บทควบาทมควจิวยัามวจิ ัยตผอ่ลคขอวางมโครรูข้ งอกงานรักรเกัรอยี ยนม่างัธปยลมอศดึกภษยั าตในอวนยั ตเร้นยี นแมลธั ะยพมฤศตึกกิ ษรารตมอเสนี่ยตง้นทางเพศของนักเรยี นThe Effects of Safety Love in School projects on sex educationalknowledge OF STUDENTS IN SECONDARY SCHOOL andsexual risk behaviors of students in secondary school เบญจมาภรณ์ นาคามดี วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี พุทธชนิ ราช E-mail: [email protected] ภาวิณี จิตตเสถียร วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี พุทธชินราช E-mail: [email protected] อัญชลี รุ่งฉาย วทิ ยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี พทุ ธชนิ ราช E-mail: [email protected]บทคดั ย่อ การศกึ ษาครงั้ นเ้ี ปน็ การวจิ ยั กงึ่ ทดลอง แบบกลมุ่ เดยี ววดั กอ่ นหลงั การทดลอง โดยมวี ตั ถปุ ระสงค์ การวจิ ยั เพอ่ื ศกึ ษาผลของโครงการรกั อยา่ งปลอดภยั ในวยั เรยี นตอ่ ความรเู้ กย่ี วกบั เพศศกึ ษาของนกั เรยี นมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ และศกึ ษาพฤตกิ รรมเสย่ี งทางเพศของนกั เรยี นมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ กลมุ่ ตวั อยา่ งไดแ้ กน่ กั เรยี นมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ของโรงเรยี นแหง่ หนง่ึ ในจงั หวดัพิษณโุ ลกจ�ำนวน 112 คน เครอื่ งมือท่ใี ช้ในการวจิ ยั ประกอบดว้ ย แบบทดสอบความรเู้ ก่ียวกบั เพศศึกษา วิเคราะห์ข้อมลู โดยใชส้ ถติ ิ ความถ่ี รอ้ ยละ คา่ เฉลยี่ สว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐาน และ Dependent t-test และแบบสอบถามเกยี่ วกบั พฤตกิ รรมเสยี่ งทางเพศ วเิ คราะห์ข้อมูลโดยใช้สถติ ิร้อยละ ผลการวิจยั พบว่า คา่ เฉลีย่ ของคะแนนความรเู้ กยี่ วกับเพศศึกษา ของนักเรยี นมัธยมศึกษาตอนตน้ หลงั เขา้ ร่วมโครงการรักอย่างปลอดภัยในวัยเรียนสงู กวา่ กอ่ นเขา้ รว่ มอยา่ งมีนยั สำ� คญั ทางสถติ ิ ทีร่ ะดับ0.01 กล่มุ ตวั อยา่ งส่วนใหญ่ รอ้ ยละ 100 ไม่เคยถูกรังแกหรือขม่ เหงใหม้ เี พศสัมพันธ์ และรอ้ ยละ 84.4 ไมเ่ คยมเี พศสัมพันธ์กับใครมากอ่ น ร้อยละ 65.2 ไมค่ ิดทีจ่ ะมีรักในวัยเรียน ร้อยละ 58.2 มีถงุ ยางอนามัย เมอ่ื ต้องการใช้ทุกสถานการณ์ แต่ยังพบวา่ กลมุ่ ตัวอย่าง รอ้ ยละ 93.8 ไมม่ ่นั ใจวา่ จะปฏเิ สธการมีเพศสมั พันธแ์ บบไม่ปอ้ งกันไดท้ กุ คร้ัง และ รอ้ ยละ 88.4 ไมแ่ นใ่ จวา่ จะคุยกับแฟนอยา่ งจรงิ จังเร่อื งการป้องกันโรคติดตอ่ ทางเพศสัมพันธ์ และการตง้ั ครรภ์ค�ำส�ำคัญ: โครงการรักอยา่ งปลอดภยั ในวยั เรยี น ความรเู้ ก่ยี วกับเพศศกึ ษา พฤตกิ รรมเสย่ี งทางเพศ 7ปีที่ 22 ฉบบั ท่ี 1 พฤษภาคม 2559p7-16 ���������� �������.indd 7 4/25/2559 BE 09:23
ABSTRACT This study is quasi-experimental research pre-posttest design. The objectives of this study wereto examine the effects of the safety love in school project on sex educational knowledge of studentsin secondary school and sexual risk behaviors of students in secondary school. The subjects were 112students in grade 7-9, at a secondary school in Phitsanulok. Instruments used in this study composedof sex educational knowledge test and sexual risk behavior questionnaire. Data were analyzed by usingfrequency, percentage, mean, standard deviation, and Dependent t-test. The results of the study showedthat after participating in the safety love in school project, mean score of sex educational knowledge ofstudents were statistically significant higher than those than before participating in the project (p<0.01).All samples (100%) had never been bullied or persecuted for sex; 84.4% had never had sex with anyonebefore; 65.2% did not think about love in school; 58.2% had condoms to use all situations. However,93.8% did not sure whether they could refuse to have sex without protection all times; and 88.4% didnot sure how to talk about a sexually transmitted disease prevention and pregnancy prevention withtheir girlfriends or boyfriends.KEYWORDS: Safety Love in School Project, Sex educational Knowledge, Sexual Risk behaviorบทนำ� เมื่อมอี ายเุ ฉลี่ย 16.2 ปี และมแี นวโน้มว่าการมเี พศสมั พนั ธ์ วัยรุ่นเป็นกลุ่มวัยที่มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศสูง ครั้งแรกจะเร่ิมตั้งแต่อายุน้อยลงเรื่อยๆ (กรมควบคุมโรคกว่ากลุ่มอื่นๆ เป็นวัยที่ไวต่อการยอมรับส่ิงใหม่ มีการ กระทรวงสาธารณสุข, 2550) ปัจจัยเหล่าน้ีล้วนเป็นช่องเปล่ียนแปลงทัง้ ด้านร่างกาย จติ ใจ และอารมณ์ มคี วามคิด ทางให้วัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์อย่างเร็วก่อให้เกิดปัญหาการต้ังเปน็ ของตนเอง และต้องการเป็นทีย่ อมรบั ของกลมุ่ เพ่อื น มี ครรภท์ ไ่ี มพ่ งึ ประสงค์ การทำ� แทง้ โรคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พนั ธ์พฤติกรรมที่กล้าเสี่ยง ชอบทดลองหาประสบการณ์ใหม่ๆ และโรคเอดส์ จากสรุปรายงานการเฝ้าระวังโรคของศูนย์โดยเฉพาะเรอื่ งเพศ อนั เปน็ ผลมาจากพฒั นาการตามวยั และ ขอ้ มลู ทางระบาดวทิ ยา สำ� นกั ระบาดวทิ ยา กรมควบคมุ โรคฮอรโ์ มนเพศท่ีเพมิ่ ขนึ้ (รุจา ภูไ่ พบูลย์, 2547) ประกอบกบั กระทรวงสาธารณสขุ ระบวุ า่ สถานการณโ์ รคตดิ ตอ่ ทางเพศความเข้าใจทไ่ี มถ่ ูกตอ้ งในเรอ่ื งเพศ ทำ� ใหว้ ยั รุน่ มีพฤตกิ รรม สมั พนั ธข์ องประเทศไทย มแี นวโนม้ ผปู้ ว่ ยเพมิ่ ขนึ้ ทกุ ปี ตง้ั แต่ทางเพศท่ีไม่ถูกต้องเหมาะสม เช่น การมีเพศสัมพันธ์ก่อน พ.ศ.2549-2552 กลมุ่ อายทุ ม่ี อี ตั ราปว่ ยสงู สดุ คอื กลมุ่ อายุวัยอันควร การส�ำสอ่ นทางเพศ การเบยี่ งเบนทางเพศ เช่น 15-24 ปี และมแี นวโน้มที่จะเพม่ิ ขึน้การรักร่วมเพศ เป็นต้น ซึ่งพฤติกรรมเหล่าน้ีอาจก่อให้เกิดปญั หาตา่ งๆ ตามมา เชน่ การเปน็ โรคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พนั ธ์ แนวโนม้ วา่ วยั รนุ่ มเี พศสมั พนั ธเ์ มอื่ อายยุ งั นอ้ ย ผลการการตง้ั ครรภท์ ไี่ มพ่ งึ ประสงค์ และปญั หาการทำ� แทง้ (ชน่ื ฤทยั สำ� รวจของกลมุ่ งานสนบั สนนุ วชิ าการ งานควบคมุ โรคตดิ ตอ่กาญจนะจติ รา, ชาย โพธิสิตา, กฤตยา อาชวนจิ กลุ , วาสนา ทางเพศสัมพันธ์ ส�ำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลกอิ่มเอม, 2548) จากการส�ำรวจของ Duxex Global Sex ปี พ.ศ.2549 สำ� รวจพฤตกิ รรมการมเี พศสมั พนั ธข์ องนกั เรยี นSurvey 2005 พบวา่ วัยรนุ่ ไทยในปจั จบุ นั เริม่ มเี พศสมั พนั ธ์ ชน้ั มธั ยม 2 ซง่ึ เกบ็ ขอ้ มลู จาก 5 สถาบนั การศกึ ษา ในจงั หวดัเร็วขน้ึ ง่ายข้นึ มากขึน้ คู่รกั ชาวไทยมีเพศสมั พันธ์ครง้ั แรก พษิ ณโุ ลก พบวา่ นกั เรยี นมปี ระสบการณท์ างเพศ ชายรอ้ ยละ8 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีp7-16 ���������� �������.indd 8 4/25/2559 BE 09:23
บทความวิจยั5.06 หญงิ ร้อยละ 0.5 และอายุเฉล่ียของการมีเพศสัมพันธ์ ตง้ั ครรภท์ ไี่ มพ่ งึ ประสงค์ (ศริ พิ ร จริ วฒั นก์ ลุ และคณะ, 2554)ครงั้ แรกคือ 12 ปี ทัง้ หญงิ และชาย ซึ่งอายนุ อ้ ยกวา่ ค่าเฉลี่ย ดังน้ัน คณาจารย์ภาควิชาการพยาบาลมารดา ทารก และของประเทศไทยที่มีอายุเฉลี่ยของการการมีเพศสัมพันธ์ การผดงุ ครรภ์ วทิ ยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี พทุ ธชินราชครั้งแรก เทา่ กับ 16.2 ปีและคา่ เฉลย่ี ของทว่ั โลก คอื 12.2 ปี ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากเชลล์เมนคลินิก โรงพยาบาล พุทธชินราช พิษณุโลกจึงได้สนใจศึกษาวิจัยเกี่ยวกับ ผลกระทบของการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร ผลของโครงการรกั อยา่ งปลอดภยั ในวยั เรยี น ตอ่ ความรแู้ ละของเดก็ วยั รุ่นมีทง้ั ทางดา้ นรา่ งกาย จติ ใจ และสังคม วัยรนุ่ พฤติกรรมเสี่ยงทางเพศของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นทมี่ เี พศสมั พนั ธต์ ง้ั แตอ่ ายยุ งั นอ้ ย มกั มปี ญั หาพฤตกิ รรมเสย่ี ง ในโรงเรียนแห่งหนึ่งของจังหวัดพิษณุโลกข้ึน โดยลักษณะอยา่ งอน่ื รว่ มดว้ ยเชน่ การสบู บหุ รี่ดม่ื เหลา้ การเสพสารเสพตดิ ของโครงการจะเปน็ การใหค้ วามรแู้ ละพฒั นาทกั ษะชวี ติ ของพฤติกรรมเสี่ยงอนั ตรายอย่างอื่น พฤตกิ รรมก้าวร้าว ปญั หา วัยรุ่นให้มีศักยภาพในการสร้างภูมิต้านทานต่อพฤติกรรมอารมณ์ซึมเศร้า รวมถึงการมีเพศสัมพันธ์อย่างไม่ปลอดภัย ทางเพศท่ีไม่เหมาะสม และส่งเสริมให้เกิดกลุ่มแกนน�ำการขาดการป้องกันตั้งครรภ์ และการติดโรคติดต่อทาง อาสาสมัครวัยรุ่นในโรงเรียน เพื่อให้ค�ำแนะน�ำ ช่วยเหลือเพศสัมพันธ์ ปัจจุบันการอยู่ร่วมกันของชาย-หญิง ท่ียังไม่ เป็นท่ีปรึกษาและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซ่ึงกันและกันได้แต่งงานกันมีเพ่ิมขึ้นเรื่อยๆ ท้ังกลุ่มท�ำงาน วัยรุ่นทั่วไป ระหวา่ งโรงเรยี น และองคก์ รในชมุ ชน อันจะเป็นประโยชน์นักเรียน นักศกึ ษา แต่ในกล่มุ ของนกั เรียนนักศึกษานสี้ ังคม ให้เกิดการสร้างเสริมสุขภาพทางเพศของนักเรียนที่มีไทยยงั ไมย่ อมรบั เนอ่ื งจากยงั เปน็ วยั ทก่ี ำ� ลงั ศกึ ษาเลา่ เรยี นอยู่ ประสิทธิภาพต่อไปไมส่ ามารถรบั ภาระคา่ ใชจ้ า่ ยของตนเองได้ ยงั ไมม่ คี วามพรอ้ มตอ่ ปญั หาทตี่ ามมา เชน่ การเลย้ี งดบู ตุ ร การวา่ งงาน บางกรณี วัตถปุ ระสงค์ตัดสินใจท�ำแท้งโดยหวังว่าเมื่อไม่ต้ังครรภ์แล้วจะสามารถ 1. เพอื่ ศกึ ษาผลของโครงการรกั อยา่ งปลอดภยั ในวยักลับมาใช้ชีวิตและศึกษาเล่าเรียนได้ตามปกติ ซึ่งอาจเป็น เรยี นต่อความรู้เกีย่ วกบั เพศศึกษา ของนักเรียนมัธยมศึกษาอันตรายขน้ั รุนแรงตอ่ ร่างกาย เช่น การตกเลือด การตดิ เชือ้ ตอนตน้รนุ แรง จนถงึ ทำ� ให้เกดิ การเสียชีวิตขน้ึ มา บางกรณกี ป็ ล่อยให้เกิดการต้ังครรภ์ขึ้นมา ส่งผลให้ต้องออกจากการศึกษา 2. เพื่อศึกษาพฤติกรรมเส่ียงทางเพศของนักเรียนกลางคันซึ่งจะมีผลกระทบด้านจิตใจตามมา มักจะมีความ มัธยมศึกษาตอนตน้รู้สึกว่าตนท�ำผิดเกิดความกลัว ความรู้สึกผิดและละอายใจวติ กกงั วล เกดิ ภาวะซมึ เศรา้ เปน็ ตน้ (สกุ ญั ญา ออ่ นจ,ู 2552, ประโยชน์ที่ได้รบัศริ พิ ร จริ วฒั นก์ ลุ และคณะ, 2554) เพอื่ ปอ้ งกนั ปญั หาตา่ งๆ 1. ได้แนวทางส�ำหรับผู้รับผิดชอบในพ้ืนท่ีในการท่ีเกิดข้ึนจากพฤติกรรมทางเพศซึ่งท�ำให้มีผลต่อสุขภาพ ออกแบบกิจกรรมการส่งเสริมความรู้ และป้องกันการเกิดวยั รุน่ ไดม้ ีผู้ทรงคุณวฒุ ิ และผลงานวจิ ยั ไดใ้ ห้ความเหน็ ว่า พฤตกิ รรมเสีย่ งทางเพศของนักเรยี นมัธยมศกึ ษาตอนตน้ควรเร่งให้ความรู้เรื่องเพศศึกษาอย่างปลอดภัยแก่เด็กและเยาวชนอย่างเร่งด่วน เพราะครูมักไม่กล้าสอน เน่ืองจาก 2. ไดแ้ นวทางในการศึกษาค้นคว้า วิจยั เพอ่ื พฒั นาเกรงว่าเป็นการชี้โพรงให้กระรอก รวมทั้งจัดให้มีศูนย์ให้ รูปแบบกิจกรรมการส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับเพศศึกษาค�ำปรึกษาเม่ือมีปัญหาเร่ืองเพศ เช่น การตั้งครรภ์ เป็น และป้องกันการเกิดพฤติกรรมเส่ียงทางเพศของนักเรียนโรคติดต่อ ทางเพศสัมพันธ์ ซ่ึงปัจจุบันในโรงเรียน มธั ยมศึกษาตอนต้นระดับมัธยมศึกษาจะมีหัวข้อการสอนเรื่องเพศศึกษาในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น แต่ความสนใจของนักเรียนยังไม่ วิธดี �ำเนนิ การวจิ ยัถึงตัวผู้เรียน และกระตุ้นให้นักเรียนมีความตระหนักถึง การศกึ ษาครงั้ นเ้ี ปน็ การวจิ ยั กง่ึ ทดลองแบบกลมุ่ เดยี วความส�ำคัญของการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย ไม่เกิดการ วดั กอ่ นและหลงั การทดลอง (one-group pretest-posttest design) โดยจัดโครงการบริการวิชาการ เร่ือง รักอย่าง 9ปที ่ี 22 ฉบบั ที่ 1 พฤษภาคม 2559p7-16 ���������� �������.indd 9 4/25/2559 BE 09:23
ปลอดภัยในวัยเรียนต่อความรู้เกี่ยวกับเพศศึกษา และ 3 โรงเรียนท่ีมีลักษณะเดียวกัน จ�ำนวน 30 คน แล้วน�ำพฤติกรรมเสีย่ งทางเพศของนกั เรยี นมธั ยมศกึ ษาตอนต้น คะแนนมาหาค่าความเท่ียงโดยเข้าสูตร KR20 ได้ค่าความ เที่ยงเท่ากับ 0.69 2. แบบสอบถามพฤติกรรมเสยี่ งทางเพศ มีขั้นตอนกลมุ่ ตัวอยา่ ง การสรา้ งและตรวจสอบคุณภาพ ดังน้ี กลุ่มตัวอย่างในการศึกษาคัดเลือกเฉพาะเจาะจง 2.1 ศึกษา และแปลงแบบสอบถามพฤติกรรมคือ นักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นของโรงเรียนแห่งหน่ึงใน เสี่ยงทางเพศ จากคู่มือ โครงการก้าวอย่างเข้าใจ การจัดจงั หวดั พษิ ณโุ ลก ประกอบดว้ ยนกั เรยี น ทกี่ ำ� ลงั ศกึ ษา ระดบั กระบวนการเรยี นรู้ “เพศศกึ ษา” ขององคก์ ารแพธ (PATH)ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 1 จำ� นวน 32 คน ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 2จำ� นวน 42 คน และชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 จ�ำนวน 38 คน 1.2 พฒั นาแบบสอบถามพฤตกิ รรมเสยี่ งทางเพศรวมจ�ำนวน 112 คน จำ� นวน 13 ข้อ เป็นแบบมาตราสว่ นประเมนิ ค่า 3 ระดบั 1.3 น�ำแบบสอบถามพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ เครือ่ งมือท่ใี ชใ้ นการดำ� เนนิ การวจิ ัย ได้แก่ ไปตรวจสอบความตรงของเนือ้ หา (content validity) โดย 1. แบบทดสอบความรู้ เก่ียวกับเพศศึกษา จำ� นวน ผทู้ รงคณุ วฒุ ทิ เ่ี ปน็ อาจารยพ์ ยาบาลมปี ระสบการณส์ อนเรอื่ ง20 ขอ้ แบบเลือกตอบถูก ผิด ทสี่ ร้างขึน้ โดยผูว้ จิ ยั จากการ เพศศึกษาในวัยรุ่น และพยาบาลวิชาชีพท่ีปฏิบัติงานให้ค�ำทบทวนเอกสารและงานวิจยั ท่ีเก่ยี วข้อง ปรึกษาเร่อื งเพศศึกษาในวยั รุ่น จ�ำนวน 3 ท่าน 2. แบบสอบถามพฤตกิ รรมเสย่ี งทางเพศ จำ� นวน 13ข้อ ทผี่ วู้ จิ ยั ดดั แปลงจาก องคก์ ารแพธ (PATH) (2550) เป็น 1.4 น�ำแบบสอบถามพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศมาแบบมาตราสว่ นประเมนิ ค่า 3 ระดับ ปรับปรงุ แก้ไข ตามข้อเสนอแนะผทู้ รงคุณวฒุ ิ 3. แผนการสอนโครงการรักอย่างปลอดภัยในวัยเรียน ผวู้ จิ ยั ดดั แปลงจาก องคก์ ารแพธ (PATH) (2550) 1.5 ตรวจสอบความเท่ียงของเครื่องมือโดย การน�ำไปทดลองใช้กับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น ชั้นปีการสร้างและตรวจคุณภาพเครอื่ งมอื ท่ี 3 โรงเรยี นท่มี ีลักษณะเดียวกนั จ�ำนวน 30 คน แลว้ นำ� คะแนนมาหาคา่ ความเทย่ี งโดยใชส้ ตู รสมั ประสทิ ธอ์ิ ลั ฟา่ ของ 1. แบบทดสอบความรู้ เกย่ี วกบั เพศศกึ ษา มขี นั้ ตอน ครอนบาค (Alpha Coefficient of Cronbach) ไดค้ า่ ความการสรา้ งและตรวจสอบคุณภาพ ดังน้ี เท่ียงเท่ากับ 0.87 1.1 ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เก่ียวข้องกับ 3. แผนการสอนโครงการรักอย่างปลอดภัยในวัยพฤตกิ รรมเส่ยี งทางเพศในวยั รุ่น เรียน มีขั้นตอนการสร้างและตรวจสอบคณุ ภาพ ดังนี้ 1.2 สรา้ งแบบทดสอบความรเู้ กยี่ วกบั เพศศกึ ษา 3.1 ศึกษาเอกสารและงานวิจัยท่ีเก่ียวข้องกับจำ� นวน 20 ข้อ แบบเลือกตอบถูก ผดิ กิจกรรมต่างๆ เร่ือง รกั อย่างปลอดภัยในวัยเรยี น 1.3 น�ำแบบทดสอบความรู้เกี่ยวกับเพศศึกษา 3.2 เขยี นแผนการสอนโครงการรกั อยา่ งปลอดภยัไปตรวจสอบความตรงของเน้ือหา (content validity) โดย ในวัยเรยี น โดยดดั แปลงจาก องค์การแพธ (PATH) (2550)ผทู้ รงคณุ วฒุ ทิ เ่ี ปน็ อาจารยพ์ ยาบาลมปี ระสบการณส์ อนเรอ่ื งเพศศึกษาในวัยรุ่น และพยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานให้ค�ำ 3.3 น�ำแผนการสอนโครงการรักอย่างปลอดภัยปรึกษาเรอ่ื งเพศศึกษาในวยั รุน่ จำ� นวน 3 ทา่ น ในวัยเรียน ไปตรวจสอบความตรงของเน้ือหา (content validity) โดยผู้ทรงคุณวุฒิท่ีเป็นอาจารย์พยาบาลมี 1.4 น�ำแบบทดสอบความรู้เก่ียวกับเพศศึกษา ประสบการณ์สอนเร่ือง เพศศึกษาในวัยรุ่น และพยาบาลมาปรับปรงุ แก้ไข ตามข้อเสนอแนะผู้ทรงคุณวุฒิ วิชาชีพที่ปฏิบัติงานให้ค�ำปรึกษาเร่ืองเพศศึกษาในวัยรุ่น จำ� นวน 3 ท่าน 1.5 ตรวจสอบความเที่ยงของเคร่ืองมือโดยการน�ำไปทดลองใช้กับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น ช้ันปีที่ 3.4 น�ำแผนการสอนโครงการรักอย่างปลอดภัย ในวัยเรียนมาปรบั ปรุงแก้ไขตามขอ้ เสนอแนะผทู้ รงคุณวฒุ ิ10 สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารีp7-16 ���������� �������.indd 10 4/25/2559 BE 09:23
บทความวจิ ยั การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ประกอบด้วย กลุ่มน�ำเสนอ และหลงั จากนน้ั ผูว้ ิจยั สรปุ ความรู้ ทกั ษะและ 1. ข้ันเตรียมการ ข้อคดิ ในภาพรวม พรอ้ มทั้งชอ่ งทางการใหค้ ำ� ปรกึ ษา 1.1 ผวู้ จิ ยั ประชมุ คณะกรรมการทำ� งานในพนื้ ที่และหน่วยงานท่ีเก่ียวขอ้ ง ไดแ้ ก่ ตัวแทนจากโรงเรยี น ศูนย์ • จัดกิจกรรมธรรมะ (เยาวชนพบพระ) 1 คร้ังสขุ ภาพชมุ ชน และเซลลแ์ มนคลนิ กิ โรงพยาบาลพทุ ธชนิ ราช 3 ชั่วโมง นกั เรียนทุกระดับชนั้ โดยพระมหาสมเกียรติ จากพิษณโุ ลก วัดแห่งหน่ึงในจังหวัดพิษณุโลก ในประเด็นบุญคุณพ่อแม่ 1.2 ผู้วิจัยส่งโครงการวิจัยเสนอคณะกรรมการ ในวัยเรยี นจริยธรรมการวิจัยของวิทยาลัยฯ เพ่ือรับรองโครงการวิจัยและสง่ โครงการวจิ ยั ถงึ ผอู้ ำ� นวยการโรงเรยี น เพอื่ ขออนญุ าต • จัดกิจกรรมคู่บดั ดี้ ดแู ลสขุ ภาพเกบ็ ขอ้ มลู • คน้ หาและรบั สมคั รแกนนำ� ของนกั เรยี นทป่ี ฏบิ ตั ิ หนา้ ทใ่ี หค้ ำ� ปรกึ ษาเพอื่ นนกั เรยี นเบอ้ื งตน้ ประสานกบั ผวู้ จิ ยั 1.3 หลังจากได้รับอนุญาตแล้ว ผู้วิจัยพบรอง ในกรณที มี่ ปี ญั หา หรอื พบกลมุ่ เสยี่ ง โดยแกนนำ� แตล่ ะชน้ั จะผู้อำ� นวยการฝา่ ยวิชาการ ตัวแทนครูประจ�ำช้นั มัธยมศกึ ษา ได้รับการส่งเสริมท�ำกิจกรรมในประเด็นท่ีเกี่ยวข้องกับเพศของโรงเรียน เพอ่ื ชีแ้ จงวตั ถุประสงค์ ข้ันตอนการวิจยั และ ศกึ ษาท้งั ใน และนอกโรงเรียนกำ� หนดเวลาในการวจิ ยั รวมทงั้ อธบิ ายใหก้ ลมุ่ ตวั อยา่ งทราบ 2.3 ผวู้ จิ ยั ใหก้ ลมุ่ ตวั อยา่ งตอบแบบทดสอบความเพอื่ ขอความรว่ มมอื ในการเขา้ รว่ มการวจิ ยั และชแี้ จงพทิ กั ษ์ รเู้ กย่ี วกบั เพศศกึ ษา ภายหลงั เขา้ รว่ มโครงการ 2 สัปดาห์สทิ ธกิ์ ลมุ่ ตวั อยา่ งดว้ ยวาจา ไดแ้ ก่ การใหข้ อ้ มลู ถงึ การเขา้ รว่ มหรอื ปฏเิ สธ การรกั ษาความลบั ของขอ้ มลู การนำ� เสนอขอ้ มลู การวิเคราะหข์ อ้ มลูในภาพรวมไม่เปิดเผยข้อมูลชื่อและนามสกุลที่แท้จริงของ การวเิ คราะหข์ อ้ มลู ใชโ้ ปรแกรมสำ� เรจ็ รปู คอมพวิ เตอร์กลุ่มตัวอย่าง เพ่ือประโยชน์ทางการศึกษา โดยไม่มีผลใดๆ โดยค�ำนวณหาค่าเฉลี่ย ร้อยละ ค่าเฉล่ีย และส่วนเบี่ยงต่อผู้ให้ข้อมูลทั้งสิ้น เมื่อกลุ่มตัวอย่างยินดีเข้าร่วมจึงเร่ิม เบนมาตรฐานของคะแนนความรู้เก่ียวกับเพศศึกษาด�ำเนนิ การวจิ ัยตามขน้ั ตอน และแบบสอบถามพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ ของนักเรียน มธั ยมศกึ ษาตอนต้น และค�ำนวณ Dependent t-test เพื่อ 2. ขน้ั ด�ำเนินการ เปรียบเทียบคะแนนทดสอบความรู้เกยี่ วกบั เพศศึกษา 2.1 ผู้วิจัยให้กลุ่มตัวอย่างตอบแบบทดสอบความรเู้ กย่ี วกบั เพศศกึ ษา และตอบแบบสอบถามพฤตกิ รรม สรุปผลการวจิ ยัเสย่ี งทางเพศ 1. กลุ่มตัวอย่าง เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 2.2 ดำ� เนนิ โครงการรกั อยา่ งปลอดภยั ในวยั เรยี น 2 และ 3 จ�ำนวน 32 คน 42 คน และ 38 คน ตามลำ� ดบักิจกรรมมรี ายละเอยี ด ดังน้ี คิดเป็นร้อยละ 28.57 37.50 และ 33.93 ตามล�ำดับ • กิจกรรมใหค้ วามรู้กับนักเรียน โดยดำ� เนินการ (ดงั แสดงรายละเอยี ดในตารางที่ 1)สอน โดยแบง่ เปน็ ระดับชนั้ (ม.1-ม.3) ชั้นละ 1 คร้ัง ครั้งละ3 ชว่ั โมง ผ่านละครสนั้ โดยนกั ศึกษาพยาบาลศาสตร์ ชัน้ ปที ี่ 2. คา่ เฉลยี่ ความรเู้ กยี่ วกบั เพศศกึ ษา ของกลมุ่ ตวั อยา่ ง3 เป็นผ้แู สดง และมนี กั ศึกษาพยาบาลฯ เปน็ พเ่ี ลีย้ งประจ�ำ ภาพรวม กอ่ นเข้ารว่ มโครงการ เท่ากับ 11.91 (SD = 1.62)กลุม่ ๆ ละ 2 คน กิจกรรมกลมุ่ เนน้ ใหน้ กั เรยี นเรียนรู้จากตัวละคร ทงั้ หมด 3 ตอน ตอนที่ 1 เปน็ บทละครและโจทยเ์ กยี่ ว ตารางท่ี 1 จ�ำนวน และร้อยละของกลุม่ ตวั อยา่ งกบั ทกั ษะการปฏเิ สธ ตอนที่ 2 เปน็ บทละคร และโจทยเ์ กยี่ วกับความรู้ในการคุมกำ� เนดิ และตอนที่ 3 เป็นบทละครและ ระดับชั้น จ�ำนวน ร้อยละโจทยเ์ กย่ี วกบั ผลกระทบของการตง้ั ครรภใ์ นวยั เรยี น จากนนั้ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 32 28.57ใหก้ ลมุ่ รว่ มวเิ คราะหเ์ หตกุ ารณจ์ ากตวั ละคร และสมุ่ ใหแ้ ตล่ ะ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 42 37.50 ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 3 38 33.93 รวม 112 100.00 11ปที ่ี 22 ฉบับท่ี 1 พฤษภาคม 2559p7-16 ���������� �������.indd 11 4/25/2559 BE 09:23
และหลงั เข้าร่วมโครงการ เท่ากบั 13.90 (SD = 2.39) เม่อื 3. พฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ ของกลุ่มตัวอย่างกลุ่มแยกตามระดบั ชนั้ นกั เรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 กอ่ นเขา้ รว่ ม ตัวอย่างส่วนใหญ่ ร้อยละ 100 ไม่เคยใช้บริการหญิง/ชายโครงการ มคี า่ เฉลย่ี ความรเู้ กยี่ วกบั เพศศกึ ษา เทา่ กบั 11.53 ขายบรกิ าร และไมเ่ คยถกู รงั แกหรือข่มเหงใหม้ เี พศสมั พนั ธ์(SD = 1.56) และหลงั เขา้ รว่ มโครงการ เทา่ กบั 11.91 (SD = รอ้ ยละ 84.8 ไมเ่ คยมเี พศสมั พนั ธก์ บั ใครมากอ่ น รอ้ ยละ 62.51.78) ชนั้ นักเรียนชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 กอ่ นเข้าร่วม เคยมีเพศสัมพันธ์กับแฟนหรือคนรัก โดยใช้ถุงยางอนามัย แต่ก็ยังพบว่า รอ้ ยละ 37.5 เคยมเี พศสัมพันธ์กับแฟนหรอื โครงการ มคี า่ เฉลยี่ ความรเู้ กย่ี วกบั เพศศกึ ษา เทา่ กบั คนรัก โดยไมใ่ ช้ถงุ ยางอนามยั และภาพรวม ร้อยละ 93.812.69 (SD = 1.84) และหลงั เขา้ รว่ มโครงการ เทา่ กบั 15.00 มั่นใจว่าสามารถปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกันได้(SD = 2.52) และระดบั ชนั้ นกั เรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 กอ่ น ทุกครงั้ ร้อยละ 88.4 มนั่ ใจว่าสามารถคยุ กับแฟนไดอ้ ย่างเขา้ รว่ มโครงการ มคี า่ เฉลยี่ ความรเู้ กย่ี วกบั เพศศกึ ษา เทา่ กบั จริงจังเร่ืองการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการ12.57 (SD = 1.83) และหลงั เขา้ รว่ มโครงการ เทา่ กบั 14.39 ต้ังครรภ์ ร้อยละ 65 ไม่ม่ันใจว่าไม่คิดท่ีจะมีรักในวัยเรียน(SD = 1.98) (ดงั แสดงรายละเอียดในตารางที่ 2) ร้อยละ 58 ไม่ม่ันใจมัธยมศึกษาปีที่ 1 2 และ 3 มี พฤติกรรมเสี่ยงทางเพศไม่แตกต่างจากภาพรวม จะมีเพียง ตารางที่ 2 ค่าเฉลยี่ และสว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐานความรู้ ช้ันมัธยมศึกษา ช้ันปีท่ี 1 ที่พบว่า ร้อยละ 50 มีท้ัง ว่ามี เกยี่ วกบั เพศศกึ ษา กอ่ นและหลงั เข้าร่วมโครงการฯ ถงุ ยางอนามัย เมื่อตอ้ งการใช้ทุกสถานการณ์ ร้อยละ 56.3 ไม่ม่ันใจว่าจะดูออกว่าคนที่มีเพศสัมพันธ์กับฉันเคยมีเพศระดบั ชนั้ ก่อนเข้ารว่ ม หลังเขา้ ร่วม สมั พนั ธ์กบั คนอื่นมาก่อน และร้อยละ 55.4 ไม่มัน่ ใจวา่ จะ โครงการฯ โครงการฯ มีเพศสัมพันธ์กับคนๆ เดียวเท่านั้น หากเม่ือแยกวิเคราะห์ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 11.53 11.91 ตามระดบั ชนั้ พบวา่ ทกุ ระดบั ชน้ั ทงั้ มน่ั ใจ และไมม่ น่ั ใจวา่ จะ (SD = 1.56) (SD = 1.78) ปฏเิ สธการมเี พศสมั พันธแ์ บบไมป่ ้องกนั ไดท้ กุ ครง้ั (ดงั แสดงช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 12.69 15.00 รายละเอยี ดในตารางที่ 4) (SD = 1.84) (SD = 2.52)ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 12.57 14.39 การอภปิ รายผล (SD = 1.83) (SD = 1.98)เมื่อศึกษาผลของโครงการรักอย่างปลอดภัยในวัย 1. ความรู้เกยี่ วกับเพศศกึ ษาเรียนต่อความรู้เกี่ยวกับเพศศึกษาของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น ผลการวิจัย พบว่า ค่าเฉล่ียของคะแนนทดสอบ จากผลการวจิ ยั พบวา่ กลมุ่ ตวั อยา่ ง มคี วามรเู้ กย่ี วกบัความรู้เก่ียวกับเพศศึกษา ของนักเรียนมัธยมต้น ก่อนและ เพศศกึ ษาเพมิ่ ขน้ึ ภายหลงั เขา้ รว่ มโครงการรกั อยา่ งปลอดภยัหลังเข้าร่วมโครงการรักอย่างปลอดภัยในวัยเรียน เท่ากับ ในวยั เรยี น โดยความรกู้ อ่ นเขา้ รว่ มโครงการฯ เทา่ กบั 11.9111.91 และ 13.89 คะแนน เมื่อเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของ (SD = 1.62) และหลงั เขา้ รว่ มโครงการฯ เทา่ กบั 13.90 (SD =คะแนนความรกู้ อ่ นและหลงั เขา้ รว่ มโครงการ พบวา่ แตกตา่ ง 2.39) เมอ่ื เปรียบเทียบคา่ เฉลี่ยของคะแนนความรกู้ อ่ นและกันอย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติ ท่ีระดับ 0.01 ดังแสดงราย หลงั เขา้ รว่ มโครงการ พบวา่ แตกตา่ งกนั อยา่ งมนี ยั สำ� คญั ทางดงั ตารางที่ 3 สถติ ิ ทร่ี ะดบั 0.01 ซง่ึ ความร้เู ก่ียวกบั เพศศกึ ษา เป็นปัจจยั ที่มีผลต่อพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศในวัยรุ่น สอดคล้องกับ ตารางที่ 3 เปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลีย่ และ กญั ญา กลายสขุ พรรณนภา เงนิ เสง็ และวรรณรตั น์ มากำ� เนดิ สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐานของคะแนนทดสอบความรเู้ กย่ี ว (2552) พบว่า ความรเู้ ร่อื งผลกระทบจากการมเี พศสมั พันธ์ กับเพศศึกษา ของนักเรียนมัธยมต้น ก่อนและหลังเข้า เปน็ ปจั จยั หนง่ึ ทมี่ ผี ลตอ่ พฤตกิ รรมเสยี่ งการมเี พศสมั พนั ธใ์ น ร่วมโครงการรักอย่างปลอดภัยในวยั เรียน (N=112) วยั รนุ่ ซึง่ ความรู้ ความเข้าใจทเ่ี กีย่ วกบั ข้อเท็จจริงทีถ่ กู ต้อง X SD tก่อน 11.91 1.62 รวมถึงทราบข้อดี ข้อเสียที่ถูกต้องจะช่วยท�ำให้หลัง 13.89 2.39 -7.545**12 สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารีp7-16 ���������� �������.indd 12 4/25/2559 BE 09:23
บทความวจิ ัยวัยรุ่นมีความรู้ ความเข้าใจเร่ืองนั้นๆ ได้อย่างถูกต้อง และ 2. พฤติกรรมเส่ียงทางเพศมพี ฤตกิ รรมทเี่ หมาะสม โครงการรกั อยา่ งปลอดภยั ในวยั เรยี นมีการให้ความรู้ เร่ือง การเปลี่ยนแปลงในวัยรุ่น ทักษะ จากผลการวจิ ยั พบวา่ กลมุ่ ตวั อยา่ งสว่ นใหญ่ รอ้ ยละการปฏเิ สธ การคุมก�ำเนิด การตั้งครรภ์ในวัยร่นุ ผลกระทบ 100 ไม่เคยใช้บริการหญิง/ชายขายบริการ และไม่เคยของการตง้ั ครรภ์วัยรุ่น กระบวนการให้ความรู้ผา่ นละครส้นั ถกู รังแกหรอื ขม่ เหงใหม้ เี พศสมั พันธ์ รอ้ ยละ 84.8 ไมเ่ คยมีให้นักเรียนตอบปัญหา หรือแก้ไขสถานการณ์ภายใต้ เพศสมั พันธ์กบั ใครมาก่อน ร้อยละ 62.5 เคยมีเพศสมั พันธ์กระบวนการกลุ่ม ซ่ึงเป็นการให้ความรู้โดยให้ผู้เรียนเป็น กับแฟนหรือคนรัก โดยใช้ถุงยางอนามัย แต่ก็ยังพบว่าศนู ยก์ ลาง สอดคลอ้ งกับการศกึ ษาของ เขมกิ า สมบตั ิโยธา ร้อยละ 37.5 เคยมเี พศสัมพันธก์ ับแฟนหรือคนรัก โดยไม่ใช้สุณีรัตน์ ย่ังยืน และสุภเวช บุตรศรีภูมิ (2556) ท่ีพบว่า ถงุ ยางอนามยั และภาพรวม รอ้ ยละ 93.8 ไมม่ น่ั ใจวา่ สามารถการจัดการเรียนการสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ท�ำให้ ปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกันได้ทุกคร้ัง ร้อยละผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมการเรียนมากข้ึน 88.4 ไม่มนั่ ใจวา่ สามารถคุยกบั แฟนไดอ้ ย่างจรงิ จงั เร่อื งการผู้เรียนได้รับความรู้และมีทักษะท่ีจ�ำเป็นในการน�ำไปใช้ใน ปอ้ งกันโรคตดิ ตอ่ ทางเพศสัมพนั ธ์ และการตง้ั ครรภ์ ร้อยละการป้องกันโรคในชีวิตประจ�ำวันได้ 65 ไมม่ น่ั ใจวา่ ไมค่ ดิ ทจี่ ะมรี กั ในวยั เรยี น รอ้ ยละ 58 ไมม่ น่ั ใจ ว่ามีถุงยางอนามัย เม่ือต้องการใช้ทุกสถานการณ์ ร้อยละ 56.3 ไม่มั่นใจว่าจะดูออกว่าคนที่มีเพศสัมพันธ์กับฉันเคยมีตารางที่ 4 พฤตกิ รรมเสี่ยงทางเพศ ร้อยละพฤติกรรมเสีย่ งทางเพศภาพรวม ปฏบิ ตั ิ ไม่ปฏบิ ัต ิ ไม่ม่ันใจ1. ฉนั เคยใชบ้ ริการหญงิ /ชายขายบริการ - 100.0 -2. ฉนั เคยถูกรังแก/ขม่ เหงให้มีเพศสัมพันธด์ ้วย - 100.0 -3. ฉันม่นั ใจว่าฉนั ปฏเิ สธการมเี พศสมั พนั ธ์แบบไม่ปอ้ งกนั ไดท้ กุ คร้งั 6.3 - 93.84. ฉันคุยกบั แฟนของฉันอย่างจริงจังเร่อื งการปอ้ งกันโรคติดตอ่ 9.8 1.8 88.4ทางเพศสัมพนั ธ์ และการตง้ั ครรภ ์5. ฉนั ไม่เคยมีเพศสมั พนั ธ์กบั ใครมาก่อน 84.8 15.2 -6. ฉนั ม่ันใจว่าหลังจากเราตกลงเปน็ แฟนกันแลว้ แฟนของฉนั จะไม่ม ี 34.8 - 65.2เพศสัมพันธก์ ับใครอกี 7. ฉนั ไมค่ ดิ ทจี่ ะมรี ักในวัยเรียน 65.2 16.1 18.88. ฉันเคยมีเพศสัมพันธก์ ับคนอืน่ ทีไ่ ม่ใช่แฟนหรอื คนรกั - 63.4 36.6โดยไม่ใช้ถุงยางอนามยั 9. ฉนั เคยมีเพศสมั พนั ธก์ บั แฟนหรือคนรัก โดยไมใ่ ช้ถุงยางอนามยั - 62.5 37.510. ฉันม่นั ใจว่าคขู่ องฉนั ใช้ถุงยางอนามยั ทกุ คร้งั เมือ่ มเี พศสัมพนั ธ ์ 45.5 - 54.5กบั คนอนื่ 11. ฉันมถี งุ ยางอนามยั เม่อื ตอ้ งการใชท้ ุกสถานการณ ์ 58.0 4.5 37.512. ฉันดอู อกวา่ คนท่มี เี พศสัมพนั ธ์กบั ฉนั เคยมีเพศสัมพนั ธ์ 56.3 6.3 37.5กับคนอืน่ มาก่อน 13. ฉนั มั่นใจว่าฉันจะมีเพศสัมพนั ธ์กบั คนๆ เดียว เท่านั้น 55.4 1.8 42.9 13ปที ่ี 22 ฉบบั ที่ 1 พฤษภาคม 2559p7-16 ���������� �������.indd 13 4/25/2559 BE 09:23
เพศสัมพันธ์กับคนอ่ืนมาก่อนและร้อยละ 55.4 ไม่ม่ันใจว่า ในขณะเดียวกันกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ก็ไม่สามารถจะมเี พศสมั พนั ธก์ บั คนๆ เดยี วเทา่ นน้ั หากเมอ่ื แยกวเิ คราะห์ ปฏิเสธหรือยับยั้งใจท่ีจะไม่ให้เกิดการมีเพศสัมพันธ์ในวัยตามระดับชั้น พบว่า ทุกระดับชั้นทั้งมัธยมศึกษาปีที่ 1 2 เรยี นได้ ถงึ แมก้ จิ กรรมของโครงการจะสะทอ้ นถงึ ผลกระทบและ 3 มีพฤติกรรมเส่ียงทางเพศไม่แตกต่างจากภาพรวม ของการมเี พศสัมพนั ธใ์ นวยั เรียนสอดคล้องกบั ผลการศกึ ษาจะมีเพียงช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 ท่ีพบว่า ร้อยละ 50 มีท้ัง ของศริ พิ ร จริ วฒั นก์ ลุ และคณะ (2554) พบวา่ การหา้ มวยั รนุ่ม่ันใจ และไม่มั่นใจว่าจะปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์แบบ อายตุ ำ่� กวา่ 20 ปี ไมใ่ หม้ เี พศสมั พนั ธน์ นั้ เปน็ เรอ่ื งทย่ี าก เพราะไม่ป้องกันไดท้ กุ ครัง้ การรับรู้ของเด็กที่เห็นว่าการมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียนเป็น เรื่องธรรมดา ไม่ใชค่ วามผิด เพียงแต่ผู้ใหญ่เทา่ น้ันที่ไม่ชอบ จะเหน็ ไดว้ า่ พฤตกิ รรมเสยี่ งทางเพศของกลมุ่ ตวั อยา่ ง มองว่าการลักลอบมีเพศสัมพันธ์เป็นการท้าทาย ดังนั้นผวู้ จิ ยั ศกึ ษากอ่ นทด่ี ำ� เนนิ การตามโครงการรกั อยา่ งปลอดภยั การห้ามไม่ให้วัยรุ่นมีพฤติกรรมเส่ียงทางเพศ โดยการห้ามในวยั เรยี นเพอื่ ศกึ ษาพฤตกิ รรเสยี่ งทางเพศทเ่ี กดิ ขนึ้ จรงิ ของ ไม่ให้มีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียนนั้นเป็นเร่ืองที่ยาก ด้วยการกลุ่มตัวอย่าง เมื่อพิจารณาผลการวิเคราะห์ข้อมูล จะเห็น เปลย่ี นแปลงทงั้ ดา้ นกายภาพ สรรี วทิ ยา และจติ สงั คม ไมว่ า่ได้ว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ไม่เคยใช้บริการหญิง/ชายขาย จะเปน็ การเปลยี่ นแปลงทางดา้ นรา่ งกาย มคี วามเจรญิ เตบิ โตบรกิ าร ซงึ่ ในสงั คมไทยปจั จบุ นั เดก็ วยั รนุ่ ไมน่ ยิ มทซ่ี อ้ื บรกิ าร การเปล่ียนแปลงของฮอร์โมนน�ำไปสู่ความสมบูรณ์ทางเพศแต่จะมีเพศสัมพันธ์กับแฟนหรือคนรัก สอดคล้องกับการ และการเจรญิ พนั ธ์ุ ความตอ้ งการการยอมรบั เมอ่ื เขา้ สสู่ งั คมศึกษาของ มณเฑียร คณาสวสั ดิ์ (2557) พบวา่ นักเรยี นชาย มคี วามเปน็ ตวั ของตวั เอง ชอบความเสยี่ ง ชอบอสิ ระไมช่ อบและนกั เรยี นหญงิ ในจงั หวดั ลพบรุ ี พ.ศ. 2553-2554 สว่ นใหญ่ บงั คบั (สตางค์ ศภุ ผล, 2555) อีกทั้งสภาพสงั คมท่ีเปลย่ี นมักมีพฤตกิ รรมการมีเพศสัมพันธก์ ับแฟน หรอื คนรกั อีกทง้ั แปลงไปอยา่ งรวดเรว็ ทัง้ ส่อื ตา่ งๆ ทีส่ ามารถเข้าถงึ ไดท้ ุกวัยกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ไม่เคยถูกรังแกหรือข่มเหงให้มีเพศ สภาพครอบครวั ทไี่ มม่ เี วลาพดู คยุ ระหวา่ งเดก็ และผปู้ กครองสมั พนั ธ์ ซง่ึ ประเดน็ นมี้ คี วามแตกตา่ งกบั ขา่ วทพี่ บในปจั จบุ นั อีกทั้งการให้บริการข้อมูลข่าวสารยังกระจายไม่ท่ัวถึง ล้วนซ่ึงสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ส่งผลให้วันรุ่นเกดิ พฤติกรรมเส่ียงทางเพศได้(2556) รายงานสถานการณเ์ รอื่ งเพศทโ่ี ดดเดน่ ในรอบ 13 ปีพบวา่ การขม่ ขนื เปน็ สถานการณ์หรือข่าวที่พบบอ่ ยท่ีสดุ ใน ข้อเสนอแนะสถานการณห์ รอื ขา่ วทเ่ี กย่ี วกบั เรอื่ งเพศ ในชว่ งปี 2541-2553พบวา่ มสี ถานการณห์ รอื ขา่ วขม่ ขนื จำ� นวนมากถงึ 8,902 ขา่ ว ข้อเสนอแนะในการน�ำผลการวจิ ัยไปใช้หรือปีละ741 ข่าว โดยเฉพาะในช่วง 3 ปีหลัง คือ พ.ศ.2551-2553 กว่าคร่ึงของข่าวท่ีเก่ียวข้องกับความรุนแรง 1. ควรน�ำโครงการรักอย่างปลอดภัยในวัยเรียนไปทางเพศเปน็ เรอ่ื งของการขม่ ขืนกระทำ� ชำ� เรา ซ่งึ ถือเป็นการ ใหบ้ รกิ ารวชิ าการกบั นกั เรยี นในชนั้ ประถมศกึ ษาตอนปลายสะท้อนภาพความเป็นสังคมที่มีอันตรายทางเพศในระดับท่ี และมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ และพฒั นาหรอื ปรบั บทละครสน้ั ให้นา่ เป็นห่วง จากผลการวจิ ยั สะทอ้ นใหเ้ หน็ ว่า กลุม่ ตัวอยา่ ง สะทอ้ นพฤตกิ รรมเสยี่ งของวยั รนุ่ อยา่ งชดั เจน เพอื่ ใหเ้ กดิ การสว่ นใหญม่ คี วามมน่ั ใจวา่ จะสามารถปฏเิ สธการมเี พศสมั พนั ธ์ พฒั นากจิ กรรมของโครงการอย่างมปี ระสิทธภิ าพแบบไม่ใช้ถุงยางอนามัย แต่ไม่ได้ปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์อีกทั้งยังไม่แน่ในว่าจะมีเพศสัมพันธ์กับคนๆ เดียวเท่าน้ัน 2. การด�ำเนินโครงการรกั อยา่ งปลอดภัยในวยั เรยี นซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าแม้วัยรุ่นจะมีความรู้เร่ืองการคุมก�ำเนิด ตอ้ งมอี าจารยผ์ รู้ บั ผดิ ชอบแตล่ ะชนั้ ของโรงเรยี นนนั้ ๆ เขา้ รว่ มและโรคตดิ ต่อทางเพศสัมพนั ธ์ ซึ่งกจิ กรรมในโครงการฯ จะ ทกุ ครัง้ เพ่ือให้เกดิ ความตอ่ เน่ืองของกจิ กรรมสะทอ้ นถงึ ความรู้ และการปอ้ งการกนั ตงั้ ครรภแ์ ละโรคตดิ ตอ่ทางเพศสัมพนั ธ์ 3. ควรมีกิจกรรมประสานงาน และติดตามการ ด�ำเนินงานของกลุ่มแกนน�ำอย่างต่อเน่ือง เพื่อพัฒนาความ สามารถกลมุ่ แกนนำ� 14 สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย 4/25/2559 BE 09:23 ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีp7-16 ���������� �������.indd 14
บทความวิจัยขอ้ เสนอแนะในการท�ำวจิ ยั ครัง้ ตอ่ ไป กบั ความร้แู ละพฤตกิ รรมเสยี่ งทางเพศในวยั ร่นุ เชน่ สภาพ ครอบครัวการเลย้ี งดู ส่ือและเทคโนโลยี เป็นต้น 1. ควรมีการศึกษาโดยเน้นกิจกรรมที่ส่งเสริมภาคีเครือข่ายในชุมชนมามีส่วนร่วมในการจัดการหรือแก้ไข กติ ติกรรมประกาศปัญหาพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศของวัยรุ่นอย่างชัดเจน และ งานวิจัยนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากวิทยาลัยพยาบาลต่อเนอื่ ง บรมราชชนนี พุทธชนิ ราช 2. ควรมีการศึกษาตัวแปรอื่นๆ ที่มีความเก่ียวข้องเอกสารอา้ งองิกรมควบคมุ โรค กระทรวงสาธารณสุข. (2550). สถานการณโ์ รคเอดส์ วัณโรค และโรคติดตอ่ ทางเพศสัมพันธ์ พ.ศ. 2550. นนทบรุ ี: องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก.กญั ญา กลายสขุ พรรณนภา เงนิ เสง็ และวรรณรตั น์ มากำ� เนดิ . (2552). ปจั จยั ทม่ี ผี ลตอ่ พฤตกิ รรมเสยี่ งตอ่ การมเี พศสมั พนั ธ์ ในวยั รนุ่ : กรณศี กึ ษา นกั เรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ โรงเรยี นสงั กดั สำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน จังหวัดพิษณุโลก. สารนพิ นธ์ คณะสาธารณสขุ ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั นเรศวร, พษิ ณุโลก.เขมกิ า สมบตั โิ ยธา สณุ รี ตั น์ ยง่ั ยนื และสภุ เวช บตุ รศรภี มู .ิ (2556). ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นวชิ าการปอ้ งกนั และควบคมุ โรค โดยใชร้ ปู แบบการสอนแบบผสมผสานเนน้ ผเู้ รยี นเปน็ ศนู ยก์ ลาง นสิ ติ หลกั สตู รสาธารณสขุ ศาสตรบณั ฑติ ชน้ั ปที ี่ 3 คณะสาธารณสุขศาสตร์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาสารคาม. 32(6), 761-768.ชนื่ ฤทยั กาญจนะจติ รา, ชาย โพธสิ ติ า, กฤตยา อาชวนจิ กลุ , วาสนา อมิ่ เอม.(2548) สขุ ภาพคนไทย2548. กรงุ เทพมหานคร: องิ ค์ ออน เปเปอร.์มณเฑียร คณาสวัสดิ์. (2557). พฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์ของนักเรียนชาย-หญิง จังหวัดลพบุรี พ.ศ.2553-2554 วารสารโรคและภัยสขุ ภาพ สคร.8. 8(2), 46-54.รจุ า ภไู่ พบลู ย์. (2547). การสรา้ งเสริมสขุ ภาพวยั รุ่นแบบมีสว่ นรว่ ม. กรุงเทพฯ: ห้างหุน้ ส่วนจำ� กัดโนเบล้ิ .ศนู ยข์ อ้ มลู ทางระบาดวทิ ยา สำ� นกั ระบาดวทิ ยา กรมควบคมุ โรค กระทรวงสาธารณสขุ . (2552). จำ� นวนผปู้ ว่ ยเอดส์ จำ� แนก ตามกลมุ่ อายุ และเพศ ประเทศไทย กันยายน พ.ศ. 2527-31 ธนั วาคม พ.ศ. 2552. สบื คน้ เมอ่ื 5 มิถนุ ายน 2553, จาก http://www.boe.moph.go.th/files/report/20100830_48352996.pdf.ศริ พิ ร จริ วฒั นก์ ลุ และคณะ .(2554). รายงานการวจิ ยั การศกึ ษาแนวทางกาปอ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หาการตงั้ ครรภไ์ มพ่ รอ้ ม ในวัยรนุ่ (แมว่ ัยใส). ขอนแกน่ : ศูนยป์ ระสานงานองคก์ ารอนามยั โลกด้านการวิจยั และฝึกอบรมด้านเพศภาวะและ สุขภาพสตรี มหาวิทยาลัยขอนแกน่ .สตางค์ ศุภผล.(2555). เพศศกึ ษากบั วยั รุ่นยคุ ใหม่. วารสารระบบบรกิ ารปฐมภูมิและเวชศาสตรค์ รอบครัว. 3(2), 70-74.สถาบันวจิ ัยประชากรและสังคม มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล. (2556). สขุ ภาพคนไทย 2556 : ปฏริ ูปประเทศไทย ปฏริ ูปโครงสรา้ ง อำ� นาจเพิ่มพลังพลเมือง. กรุงเทพ: อมรนิ ทรพ์ รนิ้ ต้ิงแอนด์พบั ลชิ ช่ิง.สกุ ญั ญา ออ่ นจ.ู (2552). การศกึ ษาปจั จยั ทม่ี อี ทิ ธพิ ลตอ่ พฤตกิ รรมการมเี พศสมั พนั ธก์ อ่ นวยั อนั ควร และการมเี พศสมั พนั ธ์ ที่ไม่ปลอดภยั ของหญิงต้ังครรภ์วยั ร่นุ กรณีศึกษา: หญิงตง้ั ครรภว์ ัยรนุ่ ต�ำบลหนองโสน อ�ำเภอสามงา่ ม จังหวดั พิจติ ร. สารนพิ นธค์ ณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร, พษิ ณุโลก. 15ปที ่ี 22 ฉบบั ท่ี 1 พฤษภาคม 2559p7-16 ���������� �������.indd 15 4/25/2559 BE 09:23
สุวชัย อินทรประเสริฐ. (2548). เพศของวัยรุ่น. เพศศาสตร์ในสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่ง ประเทศไทย. กรุงเทพฯ : บรษิ ัทพมิ พ์ดจี �ำกัด.องคก์ ารแพธ (PATH). (2550). โครงการก้าวอยา่ งเข้าใจ คู่มือ การจัดกระบวนการเรียนรู้ “เพศศึกษา” สำ� หรบั เยาวชน ชว่ งชั้นที่ 3 (มัธยมศึกษาปที ี่ 1-3) (พมิ พ์ครง้ั ที่ 2). กรุงเทพ: เออรเ์ จนท์ แทค.องค์การแพธ (PATH). (2551). คู่มือการจัดกระบวนการเรียนรู้เพศศึกษา ส�ำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 (พิมพ์ครง้ั ที่ 3). กรงุ เทพ: เออร์เจนท์ แทค.อ่ งคก์ ารแพธ (PATH). (2551). คมู่ อื การจดั กระบวนการเรยี นรเู้ พศศกึ ษา สำ� หรบั นกั เรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 (พมิ พค์ รง้ั ท่ี 3). กรงุ เทพ: เออรเ์ จนท์ แทค.องค์การแพธ (PATH). (2551). คู่มือการจัดกระบวนการเรียนรู้เพศศึกษา ส�ำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3 (พิมพ์ ครง้ั ที่ 3). กรงุ เทพ: เออรเ์ จนท์ แทค.Beth Azar, M.A. (2012). Adolescent Pregnancy Prevention. American Journal of Public Health. 102(10):1837-1841.Bonell, C., ey al. (2013). Randomized controlled trial of ‘teens and toddlers’: A teenage pregnancy prevention intervention combining youth development and voluntary service in a nursery. Journal of Adolescence, 36(5). p 859–870.Dunne, A., McIntosh, J, & Mallory, D. (2014). Adolescents, Sexually Transmitted Infections, and Education Using Social Media: A Review of Literature. The Journal for Nurse Practitioner. 10(6),401-408.Hyde, A., et al. (2013). Parent’ constructions of communication with their children about safer sex. Journal of Clinical Nursing. 22, p. 3438-3446.WHO. (2004). Adolescent Pregnancy. Geneva, Switzerland: WHO.WHO. (2014). Department of Making Pregnancy Safer. Position paper on mainstreaming adolescent pregnancy in efforts to make pregnancy safer. Geneva: World Health Organization. 16 สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย 4/25/2559 BE 09:23 ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีp7-16 ���������� �������.indd 16
Search
Read the Text Version
- 1 - 10
Pages: