้ ลดตี อบสนอง ๒. โครงเร่อื งของนิทาน มักส้ัน กะทัดรัด เรยี บงา่ ย ไม่ ซบั ซอ้ น เป็นลกั ษณะเรื่องเลา่ ธรรมดา โดยดาเนนิ เร่ืองไป ตามลาดับเหตกุ ารณ์ก่อนหลงั 29

๓. ตวั ละคร ไม่ควรมหี ลายตวั เพราะเปน็ เร่ืองส้ัน ๆ จะ น่าอา่ นกว่า เรื่องยาวๆ ตัวละครอาจเปน็ คน สตั ว์ เทพเจ้า นางฟ้า มนษุ ย์ อมนุษย์ ฯลฯ ๔. ฉาก เปน็ ภาพจินตนาการทผี่ ้เู ขยี นสรา้ งขึ้น ให้ สอดคลอ้ งกบั เน้ือเรอื่ ง 30

๕. ถอ้ ยคาหรือบทสนทนาทีต่ วั ละครในเร่อื งพูดกัน ควร ใช้ภาษาทกี่ ะทัดรัด เขา้ ใจงา่ ยสนุกสนานชวนตดิ ตาม ๖. คตชิ วี ิต นิทานทด่ี ีตอ้ งมขี ้อคดิ เกย่ี วกบั ชวี ติ สังคม และวฒั นธรรม เพอ่ื เป็นการปลกู ฝงั คุณธรรมแกผ่ อู้ ่าน ซ่งึ ส่วนใหญ่เป็นผเู้ ยาว์ ดงั น้นั ในตอนทา้ ยของนทิ านมักสรปุ คติชีวติ ใหเ้ ป็นเคร่อื งเตอื นใจผ้อู ่านดว้ ย 31

การเขียนเร่อื งสั้น เรอื่ งส้นั เป็นวรรณกรรมประเภทหนง่ึ ที่พฒั นาขึ้นจาก อิทธิพลของงานเขียนทางประเทศตะวนั ตก โดยเขียนข้ึน จากจินตนาการซึ่งมีความสมจรงิ (Realistic) มีขนาดส้ัน ใช้ ตัวละครน้อย ดาเนนิ เรอ่ื งรวดเร็วและมจี ุดมุ่งหมายเดียว เรื่อง สัน้ เร่อื งแรกของไทย คอื เรอ่ื ง \"นายจิตรกับนายใจสนทนา กนั \" ของเจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) ลงพิมพใ์ น หนังสือดรุโณวาทราวปี พ.ศ.๒๔๑๗ ตรงกับรัชสมัย พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั 32

เจา้ พระยาภาสกรวงศ์ ผนู้ ี้นับวา่ เปน็ ผมู้ ีบทบาท เป็น อย่างมาก ในการสร้างสรรคเ์ ร่อื งบันเทงิ คดสี มยั ใหม่ และ เรอื่ งส้ันยคุ บกุ เบิกซง่ึ เปลื้อง ณ นคร ไดแ้ บ่งเรื่องสนั้ ออกเป็น ๔ ชนดิ คือ 33

๑. เร่ืองส้นั ชนิดผูกเร่ือง (Plot story) ๒. เรอ่ื งสน้ั ชนดิ เพ่งเล็งทจ่ี ะแสดงลักษณะของตัวละคร (Charater Story) ๓. เร่อื งสนั้ ชนดิ ที่ถอื ฉากเปน็ ส่วนสาคัญ (Atmosphere Story) ๔. เร่อื งส้นั ชนิดที่แสดงแนวความคิดเห็น (Theme Story) 34

องคป์ ระกอบของเรอื่ งส้นั 35 ๑. แนวคิดหรือแกนของเรื่อง ๒. โครงเรอ่ื งตอ้ งมีลกั ษณะกะทัดรัด ๓. ตวั ละคร ๔. ฉากต้องมีความสมจริง ๕. ถอ้ ยคาหรอื บทสนทนา

บรรณานกุ รม ปลูกปญั ญา(2562)การเขยี นบนั เทงิ คดี สานักพิมพ์ มหาวิทยาลยั นเรศวร. สบื คน้ จาก https://sites.google.com/a/csws.ac.th/kru-pyx-csws/sara- khwam-ru/karkheiynbantheingkhdi 36

ขอจบการนาเสนอเพยี งเทา่ น้ี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook