Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore กฎหมายว่าด้วยหนี้สิน

กฎหมายว่าด้วยหนี้สิน

Published by Chalermkiat Deesom, 2020-01-06 02:16:54

Description: กฎหมายว่าด้วยหนี้สิน

Search

Read the Text Version

คำนำ คณะรฐั มนตรีไดม ีมติ เมือ่ วนั ท่ี ๑๗ มกราคม ๒๕๖๐ เหน็ ชอบแนวทาง การเผยแพรกฎหมายเพื่อสรางการรับรูใหแกประชาชนและหนวยงานภาครัฐ โดยมีสำนักงานกิจการยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม รับผิดชอบทำหนาที่เปน ศูนยขอมูลการเผยแพรดานกฎหมาย ทั้งนี้ เพื่อพัฒนาตอยอดการดำเนินงาน ตามมติคณะรัฐมนตรีขางตน สำนักงานกิจการยุติธรรม จึงไดจัดทำหนังสือ ชุดความรกู ฎหมายและกระบวนการยุตธิ รรมเลม น้ขี ึน้ โดยมจี ดุ มุงหมาย เพอื่ ให เปนเครื่องมือในการเผยแพรประชาสัมพันธความรูความเขาใจดานกฎหมายและ กระบวนการยุติธรรมสำหรับประชาชน ใหมีความรูพื้นฐานทางดานกฎหมาย ในเร่ืองทส่ี นใจ และทราบถงึ ชอ งทางการขอรบั บริการดา นกฎหมายจากหนวยงาน ของรัฐ ซงึ่ จากการดำเนนิ งานทีผ่ า นมาพบวา ปญหาขอ พิพาททเี่ กิดข้ึนในชวี ติ ประจำวันและเปนเรื่องที่ประชาชนติดตอขอรับบริการเขามามากที่สุด จนเปนที่มาของการจัดทำหนังสือชุดความรูกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ในครง้ั นี้ ประกอบดว ย ๗ เร่ืองสำคัญ ไดแ ก ๑) การขอความชว ยเหลอื ในกระบวนการยตุ ิธรรมทางอาญา ๒) ที่ดินทำกนิ และทรพั ยากรธรรมชาติ ๓) นติ ิกรรมสญั ญา และการขอระงับขอพพิ าท ๔) หน้สี ิน ๕) การบังคับคดแี ละลมละลาย ๖) ความรบั ผดิ ของเจาหนาท่รี ัฐ ๗) สทิ ธิมนษุ ยชน สทิ ธิในคดีอาญา และการขอรบั การเยียวยาทางกฎหมาย สำนักงานกิจการยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม หวังเปนอยางยิ่งวาหนังสือ ชุดความรูกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม จะเปนเครื่องมือสำคัญทส่ี ง เสรมิ ให ประชาชนมคี วามรคู วามเขา ใจกฎหมายในชีวิตประจำวัน รวมถึงการใหบ ริการ ความชวยเหลือทางดานกฎหมายใหแกประชาชนไดอยางทั่วถึงและตอบสนอง เปาหมายการสรางการรับรดู านกฎหมายใหก ับประชาชนอยา งยง่ั ยืนตอ ไป สำนักงานกจิ การยุติธรรม เมษายน ๒๕๖๑

ÊÒúÑÞ ÊÒÃ- ๑º- ÞÑ ความรเู บ้ืองตนเกยี่ วกับหน้ีสิน ๒ ๓. การชำระหน้ี ๑๙ ๑. การกูย ืมเงิน ๔ ๓.๑ กำหนดเวลาชำระหนี้ ๒๐ ๔ ๓.๒ บคุ คลผูม ีสิทธิชำระหน้ี ๒๐ ๑. แบบของสัญญากยู มื เงนิ ๕ ๓.๓ บุคคลผมู สี ทิ ธิรบั ชำระหน้ี ๒๐ ๒. คา ธรรมเนียมในการทำสญั ญา ๕ ๓.๔ สถานที่ที่จะตองชำระหนี้ ๒๒ ๓. กำหนดเวลาใชเงนิ กู ๗ ๓.๕ หลกั ฐานแหงการชำระหนี้ ๒๒ ๔. หลกั ฐานการกูยมื เงิน ๗ ๓.๖ ผลของการขอชำระหน้ีทชี่ อบดวยกฎหมาย ๒๓ ๕. การชำระเงนิ กทู ่ีถกู ตอง ๘ ๓.๗ กรณีหากเจาหนี้ปฏิเสธไมยอมรบั ชำระหนี้ ๒๓ ๖. การกูยืมเงินแตผูกยู อมรบั สงิ่ ของหรอื ทรพั ยสนิ อยางอ่นื แทนฯ ๙ ๒๕ ๒. กฎหมายค้ำประกัน ๙ ๔. ผลของการไมชำระหนี้ ๒๕ ๑. แบบของสัญญาคำ้ ประกัน ๑๐ ๔.๑ การผดิ นัดของลกู หน้ี ๒๕ ๒. ประเภทของหนี้ที่สามารถทำสัญญาคำ้ ประกันได ๑๐ ๔.๒ การผิดนัดของเจา หนี้ ๒๖ ๑๑ ๔.๓ การไมชำระหน้ีใหต องตามความประสงค ๒๗ ๒.๑ หน้ีอนั สมบรู ณจงึ ทำสญั ญาคำ้ ประกนั ได ๑๓ อันแทจรงิ แหง มูลหนี้ ๒๘ ๒.๒ หนี้ในอนาคต หรือหน้มี ีเง่ือนไข ๑๔ ๔.๔ ลูกหนีม้ อบใหต วั แทนไปชำระหน้ีแทน ๒๙ ๒.๓ หนี้ทไี่ มผกู พนั ลกู หนเี้ พราะทำดวยความสำคญั ผิด ๑๕ ๔.๕ หนี้เงนิ ที่ตองมดี อกเบย้ี นัน้ จะคดิ ดอกเบย้ี ในเวลาที่ ๓๐ ๑๖ เจา หน้ีผดิ นดั ไมไ ด ๓๐ หรือเพราะเปนผไู รความสามารถ ๑๖ ๔.๖ อัตราดอกเบีย้ ผดิ นดั และคา เสยี หายอ่ืนเมอ่ื ผิดนัด ๓๑ ๒.๔ ไมอาจตกลงใหผ คู ้ำประกนั รบั ผดิ อยางลกู หนีร้ วมได ๑๗ ๓๑ ๒.๕ การบอกกลา วใหผคู ำ้ ประกนั ชำระหนเ้ี มื่อลกู หนี้/ผกู ูผ ิดนัด ๑๘ ๕. ดอกเบย้ี ๓๘ ๒.๖ การชำระหนข้ี องผคู ำ้ ประกัน ๑๘ ๕.๑ อัตราดอกเบีย้ ๒.๗ ผลกรณเี จาหนป้ี ฏิเสธไมร ับชำระหน้จี ากผคู ำ้ ประกนั ๕.๒ ดอกเบย้ี ในดอกเบี้ยทค่ี า งชำระ ๒.๘ กรณเี จาหนี้ตกลงกบั ลูกหนี้เพ่ือลดจำนวนหนท้ี ี่มกี ารคำ้ ประกัน ๕.๓ โทษทางอาญาสำหรบั ผคู ิดดอกเบย้ี เกินอัตรา ๒.๙ กรณเี จา หนี้ยอมผอนเวลาใหลกู หน้ีชำระหนี้ ๕.๔ ความผิดฐานอนื่ ทเ่ี กย่ี วของกบั การเรียกดอกเบยี้ เกินอตั รา ๒.๑๐ ผลภายหลังชำระหนี้

ÊÒÃ- ๒º- ÞÑ ๖. การทวงถามหนี้ ๔๑ ๖.๑ บุคคลผูท ี่จะประกอบธรุ กจิ ทวงถามหน้ีได ๔๑ ๖.๒ ขอปฏบิ ตั ิในการทวงถามหนี้ ๔๕ ๑. ผปู ระกอบธรุ กจิ ทวงถามหน้ี ๔๕ ๒. ทวงถามหนีใ้ หถูกบุคคล ๔๙ ๓. ทวงถามหนใ้ี หถ ูกสถานท่ี ๕๒ ๔. ทวงถามหนี้ใหถ กู เวลา ๕๒ ๕. ระยะหางในการทวงถามหนตี้ อ งเหมาะสม ๕๒ ๖. เปนผูรับมอบอำนาจใหทวงหน้ตี องแสดง ๕๒ หลักฐานการมอบอำนาจ ๕๓ ๗. กรณีผูทวงถามหนขี้ อรบั ชำระหน้ี ๕๔ ๘. ขอ หามผูท วงถามหน้ีกระทำการทวงถามหน้ี ๕๙ ในลักษณะตามมาตรา ๑๑ ๙. ขอหามผทู วงถามหนก้ี ระทำการทวงถามหน้ี ๖๑ ในลักษณะท่ีเปนเท็จหรือทำใหเ กดิ ความเขา ใจผิด ๖๓ ตามมาตรา ๑๒ ๖๕ ๑๐.หา มผูทวงถามหนีก้ ระทำการทวงถามหน้ี ๖๖ ในลกั ษณะทีไ่ มเปน ธรรมตามมาตรา ๑๓ ๑๑.หา มเจาหนา ท่ขี องรฐั กระทำการตามมาตรา ๑๔ ๑๒. การรองเรยี นและรบั เรือ่ งรองเรียน เกย่ี วกบั การทวงถามหน้ี ๑๓. สรุปขอหามและขอ ปฏิบตั ใิ นการทวงถามหนี้ ๗. ชอ งทางการตดิ ตอขอรบั บรกิ ารหรอื ความชวยเหลือที่เก่ยี วขอ งในกระบวน ๖๗ การท่ีประชาชนควรรู ๗๒ บรรณานกุ รม

-๒- -๓- หนี้สิน ความรูเบอื้ งตน เกีย่ วกับหน้ีสิน การกอหนส้ี ิน คือ การกอใหเ กิดนติ กิ รรมสองฝา ย ซ่ึงเรยี กวา สัญญา โดยหนส้ี นิ มไี ดหลายประเภท เชน หนี้กูยืมเงิน หนี้บัตรเครดิต หนี้จากการเชาซื้อ เชาแบบลิสซิ่ง และหนี้จากสินเชื่อรูปแบบตางๆ เนื้อหาในเอกสาร ชุดนี้มุงเนนใหทราบเกี่ยวกับสิทธิหนาที่ระหวางเจาหนี้ และลูกหนี้ซึ่งจะเนนในเรื่องสัญญาการกูยืมเงินเพื่อใหคูสัญญา ทราบถงึ หลกั เกณฑท่คี ูสัญญาตองปฏิบัติตอ กนั ตามกฎหมาย โดยในสว นเกย่ี วกบั หนส้ี นิ จะมสี ญั ญาอปุ กรณอ น่ื ทเ่ี กย่ี วขอ งกบั สญั ญาหลกั ดงั กลา วขา งตน เชน สญั ญาคำ้ ประกนั รวมถงึ หลกั ทว่ั ไปตามประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ยเ กย่ี วกบั การชำระหนท้ี ถ่ี กู ตอ ง ผลของการไมช ำระหน้ี ดอกเบย้ี ทช่ี อบ ทจ่ี ะเรยี กไดต ามกฎหมายตามพระราชบญั ญตั หิ ามเรียกดอกเบยี้ เกินอตั รา พ.ศ. ๒๕๖๐ รวมถงึ สิทธิของเจาหน้หี รือผูมสี ทิ ธิ ทวงถามใหชำระหนี้ในการทวงถามใหลูกหนี้หรือผูค้ำประกันชำระหนี้ วาควรจะปฏิบัติอยางไรเพื่อมิใหฝาฝนตอกฎหมาย ซึ่งระบุไวใ นพระราชบญั ญตั กิ ารทวงถามหนี้ พ.ศ. ๒๕๕๘ ทง้ั นเ้ี พอื่ ใหเ กดิ ความเปน ธรรมในระหวางคสู ัญญาทุกฝา ย

-๔- -๕- ๑. การกยู ืมเงิน ๒. คา ธรรมเนยี มในการทำสัญญา กฎหมายกำหนดใหผ กู เู ปน ผตู อ งชำระคา ธรรมเนยี มในการทำสญั ญา คา สง มอบหรอื สง คนื เงนิ ทก่ี ยู มื เงนิ ๑. แบบของสัญญากยู ืมเงนิ กฎหมายกำหนดวา สญั ญากูยมื เงนิ จะสมบูรณตอ เมื่อมีการสง มอบเงินทีใ่ หก ยู มื ใหก ับลูกหน้ี ดังนัน้ ตัวอยางคาธรรมเนียมในการสงมอบเงินกู เชน คาธรรมเนียมของธนาคารในการโอนเงินกูใหกับลูกหนี้ โดยในสว นเกย่ี วกบั เรอ่ื งคา ธรรมเนยี มดงั กลา วนน้ั กฎหมายจะอนญุ าตใหค สู ญั ญาอาจตกลงกนั เปน อยา งอน่ื ได แมม กี ารทำสัญญากูยืมเงนิ ไวเ ปน ลายลกั ษณอ ักษร แตห ากไมม ีการสง มอบเงินกใู หแกล ูกหนก้ี ันจรงิ สญั ญา เนอ่ื งจากกฎหมายมไิ ดห า มไวอยางเดด็ ขาด ท้งั นดี้ งั ปรากฏตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ดงั กลา วกไ็ มอ าจมผี ลใชบ งั คับได เพราะไมส มบูรณต ามกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพง และพาณิชย ๖๕๑ (ป.พ.พ.) มาตรา ๖๕๐ ๓. กำหนดเวลาใชเงินกู ตวั อยางเชน นางสาวกนกวรรณ ไดข อยืมเตารีดไอนำ้ ของนายกนกไปใชโดยตกลงวา จะนำ สำหรับกำหนดเวลาใชเงินกู มีไดทงั้ กรณีท่ีคูส ัญญาประสงคจ ะกำหนดไวใหช ดั เจนและกรณีท่ีคูส ัญญา มาคืนภายในกำหนด ๑ เดอื น ตอมานางสาวกนกวรรณไดน ำเตารดี ไอนำ้ ดงั กลา วไปใหห ลาน ของตนอายุ ๗ ขวบ เลน จนไดรบั ความเสียหายใชงานไมไดอ ีก นางสาวกนกวรรณไดแจง ให ไมไดก ำหนดไว หากจะกำหนดระยะเวลาใชเ งินกูคืนก็ใหต กลงวนั เวลาท่ีชดั เจนในการชำระหน้ีคนื แตห ากผใู ห นายกนกทราบและแจงวาจะชดใชเ งินคาเตารดี จำนวน ๒,๕๐๐ บาท ใหแ กน ายกนก แตข ณะนี้ กูหรือเจาหนี้ไมประสงคจะกำหนดระยะเวลาไวตั้งแตแรกก็สามารถกำหนดภายหลังได โดยผูใหกูหรือเจาหนี้ ยงั ไมม เี งนิ ทง้ั หมด ขอผอ นชำระใหน ายกนกแทน นายกนกเกรงวา นางสาวกนกวรรณจะไมร กั ษาสญั ญา จะตอ งบอกกลาวใหแกล กู หนท้ี ราบลวงหนา วา ประสงคจ ะใหช ำระเงนิ คืนเมอ่ื ใด แตก ารบอกกลาวน้นั ตองทำ ทใ่ี หไ ว จึงไดใหนางสาวกนกวรรณลงลายมอื ช่ือในชอ งผูกใู นสญั ญากยู ืมเงนิ จำนวน ๒,๕๐๐ บาท ภายในระยะเวลาพอสมควรไมเร็วไปไมช า ไป และเพอื่ ปองกนั มใิ หม กี ารถกเถียงกนั วา มกี ารบอกกลา วกนั แลว ไวกับตนแทน โดยนายกนกไมม กี ารสงมอบเงินจำนวน ๒,๕๐๐ บาท ใหนางสาวกนกวรรณ หรอื ไม กค็ วรจะตอ งมกี ารบอกกลา วกนั เปน ลายลกั ษณอ กั ษรและมหี ลกั ฐานการรบั คำบอกกลาวดงั กลาวดวย แตประการใด เมือ่ ถงึ กำหนดตองชำระเงินจำนวน ๒,๕๐๐ บาท ตามสัญญากูยมื เงิน นายกนกจะ เชน อาจสงทางไปรษณียลงทะเบียนตอบรับ โดยบทบัญญัติสวนนี้ดังปรากฏตามประมวลกฎหมายแพง เรียกรอ งใหนางสาวกนกวรรณชำระเงินตามสญั ญากูยืมเงินดังกลาวไดห รอื ไม และพาณชิ ย มาตรา ๖๕๒ เหน็ วา กรณตี ามตวั อยา ง นายกนกไมส ามารถจะบงั คบั ตามสญั ญากยู มื เงนิ ได เนอ่ื งจากแบบของสญั ญา กยู ืมเงินนัน้ ไมส มบูรณ เพราะไมมีการสงมอบเงินทีก่ ยู ืมกนั จรงิ แตนายกนกสามารถเรียกรอ งคา เสียหาย อันเกิดจากการทีน่ างสาวกนกวรรณนำเตารีดไปใหผ อู ืน่ ใชจนเกดิ ความชำรดุ เสยี หายได

-๖- -๗- กหลากั รฐกานยู มื ตวั อยางเชน นายแดงใหนายดำกูยมื เงนิ จำนวน ๑๐,๐๐๐ บาท โดยไดทำสัญญา ๔. ในสวนหลักฐานการกูยมื เงินนั้น กฎหมายกำหนดวา สญั ญากูยืมเงนิ กนั มากกวา กูยมื เงนิ กัน แตใ นสัญญามิไดกำหนดวาจะตองนำเงินท่กี ูยืมมาชำระคืนเมือ่ ใด เมือ่ กูย ืมไปได ๑ ป ๒,๐๐๐ บาท จะตอ งมีหลกั ฐานเปน หนงั สอื และอยา งนอ ยตองมลี ายมอื ชือ่ ของผูกูย มื เงนิ ใน นายแดงเกิดขัดสนเรอ่ื งเงิน จงึ ประสงคจ ะเรยี กเงินกูค ืนจากนายดำ จึงไดแ จง เปน หนังสือสงทาง หลักฐาน สัญญาดงั กลาวดวย มฉิ ะน้นั จะไมสามารถฟอ งรอ งใหบ ังคบั คดีกนั ได ปรากฏตามท่ีบัญญัติ ไปรษณียใหนายดำทราบวาตนจะขอเงินคืนภายในกำหนด ๑ เดือน นับแตวันที่นายดำรับ การกูย ืมเงิน ไวใน ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๖๕๓ วรรค ๑ หนงั สือดงั กลาว ตอ มาครบกำหนด ๑ เดอื น นายดำไมน ำเงนิ มาชำระ ดังนีน้ ายแดงจะสามารถ บงั คบั ใหน ายดำชำระหนี้ไดหรอื ไม กรณีตามตัวอยางเปนสัญญากูยืมเงินที่มิไดกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ไวใหชัดเจน ต้ังแตแรก ซ่ึงอาจกำหนดเวลาชำระหนไี้ ดภายหลังโดยการบอกกลา วใหลกู หนคี้ อื นายดำทราบได และกรณนี น้ี ายแดงไดบ อกกลา วโดยชอบแลว เม่ือนายดำไมชำระหน้ี นายดำจึงตกเปน ผูผดิ นดั และตองรบั ผดิ ตอเจา หน้ี กลา วคอื นายแดงเจาหน้ีสามารถจะเรียกดอกเบย้ี ผิดนัดและฟอ งรอ ง บงั คับใหน ายดำชำระหน้ไี ด ๕. เม่อื สัญญากูยมื เงนิ นน้ั ไดท ำเปน หนงั สือ กฎหมายกไ็ ดกำหนดไวว าการชำระเงนิ กูคนื กจ็ ำตองมหี ลกั ฐานลงลายมือชือ่ เชนกนั โดยในหลักฐานดงั กลา วตองมีลายมือชอ่ื ของ การชำระ ผูใ หก หู รือเจา หน้ี หรือมฉิ ะนัน้ ตอ งมีการเวนคืนสัญญากยู มื เงนิ ทอ่ี ยูกบั เจาหน้นี ัน้ ใหก บั เงินกทู ่ถี กู ตอง ลูกหน้ีผชู ำระหน้ี หรือมกี ารแทงเพิกถอนหรอื ขีดฆาทำลายสญั ญาดงั กลา วเสยี ตามประมวล กฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๖๕๓ วรรคสอง

-๘- -๙- การกูยมื เงินแตผูกูยอมรับส่ิงของหรือทรพั ยสินอยางอ่ืนแทน และการกูย ืมเงินกัน ๒. กฎหมายคำ้ ประกนั และผูใ หก ยู นิ ยอมรบั ชำระสง่ิ ของหรือทรพั ยส ินอืน่ แทนเงนิ ท่ีกยู มื สัญญาค้ำประกันเปน สัญญาอปุ กรณซึง่ มกั จะพว งกบั สญั ญาหลกั หรอื หนป้ี ระธาน เชน หนี้กยู ืมเงนิ การยอมรบั สงิ่ ของหรอื ทรัพยสินแทนเงินกูยืม ในทงั้ สองกรณดี งั กลาว มไี ดตาม โดยการค้ำประกันคือการใหหลักประกันแกเจาหนี้วาหากมีเหตุการณใดที่ลูกหนี้ไมอาจชำระหนี้สินได ท่คี ูส ญั ญาตกลงกนั โดยกฎหมายกำหนดหลักเกณฑก ารคำนวณราคาทรพั ยส ินและสง่ิ ของ เจา หนก้ี ส็ ามารถจะเรยี กใหผ คู ำ้ ประกนั ซง่ึ เปน บคุ คลภายนอกชำระหนแ้ี ทนลกู หนไ้ี ด ทง้ั นร้ี ายละเอยี ดสญั ญาคำ้ ประกนั อน่ื แทนจำนวนเงินวา ใหคำนวณเทากบั ราคาตลาดของสิง่ ของหรอื ทรพั ยส ินอนื่ นน้ั ณ เวลา ซงึ่ กฎหมายกำหนดเปนมาตรฐาน ปรากฏตามประมวลกฎหมายแพงและพาณชิ ย บรรพท่ี ๓ เอกเทศสญั ญา และสถานที่สงมอบ ลักษณะ ๑๑ วา ดวยเรือ่ ง คำ้ ประกนั โดยผลของการชำระหน้ดี ว ยสง่ิ ของหรือทรพั ยสนิ อ่ืนดังกลา ว มผี ลคอื ถอื วา มกี าร ตอมาการทำสัญญาค้ำประกันมีการแกไขหลักเกณฑใหมเพื่อใหเกิดความเปนธรรมกับ ผคู ้ำประกนั มากย่ิงขึ้นในหลายมาตรา ตามพระราชบญั ญัติแกไ ขประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย (ฉบบั ท่ี ๒๐) ๖. ชำระหนีแ้ ลว สงผลตามกฎหมายตอมาคอื หนส้ี นิ ดงั กลา วเปนอนั ระงับไป โดยคูสญั ญา พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยสรปุ ภายหลังกฎหมายแกไ ขใหม มปี ระเด็นตา งๆ ดังน้ี จะตกลงแตกตางจากที่กฎหมายกำหนดไวในเรื่องระยะเวลาที่นำมาคำนวณราคาสิ่งของ หรือราคาทรพั ยส ินขางตนไมไ ด เชน ตกลงกนั วา ใหคำนวณเทากับราคาตลาด ณ วนั ที่ ๑. แบบของสัญญาค้ำประกัน ตกลงกัน อยางนไ้ี มอ าจตกลงได กฎหมายใหเปนโมฆะ หรอื ขอตกลงดังกลาวเปน อนั เสยี ไป ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๖๘๐ เนื่องจากขัดกับหลักที่วางไววาใหคำนวณ เทากับราคาตลาด ณ วันที่มีการสงมอบ สิ่งของหรือทรัพยสินอื่นแทนการคืนเงินกู ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย วรรคสอง วางหลักในการทำสัญญาคำ้ ประกนั เพ่ือใหมผี ลผกู พนั มาตรา ๖๕๖ วรรคทา ย ตามกฎหมายและสามารถฟองรองบังคับกันไดวาสัญญาค้ำ ตวั อยางเชน นายแดงใหน ายดำกยู ืมเงนิ จำนวน ๔๐๐,๐๐๐ บาท โดยไดท ำ ประกันนั้นจะตองทำเปนหลักฐานเปนหนังสือลงลายมือชื่อผูค้ำ สญั ญากยู ืมเงินกนั ไว ตอ มากอ นถึงกำหนดชำระหน้ตี ามสญั ญา ๓ เดือน นายดำแจง ประกันเปน สำคญั กลาวคืออยา งนอยในสญั ญาจะตอ งมลี ายมือ นายแดงวาไมมีเงินสดมาชำระ แตป ระสงคจะนำรถยนตมือสองของตน จำนวน ๑ คัน ชื่อของผูค ้ำประกนั ราคาประเมนิ ในขณะนน้ั คอื ๔๐๐,๐๐๐ บาท มาชำระหนแ้ี ทน แลว นายแดงตอบตกลง ตอมาในวนั ครบกำหนดชำระหนเ้ี งนิ กู นายแดงสบื ทราบวา ราคาตามทองตลาดของรถยนต คนั ดังกลา วลดลง โดยมมี ลู คาเพียง ๓๕๐,๐๐๐ บาท นายแดงจงึ ปฏเิ สธไมยอมรับ ชำระหนี้ดวยรถยนต นายดำจะโตแยงไดหรอื ไม กรณตี ามตัวอยาง นายดำไมอ าจโตแยงไดเน่ืองจาก การคำนวณราคาของสง่ิ ของ ที่นำมาชำระหนี้แทนหนี้เงนิ จะตองคำนวณ ณ วนั สงมอบส่ิงของนั้น เมือ่ นายแดงไมย อม

- ๑๐ - - ๑๑ - ๒. ประเภทของหน้ที ีส่ ามารถทำสัญญาค้ำประกันได ๒.๒ หน้ใี นอนาคต หรือหน้ีมีเง่อื นไข ๒.๑ หนอ้ี นั สมบูรณจ ึงทำสัญญาคำ้ ประกนั ได กฎหมายระบวุ า หน้ใี นอนาคต คือ หนปี้ ระธานทยี่ งั ไมอาจทราบไดวาจะเกดิ ข้นึ เมื่อใด แตในอนาคตมแี นวโนม วา หนี้อันสมบูรณเทานั้นจึงจะสามารถทำสัญญาค้ำประกันซึ่งเปนสัญญา จะเกิดขึน้ ได เชน หนีเ้ งนิ กเู บกิ เงินเกนิ บัญชี ในกรณีส่งั จา ยเช็ค หนีอ้ ยา งน้ีสามารถทำสัญญาคำ้ ประกนั ได อุปกรณได กลาวคือ หนี้ประธานหรือหนี้หลักนั้นจะตองสมบูรณตามแบบที่ แมขณะทำสญั ญาคำ้ ประกนั หนี้ประธานยงั ไมเ กิดขน้ึ ก็ตาม กฎหมายกำหนดไวเ สียกอน โดยในกรณีหนก้ี ยู มื เงนิ นนั้ กฎหมายกำหนดวา จะสมบูรณก็ตอเมื่อมีการสงมอบเงินกูใหแกผูกูตามที่กลาวมาแลว ดังนั้น สำหรับหนี้มีเง่ือนไข ยกตัวอยางเชน ในกรณคี ำ้ ประกนั หน้กี ูยืมเงินเพ่อื สงเสรมิ การศึกษาของบุตร ในกรณีไมมีการสงมอบเงินกูกันจริงแตมีการทำสัญญากูเงินเพื่อหลบเลี่ยงหนี้ ผูกู แตในสัญญากูดังกลาว มีเงื่อนไขวาจะกูยืมเงินตอเมื่อบุตรของผูกูศึกษาจบระดับมัธยมตนแลวตอ มา ประเภทอื่นจึงถือวาเปนหนี้กูยืมเงินยังไมสมบูรณ จึงไมสามารถทำสัญญา เมอ่ื บตุ รคนดงั กลา วจบการศึกษาในระดับดังกลา วสญั ญากยู มื มกี ารสง มอบเงนิ กันจงึ เกดิ สญั ญากยู มื เงนิ ทส่ี มบรู ณ ค้ำประกันหนี้ดังกลาวได หากตกลงทำสัญญาคำ้ ประกนั ไปก็ไมอาจฟองรอ ง หากลกู หนไ้ี มช ำระหนี้ เจา หนีก้ ช็ อบท่ีจะบังคับเอากับผูค้ำประกนั ได ตามสัญญาค้ำประกันดังกลาวไดเนื่องจากหนี้ที่ไมสมบูรณจะทำสัญญา ค้ำประกนั ไมไ ด อยา งไรกต็ าม เพอ่ื ปองกันมิใหเ ปนการเอาเปรยี บผคู ำ้ ประกนั ทเี่ ขา คำ้ ประกนั หนใี้ นอนาคตและหนม้ี ี เงอ่ื นไขมากจนเกนิ ไป กฎหมายจงึ ไดก ำหนดวา หนใ้ี นอนาคตและหนม้ี เี งอ่ื นไขทผ่ี คู ำ้ ประกนั ตอ งรบั ผดิ นน้ั จักตอ งระบุ ตัวอยา งเชน นายแดงใหน ายดำยืมรถจกั รยานยนตไปใช ตอ มานายดำ รายละเอยี ดของหนใ้ี หชดั เจน ดังรายละเอยี ดตอ ไปนี้ นำรถจักรยานยนตไปใหน ายขาวใชงานโดยนายแดงไมไดอนญุ าตนายขาวนำรถ คันดังกลาวไปใชแลวเกิดประสบอุบัติเหตุ ทำใหรถเสียหายทั้งคัน นายแดง (๑) วตั ถปุ ระสงคใ นการกอหนร้ี ายท่ีคำ้ ประกัน และลักษณะของมูลหนี้ จงึ ตกลงกบั นายดำทำสญั ญากยู มื เงนิ จำนวน ๕๐,๐๐๐ บาท เพอ่ื เปน การประกนั ทั้งนี้เพื่อใหบุคคลภายนอกซึ่งเขามาค้ำประกันหนี้ดังกลาวทราบจุดมุงหมายและลักษณะของ การชำระคา เสยี หายรถจกั รยานยนต โดยใหน ายขาวลงลายมอื ชอ่ื ในฐานะเปน ผูค้ำประกนั หนด้ี งั กลาว ดังน้ี นายขาวผคู ้ำประกนั จะตอ งผูกพันตามสญั ญา หนอ้ี ยา งชดั เจน โดยในท่ีนล้ี กั ษณะของหนี้ คือการกยู มื เงนิ สว นวตั ถปุ ระสงค ก็เชน กูยมื เงนิ เพือ่ การศึกษา หรอื ไม กูยืมเงนิ เพอื่ ที่อยอู าศยั หรือกยู ืมเงนิ เพ่ือการลงทุน เปนตน กรณีดังกลาวนายขาวไมจำเปนตองผูกพันตามสัญญาค้ำประกัน (๒) จำนวนเงินสูงสุดทีค่ ำ้ ประกัน เน่ืองจาก สัญญากูยืมเงนิ ซ่งึ เปนสญั ญาหลักไมส มบูรณเพราะไมม ีการสง มอบ ในสว นนีส้ ัญญาคำ้ ประกันหน้ีในอนาคตจักตองระบจุ ำนวนเงนิ สูงสดุ ท่ีคำ้ ประกันดวย เพื่อเปน เงนิ กูกนั จริง การปองกันมิใหผูค้ำประกันตองรับผิดอยางไมจำกัดอันเปนการเอาเปรียบผูค้ำประกันซึ่งเปนบุคคลภายนอก เกินสมควร โดยแตเดิมนั้นกฎหมายมิไดบังคับวาจะตองระบุจำนวนเงินที่ตองค้ำประกันหนี้ในอนาคตไว จึงสงผลเสียตอ ผูคำ้ ประกันใหตอ งรบั ผดิ หนไ้ี มจ ำกัดจำนวน

- ๑๒ - - ๑๓ - (๓) ระยะเวลาในการกอ หนท้ี คี่ ำ้ ประกนั ๒.๓ หนที้ ่ีไมผกู พันลูกหนเ้ี พราะทำดว ยความสำคญั ผดิ หรอื เพราะ เปนผูไรความสามารถหนี้กูยืมเงินที่กระทำโดยความสำคัญผิดในความ สำหรับระยะเวลาในการกอหนี้ที่ค้ำประกันก็เปนประเด็นหนึ่งเพื่อคุมครองบคุ คล สามารถของบุคคลผูเปนคูสญั ญาหรอื ทำโดยคสู ญั ญาฝายหนง่ึ เปน บคุ คล ภายนอกที่เขาทำสัญญาค้ำประกันหนี้ในอนาคตใหตองรับผิดตามระยะเวลาที่กำหนดไว ไรค วามสามารถนัน้ ไมก อใหเกดิ ความผกู พันระหวางเจา หนี้และลูกหน้ี ในสัญญาเทานัน้ หากไมมีการกำหนดระยะเวลาไวตามกฎหมายแลว สัญญาคำ้ ประกันนัน้ เนื่องจากสัญญาดังกลาวตกเปนโมฆะ หรือเสยี เปลาเนื่องจากกฎหมาย จะไมส ามารถฟองรอ งบังคับกันได อยางไรกต็ ามกฎหมายมขี อยกเวนไวสำหรบั ในกรณจี ำเปน กำหนดไววา บุคคลที่ศาลสั่งใหเปนคนไรความสามารถนั้น จะกระทำ ที่ตองค้ำประกันกิจการทำตอเนื่องกันไปหลายคราวซึ่งไมจำตองระบุระยะเวลาในการ นิติกรรมเองไมไ ด ตอ งใหผอู นบุ าลของบคุ คลดงั กลาวเทาน้ันกระทำการ ค้ำประกันหนี้ไวในสัญญาก็ไดกรณีนี้ที่พบบอยที่สุดคือกรณีค้ำประกันบุคคลเขาทำงาน แทน ในกิจการงานที่ทำตอเนื่อง อยางไรก็ตามกฎหมายก็ยังใหสิทธิผูค้ำประกันที่จะบอกกลาว ยกเลิกการเขาค้ำประกันหนี้ในอนาคตที่ยังไมเกิดขึ้นได โดยสงคำบอกกลาวใหเจาหนี้ทราบ สำหรับกฎหมายค้ำประกัน บุคคลภายนอกอาจทำสัญญาค้ำประกันหนี้ดังกลาวไดแมวาหนี้ประธาน เสยี กอนได โดยหากมีความรบั ผิดชอบใดๆ ภายหลงั จากคำบอกกลา วไปถงึ เจา หน้แี ลว ทานวา นน้ั จะตกเปนโมฆะเพราะคูสญั ญาฝายหน่ึงบกพรอ งในเร่อื งความสามารถ โดยสัญญาค้ำประกนั จะมผี ลสมบรู ณ ผคู ้ำประกันหลุดพนจากความรบั ผิด ทัง้ น้ี ดงั ปรากฏตามประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย เมอ่ื บคุ คลภายนอกนน้ั รถู งึ เหตสุ ำคญั ผดิ หรอื ไรค วามสามารถนน้ั ในขณะทบ่ี คุ คลภายนอก ซง่ึ เปน ผคู ำ้ ประกนั นน้ั มาตรา ๖๙๙ เขา ทำสญั ญา กลา วโดยสรปุ คอื วา หากผคู ำ้ ประกนั รถู งึ เหตคุ วามบกพรอ งดงั กลา วในขณะเขา ทำสญั ญาคำ้ ประกนั ผูค้ำประกันยอ มตองรบั ผิดตามสัญญาหากตอ มาลูกหนที้ ่ีไมม ีความสามารถน้ันไมชำระหนี้ อนง่ึ มีขอสงั เกตทสี่ ำคญั วา กฎหมายไมอ นญุ าตใหคสู ัญญาตกลงไวเ ปน อยา งอนื่ แตกตางไปจากที่กฎหมายกำหนดไวขางตนโดยระบุวาหากผิดไปจากที่กฎหมายกำหนด ขอ ตกลงนน้ั ตกเปน โมฆะ ปรากฏตามประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย มาตรา ๖๘๕/๑ เพื่อปองกันมิใหมีการตกลงยกเวนหลักกฎหมายอันสงผลใหผูค้ำประกันตอง รบั ผดิ มากจนเกนิ จำเปน

- ๑๔ - - ๑๕ - ๒.๔ ไมอาจตกลงใหผคู ้ำประกนั รับผดิ อยา ง ๒.๕ การบอกกลา วใหผูคำ้ ประกันชำระหน้ี เมื่อลกู หน้ผี ูก ผู ดิ นัด มาตรา ๖๘๖ ลูกหนรี้ ว มได ตามมาตรา ๖๘๑/๑ สำหรับการบอกกลา วใหผ ูค ำ้ ประกันชำระหนน้ี น้ั มขี ้นั ตอนตามกฎหมาย ดังน้ี ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๖๘๑/๑ ๑. เจา หนมี้ ีหนงั สือบอกกลาวไปยงั ผคู ำ้ ประกัน ทแี่ กไ ขเพม่ิ เตมิ ระบุหา มมิให ภายใน ๖๐ วนั นบั แตว นั ท่ลี ูกหนีผ้ ดิ นดั คสู ัญญาตกลงใหผคู ำ้ ประกนั ตอ งรบั ผดิ อยา งลกู หนีร้ วม ๒. เจาหนี้จะเรียกใหผ คู ้ำประกันชำระหนีก้ อ น ซึ่งหากฝา ฝน กฎหมายดงั กลาว ขอ ตกลงน้นั จะตกเปน โมฆะ หนังสือบอกกลาวขางตนจะไปถึงผูค้ำประกันไมได หรอื ไมมผี ลบังคบั ทางกฎหมายได ดงั น้นั เม่อื ลูกหนผี้ ิดนัดไมชำระหน้ี แตไมตัดสิทธิผูค้ำประกันที่จะชำระหนี้เมื่อหนี้ถึงกำหนด ชำระ เจา หน้ีตองเรยี กใหลูกหนช้ี ำระหนีก้ อ น จะเรยี กใหผคู ำ้ ประกันชำระหนี้แทนลูกหนที้ ันทีไมได กหลากั รฐกานูยมื โดยหากเจาหนี้ฝาฝนกฎหมายมิไดมีหนังสือบอกกลาว แกผ คู ำ้ ประกันภายในกำหนดเวลา ๖๐ วัน กฎหมาย อยา งไรกต็ าม ในวรรคสอง กฎหมายยกเวนใหส ามารถตกลงใหผ คู ้ำประกันรบั ผิดอยา งลูกหนี้รวมได กำหนดใหผูค้ำประกันหลุดพนจากความรับผิดใน หากปรากฏวา ผูค้ำประกันน้ันมีสถานะเปน นติ ิบคุ คล เชน บริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด หางหุนสว นจำกัด ดอกเบี้ยและคาสินไหมทดแทนตลอดจนภาระติดพันอัน เปนตน และยินยอมเขาผูกพันรับผิดในหนี้ดังกลาวอยางลูกหนี้รวมหรือในฐานะเปนลูกหนี้รวมเพราะ เปนอุปกรณแหงหนี้รายนั้นที่เกิดขึ้นภายหลังพน นิติบุคคลมคี วามสามารถในการชำระหน้ีสงู กวาบคุ คลธรรมดา กำหนดระยะเวลา ๖๐ วันขางตน ท้ังนี้ เมอื่ นติ บิ ุคคลยินยอมรับผดิ อยางลูกหนีร้ ว มแลว นติ ิบคุ คลดงั กลา วยอ มเสยี สิทธบิ างประการ ตามกฎหมาย ไดแก (๑) สทิ ธทิ จ่ี ะขอใหเ จา หนเ้ี รยี กใหล กู หนช้ี ำระหนก้ี อ น ตามประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย มาตรา ๖๘๘ (๒) สิทธทิ ่ีจะใหพ ิสูจนใหเจาหนท้ี ราบวา ลูกหน้ีมีทางท่จี ะชำระหนี้ไดแ ละบงั คับใหลูกหน้ีชำระหนไี้ ด นั้นไมย ากเกินไป (๓) สทิ ธทิ ่ีจะเรียกใหเ จา หนบี้ ังคบั เอากับหลักประกนั ที่ลกู หนี้นำมาใหเจาหนีย้ ดึ ถือไวเปน ประกันกอน อนง่ึ เมอ่ื ผคู ำ้ ประกนั ซง่ึ เปน นติ บิ คุ คลเสยี สทิ ธทิ ง้ั สามประการดงั กลา ว ทำใหผ คู ำ้ ประกนั ซง่ึ เปน นติ บิ คุ คล ตองถกู เจาหนบี้ งั คับใหชำระหน้ีไดโ ดยตรง ไมอาจอา งใหเ จาหน้ไี ปเรยี กใหลกู หนช้ี ำระหนี้ หรือบังคับเอากบั ทรพั ยท ีเ่ ปนหลักประกนั ของลกู หนขี้ างตนเสยี กอ นไดน ่ันเอง

- ๑๖ - - ๑๗ - ๒.๖ การชำระหนีข้ องผูคำ้ ประกัน ๒.๘ กรณีเจาหนตี้ กลงกับลกู หนเี้ พ่ือลดจำนวนหน้ีทม่ี ีการค้ำประกนั โดยหลักการแลวผูค้ำประกันไมจำตองชำระหนี้กอนหนี้นั้นถึงกำหนดชำระและเมื่อผูค้ำประกัน กฎหมายไดวางหลักไวตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๖๙๑ วา ในกรณีที่ลูกหนี้ ถกู เจาหนที้ วงใหชำระหนี้ ผคู ้ำประกนั มสี ทิ ธิทจ่ี ะอางกบั เจาหน้วี า ใหไ ปเรยี กเกบ็ กบั ลกู หนกี้ อ น ยกเวนกรณี และเจาหนี้มีการตกลงลดจำนวนหนี้ที่มีการค้ำประกัน รวมถึงการตกลงลดจำนวนดอกเบี้ย คาสินไหม ทป่ี รากฏวา ลูกหนน้ี ้ันถกู ศาลพิพากษาใหลมละลายหรือลูกหนี้ไมทราบวาอยทู ี่ใดในราชอาณาจักร ตามประมวล ทดแทนหรอื คา ภาระติดพันอันเปนอุปกรณแ หงหนีร้ ายน้นั ไววา เจา หนีต้ องมีหนงั สอื บอกกลาวแจง ใหผคู ำ้ ประกนั กฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๖๘๗ และ ๖๘๘ และหากเจาหน้มี ีทรพั ยซ ง่ึ ลกู หน้นี ำมาประกันหน้ี ทราบถึงขอ ตกลงดังกลา วภายใน ๖๐ วนั นบั แตว นั ท่ตี กลงกันได ขอตกลงดงั กลา วจึงจะผกู พันผูค ้ำประกัน ผูค้ำประกันมีสิทธิแจงใหเจาหนี้นำเอาทรัพยดังกลาวมาชำระหนี้เสียกอนได และประมวลกฎหมายแพงและ ถาลูกหนี้ชำระหนี้ที่ลดลงครบถวนแลวหรือยังไมครบแตผูค้ำประกันเขาชำระหนี้ที่เหลือหรือผูค้ำประกัน พาณชิ ย มาตรา ๖๙๐ ไดก ำหนดใหเ จา หนจี้ ะตอ งชำระหนเี้ อาจากทรพั ยซ งึ่ เปนประกันนน้ั เสียกอน ชำระหนท้ี ล่ี ดแลว ทง้ั หมดเพราะลกู หน้ีไมชำระทั้งหมด ผลคือผูค้ำประกันหลุดพน จากการคำ้ ประกนั และผลอกี ประการหน่ึงคือ ในการชำระหนีข้ องผูค ้ำประกนั ดงั กลาว กฎหมายระบใุ หผูค ้ำประกันมีสิทธชิ ำระหนไี้ ดแม เมื่อผูค้ำประกันจะชำระหนี้นั้นผูค้ำประกันอาจชำระหนี้ทั้งหมดหรือชำระหนี้ตามเงื่อนไขและวิธีการ ลวงเลยกำหนดเวลาชำระหนต้ี ามท่ีไดล ดแตไ มเ กนิ ๖๐ วัน นับแตวันทค่ี รบกำหนดชำระหนีด้ งั กลาว และใน ในการชำระหนท้ี ่ีลกู หนมี้ ีอยูกบั เจาหนก้ี อ นผิดนัดชำระหนี้ เฉพาะในสวนท่ตี นตองรับผิดก็ได เชน กอ นท่ีลูกหนี้ กรณีที่เจาหนี้มีหนังสือแจงใหผูค้ำประกันทราบถึงขอตกลงดังกลาวเมื่อลวงเวลากำหนดเวลาชำระหนี้ตาม จะผิดนัดไมชำระหนี้ในสวนที่เหลือกับเจาหนี้ ผูค้ำประกันไดรับการบอกกลาวใหชำระหนี้ตามกำหนดแลว ทไี่ ดลดแลว ใหผ คู ำ้ ประกนั มสี ทิ ธชิ ำระหนไ้ี ดภ ายใน ๖๐ วนั นบั แตว นั ทเ่ี จา หนม้ี หี นงั สอื แจง ใหผ คู ำ้ ประกนั ทราบถงึ ผูค้ำประกันจะชำระหนี้ที่เหลือทั้งหมดในครั้งเดียวหรือผอนชำระใหเจาหนี้เปนงวดๆตามเงื่อนไขและ ขอ ตกลงนน้ั ขอ ตกลงกอนผดิ นัดระหวา งเจาหนแ้ี ละลกู หนกี้ ็ได นอกจากนั้น กฎหมายกำหนดวา ขอตกลงท่ที ำขนึ้ ภายหลงั ที่ลกู หนี้ผดิ นดั ชำระหนแ้ี ลว หากในขอ ตกลง ๒.๗ ผลกรณีเจาหน้ปี ฏเิ สธไมรับชำระหน้ีจากผูคำ้ ประกนั นั้นมีผลขยายเวลาชำระหนี้ใหแกลูกหนี้ มิใหถือวาเปนการผอนเวลาใหชำระหนี้ตาม มาตรา ๗๐๐ หากผูค้ำประกนั ไดแ สดงความประสงคจ ะชำระหนตี้ ามขอ ๒.๖ แลวเจาหนไ้ี มย อมรบั ชำระหนีด้ ังกลา ว นั่นหมายความวา ผูค้ำประกันไมหลุดพนจากความรับผดิ กฎหมายใหผูค้ำประกนั หลุดพนจากความรบั ผิดในหนดี้ งั กลาวทันที ในระหวางที่ผูค้ำประกันชำระหนี้ตามเงื่อนไขและวิธีการในการชำระหนี้ของลูกหนี้ขางตน เจาหนี้ ไมอาจเรียกดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเพราะเหตุที่ลูกหนี้ผิดนัดในระหวางนั้นได นอกจากนั้นเมื่อผูค้ำประกันชำระหนี้ ดังกลาวไปแลว ผูคำ้ ประกันก็มีสทิ ธทิ จี่ ะไปไลเบ้ียเรยี กใหล ูกหน้ีชำระหนี้คืนผคู ้ำประกนั ไดต ามจำนวนท่ตี นชำระ ไปจริงรวมถงึ ดอกเบ้ียและคา เสยี หายอ่ืนจากการค้ำประกันหนดี้ ังกลา วดวย

- ๑๘ - - ๑๙ - ๒.๙ กรณีเจา หนย้ี อมผอ นเวลาใหล กู หนี้ชำระหน้ี ๓. การชำระหนี้ มปี ระเด็นวา หากมีการตกลงผอ นเวลาใหลูกหนช้ี ำระหน้ี จะผกู พนั ผูคำ้ ประกนั หรอื ไมซ ่งึ ตามประมวล บทบัญญตั ิเร่อื งการชำระหนีป้ รากฏตาม ประมวลกฎหมายแพง และพาณิชย บรรพ ๒ วา ดว ย กฎหมายแพงและพาณชิ ย มาตรา ๗๐๐ กำหนดหลักเกณฑไววา หากผูค้ำประกันเขาค้ำประกันหนี้ซึ่งมี เรื่อง หน้ี หมวดท่ี ๕ ความระงับแหงหน้ี ซึ่งมสี าระสำคัญทีเ่ ก่ยี วกับหนี้สนิ ดงั นี้ กำหนดระยะเวลาที่แนนอน แตต อ มาเจา หนย้ี อมผอ นระยะเวลาชำระหนห้ี รอื ผอ นผนั ใหล กู หนช้ี ำระหนเ้ี ปน วนั อน่ื หากผคู ำ้ ประกนั มไิ ดท ราบและใหความยินยอมในการผอนผันดงั กลาวผูค้ำประกันไมต องรับผดิ ในหน้นี ั้นอกี ตอไป นอกจากนน้ั เจา หนไ้ี มอ าจทำขอ ตกลงลว งหนา ใหผ คู ำ้ ประกนั ยนิ ยอมใหม กี ารผอ นเวลาไดเ พราะกฎหมาย กำหนดวาหากมีการตกลงลวงหนา ไว ขอ ตกลงนน้ั จะใชบ ังคับไมได แตม ขี อ ยกเวนซอนข้ึนมาอีกวา ยกเวน แตผ คู ำ้ ประกนั ทเ่ี ปน สถาบนั การเงนิ หรอื ผคู ำ้ ประกนั เพอ่ื สนิ จา งเปน ปกตธิ รุ ะ นน่ั หมายความวา กฎหมายมงุ คมุ ครอง ผูค้ำประกันซึ่งเปนบุคคลธรรมดาซึ่งอาจไมทราบขอกฎหมายดังกลาวและอาจถูกเอารัดเอาเปรียบจากการ ไมทราบขอ กฎหมายดงั กลา วเปน สำคญั ๒.๑๐ ผลภายหลงั ชำระหนี้ เม่ือผูค้ำประกนั ชำระหน้ใี หกบั เจาหน้แี ทนลกู หนี้แลว ผคู ้ำประกันมีสทิ ธติ ามกฎหมาย ดังน้ี (๑) มสี ทิ ธไิ ลเ บ้ยี ทง้ั เงนิ ตน ดอกเบย้ี และคาเสยี หายอ่นื จากการค้ำประกันจากลกู หน้ี (๒) มสี ทิ ธิยกขอตอ สูใ ดๆ ทีล่ ูกหนม้ี ีตอ เจา หนข้ี น้ึ ตอ สแู ทนลกู หนีไ้ ด เวนแต ไมท ราบวา มขี อ ตอสูใน เรื่องหนี้อยางไรโดยหากผูค้ำประกันทราบแตไมยกขอตอสูขึ้นตอสูกับเจาหนี้กฎหมายลงโทษผูค้ำประกัน ใหผ คู ำ้ ประกันไมอ าจไลเบย้ี ลกู หน้ไี ดเ ทาท่ไี มยกขอ ตอ สูด ังกลาว (๓) หากผคู ำ้ ประกันชำระหน้แี ทนลูกหนี้โดยไมแจงลกู หนีใ้ หทราบ ตอมาลูกหนี้ไดช ำระหน้ีนนั้ ใหแ ก เจาหนซี้ ้ำอกี กฎหมายไมใหสิทธผิ ูค ำ้ ประกนั ทีจ่ ะไลเบ้ยี ลกู หนไี้ ดอ ีกตอไป แตไ มตดั สทิ ธผิ ูค ำ้ ประกนั ฟองเรยี กเงนิ ที่ชำระไปแทนลกู หนค้ี ืนจากเจาหน้ี (๔) หากเจาหนก้ี ระทำการใดเปนเหตใุ หผ ูคำ้ ประกนั ตองเสยี หายไมอ าจรบั ชวงสิทธิในสทิ ธิใดก็ดจี ำนอง กด็ ี จำนำหรอื บรุ มิ สทิ ธอิ น่ื กด็ ที ล่ี กู หนใ้ี หไ วก บั เจา หน้ี ผคู ำ้ ประกนั ยอ มหลดุ พน จากความรบั ผดิ เพยี งเทา ทต่ี นนน้ั เสียหาย

- ๒๐ - - ๒๑ - ๓.๑ กำหนดเวลาชำระหน้ี หากเปนกรณีอื่นนอกจากที่กลาวมาขางตน การชำระหนี้แกบคุ คล หากคูสัญญาไมไดกำหนดเวลาชำระหนี้ไวรวมถึงไมอาจสันนิษฐานไดวาเวลาชำระหนี้นั้นคือเวลาใด ผูไมมีสิทธิชำระหนี้นั้นจะสมบูรณตอเมื่อเจาหนี้ไดรับชำระเงินคืน เทานน้ั ซ่งึ อาจไมเต็มจำนวนหน้กี ็ไดต ามประมวลกฎหมายแพง และพาณิชย เจา หนี้ยอมเรียกใหล ูกหน้ีชำระหนไี้ ดในทนั ที และลกู หน้กี ็ยอมชำระหนไ้ี ดใ นทันทเี ชนกัน มาตรา ๓๑๗ หากคูสัญญามีการกำหนดเวลาชำระหนี้ไว แตยังเปนที่สงสัยวาเปนเวลาใด กฎหมายใหสันนิษฐาน อยางไรก็ตามมีบางกรณีที่บุคคลภายนอกนั้นถือใบเสร็จมาเรียกให ไวกอนวา เจาหนี้จะเรียกใหชำระหนี้กอนถึงเวลานั้นไมได แตฝายลูกหนี้จะชำระหนี้ไดกอนกำหนดนั้น ลูกหนี้ชำระหนี้แลวลูกหนี้เชื่อโดยสุจริตและมิไดประมาทเลินเลอวาบุคคล ตามมาตรา ๒๐๓ ดังกลาวมีอำนาจรับชำระหนี้ไดจึงไดชำระหนี้ไป กฎหมายคุมครองลูกหนี้ ผนู น้ั โดยใหถ อื วา การชำระหนน้ี น้ั มผี ลสมบรู ณ โดยถอื วา บคุ คลผถู อื ใบเสรจ็ ๓.๒ บุคคลผมู ีสทิ ธิชำระหนี้ มารบั ชำระหนมี้ ีสทิ ธริ ับชำระหนไี้ ดตามกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพง โดยหลกั แลว การชำระหนก้ี ูยืมเงินหรอื หนีอ้ น่ื ใด ผูมหี นา ท่ีชำระหน้ีโดยตรงคือลูกหนี้หรือผกู ู ซง่ึ เปน และพาณิชย มาตรา ๓๑๘ นอกจากนั้น กฎหมายใหสิทธิเจาหนที้ ีจ่ ะปฏเิ สธไมร ับชำระหนบี้ างสว น หรอื ปฏิเสธไมร ับชำระหน้ี คสู ัญญาในสัญญากูยืมเงนิ เทานนั้ แตบ คุ คลภายนอกอาจจะชำระหนแ้ี ทนกไ็ ด บคุ คลภายนอกดงั กลาว เชน เปน อยา งอน่ื ผิดไปจากท่จี ะตองชำระแกเจา หนีต้ ามสัญญาดวย แตหากเจาหน้ยี นิ ยอมรับชำระหนีอ้ ยา งอ่ืน ผคู ้ำประกนั แตก ฎหมายกย็ กเวนไวในกรณหี นท้ี ไี่ มเปด ใหบคุ คลภายนอกชำระได เชน หนวี้ าจางใหลูกหน้ี แทนการชำระหนี้ที่แทจริงตามที่ตกลงไว กฎหมายใหหนี้นั้นเปนอันระงับเพราะถือวามีการชำระหนี้ ทำการงานซ่งึ ตองอาศยั ความสามารถและความเชยี่ วชาญเฉพาะของลกู หนี้น้ัน เชน จางใหล ูกหน้ีวาดรปู หรือ ที่สมบูรณแลว และกรณีที่ลูกหนี้เลือกชองทางยอมรับภาระเปนหนี้อยางใดอยางหนึ่งขึ้นใหมตอเจาหนี้เปน กรณีบคุ คลภายนอกไมอ าจชำระแทนไดเพราะเปน การขดั กับเจตนาที่แทจรงิ ของคสู ญั ญา เชน คสู ญั ญาอาจจะ การตอบแทนการชำระหนี้นั้น หากขอตกลงดังกลาวไมชัดเจนยังเปนที่สงสัยกฎหมายมิใหสันนิษฐานวา ตกลงกันไวล ว งหนา หา มบุคคลภายนอกมาชำระหน้ี เปนตน ลูกหนี้ไดกอหนี้ขึ้นแทนการชำระหนี้ดังกลาว ทั้งนี้ปรากฏตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๓๒๐ และ ๓๒๑ อยา งไรกต็ าม แมไ มม ีขอ ตกลงหามมใิ หบ ุคคลนอกผไู มมสี วนไดเ สียในหนี้สนิ ดังกลา วไปชำระหน้กี ต็ าม ในกรณีชำระหนี้ดวยตั๋วเงิน เชน เช็คนั้นจะถือวาหนี้ระงับได ตอเมื่อตั๋วเงินนั้นไดใชเงินหรือ แตผไู มม สี ว นไดเสียในหนี้ดงั กลาวจะชำระหนโี้ ดยไมไ ดร บั ความยินยอมจากลกู หน้หี รอื ผูกไู มไ ด ตามประมวล ขึ้นเงินแลว แตหากเจาหนี้ยินยอมรับชำระหนี้เปนทรัพยสินอื่นหรือสิทธิอื่นๆจากลูกหนี้แทนจำนวนเงิน กฎหมายแพงและพาณชิ ย มาตรา ๓๑๔ ท่กี ยู ืมไป และไมมกี ารโตแยง จากบุคคลภายนอกหรอื ทรพั ยสนิ นน้ั ชำรุดบกพรอ ง ลกู หน้ีจะตอ งรับผิดชอบ ๓.๓ บคุ คลผูม ีสิทธริ บั ชำระหน้ี บคุ คลผมู ีสิทธริ ับชำระหนี้ คือ คสู ัญญาเทานัน้ ในกรณีหน้ีสนิ คอื ผใู หกูย มื เงนิ ซ่ึงเปนเจา หนีต้ ามสัญญา เวนแตเจาหนี้ไดมอบอำนาจไวใหบุคคลอื่นรับชำระหนี้แทน อยางไรก็ตามหากเจาหนี้ยังไมไดมอบอำนาจให บุคคลใดรับชำระหนี้เมื่อบุคคลนั้นไปรับชำระหนี้แลวตอมาเจาหนี้ไดใหสัตยาบันหรือรับรองการกระทำ ดังกลา ว ก็ถอื วา การชำระหนีน้ นั้ สมบรู ณเ ชนกัน การรบั รองหรือใหส ตั ยาบนั ดังกลา ว กฎหมายไมไ ดระบุวา ตองทำเปนลายลักษณอักษรมีลายมือชื่อของเจาหนี้จึงนาจะนำพยานบุคคลหรือพยานเอกสารที่พอจะมีมา พสิ ูจนใหศาลทราบได ท้งั นี้ ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชยมาตรา ๓๑๕

- ๒๒ - - ๒๓ - ๓.๔ ในกรณที ค่ี ูสญั ญามิไดตกลงกันไวเ กีย่ วกับสถานทีท่ ีจ่ ะตองชำระหนี้ โดยปกตกิ าร ๓.๖ เมอ่ื ลกู หนข้ี อปฏบิ ตั กิ ารชำระหนโ้ี ดยชอบแลว เชน ชำระหนต้ี รงตามวตั ถปุ ระสงค ชำระหนี้เงินกูจะตองชำระหนี้ที่สถานที่เปนภูมิลำเนาของเจาหนี้และหากมีคาใชจายอื่น ตามทีต่ กลงไว และตามกำหนดเวลา สถานท่ที ก่ี ำหนดไว แตเจาหน้ปี ฏิเสธไมร ับชำระหน้ี สถานทีท่ ี่จะ เกิดขึ้นเนื่องจากการชำระหนี้ถามิไดตกลงกันไวเปนอยางอื่นก็ใหตกเปนภาระของลูกหนี้ตอง ผลของการ โดยไมม เี หตทุ จ่ี ะอา งไดต ามกฎหมาย ผลคอื ลกู หนย้ี อ มหมดความรบั ผดิ ชอบในความรบั ผดิ ใดๆ ตองชำระหนี้ เปนผอู อกคา ใชจ า ยดงั กลา วเวน แตก รณที เ่ี จา หนย้ี า ยภมู ลิ ำเนาหรอื เพราะการอน่ื ใดทเ่ี จา หนไ้ี ด ขอชำระหนี้ อนั เกดิ จากการไมช ำระหนน้ี บั ตง้ั แตเ วลาทข่ี อปฏบิ ตั กิ ารชำระหนโ้ี ดยชอบนน้ั เชน ความรบั ผดิ กระทำเปนเหตุใหมีคาใชจายเพิ่มกฎหมายกำหนดใหคาใชจายดังกลาวเจาหนี้ตองเปนผูออก ทีช่ อบดว ย ในเรื่องดอกเบี้ยผิดนัด เปนตน เพราะถือวาลูกหนี้ไมผิดนัดอีกตอไป แตฝายที่ผิดนัด ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณชิ ย มาตรา ๓๒๔ และ ๓๒๕ กฎหมาย กลบั กลายเปนเจาหน้ีเสยี เอง ตามมาตรา ๓๓๐ หลังจากไดชำระหนี้แลวทั้งหมดจนหนี้ดังกลาวระงับไปกฎหมายกำหนด กรณอี าจเกดิ ขน้ึ ไดห ากเจา หนน้ี น้ั ไมส จุ รติ ประสงคจ ะไดด อกเบย้ี เพม่ิ เตมิ จากลกู หน้ี ๓.๗ วาลูกหนี้มีสิทธิที่จะไดรับใบเสร็จรับเงินเปนหลักฐานจากเจาหนี้นั้น นอกจากนั้นลูกหนี้ หรือเจาหนี้อาจจะหลงลืมวันครบกำหนดชำระหนี้ เชน ในวันครบกำหนดชำระหนี้ มีสิทธิที่จะเรยี กใหเจาหนี้เวนคนื เอกสารอนั เปนหลักฐานแหง การกูยืมเงิน หรือขดี ฆา สญั ญา เจาหนี้นั้นอาจไมอยูที่ภูมิลำเนาของตน เปนเหตุใหลูกหนี้ไมทราบวาจะชำระหนี้กับผูใด กรณีหาก กูย ืมเงินหรอื หลกั ฐานการกูย มื เงนิ เสยี ซึ่งกรณีนี้ลูกหนี้สามารถนำเงินไปชำระหนี้ไดโดยไปวางเงินที่จะตองชำระคืนใหเจาหนี้ไว เจา หนี้ปฏิเสธ ทสี่ ำนกั งานวางทรพั ย ของกรมบังคับคดี หรือบงั คบั คดีประจำจงั หวดั น้นั ๆ แทนโดยการ ไมย อมรับ หากเอกสารดังกลาวสูญหายลูกหนี้หรือบุคคลผูชำระหนี้ก็มีสิทธิที่จะจดขอความ วางเงินท่จี ะตองชำระจนครบถวนแลว ผลกท็ ำใหล กู หนี้นน้ั หลดุ พนหนส้ี นิ ดังกลาวเชนเดยี ว การระงับหนลี้ งไวใ นใบเสร็จหรือเอกสารอ่ืนอกี ฉบบั หนึง่ ตา งหาก กับชำระหนใี้ หก บั เจา หน้ีโดยตรง ชำระหน้ี การชำระหนแี้ ตบางสวน กฎหมายกำหนดใหล ูกหน้มี ีสทิ ธไิ ดรบั ใบเสร็จเชนกนั และ ๓.๕ มีสิทธิจดแจงการชำระหนี้แตบางสวนดังกลาวลงไวในเอกสาร ตามประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย มาตรา ๓๒๖ หลกั ฐานแหง การชำระหนี้ กรณีการชำระหนีเ้ งินกูเปน งวดๆ หรอื การชำระดอกเบี้ย กฎหมายใหสันนษิ ฐานวา หากเจาหนอ้ี อกใบเสรจ็ ใหเ พอ่ื งวดใดแลว ถือวาเจาหนี้ไดรับชำระหนใี้ นหน้งี วดกอ นๆ แลว และหากเจาหนี้ออกใบเสร็จวาไดรับเงินตนแลวยอมถือวาไดเจาหนี้ไดรับชำระดอกเบี้ย จนครบถว นแลว และมขี อ สนั นษิ ฐานตามกฎหมายอกี วา หากเจา หนไ้ี ดเ วนคนื ตน ฉบบั หลกั ฐาน การกูยืมเงินใหลูกหนี้แลวถือวาหนี้นั้นเปนอันระงับไปตามประมวลกฎหมายแพงและ พาณิชย มาตรา ๓๒๗ หากการชำระเงนิ กูในครง้ั หนึง่ ไมสามารถครอบคลมุ ท้งั เงนิ ตน ดอกเบี้ยและคาฤชา ธรรมเนียมตามที่ตกลงกันใหชำระได ก็ใหหักเงินดังกลาวเปนการชำระคาฤชาธรรมเนียม เสียกอ นแลวจงึ ชำระดอกเบยี้ และในท่ีสุดก็ใชช ำระเงนิ ตน ตามมาตรา ๓๒๙

- ๒๔ - - ๒๕ - ในกรณีขางตน กฎหมายกำหนดใหเปนภาระของผูชำระเงินหรือวางเงินนั้นจักตองบอกกลาว ๔. ผลของการไมชำระหน้ี ใหเจาหนี้ทราบถึงการวางทรัพยนั้นในทันทีนอกจากนั้นกฎหมายยังใหสิทธิแกลูกหนี้ที่จะถอนทรัพยที่ ผลของการไมช ำระหนไี้ ดบญั ญัตไิ วใ นตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย บรรพ ๒ มาตรา วางนั้นได เมื่อถอนทรัพยที่วางไวก็ใหถือวามิไดวางทรัพยนั้นไวเลย แตสิทธิดังกลาวจะหมดไปหากเกิดกรณี ดงั นี้ ๒๐๓ ถึง มาตรา ๒๒๕ โดยมีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับหนี้สินและผลของการไมชำระหนี้ของหนี้สิน ดงั กลา วทค่ี วรทราบ ดงั ตอ ไปน้ี (๑) ลกู หน้สี ละสิทธิ (๒) เมื่อเจาหน้ี (๓) เมอื่ การวาง การถอนทรัพย เขาแสดงเจตนาวาจะรับ ทรัพยน น้ั เปนการวางตาม ๔.๑ การผิดนดั ของลูกหนี้ ท่ีวางไวลว งหนา คำสั่งศาลและไดบอกกลา ว เมื่อหนีถ้ งึ กำหนดชำระแลวและเจาหน้ไี ดใหค ำเตือนลกู หน้ีใหชำระหนีแ้ ลว ไมวา คำเตือน ตอ สำนกั งานวางทรพั ย เอาทรพั ยนั้นแลว คำสัง่ ศาลดงั กลา วให เปนลายลกั ษณอักษรหรือคำเตอื นดวยวาจา ลกู หนกี้ ย็ ังไมช ำระจะถือวา ลูกหนต้ี กเปนผูผิดนัดทันที สำนักงานวางทรัพย เพราะเจาหนี้นั้นไดเตือนแลวและโดยปกติลูกหนี้จะตองรับผิดในดอกเบี้ยอันเกิดจากการผิดนัดนั้น ดว ย ทราบแลว ถา หนไ้ี ดก ำหนดเวลาชำระหนไ้ี วต ามวนั แหง ปฏทิ นิ เชน ใหช ำระในวนั ท่ี ๑ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๖๐ สำหรับคาธรรมเนียมในการวางทรัพยนั้นกฎหมายใหตกเปนภาระของเจาหนี้เวนแตในกรณี และลูกหนี้มิไดชำระหนี้ตามกำหนดนั้น ลูกหนี้ผิดนัดทันทีโดยเจาหนี้ไมตองเตือนใหชำระหนี้เลย ถอนการวางทรัพยซึ่งลูกหนี้ตองรับผิดในคาใชจายหากตอมาเจาหนี้ไมไปรับเงินกูหรือทรัพยที่วางไวเพื่อ โดยการผิดนัดทันทีนี้นำไปใชในกรณีที่เจาหนี้ไดบอกกลาวลวงหนากอนการชำระหนี้ โดยกำหนด การชำระหน้ีตามท่ีตกลงกนั ภายในเวลา ๑๐ ป นบั แตไดรับการบอกกลา วจากลูกหน้ีแลว สทิ ธดิ ังกลาว เวลาตามวนั ปฏิทินชดั เจนดวย ตามมาตรา ๒๐๔ ยอ มระงับ นั่นคือเจาหน้จี ะไปรบั ทรัพยทว่ี างเกนิ ๑๐ ปดงั กลา วไมได แตไ มต ัดสทิ ธิลกู หนที้ ี่จะไปรบั ทรัพย ท่วี างไวคนื แมล กู หนนี้ ัน้ จะไดสละสทิ ธิการถอนทรัพยนนั้ กต็ าม ๔.๒ การผดิ นัดของเจา หน้ี หากลกู หนข้ี อชำระหนแ้ี ลว เจา หนีป้ ฏิเสธไมรบั ชำระหน้ี โดยปราศจากเหตตุ ามกฎหมาย โดยหลักเกณฑก ารวางทรพั ยข างตน นี้ สามารถนำไปปรับใชก ับกรณที บ่ี คุ คลผูชำระหนี้เงินกูไมทราบ ถึงสทิ ธหิ รอื ไมรูตวั เจาหน้ีไดแ นนอนโดยมใิ ชความผิดของตนดว ย ซ่งึ อาจเกิดขึ้นไดกรณที ี่เจา หนี้เสียชวี ติ แลว เจาหนจี้ ะตกเปนผูผดิ นดั ทนั ที เมอ่ื เจา หน้ีผดิ นัดโดยปกติเจาหนีจ้ ะไมอาจคดิ ดอกเบย้ี ผดิ นัดเอากบั ไมท ราบวาทายาทของเจาหน้คี อื ผูใ ด ลกู หนผ้ี ูกยู มื เงินได ตามมาตรา ๒๐๗

จัดวรรค -๒๖- - ๒๗ - ๔.๓ การไมชำระหนี้ใหตอ งตามความประสงคอันแทจริงแหงมูลหนี้ ๔.๔ ลกู หน้ีมอบใหต วั แทนไปชำระหน้ีแทน คือการไมชำระใหตรงตามทสี่ ัญญาระบุไวห รอื ชำระหนโ้ี ดยไมส จุ รติ ในประเดน็ นม้ี าตรา ๒๒๐ แหง ประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย ไดก ำหนดหลกั เกณฑไ วว า หากลกู หนไ้ี ดม อบอำนาจใหต วั แทนไปชำระหน้ี เชน ไมชำระหน้เี งนิ กูใหเจาหน้ใี นสถานท่ที ีไ่ ดต กลงกันไว กฎหมายระบุวา หาก แทนหรอื ใชใ หบ คุ คลใดไปชำระหนแ้ี ทนลกู หนจ้ี ะตอ งรบั ผดิ ชอบในความผดิ เจาหนี้เสียหายเพราะการไมชำระหนี้ใหถูกตองตามความประสงคของเจาหนี้ ของตวั แทนหรอื คนทต่ี นใชใ หไ ปชำระหนน้ี น้ั เสมอื นกบั วา เปน ความผดิ ของ สามารถเรียกคาสนิ ไหมทดแทนจากลูกหนี้ได เชน คาใชจายจากการเดินทาง ตนเองเชน กรณี นาย ก. ลกู หนไ้ี ดไ ปกยู มื เงนิ จาก นาย ข. เจา หนี้ มารับชำระเงินจากลูกหน้ี นอกสถานทีท่ ไี่ ดตกลงไว เปน ตน จำนวน ๕๐,๐๐๐ บาท ตอมาเมื่อถึงกำหนดชำระเงิน นาย ก. ไดมอบหมายใหนาย ค. ไปชำระหนีใ้ หแ กนาย ข. โดยไดมอบเงนิ จำนวน ดังกลาวใหแกนาย ค. แตปรากฏวา นาย ค. มิไดไปชำระหนี้แทน แตนำเงินจำนวน ๕๐,๐๐๐ บาท ไปใชเสียเอง นาย ก. ลกู หนจ้ี ะตกเปน ผผู ดิ นดั ไมช ำระหนต้ี ามกำหนดระยะเวลาทต่ี กลงไวท นั ที โดยนาย ข. เจาหนี้ไมตองเตือนใหชำระหนี้ เนื่องจากเปนกรณีหน้ที ่ีมีกำหนดเวลา ชำระหนไี้ วแนนอนแลว นาย ก. ลูกหนี้ไมอาจยกขอตอสูเรื่องนาย ค. มาปฏิเสธการชำระหนี้พรอมดอกเบย้ี แกเจาหนไ้ี ด

- ๒๘ - - ๒๙ - ๔.๕ หนีเ้ งินทต่ี อ งมดี อกเบย้ี นน้ั จะคดิ ดอกเบีย้ ๔.๖ อตั ราดอกเบี้ยผิดนัดและคาเสยี หายอน่ื เม่อื ผดิ นดั ในเวลาทเี่ จา หนผ้ี ดิ นัดไมได โดยหลักแลวดอกเบี้ยมี ๒ ประเภท คือ ดอกเบี้ยจากเงินตนที่ตองจายตามปกติที่คูสัญญา โดยปกตขิ องหน้ีเงนิ ที่ตอ งคิดดอกเบี้ยกัน ตกลงกนั ซึ่งจะไดก ลาวไวในหัวขอถัดไป และดอกเบี้ยผดิ นัดเมอ่ื คูส ญั ญาฝา ยใดผิดนัด สำหรบั ในหนี้เงิน นั้น เมื่อลูกหนี้ผิดนัดลูกหนี้มีหนา ทีจ่ ะตองชำระ เชน เมื่อลูกหนี้ผิดนัด ลูกหนี้ยอมตองรับผิดในดอกเบี้ยผิดนัดดวย แตหากเจาหนี้ผิดนัด เจาหนีย้ อม ดอกเบ้ียผดิ นดั ใหแ ก เจา หนแี้ ละเจาหนีม้ สี ิทธิท่ีจะ ไมมสี ทิ ธิเรียกดอกเบ้ียจากลูกหนไ้ี ดด ังไดก ลาวไวกอ นหนาน้ีแลว โดยมีประเดน็ ทส่ี ำคญั เก่ียวกับดอกเบยี้ เรียกใหลกู หน้ชี ำระดอกเบย้ี ผิดนัดได ผิดนดั ไดแก (๑) อตั ราดอกเบย้ี ผิดนัดตามกฎหมาย แตป ระมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๒๒๑ ไดก ำหนดวางหลักไววาหากเปน ตามประมวลกฎหมายแพง และพาณิชย มาตรา ๒๒๔ กรณีทเี่ จาหนผี้ ิดนดั เชน เจา หนไ้ี มยอมรับ ไดก ำหนดไวว า ในหนเ้ี งินนนั้ ใหคิดดอกเบี้ยในระหวางผิดนัดไดรอยละ ชำระหนี้ตามกำหนดเวลาที่ตกลงไวทำให เจ็ดกึ่ง หรือ ๗.๕ ตอป เวน แตเ จาหนี้มีสิทธิเรยี กดอกเบ้ยี ไดสงู กวา ลูกหนี้ไดรับความเสียหายทั้งที่ลูกหนี้ขอชำระ น้นั โดยอาศัยเหตุอื่นอนั ชอบดว ยกฎหมาย เชน หน้ีเงนิ กขู องสถาบัน หนี้โดยชอบและตรงตามวัตถุประสงคของ การเงินหรือธนาคารตางๆซึ่งมีกฎหมายกำหนดอัตราดอกเบี้ยไว สญั ญาทกุ ประการ โดยเฉพาะแลวหรอื มีสญั ญากำหนดอัตราดอกเบยี้ ไว อยางกรณีนี้เจาหนี้จะตกเปนผูผิดนัด (๒) ดอกเบ้ียซอนดอกเบ้ียผดิ นัด ทนั ที ผลของการทเี่ จาหนี้ผดิ นน้ั คอื เจา หนีน้ นั้ ตามประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย มาตรา ๒๒๔ วรรคสอง ไมอาจคิดดอกเบี้ยเอาจากลูกหนี้ในชวงระยะ เวลาทเ่ี จา หนผ้ี ดิ นดั ได เนอ่ื งจากจะไมเ ปน ธรรม กำหนดหา มมิใหเ รียกดอกเบย้ี ซอนดอกเบ้ยี ได เชน เม่ือลูกหนีผ้ ดิ นดั กบั ลูกหนี้ กฎหมายจึงระบุไวช ดั เจนเพอ่ื ไมใ ห เกิดดอกเบีย้ ผิดนัดขน้ึ มา เจาหนี้จะเรียกดอกเบ้ียจากดอกเบย้ี ที่ผดิ นดั เจาหนี้เอาเปรียบลกู หน้ีนนั่ เอง ดงั กลา วอกี ไมไ ด (๓) คา เสียหายอื่นนอกจากดอกเบีย้ ผิดนัด กฎหมายเปดโอกาสใหเรยี กรอ งคา เสยี หายอ่นื นอกจากดอกเบ้ยี ตามปกติที่ตองชำระได แตต อ งพสิ จู นใ หศ าลทราบถงึ ความเสยี หายดงั กลา วดว ย โดยปกตจิ ำตอ งพสิ จู นถ งึ ความเสยี หายวา มอี ยจู รงิ และฝา ยลกู หนซ้ี ง่ึ ผดิ นดั จะตอ งสามารถคาดเหน็ ความเสยี หายนน้ั ดว ย ตวั อยา งเชน นางสมศรี ใหน างสาวสมทรงกูย ืมเงินจำนวน ๒๐,๐๐๐ บาท โดยนางสมศรีแจง วา เงนิ จำนวนดงั กลาวน้นั ตนกูนายสมศักด์มิ าอกี ทหี นงึ่ โดยนางสมศรีไดกำชบั ใหนางสาวสมทรงนำเงนิ กมู าชำระคืนภายใน วันที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ เนื่องจากจักตองนำเงินไปคืนนายสมศักดิ์ในวันดังกลาว นางสาวสมทรงตกลง และรบั เงนิ จากนางสมศรแี ลว ตอ มาเมอ่ื ถงึ กำหนดเวลาชำระหนน้ี างสาวสมทรง ผิดนัดไมมาชำระหนี้เปนเหตุใหนางสมศรีสามารถเรียกดอกเบี้ยผิดนัดจากนางสาวสมทรง ไดและนอกจากนั้นนางสาวสมทรงจะตองรับผิดในความเสียหายคือดอกเบี้ยที่ นางสมศรีจะตองชำระใหกับนายสมศักดิ์ดวย โดยกรณีดังกลาวถือเปนคาเสียหายอื่นตามที่ กฎหมายกำหนดไว

- ๓๐ - - ๓๑ - ๕. ดอกเบีย้ ๕.๒ ดอกเบี้ยในดอกเบี้ยที่คางชำระ สำหรับประเดน็ เรือ่ งดอกเบย้ี ในหวั ขอน้ี กฎหมายไดก ำหนดไวในประมวลกฎหมายแพง และพาณิชย ประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย มาตรา ๖๕๕ กำหนดวา หา มเรยี กดอกเบี้ย มาตรา ๖๕๔ และมาตรา ๖๕๕ สว นโทษทางอาญาในกรณีฝา ฝนเรยี กเกบ็ ดอกเบยี้ เกนิ อัตรา มีกำหนดไว จากดอกเบ้ยี ทคี่ างชำระ แตกฎหมายกย็ ังเปดชอ งวา หากดอกเบ้ียนั้นคางชำระไมน อ ยกวา ตามพระราชบัญญตั ิหามเรยี กดอกเบี้ยเกินอตั รา พ.ศ. ๒๕๖๐ ดงั ปรากฏรายละเอยี ด ดังน้ี หนึ่งป คูสัญญากูยืมเงินสามารถตกลงกันใหเอาดอกเบี้ยนั้น ทบเขากับตนเงินไดหรือเรียกวา ดอกเบ้ียทบตน โดยเมอ่ื นำดอกเบ้ยี ดังกลาวทบกบั ตนเงินแลว เจา หนี้กม็ สี ทิ ธิคิดดอกเบย้ี ๕.๑ อัตราดอกเบย้ี ในจำนวนเงินที่ทบเขากันนั้นได โดยการคิดดอกเบี้ยทบตนดังกลาว จะตองมีการตกลงไวเปน ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชยบ ญั ญตั ิเรื่องอตั ราดอกเบย้ี ไวใน มาตรา ๖๕๔ วาไมให หนังสือเทานั้นและหลักเกณฑคิดดอกเบี้ยทบตนดังกลาวไมอาจนำไปใชกับกรณีเปดบัญชีจาย เช็คหรือเรียกวาบัญชีเดินสะพัดไดเนื่องจากมีประเพณีการคาขายที่ตกลงกันไวตางหาก คดิ ดอกเบี้ยเกนิ รอ ยละสิบหาตอป โดยถา ในสญั ญาตกลงกำหนดดอกเบ้ียเกนิ กวานั้นกใ็ หลดลง มาเปนรอ ยละสิบหาตอ ป ๕.๓ โทษทางอาญาสำหรับผคู ิดดอกเบี้ยเกินอัตรา เมอ่ื เจาหนี้รายใดเรียกเก็บดอกเบ้ยี เกนิ กวา อัตรารอยละ ๑๕ ตอ ป อันเปนการ ทั้งนี้อัตราดอกเบี้ยดังกลาวเปนอัตราดอกเบี้ยสำหรับที่เจาหนี้ ซึ่งเปนบุคคลธรรมดาหรือ นติ บิ ุคคลซงึ่ มใิ ชส ถาบนั การเงนิ จะเรียกเก็บไดเ ทานนั้ เน่อื งจากเจาหน้ีซงึ่ เปนสถาบันการเงนิ จะได ฝา ฝน ตามประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย มาตรา ๖๕๔ เจา หนี้ดงั กลาวจะมีความผิด รบั อนุญาตใหเรียกดอกเบ้ียสงู กวานัน้ ได หมายความวา หากทานกยู ืมเงินกบั สถาบันการเงินทขี่ ้ึน ทางอาญา ฐานเรยี กดอกเบย้ี เกนิ อตั ราทก่ี ฎหมายกำหนดไว ตามมาตรา ๔ แหง พระราชบญั ญตั ิ ทะเบียนเจาหนซ้ี ึง่ เปน สถาบันการเงนิ เชน ธนาคารตา งๆยอ มมสี ทิ ธเิ รยี กอตั ราดอกเบย้ี ไดส งู กวา หา มเรยี กดอกเบ้ียเกินอัตรา พ.ศ. ๒๕๖๐ ซง่ึ ตองระวางโทษจำคุกไมเกิน ๒ ป หรือปรับไมเกิน รอ ยละสบิ หา ตอ ปต ามทปี่ ระมวลกฎหมายแพง และพาณิชย กำหนดโดยกระทรวงการคลงั จะเปน ๒๐๐,๐๐๐ บาท หรอื ทัง้ จำทัง้ ปรับ นอกจากน้ันในกฎหมายฉบบั ดงั กลาวยงั ระบถุ ึงพฤติการณ ผูควบคุมอัตราดอกเบี้ยของสถาบันการเงินตา งๆใหเ ปน ไปในแนวทางเดยี วกัน อนื่ ที่มคี วามผิดฐานเรยี กดอกเบ้ียเกนิ อัตราท่ีกฎหมายกำหนดไวดว ย ซึง่ ไดแก ในกรณที ค่ี สู ญั ญามไิ ดร ะบอุ ตั ราดอกเบย้ี ไวใ นสญั ญากยู มื เงนิ ทง้ั ทค่ี สู ญั ญาตกลงกนั ดว ยวาจา วาจะตองเสยี ดอกเบ้ยี กฎหมายใหใชอ ตั ราดอกเบยี้ รอ ยละ เจด็ ครง่ึ ตอ ป ดังปรากฏตามประมวล กฎหมายแพงและพาณชิ ย มาตรา ๗ อาทิเชน นางสาวกนกวรรณ ไดขอกูยืมเงินจำนวน ๑๐,๐๐๐ บาท จากนายกนกโดย นางสาวกนกวรรณ เสนอจะเสียดอกเบี้ยใหแกนายกนก นายกนก ตกลงจะใหก ูยมื เงนิ แตขอ เลอ่ื นนำเงินกูจำนวนดงั กลาวมามอบใหกับนางสาวกนกวรรณในสปั ดาหห นา ตอมาเม่อื ถึงกำหนด นัดบคุ คลท้ังสองไดจ ัดทำหนงั สือสัญญากยู มื เงินกันแตลืมระบุอัตราดอกเบี้ยตามที่ตกลงไวโดย นายกนกไดสงมอบเงินที่กูยืมใหนางสาวกนกวรรณเรยี บรอ ยแลว เมอ่ื ถึงกำหนดชำระเงินตน พรอมดอกเบี้ยคืนนายกนกไดทวงถามใหนางสาวกนกวรรณชำระหนี้เงินกูพรอมดอกเบี้ย รอยละ ๑๕ ตอป นางสาวกนกวรรณจะตอ งชำระหนพี้ รอมดอกเบี้ยในอตั ราดังกลาวหรอื ไม กรณตี ามตวั อยางนายกนกไมอ าจจะเรยี กรองอตั ราดอกเบีย้ ตามทต่ี กลงได เนื่องจากมิได ระบุไวในสัญญาใหชัดเจน แตยังคงเรียกดอกเบี้ยไดในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป

- ๓๒ - - ๓๓ - การกระทำใดๆ ท่ีมีลักษณะอำพรางการกูยืมเงินโดยมีลกั ษณะการเรยี กดอกเบย้ี เกนิ อตั รา ๑. ท่กี ฎหมายกำหนด ในกรณนี ีเ้ จาหนี้พยายามจะหลบเลยี่ งกฎหมาย โดยพยายามทำสัญญาประเภทอื่น แทนสญั ญากูยืมเงนิ เพื่อใหต นมีสิทธเิ รียกดอกเบย้ี เกินอตั ราท่ีกฎหมายกำหนด เชน ทำสญั ญา จำนำรถยนต เพื่อหลบเลี่ยงสัญญากูยืมเงินที่เรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด เปนตน กฎหมายถือวาเปนความผดิ ฐานเรียกดอกเบ้ยี เกินอตั ราท่กี ฎหมายกำหนด ซ่ึงตอง รับโทษขา งตน เชน กัน เน่อื งจากเปนการกระทำท่มี ีลกั ษณะอำพรางการกูย ืมเงิน โดยมลี กั ษณะ การเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดและอาจผิดฐานประกอบกิจการ โรงรับจำนำโดยไมไ ดรบั อนุญาต ตามพระราชบญั ญัตโิ รงรับจำนำ พ.ศ. ๒๕๐๕ มาตรา ๘ อีกกระทงหนง่ึ ดวย การอำพรางการกยู ืมเงินโดยเรียกดอกเบ้ียเกินอัตราทก่ี ฎหมายกำหนด ๒. โดยระบุถอยคำเท็จเกี่ยวกับจำนวนเงินที่กูหรือเรื่องอื่นๆที่เปนเท็จในสัญญากูยืมเงิน เพอ่ื ปกปด การเรียกดอกเบีย้ เกนิ อตั รา กรณีนี้ก็มีความผิดตองรับโทษตามกฎหมายเชนกัน เปนตนวา ในสัญญากูยืมเงิน เจาหนี้ไดระบุในชองจำนวนเงินที่ขอกูเปนจำนวนเงินที่รวมเอาตนเงินกูและดอกเบี้ยเกิน อัตราทก่ี ฎหมายกำหนด รวมดวยกันเพื่อปกปดการเรียกดอกเบี้ยเกินอตั ราที่กฎหมายกำหนด ดังนั้นเมื่อบุคคลภายนอกที่อานสัญญากูยืมเงินดังกลาวก็จะหลงเชื่อวาตัวเลขจำนวนเงินที่ ขอกยู ืมตามสัญญา เปนจำนวนเงนิ ทม่ี กี ารกูยมื เงินกนั จรงิ ทัง้ ท่คี วามจริงแลวมกี ารกูยมื เงิน นอยกวา จำนวนเงินท่ีระบไุ ว รับเอาประโยชนอ ยา งอ่นื แทนดอกเบ้ีย ๓. ประโยชนท วี่ า อาจเปนสง่ิ ของหรอื เงนิ กไ็ ด กฎหมายกำหนดวาหากประโยชนด งั กลาว นน้ั สงู เกนิ สว นตามสมควรตามเงอ่ื นไขแหง การกยู มื เงนิ แลว เจา หนก้ี ม็ คี วามผดิ ตอ งรบั โทษตาม มาตราขางตนเชนกัน ทั้งนี้ หากตอมามีการโอนสิทธิเรียกรองของเจาหนี้ในการที่จะทวงให ลกู หนีช้ ำระหน้ดี งั กลาว ไปใหแกบ คุ คลภายนอกหรอื ทายาทหากบคุ คลภายนอกหรือทายาท ทราบดกี วา มกี ารเรยี กดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดหรอื มกี ารหลบเล่ียงการเรยี กดอกเบี้ย ในกรณีทั้งสามกรณีขางตนแลวและบุคคลภายนอกหรือทายาทนั้นไดใชสิทธิคือลงมือกระทำ การเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดและไดรับดอกเบี้ยดังกลาวแลวหรืออยูในขั้น พยายามที่จะใชสิทธิ เชน ทวงถามใหลูกหนี้ชำระดอกเบี้ยเกินอัตรากฎหมายกำหนด บุคคลภายนอกหรือทายาทซึ่งรับโอนสิทธิดังกลาวมาจากเจาหนี้ยอมตองรับผิดเชนเดียวกับ เจาหนี้ตามอตั ราโทษขา งตนดวย

- ๓๔ - - ๓๕ -

- ๓๖ - - ๓๗ - ตวั อยางเชน นางสมศรใี หนางนำ้ หนึ่งกยู ืมเงนิ จำนวน ๔๐๐,๐๐๐ บาท โดยทำสัญญากูยืมเงินและสงมอบเงินใหกับนางสมทรงลูกหนี้แลว โดยนางน้ำหนึ่งตกลงในสัญญาวาจะชำระหนี้เงินกูดังกลาวเปนรถยนตหนึ่งคัน ราคา ๖๐๐,๐๐๐ บาท ใหกับนางสมศรีเพื่อเลี่ยงดอกเบี้ยเกินอัตราที่ กฎหมายกำหนดตอมานางสมศรีถึงแกความตายกอนที่จะมีการชำระหนี้เปน รถยนตด งั กลา ว นางสาวสมอนงคบ ตุ รสาวของนางสมศรซี ง่ึ เปน ทายาทโดยธรรม ของนางสาวสมศรี จงึ ไดร บั โอนสิทธเิ รยี กรองในหน้สี นิ ดังกลาวมา โดยทราบ ขอตกลงดังกลาวระหวางนางน้ำหนึ่งกับนางสมศรีดี และทราบวามีการ หลบเลี่ยงการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด โดยตกลงรับเปน ทรัพยสินแทนเม่ือหน้ีถงึ กำหนดชำระนางสาวสมอนงคไดทวงถามใหน างน้ำหนง่ึ ชำระหน้ีดวยรถยนต นางสาวนำ้ หนง่ึ จงึ ยนิ ยอมชำระหนเ้ี ปน รถยนตจ ำนวน ๑ คนั ใหกบั นางสาวสมอนงคทายาทของเจา หนีไ้ ป ในกรณีตามตัวอยางถือวานางสาวสมอนงคนั้นไดกระทำความผิดฐาน เรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดแลว เนื่องจากทราบวาเจาหนี้มี การหลบเลี่ยงดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด โดยยอมรับรถยนตแทน การชำระหนี้เงินกูดวยเงินตนพรอมดอกเบี้ย และกรณีนี้ทรัพยสินรถยนต มีราคาสูงเกินสวนกวาจำนวนเงินที่กูยืมไปจริงมากแมนางสาวสมอนงคจะ มิใชเ จา หน้ที ่ตี กลงกบั ลูกหนแี้ ตเ ปนผูรบั โอนสทิ ธเิ รียกรองดงั กลา วมา ท้งั ท่รี วู ามี การหลบเลี่ยงกฎหมายดังกลาวและนางสาวสมอนงคไดทวงถามลูกหนี้และ รับชำระหน้ีเปน รถยนตแลว นางสาวสมอนงคจึงตองรบั ผดิ ตามกฎหมาย นอกจากนั้น ตามพระราชบัญญัติหามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา ยังกำหนดใหศาลสามารถนำ วธิ กี ารเพื่อความปลอดภัย มาใชใ นกรณที ศ่ี าลจะพิพากษาใหร อการกำหนดโทษหรือรอการลงโทษจำคุก แกจำเลยซึ่งเปนเจาหนี้ไดดวย โดยวิธีการเพื่อความปลอดภัยดังกลาวไดแก การกักกัน การหามเขา เขตกำหนด การเรยี กประกนั ทณั ฑบ น การคมุ ตวั จำเลยไวใ นสถานพยาบาลและการหา มการประกอบอาชพี บางอยา ง อยา งใดอยา งหนง่ึ หรอื หลายอยา งกไ็ ด ซง่ึ แลว แตว า โจทกจ ะขอใหศ าลสง่ั อยา งไรแตใ นทางปฏบิ ตั ิ มักจะขอศาลใหเ รียกประกนั ทัณฑบ นหรือวางเงินไวตอ ศาลเปนหลักประกนั วา จะไมกระทำความผิดซ้ำอีก ภายในระยะเวลาไมเกินสองป โดยจำนวนเงินที่ใหจำเลยวางประกันไวไมเกินหา หมนื่ บาท

- ๓๘ - - ๓๙ - ๕.๔ ความผดิ ฐานอ่นื ท่เี ก่ียวของกบั การเรียกดอกเบีย้ เกินอัตรา เนื่องจากประกาศกระทรวงการคลังดังกลาว ขอ ๒ กำหนดใหการประกอบธุรกิจสินเชื่อสวน ในกรณีท่ีเจา หนใี้ หกูย มื เงนิ โดยเรียกดอกเบ้ยี เกนิ กวาอัตราทกี่ ฎหมาย บคุ คลภายใตการกำกบั เปนกิจการท่ีตองขออนุญาต โดยอยางไรถือวาเปนการประกอบธรุ กจิ สนิ เชือ่ สว นบคุ คลภายใตก ารกำกบั ประกาศกระทรวงการคลงั ฯ ขอ ๑ นยิ ามคำวา สนิ เชอ่ื สว นบคุ คล หมายความ กำหนดนั้น นอกจากเจาหนี้จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติหามเรียก วา การใหกูยืมเงิน การรับซื้อ ซื้อลด หรือรับชวงซื้อลดตั๋วเงิน หรือตราสารเปลี่ยนมืออื่นใด ดอกเบีย้ เกนิ อตั ราท่กี ฎหมายกำหนดดังกลาวแลว น้ัน เจา หนอี้ าจมีความผิด แกบุคคลธรรมดาโดยมิไดระบุวัตถุประสงคหรือมีวัตถุประสงค เพื่อใหไดมาซึ่งสินคาหรือบริการและ ฐานประกอบกิจการใหสินเชื่อโดยไมไดรับอนุญาตตามประกาศของคณะ ไมมีวตั ถปุ ระสงคเพ่ือนำไปใชใ นการประกอบธรุ กจิ ของตนเอง ปฏิวัติ ฉบับท่ี ๕๘ ลงวันที่ ๒๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๕ ขอ ๕ ขอ ๗ ขอ ๘ ขอ ๑๔ และขอ ๑๖ และประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง กจิ การท่ีตอ งขอ ประกาศฉบับดงั กลา วไดนยิ ามคำวา “สินเชอื่ สวนบุคคลภายใตก ารกำกบั ” หมายความวา อนุญาตตามขอ ๕ แหง ประกาศของคณะปฏวิ ัติ ฉบบั ท่ี ๕๘ (เรอ่ื ง สนิ เช่ือสว นบุคคลเฉพาะท่ไี มม ที รัพยห รอื ทรพั ยส นิ เปน หลักประกัน และเพือ่ ประโยชนแ หงประกาศ สนิ เช่ือสว นบคุ คลภายใตก ารกำกบั ) ฉบับลงวันท่ี ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๘ ฉบับนี้ใหรวมถึงสินเชื่อที่เกิดจากการใหเชาซื้อและการใหเชาแบบลีสซิ่งในสินคาที่ผูประกอบธุรกิจมิได ขอ ๑ ขอ ๒ และขอ ๓ อีกดว ย จำหนายเปน ทางการคา ปกติ ยกเวน ในสนิ คา ประเภทรถยนตและรถจกั รยานยนต แตไ มรวมถึงสินเชือ่ เพือ่ การศกึ ษาสนิ เชอ่ื เพื่อการเดินทางไปทำงานในตางประเทศ สินเชื่อเพื่อรักษาพยาบาล สินเชื่อเพื่อ สวัสดิการพนักงานที่หนวยงานตนสังกัดไดมีการทำสัญญากับผูประกอบธุรกิจและสินเชื่อตามที่ ธนาคารแหง ประเทศไทยประกาศกำหนด มขี อ สงั เกตท่ีสำคญั คือวา มสี นิ เช่อื จำนวน ๕ ประเภทซง่ึ ไมอ ยภู ายใตประกาศกระทรวง การคลังอนั จำตองขออนญุ าตเพอื่ ประกอบธุรกจิ ใหส นิ เชอื่ ดงั กลา ว ซึง่ ไดแ ก ๑) สนิ เชอ่ื เพอื่ การศึกษา ๒) สนิ เชือ่ เพอื่ การเดินทางไปทำงานในตา งประเทศ ๓) สนิ เชอื่ เพ่อื รกั ษาพยาบาล ๔) สินเชือ่ เพอ่ื สวสั ดกิ ารพนักงานที่หนวยงานตนสังกัดไดมีการทำสัญญากับผูประกอบธุรกิจ ๕) สินเชื่อตามที่ธนาคารแหงประเทศไทยประกาศกำหนด ขอสังเกตประการถัดมาคือวาสินเชื่อสวนบุคคลภายใตการกำกับอันจะตองขออนุญาตการ ประกอบกิจการตามประกาศกระทรวงการคลังนั้นจะตองเปนสินเชื่อสวนบุคคลเฉพาะที่ไมมีทรัพย หรือทรัพยสินเปน หลักประกันเทานัน้ ดงั นน้ั หากเปนการปลอยเงินกเู รียกดอกเบี้ยเกินอตั ราที่กฎหมาย กำหนดและเรียกทรัพยเปนหลักประกันเงินกู เชน รถยนตกรณีนี้จะไมผิดฐานประกอบกิจการให สินเชื่อโดยไมไดรับอนุญาตตามกฎหมายนี้คงผิดเพียงฐานเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด เทา นนั้

- ๔๐ - - ๔๑ - นอกจากนน้ั การประกอบธรุ กิจสินเชอื่ สว นบคุ คลภายใตก ารกำกับ จำนวน ๒ ประเภท ตอไปน้ี ๖. การทวงถามหน้ี ไมต องขออนุญาตประกอบกิจการตามประกาศกระทรวงการคลังฉบับนี้ ไดแ ก สำหรับเจตนารมณที่ประกาศใชพระราชบัญญัติฉบับนี้นั้นเกิดขึ้นเนื่องจากมุงประสงคจะ (๑) สถาบันการเงิน ปองกันและแกไขการทวงหนี้ที่ไมเหมาะสมตอลูกหนี้ เชน การใชถอยคําที่เปนการละเมิดสิทธิ (๒) ผูประกอบการที่ใหสินเชื่อสวนบุคคลแกผูบริโภคเพื่อชำระคาสินคา คาบริการ หรือคาอื่น สวนบุคคลอยางรุนแรง การคุกคาม ขูเข็ญ ใชกําลังประทุษราย หรือการทําใหเสียชื่อเสียง ใดอนั เปนธรุ กจิ ของตนเอง รวมถึงการใหขอมูลเท็จและการสรางความเดือดรอนรําคาญใหแกบุคคลอื่น โดยสาระสำคัญของ ท้งั นี้ ตามท่ีกำหนดไวในประกาศกระทรวงการคลงั เรอ่ื ง กจิ การทตี่ องขออนุญาตฯ ขอ ๒ วรรคสอง กฎหมายสรปุ เปน ขอ ปฏบิ ัตใิ นการทวงถามหน้ีได ดงั นี้ โดยสาเหตุท่ยี กเวน (๑) สถาบนั การเงิน เชน ธนาคารตางๆ เนื่องจากสถาบันการเงินจะตองอยูภ ายใต ๖.๑ บุคคลผูทจี่ ะประกอบธุรกิจทวงถามหน้ไี ด กฎระเบียบของธนาคารแหงประเทศไทยโดยเฉพาะอยูแลว สวนสาเหตุที่ยกเวน (๒) ผูประกอบการ ทใ่ี หส นิ เชอ่ื สวนบุคคลแกผ บู รโิ ภคเพ่ือชำระคา สินคา คาบรกิ ารหรอื คาอ่นื ใดอนั เปน ธุรกิจตนเองน้นั เห็นวา “ธรุ กจิ ทวงถามหนี้” ตามกฎหมายฉบับนี้ หมายถึง กรณีดังกลาวเปนธุรกิจขนาดเล็กดำเนินการดวยตนเองมิไดทำเปนนิติบุคคลในรูปแบบบริษัทจำกัด การรับจางทวงถามหนี้ ไมว า โดยตรงหรอื โดยออ มเปนปกติ หรือบริษัทมหาชนจำกัด อันตองยื่นขออนุญาตตามประกาศกระทรวงการคลังฯ ขอ ๓ ธุรกิจดังกลาว ธรุ ะแตไมรวมถึงการทวงถามหนขี้ องทนายความ ซงึ่ กระทำ จึงไดรับยกเวนไมจำตองขออนุญาต ยกตัวอยาง ธุรกิจประเภทนี้ ไดแก รานโชหวยที่ใหสินเชื่อหรือ แทนลกู ความของตน ซง่ึ ไมถ อื วา เปน ธรุ กจิ ทวงถามหน้ี แตเ ปน การ เครดิตแกล ูกคา ท่มี าซือ้ สนิ คา ภายในราน โดยใหลกู คาสามารถรับสนิ คาไปกอ น แลวคอ ยนำเงินมาชำระ ทำหนาทีใ่ นฐานะทนายความน้นั การทำเปน ปกตธิ ุระจะตอง คา สินคาใหแ กเจาของรานคา ภายหลัง อยางไรก็ตามจะปรากฏวาผิดฐานประกอบกิจการใหสินเช่อื โดยไมไ ด พิจารณาจากพฤติการณในการเขาไปทวงถามหนี้เปนรายๆ รับอนุญาตจะตองมีพฤติการณเพิ่มเติมวาเจาหนี้นั้นกระทำการใหสินเชื่อโดยทำเปนธุรกิจมีลูกหนี้ที่ ไปโดยสวนใหญหากเปนธุรกิจจะตองมีการติดตาม มาขอสินเชื่อจำนวนมากพอสมควรมีพฤติการณการทำบัญชีลูกหนี้หรือพฤติการณอื่นทำนองเดียวที่แสดง ทวงถามหนี้กับลูกหนี้จำนวนหลายรายและวิธีการในการติด ใหเหน็ วา มีเจตนาประกอบธรุ กจิ ใหสินเช่ืออีกดวย จึงจะผิดตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบบั ที่ ๕๘ และ ตามทวงถามหนี้จะตองมีระบบมีเอกสารจดบันทึก ประกาศกระทรวงการคลังขา งตน รายละเอียดการติดตามทวงถามหนี้แตละรายชัดเจน สว นคำวา “ลกู หน้”ี ตามบทนิยามของกฎหมาย ฉบับนี้หมายถึงลูกหนี้ซึ่งเปนบุคคลธรรมดาและหมายความ รวมถึง ผูคำ้ ประกนั ซ่งึ เปน บุคคลธรรมดาดว ย เนือ่ งจาก กฎหมายมงุ คมุ ครองความปลอดภยั ท้งั ดาน ชีวติ รา งกาย อนามยั เสรีภาพ ทรัพยส ินและช่อื เสียงของลูกหนซ้ี ่งึ เปน บุคคลธรรมดา

- ๔๒ - - ๔๓ - “หนี”้ ซ่ึงจะตองทวงถามตามกฎหมายฉบับนี้ หมายถึง หนซ้ี ึง่ เกิดจากการใหสินเช่อื อันหลากหลาย ๑. เจา หน้ี ของเจาหนี้ มิไดม ุง เฉพาะ การใหก ยู ืมเงนิ เทาน้ัน ดงั น้ัน สนิ เชื่อที่กอ ใหเ กิดหนีด้ งั กลาว อาจเกิดจากสินเช่อื เจาหน้มี ีไดท้ังบุคคลธรรมดาและนติ ิบคุ คล โดยเปนเจา หนซ้ี งึ่ เปน ผูใหสนิ เชือ่ แกลูกหน้ี โดยเจาหนี้ บัตรเครดติ การใชเ ชาซือ้ การใหเชาแบบลสิ ซงิ่ และสินเชือ่ รปู แบบอนื่ ท่มี ลี กั ษณะทำนองเดยี วกัน ทัง้ นี้ตาม บทนยิ ามคำวา “สนิ เชอ่ื ” ตามกฎหมาย โดยบคุ คลทไ่ี ดร บั ความคมุ ครองตามกฎหมายนค้ี อื ลกู หนห้ี รอื ผคู ำ้ ประกนั ผูใหสินเชื่อนั้น หมายถึง บุคคลซึ่งใหสินเชื่อเปนทางการคาปกติหรือบุคคลซึ่งรับซื้อหรือรับโอนสินเชื่อ ซงึ่ เปน บุคคลธรรมดาผรู บั บริการสินเชอ่ื ดังกลา วเทาน้ัน ตอไปทุกทอด โดยตามกฎหมาย ไดนิยามคำวา “ผูใหสินเชื่อ” ดังกลาวไวเพื่อใหเห็นความ แตกตา งระหวา ง การใหก ยู มื เงนิ เพอ่ื ชว ยเหลอื กนั เปน ครง้ั คราวในระหวา งญาตมิ ติ ร เพอ่ื นฝงู โดยมไิ ดเ ปน การ อยา งไรกต็ ามสำหรบั บคุ คลทท่ี วงถามหนี้และจะตอ งอยูภายใตบ งั คบั ของกฎหมายฉบบั นี้ มไี ดจ ำนวน กระทำในทางการคา ปกติ กบั การใหกูยมื เงินท่ีทำเปน ธุรกิจ ๘ ประเภท ไดแก ๒. ผปู ระกอบธรุ กจิ ตามกฎหมายวา ดว ยการคมุ ครองผบู รโิ ภค ผปู ระกอบธรุ กจิ ตามกฎหมายวา ดว ยการคมุ ครองผบู รโิ ภค ยกตวั อยา งเชน ผปู ระกอบธรุ กจิ ธรุ กจิ ขายตรงและตลาดแบบตรง ๓. ผจู ดั ใหมกี ารเลนการพนนั เปนปกตธิ ุระตามกฎหมายวาดวยการพนนั ผูจัดใหมีการเลนการพนันดังกลาว เชน เจาของบอนไก หรือเจาของ สนามมวย เปนตน ๔. เจา หนีอ้ นื่ ซึ่งมีสิทธิรับชำระหนี้อันเกิดจาการกระทำที่เปนทางการคาปกติหรือเปน ปกติธุระของเจาหนี้ เจา หน้อี น่ื ดงั กลา ว เชน เจาของรา นขายของชำ เจา ของหอพัก เจา ของโรงแรม เจา ของรา นอาหาร เปน ตน ท้ังน้ี มขี อ สังเกตวาไมวา หนตี้ ามขอ ๑ ขอ ๔ จะชอบดว ยกฎหมายหรอื ไมก็ตาม ก็ตอ งอยภู ายใตบงั คับของกฎหมายฉบับนี้ ๕. ผรู บั มอบอำนาจจากเจาหน้ี กรณีนี้เพื่อปองกันมิใหเกิดความสงสัยวาเปนผูรับมอบอำนาจจริงหรือไมจึงจำ ตอ งมีหนงั สอื มอบอำนาจเปนลายลักษณอกั ษรแสดงไว แตท ั้งนี้กฎหมายมไิ ดกำหนดไว ชดั เจนมากนัก

- ๔๔ - - ๔๕ - ๖. ผรู บั มอบอำนาจชวงในการทวงถามหน้ี ๖.๒ ขอ ปฏบิ ัติในการทวงถามหนี้ ผูรับมอบอำนาจชวง คือ ผูซึ่งไดรับมอบอำนาจมาจากผูรับมอบอำนาจ กฎหมายฉบับนมี้ ขี อปฏบิ ัตหิ ลายประการ ไดแ ก ๑. ผูป ระกอบธรุ กจิ ทวงถามหนี้ หรือรบั จา งทวงถามหนไี้ มว า โดยตรงหรือโดยออมเปนปกติ มาอกี ตอ หนึง่ โดยกรณีนจี้ ะมผี รู บั มอบอำนาจชวงไดน น้ั เจาหนี้ผมู อี ำนาจที่แทจ ริงใน การติดตามทวงถามหนี้จะตองอนุญาตใหผูรับมอบอำนาจของตนสามารถมอบ ธรุ ะจะตองจดทะเบยี นการประกอบธุรกจิ ทวงถามหน้ีตอนายทะเบียน (มาตรา ๕ และมาตรา ๖) อำนาจชวงในการติดตามทวงถามหนี้สินดังกลาวดวยผูรับมอบอำนาจชวงจึงจะมี สำหรบั บุคคลใดประสงคจะประกอบธรุ กิจทวงถามหน้ี การจะประกอบธรุ กจิ ดังกลาวนน้ั อำนาจสมบูรณต ามกฎหมาย กฎหมายกำหนดใหตองจดทะเบียนการประกอบธุรกิจทวงถามหนี้ตอนายทะเบียนตามหลักเกณฑ ๗. ผูประกอบธรุ กิจทวงถามหนี้ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง และเมอ่ื จดทะเบยี นแลว จะตอ งประกอบธรุ กจิ ทวงถามหน้ี ผปู ระกอบธรุ กจิ ทวงถามหนใ้ี นขอ หน้ี คอื เปน ผปู ระกอบธรุ กจิ เฉพาะทางในการรบั จา ง ตามหลักเกณฑทคี่ ณะกรรมการกำกบั การทวงถามหนป้ี ระกาศกำหนด ทวงถามหน้ี ซ่ึงสว นมากหากจะใหเกดิ ความนาเชือ่ ถอื มักจะจัดตง้ั ในรปู ของนิตบิ คุ คล หากผปู ระกอบธรุ กจิ ทวงถามหนเ้ี ปน ทนายความหรอื สาํ นกั งานทนายความใหค ณะกรรมการ ๘. ผรู บั มอบอำนาจจากผูประกอบธุรกิจทวงถามหนี้ สภาทนายความทําหนาที่นายทะเบียนรับจดทะเบียนหากฝาฝนกฎหมายไมไปจดทะเบียน ใหถูกตอง จะตองรับโทษจำคุกไมเกินหนึ่งป หรือปรับไมเกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อนึง่ มีขอ สงั เกตเพ่มิ เตมิ วา ตาม มาตรา ๓๙ (๑) ผทู วงถามหนท้ี ง้ั ๘ ประเภทน้ี เทา นน้ั ทจ่ี ะอยภู ายใตบ งั คบั ของพระราชบญั ญตั ิ การทวงถามหนี้ พ.ศ. ๒๕๕๘ (๒) ไมวาหนี้ที่ทวงถามตามขอ ๑ ถึง ขอ ๔ ขางตน จะเปนหนี้ที่ชอบดว ยกฎหมาย หรือไมก ต็ าม ก็ตองทวงถามใหถกู ตอ งตามกฎหมายนี้

- ๔๖ - - ๔๗ - สำทหั้งรนับีเ้ผกูณขอฑอก ารยปัดรจะกะอตบอธงรุ มกจิีหทลวักงถฐาามนหแนส้ี ดงซวึ่งมาีสตานรเะปสนำคผัญูมโดีสยวไดนก ไำดหเนสดียเกในี่ยวทกี่ดบั ินทนี่ขยิ อามอคาำยวัดา (๓) แจงขอมูลหรือเผยแพรเอกสารใดๆ ที่จําเปนเกี่ยวกับ “ผอูปันรอะากจอจบะธฟุรกอิจงทบวังถคาับมใหหนมี้”ีกาวราหจมดาทยะคเวบาีมยถนึงหผรูรืับอจเปางลที่ยวนงถแาปมลหงนที้ทาี่ไดงทจดะทเบะเียบนียนจกึงาจระปสรั่ะงกรอับบอธาุรยกัิดจ หนา ทข่ี องผทู วงถามหนต้ี อ ลกู หนห้ี รอื บคุ คล ซง่ึ ลกู หนไ้ี ดร ะบไุ วเ พอ่ื การ ทวงถามหน้แี ลวตามกฎหมายวาดวยการทวงถามหน้ี ทวงถามหนี้ รวมทั้งแจงสิทธิในการรองเรียนคาธรรมเนียมหรือคาใช จายใดๆ ในการทวงถามหนี้ เบี้ยปรับกรณีผิดนัดชําระหนี้แกล กู หนี้ (๔) การตรวจสอบภาระผูกพนั ทีต่ นรบั จา งทวงถามหนอ้ี ยา งเทาเทยี มกนั หมายถึง การผกู พันของทีด่ นิ กบั สทิ ธขิ องบคุ คลหรือทรัพยสนิ อืน่ ๆ โดยที่ดินอาจมีภาระผกู พันไดใ น หลายลักนษอณกะจาเปกนนต้นั นปวราะกาศดังกลา วไดกำหนดไวใ นขอ ๔ วา เมอ่ื ไดจ ดทะเบยี นการประกอบธุรกิจทวงถาม (๔) ใหคาํ แนะนาํ โดยไมบ ิดเบอื นขอเท็จจรงิ หรอื ปกปด ขอมลู หนี้แลว ใหผูประกอบธุรกิจทวงถามหนี้จัดใหมีปายชื่อติดไวที่หนาสถานทปี่ ระกอบธรุ กิจทวงถามหนี้ โดย อนั เปนสาระสําคัญซ่งึ อาจกอใหเ กิดความเขาใจผดิ ได เปดเผยและมองเห๔็น.๑ไ.ดกงาารยจปำนายอชงื่อที่ใชในกหามรปายรถะงึกอบธุรกิจกทาวรงตถราวมจหสนอบี้ใหถงึเขภียารนะขผอูกคพวนั าดมวเยปกนาอรักษรไทย แตจะมีอจักำษนรอตงาทง่ีดปินรแะปเลทงศนกนั้ ํากับโดไวยทปกายตหิผูร บัือจใตำนชอื่องอมักกั ษเปรนไทสยถาดบวนัยกา็ไรดเโงดนิ ยทปีใ่ หาเยจชา ื่ขออตงอทงด่ีมินีคกํายู วืมาเ“งสินํานักงาน (๕) จัดทาํ บญั ชรี ายช่อื พรอมตาํ แหนงของพนกั งานของผูประกอบธุรกจิ ทวงถามหนี้ ประกอบธเชุรกน จิ ทวกงาถราตมรหวจนส”้ี อปบรถะงึกปอรบะกเภับทชอ่ืขทองไี่ ดกจารดจทำะนเบองียน ลำดับของการจำนอง เปนตน เพราะ ใหเปนปจจุบันและจัดใหมีระบบงานที่แสดงใหเห็นไดวามีการแบงหนาที่และความรับผิดชอบ (ก๑า)รไจมำพ นอองงหทรือี่ดมินุงมหีผมลายวใาหเคมลื่อา ผยูนกบัำทพรี่ดะินปไรปมจาำภนิไธอยงหไรมอื ยพอรมะชนำารมะขหองนพี้ใรหะผรูารชับินจีหำรนอื อองงทคีร่ดชั ินทายาท ของแตละคนภายในสํานักงานและสงใหนายทะเบยี นภายในสิบหา วนั นบั แตวันจดทะเบยี นกรณี (แ๒ป)ลไงมดซ งั ำ้ กหลราอื วพอ งกผบั ูรชบั อ่ืจสำาํนนอกั งงมาสี นิทอธน่ื ิบทังไ่ี คดบัจ ดจทำนะอเบงยีดนว ไยวกแ าลรว นเวำนทแดี่ ตินจ แะปไดลรงบันคัน้ วไาปมขยานิยยทออมดจตาลกาผดปู ระกอบ มีการเปลี่ยนแปลงใหสงรายการที่มีการเปลี่ยนแปลงใหนายทะเบียนภายในเจ็ดวัน ธุรกจิ ทวงนถำาเมงหนิ นท้นีไ่ ด้ันมาหกั ชำระหนข้ี องตนเองกอน นับแตวนั ทม่ี ีการเปล่ียนแปลง (๓) ไมม ีคําหรือความหมายหยาบคาย (๖) จัดทําบัตรประจําตัวพนักงานทวงถามหนี้โดยตองระบุชื่อ ชื่อสกุล หมายเลข ๔.๒.ภาระจำยอม หมายถึง ภาระของอสงั หาริมทรพั ยท ี่เจา ของอสังหาริมทรัพย ประจาํ ตวั ประชาชน รปู ถา ย ลายมอื ชอ่ื สาํ นกั งานทส่ี งั กดั และใหม ตี ดิ ตวั อยใู นขณะกระทาํ การ จำตองยอมรับเพื่อประโยชนแกการใชทรัพยของเจาของทรัพยอื่นซึ่งอาจจะเปนการใช ทวงถามหนี้ เพ่อื ใชแ สดงตอพนักงานเจา หนาท่ี ลูกหน้หี รือบคุ คลซงึ่ ลกู หนไี้ ดระบไุ ว เพื่อการ สงั หารมิ ทรพั ย หรอื อสังหาริมทรพั ยกไ็ ด เชน การยอมเปดทางรถผา น หรอื การเปด ทาง ทวงถามหนี้ หรือบคุ คลตามมาตรา ๘ วรรคสอง (๒) แหง พระราชบัญญตั ิการทวงถามหน้ี แเลดะนิ ทเพสี่ ื่อำเคขญั า สในทู ปรัพระยกน า้นั ศขอ ๕ กำหนดไววา ผูประกอบธุรกจิ ทวงถามหนี้ ตอ งปฏบิ ัตติ ามหลักเกณฑ พ.ศ. ๒๕๕๘ ดงั ตอไปนี้ หเแนเผอรพลูปสาียรื่อะสรังกือปตะหนวทรกัง้าาใะอจอำร“โย((ภบิมใย๑๒ภบูคหธาทช))านรุือรนรเรหปกคะจัพขยนรจิวจหอทายะทาี้ทำนงรขกนมวยี่ผอัพี้ทออซงั้นอูสปยถบี่่อืจงตงัมร”าธสะอหะอจมรุตัทใากสงึหกงนยรวอรัเิจงนมิขงปับบสทห้ไีถณทมนจุธภวาาระุรรองทามพัรทกติถารโริยมิจจาี่ทะดัแพอมทรบที่ดยลืน่ับยหวินาผระทงนสงทูมปัพถอวิีภ้ที่ไคีรางยดยาธะวมหยปาิาตชกหในใงรมนอนตนอซ้ใีะรกนบขิดีึ้โไ่งงอรยหปอธกหงบณชกุรนทดรนคนกําีนท้ีะวเอึ่หงิจจงที้วทีย่ บทถนาทงัด่ีบนรกาีด่ไตวินะกมกมภขงัดทมรถนาถาอรดัะม่ีงึรั้รานงอกเรยีภกมใจทะำนทาชฎหะืวหอรรกหตนสังะนนพั าภมอี้ผิไดทตยรดาางกูชใอธยเยจเชพปำรกใวิบักรนัอตยีนาาะตากหยำดหรไองนวอวลใดนชาองยมักาี้ทเสกใจยก“ปี่ถหิทาาขสานึงรเรธาอปกงทหจมิเงเนําหรวนยกกหปยิงนี้ททรีถนธ่รยือรีร่ถาระดวัพมทมรึงโชกยมยกหสรําช”แัำัพนิบทรนหละีอ้ยธทแะ(นแยิส๓์ทรกกลดา ิน๑ำาัทงพวแรขใเ)รลคยหปจอพั รวดัรเสงยงเจะกตทิคอนเาานดรนื่ารขนดันน็นนทอั้ั้ันทน้ั้นนีด่ งีี่ (๓๑) การจดทะเบยี นภาระจำยอม. http://www.dol.go.th/lo/smt/handbook/december/news6.html สบื คน เม่อื ๑๒ ตลุ าคม ๒๕๖๐.

- ๔๘ - - ๔๙ - (๗) ในการกาํ หนดคา ธรรมเนียมหรอื คาใชจ า ยใดๆ ในการทวงถามหน้ี ใหผูประกอบธรุ กิจทวงถามหนี้ ๒. ทวงถามหนใี้ หถกู บุคคล กําหนดใหสอดคลองและไมเกินอัตราที่คณะกรรมการกํากับการทวงถามหนี้ประกาศกําหนด ในการทวงหนี้กับลูกหนี้นั้น กฎหมายกำหนดให และใหปด ประกาศไวโ ดยเปดเผย ณ สํานกั งานของผูประกอบธุรกิจทวงถามหน้ี ทวงถามไปยังบุคคลที่ถูกตองดวย บุคคลที่จะถูกทวงถามคือ (๘) อบรมและกํากบั ดูแลใหพ นักงานทวงถามหนปี้ ฏิบตั ติ ามกฎหมาย วาดวยการทวงถามหนแี้ ละหลัก ลกู หนห้ี รอื ผคู ำ้ ประกนั เหตทุ ก่ี ฎหมายตอ งกำหนดดงั กลา วสบื เนอ่ื ง เกณฑท อ่ี อกตามกฎหมายดังกลาว มาจากกอ นหนา นีม้ ีหลายกรณีท่ไี ปทวงถามกับบุคคลอ่ืน เชน ญาติหรือมิตรสหายของลูกหนี้ เปนตน เปนเหตุใหลูกหนี้ (๙) ดําเนินการอื่นใดตามทค่ี ณะกรรมการกาํ กบั การทวงถามหนีป้ ระกาศกาํ หนด เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูถูกเกลียดชังจากบุคคลภายนอกเปน นอกจากนป้ี ระกาศฯขอ ๖ ระบใุ ห ผปู ระกอบธุรกิจทวงถามหน้ีตอ งเกบ็ รกั ษาความลับของลูกหนี้ อันมาก กฎหมายจึงกำหนดไวในมาตรา ๘ วรรคแรกวา และไมแจงหรือเปดเผยขอมูลเกี่ยวกับความเปนหนี้ของลูกหนี้ใหแกบุคคลอื่นที่ไมเกี่ยวของกับการทวงถามหนี้ หามมิใหผูทวงถามหนี้ติดตอกับบคุ คลอืน่ ซงึ่ มใิ ชลกู หน้ีหรอื และในขอ ๗ ระบุใหผูประกอบธุรกิจทวงถามหนี้ตองเก็บสําเนาหลักฐานการรับเงินจากลูกหนี้หรือบุคคล บุคคลที่ลูกหนี้ระบุไวเพื่อการทวงถามหนี้ หากฝาฝนจะตอง ซึ่งลกู หนไ้ี ดร ะบไุ วเพอ่ื การทวงถามหนี้ไว เพื่อใหพ นกั งานเจา หนาที่สามารถตรวจสอบได และในขอ ๘ รับโทษจำคกุ ไมเ กนิ หนงึ่ ป หรอื ปรบั ไมเกินหนง่ึ แสนบาท หรอื ผูประกอบธุรกิจทวงถามหนี้ตองจัดระบบชองทางการรับเรื่องรองเรียนใหลูกหนี้หรือบุคคลซึ่งลูกหนี้ไดระบุไว ท้งั จำทง้ั ปรบั ตามมาตรา ๓๙ เพอื่ การทวงถามหน้อี ยา งนอ ยสองชองทาง

- ๕๐ - - ๕๑ - การติดตอกับบุคคลอื่นนอกจากบุคคลตามมาตรา ๘ วรรคแรกนั้น ใหผูทวงถามหนี้ติดตอได (๓) หา มใชข อความ เครื่องหมาย สญั ลกั ษณ หรอื ชอื่ ทางธรุ กจิ ของผูทวงถามหน้บี นซองจดหมาย แตการติดตอตองเปนไป เพื่อจุดประสงคในการสอบถามหรือยืนยันขอมูลเกี่ยวกับสถานที่ติดตอลูกหนี้หรือ ในหนงั สอื หรือในส่อื อ่ืนใด ทใี่ ชในการติดตอสอบถาม ซงึ่ ทำใหเ ขาใจไดว า เปนการตดิ ตอเพือ่ ทวงถามหนี้ บุคคลซึ่งลูกหนี้ระบุไว เพื่อการทวงถามหนี้เทานั้น เชน ขอมูลเกี่ยวกับสถานที่ติดตอลูกหนี้ ตามนิยามใน ของลกู หนี้ มาตรา ๓ ไดแ ก ทอ่ี ยูอาศยั สถานท่ีทำงาน หมายเลขโทรศัพท หมายเลขโทรสาร อเี มล สื่ออเิ ล็กทรอนกิ ส สอื่ เทคโนโลยสี ารสนเทศประเภทอนื่ ท่สี ามารถตดิ ตอกบั ลกู หน้ไี ด ทั้งน้ีก็เพือ่ ปกปองชือ่ เสยี งของลกู หนนี้ ัน่ เอง โดยหากผทู วงถามหน้ฝี า ฝน จะตอ งรับโทษทางอาญา ตามมาตรา ๓๙ ซงึ่ เมื่อประกาศใชก ฎหมายฉบบั นี้ ผูท วงถามหนบี้ างรายอาจตอ งเปล่ยี นถอ ยคำเครอื่ งหมาย นอกจากนนั้ ในการตดิ ตอ กับบคุ คลอน่ื ขางตน มีขอ ปฏิบตั ใิ นการติดตอ ๔ ประการ คอื สัญลักษณ หรือชื่อทางธุรกิจของตน เพื่อมิใหสื่อในทางที่วิญูชนทั่วไปทราบวาทำธุรกิจติดตามทวงถามหนี้ (๑) แจงใหท ราบชอ่ื ตัว ช่ือสกลุ เพอ่ื ใหถ อ ยคำ เครอ่ื งหมาย สญั ลกั ษณห รอื ชอ่ื ทางธรุ กจิ ดงั กลา วสามารถใชบ นซองจดหมายตดิ ตามทวงถามหน้ี ไดน น่ั เอง แตท ง้ั นก้ี ารเปลย่ี นแปลงชอ่ื ใหมจ ำตอ งเสยี คา ธรรมเนยี มอยา งไรกต็ าม การตคี วามวา อยา งไรคอื ถอ ยคำ กรณีนี้ผูทวงถามหนี้จะแจงเฉพาะชื่อตัวหรือชื่อเลนไมได และตองแสดงเจตนาดวยวาตองการ เครื่องหมาย สัญลักษณ หรือชื่อทางธุรกิจของผูทวงถามหนี้ ซึ่งทำใหเขาใจไดวาเปนการติดตอ สอบถามขอ มลู เกีย่ วกบั สถานท่ีติดตอ ลูกหน้ีดังกลาว โดยหากฝา ฝน ไมแ จง มโี ทษปรบั ทางปกครอง ไมเกิน เพื่อทวงถามหนนี้ นั้ จะตองใชเกณฑข องวิญูชนทั่วไปวา มีความเห็นอยา งไร หนึง่ แสนบาท ตามมาตรา ๓๔ (๒) หา มแจง ถงึ ความเปน หนข้ี องลกู หนใ้ี นการตดิ ตอ (๔) หา มตดิ ตอ หรอื แสดงตนทท่ี ำใหเ ขา ใจผดิ กบั บคุ คลอน่ื เพอ่ื ปอ งกนั มใิ หม กี ารลอ ลวงใหบ คุ คลอน่ื นน้ั ใหข อ มลู เกย่ี วกบั สถานทต่ี ดิ ตอ ลกู หนห้ี รอื บุคคล เวน แตค นอน่ื นน้ั เปน สามี ภรยิ า บพุ การี หรอื ผสู บื สนั ดาน ซึ่งลูกหนี้ระบุไวเพื่อการทวงถามหนี้โดยไมสมัครใจ โดยหากฝาฝนจะมีโทษปรับทางปกครอง ของลกู หน้ี ซง่ึ กรณนี ไ้ี มร วมสามี ภรยิ า บพุ การี หรอื ผสู บื สนั ดาน ปรบั ไมเ กนิ หนง่ึ แสน ตามมาตรา ๓๔ ของบคุ คลซง่ึ ลกู หนร้ี ะบไุ วเ พอ่ื การทวงถามหน้ี นอกจากนน้ั จะตอ งปรากฏวา บคุ คลอน่ื ดงั กลา ว ไดส อบถาม ถึงสาเหตุของการติดตอจากผูทวงถามหนี้ดวย ผูทวงถามหนี้จึง สามารถแจงขอมูลเกี่ยวกับหนี้ไดและแจงไดเทาที่จำเปนและ ตามความเหมาะสม โดยหากมกี ารฝา ฝน กฎหมายในสว นนม้ี โี ทษทาง อาญาตามมาตรา ๓๙ เชน กนั

- ๕๒ - - ๕๓ - ๓. สำหรบั การทวงหน้ใี หถูกสถานท่ีนน้ั ไดกำหนดไว ในมาตรา ๙ (๑) โดยกฎหมาย กำหนดใหผูทวงถามหนี้ตองติดตอตามที่อยูของลูกหนี้หรือที่อยูของบุคคลที่ลูกหนี้ ทวงถาม ระบไุ วเ พอ่ื การทวงถามหน้ี ซง่ึ ลกู หนไ้ี ดแ จง ไวแ ลว เทา นน้ั โดยอาจเดนิ ทางไปยงั สถานทด่ี งั กลา ว หนใ้ี หถ ูก ดว ยตนเอง หรอื ตดิ ตอ ทางไปรษณยี ก ไ็ ด ทง้ั นห้ี ากฝา ฝน ตอ งระวางโทษปรบั ทางปกครองไมเ กนิ สถานท่ี หน่งึ แสน ตามมาตรา ๓๔ เวลาที่กฎหมายกำหนดใหทวงหนี้ไดน ัน้ ปรากฏตาม มาตรา ๙ (๒) โดยกฎหมาย ๔. กรณีหากผูทวงถามหนี้จะขอรับชำระหนี้นั้น จะตองแสดงหลักฐานการรับมอบ ๗. กำหนดวาหากติดตอโดยบุคคล โทรศัพท สื่ออิเล็กทรอนิกส หรือสื่อเทคโนโลยี อำนาจใหรับชำระหนี้จากเจาหนี้ตอลูกหนี้หรือบุคคลซึ่งลูกหนี้ไดระบุไวเพื่อการทวงถามหนี้ สารสนเทศประเภทอน่ื สามารถทวงหนไี้ ดตั้งแตจนั ทร - ศกุ ร ในเวลา ๐๘.๐๐ - ๒๐.๐๐ น. ทวงถาม ดวย และเมือ่ ลกู หนีไ้ ดช ำระหนี้แกผ ูทวงถามหน้แี ลว ใหผทู วงถามหน้อี อกหลกั ฐานการชำระ กรณผี ูทวง สำหรับวันหยดุ ราชการสามารถติดตามหนีไ้ ดต ้งั แตเ วลา ๐๘.๐๐-๑๘.๐๐ น. หากไมส ามารถ หน้ีใหถูก หนแ้ี กล กู หนด้ี ว ย หากลกู หนไ้ี ดช ำระหนแ้ี กผ ทู วงถามหนโ้ี ดยสจุ รติ ใหถ อื วา เปน การชำระหน้ี ถามหนี้ขอ ติดตอตามเวลาดังกลาวไดหรือชวงเวลาดังกลาวไมเหมาะสมใหติดตอไดในชวงเวลาอื่น แกเ จา หนโ้ี ดยชอบทง้ั น้ี ไมว า ผทู วงถามหนจ้ี ะไดร บั มอบอำนาจใหร บั ชำระหนจ้ี ากเจา หนห้ี รอื ไมก ต็ าม รบั ชำระหน้ี ตามหลักเกณฑ วิธกี าร และเงื่อนไข ทีค่ ณะกรรมการประกาศกำหนด โดยหากฝา ฝน เวลา มโี ทษปรบั ทางปกครองไมเกินหนึง่ แสน ตามมาตรา ๓๔ ๕. การติดตามทวงหน้ีสนิ นนั้ ในชวงเวลาตามขอ ๔ .น้ันจะตองทวงไมถ ห่ี รือบอ ยจนเกิน ตวั อยางเชน นายสมศักดอิ์ า งกับนางสาวสมศรี ลูกหน้ี วาตนเองไดร ับมอบอำนาจจาก นางสมหญิง ไปดว ย โดยกฎหมายกำหนดเพยี งวา ใหท วงโดยมีจำนวนคร้ังทเ่ี หมาะสม ซ่งึ กฎหมายให เจาหน้ี ใหไปทวงหนเ้ี งนิ กูจำนวน ๒๐,๐๐๐ บาท จากนางสาวสมศรี โดยนายสมศักด์ิ ไดแสดงหลกั ฐาน ระยะหา ง อำนาจคณะกรรมการกำกับการทวงถามหนี้ตามกฎหมายฉบับนี้ สามารถออกประกาศ การรบั มอบอำนาจปลอมใหน างสาวสมศรดี ู นางสาวสมศรเี ชอ่ื โดยสจุ รติ วา นายสมศกั ดม์ิ อี ำนาจทวงหนแ้ี ละรบั ในการทวง กำหนดจำนวนคร้ังทเ่ี หมาะสมดงั กลาวเพือ่ ใหถอื ปฏบิ ัติได ตามมาตรา ๘(๓) หากปรากฏวามี ชำระหนจ้ี รงิ จงึ ไดช ำระหนใ้ี หไ ปโดยนายสมศกั ดอ์ิ อกใบเสรจ็ รบั เงนิ ให โดยนายสมศกั ดไ์ิ มไ ดน ำเงนิ ไปใหเ จา หน้ี ถามหน้ีตอง การฝาฝน มาตราดงั กลาว มโี ทษปรบั ทางปกครองไมเกนิ หน่ึงแสนบาท ตามมาตรา ๓๔ แตอ ยา งใดโดยนำไปใชส ว นตวั ตอ มาปรากฏวา นางสมหญงิ เจา หนท้ี ราบเรอ่ื ง จงึ ไดแ จง ใหน างสาวสมศรชี ำระหนี้ เหมาะสม ใหต นใหม ในกรณที ่เี ปน ผูรบั มอบอำนาจจากเจา หน้ี ผรู ับมอบอำนาจชว งในการทวงถามหนี้ ๖. กรณีนี้นางสาวสมศรียอมตอสูเจาหนี้ไดวาตนไดชำระหนี้โดยสุจริตแลว การชำระหนี้นั้นชอบหนี้ ผปู ระกอบธรุ กจิ ทวงถามหน้ี หรือผรู ับมอบอำนาจจากผูประกอบธุรกจิ ทวงถามหน้ี กฎหมาย จงึ ระงบั ไป กำหนดไวในมาตรา ๙ (๔) วา ใหผูทวงถามหนแี้ จงใหทราบถงึ ชือ่ ตวั และช่อื สกุล หรอื ชือ่ เปน ผูรบั มอบ หนวยงานของตนและของเจาหนี้ และจำนวนหนี้ และถาผูรับมอบอำนาจดังกลาว อำนาจให ทัง้ นต้ี ามทกี่ ฎหมายบญั ญัตไิ วใ น มาตรา ๑๐ ซง่ึ หากฝาฝนจะตอ งระวางโทษปรบั ทางปกครองไมเกิน ทวงถามหนี้ตอหนา ใหแสดงหลกั ฐานการมอบอำนาจใหทวงถามหน้ดี วย หากฝา ฝนมีโทษ ทวงหน้ีตอง หน่ึงแสนบาท ตามมาตรา ๓๔ ปรบั ทางปกครองไมเ กินหนง่ึ แสนบาท ตามมาตรา ๓๔ แสดงหลักฐาน การมอบ อำนาจ

- ๕๔ - - ๕๕ - ๘. ขอ หามผทู วงถามหนี้กระทำการทวงถามหน้ีในลกั ษณะ ตามมาตรา ๑๑ (๒) การใชว าจาหรอื ภาษาที่เปนการดหู มิ่นลกู หนห้ี รือผอู ืน่ ขอหา มผูท วงถามหนมี้ ดี งั ตอไปนี้ โดยปกติการกลาววาจาหรือภาษาที่เปนการดูหมิ่นผูใด ประมวลกฎหมายอาญามีความผิดฐาน ดูหมิ่นผูอื่นซึ่งหนาหรือดวยการโฆษณาอยูแลว ตามมาตรา ๓๙๓ แตอัตราโทษไมสูงมากเทาความผิด (๑) ขม ขู การใชค วามรุนแรง หรอื การกระทำอนื่ ใด ท่ีทำใหเ กดิ ความเสียหายแกรางกาย ตามมาตราน้ี ซึ่งเปนกรณกี ารใชว าจาหรอื ภาษาท่ีเปน การดหู มน่ิ ลูกหนห้ี รือผูอ ื่น คำกลา วที่วาเปน การดหู มน่ิ ช่ือเสียง หรือทรัพยสนิ ของลูกหนี้หรือผูอ น่ื เชน คำดาดว ยถอ ยคำหยาบคายตางๆ เปน ท่นี าสังเกตวาการดูหมน่ิ ผอู ่ืนตามมาตราน้ี คำวาผูอน่ื หมายถึง ผใู ด ซึ่งกฎหมายมไิ ดกำหนดไวช ดั เจน จึงตองตีความวาบคุ คลทวั่ ไป โดยบุคคลดงั กลา วอาจจะมีเก่ียวพนั หากฝา ฝน กรณมี าตรานีม้ ีโทษจำคุกไมเกนิ หา ป ปรับไมเกินหาแสนบาท หรอื ทั้งจำทั้งปรบั กับลกู หนหี้ รอื ไมกไ็ ด ท้งั นหี้ ากฝาฝน บทมาตรานี้ มีความผดิ ตอ งระวางโทษจำคกุ ไมเ กินหนึง่ ปหรือปรับ ตามมาตรา ๔๑ มีขอสังเกตวา การกระทำความผิดตามมาตรานี้ เปนกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ไมเกนิ หนึง่ แสนหรือทั้งจำท้งั ปรับ ตามมาตรา ๓๙ โดยกฎหมายบทอน่ื ทต่ี อ งรบั โทษ เชน ประมวลกฎหมายอาญา ในหมวดความผิดเกย่ี วกบั ชวี ติ รา งกาย อนามยั เสรภี าพชื่อเสยี งและทรพั ย เปนตน ตวั อยางเชน นางสมศรีเจา หน้ีไมพ อใจทนี่ างสาวสมทรงลกู หน้ีไมชำระหนี้ท่กี ยู มื ตนมา ทง้ั ท่ี ทวงถามไปหลายรอบแลว จงึ ตดั สนิ ใจสง ขอ ความทางเฟสบคุ ประกาศใหสังคมส่อื ออนไลนท ราบวา นางสาว สมทรงนนั้ ติดหนีต้ นแลว ไมย อมคนื พรอมกบั ประกาศวา หากนางสาวสมทรงยังไมค นื เงนิ ตนภายในวนั ทก่ี ำหนด จะเดนิ ทางไปตบนางสาวสมทรงถงึ ท่บี า นใหฟนรว ง ดังนั้นกรณีตามตัวอยาง นางสมศรีจึงมีความผิดตามมาตรานี้และผิดฐานขมขืนใจผูอื่นให กระทำการใด หรือจำยอมตอสิ่งใด โดยทำใหกลัววาจะเกิดอันตรายตอรางกายของผูถูกขมขืนใจนั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๐๙ และมคี วามผดิ ตามมาตรา ๓๙๒ ในความผิดฐานทำใหผ อู น่ื เกดิ ความกลัวหรือความตกใจ โดยการขูเขญ็ และหากพสิ ูจนไดว าเจา หน้จี งใจใหลูกหนีเ้ สอ่ื มเสยี ช่อื เสียง โดยมใิ ช เพอ่ื ปอ งกนั สวนไดเสยี ของตนโดยชอบเจาหนี้จะผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา เพราะเปนการใสความ ลูกหนี้ตอบุคคลที่สามดวยการโฆษณาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๖ และมาตรา ๓๒๘ อีกดวย

- ๕๖ - - ๕๗ - (๓) การแจง หรือเปดเผยเกย่ี วกับความเปนหนีข้ องลกู หน้ใี หแกผ ูอื่นทไี่ มเกีย่ วขอ งกับ (๔) การติดตอ ลกู หนี้โดยไปรษณยี บัตร เอกสารเปดผนึก โทรสาร หรอื ส่งิ อ่นื ใดที่สอื่ ใหท ราบวาเปน การ การทวงถามหน้ี ทวงถามหน้อี ยา งชดั เจน กฎหมายไดหามมิใหผูทวงถามหนี้แจงหรือเปดเผยเรื่องหนี้ของลูกหนี้ใหผูอื่นที่ กฎหมายหามมิใหผูทวงถามหนี้นั้นทำการติดตอลูกหนี้ โดยไปรษณียบัตร ไมเกี่ยวของทราบ ทั้งนี้ เพื่อปกปองชื่อเสียงของลูกหนี้ อยางไรก็ตามมีขอยกเวน เอกสารเปด ผนกึ โทรสาร หรือสง่ิ อ่นื ใดทส่ี ือ่ ใหท ราบวาเปนการทวงถามหนอ้ี ยา งชัดเจน ตามกฎหมายที่ผูทวงถามหนี้นั้นสามารถแจงหรือเปดเผยเกี่ยวกับหนี้ของลูกหนี้ใหทราบ ยกตวั อยา งสง่ิ ทีอ่ าจสอ่ื ใหท ราบวา เปน การทวงถามหน้ีอยา งชดั เจน เชน การทวงถาม ได คอื บคุ คลตามที่กำหนดไวใ นมาตรา ๘ วรรคสอง ซงึ่ ไดแก สามี ภรยิ า บุพการี หน้ที างเฟสบคุ ดงั กลา วมาขางตน หรอื ผูส บื สนั ดานของลกู หนี้ ถา บคุ คลดังกลาวไดส อบถามถึงสาเหตุของการติดตอ กรณีดงั กลาวมขี อ ยกเวน คือ ในกรณกี ารบอกกลาวบังคับจำนองดว ยวิธีการ โดยหากฝาฝน มาตราน้ี กฎหมายกำหนดโทษไวตามมาตรา ๓๙ เชน เดียวกับบท ประกาศหนงั สอื พมิ พซ ง่ึ เจา หนไ้ี มส ามารถตดิ ตอ ลกู หนโ้ี ดยวธิ กี ารอน่ื หรอื กรณอี น่ื ใดตามท่ี ท่ีกลา วมากอ นหนา ดงั น้ัน หากปรับใชก บั กรณีตามตัวอยาง ตามขอ (๑) นางสมศรี คณะกรรมการประกาศกำหนด อยา งนเ้ี หน็ ไดช ดั วา กรณกี ารปด ประกาศบงั คบั จำนองดงั กลา ว เจา หนไ้ี มพ อใจทน่ี างสาวสมทรงลกู หนไ้ี มช ำระหนท้ี ก่ี ยู มื ตนมา ทง้ั ทท่ี วงถามไปหลายรอบ เปน การสอ่ื ใหบ คุ คลทว่ั ไปทราบวา เปน การทวงถามหนอ้ี ยา งชดั เจน แตก ฎหมายยกเวน แลว จงึ ตดั สนิ ใจสง ขอ ความทางเฟสบคุ ประกาศใหส งั คมสอ่ื ออนไลนท ราบวา นางสาวสมทรง ไมเ ปนความผิดไว นน้ั ตดิ หนต้ี นแลว ไมย อมคนื พรอ มกบั ประกาศวา หากนางสาวสมทรงยงั ไมค นื เงนิ ตนภายใน (๕) การใชข อ ความ เคร่ืองหมาย สัญลกั ษณ หรือช่อื ทางธรุ กิจบนซองจดหมายในการตดิ ตอลกู หน้ี วันทีก่ ำหนดจะเดนิ ทางไปตบนางสาวสมทรงถึงท่บี านใหฟนรวงนัน้ นางสมศรีจะตอง ที่ทำใหเขา ใจไดว า เปน การติดตอเพอื่ การทวงถามหนี้ รบั ผดิ ตามมาตรานี้ดวย เนื่องจากเปน กรณีทีเ่ จา หนแี้ จงหรอื เปด เผยเกี่ยวกับความเปน หน้ีของลูกหน้ใี หแกผ อู นื่ ท่ไี มเ ก่ยี วของและไดร ับยกเวนตามขอ กฎหมาย ทราบถงึ หนน้ี ้ัน ในอนมุ าตรานก้ี เ็ ชน เดยี วกนั กบั อนมุ าตราอน่ื ทก่ี ำหนดไว เพอ่ื ประสงคจ ะปอ งกนั ทำใหล ูกหนี้ไดรับความเสยี หาย ชื่อเสียงของลูกหนี้ แตกรณีนี้มีขอยกเวน คือ ถาชื่อทางธุรกิจของผูทวงถามหนี้นั้น ไมไดสื่อใหทราบไดวาเปนผูประกอบธุรกิจทวงถามหนี้แมจะใชชื่อดังกลาวพิมพ บนซองจดหมาย กไ็ มเ ปนความผดิ ตามกฎหมาย ยกตัวอยา งเชน บรษิ ทั ทวงถามหนี้แหงหนึง่ ใชช ื่อทางธุรกจิ วา บรษิ ัทหรรษา พาเจริญ จำกดั พมิ พลงในซองจดหมายสงถงึ ลูกหนีเ้ พอ่ื ทวงถามหน้ี อยา งนไี้ มเ ปน ความผิดเนื่องจากชื่อไมไดสื่อใหทราบวาจดหมายดังกลาวมาจากบริษัททวงถามหนี้แต อยางใดทั้งนี้อัตราโทษหากฝาฝนอนุมาตรานี้เชนเดียวกับอนุมาตราอื่นดังกลาวมาขางตน

- ๕๘ - - ๕๙ - นอกจากนน้ั ยงั มขี อ ยกเวน ไมเ ปน ความผดิ ๙. ขอหา มผูทวงถามหนก้ี ระทำการทวงถามหนีใ้ นลกั ษณะที่เปนเทจ็ หรือ ตามอนุมาตรานี้อีกกรณีหนึ่ง คือ หากเปนการ ทำใหเ กดิ ความเขาใจผดิ ตามมาตรา ๑๒ ทวงถามหน้เี ปน หนงั สอื เพอ่ื จะใชสทิ ธิฟองคดตี อ ศาลแลว แมชื่อทางธุรกิจของผูทวงถามหนี้ที่ (๑) การแสดงหรอื การใชขอความ เครื่องหมาย สัญลกั ษณ หรือเครื่องแบบที่ทำให ปรากฎบนซองจดหมายสงถงึ ลูกหนี้ จะสอ่ื ไปใน เขาใจวาเปนการกระทำของศาล เจาหนาที่ของรัฐ หรือหนวยงานของรัฐ กรณีนี้อาจ ทางที่ทำใหผูอื่นเขาใจวาเปนการติดตามทวงถาม ยกตัวอยา งได เชน การที่บรษิ ทั ทวงถามหนแี้ หงหนึ่ง นำตราสัญลักษณของสำนักงาน หนี้ก็ไมเปนความผิดตามอนุมาตรานี้เนื่องจาก ศาลยุตธิ รรมมาพมิ พใ นหนงั สือทวงถามหน้ี สง ถงึ ลูกหนี้ จนทำใหล ูกหนี้เขาใจผดิ วา ศาลเปน กฎหมายยกเวนไวโดยเฉพาะ ดังปรากฏตาม ผูท ำจดหมายทวงถามหนด้ี ังกลาวขึ้น ดงั นบ้ี รษิ ทั ดังกลาวมคี วามผิดตอ งรับโทษจำคกุ ไมเกนิ มาตรา ๑๑ (๖) หาปห รอื ปรบั ไมเกินหาแสนบาท หรือทัง้ จำท้ังปรบั ตามมาตรา ๔๑ (๖) การทวงถามหนี้ที่ไมเ หมาะสมในลักษณะอื่นตามท่ี (๒) การแสดงหรือมีขอความที่ทำใหเชื่อวาการทวงถามหนี้เปนการกระทำโดย คณะกรรมการประกาศกำหนด ทนายความสำนักงานทนายความ หรอื สำนกั งานกฎหมาย กรณีนีก้ ฎหมายกำหนดเปดกวางใหอำนาจคณะกรรมการ สำหรบั ความผดิ ตามอนมุ าตราน้ี มอี ตั ราโทษจำคกุ ไมเ กนิ สามปห รอื ปรบั ไมเ กนิ กำกับการทวงถามหนี้ กำหนดกรณีอื่นทไี่ มเหมาะสมในการทวง สามแสนบาท หรอื ท้ังจำทงั้ ปรบั ตามมาตรา ๔๐ ถามหนี้ โดยใหประกาศกำหนดใหทราบทั่วกันโดยหากตอมามี การประกาศกรณอี ่นื ดงั อนุมาตรานี้แลว มีผูใดฝาฝนก็จะตอง ยกตวั อยางเชน นาง ส. เจาหน้ีได มีหนงั สอื ทวงถามหนีจ้ าก นาง ก. ลูกหนี้ รับโทษปรับทางปกครองไมเ กนิ หน่ึงแสนบาท ตามมาตรา ๓๔ โดยในหนังสือดังกลาวมีการพิมพตราสัญลักษณตราชั่งแบบสำนักงานกฎหมาย และเนื้อหาการทวงถามหนี้ ก็มีการแจงใหลูกหนี้ทราบวา เปนการทวงถามหนี้ อยา งไรก็ตามการทวงถามหนี้ท่ไี มเหมาะสมตามประกาศ โดยสำนกั งานกฎหมาย หากไมช ำระหนภ้ี ายในกำหนด ทางสำนกั งานกฎหมายจะดำเนนิ คดี นี้ ไมอาจใชบังคับกับการทวงถามหนี้เปนหนังสือเพื่อจะใชสิทธิ ขน้ั เดด็ ขาดทง้ั ทไ่ี มเ ปน ความจรงิ แตป ระการใด เปน เหตใุ หล กู หนเ้ี กดิ ความกลวั และทกุ ขใ จ ฟองคดีตอศาล เนื่องจากไดรับยกเวน ไมเ ปน ความผดิ เปน อยา งมาก กรณดี งั กลา วถือวา ผูทวงถามหนีด้ งั กลาวมีความผดิ ตามอนมุ าตรานแ้ี ลว

- ๖๐ - - ๖๑ - (๓) การแสดงหรือมีขอความที่ทำใหเชื่อวาจะถูกดำเนินคดี หรือจะถูกยึดหรืออายัดทรัพย ๑๐ . หา มผูทวงถามหนีก้ ระทำการทวงถามหนี้ในลักษณะทีไ่ มเปน ธรรม หรือเงินเดือน ตามมาตรา ๑๓ ดงั ตอไปน้ี สำหรับความผิดในอนุมาตรานี้มีอัตราโทษทางอาญา คือ จำคุกไมเกิน สามป หรือปรับ ๑. การเรียกเก็บคาธรรมเนียมหรือคาใชจายใดๆเกินกวาอัตราที่คณะกรรมการ ไมเ กินสามแสนบาท หรอื ทง้ั จำทงั้ ปรบั ดังปรากฏตามมาตรา ๔๐ ประกาศกำหนด ยกตัวอยางเชน บริษัท ส. จำกัด ซึ่งเปนบริษัทรับมอบอำนาจชวงมาทวงถามหนี้ ในปจจบุ นั นี้ มเี พียงประกาศคณะกรรมการฯเรื่องกาํ หนดหลกั เกณฑการประกอบ ไดมีหนังสือทวงถามหนี้จากนาง ก. ลูกหนี้ โดยไดสงหนังสือทวงถามหนี้ดวยซองที่ไม ธรุ กิจทวงถามหน้ี ฉบบั ลงวันที่ ๑๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙ ขอ ๕ (๗) ไดก ำหนดไววา ปรากฏวามาจากบริษทั ทวงถามหน้ี แตเน้อื หาในหนังสอื ดังกลา ว มกี ารอา งวา หาก นาง ก. ในการกําหนดคาธรรมเนียมหรือคาใชจายใดๆ ในการทวงถามหนี้ใหผูประกอบธุรกิจ ลูกหนี้ไมชำระหนี้ บริษัทจะดำเนินคดีทางศาลอยางเด็ดขาด และแจงวากรณีนี้บริษัทมีสิทธิ ทวงถามหนี้กําหนดใหสอดคลองและไมเกินอัตราที่คณะกรรมการกํากับการทวงถามหนี้ จะยดึ ทรพั ยสินและยดึ เงนิ เดือนของ นาง ก. ลกู หนีไ้ ด และจะดำเนินการทันทีภายใน ๑๐ ประกาศกําหนด และใหป ด ประกาศไวเ ปดเผย ณ สาํ นักงานของผปู ระกอบธุรกจิ ทวงถามหนี้ วันหากลูกหนี้ไมชำระหนี้ตามกำหนด ทั้งที่ความจริงแลว บริษัท ส. จำกัด ไมอาจดำเนินการ แตคณะกรรมการกำกับการทวงถามหนี้ยังมิไดประกาศกำหนดอัตราคาธรรมเนียมหรือคา ดังกลาวได เพียงแตตองการขมขูลูกหนี้ใหกลัวเทานั้น ปรากฏวาหลังจากไดอา นหนงั สือฉบบั ใชจายกลางตามมาตรานี้ดังนั้นดูเหมือนจะผลักภาระใหลูกหนี้ที่จะตองตรวจสอบเรื่อง ดังกลาว นาง ก. ลกู หน้ีเกดิ ความกลัวและทกุ ขใจเปนอยางมากจนฆา ตัวตาย ประเดน็ คา ธรรมเนยี มหรือคาใชจ ายใดๆ เกีย่ วกบั การทวงถามหนี้เองแตเ น่อื งจากในประกาศ ของคณะกรรมการฯฉบับดังกลาว ขอที่ ๔ (๓) กำหนดใหผูประกอบกิจการทวงถามหนี้ ดงั น้ี บรษิ ทั ส.มคี วามผดิ ตามอนมุ าตรานแ้ี ลว แมล กู หนจ้ี ะไมเ ชอ่ื หรอื เกดิ ความกลวั กต็ าม จะตองแจงขอมูลหรือเผยแพรเอกสารใดๆ ที่จําเปนเกี่ยวกับหนาที่ของผูทวงถามหนี้ ตอ ลูกหนี้ หรอื บคุ คลซ่งึ ลูกหนีไ้ ดร ะบไุ วเพอ่ื การทวงถามหนี้ รวมทัง้ แจง สทิ ธใิ นการรองเรียน (๔) การติดตอหรือการแสดงตนใหเชื่อวาผูทวงถามหนี้ดำเนินการใหแกบริษัทขอมูลเครดิต คาธรรมเนียม หรือคาใชจายใดๆ ในการทวงถามหนี้ เบี้ยปรับกรณีผิดนัดชําระหนี้แก หรือรับจางบริษัทขอมูลเครดิต ลูกหนท้ี ่ีตนรบั จางทวงถามหนีอ้ ยา งเทา เทยี มกัน และใน (๔) กำหนดใหผ ปู ระกอบธรุ กจิ ทวงถามหนี้จะตองใหคําแนะนําโดยไมบิดเบือนขอเท็จจริงหรือปกปดขอมูลอันเปนสาระ กรณีนี้กฎหมายกำหนดอัตราโทษตามกฎหมายคือจำคุกไมเกินสามป หรือปรับไมเกิน สําคัญซงึ่ อาจกอ ใหเกดิ ความเขา ใจผิดแกล กู หนีห้ รือผคู ำ้ ประกนั ดว ย สามแสนบาท หรือทงั้ จำทงั้ ปรบั ทงั้ นี้ตาม มาตรา ๔๐ หากฝาฝนผูทวงถามหนี้จะมีความผิดตองรับโทษปรับทางปกครองไมเกินหนึ่ง ตัวอยางเชน บริษัท ส. จำกัด ซึ่งเปนบริษัทรับจางทวงถามหนี้ ไดมอบใหพนักงาน แสนบาท ตามมาตรา ๓๔ ของบริษัททวงถามหนี้ กับ นาง ก. ลูกหนี้ ผานทางโทรศัพท โดยในระหวางพูดคุย ทวงถามเรื่องหนี้นั้น พนักงานคนดังกลาวไดแอบอางวาบริษัท ส. จำกัด ดำเนินการทวงถาม หน้ีใหก ับบรษิ ทั ขอมลู เครดติ หากลกู หน้ีไมชำระหน้ี ลกู หน้ีจะถูกข้ึนบญั ชีดำไวในบรษิ ัทขอ มูล เครดติ เปน เหตใุ หลกู หนเ้ี สยี เครดิต ไมอาจไปกูเงินหรอื ทำธรุ กรรมดา นการเงินกบั ที่อืน่ ไดอ ีก ดงั นี้ แมลูกหนจ้ี ะไมเ ชื่อถอ ยคำดงั กลา วก็เปน ความผิดตามมาตรานแ้ี ลว

- ๖๒ - - ๖๓ - ๒. การเสนอหรือจูงใจใหลูกหนี้ออกเช็คทั้งที่รูอยูวาลูกหนี้อยูในฐานะที่ไมสามารถ ๑๑. หามเจา หนา ที่ของรฐั กระทำการตามมาตรา ๑๔ ไดแก ชำระหน้ไี ด (๑) ประกอบธรุ กิจทวงถามหน้ี สำหรบั ประเดน็ ในขอนี้จะเห็นวา หากฝาฝน จะเปน การเอาเปรยี บลกู หนเ้ี ปน อยาง ยิ่งเนื่องจาก หากลูกหนี้ยอมออกเช็คโดยรูอยูวาไมมีเงินจะชำระหนี้สินนั้น ลูกหนี้จะมี เจา หนาทขี่ องรฐั ตามกฎหมาย หมายความถึง ขา ราชการ พนกั งาน ลูกจาง หรือผูป ฏบิ ัตงิ านอืน่ ความผดิ ทางอาญาตามพระราชบญั ญตั วิ าดว ยความผิดอันเกิดจากการใชเ ช็ค พ.ศ. ๒๕๓๔ ในกระทรวง ทบวง กรม สว นราชการที่เรยี กชือ่ อยางอื่นและมีฐานะเปนกรม ราชการสว นภมู ิภาค ราชการ มาตรา ๔ โดยกฎหมายไมป ระสงคจะใหน ำคดีอาญามาบีบบงั คบั ใหล กู หนช้ี ำระหนแ้ี กเ จา หนี้ สว นทอ งถิ่น หรอื หนว ยงานอนื่ ของรฐั นน่ั เอง โดยหากผใู ดฝา ฝน มาตรานจ้ี กั ตอ งไดร บั โทษจำคกุ ไมเ กนิ หนง่ึ ปห รอื ปรบั ไมเ กนิ หนง่ึ แสน หรือท้ังจำทง้ั ปรบั ท้งั นีต้ ามมาตรา ๓๙ หากเจา หนี้ทข่ี องรัฐกระทำการประกอบธุรกิจทวงถามหนีใ้ หก บั บุคคลใด เจา หนีท้ ่ขี องรฐั คนดงั กลาว ตัวอยาง นางสมศรีเจาหน้ี ไดต ิดตามทวงถามหนี้กูยืมเงนิ จาก นาง สมทรง ลูกหน้ี มคี วามผิดตองรับโทษจำคุกไมเ กนิ หาป หรือปรับไมเ กนิ หา แสนบาท หรอื ทง้ั จำท้งั ปรับ ตามมาตรา ๔๒ ท้ังน้ี เปน เวลานานมากแลว แตน างสมทรงกไ็ มม ที ที า วา จะยนิ ยอมชำระหนท้ี ค่ี า งชำระแตป ระการใด เพื่อเปนการปองปรามมิใหเจาหนาที่ของรัฐใชตำแหนงหนาที่ของตนในการแสวงหาผลประโยชนทำธุรกิจ อีกทั้งทราบวานางสมทรงมีเจาหนี้หลายราย จึงเกรงวาตนจะไมไดรับชำระหนี้ดังกลาว รับจางทวงถามหนี้ใหกับเจาหนี้ และกรณีดังกลาวหากปลอยใหเจาหนาที่ของรัฐกระทำไดยอมไมเปนธรรม เมื่อนางสมศรีทราบวานางสมทรงนั้นไดเปดบัญชีเดินสะพัด เพื่อใชเช็คไวกับธนาคาร ก. และสรางความหวาดกลัวใหก ับลูกหน้ีเปน อยา งมาก นางสมศรีจึงไดวางแผนใหนางสมทรงยอมออกเช็คประกันหนี้ใหกับตน จึงไดพูดโนมนาว นางสมทรงลกู หน้ีวา หากนางสมทรงยอมออกเชค็ ดังกลาวมาชำระหนีใ้ หต นไดนัน้ ตนจะลด ดอกเบีย้ ผิดนัดใหแ กน างสมทรง นางสมทรงเหน็ วาเจาหนจี้ ะลดดอกเบี้ยผดิ นดั ใหจำนวนมาก จงึ ยอมออกเชค็ สง่ั จา ยใหน างสมศรเี จาหน้ไี ป โดยความผิดสำเรจ็ ตั้งแตผทู วงถามหนีพ้ ูดเสนอหรอื จูงใจขางตน แลว ไมจ ำตองรอให ลูกหนี้ออกเช็คเสียกอนเนื่องจากกฎหมายมิไดบังคับใหตองมีองคประกอบเกี่ยวกับผลลัพธ ของการกระทำของผูทวงถามหนี้

- ๖๔ - - ๖๕ - (๒) ทวงถามหน้หี รือสนบั สนุนการทวงถามหนี้ซง่ึ มิใชของตน เวนแตใ นกรณที ่เี ปน หน้ีของสามี ๑๒. การรองเรียนและรับเร่ืองรองเรียนเกย่ี วกับการทวงถามหนี้ ภรยิ า บพุ การี หรือผสู บื สันดานของตน หรือในกรณที เ่ี จาหนาทีข่ องรัฐนนั้ ซึ่งสาระสำคัญในประกาศฉบับนี้มีการกำหนดวา ผูที่จะรองเรียนเกี่ยวกับการทวงถามหนี้ไดนั้น มีอำนาจกระทำไดตามกฎหมาย ไดแ ก ลกู หนห้ี รอื บคุ คลอน่ื ทไ่ี ดร บั การปฏบิ ตั จิ ากผทู วงถามหนท้ี เ่ี ปน การขดั ตอ กฎหมายวา ดว ยการทวงถามหน้ี ที่ไดยื่นเรื่องรองเรียนตามประกาศนี้ และ ในขอ ๓ ของประกาศฉบับนี้กำหนดไววา ในกรณีที่มี กรณนี ก้ี ฎหมายมเี จตนารมณท จ่ี ะปอ งปรามมใิ หเ จา หนา ทข่ี องรฐั เขา ไปเกย่ี วขอ งกบั การทวงถามหน้ี ปญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามประกาศนี้ ใหคณะกรรมการกํากับการทวงถามหนี้ เปนผูมีอํานาจใน ในลกั ษณะท่ีไมถ งึ ขนาดทำเปนธุรกจิ รวมถึงหา มสนบั สนุนการทวงถามหนี้ ไมว ากรณีใดๆอีกดว ย การวินิจฉัยชขี้ าด โดยผรู อ งเรยี น สามารถยืน่ เรอื่ งรองเรียน ตอคณะกรรมการกาํ กับการทวงถามหนป้ี ระจาํ จังหวดั ยกตวั อยางเชน นางสาวกรกนก เจาหน้ี ใหน างสาว น้ำหนึ่ง กูยมื เงินจำนวน ๓๐,๐๐๐ บาท โดย หรอื คณะกรรมการ กาํ กบั การทวงถามหนป้ี ระจาํ กรงุ เทพมหานคร แลว แตก รณโี ดยอาจยน่ื คำรอ ง ณ สถานท่ี ใหนางสาวน้ำหน่ึงผอนชำระเงินตน พรอมดอกเบี้ย จำนวน ๑๐ งวด เม่อื หนถี้ งึ กำหนดชำระในงวดที่ ๑๐ ดังตอไปนไี้ ด (๑) ท่ที ําการปกครองจังหวัด (๒) ที่วา การอาํ เภอ (๓) สํานักการสอบสวนและนิติการ นางสาวน้ำหน่งึ ผดิ นดั ไมชำระหน้ี นางสาวกรกนก เจาหนีพ้ ยายามทวงถามหลายคร้งั แต นางสาวน้ำหนึง่ ยก กรมการปกครอง (๔) กองบญั ชาการตาํ รวจนครบาล (๕) สถานตี าํ รวจ (๖) สํานกั นโยบายพัฒนา ขออางสารพดั เพ่ือจะขอผัดผอ นการชำระหนี้ แตนางสาวกรกนกไมยินยอม นางสาวกรกนกจึงไดข อรอง ระบบการเงนิ ภาคประชาชน สาํ นักงานเศรษฐกจิ การคลงั สำหรบั วธิ ีการยนื่ เรื่องรอ งเรยี น มี ๒ กรณี ให ร.ต.อ. ณัฐวุฒิ รอยกรอง ซึ่งเปนคนที่มาจีบตน ชวยแตงกายใสเครื่องแบบตำรวจ ขับรถยนต ๑. ยื่นรองเรยี นเปน หนงั สอื พานางสาวกรกนก ไปสงที่บานของนางสาวน้ำหนึ่งเพื่อทวงถามหนี้ โดย ร.ต.อ.ณัฐวุฒิฯ ทราบดีวาจะไป สำหรบั การรองเรียนเปนหนงั สอื ในประกาศขอ ๗ กำหนดวา การรอ งเรียนเปน หนังสอื ทวงถามหนี้ที่บานนางสาวน้ำหนึ่ง เมื่อไปถึงบานนางสาวน้ำหนึ่ง ร.ต.อ. ณัฐวุฒิฯ มไิ ดล งจากรถ ใหลงลายมือช่อื ผรู องเรยี นและมีสาระสําคญั ดงั ตอ ไปน้ี (๑) วัน เดอื น ป ท่ยี น่ื เรือ่ งรองเรยี น (๒) แตลดกระจกใหน างสาวนำ้ หน่งึ เห็นวาตนเปนเจา หนา ที่ตำรวจมาพรอ มกับนางสาวกรกนก นางสาวน้ำหนึ่ง ชื่อและที่อยูของผูรองเรียน (๓) ชื่อและที่อยูของผูถูกรองเรียน (๔) รายละเอียดขอเท็จจริง เกดิ ความเกรงกลวั จงึ ยอมชำระหนง้ี วดสดุ ทา ยใหก บั นางสาวกรกนก เจา หนไ้ี ป แลว ร.ต.อ. ณฐั วฒุ ฯิ ของเรอ่ื งรอ งเรยี น พรอ มเอกสารหลกั ฐานทเ่ี กย่ี วขอ ง (๕) ความประสงคห รอื เหตผุ ลในการรอ งเรยี น กข็ บั รถพานางสาวกรกนก ไปสง ทีบ่ าน ๒. ยื่นรอ งเรยี นดว ยวาจา หากจะยน่ื รอ งเรยี นดว ยวาจาในขอ ๘ ไดก ำหนด กรณดี ังตัวอยา ง การที่ ร.ต.อ. ณฐั วฒุ ิ ซึง่ เปนเจาหนา ทีข่ องรัฐ ไดใ หบ รกิ ารรับสง นางสาวกรกนก ไววา กรณีรองเรียนดวยวาจา ใหเจาหนาที่ผูรับเรื่อง เจาหนี้ โดยรูอยูวาเจาหนี้นั้นจะไปทวงถามหนี้จากลูกหนี้ ถือเปนการกระทำการสนับสนนุ การ รองเรียนจัดทําหนังสือรองเรียนโดยมีรายละเอียด ทวงถามหนีซ้ ง่ึ มใิ ชของตน อนั เปน ความผิดตามกฎหมายแลว แม ร.ต.อ. ณฐั วุฒฯิ มิไดเ ปน ผทู ่ีไปทวงถาม ตามทีก่ ําหนดใน ขอ ๗ แลวอานใหผ ูร องเรียนฟง และให หน้ีดว ยตนเองก็ตาม และหนีด้ งั กลาวมใิ ชห น้ขี อง ร.ต.อ. ณฐั วฒุ ฯิ หรือหน้ขี องภรยิ า บพุ การี หรอื ผูสบื ผูรอ งเรยี นลงลายมือชอื่ ในหนังสือดังกลาว สนั ดานของ ร.ต.อ. ณฐั วฒุ หิ รือหนท้ี ี่ ร.ต.อ. ณัฐวฒุ ิ นัน้ มีอำนาจกระทำไดตามกฎหมาย ร.ต.อ.ณัฐวุฒฯ มีความผิดจะตองรับโทษตามมาตรานี้ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไมเกิน หาป หรือปรับไมเกินหาแสนบาท หรอื ทง้ั จำทงั้ ปรบั ตามมาตรา ๔๒

- ๖๖ - - ๖๗ - ๗. ชอ งทางการตดิ ตอ ขอรบั บรกิ าร หรอื ความชว ยเหลอื ทเ่ี กย่ี วขอ งในกระบวนการ ทป่ี ระชาชนควรรู ๑๓. สรุปขอหา มและขอ ปฏิบัตใิ นการทวงถามหนี้ ๑. ทวงใหถูกคน ๘. ไมประจานลกู หน้ี ๒. ทวงใหถูกท่ี ๙. ไมใชว จีดูหม่ิน ๓. ทวงทุกทใี หถกู เวลา ๑๐. รบั ชำระหนส้ี ินออกใบเสรจ็ ๔. ไมท วงมาบอ ยๆ ๑๑. แสดงเทจ็ ไมกระทำ ๕. ไมพลอยบอกคนอนื่ ๑๒. เรียกคา ทวงถามไมเ กินกำหนด ๖. ไมฝ า ฝน ขอ หา ม ๑๓. ตอ งไปจดถา รับจาง ๗. ตอ งทำตามวธิ กี าร ๑๔. ปด ทางเจาหนา ทีร่ ฐั

- ๖๘ - - ๖๙ - ๑. ศนู ยช ว ยเหลอื ลกู หนแ้ี ละประชาชนทไ่ี มไ ดร บั ความเปน ธรรม กรมสอบสวนคดพี เิ ศษ ๕. ศนู ยดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย และศนู ยดำรงธรรมจังหวัดท่ัวประเทศ กระทรวงยตุ ธิ รรม ใหค ำปรกึ ษาความเดอื ดรอนและประสานหนว ยงานที่เกย่ี วขอ ง สายดวน ๑๕๖๗ ซึง่ ชว ยเหลอื ลูกหนนี้ อกระบบดานกฎหมาย การทำสญั ญากูยืมและทนายความโดย ๖. ศูนยค มุ ครองผูใชบ ริการทางการเงนิ ธนาคารแหง ประเทศไทย สามารถตดิ ตอไดท ่ีเบอร โทร ๐-๒๕๗๕-๓๓๔๔ รบั แจงเหตุและประสานหนว ยงานท่ีเก่ยี วของเพื่อแกปญหาหนีน้ อกระบบ สายดว น ๑๒๑๓ ๒. สำนักงานกองทุนยุติธรรม กระทรวงยุตธิ รรม และสำนกั งานยตุ ิธรรมจังหวดั ทั่ว ๗. สำนักอยั การพิเศษคุมครองผูบ ริโภค ประเทศ ใหคำปรึกษาทางกฎหมายและดำเนินคดีละเมดิ สทิ ธผิ บู รโิ ภค และไกลเกลี่ยหน้ี โทร. ๐-๒๕๑๕-๔๑๑๒ ซ่งึ ใหคำปรกึ ษาปญ หากฎหมายและชว ยเหลือคาใชจายในการดำเนินคดีรวมถงึ คา ประกนั ตัว คาทนายความ และคา เสียหาย โทร ๐-๒๕๐๒-๖๒๔๖ ๘. สำนักงานอัยการคุมครองสทิ ธแิ ละชวยเหลือทางกฎหมายแกป ระชาชน และ สำนักงานอัยการคมุ ครองสทิ ธแิ ละชว ยเหลอื ทางกฎหมายและการบังคับคดีจงั หวัด ทุก ๓. ศนู ยบริการรวมกระทรวงยตุ ิธรรม จงั หวดั ทัว่ ประเทศ ซง่ึ ใหค ำปรกึ ษาปญหากฎหมายและการดำเนนิ คดี โทร. ๐-๒๑๔๑-๕๑๐๐ โดยใหบ ริการใหคำปรกึ ษาปญ หาทางกฎหมาย ไกลเ กลย่ี ประนอมขอ พิพาท จดั หาทนายความ ๔. ศูนยอ ำนวยการปฏบิ ัติการแกไ ขหนี้สินภาคประชาชน ใหผไู ดร บั ความเดอื ดรอนและยากจนในการตอ สคู ดี เปน ตน โดยสามารถตดิ ตอ ไดท ส่ี ำนักงานคุมครองสทิ ธิ ประสานหนว ยงานทีเ่ กยี่ วของเพื่อแกปญหาเจรจาประนอมหนี้สิน สายดว น ๑๓๕๙ และชวยเหลือทางกฎหมายแกป ระชาชน (สว นกลาง) สำนกั งานอัยการสูงสุด อาคารถนนรัชดาภิเษก ชน้ั ท่ี ๓ แขวงจอมพล เขตจตุจกั ร กรุงเทพฯ ๑๐๙๐๐ โทร. ๐-๒๑๔๒-๒๐๓๔ ๙. ศูนยปราบปรามการปลอ ยเงนิ กูแ ละทวงหนน้ี อกระบบ กองบังคบั การตำรวจ สอบสวนกลาง โดยสามารถแจง เบาะแสเงนิ กูนอกระบบผิดกฎหมายได สายดว น ๑๑๓๕ ๑๐. ศนู ยป ระสานงานลกู หนี้แหงชาติ ใหคำปรึกษาและใหความรกู ฎหมายในการดำเนินคดี โทร. ๐-๒๓๑๙-๑๑๖๑-๔ ๑๑. กลุมกำกบั การทวงถามหน้ี กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เปน ชอ งทางรอ งเรยี นกรณหี ากลกู หนถ้ี กู ทวงถามหนโ้ี ดยไมถ กู ตอ งตามกฎหมายวา ดว ยการทวงถามหน้ี โดยสามารถรองเรียนตอคณะกรรมการกำกับการทวงถามหนี้ประจำจังหวัดหรือคณะกรรมการกำกับ การทวงถามหนี้ประจำกรุงเทพมหานคร เพ่ือเอาผดิ ไดโดยติดตอ ไปยังกลุม กำกบั การทวงถามหน้ี ไดท ี่ https://multi.dopa.go.th/ilab/debt/main/web_index หรือ สำนกั การสอบสวนและนติ กิ ารกรม การปกครอง (วงั ไชยา) ถนนนครสวรรค แขวงส่แี ยกมหานาค เขตดุสติ กรงุ เทพมหานคร ๑๐๓๐๐ โทร. ๐-๒๓๕๖-๙๖๖๐ อเี มล : [email protected] โทร. ๐-๒๓๕๖-๙๖๖๐



- ๗๒ - - ๗๓ - ºÃóҹءÃÁ ºÃóҹءÃÁ พิชัย นิลทองคำ.(๒๕๔๘).ประมวลกฎหมายแพงและพาณชิ ย บรรพ ๑ – ๖ ประมวลกฎหมายอาญา. เจาหนี-้ ลกู หน้ี ควรรไู ว ทวงหนีอ้ ยางไรไมผ ิดกฎหมาย พ.ร.บ.ทวงหน้ี ๒๕๕๘. กรงุ เทพฯ: อฑตยา มเิ ล็นเนียม. สืบคนเมือ่ วันท่ี ๕, พฤศจกิ ายน, ๒๕๖๐, จาก https://money.kapook.com/view128453.html ตารางเปรยี บเทียบหลกั การเดมิ และหลักการใหมเ ก่ยี วกบั การแกไขประมวลกฎหมายแพงและ สาระสำคญั ของรางพระราชบญั ญัตกิ ารติดตามทวงถามหนี้อยางเปน ธรรม พ.ศ. .... พาณชิ ย เร่อื งการค้ำประกนั ในป ๒๕๕๗ และป ๒๕๕๘ เกรด็ ความรูก ฎหมายคำ้ ประกันใหมทมี่ ีผลใช .สบื คน เมอ่ื วนั ที่ ๒๑, ธันวาคม, ๒๕๖๐, บังคบั แลว .สบื คนเมอ่ื วนั ที่ ๑, พฤศจกิ ายน, ๒๕๖๐, จากhttp://www.fpo.go.th/FPO/admin/scripts/getpdf.php?id=6714 จากhttp://www.fap.or.th/index.php?lay=show&ac=article&Id=539933854&Ntype=2 ลกู หนน้ี อกระบบไมต อ งกังวลอกี ตอ ไป...หากตกเปน เหยอ่ื เงินกนู อกระบบทา นจะปรึกษาปญ หา พระราชบญั ญัตแิ กไ ขเพ่มิ เติมประมวลกฎหมายแพง และพาณิชย (ฉบบั ท่ี ๒๑) พ.ศ. ๒๕๕๘. ไดท่ไี หนไดบาง?? กระทรวงยตุ ิธรรมมที างออก!! .สบื คน เมื่อ ๒๑ ,ธันวาคม, ๒๕๖๐, สืบคน เมอื่ วนั ที่ ๑, พฤศจิกายน, ๒๕๖๐, จากhttp://www.tnews.co.th/contents/362824 จากhttp://library2.parliament.go.th/giventake/content_nla2557/law63-140758-30.pdf ประวตั กิ รมการปกครองและสำนกั /กอง.สืบคน เมอ่ื วนั ที่ ๒๑, ธันวาคม, ๒๕๖๐, พระราชบญั ญตั กิ ารทวงถามหนี้ พ.ศ. ๒๕๕๘.ราชกจิ จานเุ บกษา. จาก https://multi.dopa.go.th/ilab/debt/info_organ/about1 สืบคนเม่อื วันท่ี ๕, พฤศจิกายน, ๒๕๖๐, จากhttps://www.studentloan.or.th/public/upload/law%20and%20order/ 2559-10-26-4.pdf


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook