3.ชมุ ชน การวัดและประเมินผล 1.วดั จากการทาแบบฝึกหัดเติมคาและตอบคาถามจากเร่อื งทฟี่ งั 2.วัดจากการเลน่ เกมและการจัดทาเกมทางภาษา 3.วัดจากการจับคู่สนทนาเกยี่ วกับการใชเ้ วลาว่าง ช่วั โมงที่ 7 – 8 ขน้ั Warm-up 1. ใหน้ ักเรยี นรอ้ งเพลง และทาทา่ ทางประกอบ Enemy Weary Spider Enemy Weary Spider rent up the water sport. Down came the rain and washed the spider out. Out come the sun and dried up all rain. So , Enemy Weary spider went up the sport again. ขั้น Pre - listening 2. นักเรียนฟังเทป 1 รอบ 3. ครนู าเสนอคาศัพท์และสานวนยากท่อี ยใู่ นเพลง 4. ใหน้ กั เรียนฟงั เพลงอกี 1 รอบ ขน้ั While – listening 5. นกั เรียนแบ่งกลุม่ ๆ ละ 4 – 6 คน 6. หัวหนา้ กลุ่ม รับซองเกมจากครูกลุ่มละ 1 ชดุ โดยในซองจะประกอบด้วยแถบประโยคของเพลง ท่สี ลับกันอยู่ 7. เปิดเพลงแลว้ ใหน้ กั เรียนเรียงแถบประโยค (Scripts) ตามเพลงทไ่ี ดย้ ิน 8. กลุ่มใดเรียงไดร้ วดเรว็ และถกู ตอ้ งท่ีสุดเป็นกลุ่มชนะ ครูเฉลยเนื้อเพลงท่ีถูกตอ้ ง 9. นกั เรียนรว่ มกันร้องเพลงตามเทปทั้งช้ัน 10.นกั เรียนทาแบบฝึกเติมคาที่ขาดหายไปในเนื้อเพลง (ใบงานท่ี 4) ขัน้ Post - listening 11.นกั เรยี นแบ่งกล่มุ สบื คน้ เพลงท่ีตนเองช่นื ชอบแลว้ มาจัดทารูปแบบฝกึ ให้นกั เรยี นคนอ่ืน ๆ ทา โดยการดาเนินกจิ กรรมตามความเหน็ ชอบของกลุ่ม ข้ัน Wrap-up 12. จดั ทาหนังสือเพลงสากลขนาดเลก็ โดยรวบรวมเพลงจากที่นักเรยี นไปสืบคน้ มา แลว้ ฝกึ ร้องใน เวลาว่าง สอื่ การเรยี นรู้ 1.เพลง 2.ใบงานที่ 4 3.หนังสือพิมพ์ นิตยสาร
4.หนงั สือเกม แหล่งเรียนรู้ 1.ห้องศูนย์สื่อภาษาองั กฤษ 2.ห้องสมุด 3.ชุมชน การวัดและประเมินผล 1.วดั จากการทาแบบฝกึ หัดเติมคาและตอบคาถามจากเรอื่ งทฟี่ งั 2.วดั จากการเลน่ เกมและการจดั ทาเกมทางภาษา 3.วดั จากการจบั คู่สนทนาเก่ียวกับการใช้เวลาวา่ ง ชัว่ โมงท่ี 9 – 10 (Integrated Skill) ขั้น Warm-up 1. นักเรยี นร้องเพลง A Side A Side , a Side , a Side , a Side , a font , a back . A Side , a Side , a Side , a Side , a front , a back . A front , a back (repeat) A Side , a front , a back. ขัน้ Presentation 2. ครแู จกใบความรู้เก่ยี วกบั วธิ เี ลน่ เกมต่าง ๆ จานวน 5 เกม (ใบความรู้ที่ 4) 3. นักเรยี นศกึ ษาใบความร้นู นั้ ๆ แลว้ จบั กลุ่มเพ่ือเลน่ เกมต่าง ๆ 4. เสนอคาศพั ท์ยากท่อี ย่ใู นเกมเหล่านนั้ โดยการใช้รูปภาพ ของจริง คาอธิบาย การให้ ความหมายเหมือนและความหมายต่าง เป็นต้น ขนั้ Practice 5. ให้นักเรยี นเล่นเกม เหล่านั้นทลี ะเกม 6. ร่วมกนั สรปุ ชื่อเกมและวิธีเล่นบนกระดาน ขนั้ Production 7. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มจดั ทาเกม กลุ่มละ 1 เกม แลว้ มาสาธติ วธิ เี ล่นให้เพอื่ น ๆ เล่นตาม ขน้ั Wrap-up 8. รว่ มกันรวบรวมเกมทจี่ ดั ทามาเป็นเลม่ และใช้ช่ือว่า เกมภาษาอังกฤษ (English Game) แลว้ แจก ใหน้ กั เรียนที่สนใจท่ีจะเลน่ เกม สือ่ การเรยี นรู้ 1. เพลง A Side 2.ใบความรทู้ ี่ 4 3.หนงั สอื พมิ พ์ นิตยสาร 4.หนงั สือเกม
แหล่งเรยี นรู้ 1.ห้องศนู ยส์ อ่ื ภาษาอังกฤษ 2.หอ้ งสมุด 3.ชมุ ชน การวดั และประเมินผล 1.วดั จากการทาแบบฝึกหัดเตมิ คาและตอบคาถามจากเร่อื งทฟ่ี งั 2.วัดจากการเล่นเกมและการจัดทาเกมทางภาษา 3.วดั จากการจับคู่สนทนาเก่ยี วกบั การใชเ้ วลาว่าง 4.วัดจากการทดสอบ Post Test
ใบความรู้ที่ 1 เวลา 5 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 10 (Free time and Entertainment) เรือ่ ง ตวั อยา่ งกับกรยิ าท่ีกระทาในเวลาว่าง นาที
ใบความรทู้ ่ี 2 เวลา 8 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 10 (Free time and Entertainment) เรอ่ื ง ตวั อยา่ งบทสนทนาเกีย่ วกับเร่ือง เวลาว่าง นาที Conversation 1 Tipa : What do you do in your free time ? Julai : I listen to music . But I don , t get much free time. What do you do in your free time ? Tipa : Oh , I collect stamps. Conversation 2 Jane : What does your father do in his free time ? Alice : He paints pictures of lakes and hill. Jane : What does your sister do in her free time ? Alice : She goes shopping.
ใบความรู้ท่ี 3 เวลา 5 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 10 (Free time and Entertainment) เร่อื ง บทอ่านเก่ยี วกับการใชเ้ วลาว่าง นาที John doesn’t like watching TV, but he likes reading very much. He always reads magazines. The other thing he likes to on Saturday and Sunday are playing computer game and going to the cinema. He doesn’t like playing Volleyball on Monday and Friday, but he likes eating restaurant.
ใบความรทู้ ี่ 4 เวลา 1 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 10 (Free time and Entertainment) เรอ่ื ง วิธีเลน่ เกมภาษาอังกฤษ ชว่ั โมง เกม Word Race จุดประสงค์ ออกเสยี งและสะกดคาศัพทไ์ ด้ถกู ตอ้ ง อุปกรณ์ 1. กระดาษแขง็ ขนาดเท่ากระดาษโรเนียว จะขีดเสน้ เรม่ิ และเสน้ ตา่ ง ๆ เพิ่มอีก 10 เส้น 2. ฝาเบียร์สีต่าง ๆ เท่ากบั จานวนผ้เู ล่น (3 – 4 คน) วิธเี ล่น 1. ผ้เู ลน่ ทกุ คนวางฝาเบียรข์ องตนทจี่ ดุ Start 2. ครูชูบัตรคาทีน่ ักเรยี นคนใดคนหนึ่งอา่ นไดถ้ ูกต้องและเรว็ ท่ีสุดจะไดเ้ ดนิ 1 แตม้ โดยเลื่อนฝาเบียรข์ องตนมาที่บรรทดั ต่อไป 3. ฝาเบียร์ของใครถงึ เสน้ ชยั Finish กอ่ น เป็นผู้ชนะ Finish Start
เกม Lucky Dip จดุ ประสงค์ อ่านออกเสยี งและสะกดคาได้ถูกตอ้ ง อุปกรณ์ วธิ เี ล่น 1. บตั รคาศพั ทท์ ่ีเรียนมาแล้ว 1. นกั เรยี นนงั่ ล้อมวง วางกองบัตรคาไวต้ รงกลาง ข้อเสนอแนะ 2. นกั เรยี นหยบิ บตั รคาทีละคน คนละ 1 ใบ 3. อ่านออกเสยี งบตั รคาของตนเอง ถ้าอา่ นได้ถูกตอ้ งก็จะได้บัตรคาน้นั 4. ถา้ อ่านได้ไม่ถูกตอ้ งตอ้ งนาบัตรคาไว้ที่เดิม 5. นกั เรียนท่ไี ด้บตั รคามากทีส่ ุดเป็นผชู้ นะ อาจเปลี่ยนจากบตั รคาเป็นบตั รอกั ษรได้ เกม I know it จุดประสงค์ อ่านออกเสียงและสะกดคาได้ถูกตอ้ ง อุปกรณ์ 1. บตั รคาศัพท์ที่เรียนมาแล้ว วิธีเล่น 1. น่ังลอ้ มวง วางกองบตั รคาไวต้ รงกลาง คว่าบตั ร ขอ้ เสนอแนะ 2. นกั เรียนหยบิ บัตรคาทลี ะคน คนละ 1 ใบ 3. อา่ นออกเสียงบัตรคาของตนเอง ถ้าอา่ นไดถ้ กู ต้องก็จะไดบ้ ัตรคาน้ัน 4. ถ้าอา่ นไม่ถูกใหห้ งายบตั รใหเ้ พ่อื นดู ใครอ่านไดใ้ หพ้ ูด I know it แลว้ อา่ น อ่านได้ไดบ้ ตั รนน้ั 5. นกั เรยี นที่ไดม้ สี ิทธ์หิ ยิบบตั ร 1 ใบ จากกองกลาง 6. การเล่นจะจบ เม่ือบตั รหมดกอง 7. นกั เรียนทไ่ี ดบ้ ัตรมากที่สุดเป็นผู้ชนะ อาจเปลย่ี นจากบัตรคาเป็นบัตรอกั ษรได้
เกม Stop and go game จดุ ประสงค์ อ่านได้ถกู ตอ้ ง อปุ กรณ์ 1. บัตรคา 20 ใบ วิธีเลน่ 2. บตั รคาว่า Stop จานวน 8 ใบ 1. รวมบตั รทั้งหมด 28 ใบ ผเู้ ลน่ คนท่ี 1 รบั บตั รคา ให้คละกนั ตอ่ 2. เมื่อรับบัตรคาแลว้ ให้อา่ นบตั รจากบนลงล่าง ถงึ คาไหนอา่ นใหถ้ กู ข้อเสนอแนะ ตอ้ งได้ 1 คะแนน ถงึ บัตรอา่ นคาว่า Stop ตอ้ งหยดุ ให้ผูอ้ ่นื อา่ น 3. คนอื่นเล่นด้วยวธิ ีการเดียวกัน 4. ใชเ้ วลาเลน่ 2–3 รอบ นักเรียนคนใดทไี่ ดค้ ะแนนมากที่สดุ เป็นผู้ชนะ อาจเปลย่ี นจากบัตรคาเปน็ บตั รอักษรหรอื ประโยค เกม Nice Pins จุดประสงค์ อา่ นออกเสยี งได้ อปุ กรณ์ 1. บัตรคาศพั ท์ที่ต้องการทบทวน วิธีเล่น 2. กล่องนมเปล่า ขอ้ เสนอแนะ 3. ลกู บอล 1. วางบัตร 9 ใบ ลงบนพ้นื 2. วางกล่องนมบนบัตรคากล่องละบตั ร 3. นักเรยี นโยนลกู บอลใส่กล่องนมให้ล้ม 4. นักเรียนอ่านคาศพั ท์ท่กี ลอ่ งนมวางทบั อยู่ ถ้าอา่ นได้จะไดบ้ ัตรนัน้ และนาบตั รอน่ื มาแทน 5. เมือ่ หมดเวลาในเลน่ ผ้ทู ่ไี ด้บตั รมากทส่ี ุดจะเป็นผู้ชนะ อาจพิมพข์ ้อความหรอื ประโยคง่าย ๆ หรือคาสั่งแทนบัตรคาได้
ใบงานที่ 1 เวลา 10 หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 10 (Free time and Entertainment) เรือ่ ง เติมคาท่ีเหมาะสมในบทสนทนาเก่ยี วกบั การใช้เวลาวา่ ง นาที A : What do you do in your ………………. ? B : I like ………………. . How about you ? A : I like ………………. In my free time . What does your ……………….. do in ………….. free time ? B : She like ………………. And some time she like…………… A : And How about your………………….. What does she like to ………………… in her free time ? B : Oh , she like ……… 10 ……….
ใบงานท่ี 2 เวลา 5 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 10 (Free time and Entertainment) เร่อื ง คาศพั ทท์ ีอ่ ยู่ในบทอา่ น นาที Watch TV. Magazine Cinema Computer game Restaurant
ใบงานที่ 3 เวลา 10 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 10 (Free time and Entertainment) เรื่อง ตอบคาถามจากเร่ืองทไ่ี ดอ้ ่าน นาที 1. What does John dislike ? 2. What does he like very much ? 3. What does he like to do on Saturday and Sunday ? 4. What does he dislike to do on Monday ? 5. What does he like to do on Friday ?
ใบงานที่ 4 เวลา 15 หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 10 (Free time and Entertainment) เรือ่ ง การเตมิ ศัพทใ์ ห้สมบูรณจ์ ากเพลงทฟ่ี ัง นาที Direction : Listen to the song form the test then complete the song with the given word Only Sixteen She was ………… sixteen only sixteen But I love her So. * She was too young to …………… in love And I was too …………… know We ………….. and we , d ………….. And do ……………. Things And it made our hearts glow (Repeat * ) ** So why did I ………. My heart so fast It …………. Will happen again But I was a need ………….. of sixteen She was only sixteen , only sixteen Oh , with …... 10 ….. that would glow ********** give , only , child , fall , young , sing , funny , laugh , eyes , year
Pre / Post Test ตอน Weather Direction : Answer the questions. 1. Have you ever gone to the sea on your free time ? 2. Where did you go ? 3. How did you go? 4. How far was it from your home ? 5. What could you see there ? 6. Where did you stay ? **********************
เฉลย ใบงานท่ี 1 หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 10 (Free time and Entertainment) เรื่อง เติมคาทเ่ี หมาะสมในบทสนทนาเกย่ี วกบั การใช้เวลาวา่ ง เวลา 10 นาที A : What do you do in your ………………. ? B : I like ………………. . How about you ? A : I like ………………. In my free time . What does your ……………….. do in ………….. free time ? B : She like ………………. And some time she like…………… A : And How about your………………….. What does she like to ………………… in her free time ? B : Oh , she like ……… 10 ……….
ใบงานท่ี 2 เวลา 5 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 10 (Free time and Entertainment) เร่อื ง คาศพั ทท์ ีอ่ ยู่ในบทอา่ น นาที Watch TV. Magazine Cinema Computer game Restaurant
ใบงานที่ 3 เวลา 10 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 10 (Free time and Entertainment) เรอ่ื ง ตอบคาถามจากเรื่องทไ่ี ดอ้ า่ น นาที 1. John dislike watching TV. 2. He likes reading very much . 3. He likes playing computer game and going to the cinema on Saturday and Sunday . 4.He dislike playing Volleyball on Monday ? .He likes eating restaurant on Friday .
ใบงานท่ี 4 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 10 (Free time and Entertainment) เรื่อง การเติมศพั ท์ให้สมบรู ณจ์ ากเพลงทฟี่ ัง เวลา 15 นาที Direction : Listen to the song form the test then complete the song with the given word Only Sixteen She was ……only…… sixteen only sixteen But I love her So. * She was too young to ……fall……… in love And I was too …………… know We ………….. and we , d ………….. And do ………give……. Things And it made our hearts glow (Repeat * ) ** So why did I ……sing…. My heart so fast It ………eyes…. Will happen again But I was a need ……child…….. of sixteen She was only sixteen , only sixteen Oh , with …... 10 year….. that would glow ********** give , only , child , fall , young , sing , funny , laugh , eyes , year
Pre / Post Test ตอน Weather Direction : Answer the questions. 1. Have you ever gone to the sea on your free time ? 2. Where did you go ? 3. How did you go? 4. How far was it from your home ? 5. What could you see there ? 6. Where did you stay ? **********************
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 11 : Educational and Career รายวชิ าภาษาอังกฤษพนื้ ฐาน รหสั วชิ า อ22102 ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 2 ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2563 เวลา 12 ช่ัวโมง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… สาระท่ี 1 ภาษาเพอื่ การส่ือสาร สาระที่ 2 ภาษาและวฒั นธรรม มาตรฐานการเรยี นรู้ มฐ. ต 1.1 เขา้ ใจและตคี วามเรือ่ งที่ฟังและอา่ นจากสอ่ื ประเภทตา่ งๆ และแสดงความคิดเห็น อย่างมีเหตผุ ล มฐ. ต 1.3 นาเสนอขอ้ มูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เห็นในเรือ่ งตา่ งๆโดยการพูด และการเขยี น มฐ. ต 2.2 เข้าใจความเหมอื นและความแตกตา่ งระหวา่ งภาษาและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา กับภาษาและวฒั นธรรมไทย และนามาใชอ้ ย่างถูกตอ้ งและเหมาะสม ตวั ชวี้ ัด ต 1.1 ม 2/3 ระบุ/เขียนประโยคและข้อความให้สัมพันธ์กับสื่อท่ีไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่างๆที่ อ่าน ต 1.3 ม 2/1 พูดและเขียนบรรยายเก่ียวกับตนเอง กิจวัตรประจาวัน ประสบการณ์และข่าว/ เหตกุ ารณ์ท่ีอยู่ในความสนใจของสงั คม ต 2.2 ม 2/1 เปรียบเทียบอธิบายความเหมือนและความแตกต่างระหว่างการออกเสียงประโยค ชนิดต่างๆและการลาดบั ตามโครงสรา้ งประโยคของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย ต 2.2 ม 2/2 เปรียบเทียบและอธิบายความเหมือนและความแตกต่างระหว่างชีวิตความเป็นอยู่ และวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับของไทย 25. เป้าหมายการเรียนรู้ ( Learning Goal ) (27) ความเข้าใจท่คี งทน การอ่าน การพดู และการเขียนเน้ือหาเกีย่ วกับกจิ กรรมทางการศกึ ษาและอาชีพของบคุ คล นน้ั โดยเฉพาะกิจกรรม OTOP ผเู้ รียนจะตอ้ งมีความสามารถในการถา่ ยโอนความคดิ เหน็ เปน็ ของ ตนเอง ในขณะเดียวกนั กต็ อ้ งมคี วามสามารถในการสรา้ งองค์ความรู้ตอ่ สงิ่ ท่ตี นเองไดส้ ืบคน้ หรอื ได้ แลกเปลยี่ นเรียนรู้
(28) ความรู้และทกั ษะครอ่ มวชิ า (ทักษะ/กระบวนการ ) (1) ทกั ษะการฟัง พดู อ่าน (2) ทกั ษะการคดิ (3) กระบวนการกล่มุ (29) ความรูแ้ ละทักษะเฉพาะวชิ า (สาระ) 1. ความหมายของคาศพั ทเ์ ก่ยี วกบั อาชพี งานประจาของแตล่ ะอาชพี และผลติ ภัณฑ์ OTOP 2. การพูดสนทนาเก่ียวกับเรือ่ งอาชีพและงานประจา 3. การตอบคาถามเกยี่ วกบั บทอ่านเรือ่ งการศึกษา 4. การพูดและเขียนเก่ียวกบั OTOP ของถนิ่ อาศยั นกั เรยี นเอง 5. การทาโครงงาน(ยอ่ ย) เก่ยี วกับอาชีพของตาบลของตนเอง (30) จิตพิสัย (คณุ ลักษณะที่พงึ ประสงค์ ) (1) ความเช่ือม่ันในการใชภ้ าษา ( 2) ความสนุกสนานในการเรยี น ( 3) มีความรบั ผิดชอบในการทางาน (31) สาระการเรยี นรู้ 1. เน้อื หา 1.1 Possessive Pronoun 1.2 Present Simple Tense 1.3 Future Simple Tense 1.4 Noun (Countable and Uncountable) 2. คาศัพท์ 2.1 คาศพั ท์เก่ยี วกับอาชีพของบุคคล 2.2 คาศัพท์เกย่ี วกับผลิตภัณฑ์ OTOP (32) ภาระงาน 1. การสนทนาเกีย่ วกบั อาชีพและงานประจา 2. การพดู เกยี่ วกับ OTOP ของตาบลตนเองได้ 3. การทาโครงงาน (ยอ่ ย) เรอื่ ง OTOP (7) กจิ กรรมการเรียนรู้ ช่ัวโมงที่ 1-4 (Speaking and Mini Project Work) - แจ้งมาตรฐานการเรียนรแู้ ละตวั ชวี้ ดั 1. ทา Pre - test ขั้น Warm up 2. นักเรยี นร้องเพลง “What ever will be will” (ใบความรู้ที่ 1)
3. ครอู ธบิ ายเน้ือเพลงและเน้นถงึ การใชป้ ระโยค ในการกล่าวถงึ สงิ่ ทจ่ี ะทาในอนาคต ขน้ั Presentation 4. ครูทบทวนการใช้ Possessive Adjective 5. ทบทวนการใช้ Possessive Simple Tense 6. ทบทวนการใช้ Future Simple Tense A : What do you do? / What does he / she do? B : I am a (an) ……. He / She is a (an)…………… . A :What do you do for your job ? What does he / she do for his / her job? B : I ……………. He / She ……………… . 7. ยกตวั อยา่ งบคุ คลที่นักเรียนร้จู ักแลว้ นานกั เรยี นพูด (อาจใชร้ ปู ภาพบคุ คลท่ีนกั เรียนร้จู ักประกอบ) Miss Mali is a singer. She sings in the cafe'. Mr. Hum is a bus driver. He drives bus. Mr. Tim is a farmer. He works in the rice field. etc. ขนั้ Practice 8. นักเรยี นฝกึ พูดถงึ บุคคลทน่ี ักเรยี นรู้จกั โดยบอกอาชีพ 9.งานประจาของเขา / เธอ อาจเป็นบุคคลในหมู่บ้าน ในอาเภอ ในจงั หวัด หรอื ในประเทศไทย เช่น Mr. Tongbai Tongpao is a lawyer. He uses the law to protect good people. 9. นักเรียนฝกึ เพม่ิ เติมโดยใช้เกมหาคู่ 9.1 นกั เรยี นทีม A ประมาณ 17 คน เลอื กอาชพี ท่ีตนเองอยากเปน็ จากแผน่ คาศพั ท์ 9.2 นกั เรยี นทีม B ประมาณ 17 คน พูดงานประจาที่อาชพี นน้ั ตอ้ งทา เชน่ I sing song. 9.3 เม่อื ครูเปา่ นกหวีดนักเรยี นทมี A และทมี B จะต้องหาคูต่ นเองให้พบแลว้ แตแ่ ละคูอ่ อกมาพูดหนา้ ช้นั คูก่ ัน เช่น I am a teacher. I teach students. 10. ให้ Model การสนทนาแล้วให้นักเรยี นฝึกพูดโดยให้นักเรียนเปลย่ี นอาชีพไปได้ตามต้องการ About Occupation A : What is Mr. Boonhom? B : He is a bus driver. A : What does he do ?
B : He drives bus. A : How about Mrs. Pang? B : She’s a saleswoman, she sells dress in the store. 11.จบั คูส่ นทนาเพ่ือเอาคะแนน ขน้ั Production 12. นักเรียนแบ่งกลมุ่ ทาโครงงานเรื่องอาชพี ในท้องถน่ิ โดยแบ่งความสมคั รใจในอาชพี ที่นักเรยี นชอบ 13. นาเสนอโครงงานกลุ่มละ 15 นาที ขนั้ Wrap up 14. นาผลการประเมินโครงงานมาสรุปและให้ข้อชแี้ นะแตล่ ะกลมุ่ ตามความเหมาะสม ส่ือการเรยี นรู้ 1.เพลง What ever will be will be 2.ใบความรทู้ ี่ 1 3.ของจรงิ และรปู ภาพเก่ียวกับ OTOP 4. เกม หาคู่ แหล่งเรียนรู้ 1.ตาบลต่างๆ ทีน่ ักเรียนอาศัยอยู่ 2.หนังสอื เกี่ยวกับ OTOP ของจังหวดั 3.ห้องสมดุ โรงเรยี น/หอ้ งสมุดศนู ย์วัฒนธรรม การวัดและประเมินผล 1.วัดจากการสนทนาเร่ืองอาชพี และงานประจา 2.วัดจากการตอบคาถาม 3.วัดจากการพูดบรรยายเกยี่ วกบั OTOP 4.วัดจากการทา Mini Project 5.วัดจากการสอบ ชวั่ โมงท่ี 5-8 (Reading) ขน้ั Warm up 1. นักเรียน Warm up โดยการเลน่ Matching Game จับคู่หัวขอ้ ข่าวกบั บทนา (ใบงานท่ี 1) จานวน 10 ข่าวโดย 1.1 นกั เรยี นแบง่ เป็นกลมุ่ ๆ ละ 4 คน 1.2 นกั เรยี นแต่ละกลุ่มรบั เกมจากครูกลมุ่ ละ 1 ชุด 1.3แต่ละกลมุ่ รว่ มกันรบั ผดิ ชอบจับคู่หัวข้อข่าวกบั บทนาใหร้ วดเรว็ ท่ีสุดและถูกตอ้ งทสี่ ุด กลุม่ ใดทาได้ถกู ต้องและรวดเร็วที่สดุ เปน็ กล่มุ ชนะ ขนั้ Pre – reading 2.อธบิ ายศัพทย์ ากทีม่ ีในข่าวทจ่ี ะแจกให้นกั เรียนอา่ น (ใบความรู้ที่ 2)
3. แจกขา่ วเร่อื งเก่ียวกับการศึกษาใหก้ บั นกั เรียน 4. นกั เรยี นศึกษา 5. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั อธบิ ายความหมายของขา่ ว 6. นานกั เรียนอา่ นข่าวใหถ้ กู วรรคตอน ข้ัน While – reading 7. ใหน้ ักเรียนฝกึ อา่ นข่าวโดยการอ่านพร้อมทัง้ ช้นั และสมุ่ ตวั อย่างอ่านทีละคน 8. ตอบคาถามเกีย่ วกบั ใจความสาคัญของข่าว (ใบงานท่ี 2) 9. ตรวจคาตอบท่ีถูกจากเฉลยบนกระดานพร้อมกัน 10. ทากิจกรรมกล่มุ ๆ ละ 5 คน เรียงลาดับเหตกุ ารณ์ที่เกิดขน้ึ ในขา่ วจากแถบประโยค (Strip Sentences) (ใบงานท่ี 3) ขั้น Post – reading 11. นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ ร่วมกนั สรุปและวิเคราะหข์ า่ วเกี่ยวกบั การศึกษาหรอื อาชีพทนี่ กั เรียนหามาเอง แลว้ ใหต้ ัวแทนกลุ่มรายงานใหเ้ พอื่ นๆ ฟงั กลุ่มละ 1 ขา่ ว เวลาประมาณ 5 นาที 12. แต่ละกลุ่มชว่ ยระดมความคิดเกยี่ วกบั ขา่ วที่อ่านวา่ เปน็ ขา่ วทดี่ ีหรอื ไมด่ ี ขน้ั Wrap up 13. จดั ใหม้ กี ารแข่งขันอา่ นขา่ วสัปดาหล์ ะ 1 คร้ัง สอ่ื การเรยี นรู้ 1.เกม Matching Game 2.ใบความรทู้ ี่ 2 3.ใบงานท่ี 1 - 2 - 3 4.ของจรงิ และรปู ภาพเกี่ยวกบั OTOP แหลง่ เรียนรู้ 1.ตาบลต่างๆ ทน่ี ักเรียนอาศัยอยู่ 2.หนงั สอื เกย่ี วกบั OTOP ของจังหวดั 3.ห้องสมดุ โรงเรยี น/ห้องสมุดศนู ยว์ ัฒนธรรม การวดั และประเมนิ ผล 1.วัดจากการเล่นเกม 2.วดั จากการตอบคาถามเกีย่ วกบั ใจความสาคญั ของขา่ ว 3.การเรียงลาดับเหตุการณ์ท่ีเกดิ ข้ึนในขา่ ว ชว่ั โมงท่ี 9- 12 (Writing and Mini Project Work) ขน้ั Warm up 1. นกั เรยี นเล่นเกม “Guess Where” โดย
1.1 ครรู วบรวมคาถามเกีย่ วกับสนิ ค้า 1 ตาบล 1 ผลติ ภัณฑ์ OTOPโดยเฉพาะที่ๆใกล้ตัวนกั เรยี น แลว้ ทาเป็นปริศนา - This Tumbon is in Phukio District, it produces many Takos. (Tumbon Ban Kha) - This Tumbon is in Bankhao District, it produces much silk. (Tumbon Bankhao) เปน็ ตน้ 1.2เปิดปรศิ นาจากเทปหรืออา่ นปริศนาให้นกั เรียนฟัง ประมาณ 10 ขอ้ 1.3นกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ ฟงั แลว้ เขียนคาตอบเพื่อตอบปรศิ นาท่ีครใู ห้ 1.4 ครูเฉลยคาตอบ 1.5 กลุ่มใดที่ตอบไดถ้ กู ต้องท่สี ุดเป็นกลมุ่ ชนะ ขัน้ Presentation 2.ให้นกั เรียนดสู ง่ิ ของจรงิ หรอื ส่ือรูปภาพเกยี่ วกับผลติ ภัณฑ์ OTOP ของจังหวดั ชยั ภมู ิ 3.อธบิ ายคาศพั ทท์ ี่เก่ียวกับส่ิงของหรือผลติ ภณั ฑต์ ่างๆ ทีป่ รากฏในภาพหรอื ของจรงิ 4. ทบทวนเรื่องการใชน้ ามนับได้และนามนบั ไมไ่ ด้ 5. ให้ตวั อย่างประโยคทพ่ี ูดเก่ียวกับสินคา้ OTOP เช่น I am Wililuk. I am from Tumbon Banlao, Muang District, Chaiyaphum Province. One Tumbon one Product is Basketwork. (เครอ่ื งจักรสาน) ขน้ั Practice 6. นกั เรยี นทุกคนในชั้นพูดประโยคตามตัวอยา่ งตามตาบลที่ตนเองอาศยั อย่ถู ้าไม่รศู้ พั ท์ภาษาองั กฤษ อาจถามครหู รอื ใช้ Dictionary 7. เพ่ือนและครูใหข้ อ้ เสนอแนะตอ่ การพดู ของแตล่ ะคน 8. นกั เรียนทาใบงานจับคู่คาศัพทก์ บั ความหมาย ซ่ึงคาศพั ท์จะเป็นคาศพั ท์เกยี่ วกบั ช่ือผลิตภณั ฑ์ตา่ งๆ (ใบงานที่ 4) 9. นกั เรยี นเขยี นรวบรวมสินค้า OTOP ตา่ งๆ เท่าทที่ ราบเขียนใสส่ มุดสง่ ครู โดยใช้ประโยค 1. OTOP of Tumbon Nongnasang ,Muang District, Chaiyaphum Provinec is …………… 2. ………………………………… ขนั้ Production 10. นกั เรยี นสบื คน้ OTOP in Thailand คนละ 1 รายการเพื่อนาเสนอหน้าช้นั เรยี น 11. ทา Post – test ข้นั Wrap up 12. นกั เรียนเขา้ กลุ่มตามตาบลทต่ี นเองอยู่ แล้วจัดทา Mini Project work เกีย่ วกบั OTOP ของตาบลตนเอง โดยแต่ละขัน้ ตอนทาตามใบงาน เรอ่ื ง Mini Project work ที่ครแู จกให้ ซ่งึ การดาเนินงานจัดทาโครงงานจะตอ้ งจัดทานอกเวลาเรยี น หรอื ในวันหยดุ และใหม้ ีการบันทึกภาพ หรืออัดเทป และใหว้ ิทยากรในทอ้ งถิ่นประเมินผลการเรียนลงในแบบประเมินท่ีครจู ดั เตรียมให้
สือ่ การเรยี นรู้ 1. เกม Guess Where 2.ใบงานที่ 4 3.ของจริงและรูปภาพเกย่ี วกับ OTOP แหลง่ เรียนรู้ 1.ตาบลต่างๆ ทีน่ กั เรียนอาศัยอยู่ 2.หนงั สอื เกย่ี วกบั OTOP ของจังหวัด 3.หอ้ งสมดุ โรงเรยี น/ห้องสมุดศูนย์วฒั นธรรม การวัดและประเมินผล 1.วดั จากการสนทนาเรื่องอาชพี และงานประจา 2.วดั จากการตอบคาถาม 3.วดั จากการพดู บรรยายเก่ยี วกบั OTOP 4.วดั จากการทา Mini Project 5.วัดจากการสอบ Post Test
ใบความรู้ที่ 1 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 11 (Education and career) เร่อื ง เพลง What ever will be will be เวลา 10 นาที What ever will be will be When I was just a little girl I asked my mother “What will I be?” “Will I be pretty, will I be rich?” Here’s what she said to me. “Que sera sera, whatever will be will be The future’s not ours to see Que sera sera, what will be, will be? When I was just a child to school I asked my teacher “What should I try?” Should I paint picture, should I sing songs? This was her wise reply (Repeat *)
ใบความรูท้ ี่ 2 หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 11 (Education and career) เร่อื ง ขา่ วเก่ยี วกับการศึกษา เวลา 10 นาที Teachers want Adisai removed PRASIT TANGPRASERT SIRIKUL BUNNAG About 500 teachers will gather at the Teachers’ Conuneil in Bangkok on Saturday to demand the resignation of Education Minister Adisai Bodharamik. Somkiat Pongpaibul, adviser to the Educators’ Association of Thailand, said the teachers’ gathering stemmed from the Administrative Court’s ruling on Thursday that nullified Mr. Adisai’s order in March 2003 appointing 1,225 directors and deputies of 175 education zones nationwide.
