Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 01 52-01-0004 แผนฯ พระพุทธศาสนา ม 1

01 52-01-0004 แผนฯ พระพุทธศาสนา ม 1

Published by kamonnitkumwang, 2021-06-21 12:36:30

Description: 01 52-01-0004 แผนฯ พระพุทธศาสนา ม 1

Search

Read the Text Version

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 136 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 15 การบริหารจติ และการเจริญปัญญา เวลา 3 ช่ัวโมง สาระท่ี 1 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม พระพทุ ธศาสนา หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 การปฏบิ ัติตนเป็ นชาวพทุ ธทดี่ ี ช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี 1 1. สาระสําคญั การบริหารจิตและการเจริญปัญญาเป็นวิธีการทาํ จิตใหส้ งบ มน่ั คง เขม้ แขง็ และเกิดความรู้ความเขา้ ใจ ในสิ่งต่าง ๆ ตามสภาพที่เป็นจริง เราจึงควรหมน่ั ฝึกบริหารจิตและเจริญปัญญาอยา่ งสม่าํ เสมอดว้ ยการยนื การเดิน การนงั่ และการนอนอยา่ งมีสติตามหลกั สติปัฏฐานเนน้ อานาปานสติ 2. ตวั ชี้วดั ช้ันปี 1. เห็นคุณค่าของการพฒั นาจิตเพือ่ การเรียนรู้และการดาํ เนินชีวิตดว้ ยวธิ ีคิดแบบโยนิโสมนสิการ คือ วิธีคิดแบบคุณค่าแท–้ คุณค่าเทียม และวธิ ีคิดแบบคุณ–โทษ และทางออก หรือการพฒั นาจิตตาม แนวทางของศาสนาที่ตนนบั ถือ (ส 1.1 ม. 1/6) 2. สวดมนต์ แผเ่ มตตา บริหารจิต และเจริญปัญญาดว้ ยอานาปานสติหรือตามแนวทางของศาสนา ที่ตนนบั ถือตามที่กาํ หนด (ส 1.1 ม. 1/7) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายความหมายและประเภทของสติปัฏฐานไดถ้ กู ตอ้ ง (K) 2. ฝึกกาํ หนดกาย เวทนา จิต และธรรมตามหลกั สติปัฏฐาน 4 ได้ (P) 3. อธิบายความหมายของอานาปานสติและฝึกอานาปานสติดว้ ยวิธีการต่าง ๆ ไดถ้ ูกตอ้ ง (K, P) 4. ระบุประโยชนข์ องการบริหารจิตและฝึ กบริหารจิตตามหลกั สติปัฏฐานเนน้ อานาปานสติได้ (A, P) 5. อธิบายความหมาย แหลง่ เกิด และวิธีการสร้างปัญญาประเภทต่าง ๆ ได้ (K)

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 137 4. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านนคุณธรรม จริยธรรม ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) และค่านิยม (A) • ประเมินพฤติกรรมในการ 1. ซกั ถามความรู้เร่ือง • ประเมินพฤติกรรมในการ ทาํ งานเป็นรายบุคคลหรือ เป็นกลุ่มในดา้ นการส่ือสาร การบริหารจิตและ ทาํ งานเป็นรายบุคคลในดา้ น การคิด การแกป้ ัญหา ฯลฯ การเจริญปัญญา ความซื่อสตั ยส์ ุจริต ความมี 2. ตรวจผลงาน/กิจกรรม วนิ ยั ความใฝ่ เรียนรู้ ความมี เป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่ม เหตุผล ฯลฯ 5. สาระการเรียนรู้ • การบริหารจิตและการเจริญปัญญา 1. การฝึ กบริหารจิตและเจริญปัญญาตามหลกั สติปัฏฐานเนน้ อานาปานสติ 2. ประโยชนข์ องการบริหารจิตและการเจริญปัญญา 6. แนวทางบูรณาการ ฟัง พดู อ่าน และเขียนเกี่ยวกบั บริหารจิตและการเจริญปัญญา ออกแบบและตกแต่งแผนที่ความคิดเก่ียวกบั วธิ ีการสร้างปัญญา ภาษาไทย  ประเภทต่าง ๆ ศิลปะ  7. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ข้นั ท่ี 1 นําเข้าสู่บทเรียน ช่ัวโมงที่ 35–36 1. ครูสร้างบรรยากาศและสิ่งแวดลอ้ มในการเรียนรู้เพื่อใหเ้ กิดศรัทธาเล่ือมใสในพระรัตนตรัยท่ี เหมาะสม เช่น นาํ นกั เรียนไปเรียนท่ีหอ้ งประชุมหรือหอ้ งจริยธรรม ก่อนเรียนใหน้ กั เรียนสวดมนตไ์ หว้ พระ นงั่ สมาธิ และแผเ่ มตตา 2. ครูแจง้ ตวั ช้ีวดั ช้นั ปี และจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ใหน้ กั เรียนทราบ 3. ครูสนทนากบั นกั เรียนเกี่ยวกบั พฤติกรรมหรืออาการของคนบางคนวา่ เกิดข้ึนเพราะสาเหตุใด เช่น 1) ดีใจที่ไดร้ ับรางวลั หรือประสบความสาํ เร็จอยา่ งใดอยา่ งหน่ึงจนแสดงอาการบางอยา่ งท่ีไม่ ควรแสดงออกมา 2) โกรธจนหนา้ ดาํ หนา้ แดง ใชค้ าํ ด่าท่ีกา้ วร้าว หยาบคาย ซ่ึงปกติแลว้ จะไม่พดู 3) เสียใจกบั เหตุการณ์บางอยา่ งจนพดู เพอ้ เจอ้ ไม่ไดส้ ติ

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 138 4. ครูสรุปใหน้ กั เรียนฟังวา่ อาการ คือ ความดีใจ ความโกรธ หรือความเสียใจ เหล่าน้ีเป็นส่ิงท่ี เกิดข้ึนไดก้ บั ทุกคน แต่อาการท่ีปรากฏอาจแตกต่างกนั คือ บางคนอาจแสดงอาการหรือคาํ พดู ดงั กล่าว ขา้ งตน้ บางคนอาจมีอาการความสงบ เรียบร้อย สามารถควบคุมอาการและคาํ พดู ใหเ้ ป็นปกติหรืออยู่ ในขอบเขตที่พอดี สาเหตุสาํ คญั ที่ทาํ ใหเ้ กิดอาการเช่นน้ี คือ ความเขม้ แขง็ ของจิตใจ กล่าวคือ ผทู้ ่ีมีจิตใจ เขม้ แขง็ จะสามารถควบคุมการกระทาํ ของตนได้ สามารถกาํ หนดความเป็นไปของพฤติกรรมได้ รวมท้งั ยงั สามารถควบคุมจิตใจในสถานการณ์ต่าง ๆ ไดเ้ ป็นอยา่ งดี ส่วนผทู้ ี่มีจิตใจอ่อนแอจะไม่สามารถควบคุม การกระทาํ หรือพฤติกรรมในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ ดงั น้นั หากนกั เรียนมีจิตใจอ่อนแอหรืออ่อนไหวง่าย ตอ้ งการแกไ้ ขใหเ้ ป็นคนท่ีมีจิตใจเขม้ แขง็ หรือมีจิตใจเขม้ แขง็ อยแู่ ลว้ ตอ้ งการทาํ ใหเ้ ขม้ แขง็ ยง่ิ ข้ึนจะทาํ ได้ หรือไม่ หากทาํ ไดจ้ ะทาํ อยา่ งไร 5. ครูเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนแสดงความคิดเห็น จากน้นั สรุปวา่ พระพทุ ธศาสนาเป็นศาสนาแห่ง ปัญญา ไดแ้ สดงวธิ ีการฝึกจิตใจใหเ้ ขม้ แขง็ ไวม้ ากมาย และมิใช่ใหเ้ ขม้ แขง็ เพียงอยา่ งเดียวเท่าน้นั แต่ยงั ฝึกใหเ้ กิดปัญญารู้แจง้ เห็นจริงตามสภาพความเป็นจริงอีกดว้ ย นน่ั คือ พระพทุ ธศาสนาสอนให้ ฝึกบริหาร จิตและเจริญปัญญานน่ั เอง ข้นั ที่ 2 กจิ กรรมการเรียนรู้ การฝึ กบริหารจิตและเจริญปัญญาตามหลกั สติปัฏฐานเน้นอานาปานสติ 6. ครูสุ่มเลือกนกั เรียนใหอ้ อกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั เรื่องท่ีไดร้ ับมอบหมายใหไ้ ปอา่ นและ สรุปในชว่ั โมงที่แลว้ ใหเ้ พอื่ น ๆ ฟัง โดยครูสรุปความคิดเห็นของนกั เรียนและใหค้ าํ แนะนาํ หรือความรู้ เพิ่มเติม 7. ครูใหน้ กั เรียนแบ่งกลุ่ม กลุม่ ละ 4–6 คน แต่ละกลุ่มช่วยกนั ตอบคาํ ถามในประเดน็ ต่อไปน้ี 1) สติปัฏฐานคืออะไร มีกี่ประเภท 2) สติปัฏฐานต่างจากอานาปานสติอยา่ งไร 8. แต่ละกลุ่มสรุปและบนั ทึกคาํ ตอบ แลว้ นาํ เสนอคาํ ตอบหนา้ ช้นั เรียน จากน้นั ท้งั ช้นั ร่วมกนั อภิปรายเรื่องสติปัฏฐานและอานาปานสติ 9. ครูเชิญวิทยากรหรือนิมนตพ์ ระสงฆม์ าใหค้ วามรู้เรื่อง การบริหารจิตและการเจริญปัญญา ตามหลกั สติปัฏฐานเนน้ อานาปานสติ หรืออาจใหน้ กั เรียนดูวีดิทศั น์เก่ียวกบั การฝึ กสมาธิของสาํ นกั วิปัสสนากรรมฐาน หรือการฝึกสมาธิของนกั เรียนท่ีเขา้ ค่ายพทุ ธบุตร 10. ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายถึงความรู้ที่ไดร้ ับจากการฟังวิทยากร พระสงฆ์ หรือจากการดู วดี ิทศั น์ 11. ครูใหน้ กั เรียนฝึกบริหารจิตดว้ ยวิธีใดวิธีหน่ึงท่ีตนเองถนดั เช่น การนงั่ สมาธิ การเดินจงกรม การยนื สมาธิ การนอนสมาธิ โดยปฏิบตั ิตามข้นั ตอนของวธิ ีน้นั ๆ เป็นเวลา 15 นาที 12. ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั สรุปในประเดน็ ต่อไปน้ี 1) การบริหารจิตมีข้นั ตอนการฝึกปฏิบตั ิอะไรบา้ ง 2) สภาพจิตของนกั เรียนก่อนและหลงั จากการบริหารจิตต่างกนั อยา่ งไร 3) ในขณะบริหารจิตมีปัญหาหรืออุปสรรคอะไรเกิดข้ึนบา้ ง

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 139 4) การบริหารจิตนอกจากการนง่ั สมาธิ การเดินจงกรม การยนื สมาธิ และการนอนสมาธิแลว้ ยงั สามารถทาํ ไดด้ ว้ ยวธิ ีใดอีกบา้ ง 13. ครูนาํ กรณีตวั อยา่ งบุคคลที่ประสบความสาํ เร็จในดา้ นต่าง ๆ มาเล่าใหน้ กั เรียนฟัง เช่น นกั เรียน ท่ีไดร้ ับรางวลั เหรียญทองโอลิมปิ ก นกั ร้องที่มีชื่อเสียงโด่งดงั ดารานกั แสดงที่มากฝี มือ นกั การเมืองที่ ซ่ือสตั ยส์ ุจริตและเป็นที่นบั ถือของประชาชน แลว้ ช้ีใหเ้ ห็นวา่ บุคคลเหล่าน้ีประสบความสาํ เร็จไดเ้ พราะ ไดพ้ ฒั นาตนเองตามหลกั การพฒั นาปัญญา 3 ประการ คือ 1) สุตมยปัญญา คือ ปัญญาท่ีเกิดจากการฟัง 2) จินตามยปัญญา คือ ปัญญาที่เกิดจากการคิดพิจารณา 3) ภาวนามยปัญญา คือ ปัญญาที่เกิดจากการลงมือปฏิบตั ิ 14. ครูใหน้ กั เรียนเขียนแผนท่ีความคิดเก่ียวกบั วิธีการสร้างปัญญาประเภทต่าง ๆ แลว้ นาํ ผลงาน มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กนั ในช้นั เรียน จากน้ันครูให้ความรู้เพม่ิ เตมิ กบั นักเรียนว่า การฝึ กบริหารจติ และเจริญ ปัญญาจะต้องปฏิบัตติ นในทางสายกลาง ไม่ยดึ ปฏิบัตใิ น 2 ทาง ได้แก่ การทําตนเองให้ลาํ บากเกนิ ไปและ การพวั พนั หมกมุ่นอยู่ในกามสุข ซึ่งหลกั การปฏิบตั ติ นในเรื่องนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู ัวได้ทรง นํามาใช้ในหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งท่ีสอนเน้นความพอประมาณ ความมเี หตุผล และการมี ภูมคิ ุ้มกนั ในตวั ทด่ี ี ซ่ึงจะก่อให้เกดิ การพฒั นาตนเองท่ีสมดุล มน่ั คง และยง่ั ยนื ต่อไป 15. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเน้ือหาเก่ียวกบั การบริหารจิตและการเจริญปัญญาเรื่อง การการฝึก การบริหารจิตและการเจริญปัญญาตามหลกั สติปัฏฐานเนน้ อานาปานสติ โดยครูใหน้ กั เรียนเขียนบนั ทึกลง ในสมุด ชั่วโมงที่ 37 ประโยชน์ของการบริหารจิตและการเจริญปัญญา 16. ครูทบทวนความรู้ของนกั เรียนเกี่ยวกบั การบริหารจิตและการเจริญปัญญาท่ีไดเ้ รียนผา่ นมา จากน้นั ใหค้ วามรู้นกั เรียนเก่ียวกบั การบริหารจิตและการเจริญปัญญาเร่ือง ประโยชนข์ องการบริหารจิต และการเจริญปัญญา โดยใชข้ อ้ มลู ในหนงั สือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 ของบริษทั สาํ นกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั 17. ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายถึงประโยชนข์ องการบริหารจิตและการเจริญปัญญา 18. ในขณะปฏิบตั ิกิจกรรมของนกั เรียน ครูคอยสงั เกตพฤติกรรมการทาํ งานของนกั เรียนตามแบบ ประเมินพฤติกรรมในการทาํ งานเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่ม ข้นั ที่ 3 ฝึ กฝนผู้เรียน 19. ครูใหน้ กั เรียนฝึกบริหารจิตและเจริญปัญญาดว้ ยวธิ ีการต่าง ๆ ตามข้นั ตอนท่ีเรียนมา จากน้ันครู ให้ความรู้เพม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั วธิ ีการฝึ กบริหารจิตและเจริญปัญญาตามแนวทางของศาสนาท่ีนับถอื กนั ใน ประเทศสมาชิกอาเซียน เช่น ศาสนาอสิ ลาม คริสต์ศาสนา แล้วให้นกั เรียนฝึ กปฏิบัตติ ามความเหมาะสม 20. ครูใหน้ กั เรียนทาํ กิจกรรมที่เก่ียวกบั การบริหารจิตและการเจริญปัญญา ในแบบฝึกทกั ษะ รายวชิ า พ้ืนฐาน พระพุทธศาสนา ม. 1 ของบริษทั สาํ นกั พมิ พว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั แลว้ ช่วยกนั เฉลยคาํ ตอบท่ีถกู ตอ้ ง

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 140 ข้นั ที่ 4 นําไปใช้ 21. ครูแนะนาํ ใหน้ กั เรียนหมนั่ ฝึกบริหารจิตและเจริญปัญญาดว้ ยวิธีการต่าง ๆ อยา่ งสม่าํ เสมอ และ ควรหาโอกาสนงั่ สมาธิในที่ต่าง ๆ เช่น บริเวณวดั หรือในโบสถ์ หอ้ งนอน ใตต้ น้ ไม้ แลว้ เปรียบเทียบวา่ จิตของนกั เรียนเป็นสมาธิไดง้ ่ายในสถานที่ใด เพราะเหตุใด ข้นั ท่ี 5 สรุป 22. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปความรู้เรื่อง การบริหารจิตและการเจริญปัญญา โดยใหน้ กั เรียนสรุป ลงในแบบบนั ทึกความรู้ 23. ครูบอกกบั นกั เรียนวา่ โยนิโสมนสิการเป็นกระบวนการคิดอีกวธิ ีหน่ึงที่ทาํ ใหเ้ กิดปัญญาที่ เรียกวา่ จินตมยปัญญาหรือปัญญาที่เกิดจากการคิดอยา่ งแยบคาย แลว้ มอบหมายใหน้ กั เรียนอ่านและสรุป เน้ือหาเก่ียวกบั การพฒั นาการเรียนรู้ดว้ ยวิธีคิดแบบโยนิโสมนสิการ เป็นการบา้ นเพื่อเตรียมจดั การเรียนรู้ ในคร้ังต่อไป 8. กจิ กรรมเสนอแนะ 1. ครูใหน้ กั เรียนฝึกสมาธิดว้ ยวิธีการที่เรียนมาประมาณวนั ละ 5 นาที บนั ทึกผล และนาํ มา แลกเปล่ียนเรียนรู้กนั ในช้นั เรียน 2. ครูนาํ นกั เรียนฝึกสมาธิกบั พระสงฆท์ ่ีวดั ใกลโ้ รงเรียนในโอกาสต่าง ๆ 9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1. วทิ ยากรหรือพระสงฆ์ 2. วดี ิทศั นเ์ ก่ียวกบั การฝึกสมาธิของสาํ นกั วปิ ัสสนากรรมฐาน หรือการฝึกสมาธิของนกั เรียนท่ีเขา้ ค่ายพทุ ธบุตร 3. แบบประเมินพฤติกรรมในการทาํ งานเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่ม 4. แบบบนั ทึกความรู้ 5. หนงั สือเรียน รายวชิ าพ้ืนฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 บริษทั สาํ นกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั 6. แบบฝึกทกั ษะ รายวิชาพ้ืนฐาน พระพุทธศาสนา ม. 1 บริษทั สาํ นกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั 7. คู่มือการสอน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 บริษทั สาํ นกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั 8. ส่ือการเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพ้นื ฐาน พระพุทธศาสนา ม. 1 สาํ นกั พมิ พว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 141 10. บนั ทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้ 1. ความสาํ เร็จในการจดั การเรียนรู้ แนวทางการพฒั นา 2. ปัญหา/อุปสรรคในการจดั การเรียนรู้ แนวทางแกไ้ ขปัญหา/อุปสรรค 3. ส่ิงท่ีไม่ไดป้ ฏิบตั ิตามแผน เหตุผล 4. การปรับแผนการจดั การเรียนรู้ ลงช่ือ ผู้สอน //

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 142 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 16 การพฒั นาการเรียนรู้ด้วยวธิ ีคดิ แบบโยนิโสมนสิการ เวลา 2 ชั่วโมง สาระท่ี 1 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม พระพทุ ธศาสนา หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 การปฏิบัติตนเป็ นชาวพทุ ธทดี่ ี ช้ันมัธยมศึกษาปี ท่ี 1 1. สาระสําคญั วิธีคิดแบบคุณคา่ แท–้ คุณคา่ เทียม และวธิ ีแบบคุณ–โทษ และทางออก เป็นวธิ ีคิดแบบโยนิโสมนสิการ ที่ช่วยใหเ้ รารู้จกั คิดวิเคราะห์อยา่ งมีระบบต่อกิจกรรมท่ีทาํ ในชีวิตประจาํ วนั 2. ตวั ชี้วดั ช้ันปี  เห็นคุณค่าของการพฒั นาจิตเพื่อการเรียนรู้และการดาํ เนินชีวิตดว้ ยวิธีคิดแบบโยนิโสมนสิการ คือ วธิ ีคิดแบบคุณค่าแท–้ คุณค่าเทียม และวธิ ีคิดแบบคุณ–โทษและทางออก หรือการพฒั นาจิตตามแนวทาง ของศาสนาท่ีตนนบั ถือ (ส 1.1 ม. 1/6) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายความหมายและประเภทของวิธีคิดแบบโยนิโสมนสิการไดถ้ ูกตอ้ ง (K) 2. อธิบายความหมายของวธิ ีคิดแบบคุณค่าแท–้ คุณค่าเทียม และวธิ ีคิดแบบคุณ–โทษและทางออก ไดถ้ ูกตอ้ ง (K) 3. วิเคราะห์กรณีตวั อยา่ งโดยใชว้ ิธีคิดแบบคุณค่าแท–้ คุณค่าเทียม และวธิ ีคิดแบบคุณ–โทษและ ทางออกได้ (P) 4. นาํ วธิ ีคิดแบบคุณค่าแท–้ คุณค่าเทียม และวธิ ีคิดแบบคุณ–โทษ และทางออกไปใชใ้ นชีวิต ประจาํ วนั ไดเ้ หมาะสมกบั สถานการณ์ (A, P) 4. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ด้านนความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) และค่านิยม (A) • ประเมินพฤติกรรมในการ 1. ทดสอบหลงั เรียน • ประเมินพฤติกรรมในการ ทาํ งานเป็นรายบุคคลหรือ 2. ซกั ถามความรู้เรื่อง การพฒั นา ทาํ งานเป็นรายบุคคลในดา้ น

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 143 การเรียนรู้ดว้ ยวธิ ีคิดแบบ ความซ่ือสตั ยส์ ุจริต ความมี เป็นกลุ่มในดา้ นการสื่อสาร โยนิโสมนสิการ วินยั ความใฝ่ เรียนรู้ ความมี การคิด การแกป้ ัญหา ฯลฯ 3. ตรวจผลงาน/กิจกรรม เหตุผล ฯลฯ เป็ นรายบุคคลหรื อเป็ นกลุ่ม 5. สาระการเรียนรู้ 1. วธิ ีคิดแบบคุณค่าแท–้ คุณค่าเทียม 2. วธิ ีคิดแบบคุณ–โทษ และทางออก 6. แนวทางบูรณาการ  ฟัง พดู อ่าน และเขียนขอ้ มลู เกี่ยวกบั การพฒั นาการเรียนรู้ดว้ ย วิธีคิดแบบโยนิโสมนสิการ ภาษาไทย  สืบคน้ ขอ้ มลู เกี่ยวกบั การพฒั นาการเรียนรู้ดว้ ยวธิ ีคิดแบบโยนิโส- การงานอาชีพฯ มนสิการ โดยใชเ้ ครือข่ายอินเทอร์เน็ต 7. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ข้นั ที่ 1 นําเข้าสู่บทเรียน ชั่วโมงที่ 38 1. ครูสร้างบรรยากาศและส่ิงแวดลอ้ มในการเรียนรู้เพ่ือใหเ้ กิดศรัทธาเลื่อมใสในพระรัตนตรัยท่ี เหมาะสม เช่น จดั นงั่ เรียนแบบตวั U นาํ นกั เรียนไปเรียนที่หอ้ งประชุม หอ้ งจริยธรรม สนามหญา้ ใตร้ ่มไม้ ก่อนเรียนใหน้ กั เรียนสวดมนตไ์ หวพ้ ระ นง่ั สมาธิ และแผเ่ มตตา 2. ครูแจง้ ตวั ช้ีวดั ช้นั ปี และจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ใหน้ กั เรียนทราบ 3. ครูสนทนากบั นกั เรียนเกี่ยวกบั วิธีคิดแบบโยนิโสมนสิการ 10 วิธี โดยใชแ้ ผนภมู ิประกอบการ สนทนา และช้ีใหน้ กั เรียนเห็นวา่ วธิ ีคิดเหล่าน้ีมีประโยชนต์ ่อการดาํ เนินชีวิตประจาํ วนั ของเรา เพราะเป็น วิธีคิดที่มีระบบระเบียบและมีเหตุมีผล 4. ครูสรุปการสนทนาแลว้ เช่ือมโยงไปสู่เน้ือหาท่ีจะเรียน ข้นั ท่ี 2 กจิ กรรมการเรียนรู้ วธิ ีคดิ แบบคุณค่าแท้–คุณค่าเทียม 5. ครูสุ่มเลือกนกั เรียนใหอ้ อกมาแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั เรื่องที่ไดร้ ับมอบหมายใหไ้ ปอ่านและ สรุปในชวั่ โมงที่แลว้ ใหเ้ พื่อน ๆ ฟัง โดยครูสรุปความคิดเห็นของนกั เรียนและใหค้ าํ แนะนาํ หรือความรู้ เพิ่มเติม

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 144 6. ครูใหน้ กั เรียนแต่ละคนศึกษาเน้ือหาเรื่อง วิธีคิดแบบคุณค่าแท–้ คุณค่าเทียม โดยใชข้ อ้ มูลจาก หนงั สือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 ของบริษทั สาํ นกั พมิ พว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั จากน้นั ร่วมกนั อภิปรายถึงสาระสาํ คญั ของวธิ ีคิดดงั กล่าวและบนั ทึกไว้ 7. ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกกิจกรรมท่ีทาํ ในชีวติ ประจาํ วนั วา่ มีอะไรบา้ ง เช่น การเลือกซ้ือหนงั สือ การเลือกซ้ือเส้ือผา้ การรับประทานอาหาร โดยครูพยายามกระตุน้ ใหน้ กั เรียนบอกใหไ้ ดม้ ากที่สุด 8. ครูใหน้ กั เรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4–6 คน แต่ละกลุ่มช่วยกนั ตอบคาํ ถามในประเดน็ ต่อไปน้ี 1) กิจกรรมใดท่ีเราตอ้ งใชว้ ธิ ีคิดแบบคุณค่าแท–้ คุณค่าเทียม และถา้ เราไมใ่ ชจ้ ะเกิดผลอยา่ งไร 2) การใชว้ ธิ ีคิดแบบคุณค่าแท–้ คุณค่าเทียม มีผลดีต่อการดาํ เนินชีวิตของเราและต่อสงั คมอยา่ งไร 9. ครูใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มนาํ เสนอคาํ ตอบหนา้ ช้นั เรียน เมื่อนาํ เสนอครบทุกกลุ่มแลว้ ครูกล่าว ชมเชยและใหก้ าํ ลงั ใจนกั เรียน พร้อมสรุปความรู้ในประเดน็ ต่าง ๆ 10. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเกี่ยวกบั การพฒั นาการเรียนรู้ดว้ ยวธิ ีคิดแบบโยนิโสมนสิการเร่ือง วธิ ี คิดแบบคุณค่าแท–้ คุณค่าเทียม โดยใหน้ กั เรียนเขียนบนั ทึกลงในสมุด ชั่วโมงที่ 39 วธิ ีคดิ แบบคุณ–โทษ และทางออก 11. ครูทบทวนความรู้ของนกั เรียนเก่ียวกบั วธิ ีคิดแบบคุณค่าแท–้ คุณค่าเทียมใหน้ กั เรียนกลุ่มเดิม ช่วยกนั ตอบคาํ ถามในประเดน็ ต่อไปน้ี 1) กิจกรรมใดที่เราตอ้ งใชว้ ธิ ีคิดแบบคุณ–โทษ และทางออก และถา้ เราไม่ใชจ้ ะเกิดผลอยา่ งไร 2) การใชว้ ิธีคิดแบบคุณ–โทษ และทางออก มีผลดีต่อการดาํ เนินชีวติ ของเราและต่อสงั คมอยา่ งไร 12. ครูใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มนาํ เสนอคาํ ตอบหนา้ ช้นั เรียน เมื่อนาํ เสนอครบทุกกลุ่มแลว้ ครูกล่าว ชมเชยและใหก้ าํ ลงั ใจนกั เรียน พร้อมสรุปความรู้ในประเดน็ ต่าง ๆ 13. ครูให้นักเรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นว่า นักเรียนสามารถนาํ คุณลกั ษณะข้อใดของหลกั ปรัชญา ของเศรษฐกจิ พอเพยี งมาประยุกต์ใช้กบั วธิ ีคดิ แบบโยนิโสมนสิการ ในเรื่องวธิ ีคดิ แบบคุณค่าแท้–คุณค่าเทียม มาประยกุ ต์ใช้ได้บ้าง และจะประยุกต์ใช้อย่างไร 14. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเก่ียวกบั การพฒั นาการเรียนรู้ดว้ ยวธิ ีคิดแบบโยนิโสมนสิการเรื่อง วิธีคิดแบบคุณค่าแท–้ คุณค่าเทียม โดยครูใหน้ กั เรียนเขียนบนั ทึกลงในสมุด 15. ครูใหน้ กั เรียนทาํ ใบงานท่ี 7 เร่ือง คิดแบบโยนิโสมนสิการ แลว้ ช่วยกนั เฉลยคาํ ตอบท่ีถกู ตอ้ ง 16. ในขณะปฏิบตั ิกิจกรรมของนกั เรียน ครูคอยสงั เกตพฤติกรรมการทาํ งานของนกั เรียนตามแบบ ประเมินพฤติกรรมในการทาํ งานเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่ม ข้นั ที่ 3 ฝึ กฝนผู้เรียน 17. ครูใหน้ กั เรียนทาํ กิจกรรมท่ีเก่ียวกบั การพฒั นาการเรียนรู้ดว้ ยวิธีคิดแบบโยนิโสมนสิการ ประจาํ หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ในแบบฝึกทกั ษะ รายวชิ าพ้ืนฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 ของบริษทั สาํ นกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั แลว้ ช่วยกนั เฉลยคาํ ตอบท่ีถูกตอ้ ง ข้นั ท่ี 4 นําไปใช้ 18. ครูแนะนาํ ใหน้ กั เรียนนาํ ความรู้เร่ือง วธิ ีคิดแบบโยนิโสมนสิการ ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 145 ประจาํ วนั ข้นั ท่ี 5 สรุป 19. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปความรู้เร่ือง การพฒั นาการเรียนรู้ดว้ ยวิธีคิดแบบโยนิโสมนสิการ โดยใหน้ กั เรียนสรุปลงในแบบบนั ทึกความรู้ 20. ครูใหน้ กั เรียนทาํ แบบทดสอบหลงั เรียนและช่วยกนั เฉลยคาํ ตอบที่ถกู ตอ้ ง โดยแจกแบบทดสอบ ใหน้ กั เรียนทุกคน และใหน้ กั เรียนทาํ แบบทดสอบ โดยเขียนเคร่ืองหมาย  ทบั ตวั อกั ษร (ก–ง) หนา้ คาํ ตอบ ท่ีถูกตอ้ งท่ีสุดเพยี งคาํ ตอบเดียว จากน้นั ตรวจใหค้ ะแนน พร้อมเฉลยคาํ ตอบของแบบทดสอบก่อนเรียน และหลงั เรียน เพื่อประเมินผลการเรียนรู้ของนกั เรียน 21. ครูใหน้ กั เรียนทาํ แบบทดสอบการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ประจาํ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 ในแบบฝึกทกั ษะ รายวิชาพ้ืนฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 ของบริษทั สาํ นกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั เพ่อื ประเมินผลการเรียนรู้ดา้ นความรู้ ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยม และดา้ นทกั ษะ/กระบวนการของ นกั เรียน 22. ครูมอบหมายใหน้ กั เรียนอ่านเน้ือหาในหน่วยการเรียนรู้ที่ 3 พระสงฆ์ และหน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 การปฏิบตั ิตนเป็นชาวพทุ ธที่ดี เป็นการบา้ นเพอ่ื เตรียมทดสอบปลายภาคในคร้ังต่อไป 8. กจิ กรรมเสนอแนะ  ครูใหน้ กั เรียนสืบคน้ ขอ้ มลู เกี่ยวกบั วธิ ีคิดแบบโยนิโสมนสิการท่ีนอกเหนือจากท่ีเรียน บนั ทึกผล และนาํ มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กนั ในช้นั เรียน 9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1. แผนภมู ิวธิ ีคิดแบบโยนิโสมนสิการ 10 วธิ ี 2. ใบงานที่ 7 เร่ือง คิดแบบโยนิโสมนสิการ 3. แบบประเมินพฤติกรรมในการทาํ งานเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่ม 4. แบบบนั ทึกความรู้ 5. แบบทดสอบหลงั เรียน 6. หนงั สือการเรียน รายวชิ าพ้ืนฐาน พระพุทธศาสนา ม. 1 บริษทั สาํ นกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั 7. แบบฝึกทกั ษะ รายวชิ าพ้ืนฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 บริษทั สาํ นกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั 8. คู่มือการสอน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 บริษทั สาํ นกั พมิ พว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั 9. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพ้ืนฐาน พระพุทธศาสนา ม. 1 สาํ นกั พมิ พว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 146 10. บนั ทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้ 1. ความสาํ เร็จในการจดั การเรียนรู้ แนวทางการพฒั นา 2. ปัญหา/อุปสรรคในการจดั การเรียนรู้ แนวทางแกไ้ ขปัญหา/อุปสรรค 3. ส่ิงท่ีไม่ไดป้ ฏิบตั ิตามแผน เหตุผล 4. การปรับแผนการจดั การเรียนรู้ ลงช่ือ ผู้สอน //

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 147 ทดสอบปลายภาค สาระที่ 1 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม พระพทุ ธศาสนา การทดสอบปลายภาค ช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ 1 ช่ัวโมงท่ี 40  ครูใหน้ กั เรียนทาํ แบบทดสอบปลายภาค

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1  148 ตอนท่ี 3 เอกสาร/ความรู้เสริมสําหรับครู สาระที่ 1 ศาสนา ศีลธรรม และวฒั นธรรม (พระพุทธศาสนา) กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1  149 ตอนที่ 3.1 มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วดั ช้ันปี และสาระการเรียนรู้ สาระที่ 1 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม มาตรฐาน ส 1.1 รู้และเขา้ ใจประวตั ิ ความสาํ คญั ศาสดา หลกั ธรรมของพระพทุ ธศาสนาหรือศาสนา ที่ตนนบั ถือและศาสนาอ่ืน มีศรัทธาท่ีถกู ตอ้ ง ยดึ มนั่ และปฏิบตั ิตามหลกั ธรรม เพื่ออยรู่ ่วมกนั อยา่ งสนั ติสุข ตัวชี้วดั ช้ันปี สาระการเรียนรู้แกนกลาง 1. อธิบายการเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาหรือศาสนาท่ี 1. การสงั คายนา ตนนบั ถือสู่ประเทศไทย 2. การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาเขา้ สู่ประเทศไทย 2. วิเคราะห์ความสาํ คญั ของพระพทุ ธศาสนาหรือ  ความสาํ คญั ของพระพทุ ธศาสนาต่อสงั คมไทย ในฐานะเป็ น ศาสนาท่ีตนนบั ถือที่มีต่อสภาพแวดลอ้ มใน สงั คมไทย รวมท้งั การพฒั นาตนและครอบครัว 1) ศาสนาประจาํ ชาติ 2) สถาบนั หลกั ของสงั คมไทย 3. วิเคราะหพ์ ทุ ธประวตั ิต้งั แต่ประสูติจนถึงบาํ เพญ็ 3) สภาพแวดลอ้ มท่ีกวา้ งขวางและครอบคลุม ทุกกรกิริยา หรือประวตั ิศาสดาที่ตนนบั ถือตามท่ี กาํ หนด สงั คมไทย 4) การพฒั นาตนและครอบครัว 4. วเิ คราะห์และประพฤติตนตามแบบอยา่ งการ  สรุปและวเิ คราะห์พุทธประวตั ิ ดาํ เนินชีวิตและขอ้ คิดจากประวตั ิสาวก ชาดก 1) ประสูติ เรื่องเล่า และศาสนิกชนตวั อยา่ งตามท่ีกาํ หนด 2) เทวทูต 4 3) การแสวงหาความรู้ 4) การบาํ เพญ็ ทุกกรกิริยา 1. พุทธสาวก พทุ ธสาวกิ า 1) พระมหากสั สปะ 2) พระอุบาลี 3) อนาถบิณฑิกเศรษฐี 4) นางวิสาขามหาอุบาสิกา 2. ชาดก 1) อมั พชาดก 2) ติตติรชาดก

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1  150 5. อธิบายพทุ ธคุณและขอ้ ธรรมสาํ คญั ในกรอบ 3. ศาสนิกชนตวั อยา่ ง อริยสจั 4 หรือหลกั ธรรมของศาสนาที่ตน 1) พระเจา้ อโศกมหาราช นบั ถือตามที่กาํ หนด เห็นคุณค่าและนาํ ไป 2) พระโสณเถระและพระอุตตรเถระ พฒั นาแกป้ ัญหาของตนเองและครอบครัว 1. พระรัตนตรัย * พทุ ธคุณ 9 6. เห็นคุณค่าของการพฒั นาจิตเพอื่ การเรียนรู้และ 2. อริยสจั 4 การดาํ เนินชีวติ ดว้ ยวิธีคิดแบบโยนิโสมนสิการ 1) ทุกข์ (ธรรมท่ีควรรู้) คือ วธิ ีคิดแบบคุณค่าแท–้ คุณค่าเทียม และวธิ ี คิดแบบคุณ–โทษ และทางออก หรือการพฒั นา (1) ขนั ธ์ 5 (2) ธาตุ 4 2) สมุทยั (ธรรมท่ีควรละ) (1) หลกั กรรม (2) อบายมุข 3) นิโรธ (ธรรมที่ควรบรรลุ) (1) สุข 2 (2) คิหิสุข 4 4) มรรค (ธรรมท่ีควรเจริญ) (1) ไตรสิกขา (2) กรรมฐาน 2 (3) ปธาน 4 (4) โกศล 3 (5) มงคล 38 (ไม่คบคนพาล คบบณั ฑิต บชู าผทู้ ่ีควรบูชา) 3. พทุ ธศาสนสุภาษิต 1) ยํ เว เสวติ ตาทิโส (คบคนเช่นใด เป็นคน เช่นน้นั ) 2) อตฺตนา โจทยตฺตานํ (จงเตือนตนดว้ ยตน) 3) นิสมฺม กรณํ เสยโย (ใคร่ครวญก่อนแลว้ จึงทาํ ) 4) ทุราวาสา ฆรา ทุกฺขา (เรือนที่ครองไม่ดี นาํ ทุกขม์ าให)้  โยนิโสมนสิการ 1) วธิ ีคิดแบบคุณค่าแท–้ คุณค่าเทียม 2) วธิ ีคิดแบบคุณ–โทษ และทางออก

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1  151 จิตตามแนวทางของศาสนาที่ตนนบั ถือ  สวดมนตแ์ ปลและแผเ่ มตตา 7. สวดมนต์ แผเ่ มตตา บริหารจิตและเจริญปัญญา 1) วธิ ีปฏิบตั ิและประโยชนข์ องการบริหารจิต และการเจริญปัญญา ดว้ ยอาณาปานสติหรือตามแนวทางของศาสนาที่ 2) การฝึกบริหารจิตและเจริญปัญญาตาม ตนนบั ถือตามท่ีกาํ หนด หลกั สติปัฏฐานเนน้ อาณาปานสติ 3) การนาํ วิธีการบริหารจิตและเจริญปัญญา 8. วเิ คราะห์และปฏิบตั ิตนตามหลกั ธรรมทางศาสนา ไปใชใ้ นชีวิตประจาํ วนั ที่ตนนบั ถือในการดาํ เนินชีวิตแบบพอเพยี ง และ ดูแลรักษาส่ิงแวดลอ้ มเพ่ือการอยรู่ ่วมกนั ไดอ้ ยา่ ง  หลกั ธรรม (ตามสาระการเรียนรู้ขอ้ 5) สนั ติสุข  ศาสนิกชนของศาสนาต่าง ๆ มีการประพฤติ 9. วเิ คราะห์เหตุผลความจาํ เป็นที่ทุกคนตอ้ งศึกษา ปฏิบตั ิตนและวถิ ีการดาํ เนินชีวิตแตกต่างกนั ตาม เรียนรู้ศาสนาอื่น ๆ หลกั ความเช่ือและหลกั คาํ สอนของศาสนาที่ตน นบั ถือ 10. ปฏิบตั ิตนตอ่ ศาสนิกชนอ่ืนในสถานการณ์ต่าง ๆ  การปฏิบตั ิอยา่ งเหมาะสมต่อศาสนิกชนอ่ืนใน ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม สถานการณ์ต่าง ๆ  ตวั อยา่ งบุคคลในทอ้ งถิ่นหรือประเทศที่ปฏิบตั ิตน 11. วเิ คราะห์การกระทาํ ของบุคคลที่เป็นแบบอยา่ ง เป็นแบบอยา่ งดา้ นศาสนสมั พนั ธ์หรือมีผลงาน ดา้ นศาสนสัมพนั ธ์และนาํ เสนอแนะแนวทางการ ดา้ นศาสนสมั พนั ธ์ ปฏิบตั ิของตน มาตรฐาน ส 1.2 เขา้ ใจ ตระหนกั และปฏิบตั ิตนเป็นศาสนิกชนที่ดี และธาํ รงรักษาพระพุทธศาสนา หรือศาสนาท่ีตนนบั ถือ ตัวชี้วดั ช้ันปี สาระการเรียนรู้แกนกลาง 1. บาํ เพญ็ ประโยชนต์ ่อศาสนสถานของศาสนาที่  การบาํ เพญ็ ประโยชน์และการบาํ รุงวดั ตนนบั ถือ 1) การปฏิบตั ิตนที่เหมาะสมต่อเพือ่ นตามหลกั พระพุทธศาสนา 2) การปฏิบตั ิตนที่เหมาะสมต่อศาสนิกชนของ ศาสนาต่าง ๆ 2. อธิบายจริยวตั รของสาวกเพื่อเป็นแบบอยา่ งใน 1. วถิ ีชีวิตของพระภิกษุ การประพฤติปฏิบตั ิ และปฏิบตั ิตนอยา่ งเหมาะสม 2. บทบาทของพระภิกษุในการเผยแผ่ ต่อสาวกของศาสนาท่ีตนนบั ถือ พระพทุ ธศาสนา เช่น การแสดงธรรม ปาฐกถาธรรม การประพฤติตนใหเ้ ป็นแบบอยา่ ง

3. ปฏิบตั ิตนอยา่ งเหมาะสมต่อบุคคลต่าง ๆ คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1  152 ตามหลกั ศาสนาที่ตนนบั ถือตามท่ีกาํ หนด 3. การปฏิบตั ิตนท่ีเหมาะสม 1) การเขา้ พบพระภิกษุ 2) การแสดงความเคารพ (1) การประนมมือ การไหว้ การกราบ พระรัตนตรัย (2) การฟังเจริญพระพทุ ธมนต์ (3) การฟังสวดพระอภิธรรม (4) การฟังพระธรรมเทศนา  การปฏิบตั ิตนอยา่ งเหมาะสมต่อเพ่ือนตามหลกั พระพทุ ธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนบั ถือ 4. จดั พธิ ีกรรมและปฏิบตั ิตนในศาสนพิธี 1. การจดั โต๊ะหมู่บูชาและเคร่ืองประกอบโต๊ะหมู่ พธิ ีกรรมไดถ้ กู ตอ้ ง บูชาแบบหมู่ 4 หมู่ 5 หมู่ 7 หมู่ 9 5. อธิบายประวตั ิ ความสาํ คญั และปฏิบตั ิตนใน 2. การจุดธูปเทียน วนั สาํ คญั ทางศาสนาที่ตนนบั ถือตามท่ีกาํ หนด 3. การอาราธนาต่าง ๆ 1. ประวตั ิและความสาํ คญั ของวนั ธรรมสวนะ วนั เขา้ พรรษา วนั ออกพรรษา วนั เทโวโรหณะ 2. ระเบียบพธิ ีเวยี นเทียนและการปฏิบตั ิตนใน วนั มาฆบชู า วนั วิสาขบูชา วนั อฏั ฐมีบูชา และวนั อาสาฬหบชู า

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1  153 ตอนท่ี 3.2 โครงงานและแฟ้ มสะสมผลงาน 1. โครงงาน (Project Work) โครงงานเป็นการจดั การเรียนรู้ท่ีส่งเสริมใหน้ กั เรียนไดล้ งมือปฏิบตั ิและศึกษาคน้ ควา้ ดว้ ยตนเอง ตามแผนการดาํ เนินงานที่นกั เรียนไดจ้ ดั ข้ึน โดยครูช่วยใหค้ าํ แนะนาํ ปรึกษา กระตุน้ ใหค้ ิด และติดตาม การปฏิบตั ิงานจนบรรลุเป้ าหมาย โครงงานแบง่ ออกเป็น 4 ประเภท คือ 1. โครงงานประเภทสาํ รวจ รวบรวมขอ้ มูล 2. โครงงานประเภททดลอง คน้ ควา้ 3. โครงงานที่เป็นการศึกษาความรู้ ทฤษฎี หลกั การหรือแนวคิดใหม่ 4. โครงงานประเภทสิ่งประดิษฐ์ การเรียนรู้ดว้ ยโครงงานมีข้นั ตอน ดงั น้ี 1. กาํ หนดหัวข้อท่จี ะศึกษา นกั เรียนคิดหวั ขอ้ โครงงาน ซ่ึงอาจไดม้ าจากความอยากรู้อยากเห็นของ นกั เรียนเอง หรือไดจ้ ากการอ่านหนงั สือ บทความ การไปทศั นศึกษาดูงาน เป็นตน้ โดยนกั เรียนตอ้ งต้งั คาํ ถามวา่ “จะศึกษาอะไร” “ทาํ ไมตอ้ งศึกษาเร่ืองดงั กล่าว” 2. ศึกษาเอกสารท่เี กย่ี วข้อง นกั เรียนศึกษาทบทวนเอกสารท่ีเกี่ยวขอ้ ง และปรึกษาครูหรือผทู้ ่ีมี ความรู้ความเชี่ยวชาญในสาขาน้นั ๆ 3. เขยี นเค้าโครงของโครงงานหรือสร้างแผนผงั ความคดิ โดยทวั่ ไปเคา้ โครงของโครงงานจะ ประกอบดว้ ยหวั ขอ้ ต่าง ๆ ดงั น้ี 1) ชื่อโครงงาน 2) ชื่อผทู้ าํ โครงงาน 3) ชื่อที่ปรึกษาโครงงาน 4) ระยะเวลาดาํ เนินการ 5) หลกั การและเหตุผล 6) วตั ถุประสงค์ 7) สมมุติฐานของการศึกษา (ในกรณีท่ีเป็นโครงงานทดลอง) 8) ข้นั ตอนการดาํ เนินงาน 9) ปฏิบตั ิโครงงาน 10) ผลท่ีคาดวา่ จะไดร้ ับ 11) เอกสารอา้ งอิง/บรรณานุกรม

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1  154 4. ปฏิบัตโิ ครงงาน ลงมือปฏิบตั ิงานตามแผนงานที่กาํ หนดไว้ ในระหวา่ งปฏิบตั ิงานควรมีการจด บนั ทึกขอ้ มูลต่าง ๆ ไวอ้ ยา่ งละเอียดวา่ ทาํ อยา่ งไร ไดผ้ ลอยา่ งไร มีปัญหาหรืออุปสรรคอะไร และมีแนว ทางแกไ้ ขอยา่ งไร 5. เขยี นรายงาน เป็นการรายงานสรุปผลการดาํ เนินงาน เพ่ือใหผ้ อู้ ่ืนไดท้ ราบแนวคิด วิธีดาํ เนินงาน ผลท่ีไดร้ ับ และขอ้ เสนอแนะต่าง ๆ เกี่ยวกบั โครงงาน ซ่ึงการเขียนรายงานน้ีควรใชภ้ าษาท่ีกระชบั เขา้ ใจง่าย ชดั เจน และครอบคลุมประเดน็ ที่ศึกษา 6. แสดงผลงาน เป็ นการนําผลของการดาํ เนินงานมาเสนอ อาจจดั ไดห้ ลายรูปแบบ เช่น การจดั นิทรรศการ การทาํ เป็ นส่ือส่ิงพิมพ์ ส่ือมลั ติมิเดีย หรืออาจนําเสนอในรูปของการแสดงผลงาน การนําเสนอ ดว้ ยวาจา บรรยาย อภิปรายกลุ่ม สาธิต 2. แฟ้ มสะสมผลงาน (Portfolio) แฟ้ มสะสมผลงาน หมายถึง แหล่งรวบรวมเอกสาร ผลงาน หรือหลกั ฐาน เพือ่ ใชส้ ะทอ้ นถึง ผลสมั ฤทธ์ิ ความสามารถ ทกั ษะ และพฒั นาการของนกั เรียน มีการจดั เรียบเรียงผลงานไวอ้ ยา่ งมีระบบ โดยนาํ ความรู้ ความคิด และการนาํ เสนอมาผสมผสานกนั ซ่ึงนกั เรียนเป็นผคู้ ดั เลือกผลงานและมีส่วนร่วม ในการประเมิน แฟ้ มสะสมงานจึงเป็นหลกั ฐานสาํ คญั ท่ีจะทาํ ใหน้ กั เรียนสามารถมองเห็นพฒั นาการของ ตนเองไดต้ ามสภาพจริง รวมท้งั เห็นขอ้ บกพร่อง และแนวทางในการปรับปรุงแกไ้ ขใหด้ ีข้ึนต่อไป ลกั ษณะสําคญั ของการประเมนิ ผลโดยใช้แฟ้ มสะสมผลงาน 1. ครูสามารถใชเ้ ป็นเคร่ืองมือในการติดตามความกา้ วหนา้ ของนกั เรียนเป็นรายบุคคลไดเ้ ป็นอยา่ งดี เน่ืองจากมีผลงานสะสมไว้ ครูจะทราบจุดเด่น จุดดอ้ ยของนกั เรียนแต่ละคนจากแฟ้ มสะสมงาน และ สามารถติดตามพฒั นาการไดอ้ ยา่ งต่อเนื่อง 2. มุ่งวดั ศกั ยภาพของนกั เรียนในการผลิตหรือสร้างผลงานมากกวา่ การวดั ความจาํ จากการทาํ แบบทดสอบ 3. วดั และประเมินโดยเนน้ ผเู้ รียนเป็นศูนยก์ ลาง คือ นกั เรียนเป็นผวู้ างแผน ลงมือปฏิบตั ิงาน รวมท้งั ประเมินและปรับปรุงตนเอง ซ่ึงมีครูเป็นผชู้ ้ีแนะ เนน้ การประเมินผลยอ่ ยมากกวา่ การประเมินผลรวม 4. ฝึกใหน้ กั เรียนรู้จกั การประเมินตนเองและหาแนวทางปรับปรุงพฒั นาตนเอง 5. ช่วยใหน้ กั เรียนเกิดความมนั่ ใจและภาคภมู ิใจในผลงานของตนเอง รู้วา่ ตนเองมีจุดเด่นในเรื่องใด 6. ช่วยในการสื่อความหมายเก่ียวกบั ความรู้ ความสามารถ ตลอดจนพฒั นาการของนกั เรียนใหผ้ ทู้ ี่ เกี่ยวขอ้ งทราบ เช่น ผปู้ กครอง ฝ่ ายแนะแนว ตลอดจนผบู้ ริหารของโรงเรียน ข้ันตอนการประเมนิ ผลโดยใช้แฟ้ มสะสมผลงาน การจดั ทาํ แฟ้ มสะสมผลงานมี 10 ข้นั ตอน ซ่ึงแต่ละข้นั ตอนมีรายละเอียด ดงั น้ี 1. การวางแผนจดั ทําแฟ้ มสะสมผลงาน การจดั ทาํ แฟ้ มสะสมผลงานตอ้ งมีส่วนร่วมระหวา่ งครู นกั เรียน และผปู้ กครอง

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1  155 ครู การเตรียมตวั ของครูตอ้ งเร่ิมจากการศึกษาและวเิ คราะห์หลกั สูตร คูม่ ือครู คาํ อธิบายรายวิชา วธิ ีการวดั และประเมินผลในหลกั สูตร รวมท้งั ครูตอ้ งมีความรู้และเขา้ ใจเกี่ยวกบั การประเมินโดยใชแ้ ฟ้ ม สะสมผลงาน จึงสามารถวางแผนกาํ หนดชิ้นงานได้ นักเรียน ตอ้ งมีความเขา้ ใจเกี่ยวกบั จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ เน้ือหาสาระ การประเมินผลโดยใชแ้ ฟ้ ม สะสมผลงาน การมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้ การกาํ หนดชิ้นงาน และบทบาทในการทาํ งานกลุ่ม โดยครูตอ้ งแจง้ ใหน้ กั เรียนทราบล่วงหนา้ ผู้ปกครอง ตอ้ งเขา้ มามีส่วนร่วมในการคดั เลือกผลงาน การแสดงความคิดเห็น และรับรู้พฒั นาการ ของนกั เรียนอยา่ งต่อเนื่อง ดงั น้นั ก่อนทาํ แฟ้ มสะสมผลงาน ครูตอ้ งแจง้ ใหผ้ ปู้ กครองทราบหรือขอความ ร่วมมือ รวมท้งั ใหค้ วามรู้ในเรื่องการประเมินผลโดยใชแ้ ฟ้ มสะสมผลงานแก่ผปู้ กครองเมื่อมีโอกาส 2. การรวบรวมผลงานและจัดระบบแฟ้ ม ในการรวบรวมผลงานตอ้ งออกแบบการจดั เกบ็ หรือแยก หมวดหม่ขู องผลงานใหด้ ี เพือ่ สะดวกและง่ายต่อการนาํ ขอ้ มูลออกมาใช้ แนวทางการจดั หมวดหม่ขู อง ผลงาน เช่น 1) จดั แยกตามลาํ ดบั วนั และเวลาที่สร้างผลงานข้ึนมา 2) จดั แยกตามความซบั ซอ้ นของผลงาน เป็นการแสดงถึงทกั ษะหรือพฒั นาการของนกั เรียนท่ีมาก ข้ึน 3) จดั แยกตามวตั ถุประสงค์ เน้ือหา หรือประเภทของผลงาน ผลงานท่ีอยใู่ นแฟ้ มสะสมผลงานอาจมีหลายเรื่อง หลายวิชา ดงั น้นั นกั เรียนจะตอ้ งทาํ เคร่ืองมือใน การช่วยคน้ หา เช่น สารบญั ดชั นีเร่ือง จุดสี แถบสีติดไวท้ ี่ผลงานโดยมีรหสั ที่แตกต่างกนั เป็นตน้ 3. การคดั เลอื กผลงาน ในการคดั เลือกผลงานน้นั ควรใหส้ อดคลอ้ งกบั เกณฑห์ รือมาตรฐานที่ โรงเรียน ครู หรือนกั เรียนร่วมกนั กาํ หนดข้ึนมา และผคู้ ดั เลือกผลงานควรเป็นนกั เรียนเจา้ ของแฟ้ มสะสม ผลงาน หรือมีส่วนร่วมกบั ครู เพอื่ น และผปู้ กครอง ผลงานที่เลือกเขา้ แฟ้ มสะสมผลงานควรมีลกั ษณะดงั น้ี 1) สอดคลอ้ งกบั เน้ือหาและวตั ถุประสงคข์ องการเรียนรู้ 2) เป็นผลงานชิ้นท่ีดีที่สุด มีความหมายต่อนกั เรียนมากท่ีสุด 3) สะทอ้ นใหเ้ ห็นถึงพฒั นาการของนกั เรียนในทุกดา้ น 4) เป็นสื่อที่จะช่วยใหน้ กั เรียนมีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกบั ครู ผปู้ กครอง และเพือ่ น ๆ ส่วนจาํ นวนชิ้นงานน้นั ใหก้ าํ หนดตามความเหมาะสม ไม่ควรมีมากเกินไป เพราะอาจจะทาํ ให้ ผลงานบางชิ้นไม่มีความหมาย แต่ถา้ มีนอ้ ยเกินไปจะทาํ ใหก้ ารประเมินไม่มีประสิทธิภาพ 4. การสร้างสรรค์แฟ้ มสะสมผลงานให้มเี อกลกั ษณ์ของตนเอง โครงสร้างหลกั ของแฟ้ มสะสม ผลงานอาจเหมือนกนั แต่นกั เรียนสามารถตกแต่งรายละเอียดยอ่ ยใหแ้ ตกต่างกนั ตามความคิดสร้างสรรค์ ของแต่ละบุคคล โดยอาจใชภ้ าพ สี สติกเกอร์ ตกแต่งใหส้ วยงามเนน้ เอกลกั ษณข์ องเจา้ ของแฟ้ มสะสม ผลงาน

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1  156 5. การแสดงความคดิ เห็นหรือความรู้สึกต่อผลงาน ในข้นั ตอนน้ีนกั เรียนจะไดร้ ู้จกั การ วพิ ากษว์ จิ ารณ์ หรือสะทอ้ นความคิดเก่ียวกบั ผลงานของตนเอง ตวั อยา่ งขอ้ ความที่ใชแ้ สดงความรู้สึกต่อ ผลงาน เช่น 1) ไดแ้ นวคิดจากการทาํ ผลงานชิ้นน้ีมาจากไหน 2) เหตุผลที่เลือกผลงานชิ้นน้ีคืออะไร 3) จุดเด่นและจุดดอ้ ยของผลงานชิ้นน้ีคืออะไร 4) รู้สึกพอใจกบั ผลงานชิ้นน้ีมากนอ้ ยเพียงใด 5) ไดข้ อ้ คิดอะไรจากการทาํ ผลงานชิ้นน้ี 6. การตรวจสอบความสามารถของตนเอง เป็นการเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนไดป้ ระเมินความสามารถ ของตนเอง โดยพิจารณาตามเกณฑย์ อ่ ย ๆ ที่ครูและนกั เรียนช่วยกนั กาํ หนดข้ึน เช่น นิสยั การทาํ งาน ทกั ษะ ทางสงั คม การทาํ งานเสร็จตามระยะเวลาท่ีกาํ หนด การขอความช่วยเหลือเม่ือมีความจาํ เป็น นอกจากน้ีการ ตรวจสอบความสามารถของตนเองอีกวธิ ีหน่ึง คือ การใหน้ กั เรียนเขียนวเิ คราะห์จุดเด่น จุดดอ้ ยของตนเอง และส่ิงที่ตอ้ งปรับปรุงแกไ้ ข 7. การประเมนิ ผลงาน เป็นข้นั ตอนที่สาํ คญั เนื่องจากเป็นการสรุปคุณภาพของงานและ ความสามารถหรือพฒั นาการของนกั เรียน การประเมินแบ่งออกเป็น 2 ลกั ษณะ คือ การประเมินโดยไม่ให้ ระดบั คะแนน และการประเมินโดยใหร้ ะดบั คะแนน 1) การประเมินโดยไม่ให้ระดบั คะแนน ครูกลุ่มน้ีมีความเชื่อวา่ แฟ้ มสะสมผลงานมีไวเ้ พ่ือศึกษา กระบวนการทาํ งาน ศึกษาความคิดเห็นและความรู้สึกของนกั เรียนที่มีต่อผลงานของตนเอง ตลอดจนดู พฒั นาการหรือความกา้ วหนา้ ของนกั เรียนอยา่ งไมเ่ ป็นทางการ ครู ผปู้ กครอง และเพ่ือนสามารถใหค้ าํ ช้ีแนะแก่นกั เรียนได้ ซ่ึงวิธีการน้ีจะทาํ ใหน้ กั เรียนไดเ้ รียนรู้และปฏิบตั ิงานอยา่ งเตม็ ท่ี โดยไม่ตอ้ งกงั วลวา่ จะไดค้ ะแนนมากนอ้ ยเท่าไร 2) การประเมินโดยให้ระดบั คะแนน มีท้งั การประเมินตามจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ การประเมิน ระหวา่ งภาคเรียน และการประเมินปลายภาค ซ่ึงจะช่วยในวตั ถุประสงคด์ า้ นการปฏิบตั ิเป็นหลกั การประเมิน แฟ้ มสะสมผลงานตอ้ งกาํ หนดมิติการใหค้ ะแนน (scoring rubrics) ตามเกณฑท์ ี่ครูและนกั เรียนร่วมกนั กาํ หนดข้ึน การใหร้ ะดบั คะแนนมีท้งั การใหค้ ะแนนเป็นรายชิ้นก่อนเกบ็ เขา้ แฟ้ มสะสมผลงาน และการให้ คะแนนแฟ้ มสะสมผลงานท้งั แฟ้ ม ซ่ึงมาตรฐานคะแนนน้นั ตอ้ งสอดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงคก์ ารจดั ทาํ แฟ้ ม สะสมผลงาน และมุ่งเนน้ พฒั นาการของนกั เรียนแต่ละคนมากกวา่ การนาํ ไปเปรียบเทียบกบั บุคคลอื่น 8. การแลกเปลย่ี นประสบการณ์กบั ผ้อู นื่ มีวตั ถุประสงคเ์ พ่อื เปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนไดร้ ับฟังความ คิดเห็นจากผทู้ ี่มีส่วนเก่ียวขอ้ ง ไดแ้ ก่ เพื่อน ครู และผปู้ กครอง อาจทาํ ไดห้ ลายรูปแบบ เช่น การจดั ประชุม ในโรงเรียนโดยเชิญผทู้ ี่มีส่วนเก่ียวขอ้ งมาร่วมกนั พจิ ารณาผลงาน การสนทนาแลกเปล่ียนระหวา่ งนกั เรียน กบั เพ่ือน การส่งแฟ้ มสะสมผลงานไปใหผ้ ทู้ ี่มีส่วนเก่ียวขอ้ งช่วยใหข้ อ้ เสนอแนะหรือคาํ แนะนาํ ในการแลกเปล่ียนประสบการณ์น้นั นกั เรียนจะตอ้ งเตรียมคาํ ถามเพ่อื ถามผทู้ ่ีมีส่วนเกี่ยวขอ้ ง ซ่ึงจะ เป็นประโยชนใ์ นการปรับปรุงงานของตนเอง ตวั อยา่ งคาํ ถาม เช่น 1) ท่านคิดอยา่ งไรกบั ผลงานชิ้นน้ี

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1  157 2) ท่านคิดวา่ ควรปรับปรุงแกไ้ ขส่วนใดอีกบา้ ง 3) ผลงานชิ้นใดท่ีท่านชอบมากที่สุด เพราะอะไร ฯลฯ 9. การปรับเปลยี่ นผลงาน หลงั จากท่ีนกั เรียนไดแ้ ลกเปลี่ยนความคิดเห็น และไดร้ ับคาํ แนะนาํ จากผู้ ท่ีมีส่วนเกี่ยวขอ้ งแลว้ จะนาํ มาปรับปรุงผลงานใหด้ ีข้ึน นกั เรียนสามารถนาํ ผลงานที่ดีกวา่ เกบ็ เขา้ แฟ้ ม สะสมผลงานแทนผลงานเดิม ทาํ ใหแ้ ฟ้ มสะสมผลงานมีผลงานที่ดี ทนั สมยั และตรงตามจุดประสงคใ์ น การประเมิน 10. การประชาสัมพนั ธ์ผลงานของนักเรียน เป็นการแสดงนิทรรศการผลงานของนกั เรียน โดยนาํ แฟ้ มสะสมผลงานของนกั เรียนทุกคนมาจดั แสดงร่วมกนั และเปิ ดโอกาสใหผ้ ปู้ กครอง ครู และนกั เรียน ทวั่ ไปไดเ้ ขา้ ชมผลงาน ทาํ ใหน้ กั เรียนเกิดความภาคภมู ิใจในผลงานของตนเอง ผทู้ ่ีเริ่มตน้ ทาํ แฟ้ มสะสมผลงานอาจไม่ตอ้ งดาํ เนินการท้งั 10 ข้นั ตอนน้ี อาจใชข้ ้นั ตอนหลกั ๆ คือ การรวบรวมผลงานและการจดั ระบบแฟ้ ม การคดั เลือกผลงาน และการแสดงความคิดเห็นหรือความรู้สึกต่อ ผลงาน องค์ประกอบสําคญั ของแฟ้ มสะสมผลงาน มีดงั น้ี 1. ส่วนนํา ประกอบดว้ ย  ปก  คาํ นาํ  สารบญั  ประวตั ิส่วนตวั  จุดมุ่งหมายของการทาํ แฟ้ มสะสมผลงาน 2. ส่วนเนือ้ หาแฟ้ ม ประกอบดว้ ย  ผลงาน  ความคดิ เห็นที่มีต่อผลงาน  Rubrics ประเมินผลงาน 3. ส่วนข้อมูลเพม่ิ เตมิ ประกอบดว้ ย  ผลการประเมินการเรียนรู้  การรายงานความกา้ วหนา้ โดยครู  ความคดิ เห็นของผทู้ ี่มีส่วน เกี่ยวขอ้ ง เช่น เพื่อน ผปู้ กครอง

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1  158 ตอนที่ 3.3 ผงั การออกแบบการจดั การเรียนรู้ และรูปแบบแผนการจดั การเรียนรู้รายชั่วโมง 1. ผงั การออกแบบการจดั การเรียนรู้ตามแนวคดิ Backward Design หน่วยการเรียนรู้ที่ ข้ันที่ 1 ผลลพั ธ์ปลายทางที่ต้องการให้เกดิ ขึน้ กบั นักเรียน ตวั ชี้วดั ช้ันปี 1. 2. ความเข้าใจท่คี งทนของนักเรียน คาํ ถามสําคญั ที่ทําให้เกดิ ความเข้าใจทีค่ งทน นกั เรียนจะเข้าใจว่า… 1. 1. 2. 2. ความรู้ของนักเรียนท่นี ําไปสู่ความเข้าใจท่ีคงทน ทักษะ/ความสามารถของนักเรียนท่นี ําไปสู่ ความเข้าใจท่ีคงทน นักเรียนจะสามารถ... นักเรียนจะรู้ว่า… 1. 1. 2. 2. 3. 3. ข้นั ท่ี 2 ภาระงานและการประเมนิ ผลการเรียนรู้ซึ่งเป็ นหลกั ฐานท่ีแสดงว่านักเรียนมีผลการเรียนรู้ ตามที่กาํ หนดไว้อย่างแท้จริง 1. ภาระงานที่นักเรียนต้องปฏิบัติ 1.1 1.2 2. วธิ ีการและเครื่องมอื ประเมนิ ผลการเรียนรู้ 2.2 เคร่ืองมือประเมินผลการเรียนรู้ 2.1 วิธีการประเมินผลการเรียนรู้ 1) 1) 2) 2)

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1  159 3. สิ่งทีม่ ุ่งประเมนิ 3.1 3.2 3.3 ข้นั ท่ี 3 แผนการจดั การเรียนรู้ 2. รูปแบบแผนการจดั การเรียนรู้รายช่ัวโมง เมื่อครูออกแบบการจดั การเรียนรู้ตามแนวคิดของ Backward Design แลว้ ครูสามารถเขียนแผนการ จดั การเรียนรู้รายชว่ั โมงโดยใชร้ ูปแบบของแผนการจดั การเรียนรู้แบบเรียงหวั ขอ้ ซ่ึงมีรายละเอียดดงั น้ี ช่ือแผน...(ระบุช่ือและลาํ ดบั ท่ีของแผนการจดั การเรียนรู้) ชื่อเรื่อง...(ระบุช่ือเรื่องท่ีจะทาํ การจดั การเรียนรู้) เวลา...(ระบุระยะเวลาที่ใชใ้ นการจดั การเรียนรู้ต่อ 1 แผน) สาระที่...(ระบุสาระที่ใชจ้ ดั การเรียนรู้) หน่วยการเรียนรู้ที่...(ระบุชื่อและลาํ ดบั ที่ของหน่วยการเรียนรู้) ช้ัน...(ระบุช้นั ที่จดั การเรียนรู้) สาระสําคญั ...(เขียนความคิดรวบยอดหรือมโนทศั นข์ องหวั เร่ืองท่ีจะจดั การเรียนรู้) ตัวชี้วดั ช้ันปี ...(ระบุตวั ช้ีวดั ช้นั ปี ท่ีใชเ้ ป็นเป้ าหมายของแผนการจดั การเรียนรู้) จุดประสงค์การเรียนรู้...(กาํ หนดใหส้ อดคลอ้ งกบั สมรรถนะสาํ คญั และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ของนกั เรียนหลงั จากสาํ เร็จการศึกษา ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ซ่ึง ประกอบดว้ ยดา้ นความรู้ (Knowledge: K) ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยม (Attribute: A) และดา้ น ทกั ษะ/กระบวนการ (Performance: P) การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้...(ระบุวธิ ีการและเครื่องมือวดั และประเมินผลที่สอดคลอ้ งกบั จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ท้งั 3 ดา้ น) สาระการเรียนรู้...(ระบุสาระและเน้ือหาท่ีใชจ้ ดั การเรียนรู้ อาจเขียนเฉพาะหวั เรื่องกไ็ ด)้ แนวทางบูรณาการ...(เสนอแนะและระบุกิจกรรมของกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นท่ีบูรณาการร่วมกนั ) กระบวนการจัดการเรียนรู้...(กาํ หนดใหส้ อดคลอ้ งกบั ธรรมชาติของกลุ่มสาระการเรียนรู้และ การบรู ณาการขา้ มสาระการเรียนรู้) กจิ กรรมเสนอแนะ...(ระบุรายละเอียดของกิจกรรมที่นกั เรียนควรปฏิบตั ิเพิ่มเติม) สื่อ/แหล่งการเรียนรู้...(ระบุสื่อ อุปกรณ์ และแหล่งการเรียนรู้ท่ีใชใ้ นการจดั การเรียนรู้)

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1  160 บนั ทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้...(ระบุรายละเอียดของผลการจดั การเรียนรู้ตามแผนท่ีกาํ หนดไว้ อาจนาํ เสนอ ขอ้ เด่นและขอ้ ดอ้ ยใหเ้ ป็นขอ้ มลู ท่ีสามารถใชเ้ ป็ นส่วนหน่ึงของการทาํ วิจยั ในช้นั เรียนได้

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 161 ตอนท่ี 3.4 แบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียนประจาํ หน่วยการเรียนรู้ แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 พระพุทธ คาํ ชี้แจง เลอื กคาํ ตอบท่ีถูกต้องทส่ี ุดเพยี งคาํ ตอบเดียว 1. การสังคายนาคร้ังใดที่มคี วามสําคญั ต่อการเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาเข้าสู่ประเทศไทย ก คร้ังท่ี 1 ข คร้ังท่ี 2 ค คร้ังท่ี 3 ง คร้ังท่ี 4 2. พระเถระรูปใดทพ่ี ระเจ้าอโศกมหาราชทรงส่งมาเผยแผ่พระพุทธศาสนาในดินแดนสุวรรณภูมิ ก พระโสณเถระและพระอุตตรเถระ ข พระอนุรุทธเถระและพระโสณเถระ ค พระอุตตรเถระและพระมหินทเถระ ง พระมหินทเถระและพระมหาเทวเถระ 3. พระเถระไทยสมัยอยุธยารูปใดที่เดนิ ทางไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาทปี่ ระเทศศรีลงั กาจนก่อให้เกดิ นิกายใหม่และสืบทอดมาจนถึงทุกวนั นี้ ก พระอุบาลี ข พระมหินทะ ค พระมหาสุมนะ ง พระอาจารยศ์ รี 4. ในทป่ี ระชุม ณ วดั บางหว้าใหญ่ สมยั ธนบุรี พระสงฆ์พร้อมใจกนั เลอื กพระเถระรูปใดเป็ น สมเดจ็ พระสังฆราช ก พระอุบาลี ข พระมหาสุมนะ ค พระอาจารยศ์ รี ง สมเด็จพระมหาเถระ

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 162 5. ข้อใดไม่ใช่พระราชกรณยี กจิ ทางด้านพระพทุ ธศาสนาในรัชกาลท่ี 1 ก ทรงใหท้ าํ สงั คายนาพระไตรปิ ฎก ข ทรงประกาศใชก้ ฎหมายคณะสงฆ์ ค ทรงสร้างวดั พระศรีรัตนศาสดาราม ง ทรงสถาปนาคณะสงฆธ์ รรมยตุ ิกนิกาย 6. เหตุการณ์สําคญั ทีเ่ กยี่ วข้องกบั พระพุทธศาสนาในรัชกาลที่ 9 คอื อะไร ก การสงั คายนาพระไตรปิ ฎก ข การจดั พมิ พพ์ ระไตรปิ ฎกสยามรัฐ ค การตราพระราชบญั ญตั ิคณะสงฆ์ ง ทการสถาปนาสถาบนั การศึกษาของคณะสงฆไ์ ทย 7. “ธรรมเนียมไทยแท้แต่โบราณ ใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ” คาํ กล่าวนสี้ ะท้อนให้เห็นถงึ นิสัย ของคนไทยในเร่ืองใด ก ความมีวินยั ข ความมีน้าํ ใจ ค ความสามคั คี ง ความซื่อสตั ย์ 8. สาเหตุสําคญั ท่ที ําให้เจ้าชายสิทธัตถะตดั สินพระทัยเสดจ็ ออกผนวชคอื อะไร ก ทรงตอ้ งการเป็นนกั บวช ข ทรงไม่ตอ้ งการครองราชสมบตั ิ ค ทรงเบื่อหน่ายชีวิตการครองเรือน ง ทรงเห็นความทุกขท์ ี่เกิดจากความแก่ ความเจบ็ และความตาย 9. เพราะเหตุใดพระสิทธัตถะจึงทรงเลกิ บาํ เพญ็ ทุกกรกริ ิยา ก ไม่มีใครคอยใหค้ วามดูแล ข ทรงทรมานตนจนถึงข้นั สุดทา้ ยแลว้ ค ทรงเห็นวา่ เป็นเร่ืองไร้สาระ ไม่มีผลดีอะไร ง ทรงตอ้ งการบาํ เพญ็ เพียรทางจิตข้นั สูงไปอีก 10. พระพทุ ธเจ้าตรัสเล่าอมั พชาดก โดยทรงปรารภเรื่องอะไร ก ความประพฤติของพระเทวทตั ข การจบั จองเสนาสนะของพระฉพั พคั คีย์ ค ความเป็นผวู้ า่ ยากสอนยากของพระภิกษุรูปหน่ึง ง การพดู เสียดแทงใหเ้ จบ็ ใจของพระภิกษุภทั ทวคั คีย์

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 163 แบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 พระพุทธ คาํ ชี้แจง เลอื กคาํ ตอบที่ถูกต้องทส่ี ุดเพยี งคาํ ตอบเดียว 1. พระเจ้าอโศกมหาราชมบี ทบาทสําคญั ต่อพระพุทธศาสนาอย่างไร ก ทรงสร้างวดั ในพระพทุ ธศาสนา ข ทรงสนบั สนุนการแปลอรรถกถาพระไตรปิ ฎก ค ทรงเป็นประธานในการสงั คายนาพระไตรปิ ฎก ง ทรงเป็นผเู้ ผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาในดินแดนสุวรรณภมู ิ 2. พ่อขุนรามคําแหงมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้นิมนต์พระสงฆ์จากทใี่ ดมาเผยแผ่พระพทุ ธศาสนา ณ กรุงสุโขทัย ก ลงั กา ข อินเดีย ค อาณาจกั รศรีวิชยั ง นครศรีธรรมราช 3. ในทปี่ ระชุม ณ วดั บางหว้าใหญ่ สมยั ธนบุรี พระสงฆ์พร้อมใจกนั เลอื กพระเถระรูปใดเป็ น สมเดจ็ พระสังฆราช ก พระอริยมุนี ข พระมหาสุมนะ ค พระอาจารยศ์ รี ง สมเด็จพระมหาเถระ 4. “วรรณกรรมไทยส่วนใหญ่มาจากคัมภีร์ทางพระพทุ ธศาสนา” วรรณกรรมข้อใดไม่สอดคล้อง กบั ข้อความนี้ ก เทศนาเสือป่ า ข มหาชาติคาํ หลวง ค ลิลิตโองการแช่งน้าํ ง พระปฐมสมโพธิกถา 5. ข้อใดคอื หลกั ฐานที่ปรากฏว่าพระพุทธศาสนาได้เข้ามาเผยแผ่ในประเทศไทย ก พระไตรปิ ฎก ข วดั ในพระพทุ ธศาสนา ค พระพทุ ธรูปปางต่าง ๆ ง ธรรมจกั รและกวางหมอบ

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 164 6. เมอ่ื กล่าวถงึ ลมุ พนิ ีวนั เรานึกถึงเหตุการณ์อะไรที่เกยี่ วข้องกบั พระพุทธเจ้า ก การประสูติ ข การบาํ เพญ็ ทุกกรกิริยา ค การเสด็จดบั ขนั ธปรินิพพาน ง การตรัสรู้และแสดงธรรมคร้ังแรก 7. การใช้ความคดิ พจิ ารณาส่ิงต่าง ๆ ด้วยเหตุผลบนพนื้ ฐานของหลกั ความจริงด้วยการปฏิบัติ สมาธิสัมพนั ธ์กบั ข้อใด ก การเห็นเทวทูต 4 ข การแสวงหาความรู้ ค การบาํ เพญ็ ทุกกรกิริยา ง การบาํ เพญ็ เพยี รทางจิต 8. ความจริงอย่างประเสริฐที่พระพทุ ธเจ้าตรัสรู้เรียกว่าอะไร ก อริยสจั 4 ข พรหมวหิ าร 4 ค มรรคมีองค์ 8 ง วปิ ัสสนาญาณ 9 9. ในตติ ตริ ชาดก พระโพธิสัตว์เกดิ เป็ นอะไร ก ลิง ข ชา้ ง ค นกคุ่ม ง ราชสีห์ 10. ถ้าเรานําข้อคดิ จากอมั พชาดกหรือตติ ตริ ชาดกไปปฏิบัตหิ รือประยุกต์ใช้ในชีวติ ประจาํ วนั จะเกดิ ผลดี กบั ชีวติ ต่อไปนีย้ กเว้นข้อใด ก มีความรักใคร่ต่อกนั ข ไดร้ ับการยกยอ่ งนบั ถือ ค เจริญกา้ วหนา้ ในหนา้ ที่การงาน ง มีทรัพยส์ มบตั ิเพ่มิ ข้ึนมากมาย

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 165 แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 พระธรรม คาํ ชี้แจง เลอื กคาํ ตอบทถ่ี ูกต้องทส่ี ุดเพยี งคาํ ตอบเดียว 1. “สัมมาสัมพุทโธ” มคี วามหมายตรงกับข้อใด ก ทรงรู้แจง้ โลก ข ทรงเป็นพระอรหนั ต์ ค ทรงเป็นผตู้ ื่นและเบิกบาน ง ทรงเป็นผตู้ รัสรู้ดว้ ยพระองคเ์ องโดยชอบ 2. พระวสิ ุทธิคุณของพระพทุ ธเจ้าได้แก่พระคุณข้อใด ก เสดจ็ ไปดีแลว้ ข ทรงเป็นพระอรหนั ต์ ค ทรงเป็นผตู้ ่ืนและเบิกบาน ง ทรงเป็นศาสดาของเทวดาและมนุษยท์ ้งั หลาย 3. อริยสัจ 4 หมายถงึ อะไร ก สจั จะ ทมะ ขนั ติ จาคะ ข ทุกข์ สมุทยั นิโรธ มรรค ค ฉนั ทะ วิริยะ จิตตะ วิมงั สา ง เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา 4. อริยสัจ 4 ข้อใดเป็ นเหตุ ก ทุกข,์ สมุทยั ข ทุกข,์ นิโรธ ค นิโรธ, มรรค ง สมุทยั , มรรค 5. ถ้ามอี บายมุขข้อใดจะก่อให้เกดิ ผลเสียมากที่สุด ก การเป็นนกั เลงสุรา ข การคบคนชว่ั เป็นมิตร ค การเกียจคร้านการทาํ งาน ง การชอบเที่ยวดูการละเล่น

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 166 6. ลขิ ิตไม่ฆ่าสัตว์ถอื ว่าลขิ ติ เป็ นคนดี แต่ถ้าจะให้ดอี ย่างแท้จริงเขาต้องมอี ะไรด้วย ก สจั จะ ข เมตตากรุณา ค สมั มาอาชีวะ ง สติสมั ปชญั ญะ 7. คนพาลมลี กั ษณะนิสัยตามข้อใด ก มองโลกในแงด่ ี ข ชอบความถูกตอ้ ง ค ลิดรอนประโยชน์ ง เคร่งครัดในกฎระเบียบ 8. ประโยชน์ของการบูชาคนท่ีควรบูชาข้อใดสําคญั ที่สุด ก ทาํ ใหม้ ีจิตใจสงบ ข ก่อใหเ้ กิดกาํ ลงั ใจ ค พบความกา้ วหนา้ ในชีวิต ง ช่วยปกป้ องคุม้ ครองใหพ้ น้ ภยั 9. การปฏิบัตติ ามหลกั ธรรมในข้อใดมสี ่วนช่วยดูแลรักษาส่ิงแวดล้อม ก อิทธิบาท 4 ข พรหมวหิ าร 4 ค ฆราวาสธรรม 4 ง กลุ จิรัฏฐิติธรรม 4 10. การท่พี ระพทุ ธศาสนาสอนว่า “จงเตอื นตนด้วยตน” มจี ุดมุ่งหมายเพอ่ื อะไร ก ใหร้ ู้จกั ปรับปรุงตวั ข ใหเ้ ป็นคนรอบคอบ ค ใหร้ ู้จกั เอาใจเขามาใส่ใจเรา ง ใหร้ ู้จกั พ่ึงตนเองใหม้ าก พ่ึงคนอื่นใหน้ อ้ ย

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 167 แบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 พระธรรม คาํ ชี้แจง เลอื กคาํ ตอบทีถ่ ูกต้องทสี่ ุดเพยี งคาํ ตอบเดยี ว 1. “กมั พลได้รับทุนการศึกษาประเภทเรียนดแี ละมคี วามประพฤตดิ ี” ถ้าเปรียบเทียบกบั พทุ ธคุณ 9 ผลข้อนีส้ อดคล้องกบั พทุ ธคุณข้อใด ก พทุ โธ ข สัมมาสมั พทุ โธ ค วิชชาจะระณะสมั ปันโน ง อะนุตตะโร ปุริสะทมั มะสาระถิ 2. “เอเครียดมากท่ีสอบได้เกรดเฉลย่ี 3.1 ขณะทเ่ี พอื่ น ๆ ในห้องสอบได้ 3.7 ขนึ้ ไป” พฤตกิ รรมของเอ จดั เป็ นอริยสัจข้อใด ก ทุกข์ ข สมุทยั ค นิโรธ ง มรรค 3. ตามหลกั พระพุทธศาสนาถอื ว่าความทุกข์หรือปัญหาทเี่ กดิ ขนึ้ กบั คนเรามอี ะไรเป็ นสาเหตุสําคญั ก ตณั หา 3 ข ปธาน 4 ค นิวรณ์ 5 ง อบายมุข 6 4. การกระทําของบุคคลใดตามหลกั พระพุทธศาสนาถอื ว่าเป็ นอกศุ ลกรรม ก กุสุมาวดีใหเ้ งินขอทานเป็นประจาํ ข จุลพงษม์ ีอาชีพฆ่าหมูที่โรงฆ่าสตั ว์ ค บุญรัตนเ์ ช่ือวา่ สวรรคอ์ ยใู่ นอก นรกอยใู่ นใจ ง พงษศ์ กั ด์ิพดู จาหว้ น ๆ แต่ทุกเร่ืองท่ีพดู ลว้ นมีประโยชน์ 5. “จับดาราหนุ่มช่องหลายสี ตรวจพบฉ่ีสีม่วงคาคอนโดหรูกลางกรุงเมอ่ื คนื นี”้ ข่าวนีช้ ี้ให้เห็นถงึ เร่ืองอะไร ก โทษของอบายมุข ข พฤติกรรมของคนที่เป็นดารา ค ความกา้ วหนา้ ของเทคโนโลยี ง การมวั่ สุมของคนดงั เวลากลางคืน

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 168 6. ข้อใดไม่ใช่ความสุขของคฤหัสถ์หรือที่เราเรียกว่า คหิ ิสุข 4 ก การมีทรัพย์ ข การไม่เป็นหน้ี ค การไม่เป็นโรค ง การทาํ งานท่ีไม่มีโทษ 7. เอกชัยไม่ลกั ขโมยของของผู้อนื่ ถอื ว่าเอกชัยเป็ นคนดี แต่ถ้าจะให้ เป็ นคนดมี ศี ีลธรรม เอกชัย จะต้องปฏิบตั ติ นในข้อใดด้วย ก สจั จะ ข สมั มาอาชีวะ ค เมตตากรุณา ง สติสมั ปชญั ญะ 8. ข้อใดไม่ใช่ลกั ษณะของคนพาล ก มวั่ โกรธ ข โทษระเบียบ ค มองโลกในแง่ดี ง ลิดรอนประโยชน์ 9. การดาํ เนินชีวติ แบบเศรษฐกจิ พอเพยี งสอดคล้องกบั หลกั การข้อใด ในพระพทุ ธศาสนา ก ไตรลกั ษณ์ ข หลกั กรรม ค เมตตากรุณา ง มชั ฌิมาปฏิปทา 10. “นิสมฺม กรณํ เสยฺโย” น่าจะสอดคล้องกบั สํานวนใดมากทส่ี ุด ก เขน็ ครกข้ึนภเู ขา ข เรียนผกู ตอ้ งเรียนแก้ ค ชา้ ๆ ไดพ้ ร้าเล่มงาม ง กาํ แพงมีหู ประตูมีช่อง

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 169 แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 พระสงฆ์ คาํ ชี้แจง เลอื กคาํ ตอบท่ีถูกต้องทสี่ ุดเพยี งคาํ ตอบเดยี ว 1. สาเหตุสําคญั ทีท่ ําให้พระมหากสั สปะออกบวชคอื ข้อใด ก ภรรยาขอร้อง ข หาทางหลุดพน้ ค เบ่ือหน่ายชีวติ ครองเรือน ง ตอ้ งการติดตามพระพทุ ธเจา้ 2. พทุ ธสาวกองค์ใดทําหน้าทเี่ ป็ นประธานฝ่ ายสงฆ์ในการถวายพระเพลงิ พระพุทธสรีระ ก พระอุบาลี ข พระอานนท์ ค พระสารีบุตร ง พระมหากสั สปะ 3. ข้อใดกล่าวผิดจากความเป็ นจริงเกย่ี วกบั ประวตั ขิ องพระอุบาลี ก เป็นพระอนุชาของพระพทุ ธเจา้ ข เป็นผมู้ ีความรู้แตกฉานในพระวนิ ยั ค ก่อนบวชเป็นช่างกลบกประจาํ เจา้ ชายราชวงศศ์ ากยะ ง เป็นผตู้ อบขอ้ ซกั ถามดา้ นพระวนิ ยั ในคราวทาํ สงั คายนา คร้ังท่ี ๑ 4. คําว่า “อนาถบิณฑกิ ะ” มคี วามหมายว่าอย่างไร ก ผมู้ ีกอ้ นขา้ วเพอ่ื คนอื่น ข ผมู้ ีกอ้ นขา้ วเพอ่ื บริโภค ค ผมู้ ีกอ้ นขา้ วเพ่อื คนพกิ าร ง ผมู้ ีกอ้ นขา้ วเพือ่ คนอนาถา 5. “ซื้อสวนป่ าเพอื่ สร้างวดั ถวายให้เป็ นทป่ี ระทับของพระพทุ ธเจ้าและพระสงฆ์” ข้อความนีเ้ กย่ี วข้อง กบั บุคคลใด ก อนาถบิณฑิกเศรษฐี ข พระเจา้ อโศกมหาราช ค นางวิสาขามหาอุบาสิกา ง พระโสณเถระและพระอุตตรเถระ

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 170 6. เมอื่ พดู ถึงโลหะปราสาทนักเรียนจะนึกถงึ พทุ ธสาวกหรือพทุ ธสาวกิ าท่านใด ก อนาถบิณฑิกเศรษฐี ข พระเจา้ อโศกมหาราช ค นางวิสาขามหาอุบาสิกา ง พระโสณเถระและพระอุตตรเถระ 7. ข้อใดคอื คุณธรรมท่ีได้จากการเรียนรู้ประวตั ขิ องนางวสิ าขามหาอุบาสิกา ก ใฝ่ เรียนใฝ่ รู้อยเู่ สมอ ข เคร่งครัดในขอ้ ปฏิบตั ิ ค มีความเดด็ เด่ียวกลา้ หาญ ง มีความซ่ือสตั ยแ์ ละมน่ั คงตอ่ สามี 8. ข้อใดที่แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอโศกมหาราชเป็ นผ้ทู ่ีมน่ั คงในพระรัตนตรัย ก ทรงหนกั แน่นในเหตุผล ข ทรงมีน้าํ พระหฤทยั เดด็ เดี่ยว ค ทรงศึกษาหลกั ธรรมทางศาสนา ง ทรงมีธรรมเป็นหลกั ปกครองแผน่ ดิน 9. กษตั ริย์พระองค์ใดทีม่ สี ่วนสําคญั ทําให้พระพุทธศาสนาเผยแผ่ไปยงั ดนิ แดนต่าง ๆ ทั่วโลก ก พระเจา้ พิมพสิ าร ข พระเจา้ อชาตศตั รู ค พระเจา้ อโศกมหาราช ง พระเจา้ วฏั ฏคามณีอภยั 10. พระโสณเถระและพระอุตตรเถระเป็ นหัวหน้าพระสมณทูตไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาทใี่ ด ก ลงั กาทวปี ข โยนกประเทศ ค หิมวนั ตประเทศ ง ดินแดนสุวรรณภมู ิ

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 171 แบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 พระสงฆ์ คาํ ชี้แจง เลอื กคาํ ตอบทีถ่ ูกต้องที่สุดเพยี งคาํ ตอบเดยี ว 1. พระมหากสั สปะยดึ ถือธุดงค์ 3 ข้ออย่างเคร่งครัด แสดงถึงลกั ษณะนิสัยของท่านในด้านใด ก เป็นผมู้ ีความเพียร ข เป็นผวู้ างตนเหมาะสม ค ชอบความสงบสนั โดษ ง มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด 2. “อย่งู ่าย ฉันง่าย เลยี้ งง่าย” ข้อความนีท้ ําให้นึกถงึ พุทธสาวกท่านใด ก พระอุบาลี ข พระอานนท์ ค พระสารีบุตร ง พระมหากสั สปะ 3. พระอุบาลไี ด้รับยกย่องจากพระพทุ ธเจ้าว่าเป็ นผ้แู ตกฉานในเรื่องใด ก พระวนิ ยั ข พระธรรม ค พระไตรปิ ฎก ง พระธรรมและพระวนิ ยั 4. “มชี ีวติ อยู่เพอ่ื ผู้อนื่ ” คาํ กล่าวนีส้ อดคล้องกบั ประวตั ขิ องใครมากท่สี ุด ก อนาถบิณฑิกเศรษฐี ข พระเจา้ อโศกมหาราช ค นางวิสาขามหาอุบาสิกา ง พระโสณเถระและพระอุตตรเถระ 5. สุภาษิตไทยว่า “ตกนํา้ ไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้” น่าจะสอดคล้องกบั ประวตั ขิ องใครมากที่สุด ก อนาถบิณฑิกเศรษฐี ข พระเจา้ อโศกมหาราช ค นางวิสาขามหาอุบาสิกา ง พระโสณเถระและพระอุตตรเถระ

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 172 6. ข้อใดไม่เกี่ยวกบั เบญจกลั ยาณขี องนางวสิ าขา ก ผวิ งาม ข ผมงาม ค ฟันงาม ง มารยาทงาม 7. ข้อใดไม่ใช่ผลงานของอนาถบิณฑิกเศรษฐี ก สร้างโลหะปราสาท ข ต้งั โรงทานแจกอาหารคนยากจน ค อบรมคนในบา้ นใหถ้ ือศีลอุโบสถหรือศีล 8 ง สร้างท่ีพกั คา้ งคืนถวายพระพทุ ธเจา้ และเหล่าพระสาวก 8. พ่อแม่สั่งสอนอย่างไร กานดากป็ ระพฤตติ ามน้ัน ไม่เคยดือ้ ร้ัน นักเรียนคดิ ว่า กานดาน่าจะปฏิบัตติ น สอดคล้องกบั พทุ ธสาวกหรือพุทธสาวกิ าท่านใดมากทสี่ ุด ก พระอุบาลี ข พระมหากสั สปะ ค อนาถบิณฑิกเศรษฐี ง นางวิสาขามหาอุบาสิกา 9. การดาํ เนินชีวติ แบบ “ต้นคด ปลายตรง” สอดคล้องกบั การดําเนินชีวติ ของใคร ก พระอุบาลี ข พระมหากสั สปะ ค อนาถบิณฑิกเศรษฐี ง พระเจา้ อโศกมหาราช 10. “มกี ลวธิ ีในการเผยแผ่ธรรม” น่าจะเป็ นคุณธรรมทคี่ วรยดึ ถอื เป็ นแบบอย่างของพทุ ธสาวก หรือพทุ ธสาวกิ า หรือชาวพทุ ธตวั อย่างท่านใด ก พระอุบาลี ข พระมหากสั สปะ ค พระเจา้ อโศกมหาราช ง พระโสณเถระและพระอุตตรเถระ

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 173 แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 การปฏิบัตติ นเป็ นชาวพุทธท่ีดี คาํ ชี้แจง เลอื กคาํ ตอบท่ถี ูกต้องท่ีสุดเพยี งคาํ ตอบเดยี ว 1. วดั เป็ นเขตอภยั ทานเราไม่ควรทาํ อะไร ก ฆ่าสตั ว์ ข ร้องเพลง ค เล่นฟตุ บอล ง ปล่อยนกปลอ่ ย 2. ข้อต่อไปนีเ้ ป็ นการปฏิบัตติ นทเี่ หมาะสมต่อศาสนิกชนของศาสนาต่าง ๆ ยกเว้นข้อใด ก ใหเ้ กียรติกนั ข ไม่ยกตนข่มท่าน ค เอาใจเขามาใส่ใจเรา ง โยนความผดิ ใหก้ บั ผอู้ ื่น 3. ในการเข้าพบพระสงฆ์ภายในกฏุ ิข้อใดเป็ นวธิ ีปฏิบัตทิ ถ่ี ูกต้อง ก เมื่อเห็นท่านนงั่ อยรู่ ีบเขา้ ไปหา ข ส่งเสียงดงั ๆ ใหท้ า่ นรู้ตวั ก่อนเขา้ พบ ค เคาะประตูใหเ้ สียงก่อนเม่ือท่านอนุญาตแลว้ จึงเขา้ ไป ง เขา้ พบท่านไดเ้ ลยเพราะสอบถามแลว้ ทราบวา่ ท่านวา่ ง 4. การประนมมอื ทถ่ี ูกวธิ ีต้องวางมอื ไว้ในตาํ แหน่งใด ก ใตค้ าง ข ระหวา่ งคิ้ว ค ระหวา่ งอก ง จดหนา้ ผาก 5. อะไรไม่ใช่เครื่องบูชาบนโต๊ะหมู่บูชา ก ดอกไม้ ข ภาพถ่าย ค ธูปเทียน ง พานดอกไม้

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 174 6. แจกนั ดอกไม้ 2 ใบ พานดอกไม้ 1 พาน เชิงเทียน 2 อนั และกระถางธูป 1 ใบ ส่ิงเหล่านี้ เป็ นองค์ประกอบของการจดั โต๊ะหมู่บูชาแบบหมู่ใด ก แบบหมู่ 4 ข แบบหมู่ 5 ค แบบหมู่ 7 ง แบบหมู่ 9 7. วนั หน่ึงสมศรีไปฟังธรรมที่วดั ได้ฟังเร่ืองธัมมจักกปั ปวตั ตนสูตร นักเรียนคดิ ว่าวนั น้ันน่าจะเป็ น วนั สําคญั ทางพระพทุ ธศาสนาวนั ใด ก วนั มาฆบูชา ข วนั วิสาขบูชา ค วนั อฏั ฐมีบูชา ง วนั อาสาฬหบชู า 8. ข้อใดคอื ประโยชน์ของการบริหารจติ ทีม่ ตี ่อบุคลกิ ภาพ ก ชะลอความแก่ ข มีความจาํ แม่นยาํ ข้ึน ค รักษาโรคบางอยา่ งได้ ง มีความสุภาพนุ่มนวล 9. จินตามยปัญญาตรงกบั ข้อใด ก บุญชูดูทีวี ข สุชาติทาํ การบา้ น ค มานพเล่นอินเทอร์เน็ต ง เดชาคาดวา่ เยน็ น้ีฝนจะตก 10. การมวี ธิ ีคดิ แบบคุณ–โทษ และทางออกก่อให้เกดิ ประโยชน์ต่อไปนีย้ กเว้นข้อใด ก ทาํ ใหเ้ ป็นคนที่ไม่ประมาท ข ทาํ ใหเ้ ป็นคนท่ีมีระบบระเบียบ ค ทาํ ใหเ้ ป็นคนท่ีมองโลกในแง่ดี ง ทาํ ใหเ้ ป็นคนเฉลียวฉลาดกวา่ คนอ่ืน

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 175 แบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 การปฏิบัตติ นเป็ นชาวพุทธท่ีดี คาํ ชี้แจง เลอื กคาํ ตอบทถี่ ูกต้องท่ีสุดเพยี งคาํ ตอบเดียว 1. เมอื่ วดั เป็ นสมบัตขิ องชาวพทุ ธทุกคน เราจึงควรทาํ สิ่งใดในวดั ก วิ่งเล่นรอบ ๆ วหิ าร ข ช่วยเกบ็ กวาดขยะบริเวณวดั ค นาํ สุนขั หรือแมวมาปล่อยในวดั ง ขดู ขีดหรือเขียนภาพบนฝาผนงั โบสถ์ 2. ถ้าเราต้องการจะคบเพอื่ นสักคนไว้คอยห้ามปรามเราเมอ่ื เห็นว่า เราทาํ ผดิ หรือทําชั่ว คอยชี้แนะแนวทางท่ีถูกต้องให้เรา เราควรเลอื กคบเพอ่ื นประเภทใด ก มีน้าํ ใจ ข มีอุปการะ ค แนะนาํ ประโยชน์ ง ร่วมสุขร่วมทุกข์ 3. “ต่อหน้ามะพลบั ลบั หลงั ตะโก” สอดคล้องกบั พฤตกิ รรมของเพอ่ื นประเภทใด ก ดีแต่พดู ข ปอกลอก ค หวั ประจบ ง ชวนฉิบหาย 4. เราควรปฏิบตั ิตนอย่างไรจึงได้ช่ือว่าเป็ นแบบอย่างด้านศาสนสัมพนั ธ์ ก ยกยอ่ งแต่ศาสดาของตน ข เคารพนบั ถือเฉพาะศาสนิกชนของศาสนาตน ค อธิบายหลกั คาํ สอนของศาสนาตนวา่ ดีกวา่ ของศาสนาอ่ืน ง เขา้ ใจเมื่อมีผแู้ สดงความคิดเห็นเร่ืองศาสนาที่ต่างไปจากตน 5. ในบรรดาพทุ ธบริษทั 4 พทุ ธบริษทั ทมี่ บี ทบาทสําคญั และชัดเจนที่สุดในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา คอื กลุ่มใด ก ภิกษุ ข ภิกษุณี ค อุบาสก ง อุบาสิกา

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 176 6. มารยาทในข้อใดไม่ควรปฏิบตั ติ ่อพระสงฆ์ ก ประนมมือพดู กบั ท่าน ข ติดต่อขอพบท่านล่วงหนา้ ค เมื่อเสร็จกิจธุระแลว้ รีบลากลบั ง พดู คุยกบั ท่านอยา่ งเป็นกนั เอง 7. โต๊ะหมู่บูชาแบบใดนิยมจัดกนั มากในพธิ ีต่าง ๆ ก แบบหมู่ 4 ข แบบหมู่ 5 ค แบบหมู่ 7 ง แบบหมู่ 9 8. ในพธิ ีทาํ บุญเลยี้ งพระงานทําบุญขึน้ บ้านใหม่ การอาราธนาพระปริตรกระทําต่อจากกจิ กรรมใด ก การสมาทานศีล ข การอาราธนาธรรม ค การถวายเครื่องไทยธรรม ง การกรวดน้าํ อุทิศส่วนกศุ ล 9. วนั สําคญั ทางพระพทุ ธศาสนาวนั ใดท่ีองค์การสหประชาชาตปิ ระกาศให้เป็ น ”วนั สําคัญสากล” ก วนั มาฆบูชา ข วนั วิสาขบูชา ค วนั อฏั ฐมีบูชา ง วนั อาสาฬหบชู า 10. บุญช่วยกาํ หนดว่า “ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ” แสดงว่าบุญช่วยต้งั สตกิ าํ หนดอะไร ก จิต ข กาย ค ธรรม ง เวทนา

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1  177 ตอนท่ี 3.5 แบบทดสอบกลางภาค ด้านความรู้ ตอนท่ี 1 เลอื กคาํ ตอบที่ถูกต้องท่สี ุดเพยี งคาํ ตอบเดียว 1. ข้อใดไม่ใช่วตั ถุประสงค์ของการสังคายนา ก เพอ่ื ปรับปรุงพระธรรมวินยั ใหท้ นั สมยั ข เพื่อสร้างความมนั่ คงของพระพทุ ธศาสนา ค เพือ่ ทาํ ความเห็นเก่ียวกบั พระธรรมวนิ ยั ใหถ้ กู ตอ้ งตรงกนั ง เพอื่ ตรวจสอบและตรวจทานคาํ สง่ั สอนของพระพทุ ธศาสนาใหถ้ ูกตอ้ ง 2. พระมหากสั สปะเกย่ี วข้องกบั การทําสังคายนา คร้ังท่ี 1 อย่างไร ก เป็นประธานการทาํ สงั คายนา ข เป็นตน้ เหตุของการสงั คายนา ค เป็นผตู้ อบปัญหาดา้ นพระวินยั ง เป็นผตู้ อบปัญหาดา้ นพระธรรม 3. สถานที่ใดเกยี่ วข้องกบั การทําสังคายนา คร้ังท่ี 2 ก วดั วาลิการาม ข ถ้าํ สตั ตบรรณ ค มกุฏพนั ธนเจดีย์ ง อาโลกเลนสถานมลยั ชนบท 4. ข้อใดกล่าวไม่ถกู ต้องเกย่ี วกบั การสังคายนาคร้ังท่ี 9 ก ทาํ อยู่ 5 เดือน จึงสาํ เร็จ ข มีรัชกาลท่ี 1 เป็นองคอ์ ุปถมั ภ์ ค จารึกลงในใบลานดว้ ยอกั ษรขอม ง กระทาํ ท่ีวดั โพธาราม ประเทศไทย 5. “ต้งั ใจจะอุปถัมภก ยอยกพระพุทธศาสนา จะป้ องกนั ขอบขัณฑสีมา รักษาประชาชนและมนตรี” ข้อความนีม้ คี วามสัมพนั ธ์กบั ข้อใด ก พระมหากษตั ริยท์ รงเป็นพทุ ธมามกะ ข พระพทุ ธศาสนาเป็นสถาบนั คู่ชาติไทย ค พระมหากษตั ริยท์ รงเป็นอคั รศาสนูปถมั ภก ง คนไทยส่วนใหญ่ยอมรับนบั ถือพระพุทธศาสนา

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1  178 6. วรรณคดที างพระพทุ ธศาสนาในข้อใดแต่งในสมยั สุโขทัย ก ไตรภมู ิพระร่วง ข พระมาลยั คาํ หลวง ค ปุณโณวาทคาํ ฉนั ท์ ง นนั โทปนนั ทสูตรคาํ หลวง 7. ข้อใดสรุปพระพุทธศาสนาในสมยั อยุธยาได้ถูกต้องท่สี ุด ก พระมหากษตั ริยบ์ างพระองคส์ ่งเสริมพระพทุ ธศาสนา ข เกิดนิกายพระสงฆใ์ หม่ข้ึนในไทยมีชื่อวา่ อุบาลีวงศห์ รือสยามวงศ์ ค มีการแต่งวรรณคดีทางพระพทุ ธศาสนาข้ึนหลายเร่ือง เช่น ไตรภมู ิพระร่วง ง ไดร้ ับอิทธิพลการนบั ถือพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทแบบลงั กาวงศจ์ ากสุโขทยั 8. เพราะเหตใุ ดพระพุทธศาสนาจึงเป็ นสถาบันหลกั ควบคู่กบั พระมหากษัตริย์ ก คนไทยส่วนใหญ่นบั ถือพระพุทธศาสนา ข พระพทุ ธศาสนาเป็นศาสนาประจาํ ชาติไทย ค พระมหากษตั ริยท์ รงเป็นอคั รศาสนูปถมั ภก ง พระมหากษตั ริยไ์ ทยทุกพระองคท์ รงเป็นพทุ ธมามกะ 9. วัดอะไรท่ีรัชกาลท่ี 1 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขนึ้ ก วดั อรุณราชวราราม ข วดั สุทศั นเทพวราราม ค วดั พระศรีรัตนศาสดาราม ง วดั ราชบพธิ สถิตมหาสีมาราม 10. พระมหากษัตริย์พระองค์ใดโปรดเกล้าฯ ให้จดั พมิ พ์พระไตรปิ ฎกด้วยอกั ษรไทยเป็ นคร้ังแรก ก รัชกาลท่ี 1 ข รัชกาลที่ 2 ค รัชกาลท่ี 4 ง รัชกาลที่ 5 11. อะไรเป็ นเสมอื นตวั แทนพระพทุ ธศาสนาในประเทศไทย ก โบสถ์ ข เทวรูป ค พิธีกรรม ง วดั และพระสงฆ์

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1  179 12. “คดิ ถึงพ่อ พ่ออยู่ คู่กบั เจ้า ชาตขิ องเรา คงอยู่ คู่พระศาสนา พระพุทธศาสนา อยู่ยง คู่องค์กษตั รา พระศาสดา ฝากไว้ ให้คู่กนั ” คาํ จารึกนีแ้ สดงถึงความสําคญั ของพระพุทธศาสนาอย่างไร ก พระพทุ ธศาสนาเป็นสภาพแวดลอ้ มที่กวา้ งขวาง ข พระพทุ ธศาสนาเป็นสถาบนั คู่ชาติและพระมหากษตั ริย์ ค พระพทุ ธศาสนาเป็นหลกั ในการพฒั นาชาติคู่กบั พระมหากษตั ริย์ ง พระพทุ ธศาสนาเป็นศาสนาประจาํ ชาติและเป็นศาสนาประจาํ สถาบนั พระมหากษตั ริย์ 13. ประเพณีในข้อใดมรี ากฐานมาจากพระพทุ ธศาสนาโดยตรง ก การแต่งงาน ข การทอดกฐิน ค การจดั งานศพ ง การทาํ บุญข้ึนบา้ นใหม่ 14. ข้อใดเป็ นเหตุผลยนื ยนั ได้ว่าพระพทุ ธศาสนาเป็ นสภาพแวดล้อมทก่ี ว้างขวางและครอบคลุมสังคมไทย ก มีวดั กระจายอยเู่ กือบทุกหม่บู า้ น ข ประเพณีและพธิ ีกรรมต่าง ๆ ลว้ นเก่ียวขอ้ งกบั พระพทุ ธศาสนา ค ลกั ษณะนิสยั และมารยาทไทยลว้ นมีรากฐานมาจากพระพทุ ธศาสนา ง ถกู ทุกขอ้ 15. ถ้าจะให้เรา พ่อแม่ และพน่ี ้องอยู่ร่วมกนั อย่างมคี วามสุข ควรนําหลกั ธรรมข้อใดมาประพฤตปิ ฏิบัติ ก อริยสจั 4 ข อิทธิบาท 4 ค สงั คหวตั ถุ 4 ง ฆราวาสธรรม 4 16. รุมมนิ เด ประเทศเนปาล เกย่ี วข้องกบั พระพุทธเจ้าอย่างไร ก เป็นสถานที่ตรัสรู้ ข เป็นสถานที่ประสูติ ค เป็นสถานท่ีปรินิพพาน ง เป็นสถานที่แสดงปฐมเทศนา 17. เจ้าชายสิทธัตถะทรงเห็นเทวทูตใดทีท่ ําให้พระองค์ตดั สินพระทัยเสดจ็ ออกผนวช ก คนแก่ ข คนเจบ็ ค คนตาย

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1  180 ง สมณะ 18. พญามารทีม่ าขดั ขวางไม่ให้เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกผนวชหมายถงึ อะไร ก ความรักในพระโอรส ข ความสุขในราชสมบตั ิ ค ความเป็นห่วงบา้ นเมือง ง ความลงั เลใจที่จะเสดจ็ ออกผนวช 19. บทวเิ คราะห์ว่า “เมอื่ เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกผนวชจะทรงบรรลโุ พชฌงค์...” ตรงกบั พทุ ธประวตั ิ ตอนใด ก เทวดาดีดพิณ 3 สาย ข พระราชมารดาทรงสุบินเห็นชา้ งเผอื ก ค เจา้ ชายสิทธตั ถะเสด็จพระดาํ เนินได้ 7 กา้ ว ง พญามารเขา้ หา้ มไม่ใหเ้ จา้ ชายสิทธตั ถะเสดจ็ ออกผนวช 20. พระสิทธัตถะตรัสรู้เป็ นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยวธิ ีการใด ก อดอาหาร ข ฌานสมาบตั ิ ค กล้นั ลมหายใจ ง บาํ เพญ็ เพียรทางจิต 21. ข้อคิดจากอมั พชาดกต้องการปลูกฝังให้เราเป็ นคนอย่างไร ก เมตตากรุณา ข กตญั ญกู ตเวที ค เอ้ือเฟ้ื อเผอ่ื แผ่ ง เคารพนบั ถือกนั 22. “กนิ บนเรือนขีบ้ นหลงั คา” มคี วามหมายตรงกบั พฤตกิ รรมใด ก ด้ือร้ัน ข เนรคุณ ค ไม่มีสจั จะ ง ขาดเมตตา 23. คาํ ว่า “สมานฉันท์” หรือ “สัมมาคารวะ” น่าจะสอดคล้องกบั คตธิ รรมจากชาดกเรื่องใด ก อมั พชาดก ข ติตติรชาดก ค จฬู เสฏฐิชาดก ง วณั ณาโรหชาดก

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1  181 24. อมั พชาดกให้ข้อคดิ เกย่ี วกบั คุณธรรมเรื่องใด ก ความจริงใจ ข ความเมตตา ค ความกตญั ญู ง ความซื่อสตั ย์ 25. การศึกษาชาดกมปี ระโยชน์อย่างไร ก ไดร้ ู้แนวทางการเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนา ข ไดร้ ู้ประวตั ิศาสตร์ของอินเดียสมยั โบราณ ค ไดแ้ บบอยา่ งในการดาํ เนินชีวิตของพุทธสาวกและพทุ ธสาวิกา ง ไดข้ อ้ คิดหรือคติธรรมสาํ หรับนาํ ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวิตประจาํ วนั 26. พทุ ธคุณข้อใดเป็ นพระปัญญาคุณ ก พทุ โธ ข อะระหงั ค ภะคะวา ง สุคะโต 27. ภักดรี ู้ตวั เองว่ามปี ัญหาเร่ืองการเรียน ภกั ดคี วรใช้หลกั ธรรมข้อใดมาช่วยแก้ไข ก อริยสจั 4 ข หลกั กรรม ค อบายมุข 6 ง ไตรลกั ษณ์ 28. เพราะอะไรอริยสัจ 4 จงึ เป็ นหัวใจของหลกั คาํ สอนของพระพทุ ธศาสนา ก เพราะเป็นหลกั ธรรมท่ีพระพทุ ธเจา้ ตรัสรู้ ข เพราะเป็นหลกั ความจริงอนั ประเสริฐของชีวติ ค เพราะสมบูรณ์ดว้ ยหลกั การ ภาคทฤษฎี และภาคปฏิบตั ิ ง เพราะหลกั คาํ สอนของพระพทุ ธเจา้ ท้งั หมดสรุปลงในอริยสจั 29. “วนั วสิ าอยากได้โทรศัพท์มือถือ แต่แม่บอกว่ายงั ไม่ถงึ เวลาที่จะใช้ รอให้ขึน้ ช้ัน ม. 2 ก่อน” วนั วสิ าตกอยู่ในภาวะใด ก ภวตณั หา ข กามตณั หา ค วภิ วตณั หา ง ภวตณั หาและวภิ วตณั หา

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1  182 30. การศึกษาเรื่องขนั ธ์ 5 และธาตุ 4 มปี ระโยชน์ต่อไปนีย้ กเว้นข้อใด ก ทาํ ใหร้ ู้จกั ตนเอง ข ทาํ ใหเ้ บ่ือหน่ายชีวิต ค ทาํ ใหเ้ ป็นคนมีเหตุผล ง ทาํ ใหเ้ ป็นคนไม่ประมาท 31. “แต่ละคนมฐี านะหรือความเป็ นอยู่ที่แตกต่างกนั การมคี วามรู้ความเข้าใจเรื่องกรรมทําให้รู้จกั วเิ คราะห์ตนเองและอยู่ร่วมกบั ผ้อู นื่ ได้อย่างมคี วามสุข” ข้อความนีก้ ล่าวถงึ เรื่องอะไร ก ความหมายของกรรม ข การมีความรู้เร่ืองกรรม ค การวิเคราะห์ตนเองตามหลกั กรรม ง คุณค่าของการมีความรู้ความเขา้ ใจเรื่องกรรม 32. “ตาลเห็นคุณยายแตนถูกรถชนจงึ นาํ ไปส่งโรงพยาบาล ซ่ึงถือว่าตาลได้ทาํ ความด”ี จากเหตุการณ์นี้ ความดีอนั ดบั แรกทีต่ าลได้รับคอื อะไร ก ความทางสุขใจ ข การไดร้ ับประกาศนียบตั ร ค การไดร้ ับความรักจากคุณยาย ง การไดร้ ับการยกยอ่ งสรรเสริญจากบุคคลอ่ืน 33. “2 นักร้องหนุ่มค่ายเพลงดงั ทะเลาะกนั กลางผบั อาร์ซีเอ เหตุแย่งกนั จีบสาว” ข่าวนีแ้ สดงให้เห็นถึง เรื่องอะไร ก โทษของอบายมุข ข พฤติกรรมนกั ร้องหนุ่ม ค การทาํ งานของค่ายเพลง ง การเปิ ดผบั เวลากลางคืน 34. “เครียดตกงาน... เป็ นหนี.้ .. ไม่มเี งินจ่าย...” ปัญหานีเ้ กดิ ขนึ้ เพราะไม่มคี หิ ิสุขข้อต่อไปนีย้ กเว้นข้อใด ก อตั ถิสุข ข โภคสุข ค อนณสุข ง อนวชั ชสุข 35. “แคนรู้ว่าการเสพสิ่งเสพติดเป็ นส่ิงที่ไม่ดี แม้เพอื่ น ๆ จะชักชวนให้เสพ แต่เขากป็ ฏิเสธ” ข้อความนี้ แสดงให้เห็นว่าแคนมโี กศลข้อใด ก อายโกศลและอปายโกศล ข อุปายโกศลและอายโกศล ค อปายโกศลและอุปายโกศล

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1  183 ง อายโกศล อปายโกศล และอุปายโกศล 36. “โจ๋เดอื ดยกพวกตะลุมบอนคู่อริบาดเจบ็ 3 สาหัส 1” ข่าวนีแ้ สดงให้เห็นลกั ษณะของเพอื่ นประเภทใด ก เพอื่ นปอกลอก ข เพ่อื นหวั ประจบ ค เพอ่ื นร่วมสุขร่วมทุกข์ ง เพ่อื นชกั ชวนไปในทางเสียหาย 37. การกระทําของใครสอดคล้องกบั พุทธศาสนสุภาษิตว่า “จงเตอื นตนด้วยตนเอง” ก น้าํ รู้วา่ ใกลจ้ ะสอบแลว้ จึงจดั ตารางอ่านหนงั สือเพ่อื เตรียมสอบ ข เพชรพยายามเกล้ียกล่อมเพ่อื น ๆ ใหย้ อมรับความคิดเห็นของตน ค สายฟ้ าช่วยพอ่ แมป่ ระหยดั น้าํ และไฟฟ้ า เพราะอยใู่ นช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่าํ ง นาวนิ ปฏิเสธเพอ่ื นรุ่นพี่ท่ีมาชกั ชวนใหห้ นีเรียน เพราะกลวั ครูจบั ไดแ้ ละถกู ลงโทษ 38. พุทธศาสนสุภาษิตว่า “คบคนเช่นใด เป็ นเช่นน้ัน” สอดคล้องกบั ข้อใด ก กินบนเรือนข้ีบนหลงั คา ข น้าํ ข่นุ อยใู่ น น้าํ ใสไวน้ อก ค ชา้ งสาร งเู ห่า ขา้ เก่า เมียรัก ง เขา้ ฝงู หงส์เป็นหงส์ เขา้ ฝงู กาเป็นกา 39. “นิดกบั ป้ ุยตดั สินใจไม่ไปเที่ยวกบั เพอ่ื น ๆ เพราะต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบ” ตรงกบั พทุ ธศาสนสุภาษติ ข้อใด ก ยํ เว เสวติ ตาทิโส ข นิสมฺม กรณํ เสยฺโย ค อตฺตนา โจทยตฺตานํ ง อตฺตา หิ อตฺโนนาโถ 40. ลกั ษณะครอบครัวท่ีดีมสี ุขคอื ข้อใด ก มีสมาชิกนอ้ ย ข มีฐานะร่ํารวย ค สมาชิกทุกคนมีการศึกษา ง สมาชิกทุกคนรักใคร่ปรองดองกนั

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1  184 ตอนที่ 2 ตอบคาํ ถาม 1. การทาํ สงั คายนามีผลต่อความเจริญรุ่งเรืองของพระพทุ ธศาสนาอยา่ งไร แนวคาํ ตอบ การทาํ สังคายนาเป็ นการนาํ หลกั คาํ สอนของพระพทุ ธเจ้ามาจัดเป็นหมวดหม่อู ย่างเป็นระบบ และได้ จัดพิมพ์เป็นพระไตรปิ ฎกในเวลาต่อมา เพื่อใช้เป็นหลกั ฐานสาํ คัญในการศึกษาเรียนรู้และเผยแผ่ พระพทุ ธศาสนา เพื่อช่วยให้พทุ ธบริษทั มีความเห็นและปฏิบัติตามพระธรรมวินัยถกู ต้องตรงกนั 2. พระพทุ ธศาสนาไดเ้ ผยแผเ่ ขา้ สู่ประเทศไทยต้งั แต่เม่ือใดและมีสิ่งใดที่เป็นหลกั ฐานอา้ งอิง แนวคาํ ตอบ สันนิษฐานกันว่าพระพทุ ธศาสนาได้เผยแผ่เข้าสู่ประเทศไทยในช่วง พ.ศ. 500 ภายหลังการสังคายนา ครั้งท่ี 3 พระเจ้าอโศกมหาราชได้ส่งพระโสณเถระและพระอตุ ตรเถระเข้ามาเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาใน ดินแดนสุวรรณภูมิ หลกั ฐานทางประวัติศาสตร์ ที่ค้นพบท่ีจังหวัดนครปฐม เช่น ศิลาธรรมจักรและกวางหมอบ 3. การตดั สินพระทยั ออกผนวชของเจา้ ชายสิทธตั ถะเป็นประโยชน์ต่อระบบสงั คมอินเดียอยา่ งไร แนวคาํ ตอบ สังคมอินเดียในสมยั นั้นเป็นสังคมที่มีวรรณะ และถือเร่ืองวรรณะรุนแรงมาก วรรณะพราหมณ์และ กษัตริย์มีการแก่งแย่งชิงดีกนั มาโดยตลอด วรรณะช้ันกลางคือ แพศย์ กเ็ อารัดเอาเปรียบวรรณะศูทร ซึ่ง เป็นวรรณะชั้นตา่ํ เม่ือเจ้าชายสิทธัตถะได้ตรัสรู้เป็นพระพทุ ธเจ้าแล้วทรงเทศนาสั่งสอนให้ทุกคนมีความ เสียสละไม่เห็นแก่ตวั และวรรณะช้ันตา่ํ ได้แก่ ศูทรและจัณฑาล เม่ือเข้ามาบวชในพระพทุ ธศาสนากม็ ี ความเท่าเทียมกับวรรณะอื่น ๆ เป็นต้น

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1  185 4. “กรรม” ในความหมายของคนทว่ั ไปกบั ความหมายตามหลกั พระพทุ ธศาสนาต่างกนั อยา่ งไร แนวคาํ ตอบ กรรมในความหมายของคนท่ัวไปมักตีความหมายไปในทางลบ เมื่อนาํ ไปใช้คู่กับคาํ อื่น เช่น บาปกรรม เวรกรรม กรรมตามสนอง ซ่ึงเป็นสิ่งที่ไม่น่าปรารถนา ส่วนกรรมในความหมายตามหลกั พระพทุ ธศาสนา หมายถึง การกระทาํ ของมนษุ ย์ท่ีประกอบด้วยเจตนาและลงมือปฏิบัติทางกาย ทางวาจา และทางใจ 5. นกั เรียนสามารถนาํ หลกั อริยสจั 4 มาใชใ้ นการดาํ เนินชีวติ ไดอ้ ยา่ งไร แนวคาํ ตอบ เราสามารถนาํ หลกั อริยสัจ 4 มาใช้เป็นหลักในการดาํ เนินชีวิตได้ดังนี้ 1) กาํ หนดรู้ยอมรับกบั สภาพต่าง ๆ ตามความเป็นจริงที่เรียกว่า ทุกข์ 2) วิเคราะห์และมองปัญหาเพ่ือให้เห็นถึงสาเหตุของปัญหานั้น ๆ ท่ีเรียกว่า สมทุ ัย 3) กาํ หนดทางเลือกหรือทางออกของปัญหาที่เรียกว่านิโรธ 4) ดาํ เนินตามทางเลือกในการแก้ปัญหาจนสามารถดับปัญหาท่ีเกิดขึน้ ได้ที่เรียกว่า มรรค สรุปผล คะแนน การประเมนิ เตม็ ได้ ตอนท่ี 1 ตอนที่ 2 รวม ลงช่ือ ผู้ประเมิน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook