พฒั นาการทางเพศเมือ่ ยา่ งเข้าสู่วัยรนุ่ 1. ความหมายของพฒั นาการทางเพศ (จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรมข้อท่ี 1) พัฒนาการทางเพศ หมายถึง การเปลย่ี นแปลงในสว่ นท่ีเกีย่ วกบั แรงผลกั ดันทางเพศ บทบาททางเพศและ พฤตกิ รรมทางเพศ ต้ังแต่วยั ทารกจนถึงวัยชรา ซง่ึ ขึน้ อยกู่ ับปัจจัยหลายประการ ได้แก่ ลักษณะประจาตัวของบคุ คลนั้น อทิ ธิพลของสง่ิ แวดลอ้ ม และประสบการณ์ 2. การเจริญเตบิ โตและพฒั นาการทางเพศ พัฒนาการทางเพศของมนุษย์นับเป็นส่วนหนึ่งของการเจริญเติบโตและพัฒนาการทางร่างกาย และจติ ใจ และทัศนคติท่ถี กู ตอ้ ง เพ่ือชว่ ยให้มพี ฒั นาการทางเพศทีเ่ หมาะสมและเปน็ ทยี่ อมรับของสังคม 3. พฒั นาการทางเพศในวยั รุ่น (จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรมข้อท่ี 2) 3.1 วัยรุ่นตอนต้น (อายุ 12-15 ปี) ระยะน้ีเด็กจะมีความสัมพันธ์กับสังคม วัฒนธรรม และชีววิทยาของร่างกาย เด็กจะเข้าสู่วัยแตกหนุ่มแตกสาวและมีพัฒนาการทางร่างกาย ตลอดจนมีพัฒนาการเก่ียวกับลกั ษณะทางเพศ และการพัฒนาเก่ยี วกับหนา้ ท่ีทางเพศเกดิ ข้ึนดว้ ย ซ่ึงเพศชายและเพศหญงิ มีความแตกต่างกันกล่าวคือ เมอ่ื เด็กชายย่างเข้าสู่วัยรุน่ หรอื อายุราว 14 ปี อัณฑะซ่ึงเป็นต่อมเพศของชายจะได้รับการกระต้นุ จากต่อมใต้สมองให้ทาหน้าท่ีผลิตเซลล์สืบพันธ์ุ และผลิตฮอร์โมนเพศชาย คือ ฮอร์โมนเทสโตสเตอโรน อันเป็นฮอร์โมนที่มีอทิ ธิพลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการทางเพศ ทั้งลกั ษณะทางเพศข้ันที่ 1 คอื อวยั วะในระบบสืบพันธุ์มกี ารเจริญเติบโต มีขนาดใหญ่ขนึ้ เช่น องคชาต ตอ่ มลกู หมาก รวมทัง้ อณั ฑะเร่ิมมกี ารผลติ น้ากามจากตอ่ มลูกหมาก ถุงน้ากาม และต่อมขับนา้ เมอื กเริม่ มกี ารผลิตอสุจจิ ากอณั ฑะ จนทาให้เกิดการเคล่ือนของน้าอสุจิออกมาภายนอกร่างกายในขณะหลับท่ีเรียกว่า ”ฝันเปียก” และยังส่งผลไปถึงพัฒนาการของลักษณะทางเพศขั้นท่ี 2 เชน่ เสียงแตก นมแตกพาน มีหนวด มเี ครา มขี นขึ้นตามรา่ งกายและอวัยวะสบื พันธ์ุ ส่วนเด็กหญิงท่ีย่างเข้าสู่วัยรุ่น รังไข่ซ่ึงเป็นต่อมเพศของหญิงก็เริ่มทางานในเวลาใกล้เคียงกับเด็กชาย โดยต่อมใต้สมองจะส่งฮอร์โมนมากระตุ้นการทางานของรังไข่ให้สร้างเซลล์สืบพันธุ์ และผลิตฮอร์โมนเพศหญงิ ได้แก่ ฮอรโ์ มนเอสโตรเจน และฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ซงึ่ ฮอร์โมนท้ัง 2 ชนิดนี้ก็จะทาหน้าทคี่ วบคุมพัฒนาการของลักษณะทางเพศขั้นท่ี 1 คือมีการสุกของไข่และการมีประจาเดือน และพัฒนาการของลักษณะทางเพศข้นั ท่ี 2 เชน่ เต้านมโตข้นึ มีไขมัน บรเิ วณสะโพก ผวิ หน้าทเ่ี ต่งตึง มขี นตามตัวนอ้ ยลง เป็นต้น การพัฒนาที่สาคัญของเด็กผู้ชายในวัยน้ี คือ สามารถหลั่งน้ากามได้ และสิ่งนี้มีความเก่ียวข้องโดยตรงกบั ความสุขทางเพศของเขา ภายในเวลา 2 ปขี องระยะแตกหนุ่ม เด็กผู้ชายส่วนใหญ่จะมีประสบการณ์เกี่ยวกับความสุขสุดยอดทางเพศ และประสบการณ์น้ีทาให้เกิดการสาเร็จความใคร่ด้วยตนเอง ซ่ึงจะเกิดบ่อยและสม่าเสมอในวยั นีจ้ นถงึ ปลายวยั ร่นุ นอกจากการสาเร็จความใคร่ซึง่ เป็นกิจกรรมท่ีทาตามลาพัง ไม่เก่ียวข้องกบั ผใู้ ดในสังคม เขายังอาจมีกจิ กรรมทางเพศกบั เพศตรงข้ามดว้ ย ทัง้ ๆ ที่เขายังเก่ียวขอ้ งกับเพศเดียวกนั อย่างมาก สาหรับผู้หญิงในวัยน้ีพัฒนาการที่สาคัญ คือ การมีประจาเดือน แต่เป็นส่ิงที่เด็กผู้หญิงไม่ชอบการท่ีเลือดออกมาเป็นระยะ ๆ ทาให้ความข้องใจเกี่ยวกับอวัยวะเพศของตนเองมากข้ึน ท้ังยังเป็นเครื่องบอกว่าเธอจะตั้งครรภ์ได้ถ้ามีการร่วมเพศ เพราะฉะนัน้ เด็กผหู้ ญิงส่วนใหญ่ในวัยนี้จะหลีกเลยี่ งการสารวจอวยั วะเพศของตนเอง และสาเร็จความใคร่จนถึงจดุ สุดยอดทางเพศน้อยมาก หรืออาจกระทาโดยบงั เอิญเพียงคร้ังเดียวไม่บ่อยหรือสม่าเสมอเหมือนผู้ชาย แต่อย่างไรก็ตามสังคมของเขาก็เหมือนผู้ชาย คือ สมาคมในหมู่เพ่ือนเพศเดยี วกนั
พฤติกรรมทางเพศ เช่น การกอดจูบ การสาเร็จความใคร่ด้วยตนเอง หรือการร่วมเพศกับเพศตรงข้ามวัยนี้จะไมค่ ่อยมี แต่อาจเกิดขึน้ ไดเ้ มือ่ มคี วามวติ กกงั วลหรือรู้สกึ ผิด 3.2 วัยรุ่นตอนปลาย (อายุ 16 – 18 ปี) เป็นระยะท่ีมีการพัฒนาความเป็นตัวของตัวเอง และพยายามจะออกจากความปกครองของผู้ใหญ่ เป็นระยะท่ีท้ัง 2 เพศมีความใกล้ชิดกันในสังคมมากข้ึน เช่น มีการเรยี นร่วมกันในโรงเรียนหรือในมหาวิทยาลยั สาหรับผู้ชายการสาเร็จความใคร่ด้วยตนเองก็ยังมีอยู่ และรักร่วมเพศก็ยังเห็นได้ชัดในคนทุกระดับสังคม กิจกรรมทางเพศส่วนใหญ่ของเด็กหนุ่มในวัยน้ีคือ การกอดจูบลูบคลากันมากกว่าจะมีการร่วมเพศ ยกเว้นในคนท่ีมีฐานะทางเศรษฐกิจต่าหรือพวกกรรมกรส่วนใหญ่จะมีกิจกรรมการร่วมเพศเร็วกว่า เด็กหนุ่มบางคนอาจมีการร่วมเพศเร็วถ้าอยู่ในกลุ่มเพื่อนท่ีมีความสนใจในด้านน้ีมาก หรือมีนัดระหว่างชายหญิงบ่อย แต่ความสัมพันธ์จะเป็นไปไม่นานและมักจะไม่ดาเนินไปถึงข้ันแต่งงานกันเพราะเขายังมีความคิดว่าผู้หญิงทีมีการร่วมเพศก่อนการแต่งงานไม่ใช่ผู้หญิงที่ดี การร่วมเพศครั้งแรกของเด็กหนุ่มวัยน้ีมักจะร่วมกับโสเภณีหรือหญิงที่สาส่อนทางเพศ จากการศึกษาพบว่า ในปัจจุบันนี้เด็กสาววัยน้ีมีประสบการณก์ ารรว่ มเพศสูงกว่าเม่ือกอ่ น ในขณะทเ่ี ดก็ หนุม่ วยั เดียวกันมีประสบการณน์ ้อยลง การท่ีหนุ่มสาวในวัยน้ีเริ่มมีความสัมพันธ์ทางเพศกับเพศตรงข้ามจะทาให้เกิดความขัดแย้งภายในจิตใจ ปัญหาน้ีมีความสาคัญสาหรับเด็กสาวมากกว่าเด็กหนุ่ม เพราะพ่อแม่จะเคร่งครัดในเรื่องนี้มากกว่า ตัวเดก็ เองก็จะรู้สึกสับสนว่าควรวางตัวอย่างไร เพราะในขณะทร่ี ่างกายกาลังอยู่ในวยั สวยงามและดึงดูดใจเพศตรงข้าม เธอกลับจะต้องพยายามไม่แสดงลักษณะเด่นออกมา ทั้งนี้การที่เธอไปมีความสัมพันธ์กับเพศตรงข้าม ยังทาให้เธอเหินห่างจากพ่อแม่และเพ่ือนเพศเดียวกัน ซึ่งเธอยังพอใจจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันต่อไปอีกด้วยสาหรับเด็กผู้ชายปัญหาเหล่าน้ีดูจะมีความสาคัญน้อย เพราะทางครอบครัวมักให้เสรีภาพในเรื่องเพศมากกว่าเดก็ ผู้หญงิ และลักษณะทางอารมณ์ของเด็กผ้ชู ายหนักแนน่ กว่าเด็กผู้หญิงอยู่แล้ว แตอ่ ย่างไรก็ตามเดก็ หนมุ่ บางคนก็อาจถูกผลักดันให้มีกิจกรรมทางเพศมากจนเกินไปจากทางครอบครัวหรือเพ่ือน โดยเฉพาะถ้าเขามีอายุมากกวา่ เพื่อนในกลมุ่ 3.3 วัยหนุ่มสาว (อายุ 18 – 23 ปี) เป็นระยะก่อนแต่งงาน ระยะน้ีเขาจะคิดถึงความสัมพันธ์กับเพศตรงข้ามและเร่ืองเพศของตนมากท่ีสุด สถานะเกี่ยวกับเพศของเขาเร่ิมมีความเกี่ยวข้องกับสังคมและกฎหมายโดยมีการแสดงออกอย่างเปิดเผยและมีการแต่งงานตามกฎหมาย การร่วมเพศก่อนแต่งงานอาจเกิดข้ึนได้ในระยะน้ี แต่ความผูกพันทางจิตใจของผู้ชายต่อคู่ร่วมเพศจะน้อยกว่าผู้หญิง ในระยะน้ีความสัมพันธ์ทางเพศผู้ชายจะมาก แต่ส่วนใหญ่จะไม่มีความรู้สึกจริงใจต่อคู่ร่วมเพศ และการที่เขามีความสัมพันธ์ทางเพศมากก็อาจทาให้เกิดปัญหาทางเพศ โดยเฉพาะท่ีเกี่ยวกับสมรรถภาพ เช่น กามตายด้าน การหล่ังน้ากามเร็ว ความวิตกกังวลเร่ืองขนาดขององคชาต และอ่ืน ๆ นอกจากนั้นอาจมีความขัดแย้งภายในจิตใจเก่ียวกับผู้หญิงที่เขาจะเลือกเป็นค่คู รองว่าคนไหนดีคนไหนไม่ดีอีกด้วย ยิ่งถ้าเขามีปญั หาการสาเร็จความใคร่ด้วยตนเองมากอ่ นกจ็ ะทาให้มีปัญหาทางเพศมากขึ้น สาหรับผู้หญงิ ที่เป็นคูร่ ่วมเพศ เมอ่ื เธอมคี วามมั่นใจในความสัมพันธก์ บั ผชู้ ายมากขึ้นเธอจะเริ่มคิดถึงการมีความสุขทางเพศ และสิ่งน้ีจะสร้างปัญหาให้กับผู้ชายหลาย ๆ คน คือ เขากังวลว่าจะทาให้ฝ่ายหญิงมีความสุขทางเพศได้อย่างไร ในผู้หญิงการมีความสัมพันธ์ทางเพศก่อนสมรสจะทาให้เกิดความกังวลเก่ียวกับการตั้งครรภ์ และเก่ียวกับช่ือเสียงของตนเองด้วย โดยเฉพาะถ้าความสัมพันธ์นั้นจะดาเนินไปไม่ถึงการแต่งงาน พฒั นาการของวยั รุ่น วัยรุ่น จะเกิดข้ึนเม่ือเด็กย่างอายุประมาณ 12-13 ปี เพศหญิงจะเข้าสู่วัยรุ่นเร็วกว่าเพศชายประมาณ2 ปี และจะเกิดการพัฒนาไปจนถึงอายุประมาณ 18 ปี จึงจะเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ โดยจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในพฒั นาการดา้ นต่าง ๆ ดังนี้
1. พัฒนาการทางร่างกาย (Physical Development) ประกอบด้วยการเปล่ียนแปลงทางร่างกายท่ัวไป และการเปล่ียนแปลงทางเพศ เนื่องจากวัยนี้ มีการสร้างและหล่ังฮอร์โมนเพศ (sex hormones) และฮอร์โมนของการเจรญิ เตบิ โต (growth hormone) อยา่ งมากและรวดเร็ว การเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย (physical changes) ร่างกายจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว แขนขาจะยาวขึ้นก่อนจะเห็นการเปลี่ยนแปลงอนื่ ประมาณ 2 ปี เพศหญงิ จะไขมันมากกว่าชายที่มีกล้ามเนื้อมากกว่า ทาใหเ้ พศชายแขง็ แรงกวา่ การเปลย่ี นแปลงทางเพศ (sexual changes) สิ่งที่เห็นไดช้ ัดเจน คือวัยรุ่นชายจะเป็นหนุ่มข้นึ นมขน้ึ พาน (หัวนมโตข้ึนเล็กน้อย กดเจ็บ) เสียงแตก หนวดเคราขึน้ และเร่ิมมีฝันเปียก( nocturnal ejaculation- การหล่งั น้าอสุจิในขณะหลับและฝันเก่ยี วกับเรอ่ื งทางเพศ) การเกดิ ฝันเปยี กครั้งแรกเป็นสัญญานของการเข้าสู่วัยรุ่นของเพศชาย ส่วนวัยรุ่นหญิงจะเป็นสาวข้ึน คือ เต้านมมีขนาดโตขึ้น ไขมันที่เพ่ิมข้ึนจะทาให้รูปร่างมีทรวดทรง สะโพกผายออก และเร่ิมมีประจาเดือนคร้ังแรก (menarche) การมีประจาเดือนคร้ังแรก เป็นสญั ญานบอกการเขา้ สูว่ ัยรนุ่ ในหญิง ท้ังสองเพศจะมกี ารเปล่ียนแปลงของอวยั วะเพศ ซง่ึ จะมีขนาดโตข้ึน และเปลยี่ นเป็นแบบผู้ใหญ่ มีขนข้ึนบริเวณอวัยวะเพศ มกี ลน่ิ ตวั มีสิวข้ึน 2. พั ฒ น า ก า ร ท า ง จิ ต ใ จ ( Psychological Development) ส ติ ปั ญ ญ า ( IntellectualDevelopment) วัยน้สี ติปญั ญาจะพัฒนาสูงขึ้น จนมีความคิดเป็นแบบรูปธรรม (Jean Piaget ใช้คาอธิบายว่าFormal Operation ซึ่งมีความหมายถงึ ความสามารถเรียนรู้ เขา้ ใจเหตุการณต์ า่ ง ๆ ได้ลกึ ซึ้งขึ้นแบบ abstractthinking) มีความสามารถในการคิด วิเคราะห์ และสังเคราะห์ สิ่งต่างๆได้มากขึ้นตามลาดับจนเมื่อพ้นวัยรุ่นแลว้ จะมคี วามสามารถทางสติปญั ญาไดเ้ หมือนผใู้ หญ่ แต่ในชว่ งระหวา่ งวัยรนุ่ นี้ ยังอาจขาดความยั้งคดิ มีความหุนหันพลนั แลน่ ขาดการไตร่ตรองให้รอบคอบ ความคิดเก่ียวกับตนเอง (Self Awareness) วัยนี้จะเริ่มมีความสามารถในการรับรู้ตนเอง ด้านตา่ ง ๆ ดงั นี้ เอกลักษณ์ (identity) วัยรุ่นจะเร่ิมแสดงออกถึงสิ่งตนเองชอบ สิ่งที่ตนเองถนัด ซ่ึงจะแสดงถึงความเป็นตัวตนของเขาที่โดดเด่น ได้แก่ วชิ าท่ีเขาชอบเรียน กฬี าที่ชอบเล่น งานอดเิ รก การใช้เวลาว่างให้เกิดความเพลิดเพลิน กลุ่มเพื่อนท่ีชอบและสนิทสนมด้วย โดยเขาจะเลือกคบคนท่ีมีส่วนคล้ายคลึงกัน หรือเข้ากันได้ และจะเกิดการเรียนรู้และถ่ายทอดแบบอย่างจากกลมุ่ เพื่อนนี้เอง ทั้งแนวคิด คา่ นิยม ระบบจริยธรรม การแสดงออกและการแก้ปัญหาในชีวิต จนส่ิงเหล่าน้ีกลายเป็นเอกลักษณ์ของตน และกลายเป็นบุคลิกภาพนั่นเองสิ่งท่ีแสดงถึงเอกลักษณ์ตนเองยังมีอีกหลายด้าน ได้แก่ เอกลักษณ์ทางเพศ (sexual identity and sexualorientation) แฟช่นั ดารา นกั ร้อง การแต่งกาย ทางความเช่ือในศาสนา อาชีพ คติประจาใจ เป้าหมายในการดาเนินชีวติ (Erik Erikson อธิบายวา่ วัยรุ่นจะเกิดเอกลักษณ์ของตนในวยั น้ี ถ้าไม่เกดิ จะมีความสับสนในตนเองIdentity VS Role confusion ) ภาพลักษณ์ของตนเอง (self image) คือการมองภาพของตนเอง ในด้านต่าง ๆ ได้แก่ หน้าตารูปร่าง ความสวยความหล่อ ความพิการ ข้อดีข้อด้อยทางร่างกายของตนเอง วัยรุ่นจะสนใจหรือ ให้เวลาเก่ยี วกบั รปู รา่ ง ผวิ พรรณมากกว่าวัยอ่ืน ๆ ถา้ ตวั มขี ้อดอ้ ยกวา่ คนอืน่ ก็จะเกิดความอับอาย การได้รับการยอมรับจากผู้อ่ืน (acceptance) วัยนี้ต้องการการยอมรับจากกลุ่มเพ่ือนอย่างมากการได้รับการยอมรับจะช่วยให้เกิดความรู้สึกม่ันคง ปลอดภัย เห็นคุณค่าของตนเอง ม่ันใจตนเอง วัยน้ีจึงมักอยากเด่นอยากดงั อยากให้มคี นร้จู ักมาก ๆ
ความภาคภูมิใจตนเอง (self esteem) เกิดจากการท่ีตนเองเป็นที่ยอมรับของเพ่ือนและคนอื่น ๆได้ รู้สึกวา่ ตนเองมีคุณคา่ เปน็ คนดีและมปี ระโยชน์แก่ผู้อื่นได้ ทาอะไรได้สาเรจ็ ความเป็นตัวของตัวเอง (independent) วัยนี้จะรักอิสระ เสรีภาพ ไม่ค่อยชอบอยู่ในกฎเกณฑ์กติกาใด ๆ ชอบคิดเอง ทาเอง พง่ึ ตัวเอง เช่อื ความคดิ ตนเอง มีปฏิกริ ิยาตอบโต้ผใู้ หญ่ท่บี บี บงั คับสูง ความอยากรู้อยากเห็นอยากลองจะมสี ูงสดุ ในวยั นี้ ทาให้อาจเกิดพฤติกรรมเส่ียงได้งา่ ยถ้าวัยรุ่นขาดการยั้งคิดทด่ี ี การไดท้ าอะไรด้วยตนเอง และทาได้สาเร็จจะชว่ ยใหว้ ัยรนุ่ มีความมัน่ ใจในตนเอง (self confidence) การควบคุมตนเอง (self control) วัยนี้จะเรียนรู้ท่ีจะควบคุมความคิด การรู้จักย้ังคิด การคิดให้เปน็ ระบบ เพือ่ ใหส้ ามารถใช้ความคิดได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ และ อยรู่ ว่ มกับผ้อู ่นื ได้ อารมณ์ (mood) อารมณ์จะปัน่ ป่วน เปลีย่ นแปลงง่าย หงุดหงิดงา่ ย เครยี ดงา่ ย โกรธง่าย อาจเกิดอารมณ์ซึมเศร้าโดยไม่มีสาเหตุได้ง่าย อารมณ์ท่ีไม่ดีเหล่าน้ีอาจทาให้เกิดพฤติกรรมเกเร ก้าวร้าว มีผลต่อการเรียนและการดาเนินชีวิต ในวัยรุ่นตอนต้น การควบคุมอารมณ์ยังไม่ค่อยดีนัก บางครั้งยังทาอะไรตามอารมณ์ตวั เองอยู่บ้าง แต่จะค่อยๆดีขึ้นเมื่ออายุมากข้ึน อารมณ์เพศวัยน้ีจะมีมาก ทาให้มีความสนใจเรื่องทางเพศ หรือมพี ฤติกรรมทางเพศ เช่น การสาเรจ็ ความใคร่ด้วยตนเอง ซ่ึงถือว่าเปน็ เรื่องปกตใิ นวัยน้ี แต่พฤติกรรมบางอย่างอาจเปน็ ปญั หา เช่น เบี่ยงเบนทางเพศ กามวปิ ริต หรือการมเี พศสมั พันธใ์ นวัยรุ่น จริยธรรม (moral development) วัยนี้จะมีความคิดเชิงอุดมคติสูง (idealism) เพราะเขาจะแยกแยะความผดิ ชอบชัว่ ดีไดแ้ ล้ว มีระบบมโนธรรมของตนเอง ต้องการใหเ้ กดิ ความถกู ต้อง ความชอบธรรมในสังคม ชอบช่วยเหลือผู้อ่ืน ต้องการเป็นคนดี เป็นท่ีช่ืนชอบของคนอ่ืน และจะรู้สึกอึดอัดคับข้องใจกับความไม่ถูกต้องในสังคม หรือในบ้าน แม้แต่พ่อแม่ของตนเองเขาก็เริ่มรู้สึกว่าไม่ได้ดีสมบูรณ์แบบเหมือนเม่ือก่อนอีกต่อไปแล้ว บางคร้ังเขาจะแสดงออก วิพากษ์วิจารณ์พ่อแม่หรือ ครูอาจารย์ตรง ๆ อย่างรุนแรง การต่อต้านประท้วงจึงเกิดได้บ่อยในวัยน้ีเมื่อวัยรุ่นเห็นการกระทาที่ไม่ถูกต้อง หรือมีการเอาเปรียบ เบียดเบียน ความไม่เสมอภาคกัน ในวัยร่นุ ตอนต้นการควบคุมตนเองอาจยังไม่ดนี ัก แตเ่ มอื่ พ้นวยั รุน่ น้ไี ป การควบคุมตนเองจะดีขึ้นจนเป็นระบบจริยธรรมทีส่ มบรู ณ์เหมือนผใู้ หญ่ 3. พฒั นาการทางสงั คม (Social Development) วัยน้ีจะเรม่ิ ห่างจากทางบา้ น ไมค่ ่อยสนทิ สนมคลุกคลีกับพ่อแม่พี่น้องเหมือนเดิม แต่จะสนใจเพ่ือนมากกว่า จะใช้เวลากับเพื่อนนาน ๆ มีกิจกรรมนอกบ้านมากไม่อยากไปไหนกับทางบ้าน เร่ิมมีความสนใจเพศตรงข้าม สนใจสังคมสิ่งแวดล้อม ปรับตัวเองให้เข้ากับกฎเกณฑก์ ตกิ าของกล่มุ ของสงั คมได้ดีขน้ึ มคี วามสามารถในทักษะสังคม การสอื่ สารเจรจา การแกป้ ัญหา การประนีประนอม การยืดหยุ่นโอนอ่อนผ่อนตามกัน และการทางานร่วมกับผู้อ่ืน พัฒนาการทางสังคมท่ีดีจะเป็นพื้นฐานมนุษยสัมพันธ์ท่ีดี และบุคลิกภาพที่ดี การเรียนรู้สังคมจะช่วยให้ตนเองหาแนวทางการดาเนินชีวิตท่ีเหมาะกับตนเอง เลอื กวชิ าชพี ทเ่ี หมาะกบั ตน และมีสงั คมส่งิ แวดลอ้ มที่ดีตอ่ ตนเองในอนาคตต่อไป เปา้ หมายของการพัฒนาวัยร่นุ 1. ร่างกายที่แข็งแรง ปราศจากความบกพร่องทางกาย มีความสมบูรณ์ มีภูมิต้านทานโรคและปราศจากภาวะเสย่ี งต่อปญั หาทางกายต่าง ๆ 2. เอกลกั ษณ์แห่งตนเองดี บคุ ลิกภาพดี มที ักษะส่วนตวั และทักษะสังคมดี เอกลกั ษณท์ างเพศเหมาะสม การเรียนและอาชีพ ได้ตามศักยภาพของตน ตามความชอบความถนัด และความเป็นไปได้ทาให้มคี วามพอใจต่อตนเอง
การดาเนินชีวิต สอดคล้องกับความชอบความถนัด มีการผ่อนคลาย กีฬา งานอดิเรก มีความสขุ ได้โดยไม่เบยี ดเบยี นคนอ่นื มีการชว่ ยเหลือคนอื่นและสิง่ แวดลอ้ ม มมี โนธรรมดี เปน็ คนดี 3. มีการบริหารตนเองไดด้ ี สามารถบริหารจัดการตนเอง โดยไมต่ ้องพึง่ พาผอู้ นื่ 4. มีความรับผิดชอบ มคี วามรับผิดชอบทั้งตอ่ ตนเอง ต่อผอู้ ่ืน ต่อประเทศชาติ และต่อสง่ิ แวดลอ้ มได้ดี 5. มมี นษุ ยสัมพนั ธ์กับคนอ่ืนได้ดี ปญั หาพฤตกิ รรมในวยั รุ่น ปญั หาท่ีพบได้บอ่ ยในวัยร่นุ มดี ังน้ี 1. ปญั หาความสัมพันธ์กับพ่อแม่ วยั น้ีจะแสดงพฤติกรรมที่แสดงความเป็นตัวของตัวเองค่อนข้างมากการพูดจาไม่ค่อยเรยี บรอ้ ย อารมณแ์ ปรปรวนเปลย่ี นแปลงงา่ ย ความรับผิดชอบขนึ้ ๆ ลง ๆ เอาแตใ่ จตวั เอง ทาให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือครูอาจารย์หงุดหงิดไม่พอใจได้มาก ๆ ถ้าใช้วิธีการจดั การไม่ถูกต้อง เช่น ใช้วิธีดดุ ่าว่ากล่าว ตาหนิ หรือลงโทษรุนแรง จะเกิดปฏิกิริยาต่อต้าน เป็นอารมณ์ต่อกัน ไม่ได้ช่วยเปล่ียนแปลงพฤติกรรมวัยรุ่น วิธีการจัดการกับปัญหาพฤติกรรมเหล่านี้ เร่ิมต้นจากการทาความเข้าใจความต้องการของวัยรุ่น มีการตอบสนองโดยประนีประนอมยืดหยุ่น แต่ก็ยังคงมีขอบเขตพอสมควร พยายามจูงใจให้ร่วมมือมากกว่าการบังคบั กันตรง ๆ หรอื รนุ แรง สรา้ งความสมั พันธ์ท่ีดีไวก้ อ่ น อย่าหงดุ หงิดกบั พฤติกรรมเลก็ ๆ น้อย ๆ 2. ปัญหาการใช้สารเสพติด (substance use disorders) ตามธรรมชาติของวยั รุ่นจะมีความอยากรู้อยากเห็นอยากลองมาก ถ้าขาดการยับยั้งชั่งใจด้วย การที่อยู่ในกลุ่มที่ใช้สารเสพติด หรือเพ่ือนใช้สารเสพติดจะมีการชักชวนให้ใช้ร่วมกัน บางคนไม่กล้าปฏิเสธเพื่อน บางคนใช้เพ่ือให้เหมือนเพ่ือน ๆ เม่ือลองแล้วเกิดความพอใจก็จะตดิ ได้ง่าย 3. ปัญหาทางเพศ (Sexual Problems) พฤติกรรมรักร่วมเพศ (homosexualism) เปน็ พฤติกรรมท่ีจะทาให้เกิดปัญหาตามมาได้มาก คนที่เป็นรักร่วมเพศมักจะเจอปัญหาในการดาเนินชีวิตได้มากกว่าคนท่ัวไปในบางสังคมมีการต่อต้านพฤติกรรมรักร่วมเพศ มีการรังเกียจ ล้อเลียน ไม่ยอมรับ บางประเทศมีกฎหมายลงโทษการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกันเองรักร่วมเพศ คือพฤติกรรมท่ีพึงพอใจทางเพศกับเพศเดียวกันอาจมีการแสดงออกภายนอกให้เห็นชัดเจนหรือไม่ก็ได้ การรักษาผู้ท่ีเป็นรักร่วมเพศมักไม่ได้ผล เนื่องจากผู้ท่ีเป็นรักร่วมเพศมักจะพอใจในลักษณะแบบน้ีอยู่แล้ว การช่วยเหลือทาได้โดยการให้คาปรึกษาผู้ที่เป็นพ่อแม่และผู้ป่วย เพ่ือให้ปรับตัวได้ ไม่รังเกียจลูกท่ีเป็นแบบน้ี และผู้ป่วยแสดงออกเหมาะสม ไม่มากเกินไปจนมีการรังเกียจตอ่ ตา้ นจากคนใกลช้ ดิ การป้องกันภาวะรักร่วมเพศ ทาได้โดยการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่เพศเดียวกับเด็กเพ่ือใหม้ ีการถ่ายทอดแบบอยา่ งทางเพศจากพ่อหรอื แมเ่ พศเดยี วกบั เด็ก การสาเร็จความใคร่ด้วยตนเอง (masturbation) ในวัยรุ่นการสาเร็จความใคร่ด้วยตนเองเป็นพฤติกรรมปกติ ไม่มีอันตราย ไม่มีผลเสียต่อร่างกายหรือจิตใจ การทาไม่ควรหมกมุ่นมากจนเป็นปัญหาต่อการใช้เวลาท่คี วรทา หรอื ทาใหข้ าดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์อ่ืน ๆ การมีเพศสัมพันธ์ในวัยรุ่น (sexual relationship) มักเกิดจากวัยรุ่นท่ีขาดการยับยั้งช่ังใจ หรือมีปญั หาทางอารมณ์ และใช้เพศสัมพันธ์เป็นการทดแทน เพศสมั พันธ์ในวัยรุ่นมักไม่ไดย้ ั้งคิดให้รอบคอบ ขาดการไตร่ตรอง ทาตามอารมณ์เพศ หรืออยู่ภายใต้ฤทธ์ิของสารเสพติด ทาให้เกิดปัญหาการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพนั ธ์ การตั้งครรภ์ การทาแท้ง การเล้ียงลูกที่ไม่ถูกต้อง ปัญหาครอบครัว และกลายเป็นปัญหาสังคมในทีส่ ุด
4. ปัญหาบุคลิกภาพ (personality problems) วัยรุ่นจะเป็นวัยท่ีมีพัฒนาการของบุคลิกภาพอย่างชัดเจน ทั้งนิสัยใจคอ การคิด การกระทา จะเป็นรูปแบบที่สม่าเสมอ จนสามารถคาดการณ์ได้ว่าในเหตุการณ์แบบน้ี เขาจะแสดงออกอย่างไร ถ้าการเรียนรู้ที่ผ่านมาดี วัยรุ่นจะมีบุคลิกภาพดีด้วย แต่ในทางตรงข้าม ถ้ามีปัญหาในชีวิต หรือเรียนรู้แบบผิด ๆ จะกลายเป็นบุคลิกภาพที่เป็นปัญหา ปรับตัวเข้ากับคนอ่ืนได้น้อย เอาตัวเองเปน็ ศนู ย์กลาง และจะติดตัวไปตลอดชีวติ ถ้าเป็นปัญหามาก ๆ เรยี กว่าบคุ ลิกภาพผดิ ปกติ (personalitydisorders) ความประพฤติผิดปกติ (conduct disorder) คือ โรคที่มีปัญหาพฤติกรรมกลุ่มท่ีทาให้ผู้อื่นเดือดร้อน โดยตนเองพอใจ ได้แก่ การละเมิดสิทธิผู้อ่ืน การขโมย ฉ้อโกง ตีชิงวิ่งราว ทาร้ายผู้อ่ืน ทาลายข้าวของ เกเร หรือละเมิดกฎเกณฑ์ของหมู่คณะหรือสังคม การหนีเรียน ไม่กลับบ้าน หนีเที่ยว โกหก หลอกลวงล่วงเกินทางเพศ การใช้สารเสพติด อาการดังกล่าวนม้ี ักจะเกิดขน้ึ ต่อเน่ืองมานานพอสมควร สัมพนั ธ์กันปัญหาในครอบครวั การเล้ียงดู ปญั หาอารมณ์ การรักษาควรรีบทาทันที เพราะการปล่อยไว้นาน จะยิ่งเรื้อรังรักษายาก และกลายเป็นบุคลิกภาพแบบอนั ธพาล (antisocial personality disorder) การปอ้ งกนั ปัญหาวยั รนุ่ 1. การเลย้ี งดอู ยา่ งถูกต้อง ใหค้ วามรักความอบอุ่น 2. การฝกึ ใหร้ ูจ้ กั ระเบยี บวินัย การควบคุมตัวเอง 3. การฝกึ ทักษะชวี ติ ใหแ้ กไ้ ขปัญหาไดถ้ กู ต้อง มที กั ษะในการปฏเิ สธส่ิงทไ่ี ม่ถกู ตอ้ ง 4. การสอนใหเ้ ดก็ รจู้ ักคบเพ่ือน ทักษะสงั คมดี 5. การฝึกให้เด็กมีเอกลกั ษณ์เป็นของตนเอง 4. การเปล่ียนแปลงทางร่างกาย (จุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรมขอ้ ที่ 3) 4.1 ขนาดและความสูง: ในวัยเด็กท้ังเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายจะมีความกว้างของไหล่และสะโพกใกล้เคียงกัน แต่เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น ผู้ชายจะมีอัตราเร็วในการเจริญเติบโตของไหล่มากท่ีสุด ทาให้วัยรุ่นผู้ชายจะมีไหล่กว้างกว่า ในขณะที่วัยรุ่นผู้หญิงมีอัตราการเจริญเติบโตของสะโพกมากกว่าผู้ชาย นอกจากน้ีการท่ีวัยนี้มีการเจริญเติบโตสูงใหญ่ได้รวดเร็ว โดยเฉพาะท่ี คอ แขน ขา มากกว่าที่ลาตัว จะทาให้วัยรุ่นรู้สึกว่าตัวเองมีรูปร่างเก้งก้างน่าราคาญ และการเจริญเติบโตหรือการขยายขนาดของร่างกายในแต่ละส่วน อาจเกิดข้ึนไม่พร้อมกัน หรือไม่เป็นไปตามขั้นตอน เช่น ร่างกายซีกซ้ายและซีกขวาเจริญเติบโตมีขนาดไม่เท่ากนั ในระยะแรกๆ ซึ่งเป็นเหตุทาให้เดก็ ตกอยใู่ นความวติ กกังวลสงู ได้ จงึ ควรใหค้ วามมัน่ ใจกับวัยนี้ 4.2 ไขมันและกล้ามเน้ือ: เด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงมีความหนาของไขมันท่ีสะสมอยู่ใต้ผิวหนังใกล้เคียงกัน จนกระทั่งอายุประมาณ 8 ปี จะเร่ิมมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว วัยรุ่นชายจะมีกาลังของกล้ามเน้ือมากกว่าวัยรุ่นผู้หญิง พละกาลังของกล้ามเนื้อจะแข็งแรงขึ้น หลังจากนั้นวัยรุ่นชายจะมีไขมันใต้ผิวหนังบางลง พร้อม ๆ กับมีกล้ามเนื้อเพิ่มมากขึ้นและแข็งแรงข้ึน ซ่ึงจะทาให้วัยรุ่นชายดูผอมลงโดยเฉพาะท่ีขา นอ่ ง และแขน สาหรับวัยรุ่นหญิงถึงแมว้ ่าจะมกี ารเพ่ิมขึ้นของกล้ามเนอื้ แตข่ ณะเดยี วกันจะมกี ารสะสมของไขมันใต้ผิวหนังเพิ่มข้ึนอีกโดยที่น้าหนักจะเพิ่มได้ถึงร้อยละ 25 ของน้าหนัก โดยเฉพาะไขมันที่สะสมที่เต้านมและสะโพก ประมาณร้อยละ 50 ของวัยรุ่นหญิงจะรู้สึกไม่พอใจในรูปลักษณ์ของตน และมักคิดว่าตัวเอง“อ้วน” เกนิ ไป มีวัยรนุ่ หลายคนที่พยายามลดน้าหนกั จนถึงขน้ั ที่มรี ปู ร่างผอมแหง้ 4.3 โครงสร้างใบหน้า ช่วงนี้กระดูกของจมูกจะโตขึ้น ทาให้ดั้งจมูกเป็นสันขึ้น กระดูกขากรรไกรบนและขากรรไกรล่างเติบโตเร็วมากในระยะนี้ เช่นเดียวกับกล่องเสียง ลาคอ และกระดูกอัยลอยด์ และพบว่าในวัยรนุ่ ชายจะเจรญิ เติบโตเร็วกว่าวัยรุ่นหญงิ ชดั เจน เปน็ เหตุใหว้ ยั รุน่ ชายเสียงแตก
4.4 การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน ท้ังฮอร์โมนการเติบโต (Growth Hormone) และฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์มีอิทธิพลต่อการเจริญเตบิ โต รวมทั้งฮอรโ์ มนทางเพศ นอกจากระดับฮอร์โมนจะมีผลโดยตรงต่อการเจริญเติบโตทางร่างกาย และอวัยวะเพศในวัยรุ่นแล้ว ตัวของมันเองยังส่งผลถึงความรู้สึกทางอารมณ์และจิตใจ ปฏิกิริยาการเรียนรู้ ฯลฯ ในวัยรุ่นอีกด้วย วัยรุ่นท่ีจะผ่านช่วงวิกฤตนี้ได้ นอกจากจะต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพร่างกายที่เปล่ียนไปแล้ว ยังต้องเข้าใจและควบคุมอารมณ์ความรู้สึกที่พลุ่งพล่านข้ึน จากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนต่าง ๆ อีกด้วย โดยเฉพาะต่อมไขมันใต้ผิวหนังและต่อมเหงื่อจะทาหน้าท่ีเพ่ิมมากข้ึน เป็นสาเหตุทาให้เกิดปัญหาเรื่อง “สิว” และ “กลิ่นตัว” แต่เน่ืองจากวัยนี้จะให้ความสนใจเกี่ยวกับร่างกายท่ีมีการเปล่ียนแปลงอยา่ งรวดเรว็ และมีความระแวดระวงั ตัวเองมาก จึงทาให้วัยร่นุ พยายามทจ่ี ะรักษา“สิว” อยา่ งเอาเป็นเอาตาย ทง้ั ๆ ที่ “สวิ ” จะเปน็ ปญั หาในชว่ งวยั น้ีแคร่ ะยะส้ัน ๆ เท่านั้น 4.5 การเปลี่ยนแปลงของอวัยวะเพศ วัยรุ่นหญิงมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงระยะ 1 ปีกอ่ นที่จะมีประจาเดือน โดยเฉพาะการเจริญเติบโตของเต้านม ซ่ึงเริ่มมีการขยายขนาดเม่ืออายุประมาณ 8-13ปี และจะใชเ้ วลา 2-2 ปีครง่ึ จึงจะเจริญเติบโตเต็มที่ ในชว่ งอายุ 11-13 ปี วัยรุ่นหญงิ ส่วนใหญ่ (ร้อยละ 80) จะมีรปู รา่ งเป็นสาวเต็มตัว ดังนัน้ ในช้นั ประถมตอนปลายหรอื มัธยมตน้ จะเห็นว่าวัยรุ่นสาวจะมีรปู ร่างสูงใหญ่เป็นสาวน้อยแรกรุ่น ในขณะท่ีพวกผู้ชายยังดูเป็นเด็กชายตัวเล็ก ๆ ท้ัง ๆ ที่เด็กผู้หญิงเคยตัวเล็กกว่าเด็กผู้ชายมาตลอด ทาใหเ้ ดก็ สบั สนและเป็นกังวลกับสภาพรา่ งกายได้ 5. ปญั หาพฤตกิ รรมในวยั รุน่ (จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมขอ้ ท่ี 4) ปัญหาทีพ่ บได้บ่อยในวัยรนุ่ มีดังน้ี 5.1 ปัญหาความสัมพันธ์กับพ่อแม่ วัยนี้จะแสดงพฤติกรรมที่แสดงความเป็นตัวของตัวเองคอ่ นข้างมาก การพูดจาไม่ค่อยเรียบร้อย อารมณ์แปรปรวนเปล่ียนแปลงง่าย ความรับผิดชอบข้ึน ๆ ลง ๆ เอาแต่ใจตัวเอง ทาให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือครูอาจารย์หงุดหงิดไม่พอใจได้มาก ๆ ถ้าใช้วิธีการจัดการไม่ถูกต้องเช่น ใช้วิธีดุด่าว่ากล่าว ตาหนิ หรือลงโทษรุนแรง จะเกิดปฏิกิริยาต่อต้าน เป็นอารมณ์ต่อกัน ไม่ได้ช่วยเปล่ยี นแปลงพฤติกรรมวัยรนุ่ วธิ ีการจดั การกบั ปญั หาพฤตกิ รรมเหล่านี้ เริม่ ต้นจากการทาความเข้าใจความต้องการของวยั รุ่นมีการตอบสนองโดยประนีประนอมยืดหยุ่น แต่ก็ยังคงมีขอบเขตพอสมควร พยายามจูงใจให้ร่วมมือมากกว่าการบังคับกันตรง ๆ หรือรุนแรง สร้างความสัมพันธท์ ่ดี ีไว้กอ่ น อยา่ หงุดหงิดกบั พฤตกิ รรมเล็ก ๆ นอ้ ย ๆ 5.2 ปัญหาการใช้สารเสพติด (Substance Use Disorders) ตามธรรมชาติของวัยรุ่นจะมีความอยากรู้อยากเห็นอยากลองมาก ถ้าขาดการยับย้ังช่ังใจด้วย การที่อยู่ในกลุ่มที่ใช้สารเสพติด หรือเพ่ือนใช้สารเสพติด จะมีการชกั ชวนให้ใช้ร่วมกัน บางคนไมก่ ลา้ ปฏเิ สธเพอ่ื น บางคนใช้เพื่อให้เหมอื นเพื่อน ๆ เมื่อลองแล้วเกิดความพอใจกจ็ ะตดิ ไดง้ ่าย 5.3 ปัญหาทางเพศ (Sexual Problems) พฤติกรรมรักร่วมเพศ (Homosexualism) เปน็ พฤตกิ รรมทีจ่ ะทาให้เกดิ ปัญหาตามมาไดม้ าก คนที่เป็นรักร่วมเพศมักจะเจอปญั หาในการดาเนินชีวิตมากกว่าคนท่ัวไป ในบางสังคมมีการต่อต้านพฤติกรรมรักร่วมเพศ มีการรังเกียจ ล้อเลียนไม่ยอมรับ บางประเทศมีกฎหมายลงโทษการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกัน รักร่วมเพศ คือพฤติกรรมท่ีพึงพอใจทางเพศกับเพศเดียวกัน อาจมีการแสดงออกภายนอกให้เห็นชัดเจนหรือไม่ก็ได้ การรักษาผู้ที่เป็นรักร่วมเพศมักไม่ได้ผล เน่ืองจากผู้ที่เป็นรักร่วมเพศมักจะพอใจในลักษณะ แบบนี้อยู่แล้ว การช่วยเหลือทาได้โดยการให้คาปรึกษาผู้ท่ีเป็นพ่อแม่และผู้ป่วยเพื่อให้ปรับตัวได้ ไม่รังเกียจลูกท่ีเป็นแบบน้ี และผู้ป่วยแสดงออกเหมาะสม ไม่มากเกินไปจนมีการรังเกียจต่อต้านจากคนใกล้ชิด การป้องกันภาวะรักร่วมเพศ ทาได้โดยการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่เพศเดียวกับเด็ก เพ่อื ให้มกี ารถา่ ยทอดแบบอยา่ งทางเพศจากพ่อหรอื แมเ่ พศเดยี วกบั เด็ก
5.4 การสาเร็จความใคร่ด้วยตนเอง (Masturbation) ในวัยรุ่นการสาเร็จความใคร่ด้วยตนเองเป็นพฤติกรรมปกติ ไม่มีอันตราย ไม่มีผลเสียต่อร่างกายหรือจิตใจ การทาไม่ควรหมกมุ่นมากจนเป็นปัญหาต่อการใช้เวลาทคี่ วรทา หรือทาใหข้ าดกิจกรรมท่เี ป็นประโยชนอ์ ่นื ๆ 5.5 การมีเพศสัมพนั ธ์ในวัยรุ่น (Sexual Relationship) มักเกิดจากวยั รุ่นท่ีขาดการยบั ย้ังชงั่ ใจ หรือมีปัญหาทางอารมณ์ และใช้เพศสัมพันธ์เป็นการทดแทน เพศสัมพันธ์ในวัยรุ่นมักไม่ได้ย้ังคิดให้รอบคอบ ขาดการไตร่ตรอง ทาตามอารมณ์เพศ หรืออยู่ภายใต้ฤทธ์ิของสารเสพติด ทาให้เกิดปัญหาการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การต้ังครรภ์ การทาแท้ง การเลี้ยงลูกที่ไม่ถูกต้อง ปัญหาครอบครวั และกลายเป็นปัญหาสังคมในทีส่ ุด 5.6 ปัญหาบุคลิกภาพ (Personality Problems) วัยรุ่นจะเป็นวัยท่ีมีพัฒนาการของบุคลิกภาพอย่างชัดเจน ท้ังนิสัยใจคอ การคิด การกระทา จะเป็นรูปแบบที่สม่าเสมอ จนสามารถคาดการณ์ได้ว่าในเหตุการณ์แบบนี้ เขาจะแสดงออกอย่างไร ถ้าการเรียนรู้ที่ผ่านมาดี วัยรุ่นจะมีบุคลิกภาพดีด้วย แต่ในทางตรงขา้ ม ถ้ามปี ญั หาในชีวติ หรือเรียนรแู้ บบผิด ๆ จะกลายเป็นบคุ ลิกภาพท่ีเปน็ ปัญหา ปรับตัวเขา้ กับคนอ่ืนได้นอ้ ยเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง และจะติดตัวไปตลอดชีวิต ถ้าเป็นปัญหามาก ๆ เรียกว่า บุคลิกภาพผิดปกติ(Personality Disorders) 5.7 ความประพฤติผิดปกติ (Conduct Disorder) คือ โรคท่ีมีปัญหาพฤติกรรมกลุ่มที่ทาให้ผู้อ่ืนเดือดร้อนโดยตนเองพอใจ ได้แก่ การละเมิดสิทธิผู้อ่ืน การขโมย ฉ้อโกง ตีชิงว่ิงราว ทาร้ายผู้อื่น ทาลายข้าวของ เกเร หรือละเมิดกฎเกณฑ์ของหมู่คณะหรือสังคม การหนีเรียน ไม่กลับบ้าน หนีเท่ียว โกหก หลอกลวงล่วงเกินทางเพศ การใช้สารเสพติด อาการดังกล่าวน้ีมักจะเกดิ ข้ึนต่อเน่อื งมานานพอสมควร สัมพันธ์กับปัญหาในครอบครวั การเล้ยี งดู ปญั หาอารมณ์ การรักษาควรรีบทาทันที เพราะการปล่อยไว้นาน จะย่ิงเรื้อรังรักษายาก และกลายเป็นบุคลิกภาพแบบอนั ธพาล (Antisocial Personality Disorder) 6. การปอ้ งกันปัญหาวยั รนุ่ (จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมขอ้ ท่ี 4) 6.1 การเลี้ยงดูอย่างถูกต้อง ใหค้ วามรักความอบอุ่น 6.2 การฝึกใหร้ จู้ ักระเบียบวนิ ยั การควบคุมตัวเอง 6.3 การฝกึ ทกั ษะชวี ิต ให้แก้ไขปญั หาไดถ้ ูกต้อง มที กั ษะในการปฏเิ สธสง่ิ ท่ีไมถ่ กู ต้อง 6.4 การสอนให้เด็กรูจ้ ักคบเพอื่ น ทักษะสังคมดี 6.5 การฝึกให้เด็กมเี อกลักษณ์เป็นของตนเอง 7. อารมณ์ทางเพศ 7.1 ความหมายของอารมณ์ทางเพศ อารมณ์ทางเพศ (Sexual Feelings) เป็นความรู้สึกและปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติเน่ืองจากเม่ือเข้าสู่วัยรุ่น ร่างกายจะสร้างฮอร์โมนเพศ (ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนในเพศชาย และฮอร์ โมนเอสโตรเจนในเพศหญิง) จึงเกิดความรู้สึกเก่ียวข้องกับความต้องการทางเพศ (Sexual Drive) อีกท้ังยังมีการกระตุ้นจากสาเหตุภายนอกร่วมด้วย เช่น ดูหนังโป๊ การจับมือ การสัมผัสร่างกาย ส่ิงเหล่าน้ีจะไปกระตุ้นจิตใจทาให้เกดิ ความรู้สึกถึงแรงขบั ทางเพศหรืออาจเรา้ ความตอ้ งการทางเพศให้สูงขึ้น รา่ งกายจึงมีพลงั งานทางเพศมากข้ึน มีความต่ืนตัวทางเพศ เกิดกิจกรรมเก่ียวข้องกับพฤติกรรมทางเพศ เช่น เกดิ การแข็งตัวของอวัยวะเพศเป็นตน้
เม่ือร่างกายถูกปลุกเร้าอารมณ์ ความรู้สึก จะทาให้มีการเปลี่ยนแปลง เช่น หน้าแดง หัวใจเต้นเร็ว กลา้ มเน้ือตนื่ ตัว รวมท้ังบรเิ วณอวยั วะเพศและหนา้ อกก็จะมีการต่นื ตัวด้วย 7.2 การเกดิ อารมณท์ างเพศ อารมณ์ทางเพศที่เกิดข้ึนเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ทุกคน ท้ังเพศชายและหญิงเมื่อเข้าสู่วัยรุ่นเนื่องจากการสร้างฮอร์โมนในร่างกาย ร่วมกับการกระตุ้นของสิ่งเร้าจากภายนอกอารมณ์ และความตอ้ งการทางเพศ เปน็ การทางานโดยอัตโนมตั ิของร่างกายจากการควบคุมของระบบประสาทอัตโนมัติ โดยการทางานจะเป็นไปตามลาดบั ข้ันตอนตา่ ง ๆ ดงั นี้ 7.2.1 เมอ่ื มกี ารกระตุ้นจากส่ิงท่ีไดเ้ ห็น ได้ยนิ ได้กล่ิน ไดส้ ัมผัส รวมท้ังความรสู้ ึกนกึ คิดก็จะเป็นตวั กระต้นุ ให้เกิดอารมณ์ทางเพศสง่ ต่อไปท่ีอวยั วะรับความรสู้ กึ 7.2.2 อวัยวะรับการกระตุ้น ได้แก่ ตา หู จมูก ล้ิน กาย และใจ ความรู้สึกและอารมณ์ทางเพศจะเกดิ ขึ้นได้กต็ ่อเม่ืออวัยวะรบั ความรู้สกึ นั้นมีความสามารถรับการกระตนุ้ เช่น การได้สมั ผัส หากไดส้ ัมผสั แล้วไม่ถกู ใจกอ็ าจจะไมเ่ กิดอารมณ์ความรู้สึกทางเพศก็ได้ 7.2.3 จิตใจ ถ้าจิตใจเศร้าหมองไม่เบิกบาน วิตกกังวล ไม่ชอบ เกลียดก็อาจทาให้อารมณ์และความรสู้ ึกทางเพศเกิดได้ยาก 8. การจัดการกับอารมณ์ทางเพศ (จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรมข้อที่ 5) อารมณท์ างเพศทเี่ กิดขนึ้ เปน็ เรือ่ งธรรมชาติ รา่ งกายของคนเราถกู สรา้ งมาอย่างสมดลุ โดยสร้างให้คนมีอารมณ์ทางเพศ หากเรามีความรู้เก่ียวกับธรรมชาติในเร่ืองเพศ และมีสติรู้ตัวเองก็จะช่วยลดหรือผ่อนคลายความบบี คน้ั จากฮอร์โมนในรา่ งกาย โดยทากจิ กรรมที่น่าสนใจ ซ่ึงมมี ากมายหลากหลายรูปแบบ หากเรามีความรู้เร่ืองเพศท่ีถูกต้องแล้วก็จะสามารถแก้ไขความกังวลใจเก่ียวกับเร่ืองเพศได้ หรือเมื่อเราเกิดความต้องการทางเพศแล้วก็สามารถท่ีจะควบคุมการแสดงออกของพฤติกรรมทางเพศได้อย่างถูกต้องตามประเพณีและวัฒนธรรมที่เหมาะสม การตอบสนองต่ออารมณ์และสิ่งเร้าทางเพศน้ันไม่จาเป็นจะต้องมีเพศสัมพันธ์เสมอไป เราจึงควรหาทางออกหรือเบ่ียงเบนไปสนใจเรื่องอ่ืน ๆ โดยสามารถระงับอารมณ์ทางเพศไดด้ งั นี้ 1. หลีกเลยี่ งการดภู าพโป๊ อ่านหนงั สอื โป๊ต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นสือ่ นาไปสู่การเกดิ อารมณเ์ พศได้ 2. ไม่ควรเปิดโอกาสในการอยู่กับเพศตรงข้ามในที่รโหฐาน โดยเฉพาะคนที่เป็นคู่รักกัน เพราะเป็นโอกาสทจี่ ะทาให้เกิดอารมณ์ทางเพศ และนาไปสู่การมีเพศสัมพนั ธ์ได้ 3. หลีกเลี่ยงการสัมผัสร่างกายของเพศตรงข้าม เพราะจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ทางเพศยากตอ่ การควบคมุ ตนเองและอาจมีเพศสัมพนั ธไ์ ด้ 4. หลีกเลี่ยงการอยู่ในห้องมิดชิดคนเดียวเป็นเวลานาน ๆ เพราะอาจเกิดความคิด จินตนาการถึงเรือ่ งเพศจนทาใหเ้ กดิ อารมณ์ทางเพศได้ 5. ทากิจกรรมอืน่ ๆ ท่สี ร้างสรรคห์ รือทางานอดิเรก เชน่ ดูหนงั ฟงั เพลง วาดรปู ปลกู ต้นไม้ 6. ใช้พลังไปในเรื่องของการเล่นกีฬา การออกกาลังกาย เพ่ือเป็นการเบ่ียงเบนความสนใจมิให้เกิดอารมณ์ทางเพศได้ ท้ังเพศหญิงและชายมีความต้องการทางเพศและต้องการระบายอารมณ์เพศเช่นเดียวกัน การปลดปล่อยพลังทางเพศเป็นเทคนิคและศลิ ปะท่ีต้องมีการเรียนรู้และทาความเขา้ ใจ สาหรบั ในเพศหญิงช่วงกอ่ นมปี ระจาเดือน ไข่จะสุกและพร้อมเพื่อรอการผสมกับอสุจิ ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนเพศให้มนุษย์มีความตอ้ งการทางเพศมากเป็นพิเศษกว่าช่วงวันเวลาอื่น ๆ ส่วนเพศชายก็จะมีการสร้างอสุจิเม่ือโตเป็นหนุ่ม หากมีความต้องการทางเพศกจ็ ะระบายและหลงั่ ออกมาเปน็ ฝนั เปยี กเพือ่ ลดความรสู้ ึกทางเพศลง
ดังน้ัน ถ้าเราระงบั หรือควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ก็สามารถระบายโดยการสาเร็จความใคร่ดว้ ยตนเอง โดยตอ้ งคานงึ ถึงความปลอดภยั และไมค่ วรหมกมนุ่ จนมากเกินไป 9. เสน่ห์ทางเพศบนเรือนรา่ งอยู่ทีไ่ หน พฤตกิ รรมทางเพศจะเกิดขึน้ ได้ต้องมีอวัยวะเพศและเสน่ห์ทางเพศ ซึง่ เปน็ สิ่งนาไปสเู่ พศสมั พนั ธ์ ดังนี้ 1. ปาก เป็นตาแหน่งท่ีมีประสาทมาเล้ียงมากจึงไวต่อการสัมผัส การทาปากก็ทาให้เกิดเสน่ห์ทางเพศได้ 2. ผม การไดส้ ัมผสั ผมทเ่ี งางาม นมุ่ สลวยกอ่ ใหเ้ กดิ ความรูส้ ึกทางเพศกบั บางคน 3. ดวงตา เปน็ หนา้ ต่างของหวั ใจ และเปน็ สือ่ ทท่ี าใหเ้ กดิ ความซาบซึง้ และความรู้สกึ ทางเพศ 4. ก้นและสะโพก เป็นเสน่หท์ างเพศอยา่ งหนงึ่ ท่สี ามารถดึงดดู และก่อให้เกดิ ความรสู้ ึกทางเพศได้ความสมบูรณข์ องพฤติกรรมทางเพศขน้ึ อยู่กับอวยั วะรับความร้สู ึกโดยรวมทัง้ หมดว่าจะทาให้เกดิ เป็นบุคคลแต่ละคน เสยี ง ความรสู้ กึ กลิ่น รสนยิ ม บุคลกิ ภาพ ล้วนมสี ่วนรว่ มกบั พฤตกิ รรมทางเพศ
Search
Read the Text Version
- 1 - 10
Pages: