Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่ 3 การแสดงออกทางเพศ

หน่วยที่ 3 การแสดงออกทางเพศ

Published by nano03012553, 2018-09-02 23:13:18

Description: หน่วยที่ 3 การแสดงออกทางเพศ

Search

Read the Text Version

หนว่ ยที่ 3 การแสดงออกทางเพศ 1. การแสดงออกทางเพศ หมายถึง การกระทา หรอื การปฏิบัตติ นทเี่ กีย่ วข้องกบั เรื่องเพศโดยครอบคลุมทง้ั พฤติกรรมที่แสดงออกภายนอก คือ การแสดงออกท่ีสามารถมองเหน็ ได้ด้วยตาเปลา่ เมือ่ พิจารณาถึงปจั จยั ท่มี อี ิทธิพลตอ่การแสดงออกทางเพศ จะสามารถแบง่ ออกได้เป็น 3 ปจั จัย คอื ครอบครวั เพื่อน และสังคม 1.1 อทิ ธพิ ลของครอบครัว ครอบครัวเป็นสถาบันแห่งแรกที่อบรมทางด้านจิตใจและปลูกฝังพฤติกรรมสุขภาพให้แก่เด็กครอบครวั จงึ มอี ทิ ธพิ ลต่อพฤตกิ รรมต่าง ๆ รวมทัง้ พฤติกรรมทางเพศของวยั รนุ่ ด้วย 1.2 อิทธพิ ลของเพื่อน การคบเพอื่ นมคี วามสาคญั และจาเป็นต่อชีวติ ของวัยร่นุ เพราะเพอ่ื นจะมอี ิทธิพลในเร่ืองความคิดความเช่ือ ตลอดจนให้คาปรึกษา หรือแนะนาในเรื่องต่าง ๆ รวมท้ังพฤติกรรมทางเพศ และอาจชกั จูงไปในทางท่ดี แี ละไม่ดี ดงั น้ันการเลอื กคบเพอ่ื นทด่ี จี ะช่วยแนะนาเรือ่ งพฤติกรรมทางเพศในทางท่ีเหมาะสม 1.3 อทิ ธพิ ลของสงั คม ที่มีผลต่อการแสดงออกทางเพศ มีดังนี้ 1.3.1 สถานภาพทางสังคม สถานภาพทางสังคมไทยปัจจุบันมีความเหลื่อมล้าและช่องว่างทางฐานะทางเศรษฐกิจมากย่ิงข้ึนนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจในประเทศไทย ทาให้มีภาวะคนตกงานช่องว่างระหว่างรายได้ที่ได้รับระหว่างคนรวยและคนจนมีมากขึ้น การประกอบอาชีพบางอย่างจึงก่อให้เกิดพฤตกิ รรมทางเพศท่เี สย่ี ง 1.3.2 ส่ือมวลชน มีอิทธิพลต่อกระแสแนวคิดและทิศทางความเคลื่อนไหวในสังคม การเสนอข่าวเกี่ยวกับการแสดงออกทางเพศในทางที่เส่ือมเสีย เช่น การถูกข่มขืนที่ลงภาพผู้ท่ีตกเป็นเหย่ืออย่างชัดเจนพร้อมบอกรายละเอียดต่าง ๆ ของการกระทา 1.3.3 อิทธิพลของวัฒนธรรม วฒั นธรรมหมายถึงวิถีการดาเนินชีวิตที่คนสร้างข้ึนและปฏิบัติสืบทอดกันมา โดยการถ่ายทอดไปสู่สมาชิกรุ่นต่อไป วัฒนธรรมจึงเป็นทุกส่ิงทุกอย่างท่ีสังคมสร้างข้ึนเพ่ือช่วยให้มนุษย์สามารถดาเนินชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคม โดยมีความเชื่อทางศาสนาเป็นส่วนประกอบท่ีสาคัญมากของวัฒนธรรมในแตล่ ะสงั คม 1.4 อทิ ธพิ ลของวฒั นธรรม วัฒนธรรมหมายถึงวิถีการดาเนินชีวิตที่คนสร้างข้ึนและปฏิบัติสืบทอดกันมา โดยการถ่ายทอดไปสู่สมาชิก รุ่นต่อไป วัฒนธรรมจึงเป็นทุกส่งทุกอย่างท่ีสังคมสร้างขึ้นเพือ่ ช่วยให้มนุษย์สามารถดาเนินชีวิตอยู่ร่วมกนั ในสังคมโดยมีความเช่ือทางศาสนาเป็นสว่ นประกอบท่ีสาคัญมากของวัฒนธรรมในแต่ละสังคม อทิ ธพิ ลของวัฒนธรรมที่มีผลต่อพฤตกิ รรมทางเพศที่สาคญั มดี งั ต่อไปน้ี 1. ความเชอื่ เกย่ี วกับบทบาททางเพศและการปฏิบัติตนตอ่ ทางเพศตรงขา้ ม เรื่องความสัมพนั ธ์ทางเพศ 2. คา่ นิยมทางเพศ 3. การพดู คยุ เรอื่ งเพศอยา่ งเปิดเผยระหว่างพ่อแม่กับลูก ถ้าครอบครัวดี สมาชิกในครอบครัวนั้นถือเป็นบุคคลผู้ซ่ึงใกล้ชิดกับวัยรุ่นมากท่ีสุด ท่ีเขาจะซึมซับเอาบุคลิกความคิดอ่านไปได้อย่างง่ายดาย การที่สมาชิกในครอบครัวมีเวลาให้แก่กันและกัน มีการแสดงความรักอย่างเพียงพอ รู้จักการกอดเพ่ือให้ความอบอนุ่ รู้จักการชมเชยเม่อื เด็ก ๆ กระทาความดี มีการพูดคยุ ถงึ เร่ืองราวต่าง

ๆ ที่เกิดข้ึนในแต่ละวันต่อกัน มีการใช้เหตุผลเม่ือสมาชิกกระทาความผิด ไม่ใช้อารมณ์ในการลงโทษ เป็นต้นลว้ นแล้วแตเ่ ปน็ สงิ่ ที่ถือวา่ เปน็ สว่ นประกอบของ พืน้ ฐานครอบครัวท่ีดี ในท่ีนีแ้ ลว้ สาหรับเด็ก ๆ ที่เกิดมาในครอบครัวที่มีพื้นฐานที่ดีเช่นนี้แล้วนั้นจะทาให้เขามีความรักให้ตัวเองและมีความรักให้กับผู้อน่ื ดว้ ย รวมท้งั มีความคิดด้านบวก มีความอดทนและเมื่อเผชญิ กับสถานการณท์ ี่ยุ่งยากก็สามารถจะแก้ไขสิ่งน้ันได้ด้วยตนเอง และเม่ือเขาเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ก็จะมองโลกในแง่ดี และไม่เป็นภาระให้แก่สังคมด้วย ถา้ ครอบครัวแตกแยก จะกระเทือนต่อการพัฒนาบุคลิกภาพของบุคคล เช่น เด็กที่เคยยึดพ่อแม่เป็นแบบฉบับ ในเร่ืองค่านยิ ม อารมณ์ แบบของความประพฤติท่ีช่วยให้เด็กมีบุคลิกภาพที่ดี แตเ่ มอื่ หนว่ ยของครอบครัวถูกทาลายลงลูก ๆ บางคร้ัง ก็ไม่ทราบว่าจะหันหน้าไปพึ่งใคร ซึ่งอาจทาให้เขาผิดหวัง และมีเรื่องที่ทาให้สะเทือนใจกลายเปน็ เด็กกระทาผิด เช่น การประพฤติผิดทางเพศ ติด ยาเสพติด และการเป็นเด็กจรจัด ฯลฯ การปรับตัวของเดก็ หลังการหย่าร้าง ลูกมักจะอยู่กับแม่ ซ่ึงมีผลกระทบกระเทอื นต่อบุคลิกภาพของเด็ก เพราะทั้งพ่อและแม่จะเป็นคนอบรมเด็ก และเด็กก็เรียนรู้บทบาทจากพ่อและแม่ ซ่ึงเป็นต้นฉบับสาหรับชีวิตของผู้ใหญ่ แต่ถ้าเหลือแต่แม่ และแม่ต้องทาหนา้ ทเ่ี ปน็ ทั้งพ่อและแม่ โดยบางคร้ังแม่ก็ไม่สามารถปลูกฝงั พฤติกรรมแบบพ่อให้แก่ลูกได้ ทาให้เด็กมีปัญหาทางเพศ เช่น เด็กผู้ชายจะมีนิสัยเป็นผู้หญิง อีกแง่มุมเด็กที่ถูกเลี้ยงดูจากพ่อก็จะมีพฤตกิ รรมเลยี นแบบพ่อ แตอ่ ย่างไรก็ตามเด็กทั้งหญงิ และชายโดยท่ัวไปมักจะมคี วามใกลช้ ิดชอบกบั แม่มากกว่าพอ่ แมจ่ ึงมอี ิทธิพลโน้มน้าวจิตใจเด็กไดม้ ากกวา่ และในกรณีทีค่ รอบครัวไม่มีความสุข ลกู สาวและลกู ชายมักจะเข้าขา้ งแมม่ ากกวา่ พ่อ พฤติกรรมวัยรุ่นที่มปี ัญหา วัยรุ่นเป็นวัยท่มี ีปัญหาสุขภาพจติ ไดม้ ากที่สุดวัยหนึ่ง ซึง่ แสดงออกเป็นปัญหาพฤติกรรมได้หลายประการ เช่น ดื้อ ไม่เช่ือฟัง ละเมิดกฎเกณฑ์ต่าง ๆ มีแฟนและมีเพศสัมพันธ์ ใช้สารเสพติด ปัญหาพฤติกรรมบางอยา่ งมักเกิดข้ึนมานาน จนแก้ไขได้ยาก การป้องกันจงึ จาเป็น และสาคัญกว่าการแก้ไข การป้องกนั ควรเริ่มตั้งแต่การส่งเสริมสุขภาพจิตต้ังแต่เด็ก เด็กท่ีมีพัฒนาการของบุคลิกภาพดี จะมีภูมิต้านทานโรคทางจิตเวชต่างๆ และช่วยป้องกันปญั หาสขุ ภาพจติ ในวัยรุ่นได้มากเช่นกัน พ่อ แม่ ครูและผู้ท่ีทางานเกี่ยวข้องกับเด็กทง้ั หลายจึงควรให้ความสาคัญกับการส่งเสริมสุขภาพจิตตั้งเด็กจนถึงวัยรุ่นเป็นอย่างยิ่ง นอกจากน้ี สังคมและสงิ่ แวดล้อมก็ควรมสี ว่ นร่วมในการส่งเสริมพฒั นาการเชน่ เดยี วกัน ปญั หาพฤติกรรมทพ่ี บบ่อย  ไมเ่ รียนหนังสือ  ตดิ เกมส์  ติดการพนนั  ปัญหาทางการเรียนและการปรับตัว  ปญั หาทางเพศ  การใช้และติดสารเสพติด  พฤติกรรมผิดปกติ Conduct disorder (โรคที่มีปัญหาพฤติกรรมกลุ่มท่ีทาให้ผู้อื่น เดอื ดร้อน โดยตนเองพอใจ)  โรคซมึ เศร้าและการฆ่าตวั ตาย  บคุ ลิกภาพผิดปกติ สาเหตุ

 ทางร่างกาย การเปลีย่ นแปลงของสารเคมใี นร่างกาย โรคตา่ ง ๆ สารพิษ  ทางจิตใจ บคุ ลกิ ภาพ ความคิด การมองโลก การปรบั ตัว  ทางสังคม การเลี้ยงดู ปญั หาของพอ่ แม่ ตัวอย่างของสังคม ส่อื ต่าง ๆ การปรับตวั ทางเพศ การปรับตัวทางเพศที่เหมาะสม หมายถึง การรู้จักวางตัวในบทบาทท่ีเหมาะสมกับเพศของตนซึ่งจะช่วยให้เราเกิดความรู้สึกม่ันคงใน ความเป็นหญิง หรือความเป็นชายของตัวเอง ไม่ประหม่า อึดอัด หรือปรับตัวไม่ได้เมื่ออยู่ต่อหน้าเพื่อนต่างเพศ วัยรุ่นมีความรู้สึกรวดเร็วต่อสิ่งต่าง ๆ รอบตัว มีอารมณ์รุนแรงเน่ืองจากร่างกายมีการสร้างฮอรโ์ มน ทางเพศ วัยรุ่นจึงเริม่ สนใจเพศตรงขา้ ม และเร่ิมมีความวติ กกังวลในเร่ืองการเปลี่ยนแปลงด้านร่างกายท้ังสัดส่วนและรูปร่าง การใกล้ชิดกัน ทางานร่วมกัน ทาให้เกิดความกังวล เร่ืองการปรับตวั และการวางตัว ให้เหมาะสมกับเพศตรงขา้ ม การวางตัวกบั เพอื่ นตา่ งเพศท่ีเหมาะสม 1. ให้ความชว่ ยเหลือและให้เกยี รติ 2. ควรหลีกเลี่ยงการถกู เน้ือต้องตัว 3. ควรหลกี เลยี่ งการไปพักคา้ งรว่ มกนั เปน็ หมคู่ ณะ หรือตามลาพงั โดยไมม่ ีผ้ใู หญ่คอยดแู ล 4. ควรหลีกเลย่ี งการอยู่กันตามลาพงั ในทีล่ ับตาคน 5. ควรหลีกเลี่ยงการไปในทเ่ี ปลยี่ ว โรงแรมและสถานเรงิ รมย์ท่เี ป็นแหล่งมั่วสมุ ของวัยร่นุ 6. ควรหลกี เลย่ี งการมนี ัดหมายกับเพศตรงขา้ มในยามวิกาล 7. วัยรุ่นหญิงควรแต่งกายเรียบร้อยและมิดชิดไม่ควรแต่งกายในลักษณะที่ยั่วยุให้เกิดอารมณ์ทางเพศเมอ่ื ไปกับเพ่อื นชาย 8. หลกี เลีย่ งการคบเพื่อนหรือออกเที่ยวกบั เพอื่ นตา่ งเพศท่ีไม่รจู้ ักดพี อ 9. วางตัวเป็นสุภาพบรุ ุษและสภุ าพสตรใี ห้เกียรติซ่งึ กนั และกันไม่ควรมีการล่วงเกนิ ทางเพศ 10.มกี ิรยิ ามารยาทดี มีความอดทน อดกลั้น 2. การแสดงออกทางอารมณ์ อารมณ์เป็นปฏิกิรยิ าที่เกิดขึน้ ภายใน เป็นพฤตกิ รรมทีเ่ กิดขนึ้ จากการเรียนรู้ และเปน็ เหมอื นตัวกระตุ้นให้เกิดแรงจูงใจที่จะนาไปสู่พฤติกรรมนั้น อารมณ์และแรงจูงใจจึงเป็นปรากฏการณ์ท่ีเช่ือมโยงกันอย่างใกล้ชิดกล่าวคือ แรกเร่ิมที่มีอารมณ์เกิดขึ้น พฤติกรรมการจูงใจก็จะเกิดตาม ตัวอย่างเช่น เกิดความรู้สึกรักและพึงพอใจจะทาให้เกดิ พฤติกรรมทางเพศตามมา ซงึ่ อาจเป็นการอยากไปพบหน้าคนทร่ี ัก อยากอยูใ่ กล้ อยากพดู คุยด้วย หรืออีกกรณี ขณะท่ีบุคคลมีความรู้สึกโกรธ พฤติกรรมทางการก้าวร้าวก็จะตามมา อย่างไรก็ตาม การเช่ือมโยงกันดังท่ีกล่าวคงไม่เป็นเช่นน้ันเสมอไป เพราะพฤติกรรมทางเพศสามารถเกิดข้ึนได้โดยไม่มีอารมณ์และความก้าวร้าวก็จะเกิดขึ้นได้โดยไม่มีความโกรธ ในทางกลับกันความรักอาจเกิดข้ึนได้โดยไม่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมทางเพศ และความโกรธก็เกิดข้ึนได้โดยไม่มีความก้าวร้าว หรือบางครั้งก็มีอยู่บ่อย ๆ ที่อารมณ์และแรงจงู ใจไมเ่ ชอ่ื มไปดว้ ยกัน 2.1 ความโกรธ (Anger) เป็นอารมณ์ท่ีไม่พึงพอใจอย่างแท้จริง มักเกิดขึ้นเน่ืองจากถูกขัดขวางไม่ให้ทากิจกรรมท่ีตนต้องการ ในบุคคลแต่ละวยั ความโกรธจะแตกต่างกันไป ในวัยเด็ก เร่อื งท่ีทาให้โกรธมกั จะเป็นกจิ กรรมทีเ่ ด็กกาลังทาอยู่ หรือการอยากรูอ้ ยากเหน็ และการแสดงออกซึ่งความโกรธ ก็จะแสดงออกในรปู ของการก้าวร้าวทางกาย หน้าตาบูดบึ้ง ทุบตีสงิ่ ของ ตอ่ ยตี ถ้าเปน็ วยั รุ่นและผู้ใหญ่ความโกรธจะเปน็ เรอ่ื งทางสังคม

มากข้ึน และการแสดงอารมณ์โกรธจะออกมาในรูปวาจา พูดติติง นินทา พูดจาเสียดสี จะมีวัยรุ่นบางกลุ่มบางพวกยังชอบใช้การก้าวร้าวทางกายอีกด้วย ท้ังน้ีเน่ืองจากได้เรียนรู้หรือได้รับการปลูกฝังในสังคมที่เขาเป็นอยู่อย่างไรก็ตาม ความโกรธนบั ว่าเป็นอารมณ์ที่สาคัญย่ิง เพราะมีพลงั ที่เช่อื มโยงกับพฤติกรรมการจูงใจเป็นอย่างมาก ซึ่งเราจะพบได้เสมอในทุกสังคม เมื่อบุคคลมีความโกรธพฤติกรรมการจูงใจ ที่เกิดตามมาก็คือไม่อยากทากจิ กรรมตา่ ง ๆ 2.2 ความกลัว (Fear) เป็นอารมณ์ท่ีแสดงออกถึงความรู้สึกว่าเป็นอันตราย ซึ่งจะมีอยู่มากมายท้ังท่ีมองเห็นและมองไม่เห็น เด็กเล็ก ๆ จะกลัวเสียงดัง กลัวส่ิงแปลกประหลาด ถึงแม้จะเป็นเด็กโตก็ยังกลัวนอกจากนี้ยังกลัวความมืด กลัวคาขู่ กลัวถูกทอดทิ้งตามลาพัง ในเด็ก ตอนปลายเด็กจะกลัวคาเยาะเย้ยจากเพอื่ น กลัวตัวเองจะไมเ่ ท่าเทยี มกับเพื่อน เม่ือเข้าสวู่ ัยรุ่นไปจนถงึ วยั ผูใ้ หญ่ จะเกิดความกลัวในทางสังคมมากขน้ึ กลวั ความผิดหวัง กลัวในความมีบทบาททางเพศ กลัวจะไม่ได้รับการยอมรับ พอเป็นผู้ใหญ่สูงอายุก็จะกลัว ในเร่ืองสังขารร่างกายตลอดจนความสาเรจ็ ในการงาน 2.3 ความพึงพอใจ (Pleasure) เป็นอารมณ์ของความรู้สึกที่มีความสุขท่ีร่าเริงอย่างมาก เป็นความสาเร็จหรือความสุขสดชื่นเกิดข้ึน เมื่อบุคคลได้รับผลการตอบสนองตามที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นความต้องการทางด้านร่างกายและดา้ นจิตใจ 3. ทกั ษะการคิดวิเคราะห์ การตดั สนิ ใจและการแกไ้ ขปัญหา การตัดสนิ ใจแก้ไขปัญหาของคนเรามหี ลายรูปแบบ เช่น  บางคนตดั สนิ ใจโดยใช้ความรสู้ ึกส่วนตวั  บางคนไมร่ ู้จะตดั สินใจอยา่ งไร  บางคนใหค้ นอืน่ ตดั สนิ ใจแทน  บางคนจะประเมนิ กอ่ นวา่ จะมีทางใดบา้ งทีเ่ ป็นไปได้กอ่ นทจ่ี ะตดั สินใจ 4. การปอ้ งกันตนเองมิใหต้ กอยใู่ นสถานการณ์เสย่ี งต่อการมีเพศสมั พันธ์ หยุดคิดก่อนการมีเพศสัมพันธ์ ในการดาเนินชีวิตประจาวันในแตล่ ะบุคคลน้ัน บางคนอาจมีเร่อื งที่ตอ้ งเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ สาหรับการตัดสินใจเก่ียวกับเร่ืองเพศสัมพันธ์น้ันมีความสาคัญมากของชีวิตวัยรุ่นกอ่ นมเี พศสัมพนั ธ์ จาเป็นตอ้ งให้เวลาตนเองหยุดคิดและตอบคาถามต่อไปน้ีดว้ ยความจริงใจ 4.1 ต้องการมเี พศสัมพนั ธ์ด้วยเหตผุ ลใด  เพ่อื เหมอื นเพอื่ น ๆ  พิสจู นค์ วามรัก  รกั ษาสมั พันธภาพความเปน็ ครู่ ัก  อืน่ ๆ 4.2 ถ้ามเี พศสัมพนั ธ์แล้ว การกระทาของเราไปทารา้ ยใครบ้าง 4.3 พร้อมรับผดิ ชอบเมอื่ เกิดพลาดพลง้ั จนตั้งครรภ์และยินดเี ปน็ พ่อแม่ไดห้ รือไม่ 4.4 ทาอย่างไรเม่อื มีปญั หาจากการมเี พศสัมพันธ์ เชน่ เปน็ โรคเอดส์ โรคติดต่อทางเพศสมั พนั ธ์ 4.5 วยั รุ่นหญิงจะรู้สกึ อย่างไรถ้าตง้ั ครรภ์ หรือวยั รุ่นชายจะรู้สึกอยา่ งไรถ้าทาให้ผู้หญงิ ต้ังครรภ์ แล้วพ่อแม่และครอบครัวจะรู้สกึ อย่างไร 5. ทกั ษะการปฏเิ สธและตอ่ รองเร่อื งเพศ

วยั รุ่นควรทราบหลักคดิ สาคญั ของเพศวิถี สิทธิทางเพศ และแนวทางการต่อรอง เพ่ือชว่ ยการไตร่ตรองในการตัดสินใจเลอื กว่าจะมีเพศสัมพนั ธห์ รอื ไม่ ดงั น้ี  ชายและหญงิ มีสทิ ธทิ จี่ ะสอ่ื สารและตอ่ รองเรื่องทางเพศอย่างเท่าเทียมกนั  ควรเป็นการส่ือสารต่อรองเพ่ือให้เป็นเพศสัมพันธ์ท่ีรับผิดชอบ ยินยอมพร้อมใจ ปลอดภัย ไม่บังคบั  การสื่อสารต่อรอง ใหแ้ สดงความต้องการ ความรู้สึกของตนเองใหช้ ัดเจน เช่น “ฉันไม่เอาหรอกกลวั ท้อง กลวั พ่อแมเ่ สียใจ”  แสดงความขอบคุณ เม่ืออีกฝายยอมรับการปฏิเสธดว้ ยความนุ่มนวล เช่น “ขอบใจมากท่ีเข้าใจเรา”  หากต้องการปฏเิ สธ ตอ้ งมคี วามจริงจังท้งั คาพูดและท่าทาง ให้ปฏิเสธโดยไมใ่ ช้ข้ออา้ ง เชน่ “เราไม่อยากทาจรงิ ๆ” ไม่จาเปน็ ต้องขอร้องให้อีกฝา่ ยเขา้ ใจหรอื เห็นใจ เพราะอาจทาให้มีการหักล้างเหตุผลท่ีอ้างไว้ จนนาไปสูก่ ารมีเพศสัมพันธ์ เม่ือปฏิเสธแล้วตอ้ งเดินจากไปจริง ๆ 6. การส่ือสารเรือ่ งเพศในครอบครัว การพูดคุยกนั ในครอบครัว ถงึ ความต้องการ ทางเพศ ความสขุ สม การตอบสนองทางเพศ ท่วงท่าแห่งการแสดงออกทางเพศที่พึงประสงค์ นับเป็นการขจัดความเข้าใจผิดระหว่างกัน เป็นการยืดชีวิตคู่และการใช้ชีวิตคู่ออกไปอย่างมีความสุข การพูดคุยถึงการป้องกันการตั้งครรภ์ และการป้องกันการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ก็เป็นส่ิงที่จาเป็นจะต้องทา ทั้งก่อนท่ีจะมีเพศสัมพันธ์กัน รวมทั้งหลังจากใช้ชีวิตคู่แล้ว ก็ควรจะพูดคยุ กันได้ในทุกเร่อื งเช่นกัน อย่าลืมว่า การพูดคุยทาให้เกดิ ความเขา้ ใจซึ่งกันและกัน และความเข้าใจก็นามาซึ่งความรักความอบอนุ่ ของคนในครอบครัว และทาใหม้ ีคุณภาพชวี ติ ทด่ี ีข้นึ 6.1 4 วธิ สี ื่อสารเรอ่ื งเซก็ ซ์กับวยั ร่นุ 6.1.1 เปล่ียนทัศนคตขิ องพ่อแมก่ ่อน ให้รู้สึกว่าเปน็ เรอ่ื งปรกติทพี่ ่อแม่จาเปน็ ต้องใหค้ วามรู้กบั ลูกเสยี แตเ่ นนิ่ ๆ เพื่อให้ลกู เข้าใจธรรมชาติของมนุษยใ์ นเรื่องเซก็ ซ์ เพราะหากเราไม่บอกในสิ่งทีล่ ูกสงสัย ลูกกค็ งหาคาตอบด้วยตัวเองจากเพอื่ นและสื่อต่าง ๆ ซึ่งอาจย่ิงเร้าอารมณแ์ ละเกิดความเส่ยี งมากข้ึน โดยอาจเริ่มพดู คุยไดต้ ้ังแต่ลูกอายุ 10-12 ปี 6.1.2 พูดคุยเร่ืองเพศกับลูกอย่างง่าย ๆ โดยเร่ิมจากอธิบายถึงการเปล่ียนแปลงของฮอร์โมนเพศส่งผลให้เกิดการเปลยี่ นแปลงทางร่างกาย อารมณ์ความรู้สกึ ลูกจึงไมค่ วรอยู่กับเพื่อนตา่ งเพศตามลาพัง เพราะอาจทาให้เกิดความผิดพลาดได้ และเมื่อเกิดขึ้นแล้วอาจมีปัญหาตามมาให้ลูกแก้อีกมากมาย เช่นการตดิ เชื้อ การตั้งครรภ์ การพลาดโอกาสในการเรยี น 6.1.3 เปิดโอกาสให้ลูกซักถามส่ิงท่ีสงสัย และอธิบายในส่วนน้ัน เช่น ทางออกที่เหมาะสมเมื่อเกิดอารมณ์ทางเพศ ลูกอาจเล่นกีฬาหรือมีการสาเร็จความใคร่ด้วยตนเองเป็นคร้ังคราว แต่ไม่จาเป็นต้องอธบิ ายละเอียดในเรอื่ งที่ลึกเกนิ ไป เช่น เทคนคิ การมเี พศสมั พันธ์ 6.1.4 สร้างบรรยากาศและความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวเพราะเมื่อลูกรู้สึกว่าตนเป็นท่ีรักและยอมรับของพ่อแม่แล้ว เขาก็จะเห็นคุณค่าของตนเองและดูแลรักษาตนเอง โดยไม่ต้องไปมีเพศสัมพันธ์กับใครเพ่อื แลกกบั การไดร้ บั ความรกั และการยอมรบั จากคนคนนัน้ หัวข้อที่ควรจะพดู คุยเรือ่ งเพศกันในครอบครวั 1. การดูแลรักษาความสะอาดของอวัยวะเพศ รู้จักสอนลูกให้เรียกชื่ออวัยวะเพศให้สุภาพฟงั ได้ ไม่เขินอาย และพูดใหเ้ ปน็ เรอื่ งปกตธิ รรมชาติ

2. ความรัก ความอบอุ่น ความสุขในการใช้ชีวิตคู่ แสดงให้เห็นความรักความผูกฝันของพ่อแม่ เป็นตัวอย่างอันดีให้ลูก ๆ เลียนแบบ อย่าลืมว่า ลูกๆจะเลียนแบบพ่อแม่เสมอ ๆ ไม่ว่าจะเป็นในทางดีหรือไม่ดี การสอนให้มีความรักในครอบครัวจะเป็นเกราะกาบังลูก ๆ ไม่ให้ติดสารเสพติด หรือริมีความรักท่ีไม่ปลอดภยั ในวัยเรยี น 3. พ่อต้องพูดคุยกับลูกชาย สอนลูกชายให้เรียนรู้พฤติกรรมในการเป็นสุภาพบุรุษ ส่วนแม่ต้องส่ังสอนลกู สาวให้เป็นสุภาพสตรี รกั นวลสงวนตวั ชี้ตัวอย่างให้เหน็ ถึงผลร้ายในการมีเพศสมั พนั ธ์กอ่ นวัยอันควร รวมทง้ั สอนการวางตวั ท่ถี ูกต้อง หัดปฏเิ สธส่งิ ยั่วยทุ ั้งหลาย 4. ความเขา้ ใจผิดต่าง ๆ ทางเพศ ไม่วา่ จะเป็นเรื่องของการช่วยเหลอื ตนเอง การมพี ฤติกรรมทางเพศท่ีเบ่ียงเบน การแสดงออกทางเพศที่ไม่เหมาะสม ต้องได้รับคาแนะนาถึงทางท่ีถูกที่ควรอย่างถูกต้องตามกาลเทศะทีเ่ หมาะสมอยา่ งไม่เป็นทางการ 5. การตอบสนองต่อส่ิงเร้าอารมณท์ างเพศ ว่าควรจะเป็นไปในทางใด จึงจะเหมาะสมกับวัยและสถานการณ์ รวมท้ังความสามารถในการอดทนอดกลั้น ควบคุมอารมณ์ หรือเบ่ียงเบนความสนใจในเรื่องเพศ หนั ไปสนใจในดนตรี การออกกาลงั กาย การเรียน การงานทม่ี ีประโยชน์กวา่ แทน 6. ทักษะในการปฏิเสธการมีความสัมพันธ์ทางเพศสาหรับลูกผู้หญิง วิธีการหลีกเล่ียงที่จะมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร การป้องกันตนเองจากการโดนข่มขืนหรือลวนลามทางเพศ ไม่ว่าจะเป็นจากเพื่อนคนใกล้ชิด ญาติ หรืออาชญากรทางเพศตามท้องถนน วิธีการช่วยเหลือตนเองเม่ือต้องเผชิญกับสถานการณ์ดังกล่าว รวมทั้งการแกไ้ ขสถานการณ์ และการหาความช่วยเหลอื หลังจากเกิดสถานการณ์ ที่ไม่ต้องการให้เกิดผ่านพ้นไป นอกจากนี้ การสอนให้รู้จักความรักท่ีปลอดภัย การมีความสัมพันธ์ทางเพศที่ปลอดภัย ก็สามารถเปน็ หวั ข้อในการสนทนาพดู คุยกนั ได้ เมอื่ มเี หตุการณ์ทเี่ ปน็ ข่าวเกดิ ขึน้ 7. ทกั ษะในการดาเนินชีวติ ของวัยรุ่นชาย ไม่ให้เลียนแบบพฤติกรรมท่ีไม่ดีงาม ของเพื่อนในเร่อื งเพศเชน่ การเทีย่ วหญิงบรกิ าร การม่ัวเซก็ ซ์ในกลมุ่ เป็นต้น ประโยชนท์ จ่ี ะได้รับ 1. มีความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกันของทุกคนในครอบครัว พ่อแม่ลูกเข้าใจกันและเข้าใจในความรกั ของพ่อแมท่ ่มี ตี อ่ ลูก และลกู ตอ่ พ่อแม่ เป็นการเช่ือมสัมพนั ธ์ในครอบครัว 2. เป็นเกราะป้องกันภยันตรายในรูปแบบต่างๆ ท่ีจะมาคุกคามคุณภาพชีวิตของบุคคลในครอบครัว โดยเฉพาะลกู น้อยของคุณ 3. ทาให้เกิดความเชอื่ มัน่ ในการดาเนนิ ชวี ติ ต่อไปในภายหนา้ ของลกู ๆ 4. พ่อแม่มีความภมู ิใจ ทไี่ ด้เป็นสว่ นหน่ึงในการผลกั ดนั ให้ลูกเดนิ ทางไป ในทางที่ถูกท่คี วรสมกับทมี่ งุ่ หวังเอาไว้ 5. เป็นการป้องกนั กอ่ นท่ีจะเกดิ เหตุการณ์ท่ีไมเ่ หมาะสมขึ้น 6. สรา้ งสัมพันธภาพในครอบครัวให้แนน่ แฟ้นและเป็นน้าหนึ่งใจเดยี วกัน การส่ือสารถึงเร่ืองต่าง ๆ ในครอบครัวนั้นควรจะเป็นไปในทางสร้างสรรค์ เป็นกันเองและเปิดโอกาสใหท้ ุก ๆ คนได้มีการแสดงความคดิ เห็นออกมา ไม่ควรจะไปครอบงาความคิดของคนอน่ื ๆ ในครอบครัวให้เห็นด้วยกบั ตนเอง แต่ควรจะเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อกนั ! อปุ สรรคท่ที าให้พอ่ -แม่ ลกู ไมพ่ ูดคุยกันเรือ่ งเพศ 1. ทัศนคติเก่า ๆ ท่ีบอกว่า เรื่องเพศเป็นเร่ืองไม่ดีงาม ไม่ควรนามาพูดจากันในครอบครัว เรื่องเพศเปน็ เร่ืองทเี่ รียนรู้ไดเ้ องเม่ือแตง่ งานแล้ว เร่ืองเพศเป็นเรื่องทีไ่ ม่สมควรจะเปดิ เผย

2. พ่อแม่มองว่า การพดู เร่ืองเพศจะเปน็ ดาบสองคม และเปน็ การช้ีโพรงให้กระรอก เลยไมย่ อมพูดกับลูกๆ ในขณะที่ลูก ๆ ก็กลัวพ่อแม่จะดุด่าว่ากล่าว เลยไม่ยอมปรึกษาพ่อแม่ในเรื่องเพศ และปัญหาทางเพศทไี่ ดเ้ กดิ ข้นึ กับตัวเองและต้องการคาปรึกษา 3. พ่อแม่กับลูกมีความเข้าใจในปัญหาทางเพศไม่ตรงกัน เช่น การช่วยเหลือตนเอง การมีเพศสัมพันธก์ ่อนวยั อันควร การเบี่ยงเบนทางเพศ พ่อแม่สว่ นใหญ่ไม่ยอมรับว่า เร่ืองดังกลา่ วสามารถเกิดข้ึนได้จนปิดก้นั การรบั ฟงั ปญั หาจากลกู ๆ 4. พอ่ แม่มักจะคดิ ว่าเป็นหนา้ ที่ของครอู าจารย์ทีจ่ ะอบรมสงั่ สอนมากกว่า 5. พอ่ แม่ส่วนหนงึ่ ยงั คงเชอ่ื ผิด ๆ วา่ การสอนเพศศึกษาคือการสอนการมเี พศสมั พนั ธ์ 6. ลกู ๆ ส่วนใหญ่เมื่อเข้าสู่วยั รุ่นมักจะเชือ่ เพ่ือนมากกว่าพ่อแม่ บางคนคิดว่า ความคิดของพ่อแมเ่ ป็นความคดิ แบบคนหวั โบราณ ล้าสมัย ไม่น่าเชื่อถอื และยดึ ถอื ปฏบิ ัติ ทาใหเ้ ป็นอปุ สรรคในการยอมรบั อุปสรรคท่ีทาใหค้ ูส่ มรสไม่พูดคยุ กนั เร่ืองเพศ 1. การมีความคิดว่า เรอ่ื งเพศเป็นเรือ่ งน่าอายสาหรับผู้หญิง ในอันที่จะบ่งบอกถึงความตอ้ งการทางเพศ และรูปแบบในการมีความสมั พันธท์ างเพศที่ตอ้ งการจนทาให้ผ้หู ญงิ หลายราย ไม่มคี วามสขุ จากเพศรสท่ไี ด้รับจากฝ่ายชาย ซ่งึ นาไปสู่ความเบื่อหน่ายจากความซา้ ซากจาเจ ของรปู แบบเดิม ๆ จากการมเี พศสัมพนั ธ์ 2. กลัวว่าการเปดิ เผยถึงความต้องการต่าง ๆ ทางเพศ จะทาใหค้ ู่ของตนคิดว่าเปน็ คนมักมากในกามคณุ ซึง่ จะทาใหอ้ บั อายขายหน้า 3. กลวั ว่า ถา้ เปดิ เผยออกไปแล้ว จะไม่เหมอื นท่คี นอ่นื ๆ เขาทากัน จนกลายเป็นการไมย่ อมรับความจริงของชีวิตคูท่ มี่ ีกามารมณเ์ ปน็ พืน้ ฐาน 4. คิดว่าไม่ใช่หน้าที่ของตนที่จะต้องสอบถามเร่ืองเพศกับคู่ของตนเช่น ผู้ชายหลายรายไม่เคยถามภรรยาว่าไปถงึ จุดสุดยอดไหม และผหู้ ญงิ หลายรายกไ็ ม่กล้าถามสามีว่า มคี วามสุขหรือไม่ 7. วิธกี ารสอ่ื สารเพื่อการมีเพศสมั พันธ์ท่ปี ลอดภยั ในยุคที่โรคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พันธ์ระบาดอย่างมาก โดยเฉพาะโรคร้ายแรง เช่น โรคเอดส์ในขณะน้ี การสือ่ สารมสี ่วนสาคัญอย่างมากในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์ใหป้ ลอดภัยมากกว่าเดมิ แต่วิธีการนาเสนอน้ันก็มีส่วนในการทาให้เกิดความเข้าใจและยอมรับซึ่งกันและกัน มากกว่าการบอกกล่าวข้างเดียวเพยี งแต่การสอื่ สารทดี่ ีตอ้ งยึดถอื การใหเ้ กยี รตซิ ึ่งกนั และกันด้วย หลกั การในการสอื่ สารน้นั มหี ลายวิธี ไดแ้ ก่ 1. การพูดคุยกันให้เข้าใจถึงการใช้ถุงยางอนามัย ว่าเป็นวิธีการคุมกาเนิดที่ปลอดภัย ไม่มีการใช้ยาหรือวัสดุเข้าไปในร่างกายฝ่ายหญิง นอกจากน้ีการใหฝ้ ่ายชายสวมถุงยางอนามัย ยังเป็นการรักษาความสะอาดในระหว่างการมีเพศสัมพันธด์ ้วย ทั้งยังป้องกันการท่ีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาจมีโรคตดิ ต่อทางเพศสมั พันธ์ โดยไม่รตู้ ัวจากพฤตกิ รรมเสย่ี งทั้งในอดีต ปจั จบุ นั และอนาคต 2. การไม่ปิดบังซึ่งกันและกันถึงพฤติกรรมทางเพศก่อนท่ีจะพบกัน และชวนกันไปตรวจสุขภาพกอ่ นทจี่ ะมีเพศสัมพันธโ์ ดยไมไ่ ด้มีการป้องกัน 3. การไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงนอกสมรส หรือในกรณีที่ฝ่ายชายซ่ึงมีโอกาสมากกว่าจะมีพฤติกรรมเสี่ยงโดยการมีเพศสัมพันธ์กับหญิงอื่นนอกสมรส จนต้องสวมถงุ ยางอนามัยทุกครั้ง และถ้าไม่แน่ใจอาจขอใช้ถุงยางอนามยั เม่อื จะมเี พศสมั พนั ธ์กบั คูข่ องตน โดยอาจจะอา้ งถงึ ความสะอาดก็ได้ 8. การรจู้ ัก เขา้ ใจ และเหน็ คณุ คา่ ของตนเอง วยั รุ่นควรได้คิดวิเคราะห์ ทาความเข้าใจเก่ียวกับความคิด ความต้องการ ศักยภาพหรือความสามารถของตนเอง รวมท้ังค้นหาเอกลักษณ์ตัวตน และเรียนรู้ที่จะควบคุมตนเอง โดยที่ตระหนักในคุณค่า ภูมิใจใน

ตนเอง ซึ่งจะเป็นทักษะพื้นฐานในการสร้างสัมพันธภาพกับผู้อ่ืน และดาเนินชีวิตไปในทิศทางที่เป็นความตอ้ งการของตนเอง 8.1 การรูจ้ ักคุณค่าของผ้อู ืน่ วัยรุ่นควรได้ฝึกท่ีจะมองเห็นคุณค่า เคารพผู้อื่น แม้ว่าจะมีความแตกต่างทางความคิด เพศวิถี ซ่ึงสามารถแสดงออกไดโ้ ดย  ยอมรบั ฟังความคิดเหน็ ความสามารถของผ้อู ่ืน  คานงึ ถงึ ความรูส้ กึ ของผอู้ น่ื  ไม่เหยยี ดหยาม บนั่ ทอน เลอื กปฏบิ ัติ เพราะสถานะหรือเพศ หรือความคิดท่ีแตกตา่ งกนั 8.2 สิทธิทางเพศ เป็นสิทธิมนุษยชนข้ันมูลฐานที่ได้รับการประกาศไว้ในปี ค.ศ. 1994 ที่กรุงวาเลนเซีย ประเทศสเปน การประชุมระดับโลกเรื่องเพศวิทยา ครั้งที่ 8 เพ่ือความเข้าใจทถี่ กู ตอ้ งในสทิ ธิของบุคคลทุกเพศตามท่ถี ูกท่ีควร คาประกาศสิทธิทางเพศ 1. สิทธิท่ีจะมีเสรีภาพ จะต้องขจัดการบังคับข่มขู่ทางเพศ การแสวงหาผลประโยชน์และการล่วงเกนิ ทางเพศ ทุกรูปแบบ ไม่ว่าในเวลาหรือสถานการณ์ใด ๆ การต่อสู้เพ่ือต่อตา้ นความรุนแรงทางเพศ เป็นส่งิ ทีส่ งั คมควรใหค้ วามสาคญั เป็นอันดบั แรก 2. สทิ ธิท่จี ะมีความเป็นอิสระ ความเป็นตัวของตัวเองและความปลอดภยั ในรา่ งกาย รวมถึงการควบคมุ และการแสวงหาความสุขจากร่างกายของตนเอง โดยปราศจากการทารุณกรรม และความรุนแรงในทุกรปู แบบ 3. สิทธเิ ทา่ เทียมทางเพศ มีเสรภี าพทีป่ ราศจากการกดี กั้นแบ่งแยกในทกุ รูปแบบ รวมกับการให้ความเคารพในความหลากหลายทางเพศ ไมว่ ่าจะเป็นชายหรือหญิง และไม่วา่ จะมีอายุ เชอื้ ชาติ ศาสนา ชนชั้นหรอื มรี สนิยมทางเพศแบบใด 4. สิทธิท่ีจะมีสุขอนามัยทางเพศที่ดีรวมทั้งได้รับทรัพยากรสาหรับการวิจัยและการวินิจฉัยโรคตดิ ต่อทางเพศสัมพันธ์ และการรักษาพยาบาลมากขึน้ 5. สทิ ธิท่ีจะไดร้ ับความรูเ้ รื่องเพศท่กี ว้างขวางและเป็นข้อเท็จจริงท่ีไม่เบ่ียงเบน เพื่อช่วยให้การตดั สนิ ใจเกี่ยวกบั การดาเนนิ ชวี ิตทางเพศกระทาไดด้ ีขึน้ 6. สิทธิท่ีจะได้รับรู้ความรู้ด้านเพศศึกษาท่ีกว้างขวางและครอบคลุมต้ังแต่เกิดไปจนตลอดชีวิตสถาบันทางสังคมทกุ สถาบนั ควรมสี ่วนรว่ มในขบวนการท่ีวา่ น้ี 7. สทิ ธิที่จะดาเนินชีวิตร่วมอย่างอิสระ จะแต่งงานหรือไม่ก็ได้ จะหย่าร้างหรือไม่ก็ได้ หรือจะมีรปู แบบการใช้ชวี ติ ร่วมทางเพศอ่นื ๆ ท่ีตนเองประสงค์ 8. สิทธิท่ีจะตัดสินใจโดยเสรีและรับผิดชอบในการเจริญพันธุ์ สามารถเลือกจานวนบุตรระยะห่างระหวา่ งการมีบุตรแต่ละคน และโอกาสไดร้ ับความช่วยเหลือให้ตั้งครรภ์ได้ โดยที่เด็กทุกคนควรเป็นท่ีรักและตอ้ งการของพ่อแม่ 9. สทิ ธิในความเป็นสว่ นตัว สามารถตดั สินใจเกี่ยวกับการดาเนินชวี ิตทางเพศโดยอสิ ระ ภายใต้เนื้อหาของจริยธรรมทางสังคมและบุคคล ประสบการณ์ทางเพศที่ให้ความพึงพอใจและมีเหตุผลเท่านั้นที่จะสนับสนุนพัฒนาการของมนุษยไ์ ด้

10. สุขภาพทางเพศเป็นสิทธิมูลฐานและรากฐานของมนุษยชนเร่ืองเพศเป็นต้นกาเนิดของความผูกพันท่ีลึกซ้ึงท่ีสุดของมนุษย์ เป็นส่ิงท่ีจาเป็นสาหรับความสุขในชีวิตของบุคคล คู่สมรส ครอบครัวและสังคมดงั น้นั การเคารพในสทิ ธิทางเพศ เปน็ ส่ิงท่คี วรสนับสนุนในทกุ วิถีทาง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook