Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่ 4 กระบวนการทางประชาสังคม เรื่อง เพศ1

หน่วยที่ 4 กระบวนการทางประชาสังคม เรื่อง เพศ1

Published by nano03012553, 2018-07-23 22:06:12

Description: หน่วยที่ 4 กระบวนการทางประชาสังคม เรื่อง เพศ1

Search

Read the Text Version

หนว่ ยที่ 4 กระบวนการทางประชาสงั คมกบั เพศศกึ ษารอบด้านสาระสาคัญ การเรียนรู้เร่ืองเพศศึกษาเพ่ือพัฒนาตนเองให้เกิดสุขภาวะทางเพศที่ดีและสามารถนาไปประยุกต์ใช้ในชีวิต จึงจาเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเรียนรู้เพศศึกษาอย่างต่อเน่ือง ครบถ้วน และรอบด้าน โดยปลูกฝังความเช่ือ เจตคติที่ดี และมีทักษะท่ีจาเป็นต่อการตัดสินใจดาเนินชีวิตที่งดงาม เหมาะสมกับประเพณีอนั ดีงามของไทย การจัดการเรยี นรู้เพศศึกษารอบด้าน กระบวนการเรียนรู้เร่ืองเพศท่ีหลากหลายเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาเก่ียวกับพฤติกรรมทางเพศของเด็กและเยาวชนมากกว่า การแก้ปัญหาเรื่องการจัดการการเรยี นการสอน1. ความหมายและความสาคญั ของกระบวนการทางประชาสังคม ประชาสังคม (Civil Society) หมายถึง คนในสังคมท่ีมีแนวคิดหรือหรือจิตสานึกร่วมกันมารวมตัวกันในลักษณะหุ้นส่วน ในการกระทากิจกรรมบางอย่างที่มีผลต่อสังคมโดยรวม ดังน้ันประชาสังคมจึงได้แก่เครือข่าย กลุ่ม ชมรม มูลนิธิ สถาบัน องค์กร หรอื ชุมชนทีม่ ีกิจกรรมการเคลื่อนไหวทางสังคมเพื่อประโยชน์ร่วมกันของกลุ่มทีม่ ีลกั ษณะสาคญั คอื ไมย่ อมให้รฐั ครอบงาหรือบงการ แตย่ ินดี รบั ความสนับสนนุ จากรฐั รปู ที่ 4-1 ประชาสงั คมคือคนในสังคมทมี่ ีแนวคิดหรือหรือจติ สานึกร่วมกัน ที่มา: http://islamiceconomy.net/islam-and-civil-society/ ความปลอดภัยเป็นปัจจยั ที่สาคัญต่อสุขภาพและคณุ ภาพชีวิตของประชาชน เป็นเรื่องที่ ทุกคนในสังคมต้องให้ความร่วมมือและช่วยกันแก้ปัญหา ไม่ใช่จะดาเนินการเพียงหน่วยงานของภาครัฐเท่านั้นการเข้ามามีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมทั้งองค์กรท้องถ่ิน ชุมชน และองค์กรพัฒนาเอกชนในการดูแลด้านความปลอดภัยในระดับท้องถ่ินและประเทศจึงเป็นส่ิงสาคัญในการสรา้ ง ความปลอดภัยอย่างย่ังยืนใหแ้ ก่ทอ้ งถ่นิ และประเทศชาติ2. องคป์ ระกอบของกระบวนการทางประชาสังคม กระบวนการประชาสังคมเป็นกระบวนการมสี ่วนรว่ มทจี่ ะช่วยพฒั นาคนให้รูจ้ กั ความคดิ ริเร่มิสร้างสรรคอ์ ยา่ งมีวิจารณญาณเพื่อนการวางแผนและการตัดสนิ ใจดาเนนิ การในกจิ กรรมตา่ งๆด้วยตวั ของเขาเองอย่างมีอิสระ เปน็ ประชาธปิ ไตย และสอดคล้องกับวฒั นธรรมของท้องถนิ่

กระบวนการทางประชาสงั คมของประชาชนในสงั คมของประชาชนในชมุ ชน มีแนวคิดหลัก 3ประการ คือ 1. ประชาชนจะต้องมีส่วนเกยี่ วข้องในการตัดสินใจว่าควรทาอะไร และทาอยา่ งไร 2. ประชาชนจะต้องให้ความรว่ มมือในการดาเนินการตามการตดั สนิ ใจนั้น 3. ประชาชนพึงได้รับประโยชน์จากการมสี ว่ นร่วมน้ัน ขัน้ ตอนการดาเนินงานของกระบวนการทางประชาสงั คม มดี ังนี้ 1. ประชาชนสารวจ ศกึ ษา และสังเกตปัญหาของชุมชนด้วยตนเอง 2. ประชาชนเกดิ ความมสี ่วนร่วมเบือ้ งต้นและเกิดความรู้สึกเปน็ เจ้าของในการทีจ่ ะแกป้ ัญหา 3. ประชาชนเหน็ สภาพปญั หาและเกดิ ความตระหนักในสภาพปัญหาดว้ ยตนเอง 4. ประชาชนเลอื กดาเนินการตามทีเ่ ห็นว่าเหมาะสมกบั วถิ ชี ีวติ ของตนเองเพ่ือแกป้ ัญหาที่สอดคลอ้ งกับวิถีชีวติ ของตนเองก่อน ความหมายของการมีสว่ นร่วมของประชาชน การมีส่วนร่วม (Participation) ตามพจนานุกรมอังกฤษฉบับอ๊อกฟอร์ด ได้ให้คานิยามไว้ว่า “เป็นการมีส่วน (ร่วมกับคนอื่น) ในการกระทาบางอย่างหรอื บางเรื่อง” คาว่า การมีส่วนร่วม โดยมากมักจะใช้ในความหมายตรงข้ามกับคาว่า “การเมินเฉย (Apathy)” ฉะน้ัน คาว่าการมีส่วนร่วมตามความหมายข้างต้นจึงหมายถึง การท่ีบุคคลกระทาการในเรื่องใดเร่ืองหนึ่งหรือในประเด็นท่ีบุคคลน้ันสนใจ ไม่ว่าเขาจะได้ปฏิบัตกิ ารเพ่อื แสดงถงึ ความสนใจอย่างจริงจงั หรือไมก่ ็ตาม และไมจ่ าเปน็ ที่บุคคลนั้นจะต้องเข้าไปเกี่ยวขอ้ งกับกิจกรรมนั้นโดยตรงก็ได้ แต่การมีทัศนคติ ความคิดเห็น ความสนใจ ห่วงใย ก็เพียงพอแล้วที่จะเรียกว่าเป็นการมีส่วนร่วมได้ และยังได้ให้คาจากัดความของการมีส่วนร่วมของประชาชนว่า “การมีส่วนร่วมของประชาชน” หมายถึง การท่ีกลุ่มประชาชน หรือขบวนการท่ีสมาชิกของชุมชนที่กระทาการออกมาในลักษณะของการทางานรว่ มกัน ที่จะแสดงให้เห็นถึงความต้องการร่วม ความสนใจร่วม มีความต้องการท่ีจะบรรลุถึงเป้าหมายร่วมทางเศรษฐกิจและสังคมหรือการเมือง หรือการดาเนินการร่วมกันเพ่ือให้เกิดอิทธิพลต่อรองอานาจ มติชน ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม หรือการดาเนินการเพื่อให้เกิดอิทธิพลต่อรองอานาจทางการเมอื ง เศรษฐกิจ การปรบั ปรงุ สถานภาพทางสงั คมในกล่มุ ชุมชน นอกจากนี้ ยังมีนักวชิ าการอีกหลายท่านทไี่ ด้ให้นยิ ามคาว่า “การมสี ่วนร่วมของประชาชน” ไว้เช่น เจมส์ แอล เครยนั ไดก้ าหนดความหมายของการมสี ่วนรว่ มของประชาชนวา่ เปน็ กระบวนการท่ีรวบรวมเอาความหว่ งกงั วล ความต้องการและค่านิยมตา่ ง ๆ ของสาธารณชนไวอ้ ยู่ในกระบวนการตดั สนิ ใจของรัฐและเอกชน เปน็ การสื่อสารสองทาง และเป็นการมปี ฏิสัมพันธ์ทม่ี เี ป้าหมายเพ่ือการตดั สนิ ใจท่ดี กี วา่และท่ีไดร้ บั การสนบั สนุนจากสาธารณชน3. การเรยี นรู้เพศศกึ ษารอบดา้ น ในสถานศึกษา จากค่มู ือแนวทางเชงิ วิชาการสากลของเพศวิถศี กึ ษา (2552) เร่ือง การใช้ข้อมูลเชงิ หลักฐานสาหรบัโรงเรียน ครู และผูใ้ หค้ วามร้ดู ้านสขุ ภาพ กลา่ วถึง ปญั หาเดก็ และเยาวชนวา่ เป็นปัญหาสงั คม และส่งิ แวดล้อมทเ่ี ก่ยี วข้องโดยตรงกบั เยาวชนสถานศึกษา โดยเฉพาะเรื่องเพศ อนั เปน็ ผลมาจากความเขา้ ใจของคนส่วนใหญท่ ่ีเห็นวา่ เป็นเรื่องต้องหา้ ม น่ารังเกยี จ ไม่ควรพดู ถงึ และมักจะปลอ่ ยให้เป็นการเรยี นร้กู นั เองในหมู่วยั รนุ่ ทาให้ไดร้ บั ความรู้ทีไ่ มต่ รงกับข้อเทจ็ จรงิ เกิดความเชอ่ื และปฏบิ ัตติ นอย่างผดิ พลาด เป็นอันตรายตอ่ ตนเอง และบุคคลใกลเ้ คียง ดังนัน้ การให้เยาวชนได้เรียนรเู้ รอื่ งเพศศึกษา เพ่ือพัฒนาตนเองให้เกิดสขุ ภาวะทางเพศทด่ี ี และสามารถนาไปประยุกต์ใช้ในชวี ติ ตอ่ ไปจงึ จาเป็นอย่างย่ิงท่ีสถานศกึ ษาตอ้ งจัดกระบวนการเรียนรเู้ พศศึกษาอยา่ งต่อเนื่อง ครบถว้ น และรอบดา้ น โดยเนน้ พัฒนาการของผู้เรยี นเปน็ สาคัญ ปลูกฝังความเช่ือ เจตคติท่ดี ี และมที กั ษะท่จี าเป็นต่อการตดั สนิ ใจดาเนนิ ชีวิต ท่ี

งดงาม เหมาะสมกบั วัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของไทย แตก่ ารสอนเพศศึกษาเปน็ เรื่องละเอียดอ่อน โดยเฉพาะท่ีเก่ียวกบั คา่ นยิ ม และทศั นคตขิ องผู้สอน กระบวนการเรียนรู้ บรรยากาศการเรยี นรู้ และส่ือการเรยี นรู้ กระทรวงศึกษาธกิ าร ตระหนกั ในความจาเป็น และเห็นความสาคัญของการสอนเพศศึกษา จึงได้กาหนดนโยบาย และจัดสรรงบประมาณใหม้ ีการจัดการเรยี นรเู้ พศศึกษารอบดา้ นทุกชนั้ เรียน การจดั การเรียนรู้เพศศึกษารอบด้านให้กบั เยาวชนในสถานศกึ ษา เปน็ การส่งเสริมและพัฒนาให้เยาวชนให้เข้าใจเร่อื งเพศ ใชช้ วี ิตทางเพศอย่างปลอดภัย และเติบโตเปน็ ผู้ใหญท่ ี่มวี ุฒภิ าวะทางเพศซง่ึ จดั การเรียนรู้เพศศึกษารอบดา้ น มีแนวคิดหลัก 6 ดา้ น คอื แนวคิดหลักด้านท่ี 1. การมีสัมพันธภาพกับผู้อื่น (Relationship) หมายถึง ความสัมพันธ์ที่มีขึ้นพร้อมกับความคาดหวังต่อบทบาท และความรับผิดชอบ สัมพันธภาพที่ดีอยู่บนฐานของพยายามเรียนรู้ รับฟังกันและกัน มองหาข้อดี เคารพความแตกต่าง และให้เกียรติกัน โดยมีจุดมุ่งหมายให้ผู้เรียนสามารถแสดงออกถึงความรัก และความผูกพันลึกซ้งึ ท่ีตนมไี ดต้ ามความเหมาะสม พัฒนา และรักษาสัมพันธภาพในความสาคัญที่ตนให้คุณค่า หลกี เล่ยี งท่ีจะถกู กระทาจากสัมพนั ธภาพท่ีเอาเปรียบหลอกลวง ทารา้ ย ตัดสนิ ใจโดยมขี ้อมูลรอบดา้ นในการสร้างครอบครัว และสร้างสัมพันธภาพกับผู้อื่นใช้ทักษะต่างๆ ที่จะเอ้ือให้ตนเกิดสัมพันธภาพทด่ี ี และมน่ั คงกบั ผู้อื่น รูปที่ 4-2 การมีสัมพันธภาพกับผอู้ ืน่ ในสถานะตา่ งๆ ทม่ี า: http://reflectionsfromleanne.blogspot.com/ แนวคิดหลักดา้ นท่ี 2.การพัฒนาทักษะส่วนบุคคล (Personal Skills) หมายถึง การดาเนนิ ชวี ิตตามค่านิยมของตนได้อย่างรู้คุณค่า รู้จักคิด และตัดสินใจอย่างมีความรับผิดชอบ โดยมีจุดมุ่งหมายให้ผู้เรียนมีทักษะในการเข้าใจตนเอง และใช้ชีวิตท่ีสอดคล้องกับความปรารถนา และค่านิยมของตน สามารถรบั ผิดชอบกับพฤติกรรม และส่ิงที่ตนได้กระทา ได้ฝึกฝนการตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพ ได้พัฒนาทักษะของการคิดวิเคราะห์ แยกแยะอย่างรอบด้าน สามารถสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพกับครอบครัว คนใกล้ชิดเพือ่ นฝูงและคนรัก แนวคิดหลกั ดา้ นท่ี 3 สังคม และวัฒนธรรม (Social and Cultrue) หมายถงึ บทบาทของชายหญิงสิทธิทางเพศระบบการให้คุณค่า อัตลกั ษณ์ทางเพศ รวมถึงกรอบการแสดงออกทางเพศที่เหมาะสมภายใต้กรอบของสังคม และวฒั นธรรม โดยมีจุดมุ่งหมายให้ผเู้ รยี นเคารพต่อความแตกต่างของค่านิยมในเร่ืองเพศประเมนิ ไดว้ า่ การเลี้ยงดูในครอบครวั วฒั นธรรม สือ่ และข้อมลู ข่าวสาร ทีต่ นไดร้ บั จากสังคมทีต่ นอยสู่ ่งผลต่อความคดิ ความรสู้ กึ ความเช่ือ ค่านิยม และการกระทาในเร่ืองเพศของตนอยา่ งไร วิเคราะหค์ วามเปน็ ไปของโลก และสิ่งแวดลอ้ มทางสงั คมของตนท่ีก่อใหเ้ กดิ อคตใิ นเร่อื งเพศ อันเน่อื งมาจากความแตกต่างทางความคดิ ต่อบทบาทชายหญิงในเรอื่ งเพศ รสนิยมทางเพศ วัฒนธรรม ประเพณี เชื้อชาติ เผา่ พันธุ์ และผวิ สีส่งเสริมให้ได้รบั ข้อมลู ขา่ วสารทถี่ กู ต้องในเร่ืองเพศไม่แสดงพฤติกรรมทเี่ หยยี ดหยามดแู คลนผู้อน่ื ทีค่ ิดเหน็

หรอื ปฏิบัตติ นในเร่อื งเพศแตกต่างจากตน ไมย่ อมรับต่อการตตี รา ปรกั ปรา หรอื เหมารวมว่ากลุ่มประชากรใดมีแนวปฏิบัติในเร่ืองเพศอย่างนั้น อยา่ งน้ี เพราะเรื่องเพศเป็นวิถขี องปัจเจกไมอ่ าจเหมารวม รปู ท่ี 4-3 การให้คุณค่าของสิทธทิ างเพศ ทีม่ า: http://www.prachatai.com/journal/2010/03/28047 แนวคิดหลักด้านที่ 4. การพัฒนาตามช่วงวัยของมนุษย์ (Human Development) หมายถึงพัฒนาการของมนุษย์ในด้านความสามารถในการสืบพันธุ์ รวมถึงความต้องการ และความพึงพอใจทางเพศโดยมีจุดมุ่งหมายให้ผู้เรียนรู้สึกพอใจ ภูมิใจ ไม่เกิดปมด้อยในเรือนร่าง และสรีระของตนยอมรับความเป็นตวั ตนทางเพศและเพศสภาพของตน เคารพความเปน็ ตัวตน และเพศสภาพของผอู้ ื่นมีปฏิสมั พนั ธ์กับทกุ เพศอยา่ งเหมาะสม และเหน็ คุณคา่ วา่ เร่อื งเพศเปน็ พฒั นาการธรรมชาตขิ องชวี ติ มนุษย์ แนวคิดหลักด้านที่ 5. พฤติกรรมทางเพศ (Sexual Behavior) หมายถึง การแสดงออกทางเพศภายใต้กรอบของสังคม วัฒนธรรม ชีววิทยา และลักษณะเฉพาะบุคคลด้วยท่าทีท่ีเป็นธรรมชาติ โดยมีจุดมุ่งหมายให้ผู้เรียนสามารถแสดงออกในวิถีเพศที่ตนเองให้คุณค่าโดยเคารพสิทธิของผู้อื่น แยกแยะการกระทาทางเพศที่ทาให้ชีวิตมีสุขภาวะกับการกระทาท่ีเป็นผลร้ายต่อตนเอง และผู้อื่น แสวงหาข้อมูลการเรียนรู้เพื่อพัฒนาสุขภาวะทางเพศของตน สร้างความรู้สึกสุขใจ พอใจทางเพศโดยไม่จาเป็นว่าจะต้องลงมือปฏิบัติตามความรู้สกึ ความคิดเหลา่ น้นั มคี วามสัมพันธ์ทางเพศกับคูโ่ ดยความยนิ ยอมพร้อมใจ และ สขุ ใจท้ังสองฝา่ ยอย่างปลอดภัย จรงิ ใจ ไม่หลอกลวง เอาเปรียบ ทาร้าย แนวคิดหลกั ด้านที่ 6. สขุ ภาพทางเพศ (Sexual Health) หมายถงึ การส่งเสริมสุขภาพที่เอื้อตอ่ สุขภาวะทางเพศและการป้องกันอันตรายต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับสุขภาพ โดยมีจุดมุ่งหมายให้ผู้เรียนตรวจสุขภาพอย่างสม่าเสมอ ทั้งการตรวจเต้านม ต่อมลูกหมากด้วยตนเอง และสามารถบอกถึงสัญญาณความผิดปกติได้แต่เน่ินๆเลือกการคุมกาเนิดได้ตามปรารถนาเม่ือไม่พรอ้ มท่ีจะมีบุตร การดูแลท่ีเหมาะสมเมื่อเร่ิมต้ังครรภ์ การป้องกันการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ การติดต่อของโรคทางเพศสัมพันธ์ และโรคเอดส์จัดการกับชีวิตตามค่านิยมของตนในกรณีที่ต้ังครรภ์โดยไม่พร้อม ช่วยกันป้องกัน และระงับการทาร้ายการล่วงละเมดิ ทางเพศ

สรุปแนวคิดหลกั และหัวข้อหลักการจัดการเรยี นร้เู พศศึกษารอบด้านแนวคิดหลักท่ี 1 แนวคดิ หลักท่ี 2 แนวคิดหลักที่ 3ความสมั พันธ์ ค่านยิ ม ทศั นคติ และทกั ษะ วฒั นธรรม สังคมและสทิ ธิ มนุษยชนหัวข้อ หวั ข้อ หวั ข้อ1.1 ครอบครัว 2.1 คา่ นิยม ทศั นคติและแหล่งท่มี าของ 3.1 เพศวิถี วฒั นธรรม และกฎหมาย1.2 มติ รภาพ ความรัก และ การเรยี น รู้เรื่องเพศ 3.2 เพศวถิ ีและสอื่ความสมั พันธ์เชงิ เสนห่ า 2.2 บรรทดั ฐานและอทิ ธพิ ลของกลมุ่ 3.3 การกาหนดเพศสภาวะโดยสังคม1.3 การยอมรบั ในความแตกต่าง และ เพือ่ นตอ่ พฤติกรรมทางเพศ (social construction of gender)ความ เคารพ 2.3 การตดั สนิ ใจ 3.4 ความรุนแรงที่เกิดจากเพศภาวะ1.4 ความสัมพันธ์ระยะยาว การ2.4 ทักษะการส่อื สาร การปฏเิ สธ และ ก า ร ท าร้ า ย ท า งเพ ศ แ ล ะ แ น วแต่งงาน และ การเปน็ พ่อแม่ ปฏิบัติการทีใ่ ห้โทษ การต่อรอง 2.5 การค้นหาความช่วยเหลือและ การสนบั สนุนแนวคดิ หลักที่ 4 แนวคิดหลักที่ 5 แนวคดิ หลักท่ี 6พัฒนาการของมนุษย์ พฤตกิ รรมทางเพศ สขุ ภาพทางเพศและอนามยั การ เจรญิหัวข้อ หวั ข้อ พันธ์ุ4.1 กายวภิ าคและสรรี วิทยาทางเพศ 5.1 เพศ เพศวิถี และวงจรชีวติ ทางเพศ หัวขอ้และดา้ น การเจริญพนั ธ์ุ 5.2 พฤตกิ รรมทางเพศและการ 6.1 การปอ้ งกนั การต้ังครรภ์4.2 การเจรญิ พันธ์ุ ตอบสนองทางเพศ 6.2 การเข้าใจ การรบั รู้ และการลดความ4.3 ช่วงการเขา้ ส่วู ยั เจรญิ พนั ธุ์ เสย่ี ง ของโรคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พันธ์ รวมถึงเอช ไอวี4.4 ภาพลกั ษณท์ างร่างกาย (Body Image) 6.3 การตตี รา การรักษา และการ สนบั สนุนด้าน เอชไอวีและเอด4.5 ความเปน็ ส่วนตวั และสทิ ธใิ นเน้อืตัว ร่างกายของตนแหล่งที่มา :(International Technical Guidance on Sexuality Education: An evidence-informed approach for schools, teachers and health educators) 2552 กระบวนการทใี่ ห้ประชาชนและหนว่ ยงานรฐั ทเ่ี กยี่ วข้องได้รว่ มแลกเปลี่ยนองค์ ความรแู้ ละเรียนรู้อย่างสมานฉันท์ เพือ่ นาไปสู่การเสนอแนะนโยบายสาธารณะ เพื่อสุขภาพ หรือความมสี ุขภาพของประชาชน โดยจัดใหม้ กี ารประชมุ อย่างเปน็ ระบบและอยา่ งมีสว่ นร่วม

4. เพศกับกระบวนการนโยบายสาธารณะแบบมสี ่วนรว่ ม กระบวนการนโยบายสาธารณะแบบมีส่วนร่วม (Participatory Public Policy Process) เป็นเครื่องมอื ร่วมกาหนดกรอบกติกาทางสังคมทีส่ าคญั “สมชั ชาสุขภาพแห่งชาติ” เป็นนโยบายหนง่ึ ในสังคมไทยในการจัดกระบวนการนโยบายสาธารณะแบบมีส่วนร่วม โดยเร่ิมเปน็ ระบบเป็นปแี รกใน พ.ศ.2551 ข้อเสนอ“เรื่องเพศ” เป็นประเด็นหนึ่งในกระบวนการสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ปีที่ 1 (พ.ศ.2551) ภายใต้หัวข้อ “สุขภาวะทางเพศ : ความรุนแรงทางเพศ การตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อม และเรื่องเพศกับเอดส์/โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์” โดยมีเครือข่ายภาคประชาชนอย่างน้อย 5 เครือข่ายร่วมกันพัฒนาเน้ือหา ขอ้ เสนอเชิงนโยบาย และผลักดันต่อเนื่องเข้าสู่กระบวนการสมัชชาสขุ ภาพแห่งชาติ เครือข่ายภาคประชาชน มีดังนี้ 4.1 เครอื ขา่ ยยตุ คิ วามรุนแรงต่อผู้หญิงและเดก็ 4.2 แนวร่วมเพื่อความก้าวหน้าของผหู้ ญิง 4.3 เครอื ขา่ ยผู้หญงิ กบั เอดส์ 4.4 เครือข่ายสนับสนุนทางเลอื กเพอ่ื ผหู้ ญิงที่ทอ้ งไม่พร้อม และ 4.5 เครือขา่ ยสุขภาวะทางเพศ ขอ้ เสนอเชงิ นโยบาย ในกระบวนการสมัชชาสขุ ภาพแห่งชาติ ปที ี่ 1 (พ.ศ. 2551) ภายใต้หวั ข้อ“สุขภาวะทางเพศ มดี ังน้ี 1. จัดให้มีการสอนเพศศึกษารอบด้านแก่ประชาชนทุกเพศทุกวัย ทั้งในระบบและนอกระบบการศึกษา 2. จัดบรกิ ารปรกึ ษาทัง้ กอ่ นและหลงั เผชญิ ปัญหา เน้นท้ังการปรึกษาแบบเพ่ือนช่วยเพื่อน และการปรกึ ษาทางเลือกและเสริมพลัง 3. จัดศูนย์บรกิ ารสขุ ภาพทางเพศและอนามัยเจริญพนั ธ์ทุ เี่ ปน็ มติ รกบั คนทกุ กลุม่ 4. จัดบรกิ ารยตุ ิการตั้งครรภ์ทปี่ ลอดภยั ภายใต้ข้อกาหนดของกฎหมาย และอยู่ในชุดสิทธิประโยชน์ของระบบประกันสุขภาพทุกระบบ 5. จดั ให้มีการศึกษาวิจัยและทาฐานข้อมูลของสถานการณ์การต้งั ครรภท์ ี่ไม่พร้อม 6. จัดตั้งที่พักพิงและคุ้มครองสิทธิแก่ผู้ประสบปัญหาในทุกจงั หวัด เน้นระบบบริการที่ครอบคลุมและครบวงจร เข้าถงึ ได้งา่ ย 7. ขจัดอคตทิ างเพศในกระบวนการยุติธรรมทุกระดับ 8. จดั ทาแผนปฏบิ ตั กิ ารส่งเสริมสุขภาวะทางเพศโดยองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่ินและภาคีเครือข่าย 9. ผลกั ดนั ให้เกิดนโยบายและแนวปฏิบัตทิ ช่ี ัดเจน เพ่อื ป้องกันและขจัดการยุตกิ ารตง้ั ครรภ์ทไี่ ม่ปลอดภยั 10. สร้างเสรมิ ความเข้มแขง็ ของเครือขา่ ยการทางานองค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินและชมุ ชนในการดาเนนิ งานตามข้อมติ5. ค่านยิ มทางเพศในสังคมไทย บรรทดั ฐานทางครอบครวั และสงั คม ตลอดจนค่านิยมทางเพศตามสังคมไทย ในอดตี มี ความแตกต่างจากในปัจจุบันอย่างเห็นได้ชัด เน่ืองจากในอดีตบุตรหลานจะถูกปลูกฝังโดย การอบรมเลี้ยงดูให้เคารพเชื่อฟังคาส่ังสอนของบิดามารดาอย่างเคร่งครัด วิถีชีวิตตลอดจนวิธีการดาเนินชีวิตจะต้องอยู่ใน

ขอบเขตทที่ างครอบครวั ได้วางเอาไว้ รวมทั้งปัจจัยทางสังคมและสภาพแวดล้อมก็ยังไม่เอ้อื อานวยอย่างเช่นปจั จบุ นั ค่านิยมทางเพศในอดตี มีลกั ษณะดงั นี้ ตัวอยา่ งคา่ นิยมทางเพศในอดีต 1. ผู้หญิงต้องอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนเพียงอย่างเดียว จึงทาให้ผู้หญิงต้องถูกกดข่ีข่มเหงด้วยความไม่เสมอภาคทางเพศ 2. ผู้ชายมักเป็นใหญ่ในบา้ น และมีอานาจในการตัดสินใจทกุ อย่าง ส่วนผู้หญิงมหี นา้ ทเ่ี พียงแค่ดูแลบา้ นและบุตรเท่านน้ั 3. การนัดพบกัน ในอดตี สามารถพบกนั ได้โดยการแนะนาจากผู้ใหญ่หรือพบกันตามวัดในเทศกาลต่างๆ ไม่มโี อกาสไดม้ าพบกนั ในสถานทสี่ าธารณะอยา่ งเชน่ ในปจั จุบัน 4. ผูห้ ญิงตอ้ งไม่แสดงกิริยายัว่ ยวน แสดงทา่ ทเี ชอ้ื เชญิ หรือให้โอกาสผูช้ ายได้เขา้ มาใกลช้ ดิ 5. การถูกควบคุมจากผู้ใหญ่ในเรื่องของการเลือกคนรัก การแต่งงาน ท่ีเรียกว่า “คลุมถุงชน” โดยใหเ้ หตุผลถึงความคู่ควร เหมาะสม เป็นส่ิงสาคัญมากกว่าจะนึกถึงความรักของระหว่างบุคคล ท้ังนีม้ กั จะอา้ งว่าใช้บรรทัดฐานทางครอบครัวและสังคมเป็นเครื่องตัดสินใจให้แต่งงานกัน ซ่ึงอาจจะด้วยสมัครใจหรือถูกบงั คับก็ตาม แต่ก็ต้องยินยอมพรอ้ มทั้งปลูกฝังค่านิยมของเพศหญิงให้มีความรักและซื่อสัตย์ตอ่ สามีเพยี งคนเดยี ว ค่านิยมคือรปู แบบของความเชอ่ื (belief) ที่แต่ละคนยดึ ถือว่าแต่ละคนควรจะ ปฏบิ ัติตนอยา่ งไรหรือส่ิงใดท่ีมีคณุ คา่ ไม่มีคุณคา่ คา่ นยิ มจะสัมพันธ์กับทุกส่งิ โดยทัว่ ไปและมีอิทธิพลต่อพฤตกิ รรมของบุคคล คา่ นยิ มเปน็ มาตรฐานในการ ตัดสนิ ในวา่ สิ่งใดเลวหรือดี และใชใ้ นการคัดสินพฤติกรรมของแตล่ ะบคุ คลดว้ ย ตวั อยา่ งค่านยิ มทางเพศในปจั จบุ นั ปัจจุบันสภาพครอบครัวและสังคมได้เปล่ียนแปลงไป ผู้หญิงต้องทางานหาเล้ียงครอบครัวเช่นเดียวกับผู้ชาย ส่วนภาระหน้าที่การดูแลบ้านและการเล้ียงดูบุตรก็ยังคงเป็นหน้าท่ีของผู้หญิงเช่นเดิมทงั้ นี้ ผหู้ ญงิ สามารถได้รบั การศึกษาในระดับสูงๆ ได้เชน่ เดยี วกับผชู้ าย ผู้หญิงมีสทิ ธ์ทิ ่ีจะสามารถแสดงความคิดเห็นและโต้แย้งในกรณีต่างๆ ได้ เนื่องจากได้รับสิทธิที่เท่าเทียมกัน ทาให้มีโอกาสมากขึ้นเกี่ยวกับเรื่องเพศ เช่น การเลือกฝ่ายชายที่จะมาเป็นคู่ครอง การขอหย่าถ้าแต่งงานไปแล้วไม่มีความสุข การเป็นผู้นาครอบครวั เป็นตน้ สภาพแวดลอ้ ม สภาพแวดล้อมในอดตี กบั ปัจจุบันแตกต่างกันมาก ในปัจจุบันมีส่ิงยั่วยุ สถานบันเทงิ เรงิ รมย์ต่างๆศูนยก์ ารค้า ปัญหาสารเสพตดิ และความรุนแรง ซง่ึ ส่งผลให้วยั ร่นุ อาจใชช้ วี ติ ที่หลงผดิ จนอาจก่อให้เกิดเปน็ปัญหาอาชญากรรมทางสงั คมได้ ทาให้มีคณุ ภาพชีวติ ทไี่ ม่ดี ยากจน ไม่มโี อกาสศกึ ษาต่อ ต้องหาเล้ียงชีพโดยไม่สุจริต เกดิ ความฟงุ้ เฟ้อเพ่ือต้องการใหต้ นเองทดั เทียมกบั ผูอ้ ื่น และในท่ีสุดก็เกิดค่านยิ มทางเพศที่ผดิ ๆ เชน่ การมีความคดิ วา่ การขายบรกิ ารทางเพศเป็นสิง่ ทีห่ ารายไดใ้ ห้แก่ตนเองได้อย่างรวดเรว็ เปน็ ต้น สื่อเทคโนโลยี ความก้าวหน้าและรวดเร็วของส่ือเทคโนโลยี อาจเป็นสาเหตุของการทาให้เกิดค่านิยมทางเพศท่ีไม่ถูกต้อง เน่ืองจากวัยรุ่นสามารถติดต่อหรือคบเพื่อนต่างเพศที่ไม่เคยรู้จักกันได้ง่าย เพียงแต่โทรศัพท์หรือใช้

อินเตอร์เน็ตเป็นส่ือในการติดต่อกัน หากใช้ในทางที่ไม่เหมาะสมหรือคุยกับบุคคลที่ไม่หวังดีด้วย อาจก่อให้เกิดปัญหาการถูกล่อลวงหรือปัญหาในทางไม่ดีอื่นๆ ตามมา วัฒนธรรมไทยให้ความสาคัญในเรื่องความถูกต้องดีงามในเรื่องเพศ ซ่ึงเป็นส่ิงที่สมาชิกในสังคมไทยยึดถือปฏิบัติ รวมท้ังการอบรมส่ังสอนถา่ ยทอดความเช่ือและค่านิยมสืบต่อกันมาทางสถาบันครอบครวั โดยมีพ่อแม่เป็นผคู้ อยส่ังสอน อบรมชีแ้ นะลูกให้ยดึ ถือเป็นแนวปฏบิ ัติในการดารงชีวิต 1. คา่ นิยมเร่ืองเพศและวัฒนธรรมไทย ประเทศไทยต้ังแต่ซีกโลกตะวันออก เปน็ ประเทศท่ีมีคานบประเพณีธรรมเนียมและวฒั นธรรมอนัเปน็ เอกลักษณเ์ ฉพัวมาชา้ นานโดยเฉพาะคา่ นยิ มเรื่องเพศ ซึ่งสามารถจาแนกไดส้ องมุมมอง ดังนี้ 1.คา่ นยิ มทางเพศที่ถูกต้อง การรักนวลสงวนตัว การเข้าตามตรอก ออกตามประตู การมีรกั เดยี วใจเดียว การไม่ชงิ สุกก่อนห่าม ชายไทยต้องรับผดิ ชอบต่อครอบครวั 2.คา่ นิยมทางเพศท่ไี ม่ถกู ตอ้ ง การพูดหรือสอื่ สารในเรื่องเพศเปน็ เร่อื งหยาบคาย หรอื น่าอบั อาย การไมเ่ ผยแพร่ความจรงิ ในเร่ืองเพศ การยกย่องใหค้ ุณค่าเพศชายเหนอื กว่าเพศหญิง การใชถ้ ุงยางอนามัยถกู ตีค่าในด้านลบว่าเป็นการไมไ่ ว้ใจกัน6. พฤติกรรมทางเพศทเี่ หมาะสมกับวฒั นธรรมไทย ในสังคมไทยปัจจุบันขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมยังคงเป็นตัวกาหนดวิถีชีวิต และมีบทบาทที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศ สาหรับสังคมไทยถือว่าความบริสุทธ์ิ และการไม่มีเพศสัมพันธุ์ก่อนแต่งงานเป็นสิ่งที่ดีงามตามวัฒนธรรมไทย ดังนั้นการวางตัวต่อเพศตรงข้าม ในระหว่างที่คบหาสมาคมกัน เป็นเร่ืองสาคัญท่ีต้องให้ความสนใจ การวางตัวอย่างเหมาะสม เช่น การแสดงพฤติกรรมของเพศหญิงน้ันจะต้องทาตัวให้เพศชายยกย่อง และให้เกียรติ โดยฝ่ายหญิงจะต้องเข้าใจว่า การท่ีผู้หญิงกล้าเกินไป ไม่ถือเนื้อถือตัวและให้ความสนิทสนมกับผู้ชายมากๆ เท่ากับเป็นการเปิดโอกาศให้ผู้ชายสามารถล่วงเกินได้ง่ายข้ึน การวางตัวที่ดีและระมัดระวังตัวไม่ปล่อยให้สนิทสนมกับใครๆ โดยง่ายขึ้น เป็นส่ิงที่มีค่าย่ิงสาหรับกุลสตรี ซึ่งผู้ชายโดยทั่วไปมักจะให้ความยกย่องนับถอื หรือภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ถ้าเขาได้มีโอกาศแต่งงานกับผู้หญิงท่ีมีลักษณะนี้ ในทางเดียวกัน ผู้ชายท่ีดีหรือมีความเป็นสุภาพบุรุษนั้น จะต้องให้เกียรติและยกย่องสุภาพสตรี การวางตวั ตอ่ เพศตรงขา้ ม ทีเ่ หมาะสมต่อวัฒนธรรมไทยนนั้ ควรปฏิบตั ดิ ังนี้ 6.1 การปฏบิ ัติตนของผชู้ าย การวางตัวให้มีความเป็นสุภาพบุรุษและความมีคุณธรรมประจาใจ คือ ไม่ล่วงเกินทางกาย ไม่พูดทะล่ึง ไม่พูดจาหลอกลวงฝ่ายหญิง วางตัวให้เหมาะสมและเป็นที่หน้าไว้ใจของฝ่ายหญิง ชาย เป็นเพศที่แข็งแรงกว่าควรปกป้องฝ่ายหญิงมากกว่าการไปทาร้ายร่างกาย และ ควรช่วยเหลือฝา่ ยหญิงเท่าท่ีตัวเองจะทาได้ดว้ ย 6.2 การปฏบิ ัติตนของผู้หญิง การวางตัวให้มีความเป็นสุภาพสตรีและรักนวลสงวนตัว มีความละอาย คือ ควรสงวนท่าที ไม่อยู่ในที่ลับตา ไม่ควรไปเที่ยงเตร่ตามลาพัง หรือกับเพศตรงข้าม ไม่ยินยอมให้ฝ่ายชายถูกเน้ือต้องตัว ในการวางตวั ต่อฝ่ายชาย โดยทีไ่ ปต้องนับถอื ความเปน็ กลุ สตรขี องตวั เอง

รูปท่ี 4-4 การปฏบิ ัติตนของผู้ชายและของผูห้ ญิงท่ีถกู ต้อง ที่มา: http://phongsak51545203.blogspot.com/2011/04/poster.html7. ค่านยิ มทางเพศตามสังคมและวฒั นธรรมตะวนั ตก ปัจจุบนั วฒั นธรรมตะวันตกได้เขา้ มามีบทบาทและมอี ิทธพิ ลต่อวัฒนธรรมทางสังคมของไทยมากข้ึนท้ังนี้เนอ่ื งมากจากเทคโนโลยแี ละการส่ือสารที่ก้าวหน้า รวดเร็ว ส่งผลทาให้วัยรุ่นมีพฤติกรรมลอกเลียนแบบและดาเนินชีวิตตามวัฒนธรรมตะวันตก ซึ่งวัฒนธรรมบางอย่างก่อให้เกิดปัญหาทางสังคมมากมายโดยเฉพาะการมพี ฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสม การเลียนแบบวัฒนธรรมตะวันตก ไม่ว่าจากส่ือโทรทัศน์ภาพยนตร์ หนังสือ หรืออินเตอร์เน็ตก็ตาม ได้ทาให้ขนบธรรมเนียม จารีตประเพณี วัฒนธรรมท่ีดีงามของสังคมไทยเปลี่ยนไป ซ่ึงวัฒนธรรมบางอย่างส่งผลดี เช่น การกล้าแสดงความคิดเห็น ความขยัน และความทุ่มเทให้กับงาน การมองโลกในแง่บวก การมีแนวคิดที่ดีต่างๆ เป็นต้น ในขณะท่ีวัฒนธรรมบางอย่างกลายเป็นตัวอย่างท่ีไม่ดี ไม่เหมาะสมกับวัฒนธรรมไทย จากพฤติกรรมวัยรุน่ เช่น เสรีภาพในการคบเพื่อนต่างเพศ ซ่ึงบางคร้ังมีพฤติกรรมเส่ียงต่อการมีเพศสัมพันธ์ การถูกเน้ือต้องตัวระหว่างชายกับหญิงมีมากขึ้นพฤติกรรมการแสดงออกทางเพศในท่ีสาธารณะ เช่น การโอบกอด การแต่งกายท่ีล่อแหลม กิริยามารยาทท่ีไมเ่ รียบร้อย การแสดงออกอยา่ งเปิดเผยในเรื่องเพศ หรือการทวี่ ยั รุน่ หญงิ บางคนตามจบี ผูช้ าย เป็นตน้ อทิ ธพิ ลของวฒั นธรรมตะวนั ตกทมี่ ตี อ่ พฤติกรรมทางเพศของวยั รนุ่ ในสงั คมไทย พอจะสรุปได้ดงั น้ี 1. ปญั หาเรื่องเพศ เชน่ การคบเพอ่ื นต่างเพศอย่างไมเ่ หมาะสม การออกเทยี่ วกลางคนื กับเพอื่ นต่างเพศ การแตง่ กายดึงดูดเพศตรงขา้ ม เปิดเผยใหเ้ หน็ ของสงวนมากเกนิ ไป การมีเพศสมั พนั ธ์ก่อนแตง่ งานเป็นต้น 2. ปญั หาสงั คม เชน่ การมั่วสมุ กันในสถานเริงรมย์ การต้ังครรภ์กอ่ นวัยอันควร การทาแท้ง การใช้สารเสพติด เป็นต้น ดังนน้ั เมอื่ ไม่อาจสกดั กัน้ วฒั นธรรมต่างๆ ที่แพรก่ ระจายเข้ามาได้ จึงควรเลอื กและสรา้ งคา่ นยิ มในเร่ืองเพศที่เหมาะสมกับสภาพสงั คมไทย เชน่ ลด ละ เลิก การเทย่ี วสถานบรกิ ารทางเพศ ไมส่ าส่อนทางเพศ ไมค่ บเพ่อื นต่างเพศโดยไมเ่ ลือกหน้า ฝา่ ยชายแสดงความเป็นสุภาพบุรษุ ใหเ้ กยี รติไม่ลว่ งเกินสุภาพสตรีเป็นตน้สรุป ประชาสงั คม (Civil Society) หมายถึง คนในสังคมท่ีมีแนวคดิ หรอื หรือจิตสานึกร่วมกนั มารวมตัวกันในลักษณะห้นุ ส่วน ในการกระทากิจกรรมบางอย่างท่ีมผี ลตอ่ สังคมโดยรวม

กระบวนการทางประชาสงั คมของประชาชนในสงั คมของประชาชนในชมุ ชน มีแนวคดิ หลัก 3 ประการ คือ 1. ประชาชนจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องในการตัดสินใจว่าควรทาอะไร และทาอย่างไร 2. ประชาชนจะตอ้ งให้ความร่วมมอื ในการดาเนินการตามการตดั สินใจนนั้ 3. ประชาชรพงึ ไดร้ ับประโยชน์จากการมสี ว่ นร่วมน้ัน การจดั การเรียนรูเ้ พศศึกษารอบดา้ น มีแนวคิดหลัก 6 ดา้ น คือ แนวคดิ หลกั ด้านที่ 1. การมีสัมพันธภาพกับผูอ้ ่นื (Relationship) แนวคิดหลกั ดา้ นที่ 2.การพฒั นาทักษะสว่ นบคุ คล (Personal Skills) แนวคดิ หลักด้านท่ี 3. สงั คม และวัฒนธรรม (Social and Cultrue) แนวคิดหลักดา้ นท่ี 4. การพฒั นาตามชว่ งวัยของมนุษย์ (Human Development) แนวคิดหลกั ด้านที่ 5. พฤติกรรมทางเพศ (Sexual Behavior) แนวคดิ หลกั ดา้ นท่ี 6. สขุ ภาพทางเพศ (Sexual Health) การวางตวั ต่อเพศตรงขา้ ม ท่ีเหมาะสมตอ่ วฒั นธรรมไทยนั้น ควรปฏิบัตดิ งั นี้ 1. การปฏิบัตติ นของผูช้ ายการวางตวั ให้มีความเปน็ สภุ าพบุรษุ และความมคี ณุ ธรรมประจาใจ 2. การปฏิบัตติ นของผหู้ ญงิ การวางตัวใหม้ ีความเป็นสุภาพสตรีและรักนวลสงวนตวัมคี วามละอาย อิทธิพลของวฒั นธรรมตะวนั ตกที่มีตอ่ พฤติกรรมทางเพศของวัยร่นุ ในสังคมไทย พอจะสรุปไดด้ ังน้ี 1. ปัญหาเร่ืองเพศ 2. ปัญหาสังคมเอกสารอ้างอิง :กฤตยา อาชวนจิ กลุ . 2554. 'เพศวิถีท่ีกาลังเปลย่ี นไปในสังคมไทย' ใน จดุ เปลยี่ นประชากร จุด เปล่ียนสังคมไทย. สรุ ยี ์พร พันพ่งึ และมาลี สนั ภูวรรณ์ (บรรณาธกิ าร):43-66. นครปฐม: สานักพิมพ์ประชากรและสังคม.International Technical Guidance on Sexuality Education: An evidence-informed approach for schools, teachers and health educators, 2552 สาระนา่ รู้ ระดบั ของการเขา้ ไปมสี ่วนร่วมของกลุ่มประชาสงั คมในกระบวนการสันตภิ าพมี3 ระดับ ไดแ้ ก่ ระดบั สงู (high) หมายถึง กลุ่มประชาสังคม (หรือพันธมติ ร) ได้เขา้ ไปมีที่นั่งในโต๊ะเจรจา สันติภาพ ระดับกลาง (moderate) คือระดบั ที่แม้กลุ่มประชาสงั คมจะไม่มีทีน่ ง่ั ดังกลา่ ว แตก่ ม็ ี อิทธพิ ลอยา่ งชัดเจนต่อฝาุ ยต่างๆ ทอี่ ยูบ่ นโต๊ะเจรจา ระดบั ตา่ (low) หมายถึง กลุ่มประชาสังคมไม่มที ่ีนงั่ และไม่มีหรือแทบจะมีอทิ ธิพลนอ้ ย มากต่อฝ่ายตา่ งๆ บนโตะ๊ เจรจาเลย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook