Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เพลงบนลานนวดข้าว (เพลงพานฟาง เพลงสงคอลำพวน และเพลงชักกระดาน)

เพลงบนลานนวดข้าว (เพลงพานฟาง เพลงสงคอลำพวน และเพลงชักกระดาน)

Published by pisut.pro, 2019-02-22 01:28:54

Description: เพลงบนลานนวดข้าว เพลงพานฟาง เพลงสงคอลำพวน และเพลงชักกระดานเป็นเพลงพื้นบ้านภาคกลางประเภทปฏิพากย์(ร้องโต้ตอบกันระหว่างชาย-หญิง) ที่ร้องเล่นขณะนวดข้าวบนลานนวดข้าวในสมัยก่อนซึ่งนวดข้าวด้วยวัว เพื่อหยอกล้อให้เพลิดเพลินสนุกสนานให้คลายเหนื่อย
เพลงพานฟาง เป็นเพลงที่ร้องเล่นกันบนลานนวดข้าว เมื่อชาวบ้านมาลงแขกกันนวดข้าวโดยใช้วัวเหยียบย่ำฟ่อนข้าวให้เมล็ดข้าวหลุดออกจากรวง ชาวบ้านก็จะใช้ไม้ขอฉาย หรือไม้คันฉาย (ลักษณะเป็นไม้ตะขอทำจากแขนงไม้ไผ่) สงและเขี่ยฟางออกจากเมล็ดข้าว ขณะที่พานเอาฟางออกจากเมล็ดข้าว ชาวบ้านหนุ่มสาวก็จะร้องเพลงพานฟางโต้ตอบกันไปด้วย
เพลงสงคอลำพวน เป็นเพลงที่ร้องในประกอบกิจกรรมนวดข้าว ต่อจากเพลงพานฟาง เมื่อเขี่ยฟางออกจากเมล็ดข้าวแล้ว จะต้องนำข้าวเปลือกที่ได้มาฝัด เพื่อแยกเศษฟางและข้าลีบ (ลำพวนข้าว) ออกไป ขณะฝัดข้าวก็ร้องเพลงสงคอลำพวนโต้ตอบกัน
เพลงชักกระดานหรือเพลงช้างชัก เป็นเพลงที่ร้องในกิจกรรมการนวดข้าว ต่อจากเพลงสงคอลำพวน ขณะที่ชายหญิงช่วยกันชักกระดานลากข้าวที่ฝัดแล้ว ไปรวมกองไว้เพื่อเตรียมเข้ายุ้ง

Keywords: เพลงบนลานนวดข้าว,เพลงพานฟาง,เพลงสงคอลำพวน,และเพลงชักกระดาน

Search

Read the Text Version

๑ มรดกภมู ิปัญญาทางวัฒนธรรมจังหวดั ราชบรุ ี ส่วนท่ี ๑ ลกั ษณะของมรดกภมู ปิ ัญญาทางวัฒนธรรม ๑. ชอื่ รายการ : เพลงบนลานนวดขา้ ว (เพลงพานฟาง เพลงสงคอลาพวน และเพลงชักกระดาน) ช่ือเรียกในทอ้ งถิน่ : เพลงพานฟาง เพลงสงคอลาพวน และเพลงชกั กระดาน ๒. ลักษณะของมรดกภมู ปิ ัญญาทางวัฒนธรรม : ศิลปะการแสดง ๓. พนื้ ท่ีปฏบิ ตั ิ เพลงบนลานนวดข้าว (เพลงพานฟาง เพลงสงคอลาพวน และเพลงชกั กระดาน) เป็นเพลงเพลง พนื้ บ้านภาคกลางท่รี ้องเลน่ ขณะนวดขา้ วบนลานนวดขา้ ว ร้องกนั ท่ัวไปในจังหวดั ราชบรุ ี ในสมยั กอ่ นซึ่งนวด ข้าวด้วยววั เพ่ือใหค้ ลายเหนื่อย เมื่อเลิกการนวดขา้ วด้วยวัวแลว้ เพลงดังกล่าวจึงหมดหนา้ ทล่ี ง แตย่ งั มีผ้รู ้อง เพลงเหล่านี้ได้อยู่ ปจั จุบนั พบมผี ้รู ้องเพลงนไ้ี ด้ท่อี าเภอบางแพ จงั หวัดราชบุรี ๔. สาระสาคัญของมรดกภูมิปัญญาทางวฒั นธรรมโดยสงั เขป เพลงบนลานนวดข้าว เพลงพานฟาง เพลงสงคอลาพวน และเพลงชักกระดานเป็นเพลงพน้ื บ้าน ภาคกลางประเภทปฏพิ ากย์(ร้องโต้ตอบกันระหว่างชาย-หญิง) ทรี่ ้องเล่นขณะนวดขา้ วบนลานนวดข้าวใน สมยั ก่อนซึ่งนวดขา้ วดว้ ยวัว เพ่ือหยอกล้อใหเ้ พลดิ เพลนิ สนุกสนานให้คลายเหนื่อย เพลงพานฟาง เป็นเพลงทรี่ ้องเลน่ กนั บนลานนวดข้าว เมือ่ ชาวบา้ นมาลงแขกกันนวดขา้ วโดยใช้ วัวเหยียบย่าฟอ่ นขา้ วใหเ้ มล็ดขา้ วหลุดออกจากรวง ชาวบ้านกจ็ ะใช้ไมข้ อฉาย หรือไม้คนั ฉาย (ลกั ษณะเปน็ ไม้ ตะขอทาจากแขนงไม้ไผ)่ สงและเขยี่ ฟางออกจากเมลด็ ขา้ ว ขณะทพ่ี านเอาฟางออกจากเมล็ดข้าว ชาวบา้ นหน่มุ สาวก็จะร้องเพลงพานฟางโต้ตอบกนั ไปดว้ ย เพลงสงคอลาพวน เป็นเพลงทรี่ อ้ งในประกอบกจิ กรรมนวดข้าว ตอ่ จากเพลงพานฟาง เมอื่ เขย่ี ฟางออกจากเมลด็ ขา้ วแลว้ จะต้องนาขา้ วเปลือกที่ได้มาฝดั เพือ่ แยกเศษฟางและขา้ ลีบ (ลาพวนขา้ ว) ออกไป ขณะฝดั ขา้ วกร็ ้องเพลงสงคอลาพวนโตต้ อบกนั เพลงชกั กระดานหรือเพลงช้างชกั เปน็ เพลงท่ีร้องในกจิ กรรมการนวดข้าว ต่อจากเพลงสงคอ ลาพวน ขณะที่ชายหญงิ ชว่ ยกันชกั กระดานลากขา้ วทฝ่ี ัดแลว้ ไปรวมกองไว้เพื่อเตรียมเขา้ ยุ้ง ๕. ประวตั คิ วามเปน็ มา เพลงบนลานนวดขา้ ว(เพลงพานฟาง เพลงสงคอลาพวน และเพลงชักกระดาน) เป็นเพลงเพลง พ้ืนบา้ นภาคกลางประเภทปฏิพากย์ที่รอ้ งประกอบการลงแขกนวดข้าวตัง้ แต่การแยกฟางออกจากเมล็ดข้าวท่ี นวดแลว้ ฝัดเอาข้าวลบี และเศษฟางออก และชกั ลากขา้ วมารวมกอง เปน็ วรรณกรรมมขุ ปาฐะทีไ่ มส่ ามารถ ระบไุ ด้แน่นอนว่าเกดิ ข้ึนเม่ือใด แตค่ งเกดิ ขึ้นโดยธรรมชาตเิ ป็นเวลานานแล้ว ต่อมาเม่ือมีเทคโนโลยใี หม่ๆเข้า มา มีรถนวดขา้ วทเ่ี ปน็ เคร่อื งจักรเคร่อื งยนตแ์ ทน จึงเลกิ นวดข้าวดว้ ยววั เพลงบนลายนวดข้าวเหล่าน้ีจึงหมด หนา้ ทลี่ ง แต่ยังมผี รู้ อ้ งเพลงเหลา่ นี้ไดอ้ ย่โู ดยเฉพาะในจงั หวัดราชบุรี มีผศู้ กึ ษาเพลงพืน้ บ้านบนลานนวดขา้ วนี้ และอนรุ ักษส์ บื สานในรปู แบบของการแสดงสาธติ ของชาวบ้าน หรอื การเป็นหลักสูตรทอ้ งถิน่ ส่เู ยาวชนใน โรงเรยี น

๒ ๖. ลกั ษณะเฉพาะทแ่ี สดงถึงอัตลักษณข์ องมรดกภมู ิปญั ญาทางวัฒนธรรม โดยให้มีรายละเอียดครอบคลุม สาระ ดังตอ่ ไปนี้ เพลงบนลานนวดข้าว(เพลงพานฟาง เพลงสงคอลาพวน และเพลงชกั กระดาน) เปน็ เพลงเพลง พืน้ บ้านภาคกลางประเภทเพลงปฏพิ ากย(์ ร้องโต้ตอบกันระหวา่ งชาย-หญิง) ท่เี ป็นเพลงสั้นๆ มีทานองไม่ยากนัก มฉี ันทลกั ษณเ์ ปน็ แบบกลอนหัวเดยี ว คอื เพลง ๑ บทจะลงท้ายวรรคด้วยเสยี งสระหรอื เสยี งสะกดเดียวกัน สามารถรอ้ งดน้ ได้งา่ ย มลี ักษณะดังน้ี ๑. เพลงพานฟาง มีฉันทลกั ษณแ์ บบกลอนหวั เดียวที่จากัดรูปแบบวา่ ต้องเปน็ “กลอนลาน” เท่านนั้ และมีเพียง ๓ วรรค ตอ่ ๑ บท คาข้นึ ตน้ และคาลงท้ายบทเพลงจะตายตัว โดยขน้ึ ต้นว่า “พานเถอะนะแม่ (พ่อ)พาน” และลง ท้ายเพลงว่า “มาช่วยกันพานฟางเอย”) ฉันทลักษณเ์ พลงพานฟาง พานเถอะนะแมพ่ าน (ลกู ครู่ บั เฉยไวๆ้ ) พานเถอะนะแม่พาน X X X X X X -าน มาช่วยกันพานฟางเอย (ลูกครู่ ับ) ชา้ แมเ่ อ๋ย ฟางเอ๋ย X X X X X X -าน มาชว่ ยกันพานฟางเอย ตวั อยา่ งเพลงพานฟาง ชาย พานเถอะนะก็แม่พาน (เฉยไว้ เฉยไว้) พานเถอะนะก็แมพ่ าน อย่ามัวนงั่ รอบ ๆ อยขู่ อบลาน มาช่วยกันพานฟางเอย (ลกู คู่รับ) ช้าแม่เอ๋ยฟางเอย๋ (อย่ามวั น่ังรอบๆ อยขู่ อบลาน) มาช่วยกันพานฟางเอย หญิง พานเถอะนะก็พ่อพาน (เฉยไว้ เฉยไว้) พานเถอะนะก็พ่อพาน อยา่ มัวนงั่ ตะบยุ คยุ วัวลาน มาช่วยกันพานฟางเอย (ลูกคูร่ ับ) ช้าแม่เอย๋ ฟางเอย๋ (อย่ามัวน่ังรอบๆ อยู่ขอบลาน) มาชว่ ยกนั พานฟางเอย ทานองเพลงพานฟาง - - - - - - - พาน --- ม -เถอะ– นะ -- แม่ พาน - เฉย – ไว้ - เฉย – ไว้ - - - - - - - พาน -เถอะ – นะ - ก็ แ ม่ -ม–ซ -ดรม -ซ–ม -ซ–ม - - - ม - ม – ซ พาน -ดรม -อย่ามวั นัง่ -รอบ –รอบ -อยู่ –ขอบ - ลาน - - - - มาช่วย - - กนั พาน - - - ฟาง - - - เอย - รมซ - ม –ซ - ม - ร - ม - - - - ม ซ - - ซ ม - - - ม - - - ร - - - ชา้ - -แม่ เอย - - - - - ฟาง– เอย -อยา่ มัวนัง่ -รอบ –รอบ -อยู่ –ขอบ - ลาน - - ---ม --ม ซ - ม - ซ - รมซ - ม –ซ - ม - ร - ม - - -อย่ามัวน่ัง -รอบ –รอบ -อยู่ –ขอบ - ลาน - - - - มาช่วย - - กนั พาน - - - ฟาง - - - เอย - รมซ - ม –ซ - ม - ร - ม - - - - ม ซ - - ซ ม - - - ม - - - ร

๓ ๒. เพลงสงคอลาพวน เปน็ เพลงทีร่ ้องในประกอบกจิ กรรมนวดข้าว ต่อจากเพลงพานฟาง เมื่อ เข่ยี ฟางออกจากเมล็ดข้าวแล้ว จะตอ้ งนาข้าวเปลือกท่ไี ด้มาฝัด เพ่ือแยกเศษฟางและข้าลีบ (ลาพวนข้าว) ออกไป ขณะฝดั ขา้ วก็ร้องเพลงสงคอลาพวนโตต้ อบกนั เพลงสงคอลาพวนมีฉันทลักษณ์แบบกลอนหัวเดียวท่ีจากดั รูปแบบวา่ ตอ้ งเปน็ “กลอนไล” เท่านั้น ๑ บทจะมกี ีว่ รรคกไ็ ด้ ดงั ฉันทลกั ษณ์ต่อไปนี้ ฉนั ทลักษณเ์ พลงสงคอลาพวน (ขึน้ ) สงคอลาพวนเอย ลาพวนกล็ าไผ่ X X X X X X A X X X X X X ไ- .....................(กวี่ รรคกไ็ ด้)......................... (รับ) เชียะชอ่ แมเ่ อยดอกไม้ X X X ไ- นะนวลเอย ตัวอย่างเพลงสงคอลาพวน ลาพวนกล็ าเอย๋ ไผ่ (ลูกคูร่ บั ซา้ ) ชาย สงคอลาพวนเอย หวังจะได้เคยี งข้างแมน่ างเอ๋ยใน พ่ีมาสงสง สางสาง รบั รกั พชี่ ายนะนวลเอย เชยี ะ ชอ่ แม่เอยดอกไม้ ลาพวนกล็ าเอ๋ยไผ่ (ลกู ค่รู ับซา้ ) หญงิ สงคอลาพวนเอย คงไม่มีทางไดช้ ่ืนหวั ใจ พม่ี าสงสง สางสาง รบั รกั ไม่ไดน้ ะนวลเอย เชยี ะ ช่อแม่เอยดอกไม้ ทานองเพลงสงคอลาพวน - - - สง - - - คอ - - ลาพวน - - - เอย - - - - - ลา – พวน - - กล็ า - เอย๋ – ไผ่ ---ซ ---ม --รม ---ร - ด – ร - - ลดล - ด – ล - - พ่ีมา - สง –สง - - - - - สาง –สาง - หวงั จะได้ - แ น บ – - - แม่นาง - เอย๋ – ใน --ด -ร–ด - ร – ด - ล ด ร ข้าง --ดม -ซ–ร ม -ม–ม - เชยี ะ –ชอ่ -– แม่ เอย - - - - - ดอก –ไม้ - รับ –รกั - พี่ – ชาย - – นะนวล - - - เอย -ร–ล - –ดร ดรดล -ม–ม -ด–ร - – ซร ดล–ด ๓. เพลงชกั กระดาน เพลงชักกระดานหรอื เพลงช้างชัก เป็นเพลงที่ร้องในกจิ กรรมการนวดข้าว ต่อจากเพลงสงคอลาพวน ขณะท่ีชายหญิงช่วยกนั ชักกระดานลากขา้ ว ไปรวมกองไวเ้ พลงชักกระดานเปน็ เพลง สน้ั ๆ มฉี นั ทลักษณเ์ ป็นกลอนหวั เดยี วทส่ี นุกสนาน ขึน้ ตน้ บทเพลงทุกครัง้ ดว้ ยคาว่า “ชา้ งเอย ชา้ งชกั ” ชา้ งน้อย หอ้ ยหกั หกั อยยู่ อด (ชอ่ื ต้นไม้) เนื้อรอ้ งวรรคต่อมาตอ้ งแต่งให้สมั ผัสกับคาลงท้ายของช่ือต้นไมน้ นั้ ๆ แล้วรอ้ ง วรรคลงว่า “หน่อละนอย น้อละนอยนา่ รกั ชักใหเ้ สมอกันเอย” ฉันทลักษณเ์ พลงชกั กระดาน ช้างเอย ช้างชกั ช้างน้อยห้อยหัก หักอยู่บน (ช่อื ต้นไม้) XXXX XX มาชว่ ยกันชัก (ลกู ครู่ บั ) หนอ่ ละนอย น้อละนอยนา่ รกั ชักใหเ้ สมอกันเอย

๔ ชาย ชา้ งเอย ชา้ งชัก ช้างนอ้ ยหอ้ ยหัก หกั อยบู่ นหลักเกียด ขอเชญิ แมส่ าวเนอ้ื ละเอียด มาชว่ ยกันชกั (ลูกค)ู่ หนอ่ ละน้อละนอยนา่ รัก ชกั ใหเ้ สมอกันเอย หญิง ช้างเอย ช้างชกั ชา้ งนอ้ ยห้อยหัก หักยอดจาปี ขอเชิญพอ่ หนุ่มราชบุรี มาชว่ ยกันชกั (ลูกค)ู่ หนอ่ ละน้อละนอยน่ารกั ชักใหเ้ สมอกันเอย ทานองเพลงชกั กระดาน - - - - -ช้าง – - - - - -ช้าง – ชกั -ช้าง – นอ้ ย - ห้อย – หกั - หกั อยบู่ น -ยอด–ตาล - - - - เอย - - - - - ด – ร - ม - ม - ร – - ดดร - ด – ร -ด–ร ด - - ขอเชิญ - -แม่สาว - - - - - ตา –หวาน - - - - - มา –ช่วย - - - - - กนั –ชกั - - มร –ล–ด -ร– ม ---- -ด–ล ---- -ด–ร - - - หนอ่ - – ละนอย -น้อละนอย - นา่ –รกั - ชกั –ให้ - - เสมอ - – - กนั - - - เอย --–ล - –ดร -มรด - ล -ร -ม–ด –ร–ม - – -ร -- –ด ส่วนที่ ๒ คุณคา่ และบทบาทของวถิ ีชุมชนท่ีมตี ่อมรดกภมู ิปัญญาทางวฒั นธรรม ๑. คุณค่าของมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมท่สี าคญั เพลงบนลานนวดขา้ ว(เพลงพานฟาง เพลงสงคอลาพวน และเพลงชักกระดาน) เปน็ เพลงพ้ืนบ้าน ทีเ่ ป็นภูมปิ ญั ญาท้องถน่ิ ท่มี เี อกลักษณ์ มเี สนห่ ์ในทานองและการเลน่ การรอ้ ง เน้ือหาดง้ั เดิมของเพลงแสดงถึง ความเป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอนของคนไทย การรจู้ ักสรา้ งสงิ่ บนั เทงิ มาร้องเล่นกันให้คลายเหนื่อยและสร้างความ รักใคร่ สามัคคกี ันในการลงแขกนวดขา้ ว การใช้ปฏภิ าณในการโต้ตอบเพลงกนั นอกจากนีท้ านองเพลงพนื้ บา้ นบนลานนวดข้าวน้สี ามารถนามาประดิษฐเ์ นือ้ น้องในบรบิ ทอ่ืนๆ ให้ ร่วมสมยั ได้ สมควรท่จี ะได้รบั การฟน้ื ฟู สบื ทอด สืบสาน สูค่ นรนุ่ หลงั เพ่อื เป็นมรดกของชาตสิ บื ไป ๒. บทบาทของชมุ ชนท่ีมีต่อมรดกภูมปิ ัญญาทางวัฒนธรรม ชุมชนพยายามอนรุ กั ษ์ ฟ้ืนฟู โดยการนาไปแสดงสาธิตตามงานตา่ งๆ และเปน็ แหลง่ เรียนรู้ภูมิ ปญั ญาท้องถนิ่ ของชมุ ชน ตามโอกาส ๓. รายชอ่ื ผูส้ ืบทอดหลัก - กลมุ่ ชาวบ้านตาบลโพหัก อาเภอบางแพ จงั หวัดราชบุรี - นางสาวจนิ ตนา กลา้ ยประยงค์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั หมู่บ้านจอมบึง

๕ เอกสารอา้ งองิ สกุ ัญญา สุจฉายา.(2545). เพลงปฏิพากย์: บทเพลงแหง่ ปฎภิ าณของชาวไทย. กรุงเทพฯ : มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร.์ เอนก นาวิกมลู . (2527). เพลงนอกศตวรรษ ฉบับปรับปรงุ . (พมิ พ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ : สานกั พิมพเ์ มืองโบราณ. เอนก นาวกิ มลู . (2527).หนังสอื ที่ระลึกเนอ่ื งในงานพระราชทางเพลงิ ศพ นางทองอยู่ รักษาพล (แม่เพลง) ณ เมรุ วัดเกาะสุวรรณาราม สะพานใหม่ กรุงเทพฯ. สารานกุ รมเพลงพน้ื บ้านภาคกลาง: โรงพิมพ์ พิฆเนศ. บุคคลอา้ งอิง ๑. นายชืน่ เมืองครุฑ ที่อยู่ : 34 หมู่ที่ 11 ต.โพหัก อ.บางแพ จ.ราชบรุ ี ๒. นางอ้วิ กลัดภู่ ทอ่ี ยู่ : 14 หมทู่ ี่ 3 ต.โพหัก อ.บางแพ จ.ราชบรุ ี ๓. นางวน ฉนุ พ่วง ท่ีอยู่ : 21 หมูท่ ี่ 3 ต.โพหกั อ.บางแพ จ.ราชบุรี ๔. นางอร แช่มเฉื่อย ที่อยู่ : 91 หมู่ที่ 10 ต.โพหัก อ.บางแพ จ.ราชบุรี ๕. นางปราณี เกียรติดา ทอี่ ยู่ : 138 หมทู่ ่ี 6 ต.โพหัก อ.บางแพ จ.ราชบรุ ี รูปภาพ ไม้คันฉาย หรือไม้ขอฉาย ทาดว้ ยไม้ไผ่ สาหรับพานฟาง

๖ ลักษณะของไมค้ ันฉาย หรือขอฉาย พานเอาฟางออกจากเมล็ดข้าวทน่ี วดแลว้ พรอ้ มกบั รอ้ งเพลงพานฟางไปดว้ ย

๗ สงลาพวน โดยการแยกเมลด็ ขา้ วลบี และเศษฟางออกโดยใช้กระด้งหรอื เครอื่ งสีฝัด พรอ้ มรอ้ งเพลง สงคอลาพวนไปด้วย ชว่ ยกันชกั กระดานลากขา้ วไปรวมกอง เตรยี มเข้ายงุ้ พรอ้ มร้องเพลงชักกระดาน(หรือเพลงชา้ งชกั )

๘ สาธติ การเลน่ เพลงพานฟาง โดยชาวบา้ นโพหกั พอ่ เพลงแม่เพลงชาวโพหัก นายชื่น เมอื งครุฑ

๙ นางอิ้ว กลัดภู่ นางวน ฉุนพว่ ง นางอร แชม่ เฉื่อย

๑๐ นางปราณี เกยี รติดา จดั ทำ : สำนกั งำนวฒั นธรรมจังหวัดรำชบรุ ี จดั เก็บ/เรยี บเรยี งข้อมูล : นางสาวจนิ ตนา กลา้ ยประยงค์ มหาวิทยาลัยราชภฏั หม่บู ้านจอมบงึ