Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ธรรมะชาล้นถ้วย[ว.วชิรเมธี]

ธรรมะชาล้นถ้วย[ว.วชิรเมธี]

Published by Chalermkiat Deesom, 2019-02-05 01:11:23

Description: 2

Search

Read the Text Version

คาํ ปรารภ ในบรรดาเครอ่ื งมอื การถา ยทอดมรดกทางภูมปิ ญ ญาของมนุษยชาตนิ ัน้ การ “เลา นิทาน” ซ่ึงเคยี งคมู ากับ “นิทาน” นบั เปน เคร่อื งมอื ที่ทรงประสิทธิภาพมากอยา งหนึ่ง ดงั เรา จะพบวา ทกุ วัฒนธรรมทางปญญาของโลก ลว นแลวแตมนี ทิ านสาํ หรับเลา ขานกันจากรุนสู รนุ จากยุคสูยุคจากอารยธรรมหนึ่งสูอกี อารยธรรมหน่งึ ไมวาจะเปนนิทานอาหรบั นทิ าน อสี ป นิทานชาดก นทิ านเวตาล นิทานตอลสตอย นทิ านกริม นิทานปรมั ปราของ อารยธรรมลมุ แมนํ้าไทกรีส-ยูเฟรตีส,ฮวงโห,สนิ ธุ นทิ านเซน็ นทิ านจนี นทิ านอิง พงศาวดาร นทิ านพืน้ บานของไทย หรือนทิ านชนเผา ในหมชู าวอนิ เดียนแดง และชาวเขา บนท่ีราบสงู เหนอื นํา้ ทะเลหลายพนั กโิ ลเมตรอยางชาวทเิ บต อีกอ มเู ซอปะกากะญอ เปน อาทิ วัฒนธรรมทางภมู ิปญ ญาทีถ่ กู หอ หุมดว ยนิทานอันเปนเสมือนการทาสีรกั ษาเนื้อไม คอยๆ คล่ีคลายขยายตัวสง ตอ กนั มาโดยลาํ ดบั กลา วเฉพาะวัฒนธรรมทางปญญาที่ถูกสงตอ ผา นมาทางพุทธศาสนาแลว ตองนบั วา การเลา นทิ านหรือตวั นิทานเอง คอื เคร่ืองมอื ที่ ทรงประสทิ ธิภาพมากท่ีสดุ อยางหนึ่งในบรรดาเครอ่ื งมือการสง ผา นพุทธธรรมสาํ คัญ ทพี่ ระ พทุ ธองคท รงเลือกใช และพระพทุ ธเจา เองกท็ รงไดร บั การยกยองวา ทรงเปนนกั เลานทิ าน ช้ันยอดองคหนง่ึ ในโลก ดว ยทรงเลา นิทานชาดกไวกวา ๕๕๐ เรอ่ื ง ในวฒั นธรรมพุทธ มีการประมวลเคร่ืองมือการถายทอดธรรมะของพระพุทธ องคไ ว ๙ ประการดวยกนั กลา วคอื (๑) พระสตู ร คอื เรอื่ งราวเชงิ ประวัตศิ าสตรม ีตวั บุคคล เหตกุ ารณ ชดั เจน (๒) เคยยะ คือ ขอ ความท่ีมที งั้ รอยแกว ผสมรอยกรอง อภธิ รรม (๓) ไวยากรณ คือ ขอความท่ีเปนรอ ยแกว ลว นหรืองานเชงิ วชิ าการอยา งพระ (๔) คาถา คอื กวนี พิ นธ (๕) อุทาน คอื คาํ อทุ านทีเ่ กดิ ข้ึนในปจจบุ นั ขณะ (๖) อติ ิวุตตกะ คอื เรื่องราวอิงเหตุการณใ นอดตี คลา ยพงศาวดาร (๗) ชาดก คอื นิทาน (๕๕๐) เร่ือง

(๘) อัพภูตธรรม คอื เรือ่ งราวนา อศั จรรยของพระพุทธเจา เปนตน (๙) เวทัลละ คือ บทปุจฉาวิสัชนา จะเหน็ วา นทิ านนับเปนหนง่ึ ใน ๙ เคร่ืองมอื ทีพ่ ระพทุ ธองคทรงเลอื กนาํ มาใช ในการถายทอดพทุ ธธรรม หรอื ระบบการแหง การครองชีวติ อนั ประเสรฐิ ที่พระองคทรง คนพบและนํามาเผยแผแกมวลมนษุ ยชาติ ดว ยเหตนุ ้ี นกั เลานทิ าน จึงไมใชค นกระจอก บางทอี าจมีคุณคาตอ โลกใบนี้ มากกวา คนระดบั นายกรฐั มนตร/ี ประธานาธิบดีหลายรอยหลายพนั คนกเ็ ปน ได เน่อื งเพราะ เม่อื นายกรฐั มนตรี ประธานาธิบดี หรอื ผูน ําทางการเมืองทั้งหลายลว งไปแลว สโู ลกหนา ชอื่ เสยี งก็เปนอันตรธานไปอยา งรวดเร็ว บางคนแมต วั ยังอยูแตช ่อื เสยี งก็แทบไมเ ปนท่ีรูจกั เสียแลว แตส าํ หรับนกั เลา นิทานแลว หาเปนเชนน้ันไม โลกยคุ โลกาภิวตั น (GLOBALIZATON) ยงั คงมชี ื่อของพระพทุ ธเจา พระเยซู มหาฤาษีวาลมีกิ กฤษณะ ไทว ปายนะ วยาสะ, โฮเมอร อสี ป สนุ ทรภู ตอลสตอย กริม ยาขอบฯลฯ ดาดดนื่ อยู ท่วั ไปในเสริ ชเอ็นจน้ิ กเู กิล (Google) หรอื ในวิถชี วี ติ ของประชาชนคนเดินดินทว่ั ไป เมื่อแรกเรียน แรกเขยี น แรกอา น ผูเ ขียนก็หลงรกั นิทานเขาอยางชนดิ ถอนตัวไม ขึน้ ทงั้ นี้ ไมเพียงเพราะแมของผูเขียน จะเปน นกั เลานิทาน นักบรรยายเรือ่ งราวชน้ั ยอดจน ใครตอ ใครในหมูบา นจะยกใหเ ปน “สํานกั ขาวหัวเขียว” เทานน้ั ทวาพอ ของผูเขียนเอง ก็ เปนนักเลา นทิ านตัวยงไมแพแมเลย และที่สาํ คัญนิทานของพอนัน้ เปน นทิ านทบี่ ริสทุ ธิ์ ปานเลือ่ นลอยลงมาจากนภากาศ เหตผุ ลก็เพราะพอของผูเขยี นอา นไมออก เนื่องจากพอใช วนั เวลาสวนใหญใ นชีวิตหมดไปกบั การทํามาหากินเลีย้ งลกู ๆ ทม่ี กี นั อยูถ ึงหกคนพน่ี อ ง และกวาลูกๆ ของพอแตละคนจะเตบิ โตเปน นกท่ีปกกลา ขาแข็งจนมปี รญิ ญารวมกันยาวเกนิ กวา ความยาวของฝาบานและมหี ลานมากพอจะไปตีเมืองไดส ักเมืองหน่งึ แลว นน้ั วนั เวลา ของพอท่จี ะยอนกลบั มาเรียนหนังสือก็เหลอื อกี ไมม ากแลว แตน ่ันไมใ ชประเดน็ สาํ คัญ สาํ หรบั การเปน นกั เลานิทานชั้นยอดของพอเลย เพราะชอ งทางการไดม าซึ่งปญ ญาในการ ดําเนนิ ชีวิตน้ันไมจําเปน ตองผา นการอานออกเขยี นไดเ สมอไป

ในสว นของแมน้ันเลา - - แมของผเู ขยี นเปนนักเลา นิทานพรอมๆ กบั ที่เปน ผสู อ่ื ขา วและเปนนักเลาเรอื่ งตัวยงของครอบครัวและของหมบู านอยา งปราศจากขอ สงสยั เพราะแมถ ึงวันนแ้ี มจ ะลวงไปกวา ๑๐ ปแ ลว แตตาํ แหนงนักเลา มอื วางอันดับหนึง่ ของแมก ็ ยังคงไมม ใี ครอาจหาญข้ึนมาเทียบชัน้ เมอ่ื เทียบกนั ระหวางพอ กับแม ฐานแหง การเลา เรอื่ งและฐานแหงเนอื้ นิทานเปนรอ ยๆ เรือ่ งของแมนนั้ เกดิ จากการ “สดบั ตรบั ฟง” ดวยความ ใฝร อู ยางเปนดานหลกั เพราะแมเปนผูหญงิ ใฝร ูอันดบั หน่ึงในดวงใจของลูกและในหมผู ู สนทิ เสวนา แมใฝรูถึงขนาดทวี่ าถา ขาดวิทยุไปสักวนั หน่งึ ในชีวติ แมอ าจทุรนทุรายถึงขั้น ลงแดง และนิสัยนแี้ นน อนวา ตดิ เปนโรคใฝรเู รอื้ รังมาถงึ ลูกคนเลก็ ดวยอยางไมตองสงสัย สว นฐานแหงการเลานทิ านของพอนน้ั เน่ืองจากพออานไมอ อก และเขียนไมเ ปน แต “นับเงนิ เปน” และ “เปนพอ คา ได” อยา งนาอศั จรรยน นั้ เรอื่ งราวก่งึ เรอ่ื งจรงิ อิงเร่อื งแตง ทั้งปวงท่ีพร่ังพรูจากสองเรียวปากของพอ จึงเปน เร่อื งเลาในลักษณะ “ปรมั ปราคติ” หรือ “มขุ ปาฐะ” ผสมผสานกับการปน เรอ่ื งข้นึ มาเองจากฐานทางจนิ ตนาการ (IMAGINATION) ของพอเองลวนๆ ในสภาพทีแ่ มแ ละพอ เปนนกั เลา เร่อื ง เปน นกั เลานทิ านอยา งน้ีเอง ที่ผเู ขยี น เติบโตขึ้นมา เมือ่ บวกเขากับการไดมโี อกาสบวชเรียน ซง่ึ เปนเหมือนการกา วเขาสูป ระสู แหงการเรยี นรูพุทธศาสนาชนิดเอาชีวิตเขามาเปนเคร่อื งมือในการศึกษาเรยี นรูอยางเต็ม รูปแบบอยูหลายปน ัน้ พลนั ทีไ่ ดแ ปลคมั ภรี พระธรรมบท ซง่ึ ทกุ เรอ่ื งลวนมี “นิทาน” ประกอบอยา งเพริศแพรว พรรณราย จงึ ทาํ ใหไดสั่งสมนิทานไวในคลังขอมูลสวนตัวมากมาย หลายรอ ยเรอ่ื ง จะไมม ากมายหลายรอยเร่ืองไดอยา งไร ในเมอ่ื ผูเ ขยี นเรียนแปลพระธรรม บทและลูบคลําจบั ตอ งคัมภรี ภ าษาบาลีอยกู วา สบิ ปเ ตม็ จึงจบหลักสตู ร (ป.ธ.๙) สาขานักเลา เร่ือง (อยา ไปถามหาในมหาวทิ ยาลัย) จนนักวชิ าการทางอักษรศาสตรทานหนึง่ หยอกเอิน ผูเ ขียนวา งานเกือบทกุ ชิน้ ของผูเขียนกค็ ือ CHIKEN SOUP FOR THE SOUL (หนงั สอื แนวจิตวทิ ยา/ฮาวทรู ะดับเบสทเ ซลเลอรข องชาวตะวนั ตก) พากยภ าษาไทยดๆี นี่เอง ไม วา คําของนกั วิชาการทานน้ีจะเปน การหยอกเอินหรือกระแนะกระแหนเชิงวิชาการกต็ ามที แตผ เู ขียนไมเคยใหนําหนักกบั คําพดู เหลานนั้ มากนัก เพราะผเู ขียนคน พบวา ตวั เองมี ความสุขกบั ทกุ เร่อื งเลาและทุกครง้ั ท่ีเลาเรอ่ื งฝากไวในงานเขยี น จนความสขุ นนั้ มีมากพอ

อยแู ลว ในตวั เอง ความสุขจากการทํางานโดยตรงในปจจบุ นั ขณะของผูเขียนมีมากเพียงพอ แลว จงึ ไมจ ําเปน จะตองไปรอความสขุ ทคี่ นอื่นหยบิ ยื่นใหภ ายหลงั การทํางานนน้ั อีกแลว ประการสําคัญผูเ ขียนไมคดิ ฝนวา จะเติบโตเปน นักวิชาการ จงึ ไมสนใจวางานของตัวเองจะมี คณุ คาทางวิชาการหรือไม ผลของการเติบโตมาในวัฒนธรรมของนิทานและการเลา นทิ าน ท้งั จากสถาบัน ครอบครวั และสถาบนั การศึกษาแบบพทุ ธ ทาํ ใหเ มอื่ แรกเร่ิมงานเขียนผเู ขียนก็เริ่มคอลมั น นิทานช่ือ “เลาเรือ่ งประเทอื งปญญา” ในนิตยสาร “โลกทิพย” และตามมาดวยคอลมั น “รน่ื รสธรรม” ใน “โลกล้ลี บั ” ปตอมาก็เร่ิมคอลมั น “เลาเรอ่ื งใหนอ งฟง” ในจลุ สารเลม เลก็ ๆ ชื่อ “พระสงิ หส าร” อันเปนวารสารของสาํ นักเรียนวดั พระสงิ ห อาํ เภอเมือง จงั หวดั เชยี งราย กระท่ังมาแตกหนอตอใบอยา งยาวนานในคอลัมน “ธูปหอมเทยี นสวา ง,เร่อื งเลา จากพระ สตู ร,และธรรมาภิวัฒน” ในเนชั่นสดุ สัปดาห (๒๕๔๐-ปจ จบุ ัน) พรอมๆ กบั ท่มี คี อลมั น “เกร็ดธรรมะจากพระแท” ลงเปนตอนๆ ในชวี จติ (๒๕๔๕-๒๕๔๖) จนรวมเม่อื รวมเลม แลวกป็ รากฏตัวอยางนา รักนา ชังในชอื่ “ธรรมะตดิ ปก” ตํานานของนักเลา นทิ านลุมน้าํ อิงยงั ไมจ บ เพราะถัดจากธรรมะตดิ ปก กย็ ังมี “ธรรมะดบั รอ น,ธรรมะหลบั สบาย,ธรรมะบันดาล,ธรรมะเกร็ดแกว ,ฯลฯ ธรรมะทําไม, ธรรมะสบายใจ” กระทงั่ มาถึงงานเลาเรอ่ื งประเทอื งปญ ญาเลมลา สดุ คือ “ธรรมะชาลน ถวย” เลม น้ี ก็คอื มรดกตกทอดมาจากรายการ “เมืองไทยวาไรตี้” ทางสถานีโทรทศั นก องทัพบก ชอง ๕ ท่ีมีคณุ ภพธร ธนานุเคราะห เปนโปรดวิ เซอร มีคุณสทุ ธพิ งษ ทดั พิทกั ษกุล และ คุณกรรชยั กําเนดิ พลอย พรอมผูเ ขียนเปนผดู ําเนินรายการรว มกัน เมอื่ แรกเรม่ิ เลา นิทานก็ มีคนชอบ ลองเลาเรอื่ งท่ีสองที่สามก็มคี นชอบ จนตอนนีน้ ิทานธรรมะกลายเปนผงชรู สของ รายการเมืองไทยวาไรตี้ไปเรียบรอยแลว ทผ่ี ูเขียนถายทอดเสนทางของนกั เลา นิทานมาอยา งยดื ยาว โดยมีตวั เองเปนตวั ละครประกอบดว ยนี้ ดจู ะผดิ ธรรมเนียมปฏิบัติอยสู กั หนอ ย เพราะในวัฒนธรรมการเขยี น ของตะวันออกไมนยิ มการเขยี นเลาเรื่องของตัวเอง ดงั นัน้ ตองขออภัยดว ยที่ผเู ขียนฝาฝน กฎขอ นี้ แตท่เี ลา เอาไวก ็เพราะอยากฉายใหเห็นเสน ทางของการเติบโตทางปญ ญาและจิต วญิ ญาณของเด็กบา นนอกคนหนง่ึ ท่ีเตบิ โตมาทา มกลางครอบครัวทพี่ อแมมกี ารศกึ ษา (ใน

ระบบ) ไมสงู นกั แตฝมือในการถา ยทอดภูมธิ รรมภูมปิ ญ ญาของทานทัง้ สองน้ันทรง ประสิทธภิ าพอยางไมตอ งสงสัย ทรงประสทิ ธภิ าพถึงขนาดทีล่ กู นาํ มาขยายเปน ผลงานหนังสือไดกวา ๓๓ เลม เทา อายใุ นปน ีพ้ อดิบพอดี และหากนับจากวันเดือนปท แ่ี มผ เู ปนนกั เลา เรื่องลว งลบั ไปก็เปน ปที่ ๑๐ บรบิ ูรณ ดังนน้ั \"ธรรมะชาลนถวย” จึงนอกจากจะเปนหนังสืออนสุ รณง านกฐนิ ประจําป ๒๕๔๙ ทวี่ ดั คร่ึงใต อันเปน บา นเกิดของผูเขียนแลว ก็ยงั เปนหนังสืออนสุ รณ ครบ ๑๐ ป แหงการจากไปของแมของผเู ขยี นดว ย ผเู ขยี นมเี วลาไมมากนัก (๓ วนั ) ในการปรงุ “ซปุ ทางจิตวิญญาณ CHIKEN SOUP FOR THE SOUL” เลมน้ี คณุ คา ที่ควรจะมีจึงอาจขาดหายไปบางเปนธรรมดา แตถงึ กระน้ันกย็ งั หวังวา คงจะกอใหเกดิ ความร่นื รมยทางปญญาอยบู า งตามสมควร ขอ อนโุ มทนาสํานักพมิ พอมรินทร พริ้นตง้ิ แอนดพ ับลชิ ช่ิง จาํ กัด (มหาชน) ทมี่ ีจิตอันเปน มหากศุ ลพิมพห นังสอื เลมนีแ้ จกเปนธรรมทานเหมอื นงานกฐินทุกปท ่ีผา นมา ขอทกุ ทา นทมี่ ี สว นใหหนังสอื เลมนี้สาํ เรจ็ เปนรูปเลม จงมคี วามสุขความเจริญทงั้ ทางโลกทางธรรม และ ขอใหพุทธธรรมจงรุงเรืองเปน ประทีปสาดสอ งแสงใหสงั คมไทยกา วพน ไปจากวิกฤติทุก ดานโดยเรว็ ว.วชิรเมธี ๒๕ ตลุ าคม ๒๕๔๙

ธรรมะชาลนถวย 1 ว.วชริ เมธี ปญ ญาภาวนา ป�ฺญา อุปปฺ ตฺตํ เสฏฺ ฐา บรรดาส่งิ ท่งี อกงามข้ึนมา ปญ ญาประเสรฐิ ทีส่ ุด ภกิ ษุทง้ั หลาย (องฺ.เอกก.๒๐/๘๑/๑๔) ความเจริญดวยยศ เปนเรอ่ื งเลก็ นอย แตค วามเจริญดว ยปญญา ยอดเยี่ยมกวา ความเจรญิ ท้งั หลาย เพราะเหตุนั้น เธอท้ังหลายพึงสําเหนียกอยา งนีว้ า “เราท้งั หลาย จักเจรญิ ดว ยความเจริญทางปญญา” เธอทั้งหลาย พึงสําเหนียกอยางนแ้ี ล

ธรรมะชาลนถวย 2 ว.วชริ เมธี (๑) เต่าในลาํ ธาร จักรพรรดิองคห นึ่งไดขาววาเลา จ๊ือเปนนักปราชญท ี่ปราดเปรอื่ งมาก จงึ สงคนไป นิมนตมาเปนมหาอาํ มาตยท่ปี รึกษาราชการแผน ดนิ เมื่อมหาอํามาตยไ ปแจงพระราชประสงคใหทราบ เลา จ๊ือ มหาปราชญผ ูส ถาปนาปรัชญาเตา ชึ้ใหทานราชทตู ดูเตา (ตายแลว ) ตัวหนงึ่ ซ่งึ ประดิษฐานอยูบนศาลเจา มกี ล่นิ ธูปควันเทียนลอยคลุง แลว ถามราชทูตวา “การเปน เตา อยใู นนํา้ ใชชีวติ อยางเสรี ทอ งไปไดตลอดทศิ ทง้ั ส่ี กับการเปนเตา ท่ี ไดร ับการเทดิ ทนู แต่ตายแล้ว และตองนง่ิ สนทิ อยบู นศาลเจาใหคนสักการะนนั้ อยางไหน จะดกี วากนั ” ราชทตู ตอบวา “เปน เตา มีชวี ิตอยา งเสรอี ยใู นนํา้ ยอมดกี วาอยางไมมีทางเทยี บกันได” เลาจ๊ือจงึ วา \"ไปบอกจกั รพรรดิของทา นเถิด เราขอเปน เตาอยูในลําธารเล็กๆ กพ็ อแลว\" ผลของการเปน เตา อยูในลําธารเล็กๆ กค็ อื แมกาลเวลาจะลว งไปกวาสามพนั ปแ ลว ภมู ิปญ ญาของเลา จ๊ือกย็ ังคงทอแสงเจดิ จรสั อยูจนทุกวันน้ี สวนพระจักรพรรดิและมหาอาํ มาตยผสู ูงดวยอิสริยยศของพระองค นับไมถว นคนนนั้ มาบดั น้ี ชาวโลกแทบไมรูจกั ชื่อเอาเลยวา ไดทําประโยชนอะไรไวใ หแกโ ลกบาง ?

ธรรมะชาลนถวย 3 ว.วชริ เมธี (๒) ไก่ไม่ขนั ตะวนั ไม่ขนึ้ มคี นเปน จํานวนมากในโลกน้ี ท่ปี ว ยดว ยโรค “สําคัญตนผดิ ” คอื มคี วามคิดท่ีฝง ลึกอยูในหวั วา “ตวั ฉันสาํ คญั ที่สุด” ขาดฉนั เสยี คนแลว ทุกอยา งในองคก ร ในบรษิ ทั ในบานเมอื ง หรอื แมแตในโลก จะดําเนนิ ตอไป ไมได คนที่มกั ปว ยดวยโรคสําคญั ตนผิดเชนวา นี้ มกั มอี าการผิดสาํ แดง คอื ชอบแบกโลกไวบนบา มากกวา จะเกดิ มาเพอื่ เหยยี บ โลกเลน ในโลกน้ี จงึ ไมมีใครทุกขหนักหนาสาหสั เทา คนปวยดวยโรคสาํ คัญตนผดิ ชนิด นีอ้ ีกแลว เพราะในขณะที่เขากําลังคดิ วาโลกขาดเขาไมไดน้ัน มองอีกดานหนึง่ โลกกลบั ไมเ คยรสู ึกเลยวา ขาดเขาเสียคนแลวโลกจะหมุนตอไปไมได เขาไมเคยรเู ลยสกั นิดวา กอ นทจี่ ะมเี ขา ชาวโลกเขาก็อยกู ันมานานแลว บนโลก ใบนี้ สรรพสง่ิ ลวนดาํ เนินของมนั ไปตามปกติ แมน้าํ ยงั คงรนิ ไหล ตะวันยงั คงฉายสอง หยาดฝนยังคงโปรยสาย นกยงั คงรอง เพลง และดอกไมก็ยงั คงผลิบาน มนุษยก็ยงั คงเกดิ แลว ตายตายแลว เกิดกนั อยูตลอดมาไม เคยขาดสายไปจากโลก ธรรมชาตขิ องสรรพส่ิง ลว นเกดิ ข้ึน ดาํ เนินไป อยา งปกติ โดยไมเ คยหยุด กระแสการเคล่ือนไหว เปล่ยี นแปลง เพียงเพราะขาดใครไปสักคนหน่ึงบนโลกใบนี้ โลกนไี้ มเ คยรอ งไหหรอื เศราโศกจนถงึ ขนั้ หยุดหมุน เพยี งเพราะมีใครสักคน หนึ่งลม หายตายจากไป ขนาดคนสําคญั ทสี่ ดุ คนหนึ่งของโลกอยา งพระสัมมาสัมพุทธเจา

ธรรมะชาลนถวย 4 ว.วชริ เมธี ดบั ขันธปรนิ พิ พานไป พระจนั ทรก ็ยงั ไมหยดุ สอ งแสง พระอาทิตยกย็ งั ไมเ คยไวทุกข แลว คนชนิดไหนกันนะ ท่มี ักคดิ วา “ขาดฉนั เสยี คน แลวทกุ อยางจะเดนิ ตอไป ไมไ ด คณุ เคยปวยดวยโรคชนิดนไ้ี หม ? ที่พมุ ไมใบหนาในปา แหง หนง่ึ มไี กปา ครอบครวั หนึง่ อาศยั อยูดว ยกนั ทกุ เชาไก โตงผูเปนหวั หนา ครอบครัวจะต่ืนแตตีหาเปน กจิ วัตร เมอ่ื ตนื่ แลว มนั จะปรบปก อันกํายาํ แลว โกงคอขันดวยเสยี งอนั ดังกอ งไปทั้งปา ไกผ เู ปน หัวหนาครอบครวั ตัวน้ี ทาํ หนา ทขี่ นั อยอู ยา งนีท้ ุกเชา มาเปนเวลานาน หลายป แลว จนกระทั่งวันหนึ่ง มันเกิดเจ็บคอเพราะโรคหลอดลมและเสนเสียงอกั เสบ เน่อื งจากใชเสยี งมากเกนิ ไปตดิ ตอกันเปน เวลานาน เชา ตรวู นั นี้ เมอื่ มนั ตืน่ แตตหี า เพ่ือทจี่ ะโกงคอขนั ตามปกติ มันกพ็ บวา สภาพ รา งกายของตวั เองอดิ โรยและปวยหนกั เกินกวา จะทาํ หนาท่ีไดเสียแลว เจา ไกโตงผูเปนลูก ชายเหน็ อาการของผูเปน พอ แลว เกิดความรสู กึ สงสารพอ จัใจจึงเอย ปากข้ึนวา “พอฮะ คอพอ อกั เสบมากอยา งน้ี ใหผมขันแทนไดไหมฮะ” “ไมไดหรอกลูก” ผูเ ปน พอ ปรบปก ยืดอกตอบดวยจิตวญิ ญาณของไกผ ูมภี าวะ ผนู าํ เต็มเปยมในหัวใจ ไกโตงลกู ชายไมเขาใจในคาํ ตอบของพอ จึงถามวา “ก็พอ ปว ยหนกั ออกอยางน้ี ทําไมพอไมหยดุ ขันสักวนั สองวัน แลวใหผมขนั แทนพอ ไมไดห รือ มนั ตา งกันตรงไหนฮะถาพอขัน กับผมขนั เราก็เปนไกเ หมอื นกนั นฮ่ี ะ” ไกโ ตง ผเู ปนพอ ปรบปก อันกาํ ยํา ยืดอกอยางผึ่งผาย พลางมองดลู กู ดว ยความ สมเพชเสียเต็มประดา มนั คิดวาเจาลูกชายตวั น้ชี างไมรจู ักประมาณตนเอาเสียเลย เมือ่ ปรามลูกผูออ นตอ โลกดว ยสายตาแลวมนั จงึ ยืดอกใหเ หตผุ ลอันสุดหลกั แหลมตอลูกวา “พอ ไมข นั ไมไ ดห รอกลกู เพราะถาพอ ไมขนั ...ตะวันจะไมข ึ้น”

ธรรมะชาลน ถวย 5 ว.วชริ เมธี (๓) เศรษฐีกบั สีเขยี ว ไมนานมานี้ มหาเศรษฐีคนหน่ึง ปว ยดว ยโรคปวดหัวเร้อื รงั เดนิ ทางไปรกั ษากับหมอที่ไหน กไ็ มหาย นานวนั อาการปวยของเขากย็ ่ิงเสยี ดแทง ท้ังกายและจติ ถูกความทุกขรุมเรา แสนสาหสั จนเขาเองรสู กึ วา เจยี นอยูเจยี นไปก็หลายครัง้ แตแ ลวอยูมาวันหน่งึ ก็มหี มอคนหนึ่งเดินทางผา นมา และรบั อาสาวา จะรกั ษา อาการปว ยใหท านเศรษฐีเอง หมอนิรนามบอกกบั มหาเศรษฐีวา วธิ ีรักษาโรคของคณุ นนั้ งายนดิ เดยี ว คอื จงทําตวั ใหอยใู นสภาพแวดลอมท่ีมสี เี ขยี วตลอดเวลา แลว ทุกอยางจะดขี ้ึน จนอาการปวดหัวนนั้ หายขาดในท่ีสดุ พอหมอคนน้ันกลับไปแลว มหาเศรษฐีจึงยิ้มรา ดใี จ เรยี กใหค นใชไ ปซอ้ื สมี า ทาบา นของตัวเองใหเปนสเี ขยี วท้ังหลงั เทาน้ันยังไมพอ ดวยความที่เขาเปนมหาเศรษฐีเจาของหมูบานจัดสรรแหงนน้ั เขาจงึ คิดวา ควรจะขยายสภาพแวดลอมคือหมบู า นทัง้ หมดใหเ ปน สเี ขียวเหมอื นกบั บา นเขา เอง ไวเทา ความคิด เขาสงั่ ใหบริวารทาสบี านทกุ หลังในหมบู า นของเขาใหเปนสี เขยี ว ยัง ยงั ไมพอ มหาเศรษฐยี ังกําชับดว ยวา ทกุ คนท่จี ะเดนิ ทางมาทาํ ธุระที่หมูบ านของเขา ก็จะตอ งสวมใสเสื้อผาสีเขยี ว

ธรรมะชาลนถวย 6 ว.วชริ เมธี หรอื มิเชนนัน้ กต็ องใหบ รวิ ารของเขาจบั ทาสีใหเขียวไปท้ังตัวเสียกอน จงึ จะ เดินทางเขามาทําธุระในหมบู านได นบั จากน้ันเปน ตนมา ทง้ั เน้อื ท้ังตวั ทานเศรษฐี สิง่ ของเครอ่ื งใช ลูกแกว เมยี ขวัญ บานท้ังหลงั สมาชิกในหมบู าน รัว้ ตนไม เสาไฟฟา รถยนต สนุ ขั แมว ทุกส่งิ ทกุ อยา งในหมูบา นน้นั ถกู แปรสภาพใหเปนสเี ขียวทัง้ หมด อยางไรกต็ าม แมจ ะทําใหส ภาพแวดลอมทง้ั หมดเปนสีเขียวเรียบรอ ยแลว แตอาการปวดหัวของเขาก็ยงั ไมหาย ตรงกันขา มกลับยิ่งกาํ เริบหนกั ขึ้นกวา เดมิ เสยี ดว ยซํ้า แตก อนทมี่ หาเศรษฐีจะมีอันเปน ไปนั่นเอง อยมู าวนั หน่ึง คุณหมอคนเดิมก็เดินทางผานมาทางหมูบานของเขาอกี ที พอ เดนิ ผานหนาหมบู า น บรวิ ารของเศรษฐจี ึงพยายามจะจบั คุณหมอเปลีย่ นชดุ สีเขยี ว คุณหมอถามวา ใครใชใ หพวกคุณทาํ แบบน้ี ดสู บิ า นทกุ หลังในหมูบานและ ผคู นลวนเปนมนุษยเ ขยี วกันไปหมดแลว บรวิ ารทานเศรษฐีตอบวา มหาเศรษฐที ําตามคําสง่ั ของคุณหมอน่นั เอง ทุกส่ิง ทุกอยางจึงกลายเปนสเี ขียวอยา งที่เห็น คณุ หมอไดยินแลว ก็หวั เราะงอหาย ในความไมประสาของมหาเศรษฐแี ละ บรวิ าร จงึ บอกคนใกลชดิ ไปเรียกเศรษฐีออกมา พอพบหนา คนปว ย คณุ หมอจงึ บอกวา “ทําไมคุณจึงตองเปลืองเงินเปลอื งทองมากมาย เพ่อื ลงทุนทาํ ใหท ้งั คนและ หมบู านทั้งหมดกลายเปน สเี ขียวถงึ เพยี งนี้ ท่หี มอบอกวา ใหค ณุ ใชชีวติ อยูใ นสภาพแวดลอ มท่มี สี ีเขียวนนั้ คณุ สามารถทาํ ไดง ายๆ เพยี งแคไปซื้อแวนตาสีเขียวมาสวม เพยี งแคน้ีเอง ทุก สง่ิ ทกุ อยางรอบตัวคณุ กจ็ ะกลายเปนสเี ขียวไปโดยอตั โนมัติภายในพริบตา”

ธรรมะชาลน ถวย 7 ว.วชิรเมธี (๔) ชาล้นถ้วย ในยคุ ที่พทุ ธศาสนานกิ ายเซ็นรงุ เรืองในญป่ี นุ น้นั คนญี่ปุน แทบทุกช้ันวรรณะตางพากันสนใจศกึ ษาเซน็ กลา วกนั วา ความสนใจเซน็ ในยุคนั้นมอี ยูอยางแพรหลายถงึ ขนาดท่ีวา แมแ ต ขอทานบางคน กย็ งั เปนผรู อบรูเร่ืองเซน็ อยา งลกึ ซึง้ ถงึ ขน้ั เปนอาจารยข องศิษยมากมาย บา ยวนั หนง่ึ ศาสตราจารยผ ูมชี อื่ เสียงคนหนงึ่ เกิดอยากจะศึกษาพทุ ธศาสนานิกายเซ็นขน้ึ มาบา ง เขาจงึ เดนิ ทางไปหาอาจารยเซน็ ระดับปรมาจารยค นหน่งึ ถงึ สํานกั เมือ่ ไปถงึ แลว อาจารยเ ซ็นไดรินชาตอนรับศาสตราจารยค นนั้นอยางสงบ ศาสตราจารยผมู ากดวยความอหงั การ เพราะคดิ วา ตนก็เปน หนง่ึ ในบรรดาปญ ญาชนของยุคสมยั เหมอื นกนั เฝา มองถวยชาของพระผูเฒา เงียบๆ แลว ก็สงั เกตเหน็ ความผดิ ปกติ คอื แมจ ะ รินจนชาลนถว ยแลว ทวาอาจารยเซ็นกย็ ังคงรินไมหยดุ เขาจึงโพลง ถามออกไปหมายจะเตือนสติอาจารยเ ซ็นวา “อาจารย ชาลนถวยแลวขอรับ” อาจารยเ ซ็นเงยหนาข้นึ มาจากปานชา พลางเอย ข้ึนวา “คณุ ก็ไมตา งอะไรกับชาถว ยนี้ ตราบใดทส่ี มองของคุณยงั ลนไปดวยความคดิ ทฤษฎี คณุ จะศกึ ษาเซ็นอยางไรได จงทําถวยของคุณใหว า งเสียกอ นสิ” ศาสตราจารยไดฟง แลว ก็พลันเกดิ อาการต่ืนรขู ้ึนมาในฉบั พลนั ทนั ที

ธรรมะชาลน ถวย 8 ว.วชิรเมธี (๕) ถอื (ก)็ หนัก วาง (ก)็ เบา เคยมีคนไปกราบทูลถามพระพทุ ธเจา โดยขอใหพระองคส รุปคาํ สอนของพระองคใ หเหลือเพยี งสั้นๆ ทวา ครอบคลุม ใจความทั้งหมดแหงพระพุทธศาสนา พระองคตรัสวา หากจะใหส รุปเชน นน้ั กข็ อสรปุ วา ใจความแหงคําสอนของ พระองคขน้ึ อยกู ับประโยคทีว่ า “สัพเพ ธัมมานาลงั อะภนิ ิเวสายะ ใดใดในโลกอนั บุคคลไม่ควรยดึ ตดิ ถอื ม่ัน” ทาํ ไมจึงไมค วรยึดตดิ ถอื ม่นั เพราะที่ใดมีความถอื มนั่ ทีน่ น่ั กม็ ีความทกุ ข ความทุกขขยายตวั ตามระดับความเขมขนของความยดึ ติด ยดึ มาก ติดมาก จงึ ทุกขม าก ยดึ นอ ย ตดิ นอย จงึ ทุกขน อย ไมยดึ ไมต ดิ จงึ ไมท ุกข ความไมยดึ ติดถอื มน่ั กลา วอีกอยางหนงึ่ วา “ความปลอยวาง” ทําไมจึงตอ งปลอ ยวาง เพราะทกุ อยางมี “ความวาง” มาแตเดิม คนท่หี ลงกอด “ความวาง” โดยคดิ วาเปน “ความมี” ทําไมจะไมท กุ ข ?

ธรรมะชาลนถวย 9 ว.วชิรเมธี พระบวชใหมร ปู หนง่ึ เดนิ บณิ ฑบาตผา นชมุ ชนแหงหนึ่งซ่ึงมีผูค นจอแจ ขณะเดนิ สํารวมกมหนา แตพ อประมาณเพ่ือเดินผานชุมชนไปอยางชา ๆ น้นั เอง จูๆ ก็มีชายวยั กลางคนคนหนึ่ง ใสสทู ผูกเนค็ ไท สวมแวนตาดําเดินเขามาหาทาน พรอม ทง้ั ช้ีหนา ดาทา นอยางสาดเสียเทเสีย พระรูปตกตะลงึ รบี เดินหนี แตแมท า นจะเดินหนีชายคนนั้นพนแลว แตเสยี งดาของเขายังคงกอ งอยใู นโสต ประสาทของทา นอยา งชดั ถอ ยชัดคํา เมื่อกลับถึงวัด พลนั ทคี่ ดิ ถึงเหตุการณท ่ีตนถกู ชหี้ นา ดา กลางฝงู ชน พระหนุมก็ รสู ึกโกรธจนหนาแดงกํ่า ยงิ่ คิดตอ ไปวา ชายคนน้นั มาชห้ี นา ดาตนซ่ึงเปน พระ และตนเอง ก็จําไดวา ตงั้ แตบวชเขามาในพระธรรมวนิ ัย กย็ ังไมเ คยทาํ อะไรผิด คิดมาถงึ ข้ันทว่ี า ตนไมผิด แตท ําไมตองถกู ดา ยง่ิ เจบ็ ยิ่งแคน วนั ท่ีทานถูกดา กลางชุมชนน้นั เปน วนั ศุกร แตต กถึงเชาวนั จันทร ทา นกย็ งั ไม หายโกรธ เชา วนั จันทรนนั้ พระบวชใหมประคองบาตร เดนิ ผานชมุ ชนน้ันเหมอื นเดมิ ทา นพยายามสอดสา ยสายตามองหาชายคนเดมิ ตง้ั ใจวา วนั นี้จะตองถามใหรูเรื่อง วา เหตุ จงึ มาช้หี นา ดาตนเมอ่ื วนั ศุกรท แี่ ลว ยิง่ พยายามคนหากลบั ยิ่งไมพ บ ทา นจงึ เดนิ สํารวมรับอาหารบณิ ฑบาตตอไปจน ไดอาหารเต็มบาตรแลว จึงเดนิ กลับวัด ระหวางทางเดนิ กลบั วัด โดยไมค าดฝน พระหนุม ทอดตาไปพบกบั ชายคนหนงึ่ สวมสูท ผูกเนค็ ไท ใสแ วนตาดํา ทานอทุ านในใจวา “ออ เจาคนนีเ้ องท่ีดาฉนั เมื่อวนั ศุกร” ภาพท่เี หน็ ก็คือ ชายแตงตวั ดีคนน้นั นอนหลบั หมดสตอิ ยขู างศาลเจา แหงหน่งึ ขา งๆ ตัวเขามีขวดเหลา ลมิ้ กลิ้งอยู พอทานพยายามเดินเขาไปมองใกลๆ เขาจงึ เรม่ิ รูสึกตัวตน่ื ขน้ึ มา พอเห็นทา นเทา น้ัน ชายคนนน้ั กร็ องข้นึ มาวา “ขอเดชะ พระอาญามิพนเกลา ฯ บดั น้ี พระองคทรงกลบั มาครองอยุธยาอกี คร้ัง หนง่ึ แลวกระนน้ั หรอื ...” วา แลว ก็ลุกข้ึนรําเฉบิ ๆ

ธรรมะชาลน ถวย 10 ว.วชริ เมธี เชาวนั น้ี พระใหมจองมองชายแตงตวั ดีคนนน้ั เต็มสองตา แลวทานกส็ รปุ วา “คนบาน่ีหวา” พลันทที่ า นประเมินวา ชายแตง ตัวดีคนท่ีชห้ี นา ดาทานเมอ่ื วนั ศุกรท่แี ลว เปน คน บา ทม่ี าในรางของคนแตงตัวดีเทา น้ันเอง ความโกรธท่กี อตวั เปนเมฆดําทะมึนอยใู นใจของทานมานานถงึ สามวัน ก็พลันอนั ตรธานไปอยา งงายดายชนิดไรร อ งรอย ทําไม เราจงึ ปลอ ยวางตอคนบา ไดง า ยดายเหลือเกนิ ? แตก ับคนปกติ ทาํ ไม เราจึงมีความรูสกึ วาตอ งเอาเร่ืองราวใหถ ึงท่ีสดุ ?

ธรรมะชาลนถวย 11 ว.วชริ เมธี (๖) ลงิ ยงั ต้องปิ ดหู ในโลกนี้ มีความปวยอยูสองชนดิ หนึ่ง ปว ยกาย (กายิกโรค) สอง ปวยใจ (เจตสกิ โรค) ปว ยกาย คือ ปวยไข เชน ปวดหวั ตวั รอ น เปน หวัด กระเพาะอักเสบ หิว กระหาย ฯลฯ ปวยใจ คือ ปว ยเพราะถูกโรคกเิ ลสรมุ เรา เชน โลภมากไมร จู ักพอ โกรธจดั จน ควบคมุ ตัวเองไมอยู หลงมากจนแยกถูกผิดดชี ่วั ไมออก ปว ยใจ กลา วอกี นยั หน่งึ คือ คนทีป่ ว ยเพราะยงั มีกเิ ลสเจอื ปนอยูในใจ คนท่ปี วยใจ จงึ หมายถึง ปถุ ุชนท่ัวไปทย่ี งั มีชวี ิตเดินเหินอยใู นโลกอยา งเราๆ นี่เอง พระพทุ ธองคเ คยตรสั วา จะหาคนทีไ่ มเ คยปวยกายเลยตลอดอายุขัยกวา ๑๐๐ ปก ็พอจะหาได แตจะหาคนที่ไมเคยปว ยใจเลยชว่ั ขณะจิตเดียว หายากแสนยาก คนที่ไมเคยปวยใจอยา งถาวรในโลกนก้ี เ็ ห็นจะมีแตพระอรหันตเ ทา น้นั นอกนัน้ ลว นแลวแตปว ยใจกันทุกคน คนท่ีปวยใจมาก (กเิ ลสมาก) ก็ทกุ ขมาก คนทีป่ วยใจนอ ย (กเิ ลสเบาบาง) ก็ทุกขน อย

ธรรมะชาลนถวย 12 ว.วชริ เมธี ความปวยใจที่เปนโรคสากลกลา วคอื มกั จะเกิดข้ึนกบั มนุษยแทบทกุ คนก็คือ ความบาเงิน บา ทอง บาทรัพยส มบัติ ในโลกนมี้ คี นสักกี่คนกนั ท่เี ห็นเงนิ และทองแลวจะไมตาโต คนจํานวนมาก พากนั ทุม อุทิศชีวิตทัง้ ชวี ติ เพ่ือหาเงนิ หาทอง บางคนมเี งนิ มหาศาลหลายหม่นื หลายแสนลา นบาท/ดอลลาร แตถงึ กระนั้น ก็ยังสะกดคําวา “พอ” ไม เปน บางคนเพ่อื ใหไ ดเงินมาครอบครองกถ็ ึงกบั ตองยอมขายศกั ด์ิศรี ขายจิตวญิ ญาณ ยอมทรยศพอแมพ่ีนอ ง ประเทศชาติ เพื่อฉอ ราษฎรบังหลวง คนบางคนสละทกุ อยา งแมแตชีวติ เพ่ือแลกกบั การหาเงิน กระทงั่ บางคนถอื วา เงนิ คือพระเจา เงินคอื คําตอบสุดทายของชวี ติ เงินเนรมิตไดทุกอยาง ในขณะทค่ี นถอื กนั วา “เงิน” คือสิ่งสงู สดุ ของชวี ิต แตแนวคิดเชนนี้ กลบั กลายเปน เร่ืองไรส าระ ตาํ่ ตอย และอปั มงคลยงิ่ สาํ หรบั ปญญาชนชาวพุทธ พระพุทธเจาเคยเลา นิทานเร่อื งหนงึ่ วา พญาวานรโพธิสัตวต วั หนึง่ มลี กั ษณะสงางาม องอาจ ฉลาดเฉลยี ว ถูก นายพรานจับได เขาจึงนําไปถวายพระราชา พญาวานรโพธิสตั วน ้นั อยูใ นวงั กับพระราชามาเปนเวลานาน จนสามารถฟง ภาษามนุษยร ูเ ร่อื ง วันหนึ่งเม่อื พระราชาทรงเห็นวา หมดความต่ืนเตนทจี่ ะลอเลนกบั พญาวานรแลว จึงมรี ับส่งั ใหปลอยพญาวานรทีช่ ายปา

ธรรมะชาลนถวย 13 ว.วชริ เมธี เมอ่ื พญาวานรโพธิสัตวกลบั มาสฝู งู แลว บรวิ ารตางพากนั เขามารมุ ลอมพรอมกบั ซกั ถามวา ในสังคมมนษุ ยน ั้น เขาอยูก นิ กนั อยางไร ขอไดโปรดเลา ใหฟ งดวย พญาวานรโพธสิ ตั วเ ลาวา “เพื่อนเอย ในสังคมมนุษยนัน้ ทัง้ วันท้งั คนื มีแตเ สียงรองอ้ือองึ วา ‘เงนิ ของก,ู ทองของกู’ เขาพดู กันอยูอยา งนไ้ี มรูจ บส้นิ ” หมูบรวิ ารของพระโพธิสัตวค รน้ั ไดยนิ คาํ วา “เงินของกู, ทองของกู” เทา น้ันก็พา กนั รอ งหา มพระโพธสิ ัตวเปน พลั วนั พลางขอรองวา “ทา นอยา เอาเรอ่ื งอปั มงคลเชน น้มี าเลา อีกเลย” จากนน้ั จึงพากนั เอามือปด หูวงิ่ หนหี ายเขา ปา ไปอยา งไรรอ งรอย คําวา “เงนิ ของกู,ทองของกู” เปน คาํ แสลงหขู องสัตวด ิรจั ฉาน แตก ลับเปน คําหวานชื่นใจของหมูมนษุ ยอยางยิ่ง นาสนใจวา ทําไมภมู ปิ ญญาของสตั วดริ จั ฉานในยุคนน้ั จงึ ววิ ัฒนาการสูงสง กวา มนษุ ยแมแ ต ในยคุ น้ี มนษุ ยท่แี มจะมีการศกึ ษาสูงระดบั ดร.แตก ระน้ันกย็ งั ไมรูวา เงินทอง เปนของ แสลงสาํ หรบั การมีชีวติ ดีงาม ซ้ํายงั พยายามทําทกุ อยา งเพื่อครอบครองสง่ิ ทีแ่ มแตลงิ ก็ยอง ตอ งปด หูวิ่งหนอี ยา งสดุ ชีวิตยามไดส ดบั ตรับฟง นา สนใจวา ที่ลงิ ตองปดหู ทล่ี ิงตองวง่ิ หนี เพราะลงิ มองเหน็ อะไรท่ซี อ นอยใู นเงินๆ ทองๆ ซ่งึ มนุษยมองไมเหน็ หรอื เปลา ?

ธรรมะชาลนถวย 14 ว.วชิรเมธี (๗) แก้วมณโี ชตริ ส ในสมัยโบราณ มีแกว วเิ ศษอยูชนดิ หนึง่ ช่ือ “แกว มณโี ชตริ ส” แกว วเิ ศษน้ี มีแสงนวลเย็น สอ งสวา งสกุ ปลง่ั อยตู ลอดเวลา ลอื กันวา ใครไดค รอบครองแกว วเิ ศษนี้ คนนน้ั กเ็ หมือนเปน พระเจาจักรพรรดผิ ูมีชยั เหนอื ทวปี ทัง้ สี่ (สมัยโบราณเชอ่ื กนั วาโลกนี้มี ๔ ทวปี คอื บพุ พวิเทหทวีป ชมพทู วปี อมรโคยานทวปี อุตตรกรุ ทุ วีป) เดชานุ ภาพแผไปไดท งั้ ในนา้ํ และบนฟา นภากาศ ชายหนุม คนหนึ่ง ไดยินเรื่องราวปรัมปราเกย่ี วกับแกวมณโี ชตริ สนี้มานานแลว แมเ ลาใหเ ขาฟง วา ใครก็ตามไดครอบครองแกววิเศษนี้ ก็จะพนจากความยากจน ในฉบั พลันทันที เขาจะมีทกุ สิง่ ทุกอยา งไดเ พียงชั่วพรบิ ตา เพียงขอใหแ กวมณโี ชตริ สนี้ เนรมติ ให ชายหนุมผเู ปนลกู กตญั ู คดิ ตลอดเวลาวา วนั หน่ึงเขาจะตองครอบครองแกว วเิ ศษนใ้ี หไ ด เขาสูทนรออยจู นอายุ ๒๐ เม่ือคดิ วาตนบรรลนุ ิตภิ าวะเปนผใู หญเตม็ ตัวแลว เขาจึงขออนุญาตมารดาบิดาออกทอ งไปทวั่ ทกุ หนทกุ แหง ดว ยความตง้ั ใจวา จะตอ งไปแสวงหาแกว วิเศษน้ีมาครอบครองใหไ ด วนั ไหนท่ีไดครอบครองแกววเิ ศษ วันนน้ั เขาจะเนรมิตชวี ิตและครอบครัวให หลบลห้ี นหี ายจากความจนและความทุกขท้งั ปวงเสยี ใหสน้ิ ยคุ สมัยแหงความลําบากในชวี ติ ของเขาจะตองยตุ ิลง เมอื่ เขามแี กวมณีโชติรส น้ันอยูในมอื เขาจะกลายเปนอภอิ ัครมหาเศรษฐีของโลก ที่มที กุ อยา งในชวี ิตพรอมสรรพ ชายหนุมออกเดนิ ทางจากบานเกดิ จรไปทกุ หนทกุ แหง ในท่ีสุดก็ทะลุไปถึง เทือกเขาแหงหนง่ึ ซึ่งลอื กันวา มีเซียนวเิ ศษพํานักอยูบนยอดเขา

ธรรมะชาลนถวย 15 ว.วชริ เมธี แมท างเดินข้ึนเขาจะสูงชนั และเสยี่ งอันตรายเพยี งใดกต็ าม แตช ายหนมุ กห็ าได ยอทอ ไม เขาสปู นเขาข้นึ ไปโดยใชเวลาถงึ หนึง่ เดอื นเต็มก็ไปพบกบั กระตอบหลงั เล็กๆ ของผูวิเศษที่วา ทนั ทที ่ีไปถงึ กระตอบของเซียนวิเศษ ชายหนมุ ไมร อรี รีบแจงความประสงคว า ทต่ี อ งตองระหกระเหินเดินทางออกจากบา นมาเปน เวลากวา สิบป กเ็ พราะตอ งการแกวมณี โชตริ ส เซียนวิเศษไดฟ งแลวกย็ ้มิ อยางมีเมตตา กอนจะเอย วา “ออ ! นึกวา ตองการอะไร ท่ีแทก อ็ ยากไดแ กว วิเศษ” วาแลว เซยี นวิเศษก็ลวงลงไปในยามขางกายพลางควา เอาแกว ใสดวงหนงึ่ ซึ่งมี รศั มนี วลใยสุกปล่งั ออกมาสง ใหช ายหนมุ ดว ยทา ทางท่ีดแู สนจะธรรมดา ไมม ีทีทาของความ หว งหวงเลยแมแตน อย ชายหนุมดใี จเหลอื จะกลา ว ตะลตี ะลานย่ืนมือเขา ไปรับเอาแกว วิเศษนัน้ มาใสย าม แลวรบี กราบลาผูวเิ ศษเดินลงจากเขาทันที คนื นัน้ เอง ระหวางทย่ี ังพํานักอยูท่ยี อดเขาลูกหนึ่ง ชายหนุม ซ่ึงบัดน้มี ีแกว วิเศษ อยูใ นยา ม รสู ึกระหย่ิมยม้ิ ยอ งดใี จจนนอนไมห ลบั เขาลกุ ขน้ึ มาลบู ๆ คลําๆ แกว วิเศษนัน้ นับรอ ยนับพนั ครงั้ ปากกพ็ ราํ่ พรรณนาวา เขาจะไมจนอกี ตอ ไปแลว เขาจะกลายเปนพระเจาจกั รพรรดิผเู นรมติ ทุกอยา งไดต าม ปรารถนา เขาจะเปน มหาราชาแหง โลก เขาจะสยบโลกทงั้ ใบไวใตฝ า เทา เขาจะเสพสขุ ทา มกลางสาวสวรรคกาํ นลั ในนบั หมน่ื นางท้ังกลางวนั กลางคืน เขาจะ...เขาจะ...เขาจะ... แตแ ลว กอนอาทิตยอ ทุ ัยไขแสงนน้ั เอง ชายหนุมผโู ชคดีกฉ็ ุกคิดขึน้ มาไดว า ใน เม่อื แกว ทเ่ี ขาไดม านี้ เปน แกว วเิ ศษที่คนทัว่ หลาตางก็ตองการจะครอบครองเปน เจา ของ ทวา ทาํ ไมเซียนวเิ ศษคนนัน้ กลบั ไมส นใจใยดแี กววเิ ศษดวงนเ้ี ลย พอเขาขอ ทานกส็ ามารถลวงไปหยิบแกว ใบนี้ใหเขาไดอ ยา งงา ยดายเหมือนถม นาํ้ ลายทงิ้ ชายหนมุ ไตรตรองอยจู นรงุ สาง ในทสี่ ดุ เขาก็คดิ วา สงิ่ ท่ีวเิ ศษท่ีสดุ ไมน าจะใช แกว มณโี ชตริ สดวงน้ีเสียแลว หากแตน า จะเปน อยางอ่ืนมากกวา พอแสงแรกประดบั ดินยังไมถงึ นาที

ธรรมะชาลน ถวย 16 ว.วชริ เมธี หยาดเพชรยงั กระพรบิ พรายสกุ ปลั่งอยเู หนือยอดหญา สลอน ชายหนมุ รีบลางหนาลางตาปน เขาลูกแลวลกู เลาขึ้นไปจนพบเซียนวิเศษอีกครง้ั หนง่ึ ผวู เิ ศษถามวา “เจาหนู เม่ือวานเจา มาขอของวิเศษ ขา ก็ใหเจา แลว วันนี้ เจา ตองการอะไรอีก” ชายหนุมน่ังสํารวมอยูต อหนาผูวิเศษ สงั เกตอากปั กิรยิ าของผทู ่ีอยูเบือ้ งหนาอยาง ละเมียดละไม ก็พบวา ผูที่นั่งอยูเบ้ืองหนา ของตนนัน้ ชา งมที ว งทสี งางาม แมจ ะแตง ตัวมอ ซอ แตก ลบั มบี ุคลกิ ภาพโดดเดนเสียยง่ิ กวา ผทู ่ีหมกายดวยอาภรณแ พงระยบั ยิง่ หากพนิ จิ ดวงหนา ดว ยแลวกจ็ ะพบวา ทา นคอื ผูเฒา ท่ีมีความสุขมากที่สุดคนหนง่ึ ในโลกเปนแน ทามกลางความเงียบ ชายหนุม ลว งลงไปในยา มของตน หยิบแกววเิ ศษออกมา “อาจารยค รบั ผมขอคืนแกววิเศษดวงนี้ เพอ่ื แลกเปลย่ี นบางสิ่งบางอยางจาก ทานอาจารยขอรบั ” ผวู ิเศษยนื่ มือไปรบั แกว มณีโชติรส พลางถามวา “เจาอยากไดอ ะไรจากฉนั หรือ” “ผมอยากไดสภาพจิตใจที่ทําใหท า นสามารถหยบิ ของวิเศษออกจากยามมาใหผ ม โดยที่ไมรูสกึ เสียดายเลยนั่นตางหากครบั ” ชายหนุม ตอบ เซยี นผูเฒาหัวเราะเบาๆ กอนจะบอกวา “อือ ! ในท่สี ุดฉันกค็ นพบ ผูท่คี คู วรตอ แกววเิ ศษตวั จรงิ ในวันนเ้ี อง เจาหนุม เอย แกววิเศษท่ีแทไ มไ ดท ํามาจากแกวหรอกนะ หากคอื อะไร เธอยอ มรูอยแู กใ จของเธอ เอง เธอไมตองขอส่ิงทว่ี านั้นจากฉนั หรอกนะ เพราะในตวั เธอ กม็ ี ‘ส่ิงน’้ี อยูโดยสมบูรณ แลว ” ชายหนมุ ยม้ิ อยางผูที่เขาใจ เขาลาผูวเิ ศษเดินกลบั ลงจากยอดเขาดว ยหัวใจปลอด โปรง และเปนสขุ สองมือของเขา ในยา มของเขา

ธรรมะชาลนถวย 17 ว.วชริ เมธี ไมมแี กววิเศษอยใู นนนั้ เลย เขาเดินมือเปลากลับบา น แตวนั น้ันชายหนุม กลบั รสู กึ วา การเดินทางกลับบา นคราวน้ี เขากลบั ไปพรอ ม กบั แกว วเิ ศษทเ่ี ขาแสวงหามานานปจรงิ ๆ

ธรรมะชาลนถวย 18 ว.วชริ เมธี (๘) ดงั่ เมด็ ทราย วนั หนึ่งเมื่อเรว็ ๆ นเี้ อง มใี ครบางคนมาปรกึ ษาผูเขียนวาทะเลาะกับลูก ไมค ยุ กนั มาสามวันแลว ผเู ขยี นถามวา ระหวา งลกู กบั ทฐิ ิ (อาการทไ่ี มยอมคยุ กนั ) คณุ รกั อะไร มากกวา กนั “รักลกู มากกวา” เธอตอบ “ในเม่ือรักลกู มากกวา ทาํ ไมไมย อมวางทฐิ ิ” ผเู ขยี นถาม “ถาเรายอมคุยกบั ลูกกอ น เดยี๋ วลูกก็ไดใ จ” เธอตอบ “ลกู อายเุ ทา ไหร” “๑๗ ป” “ตอนนี้อยไู หน” “ไปพักอยทู ่ีหอพกั ของเพ่ือนแลว” “รูไดไ งวา ท่ีหอพักของเพื่อนของลูกปลอดภยั ” “ไมร ูเหมอื นกัน” “หว งลกู ไหม” “นอนไมห ลบั มาสามคืนแลว ” “ถาคุณรักทิฐิมากกวา คุณก็คงตองนอนกอดทฐิ ติ อไป แตถ าคณุ รักลกู กท็ ้ิงทิฐิ เสยี ไปรบั ลกู คืนมา” ผเู ขยี นแนะ เชาวนั รุง ข้นึ เธอคนน้ันโทรศัพทมาบอกวา ยอมไปรับลูกมาอยูดว ยกันทบ่ี าน และคุยกันดีแลว วันนจี้ ะไปสงลกู เรยี นพิเศษเหมือนเดิม ผเู ขียนพลอยอนโุ มทนาวาทาํ ถูก แลว ที่เลอื ก “กอดลูก” มากกวา “กอดทฐิ ิ” “ทฐิ ิ” ไมม ตี วั ตน แตบ างคร้ังเราก็รกั มนั ยงิ่ กวา คนเปนๆ ซึ่งมตี ัวตนเสยี อีก ในชีวิตคกู ็ยอ มมบี างวนั ทเี่ หตกุ ารณเชน ขา งตน นี้จะเกิดข้นึ บางอยา งไมม ที างเล่ียง

ธรรมะชาลนถวย 19 ว.วชิรเมธี บางคนเม่ือถึงวนั ที่ล้ินกับฟน กระทบกนั ก็แกปญ หาได ยอมลงใหแ กกันและกัน แตบางคนบางคู เมือ่ ลิ้นกับฟนกระทบกันแลวกก็ ลายเปน จดุ เปลี่ยนของชวี ติ คู ตางคนตาง แยกกันเดินไปคนละทาง ทงั้ ๆ ทีห่ ากมใี ครบางคน “ยอมวางทิฐิ” เสยี บางเทา นัน้ อันตราย ใหญห ลวงในชวี ิตคูก ค็ งไมเกดิ ขึน้ คําถามสําคัญกค็ ือวา ทําอยางไร เราจึงจะสามารถวางทิฐิไดอยา งงายดาย คาํ ตอบหน่ึงท่ีมองเห็นตอนน้กี ค็ ือ เราคงตอ งใชสติพนิ ิจดผู ลดี ผลเสยี ของการ กอดทิฐิ กับการกอดคนทเี่ รารกั วา อะไรจะทําให “ได” หรอื “เสยี ” มากกวากัน เร่ืองเชน น้ี คนท่ีรดู ีท่สี ดุ ก็คอื คนที่อยใู นสถานการณจริง ไมม ีคําตอบสําเรจ็ รูป ตายตัวชนดิ ฉีกซองเตมิ นํ้าแลว ด่ืมไดทนั ที คณุ ปคู นหนึ่งเปน มหาเศรษฐีครอบครองเกาะแสนสวยแหงหนึ่ง ทุกวันมคี นไป เยีย่ มชมเกาะของคุณปมู ไิ ดขาด อยมู าวันหนึ่งคุณปกู ็ลมปว ย ดวยความรกั อาลัยเสยี ดายเกาะ ทส่ี รางสรรคพ ัฒนามากับมอื คณุ ปจู งึ เดนิ ไปทช่ี ายหาดเรยี กลกู หลานมานง่ั รายลอ มแลวส่ัง วา เกาะนีต้ นสรา งสรรคมากับมือตั้งแตย งั ไมเคยมีใครยางเหยียบมาเที่ยว จนกลายเปนเกาะ มีชือ่ ขอใหล ูกหลานทกุ คนรกั ษาเกาะน้ไี วใ หด ีทสี่ ุด วาแลวคุณปูก็หยบิ ทรายมาเต็มกํามือ พินิจดูทรายในมืออยางสงบ เหมอื นจะจําหลักทรายทุกเม็ดไวในความทรงจํา ทนั ใดนั้นเอง คุณปูก็ดบั ชพี ลงไปอยางสงบตอ หนา ลูกหลาน นาทเี ดียวกับท่ีดบั จิต คุณปกู ็ถือปฏสิ นธิเปน เทวดาบนสวรรค แตก อนเขาแดน สวรรคม ีเจาหนา ที่สวรรคค นหน่ึงมาบอกคุณปวู า เทวดามาใหมจ ะเขา ไปเสวยสขุ ในทิพย วมิ านได ตองปลอ ยวางทุกอยางท่ตี ิดตัวมาแตโลกมนษุ ยเสยี กอน คุณปมู องตัวเองพบวา มที รายอยเู ต็มกํามอื เทวดาเจาหนาท่จี งึ บอกใหปลอ ย ทรายในกํามอื เสยี กอ น เทวดาคุณปบู อกวา ทรายนค้ี ือสัญลักษณข องเกาะทง้ั หมด ตวั แกรัก เหลา นมี้ าก หยิบมาจากโลกมนุษยจ ะใหปลอยงา ยๆ ไดอ ยา งไร ไมว าจะช้ีแจงอยางไรเทวดา ใหมกไ็ มย อมปลอ ยทรายในกาํ มอื ในท่สี ุดเจาหนา ที่สวรรคจงึ สรปุ วา ถา คณุ ไมป ลอ ยทราย ในมอื คณุ กอ็ ยูหนาประตูสวรรคไ ปแลว กนั

ธรรมะชาลน ถวย 20 ว.วชิรเมธี คณุ ปูเทวดาจึงไดแคย นื อยูธรณปี ระตูสวรรคน านแสนนานดว ยความลาํ บาก มา เกิดบนสวรรคแ ตไมไดเ สวยสวรรค ชา งนาสมเพชจริงๆ กระทัง่ เวลาผานไปหลายสบิ ป วัน หนึง่ มีนางฟาคนหน่ึงมาปฏิสนธิบนสวรรค เทวดาคุณปจู ําไดว า นางฟาคนนน้ั คอื หลานสาวของตวั เองในโลกมนษุ ย จงึ ดใี จมาก ว่ิงเขา ไปกอดนางฟาหลานสาวดว ยความดี ใจ นาทีที่เทวดาคุณปูอาแขนออกน่ันเอง ทรายในกํามอื กร็ ว งลงหมดส้นิ พรอมๆ กับท่ี ประตแู ดนสวรรคกเ็ ปดออก คุณปูตกใจเปนอยา งมาก ที่มองเห็นวา ในแดนสวรรคนน้ั มีเกาะทิพยซง่ึ เหมอื น เกาะสวรรคของตัวเองบนโลกมนษุ ยท กุ อยา งรอใหมาครอบครองเปนเจาของอยูแลว เทวดา คุณปูจ ึงถามเจาหนาท่ีวา “เกาะของผมมาอยบู นสวรรคพรอ มๆ กบั ผม แลวทาํ ไมคณุ ไม บอกผมต้งั แตแรกเลา ผมจะไดม าเสวยสขุ เสียแตแรกท่ีมาเกดิ เปนเทวดา” เจา หนาที่สวรรค บอกวา “เราเตือนคุณแลวใหป ลอยวางทกุ อยา งเสียกอ น จากนน้ั คณุ จะไดเสวยสขุ แตเ ม่ือ คุณไมปลอ ย ทิพยสมบตั ทิ ง้ั ปวงของคุณก็เลยไมม ใี ครเปน เจาของ เกาะทพิ ยข องคุณนะ เขารอคุณมาพาํ นกั ต้งั นานแลว ” คณุ ปูไดย นิ เชน น้ันจึงรําพึงกับตวั เองวา “รอู ยางนฉี้ ันปลอ ยทรายในมือเสยี ตง้ั แตแ รกก็ดแี ลว ” สาํ หรบั คนรกั สองคนท่ที ะเลาะกัน แลว ตา งกไ็ มย อมปลอยเมด็ ทรายแหง ทฐิ ิ อา นเรอ่ื งนี้แลว นาจะยอมใหแกกันและกนั ไดงา ยข้ึน แตถาหากไมมีใครยอมใคร ก็คง ตองไดแ ตอยูอยางโดดเด่ียวเปล่ยี วเหงาและอมทุกขไปตราบนานเทา นาน

ธรรมะชาลนถวย 21 ว.วชิรเมธี (๙) ลงิ กาํ ถวั่ หลักอริยสัจสเี่ ร่มิ ตนขอแรกดว ย “ทุกข” บอ ยครั้งไปในพระไตรปฎ กเราจะพบคาํ สอนทพ่ี ระพทุ ธองคท รงตรสั วา “แต ไหนแตไ รมา เราสอนอยูสองเรอ่ื ง คือ เร่ืองทุกขแ ละความดับทกุ ข” ฝรงั่ จากตะวันตกเมอื่ เร่ิมศกึ ษาพุทธศาสนา มาอานเจอแตค ําวา “ทกุ ข” กระจาย อยทู ว่ั ไปในพระไตรปฎก จึงสรปุ เอางายๆ วา พุทธศาสนาเปนศาสนาจาํ พวก “ททุ ัศน นยิ ม” (Pessimism) และชาวพุทธก็เปนพวก “มองโลกในแงราย” (Pessimist) แตความจรงิ พุทธศาสนาไมไดเปนพวกมองโลกในแงรา ยอยางท่ีชาวตะวันตก เขาใจเลยแมแ ตน อย เพราะแมพระพุทธเจาจะทรงเรม่ิ คําสอนของพระองคด วยเร่ืองความ ทกุ ข แตเ ปา หมายของพุทธศาสนากลบั เปนเรื่องของความสุข กลาวอีกอยา งหนง่ึ วา พุทธ ศาสนาสอนให “เหน็ ทุกข” เพ่อื ท่ีจะ “เปน สุข” หรอื เรยี นเรือ่ งความทุกข เพ่ือทีจ่ ะกาวไปมคี วามสขุ ไมใ ชเ รียนเรอ่ื งทกุ ข เพอ่ื ที่จะเปนทกุ ขเสยี เองอยางท่ีฝรัง่ บางคนเขา ใจ ปราชญบางทา นจงึ สรุปวา “ทกุ ขสาํ หรบั เห็น สขุ สําหรับเปน” แตคนสว นใหญมักกลา วตรงกนั ขา ม คอื “ทุกขสําหรบั เปน สขุ สาํ หรบั เห็น” (คอื เห็นความสุขอยแู ตใ นอดุ มคติ ว่งิ ตามอยางไรก็ไมพบความสุขสกั ที สวนความทุกขนน้ั นอนกอดกันอยทู กุ คนื ทกุ วันสลัดอยางไรก็ไมหลุด) ในธมั มจักกัปปวตั รสตู ร ซ่ึงเปนปฐมเทศนา พระพุทธเจา ทรงแจกแจง รายละเอยี ดของความทกุ ขเอาไวม ากมาย เชน ๑. ความเกดิ เปนทกุ ข ๒. ความแกเปน ทุกข ๓. ความปว ยเปนทุกข ๔. ความตายเปนทุกข

ธรรมะชาลน ถวย 22 ว.วชริ เมธี ๕. ความประสบส่ิงอันไมเ ปน ท่รี กั เปนทุกข ๖. ความพลัดพรากจากสิง่ อันเปน ทรี่ กั เปน ทกุ ข ๗. ความผิดหวังเปน ทุกข แตในท่ีสดุ ของความทกุ ขมากมายหลายขอ เหลาน้ี พระองคทรงสรปุ วา “เมื่อ กลา วโดยสาระสาํ คญั ความยดึ ติดถือม่นั ในขันธ ๕ (รางกาย+จติ ใจ) น่นั แหละเปนตัว ทกุ ข” แปลเปนภาษารวมสมัยวา “ทุกขเกิดจากความยึดมน่ั ในขันธ ๕ ไมม ีความยึดมนั่ ในขนั ธ ๕ กไ็ มท ุกข” หรอื “ทีใ่ ดมีความยึดม่ัน ท่ีนั้นยอมมีความทุกข” สรรพสง่ิ บรรดามอี ยใู นโลกนั้น ไมม ที างเลยท่ีจะกอ ใหเกิดความทกุ ขข้ึนแกเรา ได ถา เราไมเ ขา ไปยึดติดถือม่ัน ยกตัวอยา งงายๆ เพชรเมด็ หนง่ึ ถาเราไมย ึดตดิ มนั ก็ เปนไดแ คแ รธาตตุ ามธรรมชาติชนดิ หน่ึง ซ่งึ ทําใหห ัวใจของเราหว่นั ไหวจนกลายเปน ทกุ ข ไมไ ด แตพ อเรายดึ ติดวา มนั คือเพชรเลอคา เปนรตั นชาติหายากเทานัน้ เอง ครั้นพอเจาส่ิง น้ีหายไป ความทุกขก็จะมากมายเปน ทวตี รคี ูณถงึ ขนั้ กนิ ไมไดน อนไมห ลับ หรอื บางคน ทีย่ ดึ ติดมากๆ อาจถึงขั้นลม ปว ยปางตาย ความทกุ ข จึงมาจากความยดึ ยึดมากกท็ ุกขม าก ยึดนอ ยก็ทกุ ขนอย ไมย ดึ ก็ไมทกุ ข ศลิ ปะอยา งหนง่ึ ของการไมยึดตดิ ถอื ม่ัน อนั เปน การตดั ตอนความทกุ ขไ มใ หม า คุกคามหวั ใจใหสูญเสียปกติภาพ กค็ ือ “การปลอ ยวาง” ทา นพทุ ธทาสมักอา งหลกั “การ ปลอยวาง” นี้มาสอนพทุ ธศาสนิกชนอยเู สมอ ทา นมกั กลา วกับใครตอ ใครในเวลาแสดง ธรรมวา “สพั เพ ธัมมานาลัง อะภนิ เิ วสายะ : ใดๆ ในโลกอันบคุ คลไมควรยึดตดิ ถือม่ัน” แมการไมยึดติดถือมัน่ จะฟงดูเปน เรื่องงายๆ แตในทางปฏิบัติก็ทําไดแ สนยาก ที่วาทาํ ได

ธรรมะชาลน ถวย 23 ว.วชิรเมธี แสนยากนั้น ไมใ ชเพราะวาความทกุ ขท ่ีเกิดจากความยดึ ตดิ เปนส่ิงท่สี ลดั ไดยาก แทท จ่ี ริง สง่ิ ท่ีสลัดไดย ากไมใ ชค วามทกุ ข แตอปุ นสิ ยั ท่ีไมย อมปลอยความทุกขนน้ั จากใจของ ตนเองตา งหากคือคอื สิ่งท่ีสลดั ไดยากยงิ่ กวา ทาํ ไมเราจงึ ปลอ ยวางความทกุ ขไ มเ ปน ทําไมเราจึงกตญั ตู อ ความทกุ ขนักหนาจนไมย อมใหทกุ ขน ัน้ อยหู า งหหู างตาเอา เสียเลย เหตุผลกเ็ พราะคนสวนใหญมกั มีนิสยั เปน พวก “ลงิ กาํ ถ่วั ” เม่ือมนี สิ ยั เปนพวก “ลงิ กาํ ถว่ั ” กเ็ ลยกลายเปน “คนกําทุกข” อยูชั่วนาตาป หากใครเคยไปเยอื นประเทศเนปาลอันเปน ชาตสถานทป่ี ระสูติของพระพุทธเจา กจ็ ะพบวา เมื่อเราเหยียบยางเขาไปยังอาณาเขตแหง หนงึ่ กอนถงึ สทิ ธัตถะนคร ก็จะพบปา สาละหนาแนนเปน แสนๆ ตน ขนึ้ เรียงรายไปตลอดสองฟากถนนยาวหลายกิโลเมตร เมือ่ รถของนักจารกิ แสวงบุญไปถงึ ปา สาละแหง น้ัน สารถีจะชะลอรถใหชาลงพรอ มทั้งบีบ แตรเสยี งดังกองปา สักครูเ ดยี วเทา นั้นเอง สองขางทางก็จะมีเหลาทหารพระรามออกมารอ รับทานจากนกั ทัศนาจรกนั เปน แถว บางครั้งมากมายหลายรอ ยตัวจนรถแทบแลนไปตอ ไมได คราวหนึ่งเมื่อรถวิ่งผา นปาสาละแหง น้ัน มคั คเุ ทศกค นหนึ่งเลาใหเ หลา นักจาริก แสวงบุญฟงวา ชาวอนิ เดียและชาวเนปาลมวี ิธจี ับลิงอยูอ ยางหน่งึ ซ่งึ ใชเทคโนโลยีงายๆ แต ไดผลดีมาก กลา วคอื ชาวบา นจะเอาถว่ั จํานวนหนง่ึ ซ่ึงลงิ ชอบกนิ ไปใสไวในหมอ ปาก แคบๆ แลว วางทิ้งไวต ามปาหรอื ตามสวน พอลงิ ไดกล่นิ ถั่ว กจ็ ะออกมาจากทีซ่ อ น พลาง ลวงมือลงไปในหมอ แลวกก็ ําถ่วั เสียเต็มกาํ มือ แตคร้ันมนั กาํ ถ่วั แลว ชาวบานก็จะออกมาจับ ลิงไดอ ยางงายดาย เพราะทันใดท่ลี งิ เหลา นัน้ กาํ ถว่ั มนั กจ็ ะดึงมอื ออกจากปากหมอไมได เพราะกาํ มือท่ีเตม็ ไปดวยถัว่ ของมันใหญกวาปากหมอ เม่อื ดึงมอื ออกจากปากหมอไมได ก็ ด้นิ ขลุกขลกั อยกู บั หมอ วงิ่ ก็ไมไดเ ดนิ กไ็ มสะดวก ยกั ต้นื ติดกึกยกั ลึกตดิ กงั เกๆ กงั ๆ อยู อยางน้ัน โดยวธิ ีน้ี วานรานุวานรทง้ั หลายจึงถูกชาวบานจับมาใชงานไดอ ยา งงายดาย

ธรรมะชาลน ถวย 24 ว.วชริ เมธี คนสวนใหญท มี่ นี สิ ัยเปนพวก “ลิงกาํ ถวั่ ” กค็ ือ เมือ่ เปนฝา ยสรางทุกขขน้ึ มา เพราะความยดึ ติดถอื ม่ันแลว ก็ไมร วู า จะปลอยความทกุ ขซ่ึงเกดิ จากความยึดตดิ ถือม่นั นน้ั อยา งไร เม่อื ปลอยไมล ง ปลงไมเปน ก็จึงกลายเปน พวกกาํ ถั่วและกาํ ทุกข ทงั้ ๆ ทบ่ี างครั้ง ความทกุ ขบางอยางแกง ายนดิ เดยี ว คอื แคปลอยมันก็ไปแลว แตเพราะเราไมยอมปลอย หรือปลอ ยไมเ ปน ทกุ ขน ั้นจึงเรือ้ รังสรา งความเจ็บปวดรวดรา วไมรูจ บส้ิน

ธรรมะชาลน ถวย 25 ว.วชริ เมธี (๑๐) ร้ายกว่าเสือ ขึน้ ชอื่ วา “เสอื ” ไมว า จะเปนเสือโครง เสอื เหลอื ง เสือลายพาดกลอน เสอื ดาว เสือสมิง หรือแมแ ต “เสือผหู ญงิ ” ลว นแลวแตก อใหเ กดิ ความกลวั หรือเปนทม่ี าของภาวะ ขนพองสยองเกลาดวยกันไดท้งั น้นั ทง้ั นีไ้ มใชเพราะเสอื เปนสตั วก ินเน้ือเปนอาหารเทา นั้น แตเปนเพราะวาเสือยังเปนสัญลกั ษณข องความตายอีกดวย กลาวกันวา ในปาเขาลําเนาไพรท่ีมีเสืออาศยั อยูนั้น หากเสอื โครง สักตวั หน่งึ คํารามข้ึนมาแมเ พยี งคร้ังเดยี ว ครัง้ เดียวเทา นัน้ ! ปา ทง้ั ปา ก็อาจเงียบกรบิ ลงไดภ ายใน ฉบั พลนั ทนั ที แมแ ตจ กั จ่ันเรไรทเี่ คยสง เสียงเจ้ือยแจว ขบั กลอ มพงไพรใหร นื่ รมยเ สยี งดัง ระเบง็ เซ็งแซทง้ั วนั ทัง้ คนื หากพวกมันเพียงไดย ินเสียงคํารามของพญาเสือโครงเขาเทานัน้ เสียงของพวกมนั ก็มีอนั ตอ งหยดุ ลงดงั ตอ งมนตสะกด สําหรับสงิ สาราสัตวท ัง้ ปวงแลว เสียงของเสอื คือเสยี งคาํ รามทท่ี รง “อํานาจ” อยา งย่ิง กลน่ิ สาบเสือ หมายถึงกล่ินสาบสางของความตาย พรานปาผเู จนจัดชวี ติ ในไพรพง บางคนเลาวา แมแ ตฝงู ชา งนับรอยซึ่งมีรปู รา งใหญโตกวา เสือหลายเทา ที่กําลังลงดมื่ นา้ํ ใน หว ยละหานธารนา้ํ อยา งสาํ ราญนั้น ขอเพยี งพวกมนั ไดยินเสือสักตวั หน่งึ คาํ รามกองข้ึนเพียง ครั้งเดยี ว ไมว าเสยี งน้ันจะดงั มาจากระยะทางใกลห รอื ไกลสกั หารอยเมตรก็ตามที ความ ร่นื รมยของชางทั้งโขลงก็มีอนั ตองยุติลงโดยอตั โนมตั ิ กลนิ่ ของเสือท่ีลอยเออื่ ยไปตามลม นนั้ มีเดชานภุ าพมากพอท่ีจะสะกดเกง กวาง หมปู า ควายปาใหนิ่งตะลงึ งนั อยกู ับทีไ่ ด อยางมปี าฏหิ ารยิ  นกั เขียนสารคดีเรอ่ื งเสอื ในลุม น้าํ อเมซอนเคยกลาววา หากกลิ่นสาบ สางของเสือลอยผสมไปกับลมในหวั รุงหรือยามดึกสงดั ในเวลาเชน นนั้ แมแตใ บไมก ็แทบ จะหยดุ ไหวระริก มนตข องเสือสักตวั หนงึ่ นัน้ อาจสะกดปา ทง้ั ปา ใหเงยี บกรบิ ลงได อยางคาดไมถงึ

ธรรมะชาลนถวย 26 ว.วชิรเมธี มเี สอื อยูทีไ่ หน ก็มบี รรยากาศของความตายอยูทนี่ น่ั เสือคอื มหันตภยั สาํ หรับ ส่งิ มชี วี ิตทกุ ชนิดในปา กลิน่ สาบสางของเสือ คือ ขาวสารแหงความจากพรากอาํ มหิตจาก พญามัจจรุ าชที่สง มาคกุ คามเหยอื่ ผเู คราะหรายลว งหนากอนท่ีพญามัจจุราชจริงๆ จะตามมา ตะปบเหยอ่ื ผนู าสงสารอยา งเหี้ยมหาญภายในเวลาอันรวดเรว็ ย่งิ กวา สายฟาแลบ และไมวา คนจะเกง กาจขนาดไหน ไมวา โลกจะกาวหนาไปเพียงไร จนถึงทุกวันน้ี คนก็ยังกลวั เสือ และเสือกย็ งั คงคกุ คามคนไดอ ยา งไมเปลย่ี นแปลง ในโลกน้ีคนที่ไมก ลวั เสือ จงึ มีอยู ๒ ประเภทเทา นน้ั หนงึ่ คือ ปวงพระอรหันตผปู ลอ ยวางความเยื่อใยในชวี ิตลงไดอยางสนิ้ เชิงแลว, และ สอง คอื คนโงท ไ่ี มรจู ักเสอื วา เปนเสือ ในภาษาคนเรากลาวกนั วา เสือทีน่ ากลวั ทส่ี ุดนน้ั อยูในปาดงดิบ แตในภาษาธรรม ผรู กู ลา วตรงกันวา เสอื ท่นี า กลัวที่สดุ นั้น คือ เสอื กเิ ลสตวั ที่ เดินพลานอยูในใจของเราทุกคนตา งหาก ราวป ๒๕๐๐ หลวงปูสุธรรมและสามเณรคาํ ปนซึง่ เปน ลกู ศิษยใ กลช ิดไดออก จารกิ สัญจรไพรไปยังผืนปา ตะวันออกของภาคเหนือ หลวงปูและสามเณรนอ ยจาริกรอน แรมอยา งพระปาอยเู ปน เวลานานกวา คร่งึ ป มีอยูคนื หนึ่งหลวงปแู ละสามเณรไดเลือกปก กลดที่ชายปาแหง หนึง่ ใกลก ับหมูบา นของชาวเขาเผา มูเซอ ในเวลากลางวันหลวงปู สงั เกตเหน็ วา ผนื ปา ติดกับหมูบานแหงนนั้ ชางอุดมสมบรู ณยิง่ กวา ผืนปา บริเวณอื่นทีเ่ คย จาริกผานมาแลว ทงั้ ส้ิน หลวงปนู กึ ในใจวา อะไรกันหนอที่เปนเหตุใหผนื ปา แหงนีอ้ ุดม สมบูรณเ ปน พเิ ศษ คาํ ถามนี้คงกองอยใู นใจของหลวงปอู ยมู าเปน เวลาหลายวนั แตแลว คนื วนั หนึ่งหลวงปูกไ็ ดร บั คําตอบอนั แจงอยแู กใ จ หวั ค่าํ คนื วันเพ็ญ เดอื น ๕ อากาศรอนแลง ลมพดั เออ่ื ยๆ เหมือนคนข้เี กยี จ ปา ทัง้ ปา เงียบสงดั แสงจนั ทรส วางเรืองจากทอ งฟาสาดโลมแมกไมไ พรพงระยิบพรบิ พราย

ธรรมะชาลนถวย 27 ว.วชิรเมธี เหมือนจิตรกรเอกบรรจงแตง แตมดาวเดอื นลงบนผนื ผา ใบขาวสะอาด ใบไมใ นปาไหวลู พะเยิบพะยาบตามกระแสลมรําเพยเพียงแผวเบา มองเผนิ ๆ ดังหน่ึงสะเก็ดเพชรแพรวพราว อยเู หนือยอดไม ปา ในยามคา่ํ คืนหากมองผานสายตาของนกั พรตผูเ พง บาํ เพญ็ ฌาน ก็ให ความรูส กึ งดงามไดอ ยางไมนา เชือ่ แตแลว จูๆ เสยี งจ้ิงหรดี และแมลงกลางคืนที่ขับขานกัน อยูระเบ็งเซ็งแซกเ็ งยี บลงอยา งผดิ สังเกต ทันใดน้ันเองฆานประสาทของหลวงปกู ป็ ะทะเขา กบั กลน่ิ สาบสางของเจา ปาเขาอยางจังชนิดไมท ันต้งั ตวั “เสือ ! ” หลวงปูอุทานในใจโดยอัตโนมัติ ประสบการณจากการเท่ียวจาริกแสวงวิเวกใน ปามาเปนเวลานานบอกหลวงปูวา เจา ของกล่ินมหาประลัยผูส ะกดทกุ สรรพเสยี งในปาให เงยี บเชียบไดอยางปาฏหิ าริย คงอยไู มไ กลจากกลดของตวั ทา นและสามเณรนอยเปนแน ในนาทวี ิกฤติเชน นนั้ หลวงปูผผู านโลกมากวา ๖๐ ฝนแลว หลับตาพร้ิม สํารวมจติ นิ่ง ดง่ิ ลกึ ไมไ หวติงทางกาย วาจา หากในใจนั้นปรากฏความไหวกระเพอื่ มชา ๆ แผออกไป เปนคลน่ื แหง ไมตรีจิตสูสญุ ญากาศโดยรอบอยา งไรขอบเขต “สพั เพ สตั ตา...สัตวทัง้ หลายทเ่ี ปน เพอื่ นทุกข เกิดแกเจ็บตายดวยกันทั้งหมด ทั้งสิน้ อเวรา โหนตุ จงเปนสุขเปนสุขเถดิ อยาไดมเี วรแกก นั และกันเลย...” ทามกลางกระแสน้ําแหงเมตตา อนั แผช โลมประพรมออกไปเปนวงกวา ง โดยรอบทิศานุทศิ นั้นเอง พญาเสือโครง เจาปาคํารามโฮกๆๆๆ นบั สิบครง้ั แลวเดนิ หางไกล ออกไป ไกลออกไป จนในท่สี ดุ เสียงน้ันกเ็ งียบหายไปทามกลางความสงดั ของปา ในเวลา ไมถ งึ สบิ นาที เม่อื เสียงเจาปาอันตรธานไปแลว นกั ดุรยิ างคป ระจําปาอยา งจิ้งหรีดเรไรกต็ ั้ง วงขบั ขานประสานเสียงขน้ึ ใหมอยางเสนาะสนนั่ ลั่นพงพฤกษเ หมือนกับกอ นหนา นไี้ มมี อะไรยา งกรายมาแถบแถวนนั้ เชาวันรุงข้ึน เม่อื หลวงปพู าสามเณรนอยออกเดนิ ตัดออกจากปา มงุ ตรงไปยัง หมูบานของชาวเขา หลวงปูเอย ถามศษิ ยร กั ขน้ึ วา “เมือ่ คนื หลับสบายดไี หมเณร” “หลบั ปุยเลยครบั หลวงปู” เณรนอยตอบตามความสตั ย

ธรรมะชาลน ถวย 28 ว.วชริ เมธี “เณรไมไดยนิ เสียงสตั วอ ะไรเลยหรือ” หลวงปูถามพรอมกับเดินนาํ ไปขางหนา “ออ ! ไดยนิ เสยี งอะไรก็ไมรูค ํารามโฮกๆๆ แตผ มไมไ ดส นใจ กเ็ ลยหลบั ไป ตงั้ แตตอนน้ันแลว ” “เณร ! เสียงท่ีเณรไดยินเมือ่ คนื นะ เจา นน่ั ละคือ ‘เสอื โครง’ เชียวนะ” “เสือโครง” เสียงเณรนอยอุทานจนบาตรหลุดมอื ตวั ส่นั เหงอื่ แตกพลก่ั หนา ซีด กา วขาแทบไมออก หลวงปหู นั มาเห็นอาการตกใจของสามเณรนอ ย จึงยม้ิ อยางใจดี พลางบอกวา “อยากลัวไปเลยเณร เสอื มันมาแตเมื่อคนื และมนั ก็ไปแลวแตเ มอื่ คนื กลางวัน อยางนไี้ มมีเสือหรอก” คาํ ปลอบโยนของหลวงปสู ุธรรมไรผ ลอยางส้นิ เชงิ เพราะนบั แตเ ชาวนั น้ัน เณรนอยคําปนซงึ่ เคยนอนหลับปยุ แตเมื่อคืนเพราะ “ไมร จู กั เสือวาเปนเสือ” กก็ ลัวเสือจน หวั หดเมอ่ื รูจักเสอื “วา เปนเสอื ” ตามความเปน จริง เชาวนั นัน้ เณรนอยสตสิ มประฤดีขาดสะบ้ัน ยงิ่ มานึกถึงวา เมื่อคืนตัวเองนอน อยูคนเดยี วในกลดทา มกลางพญาเสือใหญท ่วี นเวียนอยูใ กลๆ ยิง่ กลัวขนหวั ลุกหนกั ขน้ึ ไป อกี วนั นน้ั ท้ังวันไมวาหลวงปจู ะปลอบโยนยงั ไง กไ็ มอาจเปลี่ยนใจสามเณรนอ ยใหหาย กลวั เสือไดอ ีก เปน อนั วา เมอ่ื ทําอยางไร ก็ไมอ าจทาํ ใหศษิ ยรักเลิกกลวั เสอื หลวงปจู ึงเลกิ ปก กลดในปา พาเณรนอยเดนิ ทางกลับไปสงวัดในบานอยา งไมมที างเล่ียง หลังผา น ประสบการณคราวนนั้ มานานอกี หลายป วันหนึง่ หลวงปูสรุปเหตุการณค ราวน้นั ใหศ ษิ ยา นศุ ษิ ยรนุ หลงั ฟง วา “คนที่ไมก ลวั เสือนน้ั มอี ยูสองประเภทเทานั้น หนึง่ คือคนทหี่ มดอาลยั ในชวี ิตอยา งพระอรหนั ต และ สอง คอื คนทีไ่ มร จู กั เสือวาเปน เสือตามความเปนจรงิ อยา งสามเณรคาํ ปน ขนาดเราเองแมไมกลัวเสือ เรากย็ งั ตองแผเมตตาใหเสอื ดวยเหมอื นกัน” เสือทกุ ตวั น้ันมคี วามนากลวั อยูแลวในตัวเอง แตคนทีไ่ มรจู ักเสอื วา เปนเสอื นั้น นากลวั ยิ่งกวา นา กลวั เพราะวา ในทีส่ ดุ แลว เขาจะกลายเปน อาหารอันโอชะของเสอื โดยไม

ธรรมะชาลนถวย 29 ว.วชริ เมธี รเู น้อื รตู วั หรอื ไมกอ็ าจเผลอเลยี้ งเสอื รา ยเอาไวในบา นหรอื ในใจ เพยี งเพ่ือใหเสอื น้ันมา ตะปบกนิ ตนเองในภายหลังอยา งนาสมเพช

ธรรมะชาลน ถวย 30 ว.วชริ เมธี (๑๑) ความงามของความว่าง “ความวาง” แตกตา งจาก “ความมี” ความวาง คือ ภาวะปลอดโปรง ไรต วั ตน เปน สุญญากาศ ความมี คือ ภาวะอดั แนน เตม็ ไมมพี ้ืนที่เหลือสําหรบั บรรจุอะไรไดอ ีก แมความวางและความมจี ะแตกตา งกนั แตกอ็ าศัยกนั และกันอยา งชนิดแยกไม ออก เพราะหากปราศจากความวาง ก็เกิดความมีไมไ ด หรือความมจี ะดํารงอยโู ดย ปราศจากความวางก็ไมไ ด แกว ทบี่ รรจุนํ้าไดกเ็ พราะขา งในนนั้ วางเปลา ถนนที่มรี ถวง่ิ ไดก็เพราะพ้ืนผิวถนนน้ันวางเปลา โบสถว ิหาร อาคาร บา นเรอื น ทม่ี คี นอาศยั อยไู ดก ็เพราะมหี องโถงอันวา งเปลา ระหวางสายพิณทก่ี อเกิดเสียงไพเราะ ก็เพราะยังมีชองวางระหวางเสนสาย ในอากาศมคี วามวาง นก ผเี สือ้ แมลง และแมแ ตอากาศยาน จึงโบยบนิ อยาง เสรี “ความวาง” จงึ นบั วา มีคณุ ตอ “ความมี” อยา งสงู ย่ิง และความมกี ็ทาํ ใหคณุ คาของความวางนั้น ถูกขบั เนน ใหโ ดดเดนขึน้ มาไดอยา ง นาอศั จรรย มหากวีคาลิล ยิบราน เคยนพิ นธไววา “เสาของโบสถว ิหารน้ัน ไมไดอยูช ดิ กัน แตเ พราะการอยูหา งกันนนั่ เอง จงึ สามารถรองรบั ตัวโบสถว หิ ารเอาไวไ ด และสายพณิ น้ันก็แยกกนั อยู ทวา เพราะแยกกนั อยูนนั่ เอง จึงกอเกิดสําเนียงอัน ไพเราะเสนาะซงึ้ ตอโสตสมั ผสั ”

ธรรมะชาลนถวย 31 ว.วชริ เมธี คนสองคนที่อยูชดิ ตดิ กันเกนิ ไป จนหา “พ้นื ทีว่ าง” ระหวา งความสัมพนั ธไ มพ บ กจ็ ะกอ ใหเกิดความอดั อัดทรุ นทรุ าย คนรักท่รี ักกนั มากเกนิ ไป จนรักนนั้ กลายเปน ความยึดติดครอบครองอยางคลงั่ ไคลไ หลหลง กย็ อมทําใหอ กี ฝายหน่ึงรูสึกสญู เสยี อิสรภาพ หรอื บางทีรสู กึ เหมอื นตัวเอง เปนเพียงส่ิงของอยางหน่ึงในครอบครองของอีกฝาย ครู ักท่ีอยูห างเหนิ กันเกินไป จนไมอ าจเชอื่ มตอถึงกนั และกนั ไดเลย กก็ อ ใหเ กิด ภาวะเรดิ รางหา งเหิน และอาจเจือจางระหวางความสัมพันธจ นกลายเปน ความชินชาและเลิก รา งจากกันไปอยา งไมใยดี ในการปฏสิ มั พนั ธระหวางคนรัก จําเปน ตอ งมี “ดุลยภาพ” ที่เรียกอกี อยางหน่ึง วา “ความวางระหวางความสมั พนั ธ” เพราะหากไมเ วน ชอ งวางเอาไวเสียเลย ภาวะเผด็จการหัวใจ เผดจ็ การทางความรูสกึ เผดจ็ การเหนอื ชีวิตและทรพั ยสนิ ก็ จะเกิดขึน้ ได มนษุ ยนั้น มีธรรมชาตอิ ยอู ยางหนึ่งคอื ตองการความเปนตัวของตัวเอง ตอ งการ อิสรภาพ ตองการความเบาสบายของจิตใจ และตอ งการความเช่อื ม่นั วาตัวตนของตนยงั คง เปนไทอยเู ต็มเปยม เมือ่ ใดกต็ ามทีร่ ะบบความสัมพันธกอ ใหเ กดิ ความอึดอดั หนักแนน ดงั แผนผา และปวดปราเหมอื นหายใจอยใู ตน าํ้ เมอ่ื น้นั เอง ทรี่ อยรา วแหงความสมั พันธจะเริ่มเผยตัวตนของมนั ออกมา และ หากเรารไู มทนั จากรอยรา ว อาจถกู ขยายกลายเปน รอยปริแยก และแตกเปน เส่ียงๆ ไดใน ที่สดุ ความวาง เปน ธรรมะชน้ั สงู ท่ีเรยี กกันวา “สญุ ญตา” แตเ มื่อนํามาปรบั ใชก บั ชวี ติ คูก็มีประโยชนอ ยางมหาศาล เพราะจากการท่ีคน สองคนเรยี นรูท จ่ี ะเปด พ้ืนท่วี า งใหแ กกันและกันบา งนัน่ เอง ยอมจะกอใหเกิดความรสู กึ เชื่อม่นั ในกันและกันเพมิ่ ขึ้นมาอยางวิเศษ

ธรรมะชาลนถวย 32 ว.วชริ เมธี อยาลมื วา รูปแบบหน่งึ ของความรักกค็ ือ การเคารพตอศักดิ์ศรขี องอีกฝายหน่ึง ดวยบริสทุ ธใ์ิ จ การที่คนรกั กัน ยอมใหใครอกี คนหนึ่งมี “อาณาจักรสวนตวั ” บนวิถแี หง ความสัมพนั ธข องคนสองคนบา งนั้น จึงเปนรูปธรรมอยา งหน่ึงของการแสดงความเคารพ ตอศักดศ์ิ รแี หง ความเปนมนษุ ยของเขาอยางละมนุ ละไม มนษุ ยเ รานน้ั เมอื่ ไดร บั การเคารพ เมือ่ ไดร ับการใหค ณุ คา ก็ยอมจะประทับใจ ความประทับใจน้ัน จะงอกงามเปนความรักที่มาพรอ มกบั ความปลอดโปรง หวั ใจ และ ความแชม ชืน่ เบกิ บานวา ตัวเองเลอื กคนไมผ ิด ความรักทม่ี สี ว นผสมของความปต เิ บิกบาน เพราะตระหนกั รูวา ในความรัก ตน ยังมอี ิสรภาพพอสมควร มโี อกาสทจ่ี ะกลายเปนรักแทท ่ีหนกั แนนดังแผน ผา มากกวาความ รักท่มี งุ แตจะครอบครองอยูเพยี งฝายเดียว ซ่งึ รงั แตจ ะนาํ ไปสคู วามพยายามขดั ขืนและดิ้น รนหาทางสลดั ออกจากความสัมพนั ธ ความวาง ระหวาง คนสองคน มีความจําเปนไมนอ ยไปกวาการทีค่ นสองคน “มี” กนั และกนั ใน “ความมี” หากปราศจาก “ความวา ง” กจ็ ะมีความเหินหา งรออยตู รงปลายทาง แตหากใน “ความมี” มคี วามวางเปนสว นผสม กลับจะมีความม่ันคงเปนกาํ ไร คูร ักท่ีรูจ กั บรหิ ารความวางและความมีอยางลงตวั คอื ครู ักทมี่ ีโอกาสกลายเปน คู แทข องกนั และกันตลอดไป หินกอนหน่งึ มีความภาคภูมใิ จวา ตัวเองมีความหนกั แนน เปน แกน สารอยูภายใน มันรักษาความภมู ิใจน้ีไวเพียงคนเดยี วเงยี บๆ ไมไ ด จึงเท่ียวคุยโวโออ วดคุณสมบัติของ ตัวเองโดยไมกลัวตอสงิ่ ใด เจาหินกลา ววา “ในบรรดาสงิ่ ทมี่ คี วามเขมแขง็ จะมีส่ิงใดแขง็ ย่ิงไปกวาหนิ อยางขา ในบรรดา สิง่ ที่มีแกน สารเปน กลุมกอ น จะมีสิ่งใดที่โดดเดนย่ิงไปกวาขา พระราชวงั ของพระราชาธิ บดีผูย ิ่งใหญนัน้ หากไมมีหนิ อยา งพวกขาแลว จักกอเกดิ ข้นึ มาในโลกนไี้ ดอยางไร”

ธรรมะชาลน ถวย 33 ว.วชริ เมธี เจา หนิ กอ นน้ันพบใครก็ประกาศศักดานุภาพของตนไปท่ัว จนผองเพอื่ นของมัน เองรวมทง้ั สิงสาราสัตวตางๆ กร็ ูสึกหมั่นไสกบั อาการหลงตวั เองของมันมาก อยูมาวนั หน่งึ เจาหนิ กอนนนั้ ไดเ จอกับระฆังเงินซ่ึงขางในกลวงโบวางอยูเหนอื กอนหินใหญอ กี กอ นหน่งึ มันจงึ ออกปากดูถูกระฆังเงินตอ หนาตอตา “เจา นะหรือคอื ระฆงั เงิน ตัวตนของเจา มนี ิดเดยี ว ขา งในรึกก็ ลวงโบ ถูกตไี มกี่ ครงั้ ก็คงราว สูห ินแกรงอยางขากไ็ มไ ด” ขณะที่เจาหินกาํ ลงั แสดงทว งทายโสเตม็ ทีอ่ ยนู ั้นเอง พระกลุม หนึง่ กเ็ ดนิ มาย กระฆังขึ้นแขวนบนหอระฆังซง่ึ ปลูกสรางดว ยหินออ นสงางามทัง้ หลงั เจาระฆังเงนิ ยม้ิ อยาง ออ นนอมถอมตน สว นเจาหนิ กอ นนั้นก็ไดแตม องพลางนึกอยใู นใจวา “เชอะ กแ็ คระฆัง ถกู ตไี มกี่ครั้งก็พังละวา ” นกึ ไดเพียงแคนั้น พลนั กม็ แี ทง เหลก็ กอ นหน่งึ ฟาดเปร้ียงลงตรงใจกลางของหินกอ นนัน้ จนแหลกสลายแตกกระจายเปน เส่ยี ง ๆ ใครคนหนึ่งซึ่งเปนเจาของแทง เหลก็ หนกั หลายกโิ ลกรัมน้นั กลา วข้ึนวา “เอา พอ เณรนอยทงั้ หลาย ชว ยกนั เก็บเศษหนิ กอนนี้ไปถมถนนตรงโนน ใหที รถใหญๆ วงิ่ ผา นมาจะไดไมติดหลม...” เจา หินจอมอหังการซึง่ บัดนีม้ องเห็นตัวเองแตกเปนเสีย่ งๆ ไมม ชี นิ้ ดี ซาํ้ ยังถูก เขาขนมาถมถนนเพือ่ รองรับการวิง่ ผา นของรถบรรทกุ นาํ้ หนักหลายสิบตนั ชว่ั นาตาป นํา้ ตา ไหลอาบแกม มนั ทอดตามองไปยังระฆงั เงนิ ซ่ึงขางในวางเปลา แตล อยเดนอยูบ นหอสูง อยา งสงางามแลว กไ็ ดแ ตพมึ พาํ อยใู นใจเบาๆ “เพราะขางในนนั้ วา งเปลา เสียงของระฆังจึงดงั กังวาลยามถูกตี และคนเขาจึง แขวนระฆงั ไวบนหอสงู สวนขาเพราะขางในแกรงเปนกอ น จงึ ตอ งถูกเขาทุบมาทําถนน ...หากเลอื กได ขอใหข าไดเ กดิ เปน ระฆังกับเขาบางเถิด” คาํ อธษิ ฐานของหนิ กอ นนัน้ คงไมม ีทางสมั ฤทธิผ์ ลอีกแลว เพราะทกุ วนั เมอื่ รถ ว่ิงผา นถนนเสน น้ัน มนั กย็ งิ่ ถกู ฝง ลกึ ลงไปในผวิ ดินมากขึน้ เรื่อยๆ มากเสยี จนกระทงั่ วัน หน่ึงอาจไมมใี ครรจู ักเลยกไ็ ดว า ใตผ วิ ถนนนัน้ มหี ินบางกอนท่เี คยลาํ พองตนถูกฝง อยมู า นานแสนนาน

ธรรมะชาลน ถวย 34 ว.วชริ เมธี (๑๒) เขม็ หมุดของคานธี พระพุทธเจาเคยตรัสวา “โลกหมุนไปเพราะความคิด”1 หมายความวา คนเราคดิ อยางไร ก็จะดาํ เนนิ ชีวิตคลอยไปตามความคดิ ชนิดนน้ั เพราะตระหนกั วา ความคิดคือหางเสือในการดาํ เนนิ ชวี ติ พทุ ธศาสนาจึงเสนอวิธีคิดดีๆ ไว มากมาย หนึ่งในวิธีคิดเหลานน้ั กค็ ือ วธิ คี ิดแบบมองโลกในแงด ี การมองโลกในแงดี หมายถึง การรจู ักมองหาดานที่เปนคุณของส่งิ ตางๆ ซง่ึ ผานเขา มาในชวี ิตของเราใหพ บ แลวรูจักประยกุ ตส ง่ิ ซ่ึงเลวรายหรอื ดเู สมือนวาเลวรายน้ัน ใหเ กิดประโยชนต อ การดาํ เนินชวี ติ ไดเ ปนอยางดี วิธีคดิ แบบน้ีมีปรากฏอยทู ่วั ไปในพระไตรปฎกและในคัมภีรพุทธศาสนา เชน ที่ เปนพุทธภาษติ กม็ อี ยูส องสามบท เปน ตน วา ปญ ญาเปน เคร่ืองวินจิ ัยขอมลู ปญญาเปนเคร่ืองเพิม่ พูนช่อื เสยี ง สาํ หรบั ผมู ปี ญญา แมในเวลามีทกุ ขก ย็ งั คนพบความสุขได หรืออีกบทหน่ึง ควรมองนักปราชญ ผคู อยชีข้ อ บกพรอ ง คอยแนะนาํ พรํ่าสอน วา เปนดุจผูชี้บอกขุมทรัพยให ควรคบบัณฑติ ชนคนเชน นน้ั ไว 1 จติ เฺ ตน นียติ โลโก แปลตามตัวอักษรวา “โลกอันจิตยอ มนําไป” โลก ในที่นหี้ มายถึง ชาวโลก หรือมนุษยนั่นเอง

ธรรมะชาลน ถวย 35 ว.วชริ เมธี เพราะเม่ือคบนักปราชญ มแี ตด ี ไมม เี สื่อม กวนี พิ นธบ ทแรกนัน้ สอนใหร จู กั มองหา “สุข” ใน “ทกุ ข” ซึง่ คนจะทําเชนนี้ได ตองมปี ญญา สว นบททีส่ องสอนใหมองหาแงดขี องคําวพิ ากษว จิ ารณ ในขณะทคี่ นสวน ใหญถ า ถกู ใครวิพากษว ิจารณแทนท่จี ะมองหาแงดีกลับมีแตความโกรธ เกลยี ด แตถา ปฏบิ ตั ิตามวิธคี ดิ แบบมองโลกในแงดี คนวจิ ารณกลับกลายเปน ผมู อี ปุ การคุณตางหาก ดเู หมอื นทานพุทธทาสภิกขเุ คยเขยี นแนะนาํ เกี่ยวกบั วิธีมองโลกในแงดไี วเ ปนกวี นพิ นธไวส องบท ดงั น้ี เขามสี วนเลวบางชางหวั เขา จงเลอื กเอาสวนดีเขามีอยู เปนประโยชนโ ลกบา งยงั นา ดู สว นท่ีชัว่ อยา ไปรขู องเขาเลย จะหาคนมดี ีโดยสว นเดยี ว อยามวั เท่ยี วคน หาสหายเอย เหมือนเทีย่ วหาหนวดเตาตายเปลา เลย ฝกใหเคยมองแตด มี คี ุณจริง คนของโลกอยางเมธีขงจ๊ือ กม็ ีวธิ ีคิดแบบมองโลกในแงดี ครั้งหนง่ึ ทานกลา ว สอนศิษยานุศษิ ยว า

ธรรมะชาลน ถวย 36 ว.วชริ เมธี “หากมคี นสองคนเดินผานมา สาํ หรบั ขา พเจา แลว เขาท้ังสองเปนครูของขาพเจา ไดพอๆ กนั สาํ หรบั คนดี ขาพเจา พยายามจะยดึ เขาเปน แบบอยาง แตสาํ หรบั คนเลว ขา พเจา จะเตอื นตวั เองวา จงอยาเอาอยางเขา” อยาวา แตขงจอ๊ื เลยทน่ี ิยมการมองโลกในแงด ี คนของโลกอยางมหาตมะ คานธี ก็ดาํ เนินชวี ิตโดยยดึ ปรชั ญาการมองโลกในแงด ีเชน เดยี วกนั วารสาร “อินเดยี ศึกษา” กลา วถงึ จริวัตรของมหาตมะ คานธี ในเรื่องการเปน คนมองโลกในแงดไี ววา “...วนั หนึ่งคานธี ไดรับเชญิ ใหไ ปลอนดอน (LONDON) โดยทางเรอื ในเรือลํา นน้ั มชี าวอังกฤษเปนสว นใหญ คานธนี ั่งเขียนหนังสอื อยบู นเรอื อยางสงบเสงีย่ ม หนมุ ชาว อังกฤษคนหนง่ึ เหน็ คานธีมาในเรือลาํ เดียวกับเขานี้แตง ตวั ปอนๆ แทบเปลอื ยกาย เขาคดิ วา ‘แขกคนนีจ้ ะไปองั กฤษทาํ ไม รา งกายดูนาเกลียด รปู รางผอม หัวลาน หนาตา ไมน า มอง’ เขาดูถูกคานธี ชายชาวอังกฤษผูนัน้ กลบั ไปทห่ี องพกั ของเขา และไปเขยี นบน กระดาษมีขอความวา ‘กลบั บา นเถดิ อยา ไปอังกฤษเลย’ เขาเอาเข็มหมดุ ตดิ กระดาษไว แลวบอกใหค านธีอา นดู คานธีก็อานดูและเขาก็ ยืน่ กระดาษนน้ั ใหแ กค านธี และบอกวาใหเ ก็บเอาไวอ าจจะมีประโยชน คานธีก็รบั กระดาษ น้ันไวแ ลว กย็ ิม้ คานธีเก็บเขม็ หมดุ เอาไวแลวขยาํ กระดาษ (เพราะเขม็ หมดุ อาจมปี ระโยชน) ชาวองั กฤษคนนั้นแปลกใจ ทาํ ไมคานธีจงึ ไมโกรธ ไมโ มโห กลบั พูดจาดี พูดจาสํานวน ไพเราะ แสดงถึงความเปน ผูมคี วามรสู งู ชาวอังกฤษคนนน้ั กลับไปคิดและรูสึกเสยี ใจทีต่ นดู ถกู คานธ.ี ..” กลาวกันวามหาตมะ คานธี เปน คนมองโลกในแงดีแมก ระทั่งวาระสุดทาย กลาวคือ ในวนั ท่ีคานธถี กู มือปน จอยิงทสี่ วนหลงั บา นนัน้ เอง กอนส้ินใจ มหาบรุ ุษผู ยิ่งใหญฝากขอ ความถงึ มือปนคนนนั้ ผานคนใกลชดิ วา “อยาโกรธเขา (ฆาตกร) เลย ท่ีเขา ทําลงไปก็เพราะเขาไมรู”

ธรรมะชาลนถวย 37 ว.วชริ เมธี คนมองโลกในแงด ี แมถ กู ยวั่ ใหโกรธก็ยังยมิ้ ได แมถูกบริภาษ ก็เปลี่ยนใหเ ปน คําชมได แมถูกทาํ รายหนักหนาสาหัส กย็ ังมองวา เปนโอกาสในการบําเพ็ญบารมี หรือ แมแ ตใ นนาทที ่คี วรตอบโตด วยความรุนแรงเพราะถูกพิฆาตจากคนผหู ลงผิดก็ยงั มองวาเปน โอกาสในการฝก ใจตนใหสูง คนมองโลกในแงด ี จงึ อยใู นโลกนีอ้ ยา งมกี ําไรเสมอ

ธรรมะชาลนถวย 38 ว.วชริ เมธี (๑๓) ไม้บรรทดั เรียกพี่ ในคุณสมบตั ิของพระอรยิ สงฆทีเ่ รียกวา “สังฆคุณ” นั้น มอี ยูขอ หนง่ึ ระบวุ า “พระสงฆส าวกของพระผมู พี ระภาคเจา นนั้ เปน ผปู ฏิบตั ติ รง...” ปฏบิ ัติตรง กค็ ือ ปฏิบตั ิ ตรงไปตรงมาโดยไมม มี ายา ไมม วี าระซอ นเรน ไมเปนคนกลับกลอก เจา เลห ห รือมารยาสา ไถย ตอ หนา อยา งไร ลบั หลังอยางนน้ั การเปน คนปฏบิ ัตติ รงในทางทฤษฎีน้ัน ดเู หมอื นเปนเรอื่ งงาย แตใ นทางปฏบิ ตั ิ เปนเรอ่ื งยากเหลอื แสน กวา พระรปู หน่งึ จะเปนพระผปู ฏบิ ตั ติ รงจนนากราบนาไหวไดอยาง สนทิ ใจนัน้ บางทีตอ งใชเ วลากวาครง่ึ คอนชวี ติ ในเมืองไทยของเรา พระสงฆท ่ีไดช ื่อวา ปฏบิ ัติดี ปฏบิ ตั ิตรงมากที่สุดรปู หน่งึ คอื ทา นพทุ ธทาสภกิ ขุ ทา นพทุ ธทาสภกิ ขุ สนใจศกึ ษาพุทธศาสนาจากพระไตรปฎ กดวยตนเอง ความรู ทางพุทธศาสนาของทานจงึ เปน ความรจู รงิ รตู รง รูล กึ รกู วา งและรูจบ เมอื่ รแู ลวทานก็ ปฏิบัติตามที่รู จนขอ วตั รปฏิบัตขิ องทา นเปนเอกภาพกับพระธรรมคําสอนในพระไตรปฎ ก พระพทุ ธเจาสอนอยางไร ทานพุทธทาสก็ปฏิบัตอิ ยางนั้น เม่อื ตัวทา นเองสอนอยางไร ในทางปฏิบัติทา นกท็ าํ เชนนนั้ ดวย ทา นพุทธทาสจงึ เปนพระทตี่ รงตอพระธรรมวินัยจน กลายเปนคน “ตงฉิน” หรือเปน มสิ เตอรคลนี (MR CLEAN) คนหน่งึ ของสังคมไทย วากันวา ความเปน คนตรงของทานพุทธทาสน้ัน ทําใหทานไมเ ปนทีร่ กั ของใคร ตอใครหลายคนทม่ี กั แวะเวยี นไปขอใหทานสนองความตอ งการของตนอยางผิดๆ ซึ่งเร่อื ง บางเรอ่ื งน้นั หากเปน พระรปู อนื่ ก็อาจอนุโลมกันไป แตก ับทานพทุ ธทาสแลว หากเห็นวา มคี นมาขอใหท านสอนนอกพระธรรมวินัยอันเปน เรื่องนอกรตี นอกรอยพุทธศาสนาแลว ไม วา จะเปน เร่ืองเล็กเรอ่ื งใหญ ทา นไมเอาดว ยทงั้ น้ัน

ธรรมะชาลนถวย 39 ว.วชริ เมธี เชน คร้ังหนึ่งมีคนไปขอใหทานบอกเลข (ใบห วย) แตท า นพุทธทาสกลบั บอกอกี อยางหนึ่งแทน ทา นบอกอะไร พระธรรมโกศาจารย (ปญญานนั ทะ) นองชายโดยธรรมของ ทานพรรณนาเหตุการณไวดังตอไปนี้ “...เคยมีคนเขา ไปขอหวยจากทา น ไปถึง กราบ ‘หลวงพอ ชว ยผมสกั ทีเถอะ’ ‘ชวยอะไร’ ‘ชว ยใหเ ลขดๆี สักหนอย’ ‘โอ...อยา งนีม้ นั ตอ งถามสมพาล’ ทานวา อยางน้นั ทานใหไ ปถามสมพาล เขาถามวา ‘สมภารอยไู หน’ ‘นนั่ ไง นอนอยใู นตะกรา’ คือสนุ ขั บอกวา ไปไหวซี่ นั่นแหละมนั บอกเลข ไอคนนั้น โกรธหัวฟดหวั เหวย่ี งไปเลยทีเดียว สนุ ขั ตัวนั้นมันชื่อ ‘สมพาล’ ต้งั ชื่อมันวา ‘สมพาล’ นอนอยใู นตะกรา ...” ตามปกติคําวา “สมภาร” หมายถงึ “เจาอาวาส” แตทา นพุทธทาสตง้ั ชือ่ สนุ ัขตวั โปรดของทานเปน การเลยี นเสียงวา “สมพาล” (แปลวา โงบ รม) คนทีไ่ ปขอหวยไดยนิ คาํ วา “สมพาล” กเ็ ลยเขา ใจผิดวาทานบอกใหไ ปขอจากเจา อาวาส ครน้ั รวู า สมพาลคือหมาตัว หน่งึ เขาจงึ โกรธหัวฟด หัวเหวี่ยงและนัน่ คงเปนครั้งแรกและครงั้ เดยี วที่เขาจะไปขอหวยจาก ทา น

๑. รูรอบตวั มากมาย “ความรู้” ทท่ี ่านอาจจะ “ยงั ไม่รู้” ธรรมะชาลนถวย 40 แตไ มรดู ีรูช่วั ๒. รเู วน งเู วน เสอื เวน มีด/ปน แตไ มรเู วน อบายมขุ ว.วชิรเมธี ๓. รูภาษาตา งประเทศ แตไ มรูคณุ คา ภาษาไทย ๔. รูตอบคาํ ถาม แตไมรตู อบแทนคุณแผน ดนิ ก็เส่ือม ก็เสอ่ื ม ๕. รทู ีก่ นิ ทเี่ ทย่ี ว แตไมร ูที่ตํ่าทส่ี งู ก็เส่อื ม ๖. รวู ันเดอื นปเ กดิ แตไมรกู าลเทศะ ก็เสอ่ื ม ๗. รพู ยากรณอ ากาศ แตไมร ูวาชวี ติ มีขนึ้ มลี ง กเ็ ส่ือม ๘. รจู ักรวาลวทิ ยานภากาศ แตไมร ูจักฟาสงู แผนดนิ ตํ่า กเ็ สือ่ ม กเ็ ส่ือม ๙. รจู ักคนมากมายหลายวงการ แตไ มรจู ักตนเอง กเ็ สอ่ื ม ๑๐.รูจ ักบรหิ ารคนบริหารงาน แตไ มรวู ิธบี รหิ ารใจ ก็เสอ่ื ม ๑๑.รูวิธหี าเงนิ มากมาย แตไ มร วู ิธีบรหิ ารเงนิ กเ็ ส่อื ม ๑๒.รจู ักสรางตกึ สงู นับรอยชัน้ แตไมรวู ธิ ฝี ก ใจใหสงู ก็เส่อื ม ๑๓.รคู ุณของเงินทอง แตไมร คู ุณพอ คุณแม กเ็ ส่ือม กเ็ สือ่ ม ๑๔.รจู กั โกรธ แตไ มร จู ักใหอ ภยั ก็เส่ือม ๑๕.รกู ฎกตกิ า แตไมย อมทําตามกฎกติกา ก็เสือ่ ม ๑๖.รูย ืม แตไ มรคู ืน กเ็ ส่อื ม ๑๗.รจู กั การเขา สังคม แตไ มรูจักเขาหาสงั ฆะ กเ็ สื่อม ก็เสือ่ ม ๑๘.รเู รยี นเอาปริญญาสงู ๆ แตไ มรจู กั ยกพฤติกรรมใหสูง ก็เสอ่ื ม ๑๙.รูท่จี ะมลี ูก แตไมรูจกั เลีย้ งลกู ก็เสอ่ื ม ๒๐.รูทจ่ี ะรกั แตไ มรจู ักดูแลคนรกั ก็เสอ่ื ม ๒๑.รูทจี่ ะดู แตไ มรจู กั เหน็ กเ็ สื่อม ๒๒.รทู ่จี ะนับถือ แตไ มร จู ะนับถอื อยางไร ก็เสอื่ ม กเ็ สอื่ ม ๒๓.รูท ่ีจะสวมหวั โขน แตไมรจู กั ถอด ๒๔.รวู า วนั หนงึ่ จะตอ งตาย แตไ มรูว ิธีเตรยี มตวั ตาย [ว.วชิรเมธ]ี [๒๗ กนั ยายน ๒๕๔๙]


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook