ก
ข คำนำ รายงานเล่มนี้จดั ทำขนึ้ เพ่ือเป็นสว่ นหนงึ่ ของรายงานสมนุ ไพรไทย ในตำบลจอมประทัด เพื่อให้ได้ศึกษาหา ความรู้ในเรื่องสมุนไพรไทย ตำลบจอมประทัด อำเภอวัดเพลง จังหวัดราชบุรี และได้ศึกษาอย่างเข้าใจเพื่อเป็น ประโยชน์กับการนำไปทำยารักษาโรคไขท้ ับฤดู และฤดทู บั ไข้ได้ ผู้จัดทำหวังว่า รายงานเล่มนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านหรือผู้ศึกษาสมุนไพรไทยที่กำลังหาข้อมูลเรื่องน้ี ขอขอบคุณ โครงการยกระดับเศรษฐกิจ และสังคม รายตำบลแบบบูรณาการและผู้ที่คอยสนับสนุนการจัดอบรม คร้ังนี้ ณ ที่นด้ี ว้ ย ผรู้ บั ผิดชอบโครงการ U2T ตำบลจอมประทดั
สารบัญ ค คำนำ หนา้ สารบัญ ข สารบญั ภาพ ค ความหมายของสมนุ ไพร ง แนวคดิ เกี่ยวกับทางการแพทย์ 1 แนวคิดของการแพทยแ์ ผนไทย 1 ชนดิ ของสมนุ ไพร 1 การใชส้ มุนไพรรักษาโรค 3 โรคไข้ทับฤดู 40 การใช้สมนุ ไพรยาไข้ทับฤดู 40 ภาพสมุนไพรยาไข้ทบั ฤดู 40 โรคฤดทู ับไข้ 41 ลกั ษณะอาการ 44 การใช้สมุนไพรยาฤดูทับไข้ 44 ภาพสมนุ ไพรยาฤดทู บั ไข้ 44 ผูใ้ หค้ วามรู้ 44 ภาคผนวค 46 47
สารบญั ภาพ ง ภาพท่ี หน้า ภาพท่ี 1 ตน้ สะเดา 3 ภาพท่ี 2 หญา้ แฝกหอม 4 ภาพท่ี 3 ยา่ นาง 6 ภาพท่ี 4 ตองแตก 7 ภาพท่ี 5 ข้กี า 8 ภาพท่ี 6 เถาวลั ยเ์ ปรยี ง 9 ภาพที่ 7 สมอไทย 11 ภาพที่ 8 ละหงุ่ แดง 12 ภาพที่ 9 พิมเสนต้น 13 ภาพที่ 10 เทา้ ยายม่อม 15 ภาพที่ 11 คนทา 16 ภาพท่ี 12 ยาดำ 17 ภาพท่ี 13 แสมทะเล 18 ภาพที่ 14 แสมสาร 18 ภาพท่ี 15 เปลา้ น้อย 19 ภาพท่ี 16 เปลา้ ใหญ่ 20 ภาพท่ี 17 ลกู จนั ทน์ 21 ภาพท่ี 18 จนั ทนข์ าว 23 ภาพที่ 19 จนั ทนแ์ ดง 24 ภาพที่ 20 มะขามปอ้ ม 25 ภาพที่ 21 ว่านนำ้ 26 ภาพที่ 22 บอระเพด็ 27 ภาพที่ 23 แห้วหมู 29 ภาพที่ 24 มะกา 30 ภาพที่ 25 จันทน์เทศ 31
ภาพท่ี 26 เทยี นทงั้ ห้า จ ภาพที่ 27 อบเชย ภาพท่ี 28 กฤษณา 32 ภาพที่ 29 สมลุ แวง้ 33 ภาพที่ 30 บนุ นาค 34 ภาพที่ 31 กระดอม 36 37 38
1 พชื สมนุ ไพร ความหมายของสมนุ ไพร พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ให้ความหมายของสมุนไพรไว้ว่า สมุนไพร หมายถึง ผลิตผลทางธรรมชาติได้จากพืชสัตว์และแร่ธาตุที่ใช้เป็นยาหรือผสมกับสารอื่น ตามตํารับยาเพื่อบําบัดโรคบํารุง รา่ งกายหรอื ใช้เปน็ ยาพิษ สมุนไพรตามพระราชบัญญัติยาฉบับที่ 3 พ.ศ.2522 หมายถึง ยาที่ได้จากพฤกษชาติ สัตว์ หรือ แร่ ซึ่งยัง มิไดม้ ีการผสมปรุงหรือแปรสภาพ (ยกเว้นการทำให้แหง้ ) เช่น พืชสมนุ ไพร กย็ ังคงเป็นส่วนของราก ลำต้น ใบ ดอก ผล ฯลฯ ยงั ไม่ได้ผ่านขนั้ ตอนการแปรรปู ใด ๆ เช่น ถกู นั่น ให้เปน็ ชิ้นเลก็ ลง บดเปน็ ผงละเอยี ด หรืออัดเปน็ แท่ง สุภาภรณ์ ปติ ิพร (2551) ให้ความหมาย ยาสมนุ ไพร ไว้วา่ ยาที่ได้จากสว่ นของ พชื สัตว์ และแร่ ซึง่ ยังมิได้ ผสมปรงุ หรือแปรสภาพ ส่วนการนำมาใช้อาจมีการดัดแปลง รูป ลักษณะ ของสมุนไพรเพื่อให้ใช้ได้สะดวกขึ้น และ สว่ นของพชื สมุนไพรหมายถงึ พืชทีใ่ ช้ทำเป็นเคร่อื งยา สามารถใช้บํารุงรา่ งกายและรักษาโรคได้ ยุทธนา ทองบุญเกื้อ (2551) ใหค้ วามหมายคําว่า สมนุ ไพร ครอบคลมุ ทง้ั พืช และ สัตว์ ทส่ี ามารถนำมาใช้ ประโยชน์ในด้านเป็นยาบำบัดรักษาโรคและบํารุงร่างกายให้แข็งแรง ส่วน พืชสมุนไพร คือ ส่วนต่าง ๆ ของพืช ท้ัง สดและแห้ง ท่ีมปี ระโยชนใ์ นการรกั ษาโรคและบาํ รุง ร่างกายให้แข็งแรง แนวคิดเกี่ยวกับทางการแพทย์ โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์ (2550 : 14) ได้กล่าวถึงวัฒนธรรมสุขภาพของคนไทยเกี่ยวกับเรื่อง เจ็บไข้ว่า แนวคดิ เรอื่ งสขุ ภาพและความเจ็บป่วยเกิดจากโลกทัศน์ท่ีมีรากฐานจากวัฒนธรรม ทผี่ สมผสานระหวา่ งผี พราหมณ์ พุทธและยังคงเป็นตัวกำหนดสำคัญที่ทำให้ชาวไทยมีพฤติกรรม สุขภาพต่างๆ ไปตามความคิดความเชื่อที่ตนมี แม้ว่าการแพทย์แผนใหม่จะได้เข้ามามีบทบาทตอ่ สุขภาพและความเจ็บปว่ ยของชาวไทยมากกว่า 100 ปีมาแล้วก็ ตาม แตก่ วา่ ท่กี ารแพทย์แผนใหม่ จะเป็นทย่ี อมรบั และถกู กระจายออกไปเป็นที่ร้จู กั ของชาวบ้านไทยในชนบทก็ช่วง 2-3 ทศวรรษนี้ เท่านั้น ซึ่งหากเทียบกับแนวคิดตามวัฒนธรรมความเชื่อดั้งเดิมของไทยได้ทำหน้าที่ขัดเกลาและมี บทบาทในการทำความเข้าใจและแก้ไขปัญหาสุขภาพอยู่ในภูมิภาคนี้นับเป็นพันปีแล้ว การแพทย์ สมัยใหม่ยังคง เป็นสิ่งที่แปลกแยกและยังไม่สามารถสวมเข้ากับรากฐานความคิดของชุมชนได้ อย่างแนบสนิท แม้ประสิทธิภาพ ของการแพทย์สมัยใหม่จะปรากฏเป็นที่ประจักษ์ชัดและเป็นที่ ยอมรับมากขึ้นในปัจจุบัน แต่ก็ยังมิได้มีฐานะเป็น องค์ความรู้ที่เป็นกระแสหลักในการชี้นํา กำหนด พฤติกรรมทางสุขภาพของชาวบ้าน ความรู้สึกนึกคิด ท่าที และ พฤติกรรมเก่ียวกับสขุ ภาพของชาวบา้ นยังคงถูกกำหนดจากแนวคิดและเปน็ วัฒนธรรมพื้นบ้านเป็นสำคญั
2 แนวคิดของการแพทยแ์ ผนไทย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ (2532 : 16-18) ได้กล่าวไว้เกี่ยวกับการแพทย์แผนไทยไว้ว่า การแพทย์แผน ไทยตามพระราชบัญญัติส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542 หมายถึง กระบวนการทางการแพทย์ เกี่ยวกับการตรวจวนิ ิจฉัย บาํ บัด รักษาหรอื ป้องกัน โรคหรอื การสง่ เสริม ฟื้นฟูสุขภาพของมนุษย์หรือสัตว์ การผดุง ครรภ์ การนวดไทยและให้หมายความรวมถึงการเตรียมการ ผลิตยาแผนไทย และการประดิษฐ์อุปกรณ์และ เครอ่ื งมือทางการแพทย์ ทง้ั น้ี โดยอาศัยความรู้หรอื ตําราท่ไี ด้ถา่ ยทอดและพฒั นาสบื ตอ่ กันมา 2 ตามหลักและทฤษฎีการแพทย์แผนไทย กล่าวว่า คนเราเกิดมาร่างกายประกอบด้วยธาตุทั้ง 4 คือ ธาตุดิน ธาตุน้ ำ ธาตุลม ธาตุไฟ ซึ่งแต่ละคนมีธาตุเด่น เป็นธาตุประจําตัว เรียกว่า“ธาตุเจ้าเรือน” ธาตุเจ้าเรือน หมายถึง องค์ประกอบธาตุทั้ง 4 ที่รวมกันอย่างปกติแต่จะมีธาตุอย่างใดอย่างหนึ่งเด่น หรือมากกว่าธาตุอื่น ๆ ซึ่งจะเป็น บุคลิกลักษณะและอุปนิสัยติดตัวมาแต่เกิด หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ธาตุกำเนิด” ภายหลังอาจเปลี่ยนแปลงได้ เนื่องจากพฤติกรรมการเลี้ยงดู สิ่งแวดล้อม ซึ่งทฤษฎี การแพทย์แผนไทย ให้ความหมายของชวี ิตว่า ชีวิต คือ ขันธ์ 5 อันไดแ้ ก่ รปู เวทนา สญั ญา สงั ขาร และวญิ ญาณ รา่ งกายประกอบดว้ ยธาตุทั้ง 4 ไดแ้ ก่ ธาตุดิน 20 ประการ ธาตุ น้ำ 12 ประการ ธาตลุ ม 6 ประการ ธาตไุ ฟ 4 ประการ สุขหทัย โพธิ์สวรรค์ (2546 : 24) ได้กล่าวถึงการแพทย์แผนโบราณไว้ว่า ในปัจจุบัน เริ่มเป็นที่ยอมรับว่า วธิ ีการแพทย์แผนปัจจบุ นั อย่างเดยี วไม่สามารถแกป้ ัญหาด้านสุขภาพได้ทง้ั หมด เนอ่ื งจากค่าใช้จ่ายสูงขึน้ เพราะต้อง นําเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์จากต่างประเทศ อกี ท้ังมี ข้อจํากัดในการกระจายสู่ท้องถ่ิน และไม่สามารถ ให้บริการประชาชนในชนบทได้อย่างทั่วถึง ทั้งนี้ เพราะการนําเทคโนโลยีสมัยใหม่และวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามา ทดแทนภูมิปัญญาและวฒั นธรรม ทอ้ งถนิ่ โดยอาศยั กระบวนการทีเ่ รียกวา่ “การพัฒนา” น้นั ย่งิ พฒั นากม็ ีแนวโน้มที่ จะลดความสามารถ ในการพึ่งพาตนเองของประชาชนในท้องถิ่น การพัฒนาทำให้เกิดการล่มสลายของภูมิปัญญา ท้องถิ่น โดยเฉพาะการพัฒนาด้านสุขภาพอนามัยของประชาชนอันเป็นการสวนทางกับเจตนาและนโยบาย ของ รัฐบาลที่มุ่งเน้นให้ประชาชนในท้องถิ่นสามารถช่วยตนเองและพึ่งตนเองได้ ด้วยเหตุดังกล่าว การกลับไปแสวงหา และฟน้ื ฟภู ูมปิ ญั ญาท้องถ่ินในการดูแลสขุ ภาพ จึงเปน็ เร่ืองทีน่ า่ สนใจและให้ การสง่ เสริม
3 ชนิดของสมนุ ไพร ภาพท่ี 1 ตน้ สะเดา ตน้ สะเดา ช่อื สามญั Siamese neem tree, Nim , Margosa, Quinine ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Azadirachta indica A. Juss. var. siamensis Valeton สะเดาเป็นไม้ต้น สูง 5-10 เมตร เปลอื กต้นแตกเปน็ รอ่ งลึกตามยาว ยอดอ่อนสนี ้ำตาลแดง ใบ เป็นใบประกอบแบบ ขนนก ออกเรียงสลับรูปใบหอก กว้าง 3-4 ซม. ยาว 4-8 ซม. โคนใบมนไม่เท่ากัน ขอบใบจักเป็นฟันเลื่อย แผ่นใบ เรียบ สีเขียวเป็นมัน ดอก ออกเป็นช่อที่ปลายกิ่งขณะแตกใบอ่อน ดอกสีขาวนวล กลีบเลี้ยงมี 5 แฉก โคนติดกัน กลีบดอกโคนตดิ กนั ปลายแยกเปน็ 5 แฉก ผล รูปทรงรี ขนาด 0.8 - 1 ซม. ผวิ เรยี บ ผลอ่อนสีเขียว สกุ เปน็ สีเหลือง ส้ม เมล็ดเดย่ี ว รูปรี สรรพคุณทางยา สะเดาเป็นผักสมุนไพรพื้นบ้านทม่ี ีรสขม อุดมไปดว้ ยคุณค่าทางโภชนาการและมสี ารต้านอนุมูลอิสระอย่าง เต็มเปี่ยม ที่จะช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ภายในร่างกาย ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาทางสุขภาพ เช่น โรคมะเร็ง ภาวะอัลไซเมอร์ หรือระบบภูมิคุ้มกันลดลง เป็นตน้ ในตำรับยาแผนไทยสามารถนำสะเดามาใช้สรรพคุณทางยาได้ทุกส่วน ใบอ่อนหรือยอดอ่อนใช้เป็นยาขับ ปัสสาวะ รักษาไข้มาลาเรีย รักษาโรคผิวหนัง แก้น้ำเหลืองเสียพุพอง ส่วนใบแก่มีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโต ของแบคทีเรีย ชว่ ยบำรุงธาตุ ชว่ ยย่อยอาหาร และใชร้ ักษาเหาโดยนำใบสด 2 – 3 กำมือนำมาโขลกผสมน้ำแล้วทา ให้ท่ัวศรี ษะ สว่ นก้านใบมีสรรพคณุ ช่วยแก้ไขท้ ุกชนิด รวมถึงไข้ปา่ อกี ด้วย บรรเทาอาการรอ้ นใน กระหายนำ้ การนำไปใช้ประโยชน์
4 ก้าน แกไ้ ข้ บำรุงน้ำดี แก้ร้อนในกระหายนำ้ บำรุงสุขภาพในชอ่ งปาก ใบอ่อน แก้โรคผิวหนัง ปรับสมดุลน้ำเหลือง รักษาแผลพุพอง ,ช่วยเจริญอาหาร,ช่วยย่อยอาหาร,แก้ ไข,้ บำรงุ ธาตุ ใบแก่ บำรุงธาตุ ช่วยย่อยอาหาร ,แกไ้ ข,้ ใชพ้ อกฝี ผล บำรุงหัวใจเป็นยาระบาย แกอ้ าการหัวใจเตน้ ผดิ ปกติ ,แก้ลม ผลอ่อน ชว่ ยเจรญิ อาหาร ฆ่าพยาธิ แกร้ ิดสดี วง แก้ปัสสาวะขัด แก่น แกค้ ลื่นไส้ อาเจียน แก้ไข้จับสัน่ บำรงุ โลหิต บำรงุ ธาตไุ ฟ ราก แกเ้ สมหะในลำคอ แก้เสมหะทีเ่ กาะแน่นในทรวงอก ,แก้ไข้ ยาง ใช้ดับพษิ ร้อน ถอนพษิ ไข้ กระพสี้ ะเดา แก้น้ำดีพิการใหค้ ล่ังเพอ้ แกเ้ พอ้ คล่ัง บำรงุ น้ำดี เปลอื กลำต้น เปลือกลำตน้ มีรสขมฝาดเย็น ใช้นำมาต้มด่ืมเพ่ือแก้บดิ มูกเลือด รักษาโรคท้องรว่ ง แก้ไข้ ใช้ เป็นยาขมเพื่อทำให้เจริญอาหาร และแก้กระษัย แก่นของต้นสะเดาจะช่วยแก้ไข้จับสั่น แก้ไข้ลดตัวร้อน บรรเทา อาการคลืน่ ไสอ้ าเจียน ชว่ ยบำรุงโลหติ ดอกสะเดา ดอกสะเดามีฤทธิ์เป็นยาแก้โรคริดสีดวง แก้พิษโลหิต พิษกำเดา บำรุงธาตุในร่างกาย ส่วนผล จะใชร้ ับประทานเพ่ือบำรุงหวั ใจใหเ้ ต้นเป็นปกติ และรากตน้ สะเดายังสามารถกัดเสมหะภายในลำคอหรือเกาะแน่น ในอก แตเ่ ปลือกรากจะมรี สขมฝาดท่ีชว่ ยรักษาโรคผิวหนงั ลดไข้ ทำให้อาเจียนเพื่อขบั พิษในร่างกาย เมล็ด หากนำเมลด็ สะเดามาสกัดเป็นน้ำมันบริสุทธิ์ สามารถใช้ประโยชนใ์ นด้านความงามเพ่ือบำรุงเส้นผม และผิวพรรณได้อีกด้วย หรือนำเมล็ดแห้งมาบดและหมักเข้มขน้ เพอ่ื ใช้ไลแ่ มลง ภาพท่ี 2 หญ้าแฝกหอม หญา้ แฝกหอม
5 ชือ่ สามัญ Vetiver, vetiver grass , Sevendara grass ชื่อวิทยาศาสตร์ Vetiveria zizanioides (L.) Nash แฝกหอมเปน็ พนั ธุ์พชื ที่มีการสันนิษฐานถึง ต้นกำเนดิ ดั้งเดิมวา่ อยูใ่ นประเทศอนิ เดีย เพราะเป็นหญ้าท่ีชาว พื้นบ้านของประเทศอินเดียรู้จักกันมานานหลายร้อยปีมาแล้ว โดยคำว่า Vetiver นั้น รากศัพท์เป็นคำที่แผลงมา จาก คำว่า Vetivern ซึ่งเป็นภาษาทมิล (ชาวทมิลเป็นชนกลุ่มน้อยอาศัยอยู่ในตอนเหนือของประเทศอินเดีย) แปลว่ารากหอม ส่วนคำว่า zizanioides ในภาษาทมิลมีความหมายถึง ริมแม่น้ำ หรือริมตลิ่ง ซึ่งน่าจะหมายความ วา่ พืชนเ้ี ดมิ พบมากบรเิ วณรมิ แมน่ ้ำในประเทศอนิ เดีย หลังจากนั้นแฝกหอมจึงมีการกระจายพันธุ์ตามธรรมชาติออกไปอย่างกว้างขวาง ในปัจจุบันพบมากใน ภูมิภาคเอเชียกลาง และเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ สำหรบั ในประเทศไทยพบได้ท่ัวทุกภาคของประเทศ ทั้งที่ขึ้นตาม ธรรมชาติหรือที่มีการนำมาเพาะปลูก ทั้งนี้แฝกหอมจะขึ้นได้ดีในสภาพในดินต่างๆ จากความสูงที่ระดับน้ำทะเล จนถึงระดบั ประมาณ 800 เมตร สรรพคุณทางยา มกี ารนำแฝกหอมมาใช้ประโยชน์ด้านต่างๆอย่างมากมายโดยท่ีเราไดร้ ู้จกั และคุ้นเคยกนั ดีก็คงเป็นการปลูก ไว้เพื่อป้องกันการพังทลายของหน้าดิน จากการถูกน้ำกัดเซาะ นอกจากนี้ยังมีการนำมาใช้ประโยชน์ต่างๆ อีกเช่น ใบใช้เย็บเป็นตับเพื่อใช้มุงกันแดดหรอื ทำเป็นผ้าใบกันแดด ก้านช่อดอกสามารถใช้ทำไม้กวาดและใช้ทอเสื่อ ส่วน ขอรากที่มีความหอมยังสามารถนำมาใช้ทำบุหงา หรือนำไปแขวนในตู้เสื้อผ้าเพื่อให้กลิ่นหอม และไล่แมลงกินผ้า หรอื จะนำไปสกดั เป็นน้ำมันหอม และระเหยก็ได้ โดยในปจั จบุ นั มีการนำน้ำมันหอมระเหยของรากแฝกหอมไปแต่ง กลิ่นของผลิตภณั ฑ์ เสรมิ ความงาม และเคร่อื งสำอางต่างๆ อีกด้วย ส่วนสรรพคุณทางยานน้ั ตามตำรายาไทยระบุไว้ ว่า ราก มีกลิ่นหอมมีสรรพคุณทำให้ชุ่มชื่นหัวใจ ช่วยกล่อมประสาท ใช้ปรุงเป็นยาขบั ลมในลำไส้ บำรุงโลหิตบำรงุ หวั ใจ แกท้ อ้ งเดนิ แก้ปวดท้อง ท้องอืด จกุ เสียด ขับปัสสาวะ แกไ้ ขพ้ ษิ แกไ้ ข้ แก้ไข้อันเกิดแต่ซาง และโลหิต แก้ ไข้อภิญญาณ แก้ไข้คุดทะราด แก้โรคประสาท แก้ร้อน หัวใช้ขับปัสสาวะ ขับลมในลำไส้ แก้ไข้หวัด แก้ท้องเดิน แก้ร้อน แก้ปวดเมื่อย น้ำมันหอมระเหย ทำให้นอนหลับ ทำให้สงบ ทำให้ผิวหนังร้อนแดง ทั้งนี้ในบัญชยี าสมนุ ไพร ตามประกาศคณะกรรมการแห่งชาตดิ ้านยายังระบุใหม้ ีการใช้รากแฝกหอมเป็นส่วนประกอบในตำรบั ”ยาหอมเทพ จิตร” ที่มีสรรพคุณในการแก้ลมกองละเอียด ได้แก่ อาการหน้ามืด ตาลาย สวิงสวาย ใจสั่น ตำรับ “ยา หอมนวโกฐ” สรรพคุณแก้ลมวิงเวียน คลื่นเหียน อาเจียน ในผู้สูงอายุ แก้ลมปลายไข้ ตำรับ “ยาประสะกานพล”ู ที่มีสรรพคุณบรรเทาอาการปวดท้อง จุกเสียด แน่นเฟ้อจากอาหารไม่ย่อย เนื่องจากธาตุไม่ปกติ “ตำรับยาเขียว หอม” บรรเทาอาการไข้ รอ้ นในกระหายนำ้ แกพ้ ิษหดั พษิ สกุ ใส และตำรบั “ยามโหสถธจิ นั ทน์” อีกดว้ ย การนำไปใช้ประโยชน์
6 ราก มีสรรพคุณทำให้ดวงจิตชุ่มชื่น กลิ่นมีสรรพคุณกล่อมปEระสาท ใชป้ รุงเป็นยาขับลมในลำไส้ ทำให้หาวเรอ บำรุงโลหิต แก้ปวดทอ้ ง จกุ เสยี ด แกท้ ้องอืด ขบั ปสั สาวะ แกไ้ ข้ แก้ไข้พิษ แก้ไข้อภิญญาณ แกไ้ ขอ้ ันเกดิ แต่ซาง โลหิต ดี และคุดทะราด แก้โรคประสาท แก้ท้องเดิน แก้ร้อน ต้มอาบทำให้กระชุ่มกระชวย อบเส้ื อผ้าให้หอม และสกดั นำ้ มนั หอมระเหย หัว ขบั ลมในลำไส้ ขับปสั สาวะ แก้ท้องเดิน แกร้ อ้ น แก้ไขห้ วัด แก้ปวดเมือ่ ย นำ้ มนั หอม ระเหยมีฤทธ์ิฆา่ เชือ้ ทำให้นอนหลับ ทำใหส้ งบ ทำใหผ้ ิวหนังร้อนแดงอยา่ งอ่อน ภาพที่ 3 ย่านาง เถาวลั ย์ยา่ นาง ช่อื สามญั Bamboo grass ช่ือวิทยาศาสตร์ Tiliacora triandra (Colebr.) Diels ไม้เถาเลื้อย เถากลมขนาดเล็ก มีเนื้อไม้ เลื้อยพันตามต้นไม้ หรือกิ่งไม้ เถามีสีเขียว ยาว 10-15 เมตร เถา อ่อนสีเขียว เม่อื เถาแก่จะมสี ีคลำ้ แตกเป็นแนวถ่ี เถาอ่อนมีขนน่มุ สีเทา มีเหง้าใตด้ ิน กิ่งกา้ นมีรอยแผลเปน็ รูปจานที่ ก้านใบหลุดไป มีขนประปราย หรือเกลี้ยง ใบเดี่ยว หนา สีเขียวเข้มเป็นมนั เรียงแบบสลับ รูปไข่ ยาวประมาณ 6- 12 เซนตเิ มตร กว้างประมาณ 4-6 เซนติเมตร ขอบใบเรยี บ ปลายใบแหลม ฐานใบมน ผิวใบเป็นคลื่นเลก็ น้อย กา้ น ใบยาวประมาณ 1.5 เซนติเมตร ผิวใบเรียบมนั ไม่มหี ูใบ เน้อื ใบคลา้ ยกระดาษ แต่แขง็ เหนยี ว มเี สน้ ใบก่ึงออกจาก โคนใบรูปฝ่ามือ 3-5 เส้น และมีเส้นแขนงใบ 2-6 คู่ เส้นเหล่าน้ีจะไปเชื่อมกันที่ขอบใบ เส้นกลางใบด้านล่างจะยน่ ละเอยี ดใกล้ๆโคน ขนเกล้ยี ง ก้านใบผวิ ย่นละเอียด ดอกออกเป็นช่อเล็กๆ แบบแยกแขนงตามขอ้ และซอกใบ มีดอก 1-3 ดอก สเี หลอื ง กา้ นช่อดอกยาวประมาณ 0.5 เซนตเิ มตร แยกเปน็ ช่อดอกเพศผูแ้ ละช่อดอกเพศเมีย ดอกเพศผู้ สีเหลือง กลีบเลี้ยงมี 6-12 กลีบ กลีบวงนอกสุดมีขนาดเล็กที่สุด กลีบวงในมีขนาดใหญ่กว่าและเรียงซ้อนกัน รูปรี
7 กว้าง ยาว 2 มลิ ลเิ มตร ค่อนข้างเกลีย้ ง กลบี ดอกมี 3 หรือ 6 กลีบ สอบแคบ ปลายเวา้ ตนื้ ยาว 1 มลิ ลเิ มตร เกลี้ยง เกสรเพศผู้มี 3 อัน เป็นรูปกระบอง ยาว 1.5-2 มิลลิเมตร ดอกเพศเมีย กลีบเลี้ยงวงในรูปกลม ยาว 2 มิลลิเมตร ด้านนอกมีขนประปราย กลีบดอกมี 6 กลีบ รูปรีแกมขอบขนาน ยาว 1 มิลลิเมตร เกสรเพศเมียมี 8-9 อัน แต่ละ อันยาวไม่ถึง 1 มิลลิเมตร ติดอยู่บนก้านชสู ั้นๆ ยอดเกสรเพศเมียไม่มกี ้าน ผลเป็นผลกลุ่ม ผลกลมรูปไข่กลบั กว้าง 6-7 มิลลิเมตร ยาว 7-10 มิลลิเมตร ผิวเกลี้ยง มีเมล็ดแข็ง ผลสีเขียว ฉ่ำน้ำ ออกเป็นพวง ตามข้อและซอกใบ ติด บนก้านยาว 3-4 มิลลิเมตร เมื่อสุกจะเปลี่ยนเป็นสีส้มและแดงสด เมล็ดรูปเกือกม้า ผนังผลชั้นในมีสันไม่เป็น ระเบยี บ พบตามป่าเต็งรัง ป่าดิบใกลท้ ะเล ตามรมิ นำ้ ในป่าละเมาะ พบมากในที่รกรา้ ง ไร่ สวน ออกดอกช่วงเดือน มีนาคมถึงเมษายน สรรพคุณทางยา ตำรายาไทย ใช้ ราก รสจืด รสจืดขม ใช้ในตำรับยาแก้ไข้เบญจโลกวิเชียร (ประกอบด้วยรากย่านาง รวม กับรากเท้ายายม่อม รากมะเดื่อชุมพร รากคนทา รากชิงชี่ อย่างละเท่าๆกัน) แก้ไข้ (ใช้รากแห้งครั้งละ 1 กำมือ หรือประมาณ 15 กรมั ตม้ กบั นำ้ ดมื่ กอ่ นอาหารเชา้ กลางวนั เย็น) แกพ้ ษิ เมาเบือ่ กระทุ้งพษิ ไข้ แก้เมาสรุ า ถอนพิษ ผดิ สำแดง นำมาตม้ กินเปน็ ยาแกอ้ ีสุกอีใส ตุ่มผ่ืน แกไ้ ข้ ขบั พิษตา่ งๆ แก้ท้องผกู ปรงุ ยาแกไ้ ข้รากสาด ไข้กลับ ไข้หัว ไข้พิษ ไข้สันนิบาต ไข้ป่าเรื้องรัง ไข้ทับระดู บำรุงหัวใจ บำรุงธาตุ แก้พิษภายในให้ตกสิ้น แก้โรคหัวใจบวม แก้ กำเดา แก้ลม แก้ไข้จับสั่น แก้เมาสุรา รากผสมกับรากหมานอ้ ย ต้มกินแก้ไข้มาลาเรีย ลำต้น รสจืดขม ถอนพิษผิด สำแดง รักษาพิษไข้ แก้ไข้ตัวร้อน แก้ไข้พิษ แก้ไข้รากสาด ไข้ดำแดง ไข้ฝีดาษ ไข้เซื่องซึม ไข้กลับไข้ซ้ำ แก้ลิ้นเป็น ฝ้าขาว แก้ลิ้นแข็งกระด้าง รักษาโรคปวดข้อ ก้านที่มีใบผสมกับพืชอื่นใช้เป็นยาแก้ท้องเสีย ใบ รสจืดขม รับประทานถอนพิษ แก้ไข้ แก้ไข้รากสาด ไข้พิษ ไข้เซื่องซึม ไข้หัว ไข้พิษ ปวดหัวตัวร้อน อีสุกอีใส หัด ลิ้นกระดา้ ง คางแข็ง เปน็ ยากวาดคอ แก้ไขฝ้ ีดาษ ไขด้ ำแดง ชาวบา้ นทางภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือใช้ น้ำคัน้ จากใบ มีรสขม ปรุงใส่แกงหน่อไม้แกงอ่อม หรอื แกงอีสาน ตา่ งๆ เป็นเคร่อื งชรู สไดด้ ีชนดิ หน่ึง เส้นใยจากเถา เหนยี วมาก ใช้ทำเชอื ก หรือใชม้ ัดตับหญ้าคาทใี่ ชม้ ุงหลังคาได้ การนำไปใชป้ ระโยชน์ ราก ใชแ้ กไ้ ข้ทุกชนดิ ท้ังไขพ้ ิษ ไข้เหนือ ไข้หัด ไขฝ้ ีดาษ ไข้กาฬ ไข้ทับระดู ใบ แก้เบื่อเมา กระทุ้งพิษไข้ แก้ไข้ แก้พิษเมา แก้อาการผิดสำแดง แก้ไข้กลับ แก้เลือดตก แก้กำเดา แก้ ลม ลดความร้อน เถา แก้ไข้ ลดความรอ้ นในรา่ งกาย ข้อมลู ทางเภสัชวิทยาระบวุ ่า ตา้ นมาลาเรีย ยับย้งั การหดเกร็งของลำไส้ ตา้ น
8 ภาพที่ 4 ตองแตก ตองแตก ช่ือสามญั - ชอ่ื วิทยาศาสตร์ Baliospermum montanum (Willd.) Mull. Arg. ไม้พุ่ม ขนาดเล็ก สูงถึง 2 เมตร ใบ เป็นใบเดี่ยวเรียงสลับ ใบรูปหอก รูปไข่ หรือรูปวงรีแกมขอบขนาน กวา้ ง 3-10 เซนติเมตร ยาว 8-12 เซนตเิ มตร ใบบรเิ วณโคนต้นมกั มขี อบหยักเว้าเป็น 3-5 แฉก ปลายแฉกมน หรือ แหลม ใบมขี นแขง็ เอนทง้ั สองดา้ น ฐานใบมน ขอบใบจักฟันเลอื่ ย หรือหยักมน ดอก เป็นดอกย่อยแยกเพศ ดอกตัว ผู้มจี ำนวนมากอยู่ตอนบนของช่อ ไมม่ กี ลบี ดอก กลบี เล้ียงสีเหลืองแกมเขียว 4-5 กลบี ดอกตัวเมยี ออกท่ีโคนช่อ ไม่ มกี ลีบดอก ผล ผลคอ่ นข้างกลม ผลแห้ง แตกได้ มี 3 พู กลบี เลยี้ งติดทน และขยายตัวเม่ือติดผล สรรพคุณทางยา ตำรายาไทย เปลือกต้น รสเฝอ่ื น ใชเ้ ป็นยาถ่าย ใบ รสเฝอ่ื น แช่นำ้ รับประทานแก้หดื ใบแห้งต้มน้ำดื่มเป็น ยาถ่ายพยาธิ แก้ฟกบวม ผล รสขมฝาด ทาฟันทำให้ฟันมีสีดำ แก้ปวดฟัน รากรสเฝื่อนร้อนขม เป็นยาถ่ายอย่าง อ่อน ใช้ต้มรับประทานถ่ายลม ถ่ายเสมหะเป็นพิษ ถ่ายพิษพรรดึก ไม่ไซ้ท้อง ใช้ในรายที่ถ่ายด้วยยาดำไม่ได้ โรค ริดสดี วงทวาร ถ่ายพยาธิ แก้ฟกบวม แก้บวมนำ้ แกด้ ีซ่าน แกม้ า้ มอกั เสบ แกโ้ ลหติ จาง แก้ตบั อกั เสบ เมล็ด รสเบ่ือ ขม ใชเ้ ปน็ ยาถ่ายอยา่ งแรง (ไมน่ ยิ มใช้) เป็นยาถ่ายแทนสลอดได้ ถ่ายพยาธิ ตำทาถนู วด แก้ปวดตามข้อ แก้ฟกบวม การนำไปใชป้ ระโยชน์ ราก รสเฝอื่ นร้อนขม ถ่ายลมถา่ ยเสมหะเป็นพิษ ไมไ่ ซท้อง ใชใ้ นรายท่ีถา่ ยด้วยยาดำไม่ได้ แก้บวมน้ำ แก้ดี ซา่ น แก้มา้ มอกั เสบ แก้โลหิตจาง ใบ รสเฝอ่ื น แก้หดื ระบายอุจจาระ เมลด็ รสเบอื่ ขม เปน็ ยาถ่ายแทนสลอดได้ ตำทาถนู วด แก้ปวดตามขอ้
9 เปลือกตน้ รสเฝอ่ื น เปน็ ยาถา่ ย ภาพที่ 5 ข้กี า ขก้ี า ชื่อสามญั Gymnopetalum integrifolium Kurz ช่อื วทิ ยาศาสตร์ Bryonia lacinioas Linn เป็นไม้เถาเลื้อยพาดพันกับสิ่งยึดเกาะที่อยู่ใกล้ๆ เถา มีขนสีขาวสั้นตั้งตรงเกาะติดหนาแน่น ใบ เป็นใบ เดี่ยว การเกาะติดของใบบนกิ่งแบบเวยี นและมีหนวดที่โคนก้านใบ ใบรูปไข่เกือบกลม 5 เหลี่ยม ขนาดประมาณ 10 x 15 เซนติเมตร ปลายแหลม โคนเว้าเป็นติ่งหู ขอบหยักบิดเป็นคล่ืน แผ่นใบผิวหยาบสากเป็นลอนตามรอยกดเปน็ ร่องของเส้นใบ หลงั ใบมีขนสน้ั สขี าวจำนวนมาก กา้ นใบสเี ขียวอ่อนแกมเหลอื งยาว มขี นชนิดเดียวกัน ดอก เป็นดอก เดี่ยวแยกเพศกนั เกดิ ที่ซอกใบ ดอกสขี าวกลบี ดอกสว่ นโคนเช่อื มตดิ กนั เปน็ หลอดส่วนปลายแยกเป็นกลีบ 4 - 5 กลีบ ดอกเพศเมียทฐ่ี านดอกมีรงั ไข่ทรงกลม ดอกเพศผ้ไู มม่ ี ผล ทรงกลม ผวิ เรียบ ผลออ่ นสเี ขยี ว มีริ้วสีขาวจางๆ เมือ่ แก่สี สม้ แดง ภายในมเี มลด็ จำนวนมาก เมลด็ ทรงกลมรีแบนมเี ย่อื หุม้ เมล็ดเปน็ เมอื กใสสีเขียวเข้มเกือบดำ สรรพคณุ ทางยา ใบ รสขม ตำพอกฝี ทาแก้โรคผิวหนังอักเสบ หัว รสขม บำรุงหัวใจ แก้ม้ามย้อย ตับโต หรืออวัยวะในช่อง ท้องบวมโต ราก รสขม บำรุงน้ำดี แก้ไข้ ดับพิษไข้ แก้ปวดศีรษะ แก้จุกเสียด บดทาฝีฝักบัว แก้ตับโต ม้ามย้อย อวัยวะในช่องท้องบวมโต ผล รสขม บำรุงน้ำดี แก้พิษเสมหะและโลหิต ถ่ายพิษเสมหะให้ตก แก้พิษตานซาง แก้ ตานขโมย ขบั พยาธิ เป็นยาถ่ายอย่างแรง ใช้ควนั รม แก้หืด ท้ังเถา รสขม ตม้ อาบ แก้เม็ดผดผืน่ คัน แกไ้ ข้หัว ไข้พิษ ไขก้ าฬ ต้มดม่ื บำรงุ น้ำดี ขับเสมหะ ดบั พษิ แก้ไอเปน็ เลือด การนำไปใช้ประโยชน์
10 ใบ รสขม ตำพอกฝี ทาแกโ้ รคผิวหนงั อกั เสบ หัว รสขม บำรุงหัวใจ แกม้ า้ มย้อย ตบั โต หรืออวัยวะในช่องท้องบวมโต ราก รสขม บำรงุ นำ้ ดี แกไ้ ข้ ดับพษิ ไข้ แก้ปวดศีรษะ แก้จกุ เสยี ด บดทาฝีฝกั บวั แกต้ ับโต มา้ มย้อย อวยั วะ ในชอ่ งท้องบวมโต ผล รสขม บำรุงนำ้ ดี แกพ้ ษิ เสมหะและโลหติ ถา่ ยพิษเสมหะให้ตก แก้พิษตานซาง แก้ตานขโมย ขับพยาธิ เป็นยาถ่ายอยา่ งแรง ใชค้ วนั รม แก้หดื ท้งั เถา รสขม ต้มอาบ แกเ้ ม็ดผดผนื่ คัน แก้ไข้หวั ไข้พิษ ไขก้ าฬ ต้มดม่ื บำรงุ นำ้ ดี ขบั เสมหะ ดับพิษ แก้ไอ เปน็ เลอื ด ภาพที่ 6 เถาวลั ย์เปรยี ง เถาวัลยเ์ ปรียง ชือ่ สามัญ Jewel vine ช่อื วทิ ยาศาสตร์ Derris scandens (Roxb.) Benth. ต้นเถาวัลย์เปรียง จัดเป็นไม้เถาเลื้อยขนาดใหญ่ สามารถเลื้อยไปได้ไกลถึง 20 เมตร มีกิ่งเหนียวและ ทนทาน กิ่งแตกเถายืดยาวอย่างรวดเร็ว เถามักเลื้อยพาดพันตามต้นไม้ใหญ่ เถาแก่มีเนื้อไม้แข็ง เปลือกเถาเรียบ และเหนียว เป็นสีน้ำตาลเข้มอมสีดำหรือแดง เถาใหญ่มักจะบิด เนื้อไม้เป็นสีออกน้ำตาลอ่อน ๆ มีวงเป็นสีน้ำตาล ไหม้คล้ายกับเถาต้นแดง (เนื้อไม้มีรสเฝื่อนและเอียน) ตามกิ่งอ่อนและยอดอ่อนมีขนสีน้ำตาลปกคลุม ขยายพันธุ์ ด้วยวิธีการเพาะเมล็ดหรือวิธีการแยกไหลใต้ดิน ชอบอากาศเย็นแต่แสงแดดจัด ทนความแห้งแล้งไดด้ ี หากปลกู ในท่ี แล้งจะออกดอกดก แตจ่ ะมีขนาดเล็กกวา่ ปลกู ในทชี่ มุ่ ชื้น พรรณไมช้ นิดนมี้ ักข้ึนเองตามชายป่าและทีโ่ ล่งท่ัวไป เป็น พรรณไมท้ ม่ี ีมากท่ีสดุ ในประเทศไทยและใช้กันทุกจงั หวดั สรรพคณุ ทางยา
11 ตำรายาพื้นบา้ น: ใช้เถา ขับปัสสาวะ แก้บดิ แก้หวัด ใช้เถาควั่ ไฟให้หอมชงน้ำกินแก้ปวดเม่ือย แก้เส้นเอ็น พิการ แก้เมื่อยขบในรา่ งกาย แก้กระษัยเหน็บชา ต้มรับประทานถ่ายเส้น ถ่ายกระษัย แก้เส้นเอ็นขอด ถ่ายเสมหะ ไมถ่ ่ายอจุ จาระ เหมาะท่จี ะใช้ในโรคบิด ไอ หวดั ใชใ้ นเดก็ ไดด้ ี แกป้ วด แกไ้ ข้ ทำให้เสน้ เอ็นอ่อนลง ขบั ปสั สาวะ แก้ ปัสสาวะพกิ าร บางตำรากล่าววา่ ทำให้มีกำลงั ดแี ข็งแรงสไู้ ม่ถอย เป็นสมุนไพรที่มีการนำมาใช้ในสูตรยาอบสมุนไพรเพื่อสุขภาพ โดยใช้เป็นส่วนประกอบเพิ่มเติมจากสูตร ยาอบสมนุ ไพรหลกั เมือ่ ต้องการอบเพอ่ื รกั ษาอาการปวดเมอื่ ย ปวดหลัง ปวดเอว เปน็ ต้น บัญชียาจากสมุนไพร: ที่มีการใช้ตามองค์ความรู้ดั้งเดิม ตามประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยา แห่งชาติ ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ระบุการใช้เถาวัลย์เปรียงในตำรับ “ยาผสมเถาวัลยเ์ ปรียง” มีส่วนประกอบของ เถาวัลย์เปรียงร่วมกบั สมนุ ไพรชนดิ อืน่ ๆ ในตำรบั มสี รรพคุณบรรเทาอาการปวดเมื่อยตามรา่ งกาย การนำไปใช้ประโยชน์ เถา ชงน้ำกิน บรรเทาการปวดเม่ือย แกเ้ สน้ เอน็ พิการ แกเ้ มือ่ ยขบในร่างการ แกก้ ระษัยเหน็บชา ค่ัวไฟชง นำ้ ดม่ื แกป้ วดเมือ่ ย ถา่ ยเส้น ถา่ ยกระษยั แกเ้ สน้ เอน้ ขอด ถา่ ยเสมหะ ช่วยการขบั ถา่ ย แก้ปสั สาวะพิการ แก้บิด แก้ หวัด ภาพที่ 7 สมอไทย สมอไทย ช่อื สามญั Myrabolan Wood.
12 ชื่อวิทยาศาสตร์ Terminalia chebula Retz. สมอไทยเป็นพืชท้องถิ่นไทย มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ พม่า และลาว เป็น ต้น รวมถงึ เอเชียใต้ พบได้มากในป่าเต็งรัง และปา่ เบญจพรรณ ในภาคกลาง อสี าน และภาคเหนือ ชาวธิเบตถือว่า สมอไทยคอื \"ราชาแห่งยา\" สรรพคุณทางยา ในตำรายาไทย สมอไทยจัดอยู่ในยาสมนุ ไพร พิกัดตรผี ลา การจำกดั จำนวนผลไม้ 3 อยา่ งคอื ลูกสมอพเิ ภก ลูกสมอไทย ลูกมะขามป้อม พิกัดตรีผลา การจำกัดจำนวนสมอ 3 อย่าง คือ สมอพิเภก สมอไทย และสมอเทศ พิกัดตรีฉันทลามมก การจำกัดจำนวนตัวยาแก้ธาตุลามกให้ตกไป 3 อย่างคือ โกศน้ำเต้า สมอไทย และรงทอง นอกจากนี้บัญชียาจากสมุนไพร ที่มีการใช้ตามองค์ความรู้ดั้งเดิม ตามประกาศ คณะกรรมการแห่งชาติด้านยา (ฉบับที่ 5) ปรากฏการใช้สมอไทย ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ ในตำรับ ในยารักษากลุ่มอาการทางระบบทางเดิน อาหาร รวม 2 ตำรับ คือ “ยาถ่ายดีเกลือฝรั่ง” สรรพคุณ แก้อาการท้องผูก กรณีที่ใช้ยาอื่นแล้วไม่ได้ผลและ“ยา ธาตุบรรจบ”ใช้บรรเทาอาการท้องอืดเฟ้อและอาการอุจจาระธาตุพิการท้องเสียที่ไม่ติดเชื้อ ซึ่งสมอไทยนั้นมีรส ต่างๆ ถึง 6 รสด้วยกัน ซึ่งเป็นสมุนไพรที่มานาชาตินิยมมากที่สุดในจำนวนสมุนไพรทั้งหมดทั้งมวลก็ว่าได้ ซึ่งจะมี รสชาติดังนี้ รสเปรีย้ ว รสฝาด รสหวาน รสขม รสเผ็ด รสเคม็ ท้ังหมดน้ีคอื สรรพคุณของสมอไทย การนำไปใชป้ ระโยชน์ ผลดิบ กนิ เป็นผลไม้สด รสเปรย้ี วขมอมฝาด มีแทนนนิ เปน็ จำนวนมาก หรอื นำไปดองเกลือ ผลห่าม นำไปจม้ิ นำ้ พรกิ ผลอ่อน ใช้เป็นยาระบาย ผลแก้เป็นยาฝาดสมาน แก้ลมจุกเสียด เยื่อหุ้มเมล็ดแก้ขัดและโรคเกีย่ วกับน้ำดี มสี ารอาหารท่ีเปน็ ประโยชน์หลายชนิด เชน่ วติ ามนิ ซี วติ ามนิ เอ แคลเซียม ฟอสฟอรัส ชาวกะเหรยี่ งใชผ้ ลยอ้ มผ้า ผลสุก 5 – 6 ผลต้นกับน้ำใส่เกลือเล็กน้อย ใช้เป็นระบายอ่อนๆ ใช้น้ำประมาณ 1 ถ้วยแก้ว จะถ่าย หลังจากกนิ แล้วประมาณ 2 ชว่ั โมง
13 ภาพท่ี 8 ละห่งุ แดง ละหงุ่ แดง ชอื่ สามัญ Castor bean, Castor oil, Palma-christi ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Ricinus communis L. ไม้พุ่มหรือไม้ยืนต้นขนาดเล็ก สูงได้ถึง 6 เมตร ละหุ่งขาวลำต้นและก้านใบจะเป็นสีเขียว ละหุ่งแดงลำต้น และก้านใบจะเป็นสีแดง ยอดอ่อนและช่อดอกเป็นนวลขาว ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ ใบกว้าง 15 เซนติเมตร ยาว 60 เซนติเมตร รูปฝ่ามือ มี 6-11 แฉก ปลายแฉกแหลม ขอบใบหยักเป็นฟันเลื่อย ขนาดไม่เท่ากัน ปลายจัก เป็นต่อม ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 10-20 เซนติเมตร โคนใบแบบก้นปิด เส้นแขนงใบเรียงจรดปลายจักที่มีขนาด ใหญ่ ก้านใบยาว 10-30 เซนติเมตร มีต่อมที่ปลายก้าน หูใบเชื่อมติดกันรูปสามเหลี่ยม ยาวได้ประมาณ 1.5 เซนติเมตร ติดตรงข้ามใบ โอบรอบกิ่ง ร่วงง่าย ดอกออกเปน็ ช่อ ท่ีปลายกิง่ หรอื ทีป่ ลายยอดแบบช่อกระจะ บางคร้ัง แยกแขนง มีท้ังดอกตัวผู้ และดอกตัวเมียอยู่ในช่อเดียวกนั ดอกเพศผอู้ ยชู่ ่วงบน ดอกเพศเมียอยชู่ ่วงล่าง ก้านดอก ยาวกว่าดอกเพศผู้ กลีบเลี้ยง 5 กลีบ ในดอกเพศเมียเรียวแคบกว่า เกสรเพศผู้จำนวนมาก เชื่อมติดกันเป็นกลุ่มๆ แตกแขนง รังไข่ 3 ชอ่ ง แต่ละช่องมีออวุล 1 เม็ด มีเกล็ดคลา้ ยหนามปกคลุม ก้านเกสร 3 อนั ยาวเท่าๆ กลีบเล้ียง บางแยกเป็น 3-5 แฉก ติดทน ไม่มีกลีบดอก ก้านดอกยาว ไม่มีจานฐานดอก กลีบเลี้ยงเชื่อมติดกัน ปลายเป็น 5 หยัก รูปสามเหลี่ยม ยาวได้ประมาณ 1 เซนติเมตร ร่วงง่าย ผลเป็นผลแห้งแบบแคปซูล ทรงรี ยาวประมาณ 1.5 เซนติเมตร มี 3 พู รูปไข่ สีเขียว ยาว 1-1.5 เซนติเมตร ผิวมีขนคล้ายหนามอ่อน ทั้งผล คล้ายผลเงาะ เมล็ดทรงรี เปลือกเมลด็ สีนำ้ ตาลแดงประขาว คลา้ ยตัวเห็บ เนอื้ ในสีขาว เมล็ดมพี ิษ มีน้ำมัน สรรพคุณทางยา ตำรายาไทย ใช้ น้ำมันจากเมล็ด รสมันเอียน มีฤทธิ์ระบายอุจจาระสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ (ต้องสกัดเอา แต่น้ำมันจากเมล็ดเท่านั้น ไม่ติดส่วนอื่นมาจะเป็นพิษได้ วิธีบีบน้ำมันจากเมล็ดต้องไม่ใช้ความร้อน ถ้าบีบโดยใช้ ความร้อนจะมโี ปรตีนท่เี ปน็ พิษชื่อ “ricin” ติดมาดว้ ย ไม่ใช้ทำยา) เมล็ด นำเมลด็ มาทบุ แลว้ เอาจุดงอกออก ต้มกับ
14 นมครึ่งหนึ่ง แล้วต้มกับน้ำเพื่อทำลายพิษ กินแก้ปวดข้อปวดหลัง ตำเป็นยาพอกแผล ใบสด รสจืดขื่น มีฤทธิ์ฆ่า แมลงบางชนิดได้ ต้มกินเป็นยาระบาย แก้ปวดท้อง ขับน้ำนม ขับระดู ขับลม เผาไฟพอกแก้ปวดบวม ปวดตามข้อ ปวดศีรษะ และแผลเรื้อรัง ตำเป็นยาพอกฝี แก้ช้ำรั่ว(อาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่) แก้เลือดลมพิการ ราก รสจืด ตำ เป็นยาพอกเหงือกแก้ปวดฟัน ต้มกินเป็นยาระบาย รากใช้สุมเป็นถ่านทำเป็นยารับประทานแก้พิษไข้เซื่องซึม และ เปน็ ยาสมาน ทางเภสัชกรรม ใช้ น้ำมันละหุ่ง กินเป็นยาระบายหรือยาถ่ายอย่างอ่อนมีฤทธิ์กระตุ้นผนงั ลำไส้ให้บบี ตัว ขับกากอาหารออกมา มักใช้ในผู้ป่วยโรคท้องเดินเฉียบพลันที่เกิดจากอาหารเป็นพิษ เพื่อขับถ่ายอาหาร ที่เป็น พิษออกมา หรือใชท้ ำความสะอาดลำไส้ก่อนการเอ็กซเรย์ลำไส้และกระเพาะอาหาร แตผ่ ูป้ ว่ ยบางรายอาจมีอาการ ปวดมวนทอ้ งได้ นอกจากนย้ี าขี้ผง้ึ น้ำมนั ละห่งุ ความเขม้ ขน้ ร้อยละ 5-10 ใชท้ าแก้ผิวหนังอกั เสบ การนำไปใช้ประโยชน์ ใบ ช่วยแก้อาการช้ำรั่ว ปัสสาวะไหลหยดย้อย ช่วยขับเลือด ขับลม ขับน้ำนม รวมทั้งแก้อาการปวดท้อง ช่วยระบายอจุ จาระ แกเ้ ลอื ดลมพิการ ตลอดจนนำมาสุมไฟให้เป็นถ่าน ชว่ ยถอนพิษยาเบือ่ ยาเมา แกอ้ าการไข้เซื่อง ซึม และสามารถนำมาปิง้ ไฟพออ่อนปดิ แก้อาการฟกชำ้ หรือบวม เมล็ด เมล็ดจะมีพิษอยู่ค่อนข้างมากรับประทานเพียงแค่ 2 – 3 เมล็ดก็อาจเสียชีวิตได้ทันที ให้ทุบเอา เปลือกและดีของใบเลี้ยงทิ้งไป แล้วนำไปต้มกับน้ำนมจนสุก จากนั้นต้มกับน้ำอีกครั้ง แล้วเทน้ำนมกับน้ำออกไป รับประทานเนื้อเมล็ดที่ได้ ช่วยแก้อาการปวดตามข้อ แก้ปวดเมื่อย ใช้เป็นยาถ่าย และสามารถนำมาตำพอก บาดแผล น้ำมันจากเมลด็ ให้นำมาบบี โดยไมใ่ ช้ความรอ้ นใชเ้ ป็นยาระบายสำหรบั เดก็ และผ้สู ูงอายุ ซึง่ หากบบี โดยใช้ ความรอ้ นจะมสี ารพิษ Ricin เจอื ปนออกมาด้วย ซึ่งพิษของมันอาจทำให้เสียชวี ติ ได้ ราก ใช้สุมเป็นถ่าน แก้พิษไข้เซื่องซึม หรือไข้ที่มีพิษร้อน และช่วยสมานแก้ช้ำร่ัว ขับน้ำนม และแก้เลือด ลม ใหร้ สจืดขน่ื ภาพท่ี 9 พมิ เสนต้น
15 พมิ เสนต้น ชื่อสามญั Patchouli, Patchoulli, Patchouly ชอ่ื วิทยาศาสตร์ Pogostemon cablin (Blanco) Benth. ตน้ พมิ เสนต้น หรอื ต้นพมิ เสน โดยจดั เปน็ พรรณไม้ล้มลุก มคี วามสงู ของต้นประมาณ 30-100 เซนติเมตร ลำต้นตั้งตรงกิ่งก้านเป็นสี่เหลี่ยม โดยจะแตกกิ่งก้านสาขาบริเวณยอดต้น ทั้งต้นเมื่อนำมาขยี้ดมจะมีกลิ่นหอมฉุน และมขี นสเี หลืองปกคลุมอยู่ทง้ั ตน้ ขยายพันธดุ์ ้วยวธิ ีการตัดลำต้นปกั ชำ ใบพมิ เสนต้น ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงตรง ข้าม ลักษณะของใบเป็นรูปไข่ ขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 1.5-4 เซนติเมตรและยาวประมาณ 5-10 เซนติเมตร ใบที่โคนต้นจะมีขนาดเล็กกว่าที่บริเวณยอดต้น แผ่นใบมีขนสีเทาอ่อนปกคลุมทั้งหน้าใบและหลังใบ โดยเฉพาะตรงส่วนของเส้นใบจะมีขนปกคลุมอยู่มาก ส่วนก้านใบยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร ดอกพิมเสนต้น ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่งและตามซอกใบ ช่อดอกยาวประมาณ 2-8 เซนติเมตร มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ประมาณ 1-2 เซนตเิ มตร ดอกเปน็ สีขาวอมสีม่วง ลกั ษณะเป็นรูปทรงกระบอกยาวได้ประมาณ 6-8 มิลลิเมตร ดอก มีกลีบเลี้ยงห่อหุ้มอยู่ 4 ใบ ยาวประมาณ 8 มิลลิเมตร มีกลีบดอก 5 กลีบ มีเกสรเพศผู้ 4 ก้าน ผลพิมเสนต้น ผล เปน็ ผลแห้ง ไมแ่ ตก มขี นาดเล็ก ลักษณะเปน็ รูปไขย่ าว การกระจายพันธ์ุ : มีถ่ินกำเนิดในประเทศฟิลิปปินส์ อินเดีย ศรีลังกา อินโดนเี ซยี และในประเทศมาเลเซยี สรรพคณุ ทางยา ตำรายาไทย ใบ รสเย็นหอม ถอนพิษร้อน แก้ไข้ทุกชนิด ทำให้ความร้อนในร่างกายลดลง ผสมในยาเขียว และยาหอม แก้ลม บำรงุ หวั ใจ บญั ชียาจากสมุนไพร: ท่มี ีการใช้ตามองคค์ วามรู้ดง้ั เดิม ตามประกาศ คณะกรรมการแห่งชาติด้านยา ระบุ การใช้ใบพิมเสนต้น ในยารักษากลุ่มอาการทางระบบทางเดินอาหาร ปรากฏในตำรับ “ย าธาตุบรรจบ” มี ส่วนประกอบของใบพิมเสนต้น ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ ในตำรับ มีสรรพคุณ บรรเทาอาการท้องอืดเฟ้อ และ อาการอุจจาระธาตุพิการ ท้องเสียที่ไม่ติดเชื้อ และปรากฏการใช้ใบพิมเสนต้น ร่วมกับสมุนไพรอื่นๆ ใน “ตำรับ ยาเขียวหอม” สรรพคุณ บรรเทาอาการไข้ ร้อนในกระหายน้ำ แก้พิษหัด พิษอีสุกอีใส (บรรเทาอาการไข้จากหัด และอีสุกอีใส) การนำไปใช้ประโยชน์ ราก รสเย็น ตม้ ด่มื เพอ่ื กระตุ้นการทำงานของรา่ งกาย ใบ รสเย็นหอม สกัดให้น้ำมัน Patchoull ใช้ในการทำเครื่องสำอางบางชนิด และป้องกันแมลง ทาศีรษะ แก้ปวด แก้ปวดท้อง บำรงุ ธาตุ และระดผู ดิ ปกติ ถอนพษิ รอ้ น ดับพิษไข้ บำรงุ หวั ใจ
16 ใบและยอดออ่ น รสหอมเยน็ ต้มเอานำ้ อาบแกไ้ ขท้ ุกชนดิ ภาพท่ี 10 เท้ายายม่อม เทา้ ยายมอ่ ม ช่ือสามญั East Indian arrow root. ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Clerodendrum indicum (L.) Kuntze ไมพ้ ่มุ ขนาดเล็ก สูง 1-2.5 เมตร เปน็ ไมล้ งรากแกว้ อันเดยี วลกึ พ่งุ ตรง รากกลม ดำ โต ลำตน้ ต้งั ตรง ไม่มี กิ่งก้านสาขา หรือแตกกิ่งบริเวณใกล้ยอด บริเวณปลายกิ่งเป็นสันสี่เหลี่ยม ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม หรือรอบข้อ ข้อ ละ 3-5 ใบ จากต้นตรงข้นึ ไปจนถึงยอด ใบรูปวงรแี กมขอบขนาน หรือรูปขอบขนานแกมใบหอกกลับ กวา้ ง 1.5-2.5 เซนตเิ มตร ยาว 12-18 เซนติเมตร เส้นกลางใบงอโค้งเข้าหาลำตน้ เกอื บเป็นรปู คร่ึงวงกลม ดดั ใบให้งอตามไปด้วย เมื่อแตกกิ่งใหม่ ปลายและโคนใบแหลม ดอกช่อแยกแขนง ออกที่ปลายกิ่ง เป็นพุ่มกระจาย คล้ายฉัตรเป็นช่อชั้นๆ ต้ังขึน้ กลีบดอกสีขาว เชอ่ื มตดิ กนั เป็นหลอดยาว ขนาดดอกกว้าง 1.5 เซนตเิ มตร กา้ นดอกยาว 10-12 เซนติเมตร กลีบเลี้ยงสีเขยี ว หรือแดง มี 5 แฉก ผลสดรปู ทรงกลม แป้น เมื่อสุกมีสีน้ำเงนิ แกมสีดำ หรือสีดำแดง มีกลีบเลี้ยงสี แดงติดอยู่ พบตามป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ดอกออกช่วงเดือนเมษายนถึงพฤศจิกายน ยอดอ่อนและดอกอ่อน นำมาลวกเปน็ ผักจมิ้ น้ำพริก สรรพคุณทางยา ตำรายาไทย ใช้ ราก รสจืดขนื่ เป็นตัวยาในพกิ ดั ยาเบญจโลกวิเชยี รแก้ไข้ แกพ้ ิษสตั วก์ ัดต่อย ปรุงเป็นยา แก้พิษไข้ พิษกาฬ ลดความร้อนในร่างกาย กระทุ้งพิษไข้หวัด ไข้เหนือ ขับเสมหะลงสู่เบื้องต่ำ ถอนพิษไข้ทุกชนิด แก้ร้อนในกระหายน้ำ แกห้ ดื ไอ แก้อาเจียน ดับพษิ ฝี แก้ไข้เหนือไข้พิษ ไขก้ าฬ ตัดไข้จบั แก้ไข้เพ่ือดีพิการ แก้พิษงู ราก ใบ แกห้ ดื ตน้ รสจืดเฝือ่ น ขับเสมหะให้ลงเบือ้ งตำ่ ขับพษิ ไขท้ กุ ชนิด แกร้ อ้ นใน
17 ยาพื้นบ้านล้านนา ใช้ ราก ผสมใบพิมเสนต้น เหง้าว่านกีบแรด เนระพูสีทั้งต้น ใช้น้ำซาวข้าวและน้ำ เกสรบนุ นาคเป็นน้ำกระสายยา ปัน้ เป็นลูกกลอน กนิ ถอนพษิ ไข้กาฬ (ไขท้ มี่ ตี ่มุ ทผ่ี วิ หนัง ตมุ่ อาจมีสีดำ) การนำไปใช้ประโยชน์ ราก - เป็นยาแก้พิษไข้ พษิ กาฬ ลดความรอ้ นในร่างกาย - กระทุ้งพษิ ไขห้ วดั เปน็ ยาขบั พษิ ไข้ทุกชนดิ - เปน็ ยาแก้แพ้ อักเสบ ปวดบวม พษิ ฝี - แมลงสตั ว์กดั ตอ่ ย - แกร้ ้อนในกระหายน้ำ แก้อาเจียน หืดไอ ภาพที่ 11 คนทา คนทา ช่ือสามญั - ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ Harrisonia perforata (Blanco) Merr. ต้นคนทา จัดเปน็ พรรณไม้พุ่มแกมเถาหรือเป็นไม้พุ่มเล้ือยทอดเกาะเกี่ยวขนึ้ ไป มีความสูงได้ประมาณ 3-6 เมตร ลำต้นจะมีขนาดโตเท่ากบั ตน้ หมาก เปลอื กลำต้นเรยี บเป็นสีนำ้ ตาล และมีหนามแหลมและสนั้ ตลอดทั้งลำต้น และตามกิ่งก้าน พรรณไม้ชนิดนีม้ ีเขตกระจายพนั ธุ์ตั้งแต่จีนตอนใต้ลงไปถึงมาเลเซีย สำหรับในประเทศไทยมักพบ ขึ้นทว่ั ไปในป่าตามธรรมชาติ ทนความแหง้ แล้งได้ดี พบมากในเขตภาคตะวันออกเฉยี งเหนือและทางภาคเหนือ โดย จะพบได้ตามที่โล่งในป่าผลัดใบ ป่าละเมาะ และป่าเขาหินปูน ที่ระดับความสูงใกล้ระดับน้ำทะเลจนถึง 900 เมตร และสามารถขยายพนั ธ์โุ ดยวิธกี ารใช้เมลด็ สรรพคุณทางยา
18 ตำรายาไทย ราก รสขมเฝื่อน แก้ไข้เหนือ ไข้พิษ ไข้กาฬ ไข้ตักศิลา แก้ไข้เส้น กระทุ้งพิษ ไข้หัว แก้ไข้ทุก ชนิดแก้บวม บวมพอง สมานบาดแผล แก้บิด แก้ท้องร่วง แก้ตาเจ็บ แก้ปวดเมื่อย แก้ร้อนในกระหายน้ำ รักษา ลำไส้ ขบั ลม ขับโลหติ แก้น้ำเหลอื งสีย เปลือกราก แก้ไข้ แกท้ ้องรว่ ง แกบ้ ิด รักษาโรคลำไส้ รากเป็นส่วนประกอบ หลกั ในตำรบั ยาแกไ้ ขเ้ บญจโลกวิเชียร รากออ่ นและต้น แกท้ อ้ งรว่ ง แกบ้ ดิ ต้น แกบ้ ิด แกท้ อ้ งรว่ ง กระท้งุ ไข้ แก้พิษ ไข้กาฬ แก้ร้อนในกระหายน้ำ ทั้งต้น รสขมเฝื่อน แก้ไข้ได้ทุกชนิด แก้ร้อนใน แก้กระหายน้ำ แก้บิด ท้องเสีย ก่ิง ก้าน รสขมเฝื่อน ทุบกิ่งก้านทำเปน็ แปรงใชส้ ฟี ัน รักษาฟัน เปลือกต้น แก้บิด แก้ท้องร่วง รักษาลำไส้ ต้มแล้วเค่ยี ว เอาน้ำพน่ ตาสัตว์แก้เจ็บตาใบ มีรสขม แกป้ วด ดอก แก้พษิ แตนต่อย ผล รสขมฝาด ทาฟันทำใหฟ้ ันมีสดี ำ แก้ปวด ฟนั การนำไปใช้ประโยชน์ ใบ แกป้ วด ดอก แก้พษิ แตนตอ่ ย ต้น แกบ้ ิด แกท้ อ้ งร่วง กระท้งุ ไขพ้ ิษไขก้ าฬ แกร้ อ้ นในกระหายน้ำ เปลอื ก แก้บดิ แก้ทอ้ งร่วง รักษาโรคลำไส้ เปลอื กราก แก้ไข้ แก้ทอ้ งรว่ ง แกบ้ ดิ รักษาโรคลำไส้ ราก ดบั พิษไขห้ ัว แกไ้ ข้เหนือ แกไ้ ข้จับสัน่ แก้ไข้พิษ กระทุ้งพิษไข้ แก้ไข้กาฬ ไข้ตักศิลา แก้บวม บวมพอง สมานบาดแผล แกบ้ ิด แกท้ ้องรว่ ง แก้ตาเจ็บ แก้ปวดเมือ่ ย แก้ร้อนในกระหายน้ำ รักษาลำไส้ ขับลม ขบั ภาพที่ 12 ยาดำ ยาดำ ชื่อสามญั Socotrin Aloe, Curacao Aloe, Cape Aloe ชือ่ วิทยาศาสตร์ Aloe vera (L.) Burm.f.
19 ยาดำเป็นยางที่แข็งเป็นก้อน มีสีแดงน้ำตาลจนถึงดำ เปราะ ผิวมัน ทึบแสง รสขมเหม็นเบื่อ ชวนคลื่นไส้ อาเจียน กลิ่นฉุน ยาดำได้จากการตัดใบว่านหางจระเข้บริเวณส่วนโคนใบที่อยู่ใกล้กับผวิ ดิน จะมีน้ำยางสีเหลืองที่ อยู่ระหว่างผิวนอกของใบกับวุ้น ไหลออกมา รวบรวมน้ำยางสีเหลืองใส่ภาชนะ นำน้ำยางสีเหลืองที่รวบรวมได้ไป เคย่ี วด้วยไฟออ่ นๆ จนข้นเหนียว แล้วผง่ึ แดดให้แหง้ จะแข็งกลายเปน็ กอ้ นสีดำ สรรพคุณทางยา แก้โรคท้องผูก โดยกระตุ้นลำไส้และทางเดินอาหารให้บีบตัว ใช้เป็นยาแทรกในยาระบายหลายตำรับ จนกระทั่งมีคำพังเพยว่า “แทรกเป็นยาดำ” หมายถึงแทรกหรือปนอยู่ทั่วไป เป็นยาถ่าย ถ่ายลมเบื้องสูงลงสู่เบื้อง ต่ำ กัดฟอกเสมหะและโลหิต ถ่ายพิษไข้ ถ่ายพยาธิตัวตืด ไส้เดือน ขับน้ำดี มีฤทธิ์ไซร้ท้อง ฝนกับเหล้าขาวทาหัวฝี ทาแก้ฟกบวม การนำไปใชป้ ระโยชน์ ยางจากใบวา่ นหางจระเข้ ยาระบาย โดยไปออกฤทธิบ์ ริเวณลำไสใ้ หญ่ ภาพที่ 13 แสมทะเล แสมทะเล ชอ่ื สามัญ Avicennia marina (Forssk) Vierh. ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Avicennia marina (Forsk.) Vierh. แสมทะเล เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง-ใหญ่ สูง 8-25 เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มหนา แตกกิ่งระดับต่ำ ไม่มี พูพอน เปลือกเรียบ หรือแตกเปน็ ร่องเล็กน้อย สีเทาถึงเทาอมน้ำตาล หรอื น้ำตาล อมเขยี ว มีชอ่ งอากาศตามลำต้น มรี ากหายใจคลา้ ยดินสอ ยาว 15-25 เซนติเมตร เหนือผิวดนิ สรรพคณุ ทางยา
20 ตำรายาไทย: รสเคม็ กรอ่ ยเฝ่ือน แก้เลอื ดลม แกล้ มในกระดูก แก้กระษัย ฟอกและขับโลหิตระดู ถ่ายระดู เน่าเสีย แกป้ สั สาวะพิการ การนำไปใชป้ ระโยชน์ แก่น รสเค็มกร่อยเฝื่อน แก้เลือดลม แก้ลมในกระดูก แก้กระษัย ฟอกและขับโลหิตระดู ถ่ายระดูเน่าเสีย แกป้ สั สาวะพิการ ภาพที่ 14 แสมสาร แสมสาร ชื่อสามัญ Samae saan. ช่ือวทิ ยาศาสตร์ Senna garrettiana (Craib) Irwin & Barneby. ไม้ต้น ใบประกอบแบบขนนก เรียงสลับ ใบย่อยรูปใบหอก หรือรูปไข่กว้าง ดอกช่อ ออกที่ปลายกิ่ง กลีบ ดอก สีเหลอื ง ผลเปน็ ฝักแบน เปน็ มัน สรรพคณุ ทางยา ตำรายาไทย: แก่นมีรสขมเฝื่อน ผสมกับสมุนไพรอื่นๆ ในตำรายา มีสารสำคัญที่มีฤทธิ์เพิ่มการบีบตัวของ ลำไสใ้ หญ่ จงึ ทำหนา้ ท่ีเปน็ ยาระบาย และพบเป็นสว่ นประกอบในตำรบั ยาฟอกเลือดของสตรดี ว้ ย การนำไปใช้ประโยชน์ ราก ยาฟอกโลหติ ช่วยบำรุงโลหิต ดับพษิ โลหิต ใบ บำบดั โรคมะเรง็ ในเม็ดเลอื ดขาว ขับพยาธิ ยาถา่ ยบำบดั โรคงสู วดั รกั ษาแผลสดและแผลแหง้ ยอด แก้โรคเบาหวาน เปลอื กตน้ ขบั เสมหะแกร้ ิดสีดวงทวาร
21 แก่น แก้โลหิต แก้ลมช่วยถ่ายกระษัยแก้โลหิตกำเดา ยาระบาย แก้ปัสสาวะเป็นสีต่างๆ ช่วยฟอกถ่าย ประจำเดอื นของสตรี แก้ลมในกระดูก ดอก แกน้ อนไม่หลับ ภาพท่ี 15 เปล้าน้อย เปล้านอ้ ย ชอื่ สามญั Thai croton ชื่อวิทยาศาสตร์ Croton fluviatilis Esser. เปล้าน้อยเป็นไม้ประจำถิ่นในเขตร้อนของทวีปเอเชีย พบขึ้นกระจายในประเทศพม่าและไทย ตามป่า เบญจพรรณ ป่าแพะ รวมถึงป่าชายหาดบางพื้นที่ในประเทศไทยพบได้มากในหลายจังหวัด เช่น สุรินทร์ , อุบลราชธานี , นครพนม , กาญจนบุรี ปราจีนบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเปลา้ น้อยนี้เป็นพชื ท่ีเจริญได้ดีในพื้นทีท่ ่ี เป็นดินร่วนปนทรายท่ีมีการระบายน้ำได้ดี โดยออกดอกในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – มิถนุ ายน และเร่ิมติดผลในเดือน มนี าคม – สิงหาคม สรรพคุณทางยา ตำรายาไทย: แก่นมีรสขมเฝื่อน ผสมกับสมุนไพรอื่นๆ ในตำรายา มีสารสำคัญที่มีฤทธิ์เพิ่มการบีบตัวของ ลำไสใ้ หญ่ จงึ ทำหนา้ ที่เปน็ ยาระบาย และพบเปน็ ส่วนประกอบในตำรับยาฟอกเลือดของสตรดี ้วย การนำไปใชป้ ระโยชน์ ใบ รสรอ้ น แก้คนั ตามตัว รักษาแผลในกระเพาะอาหารและลำไสไ้ ด้ดี เปลอื กและใบ รักษาโรคท้องเสยี บำรุงโลหติ ประจำเดอื น รักษาโรคผวิ หนัง ราก รสร้อน แกล้ มขนึ้ เบอื้ งบนให้เป็นปกติ ขับโลหติ แกช้ ำ้ ใน
22 ผล รสร้อน ต้มน้ำดมื่ ขบั หนองให้กระจาย ดอก เป็นยาขับพยาธิ เปลอื กต้น รสร้อน ชว่ ยย่อยอาหาร ใบ ราก แก้คัน รกั ษามะเร็งเพลิงรกั ษาโรคผวิ หนัง กลาก เกลือ้ นแกพ้ ยาธติ า่ งๆ ภาพท่ี 16 เปลา้ ใหญ่ เปลา้ ใหญ่ ชอื่ สามัญ - ช่ือวิทยาศาสตร์ Croton persimilis Müll.Arg. ต้นเปล้าใหญ่ หรือ ต้นเปล้าหลวง จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก เป็นไม้ผลัดใบ มีความสูงของต้นประมาณ 8 เมตร เปลือกของลำต้นเรียบ เป็นสีน้ำตาล มีรอยแตกบ้างเล็กน้อย ที่กิ่งก้านค่อนข้างใหญ่ ตามใบอ่อน ยอดอ่อน และช่อดอก จะมีเกล็ดสีเทาเป็นแผ่นเล็ก ๆ ปกคลุมอยู่ทั่วไป โดยมักพบได้ตามป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง[1] ป่า ผลัดใบ ทีม่ ีความสงู ไมเ่ กนิ 950 เมตร สรรพคุณทางยา ตำรายาไทย มกั ใชร้ ว่ มกบั เปล้านอ้ ย เรยี กว่าเปล้าทง้ั สอง ใบ มีรสร้อน เมาเอียน เปน็ ยาบำรุงธาตุ แก้คนั ตามตัว แก้ลมจกุ เสยี ด เปน็ ยาบำรงุ กำลงั แกก้ ระหาย แก้เสมหะ และลม ดอก รสรอ้ น เป็นยาขับพยาธิ ผล รสร้อน เมาเอียน ดองสุราดื่มขับเลือดหลังคลอด ขับน้ำคาวปลา เปลือกต้นและกระพี้ รสร้อน เมาเย็น เป็นยาช่วยย่อย อาหาร แก้เลือดร้อน เปลือกต้น และใบ แก้ท้องเสีย บำรุงโลหิต น้ำต้มเปลือกต้น กินแก้ไข้ แก้ตับอักเสบ แก้ปวด ข้อและปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ แก่น รสร้อนเมาเย็น ขับพยาธิไส้เดือน ขับเลือด ขับหนองให้ตก ราก รสร้อนเมา เย็น ขับลมและแก้โรคผิวหนงั ผื่นคัน น้ำเหลืองเสีย แก้โรคเรื้อน มะเร็ง คุดทะราด กระจายลม ทำน้ำเหลืองให้แห้ง รากต้มน้ำกินแก้โรคเหน็บชา โรคทางเดินปัสสาวะ แก้ปวดเมื่อย เจริญอาหาร และแก้ร้อนใน เนื้อไม้ รสร้อน แก้
23 ริดสดี วงลำไสแ้ ละริดสีดวงทวารหนัก แก่น แกล้ มอนั ผูกเปน็ ก้อนให้กระจาย เป็นยาขบั พยาธิไส้เดือน เมล็ด กินเป็น ยาถ่าย การนำไปใช้ประโยชน์ ยาพน้ื บา้ น ใช้ ตน้ ผสมกับรากส้มลม ต้นเลบ็ แมวตน้ ตบั เตา่ โคก ต้นมะดกู ตน้ มะเดื่ออุทุมพร ต้นกำจาย ต้นกำแพงเจ็ดชั้น และต้นกะเจียน ต้มน้ำดืม่ แก้ปวดเมือ่ ย ราก ต้มน้ำดื่ม แก้ปวดท้อง ถ่ายเป็นมกู เลอื ด ใบ ต้มน้ำ อาบ แกผ้ นื่ คัน ยาพนื้ บ้านนครราชสีมา ใช้ น้ำต้มใบ ชำระลา้ งบาดแผล ภาพที่ 17 ลกู จันทน์ ลกู จันทน์ ช่อื สามัญ - ชอ่ื วิทยาศาสตร์ Myristica fragrans Houtt. เมลด็ รปู รี ขนาดยาว 2-4 เซนติเมตร เสน้ ผา่ นศนู ย์กลาง 1.5-2.5 เซนติเมตร ผิวนอกสีน้ำตาลอ่อน มัน วาว มีลายริ้วที่เมล็ด ผลที่สุกแล้วเอาส่วนรก(ดอกจันทน์) และเปลือกเมล็ดออก เปลือกเมล็ดจะแข็งแต่เปราะ ภายในคือส่วนของเนื้อในเมล็ด เมื่อผ่าดูจะเห็นเนื้อเป็นรอยย่นตามยาวของเมล็ด ส่วนเมล็ดเมื่อทำแห้งเรียก “ลูก จันทน์เทศ” มีกลน่ิ แรง หอมเฉพาะ รสขม ฝาด เปร้ยี ว เผด็ ร้อน สรรพคณุ ทางยา
24 ตำรายาไทย: ลูกจันทน์ ใช้แก้ธาตุพิการ บำรุงกำลัง แก้ไข้ บำรุงหัวใจ บำรุงธาตุ แก้จุกเสียด ขับลม รักษาอาการอาหารไม่ย่อย คลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย แก้บิด แก้กำเดา แก้ท้องร่วง แก้ร้อนใน กระหายน้ำ แก้ เสมหะโลหิต แก้ปวดมดลูก และบำรุงโลหิต เปลือกเมล็ด รสฝาดมันหอม สมานบาดแผลภายใน แก้ท้องอืด แก้ ปวดทอ้ ง ประเทศอนิ โดนเี ซีย: ใช้ลกู จนั ทน์เทศรักษาอาการทอ้ งเสีย และนอนไม่หลับ ตำรายาไทย: ปรากฏการใช้จนั ทนเ์ ทศใน “พกิ ัดตรพี ิษจกั ร” คอื การจำกดั จำนวนตัวยาท่ีมรี สซึมซาบไวดัง กงจักร มี 3 อย่างคือ ผลจันทน์เทศ ผลผักชีล้อม และกานพลู สรรพคุณแก้ลม แก้พิษเลือด แก้ธาตุพิการ บำรุง โลหิต “พิกัดตรีคันธวาต” คือการจำกัดจำนวนตัวยาทีม่ ีกลิ่นหอมแก้ลม 3 อย่าง มี ผลจันทน์เทศ ผลเร่วใหญ่ และ กานพลู สรรพคุณแกธ้ าตพุ กิ าร แกไ้ ขอ้ ันเกดิ แต่ดี แก้จกุ เสียด บัญชียาจากสมุนไพร: ที่มีการใช้ตามองค์ความรู้ดั้งเดิม ตามประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยา แห่งชาติ ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ปรากฏการใช้ลูกจันทน์ ในยารักษาอาการโรคในระบบต่างๆของร่างกาย ได้แก่ ตำรับ”ยาหอมเทพจิตร” และตำรับ ”ยาหอมนวโกฐ” มีส่วนประกอบของลูกจันทน์ ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ ใน ตำรับ มีสรรพคุณในการแก้ลมวิงเวียน แก้อาการหน้ามืด ตาลาย ใจสั่น คลื่นเหียน อาเจียน แก้ลมจุกแน่นในท้อง ตำรับ “ยาธาตุบรรจบ” มีส่วนประกอบของลูกจันทน์ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ ในตำรับ มีสรรพคุณ บรรเทา อาการท้องอืดเฟ้อ, ตำรับ “ยาประสะกานพลู” มีส่วนประกอบของลูกจนั ทนร์ ว่ มกับสมนุ ไพรชนดิ อื่นๆ ในตำรับ มี สรรพคุณบรรเทาอาการปวดทอ้ ง จุกเสียด แน่นเฟ้อจากอาหารไม่ย่อย เนื่องจากธาตุไม่ปกติ, ตำรับ “ยาแก้ลมอัม พฤกษ์” มีส่วนประกอบของลูกจันทน์ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ ในตำรับ มีสรรพคุณบรรเทาอาการปวดตามเส้น เอน็ กลา้ มเนื้อ มอื เท้า ตึงหรือชา, ตำรบั \"ยาเลือดงาม\" มสี ว่ นประกอบของลกู จนั ทน์ ร่วมกบั สมนุ ไพรชนดิ อืน่ ๆ ใน ตำรับ มสี รรพคุณบรรเทาอาการปวดประจำเดอื น ชว่ ยให้ประจำเดอื นมาเปน็ ปกติ แกม้ ตุ กิด การนำไปใช้ประโยชน์ ลูกจันทน์ ใช้แก้ธาตุพิการ บำรุงกำลัง แก้ไข้ บำรุงหัวใจ บำรุงธาตุ แก้จุกเสียด ขับลม รักษาอาการ อาหารไม่ย่อย คลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย แก้บิด แก้กำเดา แก้ท้องร่วง แก้ร้อนใน กระหายน้ำ แก้เสมหะโลหติ แก้ปวดมดลกู และบำรุงโลหิต เปลือกเมลด็ รสฝาดมนั หอม สมานบาดแผลภายใน แก้ท้องอดื แกป้ วดทอ้ ง
25 ภาพท่ี 18 จันทนข์ าว จนั ทน์ขาว ชอ่ื สามญั - ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ Tarenna hoaensis Pit. ต้นจันทน์ขาว เป็นไม้ต้น สูง 10-15 เมตร เปลือกต้นเรียบ สีน้ำตาลแข้มอมเทา กิ่งอ่อนยอดอ่อนมีขนสี น้ำตาลปกคลุม กงิ่ ก้านเหนียว ใบจันทน์ขาว เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ รูปรี กว้าง 2.5-3 ซม. ยาว 7-10 ซม. โคนใบมน ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ แผน่ ใบเรยี บเป็นมนั ล่ืน สเี ขยี วเขม้ ดอกจันทน์ขาว ดอกแยกเพศอยู่ตน้ เดียวกัน ดอกเพศผู้ออกเป็นช่อ สว่ นดอกเพศเมียออกดอกเดี่ยว ดอกสี ขาวนวล กลบี ดอกเช่อื มติดกนั ส้ันๆ ผลจันทน์ขาว รูปกลมแป้นเรียกว่า ลูกจัน ไม่มีเมล็ด ผลกลม เรียกว่า อิน มีเมล็ด ผิวเรียบ ผลอ่อนสีเขียว ผลสกุ สีเหลอื ง มกี ลิ่นหอม รับประทานได้ ทขี่ ้วั ผลมกี ลบี เล้ียงตดิ ทน สรรพคุณทางยา โบราณว่าจันทน์ขาวมีรสขม หวาน มี สรรพคุณบำรุงประสาท บำรุงเนื้อหนังให้สดชื่น แก้ร้อนใน แก้ กระหายน้ำ แกต้ ับ ปอด และดีพิการ แก้เหงือ่ ตกหนัก ขับพยาธิ นำ้ จนั ทน์ขาวทใี่ ช้เปน็ น้ำกระสายละลายยาจึงช่วย เสริมฤทธิ์ ของยาในตำรับนั้นด้วย เช่นยาขนานที่ ๒๗ อันเป็นยาแก้ปฐวีธาตุพิการ ในตำราพีะโอสถพระนารายณ์ ให้ใช้น้ำจันทร์ขาวหรือน้ำชะเอม เป็นน้ำกระสายยา ดังนี้ ถ้ามิถอย ให้เอาบรเพ็ด กะพังโหม รากมะแว้งทั้ง๒ ราก หญ้าขัดมอญหลวง รากขี้กาแดง เชือกเขาพรรณ เสมอภาค ทำเปนจุณ ละลายน้ำจันทน์ขาวน้ำชเอมก็ได้ กินตาม กำลงั แกป้ ถวธี าตุพกิ ารแลฯ
26 การนำไปใช้ประโยชน์ แก่นจันทน์ขาว มีรสขมหวาน แก้ร้อนในกระหายน้ำ แก้ไข้ บำรุงผิวและบำรุงหัวใจ ขับพยาธิ บำรุงตับ และปอดให้ปกติ ผลจันทนข์ าว มีรสฝาดหวาน แกก้ ารนอนไมห่ ลับ กระวนกระวาย แกท้ ้องเสยี บำรุงประสาท เปน็ ยาบำรุง กำลัง เนื้อไม้จันทน์ขาว รสขมหวาน บำรุงประสาท บำรุงเนื้อหนังให้สดชื่น แก้ไข้ แก้ปอดตับพิการ แก้ดีพิการ แกร้ อ้ นในกระหายน้ำ แก้เหง่อื ตกหนกั ขบั พยาธิ ภาพท่ี 19 จนั ทนแ์ ดง จนั ทนแ์ ดง ชอื่ สามัญ - ชอ่ื วิทยาศาสตร์ Dracaena loureiroi Gagnep. จนั ทน์แดงเป็นไม้ป่าชนิดหนึ่งที่เกดิ ข้ึนในธรรมชาติ มถี ิน่ กำเนิดในประเทศไทย ซึ่งในธรรมชาติ จันทน์แดง จะพบไดต้ ามภูเขาสูงหรือเกาะแก่งกลางทะเลที่ห่างไกลจากฝ่ัง รวมไปถงึ ภเู ขาหินปูนสูงๆ ที่มีแสงแดดจัดๆ และมัก ขึ้น ในสภาพของดินที่เป็นดินปนทราย หรือ หินที่มีการระบายน้ำได้ดี และมีความชื้นปานกลาง โดยมักพบมากใน ภูเขาหินปูนในแถบภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่,เชยี งราย,แมฮ่ ่องสอน,ลำพูน ฯลฯ และรวมไปถึงตามเกาะตา่ ง ๆ ทาง ภาคใต้ ในปจั จบุ ันจันทนแ์ ดงจดั เป็นพืชหวงหา้ มตามกฎหมายของไทยอกี ด้วย สรรพคณุ ทางยา
27 ตำรายาไทย ใช้ แก่น ที่มีเชื้อราลง จนทำให้แก่นมีสีแดงและมีกลิ่นหอม มีรสขมเย็น ฝาดเล็กน้อย แก้ พษิ ไข้ภายนอกและภายใน แกไ้ ขท้ ุกชนิเด แก้เหงื่อตก กระสบั กระสา่ ย แกไ้ ออันเกิดจากซางและดี แกไ้ ขเ้ พ่อื ดีพิการ บำรงุ หัวใจ แกพ้ ษิ ฝที ี่มอี าการอักเสบและปวดบวม แก้บาดแผล แกเ้ ลือดออกตามไรฟนั ฝนทาแก้ฟกบวม การนำไปใชป้ ระโยชน์ แกน่ หรือเน้ือไม้ รสขมเยน็ เนื้อไม้ท่ีมีเชอื้ ราลงจนเปน็ สีแดงเข้มเรียกว่า จนั ทรแ์ ดง ใชเ้ ป็นยาเยน็ ดับพิษไข้ บำรุงหัวใจ แก้ไออันเกิดจากซางและดี แก้เลือดออกตามไรฟัน แก้ไข้เพื่อดีพิการ ฝนทาภายนอกแก้ฟกช้ำ บวม ฝี และแกบ้ าดแผล ภาพท่ี 20 มะขามป้อม มะขามป้อม ชอื่ สามัญ Emblic myrabolan , Malacca tree , Indian gooseberry. ชื่อวิทยาศาสตร์ Phyllanthus emblica Linn. จันทน์แดงเปน็ ไมป้ ่าชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นในธรรมชาติ มถี ่ินกำเนดิ ในประเทศไทย ซึง่ ในธรรมชาติ จันทน์แดง จะพบไดต้ ามภูเขาสูงหรือเกาะแก่งกลางทะเลท่ีหา่ งไกลจากฝั่ง รวมไปถึงภูเขาหินปูนสูงๆ ทีม่ แี สงแดดจัดๆ และมัก ขึ้น ในสภาพของดินที่เป็นดินปนทราย หรือ หินที่มีการระบายน้ำได้ดี และมีความชื้นปานกลาง โดยมักพบมากใน ภูเขาหินปูนในแถบภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่,เชยี งราย,แมฮ่ ่องสอน,ลำพูน ฯลฯ และรวมไปถึงตามเกาะต่าง ๆ ทาง ภาคใต้ ในปัจจบุ นั จันทนแ์ ดงจัดเปน็ พืชหวงห้ามตามกฎหมายของไทยอีกดว้ ย สรรพคุณทางยา ตำรายาไทย: เนื้อผลแห้ง รสเปรี้ยวฝาดขม ขับเสมหะ ทำให้ชุ่มคอ เป็นยาฝาดสมาน แก้ริดสีดวง แก้บิด ทอ้ งเสยี ใช้ควบกับธาตุเหลก็ แกโ้ รคดซี า่ น และชว่ ยย่อยอาหาร ยางจากผล รสเปรยี้ วฝาดขม ช่วยย่อยอาหาร ขบั ปัสสาวะ ใชเ้ ป็นยาแกไ้ อ ตำรับยาแผนโบราณ: ผลอ่อน รสเปรี้ยวหวานฝาดขม บำรุงเนื้อหนังให้บริบูรณ์ กัดเสมหะในคอ ทำให้ เสียงเพราะ แก้มังสังให้บริบูรณ์ แก้พรรดึก(ท้องผูก) แก้พยาธิ ผลแก่ รสเปรี้ยวฝาดขมเผ็ด แก้ไข้เจือลม แก้ไอ แก้
28 กระหายน้ำ แก้เสมหะ ทำให้ชุ่มคอ ลดไข้ ขับปัสสาวะ ระบายท้อง บำรุงหัวใจ ฟอกโลหิต แก้ลม แก้ลักปิดลักเปดิ มีวิตามินซมี ากกว่าส้ม 20 เท่า (เมื่อเทยี บในปรมิ าณเท่ากัน) ตำรายาไทย: มะขามปอ้ มจัดอยใู่ น “พิกัดตรผี ลา” คือการจำกัดจำนวนผลไม้ 3 อยา่ ง มี ลกู สมอพเิ ภก ลูก สมอไทย ลกู มะขามป้อม สรรพคณุ แก้ปติ ตะ วาตะ เสมหะ ในกองธาตุ กองฤดู กองอายุ และกองสมุฎฐาน การนำไปใช้ประโยชน์ เนื้อผลแห้ง รสเปรี้ยวฝาดขม ขับเสมหะ ทำให้ชุ่มคอ เป็นยาฝาดสมาน แก้ริดสีดวง แก้บิด ท้องเสีย ใช้ ควบกับธาตุเหล็ก แก้โรคดีซ่าน และช่วยย่อยอาหาร ยางจากผล รสเปรี้ยวฝาดขม ช่วยย่อยอาหาร ขับปัสสาวะ ใช้เป็นยาแกไ้ อ เนื้อผลอ่อน รสเปรี้ยวหวานฝาดขม บำรุงเนื้อหนงั ให้บรบิ ูรณ์ กัดเสมหะในคอ ทำให้เสียงเพราะ แก้มังสัง ให้บริบรู ณ์ แก้พรรดกึ (ท้องผูก) แกพ้ ยาธิ ผลแก่ รสเปรยี้ วฝาดขมเผ็ด แกไ้ ขเ้ จอื ลม แก้ไอ แกก้ ระหายน้ำ แก้เสมหะ ทำให้ชุ่มคอ ลดไข้ ขับปัสสาวะ ระบายท้อง บำรุงหัวใจ ฟอกโลหิต แก้ลม แก้ลักปิดลักเปิด มีวิตามินซีมากกว่าสม้ 20 เทา่ (เมือ่ เทยี บในปรมิ าณเทา่ กนั ) ภาพท่ี 21 ว่านน้ำ ว่านนำ้ ชอื่ สามญั Calamus, Calamus Flargoot, Flag Root, Mytle Grass, Myrtle sedge, Sweet Flag, Sweetflag, Sweet Sedge ช่ือวิทยาศาสตร์ Acorus calamus L. (ช ื ่ อ พ ้ อ ง ว ิ ท ย า ศ า ส ต ร ์ Acorus angustifolius Schott, Acorus aromaticus Gilib., Acorus calamus var. verus L., Acorus terrestris Spreng.) ต้นว่านน้ำ มีถิ่นกำเนิดในทวีปยุโรป จัดเป็นพรรณไม้ขนาดเล็ก มีความสูงของต้นประมาณ 50-80 เซนติเมตร และมีเหง้าเจริญไปตามยาวขนานกับพื้นดิน เหง้าเป็นรูปทรงกระบอกค่อนข้างแบน ลักษณะเป็นข้อ ๆ มองเห็นชัด ผิวนอกเป็นสีนำ้ ตาลอ่อนหรือสีน้ำตาลอมชมพู มีรากฝอยเป็นเส้นเล็กยาวติดอยู่ทั่วไป พันรุงรังไปตาม
29 ข้อปล้องของเหง้า เนื้อภายในเป็นสีเนื้อแก่ มีกลิ่นหอม รสเผ็ดร้อนฉุนและขม มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5-10 มิลลิเมตร ขยายพันธุ์โดยวิธีการแยกหน่อ มักพบขึ้นเองตามบริเวณริมหนองน้ำ สระ บ่อ คูคลอง ในที่ที่มีน้ำ ทว่ มขงั หรอื ท่ีช้นื แฉะหรือแหลง่ นำ้ ต้ืน สรรพคณุ ทางยา ตำรายาไทย: เหง้า เป็นยาขับลม ยาหอม แก้ธาตุพิการ เป็นยาขมช่วยเจริญอาหาร ช่วยได้ในอาการ ท้องเสีย อาหารไม่ย่อย และอ่อนเพลีย ราก แก้ไข้มาลาเรีย แก้หวัด หลอดลมอักเสบ แก้เจ็บคอ แก้ปวดฟัน เป็น ยาระบาย แก้เสน้ กระตุก บำรงุ หวั ใจ แกห้ ืด แกเ้ สมหะ เผาให้เปน็ ถ่านรับประทานถอนพิษสลอด แก้ปวดศรี ษะ แก้ ลงทอ้ ง พอกแกป้ วดตามข้อและกลา้ มเนื้อ แกบ้ ิด แก้ไอ แกป้ วดทอ้ ง แกจ้ กุ เสยี ด หวั ใช้ขบั ลมในท้อง แกท้ อ้ งขึ้นอืด เฟ้อ แน่นจุกเสียด ช่วยย่อยอาหาร แก้โรคกระเพาะอาหาร แก้ธาตุพิการ แก้ลมจุกแน่นในทรวงอก แก้ลมที่อยู่ใน ท้องแต่นอกกระเพาะและลำไส้ บำรุงธาตุน้ำ แก้ข้อกระดูหักแพลง ขับเสมหะ แก้ปวดท้อง แก้ท้องเสีย แก้บิด ขับ พยาธิ กินมากทำให้อาเจยี น บำรุงกำลงั แก้โรคลม แก้ปวดข้อ ปวดกล้ามเนอ้ื แก้ไข้จบั ส่นั บำรุงประสาท หลอดลม บิดในเดก็ ขับเสมหะ ขบั ระดู ขับปัสสาวะ รากฝนกบั สรุ าทาหน้าอกเด็กเพื่อเพื่อเป็นยาดดู พิษแกห้ ลอดลมและปอด อกั เสบ เหง้าตม้ รวมกับขิงและไพลกนิ แกไ้ ข้ ผสมชุมเหด็ เทศ ทาแก้โรคผวิ หนงั ตำรายาไทยแผนโบราณ: ว่านน้ำ จัดอยู่ใน “พิกัดจตุกาลธาตุ” ประกอบด้วย หัวว่านน้ำ รากนมสวรรค์ รากแคแตร รากเจตมูลเพลิงแดง สรรพคุณแก้ธาตุพิการ บำรุงธาตุ แก้จุกเสียด แก้เสมหะ แก้โลหิตในท้อง แก้ไข้ แกล้ ม การนำไปใช้ประโยชน์ ราก - รับประทานมาก ทำให้อาเจียน แต่มีกลิ่นหอม รับประทานน้อย เป็นยาแก้ปวดท้อง ธาตุเสีย บำรุงธาตุ แกจ้ กุ ขบั ลมในลำไส้ ปรงุ ลงในยาขมตา่ งๆ ทำให้ระงบั อาการปวดท้องไดด้ ี - ในว่านน้ำมีสารชนิดหนึ่งเรียกว่า อาโกริน acorine มีรสขมและแอลคาลอยด์ คาลาไมท์ อยู่ในนี้เป็นยา แก้บิด เป็นยารกั ษาบิดของเด็ก (คอื มกู เลอื ด) และหวดั ลงคอ (หลอดลมอักเสบ) ได้อยา่ งดี เป็นยาขับเสมหะอย่างดี ชาวอินเดียใชฉ้ ีกเป็นชน้ิ เล็กๆ เคยี้ ว 2-3 นาที แกห้ วดั และเจ็บคอ และใชป้ รงุ กับยาระบายเพือ่ เป็นยาธาตุดว้ ยในตัว - เปน็ ยาเบ่ือแมลงต่างๆ เชน่ แมลงวัน - เปน็ ยาแก้เส้นกระตุก แก้หดื ขบั เสมหะ แกป้ วดศีรษะ แก้ Hysteria และ Neuralgia แกป้ วดกล้ามและ ข้อ แกโ้ รคผวิ หนัง เหงา้
30 - ใชข้ ับลม แก้ทอ้ งอดื ท้องเฟ้อ แกโ้ รคผิวหนงั เป็นยาหอม นำ้ มนั หอมระเหยจากต้น - แกช้ ัก เป็นยาขมหอม ขบั แก๊สในทอ้ ง ทำใหเ้ จริญอาหาร ชว่ ยการย่อย ภาพที่ 22 บอระเพด็ บอระเพ็ด ช่ือสามัญ - ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Tinospora crispa (L.) Miers ex Hook.f.& Thomson ไม้เถาเลื้อยพาดพันต้นไม้อื่น เถากลมมีขนาดใหญ่เป็นปุ่มปม สีเทาอมดำ มีรสขม เปลือกลอกออกได้ ใบ เป็นใบเดีย่ ว ออกเรยี งสลบั รูปหวั ใจ ขอบใบเรยี บ แผ่นใบเรียบ สเี ขียว ก้านใบยาว 8-10 ซม. ดอก ออกตามซอกใบ ดอกแยกเพศอยคู่ นละชอ่ ดอกสีเขยี วอมเหลือง มขี นาดเล็กมาก ผล รปู ทรงค่อนข้างกลม สเี หลอื งหรอื สแี ดง สรรพคุณทางยา ตำรายาไทย: เถา มีรสขมจัดเย็น แก้ไข้ทุกชนิด แก้พิษฝีดาษ เป็นยาขมเจริญอาหาร ต้มดื่มเพื่อให้เจริญ อาหาร ช่วยย่อย บำรุงน้ำดี บำรุงไฟธาตุ แก้โรคกระเพาะอาหาร บำรุงร่างกาย แก้สะอึก แก้มาลาเรีย เป็นยาขับ เหงื่อ ดับกระหาย แก้ร้อนในดีมาก ลดน้ำตาลในเลอื ด ขับพยาธิ แก้อหิวาตกโรค แก้ท้องเสีย ไข้จับสั่น ระงับความ ร้อน ทำให้เน้ือเย็น ทำให้เลือดเย็น แก้โลหิตพิการ ใช้ภายนอกใช้ล้างตา ล้างแผลที่เกิดจากโรคซิฟิลสิ ทุกส่วนของ พืช ใช้แก้ไข้ เปน็ ยาบำรงุ แกบ้ าดทะยัก โรคดซี ่าน ยาเจริญอาหาร แกม้ าลาเรีย ตำรายาไทย บอระเพด็ จัดอยู่ใน “พิกัดตรีญาณรส” คอื การจำกัดจำนวนตัวยาท่ีทำให้รรู้ สอาหาร 3 อย่าง มี ไสห้ มาก รากสะเดา เถาบอระเพด็ มีสรรพคุณ แกไ้ ข้ ดบั พษิ รอ้ น ขับปสั สาวะ ขบั เสมหะ บำรงุ ไฟธาตุ บำรุงกำลงั “พิกัดยาแก้ไข้ 5 ชนิด” คือการจำกัดจำนวนตัวยาแก้ไข้ 5 อย่าง มี รากย่านาง รากคนทา รากชิงชี่ ขี้เหล็กทั้ง 5 และเถาบอระเพ็ด สรรพคณุ แก้ไข้พษิ รอ้ น
31 ตำราอายุรเวทของอินเดีย: ใช้ เถา เป็นยาแก้ไข้ เช่นเดียวกับชิงชา้ ชาลี กล่าวไว้ว่า แก้ไข้ดีเท่ากบั ซิงโคนา แก้ธาตุไมป่ กติ โรคเกยี่ วกับทางเดินปสั สาวะ แก้อาการอักเสบ แก้อาการเกร็ง การนำไปใช้ประโยชน์ ราก - แก้ไข้เหนอื ไข้สนั นิบาต แก้ไข้พษิ ไขจ้ ับส่นั - ดบั พษิ รอ้ น ถอนพิษไข้ - เจริญอาหาร ต้น - แกไ้ ข้ แกไ้ ขพ้ ิษ แกไ้ ข้กาฬ แก้ไข้เหนอื - บำรุงกำลัง บำรงุ ธาตุ - แก้อาการแทรกซ้อน ขณะท่เี ปน็ ไขท้ รพิษ - แก้ไข้เพือ่ โลหติ แกเ้ ลือดพกิ าร - แก้รอ้ นในกระหายน้ำ แกส้ ะอึก แก้พิษฝดี าษ - เป็นยาขมเจรญิ อาหาร - เปน็ ยาอายวุ ฒั นะ ใบ - แก้ไข้ แกไ้ ขพ้ ษิ แก้ไข้กาฬ แกไ้ ข้จับส่ัน - ขับพยาธิ แก้ปวดฝี - บำรุงธาตุ - ยาลดความร้อน - ทำใหผ้ วิ พรรณผอ่ งใส หนา้ ตาสดชน่ื - รกั ษาโรคผวิ หนัง ผดผื่นคนั ตามรา่ งกาย - ชว่ ยให้เสียงไพเราะ - แก้โลหิตคั่งในสมอง - เปน็ ยาอายวุ ฒั นะ ดอก - ฆา่ พยาธิในทอ้ ง ในฟนั ในหู
32 ผล - แกเ้ สมหะเปน็ พิษ แกไ้ ข้พษิ - แกส้ ะอกึ และสมุฎฐานกำเรบิ สว่ นท้งั 5 บำบดั รกั ษาโรค ดังนี้ - เป็นยาอายุวัฒนะ แก้ปวดเมื่อย แก้ไข้ปวดศีรษะ รักษาฟัน รักษาโรคริดสีดวงทวาร ช่วยให้เจริญอาหาร แก้ฝมี ดลกู ฝีมุตกิต แก้ร้อนใน รกั ษาโรคเบาหวาน ลดความรอ้ น แก้ดพี กิ าร แกเ้ สมหะ เลอื ดลม แก้ไขจ้ บั สัน่ ภาพท่ี 23 แหว้ หมู แหว้ หมู ชอ่ื สามัญ Nut grass, Purple nut sedge, Nut sadge ชื่อวิทยาศาสตร์ Cyperus rotundus Linn. แห้วหมจู ดั เป็นวัชพชื ทม่ี กี ารกระจายพันธสุ์ ูงในเขตร้อน แห้วหมู มีอยู่ดว้ ยกัน 2 ชนิด คือ แห้วหมูใหญ่และ แห้วหมูเล็ก ซึ่งมีลักษณะภายนอกที่แตกต่างกันในเรื่องของความสูงของลำต้น ลักษณะของดอก โดยสามารถ นำมาใช้เป็นยาสมุนไพรได้ทั้ง 2 ชนิด เพราะมีสรรพคุณที่ใกล้เคียงกันมาก โดยส่วนที่นิยมนำมาใช้ปรุงเป็นยาก็ ได้แก่ ส่วนของหัว ต้น ราก และใบแหว้ หมู แหว้ หมู เป็นพรรณไม้ที่มักเกิดข้ึนเองโดยธรรมชาติ ตามทุ่งนา ข้างทาง หรอื ทีร่ กร้าง กระจายพนั ธุส์ ูงในเขตรอ้ น พบได้ในทกุ ประเทศในเขตร้อน ในประเทศไทยพบได้ทกุ ภาค สรรพคณุ ทางยา ตำรายาไทย หัวรสซ่าติดจะร้อนเผ็ด ขับลมในลำไส้ แก้ปวดท้อง แก้ปวดประจำเดือน แก้ประจำเดือน ผิดปกติ บำรุงธาตุ เจริญอาหาร แก้ท้องอืดเฟ้อ บำรุงกำลัง บำรุงครรภ์รักษา (บำรุงทารกในครรภ์) เป็นยาบำรุง
33 หัวใจ ขับเหงี่อ ขับระดู ขับปัสสาวะ แก้ไข้ เป็นยาฝาดสมาน สงบประสาท เป็นยาอายุวัฒนะ แก้ไข้ ลดความดัน โลหติ ลดการอกั เสบ แกบ้ ิด แกท้ อ้ งเสีย แก้อาเจยี น แกโ้ รคตับอักเสบ ชาวเปอร์เซียและอาหรับ ใช้เป็นยาขับลมในลำไส้ และแก้ปวดท้อง โดยใช้หัวแห้วหมูตำกับขิง แล้ว รบั ประทานกบั นำ้ ผึ้ง และใช้เปน็ ยาแกบ้ ิด บางทอ้ งทใ่ี ช้หัวโขลกพอกทน่ี ม เป็นยาช่วยใหน้ ้ำนมมาก และกล่าวว่าถ้า รบั ประทานมากเปน็ ยาขับพยาธิไสเ้ ดือน ถา้ ใช้ภายนอกเป็นยาพอกดูดพิษ บัญชยี าจากสมนุ ไพร: ทม่ี ีการใช้ตามองค์ความรู้ด้ังเดิม ตามประกาศคณะกรรมการพฒั นาระบบยาแห่งชาติ ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ระบุการใช้แห้วหมูในตำรับ “ยาเหลืองปิดสมุทร” มีส่วนประกอบของหัวแห้วหมูร่วมกับ สมุนไพรชนิดอ่ืนๆ ในตำรบั มสี รรพคณุ บรรเทาอาการท้องเสียชนิดท่ีไม่เกิดจากการติดเชื้อ เช่น อุจจาระไม่เป็นมูก หรือมีเลือดปน และท้องเสยี ชนดิ ทไ่ี ม่มีไข้ การนำไปใช้ประโยชน์ หัว รสซ่าติดจะร้อนเผ็ด ขับลมในลำไส้ แก้ปวดท้อง แก้ปวดประจำเดือน แก้ประจำเดือนผิดปกติ บำรุง ธาตุ เจริญอาหาร แก้ท้องอืดเฟ้อ บำรุงกำลัง บำรุงครรภ์รักษา (บำรุงทารกในครรภ์) เป็นยาบำรุงหัวใจ ขับเหงี่อ ขับระดู ขับปัสสาวะ แก้ไข้ เป็นยาฝาดสมาน สงบประสาท เป็นยาอายุวัฒนะ แก้ไข้ ลดความดันโลหิต ลดการ อักเสบ แก้บดิ แก้ท้องเสยี แกอ้ าเจยี น แก้โรคตับอกั เสบ ภาพที่ 24 มะกา มะกา ช่อื สามัญ - ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ Bridelia ovata Decne. ต้นมะกา จดั เปน็ ไมย้ ืนต้นขนาดเลก็ มีความสูงของต้นประมาณ 5-10 เมตร แตกกงิ่ กา้ นแผก่ วา้ ง เปลอื กลำ ต้นเรยี บเปน็ สีน้ำตาล พอลำตน้ แก่จะแตกเปน็ สะเกด็ ยาว ขยายพันธ์ุด้วยวธิ ีการเพาะเมล็ด การตอนก่ิง และวิธีการ
34 ปักชำกิ่ง เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนระบายน้ำได้ดี ชอบความชื้นมาก และมีแสงแดดแบบเต็มวัน พบขึ้นตามป่า โปร่งทัว่ ทกุ ภาคของประเทศไทย สรรพคณุ ทางยา มะกา เป็นพืชสมุนไพรช่วยแก้ไขอาการท้องผูกชาวบ้านรู้จักใช้เป็นยาระบาย“อาการท้องผูก” พบว่าเป็น ปัญหาทางด้านสุขภาพกับทุกคนและทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผ้สู งู อายุ ท่นี บั วนั ประสทิ ธภิ าพของระบบอวัยวะและ ระบบการทำงานของรา่ งกายเริม่ เส่ือมถอยไปตามกาลเวลา อาทิ ระบบขับถ่ายจนสง่ ผลใหเ้ กิดโรคอน่ื ๆ ตามมา เชน่ โรคริดสีดวงทวาร ลำไส้อักเสบ ฯลฯ คุณลุงเลก็ และคุณป้าถนอม คู่สามภี รรยา ได้ทำการปลกู พืชสมนุ ไพรทีส่ ามารถ นำมาใช้ประโยชน์ในการบรรเทาและรักษาโรคบางชนิดได้ ลุงเล็กเลยนำสูตรสมุนไพรซึ่งเป็นสูตรยาระบายอ่อนๆ สำหรบั ผสู้ ูงอายุมาฝาก การนำไปใชป้ ระโยชน์ ใบมะกามีรสขม ชื่น ใช้ต้มน้ำด่ืมเพื่อเป็นยาถา่ ยเสมหะและโลหิต ถ่ายพิษตานซาง ถ่ายพิษไข้ ชักลมเบื้อง สงู ลงส่เู บ้ืองต่ำ แต่ต้องนำใบสดมาป้ิงไฟก่อนใช้ เพอื่ ไมใ่ หม้ ีอาการไซท้ ้อง เปลือกตน้ มะกา มีรสขมฝาด ใชแ้ ก้กระษยั เปน็ ยาสมานลำไส้ แกน่ มีรสขม ใช้เพื่อแก้กระษยั ไตพกิ าร เป็นยาฟอกโลหิต ใชร้ ะบายอจุ จาระธาตุ ขับเสมหะ ภาพท่ี 25 จนั ทน์เทศ จนั ทน์เทศ ชอื่ สามญั Nutmeg ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Myristica fragrans Houtt. ต้นจันทน์เทศ มีถิ่นกำเนิดในหมู่เกาะโมลุกกะ ประเทศอินโดนีเซีย[7] โดยจัดเป็นไม้พุ่มยืนต้นขนาดกลาง ถึงขนาดใหญ่ ไม่ผลัดใบ มีความสูงของต้นประมาณ 5-18 เมตร เปลือกลำต้นเรียบเป็นสีเทาอมดำ เนื้อไม้สีนวล หอมเพราะมีน้ำมันหอมระเหย โดยต้นจันทน์เทศสามารถขึ้นได้ในดินเกือบทุกชนิด แต่ดินที่เหมาะกับการ
35 เจริญเติบโตคือดินร่วนปนทรายที่มีอินทรีย์วัตถุสูง โดยจะเจริญเติบโตได้ดีในเขตร้อนชื้นโดยเฉพาะทางภาค ตะวันออกและทางภาคใต้ของไทย สามารถขึ้นได้ในพื้นที่ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 900 เมตร และ นยิ มขยายพนั ธุ์ด้วยวธิ กี ารเพาะเมล็ด ในปจั จุบันพบวา่ มกี ารปลูกทว่ั ไปในเขตเมอื งร้อน ในประเทศไทยจะพบได้มาก ทางภาคใต้ สรรพคุณทางยา เนื้อจันทน์เทศมีรสเปรี้ยวฝาด กลิ่นหอม เนื้อผลแก่นิยมนำไปแปรรูปเป็นของขบเคี้ยว ให้รสหอมสดช่ืน เผ็ดธรรมชาติ หวานช่มุ คอ และมีสรรพคณุ ชว่ ยขับลม แก้บดิ ดอกตวั ผ้ตู ากแห้ง เปน็ สว่ นผสมในเครอื่ งยาจีน มีฤทธ์ ช่วยขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ธาตุอาหารพิการ นำมาชงน้ำร้อนดื่มช่วยย่อยอาหาร น้ำมันลูกจันทร์ นำมาทำเป็น ยาดม ดอกจนั ทร์และลูกจนั ทน์ใช้เป็นยาแก้ไข้ แก้ปวดศรีษะ รอ้ นใน ผนื่ คัน ลมจุกเสยี ด เลือดกำเดาออก ท้องร่วง บำรุงปอด หัวใจ ตับ น้ำดี ช่วยให้เจรฺญอาหาร ขับลม ขับเสมหะ และกระจายเลือดลม ในปัจจุบันจันทน์เทศใช้ใน อุตสาหกรรมที่อเมริกามากเป็นอันดับหนึ่งของโลก ตามโรงงานผลิตอาหารกระป๋อง เครื่องหอม เครื่องสำอาง สบู่ ยาสระผม สุรา ลูกอมลูกกวาด การนำไปใชป้ ระโยชน์ เนอื้ ไม้จันทน์เทศ แก่นจันทนเ์ ทศ มีรสขมหอมร้อน แก้ไขด้ เี ดอื ด ดีพลุง่ แกก้ ระสับกระสา่ ยตาลาย เผลอ สติ บำรงุ ตับ ปอด หวั ใจ น้ำดี เมล็ดในจันทน์เทศ (ลูกจันทน)์ แก้ธาตพุ ิการ บำรุงกำลัง แกไ้ ข้ บำรงุ หวั ใจ บำรงุ ธาตุ แก้จกุ เสียด ขับลม รกั ษาอาการอาหารไม่ยอ่ ย คลนื่ ไส้อาเจียน ท้องเสีย แกบ้ ิด แกก้ ำเดา แกท้ อ้ งรว่ ง แกร้ อ้ นใน กระหายนำ้ แก้เสมหะ โลหิต แก้ปวดมดลูก และบำรงุ โลหิต เปลือกเมล็ดจันทนเ์ ทศ รสฝาดมันหอม สมานบาดแผลภายใน แก้ท้องอดื แกป้ วดทอ้ ง รกหุ้มเมล็ดจันทน์เทศ (ดอกจันทน์) บำรุงโลหิต บำรุงธาตุ ขับลม แก้ปวดมดลูก แก้ท้องร่วง บำรุงกำลัง บำรุงผวิ เนอ้ื ให้เจริญ นำ้ มันระเหยง่ายใช้เป็นสว่ นผสมของข้ผี ้ึงทใี่ ช้ทาระงับความปวด ใชข้ ับประจำเดอื น ทำให้แท้ง ทำให้ประสาทหลอน ประเทศอนิ โดนเี ซียใช้บำรงุ ธาตุ แกป้ วดข้อ กระดูก
36 ภาพท่ี 26 เทยี นทัง้ ห้า เทยี นทง้ั หา้ สมุนไพรเทียนท้ัง 5 ประกอบขนึ้ จากตวั ยาสมุนไพร 5 ชนิด ไดแ้ ก่ เทียนดำ มีสรรพคุณ บำรุงโลหิต ขับลมในลำไส้ แก้อาการคลื่นไส้อาเจียน เวียนหัว หน้ามืดตาลาย ขับ เสมหะ ทำให้รูส้ กึ สดชืน่ เทยี นดำมีกลิ่นหอมฉนุ มีรสชาตเิ ผ็ด ขม ให้ความรู้สึกรอ้ น คลา้ ยๆ กบั เคร่ืองเทศ เทียนขาว มีสรรพคณุ แกล้ มวิงเวียน แก้อาการหน้ามืด ตาลาย ใจสนั่ คล่นื เหียน อาเจียนแกอ้ าการจุกเสีย มีลมในกระเพาะและในลำไส้ ขับลมเสียดแทงภายใน ขับเสมหะ แก้ดีพิการ และยังสามารถใช้ขับระดูขาวในคุณ สภุ าพสตรไี ด้อีกดว้ ย เทียนแดง มสี รรพคณุ เพมิ่ การไหลเวียนของโลหติ แก้ลมวงิ เวยี น แกอ้ าการหน้ามดื ตาลาย ใจสัน่ คล่ืนไส้ อาเจยี น แก้ลมเสยี ดมีอาการจกุ แน่นในทอ้ ง เทียนข้าวเปลือก มีสรรพคณุ เป็นยาบำรุงกำลงั ขับลมในทอ้ งและลำไส้ ทำใหห้ ายจุกแนน่ ท้อง ขับเสมหะ แกช้ พี จรออ่ นชพี จรพกิ าร แกอ้ าการนอนสะดุ้งตอนกลางคืน ทำให้หลับสนทิ เทียนตาตั๊กแตน มีสรรพคุณ บำรุงธาตุ ทำให้สุขภาพแข็งแรง และเกิดความสมดุล ขับเสมหะ ทำให้รู้สึก สดชน่ื ขบั ลม แก้ปัญหาเลอื ดกำเดาไหล ดูแลเส้นเลือดใหม้ คี วามยืดหย่นุ ไม่เปราะแตกงา่ ย
37 ภาพที่ 27 อบเชย อบเชย ชอ่ื สามัญ Cinnamon Tree. ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ Cinnamomum verum J.Presl. อบเชยเปน็ เครือ่ งยา และเคร่อื งเทศ ทไ่ี ด้จากการขูดเอาเปลือกชน้ั นอกออกใหห้ มด แล้วลอกเปลือกชั้นใน ออกจากแก่นลำต้น โดยใช้มีดกรีดตามยาวของกิ่ง แล้วรวบรวมนำไปผึง่ ที่ร่มสลับกับการนำออกตากแดดประมาณ 5 วัน ขณะตากใช้มือม้วนขอบทั้งสองข้างเข้าหากัน จนเปลือกแห้งจึงมัดรวมกัน เปลือกอบเชยที่ดีจะมีสีน้ำตาล ออ่ น(สสี นมิ ) มคี วามตรงและบางสมำ่ เสมอ ยาวประมาณ 1 เมตร มีกล่ินหอมเฉพาะ รสสขุ ุม เผด็ หวานเล็กนอ้ ย สรรพคณุ ทางยา ตำรายาไทย: น้ำต้มเปลือกต้น ดื่มแก้ตับอักเสบ อาหารไม่ย่อย แก้ท้องเสีย ลำไส้เล็กทำงานผิดปกติ ขับ พยาธิ มีสรรพคุณบำรุงดวงจิต แก้อ่อนเพลีย ชูกำลัง ขับผายลม บำรุงธาตุ แก้บิด แก้ลมอัณฑพฤกษ์ แก้ ไขส้ นั นิบาต ใชป้ รงุ เปน็ ยานตั ถุแ์ กป้ วดหวั รับประทานแกเ้ บื่ออาหาร แก้จุกเสียด แน่นทอ้ ง อาหารไม่ย่อย แก้ไอ แก้ไข้หวัด ลำไส้อักเสบ ท้องเสียในเด็ก อาการหวัด ปวดปะจำเดือน แก้อ่อนเพลีย คลื่นไส้อาเจียน แก้ปวด ประจำเดอื น หา้ มเลอื ด บดเป็นผงโรยแผลกามโรค สมานแผล อบเชยมีการนำมาใช้ในพิกัดยาไทย คือ “พิกัดตรีธาตุ” ประกอบด้วย กระวาน ดอกจันทน์ และอบเชย เป็นยาแก้ธาตุพิการ แก้ลม แก้เสมหะ แก้ไข้ “พิกัดตรีทิพย์รส” คือการจำกัดจำนวนของที่มีรสดี 3 อย่าง คือโกฐ กระดูก เนื้อไม้ และอบเชยไทย มีสรรพคุณบำรุงธาตุ บำรุงกระดูก บำรุงตับปอดให้เป็นปกติ แก้ลมในกองเสมหะ บำรุงโลหิต “พิกัดจตุวาตะผล” คือการจำกัดจำนวนตัวยาแก้ลม ประกอบด้วยผล 4 อย่าง คือ เหง้าขิงแห้ง กระลำพกั อบเชยเทศ และโกฐหัวบัว มสี รรพคณุ แก้ไข้ แก้พรรดกึ แก้ตรีสมฏุ ฐาน ขับผายลม บำรุงธาตุ แก้ลมกอง รดิ สดี วง “พิกดั ทศกลุ าผล” คอื การจำกัดจำนวนตวั ยาตระกูลเดียวกัน 10 อย่าง มชี ะเอมท้ัง 2 (ชะเอมไทย ชะเอม เทศ) ลูกผักชีทั้ง 2 (ผักชีล้อม ผักชีลา) อบเชยทั้ง 2 (อบเชยไทย อบเชยเทศ) ลำพันทั้ง 2 (ลำพันแดง ลำพันขาว) ลูกเร่วทั้ง 2 (เร่วน้อย เร่วใหญ่) มีสรรพคุณ แก้ไข้เพื่อดีและเสมหะ ขับลมในลำไส้ บำรุงธาตุ บำรุงปอด แก้รัตตะ ปติ ตะโรค แก้ลมอัมพฤกษ์ อมั พาต บำรุงกำลงั บำรงุ ดวงจิตให้แช่มชื่น แก้ไข้ การนำไปใช้ประโยชน์ เปลือกตน้ ตากให้แหง้ แลว้ นำไปเคี้ยวกินกบั หมาก ราก ตม้ นำ้ ดืม่ แก้อการปวดหลังปวดเอว ใหส้ ตรกี ินหลงั คลอดบุตร และลดไข้หลังการผ่าตัด ตน้ เปลือกต้น ใชแ้ ทน cinnamon เคี้ยวกินเปน็ ยาแกป้ วดท้อง ยาชงจากเปลือกต้น ใช้เป็นยาถ่าย
38 เปลือกต้น ต้มน้ำดื่ม เปน็ ยาบำรุงธาตุ ชว่ ยเจริญอาหาร ใบ นำ้ ยางจากใบใช้ทาแผลถอนพษิ ของยางน่อง และตำเป็นยา ภาพท่ี 28 กฤษณา กฤษณา ชอ่ื สามญั Eagle wood, Agarwood, Aglia, Aloewood, Akyaw, Calambac, Calambour, Lignum aloes ช่อื วทิ ยาศาสตร์ Aquilaria crassna Pierre ex Lecomte ไม้กฤษณา จัดเป็นไม้หวงห้ามประเภท ข. และไม่อนุญาตให้ทำการตัดฟัน (เฉพาะในป่า) จึงมีการลักลอบ ตัดเพือ่ นำแก่นไม้หอมมาขาย ทำให้ไมก้ ฤษณานน้ั ใกล้จะสูญพนั ธ์ุเขา้ ไปทุกที โดยไม้ในสกลุ Aquilaria มีอยู่ด้วยกัน ประมาณ 15 ชนิด มีการกระจายพันธุ์ทั่วไปในแถบเอเชียเขตร้อน ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จนถึงฟิลิปปินส์ ใน เอเชยี ใต้ในประเทศอินเดยี ปากสี ถาน ศรลี ังกา ภฏู าน รัฐอัสสมั เบงกอล รวมทั้งกระจายพนั ธไ์ุ ปทางเอเชียเหนือไป จนถงึ ประเทศจีน สำหรบั การกระจายพันธ์ใุ นประเทศไทยจะมีกฤษณาอยดู่ ว้ ยกนั 3 ชนิด คือ Aquilaria crassna Pierre. พบได้ในป่าดิบชื้นและป่าดิบแล้งทางภาคเหนือ ภาคกลาง และภาค ตะวนั ออกเฉยี งเหนอื Aquilaria malaccensis Lamk. (ชื่อพ้อง Aquilaria agallocha Roxb.) พบได้ในเฉพาะทางภาคใต้ที่มี ความช่มุ ชน้ื Aquilaria subintegra Ding Hau (ชนิดใหม่ที่ค้นพบโดย Dr. Ding Hau) ชนิดนี้จะพบได้เฉพาะทางภาค ตะวันออก ส่วนชนดิ อน่ื ๆ ท่อี าจจะพบได้ คือ Aquilaria rugosa, Aquilaria baillonil, และ Aquilaria hirta สรรพคุณทางยา เนื้อไม้ซึ่งเป็นสีดำ และมีกลิ่นหอม รสขม ตามตำรายาไทย: ใช้ คุมธาตุ บำรุงโลหิตและหัวใจ ทำให้หัวใจ ชุ่มชื่น ใช้ผสมยาหอม แก้ลมวิงเวียนศีรษะ บำรุงกำลัง บำรุงธาตุ บำรุงตับและปอดให้ปกติ เป็นยาอายุวัฒนะ แก้
39 อาเจียน ทอ้ งร่วง แกไ้ ขต้ า่ งๆ บำบดั โรคปวดบวมตามข้อ ต้มดม่ื แกร้ อ้ นในกระหายน้ำ แกเ้ สมหะ โดยนำมาผสมกับ ยาหอมกนิ หรือนำมาต้มน้ำด่ืม กรณกี ระหายนำ้ มาก ในตำราพระโอสถพระนารายณ์: มีการนำแก่นไม้กฤษณาไปใชห้ ลายตำรบั โดยเป็นตวั ยาผสมกบั สมนุไพร ชนดิ อ่นื ๆ อีกหลายชนิดในตำรับเพอื่ รักษาอาการของโรคต่างๆ เชน่ ตำรบั ยาขี้ผง้ึ บ้พี ระเสน้ หรือยาถนู วดเส้น ตำรบั ยาน้ำมันมหาวิศครรภราชไตล ทำให้โลหิตไหลเวียนดี และเป็นยาคลายเส้น ตำรับยาทรงทาพระนลาฎ ใช้ทา หน้าผากแก้เลือดกำเดาที่ทำใหป้ วดศีรษะ ยามโหสถธิจันทน์ เป็นยาแก้ไข้ตัวร้อน และยังปรากฏเป็นส่วนประกอบ ในตำรับยาหอมเทพจิตร ซ่ึงมสี มนุ ไพรชนดิ อ่นื ๆร่วมอยดู่ ้วยในตำรบั ตามบัญชียาจากสมนุ ไพร พ.ศ. 2549 ประกาศ คณะกรรมการแหง่ ชาตดิ ้านยาของไทย ในแหลมมลาย:ู ใช้กฤษณาเป็นสว่ นผสมในเคร่ืองสำอางและใช้บำบัดโรคผวิ หนังหลายชนิด ผงกฤษณาใช้ โรยบนเสื้อผ้าหรือบนร่างกายเพ่อื ฆ่าหมัดและเหา ในประเทศมาเลเซยี : นำเอากฤษณาผสมกับนำ้ มันมะพร้าว นำมาทาบรรเทาอาการปวดเมอื่ ย หรอื บรรเทา อาการของโรครูมาติซมั ยาพื้นบ้านของอินเดียและหลายประเทศในเอเชีย: ใช้กฤษณาเป็นส่วนผสมในยาหอม ยาบำรุง ยากระตนุ้ หวั ใจ และ ยาขบั ลม นอกจากน้ียังใชเ้ ป็นยาแก้ปวด แก้อมั พาตและเปน็ ตัวยา รกั ษาโรคมาลาเรยี ชาวอาหรบั : ใช้ผงไมก้ ฤษณาโรยเส้อื ผ้า ผิวหนัง ปอ้ งกนั ตวั เรือด ตัวไร และมคี วามเชือ่ ว่าน้ำมนั หอมระเหย ของกฤษณาเป็นยากระตุน้ ทางเพศ ชาวฮนิ ดนู ิยม: นำมาใช้จดุ ไฟ ใหม้ กี ลิ่นหอมในโบสถ์ ประเทศจนี : ใชแ้ กป้ วดหน้าอก แก้อาเจยี น แกไ้ อ แก้หอบหืด การนำไปใชป้ ระโยชน์ เนอ้ื ไม้ บำรงุ โลหิตในหวั ใจ บำรงุ ตับและปอดใหเ้ ปน็ ปกติ แก้ลม แกล้ มซาง แก้ลมอ่อนเพลยี ทำให้ชุ่มชื่น ใจ บำรงุ กำลงั แก้ไข้ บำรุงโลหิต รกั ษาโรคปวดข้อ แก่นไม้ บำรุงโลหติ บำรุงหัวใจ บำรุงตบั และปอดให้ปกติ นำ้ มนั จากเมล็ด รกั ษาโรคผิวหนงั แกโ้ รคเรือ้ น แก้มะเร็ง ไมร่ ะบสุ ว่ นทใี่ ช้ บำรุงโลหิต แก้ตับปอดพิการ แก้ไข้เบื่อ ขับเสมหะ บำรุง โลหิตในหัวใจ ทำตับปอด ให้เปน็ ปกติ คุมธาตุ
40 ภาพท่ี 29 สมุลแวง้ สมลุ แว้ง ชื่อสามญั - ชอ่ื วิทยาศาสตร์ Cinnamomum bejolghota (Buch.-Ham.) Sweet เปลือกหนา ผิวนอกสีน้ำตาลอ่อน มีรอยแตก ขรุขระ เนื้อในสีน้ำตาลแดง เป็นมัน ขนาดความกว้าง 1-3 เซนติเมตร ยาว 3-7 เซนตเิ มตร หนา 0.2-0.8 เซนติเมตร มีกล่นิ หอมเฉพาะ รสร้อนปร่า สรรพคุณทางยา ตำรายาไทย เปลือกต้น หอมฉุน รสรอ้ นปรา่ แกล้ มวงิ เวยี น และลมทที่ ำใหใ้ จสน่ั แก้พิษหวดั กำเดา ขับลม ในลำไส้ แกธ้ าตพุ ิการ ตำราพระโอสถพระนารายณ:์ ระบุ “ตำรับยาทรงนตั ถุ์” เขา้ เครอื่ งยา 15 ส่งิ ใช้ปรมิ าณเทา่ ๆกัน รวมท้ัง สมุลแว้งด้วย ผสมกัน บดเป็นผงละเอียด ใช้สำหรับนัตถุ์ หรือห่อผ้าบาง ใช้ดมแก้ปวดหัว วิงเวียน แก้สลบ แก้ ริดสดี วงจมกู คอ และตา บญั ชยี าจากสมนุ ไพร: ทม่ี ีการใช้ตามองค์ความรู้ด้งั เดิม ตามประกาศ คณะกรรมการแห่งชาตดิ ้านยา ระบุ การใช้เปลือกสมุลแว้งในยารักษากลุ่มอาการทางระบบทางเดินอาหาร ปรากฏในตำรับ “ยาธาตุบรรจบ” มี ส่วนประกอบของเปลือกสมุลแว้งร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ ในตำรับ มีสรรพคุณ บรรเทาอาการท้องอืดเฟ้อ และ อาการอจุ จาระธาตุพิการ ทอ้ งเสียทีไ่ ม่ติดเชือ้ การนำไปใช้ประโยชน์ รากและใบ ต้มใหห้ ญงิ ที่คลอดใหม่ รบั ประทานและรักษาไข้ เน้อื ไม้ มกี ล่นิ หอมคลา้ ยการะบูน เน้ือหยาบแขง็ ค่อนข้างเหนียว ใชใ้ นการแกะสลกั ทำหีบใส่ของท่ีป้องกัน แมลงเครอ่ื งเรอื นไมบ้ ผุ นงั ทสี่ วยงาม
41 ภาพท่ี 30 บนุ นาค บนุ นาค ชือ่ สามญั Iron wood, Indian rose chestnut ชื่อวิทยาศาสตร์ Mesua ferrea L. ต้นบุนนาค กับความเชื่อ คนไทยโบราณเชื่อว่าบ้านใดปลูกต้นไม้ชนิดนี้ไว้เป็นไม้ประจำบา้ น จะช่วยทำให้ เปน็ ผ้มู ีความประเสริฐและมบี ุญ (พ้องกบั ความหมายของช่ือ) และคำวา่ นาคยังหมายถึง พญานาคทม่ี ีแสนยานุภาพ ที่จะช่วยปกป้องคุ้มครองภัย นอกจากนี้ยังเชื่อว่าจะช่วยป้องกันภัยอันตรายต่าง ๆ จากภายนอกได้ด้วย เนื่องจาก ใบของบุนนาคสามารถชว่ ยรักษาพิษต่าง ๆ ได้ โดยจะนยิ มปลกู ต้นบนุ นาคไวท้ างทิศตะวันตกของบา้ น และปลูกกัน ในวนั เสาร์เพอ่ื เอาคุณ สรรพคุณทางยา ตำรายาไทย: ดอก มีกลิ่นหอมเย็น รสขมเล็กน้อย เป็นยาฝาดสมาน บำรุงธาตุ และขับลม แก้ลมกอง ละเอยี ด วิงเวียน หน้ามดื ตาลาย ใจสัน่ ชกู ำลัง บำรุงโลหติ บำรงุ หัวใจให้แช่มชืน่ แก้รอ้ นในกระสับกระส่าย รักษา อาการร้อนอ่อนเพลีย แก้กลิ่นสาบในร่างกาย แก้ร้อนในกระสับกระส่าย มีกลิ่นหอมใชอ้ บเครื่องหอม ใช้แต่งกลิ่น เขา้ เครื่องยาเป็นยาฝาดสมาน บำรงุ ธาตุ แกไ้ อ แก้ไข้ ขบั เสมหะ แกร้ ้อนใน ดบั กระหาย บำรงุ โลหติ หรือบดให้เป็น ผงผสมกับเนยเหลว เป็นยาพอกแก้ริดสีดวงทวาร น้ำมันหอมระเหยจากดอก มีสาร mesuol และ mesuone มี ฤทธ์เิ หมือนยาปฏิชีวนะ คอื ยับยงั้ การเจรญิ เตบิ โตของเช้ือโรค เกสร รสหอมเย็น เขา้ ยาหอม มีฤทธ์ิฝาดสมาน บำรุง ธาตุ ขับลม บำรงุ ครรภรักษา ทำใหห้ วั ใจชุม่ ชืน่ ชน่ื ใจ แก้ไข้ ตำรายาไทยนำเกสรมาเข้าเครื่องยาไทยใน “พิกัดเกสรทั้งห้า” (ดอกมะลิ ดอกพิกุล ดอกบุนนาค ดอก สารภี และเกสรบวั หลวง) “พิกดั เกสรทั้งเจ็ด” (มดี อกจำปาและดอกกระดังงาเพิ่มเข้ามา) และ “พิกัดเกสรทั้งเก้า” (มีดอกลำดวน และดอกลำเจียกเพิ่มเข้ามา) มีสรรพคุณ บำรุงหัวใจ บำรุงดวงจิตให้ชุ่มชื่น ทำให้ชื่นใจ แก้ลมกอง ละเอียด วิงเวียน หน้ามืด ตาลาย บำรุงครรภ์ นอกจากนี้บนุ นาคยงั จัดไว้ในพิกัดพิเศษ “พิกัดเทวตรคี ันธา” (ทเวติ คันธา) คือการจำกัดจำนวนตัวยาที่มีกลิ่นหอม 2 ชนิด รวมเครื่องยา 6 อย่างคือ ดอกบุนนาค รากบุนนาค แก่น
42 บุนนาค ดอกมะซาง รากมะซาง และแก่นมะซาง มีสรรพคุณขับลมในลำไส้ แก้รัตตะปิตตะโรค บำรุงโลหิต แก้ กล่ินเหมน็ สาบในร่างกาย แกก้ ำเดา แกไ้ ข้สำปะชวน ทำใหใ้ จชุ่มชนื่ ชูกำลงั นอกจากนี้บัญชียาจากสมุนไพร: ที่มีการใช้ตามองค์ความรู้ดั้งเดิม ตามประกาศ คณะกรรมการแห่งชาติ ด้านยา ปรากฏการใช้ดอกบุนนาค ในยารักษากลุ่มอาการทางระบบไหลเวียนโลหิต (แก้ลม) มีส่วนประกอบของ ดอกบุนนาค อยู่ในพิกัดเกสรทั้ง 5 ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ ในตำรับ ได้แก่ ”ยาหอมเทพจิตร” มีสรรพคุณแก้ลม กองละเอียด ได้แก่ อาการหน้ามืด ตาลาย สวิงสวาย ใจสั่น บำรุงดวงจิตให้ชุ่มชื่น และตำรับ ”ยาหอมนวโกฐ” มี สรรพคุณในการแก้ลมวิงเวียน คลื่นเหียน อาเจียน แก้ลมจุกแน่นในอก ในผู้สูงอายุ แก้ลมปลายไข้ (หลังจากฟืน้ ไข้ แล้วยังมีอาการ เช่น คลื่นเหียน วิงเวียน เบื่ออาหาร ท้องอืด อ่อนเพลีย) นอกจากนี้ตำรับยาแก้ไข้ปรากฎการใช้ ดอกบนุ นาคร่วมกบั สมนุ ไพรอน่ื ๆใน “ตำรับยาเขยี วหอม” สรรพคณุ บรรเทาอาการไข้ ร้อนในกระหายน้ำ แก้พิษ หดั พิษสกุ ใส (บรรเทาอาการไขจ้ ากหดั และสกุ ใส) การนำไปใช้ประโยชน์ ตน้ เปลือก ให้ยางมาก เป็นยาฝาดสมาน มีกลน่ิ หอมเล็กน้อย ต้มรวมกบั ขงิ กินเป็นขาขับเหง่ือ ใบ ตำเป็น ยาพอกโดยรวมกับน้ำนมและนำ้ มนั มะพรา้ วใช้สุมหวั แก้ไขห้ วัดอย่างแรง ดอก แหง้ มกี ล่ินหอมมาก ใช้เขา้ เครอ่ื งยาเป็นยาฝาดสมาน บำรุงธาตุ แกไ้ อ ขบั เสมหะ หรอื บดให้เป็นผง ผสมกับเนยเหลว เป็นยาพอกแก้ริดสดี วงทวาร ผล กนิ เป็นยากระตนุ้ การทำงานของร่างกาย แกน้ ำ้ เหลืองเสยี และแก้ทางเดนิ ปสั สาวะอักเสบ เมล็ด ให้น้ำมันเป็นยาทาถูกนวดแก้ rheumatism ทาแก้บาดแผลเล็ก ๆ น้อย ๆ แก้ผื่นคันและแก้หิด กรดทพ่ี บในนำ้ มนั จะมีพษิ ต่อหวั ใจ ภาพที่ 31 กระดอม กระดอม ชอื่ สามญั -
43 ชื่อวิทยาศาสตร์ Gymnopetalum chinensis (Lour.) Merr. กระดอมมีถิน่ กำเนิดในแถบเขตร้อนของเอเชียใต้ เช่น อนิ เดีย , ศรลี ังกา แล้วมกี ารแพร่กระจายพันธ์ุไปสู่ เขตร้อนของภูมิภาคอินโดจีน ในประเทศบังคลาเทศ พม่า ไทย ลาว กัมพูชา มาเลเซีย เป็นต้น สำหรับในประเทศ ไทยนั้น สามารถพบได้ตามที่รกร้างหรือชายป่าทั่วทุกภาคของประเทศโดยเฉพาะทางภาคเหนือที่นิยมนำมา รบั ประทานเป็นอาหาร สรรพคณุ ทางยา ตำรายาไทย: นำ้ ตม้ เมลด็ รับประมานเป็นยาลดไข้ แกพ้ ิษสำแลง เปน็ ยาถอนพิษจากการกินผลไม้ท่ีเป็น พิษบางชนิด ถอนพษิ จากพชื พิษ ขับนำ้ ลาย ช่วยยอ่ ยอาหาร ขบั นำ้ ดี บำรุงธาตุ รักษาโรคในการแท้งลูก ผล บำรุง น้ำดี ผลอ่อน รสขม บำรุงน้ำดี แก้ดีแห้ง ดีฝ่อ คลั่งเพ้อ คุ้มดีคุ้มร้าย เจริญอาหาร แก้สะอึก ดับพิษโลหิต บำรุง มดลูก แก้ไข้ รักษามดลูกหลังการแท้ง หรือการคลอดบุตร แก้มดลูกอักเสบ ถอนพิษผิดสำแดง ต้มน้ำดื่ม บำรุง โลหิต ทั้งห้าส่วน (ราก ลำต้น ใบ ดอก ผล)บำรุงธาตุ เจริญอาหาร ถอนพิษผิดสำแดง แก้ไข้กลับไข้ซ้ำ รักษามดลูก หลงั จากการคลอดบตุ ร เจริญอาหาร บำรุงน้ำดี บำรงุ น้ำนม แกไ้ ข้ แก้ไข้จบั สน่ั ดับพษิ รอ้ น ตำรายาพื้นบ้านอีสาน: ใช้ ผล ต้มน้ำดื่ม บำรุงโลหิต เป็นส่วนประกอบในตำรับยาหอมนวโกฐ, ยาหอม อนิ ทจกั ร์ และตำรบั ยาแก้ไขจ้ ันทน์ลลี า การนำไปใช้ประโยชน์ เมล็ด รับประมานเป็นยาลดไข้ แก้พิษสำแลง เป็นยาถอนพิษจากการกินผลไม้ที่เป็นพิษบางชนิด ถอน พษิ จากพชื พษิ ขับนำ้ ลาย ชว่ ยย่อยอาหาร ขบั น้ำดี บำรุงธาตุ รักษาโรคในการแทง้ ลูก ผล บำรงุ นำ้ ดี ผลออ่ น รสขมเยน็ บำรุงนำ้ ดี แก้ดีแหง้ ดฝี ่อ ดีเดือด คล่ังเพอ้ คมุ้ ดคี ุ้มร้าย ชว่ ยเจริญอาหาร แก้สะอึก ดับ พิษโลหิต บำรุงมดลูก แก้ไข้ รักษามดลูกหลังการแท้ง หรือการคลอดบุตร แก้มดลูกอักเสบ ถอนพิษผิดสำแดง ต้ม นำ้ ด่ืม บำรงุ โลหติ ทั้งห้าส่วน (ราก ลำต้น ใบ ดอก ผล) บำรุงธาตุ เจริญอาหาร ถอนพิษผิดสำแดง แก้ไข้กลับไข้ซ้ำ รักษา มดลูกหลังจากการคลอดบุตร เจริญอาหาร บำรุงน้ำดี บำรุงน้ำนม แกไ้ ข้ แกไ้ ขจ้ บั ส่ัน ดบั พิษร้อน ใบ รสขม ตำค้นั เอาน้ำหยอดตา แก้ตาอกั เสบ รับประทายแก้พิษของลกู สุก แก้พษิ บาดทะยัก ราก รสขม ต้มรบั ประทานแก้ไข้ บำรุงธาตุ ชว่ ยยอ่ ยอาหาร ดบั พิษโลหติ เจรญิ อาหาร บดผสมนำ้ ร้อน ทา ถนู วดแกป้ วดเม่อื ยกล้ามเนื้อและอ่อนลา้
44
45 การใช้สมนุ ไพรรกั ษาโรค โรคไขท้ บั ฤดู ลักษณะอาการ ภาวะไข้ทับระดู คืออาการเป็นไข้ระหว่างมีประจำเดือนค่ะ เมื่อได้ยินชื่อของโรคแล้วผู้หญิงส่วนใหญ่คง คิดถึงเพียงแต่ว่าเป็น โรคที่มีอาการป่วย เป็นไข้ ไม่สบายในช่วงเวลาของการมี ประจำเดือน บางคนแค่กินยาแก้ ปวดลดไข้ธรรมดาก็หาย แต่ในขณะที่ บางคนทานยาแล้วอาการกลับไม่ดีขึ้น ดังนั้นสาวๆ ควรรู้วิธีดูแลและรับมือ หากเล่ยี งอาการปว่ ยน้ไี ม่ได้ ไข้ทับระดู จะเป็นในระหว่างที่มีระดูได้ครึ่งวัน หนึ่งวัน หรือสองวัน มักจะมีอาการปวดหัว ตัวร้อน ไข้สูง หนาวสั่น ปวดท้องน้อย ตกขาวออกเป็นหนอง มีกลิ่นเหม็น อาจมีอาการปวดหลัง คลื่นไส้ อาเจียน อาจมี ประจำเดือนออกมาก และมีกลิ่นเหม็น หมอจะตรวจวินิจฉัยโรคจากอาการไข้สูงและกดเจ็บมาก บริเวณท้องน้อย ข้างเดียวหรือทั้ง 2 ข้าง บางครั้งพบอาการซีดหรือภาวะช็อกร่วมด้วย หมอจะหาสาเหตุด้วยการตรวจเลือด ตรวจ ปัสสาวะเพือ่ หาเช้ือหรืออาจมกี ารตรวจ อลั ตร้าซาวดร์ ่วมดว้ ย ไข้ทับระดู อาจเกิดจากสาเหตุอื่นก็ได้โดยที่ไม่มีสาเหตุเกี่ยวข้องกับประจำเดือนก็ได้ เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ มาลาเรีย ไข้เลอื ดออก และไทฟอยด์ เป็นตน้ แต่มาเป็นในจังหวะเวลา เดยี วกบั ชว่ งทีม่ ีประจำเดือนก็ได้ ไข้ทับระดู สามารถ แบ่งออกได้ เป็น 2 แบบ คือ ไข้ทับระดู ที่ไม่มีสภาวะอื่นแอบแฝง โดยจะมีอาการคล้ายเป็นไข้หวัดภายหลังทานยาแก้ ปวดลดไข้ก็หายได้ สาวๆ จึงไม่ต้องกังวลเกีย่ วกับเรือ่ งนี้เป็นเรื่องธรรมชาติของ ผู้หญิงที่เกิดขึน้ ระหว่างมีประจำเดือนซึ่งบางครั้งอาจมี อาการอ่อนเพลยี หรอื ปวดประจำเดือนรว่ มด้วย ไข้ทบั ฤดู ท่ีมสี ภาวะโรคแอบแฝง จะมีอาการไขข้ นึ้ สงู หนาวสั่น ปวดหลัง คลน่ื ไส้ อาเจียน และปวดท้องนอ้ ย มี ตกขาวปนหนองออกมาระหว่างมีประจำเดือน ซึ่งบางครั้งประจำเดือนอาจมีมากผิดปกติและมีกลิ่นเหม็น หากมี อาการรุนแรงมากขน้ึ ในทกุ ๆ รอบเดือน นั่นเป็นสญั ญาณของโรคอุง้ เชิงกรานอกั เสบเร้อื รงั การใช้สมุนไพรยาไขท้ บั ฤดู นำก้านสะเดา 33 ก้าน รากแฝกหอม 1 บาท เถาวันหญ้านาง 1 บาท รากตองแตก 1 บาท ลูกข้ีกา 1 บาท เถาวัน เปรียง 1 บาท สมอทั้งตลิ่งละ 1 บาท รากระหุ่งแดง 1 บาท ใบพิมเสน 1 บาท รากท้าวยายม่อม 1 บาท คนทา 1 บาท ยาดำ 2 บาท แสมทะเล 1 บาท แสมสาร 1 บาท เนื้อในศักราชพริก 1 บาทเปล้าน้อย 1 บาท เปล้าใหญ่ 1
Search