Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ชื่อเรื่องวิจัย การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์

ชื่อเรื่องวิจัย การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์

Published by ศกร.ตำบลทุ่งใหญ่, 2021-09-29 07:27:12

Description: ชื่อเรื่องวิจัย การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์

Search

Read the Text Version

ชื่อเร่อื งวจิ ัย การพัฒนาผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนวชิ าวิทยาศาสตร์ เรอื่ ง เซลล์ของสงิ่ มชี ีวิต ของนักเรยี น ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรแู้ ละการ เรยี นรู้ดว้ ย มลั ติมเี ดีย ผู้วิจยั นายบุญธรรม ภชู่ ม บทคดั ย่อ การวิจัยในชั้นเรียนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลัง เรียนโดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้และการเรียนด้วยมัลติมีเดียของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 กศน.ตำบลหนองหลวง อำเภอสว่างอารมณ์ จังหวัดอุทัยธานี ในรายวิชา วิทยาศาสตร์ เรื่อง เซลล์ของสิ่งมีชีวิต โดยวิธีการดำเนินงาน ผู้วิจัยได้เลือกกลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้น มัธยมศึกษาตอนตน้ จำนวนทั้งสิ้น 9 คน เป็นนักเรียน กศน.ตำบลหนองหลวง อำเภอสว่างอารมณ์ จังหวดั อุทัยธานี ซึ่งผู้วิจัยได้ทำการสอบวัดผลสัมฤทธิ์ก่อนการเรียนโดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้และการ เรียนรู้ด้วยมัลติมีเดียประเภทวีดิโอ ประกอบการสอน จำนวน 1 ครั้ง จากนั้นได้ดำเนินกิจกรรมการเรียนรู้ ใช้ ระยะเวลา 6 ชั่วโมง แล้วทำการ ทดสอบวัดความรู้หลังการจัดกิจกรรมโดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ และการเรยี นรู้ด้วยมลั ตมิ ีเดยี ประเภทวีดโิ อประกอบการสอน ดว้ ยข้อสอบฉบบั เดิม ผลที่ไดจ้ ากการวิจัย พบว่า ค่าเฉลี่ยของคะแนนและ ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานก่อนเรยี นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น เรื่อง เซลล์ ของสิ่งมีชีวิต จำนวน 15 คะแนน คือ 4.11 และ 1.05 ตามลำดับ และหลังจากจัดกิจกรรมการเรียนรู้แล้ว ค่าเฉลี่ยของคะแนนและ ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานหลังเรียน คือ 9.77 และ 1.39 ตามลำดับ และเมื่อทำการ เปรียบเทียบคะแนน ก่อน-หลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ พบว่า นักเรียนที่ได้รับการจัดกิจกรรมโดย กระบวนการสืบเสาะหา ความรู้และเรียนรู้ด้วยมัลติมีเดีย มีคะแนนหลังทดสอบเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทาง สถติ ทิ ่ีระดบั 0.05 แสดงใหเ้ ห็นว่า การจดั กิจกรรมโดยกระบวนการ สืบเสาะหาความรแู้ ละเรียนรดู้ ้วยมัลตมิ ีเดีย ส่งผลตอ่ ความรูค้ วามจำและความเข้าใจของนักเรียนอย่างชัดเจน

1 บทท่ี 1 บทนำ 1.1 ความสำคัญและทม่ี าของปญั หาทีท่ ำการวิจัย วิทยาศาสตร์มีบทบาทสำคัญยิ่งในสงั คมโลกปจั จบุ นั และอนาคต เพราะวิทยาศาสตร์เกย่ี วข้องกับ ชีวิตของทุกคนทั้งในการดำรงชีวิตประจำวันและในงานอาชีพต่างๆ เครื่องมือเครื่องใช้ ตลอดจนผลผลิตต่างๆ เพื่อใช้อำนวยความสะดวกในชีวิตและการทำงาน ล้วนเป็นผลของความรู้วิทยาศาสตร์ ผสมผสานกับความคิด สร้างสรรค์และศาสตร์อื่นๆ ความรู้วิทยาศาสตร์ช่วยให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างมาก พร้อมกันน้ัน เทคโนโลยีก็มีส่วนสำคัญมากที่จะให้การศึกษาค้นคว้าความรู้ทางวิทยาศาสตร์เพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง จาก ความสำคญั ของวิชาวทิ ยาศาสตรก์ ระทรวงศกึ ษาธิการจงึ ได้กำหนดใหว้ ิชาวทิ ยาศาสตรบ์ รรจุอยใู่ นการเรียนการ สอนจากพระราชบัญญัติการศึกษา หมวดที่ 4 ว่าด้วยเรื่องแนวการจัดการศึกษา กล่าวคือ การจัดการศึกษา ต้องยึดหลักว่า ผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด ผู้เรียนทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ ดังนั้นกระบวนการ จัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนได้พัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ การจัดการศึกษาต้องเน้นท้ัง ความรู้ คณุ ธรรรม และกระบวนการเรยี นรู้ ในเรอื่ งของสาระความรู้ใหบ้ ูรณาการความรู้และทักษะดา้ นต่างๆให้ เหมาะสมกับแต่ละระดับการศึกษาในกระบวนการเรียนการสอนวิชาชีววิทยา ปัญหาที่พบคือ เนื้อหาในส่วน ต่างๆของวิชา จะเป็นบทเรียนที่มีเนื้อหาจำนวนมากและส่วนใหญ่อาศัยการท่องจำและการทำความเข้าใจ เนอ่ื งจากเปน็ เนือ้ หาเกีย่ วกับระดับเซลล์และภายในร่างกาย ซ่ึงต้องอาศยั ความเขา้ ใจและจินตนาการเป็นสำคัญ จากการสังเกตการเรียนของนักเรียนและผลคะแนนท้ายหน่วยขากหลายๆครั้งที่ผ่านมา ครูผู้สอน พบว่า นักเรียนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจในบทเรียน มีปัญหาในด้านการท่องจำและการทำความเข้าใจ เนื่องด้วยปัญหา ดังกล่าวนี้ไม่ได้รับการแก้ไขหรือพัฒนา จะยิ่งทำให้ผู้เรียนประสบปัญหาในการเรียนรู้ยิ่งกว่าเดิม เนื่องจาก เนื้อหาแต่ละส่วนนั้นมีความเชื่อมโยงถึงกัน ผู้สอนจึงได้นำวิธีการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหา ความรูแ้ ละการเรียนรู้ด้วยมัลติมเี ดีย มาใช้ในการจัดการเรียนการสอนเพอ่ื สร้างความเข้าใจในเน้ือหาสาระและ บทเรียนใหด้ ียง่ิ ขึน้ จากแนวคิดและสภาพปญั หาดงั กล่าว ผวู้ จิ ัยจึงมีความสนใจในการจะนำวิธกี ารจดการเรียนรู้ โดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้และการเรียนรู้ดว้ ยสอ่ื มลั ติมเี ดีย ประเภทวีดิโอประกอบการสอนมาใช้ ควบคู่กัน เรอ่ื ง เซลล์ของสิ่งมีชีวิต เพื่อช่วยแกไ้ ขปญั หาและพฒั นาผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนของผเู้ รยี นใหม้ ี ความเข้าใจชัดเจนมากยิง่ ขนึ้ 1.2 วตั ถุประสงคข์ องโครงการวจิ ยั เพือ่ พฒั นาผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นก่อนและหลังเรยี น โดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรูแ้ ละการ เรียนรู้ด้วยมัลติมีเดีย เรื่อง เซลล์ของสิ่งมีชีวติ ของนักเรียนชั้นมธั ยมศกึ ษาตอนต้น ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 กศน.ตำบลหนองหลวง อำเภอสว่างอารมณ์ จงั หวดั อุทยั ธานี

2 1.3 สมมติฐานการวจิ ัย การจัดการเรียนรูโ้ ดยกระบวนการสบื เสาะหาความร้แู ละการเรยี นรดู้ ว้ ยมลั ติมีเดยี เรอื่ ง เซลลข์ อง สิ่งมีชีวิต ช่วยในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ให้สูงผ่านเกณฑ์ท่ี กำหนด 1.4 ตวั แปรท่ีศกึ ษา 1.4.1 ตัวแปรตน้ การจดั การเรยี นรูโ้ ดยกระบวนการสบื เสาะหาความรแู้ ละการเรียนรูด้ ว้ ยมัลตมิ ีเดีย เร่อื ง เซลล์ ของสิง่ มชี วี ติ วิชาวิทยาศาสตร์ 1.4.2 ตัวแปรตาม ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน เรอ่ื ง เซลล์ของสงิ่ มีชีวิต ของนกั เรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ 1.5 ขอบเขตการวิจัย 1.5.1 ขอบเขตของกลุ่มตัวอย่าง นักเรียนช้ันมัธยมศกึ ษาตอนต้น จำนวน 9 คน กศน.ตำบลหนองหลวง อำเภอสว่างอารมณ์ จังหวัดอุทัยธานี ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 1.5.2 ขอบเขตดา้ นสถานที่ ห้องเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น กศน.ตำบลหนองหลวง อำเภอสว่างอารมณ์ จังหวัด อุทัยธานี 1.6 ประโยชน์ทค่ี าดวา่ จะไดร้ บั 1.6.1 นักเรยี นชั้นมัธยมศกึ ษาตอนตน้ มีผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี น เรอ่ื ง เซลลข์ องสิ่งมชี ีวิต สงู ข้ึนผ่าน เกณฑก์ ารประเมินท่ีกำหนดไว้ และมีความรคู้ วามเข้าใจในบทเรียนดีขนึ้ 1.6.2 ผลการวิจัยจะเป็นประโยชนต์ ่อครูผสู้ อนและต่อวิชาเรยี น ในการพัฒนากจิ กรรมการเรยี นการ สอนใหม้ ีประสทิ ธภิ าพมากย่ิงข้นึ 1.7 แนวทางในการดำเนินการวจิ ัย 1. ศกึ ษาและกำหนดปัญหาการวิจัย 2. ต้ังสมมตฐิ านและกำหนดวธิ ีการแกไ้ ข 3. รวบรวมข้อมลู และสรา้ งเครือ่ งมอื ในการวจิ ยั 4. เกบ็ รวบรวมข้อมูล 5. วิเคราะหผ์ ลและแปลความหมาย 6. สรุปผล 7. เขียนรายงานการวิจัยในช้ันเรียน 1.8 ผลทค่ี าดว่าจะได้รบั นกั เรยี นช้ันมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ มผี ลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น เร่อื ง เซลลข์ องสิ่งมีชีวิต สงู ขน้ึ ผ่านเกณฑ์ การประเมินท่ีกำหนดไว้ และมีความร้คู วามเขา้ ใจในบทเรยี นดีขนึ้

3 1.9 นยิ ามศพั ท์เฉพาะ 1.9.1 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ หมายถึง ผลที่ได้รับจากการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง เซลล์ของสิ่งมีชีวิตหลังจากได้เรยี นโดยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และการเรยี นรูด้ ว้ ยมัลตมิ เี ดยี ซ่งึ วัดผลไดจ้ ากแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง เซลลข์ องส่งิ มีชีวิต 1.9.2 แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนวชิ าวทิ ยาศาสตร์ หมายถึง แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น เรื่อง เซลล์ของสิ่งมีชีวิต จำนวน 15 ข้อ เป็นข้อสอบ แบบเลอื กตอบ 4 ตวั เลอื ก 1.9.3 ผลสมั ฤทธจ์ิ ากการเรียนโดยกระบวนการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้และการเรยี นรู้ดว้ ย มลั ติมีเดีย หมายถึง ผลการทดสอบหลงั จากทผี่ ้เู รยี นได้เรยี นโดยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และการ เรียนรดู้ ว้ ยมัลตมิ ีเดีย เร่อื ง เซลลข์ องสิ่งมีชีวติ

4 บทท่ี 2 เอกสารและงานวจิ ัยที่เก่ียวข้อง 2.1 ความหมายของการวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สิริวรรณ พรหมโชติ (2542 : 17) ใหค้ วามหมาย ของ“ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน” ว่า หมายถึง ความสามารถในการที่จะพยายามเข้าถึงความรู้ ซึ่งเกิดจากการ กระทำประสานกัน และต้องอาศัยความ พยายามอย่างมาก ทั้งองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับสติปัญญา และ องค์ประกอบที่ไม่ใช่สตปิ ัญญา แสดงออก ในรูปของความสำเรจ็ ซึ่งสามารถสงั เกตและวัดได้ด้วยเครื่องมือทาง สติปัญญา หรือแบบทดสอบวัด ผลสัมฤทธิ์ทั่วไป มนต์รวี นันต๊ะเสน (2543: 26) ได้ให้ความหมายของ ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง ความรู้ ความสามารถของผู้เรยี นท่เี กดิ ข้นึ หลงั จากได้รับการฝึกอบรมส่ังสอน ท้ังในสถานศึกษาและนอก สถานศกึ ษา จงึ ถอื ได้วา่ ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นคือผลผลติ ท่สี ำคัญของการเรียนการ สอน การวัด ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนจึงเป็นกิจกรรมหลกั ในกระบวนการเรยี นการสอนของครู สดุ าลักษณ์ เข็ม พรมมา(2548, 20) ใหค้ วามหมายของ “ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน” ว่า หมายถงึ ความรูห้ รอื ทกั ษะของบุคคลอัน เกดิ จากการเรยี นรู้ โดยการแสดงออกซง่ึ ความสำเรจ็ ของบุคคลในการ เข้าถงึ ความรใู้ ด ๆ น้นั สามารถวัดได้ด้วย แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทั่วไป จากคำจำกัดความดังกล่าวพอสรุปได้ว่า “ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน”หมายถึง ความรู้ความสามารถ ทางการเรียนของผู้เรียนทั้งในด้านการศึกษาเล่าเรียนและการปฏิบัติ ซึ่งสามารถวัดด้วย แบบทดสอบวัด ผลสัมฤทธ์ิ 2.2 ความหมายของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ภัทรา นิคมานนท์(2534 : 23) ได้ให้ ความหมายไว้ว่า แบบทดสอบวัดสัมฤทธิ์ หมายถึง แบบทดสอบ ที่ใช้วัดความรู้ความสามารถ ทักษะเกี่ยวกับ ด้านวิชาการที่ได้เรียนรู้ในอดีตว่ารับรู้ไว้ได้มากน้อยเพียงใด โดยทั่วไปแล้วมักใช้วัดหลังทำกิจกรรมเสร็จ เรียบรอ้ ยแลว้ เพอื่ ประเมนิ การเรียนการสอนว่าไดผ้ ลเพียงใด 2.3 แนวคดิ และทฤษฎเี ก่ียวกับปัจจยั ท่ีส่งผลต่อผลสัมฤทธิท์ างการเรยี น พรศรี พทุ ธานนท(์ 2550: 6- 10) ไดแ้ บง่ ปัจจยั ทสี่ ง่ ผลตอ่ การเรียนรู้เปน็ 2 ประเภท คือ 1. ปัจจัยภายนอก เป็นปัจจัยเดิมของการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง โดยการให้สิ่งเร้าพร้อมกับให้ ผู้เรียน ตอบสนองในสิ่งที่ต้องการ การทำซ้ำคือการให้ผู้เรียนเรียนรู้โดยใช้สิ่งเร้าแล้วตอบสนองหลาย ๆ ครั้ง จน สามารถเรยี นร้ไู ด้ การให้การเสริมแรง คือ การเสรมิ กำลงั ใจใหเ้ กิดความพอใจในการเรียนรู้ 2. ปัจจยั ภายใน เป็นส่งิ ภายในทีผ่ ู้เรียนตอ้ งมีเพ่ือใหเ้ กิดการเรียนรขู้ ้อเท็จจรงิ ขณะเรียน ขณะนนั้ หรือ ระลกึ จากทเ่ี คยเรยี นมาแลว้ ทักษะทางปญั ญาหมายถึง ความสามารถในการใชส้ มองเพื่อการ เรยี นรู้ โดยระลึก จากประสบการณ์การเรยี นรู้ทผี่ ่านมา ยทุ ธศาสตร์ หมายถงึ สมรรถภาพท่ีควบคมุ การ เรยี นรู้ ความตัง้ ใจ การจำ และพฤติกรรมการคิดของมนุษย์เป็นกระบวนการท างานภายในสมองของมนุษย์ ปรียาพร วงศ์อนุตรโรจน์ (2548, 91) ไดเ้ สนอทฤษฎีการเรียนรู้ในโรงเรียน กลา่ วคอื พื้นฐานของ ผู้เรยี นเปน็ หัวใจในการเรียน ผู้เรียนแต่ ละคนจะเข้าชั้นเรียนด้วยพื้นฐานที่จะช่วยให้เขาประสบความสำเร็จ ในการเรียนรู้ต่างกัน ถ้าเขามีพื้นฐานท่ี คล้ายคลึงกัน ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจะไม่แตกต่างกัน คุณลักษณะ ของแต่ละคน เช่น ความรู้ที่จำเป็นก่อน

5 เรียน แรงจูงใจในการเรียนคุณภาพของการสอนเป็นสิ่งที่ปรับปรุง ได้ เพื่อให้แต่ละคนและทั้งกลุ่มมีระดับการ เรียนท่ีสงู ขนึ้ 2.4 หลักเกณฑ์ในการสรา้ งแบบทดสอบวัดผลทางการเรยี น เยาวดี วบิ ลู ยศ์ รี (2538 : 82) และวญั ญา วิลาภรณ์ (2522 :11 ) กล่าวถึงหลักเกณฑ์ไว้สอดคล้องกัน ดงั น้ี 1. เนื้อหาหรือทักษะที่ครอบคลุมในแบบทดสอบนั้น จะต้องเป็นพฤติกรรมที่สามารถวัด ผลสัมฤทธ์ิ ได้ 2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ใช้แบบทดสอบวัดนั้น ถ้าน าไปเปรียบเทียบกันจะต้องให้ทุกคนมี โอกาสเรยี นร้ใู นส่ิงตา่ ง ๆ เหล่านั้นไดค้ รอบคลุมและเท่าเทียมกนั 3. วัดให้ตรงกับจุดประสงค์ การสร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ควรจะวัดตาม วัตถปุ ระสงค์ทกุ อยา่ งของการสอน และจะต้องม่ันใจว่าได้วดั ส่ิงทตี่ ้องการจะวัดได้จรงิ 4. การวดั ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียน เป็นการวัดความเจรญิ งอดงามของนกั เรียน การ เปล่ียนแปลงและ ความก้าวหน้าไปสู่วัตถุประสงค์ที่วางไว้ ดังนั้น ครูควรจะทราบว่าก่อนเรียนนักเรียนมี ความรู้ความสามารถ อย่างไร เมื่อเรียนเสร็จแล้วจะมีความรู้แตกต่างจากเดิมหรือไม่ โดยการทดสอบก่อน เรียนและทดสอบหลัง เรยี น 5. การวัดผลเป็นการวดั ผลทางอ้อม เป็นการยากที่จะใชข้ ้อสอบแบบเขียนตอบวัดพฤติกรรม ตรง ๆ ของบคุ คลได้ คอื การตอบสนองต่อข้อสอบ ดังนัน้ การเปล่ียนวตั ถุประสงค์ใหเ้ ปน็ พฤติกรรมทจ่ี ะ สอบ จะต้อง ทำอย่างรอบคอบและถูกตอ้ ง 6. การวัดการเรียนรู้เป็นการยากที่จะวัดทุกสิ่งทุกอย่างที่สอนได้ภายในเวลาจำกัด สิ่งที่วัดได้ เป็น เพยี งตัวแทนของพฤติกรรมท้ังหมดเทา่ นน้ั ดงั น้ัน ตอ้ งมัน่ ใจวา่ สงิ่ ท่วี ดั นั้นเปน็ ตัวแทนแท้จริงได้ 7. การวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเป็นเครื่องช่วยพัฒนาการสอนของครู และเป็นเครื่องช่วยใน การ เรยี นของเดก็ 8. ในการศึกษาที่สมบูรณ์นั้น สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่การทดสอบแต่เพียงอย่างเดียว การทบทวน การ สอนก็เปน็ ส่งิ สำคัญย่งิ 9. การวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ควรจะเน้นในการวัดความสามารในการใช้ความรู้ให้เป็น ประโยชน์ หรือการนำความรูไ้ ปใช่ในสถานการณใ์ หม่ ๆ 10. ควรใช้คำถามใหส้ อดคลอ้ งกบั เน้อื หาวชิ าและวัตถุประสงคท์ ีว่ ัด 11. ให้ข้อสอบมีความเหมาะสมกับนักเรียนในด้านต่าง ๆ เช่น ความยากง่าย พอเหมาะ มี เวลาพอ สำหรับนักเรียนในการทำข้อสอบ จากที่กล่าวข้างต้น สรุปได้ว่า ในการสร้างแบบทดสอบให้มีคุณภาพ วิธีการ สร้างแบบทดสอบที่เป็น คำถาม เพื่อวัดเนื้อหาและพฤติกรรมที่สอนไปแล้วต้องตั้งคำถามที่สามานถวัด พฤตกิ รรมการเรยี นการสอน ได้อย่างครอบคลมุ และตรงตามจุดประสงค์การเรยี นรู้ 2.5 รูปแบบการสอนตามทฤษฎีสืบเสาะหาความรู้ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ 5E เป็นวิธีหนึง่ ท่ี มงุ่ ใหผ้ ู้เรยี นได้สบื เสาะหาความรู้ดว้ ยตัวเอง โดยใช้ กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ซง่ึ นกั การศึกษาหลายท่านได้ ให้ความหมายของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แบบ 5E สรุปได้ดังนี้ สุวัฒก์ นิยมค้า (2551: 119) กล่าวถึง การ

6 จัดกิจกรรมการเรยี นรแู้ บบ 5E วา่ เป็นการสอนทส่ี ่งเสรมิ ใหผ้ ้เู รียนเป็นผคู้ ้นหา หรือสืบเสาะหาความรู้เก่ียวกับ สิ่งใดส่ิงหน่ึงทีไ่ ม่เคยรู้จักมาก่อนโดยใช้กระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ ภพ เลาหไพบูลย์ (2537: 119) กล่าววา่ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ 5E เป็นการสอนที่เน้น กระบวนการแสวงหาความรู้ที่จะช่วยให้นักเรียนได้ ค้นพบความจริงต่างๆด้วยตนเอง ใหน้ กั เรียนได้ ประสบการณ์ตรงในการเรียนรู้เนื้อหาวชิ า โดยใช้กระบวนการ วิทยาศาสตร์ต่างๆ พิมพันธ์ เดชะคุปต์ (2545: 56) กล่าวว่า การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ 5E หมายถึง การ จัดการ เรียนการสอนโดยใช้วิธีให้นักเรียนเป็นผู้ค้นหาความรู้ด้วยตนเอง หรือสร้างความรู้ด้วยตนเอง โดยใช้ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ครูเป็นผู้อ านวยความสะดวกเพื่อให้นักเรียนบรรลุเป้าหมายการจัดกิจกรรม การเรยี นรแู้ บบ 5E ทจ่ี ะเนน้ ผเู้ รียนเป็นสำคัญ 2.6 ขนั้ ตอนการจัดกิจกรรมการเรียนร้แู บบ 5E รูปแบบการสอนหรือรูปแบบการเรยี นรู้ภายใต้ทฤษฏี สร้างสรรค์ความรู้ จึงเน้นบทบาทของผู้เรียนเปน็ สำคัญ ซึ่งมีหลายรูปแบบ เช่น แบบ 3 ขั้นตอน หรือ แบบ 4 ขั้นตอน หรือแบบ 5 ขั้นตอน สุนีย์ เหมะประสิทธิ์ (2542: 7-8) ได้น าการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้แบบ 5E ของ โครงการศึกษา หลักสูตรวิทยาศาสตร์สาขาชีววิทยาของสหรัฐอเมริกา (Biological Science Curriculum Studies หรือ BSCS) มาทดลองดัดแปลงเพื่อให้เหมาะสมกับเด็กไทย โดยมุ่งเน้นให้นักเรียนสามารถรวมกัน แสวงหา ค้นพบและสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง อกี ทง้ั ยงั ใหเ้ ด็กมีโอกาสประสบความสำเร็จในการเรียนรู้อย่าง มี ความสุข ภายใต้สถานการณ์ที่จำลองหรือเปน็ จริง เพื่อให้นักเรียนมีทักษะชีวิตและทักษะทางสังคม สถาบัน ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (2550: 5-8) ได้น าเสนอการจัดกิจกรรมการ เรียนรู้แบบ 5E มา ใช้ในการพัฒนาหลักสตู รวทิ ยาศาสตร์และไดเ้ สนอขั้นตอนในการเรยี นการสอน 5 ขน้ั ตอน คอื 1. การสร้างความสนใจ (Engagement) เป็นการแนะนำบทเรียนกิจกรรมจะประกอบไปด้วย การ ซักถามปัญหา การทบทวนความรู้เดิม การกำหนดกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในการเรียนการสอนและ เป้าหมายท่ี ต้องการ ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนแรกของกระบวนการเรียนรู้ที่จะนำเข้าสู่บทเรียน จุดประสงค์ที่ สำคัญของ ขั้นตอนนี้ คือ ทำให้ผู้เรียนสนใจ ใคร่รู้ในกิจกรรมที่จะนำเข้าสู่บทเรียน ควรจะเชื่อมโยง ประสบการณ์การ เรียนรู้เดิมกับปัจจุบัน และควรเป็นกิจกรรมที่คาดว่ากำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งทำให้ผู้เรียน สนใจจดจ่อที่จะศึกษา ความคดิ รวบยอด กระบวนการ หรือทกั ษะ และเรม่ิ คิดเชื่อมโยงความคิดรวบยอด กระบวนการ หรือทักษะกับ ประสบการณเ์ ดมิ 2. การสำรวจและคน้ หา (Exploration) ข้นั ตอนน้เี ปน็ ขั้นตอนท่ีทำให้ผูเ้ รยี นมีประสบการณ์ ร่วมกัน ในการสรา้ งและพฒั นาความคดิ รวบยอด กระบวนการ และทักษะ โดยการให้เวลาและโอกาสแก่ ผู้เรยี นในการ ทำกิจกรรมการสำรวจและค้นหาสิ่งที่ผู้เรียนต้องการเรียนรู้ตามความคิดเห็นผู้เรียนแต่ละคน หลังจากนั้น ผู้เรียนแต่ละคนได้อภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการคิดรวบยอด กระบวนการ และทักษะใน ระหว่างที่ผู้เรียนทำกิจกรรมสำรวจและค้นหา เป็นโอกาสที่ผู้เรียนจะได้ตรวจสอบหรือเก็บ รวบรวมข้อมูล เกีย่ วกับความคดิ รวบยอดของผู้เรียนที่ยังไม่ถูกต้องและยงั ไม่สมบรู ณ์ โดยการให้ผเู้ รยี น อธิบายและยกตัวอย่าง เกี่ยวกับความคิดเห็นของผู้เรียน ครูควรระลึกอยู่เสมอเกี่ยวกับความสามารถของ ผู้เรียนตามประเด็นปัญหา ผลจากการที่ผเู้ รยี นมใี จจดจ่อในการทำกิจกรรม ผเู้ รียนควรจะสามารถ เช่ือมโยงการสงั เกต การจำแนกตัวแปร และคำถามเกย่ี วกับเหตกุ ารณ์นั้นได้

7 3. การอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่ให้ผู้เรียนได้พัฒนาความ สามารถในการอธิบายความคิดรวบยอดที่ได้จากการสำรวจและค้นหา ครูควรให้โอกาสแก่ผู้เรียนได้ อภิปราย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเกี่ยวกับทักษะหรือพฤติกรรมการเรียนรู้ การอธิบายนั้นต้องการให้ ผู้เรียนได้ใช้ ข้อสรุปร่วมกันในการเชื่อมโยงสิ่งที่เรียนรู้ ในช่วงเวลาที่เหมาะสมนี้ครูควรชีแ้ นะผู้เรียนเกี่ยวกับ การสรุปและ การอธิบายรายละเอียด แต่อย่างไรก็ตามครูควรระลึกอยู่เสมอว่ากิจกรรมเหล่านี้ยังคงเน้น ผู้เรียนเป็น ศนู ยก์ ลาง นั่นคอื ผเู้ รียนได้พฒั นาความสามารถในการอธิบายด้วยตัวผู้เรียนเอง บทบาทของครู เพียงแต่ช้ีแนะ ผ่านทางกิจกรรม เพื่อให้ผู้เรียนมีโอกาสอย่างเต็มที่ในการพัฒนาความรู้ความเข้าใจใน ความคิดรวบยอดให้ ชัดเจน ในที่สุดผู้เรียนควรจะสามารถอธิบายความคิดรวบยอดได้อย่างเข้าใจ โดย เชื่อมโยงประสบการณ์ ความรเู้ ดมิ และส่งิ ที่เรยี นรู้เข้าด้วยกัน 4. การขยายความรู้ (Elaboration) ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่ให้ผู้เรียนได้ยืนยันและขยายหรือ เพม่ิ เติมความร้คู วามเขา้ ใจในความคิดรวบยอดให้กว้างขวางและลึกซึ้งยิ่งขน้ึ และยงั เปดิ โอกาสใหผ้ ู้เรียนได้ ฝึก ทักษะและปฏิบัติตามที่ผู้เรียนต้องการ ในกรณีที่ผู้เรียนไม่เข้าใจหรือยังสับสนอยู่หรืออาจจะเข้าใจ เฉพาะ ข้อสรุปที่ได้จากการปฏิบัติการสำรวจและค้นหาเท่านั้น ควรให้ประสบการณ์ใหม่ผู้เรียนจะได้พัฒนา ความรู้ ความเข้าใจในความคิดรวบยอดให้กวา้ งขวางและลึกซึ้งยิง่ ขึ้น เป้าหมายที่สำคัญของข้ันนี้ คือ ครู ควรชี้แนะให้ ผู้เรียนได้นำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน จะทำให้ผู้เรียนเกิดความคิดรวบยอด กระบวนการ และทักษะ เพมิ่ ขน้ึ 5. การประเมินผล (Evaluation) ขั้นตอนนี้ผู้เรียนจะได้รับข้อมูลย้อนกลับเกี่ยวกับการอธิบาย ความรู้ความเข้าใจของตนเอง ระหว่างการเรียนการสอนในขั้นนี้ของรูปแบบการสอน ครูต้องกระตุ้นหรือ ส่งเสริมให้ผู้เรียนประเมินความรู้ความเข้าใจและความสามารถของตนเอง และยังเปิดโอกาสให้ครูได้ ประเมิน ความรูค้ วามเข้าใจและพฒั นาทกั ษะของผู้เรียนด้วย 2.7 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง กัญญา ทองมั่น (2534: 83) ได้ทำการศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชา วิทยาศาสตร์และทักษะทาง วิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ได้รับการเรียนการสอนแบบสืบ เสาะหาความรู้ท่ที ำการ ทดลองแบบไม่กำหนดแนวทางและแบบกำหนดแนวทาง ผลการวจิ ัยพบว่า ทักษะทาง วิทยาศาสตร์ของ นักเรียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 กิตติพงษ์ หมอกมุงเมือง (2546) ได้ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะภาคปฏิบัติในวิชา วิทยาศาสตร์ เรื่อง แสง ของนักเรียนระดับ มัธยมศกึ ษาตอนปลายที่ไดร้ ับการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ โดยเสรมิ กิจกรรมการออกแบบการทดลอง กลุ่ม ตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี4 ภาคเรียนที่1 ปีการศึกษา 2545 โรงเรียนฟากกว๊าน วิทยาคมอำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา จำนวน 34 คน ผลการวิจัยพบว่า 1) คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนวิชาวิทยาศาสตร์สาขาฟิสิกส์ของนักเรียนที่ได้รับการสอน แบบสืบเสาะหาความรู้โดยเสริมกิจกรรมการ ออกแบบการทดลองหลังการสอนสูงกว่าก่อนการสอนอย่างมี นัยสำคัญที่ระดับ .01 2) นักเรียนที่ได้รับการ สอนแบบสืบเสาะหาความรู้โดยเสริมกิจกรรมการออกแบบการทดลอง มีทักษะภาคปฏิบตั ิในวิชาวิทยาศาสตร์ อยใู่ นระดบั เกณฑป์ ระเมินผลรอ้ ยละ 88.06

8 บทที่ 3 การดำเนินงานวิจัย 3.1 ประชากรและกลมุ่ ตัวอย่าง 1. ประชากรที่ใช้ในการทำวิจัยในชั้นเรียน คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น แผนการเรียน วิทยาศาสตร์ ที่กำลังศึกษาวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง เซลล์ของสิ่งมีชีวิต ของ กศน.ตำบลหนองหลวง อำเภอ สวา่ งอารมณ์ จงั หวดั อทุ ัยธานี ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 จำนวน 9 คน 2. กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทำวิจัยในชั้นเรียน คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น แผนการเรียน วิทยาศาสตร์ จำนวน 9 คน ของ กศน.ตำบลหนองหลวง อำเภอสวา่ งอารมณ์ จงั หวัดอุทัยธานี โดยใชเ้ ทคนิค การเลือกกลุ่มตัวอยา่ งแบบเจาะจง ( Purposive sampling ) 3.2 เครือ่ งมือทใี่ ช้ในการวจิ ัย เครอ่ื งมอื ทใี่ ช้ในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ในการวิจยั ครัง้ นป้ี ระกอบด้วย 1. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาชีววิทยา ก่อนเรียน เรื่อง เซลล์ของสิ่งมีชีวิต เป็น แบบทดสอบปรนยั ชนิดเลอื กตอบ 4 ตวั เลือก จำนวน 15 ข้อ 2. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ หลังเรียน เรื่อง เซลล์ของสิ่งมีชีวิต เป็น แบบทดสอบปรนัยชนดิ เลือกตอบ 4 ตวั เลอื ก จำนวน 15 ข้อ 3. ส่ือประกอบการสอน ประเภทวดี ิโอ เรอ่ื ง โครงสร้างและส่วนประกอบของเซลล์ 4. ใบกจิ กรรม เรอื่ ง โครงสรา้ งและสว่ นประกอบของเซลล์ 3.3 วิธกี ารเก็บรวบรวมข้อมูล วิธกี ารที่ใช้ในการเก็บรวบรวมขอ้ มูล ผู้วิจัยได้ปฏบิ ัติดงั น้ี 1. ให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 9 คน ทำแบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง เซลล์ของ ส่ิงมีชีวิต ก่อนการเรียนโดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้และการเรียนรู้ด้วยมัลติมีเดีย ประเภทวีดิโอ ประกอบการสอน 2. ด าเนนิ กิจกรรมการจัดการเรียนรูว้ ิชาชวี วทิ ยา เรือ่ ง เซลล์ของสิง่ มชี วี ิต โดยใชว้ ธิ กี ารเรียนแบบ สืบ เสาะหาความรแู้ ละการเรยี นรู้ดว้ ยมัลตมิ ีเดยี ประเภทวดี ิโอประกอบการสอน เป็นเวลา 12 ช่ัวโมง 3. ให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 9 คน ท าแบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง เซลล์ของ สิ่งมีชีวิต หลังจากการเรียนโดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้และการเรียนรู้ด้วยมัลติมีเดีย ประเภท วีดิโอ ประกอบการสอน 3.4 ขน้ั ตอนและสถติ ทิ ่ีใช้ในการวเิ คราะห์ขอ้ มลู 3.4.1 สถิตพิ นื้ ฐาน 1. ค่าเฉลี่ยเลขคณิต (Arithmetic mean) เปรียบเทียบคะแนนความสามรถในการทำ แบบทดสอบ โดยเปรียบเทียบคะแนนก่อนการสอนและหลังการสอน หาค่าเฉลี่ยเลขคณิต (Mean) โดย คำนวณจากสูตร (ล้วน สายยศ และอังคณา สายยศ 2538 : 73)

9 สูตร xxN= เมื่อ x แทน คะแนนเฉลี่ย x แทน ผลรวมของคะแนนทั้งหมด N แทน จำนวนคนในกล่มุ ตัวอย่าง 2. สว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐาน (ชูศรี วงศร์ ัตนะ. 2544 : 65) ( ) 2 2 ( 1) N x x S N N − = −  เม่อื S แทน ค่าสว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐาน x แทน ผลรวมของคะแนนทั้งหมด 2 x แทน ผลรวมของคะแนนแตล่ ะตวั ยกกำลงั สอง N แทน จำนวนคนในกลุ่มตวั อย่าง

10 บทที่ 4 ผลการวิจยั ผู้วิจัยได้ให้นักเรียนทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง เซลล์ของ สิ่งมีชีวิต ก่อนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้จากนั้นจึงดำเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยกระบวนการ สืบ เสาะหาความรูแ้ ละการเรยี นรดู้ ว้ ยมัลติมเี ดยี ประเภทวดี ิโอประกอบการสอน และทำการทดสอบวดั ผลสมั ฤทธิ์ เรอ่ื ง เซลลข์ องสง่ิ มีชวี ิต หลังการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้โดยกระบวนการสบื เสาะหาความรแู้ ละ การเรียนรู้ด้วย มลั ตมิ ีเดียด้วยข้อสอบฉบับเดิม โดยไดน้ าเสนอข้อมลู ทว่ั ไปและผลการเปรียบเทียบคะแนน กอ่ นและหลังเรียน ดงั นี้ 4.1 คะแนนแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์กิ อ่ น – หลังเรียน ตารางที่ 4.1 แสดงค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของคะแนนสอบที่ท าแบบทดสอบวัด ผลสมั ฤทธิ์ กอ่ นและหลงั เรยี น เรื่อง เซลล์ของส่งิ มชี ีวติ จำนวนนักเรยี น คา่ เฉล่ยี สว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน ก่อนเรยี น หลงั เรียน ก่อนเรยี น หลงั เรยี น 9 4.11 9.77 1.05 1.39 จากตารางที่ 4.1 พบว่า ค่าเฉลี่ยคะแนนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 9 คน ก่อนจัด กิจกรรมการเรียนรู้โดยกระบวนการสืบเสาะหาความร้แู ละการเรยี นร้ดู ว้ ยมลั ติมีเดยี ประเภทวีดโิ อ ประกอบการ สอน เรื่อง เซลล์ของสิ่งมีชีวิต คะแนนเต็ม 15 คะแนน นักเรียนสอบได้คะแนนเฉลี่ย 4.11 คะแนน และมีส่วน เบี่ยงเบนมาตรฐานของคะแนนก่อนเรียนที่ 1.05 ส่วนคะแนนหลังจากที่จัดกิจกรรมการ เรียนรู้โดย กระบวนการสืบเสาะหาความรู้และการเรียนรู้ด้วยมัลติมีเดียประเภทวีดิโอประกอบการสอน เรื่อง เซลล์ของ สิ่งมีชีวิต คะแนนเต็ม 15 คะแนน นักเรียนทำคะแนนเฉลี่ย 9.77 คะแนน และมีส่วน เบี่ยงเบนมาตรฐานของ คะแนนหลงั เรยี นท่ี 1.39

11 บทท่ี 5 สรุปและอภปิ รายผล การวิจัยชั้นเรียนครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียน โดยใช้ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้และการเรียนรู้ด้วยมัลติมีเดีย เรื่อง เซลล์ของสิ่งมีชีวิต ของนักเรียนช้ัน มัธยมศึกษาตอนต้น กศน.ตำบลหนองหลวง อำเภอสว่างอารมณ์ จังหวัดอุทัยธานี เพื่อเปรียบเทียบและ ศึกษาความแตกต่างคะแนนการทดสอบก่อน – หลังเรียน วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง เซลล์ของสิ่งมีชีวิต ของ นกั เรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น แผนการเรยี นวิทยาศาสตร์ โดยนกั เรียนกลุ่มตวั อย่าง ที่ใช้ในการทำวิจัยชั้น เรียน คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น แผนการเรียนวิทยาศาสตร์ กศน.ตำบลหนองหลวง อำเภอสว่าง อารมณ์ จังหวัดอุทัยธานี จำนวน 9 คน โดยใช้เทคนิคการเลือกกลุ่มตัวอย่าง แบบเจาะจง ( Purposive sampling ) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียนก่อน – หลัง เรื่อง เซลล์ของสิ่งมีชีวิต จำนวน 15 ข้อ คะแนนเต็ม 15 คะแนน เป็นข้อสอบ แบบเลือกตอบ 4 ตัวเลือก โดย วธิ ีดำเนนิ การวจิ ัยนน้ั ผู้วิจยั ให้นักเรียนทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธก์ิ ่อนเรียน เรื่อง เซลล์ของสิ่งมีชีวิต จากน้ัน ทำการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ และการเรียนรู้ด้วยมัลติมีเดีย เรื่อง เซลล์ ของสิ่งมีชีวิต แล้วทำการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์หลังเรียนอีกครั้ง ใน เรื่อง เซลล์ของสิ่งมีชีวิต ด้วยข้อสอบฉบับ เดิม จากน้ันทำการวเิ คราะหค์ ะแนนและได้สรุปผลการศึกษา ตามลำดับ ดังน้ี 5.1 สรุปและอภิปรายผล นักเรียนทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ก่อน-หลัง เรื่อง เซลล์ของสิ่งมีชีวิต โดยมีนักเรียนที่ทำการ ทดสอบวัดผลดังกล่าวจำนวนทั้งหมด 9 คน โดยค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ของคะแนนสอบที่ นักเรียนทำแบบทดสอบนั้น พบว่า ค่าเฉลี่ยคะแนนของนักเรียนก่อนเรียน เรื่อง เซลล์ของ ส่ิงมีชีวิต คะแนน เตม็ 15 คะแนน นักเรียนสอบได้คะแนนเฉลยี่ 4.11 คะแนน และมสี ่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐานท่ี 1.05 และ คะแนนหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และการเรียนด้วย มัลติมีเดีย ประเภทวีดิโอประกอบการสอน เรื่อง เซลล์ของสิ่งมีชีวิต นักเรียนทั้งหมดได้คะแนนสูงขึ้นเฉลี่ยคือ 9.77 คะแนน และมีส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐาน 1.39 การเปรยี บเทยี บคะแนนกอ่ น-หลงั การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ โดยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ และการเรียนด้วยมัลติมีเดียประเภทวีดิโอประกอบการสอน เรื่อง เซลล์ ของสิ่งมีชีวิต แสดงว่า คะแนน ทดสอบก่อน-หลังเรียน มีความสัมพันธ์กัน และเมื่อนักเรียนได้รับการจัด กจิ กรรมการเรียนรโู้ ดย กระบวนการสบื เสาะหาความรแู้ ละการเรยี นดว้ ยมลั ติมเี ดยี ประเภทวีดิโอประกอบการ สอน เรอ่ื ง เซลล์ ของส่งิ มีชวี ติ แลว้ มีคะแนนหลงั ทดสอบเพ่ิมขึ้นอย่างมนี ัยสำคัญทางสถติ ิท่รี ะดับ 0.05 ซ่ึงเมื่อ พิจารณาผล ที่ได้จากการศึกษา พบว่า เมื่อนักเรียนได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนโดยวิธีการดังกล่าวแล้ว พบว่า ผล การทดสอบหลังเรียนนักเรียนมีคะแนนสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ แสดงให้เห็นว่า การจัด กิจกรรม การเรยี นรู้โดยกระบวนการสบื เสาะหาความรแู้ ละการเรยี นด้วยมัลติมเี ดยี ประเภทวีดิโอประกอบการ สอน ส่งผลต่อความรู้ความจำและความเข้าใจของนักเรียนอย่างชัดเจน นอกจากนี้ นักเรียนส่วนใหญ่จะสนใจ และให้ความร่วมมือในการจัดกิจกรรมเป็นอย่างดี มีความตั้งใจในการเรียนเพิ่มมากขึ้น และยังสามารถ สรุป ความรู้ทไ่ี ด้จากการเรยี นได้อย่างมลี ำดบั ขน้ั ตอน

12 5.2 ข้อเสนอแนะ จากการศึกษาวิจยั ผู้วิจัยมีขอ้ เสนอแนะที่อาจเป็นประโยชนต์ ่อการจัดกิจกรรมการ เรียนรู้ ดังนี้ 1. จากผลการวิจัย พบว่า นักเรียนที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยกระบวนการ สืบ เสาะหา ความรู้และการเรียนด้วยมัลติมีเดียประเภทวีดิโอประกอบการสอน เรื่อง เซลล์ของสิ่งมีชีวิต นักเรียนมี ผลสัมฤทธิ์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างชัดเจน ดังนั้น ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ควรมี การประยุกต์ใช้ วิธกี ารจัดการเรยี นรู้ดังกล่าว และผูส้ อนควรหามัลติมีเดยี ประเภทต่างๆเพ่ือกระตุ้น เพื่อ สรา้ งความน่าสนใจใน การเรียน และเน้นผเู้ รยี นเป็นสำคัญ เพ่อื เพิม่ ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี นให้กับผ้เู รียน 2. ครูผู้สอนควรเลือกวิธีการในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้เมาะสมกับผู้เรียนและบทเรียนที่จะสอน โดยวิธีการในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เมื่อนำไปใช้แล้ว ผู้เรียนต้องมีความรู้ในทิศทางที่ดีขึ้น เพื่อเป็นการ พัฒนาผูเ้ รยี นและเพมิ่ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนให้แก่ผู้เรียน 3. การประเมินผลการเรียนรคู้ วรจะมกี ารประเมินอยา่ งหลากหลายตามสภาพจรงิ ของผ้เู รียน เชน่ การ สังเกต บันทึกผลการสอน การสอบถาม สมุดจดบันทึก ใบงานหรือใบกิจกรรม รวมไปถึงแฟ้ม สะสมผลงาน เพ่อื จะไดค้ รอบคลุมผลการเรียนรทู้ ค่ี าดหวัง

13 บรรณานุกรม กัญญา ทองมั่น. (2534). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และทักษะทาง วิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ได้รับการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ที่ทำการทดสอบแบบ ไม่กำหนดแนวทิศทางและกำหนดแนวทาง. ปริญญานิพนธ์กศ.ม.(การมัธยมศึกษา). กรุงเทพฯ : บัณฑิต วิทยาลัยมหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ. กิตติพงษ์ หมอกมุงเมือง. 2546. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะภาคปฏิบัติในวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง แสงของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายที่ได้รับการสอนแบบสบเสาะหาความรู้โดยเสริม กิจกรรม การออกแบบการทดลอง. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาส ตร์ ศึกษา มหาวิทยาลยั เชียงใหม.่ ปรียาพร วงศอ์ นุตรโรจน์. (2548). จิตวิทยาการศึกษา. กรุงเทพฯ: ศนู ยส์ ่งเสริมกรุงเทพฯ. พรศรี พุทธานนท์. (2550). ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีท่ี 5 ที่มีผลการเรียนต่างโรงเรียนแม่แตง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่. การค้นคว้าอิสระตาม หลกั สูตรปรญิ ญาศกึ ษาศาสตร์มหาบณั ฑิต บัณฑติ วิทยาลยั มหาวิทยาลยั เชยี งใหม.่ พิมพันธ์ เดชะคุปต์. (2544). วิธีวิทยาการสอนวิทยาศาสตร์ทั่วไป . กรุงเทพฯ: สถาบันพัฒนา คุณภาพ วิชาการ. (พว.). ---------. (2545). การเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ . กรุงเทพฯ: สถาบัน พัฒนาคณุ ภาพ วิชาการ. (พว.). ภพ เลาหไพบูลย์. (2537). แนวการสอนวิทยาศาสตร์.กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานชิ .(2542). แนวการ สอน วทิ ยาศาสตร์. (ฉบบปรบั ปรุง). กรงุ เทพฯ: ไทยวัฒนาพานชิ . ภัทรา นคิ มานนท์. การประเมนิ ผลและการสร้างแบบทดสอบ. กรงุ เทพฯ : สารมวลชน, 2522. มนต์รวี นันต๊ะเสน. (2543). พฤติกรรมและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาระดับ ประกาศนียบัตร วิชาชีพชั้นปีที่ 1 วิทยาลัยเทคนิคล าพูน ที่เรียนรายวิชา 20001301 สังคมศึกษา 1 โดยการ สอน แบบซนิ ดเิ คท. วทิ ยานพิ นธศ์ กึ ษาศาสตร์มหาบัณฑติ , บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม.่ เยาวดี วิบูลย์ศรี. (2540). การวัดผลและการสร้างแบบสอบสัมฤทธิ์. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลยั . วญั ญา วิศาลาภรณ.์ (2522).การสร้างแบบทดสอบ. กรุงเทพมหานคร อักษรการพิมพ์ 2533 สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2549). คู่มือวัดผลประเมินผลวิทยาศาสตร์. กรุงเทพฯ: เอส.พี.เอ็น. การพิมพ์. ---------. (2550). การอบรมครูด้วยระบบทางไกลสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น. กรงุ เทพฯ: องคก์ ารคา้ ครุสภา. สิริวรรณ พรหมโชติ. (2542). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการแก้ปัญหา ของ นักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 1 ที่เรยี นวชิ าสงั คมศึกษา โดยการจดั กิจกรรมการสอนแบบ 4MAT กับการจัด กิจกรมการสอนแบบวิธีการทางวิทยาศาสตร์. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (การมัธยมศึกษา) กรุงเทพฯ: บัณฑิต วิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.

14 สุดาลักษณ์ เขม็ พรหมมา. (2548). ปัจจยั ที่มีอทิ ธิพลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวชิ าคณิตศาสตร์ของ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ในโรงเรียนกลุ่มบูรพา. สังกัดกรุงเทพมหานคร วิทยานิพนธ์ ศึกษาศาสตร มหาบัณฑิต บัณฑติ วทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลยั รามค าแหง. สุนีย์ เหมะประสิทธิ์. (2533). การพัฒนาชุดการสอนเพื่อแก้ไขปัญหาข้อบกพร่องในการแก้โจทย์ ปัญหา คณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 .ปริญญานิพนธ์กศ.ม. กรุงเทพฯ :บัณฑิต วิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ---------. (2540). เอกสารประการอบรมครูโครงการส่งเสริมศักยภาพของ นักเรียนในกรุงเทพมหานคร การ เสริมสร้างศักยภาพด้านวิทยาศาสตร์และมิติสัมพันธ์. กรุงเทพฯ : คณะ ศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร. ---------. (2542). เอกสารการฝึกอบรมทักษะ เทคนิค กระบวนการจดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์. กรุงเทพฯ: ภาคหลักสูตรและการสอนคณะ ศึกษาศาสตรม์ หาวิทยาศรนี ครินทรวโิ รฒ ประสาน มิตร. ---------. (2542). ทฤษฎสี รรคนิยม (Constructivism) เอกสารประกอบการอบรม. กรุงเทพฯ :ภาควิชา หลกั สูตรและการสอน คณะศกึ ษาศาสตรม์ หาวทิ ยาลยศรีนคริ นทรวิโรฒ. สุวัฒก์นิยมค้า. (2551). ทฤษฎีและทางปฏิบัติในการสอนวิทยาศาสตร์แบบสืบเสาะหาความรู้. กรงุ เทพฯ: เจเนอรลั บคุ๊ เซน็ เตอร์