ใบงานที่ 1 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 11 (Education and career) เร่อื ง จบั คหู่ ัวข้อข่าวกบั บทนาข่าว เวลา 8 นาที Direction : Match the headlines with the leads. (จับคู่หัวข้อขา่ วกบั บทนาขา่ ว) a. 1. Glazer takes complete control 2. Floyd looks at options 3. Lever : Time against Aussies 4. Brazil and Argentina ready for showdown b. a. Portsmouth, England – John Lever, a member of England’s Ashes – winning side of 1978 – 79, believes time has caught up with Australia’s ageing superstars. b. London – Malcolm Glazer told Manchester United shareholders yesterday he owned 98% of the club and had the power to buy them out. c. Frankfurt, Germany – Brazil and Argentina may have stumbled along the way but they eventually lived up to their star billing by making it through. To today’s Confederations Cup final. d. Atlantic City – Undefeated World Boxing Council light welterweight champion Floyd May weather could move up to the welterweight ranks after claming his third crown.
ใบงานที่ 2 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 11 (Education and career) เรื่อง คาถามจากข่าว เวลา 10 นาที Direction : Answer the questions. (ตอบคาถามจากบทอ่าน) 1. Who is the reporter of this news? ……………………………………………………………………………………… 2. Who will gather at the Teachers Council? ……………………………………………………………………………………… 3. Where is Teacher’s Council? ……………………………………………………………………………………… 4. How many teachers will gather? ……………………………………………………………………………………… 5. Who is Somkiat Pongpaibul? ………………………………………………………………………………………
ใบงานท่ี 3 หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 11 (Education and career) เร่อื ง คาถามจากขา่ ว เวลา 15 นาที Direction : Rearrange the strips of the news. (เรยี งลาดับเหตุการณ์ในข่าว) a. Mr. Rung said it was time private schools had the freedom to set their own tuition fees. Schools that have invested much an provide a quality service should have the right to demand relatively high fees. b. Private schools will be able to set their own tuition fees and bring in foreign teachers and foreign teaching materials under a radical revamp of regulations by the Education Ministry. c. The Education Ministry would form a consumer protection committee to receive complaints from students and parents and investigate if the fees of any private school was unfairly high. d. Three joint committees of the Education Council and the Private Education Promotion Office would draw up the plan. e. Kindergartens will also be permitted in good 60ndominium buildings. Deputy Education Minister Rung Kaewdaeng said the sweeping changes had the backing of Prime Minister Thanksin Shinawatra.
ใบงานท่ี 4 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 11 (Education and career) เรอ่ื ง จบั คู่คาศัพท์เกยี่ วกบั OTOP กบั ความหมาย เวลา 10 นาที Direction : Match words with meanings. (จับคู่ศัพท์กับความหมาย) a. b. _____ 1. gold ware a. เคร่อื งเทศ _____ 2. willowware b. เคร่ืองเป่า _____ 3. spice c. เครื่องทอง _____ 4. clothes d. เครอื่ งเคลือบ _____ 5. pottery e. เครื่องปั้นดินเผา _____ 6. wind instrument f. เคร่ืองเงนิ _____ 7. basketwork g. เครือ่ งถม _____ 8. enamelware h. เครอ่ื งจักรสาน _____ 9. lacquer ware i. เครือ่ งแกว้ _____ 10. glassware j. เคร่อื งนุ่งห่ม
Pre / Post Test ตอน Education and career Direction : Choose the best answers. (เลือกคาตอบท่ีถกู ทส่ี ุด) ใช้ตอบข้อ 1 – 4 a. scientist b. artist c. postman d. musician 1. Mail letters 2. Paint pictures 3. Play music 4. Experiment ใชต้ อบข้อ 1 – 8 a. เครอ่ื งเทศ b. เครื่องป้ันดินเผา c. เครือ่ งจักรสาน d. เครือ่ งแก้ว 5. glassware 6. spice 7. pottery 8. basketwork
เฉลย ใบงานที่ 1 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 11 (Education and career) เร่อื ง จบั ค่หู ัวขอ้ ข่าวกบั บทนาข่าว เวลา 8 นาที Direction : Match the headlines with the leads. (จบั คู่หวั ข้อขา่ วกบั บทนาข่าว) 1.b 2. d 3. a 4. c
ใบงานท่ี 2 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 11 (Education and career) เรื่อง คาถามจากข่าว เวลา 10 นาที Direction : Answer the questions. (ตอบคาถามจากบทอ่าน) 1. Who is the reporter of this news? Prasit Tangprasert and Sirigul Bunnag 26. Who will gather at the Teachers Council? The teachers 27. Where is Teacher’s Council? Bangkok 28. How many teachers will gather? 500 teachers 29. Who is Somkiat Pongpaibul? Adviser to the Educator’s association of Thailand.
ใบงานท่ี 3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 11 (Education and career) เร่อื ง คาถามจากขา่ ว เวลา 15 นาที Direction : Rearrange the strips of the news. (เรยี งลาดบั เหตุการณ์ในขา่ ว) a. Mr. Rung said it was time private schools had the freedom to set their own tuition fees. Schools that have invested much an provide a quality service should have the right to demand relatively high fees. b. Private schools will be able to set their own tuition fees and bring in foreign teachers and foreign teaching materials under a radical revamp of regulations by the Education Ministry. c. The Education Ministry would form a consumer protection committee to receive complaints from students and parents and investigate if the fees of any private school was unfairly high. d. Three joint committees of the Education Council and the Private Education Promotion Office would draw up the plan. e. Kindergartens will also be permitted in good 60ndominium buildings. Deputy Education Minister Rung Kaewdaeng said the sweeping changes had the backing of Prime Minister Thanksin Shinawatra.
ใบงานที่ 4 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 11 (Education and career) เร่อื ง จบั คู่คาศัพท์เกย่ี วกับ OTOP กับความหมาย เวลา 10 นาที Direction : Match words with meanings. (จบั คู่ศัพทก์ บั ความหมาย) a. b. __c___ 1. gold ware a. เครอื่ งเทศ __g_ __2. willow ware b. เครอื่ งเปา่ __a___ 3. spice c. เครื่องทอง __j___ 4. clothes d. เครื่องเคลอื บ __e___ 5. pottery e. เครอ่ื งปน้ั ดินเผา __b___ 6. wind instrument f. เครือ่ งเงนิ __h___ 7. basketwork g. เครือ่ งถม __f___ 8. enamelware h. เครอ่ื งจักรสาน __d___ 9. lacquer ware i. เคร่อื งแกว้ __i___ 10. glassware j. เครอ่ื งนงุ่ หม่
Pre / Post Test ตอน Education and career Direction : Choose the best answers. (เลือกคาตอบท่ีถกู ท่สี ุด) 1. c 2. b 3. d 4. a 5. d 6. a 7. b 8. c
หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 12 : Local Culture รายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน รหัสวชิ า อ22102 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 เวลา 12 ช่ัวโมง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… สาระท่ี 1 ภาษาเพ่ือการสื่อสาร สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม สาระที่ 3 ภาษากบั ความสัมพันธก์ บั กลุม่ สาระการเรียนร้อู น่ื มาตรฐานการเรยี นรู้ มฐ. ต 1.3 นาเสนอขอ้ มูลข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเหน็ ในเร่ืองตา่ งๆโดยการพดู และการเขียน มฐ. ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหวา่ งภาษาและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา กบั ภาษาและวฒั นธรรมไทย และนามาใช้อยา่ งถูกตอ้ งและเหมาะสม มฐ. ต 3.1 ใช้ภาษาตา่ งประเทศในการเชือ่ มโยงความรู้กับกลุ่มสาระการเรยี นรู้อืน่ และเปน็ พ้ืนฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปิดโลกทัศนข์ องตน ตัวชวี้ ดั ต 1.3 ม 2/1 พูดและเขียนบรรยายเก่ียวกับตนเอง กิจวัตรประจาวัน ประสบการณ์และข่าว/ เหตกุ ารณ์ทอ่ี ย่ใู นความสนใจของสงั คม ต 1.3 ม 2/2 พูดและเขียนสรุปใจความสาคัญ/แก่นสาระหัวข้อเรื่อง (topic) ที่ได้จากการ วิเคราะห์เรือ่ ง/ข่าว/เหตกุ ารณ์ทีอ่ ย่ใู นความสนใจของสังคม ต 2.2 ม 2/2 เปรียบเทียบและอธิบายความเหมือนและความแตกต่างระหว่างชีวิตความเป็นอยู่ และวฒั นธรรมของเจ้าของภาษากับของไทย ต 2.2 ม 2/3 เขา้ รว่ ม/จดั กจิ กรรมทางภาษาและวฒั นธรรมตามความสนใจ ต 3.1 ม 2/1 ค้นควา้ รวบรวมและสรปุ ขอ้ มลู /ขอ้ เท็จจริงท่ีเก่ยี วข้องกลมุ่ สาระการเรียนร้อู ื่น จากแหล่งการเรยี นรู้ และนาเสนอดว้ ยการพดู /เขียน 30. เป้าหมายการเรียนรู้ ( Learning Goal ) (33) ความเข้าใจที่คงทน การศึกษาวัฒนธรรมพน้ื บา้ น ซ่ึงประกอบด้วยวฒั นธรรมหลายสาขา ไดแ้ ก่ ประเพณี พิธกี รรม การละเล่นพ้ืนบา้ น นิทานพื้นบา้ น หรือสภุ าษิต ผูเ้ รยี นจาเป็นจะต้องมีความรู้ความเขา้ ใจ ในเรือ่ งการใช้ Tenses การใช้คาและศัพท์สานวนตา่ ง ๆ ทอี่ ยู่ในขอบข่ายของภาษาศาสตร์ประยุกต์ (Applied Phonetic) นอกจากนนั้ ผ้เู รียนจะตอ้ งมีพ้นื ฐานในความเขา้ ใจตอ่ ประเพณแี ละความเชอ่ื
ของทอ้ งถิน่ ตนเอง ความรู้ ความเข้าใจในพื้นฐานดังกล่าว จะทาให้ผู้เรยี น พัฒนาทักษะทางภาษาได้ ดยี ิง่ ขนึ้ (34) ความรแู้ ละทกั ษะครอ่ มวิชา (ทักษะ/กระบวนการ ) (1) ทักษะการฟัง พดู อ่าน (2) ทักษะการคดิ (3) กระบวนการกลมุ่ (35) ความรแู้ ละทักษะเฉพาะวชิ า (สาระ) 1.การ เปรยี บเทียบผญาภาษิต (อีสาน) และสุภาษิตองั กฤษทีม่ คี วามหมายเหมือนกัน 2. การเขียนวิธเี ล่นการละเล่นพน้ื บา้ นเป็นภาษาอังกฤษ 3. การเล่านทิ านพ้นื บ้านเป็นภาษาองั กฤษ 4. ความรเู้ ก่ียวกบั ประเพณีพ้นื บา้ น (36) จติ พิสยั (คณุ ลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์ ) (1) ความเชอื่ มัน่ ในการใช้ภาษา ( 2) ความสนุกสนานในการเรยี น ( 3) มีความรับผิดชอบในการทางาน (37) สาระการเรยี นรู้ 1. เน้ือหา 1.1 Tenses 1.2 Pasts of Speech 1.3 General Knowledge about local 2. คาศพั ท์ 2.1 คาศัพท์ที่อยู่ในผญาภาษิตและสุภาษิตอังกฤษ 2.2 คาศัพท์ทอ่ี ยใู่ นการละเล่นพน้ื บ้าน 2.3 คาศัพท์ทีอ่ ย่ใู นนทิ านพื้นบา้ น 2.4 คาศัพท์ทอ่ี ยู่ในประเพณีท้องถ่นิ (38) ภาระงาน 1. การคน้ คว้าสภุ าษิตอังกฤษกับผญาภาษิตท่มี คี วามหมายคล้ายคลึงกนั 2. การเขียนวิธเี ลน่ การละเล่นพ้ืนบ้านเป็นภาษาองั กฤษ 3. การเล่านทิ านพน้ื บา้ นเปน็ ภาษาองั กฤษ 4. การตอบคาถามจากประเพณีทีอ่ ่าน (7) กจิ กรรมการเรยี นรู้ ช่วั โมงท่ี 1-3 (Reading) - แจง้ มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตวั ช้วี ดั 1. Pre – test
ข้นั Warm up 2. นกั เรียนเลน่ เกม “Who gets more” โดย 2.1 นกั เรยี นแบง่ เปน็ กลมุ่ ๆ ละ 6 คน 2.2 แต่ละทีมรับกระดาษเปล่าจากครูคนละ 1 แผน่ 2.3เขยี นคาสุภาษิตของไทยหรือผญาของคนอีสานมาใหไ้ ด้มากทีส่ ดุ 2.4 กลุ่มใดเขยี นไดม้ ากและถกู ตอ้ งทีส่ ุดเปน็ กลุม่ ชนะ ขน้ั Pre - reading 3.ให้นกั เรียนดภู าพท่เี ปน็ ภาพประกอบสภุ าษิตจานวน 10-15 ภาพแลว้ ใหน้ กั เรียนบอกวา่ ภาพที่เหน็ นา่ จะตรงกับสุภาษิตไทยว่าอะไร 4.ครเู ขียนคาตอบท่ีถกู ตอ้ งบนกระดานแลว้ เขียนสุภาษิตองั กฤษและผญาภาษิตอีสานทม่ี ีความหมาย เหมือนกันลงไปดว้ ย 5. นกั เรียนอา่ นพรอ้ มกนั ถา้ อา่ นไมถ่ ูกต้องครูจะช่วยแกไ้ ขใหอ้ ่านใหม่ 6.แจกใบความรู้ที่1 เร่ืองผญาภาษิตอสี านกบั สภุ าษิตอังกฤษ ใหน้ กั เรียนศึกษา 7. นักเรียนศึกษาเอกสาร 8.นักเรียนและครชู ว่ ยกันสรุปโครงสรา้ งประโยคของผญาภาษติ ทใ่ี ชภ้ าษาอีสานโครงสรา้ งประโยค ภาษาไทยกลางและโครงสรา้ งประโยคภาษาองั กฤษ เพ่อื ช้ใี หเ้ หน็ ความแตกตา่ งแต่จุดร่วมจะอย่ทู ่ี ความหมาย ขน้ั While - reading 9. นกั เรียนทาแบบฝึก จับคู่ผญาภาษิตทมี่ คี วามหมายตรงกบั สุภาษติ อังกฤษ (ใบงานท่ี 1) ขั้น Post - reading 10. นักเรียนแบ่งเปน็ กลุ่ม ๆ ละ 6 คน ไปสืบคน้ ผญาภาษิตท่ีมีความหมายคลา้ ยคลงึ กบั สภุ าษติ อังกฤษเพ่มิ เติม โดยถ้าแปลภาษาอีสานเปน็ ภาษาไทย กใ็ ห้หาผรู้ ู้ในทอ้ งถ่นิ หรอื ชุมชนที่ อาศยั อยู่ ข้ัน Wrap up 11. นักเรียนรวบรวมและจดั ลาดบั ผญาภาษิต และสุภาษติ อังกฤษทมี่ ีความหมายคลา้ ยคลงึ กันไวเ้ ปน็ หมวดหมแู่ ลว้ จดั เกบ็ เปน็ แฟ้มไว้ศึกษาในโอกาสต่อไป ส่ือการเรียนรู้ 1. เกม Who gets more 2. รูปภาพ 3. สถานการณ์จรงิ 4. ใบงานท่ี 1 5.ใบความรทู้ ่ี 1 แหลง่ การเรียนรู้ 1. Internet 2. ท้องถิ่น / ชมุ ชน 3.หนังสอื แนะนาการท่องเท่ยี ว
4. วารสาร , นติ ยสาร การวดั และประเมนิ ผล 1.วดั จากการสบื คน้ สุภาษติ 2.วัดจากการเลน่ เกม 3.วดั จากการสอบ Pre test 4.วัดจากความรับผิดชอบในการทางานกลมุ่ และความรบั ผดิ ชอบส่วนตัว ช่ัวโมงที่ 4-6 (Writing) ขน้ั Warm up 1. นักเรยี นเล่นเกม “Who can guess?” โดย 1.1 นกั เรียนในชน้ั แบง่ เป็น 2 ทีม 1.2 ท้ัง 2 ทมี ผลัดเปล่ียนกนั มาจับฉลากออกคู่ว่าในกระดาษน้นั มชี ื่อการละเลน่ แบบไทย ชอ่ื อะไร 1.3 สาธติ การเลน่ ให้อกี ทีมทายว่าตนเองกาลงั เล่นอะไร ผลัดเปล่ียนกันเลน่ จนครบ 10 นาที แล้วหาทมี ผู้ชนะจากผู้ท่ีทายถูกมากกว่า 1.4 กลุ่มใดจบั คูไ่ ดโ้ ดยใช้เวลานอ้ ยท่ีสดุ และถกู ตอ้ งท่สี ุดเป็นกลุ่มชนะ ข้นั Presentation 2.ครอู ธิบายศัพทท์ ี่เกี่ยวกบั การเลน่ กฬี าพน้ื บา้ น โดยใช้บัตรคา บตั รภาพ ท่าทางหรอื อืน่ ๆ 3. นกั เรียนอ่านศพั ทแ์ ละความหมายทีละคาจนคล่องแลว้ จดศพั ท์ลงในสมดุ ศพั ท์ 4. นกั เรยี นรบั ใบความรทู้ ่ี2 เรอื่ ง การละเล่นพ้ืนบา้ นของไทยแล้วศกึ ษาร่วมกัน 5. นักเรยี นและครรู ว่ มกนั อธบิ ายวธิ ีการเล่นของแต่ละเกมจนครบ 3 เกม ขน้ั Practice 6. นกั เรยี นแบง่ เปน็ กลมุ่ ๆ ละ 6-8 คน จบั ฉลากช่ือการละเล่นที่ตอ้ งรับผดิ ชอบ เพ่ือนาเสนอหนา้ ช้ัน กล่มุ ละ 1 รายการ (เกมท่ใี ช้จะเปน็ ภาษาไทยแลว้ นกั เรยี นในกลุ่มจะชว่ ยกนั เขยี นสรุปเป็น ภาษาองั กฤษ) 7.เมอื่ ไดช้ ่อื เกมแล้วกด็ าเนนิ การกาหนดผรู้ ับผดิ ชอบในการหาความหมายของคาศัพท์ไทยเป็น ภาษาองั กฤษนามาเรยี บเรยี งแล้วเขียนเป็นภาษาอังกฤษตามตวั อยา่ งทไ่ี ดศ้ ึกษาจาก ใบความรูท้ ่ี 3 8. นาเสนอหนา้ ชั้นเรียน ขั้น Production 9.นักเรียนสะสมคาศัพท์ทเี่ พือ่ น ๆ รายงานแลว้ จัดทาแบบฝกึ คาศพั ทอ์ าจจะเปน็ แบบจบั คู่คาศัพท์กับ ความหมาย หรือการทางานแบบ Cross word กไ็ ด้ ขั้น Wrap up 10.จดั ใหม้ ีการแสดงการละเล่นพืน้ บา้ นโดยใชภ้ าษาอังกฤษในการสื่อสาร ส่อื การเรยี นรู้ 1. เกม Who can guess 2. รปู ภาพ
3. สถานการณ์จรงิ 4. ใบความรูท้ ี่ 2-3 แหลง่ การเรยี นรู้ 1. Internet 2. ทอ้ งถิ่น / ชุมชน 3.หนงั สือแนะนาการทอ่ งเทีย่ ว 4. วารสาร , นิตยสาร การวดั และประเมินผล 1.วัดจากการเล่นเกม 2.วัดจากการเขียนการละเล่นพื้นบา้ นเป็นภาษาอังกฤษ 3.วดั จากความสา.มารถในการตอบคาถามจากการอ่าน เร่ือง ประเพณที ้องถิ่น 4.วดั จากความรบั ผิดชอบในการทางานกลมุ่ และความรับผดิ ชอบสว่ นตัว ช่ัวโมงที่ 7-8 (Speaking) ข้นั Warm up 1. ใหน้ ักเรยี นดูภาพนทิ านอสี ป 1 ชดุ (ใบงานท่ี 2) ซึง่ ภาพเหล่าน้นั จะสลบั กนั อยู่ ให้นกั เรียน เรียงลาดบั ภาพแล้วเฉลยภาพทีถ่ กู ต้อง ขั้น Presentation 2. สอนคาศัพท์ใหม่ที่ปรากฎในนทิ าน เรอ่ื ง Two love birds (นางนกกระจอก) โดยใชร้ ูปภาพ ความหมายเหมอื น ความหมายตรงขา้ ม 3. แจกบทอา่ นนิทาน Two love birds (ใบความรทู้ ่ี 4) 4. นักเรียนศึกษา ครชู ่วยอธบิ ายขอ้ ความทนี่ กั เรียนอ่านไม่เขา้ ใจ 5. ครูสาธติ วธิ เี ลา่ นิทาน โดยใช้เนื้อหาจากเร่ือง Two love birds ขั้น Practice 6. นักเรยี นแบง่ เปน็ กลุม่ ๆ ละ 5 คน ทั้งหัวหนา้ กลมุ่ 7. หัวหนา้ กลุ่มออกมาจับฉลากชือ่ นิทานพื้นบา้ นที่ครกู าหนดให้เลา่ กลุ่มละ 1 เรือ่ ง แล้วรบั นทิ าน เร่อื งนั้นมา 8. ศกึ ษานทิ านทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย แลว้ ฝกึ วิธเี ลา่ โดยให้สมาชิกในกล่มุ เป็นตัวประกอบในการแสดง กริยาทา่ ทาง หรือช่วยเหลือในเร่ืองการจดั สถานท่ี หาเคร่อื งแต่งกาย เปน็ ต้น 9. ออกมาเล่านทิ านหน้าช้นั เรียนทีละกลุ่ม ครใู หค้ ะแนนตามแบบฟอรม์ การใหค้ ะแนน ขัน้ Production 10. นักเรยี นแต่ละกล่มุ สืบค้นนทิ านพื้นบ้านท่ีมีในท้องถน่ิ กลุ่มละ 1 เรื่อง 11. นาเสนอผลการเลา่ นิทานแก่ระดบั ชนั้ อนื่ ๆ หน้าเสาธงหรอื ในเวลาอนั เหมาะสม ขนั้ Wrap up จดั การประกวดเล่านทิ านพ้นื บา้ นเป็นภาษาองั กฤษในระดับโรงเรียน
สื่อการเรยี นรู้ 1. รปู ภาพนิทานอสี ป 2. สถานการณ์จรงิ 3. ใบงานท่ี 2 4.ใบความรู้ท่ี 4 แหล่งการเรยี นรู้ 1. Internet 2. ทอ้ งถิ่น / ชุมชน 3.หนงั สือแนะนาการท่องเทย่ี ว 4. วารสาร , นิตยสาร การวดั และประเมินผล 1.วัดจากการเลา่ นิทานพืน้ บา้ นเปภ็ าษาอังกฤษ 2.วดั จากความสา.มารถในการตอบคาถามจากการอ่าน เรื่อง ประเพณที อ้ งถิ่น 3.วัดจากความรบั ผดิ ชอบในการทางานกลมุ่ และความรบั ผิดชอบสว่ นตัว ชว่ั โมงที่ 9-12 (Reading) ขั้น Warm up 1. นกั เรียนเล่นเกมจับคู่ ชอ่ื เดอื นและประเพณีของแตล่ ะเดือน (ประเพณี 12 เดอื นของคนอสี าน) ข้นั Presentation 2. นักเรียนดภู าพประเพณขี องอีสาน แลว้ สนทนาถาม / ตอบ T : What can you see in this picture? Ss : ……………………………… T : What festival do you think it should be? Ss : ………………………………………… T : Right. It’s the picture of………… festival. 3. ครสู อนคาศัพท์ยากจากบทอา่ นเร่อื งLoy Kratong Festival 4. แจกบทอา่ นเกี่ยวกับประเพณีลอยกระทง (ใบความรทู้ ่ี 5) 5. นาเสนอเนือ้ หาประเพณีลอยกระทงจากบทอ่าน ขนั้ Practice 6. นักเรยี นอา่ นเก่ียวกบั ประเพณใี นใจอกี คร้ังหน่ึง 7. แบง่ เน้ือหาใหน้ ักเรยี นอา่ นเพอ่ื จบั ใจความ โดยให้นักเรยี นรบั ผิดชอบเป็นกลุม่ ๆ ละ 1 ยอ่ หน้า 8. ตวั แทนกลมุ่ สรุปเน้อื หาจากเนื้อหาในย่อหนา้ ท่ีกลมุ่ ตนเองรบั ผิดชอบ 9. ทาแบบฝกึ หัดเพ่ือสรปุ ใจความ (ใบงานท่ี 4) 10. ส่งให้ครูตรวจหรือเปลย่ี นกนั ตรวจ 11. นักเรียนแบง่ กลมุ่ เพ่ือสืบค้นประเพณขี องไทย ขน้ั Production
12. นาประเพณีท่สี บื คน้ มารายงานหนา้ ช้นั ชั่วโมงละ 4 กลมุ่ 13. ทา Post - test ข้ัน Wrap up 14. สรปุ ความเชื่อที่แฝงอย่ใู นประเพณีตา่ ง ๆ ร่วมกนั แล้วทาเอกสารสรปุ เรื่องประเพณขี องไทย ส่อื การเรียนรู้ 1. เกม จบั คู่ 2. รปู ภาพ 3. สถานการณ์จรงิ 4. ใบงานที่ 4 5.ใบความรู้ที่ 5 แหล่งการเรยี นรู้ 1. Internet 2. ท้องถ่ิน / ชมุ ชน 3.หนงั สือแนะนาการท่องเทีย่ ว 4. วารสาร , นติ ยสาร การวดั และประเมนิ ผล 1.วัดจากการเลน่ เกม 2.วดั จากการเขยี นการละเล่นพ้นื บา้ นเป็นภาษาอังกฤษ 3.วัดจากการเล่านทิ านพนื้ บา้ นเปน็ ภาษาอังกฤษ 4.วัดจากความสา.มารถในการตอบคาถามจากการอา่ น เรอ่ื ง ประเพณที ้องถ่ิน 5.วัดจากการสอบ Post test 6.วดั จากความรบั ผดิ ชอบในการทางานกลมุ่ และความรบั ผดิ ชอบส่วนตวั
ใบความรทู้ ่ี 1 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 12 (Local Culture) คาสง่ั ตัวอย่างผญาภาษิตท่ีมีความหมายคลา้ ยคลงึ กับสุภาษิตอังกฤษ เวลา 20 นาที English Proverbs and Isan Proverbs กินหลายท้องแตกแบกหลายหลังหกั Know yourself (จงรจู้ ักตนเอง) กินมา ๆ บ่คลาเบงิ่ ทอ้ ง Gluten kills more than sword (อร่อยแกบ่ ค่ ลาปากแกท่ อ้ ง) งัวบ่กินหญ่าอยา่ ข่มเขาหกั หมูบก่ ินฮาอยา่ ตดี ังเว้อ You can take a horse to water, but you can’t make him drink. (อยา่ ข่มเขาใหโ้ คกินหญ้า) ทุกขห์ น่งึ ลูกเสีย ทกุ ข์สองเมียตายจาก Misfortunes never comes singly (ผีซา้ ด้าพลอย) อยากมหี ลายมนั ไฮ้ อยากไดห้ ลายมนั ตาย Kill the goose that lays the golden eggs. (โลภมากลาภหาย) ตาบอดอย่าเว้าใหญ่ Don’t moke superiority complex (อย่าสรา้ งปมเข่ือง) คิดตอ่ พีม่ นั เปน็ ฮิบฮี่ คดิ ตอ่ น้องมนั เปน็ ล่องซ่อง Be done in the world. (หวั เดียวกระเทียมลบี ) ชัว่ เจ็ดทีดีเจ็ดหน Life is not all beer and skittles (ช่วั เจด็ ทดี เี จ็ดหน)
ใบความรูท้ ี่ 2 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 12 (Local Culture) คาส่งั การละเล่นพ้ืนบา้ น เวลา 15 นาที Name : Jam Gee (to poke the finger) Play : The number of players is about 3 - 4 players. How to play : The number of players is about 3-4 players. The players have to lay down their hands on the ground. Later, the first players will start the game by using his/her finger (it’s usually the forefinger) and poke to every finger of the players including his/her fingers and sings the song “jam gee macho pro” When the song finished and his/her finger poke to any finger of any player then that player must be withdrew that finger in the palm. The game and the song will start again until come to the end and the player who lost the finger more than other player will be the loser of this game. RiRikhaoSan The long grained Rice The number of the players is about 6 players up. To play this game, it is necessary that the two players must be raised their hands up overhead and join the hands together to suppose it as the are door. The other players are lined up one behind the other by arresting the waist and walk through the are and sing the song “ri ri khao san” at the same time. The two players who act as the are will suddenly pull down their arms to lock any player who is walking under the are when the song finished and the losing plays is required to act as the are door next.
Name : Ving Piew (Relay Race) Play : The number of players is not restricted but should be 4 players up How to play : The number of players is not restricted but should be 4 players up and the two teams must be consisting of the same number of people. The place to play is usually use the wide yard and has two trees or two stilts as the competitive post. The players are lined up one behind the other at their place. The head of the each line will begin the game by running to round the post of the opposite team and come back to send the cloth to the next player in the team to run next. The player must try to run so fast and to hit the another player by the cloth and it means that team will be won the game.
ใบความรทู้ ่ี 3 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 12 (Local Culture) คาส่งั ตวั อยา่ งคาศพั ทเ์ ก่ยี วกบั การละเล่น เวลา 8 นาที Catch ลาก , ดงึ Divide จับคู่ Match เสียหาย Guess Finder ผ้หู า Touch แบ่ง Pull ไล่จบั คลา
ใบความรูท้ ่ี 4 เวลา 15 นาที หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 12 (Local Culture) คาสงั่ นทิ านพื้นบ้านนางนกกระจอก Two love Birds Once there was a young male bird who was in love with a young female bird. They decided to find nest in order to live together. They almost gave up when they came across a rishi with long bushy beard. They asked permission to live in t he rishi’s beard. The rishi gave them permission as long as they did not disturb his meditation. At first they were quire, but when they had two little birdies, they became very noisy. So, the rishi asked them to leave and find a new home. They flew away to find a new nest. After a long search they found a nest in tree near a pond. They lived together happily. The male bird would go out to find food and the female would stay in the nest with the babies. One day, the male bird went out to find food as usual, but that day he stopped to visit his friend first. By the time he got to a lotus pond it was late in the afternoon. As he was looking for some food in a lotus, it closed its petals. He could not get out to go home until late in the evening. At home, the female bird and their babies were waiting eagerly for the husband’s return. While waiting forest fire was manacling the forest escape because she could not leave her babies. Before she died with her babies, she would not speak to nay man. When the male bird got home, he did not find his family, but a burnt nest. He knew that his wife in every life to come to prove his real love for her. Then, he jumped into the pond and died.
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112