Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ใบความรู้ หน่วยที่ 1

ใบความรู้ หน่วยที่ 1

Published by nano03012553, 2018-05-01 03:25:35

Description: ใบความรู้ หน่วยที่ 1

Search

Read the Text Version

หนว่ ยที่ 1 ความรเู้ กีย่ วกบั พลศกึ ษา สขุ ศึกษา และ นนั ทนาการสาระสาคญั หลกั การที่พูดกันว่า A SOUND MIND IN A SOUND BODY หรือ จิตใจที่แข็งแกร่งย่อมอยู่ในร่างกายท่ีแข็งแรง แสดงถึงความสัมพันธก์ ันระหวา่ งร่างกายและจิตใจ พลศึกษา เป็นศาสตร์และศิลปท์ ่ีไดร้ ับการถา่ ยทอดมานานจากคนตะวนั ตก ทเี่ น้นร่างกายเป็นสงิ่ สาคัญมากกว่าจติ ใจ ทม่ี ีความแขง็ แรง ความเรว็ ความอ่อนตัว ความคล่องแคล่ว ความทนทาน และระบบไหลเวยี นโลหิตเปน็ การศึกษาท่ีจะนาไปสู่ความเจริญงอกงามและพัฒนาการทางรา่ งกาย1. ความหมายของพลศึกษา คาว่า “พลศึกษา” มาจากคาว่า “พละ” แปลวา่ กาลัง “ศึกษา” แปลว่าการเล่าเรยี นซึง่ เมื่อนามาสมาสกนั เป็นคาว่า “พลศึกษา” นกั ศกึ ษาพลศกึ ษาหลายทา่ น กลา่ วถึงความหมายของพลศึกษา ไปในทศิ ทางเดียวกนัดังเช่น เอชเธอริงตัน (Hetherington) กล่าวถึงพลศึกษาว่า หมายถึง สิ่งสาคัญสองประการ คือ เป็นกิจกรรมท่ีใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ให้เป็นประโยชน์ต่อร่างกายประการหน่ึง อีกประการหนึ่งเป็นกระบวนการศึกษาท่ีช่วยให้เด็กเจริญเติบโต มีสุขภาพดี ซ่ึงจะช่วยให้เขาสามารถเรียนได้โดยไม่มีอุปสรรคต่อการเจริญเติบโตแต่อย่างใด เจย์ บี แนช (Jay B. Nash) กล่าวว่าพลศึกษาเป็นการศึกษาแขนงหน่ึงในกระบวนการศึกษาท้ังหมดเป็นการศึกษาที่ใช้กิจกรรมเป็นส่ือ เพื่อให้เกิดพัฒนาการทางกาย ทางประสาท ทางสติปัญญา ทางอารมณ์ ผลเหล่าน้ีจะประจักษ์ก็ต่อเม่ือได้มีการจัดกิจกรรมพลศึกษาข้ึนตามสถานที่ต่างๆเช่น สนามกีฬา โรงฝึกพลศึกษาและสระวา่ ยนา้ เป็นตน้ นักพลศึกษาไทย เช่น กอง วิสุทธารมณ์ ได้กล่าวว่า พลศึกษา ว่าคือ การฝึกฝนร่างกายให้มีสมรรถภาพดีข้ึนโดยใช้กิจกรรมบางอย่างเป็นเครื่องมือประกอบการศึกษา ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีร่างกายเจริญงอกงาม เติบโต แข็งแรง และว่องไว อบรมให้เปน็ ผู้ทีม่ ีระเบียบ วินัย หนักแนน่ อดทน รแู้ พ้ รู้ชนะ สร้างสรรค์สามัคคี ศาสตราจารย์ วรศักด์ิ เพียรชอบ ให้ความหมาย พลศึกษา ว่า คือ การศึกษาแขนงหน่ึง ซึ่งมีวัตถุประสงค์และความมุ่งหมายเช่นเดียวกับการศึกษาแขนงอื่นๆ คือ ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้มี การพัฒนาท้ังทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม จะต่างจากวิชาอื่นตรงที่วิธีการและสิ่งที่นามาใช้ คือ พลศึกษาใช้กิจกรรมการออกกาลัง หรือการเล่นกีฬาเป็นส่ือในการเรียนโดยใช้นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมพลศึกษาให้มากที่สดุ จรินทร์ ธานีรัตน์ กล่าวว่า การพลศึกษาคือ การศึกษาแขนงหนึ่งท่ีใช้กิจกรรมการเคล่ือนไหวทางกาย (ที่ใช้กล้ามเนื้อใหญ่) เป็นสื่อกลาง (Medium) เพื่อส่งเสริมพัฒนาการทางร่างกาย (รูปร่าง) ทางจิตใจ ทางอารมณ์ ทางสงั คม และพัฒนาการทางด้านคุณธรรม ตลอดจนการเป็นพลเมอื งดดี ้วย สรุปไดว้ า่ พลศกึ ษา หมายถึง ศาสตรแ์ ขนงหนงึ่ ที่อยบู่ นรากฐานทางวิทยาศาสตร์ และมีความเกี่ยวข้องกบั ศาสตร์แขนงอ่ืนๆ อีกหลายแขนงซ่ึงพลศึกษาเป็นการศึกษาแขนงหนึง่ ท่ีมจี ดุ หมายท่จี ะสง่ เสริมผเู้ รียนใหม้ ีพฒั นาการ ทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา โดยใชก้ จิ กรรมการเคลือ่ นไหวร่างกาย ท่ีไดเ้ ลือกสรรแลว้ เป็นสอ่ื ท่ที าใหเ้ กดิ การเรียนรู้

รูปที่ 1-1 พลศึกษาพัฒนา รา่ งกาย จติ ใจ อารมณ์ สงั คม และสติปญั ญา ท่มี า: http://westlane.dsbn.org/departments/physical-education เกม เป็นลกั ษณะของกิจกรรมของมนษุ ยเ์ พือ่ ประโยชน์อย่างใดอย่างหนึง่ เชน่ เพ่อื ความสนุกสนานบันเทงิ เพื่อฝกึ ทักษะ และเพอ่ื การเรยี นรู้ เปน็ ต้น และในบางครั้งอาจใชเ้ พ่ือประโยชน์ทางการศกึ ษาได้2. ขอบข่ายของกจิ กรรมพลศึกษา กจิ กรรมที่มีการเคล่ือนไหวเพื่อพฒั นารา่ งกายตลอดจนอวยั วะทุกส่วนของร่างกายให้สมบูรณเ์ ช่น การเดิน การวิ่ง การขวา้ งปา การกระโดด การห้อยโหน ฯลฯ มีหลากหลาย ได้แก่ 1. เกม (Game) เปน็ กจิ กรรมการเลน่ อยา่ งงา่ ยๆ ไมม่ กี ฎกติกามากนกั มจี ุดมุ่งหมายเพ่อื ความสนุกสนาน และช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกายได้ตามสมควร เกมบางประเภทสามารถนามาใชก้ บัผ้ใู หญไ่ ดอ้ ย่างสนุกสนาน 2. กิจกรรมกีฬา (Sport) เป็นกจิ กรรมใหญ่ที่นยิ มเล่นกนั อยา่ งแพรห่ ลาย กจิ กรรมกีฬา แบง่ ออกเป็นประเภทใหญ่ได้ 2 ประเภทได้แก่ 2.1 กฬี าในรม่ (Indoor Sport) ได้แกป่ ระเภทกีฬาที่ไมเ่ น้นการเคลือ่ นไหวร่างกายอย่างหนกั แตจ่ ะเน้นเร่อื งความสนุกสนาน และมกั จะนยิ มเลน่ ภายในอาคารหรือโรงยิม เชน่ เทเบิลเทนนิส ยิมนาสติก ฯลฯ 2.2 กฬี ากลางแจง้ (Outdoor Sport) ไดแ้ กป่ ระเภทกฬี าที่มีการเคลื่อนไหวรา่ งกายท่หี นักและมกั จะเล่นภายนอกอาคาร เช่น ฟุตบอล ขมี่ ้า พายเรือ วิ่ง ฯลฯ 3. กิจกรรมเขา้ จงั หวะ (Rhythmic Activity) ไดแ้ ก่ กิจกรรมการเคล่ือนไหวร่างกายโดยใช้เสียงเพลงหรอื ดนตรีเป็นส่วนประกอบ 4. กจิ กรรมทดสอบสมรรถภาพทางกาย (Body Conditioning) เปน็ กิจกรรมท่ีกระทาเพือ่ รักษาหรือเสรมิ สรา้ งร่างกายให้แขง็ แรง เชน่ การดงึ ขอ้ ดันพื้น ลกุ -นง่ั ฯลฯ 5. กิจกรรมนอกเมอื ง (Outdoor Activity) เปน็ กิจกรรมท่ีสง่ เสรมิ การเคลื่อนไหวรา่ งกายโดยไปกระทาตามภมู ิประเทศที่น่าสนใจ เช่น การปีนเขา เดินทางไกล ทัศนาจร ค่ายพักแรม ฯลฯ 6. กิจกรรมแกไ้ ขความพิการ (Adaptive Activity) เป็นกจิ กรรมการเคลอ่ื นไหวรา่ งกายโดยมีจุดประสงค์เพื่อรักษาความพิการทางรา่ งกาย

รปู ที่ 1-2 กิจกรรมกีฬากลางแจ้งและกีฬาในร่ม ทีม่ า: http://westlane.dsbn.org/departments/physical-education ข้อจากดั ในการทากจิ กรรม (Activity limitation) หมายถงึ ความยากลาบากในการกระทากจิ กรรมของแตล่ ะบคุ คล เมอ่ื เปรียบเทยี บกบั บคุ คลท่วั ไปทีม่ สี ขุ ภาพปกตใิ นวัยเดยี วกนั ควรจะทาได้ อาจมคี วาม ยากลาบากไดต้ ้ังแตร่ ะดบั เลก็ นอ้ ยจนถึงระดบั มากดังนน้ั ข้อจากัดในการทากิจกรรม จะพิจารณาที่ \"ความสามารถ\" ของบคุ คลโดยรวมว่าสามารถทากิจกรรมหนึ่งๆจน เสรจ็ สิ้นไดห้ รอื ไม่ ถา้ ไดจ้ ะต้องทาด้วยความลาบากหรือไมโ่ ดยไมส่ นใจว่าบคุ คลนัน้ มี ความบกพรอ่ งอะไรบา้ ง3. การเลือกกิจกรรมพลศึกษาเพือ่ สขุ ภาพ กิจกรรมพลศึกษา ทกุ ชนิดให้ผลต่อสขุ ภาพแตกต่างกัน และแมจ้ ะเป็นกิจกรรมพลศึกษา ชนดิ เดยี วกนัวธิ เี ลน่ ความชานาญของผเู้ ล่น ความหนกั - นาน - บอ่ ยของการเลน่ ก็ยงั ทาให้ผลต่อสุขภาพผดิ แผกไปไดม้ าก ยิ่งเป็นกจิ กรรมพลศึกษาท่ีแข่งขันกนั ด้วยแล้ว ระดับและความสาคญั ของการแข่งขนั คแู่ ขง่ ขนั ตลอดจนภาวะแวดล้อมของการแข่งขัน จะเข้ามาเป็นตวั แปรเพ่ิม จนบางครงั้ ทาใหเ้ กดิ ผลเสียตอ่ สขุ ภาพแทนทีจ่ ะเป็นผลดี คาว่า \" กจิ กรรมพลศึกษาเพ่ือสุขภาพ \" หมายถงึ การเลน่ กิจกรรมพลศึกษาและการออกกาลงั กายทีม่ ีจุดประสงค์แนน่ อนในการพฒั นาสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ ซ่งึ อาจหมายถงึ การดารงรกั ษาสุขภาพท่ีดอี ยู่แล้วมิใหล้ ดถอยลง ปรับปรงุ สขุ ภาพท่ีทรุดโทรมให้ดีข้ึน ป้องปนั โรคท่เี กี่ยวเน่ืองกับการขาดออกกาลังกาย ตลอดจนชว่ ยแก้ไขหรือฟ้ืนฟูสภาพร่างกายจากโรคบางอย่าง กจิ กรรมพลศึกษาเพื่อสุขภาพจึงมีลักษณะทแ่ี ตกตา่ งจากกจิ กรรมพลศึกษาแขง่ ขันอยู่มาก เพราะมิไดเ้ ก่ยี วข้องกบั ชยั ชนะ หรอื ช่ือเสียงเชน่ กจิ กรรมพลศึกษาแขง่ ขนั ลกั ษณะของกจิ กรรมพลศกึ ษาเพือ่ สขุ ภาพ อาจกล่าวไดว้ ่ากิจกรรมพลศึกษาทุกชนิดที่ใชแ้ ขง่ ขัน เกมส์ หรอื การละเล่นท่ีใช้แรงกาย การบริหารร่างกายและการออกกาลงั กายรูปแบบตา่ ง ๆ และแมแ้ ต่การปฏิบตั งิ านหนกั หรอื งานอดเิ รกทีใ่ ชแ้ รงกายสามารถนามาใช้หรือดัดแปลงใหเ้ ป็นกจิ กรรมพลศึกษาเพื่อสขุ ภาพได้ท้ังน้นั แตท่ งั้ นจ้ี ะต้องจัดให้เข้ากบั ลักษณะของกิจกรรมพลศึกษาเพื่อสุขภาพ ดังต่อไปนี้

1. ลักษณะบังคับ : 1.1 เหมาะสมกับสภาพร่างกาย 1.2 สามารถควบคุมความหนักเบาได้ดว้ ยตัวเอง 1.3 มกี ารฝกึ ความอดทนของระบบการหายใจและระบบการไหลเวียนเลอื ดอยดู่ ว้ ย 1.4 สามารถปฏบิ ัตเิ ป็นประจาสมา่ เสมอได้ 2. ลกั ษณะประกอบ : 2.1 มีความเส่ยี งต่ออุบตั ิเหตนุ ้อย หรอื ไม่มี 2.2 ปฏิบัติงา่ ย ไม่มีกฎกติกาหรอื เทคนิคที่ยงุ่ ยาก 2.3 มีความสนกุ สนานเพลดิ เพลนิ ไมเ่ คร่งเครยี ด 2.4 ไมส่ ิ้นเปลอื งมาก การเลอื กกจิ กรรมพลศกึ ษาเพือ่ สุขภาพ เป็นการเลือกชนิดของกิจกรรมการใช้แรงกายให้ได้ประโยชน์แก่สขุ ภาพอย่างมากที่สดุ โดยไม่จากัดวา่ จะมีจุดประสงค์เพียงอย่างเดียวหรือ หลายอย่างประกอบกัน ในทางปฏิบัติมักเป็นการยากท่ีจะเลือกกิจกรรมใดกิจกรรมหน่ึงให้ได้ \" ลักษณะของกิจกรรมพลศึกษาเพ่ือสุขภาพ \" ครบทุกข้อ แต่ก็ไม่มีข้อห้ามใดที่ผู้ปฏิบัติจะเลือกกจิ กรรมหลายอยา่ ง มาประกอบกนั เพื่อเป็นกจิ กรรมพลศกึ ษาเพ่ือสขุ ภาพของตน4. การประยุกต์ใช้หลกั การและกระบวนการของพลศึกษา การประยุกต์ใช้หลักการและกระบวนการทางพลศึกษามาใช้ในการพฒั นาสุขภาพนนั้ ต้องเขา้ ใจและร้ถู งึ คุณคา่ ของการออกกาลังกาย โดยตอ้ งเขา้ ใจวา่ การออกกาลงั กายมีความจาเปน็ ต่อชีวติ และมีมาตงั้ แตใ่ นยุคดึกดาบรรพ์ มนุษยอ์ อกหาอาหาร ลา่ สัตว์ ทาการเกษตรเอง จึงมกี ารใชก้ าลังกล้ามเน้ือ มกี ารเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา แตใ่ นยุคปจั จบุ ันเราเป็นมนษุ ย์สงั คม มีการแบ่งหนา้ ที่กัน ทาสิง่ ต่างๆ กิจกรรมในชวี ิตประจาวันจึงคอ่ นข้างจากัด เม่ือไม่มีการใช้งานกลา้ มเนื้อตา่ งๆ ข้อต่อ การเคลอื่ นไหวจึงไมส่ ามารถคงประสทิ ธิภาพไวไ้ ด้มนุษย์จึงควรออกกาลงั กายเพื่อให้รา่ งกายได้ทางานสอดรับกบั สภาพการพัฒนาการของร่างกาย รศ. นพ. พงศ์ศักดิ์ ยุกตนนั ท์ แหง่ ภาควชิ าออรโ์ ธปดิ กิ ส์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวถงึ การประยุกต์ใช้กระบวนการทางพลศึกษาในการออกกาลังกายเพ่ือพัฒนาสขุ ภาพนั้น มีหลักการงา่ ยๆซึ่งเรยี กวา่F.I.T.T โดยมแี นวคดิ ดงั นี้ 1. F ตวั แรกยอ่ มาจากคาวา่ “Frequency” หมายถึง ความถใ่ี นการออกกาลังกาย ต้องออกกาลงั กายอย่างน้อย 3 - 5 คร้ัง/สัปดาห์ 2. I ยอ่ มาจากคาวา่ “Intensity” หมายถึง ความหนักในการออกกาลังกายให้หัวใจเตน้ อย่างน้อย60% ของการเต้นของหัวใจสงู สดุ โดยคานวนจาก 220 - อายุ เช่น อายุ 70 ปี หวั ใจเต้นสูงสุดไม่ควรเกนิ 150ครงั้ /นาที 80% เท่ากับ 120 ครงั้ /นาที แตใ่ นผ้สู ูงอายุอาจออกกาลงั กายเพยี ง 65 - 70% กเ็ พียงพอ 3. T ตัวแรกยอ่ มาจากคาวา่ “Time” หมายถึง เวลาในการออกกาลงั กาย ควรออกกาลังกายตอ่ เน่ืองอยา่ งน้อย 20 - 30 นาที ควรเลือกเวลาการออกกาลังกายที่เหมาะสม เช่น การออกกาลังกายในที่ทม่ี แี ดดอ่อนๆอากาศถ่ายเทดี 4. T ตัวท่ีสองย่อมาจากคาว่า “Type” หมายถึง ชนิดของการออกกาลังกายควรมี การผสมผสานการออกกาลังกาย ให้มีการออกกาลังกายอย่างต่อเน่ือง แบบ Aerobic exercise ซ่ึงประกอบไปด้วยการเดินเร็ว วิ่ง ว่ายน้า ป่ันจักรยาน หรือเต้นแอโรบิค ฯลฯ ควรมีการทาการยืดเหยียดส่วนต่างๆของร่างกายStretching exercise ควรมีการฝึกกล้ามเน้ือเฉพาะที่ Muscle training ฝึกการทรงตัวและความคล่องแคล่วด้วย

หลกั งา่ ยๆจากการประยุกตใ์ ช้กระบวนการทางพลศึกษาในการออกกาลังกายจะทาให้การออกกาลงักาย เป็นไปอย่างเหมาะสม สุขภาพรา่ งกายแขง็ แรงและมคี วามฟิตพร้อมทจี่ ะใชช้ ีวิตอย่ใู นสังคมไดอ้ ย่างปกตสิ ุขสขุ ภาพรา่ งกายแข็งแรง จึง หมายถงึ ผลดังนี้ 1. มกี าลงั กล้ามเนื้อที่ดีแขง็ แรง มีประสิทธภิ าพในการหยบิ จับ ยกส่งิ ต่างๆได้ตามสภาพรา่ งกาย 2. มีสมรรถภาพการทางานของระบบหัวใจ หลอดเลือดและปอดดี 3. มคี วามยดื หยุน่ ดี ทาใหร้ ะบบขอ้ ต่างๆ รวมท้งั กระดูกสันหลงั เคลอ่ื นไหวได้ดี 4. มคี วามคงทน สามารถทากิจกรรมท่ีต้องใชก้ าลงั ได้อย่างตอ่ เนือ่ ง 5. มีความความคล่องแคล่ว สามารถเคล่ือนไหวร่างกายได้อย่างรวดเรว็ ในทิศทางตา่ งๆ 6. มกี าลังการใช้พลังงานไดม้ ากเป็นพิเศษ สามารถใชก้ าลงั กลา้ มเน้ือได้เป็นอย่างดี การประยุกตก์ ารออกกาลังกายให้เหมาะสมกบั วยั วยั เด็กถงึ วัยรนุ่ เป็นวัยท่ีกาลังเจริญเติบโต การออกกาลังกายเป็นการกระตุ้นให้มีการหล่ังฮอร์โมนต่างๆออกมาโดยเฉพาะ Growth hormone ทาให้ร่างกายเจริญเติบโต มีสัดส่วนท่ีสูง และมีการพัฒนาการสร้างกล้ามเน้ือการออกกาลังกายในวัยนี้ควรฝึกทักษะในการเล่นกีฬาหลายๆ ชนิดไปพร้อมกันด้วย อย่างไรก็ตามในวัยเด็กถึงวัยรุ่นต้องการการพักผ่อนให้เพียงพอ เพ่ือให้ร่างกายเสริมสร้างกล้ามเนื้อและเจริญเติบโตซึ่งเกิดข้ึนในขณะนอนหลับ แตไ่ ม่ควรออกกาลงั กายด้วยการยกน้าหนกั มากๆ เพราะอาจสง่ ผลร้ายต่อเย่ือเจริญของกระดูก วัยผ้ใู หญ่ สามารถออกกาลังกายได้เตม็ รปู แบบ ควรมกี ารออกกาลังกายใหร้ า่ งกายฟติ พรอ้ มหรืออาจมีการเลน่ กีฬาเพอ่ื ให้เกดิ ความสนกุ สนานรว่ มด้วย บางท่านเป็นนกั กีฬาท่ีมีความมุ่งหวงั จะทาลายสถิติตา่ งๆ เชน่ ว่ิงมาราธอนไต่เขา เล่นฟุตบอล เล่นเทนนิส การเลน่ กีฬาตา่ งๆ นักกีฬาต้องมีรา่ งกายที่พร้อมและฝึกเทคนคิ ที่ไม่ทาให้บาดเจ็บนักกฬี าที่เล่นกีฬามากๆอาจมีภาวะข้อเส่ือมเม่ือถึงวัยกลางคนดงั นั้นจงึ ควรออกกาลังกายและเล่นกีฬาใหม้ ีการผสมผสานกันอย่างเหมาะสมและหลากหลาย วยั สูงอายุ การออกกาลงั กายจาเป็นสาหรบั การมีสขุ ภาพดี การมีสมรรถภาพทางกายท่ีดแี ละความสามารถในการทรงตัวที่ดีไม่ลม้ ง่าย ผ้สู ูงอายุควรเลือกการออกกาลงั กายง่ายๆ เช่น การเดิน การราไท้เกก็ การเต้นรา การเดนิในน้า หรือการวา่ ยนา้ นอกจากนค้ี วรเลอื กสถานท่ีออกกาลงั กายท่ีเหมาะสมไม่เสีย่ งต่อการล้ม Growth Hormone โดยทวั่ ไปเรยี กย่อว่า GH ก็ได้ Growth Hormone เปน็ ฮอรโ์ มนหลกั (Master Hormone) ท่ถี ูกปล่อยออกมา จากต่อมไรท้ ่อที่อยู่ใตส้ มองสว่ นหนา้ หรือท่เี รียกวา่ Pituitary Gland ฮอร์โมนน้มี บี ทบาททีส่ าคญั ต่อการเจริญเติบโต การเพ่ิมความสงู และ ควบคุมการทางานของอวยั วะตา่ งๆ ของรา่ งกายคนเรา

5. ความหมายของสขุ ศึกษาประเทศไทยได้พฒั นางานด้านสขุ ภาพอนามัยมาโดยตลอด บทบาทของงานสุขศกึ ษาได้มีความชดั เจน และให้ความสาคัญและได้บรรจลุ งในแผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ ฉบับที่ 3เปน็ ต้นมาจนถงึ ปจั จุบนั ในอดีตงานสขุ ศึกษาไดเ้ รม่ิ ขน้ึ ตัง้ แต่สมยั พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้เจา้ อยู่หัว ทท่ี รงโปรดตั้งกรมพยาบาลข้ึน เมือ่ ปี พ.ศ. 2431 งานสขุ ศึกษาได้เขา้ มามีบทบาทสาคัญในการแกป้ ญั หาของชาติ และไดพ้ ัฒนาความเป็นอยู่ของพสกนิกรเรื่อยมา โดยผนวกเขา้ ไปกับงานของกระทรวงมหาดไทยในยุคกอ่ นท่ีจะมีการเปล่ียนแปลงระบอบประชาธปิ ไตยต่อมาหน่วยงานสาธารณสขุ ภาครัฐได้เห็นความสาคัญและนางานสุขศึกษามาเป็นองค์ประกอบสาคัญและเป็นเครื่องมือในการดาเนินงานสาธารณสุขมลู ฐาน ผสมผสานไปกบั การแก้ไขปัญหาความยากจน ความด้อยโอกาสการมสี ขุ ภาพแข็งแรง (Health) ยอ่ มเป็นผลรวมของความสมบรู ณข์ องรา่ งกาย (Physicalhealth) จิตใจ (Mental health) สังคม (Social health) และจิตวิญญาณ (Spiritual health) โดยความหมายของการมสี ุขภาพแบบองค์รวม (Holistic) สุขภาพเป็นของทุกคน เป็นสิทธิข้ันพ้นื ฐานที่รัฐต้องร่วมกับประชาชนในการดูแลสุภาพของตนเอง ท้ังในเรื่องส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การรักษาพยาบาลและการฟนื้ ฟสู ขุ ภาพ รปู ที่ 1-3 สขุ ศึกษาเปน็ วชิ าที่วา่ ดว้ ยสุขอนามัยรอบด้าน ท่มี า: http://healthvermont.gov/local/school/SchoolHealth-SHI.aspx คาวา่ “สขุ ศึกษา” ไดม้ นี ักวชิ าการให้นยิ ามคาน้ไี ว้ในลักษณะใกลเ้ คยี งกันและแตกต่างกนั ในขอบข่ายของรายละเอียด ดังน้ี องค์การอนามยั โลก (WHO อา้ งถงึ ใน ยวุ ดี รอดจากภัย, 2547) ไดใ้ หค้ วามหมาย คาวา่ “สขุศึกษา” คอื การจัดประสบการณ์ทัง้ ปวงของบุคคล กลุม่ คน หรอื ชุมชนที่มอี ิทธิพลต่อความเชอ่ื ทัศนคติ และการปฏิบตั ิตัวในเร่ืองสขุ ภาพอนามัย หมายรวมทัง้ กระบวนการ และความพยายามต่างๆ ในอันทจี่ ะสง่ ผลตอ่ การเปลี่ยนแปลงที่จาเปน็ สาหรบั การให้ได้มาซงึ่ ภาวะสุขภาพอนามัยอันพงึ ประสงค์ สมจติ ต์ สพุ รรณทัศน์, ( 2548, 121) กลา่ ววา่ สุขศกึ ษา คอื กระบวนการจัดประสบการณ์ การเรียนรู้ใหก้ บั บคุ คลเพ่ือให้เกิดการเปลย่ี นแปลงพฤติกรรมสขุ ภาพไปในทางที่ถูกต้อง เฉลิมพล ตันสกุล (2546: 4) ใหค้ วามหมาย คาวา่ สขุ ศึกษา (Health Education) วา่ หมายถึง การจดักจิ กรรมตามกระบวนการทางการศึกษาเพ่ือชว่ ยใหป้ ระชาชนเกิดการเรยี นรู้ และปฏิบัตติ ัวได้ถกู ต้องตามหลกัสขุ ภาพ เช่น การจดั ใหป้ ระชาชนไดพ้ บแพทย์ พยาบาลหรือเจา้ หนา้ ทสี่ าธารณสุข เพ่ือรับฟังคาแนะนาในเรื่องการปฏิบัตติ ัว ท่ถี กู ต้อง

จันทร์วิภา ดิลกสมั พันธ์ (2545:1) ใหค้ วามหมายของ สขุ ศกึ ษา ว่าหมายถงึ กระบวนการเปลีย่ นแปลงพฤติกรรมสขุ ภาพท้ังดา้ นความรู้ ทัศนคติ และการปฏิบัติของบุคคลในทางทถี่ ูกต้อง ซ่งึ การเปล่ยี นแปลงนเี้ ป็นผลมาจากประสบการณ์ สรุป ไดว้ ่า สุขศึกษา หมายถงึ กระบวนการจดั กิจกรรมทเ่ี อ้ือให้เกิดโอกาสในการรบั รู้ ข้อมูลขา่ วสาร เพื่อกอ่ ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความรู้ ทศั นคติ และการปฏิบตั ิของบุคคลให้มีสขุ ภาพอนามยั ท่ถี ูกต้อง6. กระบวนการสุขศึกษา กระบวนการสขุ ศกึ ษา เป็นการจัดประสบการณ์การเรยี นรู้เพ่อื ก่อให้เกิดการพฒั นาพฤติกรรมของบุคคลครอบครวั และชมุ ชนไปในทางท่ีถกู ต้อง นติ ยา เพ็ญศริ นิ ภา (2544) กลา่ วว่า การดาเนินงานสุขศึกษาเปน็ กระบวนการที่มขี ั้นตอนและสอดคล้องต่อเน่อื ง ตอ้ งอาศัยแนวคิดทฤษฏมี าใชใ้ นขั้นตอนต่างๆซง่ึ ประกอบด้วย 4 ขนั้ ตอนสาคญั คือ การหาความจาเปน็ในการพัฒนาพฤตกิ รรมสุขภาพ การวางแผนพัฒนาพฤตกิ รรมสุขภาพ การดาเนนิ การพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพและการประเมนิ ผลการพฒั นาพฤติกรรมสุขภาพ 1. การหาความจาเป็นในการพัฒนาพฤตกิ รรมสุขภาพ เปน็ ข้นั ตอนแรกของกระบวนการ สุขศกึ ษาโดยมงุ่ ตอบสนองความจาเปน็ ของบุคคล ครอบครวั ชุมชน เพือ่ การมีสุขภาพอย่างแทจ้ ริง ความจาเปน็ ตอ้ งมีการพัฒนาพฤตกิ รรมมี 2 ลักษณะ คอื ลักษณะแรก เป็นปญั หาทีจ่ าเป็นต้องมีการพัฒนาให้ดขี ึ้นเพื่อแก้ไขปัญหานนั้ ๆ เชน่ การท่ีบุคคลมพี ฤติกรรมการสูบบุหรี่ ซ่ึงเปน็ ปญั หาต้นเหตุของการเจ็บปว่ ยด้วยโรคตา่ งๆ ลกั ษณะทสี่ อง เป็นความจาเป็นในลักษณะของความต้องการพัฒนาสภาวะความเปน็ อยใู่ หด้ ีข้ึนกวา่ เดมิ เชน่ การพัฒนาสว่ นสงู ของเยาวชนไทยใหเ้ พิม่ ขนึ้ มากกวา่ เดิม จงึ จาเป็นต้องวมีการพัฒนาพฤติกรรมการออกกาลังกาย และพฤติกรรมการรับประทานอาหาร 2. การวางแผนพัฒนาพฤติกรรม พฤติกรรมสขุ ภาพทง้ั ในระดับบคุ คล ครอบครวั และชุมชน มีสาเหตุจากหลายปัจจยั พฤติกรรมบางอย่างเกิดขึ้นเพียวชวั่ คราว แต่บางพฤติกรรมเกิดอยา่ งต่อเนอ่ื ง พฤติกรรมเดียวกนัอาจเกิดจากปจั จยั สาเหตุท่ีแตกตา่ งกนั การวางแผนพฒั นาพฤติกรรมสุขภาพจึงจาเป็นต้องคานึงถึงปจั จัยและเง่ือนไขตา่ งๆ ในการวางแผนพฒั นาพฤตกิ รรม 3. การดาเนนิ งานพฒั นาพฤติกรรม เม่อื มกี ารวางแผนพัฒนาพฤติกรรมแล้วข้นั ตอนสาคญั ทีจ่ ะทาให้ปญั หาพฤติกรรมได้รบั การแก้ไข คือ การดาเนนิ งานพัฒนาพฤติกรรมตามแผนท่ีวางไว้ 4. การประเมินผลการพัฒนาพฤติกรรม เมอื่ มกี ารวเิ คราะห์พบความจาเป็นในการดาเนินงานสุขศึกษา มกี ารวางแผนพฒั นาพฤตกิ รรม และมีการดาเนนิ งานพัฒนาพฤติกรรมตามแผนทวี่ างไวแ้ ล้ว จาเปน็ ตอ้ งมีการประเมินผล ในทนี่ ้จี ะกลา่ วถงึ ประโยชนแ์ ละแนวทางการประเมินผลการพฒั นาพฤติกรรม

รปู ท่ี 1-4 การพฒั นาพฤตกิ รรม สุขภาพบุคคล ครอบครวั และชุมชน เปน็ กระบวนการสุขศึกษา ทีม่ า: http://nextbillion.net/blogpost.aspx?blogid=35737. แนวทางในการวางแผนพัฒนาสุขภาพของตนเองและครอบครัว การพัฒนาสุขภาพของประชาชน มีแนวคิด 3 ประการ คอื 1. การพัฒนาสุขภาพตนเอง 2. การพฒั นาสขุ ภาพของคนในครอบคัว 3. การพัฒนาสขุ ภาพในชุมชน การวางแผนพัฒนาสุขภาพในภาพรวมท้งั 3 แนวคิดจะเป็นไปในลักษณะทีต่ ้องมีความสมั พนั ธเ์ กย่ี วข้องกนั เพราะถ้าสุขภาพส่วนบุคคลไมด่ ีแลว้ จะส่งผมกระทบตอ่ สขุ ภาพของบคุ คลในครอบครัว และเนือ่ งจากครอบครัวเปน็ สว่ นหน่ึงของชุมชน ถา้ ในครอบครัวหลายๆครอบครัวไม่เข้มแขง็ ออ่ นแอด้านสุขภาพ กจ็ ะทาให้ภาพรวมของสงั คมอ่อนแอไปด้วย ดังนนั้ การพัฒนาดา้ นสุขภาพจงึ รวมกนั เป็นห่วงโซ่ท่ีต้องพฒั นาเปน็ องค์รวมเชื่อมโยงกันไป การพัฒนาสขุ ภาพสว่ นบคุ คลหรอื ของตนเองจะเป็นการพัฒนาเฉพาะดา้ น เฉพาะบคุ คล ซ่ึงมลี กั ษณะแตกต่างกนั ไปตามวยั โดยเฉพาะการพัฒนาและดูแลอาใจใส่เลยี้ งดูจากพ่อแม่ จะเป็นรากฐานท่ีดตี ่อชีวติ ต่อไปเช่น การไดร้ บั ภมู ิคุ้มกันโรคอย่างครบถว้ นเป็นระยะ การสรา้ งเสรมิ ความแข็งแรงของร่างกายโดยไดร้ ับการกระตนุ้ การรบั วคั ซนี ปอ้ งกันโรคหรอื วคั ซนี ทจ่ี าเปน็ เฉพาะโรค เช่น วคั ซนี ป้องกนั มะเรง็ ปากมดลกู วคั ซนี ป้องกันหัดเยอรมนั เม่ือได้รบั การพัฒนาสขุ ภาพด้านรา่ งายมาอยา่ งดี พร้อมกบั ไดร้ ับการเลีย้ งดเู อาใจใส่ ไดร้ บั ความรักความอบอ่นุ ทางจิตใจอย่างเพียงพอ จะทาให้บุคคลนัน้ สุขภาพจติ ดีไปด้วย การพฒั นาสขุ ภาพในวัยผู้ใหญ่ สว่ นมากจะเปน็ ไปในลกั ษณะการดูแลตนเอง เพราะผู้ใหญจ่ ะร้คู วามผดิปกตทิ ี่เกิดขน้ึ กับตนเอง บอกอาการทีผ่ ิดปกติที่เกดิ ขนึ้ กับตนเองได้ สขุ ภาพท่ีไมด่ ีในวัยผใู้ หญน่ ้นั มักเกิดจากพฤติกรรมของตนเองเป็นส่วนมาก เช่น พฤติกรรมการรบั ประทานอาหารไมต่ รงเวลา ไม่รบั ประทานอาหารบางม้ือ เลือกรับประทานอาหารเฉพาะสิง่ ท่ีชอบ หรือไมร่ ับประทานอาหารแต่รับประทานอาหารเสริม หรืออาหารสาเร็จรปู ทีเ่ ปน็ แคปซลู แทนเพื่อนรักษารูปร่าง ซงึ่ เป็นความเขา้ ใจท่ีไม่ถูกต้อง ก่อใหเ้ กิดปัญหาสุขภาพเรื้อรัง การดูแลสุขภาพในวยั ชราหรอื ผู้สงู อายุ ในวยั นกี้ ารทางานของอวัยวะต่างๆในร่างกายเสื่อมโทรมลงแต่ถา้การดูแลสุขภาพดีในวัยเดก็ และวยั ผูใ้ หญ่ การเสื่อมโทรมของอวัยวะในร่างกายกจ็ ะเปลย่ี นแปลงไปอย่างช้าๆและไมค่ ่อยเจบ็ ป่วย อย่างไรก็ตามการเสือ่ มโทรมของรา่ งกายและสมองย่อมเปน็ ไปตามวัย การดแู ลสุขภาพขอองบคุ คลในชว่ งน้ีจงึ ต้องไดร้ ับความช่วยเหลือดูแลจากคนในครอบครัว การพัฒนาสขุ ภาพของบุคคลในครอบครัว ต้องมาจากพืน้ ฐานการดแู ลสขุ ภาพทดี่ ตี ั้งแตว่ ยั เด็ก วยั ผ้ใู หญ่และวยั ชราต่อเน่ืองกัน จะส่งผลตอ่ การพฒั นาสุขภาพในชมุ ชน

8. ความหมายของนันทนาการ นนั ทนาการ เปน็ คามาจากคาเดมิ ว่า \"สนั ทนาการ\" ซ่งึ พระยาอนุมานราชธน หรือเสถยี รโกเศศไดบ้ ัญญัติไว้เมื่อปี พ.ศ.2507 และตรงกับศพั ทภ์ าษาอังกฤษว่า \"Recreation\" มีนกั วิชาการได้ให้ความหมายของนันทนาการไวห้ ลากหลาย ซ่ึงสามารถสรปุ ไดด้ งั นี้ นันทนาการ หมายถึง การทาให้ชวี ติ สดชนื่ โดยการเสรมิ สรา้ งพลังงานขึ้นใหม่ หลังจากที่ร่างกายใช้พลังงานแลว้ เกดิ เป็นความเหนือ่ ยเมื่อยลา้ ทางร่างกาย จิตใจและทางสมอง เมื่อบุคคลเข้าร่วมกจิ กรรมนันทนาการจะช่วยขจัด หรอื ผอ่ นคลายความเหนื่อยเม่ือยล้าทางดา้ นร่างกายและจิตใจ ในความหมายนี้นนั ทนาการจึงเปน็ การตอบสนองความต้องการทางกายและจติ ใจของบุคคลได้อยา่ งแทจ้ รงิ นันทนาการ หมายถึง กิจกรรม (Activities) ต่างๆ ท่ีบุคคลเข้าร่วมในช่วงเวลาว่าง โดยไม่มีการบังคับหรือเข้าร่วมด้วยความสมัครใจ มีผลก่อให้เกิดการพัฒนาอารมณ์สุข สนุกสนานหรือความสุขสงบ และกิจกรรมนั้นๆ จะต้องเป็นกิจกรรมท่ีสังคมยอมรับ ซึ่งเป็นกิจกรรมท่ีมีความหลากหลาย เช่น กิจกรรมศิลปหัตกรรม การอ่าน-เขียน กิจกรรมอาสาสมัคร ศิลปวฒั นธรรม งานอดิเรก เกม กฬี า การละคร ดนตรี กิจกรรมเข้าจังหวะ และนันทนาการกลางแจง้ นอกเมือง นันทนาการ หมายถึง กระบวนการ (Process) หรือประสบการณ์ที่บุคคลได้รับโดยอาศัยกิจกรรมนันทนาการในช่วงเวลาว่างเป็นสื่อ ก่อให้เกิดการพัฒนาหรือความเจริญงอกงามทางกาย อารมณ์ สังคม และสติปญั ญาของบคุ คล นันทนาการ หมายถึง สถาบันทางสังคมหรือแหล่งศูนย์กลางของสังคม เพ่ือให้บุคคล หรือสมาชิกเข้าร่วมกิจกรรมนันทนาการแล้วก่อให้เกิดความเจริญงอกงามทางร่างกายและพัฒนาทางด้านอารมณ์ จิตใจ และสังคม ซึ่งโดยปกติรัฐมีหน้าท่ีจัดแหล่งนันทนาการในรูปแบบต่างๆ เช่น สวนสาธารณะในเมือง สวนหย่อม ศูนย์เยาวชน ห้องสมุดสาหรับประชาชน ดนตรีสาหรับประชาชน วนอุทยาน และอทุ ยานแห่งชาติ รปู ท่ี 1-5 นนั ทนาการเปน็ กิจกรรมทใี่ ช้เวลาวา่ งเข้ารว่ มด้วยความสมคั รใจ โดยไม่ขัดต่อกฎหมาย ท่ีมา: http://westlane.dsbn.org/departments/physical-education สรุปได้วา่ นันทนาการ (Recreation) หมายถึง กจิ กรรมที่คนเราใช้เวลาว่างจากภารกิจงานประจาโดยเขา้ รว่ มดว้ ยความสมคั รใจ และกจิ กรรมทท่ี าตอ้ งไม่ขัดต่อขนบธรรมเนยี ม ประเพณี วฒั นธรรม และกฎหมายบ้านเมอื ง เพอ่ื ก่อให้เกดิ การพัฒนาหรือความเจรญิ งอกงามทางกาย อารมณ์ สงั คม และสตปิ ญั ญา9. หลักในการเลือกกจิ กรรมนันทนาการ เนื่องจากกิจกรรมนันทนาการมีอยมู่ ากมายหลายอย่างและมีประโยชน์แก่บุคคลแตกต่างกันออกไป จงึควรมหี ลกั เกณฑ์ในการพิจารณาดงั ต่อไปนี้

1. สขุ ภาพของรา่ งกาย ควรเลือกกิจกรรมท่ีเหมาะสมกบั อายุ เพศ ขนาดของรปู ร่าง ตลอดจนความพรอ้ มของร่างกายและจิตใจ ส่วนกจิ กรรมที่เกินกาลงั หรือเกินความสามารถควรหลกี เลี่ยงเพราะจะกลบั กลายเปน็อนั ตรายต่อสุขภาพ เช่น ผปู้ ่วยทเี่ ปน็ โรคหวั ใจ เบาหวาน และผสู้ ูงอายุ ก็ไม่ควรเล่นกีฬาหนกั หรอื โลดโผน ต่นื เตน้น่าหวาดเสียว เป็นตน้ 2. ความสนใจ ความสามารถ และความถนัดส่วนบคุ คล ควรเลือกกจิ กรรมที่ตนถนัด สนใจ และมีความสามารถ จะทาใหป้ ระสบความสาเร็จไดเ้ ป็นอย่างดีและมีความสุข สนกุ สนาน เพลิดเพลินกบั กิจกรรมน้นั ๆ 3. ความเหมาะกับงานท่ที าอยู่ แตล่ ะคนจะมภี ารกิจในการงานของตนแตกตา่ งกนั ออกไปบางคนมีเวลาวา่ งมาก บางคนมเี วลาว่างน้อย บางคนต้องทางานใช้แรงและกาลงั มาก บางคนทางานใชส้ มองมากแต่ไมเ่ หนื่อย ดงั น้ัน จงึ ต้องเลอื กกจิ กรรมนนั ทนาการใหเ้ หมาะสมในแตล่ ะคนไป เชน่ การทางานใช้แรงมากต้องเลือกกจิ กรรมเบา ๆ อาทิ ฟังเพลง ดโู ทรทัศน์ อ่านหนงั สอื ส่วนคนท่ใี ช้สมองมากกค็ วรเล่นกีฬาทีใ่ ช้กาลัง เชน่ แบดมนิ ตัน ตะกร้อ เปน็ ต้น 4. สถานที่ ความสะดวก และความปลอดภยั กิจกรรมบางอยา่ งจาเปน็ ต้องมีอปุ กรณ์ เครื่องมือ หรือสถานทเี่ ขา้ มาเก่ยี วข้อง การเลอื กกจิ กรรมจงึ ต้องพิจารณาถงึ ความพร้อมของอุปกรณ์และสถานทีด่ ้วย เช่น บางคนสนใจว่ายนา้ แตไ่ มม่ สี ระ บางคนสนใจฟตุ บอลแต่ไม่มสี นาม เปน็ ตน้ 5. ฐานะทางเศรษฐกิจ มีกจิ กรรมหลายประเภทท่จี าเปน็ ตอ้ งใชเ้ งินจานวนมากและสิ้นเปลืองคา่ ใช้จ่ายสงู เช่น การเล่นกอลฟ์ การสะสมวตั ถโุ บราณ สะสมรถเก่า เลน่ กล้องถ่ายรูปเป็นตน้ กิจกรรมประเภทนจ้ี ึงไม่เหมาะสมกบั ผทู้ ีม่ ฐี านะทางเศรษฐกจิ ไม่มัน่ คง กจิ กรรมทป่ี ระหยัดและสามารถให้ประโยชนไ์ ดม้ ากกว่า ได้แก่ การออกกาลงั กาย การเลน่ ดนตรี เปน็ ต้น 6. ไมข่ ัดต่อศีลธรรม ประเพณี และวัฒนธรรมของสงั คม ตลอดจนกฎหมายของบา้ นเมืองกิจกรรมบางอย่างอาจเหมาะสมกบั ขนบธรรมเนียมประเพณีในท้องถนิ่ หนง่ึ แตอ่ าจขดั กับประเพณีวฒั นธรรมของอีกท้องถนิ่ หนึ่ง 7. ประโยชนต์ อ่ สงั คม ถา้ มีโอกาสควรเลือกกิจกรรมทน่ี อกจากจะให้ เกิดคุณประโยชนแ์ กต่ นเองแล้ว ยังกอ่ ใหเ้ กดิ ประโยชนแ์ ก่ส่วนรวมและสงั คมด้วย 8. ควรหลกี เลี่ยงกจิ กรรมทจี่ ะทาความรบกวนหรือทาความราคาญใหแ้ กผ่ อู้ ื่น ควรเลือกกิจกรรมท่ีทาให้เกิดความรัก ความพอใจ และความสมคั รสมานสามัคคีกนัสรุป พลศึกษา หมายถึง ศาสตรแ์ ขนงหน่งึ ท่ีอยู่บนรากฐานทางวิทยาศาสตร์ และมีความเก่ยี วข้องกับศาสตร์แขนงอ่ืนๆ อีกหลายแขนงซึง่ พลศึกษาเป็นการศึกษาแขนงหนึ่งทม่ี ีจุดหมายที่จะส่งเสรมิ ผู้เรียนใหม้ ีพัฒนาการ ทางด้านรา่ งกาย จติ ใจ อารมณ์ สังคม และสตปิ ัญญา โดยใช้กจิ กรรมการเคลอ่ื นไหวรา่ งกาย ทไี่ ดเ้ ลือกสรรแลว้ เปน็ สื่อทท่ี าให้เกดิ การเรียนรู้ ขอบข่ายของกจิ กรรมพลศกึ ษา มดี งั น้ี 1. เกม 2. กิจกรรมกฬี า 3. กิจกรรมเขา้ จงั หวะ 4. กจิ กรรมทดสอบสมรรถภาพทางกาย 5. กิจกรรมนอกเมือง และ 6. กจิ กรรมแก้ไขความพกิ าร การเลือกกิจกรรมพลศึกษาเพ่ือสุขภาพ เลือกโดยพิจารณาจาก 1. ลักษณะบังคบั : 1.1 เหมาะสมกับสภาพร่างกาย 1.2 สามารถควบคุมความหนักเบาได้ดว้ ยตัวเอง 1.3 มกี ารฝกึ ความอดทนของระบบการหายใจและระบบการไหลเวียนเลอื ดอยู่ดว้ ย

1.4 สามารถปฏบิ ตั ิเป็นประจาสม่าเสมอได้ 2. ลกั ษณะประกอบ : 2.1 มีความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุน้อย หรือไมม่ ี 2.2 ปฏบิ ัติงา่ ย ไม่มีกฎกติกาหรือเทคนิคท่ยี งุ่ ยาก 2.3 มคี วามสนุกสนานเพลดิ เพลิน ไม่เครง่ เครียด 2.4 ไม่สน้ิ เปลืองมาก สขุ ศึกษา หมายถึง กระบวนการจดั กิจกรรมทเ่ี อ้ือให้เกิดโอกาสในการรับรู้ ขอ้ มูลข่าวสาร เพอ่ื ก่อให้เกิดการเปลยี่ นแปลงความรู้ ทศั นคติ และการปฏิบัติของบุคคลให้มีสุขภาพอนามยั ที่ถูกต้อง การพัฒนาสขุ ภาพของประชาชน มแี นวคิด 3 ประการ คอื 1. การพัฒนาสขุ ภาพตนเอง 2. การพฒั นาสุขภาพขอคนในครอบควั 3. การพฒั นาสขุ ภาพในชุมชน นนั ทนาการ (Recreation) หมายถงึ กิจกรรมท่ีคนเราใชเ้ วลาว่างจากภารกจิ งานประจาโดยเขา้ รว่ มด้วยความสมัครใจ และกิจกรรมท่ีทาตอ้ งไม่ขัดต่อขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม และกฎหมายบ้านเมือง เพ่ือก่อใหเ้ กิดการพฒั นาหรือความเจรญิ งอกงามทางกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา หลักในการเลอื กกจิ กรรมนันทนาการ 1. ควรเลือกกิจกรรมท่เี หมาะสมกับอายุ เพศ ขนาดของรปู รา่ ง 2. ควรเลอื กกิจกรรมท่ีตนถนัด สนใจ และมีความสามารถ 3. เลอื กตามความเหมาะกับงานที่ทาอยู่ 4. การเลือกกิจกรรมจึงต้องพิจารณาถึงความพร้อมของอปุ กรณ์และสถานที่ด้วย 5. เลอื กโดยคานึงถงึ ฐานะทางเศรษฐกจิ 6. ไมข่ ดั ต่อศีลธรรม ประเพณี และวัฒนธรรมของสงั คม 7. ประโยชนต์ อ่ สังคม 8. ควรหลกี เลยี่ งกจิ กรรมทจี่ ะทาความรบกวนหรือทาความราคาญใหแ้ กผ่ ู้อื่นเอกสารอา้ งอิง:ประโยค สุทธสิ ง่า. ทักษะกีฬายอดนิยม = POPULAR SPORTS SKILLS FOR ALL. พิมพ์ครงั้ ที่ 4. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพไ์ ทยวฒั นาพานิช, 2542.พฒั นาบุคลากร, สานักงาน. คมู่ อื การปฏิบตั ิงานของเจา้ หน้าทีก่ ีฬาและนนั ทนาการอาเภอ ตาม โครงการพัฒนากีฬาและนันทนาการมวลชน ครงั้ ท่ี 2 (พฤศจิกายน 2547- สิงหาคมฃ 2548). สานกั งานพฒั นาการกฬี าและนันทนาการ กระทรวงการท่องเทย่ี วและกีฬา. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พอ์ งค์กรรับสง่ สนิ ค้าและพัสดุภณั ฑ์ (ร.ส.พ.), 2548.

สาระน่ารู้ การกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นองค์กรทีม่ ีการพฒั นาและเสริมสร้างกีฬาเพ่ือความเป็นเลศิและกีฬามีการให้บรกิ ารด้านการกฬี า ด้านสถานท่ี อุปกรณ์ ด้านวชิ าการ และด้านเทคโนโลยีสารสนเทศส่งเสริมกีฬา มีระบบช่วยเหลือแนะนา และรว่ มมือในการจัดและดาเนินการกีฬาสมคั รเล่น มีการสารวจ จัดสร้าง และบูรณะสถานทสี่ าหรับกีฬาสมัครเลน่ ติดต่อร่วมมือกับองค์การหรอื สมาคมกีฬาสมัครเล่น ทงั้ ในและนอกราชอาณาจักร ตลอดจนเสนอแนะแก่หน่วยราชการหรือองคก์ ารของรัฐบาลในเร่ืองกีฬาเพอื่ ปรบั ปรุงแกไ้ ขหรือชักจูงเร่งเร้าใหเ้ กิดความนยิ มในกฬี าอย่างกว้างขวาง อีกทั้งยงั มกี ารสอดสอ่ งและควบคุมการดาเนินกิจการกีฬาสมัครเล่น เพ่ือป้องกนั มิให้เกิดอนั ตรายแก่ผู้เล่นกฬี า หรือเกดิ ความเสยี หายหรอื เป็นภัยแกป่ ระเทศชาติดว้ ย คาถามชวนคดิ : การออกกาลังกายจะทาใหม้ ีรปู ร่างทีด่ ดู ี มีสุขภาพท่ีแข็งแรง ปลอดภัยจากโรคตา่ งๆ อีกท้ังการออกกาลงั กายจะทาใหร้ ่างกายสดชนื่ จรงิ หรือ อาเช่ยี นนา่ รู้ กีฬาประจาประเทศมาเลเซีย คือ silat silat ศิลปะการป้องกันตวั ของชนชาวมลายูคือ Silat โดยศลิ ปะการป้องกนั ตวั ชนิดน้ีมมี า เปน็ เวลานานแล้ว Silat ได้กาเนินข้ึนมาเป็น เวลานบั ร้อยพนั ปีมาแลว้ ลกั ษณะของศิลปะการป้องกนั ตวั ทเ่ี รยี กว่า Silat นนั้ มีอยู่ 3 ลกั ษณะ คอื 1. Silat คือการเคลอื่ นไหวของรา่ งกายในการป้องกนั ตวั จากการโจมตขี องศตั รูหรอื คตู่ อ่ สู้ 2. Silap คือช่วงจังหวะลีลาทจ่ี ะใชใ้ นศิลปะการปอ้ งกนั ตัว 3. Silau คือการตอบโต้ท่ใี ชจ้ ากการป้องกันตวั ท่ศี ตั รหู รอื คู่ต่อสโู้ จมตตี ัวเรา Silat เปน็ การเคลื่อนไหว, ชว่ งจงั หวะและลีลา, การตอบโต้ที่ถกู มนษุ ย์สรา้ งขึ้นโดยเปน็ ระบบ เป็นระเบียบและละเอยี ดออ่ น ในการ ป้องกนั ตัวจากการโจมตขี องศัตรแู ละคู่ตอ่ สู้ ในการเรยี น เก่ยี วกับศิลปะการป้องกันตวั Silat นั้น คนหนง่ึ ๆ มีการเรยี นรู้ท่อี ยู่ในระดบั ทแ่ี ตกต่างกนั ตาม ความสามารถและประสิทธิภาพของแต่ละคน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook