Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 1 หน่วยที่ 7 สารพิษ

1 หน่วยที่ 7 สารพิษ

Published by nano03012553, 2018-07-24 03:37:13

Description: 1 หน่วยที่ 7 สารพิษ

Search

Read the Text Version

หนว่ ยที่ 7 สารพิษสาระสาคัญ สหประชาชาตืได้รายงานว่ามีสารเคมีจานวนมากประมาณกว่า 6 ล้านชนิดเกิดขึ้นในโลกทั้งโดยธรรมชาติและโดยการสังเคราะห์ข้ึน และมีสารเคมีท่ีเป็นพิษต่อมนุษย์และส่ิงแวดล้อมท้ังทางตรงและทางอ้อม กว่า 60,000 ชนิด ที่เกิดจากการบริโภค การสัมผัสโดยตรงและหรือออกมากับของเสียในกระบวนการผลิตทางอุตสาหกรรมต่างๆ เข้าสู่ส่ิงแวดล้อมและห่วงโซ่อาหาร ที่มนุษย์นามาใช้ในชีวิตประจาวนั พษิ ของสารเคมีจะสง่ ผลให้เกดิ อนั ตรายถึงชีวติ การเจ็บป่วยอยา่ งรุนแรงหรือเรื้อรงั1. ความหมายของสารพิษ สารรานุกรมสาหรบั เยาวชนฯ เล่ม 14 ใหค้ วามหมายของคาวา่ “ สารพิษ” ว่า หมายถงึสารที่เป็นอันตรายต่อสง่ิ ชีวิต และทรัพย์สินสารพิษซ่ึงมีหรือเกดิ ขึน้ ในสิ่งแวดลอ้ มรอบตัวเราท่ีเขา้ มาปะปนหรือปนเปื้อนอาหาร แล้วกอ่ ใหเ้ กิดอาการพิษแกผ่ ู้บริโภคนัน้ สารพิษจาแนกตามแหล่งกาเนิดได้เป็น 3 ประเภทคือ ประเภทท่ี 1. แหลง่ กาเนิดตามธรรมชาติ สารพษิ ที่กาเนดิ ตามธรรมชาติ อันได้แก่ปรากฏการณ์ตามธรรมชาติ ทาใหเ้ กดิ สารพิษได้ เช่นการระเบิดของภูเขาไฟจะก่อให้เกิดผงฝ่นุ และกา๊ ซพษิ ชนิดต่างๆ เขา้ สบู่ รรยากาศโลกนอกจากปรากฏการณธ์ รรมชาตแิ ล้ว สารพิษอาจเกิดข้นึ ในรูปแร่ธาตุต่างๆ เช่น กามะถัน ตะกว่ั ปรอท สารหนูแคดเม่ียมและรงั สีในอากาศ เรดิโอไอโซโทป เปน็ ต้น ประเภทที่ 2. แหล่งกาเนดิ จากการสังเคราะหข์ องมนุษย์ การกาเนดิ สารพษิ ชนิดน้ี นบั เป็นแหล่งทีส่ าคญั ที่สุดเพราะสารเคมหี รือสารพิษท่ถี ูกสังเคราะห์ขนึ้ มานั้นเกย่ี วข้องกับการดารงชีวติ ประจาวนั ของมนุษย์ในดา้ นตา่ งๆ เช่น สารเคมที ่ใี ชใ้ นการป้องกันกาจดั ศตั รูพืชและสัตว์ สารประกอบในอาหารยารกั ษาโรค เครอื่ งสาอางค์ และสารพิษที่เกดิ ข้นึ ก่อนหรอื หลงั ขบวนการผลิตทางอุตสาหกรรมได้แก่ กา๊ ซพิษ ฝ่นุ หรอื ผงจากโลหะหนักรวมทง้ั กากสารพิษจากอุตสาหกรรม เป็นต้น ประเภทท่ี 3. แหล่งกาเนดิ จากสงิ่ มชี วี ิตอ่ืนๆ สารพษิ สามารถเกดิ ขึ้นไดจ้ ากการสงั เคราะห์ โดยพืชสตั ว์ และจลุ ินทรยี ช์ นดิ ตา่ งๆน้นั ให้ปรากฏข้ึนไดน้ อกจากนย้ี ังทาใหเ้ กดิ การเปล่ยี นแปลงทางสรีรวทิ ยา เชน่ ทาใหค้ วามดนั โลหิตสงู ขึน้เกดิ โรคกระเพาะ โรคหวั ใจ เกิดภาวะ ตงึ เครยี ด ทาใหช้ พี จรเตน้ ผดิ ปกติ เกดิ อาการเกรง็ ของกลา้ มเนือ้และอาจทาใหเ้ กิดอาการหดตัวของหลอดเลือดเลก็ ๆ เชน่ ท่ีมือและเทา้ ได้

รูปท่ี 7-1 สารพษิ ที่เกิดจากธรรมชาติ มนษุ ย์ และ สัตว์ พชื ท่ีมา: https://www.l3nr.org/posts/2990872. ประเภทของสารพิษ สารพษิ ถูกแบ่งออกเปน็ ประเภทต่างๆ ได้ 9 ประเภทดงั นี้ คือ 1. สารพิษป้องกันกาจัดศัตรูพืชและสตั ว์ สารพิษป้องกนั กาจดั ศัตรูพชื และสัตว์ หมายถึง สารเคมหี รือส่วนผสมของสารเคมีใดๆ ก็ตามท่ีใชป้ อ้ งกันกาจดั ทาลายหรือขบั ไล่ศัตรูพืชสตั วแ์ ละมนุษยส์ ารพิษทีส่ าคญั ได้แก่ สารพิษป้องกันกาจัดแมลง สารพิษป้องกนั กาจดั วชั ชพืช สารพษิ ป้องกนั กาจัดเชื้อรา สารพิษปอ้ งกันกาจัดสัตวแ์ ทะ และสารพิษป้องกนั กาจัดศตั รูพชื อื่น ๆ 2. โลหะหนกั เป็นสารพษิ อีกกลุ่มหน่งึ ท่ีมีความสาคญั มากมีท้งั ที่พบอยู่ทว่ั ๆ ไป ตามธรรมชาติ และเปน็สารประกอบของโลหะทม่ี นุษย์สังเคราะหข์ ึ้นมา โลหะหนกั ที่สาคัญ ๆ คือตะกั่ว ปรอท เป็นตน้ 3. สารระคายผิว เปน็ สารพษิ ที่ทาใหเ้ กิดโรคผวิ หนงั อักเสบได้ เมอื่ สมั ผสั บ่อย ๆ เป็นเวลานานสามารถแบ่งได้เปน็ กลุ่ม พวกท่ลี ะลายไขมัน ตัวทาละลายน้ีจะละลายไขมันตามธรรมชาตแิ ละอาจจะละลายผิวชัน้ นอกได้ด้วย พวกทดี่ งึ น้าออก เม่ือถูกผวิ หนังจะดงึ น้าออกจากผิวหนงั เกดิ ความรอ้ นให้กรดท่กี ัดผวิ หนงั พวกทท่ี าปฏิกิริยากบั นา้ หรือการแตกตวั พวกทตี่ กตะกอนโปรตีน พวกออกชไิ ดเซอร์พวกรดี วิ เซอร์ และพวกทท่ี าให้เปน็ มะเร็ง โดยไปกระตุ้นการเตบิ โตของผิวช้ันนอกและกลายเป็นเซลล์มะเร็ง เป็นต้น 4. สารท่ีเป็นผงหรือฝนุ่ ซึ่งมีอนุภาคเล็กๆ เข้าส่รู า่ งกายได้ โดยการหายใจ ตวั อย่างผงฝ่นุ ของแอสเบสตอส ทาใหเ้ กดิ โรค ปอดแข็ง ผงฝนุ่ ของซลิ ิเกทเป็นอันตรายต่อปอดผงฝุ่นของโลหะต่าง ๆ เชน่ ตะกัว่ , ปรอท, แมงกานสี , แคดเม่ยี มฯลฯ ก่อให้เกดิ พิษต่อรา่ งกายได้ 5. สารท่ีใหไ้ อเป็นพิษ เปน็ สารเคมีท่ีให้ไอพษิ เมอ่ื สดู ดมเขา้ ไปทาให้เป็นพิษตอ่ ร่างกาย ได้แก่ ตวั ทาละลายต่าง ๆเช่น เบนซิน คาร์บอนไดซัลไฟต์ คารบ์ อนเตดตะคลอไรด์ เมทธิลแอลกอฮอล์ ฯลฯ 6. ก๊าซพิษ

มีหลายชนดิ ที่ใชป้ ระโยชนใ์ นทางอตุ สาหกรรม ก๊าซพิษบางชนดิ มีอันตรายมาก โดยอาจทาให้ร่างกายขาดออกซิเจนหรอื ทาความระคาย หรอื อนั ตรายต่อรา่ งกาย และเราอาจมีโอกาสเขา้ ไปเกย่ี วข้องดว้ ย เชน่ ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์, ไฮโดรเจนไซยาไนต์, ไฮโดรเจนซลั ไฟต์, ไนโตรเจนออกไซด์, พอสจนี ฯลฯ 7. สารเจือปนในอาหาร เป็นสารเคมีท่ีนามาใส่เขา้ ไปในอาหารโดยมจี ดุ มงุ่ หมายเพ่อื ปอ้ งกนั มิใหอ้ าหารเสยี เพื่อการคงไว้หรือเพม่ิ คณุ สมบตั ิทางฟิสกิ ส์ของอาหาร ตลอดจนเพื่อใหอ้ าหารนัน้ มีกลิ่น รส สี ทีน่ ่ารับประทานมากยงิ่ ขึ้น สารเคมีเหล่านี้ บางชนดิ ถา้ ใสใ่ นปริมาณมากเกินไปกจ็ ะก่อใหเ้ กิดเปน็ พิษเปน็ อันตรายตอ่ผู้บริโภคได้ ตวั อย่าง เช่น สารไนเตรทไนไตรท์ ผงชรู ส โซเดียม เบนโซเอท เปน็ ตน้ นอกจากนสี้ ารเคมีบางชนิดก็เปน็ สารท่เี ป็นพษิ มีอันตรายต่อผบู้ ริโภคได้ ตวั อย่างเชน่ สยี อ้ มผ้า กรดกามะถนั บอแรกซ์กรดซาลิโซลิก เปน็ ต้น รูปท่ี 7-2 มีสารพิษหลายอยา่ งท่ีปนอยใู่ นอาหาร ที่มา: http://boguszpiglet.blogspot.com/2012/09/blog-post_4.html 8. สารพิษท่ีสังเคราะห์โดยส่ิงมีชีวิตอ่นื ๆ ไดแ้ ก่ สารท่ีสงั เคราะห์จากเชื้อรา แบคทเี รียพชื และสัตวบ์ างชนิด ตัวอยา่ งของสารพิษที่เกดิจากเช้ือรา เชน่ สารพิษ Aflatoxia เกดิ จากเช้ือราพวก Aspergillus flavus ทข่ี น้ึ อยู่ในถ่ัวลสิ งข้าวโพดหรืออาหารแหง้ อ่นื ๆ หรือสารพิษ Bo Tulimumtoxin เกิดจากเช้ือแบททเี รยี Clostridiumbotulinum ท่ขี ้ึนในอาหารกระป๋องทผี่ ลติ ไม่ไดม้ าตราฐานสารพษิ Trichothecene หรอื T-2 toxinเกิดจากเชื้อรา Fusarium tricinetum ท่ขี ้นึ ในขา้ วโพด เป็นตน้ สาหรับพืชและสัตว์ท่ีสามารถสร้างสารพษิ ได้ เช่น เห็ดพษิ กลอย มนั สาปะหลงั คางคก เหรา (สตั ว์ทะเลชนดิ หนงึ่ ) ปลาปกั เปา้ เปน็ ตน้ 9. สารกมั มนั ตภาพรงั สี เปน็ สารทสี่ ามารถแผ่รังสีมาจากตัวเองได้ มนษุ ย์ได้มามาใช้ประโยชนใ์ นด้านตา่ งๆ ทีส่ าคัญคือในด้านการแพทย์ และการผลิตไฟฟา้ สารกัมมนั ตภาพรังสีนับเปน็ สารทม่ี ีพิษต่อส่งิ มีชีวติ มากทส่ี ดุ เมือ่เปรียบเทยี บกบั สารพษิ ชนดิ อื่นๆ โดยจะทาอนั ตรายโดยตรง และถา่ ยทอดไปสู่ลกู หลานไดอ้ ีกด้วยกมั มันตภาพรังสที ี่แผ่ออกมามี 3 ชนดิ คือ รงั สอี ัลฟา รงั สีเบต้า และรงั สีแกมมา สารกัมมันตภาพรังสีในธรรมชาตมิ หี ลายตระกลู แตท่ ี่สาคญั ท่สี ดุ คือ ตระกูลยเู รเนยี มและตระกูลทอเรียมท่ีสาคัญรองลงมาคือ โปแตสเซียม -40 ยบู ีเดียม - 87 สมาเรียม - 147 ลูซีเตยี ม - 176 และเรเดยี ม - 220 เปน็ ต้น

3. การเข้าสรู่ ่างกายของสารพิษ สารพิษเข้าสรู่ า่ งกายได้ 3 ทาง คือ 1.ทางจมกู ด้วยการสบู ดมไอของสารผงหรอื ละอองของสารพษิ ปะปนเขา้ ไปกับลมหายใจสารพษิ บางชนดิ จะมฤี ทธกิ์ ัดกร่อนทาใหเ้ ยื่อจมูกและหลอดลมอักเสบ หรือซมึ ผ่านเน้ือเยื่อเขา้ สู่กระแสโลหิต ทาใหโ้ ลหิตเป็นพษิ 2. ทางปาก อาจจะเข้าปากโดยความสะเพร่าไม่รู้ตวั เชน่ ในมือทเ่ี ป้ือนสารพิษหยิบอาหารเข้าปาก หรือกนิ ผักผลไม้ท่ีมสี ารพษิ ตกคา้ งอยู่ หรอื อาจจะจงใจกนิ สารพษิ บางชนดิ เพ่ือฆ่าตัวตายเป็นตน้ 3. ทางผวิ หนัง เกดิ จากการสมั ผัสหรอื จับต้องสารพิษ สารพิษบางชนิดสามารถซึมเข้าผิวหนังได้ และเขา้ ไปทาปฏกิ ริยาเกิดเปน็ พิษแกร่ า่ งกาย สารพษิ เม่ือเข้าสูร่ า่ งกายทางใดกต็ ามเมอ่ื มีความเข้มมากพอ จะมปี ฏกิ ริยา ณ จดุ สมั ผสั และซมึ เขา้ สกู่ ระแสโลหิต ซ่ึงจะพาสารพิษไปท่ัวรา่ งกาย ความสามารถในการเขา้ สูก่ ระแสโลหิตน้นั ขึ้นอยู่กับคณุ สมบตั กิ ารละลายของสารพษิ นน้ั สารพิษบางชนิดอาจถกู รา่ งกายทาลายได้ บางชนดิ อาจถูกเปล่ยี นเป็นอนุพนั ธ์อืน่ ท่มี ีอันตรายนอ้ ยลง บางชนิดอาจถูกขับถ่ายออกทางไต ซงึ่ จะมีผลกระทบตอ่ ท่อทางเดินปสั สาวะและกระเพาะปัสสาวะ บางชนดิ อาจถูกดูดเกบ็ สะสมไว้ เช่น ทต่ี บั ไขมัน เป็นต้น อนั ตรายจากการใช้สารพษิ การใชส้ ารพิษอยา่ งไม่ถกู ต้องมีอนั ตรายต่อมนุษยแ์ ละส่งิ แวดล้อม ดงั น้ี คือ 1. เกิดอนั ตรายต่อผใู้ ช้โดยตรง ซึ่งไดแ้ ก่ เกษตรกรผู้ประกอบอาชีพในโรงงานที่เกี่ยวขอ้ งกับการใชส้ ารพษิ และประชาชนท่วั ๆ ไป ทง้ั น้ีเน่อื งมาจากขากความรู้ความเขา้ ใจในการใช้และการปอ้ งกนั อนั ตรายจากสารพิษอย่างถกู ต้องจึงทาใหเ้ กิดอบุ ัติเหตุกอ่ ให้เกิดอนั ตรายหรือเจ็บปายถงึ ชวี ติ ได้ในทนั ที หรอื สะสมสารพิษในสว่ นตา่ ง ๆ ของร่างกาย ทาให้สุขภาพทรุดโทรม เกดิ โรคภยั ร้ายแรงขน้ึ ได้ภายหลัง 2. เกดิ อนั ตรายตอ่ ชีวติ และสุขภาพอนามยั ของประชาชนและสงิ่ มชี วี ิตที่อาศัยอยใู่ นบรเิ วณใกล้เคยี งกบั แหล่งที่มกี ารใช้สารพิษท้ังนเ้ี นอื่ งจากสารพษิ ท่ีใช้หรอื ท่ีกดิ จากกระบวนการผลติ ถูกปลดออกสสู่ ิ่งแวดลอ้ มรอบ ๆ ในปรมิ าณสูง จนอาจเกิดอันตรายต่อผู้ทอ่ี ยู่อาศยั บริเวณรอบ ๆ ซ่ึงตอ้ งรับสารพิษเข้าไปอยา่ งหลกี เลี่ยงไม่ได้ 3. กอ่ ใหเ้ กิดสภาวะสมดลุ ตามธรรมชาติเสยี ไปเนอ่ื งจากศตั รูธรรมชาติ เชน่ ตวั ห้า ตัวเบียฬท่มี ีประโยชน์ในการป้องกนั กาจัดศัตรูพืช ศัตรูมนุษยแ์ ละสตั ว์ ถกู สารพิษทาลายไปหมด แต่ขณะเดียวกันศัตรูท่เี ป็นปัญหาโดยเฉพาะพวกแมลงศตั รูพชื สามารถสรา้ งความตา้ นทานพิษได้ ทาให้เกิดปญั หาการระบาดเพิม่ มากข้ึน หรอื ศัตรูท่ีไมเ่ คยระบาดก็เกดิ ปัญหาขนึ้ มา เป็นปญั หาในการป้องกันกาจัดมากขึน้ 4. เกดิ อนั ตรายต่อชวี ติ ของนก ปลา สตั วป์ า่ ชนดิ ต่าง ๆ แมลงที่มปี ระโยชน์ เช่น ผ้งึ พบวา่ มีปริมาณลดนอ้ ยลง จนบางชนดิ เกอื บสูญพนั ธท์ุ ้งั น้ี เนอ่ื งจากถกู ทาลายโดยสารพิษที่ไดร้ ับเขา้ ไปทนั ทีหรอื สารพิษท่สี ะสมในร่างกายของสัตว์เหล่านั้นผลใหเ้ กดิ ความลม้ เหลวในการแพร่ขยายพันธ์ุ

5. อนั ตรายแก่สง่ิ มีชีวิตและมนุษย์ในระยะยาว เนื่องจากการได้รับสารพษิ ซง่ึ แพร่กระจายตกค้างอยใู่ นอาหารและส่ิงแวดลอ้ มเข้าไปสะสมรา่ งกายทลี ะนอ้ ย จนทาใหร้ ะบบและวงจรการทางานของร่างกายผิดปกติเปน็ เหตใุ ห้เกิดโรคอนั ตรายขึ้น หรือบางครง้ั อาจทาให้เกดิ การกลายพันธ์ุ หรือเกดิความผิดปกติในรุ่นหลายข้ึนได้ 6. เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจขึ้นกับประเทศชาตเิ น่ืองจากการเจ็บไข้ได้ปว่ ยของประชาชน ทาใหไ้ มส่ ามารถทางานได้เต็มที่และยังต้องเสียค่าใชจ้ า่ ยในการรักษาพยาบาลอกี ดว้ ยนอกจากนี้ ยังมีปญั หาไมส่ ามารถส่งอาหารผลติ ภณั ฑก์ ารเกษตรออกไปจาหนา่ ยยงั ตา่ งประเทศได้เนือ่ งจากมีสารพิษตกค้างอยู่ในปรมิ าณสงู เกนิ ปริมาณที่กาหนดไว้ ทาใหข้ าดรายไดทจ่ี ะนามาพฒั นาประเทศต่อไป 7. เกิดความเสยี หายต่อสขุ ภาพของสง่ิ แวดล้อมท่ีดี ปริมาณสารพิษท่ีถูกปลดปล่อยและตกค้างอย่ใู นสงิ่ แวดล้อม เชน่ สารพษิ โลหะหนักในแหลง่ น้า หรือก๊าซพิษที่ผสมอยู่ในบรรยากาศทาให้คณุ ภาพของสง่ิ แวดล้อมเสยี หายไมเ่ หมาะสมต่อการดารงชีพของสิงมีชวี ติ4. สารเคมีในชีวิตประจาวนั ภาควชิ าเภสัชเคมี คณะเภสัชศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร กลา่ ววา่ ทุกครัวเรือนจาเป็นตอ้ งใช้ผลิตภณั ฑ์ต่างๆท่ีมีสารเคมีเปน็ ส่วนประกอบ ซ่ึงไดแ้ ก่ ผลติ ภัณฑ์ทาความสะอาดห้องน้า ผลิตภัณฑ์ท่ีใช้ในห้องครัว ผลิตภัณฑ์ท่ีใช้ส่วนบุคคล หรือแม้แต่ยาฆ่าแมลง เป็นต้น ผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ใช้ภายในบา้ นเหลา่ น้ีประกอบด้วยสารเคมีบางชนิดที่เป็นอันตรายต่อสมาชกิ ในครอบครัวและสัตว์เลี้ยงทค่ี ุณรักโดยถ้านาไปใช้ เก็บ หรือทาลายทิ้ง อย่างไม่ถูกวิธี อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และส่ิงแวดล้อม หรืออาจติดไฟทาลายทรัพย์สินได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าเรารู้จักใช้ เก็บ และท้ิงผลิตภัณฑ์เหล่านี้อย่างถูกวิธีจะสามารถปอ้ งกันอันตรายท่ีอาจเกิดขึน้ ได้และใช้ผลติ ภัณฑ์เหล่านีไ้ ดอ้ ย่างปลอดภัย สิง่ ทค่ี วรปฏิบตั ิในการใช้สารเคมีท่ีปลอดภยั ผลติ ภณั ฑส์ ารเคมีที่ใช้ภายในบ้านมักมีอนั ตรายเกือบทุกชนิด อย่างน้อยสารเคมเี หลา่ นน้ัเกือบทง้ั หมดมีคณุ สมบัติข้อใดข้อหนึง่ ทเ่ี ปน็ พิษ กัดกรอ่ น ติดไฟได้ หรอื ทาปฏกิ ริ ยิ าที่รุนแรงผลิตภณั ฑ์ทม่ี ีสารเคมีท่ีเป็นอันตรายเปน็ สว่ นประกอบ ไดแ้ ก่ น้ายาทาความสะอาดท่วั ไป ยาฆ่าแมลงสเปรย์ชนิดต่างๆ นา้ ยาขจัดคราบไขมนั นา้ มันเชื้อเพลิง สแี ละผลติ ภณั ฑท์ ีถ่ ูกทาสีมาแลว้ แบตเตอรีและหมึก ผลติ ภัณฑ์และสารเคมีตา่ งๆเหลา่ นสี้ ่วนมากถา้ ได้รับหรอื สัมผสั ในปรมิ าณทนี่ อ้ ยคงไม่กอ่ ให้เกดิ อันตรายมากนัก แตถ่ า้ ได้รับหรือสมั ผสั ในปรมิ าณทีม่ าก หรือในกรณอี บุ ัติเหตุ เชน่ สารเคมีหกรดร่างกาย หรือร่วั ออกจากภาชนะบรรจุ กอ็ าจทาใหเ้ กิดอันตรายถึงชวี ติ ได้ สง่ิ ทีค่ วรปฏิบตั ิในการใชส้ ารเคมีท่ีปลอดภยั มีดงั น้ี 1. จดั เก็บผลิตภัณฑต์ า่ งๆไว้ในทท่ี แี่ หง้ และเย็น หา่ งจากความรอ้ น จัดวางบนพื้นหรอื ช้นั ท่ีมนั่ คง และเก็บให้เปน็ ระบบ ควรแยกเกบ็ ผลิตภัณฑ์ทีม่ ีฤทธ์กิ ัดกรอ่ น ตดิ ไฟได้ ทาปฏิกิริยาทีร่ นุ แรงได้หรอื เป็นพิษ ไวบ้ นชัน้ ตา่ งหาก และทาความคุ้นเคยกบั ผลติ ภัณฑ์แตล่ ะชนดิ ควรจดจาให้ไดว้ ่าเก็บไวท้ ี่ไหน และแตล่ ะผลิตภัณฑ์มีวตั ถปุ ระสงค์ในการใช้อย่างไร เม่ือใช้เสร็จแลว้ ควรนามาเกบ็ ไว้ที่เดิมทันทีและตรวจให้แนใ่ จว่าภาชนะทุกช้นิ มีฝาปดิ ท่ีแน่นหนา ผลิตภัณฑ์บางชนิดอาจเป็นอนั ตรายได้มากกว่าท่คี ุณคดิ ผลติ ภณั ฑ์เหล่านไ้ี ด้แก่ 1.1 ผลิตภัณฑท์ าความสะอาดภายในบ้าน เช่น นา้ ยาเชด็ กระจก แอมโมเนีย นา้ ยาฆ่า

เชอื้ นา้ ยาทาความสะอาดพรม น้ายาขดั เฟอร์นเิ จอร์ รวมท้ังสเปรย์ปรบั อากาศ เปน็ ต้น 1.2 ผลติ ภัณฑ์ซักผา้ เชน่ ผงซกั ฟอก น้ายาปรับผา้ นุ่ม นา้ ยาฟอกสีผ้า เป็นต้น 1.3 ผลติ ภณั ฑเ์ พื่อสุขภาพและความงาม เชน่ สเปรยใ์ สผ่ ม น้ายาทาเลบ็ น้ายาลา้ งเลบ็นา้ ยากาจัดขน นา้ ยาย้อมผม เครื่องสาอางอืน่ ๆ เป็นตน้ 1.4 ผลติ ภัณฑท์ ใี่ ชใ้ นสวน เชน่ ปุ๋ย ยากาจดั วชั พืช ยาฆา่ แมลง เปน็ ต้น 1.5 ผลิตภัณฑ์เพ่ือการบารุงรักษาบา้ น เชน่ สที าบา้ น กาว นา้ ยากันซึม น้ามันล้างสีเปน็ ตน้ 1.6 ผลิตภัณฑ์สาหรบั รถยนต์ เช่น นา้ มันเชอ้ื เพลิง นา้ มันเบรค น้ามันเครื่อง นา้ ยาล้างรถนา้ ยาขัดเงา เป็นต้น 2. ผลติ ภณั ฑ์สารเคมีทุกชนิดต้องมีฉลากและต้องอ่านฉลากก่อนใช้งานทุกคร้ัง ผลิตภัณฑ์ที่เป็นอนั ตรายควรต้องใช้ด้วยความระมัดระวงั อา่ นฉลากและทาตามวธิ ีใชอ้ ยา่ งถูกต้องรอบคอบโดยเฉพาะอยา่ งย่ิง ถ้าฉลากมีคาว่า “อนั ตราย (DANGER)”, “สารพษิ (POISON)”, “คาเตือน(WARNING)”, หรอื “ขอ้ ควรระวัง (CAUTION)” โดยมรี ายละเอียดอธิบายได้ดงั น้ี 2.1 อนั ตราย (DANGER) แสดงให้เห็นวา่ ควรใชผ้ ลติ ภณั ฑ์ดว้ ยความระมดั ระวงั เพ่ิมมากขึน้ เป็นพิเศษ สารเคมีทไ่ี มไ่ ด้ถูกทาให้เจือจาง เมื่อสมั ผัสถกู กับตาหรือผวิ หนงั โดยไม่ได้ต้งั ใจ อาจทาให้เนอ้ื เยื่อบริเวณนน้ั ถูกกดั ทาลาย หรือสารบางอยา่ งอาจติดไฟได้ถา้ สัมผสั กับเปลวไฟ 2.2 สารพษิ (POISON) คือ สารทที่ าใหเ้ ปน็ อนั ตราย หรือ ทาให้เสียชีวิต ถ้าถกู ดูดซึมเข้าส่รู า่ งกายทางผวิ หนงั รับประทาน หรือ สูดดม คานเี้ ปน็ เป็นขอ้ เตือนถึงอนั ตรายทร่ี ุนแรงท่ีสุด 2.3 เปน็ พิษ (TOXIC) หมายถึง เป็นอนั ตราย ทาใหอ้ วัยวะต่างๆทาหนา้ ทีผ่ ิดปกติไป หรอืทาใหเ้ สียชีวติ ได้ ถ้าถูกดูดซึมเขา้ สู่รา่ งกายทางผิวหนัง รับประทาน หรอื สดู ดม 2.4 สารกอ่ ความระคายเคือง (IRRITANT) หมายถงึ สารท่ีทาให้เกิดความระคายเคืองหรอื อาการบวมต่อผิวหนัง ตา เยื่อบุ และระบบทางเดินหายใจ 2.5 ตดิ ไฟได้ (FLAMMABLE หรือ COMBUSTIBLE) หมายถงึ สามารถติดไฟได้ง่าย และมีแนวโน้มทจี่ ะเผาไหม้ได้อยา่ งรวดเรว็ 2.6 สารกดั กรอ่ น (CORROSIVE) หมายถงึ สารเคมี หรือไอระเหยของสารเคมีนั้นสามารถทาให้วัสดุถูกกัดกร่อน ผุ หรือสง่ิ มชี วี ิตถกู ทาลายได้ รูปที่ 7-3 ตวั อย่างผลิตภัณฑส์ ารเคมี

ทมี่ า: http://www.dodeden.com/14016.html 3. เลอื กซื้อผลิตภัณฑ์เท่าทต่ี ้องการใช้เท่าน้นั อยา่ ซื้อส่งิ ทีไ่ ม่ต้องการใช้ เพราะเสมอื นกับเปน็การเก็บสารพิษไวใ้ กล้ตวั โดยไม่จาเปน็ พยายามใชผ้ ลติ ภณั ฑท์ ี่มีอย่เู ดิมใหห้ มดก่อนซื้อมาเพิ่ม ถา้ มขี องทไี่ ม่จาเป็นต้องใช้แล้วเหลืออยู่ ควรบริจาคให้กบั ผทู้ ีต่ ้องการใชต้ อ่ ไป หรอื ไม่ก็ควรเกบ็ และทาฉลากให้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเม่ือฉลากใกล้หลุดหรอื ฉีกขาด และควรทง้ิ ผลติ ภณั ฑท์ ่เี ก่ามากๆ ซึง่ ไมค่ วรนามาใชอ้ ีกต่อไป 4. เก็บให้ไกลจากเด็ก สารทาความสะอาด หรอื สารเคมที ี่ใช้ภายในบา้ นอาจทาให้เป็นอนั ตรายถงึ แกช่ ีวิต ควรเกบ็ ในตทู้ เี่ ดก็ เอ้ือมไม่ถึง อาจล็อคตูด้ ว้ ยถา้ จาเปน็ สอนเด็กๆในบา้ นให้ทราบถึงอันตรายจากสารเคมี นอกจากน้ี ควรจดเบอรโ์ ทรศัพท์ฉุกเฉินไว้ใกลก้ บั โทรศัพท์ เบอร์โทรศพั ท์เหล่าน้ี ไดแ้ ก่ เบอร์รถพยาบาลหรือโรงพยาบาลทใี่ กล้บา้ น สถานีดับเพลิง สถานีตารวจ หนว่ ยงานท่ีทาหน้าท่ีเกยี่ วกับการควบคุมสารพษิ และแพทย์ประจาตวั 5. ไมค่ วรเก็บสารเคมีปะปนกับอาหาร ทงั้ นเี้ นอ่ื งจากสารเคมีอาจหกหรือมีไอระเหยทาให้ปนเป้ือนกับอาหารได้ และเมื่อใชผ้ ลิตภณั ฑ์สารเคมเี สรจ็ แลว้ ควรลา้ งมือใหส้ ะอาดทุกครั้ง 6. ไมค่ วรเก็บของเหลวหรอื ก๊าซทตี่ ิดไฟไดไ้ วใ้ นบา้ น นา้ มนั เชื้อเพลิงสาหรับรถยนต์หรือถงับรรจุก๊าซถ้าสามารถทาได้ไม่ควรนามาเกบ็ ไวภ้ ายในบ้าน ถงั บรรจกุ า๊ ซควรเก็บไว้นอกบ้านในบรเิ วณใต้ร่มเงาที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก ต้องไม่เก็บของเหลวหรือก๊าซท่ีติดไฟไดไ้ วใ้ กลก้ บั แหล่งของความรอ้ นหรอื เปลวไฟ และเกบ็ ไวใ้ นภาชนะบรรจุดง้ั เดมิ หรือภาชนะท่ีไดร้ บั การรบั รองแลว้ เท่านนั้ 7. เก็บสารเคมไี วใ้ นภาชนะบรรจดุ ้งั เดิมเท่านน้ั ไมค่ วรเปล่ยี นถา่ ยสารเคมีท่ใี ช้ภายในบ้านลงในภาชนะชนดิ อ่นื ๆ ยกเว้นภาชนะท่ีติดฉลากไว้อย่างเหมาะสมและเข้ากันไดก้ บั สารเคมีน้ันๆโดยไมท่ าให้เกดิ การรว่ั ซึม นอกจากนี้ ไม่ควรเปลี่ยนถ่ายสารเคมีลงในภาชนะท่ใี ช้สาหรับบรรจอุ าหาร เช่นขวดน้าอัดลม กระป๋องนม ขวดนม เป็นตน้ เพ่ือป้องกันผูท้ ร่ี ู้เทา่ ไม่ถงึ การณน์ าไปรับประทาน 8. ผลิตภัณฑ์หลายชนดิ สามารถนาไปแปรรปู เพื่อนากลบั มาใช้ใหม่ได้ เพือ่ ลดปริมาณสารเคมีท่ีเปน็ พิษในสง่ิ แวดล้อม 9. ใชผ้ ลิตภณั ฑ์อน่ื ๆทมี่ ีอันตรายนอ้ ยกวา่ ทดแทนสาหรบั งานบา้ นท่ัวๆไป ตัวอยา่ งเชน่สามารถใช้ผงฟู และนา้ สม้ สายชเู ทลงในทอ่ ระบายน้า เพื่อป้องกันการอุดตนั ได้ 10. ทิ้งผลติ ภณั ฑ์และภาชนะบรรจใุ ห้ถูกต้องเหมาะสม ไมเ่ ทผลิตภณั ฑ์ลงในดินหรือในท่อระบายน้าทง้ิ ผลติ ภัณฑห์ ลายชนิดไม่ควรท้งิ ลงในถังขยะหรือเทลงในโถสว้ ม ควรอา่ นฉลากเพ่ือทราบวิธกี ารทง้ิ ท่ีเหมาะสมตามคาแนะนาของผผู้ ลิต5. ประชาสงั คมกับบทบาทในการปอ้ งกนั สารพิษ คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนายุทธศาสตร์การจัดการสารเคมี ซ่ึงแต่งตั้งตามมติของ คณะรัฐมนตรี มีพลตรี สนั่น ขจรประศาสน์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ผู้บริหารระดับสูงจากกระทรวง หน่วยงานและมีผู้ทรงคุณวุฒิเป็นกรรมการ และฝ่ายเลขานุการร่วมจาก 4กระทรวง คือ กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม สานักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข

และกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม จึงได้จัดทาแผนยุทธศาตร์การจัดการสารเคมีแห่งชาติ ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2555-2564) ขึน้ เพ่ือมุ่งหมายให้ประเทศมีการพัฒนาการจัดการสารเคมีในทิศทางเดียวกันและบูรณาการ งานร่วมกันอย่างมีเป้าหมายเดียวกัน เพ่ือตอบสนองต่อปัญหาทั้งผลกระทบและความท้าทายอันเน่ือง มาจากการใช้สารเคมี สาระสาคัญของแผนยุทธศาสตร์การจดั การสารเคมแี หง่ ชาติ ฉบับท่ี 4 (พ.ศ. 2555-2564) ประกอบดว้ ย 3 ยุทธศาสตร์ 9 กลวธิ ี ดงั นี้(ศูนยพ์ ัฒนานโยบายแหง่ ชาติด้านสารเคมี,2554) แผนยุทธศาสตรก์ ารจัดการสารเคมีแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี 4 (พ.ศ. 2555-2564) ประเทศไทยเร่ิมมกี ารจดั การสารเคมีอยา่ งเปน็ ระบบ โดยมีการจดั ทา และดาเนนิ งานตามแผนแมบ่ ทพัฒนาความปลอดภัยดา้ นสารเคมีแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 1 (พ.ศ. 2540-2544) แผนแม่บทฯฉบบั ท่ี 2 (พ.ศ. 2545-2549) และตอ่ เนื่องมาจนถึง แผนยทุ ธศาสตรก์ ารจัดการ สารเคมแี ห่งชาติ ฉบับท่ี 3 (พ.ศ. 2550-2554) ภายใต้การกากบั ของคณะกรรมการแห่งชาติว่าดว้ ยการพัฒนายุทธศาสตร์การจดั การสารเคมที ี่มีนายกรัฐมนตรีเปน็ ประธาน และเม่อื แผนยทุ ธศาสตร์ ฉบับท่ี 3 ได้ดาเนินการมาจนถึงวาระสน้ิ สุดของแผนในปี พ.ศ. 2554 ในการน้เี พ่ือให้นโยบายการจัดการสารเคมี ของประเทศ มีความตอ่ เน่ืองจึงได้มีการดาเนินงานจดั ทาแผนยุทธศาสตรก์ ารจดั การสารเคมีแห่งชาติ ฉบับที่ 4 (พ.ศ.2555-2564) ขึ้น โดยวางยุทธศาสตรก์ ารจดั การสารเคมีไว้ 3 ยทุ ธศาสตร์ และ 9 กลวิธี โดยมแี ผนผังโครงสร้างของแผนยุทธศาสตร์ฯ ฉบับที่ 4 ซ่งึ สรุปได้ดังน้ี ยุทธศาสตร์ที่ 1 คือ พัฒนาฐานข้อมูล กลไกและเคร่ืองมือในการจัดการสารเคมีอย่างเป็นระบบ ครบวงจร กาหนดกลวิธีเพื่อดาเนนิ การตามยุทธศาสตร์ไว้ 3 กลวิธี คือ กลวิธีที่ 1 พัฒนาระบบฐานข้อมูลกลาง โดยพัฒนาฐานข้อมูลสารเคมี และเช่ือมโยงฐานข้อมลู สารเคมใี หเ้ ปน็ ระบบฐานขอ้ มูลกลาง กลวิธีท่ี 2 พัฒนา กลไกและเครื่องมือ ในการจัดการสารเคมีอย่างเป็นระบบครบวงจรตั้งแต่ตน้ น้าถึงปลายน้า โดยเน้น ในเรื่องเครื่องมือด้านกฎหมาย เครอ่ื งมือด้านเศรษฐศาสตร์ และเครื่องมือด้านการประเมนิ และ กลวิธีท่ี 3 สร้างกลไกเพ่ือขับเคลื่อนการจัดการสารเคมีอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งรวมถึงประเมินผลความสาเร็จของแผนเป็นระยะๆ และศึกษาแนวทางการจัดตั้งองค์กรกลางในการจัดการสารเคมีระดับชาติ ยุทธศาสตร์ท่ี 2 คือ พัฒนาศักยภาพและบทบาทในการบริหารจัดการสารเคมีของทุกภาคส่วน กาหนดกลวิธีเพือ่ ดาเนนิ การตามยทุ ธศาสตรไ์ ว้ 3 กลวธิ ีคือ กลวิธีที่ 1 พัฒนาองค์ความรู้และการพัฒนา ศักยภาพบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการจัดการสารเคมี ซึ่งได้แก่ พัฒนาและส่ือสารองค์ความรู้ พัฒนา ศักยภาพบุคลากรท่ีเก่ียวข้องกับการจัดการสารเคมี และพัฒนาศักยภาพของห้องปฏิบัติการด้านสารเคมี กลวิธีที่ 2 พัฒนาศักยภาพการตอบสนองและการเตรียมความพร้อมต่อพันธกรณีและข้อตกลงระหว่างประเทศ และ กลวิธที ี่ 3 ส่งเสรมิ บทบาทและการมสี ่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการจดั การสารเคมี ที่รวมถึงส่งเสริม การมีส่วนร่วมของภาคประชาชน เสริมสร้างความเข้มแข็งและบทบาทขององค์กรปกครอง

ส่วนท้องถ่ิน ส่งเสริมความร่วมมือของภาคเอกชน และส่งเสริมบทบาทการมีส่วนร่วมของกลุ่มวิชาชีพและเครือข่ายทางสงั คมต่างๆ ยุทธศาสตร์ท่ี 3 คือ ลดความเสี่ยงอันตรายจากสารเคมี กาหนดกลวิธีเพ่ือดาเนินการตามยทุ ธศาสตรไ์ ว้ 3 กลวิธี คือ กลวิธีที่ 1 ป้องกันอันตรายจากสารเคมี ซ่ึงได้แก่ ลดความเส่ียงอันตรายจาก สารเคมีด้านการเกษตร ด้านอตุ สาหกรรม ดา้ นสาธารณสุขและผู้บริโภค และด้านการขนส่งสารเคมี กลวิธีท่ี 2 เฝ้าระวังและติดตามตรวจสอบผลกระทบจากสารเคมี ที่รวมถึง เฝ้าระวังและติดตามตรวจสอบระดบั มลพษิ อนั เน่ืองมาจากสารเคมี และพฒั นางานดา้ นระบาดวทิ ยาสารเคมี และ กลวิธีที่ 3 รับมือสถานการณ์ ฉุกเฉินและการรักษาเยียวยาและฟ้ืนฟู โดยพัฒนาระบบการจัดการเหตุฉุกเฉิน จัดทาแผนปฏิบัติการ ฉุกเฉินสารเคมีและฝึกซ้อมแผนในแต่ละระดับ และเสริมสร้างประสิทธภิ าพการรักษาเยียวยาและฟื้นฟู รูปท่ี 7-4 แผนยุทธศาสตร์การจดั การสารเคมีแห่งชาติ ฉบับท่ี 4 ระยะต้น ท่ีมา: http://www.siamsafety.com/index.php?page=tech/tech01chemicalindex จดุ เดน่ ทสี่ าคญั ทพ่ี ฒั นาขึ้นของแผนยุทธศาสตร์ฯ ฉบบั ท่ี ๔ เมื่อเปรยี บเทียบกบั แผนยุทธศาสตร์ฯ ฉบบั ท่ี ๓ คอื กลวธิ ีทีก่ าหนดขน้ึ เพ่ือแกป้ ัญหาชอ่ งวา่ งและประเดน็ ท้าทายท่ีเกิดขึน้ จากการดาเนินงานทผ่ี ่านมาตลอดจนการกาหนดกลวิธใี นเชงิ รุก ได้แก่ การศึกษาแนวทางการจดั ต้งั องคก์ รกลางในการจัดการสารเคมีระดบั ชาติ หรอื ทีเ่ รยี กว่า National Chemical Agency เพื่อเชอ่ื มโยงการบริหาร จัดการสารเคมใี ห้เป็นระบบทีบ่ รู ณาการครบวงจรอยา่ งแทจ้ รงิ การกาหนดกลวิธใี นการพัฒนาฐาน ข้อมูลกลางอย่างเดน่ ชัด การเน้นการควบคมุ สารเคมีด้วยเคร่อื งมือด้านกฎหมายจากตน้ น้าถึงปลายนา้ การใช้เครือ่ งมือดา้ นการประเมนิ ตา่ งๆ ทร่ี วมถงึ การประเมนิ ผลกระทบดา้ นสขุ ภาพหรือ HIAรว่ มในการจดั การสารเคมี การเพิ่มกลวิธใี นการลดความเสี่ยงในภาคสาธารณสขุ และผู้บริโภค และในภาคการขนส่ง นอกเหนือจากภาคเกษตรกรรมและอตุ สาหกรรม การพฒั นางานด้านระบาดวิทยาสารเคมี การเสริมสร้าง ความเขม้ แข็งและบทบาทขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิน่ ในการจดั การสารเคมี การสง่ เสรมิ ความ ร่วมมือของภาคประชาชน ภาคเอกชน และกลมุ่ วชิ าชีพและเครือขา่ ยทางสงั คมตา่ งๆ การกาหนดกลวธิ ี ในการพัฒนาศักยภาพการตอบสนอง การเตรียมความพร้อมต่อ

พนั ธกรณแี ละข้อตกลงระหว่าง ประเทศไว้เปน็ การเฉพาะ และการกาหนดกลวิธีใหม้ กี ารลดความเส่ยี งอันตรายจากสารเคมีเชิงพื้นที่ อย่างบูรณาการ โดยเนน้ การดาเนนิ งานในพ้นื ที่ท่ีมีความเส่ียงสูงสรปุ “ สารพิษ” ว่า หมายถงึ สารทเี่ ป็นอนั ตรายต่อสิ่งชีวติ และทรัพย์สนิ สารพิษซงึ่ มีหรือเกิดข้ึนในส่งิ แวดล้อมรอบตวั เราทีเ่ ข้ามาปะปนหรือปนเปื้อนอาหาร แลว้ ก่อใหเ้ กดิ อาการพิษแกผ่ ู้บรโิ ภคนั้น สารพิษจาแนกตามแหล่งกาเนดิ ไดเ้ ป็น 3 ประเภทคือ ประเภทท่ี 1. แหลง่ กาเนิดตามธรรมชาติ ประเภทที่ 2. แหลง่ กาเนิดจากการสังเคราะห์ของ มนุษย์ ประเภทที่ 3. แหลง่ กาเนิดจากส่งิ มชี วี ติ อ่นื ๆ สารพิษถูกแบง่ ออกเปน็ ประเภทตา่ งๆ ได้ 9 ประเภทดังนี้ คือ 1. สารพษิ ป้องกนั กาจัดศัตรูพืชและสตั ว์ 2. โลหะหนกั 3. สารระคายผวิ 4. สารที่เปน็ ผงหรือฝนุ่ ซ่งึ มีอนุภาคเลก็ ๆ 5. สารท่ใี ห้ไอเป็นพิษ 6. กา๊ ซพษิ 7. สารเจอื ปนในอาหาร 8. สารพิษท่ีสังเคราะห์โดยสิง่ มีชีวิตอน่ื ๆ 9. สารกัมมนั ตภาพรงั สี ยทุ ธศาสตรก์ ารจัดการสารเคมไี ว้ 3 ยทุ ธศาสตร์ และ 9 กลวธิ ี โดยมีแผนผงั โครงสร้างของแผนยทุ ธศาสตรฯ์ ฉบบั ที่ 4 ซ่งึ สรปุ ได้ดงั นี้ ยุทธศาสตร์ท่ี 1 คือ พัฒนาฐานข้อมูล กลไกและเคร่ืองมือในการจัดการสารเคมีอย่างเป็นระบบ 3 กลวธิ ี คอื กลวธิ ีที่ 1 พฒั นาระบบฐานข้อมูลกลาง กลวิธที ี่ 2 พฒั นา กลไกและเครอื่ งมือ กลวิธที ี่ 3 สร้างกลไกเพอ่ื ขบั เคล่อื นการจดั การสารเคมีอยา่ งมีประสิทธภิ าพ ยุทธศาสตร์ที่ 2 คือ พัฒนาศักยภาพและบทบาทในการบริหารจัดการสารเคมีของทุกภาคสว่ น 3 กลวิธีคือ กลวิธที ี่ 1 พฒั นาองค์ความรูแ้ ละการพฒั นา กลวิธีที่ 2 พัฒนาศักยภาพการตอบสนองและการเตรียมความพร้อมต่อพันธกรณี และข้อตกลงระหวา่ งประเทศ และ กลวธิ ีท่ี 3 ส่งเสริมบทบาทและการมสี ่วนรว่ มของทุกภาคส่วน ยุทธศาสตรท์ ี่ 3 คือ ลดความเสีย่ งอันตรายจากสารเคมี 3 กลวธิ ี คอื กลวิธที ี่ 1 ป้องกนั อนั ตรายจากสารเคมี กลวธิ ีที่ 2 เฝ้าระวังและตดิ ตามตรวจสอบผลกระทบจากสารเคมี

กลวิธีท่ี 3 รบั มอื สถานการณ์ ฉุกเฉนิ และการรักษาเยยี วยาและฟน้ื ฟูเอกสารอา้ งอิง :ศูนยพ์ ฒั นานโยบายแห่งชาติด้านสารเคมี ,กองแผนงานและวชิ าการ แผนยทุ ธศาสตร์การจดั การ สารเคมีแห่งชาติ ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2555-2564). สานกั งานคณะกรรมการ อาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook