รายงานการวจิ ยั ในชนั้ เรยี น เรื่อง การพัฒนาความสามารถในการอา่ นเพอื่ การส่อื สาร ของนกั เรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 โดยใชบ้ ทอา่ นประกอบการต์ นู วจิ ยั โดย นางพกิ ลุ เหมอื งคา กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 สานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน
1 รายงานการวิจัยในช้ันเรยี น เร่ือง การพัฒนาความสามารถในการอ่านเพอ่ื การสื่อสารของนักเรยี นชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้บทอ่านประกอบการต์ ูน ความสาคัญและที่มาของปัญหา จากการปฏิบัตหิ น้าท่สี อนวชิ าภาษาอังกฤษ ซึ่งเปน็ วิชาท่มี ีความสาคญั วิชาหนง่ึ โดยเฉพาะใน ปจั จบุ นั แทบจะกล่าวไดว้ า่ เป็นวชิ าที่มีความสาคัญมาก เพราะภาษาอังกฤษเปน็ หนงึ่ ในภาษาสากลทใ่ี ช้ ติดต่อส่อื สารระหวา่ งประเทศ เพ่ือเจรจาต่อรองหรอื เจรจาเพ่ือร่วมมือกันในดา้ นการคา้ การเมือง การทตู เปน็ ตน้ อยา่ งไรกต็ ามสาหรบั นกั เรียนท่ีกาลงั เรยี นอยุใ่ นทกุ ช่วงชัน้ โดยเฉพาะในระดับมัธยมศกึ ษาจะต้อง เรียนวชิ าภาษาอังกฤษระดับช้ันละ 2 รายวชิ า คอื วชิ าภาษาองั กฤษพ้นื ฐาน และภาษาองั กฤษเพิ่มเติมตามท่ี กาหนดไวใ้ นหลักสตู ร ในการเรียนรวู้ ชิ าภาษาองั กฤษจะมกี ารเรียนรู้เปน็ 4 ทักษะคือทักษะการฟงั การพูด การอ่าน และการเขียน สาหรบั ตัวผวู้ จิ ัยซ่งึ เปน็ ครูสอนภาษาอังกฤษเปน็ เวลาหลายปี พบวา่ ทักษะที่ นกั เรียนไม่ประสบผลสาเร็จในการเรยี นเท่าท่ีควรคือทักษะการอา่ น โดยเฉพาะนกั เรยี นที่อยู่ในระดับการ เรยี นปานกลาง และอ่อนจะมีความตื่นกลวั เม่ือต้องเจอบทอ่านทย่ี าวๆ ผวู้ ิจยั จึงเกิดแนวคิดว่าปญั หาทนี่ า่ จะ แก้ไขก็คือหาวิธกี ารทจี่ ะทาให้นักเรยี นไมต่ ่นื กลวั ท่จี ะอ่านบทอ่านใดๆ และละเลยท่จี ะไม่อ่านจนทาให้มี ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนต่า โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ ข้อสอบเขา้ ศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาร้อยละ 60 เป็นบท อา่ น นอกจากน้นั ทักษะการอ่านยังเป็นทักษะทีจ่ ะต้องใชใ้ นการแสวงหาความรเู้ ป็นเคร่ืองมือแห่งการ เรียนรู้เป็นวธิ กี ารศึกษาหาความรู้ด้วยตนเองวิธหี น่ึง ซ่งึ ทุกคนสามารถทีจ่ ะปฏบิ ัติไดโ้ ดยไมจ่ ากดั เวลา สถานท่ีและโอกาสเพราะการอ่านถือเป็นทักษะหนึ่งซ่งึ เปน็ ปัจจัยและรากฐานสาคัญของการศึกษาในทุก ระดับชน้ั ดว้ ยเหตุผลดงั กล่าวผูว้ ิจยั จงึ มีความต้งั ใจที่จะแกป้ ัญหานโ้ี ดยทาใหบ้ ทอา่ นท่นี ักเรยี นตอ้ งเรียนต้อง ฝึกมคี วามน่าสนใจย่ิงขึ้น ผวู้ ิจัยจึงนาภาพการ์ตนู ซ่งึ เป็นภาพทีส่ อดคลอ้ งและกลมกลืนกับเนอ้ื หามา ประกอบในบทอา่ น จงึ ทาใหบ้ ทอา่ นมีความน่าอ่านมากขึน้ เพราะภาพการ์ตนู เปน็ ภาพท่ีไม่วา่ เดก็ หรือ ผใู้ หญ่ให้ความสนใจ แลว้ ผวู้ จิ ัยได้นาบทอ่านดงั กลา่ วไปใช้กับนักเรียนชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ภาคเรียนท่ี 2 ปี การศึกษา 2563 สาหรบั หน่วยเนือ้ หาท่ีผวู้ จิ ยั ใช้เป็นบทอ่าน ไดเ้ ลอื กสรรเน้ือหาสาระ จากหน่วย ภาษาและ วัฒนธรรม ทมี่ ีลกั ษณะที่ดีวา่ จะต้องประกอบด้วยคาศัพท์ สานวนอยู่ในระดบั ท่เี หมาะสมกบั วยั อกี ท้ัง โครงสร้างไวยากรณ์ทีไ่ มซ่ ับซ้อนเกนิ ไป มภี มู ิหลังท่ีนักเรยี นค้นุ เคยในท้องถิ่นน้นั ๆ ซ่ึงจะทาให้บทเรียนงา่ ย ข้ึน ผู้วิจัยจงึ ไดจ้ ดั ทาบทอ่านจากนทิ านพื้นบ้าน ประกอบภาพการต์ นู ดังกล่าว ทาการวิจัยในช้นั เรียนควบคู่ ไปดว้ ย แนวคิดและทฤษฎที ่ีใช้ในการวจิ ัย เอกสารท่ผี ู้วิจยั ใชเ้ ป็นแนวคดิ ในการวจิ ัยคร้งั นีม้ ดี ังน้คี ือ 1. เอกสารท่ีเก่ียวข้องกับบทเรยี นการอา่ นและทฤษฎีการอ่านเพ่อื การส่อื สาร 1.1 หลักการสร้างบทเรยี นการอ่านภาษาองั กฤษเพ่ือการส่ือสารควรคานึงถึงส่ิงต่างๆ ได้แก่ ควรมจี ุดมุง่ หมายในการสรา้ งเน้อื หาประกอบด้วยคาศัพท์ สานวนทไี่ ม่งา่ ยและไม่ยากเกนิ ไป มโี ครงสรา้ ง ทางภาษาไม่ซบั ซ้อน และเหมาะสมกบั ระดับของนักเรียน เป็นเรือ่ งราวท่ไี ม่ไกลตวั ซึง่ นักเรยี นพบเห็นและมี ความคุน้ เคยในท้องถิน่ ของตน เปน็ บทอ่านทนี่ ่าสนใจและไม่ยาวเกนิ ไป
2 1.2 หลักการอ่านตามแนวทฤษฎีการอา่ นเพ่ือการสื่อสาร ควรม่งุ เน้นให้นกั เรียนมหี ลักการใน การอา่ น คือ อ่านอย่างมจี ุดมุ่งหมายว่าอ่านเพ่อื อะไร และอ่านในส่ิงทพ่ี บเหน็ ได้ในชีวติ จริง โดยเลอื กอา่ นสง่ิ ท่นี ่าสนใจ มปี ระโยชน์และเหมาะสมกับวัยซึ่งจะทาให้นักเรียนไม่จาเจและไม่เกดิ ความเบ่ือหน่าย 2. เอกสารทเี่ ก่ยี วขอ้ งกับการต์ ูน 2.1 ความหมายของการ์ตนู หมายถงึ ภาพล้อเลียน ภาพตลก บางทีเปน็ ภาพบุคคล บางที เขยี นเปน็ ภาพท่ีแสดงเหตุการณท์ ่ีผู้เขยี นตัง้ ใจล้อเลียนจะให้รูส้ ึกขบขัน บางทีเขยี นเป็นเร่ืองราว 2.2 ประโยชนข์ องการ์ตูน เนือ่ งจากการ์ตูนเปน็ ภาพทใ่ี ครๆ กช็ อบไม่ว่าเดก็ หรือผูใ้ หญ่ เพราะว่าการ์ตนู น้นั ส่อื สารได้งา่ ย มีความน่ารักและแฝงด้วยความขบขนั จงึ ปรากฏวา่ ครูทีร่ จู้ กั นาภาพ การต์ ูนมาใชใ้ นบทเรยี นของเนอื้ หาใดๆ จะประสบผลสาเร็จเปน็ อยา่ งดี เพราะสามารถใชโ้ นม้ นา้ วความ สนใจของเด็กๆ เขา้ สบู่ ทเรียนไดง้ า่ ย วัตถุประสงค์ของการวิจัย เพอื่ พัฒนาความสามารถในการอ่านเพื่อการส่อื สารของนักเรยี นช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2/2563 โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31 สมมติฐานในการวิจัย บทอา่ นประกอบภาพการ์ตูนท่ีสร้างขนึ้ สามารถพฒั นาความสามารถในการอ่านของนกั เรยี นชั้น มธั ยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรยี นที่ 2/2563 โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31ได้ วิธีดาเนนิ การวจิ ัย 1. ศกึ ษาหน่วยเน้ือหาท่ีกาหนดไว้ในผังมโนทศั นข์ องหลักสูตรการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2560 ของกลมุ่ สาระภาษาต่างประเทศ (ภาษาองั กฤษ) ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 2. เลอื กหนว่ ยเนือ้ หาท่เี หมาะสมทีจ่ ะสามารถสร้างบทอ่านประกอบภาพการต์ ูนได้ 3. ศึกษารายละเอียดเกยี่ วกบั การสรา้ งบทอ่านประกอบภาพการต์ นู 4. สร้างบทอ่านประกอบภาพการ์ตนู 5. ทดลองใชก้ ับนักเรียนแบบหน่ึงต่อหนึ่ง คือนักเรียนเกง่ 1 คน ปานกลาง 1 คน และอ่อน 1 คน บนั ทกึ ผลการใช้ 6. ทดลองใช้กับนักเรยี นกลมุ่ เล็ก จานวน 10 คน แล้วบนั ทึกผลการใช้ 7. ปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่อง 8. นาไปให้ผู้เช่ียวชาญตรวจสอบ ซ่ึงผเู้ ช่ยี วชาญมี 3 ท่าน 9. นาบทอา่ นไปปรบั ปรงุ แก้ไขตามข้อเสนอแนะของผู้เชยี่ วชาญ 10. สร้างแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธิ์ก่อนเรยี นและหลงั เรยี นของเนื้อหาบทอา่ นแต่ละบท 11. นาบทอ่านไปทดลองใช้กบั กลุ่มตัวอยา่ ง 12. รวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูล 13. รายงานผลการใชห้ รอื รายงานการวจิ ัย
3 ประชากรและกลุ่มตวั อย่าง 1. ประชากรคือนกั เรยี นช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31ภาคเรยี นที่ 2 ปี การศกึ ษา 2563 จานวน 140 คน 2. กล่มุ ตวั อยา่ งคอื นักเรียนชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 1/5โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 จานวน 28 คน ซ่งึ ได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย เครือ่ งมือการวจิ ยั 1. แผนการจัดการเรียนรู้ 2. บทอ่านประกอบภาพการ์ตูน 3. แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธก์ิ อ่ นเรยี นและหลังเรยี น จานวนเรือ่ งละ 20 คะแนน การรวบรวมขอ้ มูล 1. เก็บรวบรวมข้อมลู จากคะแนนผลสัมฤทธ์กิ ่อนเรยี น ของนักเรยี นกลมุ่ ตัวอยา่ ง จานวน 28 คน 2. เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู จากคะแนนผลสมั ฤทธห์ิ ลงั เรียนของนักเรียนกลมุ่ ตัวอยา่ ง จานวน 28 คน นาขอ้ มลู มาเปรียบเทยี บหาความกา้ วหน้าหรือผลการพฒั นาทางการเรียน การวิเคราะห์ขอ้ มูล วเิ คราะหข์ ้อมลู โดยเปรยี บเทยี บผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนก่อนเรียนและหลงั เรยี น โดยการหาค่า ประสทิ ธิผลทางการเรียนดว้ ยสตู ร ดชั นีประสิทธิผล= ผลรวมของคะแนนทดสอบหลงั เรยี น-ผลรวมของคะแนนทดสอบก่อนเรยี น (จานวนนักเรยี น) (คะแนนเต็ม) – ผลรวมของคะแนนทดสอบก่อนเรยี น สรปุ ผลการวิจัย จากผลการวจิ ัยพบว่านักเรยี นกลุ่มตัวอยา่ งที่เรยี นด้วยบทอ่านประกอบภาพการต์ ูน มีคะแนนเฉลีย่ ก่อนเรียนเท่ากับ 10.54 และคะแนนเฉล่ยี หลงั เรยี นเทา่ กับ 24.40 นาคา่ คะแนนท้ังสองรายการมาหาคา่ ดัชนีประสิทธิผลทางการเรียน ซึ่งมคี า่ เท่ากับ 0.71 แสดงวา่ ผเู้ รียนมคี วามสามารถเพ่ิมข้ึน รอ้ ยละ 71 หมายถึง มีความก้าวหนา้ ทางการเรียนคิดเป็นร้อยละ 71 ขอ้ เสนอแนะ 1. ขอ้ เสนอแนะในการนาไปใช้ 1.1 ครผู ู้สอนควรจัดทาบทอา่ นประกอบภาพการ์ตนู ในหนว่ ยเนื้อหาอน่ื ๆ และเผยแพรก่ าร ใชอ้ ย่างกวา้ งขวาง 1.2 ผู้บริหารควรสนบั สนนุ ให้การนาบทอา่ นประกอบภาพการต์ ูนและนวัตกรรมอนื่ ๆ ที่เหน็ ว่ามีคณุ ภาพไปใชก้ บั กลุ่มสาระการเรยี นรู้อน่ื ๆ 2. ขอ้ เสนอแนะในการวจิ ัยครั้งต่อไป 2.1 ควรทาการวิจยั เพ่ือหาประสทิ ธิผลของสอ่ื และนวัตกรรมอื่นๆ ทีเ่ หน็ ว่ามีประสทิ ธภิ าพ 2.2 ควรทาการวจิ ยั เพื่อพฒั นาทกั ษะอื่นๆ เช่น การฟัง การพูดและการเขยี น
Search
Read the Text Version
- 1 - 4
Pages: