เรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั
ต ล อ ด เว ล า ก ว่ า ห ก ท ศ ว ร ร ษ แ ห่ ง ก า ร ค ร อ ง ร า ช ย์ ท่ี ผ่ า น ม าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของปวงชนท้ังชาติดว้ ยพระราชปณธิ านอันแน่วแน่ท่ีจะทรงเสียสละประโยชน์สุขส่วนพระองค์เพอื่ พสกนกิ รชาวไทย สมดังที่ได้พระราชทานพระปฐมบรมราชโองการว่า“เราจะครองแผน่ ดนิ โดยธรรม เพอ่ื ประโยชนส์ ขุ แหง่ มหาชนชาวสยาม”เรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัว
พระราชกรณียกิจท่ีพระองค์ทรงปฏิบัติ นับต้ังแต่เสด็จขึ้นเถลิงถวัลย์สิริราชสมบัติในปี ๒๔๘๙แ ส ด ง ใ ห้ เ ห็ น ถึ ง พ ร ะ เ ม ต ต า แ ล ะพระมหากรุณาธิคุณ ในการบำบัดทกุ ขบ์ ำรงุ สขุ ใหแ้ กพ่ สกนกิ รทง้ั แผน่ ดนิไดม้ ชี วี ติ ความเปน็ อยทู่ ดี่ ขี น้ึ ทรงทมุ่ เทพระวรกายตรากตรำและมงุ่ มนั่ เพอื่แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่พสกนิกร ไม่ว่าจะเชื้อชาติและศาสนาใด หรืออยู่ห่างไกลสักเพียงใดก็มิทรงย่อท้อ ทรงเข้าไปช่วยเหลือราษฎรท้ังด้านสาธารณสุข การศึกษาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน การเกษตร การฟ้ืนฟูทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ท้ังดิน น้ำ ป่าไม้ และพลังงาน หรือแม้กระท่ังการจราจรกท็ รงคิดคน้ แนวทางแก้ไขปัญหาได้อย่างแยบยล การทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นการดำเนินงานในลักษณะทางสายกลางท่ีสอดคล้องกับวิถีชีวิตของสังคมไทย และสามารถปฏิบัติได้จริง โดยทรงเน้น “การพัฒนาคน” เป็นตัวตั้ง และยึดหลักผลประโยชน์ของปวงชน และการมีส่วนร่วมตัดสินใจของประชาชน ตลอดจนภมู สิ ังคมที่คำนงึ ความแตกตา่ งกันในแตล่ ะพ้นื ท่ี และการพ่ึงตนเอง โดยรู้จักประมาณตนและดำเนินการด้วยความรอบคอบระมัดระวัง และ “ทำตามลำดับข้ัน” อย่างบูรณาการ ซึ่งอาศัยความ“เขา้ ใจ เขา้ ถงึ พฒั นา” และการ “รู้ รกั สามคั ค”ี ของทกุ ฝา่ ย สง่ ผลให้ประชาชนและชุมชนในชนบทที่ได้ดำเนินการตามแนวพระราชดำริมีความเปน็ อยู่ท่ีดขี น้ึ สามารถพงึ่ ตนเองไดท้ ้งั เรอ่ื งเศรษฐกจิ สังคม มีเทคโนโลยที ี่เหมาะสม ดำเนินการได้อย่างประหยัด และใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยัง่ ยืน อันนำไปสู่ชุมชนและสังคมทเ่ี ข้มแข็งและอยรู่ ่วมกันอยา่ งสนั ตสิ ขุ เรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จึงได้ขออนุญาตสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพ่ือประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) น้อมนำ“หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” อันทรงคุณค่ายิ่งซึ่งสำนักงาน กปร. ได้จัดพิมพ์ขึ้น มาจัดพิมพ์ลงในสมุดบันทึก“เรยี นรหู้ ลกั การทรงงาน ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” เผยแพรแ่ ก่ปวงชนชาวไทย เพ่ือช่วยเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจหลักการทรงงานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ภาคส่วนต่างๆ เห็นคุณค่าและยึดถือเป็นแนวปฏิบัติในการเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท เพื่อให้สามารถพ่ึงตนเองได้ และขยายไปสู่การพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็งสร้าง “สังคมอยเู่ ย็นเปน็ สุขรว่ มกัน” สบื ไป สำนักงานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ธันวาคม ๒๕๕๑ เรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อย่หู วั
ในพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั “หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว”ที่สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดำริ (กปร.) รวบรวมไว้มีความหลากหลายถึง ๒๓ หลักการซึ่งปวงชนชาวไทยสามารถน้อมนำไปปฏิบัติในวาระและโอกาสต่างๆตามความเหมาะสม ไดแ้ ก่ ๑.ศกึ ษาข้อมูลอยา่ งเปน็ ระบบ ๒.ระเบดิ จากขา้ งใน ๓.แก้ปญั หาทจ่ี ุดเลก็ ๔. ทำตามลำดับข้ัน ๕.ภูมสิ ังคม ๖.องคร์ วม ๗. ไม่ติดตำรา ๘.ประหยดั เรยี บงา่ ย ไดป้ ระโยชนส์ งู สดุ ๙.ทำใหง้ า่ ย ๑๐. การมีส่วนร่วม๑๑.ประโยชนส์ ว่ นรวม ๑๒.บรกิ ารรวมที่จดุ เดียว๑๓.ทรงใช้ธรรมชาติ ช่วยธรรมชาติ ๑๔.ใชอ้ ธรรมปราบอธรรม๑๕.ปลกู ปา่ ในใจคน ๑๖.ขาดทนุ คือกำไร๑๗. การพ่ึงตนเอง ๑๘.พออยู่พอกนิ ๑๙.เศรษฐกจิ พอเพยี ง ๒๐.ความซ่ือสัตย์ สุจริต จริงใจต่อกนั ๒๑.ทำงานอย่างมีความสุข ๒๒.ความเพียร : พระมหาชนก๒๓.รู้ รกั สามคั คี สำหรับรายละเอียดหลักการทรงงานในหวั เรอื่ งขา้ งต้นมีดงั ต่อไปนี้ เรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัว
การทจี่ ะพระราชทานโครงการใดโครงการหนงึ่ จะทรงศกึ ษาขอ้ มลูรายละเอียดอย่างเป็นระบบ ทั้งจากข้อมูลเบ้ืองต้นจากเอกสาร แผนท่ีสอบถามจากเจา้ หน้าท่ี นกั วิชาการ และราษฎรในพ้นื ที่ ให้ได้รายละเอียดที่ถูกต้อง เพ่ือท่ีจะพระราชทานความช่วยเหลือได้อย่างถูกต้อง รวดเร็วตรงตามความตอ้ งการของประชาชนเรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู วั
พระองค์ทรงมุ่งเน้น เรื่องการพัฒนาคน ทรงตรัสว่า“ต้องระเบิดจากข้างใน” หมายความว่า ต้องสร้างความเข้มแข็งให้คนในชุมชนท่ีเราเข้าไปพัฒนามีสภาพพร้อมที่จะรับการพัฒนาเสียก่อน แล้วจึงค่อยออกมาสู่สังคมภายนอก มิใช่การนำเอาความเจริญหรือบุคคลจากสังคมภายนอกเข้าไปหาชมุ ชนหมู่บา้ นที่ยงั ไม่ทนั ได้มโี อกาสเตรยี มตัวหรือตั้งตัว เรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู ัว
พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงเปยี่ ม ไปด้วยพระอัจฉริยภาพในการแก้ไขปัญหา ทรง มองปัญหาในภาพรวม (Macro) ก่อนเสมอ แต่ การแก้ปัญหาของพระองค์จะเริ่มจากจุดเล็กๆ (Micro) คือการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่คนมัก จะมองขา้ ม ดังพระราชดำรสั ความตอนหน่งึ ว่า “...ถ้าปวดหัวก็คิดอะไรไม่ออก เป็นอย่างน้ันต้องแก้ไขการปวดหัวนี้ก่อน...มันไม่ได้เป็นการแก้อาการจริงแต่ต้องแก้ปวดหัวก่อน เพอ่ื ท่ีจะใหอ้ ยู่ในสภาพทคี่ ิดได.้ ..แบบ (Macro)นี้ เขาจะทำแบบรื้อท้ังหมด ฉันไม่เห็นด้วย...อย่างบ้านคนอยู่เราบอกบ้านน้ีมันผุตรงน้ัน ผุตรงนี้ ไม่คุ้มที่จะไปซ่อม...เอาตกลงร้ือบ้านน้ีระเบิดเลย เราจะไปอยู่ท่ีไหน ไม่มีที่อยู่...วิธีทำต้องค่อยๆ ทำ จะไประเบดิ หมดไมไ่ ด้...”เรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัว
ในการทรงงาน พระองค์จะทรงเร่ิมต้นจากสิ่งที่จำเป็นของประชาชนทสี่ ดุ ก่อน ได้แก่ สาธารณสขุ เมื่อมรี ่างกายสมบรู ณแ์ ข็งแรงแล้วก็จะสามารถทำประโยชน์ด้านอ่ืนๆ ต่อไปได้ จากนั้นจะเป็นเร่ืองสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานและส่ิงจำเป็นในการประกอบอาชีพ อาทิ ถนนแหล่งน้ำเพ่ือการเกษตร การอุปโภคบริโภค ท่ีเอ้ือประโยชน์ต่อประชาชนโดยไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงการให้ความรู้ทางวิชาการและเทคโนโลยีท่ีเรียบง่าย เน้นการปรับใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ราษฎรสามารถนำไปปฏิบัติได้และเกิดประโยชน์สูงสุด ดังพระบรมราโชวาทเมื่อวันที่ ๑๘กรกฎาคม ๒๕๑๗ ความตอนหนงึ่ วา่ “...การพัฒนาประเทศจำเป็นต้องทำตามลำดับข้ัน ต้องสร้างพืน้ ฐานคือความพอมพี อกิน พอใช้ของประชาชนส่วนใหญ่เปน็ เบอ้ื งตน้กอ่ น ใช้วิธีการและอุปกรณท์ ่ปี ระหยดั แตถ่ กู ตอ้ งตามหลกั วชิ าการ เม่ือ เรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัว
ได้พ้ืนฐานท่ีม่ันคงพร้อมพอสมควรและปฏิบัติได้แล้ว จึงค่อยสร้างค่อยเสรมิ ความเจรญิ และฐานะเศรษฐกิจข้นั ท่สี งู ขน้ึ โดยลำดับตอ่ ไป หากมุง่แต่จะทุ่มเทสร้างความเจริญยกเศรษฐกิจให้รวดเร็วแต่ประการเดียวโดยไม่ให้แผนปฏิบัติการสัมพันธ์กับสภาวะของประเทศและของประชาชน โดยสอดคล้องด้วย ก็จะเกิดความไม่สมดุลในเรื่องต่างๆข้ึน ซ่ึงอาจกลายเป็นความยุ่งยากล้มเหลวได้ในท่ีสุด ดังเห็นได้ท่ีอารยประเทศกำลังประสบปญั หาทางเศรษฐกจิ อยา่ งรนุ แรงในเวลาน้ี การช่วยเหลือสนับสนุนประชาชนในการประกอบอาชีพ และต้ังตัวให้มคี วามพอกนิ พอใช้กอ่ นอืน่ เปน็ พนื้ ฐานนน้ั เป็นสง่ิ สำคญั อย่างยงิ่ยวด เพราะผู้ที่มีอาชีพและฐานะเพียงพอท่ีจะพ่ึงตนเอง ย่อมสามารถสร้างความเจริญก้าวหน้าระดับที่สูงได้ต่อไปโดยแน่นอน ส่วนการถือหลักท่ีจะส่งเสริมความเจริญให้ค่อยเป็นไปตามลำดับ ด้วยความรอบคอบระมดั ระวงั และประหยดั นน้ั กเ็ พอื่ ปอ้ งกนั ความผดิ พลาดลม้ เหลวและเพ่อื ให้บรรลุผลสำเรจ็ ไดแ้ นน่ อนบรบิ ูรณ์...”เรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเด็จพระเจา้ อย่หู วั
การพัฒนาใดๆ ต้องคำนึงถึงสภาพภูมิประเทศของบริเวณน้ันว่าเป็นอย่างไร และสังคมวิทยาเก่ียวกับลักษณะนิสัยใจคอของคน ตลอดจนวัฒนธรรมประเพณีในแต่ละท้องถ่ินที่มีความแตกต่างกัน ดังพระราชดำรัสความตอนหน่งึ ว่า “ . . . ก า ร พั ฒ น า จ ะ ต้ อ ง เ ป็ น ไ ป ต า ม ภูมิประเทศทางภูมิศาสตร์ และภูมิประเทศ ทางสังคมศาสตร์ในสังคมวทิ ยา คือ นสิ ัยใจคอ ของคนเรา จะไปบังคับให้คนอื่นคิดอย่างอื่น ไม่ได้ เราต้องแนะนำ เราเข้าไปช่วยโดยท่ีจะคิดให้เขาเขา้ กับเราไม่ได้ แต่ถา้ เราเขา้ ไปแลว้ เราเขา้ ไปดูวา่ เขาตอ้ งการอะไรจริงๆ แล้วก็อธิบายให้เขาเข้าใจหลักการของการพัฒนาน้ีก็จะเกิดประโยชนอ์ ยา่ งยง่ิ ...” เรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ ัว
ทรงมวี ธิ ีคดิ อยา่ งองค์รวม (Holistic) หรอื มองอย่างครบวงจร ในการที่จะพระราชทานพระราชดำริเกี่ยวกับโครงการหนึ่งน้ัน จะทรงมองเหตุการณ์ท่ีจะเกิดขึ้น และแนวทางแก้ไขอย่างเช่ือมโยง ดังเช่น กรณีของ“ทฤษฎีใหม่” ที่พระราชทานให้แก่ปวงชนชาวไทย เป็นแนวทางในการประกอบอาชีพแนวทางหนึ่งทพ่ี ระองค์ทรงมองอย่างองคร์ วม ต้ังแตก่ ารถือครองท่ีดินโดยเฉลี่ยของประชาชนคนไทย ประมาณ ๑๐-๑๕ ไร่ การบริหารจัดการที่ดินและแหล่งน้ำ อันเป็นปัจจัยพ้ืนฐานที่สำคัญในการประกอบอาชีพ เมื่อมีน้ำในการทำเกษตรแล้วจะส่งผลให้ผลผลิตดีขึ้นและหากมีผลผลิตเพิ่มมากขึ้น เกษตรกรจะต้องรู้จักวิธีการจัดการและการตลาด รวมถงึ การรวมกลมุ่ รวมพลังชุมชนให้มีความเข้มแขง็ เพ่ือพรอ้ มท่ีจะออกสู่การเปลี่ยนแปลงของสังคมภายนอกได้อย่างครบวงจรนั่นคือทฤษฎใี หม่ ขัน้ ท่ี ๑, ๒ และ ๓เรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู ัว
การพัฒนาตามแนวพระราชดำริ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีลั ก ษ ณ ะ ข อ ง ก า ร พั ฒ น า ท่ีอนุโลม และรอมชอมกับสภาพธรรมชาติ ส่ิงแวดล้อมและสภาพของสังคมจิตวิทยาแห่งชุมชน คือ “ไม่ติดตำรา” ไม่ผูกมัดติดกับวิชาการและเทคโนโลยีที่ไม่เหมาะสมกับสภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่แทจ้ รงิ ของคนไทย เรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั
ในเร่ืองของความประหยัดน้ี ประชาชนชาวไทยทราบกันดีว่าเร่ืองส่วนพระองค์ก็ทรงประหยัดมากดังท่ีเราเคยเห็นว่า หลอดยาสีพระทนต์นั้น ทรงใช้อย่างคุ้มค่าอย่างไร หรือฉลองพระองค์แต่ละองค์ทรงใช้อยู่เป็นเวลานาน ดังที่นายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชยั พฒั นา เคยเล่าวา่ เรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัว
“ . . . ก อ ง ง า น ใ น พ ร ะ อ ง ค์ โ ด ยทา่ นผหู้ ญงิ บตุ รี วรี ะไวทยะ บอกวา่ ปหี นงึ่พระองค์เบิกดินสอ ๑๒ แท่ง เดือนละแท่ง ใช้จนกระทั่งกุด ใครอย่าไปท้ิงของท่านนะ จะกริ้วเลย ประหยัดทุกอย่าง เป็นต้นแบบทุกอย่าง ทุกอย่างนี้มีค่าสำหรับพระองค์หมด ทุกบาททุกสตางค์จะใช้อย่างระมัดระวัง จะส่ังให้เราปฏบิ ตั ิงานด้วยความรอบคอบ...” ขณะเดียวกันการพัฒนาและช่วยเหลือราษฎร ทรงใช้หลักในการแก้ไขปัญหาด้วยความเรียบง่ายและประหยัด ราษฎรสามารถทำได้เองหาได้ในท้องถ่ินและประยุกต์ใช้สิ่งที่มีอยู่ในภูมิภาคนั้นๆ มาแก้ไขปัญหาโดยไม่ต้องลงทุนสูงหรือใช้เทคโนโลยีที่ไม่ยุ่งยากนัก ดังพระราชดำรัสความตอนหนึง่ วา่ “...ให้ปลูกป่า โดยไม่ต้องปลูก โดยปล่อยให้ขึ้นเองตามธรรมชาติ จะได้ประหยดั งบประมาณ...” เรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ ัว
ด้วยพระอัจฉริยภาพและพระปรีชาสามารถในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำให้การคิดค้น ดัดแปลง ปรับปรุง และแก้ไขงานการพฒั นาประเทศตามแนวพระราชดำรดิ ำเนนิ ไปไดโ้ ดยงา่ ย ไมย่ งุ่ ยากซบั ซอ้ นและท่ีสำคัญอย่างยิ่ง คือ สอดคล้องกับสภาพความเป็นอยู่และระบบนเิ วศโดยส่วนรวม ตลอดจนสภาพทางสังคมของชุมชนน้นั ๆ ทรงโปรดทจ่ี ะทำสิ่งที่ยากให้กลายเป็นง่าย ทำส่ิงที่สลับซับซ้อนให้เข้าใจง่าย อันเป็นการแก้ปัญหาด้วยการใช้กฎแห่งธรรมชาติเป็นแนวทางน่ันเอง แต่การทำส่ิงยาก ให้กลายเป็นง่ายน้ันเป็นของยาก ฉะนั้นคำว่า “ทำให้ง่าย” หรือ“Simplicity” จึงเป็นหลักคิดสำคัญที่สุดของการพัฒนาประเทศในรูปแบบของโครงการอนั เนอื่ งมาจากพระราชดำริเรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงเป็นนักประชาธิปไตย จึงทรงนำ “ประชาพจิ ารณ”์ มาใชใ้ นการบรหิ าร เพอ่ื เปดิ โอกาสใหส้ าธารณชน ประชาชนหรือเจ้าหน้าท่ีทุกระดับได้มาร่วมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับเร่ืองที่จะต้องคำนึงถึงความคิดเห็นของประชาชน หรือความต้องการของสาธารณชน ดงั พระราชดำรสั ความตอนหนง่ึ วา่ “...สำคญั ทสี่ ดุ จะต้องหดั ทำใจให้กว้างขวางหนกั แนน่ รจู้ ักรบั ฟงัความคิดเห็น แม้กระทั่งความวิพากษ์วิจารณ์จากผู้อื่นอย่างฉลาดเพราะการรู้จักรับฟังอย่างฉลาดนั้นแท้จริงคือ การระดมสติปัญญาและประสบการณ์อันหลากหลาย มาอำนวยการปฏิบัติบริหารงานให้ประสบความสำเรจ็ ทีส่ มบรู ณน์ ัน่ เอง...” เรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัว
การปฏิบัติพระราชกรณียกิจ และการพระราชทานพระราชดำริในการพัฒนาและช่วยเหลือพสกนิกร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงระลกึ ถงึ ประโยชนข์ องสว่ นรวมเปน็ สำคญั ดงั พระราชดำรสั ความตอนหนง่ึ วา่ “...ใครต่อใครบอกว่าขอให้เสียสละส่วนตัวเพ่ือส่วนรวม อนั น้ีฟังจนเบ่ือ อาจจะรำคาญด้วยซ้ำว่า ใครต่อใครมาก็บอกว่าขอให้คิดถึงประโยชน์ส่วนรวม อาจมานึกในใจว่า ให้ๆ อยู่เรื่อยแล้วส่วนตัวจะได้อะไร ขอให้คิดว่าคนที่ให้เพื่อส่วนรวมนั้นมิได้ให้ส่วนรวมแต่อย่างเดียวเป็นการใหเ้ พ่ือตัวเองสามารถท่จี ะมสี ว่ นรวมทจ่ี ะอาศัยได.้ ..” พระบรมราโชวาท มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ ๒๕๑๔เรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู วั
การบรกิ ารรวมทจ่ี ดุ เดยี วเปน็ รปู แบบการบรกิ ารแบบเบด็ เสรจ็หรือ One Stop Servicesท่ีเกิดขึ้นเป็นคร้ังแรกในระบบบ ริ ห า ร ร า ช ก า ร แ ผ่ น ดิ น ข อ งประเทศไทย โดยทรงให้ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริเป็นต้นแบบในการบริการรวมท่ีจุดเดียว เพื่อประโยชน์ต่อประชาชนท่ีมาขอใช้บริการ จะประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย โดยมีหน่วยงานราชการต่างๆ มาร่วมดำเนินการและให้บริการประชาชน ณ ทแี่ หง่ เดียว ดงั พระราชดำรัสความตอนหน่งึ วา่ เรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัว
“...กรม กองต่างๆ ท่ีเก่ียวข้องกับชีวิตประชาชนทุกด้านได้สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ปรองดองกัน ประสานกันตามธรรมดาแต่ละฝ่ายต้องมีศูนย์ของตน แต่ว่าอาจจะมีงานถือว่าเป็นศูนย์ของตัวเองคนอื่นไม่เกี่ยวข้อง และศูนย์ศึกษาการพัฒนาเป็นศูนย์ที่รวบรวมกำลังทั้งหมดของเจ้าหน้าที่ทุกกรม กอง ท้ังในด้านเกษตรหรือในด้านสังคม ท้ังในด้านหางาน การส่งเสริมการศึกษามาอยู่ด้วยกันก็หมายความว่าประชาชน ซ่ึงจะต้องใช้วิชาการท้ังหลายก็สามารถท่ีจะมาดู ส่วนเจ้าหน้าท่ีจะให้ความอนุเคราะห์แก่ประชาชนก็มาอยู่พร้อมกันในท่เี ดยี วกันเหมือนกนั ซ่งึ เป็นสองดา้ น กห็ มายถึงวา่ ท่ีสำคญั ปลายทางคือ ประชาชนจะได้รับประโยชน์และต้นทางของผู้เป็นเจ้าหน้าที่จะใหป้ ระโยชน์...”เรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั
ทร ง เข้าใจถึงธรรมชาติและต้ อ ง ก า ร ใ ห้ ป ร ะ ช า ช น ใ ก ล้ ชิ ด กั บธรรมชาติ ทรงมองอย่างละเอียดถึงปัญหาธรรมชาติ หากเราต้องการแก้ไขธรรมชาติ จะตอ้ งใชธ้ รรมชาตเิ ขา้ ชว่ ยเหลอือาทิ การแก้ไขปัญหาป่าเส่ือมโทรมได้พระราชทานพระราชดำริ การปลูกป่าโดยไม่ต้องปลูก ปล่อยให้ธรรมชาติช่วยในการฟ้ืนฟูธรรมชาติ หรือแม้กระท่ังการปลกู ปา่ ๓ อยา่ ง ประโยชน์ ๔ อยา่ งได้แก่ ปลูกไม้เศรษฐกิจ ไม้ผล และไม้ฟืน นอกจากได้ประโยชน์ตามช่ือของไม้แล้วยังช่วยรักษาความชุ่มช้ืนให้แก่พ้ืนดินด้วย เห็นได้ว่าทรงเข้าใจธรรมชาติ และมนุษย์อย่างเก้ือกูลกัน ทำให้คนอยู่ร่วมกับป่าได้อยา่ งยง่ั ยนื เรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ วั
ทรงนำความจรงิ ในเรอื่ ง ความเป็นไปแห่งธรรมชาติและ กฎเกณฑ์ของธรรมชาติมาเป็น หลักการ แนวปฏิบัติที่สำคัญ ในการแก้ปัญหาและปรับปรุง เปลี่ยนแปลงสภาวะที่ไม่ปกติ เข้าสู่ระบบที่เป็นปกติ เช่น การนำน้ำดี ขับไล่น้ำเสีย หรือ เจือจางน้ำเสียให้กลับเป็นน้ำดี ตามจงั หวะการขนึ้ ลงตามธรรมชาติ ของน้ำ การบำบัดน้ำเน่าเสียโดย ใช้ผักตบชวาซ่ึงมีตามธรรมชาติให้ดูดซึมส่ิงสกปรกปนเปื้อนในน้ำ ดังพระราชดำรัสความว่า “ใช้อธรรมปราบอธรรม”เรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัว
เป็นการปลูกป่าลงบนแผ่นดินด้วยความต้องการอยู่รอดของมนุษย์ ทำใหต้ ้องมีการบริโภคและใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างส้ินเปลือง เพ่ือประโยชน์ของตนเองและสร้างความเสียหายให้แก่ส่ิงแวดล้อม ปัญหาความไม่สมดุลจึงบังเกิดข้ึน ดังนั้น ในการท่ีจะฟ้ืนฟูทรัพยากรธรรมชาติให้กลับคืนมาจะต้องปลูกจิตสำนึกในการรักผืนป่าให้แก่คนเสียกอ่ น ดงั พระราชดำรัสความตอนหน่ึงว่า “...เจา้ หนา้ ทปี่ า่ ไมค้ วรจะปลกู ตน้ ไม้ ลงในใจคนเสยี กอ่ น แลว้ คนเหลา่ นน้ั กจ็ ะพากนั ปลกู ตน้ ไมล้ งบนแผน่ ดนิ และรกั ษาตน้ ไมด้ ว้ ยตนเอง...” เรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อย่หู วั
“...ขาดทนุ คอื กำไร Our loss is our gain...การเสยี คอื การได้ประเทศชาติก็จะก้าวหน้า และการที่คนอยู่ดีมีสุขน้ัน เป็นการนับที่เป็นมลู คา่ เงินไม่ได้...” จากพระราชดำรัสดังกล่าว คือ หลักการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่มีต่อพสกนิกรไทย “การให้” และ “การเสียสละ”เป็นการกระทำอันมีผลเป็นกำไรคือความอยู่ดีมีสุขของราษฎร ซ่ึงสามารถสะท้อนใหเ้ ห็นเปน็ รปู ธรรมชดั เจนได้ ดังพระราชดำรัสที่ไดพ้ ระราชทานแก่ตัวแทนของปวงชนชาวไทย ท่ีได้เข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรเน่ืองในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา เม่ือวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๓๔ ณ ศาลาดุสิดาลัยพระตำหนกั จิตรลดารโหฐาน ความตอนหนงึ่ ว่า เรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัว
“...ประเทศต่างๆ ในโลก ในระยะ ๓ ปี มานี้ คนท่ีก่อต้ังประเทศท่ีมีหลัก ทฤษฎีในอุดมคติท่ีใช้ในการปกครอง ประเทศล้วนแต่ล่มสลายลงไปแล้ว เมือง ไทยของเราจะสลายลงไปหรือ เมืองไทย นับว่าอยู่ได้มาอย่างดี เมื่อประมาณ ๑๐ วันกอ่ น มชี าวต่างประเทศมาขอพบ เพ่อื ขอโอวาทเก่ียวกับการปกครองประเทศ ว่าจะทำอย่างไร จึงได้แนะนำว่า ให้ ปกครองแบบคนจน แบบที่ไม่ติดตำรา มากเกินไป ทำอย่างมีสามัคคี มีเมตตา กัน ก็จะอยู่ได้ตลอดไม่เหมือนกับคนที่ทำ ตามวิชาการ ท่ีเวลาปิดตำราแล้วไม่รู้จะ ทำอย่างไร ลงท้ายก็ต้องเปิดหน้าแรกเร่ิมใหม่ ถอยหลังเข้าคลอง ถ้าเราใช้ตำราแบบอะลุ้มอล่วยกันในท่ีสุดได้ก็เป็นการดี ให้โอวาทเขาไปว่าขาดทุนเป็นการได้กำไรของเรา นักเศรษฐศาสตร์คงค้านว่าไม่ใช่ แต่เราอธิบายได้ว่า ถ้าเราทำอะไรที่เราเสีย แต่ในท่ีสุดเราเสียนั้น เป็นการได้ทางอ้อม ตรงกับงานของรัฐบาลโดยตรง เงินของรัฐบาลหรืออีกนัยหนึ่งคือเงินของประชาชน ถ้าอยากให้ประชาชนอยู่ดี กนิ ดี ก็ต้องลงทนุ ตอ้ งสรา้ งโครงสร้าง ซ่ึงตอ้ งใชเ้ งินเปน็ ร้อย พนั หม่นื ลา้ น ถ้าทำไปเปน็ การจ่ายเงินของรัฐบาล แตใ่ นไมช่ ้าประชาชนจะได้รบั ผล ราษฎรอยู่ดี กินดี ราษฎรไดก้ ำไรไป ถา้ ราษฎรมีรายได้ รัฐบาลก็เก็บภาษีได้สะดวก เพ่ือให้รัฐบาลได้ทำโครงการต่อไปเพอ่ื ความกา้ วหนา้ ของประเทศชาติ ถ้ารู้รกั สามัคคี รเู้ สยี สละ คอื การได้ ประเทศชาติก็จะก้าวหน้า และการที่คนอยู่ดีมีสุขนั้น เป็นการนับท่ีเป็นมลู คา่ เงินไม่ได.้ ..” เรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อย่หู ัว
การพฒั นาตามแนวพระราชดำรสั เพ่ือแก้ไขปัญหาในเบ้ืองต้นด้วยการแก้ไข ปญั หาเฉพาะหน้า เพอ่ื ใหม้ คี วามแขง็ แรง พอที่จะดำรงชีวิตได้ต่อไป แล้วขั้นต่อไป ก็คือการพัฒนาให้ประชาชนสามารถ อยู่ในสังคมได้ตามสภาพแวดล้อมและ สามารถ “พ่ึงตนเองได้” ในที่สุด ดังพระราชดำรัสความตอนหนึ่งวา่ “ . . . ก า ร ช่ ว ย เ ห ลื อ ส นั บ ส นุ นประชาชนในการประกอบอาชพี และตง้ั ตวั ใหม้ คี วามพอกนิ พอใชก้ อ่ นอน่ืเป็นส่ิงสำคัญยิ่งยวด เพราะผู้มีอาชีพและฐานะเพียงพอที่จะพ่ึงพาตนเองได้ ยอ่ มสามารถสร้างความเจริญในระดับสูงขั้นต่อไป...”เรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัว
การพัฒนาเพ่ือให้พสกนิกรท้ังหลายประสบความสุขสมบูรณ์ในชีวิตได้เร่ิมจากการเสดจ็ ฯ ไปเยีย่ มประชาชนทกุหมู่เหล่าในทุกภูมิภาคของประเทศไทยไ ด้ ท อ ด พ ร ะ เ น ต ร ค ว า ม เ ป็ น อ ยู่ ข อ ง เรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเด็จพระเจา้ อย่หู ัว
ราษฎรด้วยพระองค์เอง จึงทรง สามารถเข้าพระราชหฤทัยใน สภาพปัญหาได้อย่างลึกซ้ึงว่า มี เหตุผลมากมายท่ีทำให้ราษฎรตก อยู่ในวงจรแห่งทุกข์เข็ญ จากน้ัน ได้พระราชทานความช่วยเหลือให้ พสกนกิ ร มคี วามกินดอี ยู่ดี มีชวี ิต อยู่ในข้ัน “พออยู่พอกิน” ก่อนแล้วจงึ ขยบั ขยายใหม้ ขี ีดสมรรถนะทก่ี า้ วหนา้ ตอ่ ไป ในการพัฒนานั้น หากมองในภาพรวมของประเทศมิใช่งานเล็กน้อยแต่ต้องใช้ความคิดและกำลังของคนท้ังชาติ จึงจะบรรลุผลสำเร็จ ด้วยพระปรีชาญาณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทำให้คนท้ังหลายได้ประจกั ษว์ ่าแนวพระราชดำริในพระองค์น้นั “เรยี บง่าย ปฏบิ ัตไิ ดผ้ ล” เปน็ท่ียอมรับโดยทว่ั กัน ดงั พระราชดำรัสความตอนหน่ึงวา่ “...ถ้าโครงการดี ในไม่ช้า ประชาชนก็ได้กำไร จะได้ผล ราษฎรจะอย่ดู กี ินดีขน้ึ จะได้ประโยชน์ไป...”เรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัว
เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดนานกว่า ๓๐ ปี ตั้งแต่ก่อนเกดิ วิกฤตการณท์ างเศรษฐกิจ และเม่อื ภายหลังไดท้ รงยำ้ แนวทางการแก้ไข เพ่ือให้รอดพ้นและสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและย่ังยืนภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์และความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ดังปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงทีไ่ ด้พระราชทานไวด้ ังน้ี เรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั
เศรษฐกิจพอเพียง เป็น ปรัชญาช้ีถึงแนวการดำรงอยู่ และปฏิบัติตนของประชาชนใน ทุกระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัว ร ะ ดั บ ชุ ม ช น จ น ถึ ง ร ะ ดั บ รั ฐ ทั้งในการพัฒนาและบริหาร ป ร ะ เ ท ศ ใ ห้ ด ำ เ นิ น ไ ป ใ น ทางสายกลาง โดยเฉพาะการ พัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ก้าวทัน ต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์ ความ พอเพียง หมายถึง ความพอ ประมาณ ความมเี หตผุ ล รวมถงึ ความจำเป็นท่ีจะต้องมีระบบ ภูมิคุ้มกันในตัวท่ีดีพอสมควร ต่อการมีผลกระทบใดๆ อันเกิด จากการเปลย่ี นแปลงทงั้ ภายนอก และภายใน ทั้งนี้ จะต้องอาศัย ความรอบรู้ ความรอบคอบและความระมดั ระวงั อยา่ งยง่ิ ในการนำวชิ าการตา่ งๆ มาใชใ้ นการวางแผนและการดำเนินการทกุ ขัน้ ตอน และขณะเดียวกันจะต้องเสริมสรา้ งพ้ืนฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ นักทฤษฎี และนักธุรกิจในทกุ ระดบั ใหม้ สี ำนกึ ในคณุ ธรรม ความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ และใหม้ คี วามรอบรู้ที่เหมาะสม ดำเนนิ ชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติ ปัญญา และความรอบคอบ เพ่ือให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปล่ียนแปลงอยา่ งรวดเรว็ และกวา้ งขวางทงั้ ดา้ นวตั ถุ สังคม ส่ิงแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดีเรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชดำรัส เรื่องความซื่อสัตย์ สุจริตจริงใจต่อกันอย่างต่อเน่ืองตลอดมา เพราะเห็นว่าหากคนไทยทุกคนได้ร่วมมือกันช่วยชาติ พัฒนาชาติด้วยความซื่อสัตย์ สุจริตจรงิ ใจตอ่ กนั แลว้ ประเทศไทยจะเจรญิ กา้ วหนา้ อยา่ งมาก ดงั พระราชดำรสัดงั น้ี เรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ ัว
“...คนที่ไม่มีความสุจริต คนท่ีไม่มีความมั่นคง ชอบแต่มักง่ายไม่มีวันจะสร้างสรรค์ประโยชน์ส่วนรวมที่สำคัญอันใดได้ ผู้ท่ีมีความสุจริตและความมุ่งมั่นเท่านั้น จึงจะทำงานสำคัญยิ่งใหญ่ที่เป็นคุณเป็นประโยชน์แทจ้ ริงได้สำเรจ็ ...” พระราชดำรัส เม่อื วนั ท่ี ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๒๒ “...ผู้ที่มีความสุจริตและบริสุทธ์ิใจ แม้จะมีความรู้น้อยก็ย่อมทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมได้ มากกว่าผู้มีความรู้มากแต่ไม่มีความสุจริตไม่มคี วามบรสิ ทุ ธใ์ิ จ...” พระราชดำรสั เมอื่ วนั ท่ี ๑๘ มีนาคม ๒๕๓๓ “...ผู้ว่า CEO ต้องเป็นคนที่สุจริต ทุจริตไม่ได้ ถ้าทุจริตแม้แต่นดิ เดยี วก็ขอแช่งใหม้ อี ันเปน็ ไป...” “...ข้าราชการหรือประชาชนมีการทุจริต ถ้ามีทุจริตแล้วบ้านเมืองพัง ท่เี มอื งไทยพงั มาเพราะมีทจุ ริต...” พระราชดำรสั เมอ่ื วนั ท่ี ๓ ตุลาคม ๒๕๔๖เรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเด็จพระเจา้ อย่หู ัว
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระเกษมสำราญและทรงมีความสุขทกุ คราทีจ่ ะช่วยเหลือประชาชน ซงึ่ เคยมีพระราชดำรสั ครั้งหนง่ึ ความวา่ “...ทำงานกับฉัน ฉันไม่มีอะไรจะให้ นอกจากการมีความสุขร่วมกันในการทำประโยชนใ์ ห้กับผู้อ่นื ...” เรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัว
จากพระราชนพิ นธ์ “พระมหาชนก”เป็นพระราชนิพนธ์ท่ีพระองค์ทรงใช้เวลาค่อนข้างนานในการคิดประดิษฐ์ ทำให้เข้าใจง่าย และปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสภาพสังคมปัจจุบัน อีกท้ังภาพประกอบ และคติธรรมต่างๆ ได้ส่งเสริมให้หนังสือเล่มน้ี มีความศักดิ์สิทธ์ิที่หากคนไทยน้อมรับมาศึกษา วิเคราะห์และปฏิบัติตามรอยพระมหาชนก กษัตริย์ ผู้เพียรพยายามแม้จะไม่เห็นฝั่ง ก็ยังว่ายน้ำต่อไป เพราะถ้าไม่เพยี รว่ายก็จะตกเปน็ อาหาร ปู ปลา และ ไมไ่ ด้พบกบั เทวดาทีม่ าช่วยเหลอื มใิ ห้จมน้ำไป เช่นเดียวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงริเร่ิมทำโครงการต่างๆ ในระยะแรก ท่ีไม่มีความพร้อมในการทำงานมากนกั และทรงใชพ้ ระราชทรพั ยส์ ว่ นพระองคท์ งั้ สนิ้ แตพ่ ระองค์ กม็ ไิ ดท้ อ้ พระราชหฤทยั มงุ่ มนั่ พฒั นาบา้ นเมอื งใหบ้ งั เกดิ ความรม่ เยน็ เปน็ สขุ เรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั
พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วัมีพระราชดำรัสในเร่ือง “รู้ รักสามัคคี” มาอย่างต่อเน่ือง ซ่ึงเป็นคำสามคำ ที่มีค่าและมีความหมายลึกซ้ึง พร้อมท้ังสามารถปรับใช้ได้กบั ทกุ ยคุ ทกุ สมัย รู้ : การท่ีเราจะลงมือทำส่ิงใดน้ัน จะต้องรู้เสียก่อน รู้ถึงปัจจัยท้ังหมด รถู้ ึงปัญหา และรถู้ ึงวิธีการแกป้ ัญหา รัก : คือความรัก เม่ือเรารู้ครบถ้วนกระบวนความแล้ว จะต้องมีความรกั การพิจารณาทจ่ี ะเข้าไปลงมือปฏิบตั ิแก้ไขปัญหานน้ั ๆ สามัคคี : การท่ีจะลงมือปฏบิ ตั นิ ั้น ควรคำนงึ เสมอวา่ เราจะทำงานคนเดียวไม่ได้ ต้องทำงานร่วมมือร่วมใจเป็นองค์กรเป็นหมู่คณะ จึงจะมีพลังเข้าไปแกป้ ัญหาให้ลุล่วงไปไดด้ ้วยดี เรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั
คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาตินายพนัส สิมะเสถียร ประธานกรรมการนายโฆสติ ปั้นเป่ียมรัษฎ์ กรรมการนายพารณ อศิ รเสนา ณ อยุธยา กรรมการนายณรงค์ชยั อัครเศรณี กรรมการนายอาชว์ เตาลานนท์ กรรมการคุณพรทพิ ย์ จาละ กรรมการนางจรุ ี วจิ ิตรวาทการ กรรมการนายศกั รนิ ทร์ ภูมิรตั น กรรมการนายสนทิ อักษรแก้ว กรรมการนายประยงค์ รณรงค์ กรรมการผู้วา่ การธนาคารแห่งประเทศไทย กรรมการเลขาธกิ ารคณะกรรมการขา้ ราชการพลเรอื น กรรมการผูอ้ ำนวยการสำนักงบประมาณ กรรมการผู้อำนวยการสำนกั งานเศรษฐกจิ การคลงั กรรมการเลขาธิการคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกจิ กรรมการและเลขานุการและสังคมแหง่ ชาติ
คณะผ้บู ริหารสำนกั งานคณะกรรมการ พฒั นาการเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาตินายอาคม เตมิ พทิ ยาไพสิฐ เลขาธกิ ารฯนางเพญ็ จา ออ่ นชิต รองเลขาธิการฯนางสวุ รรณี คำม่ัน รองเลขาธกิ ารฯนายปรเมธี วิมลศริ ิ รองเลขาธกิ ารฯนายชาญวิทย์ อมตะมาทุชาติ รองเลขาธกิ ารฯนายธานินทร์ ผะเอม รองเลขาธิการฯนางสาวลดาวัลย์ คำภา รองเลขาธกิ ารฯนางนติ ยา กมลวทั นนิศา ที่ปรึกษาด้านนโยบาย และแผนงานนางชุตินาฏ วงศส์ ุบรรณ ทปี่ รกึ ษาด้านนโยบาย และแผนงานนายสมชาย ศกั ดาเวคีอศิ ร ท่ปี รกึ ษาด้านนโยบาย และแผนงานนายภมู ิใจ อตั ตะนนั ทน์ ที่ปรึกษาด้านนโยบาย และแผนงานนางวนดิ า มหากิจ ที่ปรึกษาด้านนโยบาย และแผนงานนางสาวสมุ าลี เดชานุรกั ษ์นกุ ลู ทป่ี รึกษาด้านนโยบาย และแผนงานนายไพโรจน์ โพธวิ งศ์ รักษาการทีป่ รกึ ษาด้านนโนบาย และแผนงาน
สำนักงานคณะกรรมการ พัฒนาการเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ วสิ ยั ทัศน์ หนว่ ยงานหลกั ในการวางแผนและจดั ทำยทุ ธศาสตร์ การพฒั นาประเทศ สู่ความสมดุลและย่ังยนื ทีย่ ดึ ประโยชน์ส่วนรวม ทนั ต่อการเปลี่ยนแปลง และมปี ระสิทธภิ าพสูง คา่ นิยม มุ่งมน่ั ทุ่มเท พฒั นาประเทศ เพอื่ ประโยชนส์ ุขแก่สังคม ด้วยคณุ ธรรม ตามหลกั วชิ าการอย่างมอื อาชพี วฒั นธรรมองค์กร เปน็ องคก์ รท่มี ่งุ สูค่ วามเป็นเลิศทางด้านวชิ าการ เป็นองค์กรทีม่ ีความรบั ผดิ ชอบต่อสาธารณะและสงั คม มรี ะบบธรรมาภบิ าล บุคลากรของสำนักงานฯ เปน็ ทรพั ยากรอันมคี ่าที่สดุ ขององคก์ ร
คณะทำงานจัดทำหนงั สอื เรยี นร้หู ลักการทรงงาน ในพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อย่หู วั ท ป่ี รึกษา นายสุเมธ ตันติเวชกลุ กรรการและเลขาธกิ ารมลู นธิ ชิ ัยพฒั นานายพนัส สมิ ะเสถยี ร ประธานกรรมการพัฒนาการเศรษฐกจิ และ สังคมแหง่ ชาตินายอาคม เตมิ พิทยาไพสิฐ เลขาธกิ ารคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติค ณะทำงาน ประธานคณะทำงาน : นางเพ็ญจา อ่อนชติ รองประธาน : นายสทุ นิ ลป้ี ยิ ะชาติ นางสาวกญั ญารกั ษ์ ศรที องรงุ่ คณะทำงาน : นางจันทร์ทิพย์ ปาละนันทน์ นางโกสุมภ์ วณิชชานนท์ นางสาวชอ่ ผกา แก้วใหญ่ นางสาวจรี วจั น์ วงศาโรจน์ นายเนาวฤทธิ์ ฤทธิแปลก นางสาวรวีวรรณ เลยี ดทองพมิ พค์ รั้งที่ ๑ ธนั วาคม ๒๕๕๑ จำนวน ๒๐,๐๐๐ เลม่ พิมพค์ รัง้ ที่ ๒ กนั ยายน ๒๕๕๔ จำนวน ๕,๐๐๐ เลม่
หมายเลขโทรศัพท์ สศช. โทรศัพท์ ๐-๒๒๘๐-๔๐๘๕ (๔๐ คสู่ าย) โทรสาร ๐-๒๒๘๑-๓๙๓๘ หน่วยงาน โทรศพั ท์ ๐-๒๖๒๘-๒๘๕๙ สำนกั งานเลขาธกิ าร ๐-๒๒๘๑-๖๖๓๒ สำนักบญั ชปี ระชาชาติ ๐-๒๒๘๐-๑๔๒๐ สำนักประเมนิ ผลและเผยแพร่การพฒั นา ๐-๒๒๘๒-๐๘๑๑ สำนักพฒั นาขีดความสามารถในการแข่งขันทาง ๐-๒๒๘๑-๘๘๓๑ เศรษฐกจิ ๐-๒๕๒๖-๗๐๗๔-๕ สำนกั พฒั นาฐานขอ้ มลู และตัวชีว้ ัดภาวะสงั คม ๐-๔๓๒๓-๕๕๙๗ สำนกั พัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมภาคกลาง ๐-๗๔๓๑-๒๗๐๒ สำนกั พฒั นาเศรษฐกิจและสังคม ๐-๕๓๑๑-๒๖๘๙-๙๒ ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ ๐-๒๖๒๘-๒๘๔๙ สำนกั พัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คมภาคใต้ ๐-๒๒๘๑-๒๐๐๖ สำนกั พัฒนาเศรษฐกจิ และสังคมภาคเหนอื ๐-๒๒๘๐-๒๗๔๐ สำนกั ยุทธศาสตร์ด้านนโยบายสาธารณะ ๐-๒๒๘๑-๐๙๙๒ สำนักยทุ ธศาสตร์และการวางแผนพัฒนาทางสงั คม ๐-๒๒๘๑-๖๑๒๙ สำนักยุทธศาสตร์และการวางแผนพฒั นาพน้ื ที่ ๐-๒๒๘๑-๐๙๙๒ สำนกั ยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค ๐-๒๒๘๐-๔๐๙๕ สำนกั วางแผนการเกษตร ทรพั ยากรธรรมชาติ ๐-๒๒๘๐-๔๐๘๕ และสงิ่ แวดลอ้ ม ๐-๒๒๘๐-๔๐๘๕ สำนกั วเิ คราะห์โครงการลงทนุ ภาครัฐ ต่อ ๖๑๑๔ กลุ่มพฒั นาระบบบรหิ าร ๐-๒๖๒๘-๒๘๔๗ มลู นธิ ิสถาบนั วิจยั และพฒั นาประเทศตามปรัชญาของ ๐-๒๒๘๒-๐๘๓๘ เศรษฐกจิ พอเพียง ๐-๒๒๘๒-๙๖๕๕ มูลนิธพิ ัฒนาไท พิพิธภัณฑ์สรุ ยิ านวุ ัตรเพอ่ื การพัฒนาประเทศ ห้องสมุดสรุ ิยานวุ ตั ร กล่มุ ตรวจสอบภายใน
Search
Read the Text Version
- 1 - 40
Pages: