ขยายพื้นท่ี ความด ี กระจายพ้ืนที่ ความสขุ ว. วชิรเมธ ี จดั พิมพเ์ ป็นธรรมทาน โดย สถาบันวิมุตตยาลัย VIMUTTAYALAYA INSTITUTE
คำปรารภ ในช่วงหลายปีมาน้ี มีความเข้าใจคลาดเคลื่อน เกยี่ วกบั หลกั ธรรมคำสอนของพระพทุ ธศาสนาอยหู่ ลายเรอื่ ง แพรห่ ลายไปทวั่ อยใู่ นสงั คมไทย บางเรอ่ื งกเ็ ลยเถดิ ไปไกล จนแทบไม่น่าเช่ือว่าเป็นเร่ืองเดียวกับหลักธรรมในพุทธ- ศาสนา (เชน่ เรือ่ งกรรม ทเี่ ลยเถิดไปไกลจนสามารสแกน เอก๊ ซเรย์ ตัด ไดอ้ ยา่ งไม่น่าเชอ่ื เป็นตน้ ) เรื่อง “ความดี” และ “วิธีการทำความดี” ก็เป็น อีกเร่ืองหน่ึงที่ถูกนำมาอ้างกันมาก อ้างไปอ้างมาก็เลย ทะเลาะกันท้ังๆ ท่ีกำลังถกกันเร่ือง “ความดี” และบางที ก็น่าขำตรงท่ีคนท่ีกำลังทะเลาะกันนั้นโดยมากก็ล้วนเป็น กลมุ่ บคุ คลทน่ี ับตวั เองวา่ เป็น “คนด”ี ดว้ ยกนั ทง้ั น้นั ผู้ใหญ่ใจดีในสังคมไทยของเราหลายท่าน หลาย องคก์ ร เห็นว่า หากปล่อยภาวะเช่นนี้ไว้ย่อมไม่เป็นผลดี ควรที่จะมีการชำระสะสางเร่ืองความดีกันสักคราวหนึ่ง อยา่ งนอ้ ยกเ็ พอ่ื เปน็ การกลบั มา “ปดั ฝนุ่ ” ความรคู้ วามเขา้ ใจ ในเรอื่ งความดแี ละการทำความดีกันให้ชดั ข้ึน จากข้อปรารภดังกล่าวนี้เอง ในงานมอบรางวัล ให้แก่บุคคล องค์กร สถาบันต่างๆ ของตลาดหลักทรัพย์ แหง่ ประเทศไทยประจำปี ๒๕๕๓ จึงมีการจัดเสวนาธรรม เรอ่ื ง “ขยายพน้ื ทแ่ี หง่ ความดี กระจายพน้ื ทแี่ หง่ ความสขุ ” ขึ้น โดยในงานดังกล่าวนัน้ มีคุณไก่ มีสขุ แจง้ มสี ขุ พธิ กี ร
ช่ือดังเป็นผู้ปุจฉา และมีผู้เขียนเป็นผู้วิสัชนาในประเด็น ตา่ งๆ เกีย่ วกบั ความดแี ละวิธีการทำความดี หลงั จบงานเสวนา ตลาดหลกั ทรพั ยแ์ หง่ ประเทศไทย หอจดหมายเหตุพุทธทาสฯ และสถาบันวิมุตตยาลัย ในฐานะ “ธรรมภาค”ี มเี จตนารมณต์ รงกนั วา่ ควรเผยแพร่ เน้ือหาสาระของการเสวนาในวันดังกล่าวให้กว้างขวาง ออกไป ในที่สุดก็จึงกลายมาเป็นหนังสือช่ือ “ขยายพ้ืนท่ี แหง่ ความดี กระจายพืน้ ที่แห่งความสุข” เล่มน ้ี ผู้เขียนหวังว่า เนื้อหาสาระในหนังสือเล่มนี้ คงจะ เป็นดังบทนำที่จะช่วยไขความกระจ่างในเร่ืองความดีและ วธิ กี ารทำความดแี กผ่ สู้ นใจในวงกวา้ งขน้ึ มาไดใ้ นระดบั หนง่ึ แมจ้ ะเปน็ เพยี งบางแง่ บางมมุ แตอ่ ยา่ งนอ้ ยกเ็ ชอื่ วา่ คงจะ พอทำให้เห็นภาพรวมเกี่ยวกับความดีและหลักการทำ ความดีท่ีถูกต้องตามแนวทางของพุทธศาสนาข้ึนมาได้ บา้ งตามสมควร ขออำนวยพรใหธ้ รรมภาคที กุ คน ทกุ ทา่ น ทกุ องคก์ ร มีสติปัญญาอันแจ่มใส มีสุขภาพกายสุขภาพจิตสมบูรณ์ ร่วมกันบำเพ็ญหิตานุหิตประโยชน์แก่สังคมไทยและ สังคมโลกสบื ไปตราบกาลนาน “ขอพระธรรมจงแผไ่ พศาล ขอใหเ้ ธอเบิกบานกับการรับใชเ้ พื่อนมนษุ ย์...” ว.วชิรเมธ ี ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔
บทนำ : ขยายความหมาย กระจายวิธีทำบุญ ในพทุ ธศาสนาเรียกการทำความดีวา่ “การทำบญุ ” เรียกหลักหรือวิธีการในการทำความดีนั้นว่า “บุญกิริยา วัตถุ” เรียกคนทำความดีว่าเป็น “คนดี” หรือ “คนใจบุญ” โดยท่านวางเกณฑ์เอาไว้ว่า คนใจดี หรือคนใจบญุ ควรมี คุณสมบตั ิอย่างน้อย ๓ ประการ กลา่ วคอื ๑. สุจินตฺ ิตจนิ ตฺ ี คิดดี ๒. สภุ าสติ ภาสี พูดดี ๓. สุกตกมฺมการี ทำดี เพ่ือไม่ให้การทำความดี เป็นเพียงการทำความดี ในวงแคบๆ คือทำเฉพาะกับพระสงฆ์องคเจ้าเท่านั้น ท่านจึงยกตัวอย่างการทำความดีไว้มากมาย ซ่ึงหาก ทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งก็จะพบว่า การทำความดีนั้น ไม่ใช่เพ่ือเป็นการแสวงบุญกุศลอันเป็นเรื่องส่วนตัว เท่าน้ัน หากแต่ยังเป็นเร่ืองของส่วนรวม และเน้นไปท่ี “ความดมี วลรวมประชาชาต”ิ ทเ่ี ราสามารถทำรว่ มกนั ไดท้ ว่ั ทง้ั โลกไมเ่ ฉพาะวา่ เปน็ ความดสี ำหรบั ชาวพทุ ธ เพอื่ ชาวพทุ ธ และโดยชาวพุทธ แต่เป็นความดีสำหรับมนุษยชาติ เพื่อ มนุษยชาติ และโดยมนุษยชาติโดยแท้ ความดีที่ท่านยกมาพอเป็นแนวทางสำหรับสร้าง ความดีให้ยิ่งๆ ขึ้นไปมี ๑๐ ประการ ด้วยกัน (จะขยาย มากไปกวา่ นีก้ ่เี ร่อื งกไ็ ด้) คอื
๑. ทานมยั ทำความดดี ว้ ยการให ้ ๒. สลี มัย ทำความดดี ว้ ยการรกั ษาศลี ๓. ภาวนามยั ทำความดดี ้วยการเจรญิ สติ ๔. อปจายนมยั ทำความดดี ว้ ยการออ่ นนอ้ มถอ่ มตน ๕. เวยยาวัจจมัย ทำความดีด้วยการมจี ติ สำนกึ สาธารณะ ๖. ปตั ตทิ านมยั ทำความดดี ว้ ยการ แบง่ ปนั ความด ี ใหแ้ กผ่ อู้ ่นื ๗. ปัตตานุโมทนามัย ทำความดีด้วยการพลอย โมทนาความดขี องผู้อน่ื ๘. ธัมมัสสวนมัย ทำความดีด้วยการใฝ่ศึกษาหา ธรรมและความรอบร้ ู ๙. ธมั มเทสนามยั ทำความดดี ว้ ยการแสดงธรรม/ วทิ ยาทาน/แบง่ ปันปัญญา ๑๐. ทฏิ ฐชุ กุ รรม ทำความดดี ว้ ยการปรบั ความคดิ เหน็ ใหต้ รงตอ่ ความสจั จรงิ หากพิจารณาจากวิธีการทำความดีที่ท่านยกมาให้ ดูพอเห็นตัวอย่างทั้ง ๑๐ ประการนี้ก็จะพบความหมาย ทแ่ี ทจ้ รงิ ของการทำความดวี า่ ไมใ่ ชเ่ รอ่ื งของการมงุ่ สะสมบญุ เปน็ การสว่ นตวั เทา่ นน้ั แตเ่ ปน็ เรอ่ื งของการทำความดโี ดยมี การคำนงึ ถงึ สงั คมอยา่ งสงู ยงิ่ กลา่ วอกี นยั หนง่ึ วา่ การทำบญุ หรือความดีที่แท้ ต้องเผื่อแผ่ไปถึงประโยชน์สุขของสังคม ด้วยเสมอไป
การท่ีท่านเน้นมิติของบุญเชิงสังคมเช่นน้ีก็เป็นไป ตามหลักแห่งความเป็นจริงที่ว่า ลำพังคนดีเพียงคนเดียว และความดีเพียงอย่างเดียว (เหมือนท่ีคนไทยชอบอ้าง อย่างผิดๆ ว่า ไม่ต้องห่วง ถ้าคนไทยมีจิตใจดีอย่างเดียว ทุกอย่างดีหมด ซ่ึงเป็นข้ออ้างท่ีไม่ถูกต้อง เพราะหากมี จิตใจดี แต่สังคมกลับเต็มไปด้วยคอร์รัปชั่น มีโครงสร้าง ท่ีอยุติธรรม การเมืองยังเป็นระบบธนาธิปไตย กฎหมาย ยังไม่ศักดิ์สิทธิ์ ความดีของคนจิตใจดีเพียงอย่างเดียว ก็ ไม่อาจแก้ปัญหาอะไรได้มากนัก) นั้น ไม่เพียงพอท่ีจะ ทำใหเ้ กดิ สภาวะรม่ เยน็ เปน็ สขุ ไดอ้ ยา่ งแทจ้ รงิ ทง้ั แกต่ นและ แก่สังคม หากแต่เป็นได้อย่างดีก็เพียงความดี ความสุข ของปัจเจกบุคคลเลก็ ๆ คนหนึ่งเทา่ นัน้ จากท่ีกล่าวมาจึงเป็นอันสรุปได้ว่า การทำความดี ไม่ได้มีมิติแคบๆ แค่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นเรื่องส่วนตัว ที่ควรทำให้มีผลดีไปถึงส่วนรวมด้วยเสมอไป และบุญ ท่ีย่ิงใหญ่น้ัน ไม่ใช่แค่การสะสมบุญเพ่ือรอไปเสวยผล ในชาติหน้า แต่เป็นบุญท่ีเราจะร่วมกันสถาปนาสังคม แหง่ คนดีมีความสขุ ในชีวิตนีน้ ่เี อง คนที่ทำบุญเป็นตามแนวทางของพุทธศาสนา จึงไม่ได้ทำบุญเพราะเกิดจากความเห็นแกต่ ัว แต่เกดิ จากการพิจารณาเห็นว่า สังคมกำลังมีปัญหา จึงถึง เวลาทจ่ี ะตอ้ งเรง่ ทำบญุ เพอ่ื คำ้ จนุ สงั คมไวไ้ มใ่ หเ้ สอื่ ม มากไปกว่าน้ี
คำนำ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมูลนิธิ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้กราบนิมนต์เชิญพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว.วชิรเมธี) ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย เพื่อรับถวายทุนสนับสนุนการดำเนินงานในฐานะองค์กรท่ี มีผลงานดีเด่นที่สร้างประโยชน์เพื่อสังคมอย่างต่อเน่ือง เป็นท่ีประจักษ์ต่อสาธารณชน และคัดเลือกผู้เหมาะสม เพื่อรับรางวัลเชิดชูเกียรติในฐานะบุคคลผู้ทำความด ี เพ่ือสังคม สาขาการพัฒนาสังคมเมือง ในพิธีมอบรางวัล “โครงการเชดิ ชผู ทู้ ำความดเี พอื่ สงั คม” ประจำปี ๒๕๕๓ ซ่ึงจัดขึ้นเม่ือวันท่ี ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ที่ผ่านมา ในงาน SET in the City ณ ศูนยก์ ารค้าสยามพารากอน “โครงการเชดิ ชผู ทู้ ำความดีเพือ่ สังคม” เป็นหน่งึ ในโครงการเพ่ือสังคม ท่ีมูลนิธิตลาดหลักทรัพย์สนับสนุน ตอ่ เนอื่ งมาเปน็ ระยะเวลา ๔ ปี ตง้ั แตป่ ี ๒๕๕๐ เปน็ ตน้ มา โดยมุ่งหวังท่ีจะยกย่องเชิดชูเกียรติแก่บุคคลและองค์กร ท่ีทำความดีแต่ละสาขาใน ๖ สาขา ให้มีกำลังใจที่จะทำ ความดตี ่อไปและมอบทุนทรัพย์เพ่ือสนับสนุนการทำงาน ที่ก่อให้เกดิ ประโยชนต์ ่อสงั คมและประเทศชาติในวงกวา้ ง มากขน้ึ โดยสถาบนั วมิ ตุ ตยาลยั เปน็ องคก์ รทที่ ำประโยชน์ แก่สังคมในสาขาการพัฒนาสังคมเมือง อันเป็น ๑ ใน ๖ สาขาความดที ่มี ูลนิธติ ลาดหลักทรัพย์ฯ ใหก้ ารส่งเสริม
สำหรับ ๖ องค์กรท่ีได้รับการสนับสนุนทุนทรัพย์ และคัดเลือกบุคคลเข้ารับรางวัลของ “โครงการเชิดชู ผู้ทำความดี” ใน ๖ สาขา ประจำปี ๒๕๕๓ ประกอบดว้ ย ๑) สมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทย ในสาขาการ พัฒนาห้องสมุด ๒) สมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน ในสาขา การพฒั นาสังคมชนบท ๓) มลู นธิ ศิ าสตราจารยส์ งั เวยี น อนิ ทรวชิ ยั ในสาขา การพฒั นาการศึกษา ๔) มลู นธิ อิ าจารยส์ กุ รี เจรญิ สขุ ในสาขาการสง่ เสรมิ ดนตรี ๕) สมาคมประวัติศาสตร์ฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในสาขาการส่งเสริมกีฬา ๖) สถาบนั วมิ ตุ ตยาลยั ในสาขาการพฒั นาสงั คมเมอื ง พรอ้ มกันน้ีตลาดหลักทรพั ยฯ์ ยังได้รับความเมตตา จากทา่ นว. วชริ เมธี รว่ มเสวนาธรรมพเิ ศษ ในหวั ขอ้ “ขยายพน้ื ทคี่ วามดี กระจายพนื้ ทค่ี วามสขุ ” โดย คณุ มสี ขุ แจง้ มสี ขุ รว่ มเสวนาในครงั้ นั้นดว้ ย การเสวนาธรรมท่านว. วชิรเมธี ได้ให้ข้อคิดและ ความกระจ่างในแง่มุมต่างๆ ของความดีผ่านคำนิยาม ของคนดแี ละความดี และเช่อื มโยง ๑๐ วธิ ีการขยายพ้นื ที่ ความดีได้อย่างน่าสนใจ โดยเป็นข้อคิดท่ีนำไปปฏิบัติใน ชีวิตจริงได้อย่างร่วมสมัย เป็นประโยชน์แก่ผู้เข้าร่วมงาน ในวันดงั กล่าวเป็นอย่างมาก
เพื่อให้ผลจากคำสอนของท่าน ว. วชิรเมธีได้แผ่ ขยายกว้างไกลมากขึ้น มูลนิธิตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงได้ รว่ มกบั สถาบนั วิมตุ ตยาลยั และหอจดหมายเหตุพทุ ธทาส อินทปัญโญ นำธรรมบรรยายมาเรียบเรียงเป็นหนังสือ “ขยายพื้นท่ีความดี กระจายพื้นที่ความสุข” เพื่อแบ่ง ปันธรรมะ ที่จะช่วยขยายพื้นท่ีของความดี และความสุข ให้กวา้ งขวางมากขึน้ ในสงั คมไทย ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอกราบนมัสการขอบพระคุณ พระมหาวุฒิชัย (ว. วชิรเมธี) เป็นอย่างสูงท่ีท่านเล็งเห็น ประโยชนข์ องการเผยแพรห่ ลกั ธรรมทเี่ ขา้ ใจงา่ ยและจะชว่ ย จุดประกายการสร้างความดีแก่สังคมไทย โดยอนุญาต และสนบั สนุนใหน้ ำธรรมบรรยายมาเรียบเรยี งเป็นหนงั สอื ธรรมะท่ีทรงคุณค่า ครบทุกอรรถรส และน่าเป็นเจ้าของ ฉบบั น้ี พร้อมกันน้ีขอขอบคุณ สถาบันวิมุตตยาลัย และ หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญที่ได้ร่วมแรงร่วมใจ จัดทำหนังสือ “ขยายพน้ื ทค่ี วามดี กระจายพนื้ ทคี่ วามสขุ ” ให้สำเรจ็ ลุลว่ งอยา่ งดยี ่ิง ตลาดหลักทรพั ย์แห่งประเทศไทย มนี าคม ๒๕๕๔
สารบัญ หนา้ รางวัลแดค่ นทำด ี ๑๓ นิยามของคนดแี ละความดี ๑. ความดีจากการให้ ๑๗ ๒. ความดจี ากทำหน้าท่ี มีวินัย ๒๓ ๓. ความดีจากการฝกึ จติ ๒๕ ๔. ความดีจากการอ่อนนอ้ มถ่อมตน ๒๖ ๕. ความดจี ากการชว่ ยเหลอื เพอ่ื นมนุษย ์ ๒๙ ๖. ความดจี ากการแบง่ ความสุข ๓๒ ๗. ความดจี ากการชื่นชม รว่ มยนิ ดี ๓๕ ๘. ความดจี ากการฟงั เปน็ ๓๘ ๙. ความดจี ากใหค้ วามร้ ู ๔๓ ๑๐. ความดีจากการเห็นถูกตอ้ ง ๔๖ ๔๘ ประวตั ิว.วชริ เมธ ี ๕๔
ขยายพ้ืนที่ ความดี กระจายพ้ืนท่ี ความสขุ ว. วชิรเมธี 11
เมก่ือาบรอทกำวค่าวคาิดม ดดีนี เั้นรากควิด้างแมตา่สก่ิงๆด ีๆ เพื่อเพื่อนมนุษย์ ก็มีกิจกรรมให้ทำร้อยแปดพันเก้า พูดดี พอเรารู้จักพูดดีๆ กับเพ่ือนมนุษย์ หรือกับสังคมโลก เราก็สามารถพูดเร่ืองต่างๆ ได้มากมาย การทำดี มันไม่ใช่แค่การทำสังฆทาน การบริจาคของให้วัด กลายเป็นว่ากิจกรรมใดๆ ท่ียังประโยชน์ให้เกิดข้ึนท้ัง แก่ตนและแก่คนอ่ืน และไม่เบียดเบียนตนไม่เบียดเบียนผู้อื่น เหล่าน้ีเป็นการทำดีท้ังหมด 12 ขยายพ้ืนท่ีความดี กระจายพ้ืนที่ความสุข
ไก่ (มสี ขุ แจง้ มสี ขุ ): กราบนมสั การพระอาจารย์ นะคะ วันน้ีพระอาจารย์มาในโอกาสเชิดชูผู้ทำความดี เพ่ือสังคม ชื่อรางวัลน่ารักมาก อิสระเมธี ช่ือนี้ได้มา อย่างไรคะพระอาจารย์ รางวัลแดค่ นทำดี ว.วชิรเมธี: รางวัลน้ี ผู้ให้รางวัลคือทาง ตลาดหลักทรัพย์ ต้องการมอบให้แก่องค์กรต่างๆ เพื่อ ให้องค์กรเหล่านั้นไปตั้งรางวัลเพ่ือมอบให้องค์กรอ่ืนๆ ต่อๆ กันไป แต่ละองค์กรผู้ที่ได้รับรางวัลล้วนแล้ว แต่เป็นผู้ล่วงกาลผ่านวัยมามาก ภาษาพระเขาเรียกว่า รัตตัญญู แปลว่าผู้มีประสบการณ์มาก เม่ือมาพิจารณา ดูตัวอาตมาเองยังเด็กๆ อยู่ ยังเป็นพระหนุ่มเณรน้อย จะเอาชื่อตัวเองมาต้ังเป็นชื่อรางวัล อาตมาว่ามันไม่ขลัง ว. วชิรเมธี 13
ก็ขอต้ังเป็นอีกรางวัลหนึ่ง น่ันก็คือรางวัลอิสระเมธี แปลว่ารางวัลท่ีมอบแก่ปัญญาชนอิสระ ท่ีทำงานรับใช้ เพ่ือนมนุษย์ โดยมีความกล้าหาญทางจริยธรรมอย่างยิ่ง พอต้ังรางวัลเสร็จแล้ว เราก็มาดูว่าใครองค์กรไหนที่มี คุณสมบัติเช่นน้ี ทางคณะกรรมการของอาตมภาพไป ต้องตาต้องใจอยู่ส่ีองค์กร แล้วก็มานั่งประชุมกันเพื่อ โหวตให้เหลอื องคก์ รเดียว ไก่ มสี ุข: คือต้องคัดเอาแบบหัวกะทิเลยหรอื คะ ว.วชริ เมธ:ี ใช่ กเ็ ลยไดท้ มี่ ลู นธิ สิ บื นาคะเสถยี ร ซึ่งทำหน้าที่ดูแลผืนป่าของเรา ทำให้เมืองไทยยังคงมี พ้ืนท่ีป่า และก็เป็นพื้นที่ป่าท่ีสำคัญมาก เหลืออยู่ให้เรา คนไทย ไม่เพียงแต่ได้ชื่นชม ได้ใช้ประโยชน์ บางท ี เราอาจจะไม่รู้ว่าอากาศที่เราได้หายใจ น้ำท่ีเราได้ด่ืม น้ันมาจากไหน ถ้าเราศึกษาให้ลกึ เขา้ ไปๆ เราก็จะเหน็ ว่า หากไม่มีคนเสียสละเช่นคุณสืบและมูลนิธิคอยพิทักษ์ รักษาป่าและคอยส่งเสียงตะโกนดังๆ สู่สังคมเมืองเพ่ือ ให้ตระหนักรู้ว่า ถ้าเราไม่รักษาป่า เมืองไทยของเราก็จะ กลายเป็นเมืองท่ีไม่น่าอยู่ในอนาคต ด้วยเหตุด้วยผล ดังท่ีกล่าวมา ประกอบกับชีวประวัติที่เต็มไปด้วยความ 14 ขยายพื้นที่ความดี กระจายพ้ืนท่ีความสขุ
กล้าหาญทางจริยธรรมของคุณสืบ นาคะเสถียร ก็ทำให้ คณะกรรมการของเราพิจารณาลงมติเป็นเอกฉันท์ให้กับ มูลนิธิสืบนาคะเสถียรได้รับรางวัลอิสระเมธีจากสถาบัน วมิ ตุ ตยาลยั ไก่ มีสขุ : การคัดเลอื กคนดีทำความดี สาขาของ พระอาจารย์น่ีเป็นสาขาพัฒนาสังคมเมือง หลายคน สงสัยวา่ เอ๊ะ ทำไมเป็นคุณสบื เพราะมูลนธิ ิสืบฯ คุณสบื ดูแลป่าอยู่ในป่า ทำไมเป็นสาขาพัฒนาสังคมเมือง เพราะอะไรคะ พระอาจารย ์ ว.วชริ เมธ:ี อาตมาคิดว่าส่ิงท่ีคุณสืบทำน้ัน คุณสืบทำอยู่ในป่า แต่ผลของการท่ีมีป่าทำให้คนเมือง ทั้งหลายได้อยู่ดีมีสุข หากเราลองยกเมืองออกไป จากประเทศไทย ยกป่าออกไปจากประเทศไทยสิ แล้ว เมืองไทยจะอยู่ได้อย่างไร ป่าคือซูเปอร์มาร์เก็ตของคน ท้ังโลก ฉะนั้นถ้าไม่มีป่า อาหาร น้ำ อากาศ สิ่งมีชีวิต ท้ังหมดก็จะหายไปจากโลกในช่ัวพริบตา ป่าไม่อยู่หรือ ปา่ อยู่ไมไ่ ด้ คนก็อยูไ่ ม่ได้ พดู อกี อยา่ งหนงึ่ ว่าปา่ ยังคนก็ อยู่ ปา่ หมดคนกม็ ้วย เพราะฉะน้นั มลู นิธิของสบื นาคะ เสถียรทำเรือ่ งปา่ แตเ่ ปา้ หมายหลกั ก็เพือ่ คนนัน่ เอง ว. วชิรเมธี 15
ไก่ มีสขุ : นนั่ คอื ทุกอย่างเป็นดง่ั กันและกนั ช่วย เหลอื เกอื้ กลู กันและกนั ว.วชิรเมธ:ี ถ้าใช้ศัพท์ธรรมะก็เรียกว่า ตาม หลักอิทัปปจั จยตา คือสรรพส่ิงล้วนอิงอาศัยกัน มปี า่ จงึ มี เมือง แล้วถ้าเมืองมีสำนึกตระหนักถึงคุณค่าของป่า ป่า ก็จะยังคงอยู่ต่อไป พูดให้ฟังดูเป็นปริศนาธรรมหน่อยก็ ต้องบอกว่า มีป่าอยู่ในเมืองและมีเมืองอยู่ในป่า น่ันจึง เป็นเหตุให้รางวัลสาขาพัฒนาสังคมเมือง มอบให้แก่ คุณสืบ นาคะเสถียร และมูลนิธิซึ่งมีภารกิจหลักในการ ดแู ลผนื ป่า ไก่ มีสุข: คนเมืองก็ได้อิงอาศัยความเป็น ซูเปอร์มาร์เก็ตของป่า ไม่แห้งแล้งเฉพาะเมืองนะคะ การขยายพ้ืนท่ีคนดี แล้วก็กระชับพื้นท่ีความช่ัว คำว่า “คนดี” อยากให้พระอาจารย์ช่วยนิยามก่อน เพราะปัจจุบันนี้ แหมคนนั้นก็คนดี คนนี้ก็คนดี เอ๊ะแล้ว แทจ้ รงิ คำว่า “คนดี” ควรจะนยิ าม มขี อบเขตไหมคะ 16 ขยายพ้ืนท่ีความดี กระจายพ้ืนที่ความสุข
นิยามของคนดแี ละความดี ว.วชิรเมธี: คนดีและความดีในทางพระพุทธ- ศาสนาน้ัน ท่านนิยามเอาไว้ง่ายมาก แต่เวลาเรามา ถกแถลงกัน ดูเหมือนว่าแต่ละวงเสวนาจะหาคำนิยาม ไม่ค่อยได้ เพราะเราทำให้เป็นเรื่องยากไปเอง แท้ที่จริง ทุกส่ิงทุกอย่างนี่มันจะแสนง่าย แต่ทำไมเวลาเราจะ นิยามทีเรารู้สึกว่าเป็นเร่ืองยาก เพราะมนุษย์แต่ละคน ต่างก็มีชุดความคิดชุดต่างๆ อยู่ในหัว พอฝร่ังคนน้ัน บอกนิยามไม่ได้ มันเป็นนามธรรม คนน้ีก็บอกนิยาม ไม่ได้ มันเป็นนามธรรม เราเลยฟังๆ แล้วพอเขาบอกว่า ไมไ่ ด้ เรากบ็ อกวา่ ไมไ่ ด้ เราถามคนทงั้ โลก แตเ่ ราลมื ถามคนทเ่ี ปน็ อจั ฉรยิ - บคุ คลของโลกอยา่ งพระพทุ ธเจา้ พอเราไปถามพระพทุ ธเจา้ ทา่ นนยิ ามไวแ้ สนง่าย คนดคี ือใคร ท่านบอกวา่ คนดีคอื คนที่คิดดี พูดดี และทำดี ใครที่ถึงพร้อมด้วยคุณสมบัติ สามประการนี้ก็คือคนดี และความดีคืออะไร ความดีก็ คือผลของการกระทำหรอื พฤติกรรมตา่ งๆ ซึง่ สืบเนอื่ งกับ การคดิ ดี พูดดี และทำดี เทา่ นี้เองกจ็ บแล้ว ว. วชิรเมธี 17
ไก่ มีสุข: แคน่ ้เี องนะคะ คดิ ดี พูดดี และทำดี ว.วชิรเมธี: ใครทำสามประการนี้ คนคนนั้น ก็เป็นคนดี และเม่ือเราทำสามประการนี้ ผลผลิตของ การคดิ ดี พูดดี ทำดกี ผ็ ลิดอกออกผลมาเปน็ ความดี เหน็ ไหมไม่ยาก งา่ ยๆ เลย ไก่ มีสุข: ดูง่ายๆ นะคะ แต่เม่ือสักครู่นี้ไก่ฟัง พระอาจารย์ แค่คำว่าคิดดี ประโยคแรก ก็มีสะดุ้งเฮือก นิดหน่ึง เพราะว่าบางคร้ังเราก็คิดไม่ดีค่ะพระอาจารย์ มันอัตโนมัติมาก มันแว่บออกมาเลยค่ะ ตัวอย่างเช่น เห็นผู้หญิงคนหน่ึงถือกระเป๋ามาแพงกว่าเรา เกิดอาการ หมน่ั ไสซ้ งึ่ หนา้ เลยคะ่ พระอาจารย์ โห ไดม้ าจากไหนเนยี่ อย่างนี้ จะทำอยา่ งไรดคี ะ ว.วชิรเมธี: ถ้าอย่างนี้ต้องมาเข้าคอร์สฝึกคิดดี ก่อน เป็นแนวโน้มของมนุษย์ไม่ใช่เฉพาะคนไทยหรอก เป็นกันแทบทั้งโลก เมื่อเห็นคนอื่นได้ดีแล้วอดรนทน ไม่ได้ แสดงว่าคนที่มีความรู้สึกอย่างน้ี ยังไม่ได้รับการ ศึกษาท่ีถูกต้อง เพราะส่ิงที่เขาแสดงออก ภาษาพระ เขาเรียกว่า “อิจฉา หรือริษยา” อันนี้ก็คือกิเลสหรือ สัญชาตญาณพื้นฐานของมนุษย์ ซ่ึงยังไม่ได้ผ่านการ 18 ขยายพื้นที่ความดี กระจายพื้นท่ีความสขุ
ขัดเกลา แต่ถ้าผ่านการขัดเกลามาแล้วเขาจะรู้จัก คิดดี พอเห็นคนอื่นถือกระเป๋าดีๆ มา ใส่เสื้อผ้าดีๆ มา ทำผมดๆี มา เดินนวยนาดมามสี มบตั ิผ้ดู ี ถ้าคนผา่ นการ คดิ ดีกจ็ ะมองอีกอย่างหน่งึ วา่ เออ คนคนนน้ี ี่ เขาคงได้รับ การศึกษามาเป็นอย่างดี หน้าท่ีการงานก็คงดีไม่เบานะ ดูปฏิกิริยาเขาสิ ดูการเดินเหินเขาสิ สะท้อนเลยว่าน่าจะ มาจากครอบครัวที่ดี การศึกษาอบรมดี หน้าที่การงาน ดี เรานา่ จะเอาอยา่ งคนคนนบ้ี า้ งนะ ไก่ มีสุข: ออ๋ มองในมมุ ทีเ่ ขาควรจะเป็นตัวอยา่ ง ของเรา ไมใ่ ช่มองในมุมทีว่ า่ จะไปฉกกระเป๋ามา ว.วชิรเมธี: ใช่ การคิดอย่างนั้น ทันทีที่คิด ความสุขก็หายไปแล้ว ความทุกข์เคลื่อนเข้ามาอยู่ในใจ แทน แตค่ นทเ่ี ดนิ ผา่ นเรา เขาไม่รู้เรอื่ งกับเรา แต่เราก็ไป รับเอาความทุกข์เพราะความอิจฉาริษยาเข้ามาปักอยู่ ในใจ ถา้ เป็นหอกก็มิดด้ามเลย ไก่ มีสุข: ทะลไุ ปข้างหลังเลยค่ะพระอาจารย ์ ว.วชิรเมธี: ผลของการคิดไม่เป็นย่อมเป็นเช่นน้ี เร่ืองที่ไม่ควรทุกข์เราก็ไปปรุงให้ตัวเองทุกข์ได้ กล่าวอีก ว. วชิรเมธี 19
นยั หนง่ึ วา่ ถา้ เราจะคดิ ดใี หเ้ ปน็ มนั กม็ หี ลกั คนจะคดิ ดนี น้ั หลักง่ายนิดเดียว คือต้องเป็นคนท่ีมีสติอยู่เสมอ ถ้ามีสติ อยู่เสมอแล้ว สติจะไม่ปล่อยให้เราคิดในทางเบียดเบียน เพอื่ นมนษุ ยเ์ ลย ฉะนน้ั พระพทุ ธองคจ์ งึ ทรงนยิ ามการคดิ ดี เอาไวว้ า่ ความคดิ ทไี่ มเ่ บยี ดเบยี นตน ไมเ่ บยี ดเบยี นคนอน่ื มุ่งแต่จะเก้ือกูลท้ังตนและคนอื่นไปพร้อมๆ กัน น่ันคือ ความคิดดี ไก่ มีสุข: พวกเราทุกคนถ้าเป็นสุภาพบุรุษ เป็นสุภาพสตรีเต็มร้อย เราต้องยอมรับว่าในความคิด แว่บหนึ่ง ไม่มีใครท่ีเห็นอะไรเช่นนี้แล้วคิดดีได้ตลอด อันนี้ก็ดีอะไรอย่างน้ี ถ้าเราไม่ได้ฝึกการเข้าคอร์สคิดดี อย่างที่พระอาจารย์ว่า ถ้าคนเจริญสติแล้วฝึกวิปัสสนา เขาดูความคิดของเขาทันเหมือนเป็นอัตโนมัติ แต่เรา มนุษย์ปุถุชนทั่วไปทำงานแข่งกับเวลา แข่งกับนาที แข่ง กับเพื่อน เด๋ียวหัวหน้าว่า อันน้ียังไม่เสร็จ ข้าวก็ยังไม่ ไดก้ นิ ทกุ อยา่ งสตติ ามไมท่ นั เลย มนั ไมส่ ามารถปฏเิ สธได้ มันต้องมีสักแว่บหนึ่ง เพราะฉะนั้นยอมรับตัวเองก่อนว่า เรากย็ งั ไมใ่ ชผ่ ทู้ คี่ ดิ ดรี อ้ ยเปอรเ์ ซน็ ต์ ตอ้ งเจรญิ สติ หรอื ฝกึ สตบิ ่อยๆ ทีนี้ถา้ เราอยากจะเป็นคนดีล่ะคะ พระอาจารย์ ตอ้ งทำอยา่ งไร จะได้ช่วยกนั ขยายพืน้ ทน่ี ่ี ยากไหมคะ 20 ขยายพื้นท่ีความดี กระจายพ้ืนท่ีความสุข
ว.วชิรเมธี: อย่างที่อาตมภาพบอกว่า ปัญหา ของการเป็นคนดีและทำดีในเมืองไทยก็คือ เรายัง ไม่ชัดในเร่ืองนิยามของมัน ทุกๆ เรื่องถ้าเรานิยาม ไม่ตรงกัน มันจะขัดแย้งกันอยู่ทุกหนทุกแห่ง เช่นนิยาม ของประชาธปิ ไตยในเมืองไทย แต่ละกลมุ่ ท่ีนิยามไม่ตรง กัน สุดท้ายก็จะต้องขัดแย้งกันแล้วก็ทะเลาะกัน แต่ถ้า เรานยิ ามให้ตรงกันปบุ๊ หลงั จากนนั้ ทุกอยา่ งจะราบร่นื หลักในการอยูร่ ว่ มกนั อย่างสนั ติสุข พระพทุ ธองค์ วางเอาไว้ว่า ต้องมีสองคุณธรรมท่ีสำคัญมากๆ ได้แก่ หนง่ึ “ทฏิ ฐสิ ามญั ญตา” คอื ใหเ้ ราคดิ เหน็ ใหต้ รงกนั ซะกอ่ น สอง “สีลสามญั ญตา” เม่ือคิดเห็นตรงกันแลว้ พฤติกรรม ของเราก็จะตรงกนั โดยอัตโนมตั ิ เร่อื งความดกี เ็ หมือนกัน ถ้าเรานิยามให้ตรงกันแล้วแนวทางปฏิบัติจะราบรื่น เหมือนกันหมด ดังน้ันพระอาจารย์จึงขอนิยามซ้ำอีก คร้ังหนึ่งเพื่อให้ชัดว่า ความดีเป็นผลมาจากการที่เรา รู้จักคิดดี พูดดี และทำดี ส่วนคนดีคือคนท่ีรู้จัก ศิลปะการคิดดี พูดดี ทำดี ถ้าเราได้นิยามคนดีและ ความดีชัดเจนอย่างน้ีแล้ว เราก็จะเห็นว่า พูดถึงการ ทำความดีน่ี มันกว้างมากๆ นี่จากพ้ืนที่ท่ีมันคับแคบนะ ทีน้ีเราคล่ีคลายขยายออกไปกว้างมาก เพราะพอเรา ว. วชิรเมธี 21
บอกว่าคิดดี คุณคิดแต่ส่ิงดีๆ เพื่อเพื่อนมนุษย์ มันมี กิจกรรมให้ทำร้อยแปดพันเก้า พูดดี พอคุณรู้จักพูดดีๆ กับเพื่อนมนุษย์หรือกับสังคมหรือกับโลก คุณก็สามารถ พูดเร่ืองต่างๆ ได้มากมาย พูดถึงการทำดี มันไม่ใช่แค่ การทำสังฆทานการบริจาคให้พระ วัด แล้วก็... ไก่ มีสุข: เอาเงินหยอดตู้ค่ะ วันนี้ร้อยหนึ่ง โอย สบายใจ ไม่ใช่แคน่ ั้น ว.วชิรเมธี: กลายเปน็ วา่ กจิ กรรมใดๆ ก็ตามทยี่ ัง ประโยชน์ให้เกิดข้ึนทั้งแก่ตนและแก่คนอื่น และไม่ เบยี ดเบยี นตนไมเ่ บยี ดเบียนคนอ่ืน เหล่าน้นั เปน็ การทำดี ท้ังหมด พอขยายความดีกว้างๆ อย่างน้ีแล้ว ทีนี้เมื่อเรา จะทำความดี เราไม่ต้องนึกถึงถังเหลืองแล้ว ไม่ต้อง นึกถึงถังสังฆทาน ไม่ต้องนึกถึงไปเล้ียงน้องท่ีบ้านเด็ก อ่อนพญาไท ทัณฑสถาน หรือไปเล้ียงคนยากคนจน หรือไม่ต้องไปที่โรงพยาบาลสงฆ์ละ เพราะพ้ืนท่ีแห่ง ความดนี ัน้ มมี ากมายหลายรอ้ ยกิจกรรมใหเ้ ราทำ 22 ขยายพื้นที่ความดี กระจายพื้นท่ีความสขุ
๑. ความดจี ากการให้ ในทางพระศาสนา ท่านขยายพื้นที่แห่งความดี ให้เราดถู ึงสบิ วิธี นน่ั คอื หนึ่ง ความดีเกิดจากการใหท้ าน เรยี กว่า “ทานมัย” การให้ทานนน้ั มหี ลายแบบ ๑. ให้ธรรมเป็นทาน คือให้ธรรมะเป็นทาน เหมือนพระภิกษุทั้งหลาย ผู้นำทางจิตวิญญาณทั้งหลาย ที่เทศน์ที่สอนที่แสดงธรรม ให้คนรู้จักคุณงามความดี ตา่ งๆ ๒. ให้วัตถุเป็นทาน การที่ตลาดหลักทรัพย์ให ้ ทนุ แตล่ ะองค์กรตงั้ ๒ ล้าน เปน็ เงินรวมทง้ั หมด ๑๒ ลา้ น บาท นี่เขาเรียกว่าให้วัตถุซึ่งสมมุติกันว่าเป็นทรัพย์ ให้แต่ละองค์กรๆ ไปทำสิ่งที่ดีงามล้ำเลิศให้แก่เพื่อน มนษุ ย์ ๓. ให้อภัยเป็นทาน เราไปโกรธเกลียดชิงชัง คง่ั แคน้ ไปทะเลาะเบาะแวง้ อะไรกบั ใครเขา กม็ าขออโหสิ ซึ่งกันและกันเป็นการให้อภัย คือสภาวะท่ีไม่น่ากลัว แก่กันและกัน เราก็เรียกว่าให้อภัย ช่วงนี้อองซานซูจี ออกมาพดู ทำไมส่ือต่างประเทศจึงเล่นข่าวอองซานซูจี ทั่วโลก เพราะเธอบอกว่า เธอไม่มีความแค้นท้ังต่อ คณะนายทหาร ซ่ึงเป็นผู้ออกคำส่ังกักบริเวณเธอ และ เธอไม่มีความแค้นต่อผู้คุมทุกคน ซ่ึงดูแลเธอระหว่างอยู่ ว. วชิรเมธี 23
ในเรือนจำ ไม่มีความแค้นอยู่ในหัวใจของเธอเลยแม้แต่ น้อย โลกยกย่อง แม้ว่าเธอจะได้รางวัลโนเบลที่ย่ิงใหญ่ อยู่แล้ว แต่เม่ือพูดวรรคทองในประวัติศาสตร์เช่นน้ี ออกมา โอ้โห ตอนนี้ซูจีกลายเป็นสุดยอดวีรสตรีของโลก ไปเลย ไก่ มีสุข: ไม่ใช่แค่นี้นะคะ การให้อภัยเป็นทาน ยังผลแก่ทุกๆ คนท่ีไดฟ้ งั ช่วยใหร้ ู้สึกสดชนื่ ดว้ ย 24 ขยายพ้ืนท่ีความดี กระจายพื้นที่ความสขุ
๒. ความดีจากทำหน้าท่ี มีวนิ ัย ว.วชิรเมธี: รูปแบบหนึ่งของการทำความดีแบบ ที่สอง “สีลมัย” ความดีที่เกิดจากการเป็นคนที่รู้จักมี วินัยในการดำรงชีวิต เคารพกฎ กติกา มารยาท รัฐธรรมนูญ ในการอยู่ร่วมกันทั้งหมด ถ้าเราเป็นคนที่มี วินัยในการดำรงชีวิต เราก็เป็นคนดีเรียบร้อยแล้ว เหน็ ไหม มนั งา่ ยหรอื ยัง ออกจากวดั แล้วนะ ไก่ มีสุข: ไมไ่ ด้อยู่ในวดั ไมไ่ ด้อยูท่ ถ่ี งั เหลอื งแลว้ นะคะพระอาจารย์ คือทุกวันน้ีที่เราหายใจกันอยู่น่ี แคเ่ ราต้ังมัน่ อยา่ งท่ีพระอาจารยว์ ่า ก็ไดท้ ำดีแล้ว ว.วชิรเมธี: ถูกต้อง มันเลยกำแพงวัดออกมา ข้างนอกหมดแล้ว เรียกว่าขยายพื้นท่ีจริงๆ พ้ืนที่เดิมนั้น คับแคบมาก เพราะพอจะทำความดีนึกถึงธรรมะ พระ และวัด อย่างคุณโยมไก่มาทำหน้าที่ตรงนี้ด้วยความ รบั ผดิ ชอบ ทุกคนทีร่ อดู โอ้ วันน้คี ณุ ไก่มีสขุ จะมา แลว้ ไก่ มีสุขก็มาเมื่อถึงเวลาอันควร เท่ากับว่ามีวินัยในการ ทำงาน ก็เป็นการทำคุณงามความดี คือมีวินัยในการ ดำรงชวี ติ ว. วชิรเมธี 25
๓. ความดีจากการฝกึ จติ ความดอี ยา่ งทส่ี าม เรยี กวา่ “ภาวนามยั ” คณุ งาม ความดีซึ่งเกิดจากการท่ีเราเป็นคนที่รู้จักฝึกจิตให้มีสติ จนกระทั่งว่าเรามีสุขภาพจิต มีคุณภาพจิต แล้วก็มี สมรรถภาพจติ ทุกคนที่เอาจิตของเรามาฝึกด้วยกัน เจริญสติจน กระทงั่ วา่ อยูท่ ไี่ หนเรากเ็ ป็นหน่วยความสขุ เคลื่อนที่ เรามี ความสขุ ทง้ั เนือ้ ทง้ั ตวั ของเรา อย่ทู ไ่ี หนกแ็ ช่มช่ืนเบกิ บาน ผ่องใส เรากลายเป็นคนสุขภาพจิตดี ขณะเดียวกันใน จิตใจของเราก็เต็มไปด้วยคุณธรรม เช่น ความขยันหมั่น เพียร ความซ่ือสัตย์สุจริต ความกตัญญูรู้คุณ ความมี เมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ อันนี้เขาเรียกว่าคุณภาพจิต จากน้ันเวลาที่เราจะใช้สติปัญญา คิดเรื่องใดก็ทะลุ ทะลวงปรุโปร่งแหลมคมลึกซ้ึงไปเสียทุกเรื่อง น่ีเรียกว่า สมรรถภาพจิต ไก่ มีสุข: โอ้โห ข้อน้ี เราทุกคนสามารถฝึกได้ ไหมคะพระอาจารย์ ให้มีความคิดที่แหลมคมลึกซึ้ง โดยมสี มรรถภาพทางจิตแบบน ้ี ว.วชริ เมธ:ี ทกุ คนฝกึ กนั ได้ วชิ าทจ่ี ะฝกึ ศกั ยภาพ ในการคิด เช่น วิชาคณิตศาสตร์ วิชาตรรกศาสตร์ 26 ขยายพื้นที่ความดี กระจายพ้ืนที่ความสุข
วิชาปรัชญา ใครท่ีเรียนสามสาขาวชิ านี้ ก็จะได้ฝกึ ทักษะ ในการคดิ เปน็ คิดถกู คิดดี คิดมีประโยชน์ ทนี ี้ถ้าเราร้จู กั คิดเป็น คิดดี คิดมีประโยชน์ หรือคิดเป็น คิดถูก คิดดี คดิ มปี ระโยชน์แล้ว จำเปน็ ต้องไปคิดอย่ใู นวดั ไหม ไก่ มีสุข: ไม่จำเป็นค่ะ อยู่นอกวัดหรืออยู่ท่ีบ้าน ก็ฝกึ คิดได้ ฝึกวชิ านี้ได ้ ว.วชิรเมธี: เราอยู่ที่ไหนเราก็ใช้ความคิดได้ ถ้า เป็นการคิดเป็น คิดถูก คิดดี และคิดมีประโยชน์ ก็เป็น คณุ งามความดใี นตวั เราอยแู่ ลว้ พนื้ ทคี่ วามดไี มไ่ ดถ้ กู นยิ าม ใหเ้ กยี่ วขอ้ งกบั ธรรมะ พระ และวดั อกี ตอ่ ไป แตก่ ลายเปน็ เรอื่ งของเราทกุ คน นเี่ รยี กวา่ ความดที เี่ กดิ จากการฝกึ จติ ไก่ มีสุข: พระอาจารย์คะ ไก่เป็นคนหน่ึงที่ พยายามฝึกการคิดให้มีสมรรถภาพทางจิต เราอาจจะ คิดข้างนอกวัดได้ แต่ต้องแล้วแต่ด้วยนะคะ ไก่เป็นคน หนึ่งที่ฝึกคิดให้จิตมีสมรรถภาพได้เพ่ิมขึ้น แต่ยังไม่ได้ ถึงท่ีสุดนะคะ ไก่ต้องอาศัยวัด ไก่ต้องอาศัยการเดินทาง ไปหาพระอาจารยถ์ งึ วดั แลว้ พระอาจารยก์ ช็ ว่ ยเคาะสนมิ ในมันสมองออกมา เช่นน้ีทุกคนจะได้เหมือนกันไหมคะ เช่น บางคนอาจจะต้องพึ่งพาพระด้วย แต่บางคนก็อาจ จะไม่ตอ้ งพงึ่ อะไรอย่างน้ี หรือต้องพงึ่ ทุกคนคะ ว. วชิรเมธี 27
ว.วชิรเมธี: อาตมภาพคิดว่า ต้นทางของสติ ปัญญามีอยู่แล้วทุกหนทุกแห่ง ปัญญาชนนั้นกระจาย อยู่ทุกหนทุกแห่ง แม้ในสยามพารากอนน่ีก็มีปัญญาชน เยอะแยะมากมาย เพราะฉะน้ันถ้าเราอยากจะคิดเป็น คิดถูก คิดดี และคดิ มีประโยชน์ ในทางหน่งึ เราอาจจะไป หาพระก็ได้ ในทางหนึ่งเราอาจจะไปหาปัญญาชนนอก มหาวิทยาลัยก็ได้ ในมหาวิทยาลัยก็ได้ หรืออ่านหนังสือ ดๆี ดูรายการโทรทัศนด์ ีๆ เช่น ผ้หู ญงิ ถึงผู้หญิง ไก่ มีสุข: ขอบคุณค่ะ รายการน้ีทำป่วนกันทั้ง ประเทศเลยค่ะพระอาจารย์ 28 ขยายพ้ืนท่ีความดี กระจายพ้ืนที่ความสุข
๔. ความดจี ากการอ่อนนอ้ มถอ่ มตน ว.วชิรเมธี: ทีน้ีก็มาดูวิธีท่ีสี่ ท่านบอกว่า “อปจายนมัย” คุณงามความดีที่เกิดข้ึนจากการรู้จัก อ่อนน้อมถ่อมตน มีสัมมาคารวะ รู้จักเจียม รู้จักถ่อม รู้จักว่าเวลาเข้าสังคมแล้วจะต้องแสดงออกอย่างไร งา่ ยไหม แลว้ คุณโยมไกท่ ำหรอื ยงั พระนั่งข้างบน คุณไก่ ขอนง่ั ขา้ งล่าง อยูใ่ นข้อทีส่ ีน่ ีเ่ องเห็นไหม ไก่ มีสุข: เส้ียววินาทีจริงๆ นะคะพระอาจารย์ การตัดสินใจมันเสี้ยววินาทีจริงๆ คือต้องบอกอย่างนี้ค่ะ พระอาจารย์ บางทนี ดี่ ว้ ยอตั โนมตั ิ ถา้ หนเู หน็ พระอาจารย์ ความรู้สึกของบารมีส่งถึง เราจะบอกกับตัวเองได้เลยว่า เราต้องทำอย่างไร หรือแม้กระทั่งเราเห็นผู้หลักผู้ใหญ ่ ท่ีมีคุณงามความดีอยู่ในชีวิตของเขา จะด้วยประวัต ิ ทเี่ ราเคยศกึ ษา ใบหนา้ ทเี่ ราพบเหน็ เรารเู้ ลยวา่ ดว้ ยแบบ แววตาแล้วก็โหงวเฮ้งเขานี่ ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมาเยอะ มาก เราก็จะต้องค้อมหลังโดยอัตโนมัติ แต่ว่าเกิดมีบาง จังหวะ เราไปเห็นคนท่ีศักยภาพในตัวเขาไม่เพียงพอท่ี เราจะต้องรู้สึกว่าอ่อนน้อม เราต้องทำอย่างไรในการ วางใจให้รู้สึกอ่อนน้อมถ่อมตน กับผู้ใหญ่บางคนที่ทำตัว ไม่ดคี ะ ว. วชิรเมธี 29
ว.วชิรเมธี: การอ่อนน้อมถ่อมตนน่ีเราเรียก อีกอย่างหนึ่งว่าการแสดงความเคารพ คำน้ีต้องตีความ นะ ถ้าเราเคารพจริงๆ เราเคารพจากจิตจากใจเลย ถึง แม้เราไม่ได้ยกมือไหว้ แต่เราเห็นเขาเดินมาไกลๆ กำลัง คุยอยู่กับคนโน้น กำลังคุยอยู่กับคนนี้ แต่เรารู้สึกว่า คนคนนี้เป็นคนท่ีฉันยอมให้ เราไม่ต้องยกมือไหว้ แต่ถ้า ใจมันยอมให้ นี่เรามีสัมมาคารวะเรียบร้อยแล้ว วัดจาก ใจสำคัญ แต่ถ้าอีกคนหนึ่งเดินมา โอ้โห เป็นผู้ใหญ่ที่มี อำนาจในบ้านเมือง แต่เราก็รู้ว่า ประวัติกระดำกระด่าง มากเลย แต่เด๋ียวต้องเจอกันบนเวทีละ ทีนี้เราก็แสดง ความเคารพ คือยกมือขึ้นไหว้ให้พอเหมาะพอควรกับ สถานการณ์และกาลเทศะ ถึงแม้ใจจะไม่ยอมรบั แต่เรา ก็ให้เกียรติเขาด้วยการแสดงความเคารพ เพราะนี่คือ จรรยามารยาทของการอยู่รว่ มกันในสงั คม ไก่ มีสุข: กลับไปที่ข้อแรกๆ ท่ีพระอาจารย์ บอกไดเ้ หมือนกนั นะคะ ว.วชิรเมธี: ฉะน้นั ไม่เปน็ ปญั หานะ ถ้าเราเคารพ จริงๆ เราอาจจะไม่ต้องแสดงออกก็ได้ ใครก็รู้ว่าเรา เคารพ แต่ถ้าคนที่เราไม่เคารพ เราก็ไม่จำเป็นจะต้อง เดินไปบอกเขาว่า พี่หนูไม่ชอบหน้าพ่ี เราก็ยกมือไหว้ไป สิ มอื มันไมห่ กั คาทีห่ รอก 30 ขยาย พื้นที่ความดี กระจายพื้นท่ีความสขุ
ไก่ มีสุข: ค่ะ นี้เป็นเคล็ดลับข้อหน่ึงก็แล้วกัน นะคะ จะได้ชัดเจนว่าแหมบางทีมันประดักประเดิด บางทีพอจะทำความดีปุ๊บ แหมเธอไม่ต้องมาทำเป็น คนดี ฉันรูว้ า่ เธอไม่ชอบเขาหรอก อะไรอย่างน ี้ ว.วชิรเมธี: เจอคนที่ไม่อยากไหว้ บางคน ก็เถรตรงไม่ไหว้เสียเลย เขาเดินผ่านมาก็ทำไม่เห็น และบางทีไม่เคยรู้จักมักคุ้นกันมาก่อน แต่พอเราไป แสดงอาการอย่างน้ีป๊ับ เราก็เพ่ิมศัตรูไปอีกหน่ึงคน เพราะฉะนั้นคนมีปัญญาพอ เขาจะรู้ว่าเมื่อไหร่ควร แสดงออก และเม่ือไหร่ไม่ควรแสดงออก ถ้าเรามี ปัญญา ปัญญาตัวน้ีก็จะบอกเราเองว่า ความเหมาะ ความควรอยู่ตรงไหน คนโบราณท่านฉลาดมาก ท่าน สอนลูกสอนหลานว่า จำไว้นะลูก น้ำขุ่นอยู่ข้างใน น้ำใสอยู่ข้างนอก เราจะขุ่นกับเขาอย่างไรเก็บไว้ข้างใน อยตู่ ่อหนา้ เขาเรากใ็ สไว้กอ่ น ว. วชิรเมธี 31
๕. ความดีจากการชว่ ยเหลือเพื่อนมนษุ ย ์ มาดูความดีข้อท่ีห้า ท่านบอกว่า “เวยยา- วัจจมัย” หมายความว่า การมีจิตสำนึกสาธารณะคอย ช่วยเหลือเก้ือกูลเพ่ือนมนุษย์ พูดอีกอย่างหน่ึงว่า การมี จิตในเชิงสังคมสงเคราะห์ เห็นใครทำคุณงามความดีอยู่ ท่ีไหนแล้ว อดรนทนไม่ได้ อยากจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่ง ไปช่วยเหลือเกื้อกูล ไปให้กำลังใจ ไปเป็นพันธมิตร แ ห่ กั น ไ ป ช่ ว ย เ ห ลื อ เ ก้ื อ กู ล เ ห มื อ น ช่ ว ง ท่ี ผ่ า น ม า ท่ี อาตมภาพได้ร่วมกับทางรายการ ผู้หญิงถึงผู้หญิง ทำโครงการทอดกฐนิ นำ้ ใจชว่ ยพระสงฆป์ ระสบภยั นำ้ ทว่ ม พอทางผู้หญิงถึงผู้หญิงเอาไปประกาศเท่าน้ันเอง คนไทยแห่มาร่วมบริจาคช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ความดีที่ เราช่วยเหลือเกื้อกูลกันเวลาเพื่อนมนุษย์ประสบความ ตกทกุ ข์ได้ยากอยา่ งน้ีแหละ เราเรียกวา่ “เวยยาวัจจมยั ” แปลงา่ ยๆ ว่าการทำความดดี ้วยการรับใชเ้ พ่อื นมนษุ ย์ ไก่ มสี ุข: การรับใชเ้ พือ่ นมนุษย์ ไดท้ ุกอยา่ งเลย ใชไ่ หมคะพระอาจารย์ ถา้ เราเหน็ เขาเดอื ดรอ้ น ไมจ่ ำเปน็ ว่าจะต้องเห็นเป็นรูปธรรมเช่นช่วยน้ำท่วม อาจจะมอบ โอกาสใหมๆ่ ใหแ้ กเ่ ขา เพอื่ นตกงาน เรากห็ างานใหเ้ พอื่ น ชว่ ยประสานงานใหอ้ ย่างน้ีกไ็ ดเ้ หมอื นกันใชไ่ หมคะ 32 ขยายพื้นท่ีความดี กระจายพื้นท่ีความสุข
ว.วชริ เมธ:ี ใช่ พดู งา่ ยๆ วา่ เห็นใครมปี ัญหาตรง ไหน เห็นใครกำลังอยู่ในสภาวะอยากได้รับความช่วย เหลือตรงไหน เราเดินเข้าไปแล้วถามว่า ขอโทษ นะครับ ผมพอจะช่วยอะไรคุณได้บ้างครับ ซึ่งอาการ อยา่ งนเี้ วลาเราไปตา่ งประเทศในอเมริกา ในยโุ รป เราจะ เห็นว่าฝรั่งเขาฝึกกันจนเป็นอุปนิสัย เช่น เรากำลังจะ ถ่ายรูป ถ้าเขาเห็นนะ เขาจะเดินเข้ามาและบอกว่า ผมช่วยนะครับ เหน็ อยู่ท่วั ๆ ไป แต่มีข้อควรระวังนิดหน่ึงนะ เวลาที่เราทำงาน ด้วยจิตอาสาอยากจะรับใช้เพื่อนมนุษย์ เราก็ต้อง ดูว่า เวลาที่เราอยากจะเข้าไปช่วยเหลือเขา เขาอยากให้ เราช่วยไหม ดูสีหน้าเขา ดูท่าทางเขา ดูปฏิกิริยาเขา วา่ ฉนั อยากจะชว่ ยเตม็ กลนื แลว้ นะ แตถ่ า้ เขาไมเ่ ตม็ ใจละ่ อย่าเชียวนะ อาหารท่ีจัดให้ตอนที่เขาไม่หิว จะไม่มี คณุ คา่ ฉะน้นั ตอ้ งดูกาลเทศะดว้ ย เรว็ ๆ นพี้ ระอาจารยไ์ ปพดู ทจ่ี ฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั พอดีได้เสวนาร่วมกับผู้หลักผู้ใหญ่ท่านหนึ่งในแวดวง ของคนพิการทางสายตา พูดง่ายๆ ว่าคนตาบอด เขา เล่าให้ฟังว่า ก่อนท่ีผมจะข้ามมาตรงนี้นะ ผมก็ข้ามถนน ว. วชิรเมธี 33
มาจากฝ่ังโน้น ผมสวมแว่นตาดำ ใครๆ ก็รู้ว่าผมเป็นคน ตาบอด พอผมเพิ่งข้ามมาป๊ับ นักศึกษาคนหน่ึงเขาจับ มือผมข้ามไปฝ่ังโน้นปุ๊บเลย ท้ังท่ีเพ่ิงข้ามฝ่ังโน้นมาฝ่ังนี้ นะ กจ็ ติ อาสาไง เลยวนุ่ วายหมด ตอ้ งกลบั มาอกี รอบหนงึ่ 34 ขยายพ้ืนที่ความดี กระจายพ้ืนที่ความสุข
๖. ความดจี ากการแบง่ ความสุข ความดขี ้อทหี่ ก “ปัตติทานมยั ” การแบ่งคณุ งาม ความดี หรือแบ่งความสุขความรื่นเริงบันเทิงใจท่ีตน ไดร้ บั จากการทำอะไรดๆี ใหแ้ กค่ นอน่ื เชน่ วนั นค้ี ณุ โยมไก่ มาในงานน้ี ก็เห็นว่า ทางตลาดหลักทรัพย์นี่มอบเงินถึง ๑๒ ล้านบาทให้แต่ละองค์กรเอาไปต่อยอดทำความดี อู้หู เห็นแล้วชื่นใจ เด๋ียวกลับไปนะ ต้องไปเล่าให้ กะละแมร์ฟัง พอเขาได้ฟังปุ๊บ เขาก็ช่ืนใจด้วย พูดง่ายๆ วา่ เวลาเราทำอะไรดๆี แลว้ เราไมห่ วง เราแบง่ ปนั ออกไป เราเล่าออกไป หรืออาตมากลับไปก็อาจจะเขียนลงใน บทความ แล้วลงในคอลัมน์ของอาตมภาพ กระจาย คุณงามความดี กระจายความสุขความเบิกบานท่ีเรา ได้รับ ให้คนอ่ืนเขาได้รับรู้ เขาจะได้รู้ว่า อ้อ ตรงนี้มีการ ทำความดีเกิดขึ้นนะ ตรงน้ีมกี ารทำบุญเกดิ ขนึ้ นะ เหมือนประเพณีวัฒนธรรมของชาวล้านนาไทย อย่างช่วงท่ีเป็นเทศกาลยี่เป็ง โคมลอยจะขึ้นสู่ฟ้าที่ เชียงใหม่เชียงรายนับเป็นพันๆ ลูก รู้ไหมโคมลอยนั่นคือ สัญลักษณ์อะไร ถ้าเรามองตื้นๆ เราก็บอก ปล่อยทำไม เครื่องบินน่ะบินลำบากมากเลยนะ เราจึงไม่อยากให้ ปลอ่ ย แลว้ กร็ ณรงคว์ า่ อยา่ ปลอ่ ยโคมลอยๆ แตห่ ารไู้ มว่ า่ ว. วชิรเมธี 35
แท้จริงแล้วโคมลอยนั่นคือสัญลักษณ์ว่า มนุษย์ปุถุชน บนดินได้ทำคุณงามความดีแล้ว อยากจะแจ้งข่าวให้ เทวดาร่วมด้วย ปลอ่ ยโคมลอยข้ึนไป ในสมัยโบราณไม่มี การส่งเอสเอ็มเอส ก็เลยใช้โคมลอยส่งข้ึนไปถึงเทวดา ทุกสวรรค์ช้ันฟ้าให้รู้ว่า บนดินมีการทอดกฐินทอดผ้าป่า สามัคคี มีการลอยกระทงขอขมาพระแม่คงคา ถ้ารู้แล้ว นี่ ก็ขอให้มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งแห่งบุญกับเราด้วยนะ นี่คอื ทำบญุ แล้วไม่หวงบญุ วนั นเี้ รามาฟงั ธรรมบรรยายธรรมเสวนาทน่ี ่ี จบแลว้ โทรไปหาคุณแม่ บอกว่าน่ีวันนี้มาฟังธรรมนะได้อะไร เยอะจัง ก็เลยอยากจะเล่าให้แม่ฟัง อยากจะเล่าให้พ่อ ฟัง อยากจะเล่าเพื่อนฟัง น่ีเคยได้ยินไหมเรื่องแบบนี้น่ะ ท่าน ว. บอกว่าจิตอาสาต้องดูหน้าดูตาคนท่ีเธอจะไป อาสาด้วยนะ ทำความดีแล้ว แบ่งออกไปๆ ให้คนอื่น ไดย้ นิ ไดฟ้ งั กับเรา ได้รับความสุขรว่ มกันกบั เรา ไก่ มสี ขุ : แคน่ เ้ี อง ขอ้ นไ้ี มย่ ากนะคะพระอาจารย์ มีดีแล้วไม่ติดดี ทำดีไม่หวงดี เราไปทำบุญมา เราก็ร่วม แบง่ บุญใหแ้ กเ่ พือ่ นได้เหมอื นกันนะคะ 36 ขยายพ้ืนที่ความดี กระจายพื้นที่ความสขุ
ว.วชริ เมธ:ี พดู งา่ ยๆ ทสี่ ดุ กค็ อื ทำบญุ แลว้ แบง่ บญุ ทำดีแล้วแบ่งดี ทำกุศลแล้วก็เผ่ือแผ่ส่วนกุศล เหมือนที่ เรามีประเพณีกรวดน้ำ ทำบุญเสร็จก็กรวดน้ำ แล้วแบ่ง ให้คนท้ังโลก สรรพชีพสรรพสัตว์ท่ัวท้ังสากลโลกขอให้ มารบั เอากศุ ลผลบญุ ทข่ี า้ พเจา้ ไดท้ ำในวนั นไี้ ป อนโุ มทนา สาธุการด้วยนะ เห็นไหมเรามีอยู่แล้วพิธกี รรมเหล่าน ้ี ไก่ มีสุข: ได้เลยนะคะ ข้อนี้เหมือนกับเราฝึกให้ ตวั เราไม่โลภด้วยนะคะพระอาจารย์ ว.วชิรเมธี: ความดีข้อน้ีถ้าใครทำคนคนน้ันจะ สามารถตัดความตระหน่ีถี่เหนียวได้ ครูบาอาจารย์ของ อาตมภาพท่านบอกว่า ถ้าเธอมีขนมอยู่ชิ้นหนึ่งแล้วกิน คนเดียว ก็อ่ิมคนเดียวและครั้งเดียว แต่ถ้าเธอแบ่งให้ เพื่อนช้ินหนึ่ง อิ่มอยู่ในใจเพ่ือนไปตลอดกาล น่ันแหละ คือรูปธรรมของการมีดีแล้วไม่ติดดี แต่แบ่งดีออกไป ให้ ความดีน้นั ถูกส่งต่อเป็นโดมิโน ไก่ มสี ขุ : ขอ้ นผ้ี า่ นไปคะ่ พระอาจารย์ ตอ่ ไปขอ้ เจด็ คะ่ ว. วชิรเมธี 37
๗. ความดีจากการช่ืนชม รว่ มยนิ ดี ว.วชิรเมธี: ข้อที่เจ็ด อันน้ีก็สำคัญมาก เขา เรียกว่า “ปัตตานุโมทนามัย” แปลว่า บุญหรือคุณงาม ความดีท่ีเกิดขึ้นจากการพลอยโมทนาสาธุการเม่ือเห็น คนอื่นเขาทำอะไรดีๆ อย่างวันนี้ทางตลาดหลักทรัพย ์ มามอบทุน แล้วแต่ละองคก์ รก็ไม่ไดเ้ กบ็ ทนุ เอาไว้ เอามา ให้อาตมาปั๊บ อาตมาก็แบ่งต่อปุ๊บ เรียกว่ารับก็เพื่อให้ ได้ก็เพ่ือแจก ส่งต่อๆ ความดีให้แตกหน่อต่อใบ ขยาย วงกว้างย่ิงๆ ข้ึน เราน่ังอยู่ข้างล่างเราไม่ได้รับด้วยตัวเอง แต่เราเห็นแล้ว โอ้โห ชื่นใจเหลือเกิน ยกมือขึ้นสาธุ อยากให้องค์กรอื่นๆ ทำอย่างน้ีจังเลย เมืองไทยจะได้ สูงขึ้น แค่รู้สึกเชิงบวกอย่างน้ีนะ เม่ือเราเห็นคนอื่น ทำความดี เราก็ได้บุญเท่ากับคนท่ีเขาทำด้วยตัวเอง บญุ ข้อน้สี ำคญั มาก ปัตตานุโมทนามัยเป็นคุณงามความดีท่ีถูก ออกแบบมาเพ่ือกำจัดความริษยาโดยตรง เพราะ ธรรมชาติของมนุษย์ท่ียังไม่ผ่านการศึกษา เวลาเห็น คนอื่นทำความดี เช่น เห็นใครสักคนหนึ่งลงไปช่วย นำ้ ทว่ ม กจ็ ะหาวา่ ทำดีเอาหนา้ อยากดงั หรือบริจาคเปน็ แฟชั่น เดี๋ยวสมัยหน้าลงการมือง อยากเป็นข่าว ฉวย โอกาสละสิ อยากจะสร้างเรตต้ิง โอ้โห สารพัด แล้วก็ 38 ขยายพื้นท่ีความดี กระจายพ้ืนท่ีความสขุ
วิจารณ์ไป จิกไป กัดไป ถามว่าคนท่ีวิจารณ์ได้ลงไป ทำอะไรเพื่อเพ่ือนมนุษย์ไหม ก็ไม่ทำ แล้วการที่เรา มีท่าทีเชิงลบต่อการทำคุณงามความดีของเพื่อนมนุษย์ จิตใจตัวเองก็ขุ่นก็มัวหมอง วิจารณ์แล้วใช่จะมีความสุข นะ เท่ากับว่าเรากำลังเอาเข็มนี่ท่ิมตัวเองลงไป ทุกครั้ง ที่เห็นคนอื่นทำความดี แทนท่ีดอกบัวหัวใจจะผลิบาน ขึ้นมา กลายเป็นว่าเหน็ คนอน่ื ทำความดีป๊ับ หยบิ เขม็ มา เล่มหน่ึงท่ิมๆ เห็นคนอื่นทำความดีเขามีความสุข แต่ทำไมตัวเองกลับมีความทุกข์ เพราะไม่รู้จักโมทนา สาธุการในความดขี องคนอน่ื สังคมใดก็ตามที่มีคนมองคนอื่นเชิงลบ เวลาเขา ทำความดมี ากๆ สงั คมนน้ั คนดจี ะทอ้ แท้ และกก็ ระบวนการ ทำความดีก็จะถูกจำกัดอาณาบริเวณ เพราะว่าไม่มีพลัง แต่ถ้าสังคมใดก็ตามช่ืนชมคนทำดี จะมีคนลุกขึ้นมา ทำความดตี อ่ เน่อื งๆ เป็นโดมโิ น เป็นลูกระนาด เหมอื นที่ ไต้หวัน ดาราทุกคนของไต้หวันมีความฝันอย่างหนึ่งว่า อยากจะไปเล่นละครโทรทัศน์ในช่องต้าอ้ายของมูลนิธิ ฉือจ้ี เป็นสถานโี ทรทัศนส์ ีขาว ซีอีโอทุกคนมคี วามฝนั ว่า อยากจะไปล้างห้องน้ำที่สมณารามของมูลนิธิฉือจ้ี เพราะน่ันคือองค์กรที่จัดการความดีได้เป็นอันดับต้นๆ ของโลก ทุกคนเห็นคนอื่นทำดีแล้วรู้สึกว่า โอ้โห วันน ้ี ว. วชิรเมธี 39
ซูเปอร์ซีอีโอของเรา ไปออกรายการทีวีสีขาว ทำอย่างไร ฉันจะได้ไปบ้าง เห็นไหมพอเขามีตัวอย่างคนดี ก็เพ่ิม ข้ึนๆ มนษุ ยท์ กุ คนนน้ั มธี าตแุ หง่ การเปน็ คนดี แตบ่ างที ถ้าธาตุน้ีถูกบดบังด้วยความอิจฉาริษยา หรือวัฒนธรรม ท่ีใจแคบ เราก็จะลดการทำความดีลง แล้วหลังจากน้ัน เราก็จะติดอยู่ในวัฒนธรรมของการดูหม่ินถ่ินแคลน อจิ ฉารษิ ยา ใจแคบ จบั ผดิ รษิ ยา อาฆาต เจา้ คดิ เจา้ แคน้ เจ้าวางแผนการ คนทำความดีก็รู้สึกว่า เรื่องอะไรฉันจะ ทำความดใี หเ้ ปลอื งตัว เพราะทำไปก็มีแต่คนดา่ ไก่ มสี ขุ : แคฟ่ ังยงั รสู้ ึกหดหู่เลยคะ่ พระอาจารย์ ว.วชิรเมธี: ใช่ แต่ตรงกันข้ามนะ ถ้าเห็นเขา ทำความดี ฉันต้องไปช่วยแล้ว ฉันจะอยู่อย่างน้ีได้ อย่างไร ก็แข่งกันทำความดี ต้องลุกข้ึนมาทำอะไร สักอย่างหนึ่ง ถ้าเป็นอย่างน้ีสังคมจะดีขึ้นๆ เหมือนที่ บิล เกตส์ต้ังมูลนิธิข้ึนมา วอร์เรน บัฟเฟตต์บอกเอา ด้วยสิ ฉันทำดว้ ย หรือ เจท็ ลี ตัง้ มูลนิธขิ นึ้ มา เฉินหลง บอก เฮย้ ฉันเอาด้วยนะ พอ ชารอน สโตนไดอ้ า่ นขา่ ว เฉินหลง ชารอนบอกว่า ฉันเอาด้วยสิ แล้วตอนน้ี 40 ขยายพ้ืนท่ีความดี กระจายพื้นที่ความสุข
ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอบอก ผมขอพ่วงด้วยนะ กลาย เป็นว่าดาราฮอลลีวูดเกิดแฟชั่นใหม่ ทำโรงเรียนให้น้อง ในแอฟรกิ าใต้ เหน็ ไหม ความดที ถี่ กู เหน็ คณุ คา่ จะผลบิ าน เป็นความดที ีไ่ ร้ขีดจำกดั ดงั นน้ั พระอาจารยค์ ดิ วา่ บญุ ขอ้ นเ้ี ปน็ บญุ ทสี่ ำคญั มาก อยากจะเปรียบเทียบอย่างหนึ่งว่า บัวตูมทุกดอกท่ี ผลิบานเป็นบัวบานอย่างงดงาม เพราะบัวตูมทุกดอก น้ันเมื่อแสงตะวันสาดมาต้อง บัวตูมทุกดอกไม่ อิจฉาแสงตะวัน เปิดใจกว้างพร้อมรับแสงแรกของ ดวงตะวัน บัวดอกนนั้ จึงได้ผลิบานอย่างถงึ ทส่ี ุด ใจทกุ ใจก็เหมอื นกนั จะพฒั นาถงึ ความเป็นจติ ใจ ท่ีประเสริฐเลิศล้ำ ก็ต่อเมื่อเห็นคนอื่นทำคุณงามความด ี แลว้ ใจดวงนน้ั ผลบิ านเปดิ รบั ถา้ ใจดวงไหนก็ตามผลิบาน เปิดรับในคุณงามความดีท่ีคนอื่นได้ทำ ใจดวงนั้นก็จะ พัฒนาเป็นใจท่ปี ระเสรฐิ เลิศล้ำในทสี่ ดุ ฉะน้นั เราต้องถามตวั เองว่า เห็นคนอื่นทำความดี เราเป็นบัวท่ีผลิบาน หรือเราเป็นเข็มที่หยิบมาทิ่มลงไป คนอื่นทำดีแล้วเรื่องอะไรหาทุกข์ใส่ตัว คนอื่นทำความ ดีแลว้ เขามคี วามสุข เราต้องขอพว่ งความสุขไปกับเขา ว. วชิรเมธี 41
ไก่ มีสุข: คำพูดที่จะขอพ่วงความสุขกับเขาน ่ี เราสามารถบอกว่า อนุโมทนาบุญด้วยนะคะ อย่างนี้ได ้ ไหมคะพระอาจารย ์ ว.วชิรเมธี: เจริญพร ถ้าเป็นภาษาไทยก็คือ สาธุ ขออนุโมทนาด้วยนะคะ ขออนุโมทนาด้วยนะครับ อย่าไปบอกว่าฉันขอริษยาด้วยนะ เสียชื่อหมดเลย อย่าเด็ดขาด ฉันขอแสดงความไม่ยินดีด้วยท่ีเธอได้ รับรางวัล อยา่ ไปพูดอะไรอยา่ งนี้ เพราะฉะนั้นวัฒนธรรม อนุโมทนาน่ีมีอยู่แล้ว แม้แต่ฝรั่ง เวลาใครทำอะไรดีๆ กจ็ บั มอื ขอแสดงความยนิ ดดี ว้ ย เวลาบณั ฑติ ไดร้ บั รางวลั เราก็มีการแสดงความยินดี นั่นแหละคือวัฒนธรรม มทุ ติ าจติ หรอื วฒั นธรรมอนโุ มทนาทเ่ี ราควรจะสรา้ งสรรค์ พฒั นาให้งอกงามยิ่งๆ ขนึ้ ไป ไก่ มีสุข: ค่ะ แล้วจิตใจเราก็เติบโตงอกงามรับ แสงตะวนั ดว้ ยนะคะ ขอ้ แปดคะ่ พระอาจารย์ 42 ขยายพื้นที่ความดี กระจายพ้ืนท่ีความสขุ
๘. ความดีจากการฟังเปน็ ว.วชิรเมธี: การทำความดีข้อที่แปด ก็คือ “ธัมมัสสวนมัย” คุณงามความดีซ่ึงเกิดจากการรู้จักฟัง ในส่ิงท่ีเป็นแก่นสาร เราฟังกันอยู่ทุกวัน เราฟังสารพัด จะฟงั แตห่ ูเรานเ่ี คยได้ฟงั เนื้อหาสาระดๆี ไหม เคยไดฟ้ งั ความจรงิ ไหม เคยไดฟ้ งั อะไรท่เี ป็นความรไู้ หม เคยไดฟ้ งั อะไรท่ีเป็นแรงบันดาลใจไหม เคยได้ฟังเสียงธรรมะไหม เคยได้ฟังดนตรีคลาสสิกที่อาจารย์สุกรีทำให้ฟังไหม การรู้จักเลือกฟังสิ่งที่ดีงามล้ำเลิศ ซ่ึงจะก่อให้เกิดสุนทรี- ยะ คอื ความงดงามในชวี ติ เปน็ บุญชนิดหนงึ่ เหมอื นกนั ไก่ มสี ขุ : โอโ้ ห การเลอื กฟงั นหี่ รอื คะพระอาจารย์ อย่าเพิ่งเลิกดูรายการหนูนะคะ ฟังข้อน้ีเดี๋ยวเขาไม่ดูหนู ทง้ั ประเทศเลยนะคะพระอาจารย ์ ว.วชิรเมธี: ฉะนั้นถ้าบอกว่า ฟังเป็นก็เป็นบุญ ทีน้ีมีอะไรให้ฟังตั้งเยอะต้ังแยะ เราก็เลือกเอาสิ วิทยุม ี กี่พันคล่ืนล่ะในเมืองไทย เลือกเอา หรือว่าเปิดใน อินเทอร์เน็ต แต่ละเว็บไซต์มีเสียงต่างๆ ให้โหลด เราก็ เลือกโหลดเอาสิ อะไรก็ตามที่เราฟังแล้วทำให้คุณภาพ ชีวิตของเราดีข้ึน ทำให้คุณภาพของสติปัญญาของเรา แหลมคมขึ้น ทำให้วิสัยทัศน์ของเรากว้างไกลขึ้น หรือ ว. วชิรเมธี 43
ทำให้ปรีชาญาณของเราลุ่มลึกขึ้น สิ่งเหล่าน้ันทั้งหมด เป็นบุญ ไก่ มีสุข: โอ้โห ไม่เคยทราบเลยค่ะว่าการเลือก ฟังดีเปน็ บุญดว้ ย ว.วชิรเมธี: ใช่ พระพุทธเจ้าท่านก็ตรัสนะว่า สสุ สสู ัง ละภะเต ปัญญงั ฟงั เปน็ กเ็ ห็นธรรม ไก่ มีสุข: พระอาจารย์ แล้วถ้าอย่างน้ีบางคน บอกว่า แหมเวลาเราฟังส่ิงท่ีดีมีสาระบางทีมันก็หาว มันหาวขึ้นมาเองอัตโนมัติค่ะพระอาจารย์คะ ยิ่งได้ยิน เสียงพระปุ๊บ แทบพร้อมจะหาวเลย พร้อมจะหลับนะคะ ง้ันก็ขอฟังอะไรท่ีมันแบบว่าไร้สาระบ้างเพ่ือความบันเทิง เรงิ ใจของชีวติ อยา่ งนี้พอไดไ้ หมคะพระอาจารย ์ ว.วชิรเมธี: คือถ้าฟังแค่พอทำให้รู้สึกดีแก่ชีวิต ฟังพอให้เกิดความร่ืนรมย์ในชีวิตก็ไม่เป็นปัญหา แต่ถ้า ไปฟังแล้วคุณก็ปิดโอกาสตัวเอง พอฟังเพลงปั๊บฉันก็ไม่ ฟังธรรมแล้ว ถ้าอย่างนี้เริ่มจะเป็นปัญหา เพราะว่าใน ชีวิตน้ันมนุษย์ทุกคนจะต้องกินอาหารกันหลายแบบ อาหารอย่างหนึ่งก็คือ อาหารกาย เรากินกันอยู่ทุกวัน 44 ขยายพื้นท่ีความดี กระจายพื้นท่ีความสขุ
เรากินอาหารกายกันอยู่ทุกวันเพ่ือให้กายอยู่ได้ แต่ต้อง ไม่ลืมว่า ใจเขาก็ต้องการอาหารเหมือนกัน ฉะนั้นการ รู้จักฟังสิ่งที่เป็นแก่นสาร คือรูปแบบหน่ึงของการให้ อาหารใจ กายต้องกินอาหารฉันใด เราก็ต้องให้ใจได้กิน อาหารใจฉันน้ัน และอาหารใจนั้นก็มาทางตา มาทางหู หรือมาทางจินตนาการ เราต้องรู้จักให้ตาได้เห็นส่ิงที่ดี ให้หูรู้จักฟังส่ิงที่เป็นแก่นสาร และให้จิตได้คิดสิ่งที่เป็น สาระประโยชน์ดว้ ย ไก่ มีสุข: ไม่ใช่ว่าฟังอะไรที่เป็นบันเทิงแล้วไป บอกหมอ ขอผ่อนคลายความเครียด แต่ฟังไปๆ ดูละคร ไป ชักลุกขึ้นมาอยากจะไปตบเองอะไรอย่างนี้ อันน้ี ไม่ได้แล้ว กลายเป็นอีกแบบหน่ึงไปเลย จากตอนแรก ดูเพื่อความบันเทิง แต่พออินเข้าหน่อย อยากจะไป ทำร้ายเขาเอง อย่างนี้ไม่ไดน้ ะคะ ว. วชิรเมธี 45
๙. ความดีจากใหค้ วามรู้ ว.วชิรเมธี: ความดีข้อเก้า “ธรรมเทศนามัย” คุณงามความดีที่เกิดจากการแสดงธรรม ขอนิยาม ให้กว้างขวางเป็นการขยายพ้ืนที่อีกว่า คุณงามความดี ที่เกิดขึ้นจากการให้ความรู้เป็นวิทยาทานแก่เพ่ือนมนุษย์ ท้ังโลก ถ้านิยามอย่างนี้ป๊ับ ไม่ใช่พระคนเดียวแล้ว คุณโยมไก่เป็นส่ือมวลชน เอาข่าวมาน่ังอ่าน แล้วถ้า ข่าวน้ันเป็นข่าวท่ีมีสารประโยชน์ต่อผู้ชมท่ีเขาอยู่ ทางบ้าน คุณก็กำลังทำหน้าท่ีแสดงส่ิงที่เป็นแก่นสารให้ แกเ่ พ่อื นมนษุ ยแ์ ล้ว ฉะนั้นในที่น้ี ทุกท่านทุกคน ถ้าเรากำลังทำอะไร ก็ตามท่ีเป็นการแสดงออก คำว่าแสดงน้ันอาตมาอยาก จะบอกว่า มันคือการแสดงออก การแสดงออกทาง ความคิด เช่น เอาความคิดไปช่วยนำเสนอแนวคิด ใหม่ๆ ไอเดียใหม่ๆ นี่ก็เป็นการแสดงออกทางความคิด หรือเราคิดแล้วพูดออกมา ให้คนได้ฟังคำพูดของเรา แล้วเขาไปปรับเปลี่ยนชีวิตของเขาให้ดีข้ึน ก็เป็นการ แสดงออกทางวาจา หรือการที่เราอยากให้กำลังใจใคร คนใดคนหนง่ึ เราเดินเข้าไปบีบมือเขาเบาๆ โอบไหล่เขา แค่นั้นก็เป็นการแสดงออกทางกาย ถ้าเขารู้สึกว่าการ แสดงออกทางความคิด การแสดงออกทางคำพูด การ 46 ขยายพื้นท่ีความดี กระจายพื้นที่ความสุข
แสดงออกทางการกระทำของเราน้ัน ก่อให้เกิดส่ิงดีๆ ขึ้นมาในชีวิตของคนซ่ึงอยู่ตรงหน้าของเรา น่ันก็คือ การแสดงออกที่เป็นบุญเป็นคุณงามความดีทั้งหมด เหมอื นกนั ไก่ มีสุข: อืม ถือว่าเป็นการแสดงธรรมอย่าง หน่ึงเหมือนกัน ไม่เฉพาะแค่พระแล้ว หมายถึงทุกคนก็ สามารถขยายพื้นทคี่ วามดไี ด ้ ว.วชิรเมธี: ฉะนั้นใครคิดอะไรดีๆ ก็เป็นการ แสดงออกทางความคิด ใครพูดอะไรดีๆ ก็เป็นการ แสดงออกทางคำพดู ใครทำอะไรดๆี กเ็ ปน็ การแสดงออก ทางกาย ใครทำสามดีอย่างนี้ หรือใครแสดงออกใน สามมิติอย่างน้ี ถือว่ากำลังทำบุญทำกุศลอยู่ในชีวิตของ ตวั เองเรียบร้อยแลว้ ไก่ มสี ุข: ข้อสุดทา้ ยค่ะพระอาจารย์ ขอ้ สิบคะ่ ว. วชิรเมธี 47
๑๐. ความดจี ากการเห็นถูกตอ้ ง ว.วชิรเมธี: ข้อสุดท้ายน้ีสำคัญมาก เป็นหัวใจ ของทุกข้อ ท่านบอกว่าทุกข้อท่ีกล่าวมารวมลงในข้อ สดุ ทา้ ยเพยี งขอ้ เดยี ว ขอ้ สดุ ทา้ ยคอื “ทฏิ ชุ กุ รรม” แปล วา่ การปรับทัศนคติของเราให้ตรงกับความจริง ฟังดูง่าย แตป่ ฏิบตั ิยากไหม ไก่ มีสุข: ยากมากค่ะ เพราะอย่างแรกไม่รู้ว่า ความจรงิ เปน็ อย่างไรใช่ไหมคะพระอาจารย ์ ว.วชิรเมธี: ถูกต้อง ความจริงในโลกน้ี มีลักษณะอิงอาศัยซึ่งกันและกัน และมีความเป็นเหตุ เป็นผลอยู่ในตัว แต่มนุษย์มักจะเลือกมองความจริง เฉพาะบางส่วนบางท่อน แล้วก็คิดว่าความจริงเฉพาะท่ี ฉันเรียนรู้มา ที่ฉันได้ยินได้ฟังมา คือความจริงสุดท้าย ผลก็คือทำให้เรากลายเป็นคนใจแคบ พระพุทธเจ้าตรัส ว่าคนใจแคบมีลักษณะก็คือ เขาจะเช่ือม่ันศรัทธาในชุด ความคิดความจริงหรือทฤษฎีอย่างใดอย่างหน่ึงว่า ส่ิงท่ี ฉันเช่ือหรือรับรู้มานี้เท่านั้นคือความจริงสูงสุด ความจริง ชุดอ่ืนๆ เป็นความจริงท่ีไร้สาระท้ังหมด คนที่ใจแคบ อย่างน้ีแหละ เป็นคนท่ีเห็นไม่ตรงกับความจริง เพราะ 48 ขยายพ้ืนที่ความดี กระจายพื้นที่ความสุข
แท้ทจี่ ริงนั้น ความจรงิ มีลักษณะเชือ่ มโยง มีลกั ษณะเป็น เหตุเป็นผล ถ้าเราเห็นตรงกับความจริงก็คือเราเห็นว่า โลกน้ีสรรพส่ิงล้วนอิงอาศัยกัน เราจะออกจากความเป็น คนใจแคบ เราจะรู้จักมองอะไรในลักษณะองค์รวม ถ้า มองอะไรในลักษณะเช่นนี้ได้ ก็เรียกว่าเป็นคนท่ีม ี ความเห็นถูกมีความเห็นตรง ถ้าเรามีความเห็นถูกเรามี ความเห็นตรง เราจะทำอะไร เราจะไม่เป็นคนที่ไร้สาระ อกี ตอ่ ไปแลว้ ชวี ติ น้ที งั้ ชวี ติ จะกลายเป็นชีวติ ทม่ี แี ก่นสาร และมีสารประโยชน์ พระอาจารยข์ อแนะนำนดิ หนงึ่ นะ เชน่ พระอาจารย์ มีชาอยู่หนึ่งถ้วย คนส่วนใหญ่มองว่า ชาก็คือชา น่ีเขา เรียกว่ามองไม่ตรงตามความเป็นจริง เพราะแท้ท่ีจริง ชาไมไ่ ดเ้ กดิ จากชาเท่าน้นั ชาเกดิ จากส่วนผสมท่ีไมใ่ ช่ชา เช่น กว่าจะไปเป็นชาหน่ึงถ้วย ก็ต้องมีต้นชา แล้วต้นชา น้ันก็ต้องหย่ังโยงอยู่กับผืนดิน ต้องมีปุ๋ย ต้องมีน้ำ ตอ้ งมี อากาศ ต้องมีแสงแดด ต้องเกี่ยวข้องกับเม็ดฝน เม็ดฝน ก็หล่นลงมาจากก้อนเมฆ ก้อนเมฆจะปล่อยเม็ดฝนหล่น ลงมาได้ต้องมีความชื้นสัมผัส มีอุณหภูมิท่ีดึงดูดซ่ึงกัน และกันอยู่ ว. วชิรเมธี 49
Search