ล�ำ ดับบทสวดมนตส์ ่งทา้ ยปี ๒๕๕๕ และรับปีใหม่ ๒๕๕๖ ท่ี หอจดหมายเหตพุ ทุ ธทาส อินทปัญโญ (สวนโมกข์กรุงเทพ) ขา้ พเจา้ ............................................................. ขอปวารณาแสดงอาบัติในทางธรรม คอื โทษทางธรรมช�ำ ระจติ ใจใหส้ ะอาด ระลกึ ถึงองค์พระพทุ ธ พระธรรม และพระสงฆ์ กอ่ นท�ำ วตั รสวดมนต์และขอเจริญในเมตตาอยา่ งไม่มที ่สี ้ินสุดตลอดปีใหม่ ๒๕๕๖ นี้เทอญ
ล�ำ ดบั บทสวดมนต์สง่ ท้ายปี ๒๕๕๕ และรบั ปใี หม่ ๒๕๕๖ ที่ หอจดหมายเหตพุ ุทธทาส อนิ ทปัญโญ (สวนโมกขก์ รุงเทพ) ก่อนเปลี่ยนผ่านขึน้ ปใี หม่เร่มิ บทสวดดังน้ี๑. ค�ำ บชู าพระรตั นตรยั (มใี น บทสวดมนต์ ๙ พระสตู รปฐมโพธกิ าล หนา้ ท่ี ๗)๒. ปุพพภาคนมการ (มีใน บทสวดมนต์ ๙ พระสูตรปฐมโพธกิ าล หน้าที่ ๘)๓. ชยปริตร(มหาการุณิโก นาโถ - ชยันโต) เพือ่ อวยชยั ใหพ้ ร ประสพสุข สวสั ดี๔. กรณยี เมตตสตู ร เพอื่ แผ่เมตตาออกไปอยา่ งไม่มที ่ีสุดไม่มีประมาณ เทวดา อมนษุ ย์รกั ใคร่๕. อาทติ ตปรยิ ายสตู ร เพราะอายตนะเปน็ ของรอ้ นตอ้ งหมน่ั พจิ าณาใหส้ งบ ระงบั (มใี น บทสวดมนต์ ๙ พระสตู รปฐมโพธกิ าล หนา้ ท่ี ๖๑)๖.ทีฆนขสูตร เพราะกายนี้มีความไม่เที่ยงจะได้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท (มใี น บทสวดมนต์ ๙ พระสตู รปฐมโพธิกาล หนา้ ที่ ๗๔)๗. โอวาทปาตโิ มกข์ หลกั การทพ่ี ระพุทธองคว์ างไว้เป็นแนวแก่สาวก (มใี น บทสวดมนต์ ๙ พระสูตรปฐมโพธิกาล หนา้ ท่ี ๘๓) ๒
ชยปริตร๑มะหาการุณโิ ก นาโถ, หติ ายะ สัพพะปาณนิ งั ,ปูเรต๎วา ปาระมี สัพพา, ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง,สมเดจ็ พระโลกนาถเจ้า, ทรงประกอบด้วยพระมหากรุณาธิคุณ,ทรงบ�ำ เพญ็ พระบารมที งั้ ปวงให้เต็มเปี่ยม, เพอื่ ประโยชน์เก้ือกูลแกห่ มสู่ ตั วท์ ง้ั ปวง, ทรงบรรลพุ ระสมั มาสมั โพธญิ าณ อนั อดุ ม(สงู สดุ ),เอเตนะ สัจจะวชั เชนะ, โหตุ เต ชะยะมงั คะลัง.ด้วยการกลา่ วค�ำ สัตยน์ ี,้ ขอชัยมงคล จงมีแก่ท่าน.ชะยนั โต โพธิยา มเู ล, สกั ย๎ านงั นันทวิ ฑั ฒะโน,เอวงั ตะวัง วชิ ะโย โหหิ, ชะยัสสุ ชะยะมงั คะเล,อะปะราชติ ะปลั ลงั เก, สีเส ปะฐะวโิ ปกขะเร,อะภเิ สเก สัพพะพทุ ธานัง, อัคคปั ปัตโต ปะโมทะต.ิขอท่านจงมีชัยชนะ, ในมงคลอนั น�ำ มาซง่ึ ความสุขและความเจริญ,ดจุ สมเดจ็ พระจอมมุน,ี ทรงชนะมาร ที่โคนต้นพระศรีมหาโพธิ์,ทรงถงึ ความเป็นผ้เู ลศิ ในพทุ ธาภิเษกทง้ั ปวง, ทรงเบิกบานพระหฤทยั อยู่, บนอปราชิตบลั ลังก์สูง เปน็ จอมมหาปฐพ,ีทรงเพม่ิ พนู ความยนิ ดี, แก่เหล่าพระประยูรญาติศากยวงศ์ฉะนน้ั แล. ๓
๒ สุนกั ขตั ตัง สุมงั คะลงั , สุปะภาตงั สหุ ฏุ ฐิตัง, สขุ ะโณ สมุ ุหตุ โต จะ, สุยฏิ ฐัง พ๎รหั ม๎ ะจาริสุ, สตั วท์ งั้ หลาย ประพฤติชอบเวลาใด, เวลาน้นั , เปน็ ฤกษด์ ี มงคลดี, สวา่ งดี รุ่งดี, ขณะดี คร่ดู ี, และบูชาดีแล้ว ในบุคคล ผู้ประพฤติพรหมจรรยท์ ้งั หลาย, ปะทักขิณงั กายะกัมมงั , วาจากมั มงั ปะทักขณิ ัง, ปะทักขิณัง มะโนกมั มัง, ปะณิธี เต ปะทกั ขิณา, กายกรรม ปฏบิ ัตโิ ดยเคารพ, วจกี รรม ปฏิบัติโดยเคารพ, มโนกรรม ปฏบิ ตั โิ ดยเคารพ, ความปรารถนาของทา่ น เปน็ ผลส�ำ เรจ็ , ปะทักขณิ านิ กตั ตะวานะ, ละภันตตั เถ ปะทกั ขิเณ. สัตว์ท้งั หลาย กระท�ำ กรรมโดยเคารพแล้ว, ยอ่ มได้ผลประโยชน์ อนั เปน็ มงคล_________________________________________________๑ บท มหาการณุ ิโก ฯเปฯ ชยมงฺคลํ กับบท ชยนโฺ ต ฯ เป ฯ ปโมทติ เป็นคาถาที่ ประพันธแ์ ตง่ ข้นึ ใหม่ เพอื่ ถวายพระพรพระเจ้าแผน่ ดินให้ทรงชนะข้าศึก ถือเปน็ คาถาทีท่ ำ�ให้ประสบชัยชนะ และมคี วามสขุ สวสั ด.ี๒ พระไตรปฎิ กเล่มท่ี ๒๐ พระสตุ ตนั ตปฎิ ก เล่มที่ ๑๒ องั คตุ ตรนกิ าย เอก-ทกุ -ติก นบิ าต สปุ พุ พัณหสูตร (ข้อ ๕๙๕) ๔
กรณียเมตตสูตร เมอ่ื พระพทุ ธเจา้ ประทบั อยทู่ พ่ี ระเชตวนั มหาวหิ าร เขตพระนครสาวตั ถีภกิ ษคุ ณะหนง่ึ เขา้ เฝา้ ขอเรยี นพระกรรมฐาน พอเรยี นจบกท็ ลู ลากลบั ออกไปแสวงหาสถานที่เหมาะสมสำ�หรับปฏิบัติกรรมฐาน เดินทางไปถึงป่าเชิงเขาแหง่ หน่งึ ดูเหมาะดี มลี �ำ ธารน้ำ� มหี ม่บู ้านท่อี าศยั บณิ ฑบาตอย่ไู มไ่ กลนัก จึงตกลงจ�ำ พรรษาอยทู่ ีน่ ่ัน ภิกษุเหล่านั้น เริ่มบำ�เพ็ญสมณธรรม ฝ่ายรุกขเทวดาที่สิงสถิตอยู่ที่ต้นไม้เหล่านั้น เห็นท่านผู้ทรงศีลมานั่งอยู่ใต้รุกขวิมานของตนเช่นนั้น ไม่สามารถจะนง่ิ เฉยได้ ตอ้ งออกจากวิมานอาศยั พ้นื ดิน ได้รับความล�ำ บากมากแรกๆ กพ็ อทนได้ดว้ ยเขา้ ใจวา่ ไมน่ านนกั พระคณุ เจา้ จะกลบั ไปแตพ่ อทราบวา่พระคณุ เจ้าจ�ำ พรรษาณสถานทนี่ ้ี จึงคิดวธิ ขี ับไล่โดยแปลงรา่ งเปน็ ผีหลอกสง่เสยี งโหยหวน และมกี ล่ินเหมน็ ภกิ ษทุ ั้งหลายสะดุ้งกลัวจิตฟุ้งซ่านไม่สามารถปฏิบัตกิ รรมฐานได้ จึงตดั สนิ ใจไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า เมื่อภิกษุคณะนั้นกราบทูลให้ทรงทราบ พระองค์จึงตรัสว่า สถานที่ไหนๆกไ็ ม่เหมาะทรงแนะนำ�ให้กลับไปทเ่ี ดมิ อกี และทรงสอนใหม้ ่ันแผเ่ มตตาความรัก ความปรารถนาดี ออกไปไมม่ ีประมาณ แกห่ ม่สู ตั ว์ท้งั ปวง ตลอดถึงเทวดา ภูตผี ปีศาจ เม่อื ปฏิบตั อิ ย่อู ย่างนี้ จะไม่มีภยั จากเทวดาอกี และจะได้รับการช่วยเหลอื เอน็ ดูจากเหล่าเทวดา กาลตอ่ มา ภกิ ษุเหลา่ น้ันจงึ อาศยัอยู่เปน็ สุข จนไดบ้ รรลพุ ระอรหนั ต์ กรณยี เมตตสตู รน้ี เรียกวา่ “พทุ ธาวธุ ”อาวุธที่พระพทุ ธเจา้ ทรงประทานแก่พระสาวก ๕
กรณียเมตตปรติ ร หรอื กรณียเมตตสูตร [ (นำ�) หนั ทะ มะยงั กรณียะเมตตะสตุ ตะปาฐงั ภะณามะ เส.] ขอเชญิ เราทัง้ หลาย จงสวดพระบาลีวา่ ดว้ ยกรณยี เมตตสูตรเถดิ .๑.กะระณยี ะมตั ถะกสุ ะเลนะ, ยนั ตงั สนั ตงั ปะทงั อะภสิ ะเมจจะ,สักโก อชุ ู จะ สหุ ชุ ู จะ, สวุ ะโจ จัสสะ มุทุ อะนะติมาน,ีบุคคลผู้ฉลาดในส่งิ ทม่ี ีประโยชน์, มุ่งหวังจะบรรลทุ างสงบ คือ พระนพิ พาน, พึงบำ�เพ็ญศีล สมาธิ และปัญญา, เปน็ คนกล้า เป็นคนซ่ือ,เป็นคนตรง ว่างา่ ย, อ่อนโยน ไม่เยอ่ หย่ิง,๒.สนั ตสุ สะโก จะ สภุ ะโร จะ, อปั ปะกจิ โจ จะ สลั ละหกุ ะวตุ ต,ิสนั ตนิ ทร๎ โิ ย จะ นปิ ะโก จะ, อปั ปะคพั โภ กเุ ลสุ อะนะนคุ ทิ โธ,เปน็ ผ้สู นั โดษ เล้ยี งง่าย, มีภารกิจนอ้ ย คล่องตัว, ระมัดระวงั การแสดงออก ร้ตู ัว, ไม่คะนอง ไม่คลกุ คลีในตระกูลท้งั หลาย,๓.นะ จะ ขทุ ทงั สะมาจะเร กญิ จ,ิ เยนะ วญิ ญู ปะเร อปุ ะวะเทยยงุ ,สขุ โิ น วา เขมโิ น โหนต,ุ สพั เพ สตั ตา ภะวนั ตุ สขุ ติ ตั ตา,ไมพ่ งึ ประพฤติสง่ิ ท่ีวิญญชู นตำ�หนติ เิ ตียน, ขอหมสู่ ัตว์ท้งั ปวง, จงมีความสุขกายสบายใจ, มีความเกษมสำ�ราญเถดิ ,๔.เย เกจิ ปาณะภตู ตั ถ,ิ ตะสา วา ถาวะรา วา อะนะวะเสสา,ทฆี า วา เย มะหนั ตา วา, มชั ฌมิ า รสั สะกา อะณกุ ะถลู า, ๖
ขอสัตว์ท้งั หลายบรรดาม,ี จะเปน็ สัตว์ตวั อ่อน หรือตัวแข็งกต็ าม,เปน็ สตั วล์ ำ�ตัวยาว หรือล�ำ ตัวใหญ่ก็ตาม, ล�ำ ตัวปานกลาง หรือตวั สั้นกต็ าม, ตัวเลก็ หรอื ตัวโตก็ตาม,๕.ทฏิ ฐา วา เย จะ อะทฏิ ฐา, เย จะ ทเู ร วะสนั ติ อะวทิ เู ร,ภตู า วา สมั ภะเวสี วา, สพั เพ สตั ตา ภะวนั ตุ สขุ ติ ตั ตา,เปน็ สตั วม์ องเหน็ ได้ หรอื มองไม่เหน็ กต็ าม, ที่อยู่ไกล หรอื อย่ใู กล้ก็ตาม, ทเ่ี กิดแล้ว หรือกำ�ลังหาทเี่ กิดอยู่กต็ าม, ขอหม่สู ัตว์ทง้ั ปวงนน้ั ,จงสขุ กายสบายใจเถิด,๖.นะ ปะโร ปะรงั นกิ พุ เพถะ, นาตมิ ญั เญถะ กตั ถะจิ นงั กญิ จ,ิพย๎ าโรสะนา ปะฏฆี ะสญั ญา, นาญญะมญั ญสั สะ ทกุ ขะมจิ เฉยยะ,บคุ คลไมพ่ งึ หลอกลวงผู้อน่ื , ไมค่ วรดหู มิ่นเหยียดหยามใคร ๆ, ถงึ จะมีความขุน่ เคืองโกรธแค้นกนั , ก็ไมค่ วรมงุ่ รา้ ยตอ่ กันและกัน,๗.มาตา ยะถา นยิ งั ปตุ ตงั , อายสุ า เอกะปตุ ตะมะนรุ กั เข,เอวมั ปิ สพั พะภเู ตส,ุ มานะสมั ภาวะเย อะปะรมิ าณงั ,พึงแผเ่ มตตาจติ ไม่มีประมาณ ในหม่สู ตั วท์ ้ังปวง, ดุจมารดาถนอมและปกป้องบุตรสดุ ที่รักคนเดียว ด้วยชีวติ ฉะน้นั แล,๘.เมตตญั จะ สพั พะโลกสั ม๎ งิ , มานะสมั ภาวะเย อะปะรมิ าณงั ,อทุ ธงั อะโธ จะ ตริ ยิ ญั จะ, อะสมั พาธงั อะเวรงั อะสะปตั ตงั , ๗
พึงแผ่เมตตาจิตไมม่ ีประมาณ, ไมม่ ีขอบเขต ไมค่ ิดผูกเวร ไม่เปน็ ศัตร,ูในหม่สู ตั ว์โลกทั้งปวง ทวั่ ทกุ ทิศ,๙.ตฏิ ฐญั จะรงั นสิ นิ โน วา, สะยาโน วา ยาวะตสั สะ วคิ ะตะมทิ โธ,เอตงั สะตงิ อะธฏิ เฐยยะ, พร๎ หั ม๎ ะเมตงั วหิ ารงั อธิ ะมาห,ุผูเ้ จริญเมตตาจิตน้นั , ยืน เดิน น่ัง หรอื นอน, ตลอดเวลาทีต่ นยงัต่ืนอยู่, พงึ ตงั้ สติอันประกอบดว้ ยเมตตานใ้ี ห้มนั่ คง, ในธรรมวนิ ัยนี,้บัณฑติ ทง้ั หลายกลา่ ววา่ , การอยดู่ ้วยเมตตานี้ เป็นพรหมวหิ าร (การอยู่อย่างประเสรฐิ ),๑๐.ทฏิ ฐญิ จะ อะนปุ ะคมั มะ สลี ะวา, ทสั สะเนนะ สมั ปนั โน,กาเมสุ วเิ นยยะ เคธงั , นะ หิ ชาตุ คพั ภะเสยยงั ปนุ ะเรต-ี ต.ิบคุ คลผู้เจรญิ เมตตาจติ , ละความเห็นผดิ ได้แลว้ , มศี ลี ไดบ้ รรลุโสดาปัตตมิ รรค, กำ�จัดความกำ�หนัดใคร่ในกามไดส้ นิ้ เชงิ , ยอ่ มไม่กลับมาเกดิ อกี เปน็ แน่แทแ้ ล. .... ..... .... .... .... ..... ๘
Search
Read the Text Version
- 1 - 8
Pages: