เรยี นร้เู ศรษฐกจิ พอเพยี ง
ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งเศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาชี้ถึงแนวทางการดำรงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทกุ ระดบั ตง้ั แตร่ ะดบั ครอบครวั ระดบั ชมุ ชน จนถงึ ระดบั รฐั ท้ังในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินไปในทางสายกลางโดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจำเป็นท่ีจะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวท่ีดีพอสมควรต่อการมีผลกระทบใดๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายในท้ังน้ีจะต้องอาศัย ความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างยิ่ง ในการนำวิชาการต่างๆ มาใช้ในการวางแผนและการดำเนินการทุกข้ันตอน และขณะเดียวกันจะต้องเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั นกั ทฤษฎี และนกั ธุรกจิ ในทกุ ระดบั ให้มีสำนึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต และให้มีความรอบรู้ท่ีเหมาะสม ดำเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติ ปัญญาและความรอบคอบ เพอื่ ใหส้ มดลุ และพรอ้ มตอ่ การรองรบั การเปลยี่ นแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวางท้ังด้านวัตถุ สังคม ส่ิงแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี ประมวลและกลน่ั กรองจากพระบรมราโชวาทและพระราชดำรสั เกย่ี วกบั เศรษฐกจิพอเพียง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานในวโรกาสต่างๆ รวมทั้งพระราชดำรัสอ่ืนๆ โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้นำไปเผยแพร่ เพ่ือเป็นแนวทางปฏิบัติของทุกฝ่ายและประชาชนโดยทั่วไปเมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจกิ ายน ๒๕๔๒
ความนำ ด้วยพระปรีชาสามารถและพระวิสัยทัศน์อันกว้างไกลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราชดำรัสช้ีแนะปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง เปน็ แนวทางการดำเนนิ ชวี ติ และวถิ ปี ฏบิ ตั แิ กพ่ สกนกิ รชาวไทยมาโดยตลอดนานกวา่ ๓๐ ปี และไดท้ รงเนน้ ยำ้ แนวทางการพฒั นาที่ตั้งอยู่บนพ้ืนฐานของทางสายกลางและความไม่ประมาท โดยคำนึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสรา้ งภมู ิคุม้ กนั ในตวั ทีด่ ี ตลอดจนใช้คุณธรรม ความรู้ และดำเนินชีวิตด้วยความเพียร เพ่ือป้องกันเรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
ใหร้ อดพน้ จากวกิ ฤต และสามารถดำรงอย่ไู ดอ้ ยา่ งมน่ั คงและยง่ั ยนื ภายใต้กระแสโลกาภวิ ตั นแ์ ละการเปลย่ี นแปลงตา่ งๆ สำนกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาต ิ (สศช.)ในฐานะหนว่ ยงานหลกั ในการวางแผนของประเทศตระหนกั ถงึ ความสำคญัของแนวคิดดังกล่าว จึงได้เชิญผ้ทู รงคุณวุฒิจากสาขาต่างๆ มาร่วมกันพิจารณากล่นั กรองพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสท่ีเก่ียวข้องกับเศรษฐกิจพอเพียง สรุปออกมาเป็นนิยามความหมาย “ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง” และนำความกราบบังคมทูลฯ ขอพระราชทานพระบรมราชวนิ จิ ฉยั ซง่ึ พระองค์ไดท้ รงพระกรณุ าปรบั ปรงุ แก้ไขพระราชทานและทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มพระราชทานพระบรมราชานญุ าตให้ สศช. นำไปเผยแพร่ เพอ่ื เปน็ แนวทางปฏบิ ตั ขิ องทกุ ฝา่ ยและประชาชนทว่ั ไป ตอ่ มา สศช. ไดอ้ ญั เชญิ “ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง” มาเปน็ปรัชญานำทางในการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบบั ท่ี ๙ (พ.ศ. ๒๕๔๕-๒๕๔๙) และฉบบั ท่ี ๑๐ (พ.ศ. ๒๕๕๐-๒๕๕๔)รวมทง้ั ไดเ้ สรมิ สรา้ งความเขา้ ใจไปยงั ภาคสว่ นตา่ งๆ เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจเหน็ คณุ ค่า และนอ้ มนำไปประยุกต์ใช้ในวิถีชีวิตต่อไป เรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรง ยดึ หลกั การทรงงานในลกั ษณะเนน้ การพฒั นา “คน” ด้วยปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยไม่ทรงเลือกว่าเขาเหล่าน้ันเป็นใคร จึ ง มิ ไ ด้ มี แ ต่ เ พี ย ง ป ว ง ช น ช า ว ไ ท ย เ ท่ า น้ัน ที่ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอันหาท่ีเปรียบมิ ได้ แต่ยังเป็นท่ีประจักษ์แก่นานาประเทศท่ัวโลกต่างยกย่องสรรเสริญพระเกียรติคุณและได้น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายรางวลั เกยี รตคิ ณุ มากมาย เมอ่ื วนั ท่ี ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๔๙ นายโคฟี อนั นนั เลขาธกิ ารองคก์ ารสหประชาชาติ ไดข้ อพระราชทานวโรกาสเขา้ เฝา้ และทลู เกลา้ ทลู กระหมอ่ มถวายเหรยี ญ “Lifetime Achievement Award on Human Development”ซง่ึ เปน็ รางวลั ความสำเรจ็ สงู สดุ ดา้ นการพฒั นามนษุ ย์ และกราบบงั คมทลู วา่ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้เป็นประโยชน์เฉพาะกับประเทศไทยแตเ่ ป็นประโยชนก์ บั ทกุ ประเทศท่ีต้องการสร้างความเขม้ แขง็ อย่างยง่ั ยนืเรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
นอกจากน้ี สำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย (UNDP)ได้จัดทำรายงานการพัฒนาคนของประเทศไทยปี ๒๕๕๐ เรอ่ื ง “เศรษฐกจิ พอเพยี งกบั การพฒั นาคน”และเผยแพร่ไปท่ัวโลก เพ่ือเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสมหามงคลสมยั ทรงครองสริ ิราชสมบตั ิครบ ๖๐ ปี ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงจึงเป็นแนวทางปฏิบัติเพื่อให้ชีวิตดำเนินไปในทางสายกลางท่ีเหมาะสมสอดคล้องกับวิถีความเป็นอยู่อันเรียบง่ายของคนไทย ซ่ึงสามารถนำมาประยกุ ต์ใช้ใหเ้ หมาะสมกบั ประชาชนทุกระดับ สศช. จึงได้น้อมนำหลักปรัชญาฯ และอัญเชิญพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสในวาระโอกาสตา่ งๆ มาจัดพิมพ์ในสมดุ บนั ทกึ “เรยี นรู้เศรษฐกจิ พอเพยี ง”เผยแพร่ เพ่ือช่วยเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ และเรียนรู้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตลอดจนเพื่อให้ทุกภาคส่วนได้เห็นคุณค่าและยึดถือเป็นแนวปฏิบัติ ให้สามารถพ่ึงตนเองได้อย่างเข้มแข็งพัฒนาไปสู่“สังคมอยู่เยน็ เป็นสุขรว่ มกัน” อยา่ งมน่ั คงและยง่ั ยนื ตอ่ ไป สำนกั งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาติ ธันวาคม ๒๕๕๒ เรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
“ ปรัชญอาขงอคง์ปเรศะรกษอฐบกขจิ อพงอเพยี ง ” พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทอดพระเนตรเหน็ ความเสย่ี งของเศรษฐกจิ สงั คมไทยทพ่ี ง่ึ พงิ ปจั จยั ภายนอกสงู ภายใตก้ ระแสโลกาภวิ ตั นแ์ ละการเปลย่ี นแปลงตา่ งๆ อยา่ งรวดเรว็ จงึ ทรงเตอื นใหพ้ สกนกิ รตระหนกั ถงึความสำคญั ของปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ซง่ึ นำสกู่ ารพฒั นาทย่ี ง่ั ยนืและทรงเนน้ ยำ้ วา่ การพฒั นาตอ้ งเรม่ิ จากการ “พง่ึ ตนเอง” สรา้ งพื้นฐานใหพ้ อมี พอกิน พอใช้ ด้วยวธิ กี ารประหยัดและถกู ต้องตามหลักวชิ าการให้ไดก้ อ่ น โดยตอ้ งรจู้ กั ประมาณตนและดำเนนิ การดว้ ยความรอบรู้ รอบคอบระมดั ระวงั และ “ทำตามลำดบั ขน้ั ตอน” สกู่ าร “รว่ มมอื ชว่ ยเหลอื ซง่ึ กนัและกนั ” เมอ่ื พฒั นาตนเองและชมุ ชนใหเ้ ขม้ แขง็ แลว้ จะได้ “พฒั นาเครอื ขา่ ยเชอ่ื มสสู่ งั คมภายนอกอยา่ งเขม้ แขง็ มน่ั คง และยง่ั ยนื ” ตอ่ ไปเรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทาน ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงให้เป็นแนวทางการดำเนินชีวิตและวิถีปฏิบัตินำสู่ความสมดุลอันส่งผลให้มีความสุขอย่างย่ังยืนโดยมีองค์ประกอบสำคัญ ดังนี่้ • ความพอประมาณ หมายถงึ ความพอดตี อ่ ความจำเปน็ และเหมาะสมกบั ฐานะของตนเอง สงั คม สง่ิ แวดลอ้ ม รวมทง้ั วฒั นธรรมในแตล่ ะทอ้ งถน่ิไม่มากเกนิ ไป ไมน่ อ้ ยเกินไป และตอ้ งไมเ่ บยี ดเบยี นตนเองและผอู้ นื่ • ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจดำเนินการอย่างมีเหตุผลตามหลกั วชิ าการ หลกั กฎหมาย หลกั คณุ ธรรมและวฒั นธรรมทดี่ งี าม โดยคำนงึ ถงึ ปจั จยั ทเ่ี กยี่ วขอ้ งอยา่ งถว้ นถ่ี “รจู้ ดุ ออ่ น จดุ แขง็ โอกาส อปุ สรรค”และคาดการณ์ผลที่จะเกิดข้ึนอย่างรอบคอบ “รู้เขา รู้เรา รู้จักเลือกนำสง่ิ ทดี่ แี ละเหมาะสมมาประยุกต์ใช้” • การมีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจ สงั คม สิง่ แวดลอ้ ม และวัฒนธรรมจากท้ังในและต่างประเทศ เพื่อให้สามารถบริหารความเส่ียงปรบั ตวั และรบั มือไดอ้ ยา่ งทนั ท่วงที เรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
การปฏิบัติเพื่อให้เกิด ความพอเพียงน้ัน จะต้อง เสรมิ สรา้ งใหค้ นในชาตมิ พี น้ื ฐาน จติ ใจในการปฏบิ ตั ติ น ดังนี้ • มีคุณธรรม ท้ังนี้ บุคคล ครอบครัว องค์กร และชุมชนที่จะนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ ต้องนำระบบคุณธรรมและความซื่อสัตย์สุจริตมาประพฤติปฏิบัติก่อน โดยเร่ิมจากการอบรมเลี้ยงดูในครอบครัว การศึกษาอบรมในโรงเรียน การสั่งสอนศลี ธรรมจากศาสนา ตลอดจนการฝกึ จติ ข่มใจของตนเอง • ใช้หลักวิชา-ความรู้ โดยนำหลักวิชาและความรู้เทคโนโลยีท่ีเหมาะสมมาใช้ ท้ังในข้ันการวางแผนและปฏิบัติ ด้วยความรอบร ู้ รอบคอบ และระมดั ระวงั อยา่ งยง่ิ • ดำเนนิ ชวี ิตดว้ ยความเพยี ร ความอดทน มีสติ ปัญญา และความรอบคอบเรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
กา“รปนรชอ้ั ญมนาขำอ..ง.เศรษฐกจิ พอเพยี ง” สกู่ ารปฏบิ ตั ิ ทุกคนสามารถน้อมนำหลักปรัชญาฯ มาเป็นหลักปฏิบัติในการดำเนินชีวิตได้ โดยต้อง “ระเบิดจากข้างใน” คือการเกิดจิตสำนึกมคี วามศรัทธา เชือ่ มน่ั เหน็ คุณคา่ และนำไปปฏบิ ัติด้วยตนเอง แลว้ จงึขยายไปสคู่ รอบครวั ชุมชน องค์กร สังคม และประเทศชาตติ อ่ ไปความพอเพยี งระดบั บคุ คลและครอบครัว แนวทางปฏิบัติ โดยเริ่มจากตัวเองก่อน ด้วยการฝึกจิตข่มใจตนเอง และอบรมเลี้ยงดูคนในครอบครัวให้มีคุณธรรม กินอยู่ตามอตั ภาพ พ่ึงพาตนเองอยา่ งเตม็ ความสามารถ ไมท่ ำอะไรเกินตัว ไมล่ งทุนเกินขนาด ดำเนินชีวิตโดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อ่ืน ใฝ่รู้ ใฝ่ศึกษาและมกี ารพฒั นาตนเองอยา่ งตอ่ เนอื่ ง เพอื่ ความมนั่ คงในอนาคต และเปน็ท่ีพง่ึ ให้ผอู้ ่ืนได้ในทสี่ ดุ เชน่ การหาปจั จยั สี่มาเลยี้ งตนเองและครอบครวั เรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
จากการประกอบสัมมาชีพ การจัดทำ บัญชีรายรับรายจ่าย ประหยัด แต่ไม่ใช่ ตระหน่ี ลด ละ เลกิ อบายมขุ รจู้ กั คณุ คา่ ร้จู ักใช้ ร้จู ักออมเงิน และส่งิ ของเคร่อื งใช้ ดแู ลรกั ษาสขุ ภาพใหแ้ ขง็ แรง มกี ารแบง่ ปนัภายในครอบครวั ชมุ ชน และสงั คมรอบขา้ ง รวมถงึ การรกั ษาวฒั นธรรมประเพณี และการอยู่ร่วมกับทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมได้อย่างเหมาะสม รวมท้ังบริหารความเส่ียงด้วยการสร้างภูมิคุ้มกันดา้ นวตั ถุ สงั คม สง่ิ แวดลอ้ ม และวฒั นธรรม ตวั อยา่ งความพอเพยี ง เชน่ ถา้ มกี ระเปา๋ ถอื อยู่ ๔ ใบ แตอ่ ยากซอ้ืใบท่ี ๕ ต้องคำนึงถึงหลักสำคัญในองค์ประกอบของปรัชญาฯ คือพอประมาณ มเี หตผุ ล และภมู คิ มุ้ กนั หากซอ้ื แลว้ ตอ้ งพจิ ารณาวา่ มเี งนิ พอใช้ถงึ สน้ิ เดอื นหรอื ไม่ หากไมพ่ อแสดงวา่ ภมู คิ มุ้ กนั บกพรอ่ ง จงึ ไมค่ วรซอ้ื กระเปา๋แตห่ ากมเี งนิ เดอื นมากพอ ไมเ่ ดอื ดรอ้ น และจำเปน็ ตอ้ งใช ้ กส็ ามารถซอ้ื ได้แต่ราคาต้องเหมาะสมด้วย หรอื หากครอบครัวมปี ัญหาเร่อื งเป็นหนี้ ต้องไปดูเหตุปัจจัยของการเป็นหนี้ ทั้งที่ควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ โดยลงบญั ชีแบ่งประเภทรายรับรายจ่าย หากรายจ่ายใดสามารถควบคุมได้และเปน็ รายจา่ ยที่ไม่จำเปน็ ก็ใหล้ ดหรือยกเลิกไป เชน่ โทรศัพทม์ อื ถอื รนุ่ ใหม่หรือส่งิ ของที่เปน็ อบายมขุ ท้ังปวงเรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
ความพอเพียงในสถานศึกษา แนวทางปฏบิ ตั ิ เร่ิมจาก ครู และผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา เล็งเห็นความสำคญั และนอ้ มนำปรชั ญาฯ มาปฏบิ ตั ิใหเ้ ปน็ ตวั อยา่ ง เปน็ แมพ่ มิ พ/์พ่อพิมพ์ท่ดี ีท้งั ในด้านการดำเนินชีวิตโดยยึดหลักคุณธรรม อาทิ ขยันอดทน ไม่ย่งุ เก่ยี วกับการพนันและอบายมุข ไม่ฟุ้งเฟ้อ ฯลฯ และพฒั นาระบบการเรยี นการสอนตามหลกั ปรชั ญาฯ อาทิ ตง้ั ใจสอน หมน่ั หาความรู้เพ่ิมเติม เปิดโอกาสให้เด็กแสดงความคิดเห็น เพ่อื แลกเปล่ยี นเรยี นรรู้ ะหวา่ งครกู บั นกั เรยี น กระตนุ้ ใหเ้ ด็กรักการเรียน คิดเป็น ทำเป็นและปลูกฝังคุณธรรมเพื่อเป็นการสร้างคนดี คนเก่ง ให้แก่สังคม สำหรบั นกั เรยี น นกั ศกึ ษา ตอ้ งรจู้ กั แบง่ เวลาเรยี น เลน่ และดำเนนิชวี ติ อยา่ งเหมาะสมและพอประมาณกบั ตนเอง ใฝ่หาความรู้ ใช้หลกั วิชาและความรจู้ รงิ ในการตดั สนิ ใจลงมอื ทำสง่ิ ตา่ งๆ คบเพอ่ื นเปน็ กลั ยาณมติ รรู้ รัก สามคั คี ขยันหมน่ั เพยี ร ซื่อสตั ย์ แบง่ ปัน กตัญญู รู้จกั ใชจ้ ่ายเงนิอย่างมีเหตุผลและรอบคอบ รวมท้ังสร้างภูมิคุ้มกันทางศีลธรรมให้แก่ตนเอง อาทิ ไมล่ กั ขโมย ไมพ่ ูดปด ไม่สูบบุหร่ี และไมด่ ม่ื สุรา เรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
ตวั อยา่ งความพอเพยี ง เชน่ ครู ตอ้ งเปน็ ตน้ แบบทด่ี ีใหเ้ ดก็ เหน็ และนำไปเป็นแบบอย่างในการ ดำเนินชีวิต ด้านการบริหารและ การเรียนการสอนของโรงเรียนควรปรับให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของแต่ละแห่ง โรงเรียนในเมืองก็ปรับให้เขา้ กบั วิถชี วี ติ ของคนในเมือง โรงเรยี นในชนบทกป็ รับใหเ้ ขา้ กับวถิ ีชีวติในชนบท สอนให้นักเรียน นักศึกษา รู้ รัก สามัคคี เรียนรู้เรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รู้จักการทำงานการปลกู ผกั สวนครวั การใชป้ ระโยชนจ์ ากวตั ถดุ บิ ทมี่ อี ยู่ในทอ้ งถน่ิ มาแปรรปูเป็นสินค้า/งานหัตถกรรม มีการฝากเงินในธนาคารออมทรัพย์ของโรงเรยี น จดั กิจกรรมลด ละ เลิก อบายมุข ช่วยเหลือผู้ดอ้ ยโอกาส สำหรับนกั เรียน นกั ศึกษา ต้องมวี นิ ัย เป็นเด็กดี มคี วามกตญั ญูตง้ั ใจเรียน และใชเ้ งนิ อย่างประหยดั ร้จู กั อดออม โดยใช้หลกั รายได้ลบเงนิ ออมเทา่ กบั รายจา่ ย ขยนั หมน่ั เพยี ร เรยี นรู้ พฒั นา โดยใชส้ ติ ปญั ญาอยา่ งรอบคอบ เป็นต้นเรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
ความพอเพยี งในชุมชน แนวทางปฏิบัติ คนในชุมชนมีการรวมกลุ่มกันทำประโยชน์เพ่ือส่วนรวม ช่วยเหลือเก้ือกูลกันภายในชมุ ชนบนหลักของความรู้ รกั สามคั คีสร้างเป็นเครือข่ายเชื่อมโยงกันในชุมชนและนอกชุมชน ทั้งด้านเศรษฐกิจสังคมทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม เช่น การรวมกลุ่มอาชีพ กลุ่มออมทรัพย์หรือองค์กรการเงินชุมชน สวัสดิการชุมชน การช่วยดูแลรักษาความสงบ ความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย รวมท้ังการใช้ภูมิปัญญาท้องถ่ินและทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ มในชมุ ชนมาสรา้ งประโยชนส์ ขุ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ตวั อยา่ งความพอเพยี ง คนในชมุ ชนร่วมกนั ศกึ ษาข้อมูลในชุมชนเพอ่ื ให้ร้จู ักตัวเอง ชมุ ชน ทรัพยากรในชมุ ชน โลกภายนอก และรู้สาเหตุปัญหา ท่มี าของผลกระทบตา่ งๆ แลว้ รว่ มกนั หาวิธแี ก้ปญั หาและวางแผนป้องกันปัญหาที่คาดว่าจะเกิดข้ึนในอนาคต รวมถึงพัฒนาสิ่งดีๆ ท่ีมีอยู่ เรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
เช่น ภูมิปัญญาท้องถ่ิน และทรัพยากรธรรมชาติ แล้วนำมาต่อยอดเพ่ือสร้างความเปล่ียนแปลงในชุมชนในทางท่ีดีข้ึน ขณะเดียวกันตอ้ งเสรมิ สรา้ งพื้นฐานจิตใจของคนในชุมชนให้มีความ “รู้ รัก สามัคคี”มีความรอบรู้ท่ีเหมาะสม ดำเนินชีวิตด้วยความอดทน รอบคอบมีความเพียร มีสติปัญญา และท่สี ำคัญคือมีความสุขบนความพอเพียงไม่ฟุ่มเฟือย ไม่โลภ ไม่ติดการพนัน ไม่เป็นหนี้ ไม่ล่มุ หลงอบายมุขดังตัวอย่างท่เี กิดข้นึ ในช่วงเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ชุมชนท่ีไม่ปฏิบัติเช่นนี้ก็ไปไม่รอด ตรงขา้ มกบั ชมุ ชนทปี่ ฏิบัตติ ามปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงก็สามารถคงความเข้มแข็งและยืนอยู่ไดด้ ้วยตนเองเรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
ความพอเพียงในภาคธรุ กิจเอกชน แนวทางปฏบิ ตั ิ เริม่ จากความม่งุ ม่ันในการดำเนนิ ธุรกจิ ทหี่ วังผลประโยชน์หรือกำไรในระยะยาวมากกว่าระยะส้ัน แสวงหาผลตอบแทนบนพื้นฐานของการแบ่งปัน มุ่งให้ทุกฝ่ายท่ีเก่ียวข้องได้รับประโยชน์อยา่ งเหมาะสมและเปน็ ธรรม ทงั้ ลกู คา้ คคู่ า้ ผถู้ อื หนุ้ และพนกั งาน ดา้ นการขยายธุรกิจต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ค้ากำไรเกินควร ไม่ลงทุนเกินขนาด ไม่กู้จนเกนิ ตวั รวมทัง้ ต้องมีความรแู้ ละเขา้ ใจธุรกจิ ของตนเองรจู้ กั ลกู คา้ ศกึ ษาคแู่ ขง่ และเรยี นรกู้ ารตลาดอยา่ งถอ่ งแท้ ผลติ ในสง่ิ ทถี่ นดัและทำตามกำลัง สร้างเอกลักษณ์ท่ีแตกต่างและพัฒนาคุณภาพผลติ ภณั ฑอ์ ยา่ งตอ่ เนอื่ ง มกี ารเตรยี มความพรอ้ มตอ่ การเปลย่ี นแปลงทอ่ี าจเกิดข้ึน มีความซื่อสัตย์ รับผิดชอบต่อสังคมและป้องกันผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อม ที่สำคัญต้องสร้างเสริมความรู้และจัดสวัสดิการให้แก่พนกั งานอย่างเหมาะสม ตวั อยา่ งความพอเพยี ง เช่น นักธุรกิจท่ีกำลังริเริ่มโครงการใหม่นอกจากตอ้ งมคี วามรอบรทู้ เ่ี หมาะสมทจ่ี ะศกึ ษาดตู น้ ทนุ ของตวั เองพรอ้ มกบั เรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
ศึ ก ษ า ต ล า ด แ ล ะ คู่ แ ข่ ง ขั น แ ล้ ว ต้ อ ง ส ร้ า ง ฐ า น ข อ ง ธุ ร กิ จ ใ ห้ ม่ันคงด้วย ในช่วงแรกๆ ต้องเร่ิม แบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่โลภมาก ต้องอดทน มีความเพียร มีสติ ปัญญา เป็นต้น และเม่ือประสบ ค ว า ม ส ำ เ ร็ จ ใ น ร ะ ดั บ ห นึ่ ง แ ล้ วจึงค่อยๆ ขยายกิจการต่อไป แต่ต้องมีความรอบคอบ ระมัดระวังในการลงทนุ ไมเ่ ลง็ ผลเลศิ จนเกนิ ไป โดยใชเ้ งนิ ทเ่ี กบ็ ออมไว้ มาขยายกจิ การหรือก้เู งนิ มาก็ไดแ้ ตต่ อ้ งประเมนิ แล้วว่าสามารถใชค้ ืนได้ นอกจากดูแลผู้ถือหุ้น และคืนทุนให้ลูกค้าแล้ว ต้องพัฒนาบุคลากรในองค์กรให้เป็นผู้มีความรู้ ให้ผลประโยชน์ตอบแทนและสวัสดิการแก่พนักงานอย่างเป็นธรรม รวมถึงช่วยเหลือสังคมตามโอกาสที่เหมาะสม เช่น การบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติต่างๆการบริจาคเงินให้แก่องค์กรสาธารณกุศล เพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสหรือการให้พนักงานร่วมเป็นอาสาสมัครออกไปช่วยเหลือสังคม เพ่ือเชอ่ื มโยงธุรกจิ เข้ากบั สงั คมได้อย่างแท้จริงและยง่ั ยืนเรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
ความพอเพียงในองค์กรภาครัฐ แนวทางปฏิบัติ ยึดม่นั ในจรรยาบรรณข้าราชการท่ดี ี โดยระดับองคก์ รหรอื ผบู้ รหิ าร บรหิ ารงานอยา่ งมธี รรมาภบิ าล โปรง่ ใส มคี ณุ ธรรมประหยดั คมุ้ คา่ มกี ารบรหิ ารความเสย่ี ง ไมท่ ำโครงการทเ่ี กนิ ตวั ปรบั ขนาดองคก์ รใหเ้ หมาะสม และจดั กำลงั คนตามสมรรถนะ ความรู้ ความสามารถถา่ ยทอดความรู้ในการปฏบิ ตั งิ าน มกี ารพฒั นาทมี งาน และสรา้ งผสู้ บื ทอดทด่ี ี เกง่ ยดึ ประโยชนส์ ขุ ของสว่ นรวมเปน็ ทต่ี ง้ั ระดับเจ้าหน้าท่ี ควรปรับวิถีและใช้ชีวิตแบบพอเพียง รู้จักพอประมาณและมเี หตผุ ล ซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ ปฏบิ ตั หิ นา้ ทดี่ ว้ ยความรบั ผดิ ชอบรอบรู้ รอบคอบ ระมัดระวัง ใช้จ่ายอย่างคุ้มค่า เหมาะสมกับรายได้พฒั นาตนเองและความรอู้ ยเู่ สมอ หลกี เลยี่ งอบายมขุ รกั ษาวฒั นธรรมไทยยดึ ประโยชนส์ ขุ ของสว่ นรวม รู้ รกั สามคั คี แบง่ ปนั ใหบ้ รกิ ารและชว่ ยเหลอืประชาชนด้วยน้ำใจไมตรี อยา่ งรวดเร็ว เสมอภาค และสมั ฤทธผิ์ ล เรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
ตั ว อ ย่ า ง ค ว า ม พ อ เ พี ย ง ใ น ร ะ ดั บ อ ง ค์ ก ร ห รื อ ผ้บู ริหาร สร้างวัฒนธรรม องค์กรตามหลักปรัชญาฯ ใ ห้ เ ป็ น แ น ว ท า ง ป ฏิ บั ติ เน้นการสร้างปัญญาให้คน ในองค์กรเพราะว่าคนเป็นทรัพยากรท่ีมีค่าท่ีสุดขององค์กร การดำเนินงานคำนึงถึงประโยชน์สุขของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ บริหารจัดการการใช้งบประมาณอย่างโปร่งใส ประหยัด มีประสิทธิภาพ ใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหารงาน เงิน และคน ระดับเจ้าหน้าที่ ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการดำเนินชีวิต ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่เข้าใกล้อบายมุข ใช้สมรรถนะ ความรู้ความสามารถ ในการปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ เอาใจใส่ให้บริการประชาชนอย่างรวดเร็วสัมฤทธิ์ผล เสมอภาค ย้ิมแย้มแจ่มใสไม่รับสินบน ใช้ทรัพยากรของหน่วยงานอย่างประหยัด คุ้มค่า เช่นการใช้กระดาษรีไซเคิล และการประหยัดพลังงาน เป็นต้นเรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
ความพอเพยี งระดับประเทศ แนวทางปฏบิ ตั ิ เนน้ การบริหารจดั การประเทศ โดยเร่ิมจากการวางรากฐานให้ประชาชนส่วนใหญ่อยู่อย่างพอมีพอกิน และพึ่งตนเองได้มคี วามรแู้ ละคณุ ธรรมในการดำเนนิ ชวี ติ มกี ารรวมกลมุ่ ของชมุ ชนหลายๆแห่งเพื่อแลกเปล่ียนความรู้ สืบทอดภูมิปัญญา และร่วมกันพัฒนาตามแนวทางเศรษฐกจิ พอเพยี งอยา่ งรู้ รกั สามคั คี เสรมิ สรา้ งเครอื ขา่ ยเชอ่ื มโยงระหว่างชุมชนให้เกิดความพอเพียง นำสู่ “สงั คมอยเู่ ยน็ เปน็ สขุ รว่ มกนั ”อย่างเขม้ แขง็ ม่นั คง และย่ังยนื สืบไป ตวั อยา่ งความพอเพยี ง เชน่ การกำหนดนโยบายพฒั นาประเทศและการเปดิ เสรคี วรกระทำอยา่ งเปน็ ขน้ั เปน็ ตอน โดยเนน้ การเพม่ิ ภมู คิ มุ้ กนัและเสริมสร้างทุนมนุษย์ ทุนเศรษฐกิจ ทุนสังคม ทุนวัฒนธรรมทุนทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ ม ปลูกฝังคณุ ธรรม ความสามัคคีความรู้ ความเพียร ความอดทน เกื้อกูล แบ่งปัน ความซื่อสัตย์และความกตัญญูให้กว้างขวาง การดำเนินนโยบายการเงินการคลังและการดำเนินโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐท่ีก่อให้เกิดผลกระทบต่อความเป็นอย่ขู องประชาชน ต้องดำเนินการอย่างรอบรู้ รอบคอบ ระมัดระวัง เรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
คำนึงถึงความพอประมาณ คุ้มค่า มีเหตุผล โปร่งใส สอดคล้องกับ การเปล่ียนแปลง และพอดีกับ ทรพั ยากร รวมทง้ั กอ่ ใหเ้ กดิ ประโยชนส์ ขุ แก่ประชาชนอย่างแทจ้ ริง มกี ารสรา้ งเครอื ขา่ ยความรว่ มมอื ในลักษณะท่ีจะเป็นประโยชน์ในการ สืบทอดภูมิปัญ ญ า แล ก เปล่ียน ความรู้ เทคโนโลยี และบทเรียน จากการพฒั นา หรอื รว่ มมอื กนั พฒั นา ตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงทำให้ประเทศอันเป็นสังคมใหญ่อันประกอบด้วยชุมชน องค์กร และธุรกิจต่างๆ ท่ีดำเนินชีวิตอย่างพอเพียง กลายเป็นเครือข่ายชุมชนพอเพียงที่เช่ือมโยงกันด้วยหลักการแห่งความพอเพียง รู้ รัก สามัคคีไม่เบยี ดเบยี น แบง่ ปนั และช่วยเหลือซึ่งกนั และกันได้ในทส่ี ดุเรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
“ความพอเพยี ง”ในการดำเนนิ ชีวติ ดา้ นต่างๆ การน้อมนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในระดับต่างๆ นั้น ต้องมีพ้ืนฐานคือ การพ่ึงตนเองได้ โดยพิจารณาถงึ ความพอเพยี งในการดำเนนิ ชวี ติ ทกุ ยา่ งกา้ วไดแ้ ก่ • ดา้ นเศรษฐกจิ ไมใ่ ชจ้ า่ ยเกนิ ตวั ไมล่ งทนุเกนิ ขนาด คดิ และวางแผนอยา่ งมีเหตุผลและคณุ ธรรม รอบรู้ รอบคอบระมัดระวัง เสริมสร้างภูมิค้มุ กัน ด้วยการบริหารความเส่ยี งท่เี หมาะสมสมั ฤทธ์ิผลและทนั กาล • ด้านจิตใจ เข้มแข็ง กตัญญู มีความเพียร มีจิตสำนึกที่ถูกต้องมคี ุณธรรมอนั ม่นั คง สจุ ริต จริงใจ คิดดี ทำดี แจ่มใส เอ้ืออาทร แบง่ ปันเหน็ แกป่ ระโยชน์ส่วนรวมเป็นสำคญั • ดา้ นสงั คมและวฒั นธรรม ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ประสานสัมพันธ์รู้ รัก สามัคคี เสริมสร้างความเข้มแข็งให้ครอบครัวและชุมชน รักษาเอกลกั ษณ์ ภาษา ภูมิปัญญา และวฒั นธรรมไทย เรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
• ด้านทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อม ร้จู ักใช้และจัดการอย่างฉลาด ประหยัดและรอบคอบ ฟ้ืนฟูทรพั ยากรเพอ่ื ใหเ้ กคิ วามยง่ั ยนื และคงอยู่ชว่ั ลกู หลาน • ด้านเทคโนโลยี รู้จักใช้เทคโนโลยีท่ีเหมาะสม สอดคล้องกับความต้องการและสภาพแวดล้อมตามภูมิสังคม พัฒนาเทคโนโลยีจากภมู ปิ ญั ญาชาวบา้ นเรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
เรยี นรปู้ รชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งจากพระบรมราโชวาทและพระราชดำรสั เรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
เรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
“...การคิดการปฏิบัติให้ถูกให้ดีน้ัน ก็คือการคิดและการปฏิบัติให้ถูกต้อง ตามหลักการ หลักวิชา หลักเหตุผล และหลักสุจริตธรรม ผู้มุ่งหมายจะสร้างสรรค์ประโยชน์และความเจริญ จึงควรพยายามปฏิบัติฝึกฝนตนเองให้มีความคิดจิตใจที่เที่ยงตรง และม่ันคงเป็นกลาง เป็นอิสระจากอคติ ซึ่งมีหลักฝึกหัดที่สำคัญประกอบส่งเสริมกันอยู่สองข้อ ข้อแรก ให้หัดพูดหัดทำหัดคิดด้วยสติรู้ตัวอยู่เสมอ เพื่อหยุดย้ังและป้องกันความประมาทพลาดผิดและอคติต่างๆ มิให้เกิดขึ้น. ข้อสอง ให้หัดใช้ปัญญาความฉลาดรู้ เป็นเคร่ืองวิเคราะห์และวินิจฉัยเรื่องราวปัญหาต่างๆ ทุกอย่าง ที่จะต้องขบคิดแก้ไข เพ่ือช่วยให้เห็นเหตุ เห็นสาระได้ชัดและวินิจฉัยได้ถูกต้อง เท่ียงตรง ว่าข้อท่ีเท็จ ท่ีจริง ท่ีถูก ที่ผิด ท่ีเป็นประโยชน์ ที่มิใช่ประโยชน์ อยู่ตรงไหน. สติ และปัญญา ท่ีได้ฝึกฝนใช้จนคล่องแคล่วเคยชินแล้ว จะรวมเข้าเป็นสติปัญญาที่จะส่งเสริมให้บุคคลสามารถคิดอ่าน และประพฤติปฏิบัติได้ถูก ได้ดี ให้เกิดประโยชน์แก่ตนแก่ส่วนรวม ได้สมบูรณ์พร้อมทุกส่วน...” พระบรมราโชวาทในพธิ พี ระราชทานปรญิ ญาบตั รของ สถาบนั เทคโนโลยรี าชมงคล ๒๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๓ เรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
เรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
“...ความพอเพียงนี้ไม่ได้หมายความว่า ทุกครอบครัว จะต้องผลิตอาหารของตัว จะต้องทอผ้าใส่เอง. อย่างนั้นมันเกินไป แต่ว่าในหมู่บ้านหรือในอำเภอ จะต้องมีความพอเพียงพอสมควร.บางส่ิงบางอย่างที่ผลิตได้มากกว่าความต้องการ ก็ขายได้แต่ขายในท่ีไม่ห่างไกลเท่าไหร่ ไม่ต้องเสียค่าขนส่งมากนัก...” พระราชดำรสั พระราชทานแกค่ ณะบคุ คลตา่ งๆ เนอ่ื งในโอกาสวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา ๔ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ เรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
เรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
“...ให้พอเพียงน้ีก็หมายความว่า มีกินมีอยู่ ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่หรูหราก็ได้ แต่ว่าพอ. แม้บางอย่างอาจจะดูฟุ่มเฟือย แต่ถ้าทำให้มีความสุข ถ้าทำได้ก็สมควรที่จะทำ สมควรที่จะปฏิบัติ.อันนี้ก็ความหมายอีกอย่างของเศรษฐกิจ หรือระบบพอเพียง... คนเราถ้าพอในความต้องการ ก็มีความโลภน้อย เมื่อมีความโลภน้อยก็เบียดเบียนคนอ่ืนน้อย. ถ้าทุกประเทศมีความคิด อันนี้ไม่ใช่เศรษฐกิจ มีความคิดว่าทำอะไรต้องพอเพียง หมายความว่า พอประมาณ ไม่สุดโต่ง ไม่โลภอย่างมาก คนเราก็อยู่เป็นสุข... พอเพียงน้ีอาจจะมีมาก อาจจะมีของหรูหราก็ได้ แต่ว่าต้องไม่เบียดเบียนคนอื่น. ต้องให้พอประมาณตามอัตภาพพูดจาก็พอเพียง ทำอะไรก็พอเพียง ปฏิบัติตนก็พอเพียง...” พระราชดำรัสพระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ เน่ืองในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๑ เรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
เรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
“...ขอให้ทุกคนมีความปรารถนาท่ีจะให้เมืองไทยพออยู่พอกิน มีความสงบ และทำงานต้ังอธิษฐาน ต้ังปณิธาน ในทางนี้ท่ีจะให้เมืองไทยอยู่แบบพออยู่พอกิน ไม่ใช่ว่าจะรุ่งเรืองอย่างยอดแต่ว่ามีความพออยู่พอกิน มีความสงบ เปรียบเทียบกับประเทศอ่ืนๆ ถ้าเรารักษาความพออยู่พอกินน้ีได้ เราก็จะยอดย่ิงยวดได้. ฉะน้ันถ้าทุกท่านซึ่งถือว่าเป็นผู้มีความคิดและมีอิทธิพลมีพลังที่จะทำให้ผู้อื่นซึ่งมีความคิดเหมือนกันช่วยกันรักษาส่วนรวมให้อยู่ดีกินดีพอสมควร ขอย้ำ พอควร พออยู่พอกิน มีความสงบ ไม่ให้คนอ่ืนมาแย่งคุณสมบัติน้ีจากเราไปได้ ก็จะเป็นของขวัญวันเกิดที่ถาวรที่จะมีคุณค่าอยู่ตลอดกาล...” พระราชดำรสั พระราชทานแกค่ ณะบคุ คลตา่ งๆ เนอื่ งในโอกาสวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา ๒๓ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ เรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
เรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
“...ทุกคนจำเป็นต้องหม่ันใช้ปัญญา พิจารณาการกระทำของตนให้รอบคอบอยู่เสมอ ระมัดระวังทำการทุกอย่างด้วยเหตุผล ด้วยความมีสติ และด้วยความรู้ตัว เพื่อเอาชนะความช่ัวร้ายท้ังมวลให้ได้โดยตลอด และสามารถก้าวไปถึงความสำเร็จท่ีแท้จริง ท้ังในการงานและการครองชีวิต...” พระบรมราโชวาทในพธิ พี ระราชทานปรญิ ญาบตั รของ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ๑๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๖ เรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
เรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
“...ท่านจะต้องทำความคิดและจิตใจให้เปิดกว้าง แต่หนักแน่น มีเหตุผล มีวิจารณญาณ พร้อมกันนั้น ก็ต้องมีความจริงใจ เห็นใจ และเมตตาปรองดองกัน โดยถือประโยชน์ส่วนรวมร่วมกันเป็นวัตถุประสงค์เอก. ท่ีสำคัญข้อหนึ่ง จะต้องพยายามขจัดความด้ือรั้น ถือตัว ความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ประโยชน์ส่วนน้อยออกให้ได้ ไม่ปล่อยให้เข้ามาครอบงำทำลายความคิดจิตใจที่ดีงามของตน แล้วท่านจะสามารถปฏิบัติการงานทุกอย่าง ได้ด้วยความราบรื่น เบิกบานใจ อย่างมีประสิทธิภาพ และประสบผลสำเร็จตามท่ีปรารภปรารถนาทุกส่ิงในท่ีสุด...” พระบรมราโชวาทในพธิ พี ระราชทานปรญิ ญาบตั รของ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๙ เรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
เรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
“...ในการพัฒนาประเทศนั้นจำเป็นต้องทำตามลำดับขั้น เริ่มด้วยการสร้างพื้นฐาน คือความมีกินมีใช้ของประชาชนก่อนด้วยวิธีการที่ประหยัดระมัดระวัง แต่ถูกต้องตามหลักวิชา เม่ือพื้นฐานเกิดข้ึนมั่นคงพอควรแล้ว จึงค่อยสร้างเสริมความเจริญให้ค่อยเป็นไปตามลำดับ ด้วยความรอบคอบ ระมัดระวัง และประหยัดนั้น ก็เพ่ือป้องกันความผิดพลาดล้มเหลว และเพ่ือให้บรรลุผลสำเร็จได้แน่นอนบริบูรณ์...” พระบรมราโชวาทในพธิ พี ระราชทานปรญิ ญาบตั รของ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๗ เรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
เรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
“...ทุกวันน้ีประเทศไทยยังมีทรัพยากรพร้อมมูล ทั้งทรัพยากรธรรมชาติและทรัพยากรบุคคลซ่ึงเราสามารถนำมาใช้เสริมสร้างความอุดมสมบูรณ์และเสถียรภาพ อันถาวรของบ้านเมืองได้เป็นอย่างดี. ข้อสำคัญเราจะต้องรู้จักใช้ทรัพยากรท้ังน้ันอย่างฉลาด คือไม่นำมาทุ่มเทใช้ให้ส้ินเปลืองไปโดยไร้ประโยชน์ หรือได้ประโยชน์ไม่คุ้มค่า หากแต่ระมัดระวังใช้ ด้วยความประหยัดรอบคอบประกอบด้วยความคิดพิจารณา ตามหลักวิชา เหตุผล และความถูกต้องเหมาะสม โดยมุ่งถึงประโยชน์แท้จริงที่จะเกิดแก่ประเทศชาติ ทั้งในปัจจุบันและอนาคตอันยืนยาว...” พระราชดำรสั พระราชทานแกค่ ณะบคุ คลตา่ งๆ เนอ่ื งในโอกาสวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา ๕ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๒๙ เรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
เรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
“...การพัฒนาประเทศจะบรรลุผลตามเป้าหมายได้มากน้อยเพียงใดน้ัน ย่อมขึ้นอยู่กับปัจจัยประกอบกันหลายอย่าง. อย่างแรกต้องมีคนดี คือมีปัญญา มีความรับผิดชอบ มีความวิริยะอุตสาหะ เป็นผู้ปฏิบัติ. อย่างท่ีสอง ต้องมีวิทยาการที่ดี เป็นเครื่องใช้ประกอบการ. อย่างท่ีสาม ต้องมีการวางแผนที่ดี ให้พอเหมาะพอควร กับฐานะเศรษฐกิจ และทรัพยากรที่มีอยู่ โดยคำนึงถึงประโยชน์อันพึงประสงค์ของประเทศ และประชาชนเป็นหลักปฏิบัติ...” พระบรมราโชวาทในพธิ พี ระราชทานปรญิ ญาบตั รของ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๙ เรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
เรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
“...ประเทศบ้านเมืองจะวัฒนาถาวรอยู่ได้ ก็ย่อมอาศัย ความสัตย์สุจริตเป็นพ้ืนฐาน ท่านท้ังหลายจะออกไปรับราชการก็ดี หรือประกอบกิจการงานส่วนตัวก็ดี ขอให้มั่นอยู่ในคุณธรรมทั้ง ๓ ประการคือสุจริตต่อบ้านเมือง สุจริตต่อประชาชน และสุจริตต่อหน้าที่ ท่านจึงจะเป็นผู้ที่ควรแก่การสรรเสริญของมวลชนทั่วไป” พระบรมราโชวาทในพธิ พี ระราชทานปรญิ ญาบตั รของ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ๑๒ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๔๙๗ เรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
เรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
“...ถ้าทำโครงการอะไรที่ให้สอดคล้องกับสภาพภูมิประเทศ ก็สามารถจะสร้างความเจริญให้กับเขตท่ีใหญ่ข้ึนได้. เขตที่ใหญ่ ลงท้ายก็จะแผ่ท่ัวประเทศได้ แต่เพ่ือการน้ีจะต้องมีความร่วมมืออย่างดี ระหว่างทุกฝ่าย ท้ังนักวิชาการ และนักปกครอง. ดังน้ี ถึงบอกว่าเศรษฐกิจพอเพียง และทฤษฎีใหม่ สองอย่างนี้ จะทำความเจริญแก่ประเทศได้. แต่ต้องมีความเพียร แล้วต้องอดทน ต้องไม่ใจร้อน ต้องไม่พูดมาก ต้องไม่ทะเลาะกัน. ถ้าทำโดยเข้าใจกัน เช่ือว่า ทุกคนจะมีความพอใจได้...” พระราชดำรสั พระราชทานแกค่ ณะบคุ คลตา่ งๆ เนอื่ งในโอกาสวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา ๔ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๔๑ เรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
เรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
“..การให้นี้ ไม่ว่าจะให้ส่ิงใด แก่ผู้ใด โดยสถานใดก็ตาม ล้วนเป็นส่ิงที่พึงประสงค์อย่างยิ่งเพราะเป็นเครื่องประสานไมตรีอย่างสำคัญ ระหว่างบุคคลกับบุคคล และทำให้สังคมมีความมั่นคงเป็นปึกแผ่น ด้วยสามัคคีธรรม. นอกจากน้ัน การให้ยังเป็นบ่อเกิดแห่งความสุขอีกด้วย กล่าวคือ ผู้ให้ก็มีความสุข มีกำลังใจสังคมส่วนรวม ตลอดถึงประเทศชาติก็มีความผาสุข มีความร่มเย็น. ... ข้าพเจ้าจึงปรารถนาอย่างย่ิงท่ีจะเห็นชาวไทย มีความสุขถ้วนหน้ากันด้วยการให้ คือ ให้ความรักความเมตตากัน ให้น้ำใจไมตรีกัน ให้อภัย ไม่ถือโทษ โกรธเคืองกัน ให้การสงเคราะห์ อนุเคราะห์กัน โดยมุ่งดี มุ่งเจริญต่อกัน ด้วยความบริสุทธิ์ และจริงใจ. ...” พระราชดำรสั พระราชทานแกป่ ระชาชนชาวไทย ในโอกาสขน้ึ ปีใหม่ พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๖ ๓๑ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ เรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
เรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง
Search