Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษพื้นฐาน ม.4 ครูพิกุล

แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษพื้นฐาน ม.4 ครูพิกุล

Published by Pikul Muangkam, 2019-08-31 21:28:15

Description: แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษพื้นฐาน ม.4 ครูพิกุล

Search

Read the Text Version

วเิ คราะหค์ วาม สรปุ คาตอบทไ่ี ดจ้ ากการ ประเมินผลจากจานวน แบบตรวจคาตอบ ใช้เกณฑ์ผา่ นรอ้ ยละ ความ ตคี วามจาก ทากิจกรรม About the 50 บทความท่ีอ่าน คาตอบท่ี Reading 11. จุดเนน้ ของโรงเรยี น การบูรณาการปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งและกจิ กรรมสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง ครู ผเู้ รียน 11. ความพอประมาณ พอดีด้านเทคโนโลยี พอดีด้านจิตใจ 12. ความมเี หตุผล ร้จู กั ใชเ้ ทคโนโลยีมาผลิตสือ่ ที่ มจี ิตสานึกทด่ี ี เออ้ื อาทร 13. มีภมู คิ ุมกันในตัวท่ีดี เหมาะสมและสอดคลอ้ งเนอ้ื หาเป็น ประนีประนอม นกึ ถึงประโยชน์ 14. เงื่อนไขความรู้ ประโยชนต์ ่อผู้เรียนและพฒั นาจากภูมิ สว่ นรวม/กล่มุ 15. เงอ่ื นไขคณุ ธรรม ปญั ญาของผู้เรียน - ยึดถอื การประกอบอาชีพดว้ ยความ ไมห่ ยุดนงิ่ ท่ีหาหนทางในชีวิต หลุดพ้น ถูกตอ้ ง สจุ รติ แม้จะตกอยู่ในภาวะขาด จากความทุกขย์ าก (การค้นหาคาตอบ แคลน ในการดารงชวี ิต เพื่อให้หลุดพน้ จากความไมร่ )ู้ - ปฏบิ ตั ติ นในแนวทางท่ดี ี ลด เลิก ส่ิง ยวั่ กิเลสให้หมดสน้ิ ไป ไม่กอ่ ความชัว่ ให้ เปน็ เครอ่ื งทาลายตวั เอง ทาลายผ้อู ่ืน พยายามเพ่มิ พูนรกั ษาความดี ท่มี อี ยู่ให้ งอกงาม สมบรู ณย์ ิ่งขึ้น ภมู ิปัญญา : มคี วามรู้ รอบคอบ และ ภมู ิปัญญา : มีความรู้ รอบคอบ และ ระมัดระวัง ระมัดระวัง สรา้ งสรรค์ ภมู ิธรรม : ซอ่ื สตั ย์ สุจริต ขยนั อดทน ภมู ิธรรม : ซื่อสัตย์ สุจริต ขยนั อดทน ตรงต่อเวลาและแบ่งปัน ตรงตอ่ เวลา เสยี สละและ แบ่งปัน นาความรู้เหลา่ น้ันมาพิจารณาให้ สามารถนาความรูเ้ หลา่ น้นั มาพจิ ารณา เชอ่ื มโยงกนั เพ่อื ประกอบการวางแผน ให้เชือ่ มโยงกัน สามารถประยุกต์ใช้ใน การดาเนินการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ชีวิตประจาวัน ใหก้ ับผเู้ รียน มคี วามตระหนักใน คุณธรรม มี มีความตระหนกั ใน คุณธรรม มี ความซ่อื สตั ยส์ ุจริตและมีความอดทน ความซ่ือสตั ย์สุจริตและมีความอดทน มคี วามเพยี ร ใช้สติปญั ญาในการ มคี วามเพียร ใช้สตปิ ัญญาในการ ดาเนนิ ชีวิต ดาเนนิ ชวี ิต สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น ครู ผู้เรยี น

งานและกาลัง งานและกาลงั งานและกาลงั - การเกิดงานแต่ละกรณี - ปจั จยั ทีม่ ีผลต่อการเกดิ งาน - ระบปุ ัจจยั ทีม่ ีผลต่อการเกิดงาน - การเกดิ กาลงั การ - ปรมิ าณที่เก่ียวขอ้ งกับการเกดิ งาน - ทดลองเปรยี บเทียบการเกิดงาน และ กาลงั และ กาลงั พรอ้ มคานวณปริมาณท่ี ได้เปรยี บ เชิงกล เกีย่ วขอ้ ง ครู ส่ิงแวดล้อม งานและพลังงาน ผู้เรยี น งานและพลังงาน - การเลือกใชอ้ ย่างถูกวธิ ี/ เทคนิค - การเลอื กใชอ้ ย่างถูกวธิ ี วิธีการ งานและพลงั งาน - การอนุรกั ษ์สิง่ แวดล้อม - กระบวนการการอนุรักษ์ - ยกตัวอย่างการใชอ้ ุปกรณ์/ ส่งิ แวดล้อม เครือ่ งใชไ้ ฟฟา้ อยา่ งถกู วิธี - แสนอแนะแนวทางอนรุ ักษ์ สิ่งแวดล้อม ลงช่ือ..................................................ผู้สอน ( นางพกิ ลุ เหมอื งคา )

ประเดน็ 4 เกณฑก์ ารประเมินการพดู นา้ หนกั คะแนน 321 ความถกู ตอ้ ง - สือ่ สารได้ตรง - ส่ือสารได้ตรง - สอ่ื สารไดต้ รง - สื่อสารไมค่ อ่ ย 2 8 ดา้ นเนือ้ หา ประเดน็ ประเดน็ เป็น ประเด็นเป็น ตรงประเด็น 2 8 สว่ นใหญ่ บางสว่ น 1 4 - เนือ้ หาถกู ต้อง - เน้ือหาไม่ค่อย 5 20 - เน้ือหาถกู ต้อง - เน้อื หาถูกตอ้ ง ถกู ต้อง ตามหัวข้อที่ เป็นสว่ นใหญ่ เป็นบางส่วน กาหนด การออกเสยี ง - ออกเสียง - ออกเสียง - ออกเสยี ง - ออกเสยี ง การใช้คาศัพท์ ถกู ต้อง ได้ถูกต้อง ถูกต้อง ไมถ่ กู ต้อง สานวน และ เปน็ ส่วนใหญ่ เป็นบางสว่ น โครงสร้างภาษา - ใช้คาศพั ท์ - ใชค้ าศพั ท์ สานวน และ - ใช้คาศัพท์ - ใชค้ าศพั ท์ สานวน และ ความสามารถ โครงสร้างภาษา สานวน และ สานวน และ โครงสร้างภาษา ในการพูด ถูกตอ้ งและ โครงสร้างภาษา โครงสรา้ งภาษา แบบ เหมาะสม ถกู ต้องเปน็ ส่วน แบบ ง่าย ๆ และ ใหญ่ งา่ ย ๆ และ มขี อ้ ผิดมาก - พดู ได้ มีข้อผิดบ้าง คล่องแคล่ว - พดู ได้ - พูดเหมอื น คล่องแคล่ว - พูดได้ ท่องจา - พดู เปน็ คล่องแคลว่ แต่ ธรรมชาติ - พดู เป็น ไมเ่ ป็นธรรมชาติ - ประสานสายตา ธรรมชาติ กับผู้ฟังบ้างเป็น - ประสานสายตา - ประสานสายตา ระยะ กับผู้ฟงั - ประสานสายตา กับผฟู้ งั นอ้ ย กับผฟู้ ัง - แสดงออกทางสี หนา้ และทา่ ทาง - แสดงออกทางสี อย่างเหมาะสม หน้าและทา่ ทาง บา้ งเล็กนอ้ ย รวม เกณฑก์ ารประเมนิ ดีมาก 16-20 คะแนน ดี 13-15 คะแนน พอใช้ 10-12 คะแนน ควรปรับปรุง น้อยกวา่ 10 คะแนน

ประเดน็ เกณฑ์การประเมนิ ความสามารถในการสนทนา 4 3 2 1 น้าหนัก คะแน น การออกเสียง ออกเสียงถูกตอ้ ง ออกเสียงถกู ต้อง ออกเสยี งถูกต้อง ออกเสยี ง 1 4 ตามหลักการ ตามหลักการ เป็นบางส่วน ไม่ถกู ตอ้ ง คาศพั ท์ สานวน ออกเสียง มีเสยี ง ออกเสียง แต่พอเข้าใจ ทาใหไ้ มเ่ ขา้ ใจ 3 12 และ เน้นหนักในคา/ เป็นสว่ นใหญ่ 3 12 ประโยคอยา่ ง ใช้คาศัพท์ สานวน ใช้คาศพั ท์ สานวน 2 8 โครงสร้างภาษา สมบูรณ์ ใช้คาศพั ท์ สานวน และโครงสร้าง และโครงสรา้ ง 1 4 ใช้คาศัพท์ สานวน และโครงสร้าง ประโยคแบบ ประโยคแบบ เนื้อหา และโครงสร้างภาษา ประโยคถูกต้อง เปน็ งา่ ย ๆ และมี ง่าย ๆ และมี 10 40 ถกู ตอ้ งและ สว่ นใหญ่ แตไ่ ม่ ข้อผิดบ้าง ข้อผดิ มาก ความ เหมาะสม หลากหลาย เนือ้ หาถูกต้อง เน้ือหาไม่ถูกต้อง คลอ่ งแคลว่ เน้ือหาถูกต้อง เป็นบางสว่ น หรอื มีขอ้ ผิดมาก เนอื้ หาถูกต้อง เป็นสว่ นใหญ่ การแสดงท่าทาง มีรายละเอียด พูดคล้ายแบบ พดู เป็นแบบ และน้าเสียง ครบถ้วนสมบูรณ์ พดู ตดิ ขดั บางครง้ั ทอ่ งจา พอส่อื สาร ท่องจา ตะกุกตะกกั พูดได้อยา่ ง แต่ยังสามารถ ไดบ้ ้าง ส่ือสารได้น้อยมาก ประกอบการพูด เปน็ ธรรมชาติ ส่อื สารไดช้ ัดเจน หรอื ไมไ่ ด้เลย คลอ่ งแคลว่ พูดโดยไม่แสดง พูดโดยไม่แสดง สือ่ สารไดช้ ัดเจน แสดงท่าทางและ ท่าทางประกอบ ทา่ ทางประกอบ แสดงทา่ ทางและ พดู ดว้ ยน้าเสยี ง นา้ เสียงคล้าย น้าเสียงเปน็ พดู ดว้ ยน้าเสยี งท่ี ที่เหมาะสมกบั การอา่ นหรือ การพดู แบบทอ่ งจา เหมาะสมกบั บทบาทและ การท่องจา บทบาทและ สถานการณใ์ นระดบั สถานการณด์ มี าก ดี รวม เกณฑ์การประเมิน ดมี าก 34-40 คะแนน ดี 27-33 คะแนน พอใช้ 20-26 คะแนน ควรปรับปรุง นอ้ ยกว่า 20 คะแนน

แผนการจดั การเรียนรู้ หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 4 เร่อื ง They’re the Ones! รายวิชา ภาษาอังกฤษพ้ืนฐาน รหสั วชิ า อ 31101 ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2561 นา้ หนักเวลาเรยี น เวลาเรยี น 10 ช่วั โมง .......................................................................................................................................................... 1. สาระสาคัญ (ความเข้าใจท่คี งทน) หน่วยการเรียนรู้นี้มีจุดมุ่งหมายให้นักเรียนเข้าใจการใช้ Relative Clauses เพ่ือให้รายละเอียดเพ่ิมเติมเก่ียวกับคน และส่งิ ตา่ ง ๆ นกั เรียนจะได้อ่านบทสนทนาส้ัน ๆ และชวี ประวัติของบุคคลท่ีมีชื่อเสียง ฟังบุคคลพูดบรรยายลักษณะของ คู่รักท่ีตนต้องการ พูดเก่ียวกับเฟซบุ๊คและบุคคลที่รวยตั้งแต่อายุยังน้อย และเขียนแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับบุคคล นอกจากน้ีนักเรียนยังได้เรียนรู้คาศัพท์ต่าง ๆ เกี่ยวกับคุณลักษณะของบุคคล รวมท้ังหน้าท่ีทางภาษา โครงสร้างประโยค ไวยากรณท์ เ่ี ป็นพืน้ ฐานของกจิ กรรม การฟงั พดู อา่ น และเขียนในหน่วยการเรยี นรนู้ ี้ 2. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชวี้ ดั ช้ันปี/ผลการเรียนรู้/เปา้ หมายการเรยี นรู้ ต 1.1 ม.4-6/3 อธิบายและเขียนประโยคและข้อความใหส้ มั พันธก์ บั ส่ือท่ีไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ ที่อ่าน รวมท้ัง ระบุและเขียนสือ่ ทีไ่ ม่ใชค่ วามเรยี งรูปแบบต่างๆ ให้สัมพนั ธ์กบั ประโยค และข้อความที่ฟงั หรืออ่าน ต 1.1 ม.4-6/4 จบั ใจความสาคญั วเิ คราะห์ความสรปุ ความ ตคี วาม และแสดงความคิดเห็นจากการฟังและอ่านเรอื่ ง ท่ี เป็นสารคดีและบนั เทิงคดี พรอ้ มท้ังให้เหตุผลและยกตวั อย่างประกอบ ต 1.2 ม.4-6/4 พดู และเขียนเพื่อขอและใหข้ อ้ มูล บรรยาย อธิบาย เปรียบเทียบ และแสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกับเรื่อง ประเด็น/ขา่ ว/เหตุการณท์ ฟ่ี งั และอ่านอยา่ งเหมาะสม ต 1.3 ม.4-6/1 พูดและเขียนนาเสนอข้อมูลเก่ยี วกับตนเอง ประสบการณ์ ขา่ ว/เหตุการณ์ เรือ่ งและประเด็นต่างๆ ตามความสนใจของสงั คม ต 1.3 ม.4-6/2 พดู และเขียนสรุปใจความสาคญั /แกน่ สาระทไี่ ด้จากการวิเคราะหเ์ รื่อง กิจกรรม ข่าว เหตกุ ารณ์ และ สถานการณ์ตามความสนใจ ต 3.1 ม.4-6/1 คน้ คว้า/สบื คน้ บันทึก สรปุ และแสดงความคิดเห็นเกย่ี วกบั ขอ้ มูลทีเ่ กยี่ วข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรูอ้ ่ืน ต 4.2 ม.4-6/1 ใชภ้ าษาต่างประเทศในการสบื ค้น/ค้นคว้า รวบรวม วิเคราะห์ และสรปุ ความรู้/ข้อมูลต่างๆ จากสอื่ และ แหล่งการเรียนรตู้ ่างๆ ในการศึกษาตอ่ และประกอบอาชีพ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 เน้อื หาสาระหลัก : Knowledge (นกั เรยี นตอ้ งร้อู ะไร) - คาศัพท์ very beautiful or attractive (สงา่ งาม) กจิ กรรม Conversation - gorgeous (adj.): unwilling to show or talk about your thoughts and feelings (ซ่ึงสงวน กิจกรรม Listening ท่าที) - reserved (adj.):

- สานวนภาษา กิจกรรม Conversation - I’ve got to… หมายถงึ ฉนั ต้อง... - cool หมายถึง เจง๋ เท่ห์ - He swept me off my feet. หมายถงึ ฉันตกหลุมรกั เขาเสยี แลว้ - I trust my instincts. หมายถงึ ฉันเช่อื ในสญั ชาติญาณของตัวเอง - Don’t let your heart get in the way of your head. หมายถึง อยา่ ใหค้ วามรู้สกึ อยูเ่ หนอื เหตุผล กิจกรรม Listening - a sense of humor หมายถึง อารมณ์ขนั - หน้าทภ่ี าษา - To talk about people, things, and events - To give advices - โครงสร้างประโยค/ไวยากรณ์ - Relative Clauses - Relative Pronouns 3.2 ทกั ษะ/กระบวนการ : Process (นักเรยี นสามารถปฏิบตั อิ ะไรได)้ - ตีความจากบทสนทนาที่อา่ น -จับใจความสาคัญ บอกรายละเอียดจากบทสนทนาทอี่ า่ น - จบั ใจความสาคัญ สรปุ ความจากขอ้ ความท่ีฟงั - เขยี นขอ้ ความให้สมั พนั ธก์ ับภาพ - เขียนแสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกบั การเลอื กคู่รัก - วเิ คราะหค์ วาม สรุปความ ตีความจากบทความท่ีอ่าน - พดู นาเสนอข้อมูลเกี่ยวกบั ตวั เอง - ใชภ้ าษาองั กฤษค้นควา้ สืบคน้ เก่ียวกับบุคคลอายนุ อ้ ยทม่ี ีความนา่ ท่งึ และนาเสนอด้วยการเขยี น 3.3 คณุ ลักษณะทีพ่ งึ ประสงค์ : Attitude (นกั เรียนควรแสดงพฤตกิ รรมการเรยี นอะไรบ้าง) มีวนิ ยั : เขา้ เรยี นตรงเวลา ตง้ั ใจเรียน ใฝ่เรียนรู้ : ค้นควา้ หาความรู้จากแหล่งเรยี นรตู้ า่ ง ๆ มุ่งมัน่ ในการทางาน : ขยนั มคี วามรับผิดชอบต่องานทไ่ี ด้รบั มอบหมาย 4. สมรรถนะสาคัญของนกั เรยี น 4.1 ความสามารถในการส่ือสาร 4.2 ความสามารถในการคดิ 4.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 4.4ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 4.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. คณุ ลักษณะของวิชา - ความรบั ผดิ ชอบ

- ความกล้าแสดงออก 6. คณุ ลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์ - มีวินัย - ใฝ่เรยี นรู้ - มุง่ มนั่ ในการทางาน 7. ช้ินงาน/ภาระงาน : - เรียนรกู้ ารใช้ Relative Clauses - อ่านบทสนทนาส้ัน ๆๆ และชีวประวตั ิของบุคคลทม่ี ีชอื่ เสียง - ฟงั บุคคลพูดบรรยายลักษณะของครู่ ักท่ีตนต้องการ - เขียนแสดงความคิดเหน็ เก่ยี วกับบุคคล 8. กจิ กรรมการเรยี นรู้ คาบ 1 - 2 กจิ กรรม New Language 1. นาเข้าสบู่ ทเรยี น - ครูให้นกั เรยี นบอกชอ่ื และข้อมลู เกีย่ วกับบุคคลท่ีมีชอ่ื เสยี งท่นี กั เรยี นพอจะทราบ 2. แจง้ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ - ครูบอกนักเรียนว่า ในหน่วยการเรียนรนู้ น้ี ักเรียนจะได้อ่านคาบรรยายสน้ั ๆ เกยี่ วกบั บคุ คลทม่ี ชี ่ือเสยี ง จบั คูภ่ าพ กับคาบรรยาย และตอบคาถาม True or False เก่ียวกับคาบรรยายท่ีอ่าน 3. อ่านคาบรรยายสนั้ ๆ - ครใู ห้นกั เรียนดูภาพในหนงั สอื เรยี น หน้า 26-27 ทลี ะภาพและพดู เกี่ยวกบั บคุ คลที่นกั เรยี นเห็นในภาพ - ครเู ปิดซีดีบันทึกเสยี ง CD 1 Track 22 ให้นักเรยี นฟังและอา่ นตามในใจ - ครูใหน้ กั เรียนอา่ นคาบรรยายทงั้ 6 ข้อ อกี ครั้งและใหน้ ักเรียนจบั คคู่ าบรรยายกับบุคคลทม่ี ีชอ่ื เสียงในภาพ - ครใู หน้ กั เรยี นชว่ ยกนั บอกคาตอบ ครูเขียนคาตอบที่ถูกต้องบนกระดาน (ดเู ฉลยท้ายเลม่ ) - ครูใหน้ กั เรียนตอบคาถามในกิจกรรม Language Check ในหนังสือเรียน หน้า 27 และช่วยกันเฉลยคาตอบ (ดูเฉลย ท้ายเล่ม) - ครปู ระเมินผลความเข้าใจในการอ่านจากจานวนคาตอบท่ีถูกต้องในการทากิจกรรม Language Check ในหนังสือ เรียน หน้า 27 และใช้เกณฑ์ผา่ นรอ้ ยละ 60 กิจกรรม Pronunciation 1. ออกเสยี งคาศพั ท์ที่ลงท้ายดว้ ย er/or - ครูใหน้ ักเรียนทากิจกรรม Pronunciation ในหนังสอื เรยี น หน้า 27 ครูเปดิ ซดี ีบนั ทึกเสียง CD 1 Track 23 ให้ นักเรยี นฟังการออกเสยี งคาท่ีลงทา้ ยด้วย er/or และออกเสียงตามหลาย ๆ ครัง้ ให้ถูกตอ้ ง - ครูเปิดซีดีบันทึกเสียงซ้าอีกครั้งหน่ึง ให้นักเรียนจับคู่ฝึกอ่านออกเสียงคาศัพท์ในกิจกรรม Pronunciation ใน หนังสือเรยี น หน้า 27 กจิ กรรม Practice

1. พดู ถาม-ตอบคาถามโดยใช้ Relative Clauses - ครูเขียนประโยคตอ่ ไปน้ีบนกระดาน Ye Shiwin is a swimmer who won medals at the Olympics. อธิบาย ว่า who won medals at the Olympics เป็นประโยค Relative Clause ซง่ึ ให้รายละเอียดเพิม่ ข้ึนกับคานาม swimmer - ครูให้นักเรียนทากิจกรรม Practice ในหนังสือเรียน หน้า 27 โดยครูเปิดซีดีบันทึกเสียง CD 1 Track 24 ให้ นกั เรยี นฟงั คาถามและคาตอบในข้อ 1-3 จากนัน้ ครูเปดิ ซดี ีบันทกึ เสยี งอีกคร้งั หนึ่ง หยดุ ซดี ีบนั ทกึ เสียงเม่อื จบแต่ละ ประโยคเพ่ือให้นักเรยี นออกเสียงตามหลาย ๆ คร้งั - ครใู หน้ กั เรยี นจบั คู่ ฝึกอ่านออกเสยี งคาถามและคาตอบในกิจกรรม Practice ในหนังสือเรียน หนา้ 27 ครูเดนิ สงั เกตการออกเสยี งของนกั เรียน - ครใู ห้นกั เรียนแตล่ ะคู่เขยี นคาถามและคาตอบคลา้ ยกับในกิจกรรม Practice ในหนังสือเรียน หน้า 27 โดยเปล่ียน เป็นบุคคลอืน่ แลว้ ฝกึ สนทนากัน - ครูสุ่มให้นกั เรยี นบางคอู่ อกมาอา่ นออกเสียงคาถามและคาตอบที่นักเรยี นชว่ ยกันเขียน คาบ 3 - 4 กิจกรรม Conversation 1. นาเข้าสู่บทเรียน - ครูให้นักเรียนดภู าพตอนบนขวาของหนังสอื เรยี น หนา้ 28 ให้นักเรียนพูดเกย่ี วกบั ภาพ และใหเ้ ดาว่าอะไรคือหวั ข้อ ของการสนทนา 2. แจง้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ - ครูบอกนกั เรยี นว่า ในหนว่ ยการเรียนรนู้ ้นี ักเรียนจะได้ฟังและอา่ นบทสนทนาแล้วเติมขอ้ ความลงในชอ่ งว่าง 3. เตรยี มความพร้อมด้านคาศพั ท์ - ครเู ขยี นคาศพั ทแ์ ละสานวนภาษาในบทสนทนาท่ีคาดวา่ นกั เรียนไมท่ ราบความหมายบนกระดาน ดงั นี้ - cool - I’ve got to… - He swept me off my feet. - I trust my instincts. - Don’t let your heart get in the way of your head. - ครูให้นักเรียนบอกความหมายของคาศัพท์สานวนเหล่าน้ี ครูบอกความหมายของคาศัพท์และสานวนที่ไม่มีผู้ใด ทราบความหมาย 4. ฟังบทสนทนา - ครูให้นักเรียนปิดหนงั สือเรยี น และเปิดซดี ีบันทึกเสียง CD 1 Track 25 ให้นกั เรียนฟังการสนทนาระหวา่ งบุคคล 2 คน 2 ครงั้ และให้นกั เรยี นบอกส่ิงท่ที ้งั สองคนพูดกันเทา่ ที่จะบอกได้ 5. อ่านบทสนทนา - ครูใหน้ ักเรยี นอ่านออกเสยี งประโยคในกจิ กรรม About the Conversation ในหนงั สอื เรียน หนา้ 28 ก่อนทีจ่ ะ อา่ นบทสนทนาเพื่อหาคาตอบมาเตมิ ในชอ่ งว่างของประโยคเหลา่ นั้น

- ครูให้นักเรียนอ่านบทสนทนาในกิจกรรม Conversation ในหนังสือเรียน หน้า 28 และทากิจกรรม About the Conversation ในหนงั สอื เรยี นหนา้ เดียวกนั - ครใู ห้นักเรยี นผลัดกนั ออกมาเขยี นคาตอบบนกระดาน และนักเรียนคนอื่นช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง (ดูเฉลย ทา้ ยเล่ม) - ครูประเมินผลความเข้าใจในการอ่านบทสนทนาจากจานวนคาตอบที่ถูกต้องในการทากิจกรรม About the Conversation และใชเ้ กณฑผ์ ่านร้อยละ 70 กิจกรรม Listening 1. ฟงั บุคคลพดู บรรยายเกย่ี วกบั ครู่ กั ในอดุ มคติ - ครูอ่านออกเสียงคาสงั่ ในกิจกรรม Listening ในหนงั สอื เรียน หน้า 28 ให้นักเรียนฟังและบอกนกั เรียนวา่ ในบทเรียน นี้ นักเรียนจะไดฟ้ งั บุคคล 2 คน พดู บรรยายลักษณะของครู่ กั ในอดุ มคติของตน นักเรยี นจะตอ้ งฟังและตอบคาถาม True or False - ครูเปิดซีดีบันทึกเสียง CD 1 Track 26 ครั้งท่ี 1 ให้นักเรียนฟังการพูดของ Angela และ Brian และพยายามจับ ใจความสาคัญ - ครูเปดิ ซีดีบันทกึ เสียง CD 1 Track 26 ครง้ั ที่ 2 ให้นกั เรียนฟัง และหยดุ ซีดีบนั ทึกเสียงเพ่ือให้นกั เรยี นเขียนคาตอบ ลงในกิจกรรม Listening - ครูตรวจคาตอบโดยให้นกั เรียนชว่ ยกนั บอกคาตอบและเปดิ ซีดบี ันทึกเสยี ง CD 1 Track 26 อกี ครง้ั หนึ่งเพ่อื ยนื ยนั คาตอบของนักเรียน (ดูเฉลยทา้ ยเลม่ ) 2. ประเมินผลการฟงั - ครูประเมินผลการฟังของนักเรยี นจากจานวนคาตอบทถี่ ูกต้องในการทากิจกรรม Listening ในหนงั สือเรยี น หนา้ 28และใช้เกณฑ์ผ่านร้อยละ 50 คาบ 5 - 6 กิจกรรม Grammar 1. แจง้ จุดประสงค์การเรยี นรู้ - ครูบอกนักเรียนวา่ ในหนว่ ยการเรยี นร้นู นี้ กั เรยี นจะไดเ้ รยี นรู้การใช้ Relative Pronouns: who, that, which ใน ประโยค Relative Clauses เพอื่ ใหร้ ายละเอยี ดมากขึ้นกบั คานามท่ีกล่าวถงึ 2. เขา้ ใจและใช้ Relative Pronouns - ครูบอกนักเรียนให้ศึกษา Relative Pronouns ในกรอบ Grammar ในหนังสือเรียน หน้า 29 ครูอธิบายว่า Relative Pronouns: who, that, which ใช้แทนคานามและใช้เริ่มต้นประโยค Relative Clauses เพ่ือให้ รายละเอยี ดเพ่ิมเติมกับคานามทก่ี าลงั กลา่ วถึง

- ครูเขยี นประโยค The boy who won the race is my brother. บนกระดาน อธิบายวา่ who คือ Relative Pronoun ซ่งึ เปน็ สว่ นหน่งึ ของประโยค Relative Clause - who won the race ซงึ่ ใหร้ ายละเอียดเพิ่มเตมิ กับ คานาม The boy - ครูเขยี นประโยคเหลา่ น้บี นกระดาน ใหน้ กั เรียนอาสาออกมาขีดเสน้ ใต้ประโยค Relative Clauses และวงกลมรอบ คานามท่ี Clauses น้ันขยายความ - A band is a group that plays popular music. - Mick Jagger is a musician who plays with the Rolling Stones. - The Rolling Stones is a band that began in 1962. - ครเู ขยี นประโยคตัวอย่างการใช้ Relative Pronouns ต่อไปนีบ้ นกระดาน ครูอธิบายวา่ who ใชแ้ ทนคานามท่ีเปน็ คน which ใชแ้ ทนคานามที่เปน็ ส่งิ ของหรอื สตั ว์ ส่วน that ใช้ได้ทง้ั คน สัตว์ สงิ่ ของ - The girl lives next door. She’s friendly. The girl who/that lives next door is friendly. - The dog bit me. It is dangerous. The dog that bit me is dangerous. ในกรณปี ระโยคหลักมีใจความสาคญั ครบถว้ นแล้ว แต่อยากเพ่ิมข้อมูลเลก็ นอ้ ยลงไปใน Relative Clauses ใหใ้ ส่ เคร่ืองหมายจุลภาคก่อนและหลงั Clauses น้ัน เชน่ - Our new neighbors, who just moved in last week, seem friendly. - ครูให้นักเรียนทากจิ กรรม Grammar A ในหนงั สอื เรียน หน้า 29 โดยครูทาขอ้ ท่ี 1 ใหน้ ักเรยี นดูเป็นตวั อยา่ ง ให้ นกั เรยี นทาข้อท่เี หลือโดยเลือกคาจากัดความท่ีถูกต้องและเลอื กใช้ who สาหรับคานามท่ีเปน็ คน หรอื that สาหรบั คานามทเ่ี ป็นสัตวห์ รือสง่ิ ของ ครตู รวจคาตอบโดยสมุ่ เรยี กนกั เรียนอา่ นประโยค (ดเู ฉลยท้ายเลม่ ) - ครใู ห้นักเรยี นทากิจกรรม Grammar C ในหนังสอื เรียน หนา้ 30 โดยครูอา่ นออกเสียงคาสง่ั และให้นักเรียนเลือก เติมwho หรอื which ลงในช่องว่างให้ถกู ตอ้ ง ครูตรวจคาตอบโดยสุ่มเรยี กนักเรยี นอ่านประโยค (ดูเฉลยท้ายเล่ม) - ครูใหน้ ักเรียนทากจิ กรรม Grammar D ในหนงั สอื เรยี น หนา้ 30 โดยครูอ่านออกเสียงคาสง่ั และให้นกั เรียนเลอื ก เตมิ who หรือ that ลงในชอ่ งวา่ งใหถ้ กู ต้อง ครูตรวจคาตอบโดยสมุ่ เรียกนกั เรียนอ่านประโยค (ดเู ฉลยทา้ ยเล่ม) 3. เขยี นขอ้ ความให้สมั พนั ธ์กับภาพ - ครูให้นักเรียนทากิจกรรม Grammar B ในหนังสือเรียน หน้า 29 โดยครูทาข้อที่ 1 ให้นักเรียนดูเป็นตัวอย่าง ให้ นักเรยี นทาข้อที่เหลือโดยเขียนบรรยายว่าบุคคลใดในภาพที่พูดประโยคในข้อท่ี 2-4 ครูตรวจคาตอบโดยสุ่มเรียก นักเรียนอ่านประโยค (ดูเฉลยท้ายเล่ม) - ครูประเมินการเขียนข้อความให้สัมพันธ์กับภาพของนักเรียนจากจานวนคาตอบที่ถูกต้องในการทากิจกรรม Grammar B ในหนงั สือเรียน หนา้ 29 และใช้เกณฑผ์ า่ นร้อยละ 60 กจิ กรรม Writing 1. แจ้งจดุ ประสงค์การเรียนรู้ - ครบู อกนกั เรยี นวา่ ในหน่วยการเรียนรนู้ ้ีนักเรยี นจะได้เขยี นแสดงความคิดเห็นเกย่ี วกบั การเลือกบุคคลมาเป็นครู่ กั 2. เขยี นแสดงความคิดเหน็ - ครอู ่านคาสงั่ ในกจิ กรรม Writing ในหนงั สือเรียน หน้า 30 ให้นักเรียนฟัง และให้นักเรียนบอกว่า ถ้านักเรียนเป็น คอลัมนสิ ต์ จะใหค้ าแนะนาแก่ผ้ทู ีเ่ ขยี นจดหมายมาปรึกษาว่าควรเลอื กใครมาเป็นคู่รักอย่างไร นักเรียนบางคนอาจ จะบอกว่าควรเลอื กผ้ชู ายคนท่ีหนึ่ง บางคนอาจบอกใหเ้ ลือกผู้ชายคนท่ีสอง หรือบางคนอาจจะบอกให้หาคนใหม่ที่ มีความสนใจตรงกันมากกว่าสองคนแรก - ครูให้นกั เรยี นทางานเป็นกลมุ่ กลมุ่ ละ 4-5 คน ให้นักเรียนอ่านจดหมายในกิจกรรม Grammar C ในหนังสือเรียน หน้า 30 อีกครั้งหน่ึง และชว่ ยกนั เขยี นคาแนะนาวา่ ควรเลอื กผู้ชายคนใดพรอ้ มใหเ้ หตุผลสนบั สนุน - ครใู ห้นกั เรียนแต่ละคนเขยี นใหค้ าแนะนาตามความคิดเห็นของตนเอง จากนนั้ แลกเปลี่ยนกนั ตรวจแก้ไขงานของ ตนกบั เพ่อื น

3. ประเมินการเขยี นแสดงความคดิ เหน็ - ครปู ระเมินงานเขียนของนกั เรยี นแตล่ ะคนโดยใช้เกณฑก์ ารประเมินการเขยี น และใชเ้ กณฑ์ผ่านระดบั พอใช้ คาบ 7 – 8 กจิ กรรม Reading 1. นาเข้าสบู่ ทเรยี น - ครใู ห้นักเรียนบอกช่ือเว็บไซต์สื่อสังคมออนไลน์ที่นักเรียนใช้ เช่น Facebook, Hi5, Twitter, Instagram และบอก เหตผุ ลวา่ ทาไมจงึ ใช้เวบ็ ไซต์เหลา่ นั้น 2. แจง้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ - ครบู อกนกั เรยี นวา่ ในหน่วยการเรยี นรนู้ น้ี กั เรียนจะไดอ้ า่ นบทความเกีย่ วกับผกู้ อ่ ตงั้ เว็บไซต์เฟซบุ๊ก กิจกรรมก่อนอ่าน 1. เดาเน้อื หาจากชื่อเรือ่ งและภาพ - ครูให้นักเรียนดูช่ือบทความ face to face และภาพในกิจกรรม Reading ในหนังสือเรียน หน้า 31 และเดาว่า บทความทีจ่ ะอ่านเก่ียวกบั อะไร นกั เรียนอาจบอกว่า บทความน่าจะเกยี่ วกบั ประวัตขิ องผู้กอ่ ตง้ั เฟซบุ๊ก 2. ตัง้ จดุ ประสงคใ์ นการอ่าน - ครูเขียนคาถามสาหรับยอ่ หน้าที่ 1-4 บนกระดาน ให้นักเรียนใชค้ าถามบนกระดานเป็นจุดประสงค์ในการอ่าน - คาถามสาหรบั ยอ่ หน้าที่ 1 Who became the world’s youngest billionaire at the young age of twenty- eight? - คาถามสาหรบั ยอ่ หน้าท่ี 2 What is “Synapse”? - คาถามสาหรบั ยอ่ หนา้ ที่ 3 What is “Facemash”? - คาถามสาหรับย่อหน้าท่ี 4 Why did Mark drop out of college? กจิ กรรมระหว่างอ่าน 1. อ่านบทความ - ครูเปดิ ซีดีบนั ทึกเสียง CD 1 Track 27 นักเรียนฟังและอ่านในใจตาม ถ้าพบคาทไี่ ม่ทราบความหมาย ใหข้ ีดเส้นใต้ไว้ - ครูให้นักเรียนอา่ นคาถามสาหรับย่อหน้าท่ี 1 ก่อนอ่านบทความย่อหน้าที่ 1 ครูให้นักเรียนที่สมัครใจออกไปเขียน คาตอบขา้ งคาถาม (คาตอบคอื Mark Zuckerberg) - ครใู ห้นกั เรียนอ่านคาถามสาหรับย่อหนา้ ที่ 2 กอ่ นอ่านบทความยอ่ หนา้ ที่ 2 ครใู ห้นักเรียนทสี่ มคั รใจออกไปเขยี น คาตอบข้างคาถาม (คาตอบคอื It’s a music software program which Mark created.) - ครูให้นกั เรียนอา่ นคาถามสาหรับยอ่ หนา้ ที่ 3 ก่อนอา่ นบทความย่อหน้าท่ี 3 ครใู หน้ กั เรยี นทีส่ มคั รใจออกไปเขยี น คาตอบข้างคาถาม (คาตอบคือ It’s Mark’s program which allowed users to compare 2 students photos and decide who was more attractive) - ครูใหน้ ักเรยี นอ่านคาถามสาหรับย่อหน้าท่ี 4 ก่อนอ่านบทความย่อหน้าท่ี 4 ครูให้นักเรียนท่ีสมัครใจออกไปเขียน คาตอบข้างคาถาม (คาตอบคอื To devote himself full time to Facebook) กจิ กรรมหลงั อา่ น 1. พฒั นาคาศพั ท์ - ครใู หน้ กั เรยี นออกมาเขียนคาศพั ท์ทไ่ี มท่ ราบความหมายบนกระดาน

- ครูใหน้ ักเรียนท่ีทราบความหมาย บอกความหมายของคาบนกระดาน ถ้าไม่มีผู้ใดทราบ ครูใหน้ กั เรียนค้นหาความหมาย จากพจนานกุ รม 2. ตรวจสอบความเข้าใจ - ครูให้นักเรียนอ่านบทความเรื่อง face to face อีกครั้งหน่ึง แล้วทากิจกรรม About the Reading ในหนังสือ เรียน หนา้ 31 - ครูใหน้ ักเรยี นทส่ี มัครใจผลดั กันออกมาเขียนหมายเลขหน้าประโยคเรียงตามลาดับเหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึนบนกระดาน และใหน้ กั เรียนคนอนื่ ๆ ชว่ ยกันตรวจสอบความถกู ตอ้ ง (ดูเฉลยท้ายเลม่ ) 3. ประเมนิ ผลการอา่ นบทความ - ครูประเมินผลความเขา้ ใจบทความของนกั เรยี นจากคาตอบที่ถูกตอ้ งในการทากจิ กรรม About the Reading และ ใชเ้ กณฑ์ผา่ นร้อยละ 60 คาบ 9 – 10 กิจกรรม Speaking 1. แจง้ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ - ครูบอกนักเรียนว่า ในหน่วยการเรียนรู้น้ีนักเรียนจะได้พูดนาเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการใช้เฟซบุ๊กและข้อมูลของ ผทู้ ่รี ่ารวยต้งั แต่อายนุ ้อย 2. พูดนาเสนอขอ้ มูลเกยี่ วกบั ตัวเอง - ครูให้นกั เรยี นทากิจกรรม Speaking ในหนังสือเรียน หน้า 31 ครูอ่านคาถามข้อ 1-2 ให้นักเรียนฟัง จากนั้นครูให้ นกั เรยี นทางานเปน็ กลมุ่ กลมุ่ ละ 4-5 คน ให้นักเรยี นพูดนาเสนอข้อมูลในเฟซบกุ๊ ของตนใหเ้ พ่ือน ๆ ในกลุ่มฟงั - ครูใหน้ ักเรียนทางานเป็นกลมุ่ กลมุ่ ละ 4-5 คน ใหน้ ักเรียนอ่านคาถามข้อ 3 และช่วยกันหาคาตอบ จากน้ันให้ตัวแทน กลุ่มทุกกลุม่ ออกมาพูดนาเสนอข้อมลู คนที่ร่ารวยต้ังแตอ่ ายุยงั นอ้ ย 3. ประเมินผลการพดู นาเสนอขอ้ มลู - ครปู ระเมนิ การพดู นาเสนอขอ้ มูลของนักเรียนโดยใช้เกณฑก์ ารประเมนิ การพดู และใช้เกณฑ์ผา่ นระดับพอใช้ กจิ กรรม World Link 1. แจง้ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ - ครูบอกนกั เรยี นวา่ ในหนว่ ยการเรียนรนู้ ้ี นักเรยี นจะต้องค้นควา้ เกีย่ วกบั บุคคลอายุนอ้ ยทม่ี ีความนา่ ท่งึ 2. ค้นคว้าเกย่ี วกับบคุ คลอายุนอ้ ยท่ีมีความนา่ ท่งึ - ครูใหน้ ักเรียนทากิจกรรม World Link ในหนังสือเรียน หนา้ 31 ให้นักเรียนทางานกล่มุ กลุ่มละ 3-4 คน เลือกกลุ่ม ละหนึ่งประเทศ - นกั เรยี นใช้อนิ เทอรเ์ น็ตคน้ หาขอ้ มูลบุคคลอายนุ อ้ ยทมี่ คี วามน่าทึ่งในประเทศทเี่ ลือก 3. นาเสนอข้อมูล - นกั เรียนนาเสนอขอ้ มลู ในกลุ่มโดยการเขยี นบรรยาย โดยมีภาพประกอบ - ครูให้นักเรียนนาข้อมูลของทุกคนในกลุ่มมาสังเคราะห์และเรียบเรียง แล้วเลือกตัวแทนกลุ่มให้พูดนาเสนอหน้าช้ัน เรยี น 4. ประเมินผลงานค้นควา้ - ครปู ระเมินผลงานคน้ คว้าของนักเรียนโดยใช้เกณฑ์การประเมินผลงานและการนาเสนอผลงาน และใช้เกณฑ์ผ่าน ระดบั พอใช้

นักเรียนประเมินตนเอง - นักเรียนทาแบบประเมิน Self-Evaluation เพื่อประเมินตนเองเก่ียวกับเน้ือหาท่ีได้เรียนไปแล้ว (แบบ ประเมนิ Unit 4 Self-Evaluation ทา้ ยคมู่ อื คร/ู ทา้ ยหนังสอื แบบฝกึ หัด) 9. ส่อื การเรยี นการสอน / แหล่งเรียนรู้ จานวน สภาพการใชส้ อ่ื รายการสอื่ ขั้นตรวจสอบความร้เู ดิม ข้นั สร้างความ สนใจ ขยายความรู้ 1. หนงั สือเรียน New World 4 ขั้นสรา้ งความสนใจ ขยายความรู้ 2. ห้องสบื ค้น 3. บัตรคา ขน้ั ขยายความรู้ 4. บัตรภาพ ข้ันสร้างความสนใจ ขยายความรู้ 10. การวัดผลและประเมนิ ผล เป้าหมาย หลกั ฐานการเรยี นรู้ วธิ วี ัด เคร่อื งมอื วัดฯ ประเด็น/ การเรยี นรู้ ชนิ้ งาน/ภาระงาน แบบตรวจคาตอบ เกณฑ์การให้ ประเมนิ ผลจากจานวน แบบตรวจคาตอบ ตคี วามจากบทสนทนา คาตอบทีไ่ ดจ้ ากการทา คาตอบที่ถูกต้อง คะแนน ทอ่ี ่าน กิจกรรม Language Check ประเมนิ ผลจากจานวน แบบตรวจคาตอบ ใช้เกณฑ์ผา่ นร้อยละ คาตอบที่ถกู ตอ้ ง 50 จับใจความสาคัญ คาตอบทไี่ ดจ้ ากการทา สรุปความจากข้อความ กจิ กรรม Listening ประเมนิ ผลจากจานวน ใช้เกณฑ์ผ่านร้อยละ ทฟ่ี งั คาตอบที่ถูกตอ้ ง 50 คาตอบที่ไดจ้ ากการทา เขยี นขอ้ ความให้ กิจกรรม Grammar B ใช้เกณฑ์ผ่านร้อยละ สมั พนั ธ์ 50 กับภาพ เขียนแสดงความคดิ เหน็ งานเขียนแสดงความ ประเมนิ งานเขียน แบบประเมินการเขยี น ใช้เกณฑ์ผา่ นระดบั เก่ียวกับการเลือกคู่รัก คิดเห็น พอใช้ ประเมินผลจากจานวน จับใจความสาคญั คาตอบท่ไี ด้จากการ คาตอบท่ถี กู ตอ้ ง แบบตรวจคาตอบ ใชเ้ กณฑผ์ ่านรอ้ ยละ วเิ คราะหค์ วาม สรุป ทากิจกรรม About the 50 ความ ตีความบทความ Reading ใน ทอี่ ่าน

11. จุดเน้นของโรงเรยี น การบรู ณาการปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งและกจิ กรรมสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง ครู ผู้เรยี น 16. ความพอประมาณ พอดดี ้านเทคโนโลยี พอดดี ้านจติ ใจ 17. ความมีเหตุผล รูจ้ ักใชเ้ ทคโนโลยมี าผลิตส่อื ที่ มีจิตสานกึ ทด่ี ี เอื้ออาทร 18. มภี ูมคิ ุมกันในตัวท่ีดี เหมาะสมและสอดคล้องเนือ้ หาเปน็ 19. เงือ่ นไขความรู้ ประโยชนต์ อ่ ผเู้ รยี นและพฒั นาจากภมู ิ ประนปี ระนอม นึกถึงประโยชน์ ปัญญาของผ้เู รยี น ส่วนรวม/กล่มุ - ยึดถือการประกอบอาชีพดว้ ยความ ไม่หยดุ นงิ่ ที่หาหนทางในชีวติ หลุดพ้น ถกู ต้อง สุจริต แม้จะตกอยู่ในภาวะขาด จากความทุกข์ยาก (การค้นหาคาตอบ แคลน ในการดารงชีวิต เพอื่ ให้หลุดพ้นจากความไมร่ ู้) - ปฏิบตั ติ นในแนวทางท่ดี ี ลด เลกิ สิง่ ยว่ั กิเลสให้หมดสิน้ ไป ไมก่ ่อความชัว่ ให้ เป็นเคร่อื งทาลายตัวเอง ทาลายผูอ้ นื่ พยายามเพิม่ พูนรกั ษาความดี ทีม่ อี ยู่ให้ งอกงาม สมบูรณย์ ่ิงขน้ึ ภมู ปิ ญั ญา : มีความรู้ รอบคอบ และ ภมู ปิ ัญญา : มคี วามรู้ รอบคอบ และ ระมัดระวัง ระมัดระวัง สร้างสรรค์ ภมู ธิ รรม : ซอื่ สัตย์ สุจรติ ขยันอดทน ภมู ธิ รรม : ซือ่ สตั ย์ สุจรติ ขยันอดทน ตรงต่อเวลาและแบง่ ปัน ตรงต่อเวลา เสียสละและ แบง่ ปัน นาความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้ สามารถนาความรเู้ หล่าน้ันมาพจิ ารณา เชื่อมโยงกัน เพ่ือประกอบการวางแผน ให้เชอื่ มโยงกัน สามารถประยกุ ตใ์ ช้ใน การดาเนินการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ชีวติ ประจาวนั ใหก้ บั ผู้เรยี น 20. เง่ือนไขคณุ ธรรม มคี วามตระหนกั ใน คุณธรรม มี มคี วามตระหนักใน คุณธรรม มี ความซ่อื สัตยส์ ุจริตและมคี วามอดทน ความซอ่ื สัตยส์ ุจรติ และมคี วามอดทน สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน งานและกาลัง มคี วามเพยี ร ใชส้ ตปิ ญั ญาในการ มคี วามเพียร ใชส้ ติปัญญาในการ ดาเนนิ ชีวิต ดาเนินชวี ิต - การเกิดงานแตล่ ะกรณี - การเกิดกาลงั การ ครู ผ้เู รียน ไดเ้ ปรยี บ เชิงกล งานและกาลัง งานและกาลัง - ปจั จยั ทีม่ ีผลต่อการเกิดงาน - ระบุปจั จยั ทม่ี ีผลต่อการเกิดงาน - ปรมิ าณท่ีเกีย่ วข้องกับการเกิดงาน - ทดลองเปรียบเทียบการเกิดงาน และ กาลัง และ กาลงั พรอ้ มคานวณปริมาณท่ี เกี่ยวข้อง

สง่ิ แวดล้อม ครู ผ้เู รยี น งานและพลังงาน งานและพลงั งาน งานและพลงั งาน - การเลือกใช้อย่างถูกวธิ ี - การเลือกใช้อย่างถกู วิธี/ เทคนคิ - ยกตวั อย่างการใชอ้ ปุ กรณ/์ - การอนุรกั ษส์ ิง่ แวดลอ้ ม วธิ กี าร เครอื่ งใชไ้ ฟฟ้าอยา่ งถูกวธิ ี - กระบวนการการอนรุ ักษ์ - แสนอแนะแนวทางอนุรักษ์ สง่ิ แวดลอ้ ม สิ่งแวดลอ้ ม ลงชอื่ ..................................................ผสู้ อน ( นางพิกุล เหมืองคา )

ประเด็น 4 เกณฑก์ ารประเมินการเขยี น น้าหนกั คะแนน 321 เขียนโดยใช้ เขยี นโดยใช้ เขยี นโดยใช้ เขยี นโดยใช้ 2 8 โครงสรา้ ง โครงสรา้ ง 1 4 โครงสร้างทาง ไวยากรณไ์ ด้ ไวยากรณ์ โครงสร้าง โครงสรา้ ง 1 4 ไวยากรณ์ ถกู ต้อง ผิดพลาดเลก็ นอ้ ย 2 8 ทกุ ประโยค ไวยากรณผ์ ิดพลาด ไวยากรณ์ผดิ พลาด 6 24 การสะกดคา สะกดคาและ สะกดคาและ และการใช้ ใช้เครอ่ื งหมาย ใชเ้ คร่อื งหมาย หลายแหง่ เกนิ คร่ึงหน่ึง เคร่ืองหมายวรรค วรรคตอนถูกตอ้ ง วรรคตอน ทงั้ หมด ผดิ พลาด ของงานเขยี น ตอน เลก็ นอ้ ย สะกดคาและ สะกดคาและ ใช้เคร่ืองหมาย ใช้เคร่ืองหมาย วรรคตอน วรรคตอน ผดิ พลาด ผดิ พลาด หลายแห่ง เกินครง่ึ หนง่ึ ของงานเขยี น ใช้คาศัพท์ ใชค้ าศัพทแ์ ละ มปี ญั หาอยูบ่ า้ งใน ใช้คาศพั ท์ และสานวน สานวนเหมาะสม เหมาะสม แต่อ่านแลว้ การใชค้ าศัพทแ์ ละ และสานวน อ่านแลว้ เขา้ ใจ ไมเ่ ขา้ ใจ การใชค้ าศัพท์ ชัดเจนท้ังหมด บางแหง่ สานวน ผดิ พลาดหลาย อ่านแลว้ ไมเ่ ขา้ ใจ แหง่ อา่ นแลว้ หลายแหง่ ไม่เขา้ ใจเปน็ ส่วนมาก เขียนได้ตรง เขียนได้คอ่ นข้าง เขยี นไม่ค่อย เขยี นไม่ตรง ประเดน็ ตรงประเดน็ ตาม ตามที่กาหนด และ ท่ีกาหนด และ ตรงประเดน็ ตาม ประเดน็ เรยี บเรยี งเน้ือหา เรียบเรียงเน้ือหา การนาเสนอ ตามลาดบั ไดค้ ่อนข้าง ทกี่ าหนด และ ตามทก่ี าหนด และ เนอ้ื หา เหมาะสม เหมาะสม เรียบเรียงเนื้อหา เรียบเรียงเน้ือหา รวม ไมค่ ่อยเหมาะสม ไมเ่ ป็นไป เทา่ ทคี่ วร ตามลาดบั เกณฑ์การประเมนิ ดีมาก 20-24 คะแนน ดี 16-19 คะแนน พอใช้ 12-15 คะแนน ควรปรบั ปรุง นอ้ ยกว่า 12 คะแนน

ประเด็น เกณฑ์การประเมนิ ผลงานและการนาเสนอผลงาน 4 3 2 1 น้าหนกั คะแน น ผลงาน/ชน้ิ งาน - ผลงานถกู ต้อง - ผลงานถกู ตอ้ ง - ผลงานถกู ต้อง - ผลงานถูกตอ้ ง 3 12 ตรงประเด็น ตรงประเด็น ตรงประเด็น ประเดน็ ที่ 2 8 การนาเสนอ นาเสนอมีน้อย 5 20 ผลงาน - เขียนตวั สะกด - เขียนตัวสะกดผดิ - เขียนตวั สะกดผดิ ถูกตอ้ ง บ้าง 1-3 แหง่ บา้ ง 4-6 แหง่ - เขียนตวั สะกดผิด มากกวา่ - เนอื้ หาตอ่ เนือ่ ง - เน้ือหาต่อเน่ือง - เน้อื หาสัมพันธ์ 6 แหง่ สมั พนั ธก์ นั สัมพันธก์ นั กันเปน็ ส่วนใหญ่ - เนื้อหาสัมพันธ์ - มสี ัญลักษณห์ รอื - มสี ญั ลกั ษณห์ รือ - มสี ญั ลกั ษณห์ รอื กันบางส่วน ภาพประกอบ ภาพประกอบ ภาพประกอบ เหมาะสม ประกอบเปน็ สว่ น ประกอบบ้าง - ไม่มีภาพหรอื นา่ สนใจ ใหญ่ สัญลกั ษณ์ - มีความประณตี ประกอบ - มคี วามประณตี - มีความประณีต พอสมควร สวยงาม สวยงาม - ผลงานขาดความ - การออกเสียง ประณีต - การออกเสียง - การออกเสียง Stress Stress Stress Intonation - การออกเสียง Intonation Intonation เสยี งพยัญชนะ Stress เสยี งพยัญชนะ เสยี งพยัญชนะ ตน้ คาและทา้ ย Intonation ตน้ คา และทา้ ย ตน้ คาและท้าย คาผดิ หลกั การ เสียงพยญั ชนะ คาถูกต้องตาม คาผิดหลักการ ออกเสยี ง ตน้ คาและท้าย หลักการ ออกเสียง 1-3 4-6 แห่ง คาผดิ หลักการ ออกเสียง แหง่ ออกเสียง - การพดู นาเสนอ มากกว่า 6 แหง่ - การพดู นาเสนอ - การพูดนาเสนอ ไม่คอ่ ยตอ่ เนอ่ื ง ต่อเนอื่ งนา่ สนใจ น่าสนใจ และไม่ค่อย - การพูดนาเสนอ หยดุ คดิ บา้ ง นา่ สนใจ ไมต่ อ่ เน่อื งและไม่ 1-3 ครง้ั หยุดคดิ 4-6 ครัง้ นา่ สนใจ รวม เกณฑก์ ารประเมนิ ดีมาก 16-20 คะแนน ดี 13-15 คะแนน พอใช้ 10-12 คะแนน ควรปรบั ปรุง นอ้ ยกวา่ 10 คะแนน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook