หน่วยการเรียนรู้ 3 มาตรฐานอตุ สาหกรรม มาตรฐานอุตสาหกรรม ความหมายของมาตรฐานอุสาหกรรม (มอก.) มาตรฐานอุตสาหกรรม หรอื เรียกช่อื ยอ่ ว่า มอก. หมายถึงข้อกาหนด ทางวิชาการท่ี สานกั งานมาตรฐานผลิตภัณต์อสุ าหกรรม (สมอ.)ได้ กาหนดขน้ึ เพ่ือเป็นแนวทางแกผ่ ผู้ ลิตในการผลติ สนิ คา้ ให้มีคุณภาพใน ระดบั ทีเ่ หมาะสมกับการใช้งานมากที่สดุ โดยจัดทาออกมาเปน็ เอกสาร และจัดพิมพเ์ ป็นเล่ม ภายใน มอก. แตล่ ะเลม่ ประกอบด้วยเนื้อหาที่เกย่ี วขอ้ งกับการผลิตผลติ ภณั ฑน์ ัน้ ๆ เช่น เกณฑ์ทางเทคนคิ คุณสมบัตทิ สี่ าคัญ ประสิทธถิ าพของการนาไปใช้งาน คุณภาพของวัตถุทีน่ ามาผลิต และวธิ กี ารทดสอบความสาคญั ของมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.)ความสาคัญของมาตรฐานอตุ สาหกรรม (มอก.) ทเ่ี ปน็ ประโยชน์ต่อผเู้ ก่ยี วขอ้ ง มีดงั ต่อไปน้ีความสาคัญดา้ นผูผ้ ลิต ไดแ้ ก่ - ช่วยเพมิ่ ประสิทธภิ าพในการผลิต - ลดรายจ่าย ลดเครอื่ งจักร ลดขั้นตอนการทางานซบั ซ้อน - ทาให้สินค้ามคี ุณภาพดีขึ้น และมีราคาถูกลงความสาคัญด้านผู้บริโภค - ช่วยในการตดั สินใจเลอื กซื้อสินค้า และสร้างความปลอดภัยในการนามาใช้ - ในกรณีท่ชี ารดุ ก็สามารถหาอะไหล่ไดง้ ่าย เพราะสินคา้ มีมาตรฐานเดยี วกันใชท้ ดแทนกันได้ - ได้สนิ คา้ คณุ ภาพดขี ึ้นในราคาท่เี ป็นธรรมคุ้มคา่ การใชง้ าน - วธิ ีการบารุงรกั ษาใกลเ้ คยี งกัน ไม่ต้องหัดใช้สินค้าใหมท่ ุกคร้งัความสาคัญด้านเศรษฐกจิ ส่วนรวมหรือประโยชนร์ ว่ มกัน - ชว่ ยเปน็ สื่อกลางและบรรทัดฐานทางการคา้ ทาใหผ้ ูผ้ ลิตและผ้บู ริโภคมีความเข้าใจทีต่ รงกนั - ก่อใหเ้ กิดความยตุ ิธรรมในการซื้อขาย - ประหยัดการใชท้ รัพยากรของชาติ ทาให้มีการใช้ทรัพยากรอย่างเกิดประโยชนส์ ูงสุด - สร้างโอกาสทางการแขง่ ขันใหก้ บั ผปู้ ระกอบการไทย
- ปอ้ งกันสินคา้ คุณภาพต่าเข้ามาจาหน่ายในประเทศ - สร้างความเข้มแขง็ ให้กับอุตสาหกรรมและเศรษฐกจิ ของประเทศ ความหมายของเลขมาตรฐานคณุ ภาพ หมายเลขมาตรฐานคณุ ภาพ (มอก.) คือหมายเลขทีก่ าหนดขึน้ เพื่อระบุลาดบั ที่ของการออกมาตรฐานและปีท่ี สมอ. ประกาศเปน็ มาตรฐาน ซง่ึ จะระบุอย่บู นตวั สินค้า ตัวอยา่ งเช่น เคร่ืองหมายมาตรฐานท่แี สดงสินค้าไดร้ ับมาตรฐานอะไร เช่น มอก. 56-2533 คือ ผลิตภณั ฑ์น้าตาลทราย ซึง่ หากผลติ ภัณฑ์ไดร้ ับการรบั รองคุณภาพตามมาตรฐานอสุ าหกรรม (มอก.) กจ็ ะสามารถแสดงเครอ่ื งหมาย มอก. บนผลติ ภณั ฑน์ นั้ ได้ผู้ท่กี าหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมคอื ใคร คอื สานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) สังกัดกระทรวงอุสาหกรรม ซง่ึ เป็นสถาบันมาตรฐานแหง่ ชาติ มหี นา้ ที่การกาหนดมาตรฐาน โดยมี คณะกรรมการมาตรฐานผลติ ภัณฑอ์ ตุ สาหกรรม(กมอ.) ซ่ึงประกอบดว้ ยบคุ คลสามฝา่ ยมารวมกันกาหนดมาตรฐานเพอ่ื ให้มาตรฐานแตล่ ะเรื่องมีความเหมาะสมและสอดคล้องกนั กบั ความต้องการของผู้ผลติ และผใู้ ช้ ตลอดจนมคี วามถูกต้องทางวิชาการซงึ่ สามารถนาไปอ้างอิงได้ ได้แก่ 1. ผผู้ ลติ 2. ผูใ้ ช้ 3. นักวชิ าการ เครื่องหมายมาตราฐาอุตสาหกรรม (มอก.) เครื่องหมายมาตรฐาน หรอื เครือ่ งหมายมาตรฐานอตุ สาหกรรม (มอก.) ท่ี สมอ. อนุญาติให้แสดงกบัผลติ ภัณฑ์ขณะนม้ี ี 5 เคร่อื งหมาย คือ 1. เครื่องหมายมาตรฐานทัว่ ไป 2. เครอ่ื งหมายมาตรฐานบงั คบั 3. เครอ่ื งหมายมาตรฐานเฉพาะดา้ นความปลอดภยั 4. เคร่อื งหมายมาตรฐานเฉพาะด้านส่ิงแวดล้อม 5. เคร่อื งหมายมาตรฐานเฉพาะดา้ นความเขา้ กันไดท้ างแม่เหล็กไฟฟ้า
ความรู้เก่ียวกบั มาตรฐาน การมาตรฐาน หมายถึง กจิ กรรมในการวางข้อกาหนดที่เกย่ี วเนอื่ งกับปญั หาสาคัญทีม่ อี ยู่หรือจะเกิดขึน้เพื่อให้เปน็ หลกั เกณฑ์ใช้กันทั่วไป จนเปน็ ปกติวสิ ัย โดยม่งุ ใหบ้ รรลุถึงความสาเร็จสูงสุดตามข้อกาหนดท่วี างไว้ มาตรฐาน หมายถึง เอกสารทจ่ี ัดทาขึน้ จากการเห็นพอ้ งตอ้ งกนั และได้รับความเห็นชอบจากองค์กรอันเป็นท่ยี อมรับโดยทัว่ กันไปเอกสาร ดังกลา่ ววางกฏระเบยี บแนวทางปฏิบัตหิ รือลักาณะเฉพาะแหง่ กจิ กรรมหรือผลท่เี กดิ ข้ึนของกิจกรรมนั้นๆเพอื่ ใหเ้ ปน็ หลักเกณฑ์ใช้กนั ท่ัวไปจน เป็นปกติวสิ ัย โดยมุง่ ให้บรรลถุ งึ ความสาเร็จสงู สดุ ตามข้อกาหนดที่วางไว้ระดบั ของมาตรฐาน ระดบั ของมาตรฐานแบ่งออกเปน็ 6 ระดับท่สี าคัญ ดังนี้ 1.มาตรฐานระดับบุคคล กาหนดขน้ึ โดยผทู้ ่ีตอ้ งการใชแ้ ต่ละบคุ คลโดยไปถึงการกาหนดโดยแตล่ ะหน่วยงานเพ่อื ให้เป็นไปตาม ความประสงคข์ องแตล่ ะคนหรอื แตล่ ะหนว่ ยงาน 2. มาตรฐานระดับบริษัท กาหนดขน้ึ โดยการตกลงร่วมกันของแผนกในบรษิ ัท เพื่อใช้เปน็ แนวทางในการออกแบบการผลิต การซื้อขาย ฯลฯ 3.มาตรฐานระดบั สมาคม กาหนดขึ้นจากกลุ่มบริษัทหรือโดยกลุม่ บคุ คลทีอ่ ยู่ในธรุ กิจการคา้ เดียวกนัหรอื เกดิ จากข้อตกลงของกลุ่มบรษิ ทั หรือโรงงานที่มกี จิ กรรมของอตุ สาหกรรมเปน็ อย่างเดยี วกนั หรือมีการผลติของชนดิ เดยี วกนั 4. มาตรฐานระดบั ประเทศ เป็นมาตรฐานที่ไดจ้ ากการประชุมหารอื เพือ่ หาข้อตกลงร่วมกนั ของผูเ้ ก่ียวขอ้ งหลายฝา่ ยในชาติ โดยมีหนว่ ยงาน มาตรฐานของชาตินั้น ๆ เป็นศูนยก์ ลาง ซง่ึ หน่วยงานมาตรฐานของชาติอาจเปน็ หนว่ ยงานของรัฐหรือเอกชนก็ได้ 5. มาตรฐานระดับภูมภิ าค เป็นมาตรฐานท่เี กิดขน้ึ จากการประชุมปรึกษาหารอื กันระหว่างประเทศในภูมภิ าคเดียวกนั แลว้ กาหนดข้อตกลงร่วมกนั ส่วนมากจะเป็นการปรบั มาตรฐานระดับประเทศในภมู ภิ าคเดียวกนั ให้มีสาระสาคัญสอดคล้องกัน 6. มาตรฐานระดับประเทศ เป็นมาตรฐานที่ได้จากข้อตกลงร่วมกันของประเทศสมาชกิ ต่าง ๆ ทมี่ ีความสนใจรว่ มกนั การสร้างบรรยากาศในองค์กรกับความก้าวหนา้ ของบคุ ลากร การสร้างบรรยากาศในองค์กรกบัความกา้ วหน้าของบุคลากร และการพัฒนาองคก์ รจาเปน็ ต้องมีลาดบั ขน้ั ตอนในการดาเนินงาน เพื่อนาไปสู่ความสาเรจ็ ขององคก์ ร ซ่ึงพอสรปุ ได้ คือองค์กรควรจะกาหนดแผนระยะยาว ซึง่ ในแผนน้นั จะต้องมีเป้าหมาย และวัตถุประสงคเ์ ฉพาะเจาะจง
1. องคก์ รจะต้องกาหนดความตอ้ งการดา้ นกาลงั คนจากวตั ถปุ ระสงค์และเปา้ หมาย เพ่ือบคุ ลากรคนปัจจุบนั จะไดเ้ ตรยี มตัว หรอื อาจแสวงหาความรู้เพ่ิมเตมิ เพ่ือความก้าวหน้าในการทางานของเขา 2. องค์กรควรทาการสารวจบุคลากรที่มีอยู่ เพื่อจะได้รวู้ า่ ปัจจบุ ันมกี าลังคนลักษณะและคณุ สมบตั ิอยา่ งไร 3. องค์กรควรคานงึ ถึงกาลงั คนท่มี ปี จั จุบัน กับความต้องการกาลังคนขององค์กรในกิจการงานท่สี าคัญตา่ ง ๆ เพ่ือจะไดจ้ ดั คนให้เหมาะสมกบั งานหรอื หน้าท่ี 4. องค์กรควรจะกาหนดโครงการฝึกอบรมตามความต้องการ เพ่ือส่งเสริมบุคลากรให้มคี วามกส้ วหน้าในการทางาน หรือปรับตวั ให้ทันกบั เทคโนโลยสี มยั ใหม่ หรอื การสรรหาบุคลากรเพ่ิมเติมตามความจาเปน็ ขององค์กร 5. องคก์ รควรจะส่อื สารบอกกล่าวใหบ้ ุคลากรรถู้ งึ ความตอ้ งการกาลงั คนประเภทต่าง ๆ เพอ่ื ให้บคุ ลากรได้มีความกระตอื รือร้นในการพัฒนาตนเองเสมอ 6. องค์กรควรจดั รับสมคั ร สมั ภาษณ์ คดั เลือก และตระเตรียมบคุ ลากรให้อยใู่ นสภาพพร้อมที่ทางานจัดทาคาบรรยายลกั ษณะงานไวอ้ ยา่ งชดั เจน วางแผนงานให้เหมาะสมตามสภาพกาลังคนที่มอี ยู่ และทรี่ ับเขา้มาใหม่ 7. องค์กรควรมีระบบตรวจสอบการสื่อภายใน เพื่อรกั ษาบรรยากาศขององค์กรการจัดประเภทมาตรฐานอุตสาหกรรม กรมพฒั นาธรุ กจิ การค้า ได้ปรบั ปรุงการจัดประเภทธุรกิจ จากการจดั ประเภทมาตรฐานอุตสาหกรรม(ประเทศไทย) ปี 2544 (TSIC ปี 2544) เป็นการจดั ตามประเภทมาตาฐานอสุ าหกรรม (ประเทศไทย) ปี2552(TSIC ปี 2552) เพ่อื ให้ฐานข้อมลู ของกรมเปน็ มาตรฐานสากลและสามารถวเิ คราะห์ แลกเปลี่ยนหรอืเปรยี บเทยี บข้อมูลระหว่างหน่วยงานตา่ งๆ ได้ ผ้ยู ืน่ คาขอจดทะเบยี น โปรดกรอกรหสั ธุรกิจ (TSIC) ปี 2552 ในแบบ สสช.1 และผู้ย่นื งบการเงิน โปรดกรอกรหสั ธรุ กิจ (TSIC) ปี 2552 ในแบบนาส่งงบการเงนิ สบช. 3 แทนTSIC ปี 2544 การจดั ประเภทมาตรฐานอุตสาหกรรมประเทศไทยความเป็นมา การจัดประเภทมาตรฐานอุตสาหกรรมประเทศไทย เดิมเป็นภารกิจของกรมแรงงานกระทรวง มหาดไทย จัดพิมพ์ครั้งแรกเม่ือปี พ.ศ. 2515 โดยใช้หลักเกณฑ์การจัดแบ่งหมวดหมู่และการกาหนดรหัสตามการจัดประเภทมาตรฐานอุตสาหกรรมสากล (International Standard IndustrialClassification of A ll Economic Activities 1968 : ISIC) ขององค์การสหประชาชาติ (United Nations)ทั้งน้ี เพ่ือประโยชน์ในการบริหารงานแรงงาน เช่น การจัดหางาน การแนะแนวอาชีพ งานคุ้มครองแรงงาน งานพัฒนาแรงงาน งานจัดเก็บสถิติอุตสาหกรรม และสถิติเศรษฐกิจอื่น ๆ ที่เก่ียวข้อง รวมทั้งสามารถ เปรียบเทียบข้อมูลกับนานาประเทศได้ในระบบสากล นอกจากน้ีหน่วยงานต่าง ๆ ยังสามารถ
นาไปใช้ประกอบการวางแผนกาลังคน การศึกษา การฝึกอบรมและการวางแผนพัฒนาอุตสาหกรรม ต้ังแต่ปีพ.ศ. 2536 เป็นต้นมา การจัดประเภทมาตรฐานอุตสาหกรรมประเทศไทย เป็นภารกิจของกระทรวงแรงงานโดยกรมการจดั หางานเป็นหนว่ ยงานหลกั ในการดาเนนิ การจดั ทาข้อมลู และกาหนดรหัส หมวดหมู่อุตสาหกรรมตามหลักเกณฑ์เดียวกันกับการจัดประเภทมาตรฐานอุตสาหกรรมสากล (ISIC) และได้ดาเนินการปรับปรุงมาตรฐานอุตสาหกรรมคร้ังท่ี 2 ในปี พ.ศ. 2544 ในปี พ.ศ. 2549 องค์การสหประชาชาติได้ดาเนินการปรับปรุงมาตรฐานอุตสาหกรรมสากลขึ้นใหม่ เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจได้เปลี่ยนแปลงไป และสืบเนื่องจากการประชุมของกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนได้ร่วมกันผลักดันให้มีการปรับปรุงการจัดประเภทมาตรฐานอุตสาหกรรมเพื่อให้เป็นแนวทางเดียวกันภายในประเทศกลุ่มสมาชิก โดยนาโครงสร้างของการจัดประเภทมาตรฐานอุตสาหกรรมสากล ปี พ.ศ. 2549 ( International Standard Industrial Classification) ISICRev.4 มาเป็นแนวทางในการจัดทา ASEANCommon Industrial Classification ; ACIC และให้แต่ละประเทศไดน้ าไปปรบั ขอ้ มูลอตุ สาหกรรมให้สอดคล้องกบั ACIC และ ISIC Rev.4 วัตถปุ ระสงค์ 1. เพ่อื ปรับปรุงข้อมูลอุตสาหกรรมของประเทศไทยตามโครงสร้างการจัดประเภทมาตรฐานอตุ สาหกรรมที่ได้มีการปรบั ปรงุ ใหม่ให้เป็นสากล 2. เพื่อใหส้ อดคล้องกบั การเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกจิ 3. เพือ่ ใหห้ นว่ ยงานทั้งภาครฐั และเอกชนไดใ้ ชฐ้ านข้อมลู เดียวกนั 4. เพื่อใช้ในการวเิ คราะห์ เปรียบเทยี บข้อมูลกบั นานาประเทศ การดาเนนิ งานปี พ.ศ.2551 1. แปล ศกึ ษาข้อมูลจากเอกสาร ACIC และ ISIC Rev.4 เปรยี บเทยี บโครงสรา้ งและข้อมูล การจัดประเภทอตุ สาหกรรมประเทศไทยฉบบั ปี พ.ศ. 2544 กบั ACIC และ ISIC Rev.4 2. นารา่ งมาตรฐานอุตสาหกรรมประเทศไทย ปี พ.ศ. 2544 มาพิจารณาจดั หมวดหมู่ ใหส้ อดคล้องกบั ACIC และ ISIC Rev.4 3. จัดประชมุ คณะอนุกรรมการเฉพาะสาขา เพอ่ื พิจารณาตรวจ แก้ไขรา่ งนยิ าม ให้แนะนา รวมทัง้การเพิ่มเตมิ ข้อมูลและกาหนดเลขรหัสในระดบั ตวั อุตสาหกรรม (เลข 5 หลัก) และปรับปรุงแก้ไขข้อมูลตามขอ้ เสนอของอนุกรรมการ 4. การสมั มนาเชงิ ปฏิบตั ิการในหวั ข้อ “United Nation Workshop on International Economicand social Classification” ณ ศูนยป์ ระชุมสหประชาชาติ (UNESCAP) กรุงเทพฯ สานกั งานอาเซียนได้แจง้ใหท้ ราบว่าเปน็ การตกลงกันในกลมุ่ ประเทศอาเซยี น ใหน้ าโครงการนาร่องการจดั จาแนกอตุ สาหกรรมในภมู ภิ าคอาเซยี น (East Asia Expert Meeting on Manufacturing Statistic ; EAMS) ซง่ึ เปน็ การศึกษารว่ มกันดา้ นการผลติ โดยประเทศญี่ปนุ่ ได้ใหท้ ุนแก่ประเทศไทย เวียดนาม อินโดนเี ซีย และฟลิ ปิ ปนิ ส์
เพ่ือนาขอ้ มลู การศกึ ษาดา้ นการผลติ มาปรบั เข้าดว้ ยกันกับ ISIC และ ACIC ของ แต่ละประเทศ กรมการจดั หางานจึงไดป้ ระสานงานไปยงั สานกั งานสถติ ิแห่งชาติ ซึง่ รบั ผดิ ชอบ EAMS เพ่ือหารอื เรอื่ งข้อมลู ในการนามาจดั ทาประเภทมาตรฐานอุตสาหกรรมประเทศไทย ให้เปน็ แนวทางเดียวกบั ประเทศในกลุ่มอาเซยี น 5. จดั ต้ังคณะทางานโดยมเี จ้าหนา้ ท่ขี องกรมการจดั หางาน และสานักงานสถติ แิ ห่งชาติ เพื่อศึกษาการจัดประเภทมาตรฐานอุตสาหกรรมของประเทศในกลุ่มอาเซียนประกอบการพิจารณาทบทวนการปรบั ปรงุแก้ไขร่างนยิ ามตัวอตุ สาหกรรมประเทศไทย (เลข 5 หลัก) 6. ดาเนนิ การตรวจสอบความถกู ต้อง แกไ้ ขคาศัพทเ์ ฉพาะ ศัพทว์ ิชาการใหถ้ ูกต้อง และสอดคล้องกนั ตามที่คณะอนุกรรมการแตล่ ะสาขาได้ให้ข้อเสนอแนะไว้ 7. นาเสนอคณะกรรมการทป่ี รึกษาเพ่อื ปรบั ปรุงการจดั ประเภทมาตรฐานอาชีพและอตุ สาหกรรม เพื่อพจิ ารณาจดั พมิ พ์เผยแพร่ โครงสร้าง กรมการจัดหางาน ไดจ้ ัดประเภทมาตรฐานอตุ สาหกรรม (ประเทศไทย) โดยใช้หลกั เกณฑ์ และโครงสรา้ งของการจดั ประเภทมาตรฐานอตุ สาหกรรมสากล ISIC Rev.4 คือ การจัดประเภทอตุ สาหกรรมท่ีคลา้ ยกันเข้าอย่ใู นกลมุ่ เดยี วกัน โดยแบ่งเปน็ หมวดใหญ่ หมวดย่อย หมใู่ หญ่ และหมูย่ ่อย หมวดใหญ่(Section) เป็นกลุ่มอตุ สาหกรรมที่ใหญ่ที่สดุ แบ่งเปน็ 21 หมวดใหญ่ แทนด้วยตัวอักษร 1 ตวั คอื A-U หมวดยอ่ ย (Division) จาแนกย่อยจากหมวดใหญ่ แทนดว้ ยเลขรหัสตัวที่ 1 – 2 หมูใ่ หญ่ (Group)จาแนกย่อยจากหมวดย่อยแทนด้วยเลขรหสั ตวั ที่ 1 – 3 หมู่ย่อย (Class) จาแนกย่อยจากหมใู่ หญ่แทนด้วยเลขรหัสตวั ท่ี 1 – 4 ตวั อตุ สาหกรรม (Industry) เปน็ หน่วยทีเ่ ล็กทสี่ ุดทีแ่ ตล่ ะประเทศจัดขึน้ เอง โดยจาแนกจาก หม่ยู ่อย แทนดว้ ยเลขรหสั ตวั ท่ี 1 – 5 การจดั ประเภทมาตรฐานอตุ สาหกรรมสากล (ISIC) จะจาแนกประเภทไวถ้ ึงหมู่ย่อยเทา่ นัน้ การจัด ประเภทในระดบั ที่เลก็ ลงจากหม่ยู ่อย องค์การสหประชาชาติให้เปน็ หน้าท่ีของแตล่ ะประเทศ ในการพิจารณา จัดจาแนกรายละเอียดตัวอุตสาหกรรมตามโครงสรา้ งเศรษฐกจิของแต่ละประเทศ ซงึ่ ประเทศไทยไดจ้ ัดกลุ่ม ตัวอุตสาหกรรมในประเทศไว้เชน่ กนั โครงสรา้ งทางเศรษฐกจิสามารถแสดงได้ ดังน้ี โครงสรา้ ง กิจกรรมทางเศรษฐกจิ เลขรหัส หมวดใหญ่ เกษตรกรรม ป่าไม้ และการประมง A หมวดย่อย การเพาะปลูกและการเล้ยี งสัตว์ การล่าสตั ว์และกจิ กรรมบริการทเ่ี กี่ยวขอ้ ง 01 หมู่ใหญ่ การปลูกพืชลม้ ลกุ 011 หม่ยู อ่ ย การปลกู ธญั พชื (ยกเว้น ขา้ ว) พืชตระกูลถว่ั และพืชน้ามนั 0111 ตวัอุตสาหกรรม การปลกู ข้าวโพดที่ใชเ้ มล็ดแก่ 01111
ค ว า ม เ ป็ น ม า ข อ ง ก า ร จั ด ป ร ะ เ ภ ท ม า ต ร ฐ า น อุ ต ส า ห ก ร ร ม ส า ก ล การจัดประเภทมาตรฐานอุตสาหกรรมขององค์การสหประชาชาติ (InternationalStandard Industrial Classification of All Economic Activities, ISIC) ได้นามาใช้คร้ังแรกเม่ือปี ค.ศ.1948 ตอ่ มาคณะกรรมาธิการเศรษฐศาสตร์และสังคม ได้เห็นชอบในเรื่องของความจาเป็นในการเปรียบเทียบขอ้ มลู กับนานาประเทศในดา้ นสถิติเศรษฐกิจ และคณะกรรมการด้านสถิติได้นาข้อเสนอแนะของเจ้าหน้าท่ีรัฐมาใช้ในการจัดประเภทมาตรฐานอุตสาหกรรมขององค์การสหประชาชาติ ได้แก่ 1) นาระบบการจัดประเภทมาใชใ้ ห้เป็นมาตรฐานของนานาประเทศ หรือ 2) ปรับปรุงข้อมูลสถิติให้สอดคล้องกับระบบนี้เพ่ือวัตถุประสงค์ในการเปรยี บเทียบกับ นานาประเทศประเทศตา่ ง ๆ ได้เหน็ ประโยชน์จากการใช้ข้อมูล ISIC ในการจัดประเภทกิจกรรมให้สอดคล้องกันตามประเภทของเศรษฐกิจ เช่น การผลิต หรือรายได้รวมของประเทศ การจ้างงานประชากร และอื่น ๆ เพ่ือเป็นข้อมูลพื้นฐานในประเทศ ความสาเร็จท่ีได้จากการเปรียบเทียบข้อมูลการจัดประเภทมาตรฐานอุตสาหกรรมของประเทศต่าง ๆ กับการจัดประเภทมาตรฐานอุตสาหกรรมขององค์การสหประชาชาติ คือ การได้รับข้อมูลท่ีเป็นประโยชน์ โดยแต่ละประเทศได้จัดประเภทและรายละเอียดให้สอดคล้องกับข้อมูลของ องค์การสหประชาชาติ ประเทศที่ปรับปรุงการจัดประเภทกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้เป็นไปตาม ISIC มีจานวน มากข้ึน องค์การสหประชาชาติ โดยองค์การพัฒนาอุตสาหกรรมขององค์การสหประชาชาติ (UNIDO), องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO), องค์การอาหารและการเกษตรกรรมขององค์การสหประชาชาติ (FAO), องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ และหน่วยงานระหว่างประเทศอื่น ๆ ที่ใช้ ISIC จึงได้มีการจัดพิมพ์ เพ่ือนามาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลด้านสถิติ จากการใช้ ISIC ที่ผา่ นมา ทาให้องค์การสหประชาชาติเหน็ ความจาเป็นในการจัดทาโครงสร้าง และคาจากัดความในการจัดประเภทมาตรฐานอุตสาหกรรมตามระยะเวลาและภายใต้หลักการท่ีกาหนดนอกจากน้ีการเปล่ียนแปลงกิจกรรมทางเศรษฐกิจของโลก และกิจกรรมทางเศรษฐกิจท่ีเกิดขึ้นใหม่ถือเป็นเรื่องสาคัญขณะเดียวกันก็มีความต้องการด้านการพัฒนาวิธีการวิเคราะห์ใหม่ๆจากระยะเวลาที่ผ่านมา มีการใช้ข้อมูลISIC อย่างต่อเน่ือง และมีการจัดประเภทกิจกรรมของแต่ละประเทศในทิศทางเดียวกันแสดงให้เห็นว่า ควรมีการเพ่ิมรายละเอียด ขยายความหรือพัฒนาในทางอื่น ๆ ด้วย เหตุนี้คณะกรรมการ ด้านสถิติจึงได้เริ่มพิจารณา ทบทวน และปรับปรุงแก้ไข ISIC ในปี ค.ศ. 1956 , 1965 , 1979 และในปี ค.ศ. 2000 ในขณะระหวา่ งดาเนินการปรบั ปรุง ได้มกี ารเปรยี บเทยี บข้อมลู ระหวา่ งฉบับที่ปรบั ปรุงแล้วกับฉบับเดิม ซ่ึงถือเป็นเรื่องสาคัญของการเปล่ียนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจและรูปแบบการผลิตทั่วโลก ท่ีต้องจัดสมดุลและความต่อเน่ืองของข้อมูล ISIC ให้สัมพันธ์กันด้วยความละเอียดรอบคอบ และใช้ เปรียบเทียบกับข้อมูลการจัดประเภทอตุ สาหกรรมอ่นื ๆ ได้
Search
Read the Text Version
- 1 - 7
Pages: