Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สื่อประดิษฐ์เอกลักษณ์ไทย มาลัย

สื่อประดิษฐ์เอกลักษณ์ไทย มาลัย

Published by sukhumarn.kongneam, 2021-12-23 03:55:51

Description: สื่อประดิษฐ์เอกลักษณ์ไทย มาลัย

Search

Read the Text Version

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 5 งานดอกไมส้ ดของไทย (มาลยั ) ระดับชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 4

ประเภทของมาลยั 1.แบง่ ตามหนา้ ทใี่ ชส้ อย 2.แบง่ ตามลกั ษณะรปู แบบของการรอ้ ย 3.แบง่ ตามลกั ษณะโครงรา่ งโดยทว่ั ไป

ประวัตคิ วามเปน็ มาของมาลัย บรรพบุรุษของไทยเรามีชื่อเสยี งในงานดา้ นศิลปะการประดิษฐ์อยา่ ง มากมาย โดยเฉพาะการประดษิ ฐต์ กแตง่ พวงดอกไม้ ใบไม้ ผลไม้ และ วสั ดุอื่น ๆ เปน็ ท่ีขนึ้ ชือ่ มานานแตโ่ บราณกาลแลว้ แต่ไมป่ รากฏแน่ชัดว่าไดม้ ี การเริ่มต้นมาแต่ในสมัยใดแน่ คงเนื่องมาแต่ไม่มกี ารจดบนั ทึกเป็นลายลักษณ์ อักษรไวน้ ั่นเอง จงึ ไม่มหี ลักฐานใด ๆ ใหอ้ นุชนรุน่ หลังได้สืบค้น ต่อมาใน สมัยสุโขทัยเป็นราชธานี แตค่ ร้งั สมัยพระเจา้ อรณุ มหาราช คือพระร่วงเปน็ พระเจ้าแผ่นดนิ มีพระสนมเอก คือ ท้าวศรจี ฬุ าลักษณ์ หรอื นางนพมาศซง่ึ เปน็ ผู้ทมี่ คี วามสามารถในงานด้านฝีมอื ในการประดิษฐด์ อกไมส้ ดเป็นเลิศ ใน สมยั นั้นตามหลกั ฐานท่ีอ้างถงึ ในพระราชนพิ นธเ์ รอ่ื งพระราช พธิ ี 12 เดือน ตอนหนงึ่ ท่ีกลา่ วถงึ ท้าวศรีจฬุ าลักษณ์ ไดค้ ิดตกแตง่ โคม ลอยใหง้ ดงามวจิ ิตรกวา่ โคมของพระสนมอืน่ ทั้งปวง โดยการนาเอาดอกไม้ ตา่ ง ๆมาประดิษฐต์ กแต่ง และยงั ได้เอาผลไมม้ าทาการแกะสลักตกแต่ง ประกอบไปดว้ ย แตก่ ็มิไดม้ กี ารอา้ งถึงว่า ในการตกแตง่ ครง้ั นนั้ มีการร้อย มาลยั มาประดับตกแต่งดว้ ยหรอื ไม่

และในหลกั ฐานทอ่ี า้ งถงึ ตอนหนง่ึ ว่า ในเดอื นเมษายนมีพระราชพิธีสนามใหญบ่ รรดา เจ้าเมือง เศรษฐี คหบดเี ข้าเฝ้าถวายบังคมสมเด็จพระร่วงเจา้ เพือ่ ถวายเคร่อื งราช บรรณาการ พระสนมกานลั ต่าง ๆ ก็รอ้ ยกรองดอกไมเ้ ป็นรปู สตั วต์ ่าง ๆ ใส่เมย่ี งหมากถวายให้ สมเด็จพระเจา้ อย่หู วั พระราชทานแก่ผู้มาเฝา้ และในครง้ั นั้นนางนพมาศก็รอ้ ยดอกไมส้ เี หลอื ง เปน็ รูปพานทองสองชั้นรองขนั มีระย้าระบายงดงามในขนั ใส่เมย่ี งหมาก แล้วร้อยดอกไมเ้ ป็น ตาขา่ ยคลุมขนั อกี ทีหนงึ่ เป็นทเ่ี จริญตาและถกู กาลเทศะอีก สมเด็จพระรว่ งเจ้าจงึ ทรงบัญญตั ิ วา่ ถา้ ชาวไทยทาการรับแขกเปน็ การสนามใหญ่ มีการอาวมงคล หรือวิวาหม์ งคล เปน็ ต้น ใหร้ อ้ ยกรองดอกไมเ้ ปน็ รูปพานขันหมากดงั นี้ และให้เรยี กวา่ พานขนั หมาก 2 ในสมัย รตั นโกสินทรท์ กุ รัชกาล งานฝีมือดา้ นการประดิษฐ์ดอกไมก้ ็เปน็ ทข่ี นึ้ ชือ่ ลอื ชามาก และกเ็ ป็นที่ นิยมประดษิ ฐใ์ นงานตา่ ง ๆ แทบทกุ งาน โดยเฉพาะงานพธิ ีต่าง ๆ ในสมัยรัชกาลที่ 5 มี พระราชนิยมการทาดอกไมข้ องไทยเป็นอยา่ งยิ่ง ไม่วา่ จะมงี านราชพธิ ใี ด ๆ เจา้ นายฝ่ายใน ต้องประกวดกันจัดแตง่ ดอกไมม้ าถวายให้ทรงใช้ในงานนน้ั ๆ เสมอ พระมเหสีเทวีทกุ ตาหนกั ใฝ่พระทยั ในการจัดแต่งดอกไมไ้ ปตาม ๆ กนั แต่ละพระองคก์ ม็ ีช่ือเสยี งในทางต่าง ๆ กัน สมเดจ็ พระศรีพชั รินทราบรมราชินีนาถพระพนั ปหี ลวงครง้ั ยงั ดารงพระอสิ รยิ ยศเป็น พระบรมราชินีนาถโปรดเกล้าฯ ให้ฝกึ หดั อบรมข้าหลวงและครูโรงเรียนราชนิ ใี ห้รจู้ กั ทาดอกไม้ แห้งเลียนแบบดอกไมส้ ดดว้ ย

ทรงสง่ เสริมฟน้ื ฟกู ารทาดอกไม้เปน็ อันมาก พระองค์เองก็ทรงใช้เวลาว่างประดิษฐด์ ดั แปลงการ ทาดอกไมแ้ บบเก่าให้แปลกพิสดารออกไปอกี มีพระนามเลอื่ งลือในการรอ้ ยพวงมาลยั ซง่ึ แต่ เดิมมาไทยนยิ มรอ้ ยมาลยั ด้วยดอกมะลิ และเปน็ มาลัยสีขาวกลมธรรมดาเทา่ นั้น และพลกิ แพลงต่างกันไปบ้างกเ็ ปน็ มาลยั เกลียว คอื มลี วดลายเปน็ เกลียวข้ึนไป สมเด็จพระพันปี หลวงไดท้ รงคิดร้อยมาลยั ด้วยดอกไม้ต่าง ๆ และใช้ใบไม้แทรกทาใหม้ ลี วดลายและสี ตา่ ง ๆ กันอยา่ งงดงาม และพลิกแพลงทารูปต่าง ๆ กนั ดว้ ย และในงานพระศพสมเด็จ พระปยิ มาวดศี รพี ชั รนิ ทรมาตา ซึง่ เป็นพระมารดาของสมเดจ็ พระศรีพัชรนิ ทราบรมราชนิ ี นาถ พระพันปหี ลวงและสมเด็จพระศรสี วรนิ ทราบรมราชเทวีพระพันวสั สาอยั ยกิ าเจ้า พระองคน์ ี้ พระศพประดิษฐานอยู่ ณ วงั สะพานถา่ น ( คอื ทต่ี ลาดบาเพญ็ บุญเวลานี้ ) สมเด็จพระพันปีหลวง มพี ระราชเสาวณยี ์ดารสั ใหท้ ้าววรคณานนั ท์ ( ม.ร.ว.ปั้ม มาลากุล ) จดั ทามาลยั ไปประดับพระศพ เชน่ ตกแตง่ ตามฉตั รรัดพระโกษและแขวนตาม ประตู หน้าตา่ ง ตามประเพณงี านใหญ่ ๆ ของเจ้านายตลอดงานนี้ มาลยั ทต่ี กแตง่ เปลี่ยนสี เปลีย่ นรูป เปล่ียนแบบเรื่อยๆ มา จึงนบั ไดว้ า่ ตัง้ แต่บัดนนั้ การร้อยมาลัยไดม้ ี การววิ ัฒนาการก้าวหนา้ กว่าเดิมเปน็ ต้นมาหลายแบบ และในระหวา่ งน้นั ทา่ นเจา้ คณุ ประยรู วงศ์กไ็ ด้จัดทามาลัยครุยขน้ึ ท้าววรคณานนั ท์ เป็นผู้มีช่ือเสียงว่าเปน็ เจ้าของมาลัยงามหลาย แบบ และความรู้ความชานาญในเร่ืองร้อยมาลัยนกี้ ไ็ ดส้ บื ต่อมาจนถงึ ม.ล. ป้อง มาลา กลุ ผู้ซ่งึ มีความสามารถ ในเรือ่ ง การทาดอกไมส้ ด และดอกไมแ้ ห้งเปน็ อยา่ งยิ่ง

ความหมายของมาลยั มาลยั หมายถึง ดอกไม้ประดิษฐแ์ บบไทยลกั ษณะหนึ่ง โดยการนา ดอกไม้ กลบี ดอกไม้ ใบไม้ และสว่ นตา่ ง ๆ ของดอกไมท้ ี่ร้อยได้ มาร้อยเป็นพวง มี ลักษณะตา่ ง ๆ กนั มากมายหลายแบบ ตงั้ แต่แบบด่งั เดมิ จนถงึ แบบสมัยใหม่ ซง่ึ ก็ ดดั แปลงมาจากแบบดง่ั เดิมนนั่ เอง

1.ถา้ แบง่ ตามหน้าท่ใี ช้สอยมีดงั นี้ 1.1 มาลัยชายเดียว หมายถงึ มาลยั ทมี่ ีลักษณะเปน็ พวงกลมมอี บุ ะห้อยเปน็ ชายเพยี ง พวงเดยี ว ซึ่งบางคนอาจเรยี กว่า มาลยั มอื , มาลยั ขอ้ มือ, หรอื มาลัยคลอ้ งแขน ก็ ได้ ถา้ ใชใ้ นกาทูลเกล้าฯ ถวายกเ็ รียกว่า มาลยั ขอ้ พระกร มาลยั ชายเดียวนใ้ี ช้ สาหรับคลอ้ งมือ คลอ้ งแขน หรอื บูชาพระ

1.2. มาลยั สองชาย หมายถงึ มาลัยทน่ี ิยมผกู ตอ่ กบั ริบบ้นิ หรอื โบว์ท้ังสองชาย และมี อบุ ะหอ้ ยชายมาลัยข้างละพวง มาลยั สองชายน้ี ใชส้ าหรับคลอ้ งคอบุคคลสาคญั ใน งานนัน้ ๆ ใช้แขวนหน้ารถ หรือหัวเรือก็ได้ บางคนเรยี กมาลัยประเภทน้ีวา่ มาลัย คล้องคอ ถา้ ใช้คลอ้ งคอเจา้ บา่ วเจา้ สาว เรียกวา่ มาลยั บ่าวสาว

1.3 มาลยั ชารว่ ย หมายถึง มาลยั ขนาดเลก็ ๆ น่ารกั กระจุ๋มกระจิ๋ม สาหรับมอบใหก้ บั บุคคลจานวนมากเป็นของชารว่ ย ตอบแทนการขอบคุณทมี่ ารว่ มงานนั้น ๆ

2. ถา้ แบ่งตามลกั ษณะรูปแบบของการรอ้ ยมดี งั นค้ี อื 2.1 มาลัยซีก หรอื มาลยั เสี้ยว หมายถงึ มาลยั ทรี่ อ้ ยให้มีลักษณะรปู ทรงตามขวางเพยี ง ครงึ่ วงกลม หรือนอ้ ยกว่านั้น 2.2 มาลัยกลม หมายถึง มาลยั ทรี่ อ้ ยใหม้ ีลกั ษณะรูปทรงตามขวางเป็นวงกลมรปู ทรง ตามยาวตรง และขนานกันไปตลอดเขม็

2.3 มาลยั แบน หมายถึง มาลัยที่มีลกั ษณะรปู ทรงตามขวางเป็นรปู ยาวตาม กลีบ ปลายกลบี ของดา้ นตรงขา้ มยาวประมาณจดแนวเส้นรอบวง แตป่ ลายกลีบของ ดา้ นขวางและดา้ นตรงขา้ มแคบ 2.4 มาลัยรี หมายถงึ มาลัยทร่ี อ้ ยให้มลี กั ษณะรูปทรงตามขวางเป็นรปู รี รปู ทรง ตามยาวตรงขน้ึ ไปตลอดเข็ม

2.5 มาลัยสามเหล่ยี ม หมายถึง มาลัยท่รี ้อยให้มีลกั ษณะรปู ทรงตามขวางเป็นรูสามเหล่ียม ด้านเทา่ รูปทรงตามยาวท้งั สามดา้ นตรงขึน้ ไปตลอดเข็ม 2.6 มาลยั สี่เหลี่ยม หมายถึง มาลัยทร่ี อ้ ยให้มีลกั ษณะรปู ทรงตามขวาง เป็นรปู ส่ีเหลย่ี ม จตั รุ ัส รูปทรงตามยาวท้ังสดี่ ้านตรงข้นึ ไปตลอดเข็ม 2.7 มาลยั ตุม้ หมายถึง มาลยั ทีร่ อ้ ยให้มีลักษณะรปู ทรงตามขวางเป็นรปู วงกลมขนาดเล็ก แลว้ คอ่ ย ๆ ใหญ่ขน้ึ ทลี ะนอ้ ย ช่วงกลางป่องโคง้ มนแล้วคอ่ ย ๆ ลดให้เลก็ ลงทีละน้อยจนมี ขนาดเทา่ กับตอนข้นึ ต้นรปู ทรงตามยาวหัวทา้ ยเรียวช่วงกลางโค้งมน

2.8 มาลัยตวั หนอน หมายถงึ มาลัยทีร่ ้อยใหม้ ลี กั ษณะรปู ทรงตามขวางเปน็ วงกลม จากเล็ก แล้วคอ่ ย ๆ ใหญข่ ึ้นทลี ะนอ้ ยช่วงกลางปอ่ งโค้งมน แลว้ คอ่ ย ๆ ลดลงจนกระทัง่ เลก็ เท่ากับตอนขน้ึ ตน้ รปู ทรงตามยาวหัวท้ายเรียวชว่ งกลางป่อง โค้งมน คลา้ ยมาลยั ตมุ้ แต่ยาวกว่า 2.9 มาลัยตวั หนอนคู่ หมายถึง มาลัยทร่ี ้อยให้มลี ักษณะรปู ทรงตามขวางเป็นรปู กลมเลก็ แล้วค่อย ๆ ใหญข่ นึ้ ช่วงกลางปอ่ งโคง้ มนแล้วคอ่ ย ๆ ลดใหเ้ ลก็ ลง จนกระทัง่ เทา่ กบั ตอนข้นึ ต้น ซ่ึงคลา้ ยกับมาลัยตมุ้ รปู ทรงตามยาวเหมือนมาลัย ตุม้ สองตุ้ม รอ้ ยต่อในเขม็ เดยี วกนั นนั่ เอง

2.10 มาลัยสามกษัตริย์ หมายถงึ มาลยั ท่ีร้อยด้วยดอกบานไม่รู้โรยกรองเปน็ ชน้ั ๆ ขนาดเท่ากันทุกช้นั ร้อยคลอ้ งต่อกนั สามวงโดยใช้ดอกบานไมร่ ู้โรยสามสี คือ สี แดง ชมพู และขาว 2.11 มาลยั พวงดอกไม้ หมายถงึ มาลัยทรี่ ้อยด้วยดอกไมเ้ รียงตอ่ กันเปน็ สายยาวแลว้ นามาผกู มดั ตอ่ กันเปน็ วง

3.ถ้าแบ่งตามลักษณะโครงร่างโดยทั่วไปมีดังนี้ 3.1 มาลัยตวั สตั ว์ หมายถงึ มาลยั ทร่ี ้อยใหเ้ ปน็ รปู รา่ งลกั ษณะคล้ายตวั สัตว์ เชน่ หนู กระรอก กระแต กระตา่ ย ชะนี ฯลฯ 3.2 มาลยั ลูกโซ่ หมายถึง มาลัยท่ีร้อยจากมาลยั กลมหรือมาลัยซกี แลว้ นาเอามาผกู คล้องตอ่ กนั ตั้งแต่สองวงขน้ึ ไป ใหม้ ีลกั ษณะเปน็ หว่ ง ๆ คล้องกันคลา้ ยโซ่

3.3 มาลัยเปยี หมายถึง มาลยั ท่รี ้อยจากมาลัยกลม และมาลยั ตุ้ม นามาประกอบเข้า เปน็ พวง โดยเอามาลยั กลมผูกต่อกนั เปน็ วงอยูต่ รงกลาง ส่วนบนและลา่ งรอ้ ยต่อดว้ ย มาลยั ต้มุ ด้านละ 1 ตุม้ 3.4 มาลัยเถา หมายถงึ มาลัยท่ีรอ้ ยจากมาลยั ซกี แล้วนามาผกู ตอ่ กันเปน็ วงกลม วง ละขนาดต้งั แตข่ นาดใหญ่และคอ่ ย ๆเล็กลงตามลาดับ โดยวางเรยี งซ้อนกันลักษณะเป็น เถา

3.5 มาลยั ครยุ หมายถงึ มาลัยทรี่ ้อยจากมาลยั กลมขนาดใหญ่ มอี ุบะห้อยตงุ้ ตง้ิ คล้ายระบายเป็นครยุ โดยรอบทงั้ ดา้ นในและด้านนอก ใช้สาหรบั สวมสะพายจากไหล่ ขวามาซ้ายคล้ายกับการห่มสไบเฉยี งเม่อื นงุ่ จูงกระเบนน่ันเอง 3.6 มาลยั ดอกกลว้ ยไม้ หมายถึง มาลัยทีร่ ้อยด้วยดอกกลว้ ยไม้ลว้ น ๆ เปน็ ส่วน ของตัวมาลัย ไมต่ อ้ งร้อยดอกอยา่ งอน่ื แซมเป็นลวดลายใด ๆ ทัง้ สิ้น

ส่วนประกอบของมาลยั 1.ตัวมาลัย อาจใชเ้ ปน็ มาลัยกลม มาลยั แบน มาลัยรี มาลัย สามเหล่ียม มาลัยสเี่ หลย่ี ม มาลยั ต้มุ ฯลฯ 2.อบุ ะ ท่ีนยิ มใช้หอ้ ยประดบั พวงมาลยั ได้แก่ อบุ ะแขก อบุ ะพู่ และอบุ ะตงุ้ ตง้ิ ( สาหรบั ห้อยมาลยั ตุม้ ) 3.ซีก ที่ใช้ผกู รัดรอยตอ่ ระหว่างตัวมาลยั กับอบุ ะนั้น ควรเป็นซีกที่มีขนาด สดั ส่วนทเ่ี หมาะสมกับตวั มาลยั แต่ก็ไม่ควรเล็กจว๋ิ หรอื ใหญโ่ ตเทอะทะ เกนิ ไป ซึง่ มองดูแล้วจะทาใหส้ ดั สว่ นของพวงมาลัย ไมด่ ีเท่าทคี่ วร 4.ริบบ้ิน นบั ว่าเปน็ สว่ นประกอบอยา่ งหน่ึง สาหรับพวงมาลยั ทใี่ ชค้ ลอ้ ง คอ มาลัยชาร่วย มาลัยมอื ถือทีใ่ หแ้ ก่ประธานหรอื แขกผใู้ หญ่ ( ในบางแบบ )



วสั ดุและอปุ กรณ์ในการรอ้ ยมาลัย วสั ดุอุปกรณต์ ่าง ๆ ที่สาคญั และจาเป็นในการรอ้ ยมาลัย มีดงั ต่อไปน้ี 1.ดอกไม้ ดอกไม้ท่ใี ช้ในการร้อยมาลยั ไดแ้ กก่ ุหลาบ มะลิ เฟ่ืองฟา้ บานบุรี กล้วยไม้ ผกากรอง (ดอกตมู ) กะเม็ง พดุ พทุ ธชาด เข้ยี วกระแต หางนกยงู (ดอก ตูม) ดอกหญา้ พงั พวย เลบ็ มือนาง มากาเร็ต ( ดอกตมู ) เบญจมาศนา้ ( ดอกตูม ) บานไมร่ ู้โรย ประทดั พกิ ุล ดอกรัก ฯลฯ 2.ใบไม้ ใบไมท้ ใ่ี ชร้ ้อยมาลัย ไดแ้ ก่ ใบกระบอื ใบแก้ว ใบมะยม ใบพังพวย ใบจามจุรี ใบดอนหญา้ ขาว ใบดอนหญ้าแดง ใบหมากผ้หู มากเมีย ใบชบา ใบโกสน ฯลฯ 3.เข็มมาลัย มีสองขนาด คอื ขนาดเลก็ และขนาดใหญ่ แต่กต็ า่ งกนั ไมม่ ากนัก ควรจะ เลือกใช้ให้เหมาะสมกับงาน ถา้ งานรอยดอกไม้เลก็ ๆ หรือกลบี เล็ก ๆ ก็ควรใชเ้ ข็ม มาลยั ขนาดเลก็ แต่ถ้ารอ้ ยดอกไม้ดอกใหญ่ หรือดอกไม้ทมี่ ีกลบี ใหญ่ ๆ ก็ควรใช้เข็ม มาลัยขนาดใหญแ่ ละยาวกว่า 4.เข็มสั้นหรอื เขม็ มือ ปกติใชเ้ บอร์ 8 , เบอร์ 9อยา่ งชนิดยาว เพราะเป็นขนาดที่ เหมาะสมทส่ี ุด

5.ดา้ ย มีสองขนาด คอื ใหญ่และเลก็ ขนาดใหญ่สาหรับร้อยมาลัยขนาดเลก็ สาหรับ ร้อยอุบะ เย็บหรือมัดดอกขา่ และเย็บริบบ้นิ หรอื โบว์ 6.ใบตอง สาหรับไว้ปพู ื้นก่อนวางดอกไม้ ใบไม้ ห่อดอกไม้และทาแปน้ 7.กระดาษทราย สาหรับไว้ขัดเขม็ มาลัย เขม็ มือเมอื่ มีสนิมเกาะ ควรเลือกใช้ เบอร์ 0 เพราะมีความละเอียดที่สดุ 8.มีดเลก็ มีดบางคม ๆ สาหรับไว้ตดั ดอกไม้ เชน่ ดอกบานไมร่ ้โู รย 9.กรรไกร ควรมี 2 ขนาด คอื ขนาดเล็กและขนาดกลาง 9.1 ขนาดเล็กปลายแหลมคม ใชส้ าหรับตัดกลบี ดอกไม้ ใบไม้ 9.2 ขนาดกลาง สารับตดั ใบตองและดา้ ยในบางโอกาส 10.คมี สาหรับไว้จบั เขม็ มาลัย ขณะท่ีทาการรูดมาลัยออกจากเขม็ 11.นา้ มนั วาสลนิ สาหรบั ไว้ทาเขม็ มาลยั ก่อนร้อย ขณะรอ้ ยและกอ่ นจะรูดมาลยั ออก จากเขม็ (ควรทาต้ังแตจ่ ากใตแ้ ป้นใบตองมายงั กน้ เข็มตรงร้อยดา้ ย )

12.กะละมงั สาหรบั ไวพ้ กั ดอกไม้ ใบไม้ 13.ถาด สาหรับใสด่ อกไม้ ใบไม้ และอุปกรณ์ในการรอ้ ยมาลยั 14.แกว้ น้าหรือขนั นา้ เล็ก สาหรบั ใส่นา้ ไว้พรมดอกไมข้ ณะร้อย 15.ทีฉดี น้า ควรใชช้ นดิ ทปี่ รบั ใหเ้ ปน็ ละอองฝอย ๆ ได้ สาหรบั ไวพ้ รม ดอกไม้ ใบไม้จานวนมาก 16.ผ้าขาวบาง สาหรบั ไวค้ ลมุ ดอกไมเ้ พื่อใหส้ ดอย่ไู ด้นาน

ความหมายของคาต่าง ๆ ทใ่ี ชใ้ นการทางานมาลยั เข็มมาลยั เป็นเขม็ เหล็กยาวประมาณ 12 – 14 นว้ิ ปลายแหลม มี 2 ขนาด ขนาดเล็กใช้กบั งานละเอยี ด สว่ นขนาดใหญใ่ ชก้ บั งานดอกไม้ดอก ใหญห่ รอื ดอกไมท้ ี่มีกลบี ใหญ่ ๆ เวลาซอ้ื ควรต้องเลอื กใหเ้ หมาะสมกบั งานนน้ั ๆ ดว้ ย เข็มสน้ั หรือเขม็ มือ หมายถึง เขม็ ส้นั ธรรมดาใชส้ าหรบั เย็บดอกข่า เย็บโบว์ หรือรอ้ ย อบุ ะกไ็ ด้ ปกตมิ กั จะใช้เบอร์ 8 และเบอร์ 9 ด้าย • ด้ายทใ่ี ช้ในงานมาลยั มี 2 ขาด คอื ขนาดใหญ่ และขนาดเล็ก • ด้ายรอ้ ยมาลัย ใชเ้ สน้ ใหญ่ ( สขี าว ) ควรใชด้ ้ายคู่ • ดา้ ยร้อยอุบะ ใชเ้ สน้ เล็ก ( สีขาว ) เบอร์ 40 หรอื เบอร์ 60 • ดา้ ยสาหรับเย็บหรอื มดั ดอกขา่ ใช้เส้นเลก็ ควรใชส้ ีเดยี วกับกลีบดอกไม้ที่ใช้ทาตุ้ม ดอกขา่

ดอกต้มุ เปน็ สว่ นประกอบอยา่ งหนงึ่ ของอบุ ะทีอ่ ยสู่ ่วนลา่ งสุด เชน่ ดอกกุหลาบ ตูม ดอกจาปี ดอกจาปา ดอกบานไมร่ โู้ รย ดอกชบาหนู ดอกกลว้ ยไม้ หรอื ดอกขา่ ประดิษฐ์ ฯลฯ ดอกขา่ เป็นดอกไม้ท่ีประดิษฐใ์ ห้มลี กั ษณะคลา้ ยดอกขา่ ใช้แทนดอกตมุ้ ของอบุ ะ อาจ ประดิษฐ์จากกลีบกหุ ลาบ ดอกพุด ดอกมะลิ ฯลฯ อบุ ะ เปน็ สว่ นท่ีใชส้ าหรับหอ้ ยชายมาลยั เพอ่ื ใหเ้ กิดความสวยงาม น่ารักยงิ่ ขน้ึ ซกี เปน็ มาลยั ประเภทหนึง่ ทม่ี ลี ักษณะรูปทรงตามขวางเพยี งเสยี้ วหน่ึงถึงครึง่ วงกลม สาหรบั นาไปผูกรดั เป็นมาลัยลูกโซ่ หรอื สาหรับผูกปิดรอยตอ่ ของมาลัย เพือ่ ใหเ้ กิดความสวยงามย่ิงขึ้น แปน้ หมายถงึ ส่วนทเ่ี ป็นที่สาหรับรองรับดอกไม้ทีร่ ้อยอยใู่ นเข็มมาลยั และยงั ใช้ สาหรบั ปิดทา้ ยของการร้อยมาลยั เม่อื จบเขม็ แล้วเป็นการช่วยกันมิให้ดอกไมช้ ้นั สดุ ทา้ ยรวนหรอื หลุดลว่ งไปได้งา่ ย ในขณะทาการรดู มาลยั ออกจากเข็ม

ส่งกลบี หรือส่งก้าน หมายถงึ ความยาวชว่ งระยะระหวา่ งปลายกลีบ หรือปลายดอกถงึ จดุ ท่เี ขม็ แทง หนา้ เรยี บ หมายถงึ การสง่ กลบี หรอื สง่ ก้านดอกให้ปลายเสมอกนั มองดแู ลว้ ได้ระดบั เรยี บรอ้ ยสวยงาม ไม่สูง ๆ ต่า ๆ หรือโคง้ เว้าเปน็ คลื่น กรอง หมายถึง วธิ กี ารประดิษฐ์ดอกไม้วิธหี น่ึง โดยการนาเอาดอกไม้บาง ชนดิ เช่น ดอกบานไมร่ ้โู รยมาเฉือนใหเ้ ปน็ แวน่ บาง ๆ ด้วยมดี คม ๆ แลว้ นามาร้อย ด้วยเข็มทลี ะแวน่ ว้อนกันจนยาวพอต้องการทจ่ี ะนาไปใชใ้ นงานนนั้ ๆ ซ่งึ วธิ ีการน้ี เรียกวา่ กรองดอกบานไม่รโู้ รย ประค้าดอกรกั หมายถงึ วิธกี ารประดิษฐ์ดอกรกั ใหม้ รี ูปรา่ งลักษณะกลม ๆ คล้าย ลูกประคา โดยการเลอื กดอกรกั สีเดยี วกนั ขนาดดอกเท่ากันจานวน 2 ดอก ผา่ ตามกลบี ทง้ั หา้ สักเล็กน้อยแลว้ นามาประกบกนั ประคาดอกรกั น้ีสามารถจะนามาเรยี ง เถาแลว้ รอ้ ยเป็นสายอุบะกไ็ ด้

แต่งตัว หมายถึง การนาส่วนตา่ ง ๆ ของมาลยั มาประกอบเข้าด้วยกันจนสาเรจ็ ตามลาดับข้นั ตอนให้มีรูปรา่ งครบถว้ นถกู ต้องได้สัดสว่ น และสวยงามตามแบบของ มาลยั ประเภทนน้ั ๆ วาสลนิ เป็นนา้ มนั ชนิดหน่ึงใชส้ าหรบั ทาเข็มมาลัยกอ่ นร้อย ขณะรอ้ ยเพื่อให้การรูด มาลัยออกจากเขม็ ไดง้ า่ ย สะดวกขน้ึ และสาหรับไว้ทาเข็มมาลัยท่ที าความสะอาด เรียบร้อยแลว้ ซงึ่ เป็นการรักษาเข็มอยา่ งถูกวิธดี ว้ ย ริบบ้ินหรอื โบว์ หมายถงึ สว่ นท่จี ะใช้ผูกตดิ กับมาลัยสาหรบั คลอ้ งคอ หรือใชม้ ือถือก็ ได้ อาจเป็นริบบนิ้ ทที่ าจากผา้ ไนลอน ฟาง พลาสติก หรอื รบิ บิน้ เงิน รบิ บ้นิ ทอง

การท้าแปน้ ใบตอง การทาแปน้ ใบตองน้นั ขึน้ อยกู่ ับมาลยั ทจ่ี ะรอ้ ย ควรใหแ้ ป้นใบตองมี ขนาดใหญก่ ว่ามาลัยทจี่ ะรอ้ ยเล็กนอ้ ย ไม่ควรใหญห่ รอื เล็กจนเกิดไป เพราะจะทาใหเ้ กิดความไม่เหมาะสมและไมส่ ะดวก ในตอนท่จี ะรดู มาลยั ออกจากเข็ม

วธิ ีการพับแป้นใบตอง หมายเหตุ (ใบตองชน้ิ แนวนอน คือ ช้ินท่ี 1 และใบตองชน้ิ แนวต้งั ตรงคือ ชน้ิ ที่ 2 ) ข้ันที่ 1 ฉีกใบตองขนาดเทา่ กนั 2 ช้นิ ตัด ขัน้ ที่ 2 พบั รมิ ตองดา้ นแขง็ ชิ้นที่ 1 ทบ หวั และปลายใหเ้ รยี บร้อยวางซอ้ นทางด้าน เข้ามาเป็นรปู สีเ่ หลี่ยมจัตุรสั เทา่ กบั ความ แข็งทามุมฉากซ่งึ กนั และกัน กว้างของใบตองที่ฉกี ไว้

ขัน้ ท่ี 3 พับรมิ ตองชนิ้ ที่ 2 ทบลงมาเป็น ขน้ั ท่ี 4 มอื ขวาจับใบตองชิ้นท่ี 1 ด้าน รูปสีเ่ หล่ียมจตั รุ สั เท่ากบั ความกว้างของ ขวามอื ทบมาทางซ้าย ใบตองเช่นกนั

ขนั้ ที่ 5 ใชม้ อื ขวาจับใบตองช้นิ ที่ 2 ขนั้ ท่ี 6 กลับใบตองหงายขึน้ ใชม้ ือ ทบขึ้นไปทางด้านบน ขวาจับช้นิ ที่ 1 ทบมาทางดา้ นล่าง ทางขวามือ

ขนั้ ที่ 7 จบั ใบตองชนิ้ ท่ี 2 ทบมาทาง ขนั้ ท่ี 8 กลับใบตองหงายขึ้น มอื ขวาจบั ชน้ิ ดา้ นซ้าย ท่ี 2 และมือซ้ายจบั ช้นิ ท่ี 1 ทบมาทางขวา

ขั้นที่ 9 กลบั ใบตองหงายขึน้ ตัดปลาย ขน้ั ที่ 10 ตัดริมแลว้ สอดเกบ็ ปลายตองให้ ใบตองชน้ิ ที่ 2 สว่ นที่เหลือทิง้ ไปถา้ ช่วงตอง เรียบร้อย ยาวเกนิ ไป

มาลัยซีก มาลัยซกี หรือเสย้ี ว หมายถงึ มาลัยทีร่ ้อยใหม้ ลี ักษณะรูปทรงตามขวาง เพียงครึ่งวงกลมหรือนอ้ ยกว่า ซงึ่ มีหลายขนาดด้วยกนั เชน่ มาลยั ซกี สาม หลัก มาลัยซีกห้าหลกั มาลยั ซกี เจด็ หลกั และ มาลยั ซีกเก้าหลัก มาลยั ซีกขนาดเลก็ ท่ีสดุ หรือเรียกมาลยั เสีย้ ว หรอื อาจเรยี กว่า มาลัย 2 – 1 กไ็ ด้ คอื มาลัยซกี สามหลัก มาลัยซกี ทมี่ ขี นาดใหญ่ท่สี ุด คอื มาลยั ซีกสิบเอด็ หลัก หรืออาจ เรียกวา่ มาลัย 6 – 5 กไ็ ด้ การเรียกชื่อมาลัยแต่ละชนิดนั้น จะเรยี กตามลกั ษณะแนวตามยาวเป็น หลัก เชน่ มาลยั ซีกสามหลกั มาลยั ซีกหา้ หลัก มาลัยซกี เจด็ หลกั มาลัยซีก เก้าหลกั แต่บางคนจะเรียกส้นั ๆ ว่า ซกี 3 , ซีก 5 , ซกี 7 ซีก 9 และ บางครง้ั กเ็ รยี กตามลักษณะของการรอ้ ยเช่น 2 – 1 ( สองหนง่ึ ) มาลยั 3 – 2 , มาลยั 4 – 3 และมาลยั 5 – 4

ดอกไม้ทน่ี ยิ มใชร้ ้อยมาลยั ซกี โดยทวั่ ไป ไดแ้ ก่ ดอกกหุ ลาบ ดอกพดุ กลบี ดอก รกั แกนกลางดอกรกั เปลือกดอกรัก และดอกมะลิ ดอกไม้ ใบไมท้ ่นี ิยมร้อยเป็นลายมาลัยซกี ได้แก่ ดอกกะเมง็ ดอกผกากรอง (ดอกตมู ) และใบไม้ตา่ ง ๆ ท่ใี ชส้ าหรับรอ้ ยมาลัย มาลัยซีกมี 2 แบบ คอื แบบพนื้ ลว้ น ๆ และแบบมลี าย วธิ กี ารร้อยมาลยั ซกี มีหลกั สาคญั ดังนี้ 1.จะตอ้ งเรมิ่ ต้นรอ้ ยจานวนกลบี มาก และจบการร้อยดว้ ยจานวนกลบี นอ้ ย เสมอ เช่น มาลัยซีกเจด็ หลกั จะตอ้ งเรมิ่ รอ้ ยแถวแรก = 4 กลบี แถว ท่ี 2 = 3 กลบี 2.แต่ละแถวจะต้องรอ้ ยใหก้ ลบี สับหว่างกนั เสมอ 3.พยายามเลือกกลีบขนาดเทา่ ๆ กนั และเวลารอ้ ยจะต้องส่งกลีบให้เทา่ กัน ทุกกลีบและทุกแถวด้วย เม่ือเวลาร้อยเสร็จแลว้ จะเห็นเป็นแนวหรือแถวตามยาว ข้ึนไปอย่างชัดเจนเปน็ ระเบยี บสวยงาม ซ่งึ เรยี กว่าหลักนนั่ เอง



ภาพของมาลยั ซกี

มาลัยตุม้ มาลัยตมุ้ หมายถงึ มาลัยท่รี อ้ ยใหม้ ีลักษณะรปู ทรงตามขวางเปน็ รูปกลม โดย เร่มิ ตน้ จะเปน็ วงกลมขนาดเลก็ แลว้ คอ่ ยๆ ใหญ่หรอื กว้างขน้ึ ทีละน้อยมาถงึ ประมาณ ชว่ งกลางแลว้ ค่อยๆ ลดลงทลี ะนอ้ ยให้มีขนาดเท่ากบั ตอนแรกๆ จนกระทั่งเหมอื น ตอนขนึ้ ต้น ส่วนลกั ษณะรปู ทรงตามยาวนั้นคลา้ ยดอกบวั ตูม ชว่ งหวั ทา้ ยเรยี วตรง กลางปอ่ งโคง้ มน มาลยั ต้มุ ขนาดเลก็ สดุ นยิ มรอ้ ย 9 ช้นั และขนาดใหญส่ ุด 15 ช้นั การร้อยมาลัยตุม้ จานวนชัน้ จะต้องเป็นเลขคเี่ สมอ เชน่ 9, 11, 13 , 15 มาลยั ต้มุ มี 2 แบบด้วยกนั คอื 1. แบบไมม่ ีลาย 2. แบบมีลาย

วิธีการรอ้ ยมาลยั ตุ้ม มหี ลักสาคญั ดงั ต่อไปนี้ 1.จะตอ้ งเริม่ ตน้ รอ้ ยด้วยดอกเล็ก หรอื กลีบเล็กกอ่ น ควรส่งกา้ นหรอื สง่ กลีบสนั้ ทีส่ ดุ และช้ันตอ่ ๆ ไปควรสง่ กา้ นใหย้ าวขนึ้ ทลี ะน้อยๆ จนถงึ ช่องยาวประมาณครง่ึ เปน็ ชว่ ง ท่มี คี วามปอ่ งโตเตม็ ทีเ่ ทา่ กับขนาดที่ต้องการ ( ชอ่ ง 2-3 แถวตรงกลาง ) แล้วคอ่ ยๆ ส่งกา้ นสัน้ ลงทลี ะนอ้ ยยอ้ นกลบั มาเทา่ ขนาดตอนเริ่มต้น 2. ความยาวของมาลยั ตุ้มประมาณ 2 - 3 นิ้ว ต้องระวังอย่ารอ้ ยใหย้ าวนกั เพราะ มองดแู ล้วจะกลายเป็นมาลัยตัวหนอนไป 3. การข้นึ ต้นมาลยั ตุ้มนนั้ จานวนดอกหรอื กลีบไม่แน่นอนย่อมขึ้นอยู่กับขนาดของ ดอกหรอื กลีบด้วยวา่ มีขนาดเล็กหรอื ใหญ่ ถา้ ดอกใหญ่หรือกลบี ใหญ่กข็ นึ้ จานวน กลีบนอ้ ย แลว้ คอ่ ยๆ เพมิ่ ขน้ึ ตามความเหมาะสมในช้นั ต่อๆ ไป เชน่ ถา้ ดอกพดุ ตมู ( ขนาดเลก็ ) หรือกลีบกหุ ลาบจะขึน้ ต้นประมาณ 5 ดอก หรือ 5 กลีบ แต่ถ้าเปน็ ดอก บานไม่รู้โรยจะขึน้ ต้นเพียง 1 ดอกเทา่ นัน้

ภาพของมาลยั ต้มุ

มาลยั กลม/กลมลายเกลียว มาลยั กลม หมายถงึ มาลัยที่ร้อยให้มีลกั ษณะรปู ทรงตามขวาง เปน็ วงกลมและรูปทรงตามยาวตรงและขนาน กันไปตลอดเข็ม นยิ มรอ้ ย ตง้ั แตข่ นาด 6 กลีบข้ึนไปจนถึง 12 กลบี หรอื มากกว่านีก้ ไ็ ดย้ อ่ มแล้วแต่ ชนิดของดอกไม้ ถา้ ดอกเลก็ หรือกลีบเล็กก็ใช้จานวนกลีบมาก แต่ถ้า ดอกไม้ดอกใหญ่หรอื กลบี ใหญ่กใ็ ช้จานวนกลีบนอ้ ย มาลัยกลมแบง่ ออกเป็น 2 แบบใหญ่ๆ คือ 1. มาลยั กลมแบบไม่มลี าย หรอื เรียกอกี อย่างหนึง่ ว่า “ มาลัยเกลีย้ ง” หรอื “ ตอน” หมายถึง มาลยั กลมทีร่ ้อยด้วยกลีบดอกไม้ หรือ ดอกไม้ หรอื ใบไม้ลว้ นๆ ไมม่ ีลวดลายใดๆ และเป็นสเี ดยี วกนั ตลอด เช่น มาลยั กลมกลบี กุหลาบ มาลยั กลมดอกพดุ มาลยั กลมดอกมะลิ มาลัย กลมกลีบดอกรกั มาลยั กลมดอกบานไมร่ ูโ้ รย ฯลฯ

2. มาลัยกลมแบบมีลาย หรือ บางคนเรียกว่า “ มาลยั กลมยกดอก” หมายถึง มาลยั กลมทรี่ อ้ ยใส่ลวดลายตา่ งๆลงไป ลายทีน่ ิยมร้อยใส่มาลัยกลมได้แก่ ลายประเภทลาย เกลียว ลายคดกรชิ ลายตาประชมุ และลายประกอบ มาลัยแบบนี้จะนิยมร้อยดว้ ย ดอกพุดหรือกลบี กุหลาบ เปน็ พนื้ และลวดลายท่ีรอ้ ยใสล่ งไปนน้ั มักจะใช้ดอกไม้ กลีบ ดอกไม้ หรอื ใบไม้ที่มีสีสดๆ หรอื สีทต่ี ัดกัน เพ่อื ให้เห็นลวดลายชดั เจนสวยงาม วิธกี ารร้อยมาลยั กลม มีหลักทส่ี า้ คัญดงั นี้ 1. คดั เลอื กดอกหรือกลีบดอกใหข้ นาดเทา่ ๆ กนั 2. การสง่ กลีบหรือก้านดอก จะต้องใหย้ าวเท่าๆ กันทุกกลีบ หรือทุกดอกท้งั ในแนว เดยี วกนั และระหวา่ งแถวดว้ ย เพอ่ื ให้มาลยั ทีร่ อ้ ยเสรจ็ แลว้ น้ันมสี ดั สว่ นและรูปทรงท่ี สวยงาม ดงั นั้นในการรอ้ ยดอกไม้แต่ละดอกหรอื แตล่ ะกลีบ ควรจะต้องวัดกา้ นกอ่ น แทงใสเ่ ข็ม

3. ร้อยแถวแรกหรอื ชน้ั แรกให้เป็นวงกลมจดั ระยะหา่ งแต่ละกลบี ใหเ้ ทา่ กนั โดยเร่ิม รอ้ ยกลบี แรกเรียงจากซ้ายวนไปทางขวา ( ตามเขม็ นาฬิกา) จนครบจานวนกลีบตาม ตอ้ งการ 4. ร้อยแถวท่ี 2 โดยวางกลบี ให้สบั หว่างกับกลบี ในแถวแรกทกุ กลีบ จนครบจานวน กลีบเทา่ กบั แถวที่ 1และแถวตอ่ ๆ ไปกท็ าเช่นเดยี วกัน ข้อควรระวัง คือทุกๆ แถว จะตอ้ งมีจานวนกลีบเทา่ กนั และสับหว่างกันทกุ แถวด้วย ถ้าแถวใดจานวนกลบี ลด น้อยลงหรือเพ่ิมขึ้นแสดงวา่ จะตอ้ งร้อยสับหว่างผิด 5. มาลัยกลมแบบไม่มลี ายรอ้ ยเรยี งวนโดยรอบเขม็ ควรจัดระยะห่างแตล่ ะกลบี ให้เทา่ กนั เมอ่ื ร้อยครบจานวนกลบี ในแถวท่ี 1 ตามต้องการแลว้ กเ็ ร่ิมร้อยแถวที่ 2 โดยกลีบ แรกของแถวท่ี 2 นจ้ี ะตอ้ งอยรู่ ะหว่างกลีบสดุ ท้ายและกลีบที่ 1 ของแถวที่ 1 และ กลีบต่อๆ ไปกร็ ้อยให้สบั หว่างเชน่ กนั ทุกแถวและจานวนกลีบของแตล่ ะแถวกต็ ้อง เทา่ กันด้วย

6. มาลัยกลมแบบมีลาย ถ้าลายด้านเดียวจะขนึ้ ตน้ จานวนก่กี ลบี กไ็ ด้ แตถ่ ้าเป็นมาลยั กลมแบบมลี ายสองดา้ นจะต้องขนึ้ จานวนกลีบคู่เสมอ นิยมขึ้น 8 หรือ 10 กลบี หรอื มากกว่าน้ัน ( ถา้ เปน็ มาลัยที่มขี นาดใหญ่) วธิ ีการร้อยก็เรยี งวนโดยรอบเข็มเชน่ กัน พอถงึ ลวดลาย ก็ร้อยกลบี ที่มสี ีต่างไปจากสกี ลีบที่รอ้ ยเป็นพ้ืนอยูเ่ ดิมแลว้ นัน่ เอง จะรอ้ ยลายอะไรนน้ั ข้นึ อยู่กับความตอ้ งการหรอื เห็นว่าสวยงามเหมาะสมเปน็ สาคญั

ภาพของมาลยั กลม

การท้าดอกข่า ดอกขา่ คือ ดอกไมท้ ป่ี ระดิษฐจ์ ากกลีบดอกไม้ให้มีรปู รา่ งลกั ษณะเป็นตุ้ม คอ่ นข้างยาวปลายรแี หลมคลา้ ยกับดอกข่าจริง ใชส้ าหรับทาดอกตมุ้ ของอุบะ ดอกไม้ท่นี ยิ มใช้ท้าดอกข่า ไดแ้ ก่ กุหลาบ พดุ มะลิ ดอกไมอ้ ืน่ บาง ชนิด กส็ ามารถนามาทาดอกข่าได้ แตว่ า่ ยงั ไม่เปน็ ท่ีนิยมอย่างแพร่หลาย เนื่องจากวา่ ใชเ้ วลาในการประดิษฐม์ าก หรอื ทาแล้วไม่คงทนตอ่ การใชเ้ ทา่ ทีค่ วร วธิ กี ารทา้ ดอกขา่ มี 2 วิธี 1.การเยบ็ 2.การมัด

การท้าดอกขา่ โดยวิธีการเยบ็ เป็นวธิ ีทที่ าได้งา่ ยเพราะมีความมนั่ คงไมห่ ลุดง่ายในขณะทา เหมาะสาหรับผทู้ ่ี หดั ทาใหม่ ใชฝ้ กึ หดั ทาใหเ้ กดิ ความชานาญกอ่ นโดยไมท่ ้อแท้ใจ มวี ิธกี ารและ ขน้ั ตอนดงั นี้ 1.ตดั ใบตองกวา้ งประมาณ 2 นว้ิ ยาว 2 นิ้ว จานวน 1 ชน้ิ นากลีบ กหุ ลาบขนาดเล็กวางทาบท่ีมุมซ้ายด้านบนของใบตอง แลว้ ใชน้ ้ิวหัวแม่มือซ้ายค่อย ๆ ม้วนใบตองเขา้ มาใหเ้ ปน็ หลอดกลม 2.ใชเ้ ขม็ เยบ็ ให้กลีบช้นั ท่ี 1 ตดิ กบั มว้ นใบตอง ใชด้ ้ายพนั รอบแลว้ เยบ็ ให้ แน่นอกี คร้ังหน่งึ 3.เร่มิ นากลีบชนั้ ที่ 2 จานวน 2 กลบี โดยการพบั กลีบกระพ้งุ ( ขวาทับ ซา้ ย ) แล้วนามาวางประกบเขา้ หากลีบชัน้ ที่ 1 กลบี ชน้ั ท่ี 2 น้ี ต้องลดลาดบั ปลายกลีบต่าลงมากวา่ ปลายกลีบช้นั ท่ี 1 เล็กนอ้ ย ใช้ด้ายพันแลว้ เยบ็ อกี ครั้ง จึง ใสก่ ลีบที่ 2 ใหว้ างด้านตรงขา้ มกับกลีบแรกของช้นั ท่ี 2 โดยใหล้ ักษณะกลีบ ประกบเข้าหากันใชด้ า้ ยพันแล้วเย็บให้แนน่

4.การเย็บกลีบช้ันท่ี 3 ใชว้ ธิ ีการพบั และเย็บกลีบเช่นเดียวกบั ชน้ั ท่ี 2 แต่ใช้ จานวนกลบี 3 กลบี โดยพยายามวางให้สับหว่างและเล่ียงหว่างบา้ ง แตท่ ้ัง 3 กลบี ให้วางประกบโดยรอบชั้นท่ี 2 ลดลาดบั ปลายกลบี ใหต้ ่ากวา่ ปลายกลบี ชั้นท่ี 2 เลก็ น้อยพอสวยงาม 5.การเย็บกลบี ช้นั ที่ 4 ใชจ้ านวน 4 กลบี ใชว้ ิธีการพับและเยบ็ เช่นเดียวกับช้นั ท่ี 2 และ 3 วางกลบี ประกบเข้ากบั ชั้นที่ 3 โดยวางให้สบั หว่าง และเลย่ี งหว่างกนั บ้าง เวน้ ระยะกลบี ทงั้ 4 ให้เท่ากัน เรียงรอบชน้ั ท่ี 3 ลดลาดบั ปลายกลบี ใหต้ า่ ลงมากว่าปลายกลีบของช้นั ที่ 3 เลก็ น้อย เม่อื ทาครบจานวนกลีบ ตามตอ้ งการแลว้ เย็บใหแ้ น่นแลว้ ตดั ด้ายทีเ่ หลือออก จากนั้นกต็ ดั ก้านส่วนท่เี ป็น ใบตอง ควรตัดห่างจากรอยเย็บด้ายลงมาประมาณ ½ ซ.ม. การทาดอกข่าวธิ ีนี้ ส่วนมากใชป้ ระมาณ 4 นิว้ ถา้ ตอ้ งการดอกเลก็ กใ็ ช้กลีบ 3 ช้ัน แต่ถา้ ตอ้ งการดอกใหญก่ ็เพิม่ เป็น 4 – 5 ชนั้

การท้าดอกขา่ โดยวิธีการมดั เปน็ วิธีท่ีทาไมย่ ากนัก เหมาะสาหรับผทู้ ่ีชานาญแลว้ หรือผู้ทตี่ อ้ งทาจานวน มาก เพราะจะสะดวกและรวดเร็วกวา่ วธิ กี ารเย็บ แต่วิธนี ี้จะเป็นการยากและ ลาบากใจแกผ่ หู้ ัดทาใหม่ ๆ เพราะวา่ ถา้ มัดแนน่ เกนิ ไปกลบี ก็จะฉีกขาด แตถ่ า้ มดั หลวมกลีบดอกกจ็ ะหลดุ หรือเคล่อื นทไ่ี ด้ จะทาให้รปู ทรงของดอกขา่ ไม่สวย เทา่ ทีค่ วร การมัดดอกข่ามีวิธีทาตามข้นั ตอนดังนี้ 1.ตัดใบตองกวา้ งประมาณ 2 นิว้ ยาว 4 น้ิว จานวน 1 ชนิ้ ใช้ น้วิ หวั แมม่ ือกบั นิ้วชข้ี องมือขวาจบั ปลายใบตองดา้ นบนรมิ ขวามือ มว้ นเฉียงลงมา เปน็ ลักษณะรปู กรวยยอดแหลมมว้ นไปจนกระทั่งสุดใบตองอกี ดา้ นหนึ่ง 2.เลอื กกลบี กหุ ลาบขนาดเลก็ จานวน 2 กลีบ นากลบี ท่ี 1 พับกระพุ้ง ( ขวาทบั ซ้าย ) ประกบเข้ากับยอดแหลมของกรวยใบตองในขอ้ 1 ใชด้ ้ายมัดใหแ้ นน่ โดยใช้วธิ ที าดา้ ยเป็นหว่ งคล้องแล้วมัดให้แน่น อีกกลีบหน่งึ ก็ทาเช่นเดียวกัน แต่วางกลบี ประกบตรงขา้ มกับกลบี แรกวางปลายกลบี ทั้งสองใหเ้ ทา่ กนั และชดิ กัน

3.เลือกกลบี กุหลาบขนาดกลางจานวน 3 กลบี พบั กลีบเป็นกระพงุ้ วาง ประกบกบั กลบี ชัน้ แรก แตล่ ดปลายกลบี ลงมาตา่ กว่าปลายกลบี ของชน้ั ที่ 1 เล็กนอ้ ย มดั ใหแ้ นน่ ทาเชน่ เดยี วกันนที้ ัง้ 3 กลีบโดยรอบ ชนั้ แรกควรวาง ระยะห่างแต่ละกลบี ใหเ้ ท่ากันดว้ ย ( กลบี แรกควรวางให้สบั หวา่ งกับชัน้ แรก ) 4.เลือกกลบี กุหลาบขนาดใหญจ่ านวน 4 กลบี พบั กลบี ใหเ้ ป็นกระพ้งุ วาง ประกบโดยรอบกลีบชนั้ ที่ 2 กลีบแรกวางใหส้ ับหวา่ งกบั ชัน้ ที่ 2 ลดปลายกลบี ให้ ต่าลงมากว่าปลายกลบี ชน้ั ที่ 2 เล็กนอ้ ย ใช้ด้ายพันและมัดให้แน่นกลบี ตอ่ ๆ ไปทา เชน่ เดยี วกนั ควรเว้นระยะห่างระหว่างแต่ละกลบี ใหเ้ ทา่ กนั เรียงต่อกันโดยรอบ มัดให้แนน่ จากน้นั ก็ตดั ปลายได้ท่ีเหลอื ออก แล้วตัดก้านส่วนท่ีเปน็ ใบตอง ควรตดั หา่ งจากรอยไดท้ ี่มัดไว้ลงมาประมาณ ½ ซ.ม. ถ้าต้องการดอกข่าทใี่ หญ่กวา่ น้ีก็เพิ่มจานวนช้นั ให้มากกว่าน้ีเป็น 4 ชัน้ และ ชน้ั ท่ี 4 ก็ใช้กลีบขนาดใหญจ่ านวน 4 กลีบ วางใหส้ บั หวา่ งกับกลบี ในช้ันท่ี 3 ลดปลายกลีบต่าลงมากวา่ ช้ันท่ี 3 เล็กน้อยพอสวยงาม

ประโยชนข์ องมาลยั มาลัยมมี ากมายหลายชนิด แตล่ ะชนดิ ก็มหี น้าทใ่ี ช้สอยต่าง ๆ กันไปตามโอกาส และความเหมาะสม ดงั นนั้ ก็จะกลา่ วรวม ๆ กัน มาลยั ชนดิ ตา่ ง ๆ มีประโยชน์ ดังนคี้ อื 1.ใชส้ าหรบั คลอ้ งคอเป็นเกยี รตแิ กเ่ จา้ ของงาน เชน่ เจ้าบา่ ว-เจ้าสาว ในงาน แตง่ งาน ผู้บังคับบัญชา หรือผมู้ าร่วมงานคนใหม่ในงานเลี้ยงรับผมู้ าใหม่ หรือผู้ท่จี ะ ย้ายไปปฏิบตั หิ นา้ ทีย่ ังท่ที างานอนื่ ในงานเลีย้ งส่งผูท้ ่ีจะจากไปยงั ทอ่ี ่ืน ถา้ จัดงานเปน็ พธิ กี ็มักจะนยิ มใชม้ าลัยสองชายชนดิ สาหรบั คลอ้ งคอ เพอื่ เป็นการแสดงถงึ การให้ เกยี รตแิ กบ่ ุคคลนั้น ๆ เป็นสาคญั 2.ใชส้ าหรบั คลอ้ งคอเพ่ือแสดงความยนิ ดหี รือต้อนรับแขก เชน่ การตอ้ นรับแขก ต่างประเทศ อาจใชม้ าลัยสองชายสาหรับคล้องคอ ในตอนที่ไปรับที่สนามบินเพื่อเปน็ การบ่งบอกหรือแสดงออกถึงความยนิ ดที ี่บคุ คลนัน้ ๆ ไดม้ าเยี่ยมเยอื น


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook