Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่ 5 การมีส่วนร่วมเกี่ยวกับกระบวนการเรียนรู้ สารเสพติด

หน่วยที่ 5 การมีส่วนร่วมเกี่ยวกับกระบวนการเรียนรู้ สารเสพติด

Published by nano03012553, 2018-07-23 22:13:05

Description: หน่วยที่ 5 การมีส่วนร่วมเกี่ยวกับกระบวนการเรียนรู้ สารเสพติด

Search

Read the Text Version

หนว่ ยที่ 5 การมีสว่ นร่วมเกี่ยวกบั กระบวนการเรียนรู้ สารเสพตดิสาระสาคัญ ปญั หาสารเสพติดใหโ้ ทษ มิใช่เพยี งแตเ่ ปน็ ปัญหาในระดบั ท้องถนิ่ เท่านน้ั แตเ่ ป็นปญั หาที่เปน็ปัญหาในระดับประเทศ การมีสว่ นรว่ มในกระบวนการเรียนรู้ เพ่อื ป้องกนั และแก้ไขปัญหาสารเสพติด การมีส่วนร่วม กบั หน่วยงานอืน่ ๆ เป็นแนวทางสาคัญ แนวทางหน่ึง1. ความหมายการมีส่วนร่วม และหลักสาคัญของการมีสว่ นร่วมในกระบวนการพัฒนา มีนักวิชาการหลายท่าน ได้ให้ความหมาย และความสาคัญของการมีสว่ นรว่ ม ไวห้ ลายท่าน ดังน้ี องค์การสหประชาชาติ (UN, 1974 อ้างถึงใน ปรีดา ปูนพันธ์ฉาย, 2540) ให้ความหมายของการมีส่วนร่วมของประชาชนว่า เป็นกระบวนการเกี่ยวกับการกระทา และเกี่ยวข้องกับมวลชนในระดับต่างๆ คือในกระบวนการตัดสินใจเกี่ยวกับจุดประสงค์ทางสังคม และการจัดสรรทรัพยากร และในการกระทาโดยสมคั รใจตอ่ กจิ กรรม และตอ่ โครงการ องค์การอนามัยโลก (ม.ป.ป.อ้างถึงใน วันดี โภคะกุล และ อุบลพรรณ จุฑาสมิต, 2545) ได้ให้ความหมายของการมีส่วนร่วมของชุมชนว่า หมายถึง กระบวนการซ่ึงบุคคลและครอบครัวมีส่วนร่วมรับผิดชอบในเรื่องสุขภาพอนามัย และสวัสดิการ รวมท้ังชุมชนท่ีอาศัยอยู่ โดยเน้นเร่ืองการพัฒนาความรู้ความสามารถของประชาชน ในการพัฒนาชุมชนของตนเอง ซ่ึงการมีส่วนร่วมของชุมชน มีความสาคัญต่อการพฒั นาสุขภาพอนามัย ดงั น้ี การนาเทคโนโลยีทางการแพทย์เพียงอย่างเดียวมาใช้ ไม่สามารถแก้ปัญหาสุข ภาพในชุมชนได้เท่ากบั การดูแลตนเอง การจัดบริการทางการแพทย์ และสาธารณสุข ไม่สอดคล้อง หรือไม่เป็นที่ยอมรับในชุมชนก่อให้เกดิ การสญู เสียเปลา่ เนอ่ื งจากประชาชนไมม่ ารับบริการ ชุมชนมีทรัพยากรมากมาย ทั้งด้านวัสดุ อุปกรณ์ กาลังคน สามารถนามาใช้ซึ่งจะทาให้ชุมชนยอมรับและเขา้ ถงึ การบรกิ าร ประชาชนมีสิทธิและหน้าท่ีท่ีจะมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ เกี่ยวกับกิจกรรมท่ีจะส่งผลต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของตนเอง วันชัย วัฒนศัพท์ (2549) ให้ความหมายไว้ว่า การทางานแบบมีส่วนร่วมนั้นไม่ว่าจะเป็นระดับครอบครัว ระดับโรงเรียน ระดับชุมชน ระดับองค์กร หรือระดับประเทศนั้น มีความสาคัญอย่างย่ิงในกระบวนทัศน์ปจั จบุ นั เพราะจะช่วยให้ผ้มู ีสว่ นร่วมเกดิ ความรสู้ ึกความเปน็ เจ้าของ (Ownership) และจะทาให้ผู้มีส่วนร่วม หรือผู้ท่ีมีส่วนได้ส่วนเสียน้ัน ยินยอมปฏิบัติตาม (Compliance) และรวมถึงตกลงยอมรับ(Commitment) ไดอ้ ย่างสมคั รใจ เต็มใจ และสบายใจ เฉลียว บุรีภักดีและคณะ (2545) กลา่ วถึงการมีส่วนรว่ ม ว่าหมายถึง การเข้ารว่ มอย่างแข็งขันของกลุ่มบุคคล ที่มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกขั้นตอนของโครงการพัฒนา การมีส่วนร่วมต้องเป็นไปในรูปท่ีผู้รับการพฒั นา เข้ามามสี ่วนกระทาให้เกิดการพฒั นา มใิ ช่เปน็ ผู้รบั การพัฒนาตลอดไป ท้ังนี้เปน็ การเกื้อหนุนใหเ้ กิดการพฒั นาทีแ่ ท้จรงิ และถาวร การมสี ่วนรว่ มของประชาชนไมใ่ ช่หมายความเพียงการดึงประชาชนเข้ามาทากิจกรรมตามท่ีผู้นาท้องถิ่นคิด หรือจัดทาขึ้น เพราะแท้จริงแล้วในหมู่บ้านหรือชุมชนต่างๆมีกิจกรรมและวิธีดาเนินงานของตนอยู่แล้ว ประชาชนมศี ักยภาพท่จี ะพัฒนาหมู่บ้านของตนได้ แต่ผู้บรหิ ารการพัฒนามักไม่สนใจสิง่ ท่มี ีอย่แู ล้ว โดยพยายามสรา้ งส่งิ ใหมๆ่ ข้นึ มาเพือ่ ใหไ้ ดช้ ่ือว่าเปน็ ความคิด หรือโครงการของตน

สุริยา วีรวงศ์ (2544) ได้ให้ความหมายของการมีส่วนร่วม คือ การท่ีประชาชนในท้องถ่ินเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมพัฒนาต้ังแต่จุดเริ่มต้น กล่าวคือ ต้ังแต่การสร้างแนวคิดไปจนถึงส้ินสุดการทากิจกรรมการพัฒนารว่ มกนั กล่าวคอื มุ่งเนน้ ถึงการให้ความสาคัญกับกระบวนการมสี ว่ นร่วมในกิจกรรม หรอื โครงการพั ฒ น าที่ จั กต้ อ งม าจาก การเริ่ม ต้ น กาห น ด แล ะวิเค ราะห์ ปั ญ ห าโด ยป ระช าช น เป็ น ห ลั ก จุฬาภรณ์ โสตะ (2543) กล่าวถึงการมีส่วนร่วม หมายถึง การท่ีบุคคล หรือคณะบุคคลเข้ามาช่วยเหลือ สนับสนุนทาประโยชน์ต่างๆหรือกิจกรรมต่างๆ อาจเป็นการมีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจหรือกระบวนการบริหาร ประสิทธิผลขององค์การข้ึนอยู่กับการรวมพลังของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับองค์การนน้ั ในการปฏิบัติภารกิจใหบ้ รรลเุ ป้าหมาย วธิ กี ารหนึง่ ในการรวมพลังความคดิ สติปญั ญา ก็คือ การใหม้ ีส่วนร่วม การให้บุคคลมีส่วนร่วมในองค์การนั้น บุคคลจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้อง ในการดาเนินการหรือปฏิบัติภารกิจตา่ งๆ เป็นผลใหบ้ คุ คลนนั้ มีความผูกพัน (Commitment) ตอ่ ภารกิจและองคก์ าร ปารชิ าติ วลัยเสถียร และคณะ (2543) การมีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนา เป็นการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนา ตั้งแต่เร่ิมต้นจนส้ินสุดโครงการ ได้แก่ การร่วมค้นหาปัญหา การวางแผน การตัดสินใจ การระดมทรัพยากร และเทคโนโลยีในท้องถิ่น การบริหารจัดการ การติดตามผลรวมท้ังการรับผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากโครงการ โดยโครงการจะต้องมีความสอดคล้องกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชมุ ชน สรปุ ไดว้ ่า การมสี ว่ นร่วมของประชาชน หมายถึง การท่ีประชาชนเข้าไปมีสว่ นร่วมในกจิ กรรม หรือโครงการต้ังแต่ต้น กล่าวคือ มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น และตัดสินใจในเรื่องที่จะพัฒนา พร้อมท้ังเข้าร่วมปฏิบัติในกิจกรรมของโครงการพัฒนา และมีส่วนร่วมในการติดตามประเมินผลรวมท้ังรับผลประโยชนท์ ่เี กดิ จากการพฒั นาน้ันๆด้วย รูปที่ 5-1 ระดบั การมีสว่ นรว่ มของประชาชน ท่ีมา: http://www2.ect.go.th/about.php?Province=maehongson&SiteMenuID=109822. หลกั สาคญั ของการมีสว่ นร่วมในกระบวนการพฒั นา ในกระบวนการพัฒนาแบบมีส่วนร่วมนั้นเกิดจากกระบวนการเรียนรู้ของนักพัฒนากันเองและการเรียนรู้ร่วมกับองค์กรชุมชน หลักการสาคัญในการปฏิบัติการร่วมกับประชาชนที่สาคัญ ๆ (บัณฑรอ่อนดา, สามารถ ศรจี านงค์, 2544) มีดงั นี้ 3.1 การจัดความสัมพันธ์ท่ีเสมอภาคเท่าเทียมกัน การจัดความสัมพันธ์ด้านบทบาทระหว่างนักพัฒนากับชุมชนที่เท่าเทียมกัน เป็นหลักการสาคัญของกระบวนการมีส่วนร่วม โดยต่างฝ่ายควรมีความตระหนัก ความต้องการของตนเอง และส่ิงที่ตนเองสามารถทาได้ รวมท้ังองค์กรชุมชนควรตระหนัก ใน

ความเป็นเจ้าของ ต้องการคิดเอง ทาเอง กาหนดเอง ซึ่งส่ิงเหล่าน้ีจะเป็นส่วนท่ีคอยกากับ กาหนดให้เกิดบทบาทการทางานทเี่ หมาะสม ตามศกั ยภาพ และเปน็ ทีพ่ อใจร่วมกนั ทัง้ สองฝ่าย 3.2 การมีอิสระไม่ถูกครอบงา และมีความเชื่อม่ันในความเป็นมนุษย์ ควรอยู่บนฐานของการ ไม่ครอบงา การให้อิสรภาพในการคิด และการแสดงออกโดยไม่มีอคติ และไม่นาความคิดความเชื่อของตนมาวัด หรือตีคุณค่า หรือชักจูงครอบงาให้เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะความเชื่อมั่น ในศักยภาพ ฐานความรู้ ภูมิปัญญา และประวัติศาสตร์วัฒนธรรมดั้งเดิมของชุมชน ที่จะเป็นฐานพลังสาคัญในการแก้ไขปัญหาด้วยตนเองต่อไป โดยท่ีนักพัฒนาต้องมีวิสัยทัศน์ที่เปิดกว้างพร้อมจะยอมรับฟังความแตกต่าง ความเคารพในความเป็นคนของทกุ คน 3.3 การมีส่วนร่วมของทุกกลุ่มในสังคม ในชุมชนหนึ่งๆ ย่อมประกอบด้วยความแตกต่างหลากหลาย ท้ังดา้ นฐานะ เพศ วยั สถานะทางสังคมฯลฯ การสร้างโอกาสเปิดพื้นทีท่ างสังคมอยา่ งเทา่ เทียมในการใหท้ กุ ส่วนได้มสี ่วนร่วมในการแสดงออกทางความคิด ศักยภาพ ความรู้ และร่วมมีบทบาทดาเนนิ การอย่างตอ่ เนอ่ื ง ซง่ึ จะทาให้งานท่ีดาเนินไปน้ันไม่กระจุกตัวอยู่ท่กี ลุ่มใดกลมุ่ หนึ่ง และส่งผลกระจายไปสู่คนทุกส่วนในชุมชน ในสังคมอยา่ งทั่วถงึ และเปน็ ธรรม 3.4 การมีส่วนร่วมในทุกกระบวน ทุกขั้นตอน การดาเนินงานพัฒนาตามโครงการพัฒนาหน่ึงๆน้ันมกี ระบวนการข้ันตอนท่ีต่อเน่ืองเชื่อมโยงกัน หลายครั้งที่เราพบว่า โครงการพัฒนาต่างๆท่ีส่งผลกระทบต่อชมุ ชน ขาดการมีสว่ นรว่ มของชมุ ชนตั้งแตข่ ้ันตอนการศึกษาข้อมูล และการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร ซ่ึงเมื่อถงึ ขั้นดาเนินการแล้ว มักเกิดปัญหาความขัดแย้ง และสร้างผลกระทบต่อชุมชนมากมายตามมา รวมท้ังการให้ความหมายของการมีส่วนร่วมท่ีขาดความเข้าใจอย่างแท้จริง ซึ่งหน่วยงานท้ังหลายที่เข้ามาดาเนินงานร่วมกับชมุ ชน มกั อ้างเสมอว่า ได้เปดิ โอกาสการมีสว่ นรว่ มของชมุ ชนแล้ว โดยการเชิญตวั แทนของชุมชนเข้าร่วมประชุม และร่วมกิจกรรม ในขณะที่โครงการท่ีดาเนินการไปน้ันผ่านการวางแผน และตัดสินใจมาแล้วโดยทช่ี มุ ชนไมม่ โี อกาสรับรมู้ ากอ่ น แตเ่ ปน็ เพียงผ้รู ่วมในบางสว่ นทีก่ าหนดโดยเจ้าของโครงการนนั้ ๆ การมีส่วนร่วมท่ีแท้จริง จึงควรให้องค์กรชุมชนมีส่วนร่วม ตั้งแต่การรับรู้ข้อมูลข่าวสาร การวิเคราะห์ปัญหา การวางแผนกาหนดเปา้ หมาย การตัดสินใจ การปฏิบัติ การตรวจสอบ ติดตามประเมินผลการส รุป บ ท เรีย น แก้ ไขป รับ ป รุง แ ละรวม ทั้ งก ารข ยาย ผ ล แ ล ะเผ ยแ พ ร่ผ ล สู่ สาธารณ ะ เง่อื นไขของการมีส่วนร่วม การที่ประชาชนจะเข้าร่วมในกิจกรรมพัฒนาชุมชนน้ัน จะต้องมีเงื่อนไขอย่างนอ้ ย 3 ประการดงั นี้ 1. ประชาชนจะตอ้ งมีอิสระที่จะมีส่วนร่วม (Freedom to participate) 2. ประชาชนต้องสามารถทจ่ี ะมสี ่วนร่วม (Ability to participate) 3. ประชาชนต้องเต็มใจทีจ่ ะมสี ว่ นรว่ ม (Willingness to participate) สรุปได้ว่า หลักสาคัญของการมีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนา คือ การมีความเสมอภาคเท่าเทียมกัน การเปิดโอกาสให้มีความเป็นอิสระไม่ครอบงา การีส่วนร่วมของทุกกลุ่มที่เก่ียวข้องรวมถึงมีส่วนร่วมในทุกกระบวนการอย่างแทจ้ ริง องคก์ ารอนามัยโลก (องั กฤษ: World Health Organization ตัวยอ่ WHO) เปน็ หน่วยงานระหวา่ งประเทศ ในสังกดั สหประชาชาติ ทาหนา้ ที่ ดูแลประสานงานงานดา้ นสาธารณสขุ ก่อต้งั เมื่อ 7 เมษายน พ.ศ. 2491 (ค.ศ. 1948) สานักงานใหญต่ ้ังอยู่ที่กรงุ เจนีวา ประเทศ สวติ เซอรแ์ ลนด์

3. สารเสพตดิ 3.1 ความหมายของสารเสพติด องค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) อา้ งอิงจากสานักงานคณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามยาเสพตดิ (2555) ใหค้ วามหมายว่า สารเสพตดิ หรือ ยาเสพติด หมายถงึ สง่ิ ที่เสพเขา้ ไปแล้วจะเกิดความต้องการทง้ั ทางรา่ งกายและจิตใจตอ่ ไปโดยไม่ สามารถหยุดเสพได้และจะตอ้ งเพ่มิ ปริมาณมากขึน้ เรื่อย ๆ จนในทสี่ ุดจะทาใหเ้ กิดโรคภัยไขเ้ จ็บต่อรา่ งกายและจติ ใจข้ึน องค์การสหประชาชาติ อ้างอิงจากสานกั งานคณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามยาเสพติด(ออนไลน์) ใหค้ วามหมายวา่ ยาเสพติด หมายถึง สารใดๆ ที่เกิดขน้ึ ตามธรรมชาติหรือได้จากธรรมชาติ หรือจากการสงั เคราะห์ท่ีมีผลต่อจติ ใจและระบบประสาท สานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า (2555 : 2) ให้ความหมาย ยาเสพติดใหโ้ ทษวา่ หมายถึง สารเคมหี รือวตั ถุชนิดใด ๆ ซึง่ เมื่อเสพเข้าสูร่ า่ งกายไม่ว่าจะโดยรับประทาน ดม สบู ฉดี หรือด้วยประการใด ๆ แล้วทาให้เกิดผลต่อรา่ งกายและจติ ใจในลักษณะสาคัญ เช่นต้องเพม่ิ ขนาดการเสพเรอ่ื ย ๆ มีอาการถอนยาเมื่อขาดยา มีความตอ้ งการเสพท้ังรา่ งกายและจติ ใจอย่างรุนแรงอย่ตู ลอดเวลา และสขุ ภาพโดยทั่วไปจะทรดุ โทรมลง กับให้รวมตลอดถึงพชื หรือส่วนของพืชทีเ่ ป็นหรอื ใหผ้ ลผลติ เป็นยาเสพติด ให้โทษ หรอื อาจใชผ้ ลติ เป็นยาเสพติดให้โทษ และสารเคมีท่ใี ชใ้ นการผลติ ยาเสพติดใหโ้ ทษดังกลา่ วด้วย ท้ังน้ี ตามทีร่ ฐั มนตรปี ระกาศในราชกิจจานเุ บกษา แต่ไม่หมายความถงึ ยาสามญัประจาบ้านบางตารบั ตามกฎหมายว่าดว้ ยยาทมี่ ียาเสพตดิ ให้โทษผสมอยู่ โดยสรปุ สารเสพติดหมายถงึ ยาหรือสารเคมีใด ๆ ที่เขา้ สูร่ ่างกายไม่วา่ ทางใดกต็ าม จะทาใหเ้ กิดอาการติดหากใชเ้ ป็นประจา มีอาการถอนยาเมื่อขาดยา มีความต้องการเสพท้งั รา่ งกายและจิตใจอยา่ งรนุ แรงอยตู่ ลอดเวลา ต้องเพ่มิ ปริมาณในการเสพมากขึ้นเรอ่ื ย ๆ และสขุ ภาพโดยท่ัวไปจะทรุดโทรมลงซึ่งจะทาใหเ้ กิดผลเสียต่อรา่ งกายและจติ ใจของผเู้ สพ 3.2 ประเภทของสารเสพตดิ สานักงานปอ้ งกนั และปราบปรามยาเสพติด (2555 ) ได้แบ่งประเภทของยาเสพตดิ ดงั น้ี 1. แบง่ ได้ตามแหล่งทเ่ี กิด ได้แก่ 1.1 ยาเสพตดิ ธรรมชาติ (Natural Drugs) คอื ยาเสพตดิ ท่ีผลิตได้มาจากพชืเชน่ ฝน่ิ พืชกระท่อม กญั ชา 1.2 ยาเสพติดสงั เคราะห์ (Synthetic Drugs) คอื ยาเสพติดที่ผลติ ข้นึ ดว้ ยกรรมวิธีทางเคมีเชน่ เฮโรอีน แอมเฟตามีน 2. แบ่งตามพระราชบัญญตั ยิ าเสพตดิ ใหโ้ ทษ พ.ศ. 2522 ได้แก่ ประเภท 1 ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษชนดิ ร้ายแรงไม่เปน็ ประโยชน์ทางการแพทย์ เชน่เฮโรอนี (Heroin) แอมเฟตามีน (Amphetamine) เมทแอมเฟตามีน (Methamphetamine) แอลเอสดี (LSD) เอก็ ซต์ าซี (Ecstasy) หรอื MDMA ประเภท 2 ยาเสพติดให้โทษทั่วไป เช่น ฝน่ิ (Opium) มอร์ฟีน (Morphine)โคเคนหรือ โคคาอีน (Cocaine) โคเดอนี (Codeine) เมทาโดน (Methadone) ประเภท 3 ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษที่มยี าเสพตดิ ให้โทษประเภท 2 ผสมอยู่ เช่น ยาแก้ไอที่มี โคเดอนี ผสมอยู่ ประเภท 4 สารเคมีทใี่ ชใ้ นการผลิตยาเสพตดิ ให้โทษประเภท 1 หรือประเภท 2

เชน่ อาเซตคิ แอนไฮไดรด์(Acetic anhydride) อาเซตลิ คลอไรด์ (Acetyl chloride) เอทลิ ดิ นี ไดอาเซเตท (Ethylidine diacetate) ไลเซอรจ์ คิ อาซคิ (Lysergic acid) ประเภท 5 ยาเสพติดให้โทษท่ีมไิ ด้เข้าอยู่ในประเภท 1 ถงึ ประเภท 4 เช่นพืชกัญชา พืชกระท่อม พชื ฝน่ิ (ซ่ึงหมายความรวมถึงพนั ธ์ุฝ่ิน เมล็ดฝน่ิ กลา้ ฝ่นิ ฟางฝิน่ ) พชื เห็ดขี้ควาย รปู ที่ 5-2 ยาเสพติด หรือ สารเสพติดตา่ งๆ ทม่ี า: http://paveena1939900.blogspot.com/2014/09/blog-post.html 3. แบง่ ตามการออกฤทธิต์ อ่ จิตประสาท ไดแ้ ก่ 3.1 ยาเสพตดิ ประเภทกดประสาท เช่น ฝนิ่ มอร์ฟีน เฮโรอีน ยากลอ่ มประสาทสารระเหย 3.2 ยาเสพตดิ ประเภทกระตนุ้ ประสาท เชน่ แอมเฟตามีน โคคาอีน 3.3 ยาเสพติดประเภทหลอนประสาท เช่น แอลเอสดี ดเี อ็มที เห็ดขค้ี วาย 3.4 ยาเสพติดประเภทออกฤทธ์ิผสมผสาน (อาจกด กระตุ้นหรอื หลอนประสาทร่วมกนั ) เช่นกัญชา 4. แบง่ ตามองคก์ ารอนามัยโลก องค์การอนามัยโลกได้จัดแบ่งยาเสพตดิ ออกเป็น 9 ประเภท ไดแ้ ก่ 4.1 ประเภทฝ่ิน หรอื มอร์ฟีน รวมทง้ั ยาที่มฤี ทธคิ์ ล้ายมอร์ฟีน เช่น ฝนิ่ มอร์ฟีน เฮโรอนี เพธิดนี 4.2 ประเภทบาบทิ ูเรต รวมทง้ั ยาที่มฤี ทธ์ทิ านองเดียวกัน เช่น เซโคบารบ์ ิตาลอะโมบารบ์ ติ าล พาราดีไฮด์ เมโปรบาเมท ไดอาซีแพม คลอไดอาชพี อกไซด์ 4.3 ประเภทแอลกอฮอล์ เช่น เหลา้ เบียร์ วิสกี้ 4.4 ประเภทแอมเฟตามนี เชน่ แอมเฟตามนี เดกซ์แอมเฟตามนี 4.5 ประเภทโคเคน เช่น โคเคน ใบโคคา 4.6 ประเภทกัญชา เช่น ใบกัญชา ยางกญั ชา 4.7 ประเภทคัท เชน่ ใบคัท ใบกระท่อม 4.8 ประเภทหลอนประสาท เชน่ แอลเอสดี ดีเอ็มที เมสคาลีน เมล็ดมอรน์ ิ่งโกลล่ี ตน้ ลาโพง เห็ดเมาบางชนดิ 4.9 ประเภทอื่นๆ เปน็ พวกที่ไม่สามารถเข้าประเภทใดได้ เช่น ทินเนอร์ เบนซนิ นา้ ยาล้างเลบ็ยาแกป้ วด บหุ รี่ 3.3 สารเสพตดิ หรือ ยาเสพตดิ ชนดิ ต่างๆ สานักงานคดยี าเสพติด (2555 ) กลา่ วถึงยาเสพติดชนดิ ตา่ ง ๆ ดงั นี้

1. ยาบ้า (Amphetamine) ยาบ้า เป็นชอ่ื ทีใ่ ช้เรียกยาเสพติดที่มีสว่ นผสมของสารเคมี ประเภทแอมเฟตามนี(Amphetamine) ยาบา้ จัดอยู่ในกล่มุ ยาเสพตดิ ท่ีออกฤทธก์ิ ระตุ้นประสาท มลี ักษณะเป็นยาเมด็ กลมแบนขนาดเลก็ เส้นผ่าศูนยก์ ลางประมาณ 6-8 มิลลเิ มตร ความหนาประมาณ 3 มิลลิเมตรนา้ หนกั เมด็ ยาประมาณ 80-100 มิลลกิ รมั มีสีตา่ ง ๆ กนั เชน่ สสี ม้ สีนา้ ตาลสีมว่ ง สีชมพู สีเทาสเี หลืองและสีเขียว มีสัญลกั ษณท์ ี่ปรากฏบนเมด็ ยา เช่น ฬ, M, PG, WY สญั ลกั ษณ์รูปดาว, รูปพระจันทร์เสีย้ ว, 99 หรอื อาจเปน็ ลกั ษณะของเส้นแบ่งครง่ึ เม็ด ซ่งึ สญั ลกั ษณเ์ หล่านอี้ าจปรากฏบนเม็ดยาด้านหนง่ึ หรือท้ังสองด้าน หรอื อาจเปน็ เม็ดเรยี บท้ังสองดา้ นก็ได้ ฤทธ์ิในทางเสพตดิ ออกฤทธ์ิกระตนุ้ ประสาท มอี าการเสพตดิ ทง้ั ทางร่างกายและจติ ใจ ไม่มีอาการ ขาดยาทางรา่ งกาย เมอื่ เสพเขา้ สู่รา่ งกายในระยะแรกจะออกฤทธท์ิ าให้รา่ งกายตน่ื ตัว หัวใจเต้นเรว็ ความดันโลหติ สูง ใจสน่ั ประสาทตึงเครียด แตเ่ ม่ือหมดฤทธ์ยิ า จะรู้สึกอ่อนเพลียมากกวา่ ปกตปิ ระสาทลา้ ทาใหก้ ารตัดสินใจชา้และผิดพลาด เป็นเหตใุ ห้เกดิ อุบัตเิ หตรุ ้ายแรงได้ถา้ ใช้ติดต่อกันเปน็ เวลานาน จะทาใหส้ มองเส่ือม เกดิอาการประสาทหลอน เห็นภาพลวงตา หวาดระแวง คลุ้มคลั่งเสยี สติเป็นบา้ อาจทารา้ ยตนเองและผอู้ ืน่ ได้หรอื ในกรณที ่ไี ดร้ บั ยาในปรมิ าณมาก (Overdose) จะไปกดประสาท และระบบการหายใจทาใหห้ มดสติและถึงแก่ความตายได้ โทษทางกฎหมาย จัดเป็นยาเสพตดิ ให้โทษประเภท 1 ตามพระราชบญั ญัติยาเสพติดใหโ้ ทษ พ.ศ. 2522 2. กญั ชา (Cannabis) กญั ชา มีลักษณะใบจะแยกออกเป็นแฉกประมาณ 5-8 แฉกคล้ายใบมันสาปะหลังที่ขอบใบทุกใบจะมีรอยหยักอยู่เป็นระยะ ๆ ออกดอกเป็นช่อเล็ก ๆ ตามง่ามของกิ่งและก้านส่วนที่คนนามาเสพได้แก่ส่วนของกิ่ง ก้าน ใบและยอดช่อดอกกัญชา โดยนามาตากหรืออบแห้งแล้วบดหรือหั่นให้เป็นผงหยาบ ๆจากนั้นจึงนามายัดไส้บุหร่ีสูบ ยังอาจพบในรูปของ “น้ามันกัญชา” (Hashish Oil) ซ่ึงมีลักษณะเป็นของเหลวสีน้าตาลเข้มหรือสีดาได้จากการนากัญชามาผ่านกระบวนการสกัดหลาย ๆ คร้ัง จึงได้เป็นนามันกัญชาท่ีมีปริมาณสารออกฤทธ์ิต่อจิตประสาทสูงถึง 20-60%หรืออาจพบในลักษณะของ “ยางกัญชา”(Hashish) เป็นยางแห้งท่ีได้จากใบและยอดช่อดอกกัญชาซ่ึงโดยทั่วไปจะมีฤทธ์ิแรงกว่ากัญชาสด และมีปริมาณสารออกฤทธ์ิต่อจิตประสาท ประมาณ 4-8% กัญชาเป็นยาเสพติดให้โทษท่ีออกฤทธิ์หลายอย่างต่อระบบประสาทส่วนกลาง คือ ทั้งกระตุ้นประสาทกดและหลอนประสาท สารออกฤทธ์ิท่ีอยู่ในกัญชามีหลายชนิด แต่สารทส่ี าคัญที่สดุ ที่มฤี ทธิ์ตอ่ สมองและทาให้ร่างกาย อารมณ์ และจติ ใจเปลย่ี นแปลงไป คือ เตตราไฮโดรแคนนาบินอล(Tetrahydrocannabinol) หรือTHC ท่ีมีอยู่มากในส่วนของยอดช่อดอกกัญชาสาร THC น้ี ในเบื้องต้นจะออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท ทาให้ผู้เสพตื่นเต้น ช่างพูด และหัวเราะตลอดเวลาต่อมาจะกดประสาททาให้ผู้เสพมีอาการคล้ายเมาเหล้าอย่างอ่อน ๆ เซ่ืองซึม และง่วงนอน หากเสพเข้าไปในปรมิ าณมากๆ จะหลอนประสาททาใหเ้ ห็นภาพลวงตา หูแวว่ ความคดิ สบั สน ควบคมุ ตนเองไมไ่ ด้ ฤทธิ์ทางเสพตดิ อารมณ์อ่อนไหวเปลยี่ นแปลง ความคิดเลื่อนลอยสบั สน ความคมุ ตัวเองไม่ได้ไมส่ นใจสิง่ แวดล้อม ความจาเส่ือมกลา้ มเนอ้ื ลบี หวั ใจเต้นเรว็ หูแว่ว หลายคนคดิ ว่าการเสพกัญชาน้ันไมม่ โี ทษภัยร้ายแรงมากนัก แตจ่ ากการศึกษาวิจยั พบว่า กัญชาเป็นยาเสพตดิ อีกชนิดหน่งึ ทม่ี อี ันตรายรา้ ยแรงต่อสขุ ภาพมากเกินกว่าทคี่ าดคิด เช่น ทาลายระบบภมู ิคุม้ กนั ของร่างกาย ทาลายสมอง ปอด โทษทางกฎหมาย จัดเปน็ ยาเสพตดิ ให้โทษประเภท 5 ตามพระราชบัญญตั ิยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ พ.ศ. 2522

3. สารระเหย (Inhalant) สารระเหย คือ สารทไ่ี ด้จากขบวนการสกดั น้ามนั ปโิ ตรเลียม มีลักษณะเป็นไอระเหยได้ในอากาศ ประกอบดว้ ยToluene, Acetone, Butane, Benzen, Trichloroe Thyleneซ่งึ พบในกาว แลคเกอร์ ทินเนอร์ นา้ มันเบนซนิ ยาลา้ งเลบ็ เมอื่ สูดดมเข้าไปจะทาใหเ้ กดิ อันตรายต่อรา่ งกาย ฤทธ์ิในทางเสพติด สารระเหยออกฤทธกิ์ ดระบบประสาท มอี าการเสพตดิ ทางร่างกายเลก็ น้อยมีอาการเสพติดทางจติ ใจ มอี าการขาดยาแตไ่ ม่รุนแรง ผ้เู สพจะมีอาการเคลิบเคลิม้ ศีรษะเบาหวิวตืน่ เต้น พูดจาอ้อแอ้ พูดไม่ชดัน้าลายไหลออกมามาก เนือ่ งจากสารท่สี ดู ดมเข้าไป ทาใหเ้ กิดการระคายเคืองตอ่ เย่ือบภุ ายในจมกู และปากการสูดดมลกึ ๆ หรอื ซ้า ๆ กนั แมใ้ นชว่ งเวลาส้ัน ๆทาให้ไม่สามารถควบคุมตวั เองได้ ทาให้ขาดสติหรือเป็นลมชกั กล้ามเนอ้ื ทางานไมป่ ระสานกัน ระบบประสาทอตั โนมัติ (Reflexes) ถูกกด มีเลอื ดออกทางจมูกหายใจไม่สะดวก โทษทางกฎหมาย สารระเหยจดั เป็นสารเสพติดตามพระราชกาหนดป้องกันการใช้สารระเหย พ.ศ. 2533 4. เครื่องดืม่ ทผี่ สมแอลกอฮอล์ สานักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพตดิ (2547 : 37) อธิบายว่า เคร่ืองดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์หรอื เรยี กวา่ สรุ า หรอื เหล้า เปน็ สารธรรมชาติท่ีได้มาจากกระบวนการหมักนา้ ตาล(จากขา้ ว องุน่ ขา้ วโพด) กบั ยีสต์ เกิดเปน็ สารท่ีเรียกว่า เอทานอน (ethanol) ซง่ึ เป็นองค์ประกอบหลักในเคร่อื งด่ืมประเภทสรุ า แตก่ ารทจ่ี ะดื่มเอทานอนท่ีบริสุทธิเ์ พยี งอยา่ งเดียวนนั้ ไม่สามารถดืม่ ได้เพราะรสชาตแิ รง บาดคอ จงึ ต้องมีสว่ นผสมเพ่ือใหร้ สชาติดีข้ึน คานิยามสุราตามพระราชบญั ญัติสรุ า พ.ศ.2493 สุรา หมายความ รวมถึง วัตถทุ ้งั หลายหรอื ของผสมที่มแี อลกอฮอลซ์ ่ึงดื่มกินได้เช่นเดียวกบั สุรา หรอื ซึง่ ด่ืมกินไมไ่ ดแ้ ต่เม่ือไดผ้ สมกับนา้ หรือของเหลวอย่างอื่นแลว้ สามารถดมื่ กินได้เช่นเดยี วกับสรุ า สุราแช่ หมายความวา่ สรุ าทไี่ มไ่ ด้กลน่ั และให้หมายความรวมถงึ สรุ าแชท่ ไ่ี ด้ผสมกับสรุ ากลน่ัแลว้ แต่ยังมีแรงแอลกอฮอล์ไม่เกนิ สบิ ห้า ดีกรดี ว้ ย สุรากลน่ั หมายความว่าสรุ าท่ีไดก้ ลั่นแลว้ และใหห้ มายความรวมถงึ สรุ ากลัน่ ที่ได้ผสมกับสุราแชแ่ ล้ว แต่ยังมีแรงแอลกอฮอลเ์ กินกวา่ สิบห้าดีกรีดว้ ย สรุ าขาว คอื สรุ ากลั่นทปี่ ราศจากเครื่องยอ้ มหรอื สิ่งปรงุ แตง่ มแี รงแอลกอฮอล์ทีต่ ่ากวา่แปดสิบดีกรี สรุ าผสม คือสรุ ากล่ันท่ีทาข้ึนโดยการใช้กรรมวธิ ีพิเศษ มีแรงแอลกอฮอล์ต่ากว่าแปดสิบดีกรีแบง่ ออกเปน็ สรุ าพิเศษ คอื สรุ ากล่ันที่ทาข้ึนโดยใชก้ รรมวิธีพเิ ศษ มีแรงแอลกอฮอลต์ ่ากว่าแปดสบิ ดกี รี แบง่ออกเปน็ 1. ประเภทวสิ ก้ี บร่นั ดี รัม ยิน หรอื สุราแบบตา่ งประเทศอยา่ งอน่ื 2. ประเภทเกาเหลยี ง เชยี่ งชนุ บุ้นกยุ่ โลย่ หรอื สุราแบบจนี อยา่ งอ่ืน ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ.2542 ไดใ้ ห้ความหมายของแอลกอฮอลว์ ่า หมายถงึ สารอนนิ ทรียช์ นดิหน่งึ ลกั ษณะเป็นของเหลว กลิ่นฉนุ ระเหยงา่ ย มขี ดี เดอื ดท่ีอุณหภูมิ 78.5 องศาเซลเซียส มชี อื่ เตม็ วา่เอทิลแอลกอฮอล์ โดยปกตเิ กิดจากการหมักสารประเภทแปง้ หรอื น้าตาลผสมยสี ตซ์ ่งึ เรียกวา่ แปง้ เชื้อหรือเชอ้ื หมัก เป็นองค์ประกอบสาคญั ของเครื่องดื่มแอลกอฮอลแ์ ละเมรยั ทุกชนดิ เม่ือด่มื เข้าไปจะออกฤทธิ์ทาใหเ้ กดิ อาการมนึ เมาใช้ประโยชน์ในการเป็นตวั ทาละลายและเปน็ เชอื้ เพลิง เป็นต้น

การดื่มแอลกอฮอล์ หมายถงึ การด่ืมเคร่ืองด่ืมท่มี ีเอทิลแอลกอฮอลผ์ สมอยใู่ นปริมาณไมเ่ กนิ 80ดกี รี เครื่องดื่มแอลกอฮอลป์ ระกอบด้วย เหลา้ เหล้าขาว 40 ดกี รี เบียร์ ไวน์ นา้ ขาว อุ กระแช่ สาโท โดยสรปุ เครอ่ื งดม่ื ทผี่ สมแอลกอฮอล์ หมายถงึ เครือ่ งดืม่ ที่มเี อทลิ แอลกอฮอลผ์ สมอยู่ไม่เกนิ 80 % ไดแ้ ก่ สุราผสม สรุ าพิเศษ สรุ ากล่นั เหล้า สรุ าขาว หรือเหล้าขาว เบียร์ ไวน์ นา้ขาว อุ กระแช่ หรือสรุ าแช่ สาโท เหลา้ ดองยา 5. บหุ ร่ี (Cigaratte) สานกั งานปอ้ งกันและปราบปรามยาเสพตดิ (2547 : 43-44) กลา่ ววา่ บุหรี่มีสารประกอบต่างๆอยปู่ ระมาณ 40,000 ชนิด มสี ารก่อมะเรง็ ไม่ต่ากวา่ 42 ชนิด ที่สาคัญคอื นโิ คติน (Nicotine) เป็นสารท่ีทาใหค้ นติดบหุ รี่ ออกฤทธิ์โดยตรงตอ่ สมองทั้งตัวกระตุ้นและกดประสาทส่วนกลาง ถ้าได้รับขนาดน้อย เช่นการสูบบุหรี่ 1-2 มวนแรก อาจกระตุ้นทาให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า ถ้าสูบมาก ๆ จะกดประสาทสว่ นกลาง ทาให้ความรู้สึกตา่ งๆช้าลง นิโคติน 95% จะไปจับอย่ทู ป่ี อด ถูกดูดซึมเขา้ สกู่ ระแสเลือด มผี ลโดยตรงต่อตอ่ มหมวกไต ก่อใหเ้ กิดการหลงั่(EPINEPHRINE) กอ่ ให้เกิดความดันโลหิตสงู หวั ใจเตน้ เรว็ กว่าปกติ ไมเ่ ป็นจังหวะ หลอดเลือดทีแ่ ขนและขาหดตัว เพิ่มไขมนั ในเส้นเลือด บุหรี่ 1 มวนจะมนี ิโคตนิ 0.8-1.8 มิลลกิ รัม บุหรกี่ น้ กรองไมไ่ ด้ทาใหป้ ริมาณนิโคตนิ ลดลง ทาร์หรือน้ามันดิน (Tar) ประกอบด้วยสารหลายชนิดเกาะกันเป็นสีน้าตาล ทาร์เป็นสารก่อให้เกิดมะเร็งได้ เช่น มะเร็งปอด มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งไต มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ และอ่ืน ๆ ร้อยละ 50 ของทาร์จะไปจับที่ปอดทาให้ระคายเคือง อันเป็นต้นเหตุของการไอเร้อื รัง มีเสมหะ ในคนที่สูบบุหร่ีวันละซอง ปอดจะรับน้ามันทาร์เข้าไปประมาณวันละ 30 มิลลิกรัม/มวน หรือ 110 กรัมต่อปี บุหร่ีไทยมีสารทาร์อยู่ประมาณ 12-24 มลิ ลิกรัม/มวน คาร์บอนมอนออกไซด์ (Cabon monoxide) เปน็ กา๊ ซที่ทาลายคุณสมบตั ิในการนาออกซิเจนของเมด็ เลือดแดง ทาให้เม็ดเลอื ดแดงไม่สามารถจบั ออกซิจนไดเ้ ท่ากับเวลาปกติ ผลท่ตี ามมาคือการขาดออกซเิ จน ทาใหม้ ึนงงตดั สินใจชา้ และเหนอ่ื ยง่าย เปน็ สาเหตสุ าคัญของโรคหวั ใจ ไนโตรเจนไดออกไซด์ (Nitrogen dioxide) เปน็ กา๊ ซพิษที่ทาลายเยอื่ บหุ ลอดลมสว่ นปลายและถงุ ลมทาใหผ้ นงั ถงุ ลม บาง โปง่ พอง ถงุ ลมเลก็ ๆหลายอันแตกรวมกันเป็นถุงลมใหญ่ ทาใหม้ ถี ุงลมจานวนนอ้ ย การยืดหยุ่น ในการหายใจเขา้ ออกนอ้ ยลง ทาให้เกดิ โรคถุงลมโปง่ พอง สารหนู (Arsenenic) เป็นสารท่ีประกอบอยู่ในผลิตภณั ฑ์จาพวกยาฆ่าหญา้ มผี ลตอ่ ระบบทางเดินอาหาร เม่ือรบั เอาสารน้ีเข้าไป จะเกิดอาการคล่ืนใส้ อาเจยี นและท้องรว่ งอยา่ งแรง ฟอร์มาลดไี ฮด์ (Formaldeyde)เปน็ สารทีใ่ ชใ้ นการดองศพ คนทีส่ ูบบุหร่วี นั ละ 20 มวน จะได้รับสาร ฟอร์มาลีนในประมาณ 1 มลิ ลิกรมั ต่อวนั และยงั เป็นสารกอ่ มะเร็งด้วย ตะก่ัว (Lead) เป็นสารกอ่ มะเร็ง มผี ลต่อหลายระบบในร่างกาย เชน่ ทางระบบประสาทจะทาใหร้ ะบบการไดย้ นิ ผิดปกติ ระดับไอควิ ต่า ผลต่อระบบเลือด คอื จะทาใหค้ วามดันเลือดสูง มผี ลตอ่ ระบบไตมผี ลตอ่ ระบบสบื พันธุ์ในผูใ้ หญ่ จะทาใหเ้ ปน็ หมนั ในเพศชาย ซึง่ จะทาให้ตวั อสุจิ (sperm) ผดิ ปกติ และนอ้ ยลง จงึ ทาให้สมรรถภาพทางเพศชายเสื่อมได้ ฤทธใ์ิ นทางเสพติด บหุ รอ่ี อกฤทธิ์กระตุ้นประสาท ไมม่ ีอาการเสพติดทางด้านร่างกาย มีอาการเสพติดทางใจ ไม่มีอาการขาดยาทางกาย อาการของผ้เู สพ ตาแหง้ ตาแดง ริมฝปี ากแห้ง เขยี ว เลบ็ เหลือง ฟนั มีคราบดาจบั มอื สั่นลมหายใจมกี ลน่ิ เหม็น หลอดลมอักเสบ เกดิ อาการระคายเคอื งต่อระบบทางเดนิ หายใจ ไอ เสยี งแหบ

โทษที่ได้รับ นโิ คตินจะออกฤทธิก์ ระตนุ้ หัวใจให้ทางานหนัก และในขณะเดยี วกนั จะทาให้หลอดเลอื ดหดตวั อนั เป็นสาเหตขุ องโรคหัวใจขาดเลอื ด ความดนั โลหิตสูง โรคมะเรง็ ปอด ถุงลมโป่งพอง ถ้าผสู้ ูบบุหรี่ เป็นหญงิ มีครรภจ์ ะทาให้แท้งง่าย หรือทารกทค่ี อดออกมาจะมีนา้ หนักตวั ทีน่ ้อยกว่าปกติ 3.4 สาเหตขุ องการตดิ สารเสพตดิ ศูนย์วชิ าการด้านยาเสพติด(2555) ไดอ้ ธิบายว่า ปัญหาการติดสารเสพตดิ เปน็ ปญั หาสาคัญที่มผี ลตอ่ ชีวิตของคนท่ีตดิ ยา ครอบครวั และสงั คม ปจั จยั ท่ีเปน็ สาเหตกุ ารติดสารเสพติดมหี ลายประการ ซึง่ สาเหตุตา่ ง ๆ มีความเก่ียวข้องกันดังนี้ 1. ความอ่อนไหวทางจิตใจและอารมณ์ ซงึ่ รนุ แรงมากน้อยแล้วแต่บคุ คล 2. ตดิ เพราะถกู ชกั ชวน ถูกหลอกลวง ถกู บีบบังคับจากหมู่คณะ 3. สงิ่ แวดล้อมนับวา่ เปน็ อทิ ธิพลสาคัญอยา่ งยิ่งในการชกั จงู ใหบ้ ุคคลใชย้ าเสพตดิ เชน่ อยใู่ นละแวกท่ีมีการค้ายาเสพติด ครอบครัวขาดความอบอุน่ 4. แสดงคา่ นยิ มทต่ี ้องการจะตอ่ ต้านต่อคาสั่งสอน หรอื ห้ามปรามจากผูใ้ หญ่ 5. อาจเป็นเพยี งความอยากรู้อยากเหน็ อยากลอง อยากมีประสบการณ์ 6. วยั รุ่นท่ดี ้อยโอกาสต้องการหนีจากสภาพของตนชัว่ คราว การใช้ยานบั เปน็ การท่ีทาให้ตนลมืเหตกุ ารณน์ ัน้ ไดช้ ัว่ คราว 7. การใชย้ าเปน็ กจิ กรรมเพ่ือผ่อนคลายทางจิตใจ 8. การใชย้ าเพื่อลดความกระวนกระวาย ความทุกข์ ความโดดเดยี่ ว การถูกละท้งิ แตท่ งั้ น้ี ไม่วา่ จะเสพยาเสพติดด้วยสาเหตุใด ผลทีต่ ามมากับทุกคนน้นั ไม่แตกตา่ งกนั คอื ชีวิตและอนาคตที่มดื มน ส้ินหวงัและอยู่กบั ปญั หาไปตลอดชีวิต 3.5 ลักษณะการตดิ สารเสพตดิ สขุ บัญญัติแห่งชาติ กลา่ วว่าการตดิ ยาเสพตดิ นั้นติดทั้งร่างกายและจติ ใจ ดังนี้ การตดิ ยาทางกาย หมายถงึ ลกั ษณะการตดิ ยาเสพติดทผ่ี ู้เสพมคี วามต้องการเสพอยา่ งรุนแรงทงั้รา่ งกายและจติ ใจ จะหยุดเสพไมไ่ ด้ เมอ่ื ถึงเวลาอยากเสพแล้วไม่ได้เสพจะเกิดอาการผิดปกติ(อาการขาดยา)อย่างมากทงั้ ร่างกายและจติ ใจ เชน่ การติดเฮโรอนี เม่อื ขาดยาหรอื ไมไ่ ดเ้ สพจะมอี าการคลนื่ ไส้อาเจียน หาวบ่อยๆ น้ามูกนา้ ตาไหล นอนไมห่ ลบั เจ็บปวดทว่ั ร่างกายทุรนทราย ฯลฯ ที่รุนแรงมากอาจอาเจียนหรือถ่ายเป็นเลือด ซ่ึงชาวบา้ นเรยี กว่าลงแดง การตดิ ทางใจ หมายถึง ลักษณะการติดยาเสพติดทีผ่ เู้ สพมีความต้องการเสพเพราะจิตใจคดิอยากจะเสพเพยี งอย่างเดียว ไมถ่ ึงกบั เป็นทางของรา่ งกาย เมอ่ื ถึงเวลาอยากเสพจะเกดิ อาการทางจิตใจเทา่ นั้น ส่วนทางรา่ งกายไมป่ รากฏอาการผิดปกติ เชน่ การตดิ บหุ รี่ กาแฟ ยาบา้ และยาเสพตดิ ชนิดอื่น ๆบางชนดิ เมื่อขาดยาจะเกิดอาการหงุดหงดิ หรอื กระวนกระวาย แตไ่ มพ่ บอาการทางร่างกาย แต่ไม่วา่ จะเป็นอาการเสพติดทางร่างกาย หรือเสพติดทางจิตใจ ไมใ่ ช่ส่ิงทเี่ ป็นผลดีกับชวี ิตของใครท้ังส้ิน นอกจากจะบั่นทอนร่างกายและจิตใจของตัวเองและคนรอบขา้ งแล้วอนาคตที่รอทา่ นอย่เู ปน็ สิง่ ท่ีนา่ สะพรึงกลัวเปน็อยา่ งยงิ่ 3.6 ผลกระทบของสารเสพติด สุขบัญญัติแห่งชาติ อธบิ ายถงึ ผลกระทบจากการตดิ ยา วา่ เป็นปญั หาสาคญั ปญั หาหนึง่ ทางสาธารณสุข และผลกระทบที่เกิดขน้ึ น้ันกลายเป็นวงจรอนั เลวรา้ ยทไี่ ม่อาจตดั สว่ นใดออกไปได้เลย ดังน้ี

1. ด้านสุขภาพอนามยั ผู้ตกเป็นทาสสารเสพตดิ เกือบทุกประเภทรา่ งกายจะซบู ซดี ผอมเหลืองเหลือแตห่ นังห้มุ กระดูก ความคดิ อ่านชา้ ความจาเสอ่ื ม ขาดสติ อาเจียน นอนไมห่ ลบั เบ่ืออาหาร และจะเสยี ชวี ิตในทสี่ ดุ 2. ด้านเศรษฐกิจ เนือ่ งจากสารเสพติดทกุ ประเภทผเู้ สพจะต้องเพ่ิมยาให้มากข้ึนตลอดเวลาและหยดุ เสพไม่ได้ ดังนน้ั จงึ ต้องสูญเสียเงนิ ทองสาหรับซือ้ ยามาเสพไม่มีทสี่ น้ิ สุด ร่างกายไม่แข็งแรง ไมส่ ามารถประกอบอาชีพได้ดังเชน่ คนปกติทัว่ ไป ครอบครวั และรฐั ตอ้ งสูญเสียแรงงานไปดงั น้ัน จงึ สง่ ผงเสียหายตอ่เศรษฐกิจ ท้งั ของตนเอง ครอบครวั และประเทศชาตโิ ดยส่วนรวม 3. ด้านสังคม สารเสพติดยงั เป็นตัวกอ่ ใหเ้ กิดปัญหาสงั คมอยา่ งมากมายโดยเฉพาะอย่างย่ิงปญั หาอาชญากรรม เพราะผ้ตู ดิ ยาจาเปน็ ตอ้ งใช้ยาเสพติดเป็นประจาทกุ วัน และจาเป็นต้องเพิ่มปรมิ าณขน้ึ อยู่ตลอดเวลา ดงั นน้ั การประกอบอาชพี สจุ ริตทว่ั ๆ ไปนั้นยอ่ มเป็นการยากทจี่ ะหาเงินมาซอื้ สารเสพติดได้อย่างพอเพยี ง และในสภาพความเป็นจริงผ้ตู ดิ ยาจะไมม่ ใี ครคบคา้ หรือร่วมสมาคมดว้ ยเหตนุ จี้ งึ เปน็ จุดเริม่ ตน้ ของการประกอบอาชญากรรม โดยเฉพาะอย่างยงิ่ อาชญากรรมทีเ่ กย่ี วกบัทรัพย์ นอกจากน้นั ยังเป็นสาเหตุของปัญหาสงั คมอ่นื ๆ อกี มากมาย เช่น ปัญหาวัยรุ่น ปัญหาการพนัน ปญั หาครอบครัว ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ เป็นตน้ 4. ด้านความม่ันคงของชาติ ความร้ายแรงของสารเสพติดมีผลโดยตรงต่อความมนั่ คงของประเทศชาตเิ ป็นอย่างมาก เพราะถา้ ประเทศใดมปี ระชากรตดิ สารเสพติดจานวนมากประเทศนน้ั กจ็ ะออ่ นแอ เศรษฐกิจเสยี หาย มปี ัญหาสงั คมตา่ งๆ เหล่าน้ยี อ่ มไม่เป็นผลดตี ่อความมน่ั คงของประเทศ4. หลักในการหลีกเลยี่ งและป้องกันการตดิ สงิ่ เสพย์ติดสขุ บญั ญัติแหง่ ชาติ ได้ให้คาแนะนาในการหลีกเลี่ยงและป้องกนั ส่ิงเสพตดิ ไว้ ดังน้ี1. เชือ่ ฟงั คาสัง่ สอนของพอ่ แม่ ญาติผู้ใหญ่ ครู และคนอ่ืนๆ ท่นี า่ นับถือและหวังดี (จริงๆ)2. เม่ือมีปญั หาควรปรกึ ษาครอบครวั ครู หรือผใู้ หญ่ทีน่ า่ นับถือ ไม่ควรเกบ็ ปัญหาน้ันไวห้ รือหาทางลืมปัญหาโดยใช้สงิ่ เสพย์ติดช่วยหรอื ใช้เพอื่ เปน็ การประชด3. หลีกเลี่ยงให้หา่ งไกลจากผู้ตดิ ส่งิ เสพยต์ ิด หรือผจู้ าหน่ายส่งิ เสพย์ตดิ4. ถา้ พบคนกาลงั เสพสิ่งเสพย์ติด หรอื จาหนา่ ยให้รบี แจ้งเจ้าหน้าท่ี5. ศึกษาให้มคี วามรู้ความเข้าใจเก่ียวกับโทษของส่งิ เสพย์ติด เพอื่ จะได้ป้องกันตวั และ ผู้ใกล้ชิดใหห้ า่ งจากสิ่งเสพย์ตดิ6. ต้องไม่ให้ความร่วมมอื เข้าไปเกยี่ วข้องกับเพอ่ื นทต่ี ิดสิง่ เสพยต์ ิด เช่นไมใ่ ห้ยมื เงนิ7. ไม่หลงเช่อื คาชักชวนโฆษณา หรือคาแนะนาใดๆ หรอื แสดงความเก่งกลา้ เกี่ยวกบั การเสพส่งิ เสพยต์ ิด8. ไมใ่ ช้ยาอนั ตรายทกุ ชนิดโดยไมไ่ ด้รับคาแนะนาจากแพทย์ และควรใชย้ าทีแ่ พทยแ์ นะนาใหต้ ามขนาดท่แี พทยส์ งั่ ไว้เทา่ นั้น9. หากสงสัยวา่ ตนเองจะติดส่ิงเสพย์ติดต้องรีบแจง้ ใหผ้ ใู้ หญ่ทราบ10. ยดึ มนั่ ในหลกั ธรรมของศาสนา หรอื คาสอนของศาสนาทกุ ศาสนา เพราะทุกศาสนามีจุดมงุ่ หมายให้บุคคลประพฤติแตส่ ่ิงดีงามและละเวน้ ความช่วั5. การบาบัดรกั ษาโดยมีส่วนร่วมของชมุ ชน การบาบัดรักษาโดยมีส่วนร่วมของชุมชน หมายถงึ รูปแบบการรักษาในเชิงบรู ณาการโดยเฉพาะต่อผใู้ ช้ยาเสพติดและตดิ ยาในชุมชนเพื่อใหเ้ กิดการรักษาอย่างต่อเนื่อง ตง้ั แต่ การรักษาในระยะเร่ิมต้น ถึงการรกั ษาแบบการถอนพิษยาและสรา้ งความเสถยี รภาพ จนถงึ การติดตามผลการรักษาและการคืนผ้ปู ่วยส่สู ังคมรวมถึงการบาบัดด้วยยาอย่าง ต่อเนื่อง โดยเก่ียวข้องถึง การประสานงานร่วมกับหลายหน่วยงานท่ี

ให้บริการทางด้านสุขภาพ สังคมและการบริการอื่นๆ จากบุคคลท่ีไม่ใช่ผู้เช่ียวชาญ เพ่ือให้เข้าใจถึงความต้องการของผู้ป่วย ตลอดจนสนับสนุนครอบครัวและชุมชนของผู้ป่วยอย่างเข็มแข็งในการแก้ปัญหายาเสพติดและเครือ่ งด่มื แอลกอฮอล์ เพื่อให้เกดิ ผลสัมฤทธิใ์ นระยะยาว รูปที่ 5-3 ศนู ย์บาบดั ยาเสพติด และ วัดถา้ กระบอก ทีม่ า: http://www.oknation.net/blog/print.php?id=899895 รูปแบบของการบำบดั รกั ษาโดยมสี ่วนรว่ มของชุมชน 1. ช่วยเหลือผ้ปู ่วยให้สามารถพัฒนาทักษะตา่ งๆ ในการบาบดั รกั ษาตนจากการตดิ ยาเสพติดและตดิ เครือ่ งด่ืมแอลกอฮอล์และปญั หาอน่ื ๆ ที่เกีย่ วข้องในชมุ ชน 2. หยุดหรือลดการใช้ยาเสพติดและเครื่องด่มื แอลกอฮอล์ 3. ตอบสนองต่อความตอ้ งการของแต่ละบุคคลให้มากทส่ี ดุ และใหไ้ ด้ผลลัพธ์ท่ีดที ี่สดุ เท่าท่ีเป็นไปได้ 4. มีส่วนรว่ มในองคก์ รท้องถิ่น สมาชิกในชุมชนและประชากรกลมุ่ เป้าหมายอย่างแข็งขนั เพ่ือสรา้ งเครอื ข่ายแบบบูรณาการในการบาบัดรักษาโดยมีส่วนร่วมของชุมชนใน รูปแบบของการเสรมิ สร้างพลงั ในตนเอง 5. ลดความตอ้ งการส่งผปู้ ่วยเขา้ สูส่ ถานบาบดั ผ้ตู ดิ ยาเสพติดและเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ และลดความต้องการกักขังผูป้ ่วยในศูนย์กกั ขังหรือเรือนจา ลกั ษณะทสี่ าคัญของการบริการทดี่ คี ือ การบรกิ ารทจ่ี ะบูรณาการการรกั ษาฟนื้ ฟผู ู้ตดิ ยาเสพติดและเครอ่ื งด่ืมแอลกอฮอล์เข้าสกู่ ารบริการทางสงั คมและสุขภาพในชุมชน มี ความยง่ั ยนื และที่ชุมชนตรวจสอบได การบาบัดรกั ษาโดยมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชน ถอื เป็นวธิ ีทคี่ ้มุ ค่าทสี่ ุดในการรักษาผทู้ ่ใี ช้ยาและติดยาเสพตดิ โดยจากเอกสารอ้างองิ จากท่ัวโลกระบุวา่ ผู้ป่วยทเี่ ข้ารบั บรกิ ารบาบดั รักษาโดยมีส่วนรว่ มของชมุ ชน มีอตั ราการเข้ารักษาตัวทโ่ี รงพยาบาล หรอื หอ้ งฉุกเฉินหรือ ประวัตทิ างอาชญากรรมลดลงอยา่ งเหน็ ไดช้ ดั ผลประโยชน์อน่ื ๆ ของการบาบดั รกั ษาโดยมีส่วนร่วมของชุมชน (เมอื่ เทียบกับการรักษาในศูนย์แฉพาะผู้ตดิ ยาเสพตดิ ตา่ งๆ ท่ีผู้ปว่ ยต้องเขา้ อยทู่ งั้ วนั ทั้งคืนหลายวันตอ่ เนอื ง เช่นสถานบาบดั ผู้ตดิ ยาเสพตดิศนู ยใ์ นเรอื นจารวมถงึ ความสะดวกของผปู้ ว่ ยในการรักษา เป็นการรักษาทีด่ งึ ดูดความสนใจของผู้ปว่ ยราคาไม่แพงสาหรับผู้ป่วย ครอบครัวและชุมชน ใหค้ วามอสิ ระแกผ่ ปู้ ว่ ย ในการอาศยั ในสภาพแวดลอ้ มที่เป็นธรรมชาติ มคี วามยืดหยุ่นกวา่ เมื่อเทียบกับวิธีการรักษาแบบอ่นื ๆ ม่งุ เน้นการส่งเข้าสู่สังคมจากจุดเรมิ่ ต้นและการสร้างพลังของชุมชนในการรักษาดูแลผปู้ ว่ ยเองอย่างแหมาะสม มวี ธิ ีการแทรกแซงชวี ติ ประจาวันปกตนิ อ้ ยกวา่ การรักษาอื่นๆ ( เช่น ทอ่ี ยู่ในสถานบาบดั ท้ังวนั ทง้ั คนื หลายวันตอ่ เนืองโรงพยาบาล การรักษาอย่างเข้มข้น การกักขัง ฯลฯ ) ซึ่งจะกระทบตอ่ ครอบครัว, การทางานและชีวิตทาง

สังคม นอ้ ยกว่า ชว่ ยให้ลดมลทนิ และกระตนุ้ ให้ชุมชนมีความคาดหวังถึงผลลพั ธ์ในทางบวก รูปแบบของการบาบัดรกั ษาโดยมีส่วนรว่ มของชมุ ชน รปู ท่ี 5-3 รูปแบบชุมชนทมี่ สี ่วนร่วมในการป้องกันสารเสพติด แหล่งทมี่ า: สานักงานป้องกนั ยาเสพติดและปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ หลกั การของการบำบัดรกั ษาโดยมีสว่ นร่วมของชมุ ชน การบาบดั รักษาโดยมีสว่ นร่วมของชมุ ชนมีหลกั การสาคัญอยู่เก้าประการในการรักษาผ้ตู ดิ ยาเสพตดิ ตามท่รี ะบไุ วใ้ นเอกสารของสานกั งานป้องกันยาเสพตดิ และปราบปราม อาชญากรรมแหง่ สหประชาชาติ( UN Office on Drugs and Crime – UNODC ) และองคก์ ารอนามยั โลก ( WHO ) ประจาปี 2008กลา่ วถึง “หลกั การของการรักษาผู้ตดิ ยาเสพติด” โดยมขี อ้ แนะนาในการเพิม่ การรักษาท่ีมคี ณุ ภาพทลี ะเล็กทีละนอ้ ย หลกั การท่ี 1: การหาการให้บรกิ ารรักษาได้ง่ายๆ และการเข้าถงึ การบรกิ ารรักษา การใหบ้ ริการรักษาจะต้องหาได้ง่ายๆ สามารถเขา้ ถงึ ได้ ราคาไม่แพง และไดร้ บั การพิสูจน์โดยการศกึ ษาวิจัยแลว้ วา่ ผลการรักษาเปน็ อย่างไร สาหรับทุกคนท่ีต้องการไดร้ บั การสนับสนนุ หลักการที่ 2: การตรวจคดั กรอง การประเมิน การวนิ จิ ฉัยและ การวางแผนการรกั ษา การประเมินผล การตรวจวนิ จิ ฉัย และ การวางแผนการรกั ษา เป็นพื้นฐานการรักษารายบคุ คล ที่จะทาให้เขา้ ใจถึงความต้องการของผู้ป่วยแต่ละคน และสามารถชว่ ยผู้ ปว่ ยให้มีสว่ นรว่ มในการรักษาได้ หลักการท่ี 3: การรกั ษาผู้ตดิ ยาเสพตดิ จากแหลง่ ฐานขอ้ มูลทไ่ี ดร้ ับแจง้ ควรศึกษาขอ้ มลู แนวทางการปฏิบตั ิที่ไดร้ ับการพสิ จู น์โดยการศกึ ษาและความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในการรกั ษาผู้ติดยาเสพติด อยา่ งละเอยี ด เพื่อเลือกวิธีการรักษา หลักการท่ี 4: การรกั ษาผตู้ ิดยาเสพติด สทิ ธิมนษุ ยชน และศกั ดศิ์ รีของผู้ปว่ ยกระบวนการรักษาแก้ไขปญั หาติดยาเสพตดิ โดยคอ่ ยๆ แทรกแซงให้คาปรึกษาให้กบั ผู้ติดยาเสพติด ควรสอดคล้องกบั ข้อปฏิบัติตามพันธกรณีสทิ ธิมนษุ ยชน ให้ผตู้ ิดยาเสพ ตดิ สมัครใจเขา้ รับการรักษา และรักษาให้ผปู้ ว่ ยเข้าถงึ มาตรฐานสขุ ภาพสูงสดุ ท่รี ่างกายจิตใจตนจะรบั ได้ หลักการที่ 5: กลุ่มเปา้ หมายกลุ่มย่อย หลายกลมุ่ ภายในกลุ่มประชากรขนาดท่ีติดยาต้องการไดร้ บั การดูแลเป็นพิเศษ เช่น กลมุ่ วยั รนุ่กล่มุ ผู้หญิง (รวมท้ังหญิงต้ังครรภ์) บคุ คลที่มโี รคทีเ่ ป็นการวินจิ ฉัยรว่ ม (อาจ จะทางจิตหรือร่างกาย)

กรรมกร ชนกลุ่มน้อยทมี่ ีเชื้อชาติหรือประเพณีและวัฒนธรรมที่ต่างไปจากคนกลุม่ ใหญ่ และผูค้ นไร้ที่อยู่อาศัย หลักการท่ี 6: การรักษาพฤตกิ รรมการตดิ ยาเสพติดและระบบความยุติธรรมทางอาญาพฤติกรรมการติดยาเสพติด ควรจะถือเปน็ สถานะสุขภาพ และผู้ป่วยที่ตดิ ยาแตล่ ะคนควรจะได้การรกั ษาในระบบการดูแลสุขภาพ แทนนาไปดาเนินคดตี ามระบบยตุ ิธรรม ทางอาญา โดยใชก้ ารบาบดั รักษาโดยมสี ว่ นร่วมของชมุ ชนเปน็ ทางเลอื กแทนการจาคุก เมอื่ เปน็ ไปได้ หลักการที่ 7: การมสี ่วนเกีย่ วข้องของชุมชน การมีสว่ นร่วม และการปฐมนเิ ทศผ้ปู ่วยการตอบสนองโดยการบาบดั รักษาโดยมีส่วนร่วมของชมุ ชนในเรือ่ งการติดยาเสพติดและเครือ่ งดม่ืแอลกอฮอล์ สามารถส่งเสรมิ ให้ชุมชนมีการเปลี่ยนแปลง รวมท้ังการมี ส่วนรว่ มของผู้มีส่วนได้เสียในท้องถนิ่ที่เขม้ แข็งมากขึน้ ตลอดจนการสนับสนนุ การระดมทุนแบบชุมชน หลกั การท่ี 8: การให้บริการการรักษาผตู้ ิดยา โดยวิธีปรับปรงุ คณุ ภาพของการบรบิ าลผู้ป่วยอย่างเป็นระบบ เปน็ สง่ิ สาคญั ที่ การใหบ้ รกิ ารการรกั ษาจะต้องมีการกาหนดขอ้ ปฏิบตั ทิ ช่ี ัดเจน เช่น นโยบายวธิ ีการรกั ษา โครงการ กระบวนการ คาจากัดความของบทบาทหนา้ ทขี่ องผู้ ประกอบวชิ าชพี การกากับดูแล และแหล่งการเงนิ หลักการท่ี 9: ระบบการรกั ษา: การพฒั นานโยบาย การวางแผนเชงิ กลยทุ ธ์ และการประสานการบริการ แนวทางปฏบิ ัตใิ นเชิงนโนบายจากผู้บรหิ ารระดบั สูงอย่างเป็นระบบ ในเรื่องการใชส้ ารเสพตดิ และต่อบคุ คลท่ีต้องการการรกั ษา จะมีประโยชน์สูงสดุ แนวทางน้รี วมถึงขั้น ตอนการ ดาเนินที่สมเหตุสมผลตามลาดบั ขัน้ ตอน ทีส่ ามารถแสดงครวมเช่อื มโยงระหว่างนโยบายกบั การประเมิน ความต้องการ การวางแผนการรกั ษา วิธีการดาเนนิ งาน และการตดิ ตามและการประเมินผลสรุป การมีส่วนร่วมของประชาชน หมายถงึ การท่ีประชาชนเข้าไปมสี ว่ นร่วมในกจิ กรรม หรอื โครงการตั้งแต่ต้น กล่าวคือ มีสว่ นร่วมในการแสดงความคดิ เห็น และตัดสินใจในเร่ืองทจ่ี ะพัฒนา พรอ้ มท้งั เข้ารว่ มปฏบิ ัติในกิจกรรมของโครงการพัฒนา หลักการสาคญั ในการปฏิบตั ิการรว่ มกบั ประชาชนทีส่ าคัญ 1. การจดั ความสัมพนั ธ์ท่ีเสมอภาคเทา่ เทยี มกนั 2. การมีอิสระไม่ครอบงา ความเชอ่ื มั่นในความเป็นมนษุ ย์ 3. การมสี ว่ นรว่ มของทุกกลุม่ ในสงั คม ในชุมชนหนึ่งๆ 4. การมสี ่วนร่วมในทุกกระบวน ทุกขน้ั ตอน เงอื่ นไขของการมีส่วนร่วม การท่ีประชาชนจะเข้าร่วมในกิจกรรมพัฒนาชมุ ชนน้ัน จะต้องมีเงื่อนไขอยา่ งนอ้ ย 3 ประการดงั นี้ 4. ประชาชนจะตอ้ งมอี ิสระท่จี ะมสี ่วนรว่ ม (Freedom to participate) 5. ประชาชนตอ้ งสามารถทจ่ี ะมสี ่วนร่วม (Ability to participate) 6. ประชาชนตอ้ งเตม็ ใจท่ีจะมสี ่วนร่วม (Willingness to participate) สารเสพตดิ หมายถึง ยาหรอื สารเคมใี ด ๆ ท่เี ขา้ สรู่ ่างกายไม่ว่าทางใดกต็ าม จะทาใหเ้ กิดอาการตดิ หากใช้เป็นประจาe มีอาการถอนยาเม่ือขาดยา มคี วามต้องการเสพท้ังร่างกายและจิตใจอย่างรนุ แรงอย่ตู ลอดเวลา ตอ้ งเพม่ิ ปริมาณในการเสพมากขึ้นเรอ่ื ย ๆ และสุขภาพโดยท่วั ไปจะทรุดโทรมลงซ่ึงจะทาใหเ้ กดิ ผลเสยี ต่อรา่ งกายและจิตใจของผู้เสพ

สุขบัญญัตแิ หง่ ชาติ กลา่ ววา่ การตดิ ยาเสพตดิ นัน้ ติดท้ังร่างกายและจิตใจ ดังน้ี การติดยาทางกาย หมายถงึ ลักษณะการติดยาเสพติดท่ีผเู้ สพมคี วามต้องการเสพอยา่ งรนุ แรงท้ังร่างกายและจติ ใจ จะหยุดเสพไม่ได้ การติดทางใจ หมายถึง ลักษณะการติดยาเสพติดท่ีผู้เสพมีความต้องการเสพเพราะจิตใจคิดอยากจะเสพเพียงอย่างเดยี วรูปแบบของการบาบัดรักษาโดยมสี ว่ นรว่ มของชุมชน 1. ชว่ ยเหลอื ผ้ปู ่วยให้สามารถพัฒนาทักษะตา่ งๆ 2. หยดุ หรอื ลดการใชย้ าเสพติดและเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ 3. ตอบสนองต่อความตอ้ งการของแตล่ ะบุคคลให้มากท่สี ุด 4. มีสว่ นรว่ มในองคก์ รทอ้ งถ่ิน 5. ลดความต้องการสง่ ผปู้ ว่ ยเขา้ ส่สู ถานบาบดั ผตู้ ิดยาเสพติดหลักการของการบาบดั รักษาโดยมีส่วนร่วมของชุมชน หลกั การท่ี 1: การหาการใหบ้ ริการรักษาไดง้ ่ายๆ และการเขา้ ถึงการบริการรักษา หลักการที่ 2: การตรวจคัดกรอง การประเมิน การวินิจฉัยและ การวางแผนการรักษา หลักการที่ 3: การรกั ษาผูต้ ิดยาเสพตดิ จากแหล่งฐานข้อมูลทไ่ี ด้รับแจง้ หลักการที่ 4: การรักษาผตู้ ดิ ยาเสพตดิ สทิ ธมิ นุษยชน และศักดศ์ิ รีของผปู้ ว่ ย หลักการที่ 5: กลุ่มเปา้ หมายกลุ่มยอ่ ย หลักการที่ 6: การรักษาพฤติกรรมการติดยาเสพตดิ และระบบความยุตธิ รรมทางอาญา หลกั การที่ 7: การมสี ่วนเกีย่ วขอ้ งของชุมชน การมสี ่วนร่วม และการปฐมนเิ ทศผูป้ ว่ ย หลกั การที่ 8: การให้บรกิ ารการรักษาผตู้ ดิ ยา โดยวธิ ีปรับปรงุ คณุ ภาพของการบริบาลผู้ป่วยอยา่ งเปน็ ระบบ หลกั การที่ 9: ระบบการรกั ษา: การพัฒนานโยบาย การวางแผนเชงิ กลยทุ ธ์ และการประสานการบริการเอกสารอา้ งอิง :กระทรวงสาธารณสขุ . 2546. คู่มอื การดาเนินการบาบัดฟืน้ ฟแู ละติดตามดูแลหลงั การรกั ษา สาหรับผูเ้ สพ/ ผตู้ ิดยาเสพตดิ ปี 2546. กรงุ เทพฯ : องค์การสงเคราะหท์ หารผ่านศึก.คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามสิง่ เสพติด,สานักงาน. ความรแู้ ละแนวทางการป้องกนั และแกไ้ ขปัญหาสิ่งเสพตดิ . กรงุ เทพ : คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปราม สง่ิ เสพตดิ ,สานักงาน, 2552.___________. เรยี นร้พู ฒั นาการวยั รุ่น เพือ่ การป้องกันส่ิงเสพตดิ . กรงุ เทพ : คณะกรรมการ ปอ้ งกันและปราบปรามสิ่งเสพตดิ , สานกั งาน, 2549.___________. คู่มอื “เทคนคิ การจัดกจิ กรรมเพือ่ สอนทักษะชีวติ สาหรบั เยาวชน”. กรงุ เทพมหานคร: คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามสิ่งเสพตดิ , สานกั งาน, 2549.http://pknow.edupol.org/Course/C2/document/10/10_8.pdf

สาระน่ารู้ บหุ รี่ “ตดิ ง่าย เลิกยาก” การสูบบหุ รส่ี ง่ ผลกระทบต่อตัวเองและผ้ทู ่ีไมส่ ูบบหุ รท่ี ่ีอยู่ใกลช้ ดิ กอ่ ให้เกดิ โรคต่างๆ เช่น โรคถงุ ลมโปง่ พอง โรคมะเร็ง โรคเส้นเลือดเล้ียงสมองและหัวใจตีบ โรคหวั ใจขาดเลือด เป็นต้น หญงิ ตัง้ ครรภ์และเด็กที่อยู่ในห้องทม่ี ีคนสูบบหุ รี่จะได้รับผลเสียทางสุขภาพ เด็กจะป่วยดว้ ยปัญหาทางเดินหายใจ องค์การอนามัยโลกคาดการณว์ า่ บหุ รี่เป็นสาเหตขุ องการเสยี ชีวิตประมาณ ๔ ล้านคนตอ่ ปี ในอกี ๓๐ ปีขา้ งหน้าจะเพ่ิมขึน้ เปน็ ๑๐ ล้านคนตอ่ ปี สาหรับประเทศไทย แต่ละปมี ผี เู้ สยี ชีวิตจากโรคทีเ่ กิดจากการสบู บุหรปี่ ระมาณ ๔๒๐๐๐คน คาถามชวนคดิ : ถา้ คนไทยส่วนใหญข่ องประเทศติดสารเสพติด จะเกิดอะไร ขึน้ กบั ประเทศของเรา? อาเช่ียนน่ารู้ ในการประชุมวชิ าการยาเสพติดแหง่ ชาติ ครงั้ ท่ี 14 พ.ศ. 2556 ท่อี มิ แพค็ คอน เวนชนั่ เซ็นเตอร์ เมืองทองธานี จ.นนทบรุ ี รฐั บาลยกปัญหายาเสพตดิ เปน็ วาระแห่งภมู ิภาค อาเซยี น เพ่ิมเครือขา่ ยวิชาการด้านการบาบัดรักษา กลุ่มประเทศอาเซยี น ให้ผตู้ ิดยาเลิกได้ อย่างถาวร พร้อมเร่งขยายฐานสรา้ งภมู ิคุ้มกันให้กลมุ่ เด็กและเยาวชนตั้งแตอ่ ายุ 7-19 ปี ป้องกันไม่ใหเ้ ข้าสู่วงจรเหลา้ บุหรี่ หลังพบเยาวชนทีต่ ดิ ยาร้อยละ 80-90 มีประวตั ิกนิ เหล้า สบู บหุ รมี่ ากอ่ น ข้อมลู การบาบดั รักษาลา่ สุดในปี 2556 พบยาบา้ อยใู่ นอนั ดับ 1 ในรอบ 6 ปี พบผ้เู สพยาไอซเ์ พิม่ ขน้ึ 5 เท่า และอายุน้อยลง มเี ด็กอายุ 7-17 ปี เข้ารบั การบาบัดเพิ่มขึ้น 5-6 เท่าตวั