บทปฏบิ ตั กิ ารท่ี 1 - 4 1 เอกสารปฏบิ ตั กิ ารประกอบรายวชิ า 02206381 ปฏบิ ัติการวิศวกรรมอตุ สาหการ I การวดั ทางวศิ วกรรม (Engineering Measurement) สาขาวิชาวิศวกรรมอตุ สาหการคณะวิศวกรรมศาสตร์กาแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สาขาวชิ าวศิ วกรรมอตุ สาหการ-โลจิสตกิ ส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏิบัติการท่ี 1 - 4 2 สาขาวิชาวศิ วกรรมอตุ สาหการ คณะวศิ วกรรมศาสตรก์ าแพงแสน มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ รายวิชา 02206381 ปฏิบัตกิ ารวิศวกรรมอุตสาหการ Iปฏบิ ัตกิ ารทดลองท่ี 1-4 การวดั ทางวิศวกรรม (Engineering Measurement)วัตถปุ ระสงค์1. เพอ่ื ให้นิสติ สามารถเข้าใจหลกั การและวิธีการวดั ขนาดชิ้นงานด้วยวธิ กี ารวดั แบบต่างๆได้2. เพื่อให้นิสิตสามารถเลือกใชเ้ ครื่องมอื และวิธกี ารวดั ขนาดไดอ้ ย่างถูกตอ้ งตอ่ ช้ินงานท่ีต้องการวัด3. เพอ่ื ใหน้ ิสติ ได้นาคา่ ที่ไดจ้ ากการวดั ไปใช้ประโยชน์ทางวิศวกรรมไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งอปุ กรณท์ ่ีใช้ประกอบการทดลอง1. การสอบเทยี บเวอร์เนยี ร์คาลิปเปอร์ดว้ ยเกจบล็อก (Vernier Caliper)2. การสอบเทียบไมโครมิเตอรด์ ้วยเกจบลอ็ ก (Micrometer Caliper)3. การสอบเทียบเกลียวใน (Thread Plug Gaugc)4. การสอบเทียบเกลยี วนอก5. การสอบเทยี บเรียว6. การสอบเทียบรศั มี7. การสอบเทยี บด้วยวงเวยี นวดั นอก8. การสอบเทยี บด้วยวงเวยี นวดั ใน9. การสอบเทยี บด้วยเทเลสโคปกิ เกจ สาขาวชิ าวศิ วกรรมอตุ สาหการ-โลจสิ ตกิ ส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏิบัติการที่ 1 - 4 3 ทฤษฎีท่เี กี่ยวข้อง1. บทนา (Introduction) เป็นอุปกรณ์วดั ละเอียดอีกชนิดหนึ่งท่ีนยิ มใชใ้ นงานอตุ สาหกรรมต่าง ๆ อยา่ งแพรห่ ลายไมโครมเิ ตอร์ถือกาเนดิ ข้ึนมาตง้ั แตป่ ระมาณปี ค.ศ. 1848 โดยชาวฝร่งั เศส หลงั จากไดร้ ับความนยิ มก็ได้มกี ารพัฒนาปรับปรุงใหส้ ามารถใช้งานได้สะดวกและละเอยี ดมากขนึ้ ตามลาดบั2. ประเภทของการวดั ทางวิศวกรรม (Engineering Measurment) 2.1 การสอบเทียบเวอร์เนยี รค์ าลปิ เปอร์ดว้ ยเกจบล็อก (Vernier Caliper) 2.2 การสอบเทยี บไมโครมเิ ตอร์ด้วยเกจบล็อก (Micrometer Caliper) 2.3 การสอบเทยี บเกลยี วใน 2.4 การสอบเทยี บเกลียวนอก 2.5 การสอบเทยี บเรยี ว 2.6 การสอบเทียบรศั มี 2.7 การสอบเทยี บดว้ ยวงเวียนวัดนอก 2.8 การสอบเทียบด้วยวงเวียนวดั ใน 2.10 การสอบเทยี บดว้ ยเทเลสโคปกิ เกจ3 เกจบล็อก เครื่องมือวดั แบบคา่ คงทเ่ี ป็นเคร่ืองมือวดั ทใี่ ชใ้ นการตรวจสอบค่ามาตรฐาน ไม่สามารถปรบั คา่ ได้เนือ่ งจากมคี า่ ตายตวั ในตัวของมันเอง เช่น หววี ัดเกลยี วและเกจชนิดต่างๆ เป็นตน้3.1. เกจบล็อก เกจบล็อก เปน็ เคร่อื งมอื วัดทีม่ ีความละเอียด มคี วามเทีย่ งตรงในการตรวจสอบมาก มักใชใ้ นการตรวจสอบความเที่ยงตรง และ การสอบเทยี บเครื่องมอื วัดชนิดตา่ งๆ 3.1.1. ลักษณะของเกจบลอ็ ก เกจบล็อกจะมลี ักษณะเป็นแทง่ แตล่ ะแทง่ จะมคี วามหนาไม่เทา่ กัน ใน 1 ชดุ จะมีเกจบลอ็ กประมาณ 80 – 88 ชิ้น ช่วงความหนาของเกจบลอ็ กแต่ละแทง่ ตัง้ แต่ 0.050 – 4.0 นิ้ว โดยประมาณโดยท่แี ต่ละชิน้ สามารถนามาประกบกันเพื่อเพิ่มความหนาของขนาดเกจบล็อกได้ รูปท่ี 1 แสดงลกั ษณะของเกจบลอ็ ก สาขาวิชาวิศวกรรมอตุ สาหการ-โลจสิ ตกิ ส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏิบตั ิการที่ 1 - 4 4 เกจบลอ็ กจะผลิตมาจากวัสดทุ ีม่ ีความแข็งแรงสูง สามารถทนทานตอ่ การกักกร่อนมีความเรยี บท่ผี วิ ด้านทีใ่ ชเ้ ป็นผวิ งานจะผา่ นกระบวนการขัดผวิ เรียบ โดยท่ัวไปเกจบล็อกจะมี 3 แบบ คือ - เกจบล็อกรูปทรงสีเ่ หลี่ยมผนื ผ้า ( Rectangulan Gauge Block ) - เกจบลอ็ กรปู ทรงสี่เหลย่ี มจัตุรัส ( Sguare Gauge Block ) - เกจบลอ็ กรปู ทรงกระบอก ( Pin Guugc ) 3.1.2. หลกั การใชง้ านเกจบ์ ล็อก ลักษณะการใช้งานของเกจ์บล็อกน้ัน น จะนาเจบลอ็ กแตล่ ะแท่งมาประกอบกันเพือ่ ให้ไดค้ ่าตามขนาดท่ตี ้องการ ซึ่งขนาดของเกจลอกในชดุ จะมขี นาดดังต่อไปน้ี First : .0001 Series ---9 Blocks0.1001 0.1002 0.1003 0.1004 0.1005 0.1006 0.1007 0.10080.10090.101 0.102 0.103 0.104 0.105 0.106 0.107 0.108 0.1090.110 0.111 0.112 0.113 0.114 0.115 0.116 0.117 0.1180.119 0.120 0.121 0.122 0.123 0.124 0.125 0.126 0.1270.128 0.129 0.130 0.131 0.132 0.133 0.134 0.135 0.1360.137 0.138 0.139 0.140 0.141 0.142 0.143 0.144 0.1450.146 0.147 0.148 0.149 0.150 0.151 0.152 0.153 0.154 Third : 0.050 Series---19 Blocks0.50 0.100 0.150 0.200 0.250 0.300 0.350 0.400 0.450 0.500 0.5500.600 0.650 0.700 0.750 0.800 0.850 0.900 0.950 Fourth : : 1.000 Series---4 Blocks 1.000 2.000 3.000 4.000 2.050 Wear Blocks ตารางท่ี 1 ขนาดเกจบลอ็ กจากรูปที่ 2 เป็นขนาดความหนาของเกจบลอ็ กแตล่ ะแท่ง ใน 1 ชุด 83 ชน้ิ ในการประกอบเพ่ือหาความหนาตามขนาดท่ตี ้องการ จะตอ้ งทาการเลอื กขนาดของเกจบลอ็ กมาประกอบเขา้ ดว้ ยกนั สาขาวิชาวศิ วกรรมอตุ สาหการ-โลจิสตกิ ส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏิบตั ิการท่ี 1 - 4 5 3.1.2.1 การประกอบเกจบลอ็ ก 1. ทาการเช็ดทาความสะอาดช้ินเกจบล็อกบริเวณผวิ หนา้ ใชง้ านใหส้ ะอาด 2. การประกอบเกจบลก็ เข้าดว้ ยกันให้นาด้านผิวเรียบกดเขา้ หากันบริเวณขอบของ เกจบล็อกแล้วเลอ่ื นเข้าหากันจนขอบของเกจบล็อกเสมอกัน ทิศทางการประกอบ รปู ที่ 3 แสดงการประกอบเกจบล็อก 3. เม่ือประกอบเกจบลก็ เรยี บร้อยแลว้ ลองดงึ เกจออกเพ่ือทดสอบวา่ ประกอบถกู ้อหรือไม่ ถา้เกจบล็อกตดิ กนั แน่นแสดงว่าถกู ต้อง แตถ่ ้าหลดุ ออกง่ายแสดงว่าประกอบไม่ถกู ต้อง 4. การถอดเกจบลอ็ กสามารถถอดออกได้ 2 วธิ ี คอื การหมนุ เกจบล็อกและการเล่ือน เกจบลอ็ กออกจากกนั รปู ที่ 4 แสดงการถอดเกจลอกโดยการหมนุ และการเลื่อนออกตัวอยา่ งที่ 1. ต้องการขนาด 4.4752 นวิ้ โดยใช้เกจบลอ็ กตามตาราง ขน้ั ท่ี 1. ทาการขจัด 0.1002. นว้ิ ด้วยเกจบลอ็ กขนาด 0.1002. น้วิ จานวน 1 ชนิ้ 4.4752 – 0.1002 = 4.3750 นว้ิ ข้นั ท่ี 2. ทาการขจดั 0.1000. นิ้ว ดว้ ยเกจบล็อกขนาด 0.1000. น้ิว จานวน 1 ชน้ิ 4.3750 – 0.1000 = 4.2750 นว้ิ ขั้นท่ี 3. ทาการขจัด 0.1250. นิ้ว ดว้ ยเกจบล็อกขนาด 0.125 นวิ้ จานวน 1 ชน้ิ 4.2750 – 0.125 = 4.1500 น้วิ ข้ันที่ 4. ทาการขจดั 0.1500 น้ิว ด้วยเกจบลอ็ กขนาด 0.150 น้วิ จานวน 1 ชนิ้ 4.1500 – 0.150 = 4.0 นิ้ว ข้นั ท่ี 5. ทาการขจัด 4 น้ิว ดว้ ยเกจบลอ็ กขนาด 4 นวิ้ จานวน 1 ช้นิ 4 – 4 = 0 น้ิว สาขาวชิ าวศิ วกรรมอตุ สาหการ-โลจิสตกิ ส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏิบตั กิ ารที่ 1 - 4 6ดังนน้ั การขจดั ขนาด 4.4752 น้วิ ใช้เกจบลอ็ กขนาดดงั น้ีเกจบลอ็ กขนาด 0.100 นิว้ จานวน 1 แท่ง จานวน 1 แท่งเกจเบล็อกขนาด 0.1002 น้วิ จานวน 1 แทง่ จานวน 1 แท่งเกจบล็อกขนาด 0.125 นวิ้ จานวน 1 แท่งเกจบลอ็ กขนาด 0.150 นวิ้เกจบล็อกขนาด 4 นิว้ตวั อย่างท่ี 2. ต้องการขนาด 2.7752 นิ้ว น้วิ โดยใช้เกจบลอ็ กตามตาราง ขนั้ ท่ี 1. ทาการขจดั 0.1002 น้วิ ดว้ ยเกจบลอ็ กขนาด 0.1002 นิว้ จานวน 1 แท่ง 2.7752. - 0.1002 = 2.6750 นว้ิ ข้ันท่ี 2. ทาการขจดั 0.1250 น้วิ ด้วยเกจบลอ็ กขนาด 0.125 นิว้ จานวน 1 แท่ง 2.6750 – 0.125 = 2.5500 นิว้ ข้ันท่ี 3. ทาการขจัด 0.1500 น้วิ ด้วยเกจบลอ็ กขนาด 0.150 นวิ้ จานวน 1 แทง่ 2.5500 – 0.150 = 2.4000 น้วิ ขั้นที่ 4. ทาการขจัด 0.4000 นว้ิ ด้วยเกจบล็อกขนาด 0.400 นิ้ว จานวน 1 แทง่ 2.4000 – 0.400 = 2.0 นว้ิ ขน้ั ท่ี 5. ทาการขจดั 2 นิว้ ดว้ ยเกจบลอ็ กขนาด 2.000 น้วิ จานวน 1 แทง่ 2 – 2 = 0 นิว้ดังน้นั การขจดั ขนาด 2.7752 นิว้ จะต้องใชเ้ กจบลอ็ กท้ังหมดดงั น้ี เกจบลอ็ กขนาด เกจบลอ็ กขนาด 0.1002 นิ้ว จานวน 1 แทง่ เกจบลอ็ กขนาด แทง่ เกจบลอ็ กขนาด 0.125 นวิ้ จานวน 1 แท่ง เกจบลอ็ กขนาด แท่ง 0.150 น้ิว จานวน 1 แทง่ 0.400 น้วิ จานวน 1 2 น้ิว จานวน 1ตวั อยา่ งท่ี 3. ต้องการขนาด 3.8533 นิ้ว โดยใช้เกจบล็อกตามตาราง ขั้นที่ 1. ทาการขจดั 0.1003 นิ้ว ดว้ ยเกจบล็อกขนาด 0.1003 นิว้ จานาน 1 แท่ง 3.8533 – 0.1003 = 3.7530 นิว้ ขน้ั ท่ี 2. ทาการวดั 0.1030 นิ้ว ดว้ ยเกจบลอ็ กขนาด 0.103 นวิ้ จานวน 1 แท่ง 3.7530 – 0.103 = 3.6500 นว้ิ ขน้ั ที่ 3. ทาการวัด 3.6500 น้ิว ดว้ ยเกจบลอ็ กขนาด 0.650 น้วิ จานวน 1 แท่ง 3.6500 – 0.650 = 3.000 น้วิ ขั้นที่ 4. ทาการวดั 3.000 น้วิ ดว้ ยเกจบล็อกขนาด 3.000 นิ้ว จานวน 1 แท่ง 3.000 – 3.000 = 0.000 นวิ้ สาขาวชิ าวศิ วกรรมอตุ สาหการ-โลจสิ ติกส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏบิ ตั ิการท่ี 1 - 4 7ดังนั้นการขจัดขนาด 3.8533 นว้ิ จะตอ้ งใช้เกจบล็อกทัง้ หมดดงั นี้เกจบลอ็ กขนาด 0.1003 นิว้ จานวน 1 แท่ง แทง่เกจบลอ็ กขนาด 0.103 น้ิว จานวน 1 แทง่ แท่งเกจบลอ็ กขนาด 0.650 น้ิว จานวน 1เกจบลอ็ กขนาด 3.000 นิ้ว จานวน 1 3.1.3 การบารงุ รกั ษาเกจบล็อก เกจบลอ็ กเป็นเครอื่ งมือทีม่ ีความละเอียดสงู อีกทัง้ ผวิ ของเกจบลอ็ กน้ันยงั ต้องการคงความเรียบทผ่ี ิวไว้ ผใู้ ชง้ านจงึ จาเป็นท่จี ะต้องระมดั ระวงั ในการนามาใชง้ านและการจดั เกบ็ ท่ถี ูกต้อง 3.1.3.1 ข้อควรระวังในการใชง้ านเกจบลอ็ ก 1. หา้ มทาเกจบล็อกตกหลน่ โดดเดด็ ขาด เนือ่ งจากจะสง่ ผลใหผ้ วิ ด้านท่ีใชง้ านของเกจบล็อกเกิดความเสยี หาย ส่งผลให้เกิดความคลาดเคลอ่ื นในการใช้งานได้ 2. ห้ามนาช้ินเกจบล็อกไปใชใ้ นงานประเภทอื่น ๆ ทไ่ี ม่เหมาะสมโดดเด็ดขาด 3. ในขณะทาการประกอบเกจบลอ์ ก ตอ้ งระมัดระวงั ไม่ใหเ้ กดิ การกระแทกกันระหวา่ งเกจบล็อกโดดเดด็ ขาด 3.1.3.2 การเกบ็ รกั ษาเกจบล็อก 1. ในการใชง้ านควรนาเกจบล็อกมาใช้งานอุณหภูมหิ ้อง 20 องศาเซลเซียล 2. หมน่ั ตรวจสอบสภาพการใช้งานของเกจบล็อกอย่างสมา่ เสมอ 3. การจดั เก็บจะตอ้ งมีกล่องสาหรบั เก็บเกจบล์อกโดยเฉพาะ 4. หลังจากการใชง้ านแลง้ จะต้องทาความสะอาด ชโลมนา้ มัน แล้วทาการเชด็ ดว้ ยผา้ แห้งก่อนการจัดเก็บทคุ รง้ั3.2 เกจทรงกระบอกเกจทรงกระบอก เป็นเครื่องมือท่ีใชใ้ นการตรวจสอบขนาดของรูเจาะว่ามขี นาดถกู ตอ้ งตามคา่ พิกัดความเผ่อื หรือไม่ แตไ่ ม่สามารถทจี่ ะบอกขนาดของชนิ้ งานออกมาเปน็ ตัวเลขทแี่ น่นนอนได้ 3.2.1 ลกั ษณะของเกจทรงกระบอก เกจทรงกระบอกจะมีลกั ษณะเป็นแท่งทรงกระบอก มีด้านทีใ่ ช้ในการตรวจสอบขนาดของรู 2ด้าน โดยทดี่ า้ นหนง่ึ จะเรียกว่า GO ส่วนอีกดา้ นหน่งึ จะมขี นาดใหญ่กว่าเล็กนอ้ ย เรียกว่า Not Go ดา้ มจับNOT +0.500 20 - 0.500 GOGO ค่าเหนือพกิ ดั ขนาดกาหนด คา่ ใต้พิกัด รปู ที่ 5 แสดงลักษณะของเกจทรงกระบอก สาขาวชิ าวศิ วกรรมอตุ สาหการ-โลจิสติกส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏบิ ตั กิ ารที่ 1 - 4 8ในการตรวจสอบขนาดรเู จาะหรือรคู ว้านของช้นิ งานด้วยเกจทรงกระบอก ดา้ นที่เปน็ ดาน GO จะต้องสามารถสอดเข้าไปได้ แตด่ ้านท่เี ป็น Not Go จะตอ้ งไม่สามารถทจ่ี ะผ่านเข้าไปได้ จงึ จะถือว่าขนาดของรูเจาะหรือรูคว้านนั้นมขี นาดตามค่าพิกดั ทีส่ ามารถยอมรับได้เช่น รูคว้านขนาด 300.002 มม. แสดงว่าขนาดเล็กสุดของรูค้ ว้านจะเท่ากับ 30 - 0.002 = 29.998 มม. ขนาดโตสุดของรู้คว้านจะเทา่ กบั 30 + 0.002 = 30.002 มม.ซ่งึ เทา่ กับวา่ ขนาดด้าน GO ของเกจทรงกระบอกท่นี ามาใช้ในการตรวจสอบจะตอ้ งมขี นาดเทา่ กบั29.998 มม. และ Not Go ของเกจทรงกระทรงจะต้องมีขนาดเท่ากบั 30.002 มม.NOT + 0.002 30 ชิ้นงานGO -0.002 GO รปู ที่ 6 แสดงดา้ น GO สามารถผา่ นเขา้ ได้ชิ้นงาน NOT + 0.002 30 -0.002 GO GO รูปท่ี 7 แสดงดา้ น NOT GO ไม่สามารถผ่านเขา้ ได้ 3.2.2 หลกั การใชง้ านเกจทรงกระบอก เกจทรงกระบอกเป็นเครอื่ งมือวัดแบบค่าคงที่ และเวลานาไปใช้งานไม่ต้องนามาประกอบกันเมือ่หาค่าต่างๆเหมือนเกจบล็อก จงึ เปน็ เครือ่ งมือวัดทส่ี ามารถใชง้ านไดง้ า่ ยไม่ซบั ซอ้ น ดังนี้ 3.2.2.1. กอ่ นทาการตรวจสอบควรทาความสะอาดผวิ ชิน้ งานบรเิ วณรูเจาะกอ่ นทุกคร้งั เชน่รอยเยินบริเวณของรูเจาะด้านนอก เมอื่ ปูองกนั ความเสยี หายของเกจทรงกระบอก และเปน็ การปูองกันค่าผดิ พลาดทจี่ ะเกดิ ขน้ึ ในขณะทาการตรวจสอบ 3.2.2.2. เลอื กขนาดของเกจทรงกระบอกใหม้ ขี นาดเหมาะสมกับรเู จาะทต่ี ้องการตรวจสอบเชน่ รเู จาะขนาด 20_+ 0.002. มม. จะตอ้ งเลือกเกจทรงกระบอกทม่ี ดี า้ น GO = 19.998 มม. และด้านNot GO = 20.002 มม.มาใชใ้ นการตรวจสอบ สาขาวิชาวิศวกรรมอตุ สาหการ-โลจสิ ติกส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏบิ ตั ิการท่ี 1 - 4 9 3.2.2.3. ทาความสะอาดและตรวจสอบสภาพผวิ ของเกจทรงกระบอกก่อนใช้งาน เพ่ือให้แนใ่ จว่าจะได้ผลการตรวจสอบทถ่ี ูกต้อง 3.2.2.4. ในกรณีทเ่ี ป็นรูเจาะไม่ทะลุจะต้องทาการตรวจสอบความลึกของรูเจาะกอ่ นทกุ คร้งัเพ่ือปูองกันการสอดเกจทรงกระบอกเข้าไปกระแทกกบั ชิ้นงาน ซ้ึงจะทาให้เกจทรงกระบอกเกิดการชารดุเสียหายได้ 3.2.2.5. ทาการสอดเกจทรงกระบอกดา้ น GO เขา้ ไปกอ่ นแลว้ สงั เกตดูว่าสามารถผ่านเขา้ไปไดห้ รอื ไม่และเมือ่ ผา่ นเข้าไปได้แลว้ มกี ารตดิ ขดั หรือไปได้ไม่สดุ ความลึกของรูเจาะแสดงวา่ รเู จาะนัน้ เปน็ รูเรยี ว ชิ้นงาน รูปที่ 8 แสดงลกั ษณะชน้ิ งานเป็นเรียว 3.2.2.6. ในขณะทาการสอดเกจทรงกระบอกเข้าไปในรูเจาะน้ันจะต้องบังคับแนวในการตรวจสอบของเกจวา่ จะตอ้ งอยู่ในแนวร่วมศนู ยเ์ ดียวกับรูเจาะ มิฉะนน้ั อาจจะเกดิ การขัดตัวกันระหวา่ งรูเจาะกับเกจได้ ชิ้นงานรปู ท่ี 9 แสดงลกั ษณะการวดั ไมร่ ่วมศูนย์ 3.2.2.7. เมื่อตรวจสอบดา้ น GO เรียบรอ้ ยแลว้ ใหเ้ ปลยี่ นเปน็ ด้าน Not GO สอดเข้าไปยงัรเู จาะแล้วสงั เกตดูว่าสามารถเข้าได้หรือไม่ ถ้าเข้าไดแ้ สดงว่ารูเจาะนนั้ มีขนาดใหญเ่ กินคา่ พกิ ดั ความเพื่อท่ีกาหนดไว้ สาขาวชิ าวิศวกรรมอตุ สาหการ-โลจิสตกิ ส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏบิ ตั กิ ารที่ 1 - 4 10 3.2.3. การบารุงรกั ษาเกจทรงกระบอก 3.2.3.1. ขอ้ ควรระวงั ในการใช้งานเกจทรงกระบอก 1. หลีกเล่ยี งการตกกระแทกโดยเด็ดขาดเน่ืองจากจะทาให้ผวิ เกจทรงกระบอกเกิดการ เสยี หาย 2. ในขณะทาการวดั ไมค่ วรออกแรงกดมากเกินไปเน่ืองจากจะทาใหเ้ กจทรงกระบอก เกิดการกระแทกกับชน้ิ งาน โดนเฉพาะรเู จาะไม่ทะลุ 3. ในการตรวจสอบขนาดรเู จาะไม่ควรทาการตรวจสอบในขณะชิ้นงานยงั หมุนอยู่ 4. ตอ้ งทาความสะอาดชน้ิ งาน และชโลมนา้ มนั เล็กนอ้ ยทีเ่ กจทรงกระบอก 5. ไมค่ วรนาเกจทรงกระบอกไปใชใ้ นการตรวจสอบชน้ิ งานท่ผี ิวไมเ่ รียบ เพราะจะทาให้ ผวิ ของเกจทรงกระบอกเสียหาย 3.2.3.2. การบารุงรกั ษาเกจทรงกระบอก 1. หมนั่ ตรวจสอบสภาพของเกจอยา่ งสมา่ เสมอ 2. ทาความสะอาดชโลมนา้ มนั แลว้ เช็ดดว้ ยผา้ แหง้ ทกุ ครง้ั หลงั เลิกใช้งาน 3. ควรทาการจดั เกบ็ เกจทรงกระบอกแยกจากอุปกรณ์อ่ืนๆ3.3. เกจกา้ มปู ( Snap Gauge ) เกจก้ามปเู ป็นเครอื่ งมือวัดทีใ่ ช้ในการตรวจสอบขนาดพิกัดภายนอกของช้ินงาน เช่น ขนาดเส้นผา่ นศูนย์กลางของชนิ้ งานกลมความกวา้ งของชิ้นงานส่ีเหลยี่ ม ความยาว เปน็ ต้น รูปท่ี 10 แสดงเกจ์ก้ามปู 3.3.1. ลักษณะของเกจก้ามปู เกจก้ามปจู ะมลี กั ษณะรูปตวั C หรือกา้ มปมู ดี า้ น CO และ Not GO เม่อื ใช้ในการตรวจสอบขนาดพิกดั ของช้นิ งานว่าอยู่ในพิกัดความเพื่อทต่ี อ้ งการหรือไม่ โดยปกตเิ กจกา้ มปจู ะมอี ยู่ 2 ชนดิ คือเกจก้ามปแู บบคงท่ี และ แบบปรบั คา่ ได้ สาขาวชิ าวศิ วกรรมอตุ สาหการ-โลจิสตกิ ส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏบิ ตั กิ ารท่ี 1 - 4 11 3.3.1.1. เกจกา้ มปูแบบคา่ คงที่ เกจก้ามปแู บบคา่ คงท่ี เป็นเกจก้ามปทู ่ีมคี า่ พิกัดตายตวั ใช้ในการตรวจสอบพกิ ัดความเนื้อของชน้ิ งานเทา่ น้นั ดา้ น GO ช้นิ งานจะต้องสามารถผา่ นเขา้ ไปได้ ส่วนด้าน Not GO ชิ้นงานจะไม่สามารถผ่านเข้าไปได้ 3.3.1.2. เกจกา้ มปูแบบปรบั คา่ ได้ เกจก้ามปแู บบปรับค่าได้ เป็นเกจก้ามปทู ีส่ ามารถทาการปรับค่าขนาดพิกัดความเพอ่ื ขนาดต่างๆได้ระยะหนงึ่ ซึ่งมีหลกั การในการใช้งาน เช่น เดียวกับเกจก้ามปูแบบคา่ คงที่ สกรูปรบั ระดับ ปากวดั ระยะแบบปรบั คา่ ได้ ปากวัดระยะคา่ คงท่ี รปู ที่ 11 แสดงส่วนประกอบของเกจก้ามปูแบบปรบั ค่าได้ 3.3.2. หลกั การใช้งานเกจกา้ มปู 3.3.2.1. ตรวจสอบสภาพการใช้งานของเกจกา้ มปู บริเวณปากวัดทงั้ สองดา้ นตรวจสอบผวิ ของปากวัดวา่ มรี อยเยินท่เี กิดจากการใชง้ านหรือไม่ 3.3.2.2. ทาความสะอาดช้นิ งานในบรเิ วณท่ตี ้องการทาการตรวจสอบ จะต้องไมม่ ีเศษเหล็กครมีหรอื สิ่งอนื่ ๆทจี่ ะส่งผลให้การตรวจสอบผิดพลาด 3.3.2.3. เลอื กขนาดความกว้างของปากวัด ของเกจกา้ มปใู ห้เหมาะสมกับขนาดของชนิ้ ท่ีจะ ทาการตรวจสอบ 3.3.2.4. ทาการตรวจสอบชน้ิ งานโดยสอดชิ้นงานเข้าไปทางด้าน GO ก่อนแลว้ สังเกตดูว่าสามารถผ่านได้หรอื ไม่ 3.3.2.5. หลังจากตรวจสอบดว้ ยด้าน GO แลว้ ใหท้ าการตรวจสอบดา้ น NOT GO แล้วสงั เกตดูวา่ ชน้ิ งานสามารถผา่ นเขา้ ไปได้หรือไม่ สาขาวิชาวศิ วกรรมอตุ สาหการ-โลจสิ ติกส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏิบัตกิ ารท่ี 1 - 4 12รูปที่ 12 แสดงตัวอยา่ งการตรวจสอบงานด้วยเกจกา้ มปูด้าน GOรปู ท่ี 13 แสดงตัวอย่างการตรวจสอบงานดว้ ยเกจก้ามปูด้าน NOT GO3.3.3. การบารงุ รักษา 3.3.3.1. ข้อควรระวงั ในการใชง้ านเกจก้ามปู 1. ห้ามทาการตรวจสอบขนาดชิน้ งานในขณะท่ีชิ้นงานยงั หมุนอยู่โดยเด็ดขาด 2. ในการทาการตรวจสอบชน้ิ งานจะต้องระมดั ระวงั ไม่ใหป้ ากวัดองเกจก้ามปู กระแทกกบั ชิน้ งานเพราะอาจทาใหป้ ากวดั ของเกจก้ามปูเกิดการเสยี หายได้ 3. ไมค่ วรนาเกจกา้ มปไู ปใชง้ านอย่างอ่นื ทีไ่ มใ่ ชก่ ารตรวจสอบคา่ พกิ ัดของชน้ิ งาน ภายนอก 4. ควรใช้เกจกา้ มปูตรวจสอบงานที่มผี ิวเรียบเทา่ น้นั 3.3.3.2. การเกบ็ รกั ษาเกจก้ามปู 1. หมัน่ ตรวจสอบสภาพการใชง้ านของเกจกา้ มปูอยู่เสมอ 2. จัดเก็บเกจกา้ มปแู ยกออกจากอุปกรณอ์ น่ื ๆ 3. ตรวจดสู ภาพผวิ ของปากวดั ของเกจก้ามปูอย่างสมา่ เสมอ 4. ทาความสะอาด ชโลมน้ามันแล้งเชด็ ดว้ ยผ้าแห้งทกุ คร้งั 5. การจัดเกบ็ ควรมกี ล่องสาหรับใสเ่ กจก้ามปโู ดยเฉพาะ ไม่ควรวางปนกบั เคร่อื งมือ วดั ชนิดอื่นๆ สาขาวชิ าวิศวกรรมอตุ สาหการ-โลจิสตกิ ส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏบิ ัติการท่ี 1 - 4 134. การสอบเทียบเคร่อื งมอื วัด เครื่องมอื วดั ชนิดตา่ ง ๆ โดยเฉพาะเคร่ืองมอื วัดทมี่ ีคา่ ความละเอยี ดสูง เม่ือใชไ้ ปนาน ๆ กจ็ ะเกิดความคลาดเคลื่อน ทเี่ กิดจากอายกุ ารใช้งาน หรอื การชารดุ เนือ่ งจากการทางาน การสอบเทียบจงึ เปรียบเสมือนกบัการบารุงรกั ษาเครอื่ งมือวัดให้สามารถใช้งานไดอ้ ย่างแม่นยาและยังเป็นการยดื อายุการใชง้ านของเคร่อื งมอื วดัอกี ดว้ ย 4.1.1 ความสาคัญของการสอบเทียบเคร่อื งมือวัด การสอบเทียบเครอื่ งมือวัด คือ การตรวจสอบเครอื่ งมือวัดวา่ อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานการใช้งานของเคร่อื งมอื วัดชนิดนน้ั ๆ หรือไม่ โดยในการสอบเทียบนัน้ จะกระทาโดยการอา้ งองิ จากเครือ่ งมอื ทม่ี ีค่ามาตรฐาน เชน่ เกจบล็อก เปน็ ต้น 4.2.1.1 ค่าความคลาดเคลือ่ นของเคร่อื งมือวัด เคร่ืองมอื วดั ทุดชนิดเมือ่ ใช้งานไประยะหนง่ึ จะเกดิ ความคลาดเคลือ่ นในการวัดเน่อื งมาจากหลายสาเหตุดงั น้ี 1) ความคลาดเคลอื่ นจากระบบ ( Systematic Error) ความผดิ พลาดจากระบบน้นั จะเปน็ ความผดิ พลาดที่มักจะเกดิ ขึน้ อยู่เสมอ ลักษณะของความผดิ พลาดน้นั จะเกดิ ขึ้นซ้า ๆ และมีคา่ ความผดิ พลาดท่มี คี า่ คงที่ เช่น คา่ ความผิดพลาดที่เกิดจากอณุ หภมู ิ คือ เมื่ออุณหภมู ิเกดิ การเปลย่ี นแปลงอยา่ งรวดเร็วจะส่งผลใหว้ สั ดทุ ีน่ ามาผลติ เปน็ เคร่อื งมอื วดั นัน้ เกดิ การเปลยี่ นแปลงคุณสมบตั ิ การยืดออก หรอื หดตัวลง เล็กนอ้ ยช่วั ขณะ ส่งิ เหล่านีจ้ ะสง่ ผลให้เกดิ ความคลาดเคลือ่ นในการวดั ไดเ้ ช่นกัน 2) คา่ ความผดิ พลาดตกค้าง ( Random Error ) ค่าความผดิ พลาดตกค้าง เปน็ความผิดพลาดท่มี กั เกดิ ข้ึนโดยไมส่ ามารถคาดเดาได้วา่ จะเกิดข้ึนเมื่อไหร่ เป็นความผิดพลาดท่ีมักเกิดขึ้นมาจากวธิ ีการ หรือ สภาพแวดล้อม เชน่ แสงสว่างไม่เพียงพอตอ่ การมองเห็น อกี ทง้ั ยังรวมไปถึง สภาพร่างกายของตัวผู้ปฏบิ ตั งิ านวัดเองดว้ ย โดยทีค่ วามคลาดเคลือ่ นตกค้างนัน้ สามารถท่จี ะลดค่าความผดิ พลาดลงได้ โดยใช้หลักการทางสถิติ เช่น การตรวจวัดซ้า ๆ แลว้ ทาการหาคา่ เฉลย่ี จากการวดั โดยมวี ิธีการคานวณดังนี้ สาขาวิชาวศิ วกรรมอตุ สาหการ-โลจิสติกส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏบิ ัติการที่ 1 - 4 14คา่ เฉล่ยี ของขอ้ มูลจากการวดั X = X1 + X2 + X3…..+ Xn โดยท่ี X = คา่ ที่ไดจ้ ากการวดั ในแตล่ ะครั้ง n = จานวนคร้งั ในการวดั ค่าเบีย่ งเบนมาตรฐานจากการกระจายข้อมูล S = ∑n ( Xi – X )2 i=1 n โดยที่ X1 = คา่ ท่ไี ด้จากการวดั X = คา่ เฉล่ยี จากการวัด n = จานวนคร้งั ในการวัด ค่าความไมแ่ น่นอน r = t S n โดยที่ t = สมั ประสทิ ธิ์ระดับความเชอ่ื มนั่ n = จานวนของขอ้ มูลทีท่ าการวัด s = ค่าความเบ่ียงเบนมาตรฐานจากการกระจายขอ้ มูลตารางระดับความเชอ่ื มัน่ 95 % n 1 3 4 5 6 7 8 9 10 15 20 t 12.71 4.30 3.18 2.78 2.57 2.45 2.36 2.31 2.26 2.14 2.09 1.96 ตารางที่ 2 แสดงตารางระดบั ความเช่ือมนั่ 95 % สาขาวิชาวิศวกรรมอตุ สาหการ-โลจสิ ติกส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏิบตั กิ ารท่ี 1 - 4 15 4.2.2 การปรบั เทยี บไมโครมเิ ตอรด์ ้วยเกจ์บล็อก การปรับเทียบไมโครมิเตอรด์ ้วยเกจบลอ็ กเป็นการตรวจสอบค่าความผิดพลาดของไมโครมเิ ตอร์ ด้วยค่ามาตรฐานของเกจบล็อก แล้วหาค่าเฉล่ยี จากการวดั เพ่ือหาคา่ ความผดิ พลาดของโครมเิ ตอร์ โดยมหี ลักการดังนี้ 4.2.2.1 ขน้ั ตอนการปรับเทยี บไมโครมิเตอรด์ ว้ ยเกจบล็อก 1) เตรยี มเกจบลอ็ กสาหรบั การปรับเทียบไมโครมิเตอร์โดยเลอื ก ไมโครมเิ ตอร์ขนาดชว่ งการวดั ๐ – ๒๕ มม. ดงั น้ันจึงเลือกใช้แทง่ เก จบลอ็ กขนาด ๑๐ มม. ในการปรบั เทียบ 2) ทาการตรวจสอบสภาพของเกจบล็อกแทง่ ท่ีนามาใชใ้ นการปรบั เทียบ และตรวจสอบสภาพการใช้งานของไมโครมเิ ตอร์ ท้ังสองจะตอ้ งมี สภาพสมบรู ณพ์ รอ้ มใชง้ าน 3) ทาการวดั ขนาดเกจบลอ็ กดว้ ยไมโครมิเตอร์แลว้ จดคา่ ทีว่ ดั ไดใ้ นแต่ละ ครงั้ สมมุติวา่ ทาการวดั ทั้งหมดจานวน ๕ คร้งั โดยไดค้ า่ ดังตอ่ ไปนี้ครง้ั ที่ 1 2 3 4 5 ค่าเฉลย่ีคา่ ท่ีวดั 10.01 10.00 10.02 10.02 10.03 10.016 4) เมื่อได้ทาการวัดขนาดและจดบันทกึ แลว้ ทาการคานวณหาคา่ ความ คลาดเคลอื่ นของไมโครมิเตอรโ์ ดยมีวิธีการดังนี้หาค่าเฉลย่ี ทไ่ี ดจ้ ากการวัดX= X1 + X2 + X3 …….+ Xn nX = 10.01 + 10.00 + 10.02 + 10.02 + 10.03X = 10.016 5คา่ เบ่ยี งเบนมาตรฐานการกระจายข้อมลู n Xi X 2 S i1 NS 10.01 10.016 10.01 10.016 10.02 10.016 10.02 10.016 10.02 10.026 5 S = 0.015 สาขาวิชาวศิ วกรรมอตุ สาหการ-โลจิสตกิ ส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏบิ ตั ิการที่ 1 - 4 16จากตารางท่ี 2 แสดงตารางระดับความเชื่อม่นั 95 % r = t S n r = 3.87 0.01 5 r = 0.012ดงั นนั้ จากคา่ มาตรฐานของเกจบล็อกขนาด 10.00 มม. คา่ ทส่ี ามารถวัดได้ = 10.016 0.012 มม.สรปุจากขอ้ มูลตวั เลขทไี่ ด้ทาการปรับเที ดยบท้งั หมดจะเหน็ ได้ว่าเกจบลอ็ กขนาด 10.00 มม. ในการวดัดว้ ยไมโครมิเตอร์สามารถวัดได้ 10.016 และยงั มคี า่ ความคลาดเคลือ่ นอยู่ท่ี 0.012 มม. สาขาวิชาวศิ วกรรมอตุ สาหการ-โลจสิ ติกส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏิบัตกิ ารท่ี 1 - 4 17การปฏบิ ตั ิการทดลองท่ี 1.1 การสอบเทียบเวอรเ์ นียร์คาลปิ เปอร์ (Vernier Caliper)1. บทนา แคลลเิ ปอร์แบบเล่อื นได้ หรือ แคลลิเปอร์แบบเวอรเ์ นีย ( slide or vernier callipera) ดังทแี่ สดงไว้ในรปู เปน็ เครอ่ื งมอื สาหรับใช้ในงานวดั ละเอียดแบบหน่งึ ประกอบด้วยไม้บรรทดั เหล็ก (ปจั จุบนั มีแบบพลาสตกิ ดว้ ย) ทมี่ ขี าคงทีอ่ ยูท่ ่ปี ลายดา้ นหนึ่ง และขาอีกข้างหน่งึ เลือ่ นได้ ขาล่างทง้ั สองใช้วัดภายนอก เช่นวัดเส้นผา่ ศนู ย์กลางของเหลก็ เส้น สว่ นขาบนทงั้ คใู่ ช้วดั ภายใน เชน่ วัดเส้นผา่ ศนู ยก์ ลางภายในของหลอดแก้วเป็นต้น รูปท่ี 14 เวอรเ์ นียร์ คาลิเปอร์ สเกลอันสัน้ บนเขาที่เลื่อนได้แบ่งออกเป็น ๑๐ ชอ่ ง เทา่ ๆ กัน เรยี กวา่ เวอรเ์ นียร์ คาน้ตี งั้ ขน้ึ ตามชื่อของผคู้ ้นพบ คอื ซงึ่ เปน็ ชาวฝรงั่ เศส เวอรเ์ นยี ร์ ช่วยใหอ้ า่ นทศนยิ มตาแหนง่ ที่สองของการวัดเป็นเซนตเิ มตรได้โดยไม่ ต้องกะประมาณดว้ ยสายตาวธิ อี า่ นเวอร์เนยี ร์ สาหรับการใช้สเกลทีแ่ บง่ เป็นมิลลิเมตร เวอร์เนียรจ์ ะยาว ๙ มลิ ลเิ มตร และแบง่ เป็น ๑๐ ช่องเทา่ ๆกนั ดังนน้ั แตล่ ะชอ่ งของเวอรเ์ นยี รจ์ ะแตกตา่ งกบั แตล่ ะชอ่ งของสเกลหลกั เทา่ กับ ๐.๑ มิลลเิ มตร หรือ ๐.๐๑เซนติเมตร เวอรเ์ นยี รเ์ ลือ่ นไปตามสเกลจนกระทัง่ ขาแตะกบั ปลายวตั ถทุ ี่จะวัดจากแผนภาพ แสดงสเกลและเวอรเ์ นียรซ์ ง่ึ อ่านคา่ ได้ ๖.๕ มิลลเิ มตร หรือ ๐.๖๕ เซนติเมตร โดย สาขาวชิ าวิศวกรรมอตุ สาหการ-โลจิสติกส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏบิ ัตกิ ารที่ 1 - 4 18 1. อา่ นคา่ ทสี่ เกล(ส่วนที่เป็นด้าม) จะอา่ นได้คา่ ๖ มลิ ลิเมตร (สังเกตทีต่ าแห่ง ศนู ย์ของเวอร์เนยี ร์เริม่ในตาแหง่ ใด บนขดี ของสเกลทีด่ า้ ม) ในรูป ศูนย์อยรู่ ะหวา่ ง ขีด ๖ - ๗ 2. อา่ นคา่ ทส่ี เกลของเวอรเ์ นยี ร์ จะอ่านได้คา่ ๐.๕ (เพราะขีดทส่ี เกลเวอรเ์ นียร์ขดี ท่ี ๕ ตรงกับตาแหนง่ของสเกลทดี่ า้ มมากท่ีสุด) สงั เกตว่าขีดสเกลเวอร์เนียรข์ ีดอนื่ ๆ ไม่ตรงกับตาแหนง่ ขดี ใด ๆ ในสเกล 3. นาค่าที่ได้ในขอ้ ๑ + ๒ จะได้คา่ ที่อา่ นได้ คือ ๖ + ๐.๕ = ๖.๕ มลิ ลิเมตร หรอื ๐.๖๕ เซนตเิ มตร สรปุ ได้วา่ ทศนยิ มตาแหน่งทสี่ องของการวัด (หนว่ ยวดั เป็นเซนตเิ มตร) คอื จานวนขดี ของเวอร์เนยี รท์ ต่ี รงกับขีดบนสเกล สาขาวิชาวิศวกรรมอตุ สาหการ-โลจสิ ตกิ ส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏบิ ตั กิ ารที่ 1 - 4 19สว่ นประกอบหลกั ของเวอรเ์ นียรค์ าลเิ ปอร์ รปู ที่ 15 เวอรเ์ นียร์ คาลเิ ปอร์ตารางท่ี 2 สว่ นประกอบที่สาคัญของเวอร์เนียร์คาลเิ ปอร์ มดี งั น้ีปากวดั A ใชจ้ บั วตั ถุที่ตอ้ งการวดั ขนาด เช่น ความหนา ความยาว เส้นผ่าศนู ยก์ ลางภายนอกของวัตถุปากวัด B ใชว้ ดั เส้นผา่ ศนู ยก์ ลางภายในของวัตถุแกน C ใชว้ ดั ความลึกของวตั ถุสเกลหลกั D เป็นสเกลที่เหมอื นไมบ้ รรทดั เปน็ สเกลที่อยูก่ บั ท่ี มกั มี 2 หน่วยคอื เซนติเมตร (หรือมิลลเิ มตร) และน้วิสเกลเวอรเ์ นยี E เป็นสเกลทชี่ ่วยให้อ่านคา่ ไดล้ ะเอียดขน้ึ สเกลเวอร์เนยี ร์สามารถเลื่อนไปมาบนสเกลหลักได้ปมุ F ติดอย่กู ับสเกลเวอร์เนยี ร์ ใช้สาหรับเลอ่ื นสเกลเวอร์เนียร์สกรู G ติดอยูก่ ับสเกลเวอรเ์ นียร์เชน่ กัน ใช้ล็อกสเกลเวอร์เนียรใ์ หต้ ดิ แน่นกับสเกลหลัก ทาให้สเกลเวอร์ เนยี รไ์ ม่ขยบั ขณะอา่ นคา่ การวัด สาขาวิชาวศิ วกรรมอตุ สาหการ-โลจิสติกส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏิบตั ิการท่ี 1 - 4 20คา่ least count เวอร์เนยี รค์ าลเิ ปอร์ (หรือเรียกสน้ั ๆ วา่ เวอรเ์ นยี ร์) มหี ลายรุ่น แต่มีรูปรา่ งคล้ายกนั ทแ่ี ตกต่างคือความละเอียดของการวัด ซึง่ จะหาได้จากสเกลเวอร์เนียร์ ดังน้ี 1. สมมตเิ วอรเ์ นยี ร์อนั หนง่ึ มจี านวนชอ่ งสเกลเวอร์เนียรทง้ั หมด n ช่วง เวอรเ์ นียรอ์ นั นั้นจะอา่ นคา่ ได้ ละเอียด 1/n ของ 1 ชอ่ งสเกลหลัก 2. ถ้าสเกลเวอรเ์ นียร์ของเวอร์เนยี ร์อนั หน่ึงมีจานวนช่องเท่ากบั 20 ชอ่ ง และ 1 ช่องสเกลหลกั เทา่ กบั 1 mm ดงั นัน้ เวอรเ์ นียรอ์ นั นี้จะอ่านได้ละเอยี ด 1/20 x 1mm เท่ากับ 0.05 mm ค่าน้เี รยี กวา่ least count ของเวอร์เนียร์ ซง่ึ เป็นค่าทีน่ ้อยทส่ี ุดหรือคา่ ละเอยี ดท่ีสดุ ทีเ่ วอรเ์ นยี รอ์ ันน้ันวดั ได้ 3. ค่า least count มกั จะพมิ พต์ ดิ อย่ทู ่ีสเกลเวอรเ์ นียร์ ถ้าเวอรเ์ นียรอ์ นั ใดไม่มีค่า least count ผู้ใช้ ตอ้ งหากอ่ นทาการวดั เสมอการใชเ้ วอรเ์ นยี ร์ การใช้เวอร์เนียร์ เราสามารถใช้เวอร์เนยี รว์ ัดขนาดของวัตถุในหลายลักษณะดังรปู 2 กลา่ วคือ รูปที่ 16 การใช้เวอร์เนียร์วัดขนาดวัตถุ1. ในการวดั ความยาวของแท่งวัตถุ เสน้ ผ่าศนู ยก์ ลางของทรงกระบอก ทรงกรม ใช้ปากวัด A ดงั รปู 2 ก.2. ในการวัดเสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลางภายในของวงแหวน ทรงกระบอกกลวง ใชป้ ากวดั B ดงั รูป 2 ข.3. สว่ นการวัดความลึกของวัตถุ ใชแ้ กน C ดงั รปู 2 ค.4. ในการวดั ทกุ ครงั้ จะตอ้ งใหช้ น้ิ งานหรอื วตั ถุท่ถี กู วัดและเวอร์เนียรอ์ ยนู่ ่งิ ไม่เอนไปมา สาขาวชิ าวศิ วกรรมอตุ สาหการ-โลจิสตกิ ส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏบิ ัติการท่ี 1 - 4 21การบนั ทึกค่าการวดั รูปท่ี 17 การบันทึกคา่ การวัดจากรูป 3 แสดงการใชเ้ วอรเ์ นียรว์ ดั ขนาดของช้อน ผูใ้ ช้ตอ้ งหา least count ของเวอรเ์ นยี ร์ ดงั น้ี 1. สเกลเวอร์เนยี รม์ จี านวนช่องเท่ากับ 10 ชอ่ ง 2. สเกลหลัก 1 ช่อง เทา่ กับ 1mm 3. ดงั นั้น คา่ least count เทา่ กับ 1/10 x 1 mm เท่ากับ 0.1mm 4. ค่าจากการวดั จะประกอบดว้ ย 2 สว่ นคอื ค่าทอ่ี า่ นไดจ้ ากสเกลหลกั และคา่ ทีอ่ ่านไดจ้ ากสเกลเวอร์เนยี ร์ นาค่าทง้ั สองมาบวกกัน จะเปน็ ค่าทอ่ี า่ นได้ การอา่ นค่าบนสเกลหลกั ตอ้ งดูว่าขดี ศนู ย์ของสเกลเวอร์เนียร์อยูต่ รงกับสเกลหลักท่ีตาแหน่งใด บนั ทกึคา่ ทีอ่ ่านได้จากสเกลหลักในหน่วยมลิ ลเิ มตร โดยไมพ่ จิ ารณาเศษของมลิ ลเิ มตร แตจ่ ะหาได้จากสเกลเวอร์เนียร์โดยสังเกตว่าขดี ใดของสเกลเวอร์เนยี ร์อย่ตู รงกับขดี ใดของสเกลหลัก จากนน้ั เอา คา่ least count ของเวอร์เนียรไ์ ปคณู กับขีดท่อี ่านได้จากสเกลเวอรเ์ นียร์ ผลคณู ทไี่ ดจ้ ะเป็นคา่ ทอี ่านได้จากสเกลเวอรเ์ นียร์หรือค่าเศษของมิลลเิ มตรนน่ั เอง จากรูป 3 ขีดศนู ย์ของสเกลเวอร์เนยี รอ์ ยเู่ ลยขีดที่ 32 mm บนสเกลหลกั มาเลก็ นอ้ ย แต่ไม่ถงึ ขีดท่ี 33ดังนน้ั ค่าท่ีอ่านไดจ้ ากสเกลหลกั คอื 32mm สว่ นทส่ี เกลเเวอร์เนยี ร์ จะเห็นวา่ ขีดท่ี 4 ของเสกลเวอร์เนยี ร์ตรงกับขดี ใดขีดหน่ึงบนสเกลหลัก ดังนัน้ ค่าท่ีอ่านได้จากสเกลเวอรเ์ นยี รห์ รอื เศษของมิลลเิ มตร ก็คอื .01 mmx 4เท่ากบั 0.4mm นน่ั คอื ค่าทีอา่ นได้จากเวอรเ์ นียรค์ อื 32.0mm+0.4mm เทา่ กับ 32.4 mm สาขาวิชาวศิ วกรรมอตุ สาหการ-โลจิสตกิ ส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏิบัตกิ ารท่ี 1 - 4 222. วตั ถุประสงค์ 2.1 ด้านความรู้ 1. นิสติ สามารถอธิบายวธิ กี ารวัดจากเครือ่ งมอื วดั แบบต่างๆ ได้ 2. นสิ ิตสามารถอธบิ ายความไมแ่ นน่ อนในการวดั ปรมิ าณต่างๆ ด้วยเครือ่ งมอื ได้ 2.2 ด้านทกั ษะกระบวนการ 1. นสิ ติ สามารถใช้เครอ่ื งวดั จากเครอ่ื งมือวดั ไมโครมเิ ตอร์, เวอร์เนียรค์ าลปิ เปอร์ ได้ 2. นิสติ บันทึกตวั เลขทเ่ี หมาะสมจากเครอื่ งมือวัดแบบสเกลได้โดยตรงได้ 2.3 ด้านคุณลักษณะ/เจตคติ 1. นสิ ติ มีความรอบคอบ 2. นิสติ มีความเช่ือมน่ั ในตนเอง 3. นิสิตมคี วามตรงต่อเวลา 4. นิสติ มีความกระตือรือร้นสนใจในการเรียน สาขาวิชาวิศวกรรมอตุ สาหการ-โลจิสติกส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏิบัตกิ ารท่ี 1 - 4 233. วธิ กี ารทดลอง จานวนหน่วยกติ 1(0-3-2) จานวนคาบ 3 บทปฏบิ ัตกิ ารที่ 4 – 1 ห้องปฏิบตั กิ ารวัด (Metrology Laboratory) ชื่อรายวิชา 02206281 ปฏิบตั ิการวิศวกรรมอุตสาหการ I (Industrial Engineering Laboratory I) การปฏิบัติการทดลองที่ 1.1 การสอบเทยี บเวอรเ์ นยี ร์คาลิปเปอร์ จดุ ประสงค์การสอนจดุ ประสงคท์ ว่ั ไป 1. เพอื่ ใหเ้ ข้าใจความสาคญั ของการปรับเทยี บเครอื่ งมือวดั 2. เพ่อื ให้เขา้ ใจหลกั การปรบั เทียบเคร่อื งมือวดั 3. เพอื่ ใหเ้ ขา้ ใจการปรบั เทียบไมโครมเิ ตอร์จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม 1. บอกความสาคญั ของการปรบั เทยี บเคร่ืองมือวดั 2. บอกหลักการปรับเทียบเครอื่ งมือวัด 3. บอกหลักการตรวจสอบรัศมี 4. ปฏบิ ตั ิงานปรับเทียบไมโครมิเตอร์ข้ันตอนการเตรียมความพรอ้ มก่อนการปฏิบตั ิงาน 1. ตรวจสอบสภาพของเวอร์เนียรค์ าลิปเปอร์ กอ่ นใช้งาน 2. ตรวจสอบสภาพเวอร์เนยี รค์ าลิปเปอร์ ก่อนการปรับเทียบขน้ั ตอนการปรับเทียบเวอร์เนียร์คาลปิ เปอร์ 1. ให้นิสิตศึกษาวธิ ีการใชเ้ วอรเ์ นยี ร์คาลิปเปอร์ 2. ใชเ้ วอร์เนียรค์ าลิปเปอรว์ ดั ขนาดความหนา, เสน้ ผ่านศนู ยก์ ลางของชนิ้ งานทดสอบพรอ้ ม บนั ทึกผลลงในตารางการทดลอง 3. ทาการทดลองซา้ ในข้อท่ี 2 และ 3 พร้อมคานวณหาคา่ ความหนา, เส้นผ่านศนู ย์กลางเฉลี่ย ของช้นิ งานทดสอบ สาขาวชิ าวศิ วกรรมอตุ สาหการ-โลจสิ ติกส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏิบัตกิ ารที่ 1 - 4 24บทปฏบิ ัติการที่ 4 – 1 ห้องปฏิบตั กิ ารวัด (Metrology Laboratory)ชื่อรายวชิ า 02206281 ปฏบิ ัติการวิศวกรรมอตุ สาหการ I จานวนหนว่ ยกิต 1(0-3-2) (Industrial Engineering Laboratory I)การปฏิบัตกิ ารทดลองท่ี 1.1 การสอบเทยี บเวอรเ์ นียร์คาลิปเปอร์ จานวนคาบ 3จดุ ประสงคก์ ารเรียนการสอน รายการสอนจดุ ประสงคท์ ว่ั ไป1. เพอื่ ใหเ้ ขา้ ใจความสาคญั ของการปรบั เทยี บ 1. การปรบั เทยี บเวอรเ์ นยี รค์ าลิปเปอร์เคร่อื งมอื วดั 2. การตรวจสอบความคลาดเคลื่อนของ2. เพือ่ ให้เข้าใจหลักการปรบั เทยี บเคร่ืองมอื วัด เครื่องมอื วัด3. เพือ่ ให้เข้าใจการปรับเทียบเวอรเ์ นยี รค์ าลปิ 3. การคานวณหาคา่ เฉลย่ี และค่าเบยี่ งแบนเปอร์ มาตรฐานจุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม วัสดุ – อุปกรณ์๑. บอกความสาคัญของการปรบั เทียบเครอื่ งมือ ๑. ชนิ้ งานทดลองวัด ๒. เวอรเ์ นยี รค์ าลปิ เปอร์๒. บอกหลกั การปรับเทยี บเครื่องมอื วัด๓. บอกหลกั การตรวจสอบรศั มี๔. ปฏบิ ตั ิงานปรบั เทียบเวอรเ์ นียร์คาลิปเปอร์ สาขาวิชาวิศวกรรมอตุ สาหการ-โลจสิ ติกส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏิบตั กิ ารที่ 4 – 1 หอ้ งปฏบิ ัตกิ ารวดั (Metrology Laboratory) บทปฏิบตั กิ ารท่ี 1 - 4 25ชอ่ื รายวชิ า 02206281 ปฏิบัตกิ ารวศิ วกรรมอุตสาหการ I จานวนหน่วยกติ 1(0-3-2) (Industrial Engineering Laboratory I) จานวนคาบ 3การปฏิบัติการทดลองท่ี 1.1 การสอบเทยี บเวอร์เนยี ร์คาลิปเปอร์ชนิ้ ที่ ชื่อชิ้นงาน ขนาดวสั ดุ วัสดุ หมายเลข จานวน มาตราสว่ น แบบ 1:11 การปรบั เทยี บเวอรเ์ นยี ร์คา - St.37 - 1 ลิปเปอรด์ ้วยเกจบลอ็ ก ลาดบั ขัน้ การปฏบิ ัตงิ านที่ ขนั้ ตอนการปฏบิ ตั งิ าน ภาพแสดง1 ขั้นตอนการปรบั เทยี บเวอร์เนียร์คาลปิ เปอรด์ ว้ ย ไมโครมเิ ตอรข์ นาดชว่ งการวดั เกจบลอ็ ก ๐ – ๒๕ มม 1. เตรียมเกจบลอ็ กสาหรับการปรบั เทียบเวอร์ เนียร์คาลปิ เปอร์ โดยเลอื กไมโครมิเตอร์ ขนาดชว่ งการวัด 0 - 25 มม. ดังนน้ั จึง เลอื กใช้แทง่ เกจบล็อกขนาด 10 มม. ใน การปรับเทยี บ สาขาวิชาวิศวกรรมอตุ สาหการ-โลจสิ ตกิ ส์ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏบิ ัตกิ ารท่ี 1 - 4 26บทปฏิบตั ิการที่ 4 – 1 หอ้ งปฏิบตั กิ ารวัด (Metrology Laboratory)ชอ่ื รายวชิ า 02206281 ปฏิบัตกิ ารวศิ วกรรมอุตสาหการ I จานวนหนว่ ยกิต 1(0-3-2)(Industrial Engineering Laboratory I)การปฏิบตั กิ ารทดลองที่ 1.1 การสอบเทยี บเวอร์เนียร์คาลิปเปอร์ จานวนคาบ 3ลาดับข้นั การปฏิบัตงิ านที่ ขั้นตอนการปฏบิ ัติงาน ภาพแสดง2. ทาการตรวจสอบสภาพของเกจบลอ็ ก เกจบล็อกขนาด ๒๐ มม. แท่งที่นามาใชใ้ นการปรับเทยี บและ ตรวจสอบสภาพการใช้งานของเวอร์ เนียร์คาลปิ เปอร์ ท้ังสองจะต้องมสี ภาพ สมบรู ณ์ พร้อมใช้งาน3. ทาการวัดขนาดเกจบลอ็ กด้วยเวอร์เนยี ร์ คาลปิ เปอรแ์ ลว้ จดคา่ ทวี่ ัดได้ในแตล่ ะครง้ั สมมุติวา่ ทาการวัดท้งั หมดจานวน 3 ครัง้4. เลอื กขนาดและจานวนชนิ้ งานของ เกจบล็อกให้ได้ความยาวดงั ต่อไปน้ี 11.42 , 16.85 , 9.815 , 16.375 , 10.245 มม.5. เมอื่ ไดท้ าการวัดขนาดและจดบนั ทึกแล้ว ทาการคานวณหาค่าความคลาดเคลอื่ น และหาค่าเฉลี่ยที่ได้จากการวัด6. ทาการสรปุ ความคลาดเคล่ือนของเวอร์ เนยี รค์ าลิปเปอรท์ ีน่ ามาปรบั เทียบ สาขาวิชาวศิ วกรรมอตุ สาหการ-โลจิสตกิ ส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏบิ ัติการที่ 1 - 4 27 แบบประเมินผลชื่อวชิ า 02206281 ปฏบิ ตั ิการวิศวกรรมอุตสาหการ I (Industrial Engineering Laboratory I)ระดับชัน้ 2 สาขาวชิ า วศิ วกรรมอุตสาหการ-โลจิสตกิ ส์ เวลา 3 ชวั่ โมง 10 คะแนนการปฏบิ ตั ิการทดลองที่ 1.1 การสอบเทยี บเวอร์เนียร์คาลปิ เปอร์ คะแนน หมายเหตุลาดับ ชื่องาน เกณฑต์ ดั สิน ผ่าน ไม่ผา่ น1. ทกั ษะการใช้เกจบล็อก2. ทกั ษะการปรบั เทยี บเวอร์เนียรค์ าลิปเปอร์3. ทักษะการคานวณหาค่าความคลาดเคลื่อน4. การตรงตอ่ เวลา5. การแต่งกาย6. การทาความสะอาดหมายเหตุ รวม 80 - 100 % ผ่าน ผ้ปู ระเมนิ ตา่ กวา่ 80 % ไม่ผ่าน ....................................... (......................................) ............/............/............ สาขาวชิ าวศิ วกรรมอตุ สาหการ-โลจสิ ติกส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏิบตั กิ ารท่ี 1 - 4 284. ผลการทดลอง แบบประเมินผลชื่อวิชา 02206281 ปฏิบตั กิ ารวิศวกรรมอตุ สาหการ I (Industrial Engineering Laboratory I)ระดบั ชนั้ 2 สาขาวชิ า วิศวกรรมอุตสาหการ-โลจิสติกส์ เวลา 3 ช่ัวโมงการปฏิบัตกิ ารทดลองที่ 1.1 การสอบเทียบเวอร์เนียรค์ าลปิ เปอร์ คะแนน 10 คะแนนขนาดและจานวนชน้ิ ของเกจบล็อกแบบ 87 ช้นิ ขนาดและจานวนชิน้ ของเกจบล็อกแบบ 42 ช้ินชว่ งขนาด ข้ันการเพม่ิ ขนาด (มม.) จานวนชน้ิ ช่วงขนาด ขน้ั การเพิ่มขนาด (มม.) จานวนชิน้0.5,1,0.005 - 3 1,1.005 - 2 50 1.01-1.09 0.01 91.01-1.50 0.01 5 1.1-1.9 0.1 9 16 2-10 1 91.6-2 0.1 9 20-100-1 10 9 4 1,1,1.5,1.5 ชิน้ ป้องกนั 42.5-10 0.520-100 101,1,1.5,1.5 ชิ้นปอ้ งกนับนั ทึกผลการทดลอง ส่งิ ที่ตอ้ งการวัด คร้ังทีใ่ นการวดั คานวณหาค่าความคลาดเคล่อื น เกจบลอ็ ก 11.42 1 2 3 เฉล่ยี 1 2 3 เฉลี่ย ความหนา (มม.)เสน้ ผ่านศนู ย์กลาง (มม.) สิง่ ทต่ี อ้ งการวดั คร้งั ทใี่ นการวัด คานวณหาคา่ ความคลาดเคลอ่ื น เกจบล็อก 16.85 1 2 3 เฉลย่ี 1 2 3 เฉลี่ย ความหนา (มม.)เส้นผา่ นศูนย์กลาง (มม.) ส่ิงทีต่ อ้ งการวัด คร้ังทีใ่ นการวัด คานวณหาคา่ ความคลาดเคลื่อน เกจบล็อก 16.85 1 2 3 เฉล่ีย 1 2 3 เฉลีย่ ความหนา (มม.)เสน้ ผา่ นศนู ย์กลาง (มม.) สาขาวิชาวิศวกรรมอตุ สาหการ-โลจสิ ตกิ ส์ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏิบตั ิการท่ี 1 - 4 29 แบบประเมินผลชื่อวชิ า 02206281 ปฏิบตั กิ ารวิศวกรรมอตุ สาหการ I (Industrial Engineering Laboratory I)ระดับชัน้ 2 สาขาวชิ า วศิ วกรรมอุตสาหการ-โลจิสติกส์ เวลา 3 ชวั่ โมง 10 คะแนนการปฏิบัติการทดลองที่ 1.1 การสอบเทียบเวอร์เนยี รค์ าลปิ เปอร์ คะแนนบนั ทกึ ผลการทดลองสิง่ ทต่ี ้องการวัด ครง้ั ท่ใี นการวัด คานวณหาคา่ ความคลาดเคล่อื นเกจบลอ็ ก 9.815 1 2 3 เฉลยี่ 1 2 3 เฉลย่ีความหนา (มม.)เส้นผ่านศนู ย์กลาง (มม.)ส่ิงที่ตอ้ งการวัด คร้ังทใี่ นการวัด คานวณหาค่าความคลาดเคลือ่ นเกจบล็อก 16.375 1 2 3 เฉลยี่ 1 2 3 เฉล่ียความหนา (มม.)เส้นผา่ นศนู ย์กลาง (มม.)สง่ิ ทีต่ ้องการวดั คร้ังท่ีในการวดั คานวณหาค่าความคลาดเคล่ือนเกจบล็อก 10.245 1 2 3 เฉล่ีย 1 2 3 เฉล่ยีความหนา (มม.)เส้นผา่ นศนู ย์กลาง (มม.)วนั ทป่ี ฏิบตั กิ ารทดลอง วนั ที่…….. เดือน …………….. พ.ศ. ……….สมาชิกในกลุ่ม1. ……………………………………………………. เลขท่ี ………..2. ……………………………………………………. เลขท่ี ………..3. ……………………………………………………. เลขที่ ………..4. ……………………………………………………. เลขท่ี ………..5. ……………………………………………………. เลขที่ ………..6. ……………………………………………………. เลขที่ ………..7. ……………………………………………………. เลขที่ ………..8. ……………………………………………………. เลขที่ ………..ผคู้ วบคมุ การทดลอง ………………………………………...………………………………………... สาขาวชิ าวศิ วกรรมอตุ สาหการ-โลจสิ ติกส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏบิ ตั ิการท่ี 1 - 4 305. สรุปและอภิปรายผลการทดลองบันทกึ ขอ้ บกพรอ่ งในการทดลอง………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………สรปุ ผลการทดลอง………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… สาขาวิชาวิศวกรรมอตุ สาหการ-โลจิสติกส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏบิ ัตกิ ารท่ี 1 - 4 31อภปิ รายผลการทดลอง………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… สาขาวิชาวิศวกรรมอตุ สาหการ-โลจสิ ตกิ ส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏบิ ัติการท่ี 1 - 4 32 การปฏบิ ัติการทดลองท่ี 1.2 การสอบเทยี บไมโครมิเตอร์ดว้ ยเกจบลอ็ ค (Micrometer Caliper)1. บทนา 1.1 ไมโครมเิ ตอร์ (Micrometer) เป็นอุปกรณว์ ดั ละเอียดอีกชนดิ หน่ึงทน่ี ยิ มใชใ้ นงานอุตสาหกรรมต่างๆ อยา่ งแพร่หลายไมโครมเิ ตอร์ถือกาเนิดขึ้นมาตง้ั แต่ประมาณปี ค.ศ. 1848 โดยชาวฝรง่ั เศส หลงั จาก ไดร้ ับความนิยมก็ได้มกี ารพฒั นาปรบั ปรุงให้สามารถใช้งานได้สะดวกและละเอยี ดมากข้นึ ตามลาดับ 1.2 ไมโครมเิ ตอรว์ ดั นอก (Outside Micrometer Caliper) 1.) ลักษณะโดยทวั่ ไปของไมโครมเิ ตอรว์ ัดนอก คือ ไมโครมเิ ตอร์แบบใชว้ ัดขนาดภายนอกจะอาศัยหลักการทางานของเกลยี วทีจ่ ะเกิดค่าระยะพิตช์ เม่อื ทาการหมนุ เกลยี วไป 1 รอบ กจ็ ะได้ระยะพติ ช์เท่ากบั1 (1 Pitch) ซ่ึงระยะพติ ช์นี่เองทไ่ี ดถ้ ูกนาไปเปรยี บเทียบกับการเคลอื่ นท่ีของเกลยี ว 1 ชอ่ ง กบั สเกลหลกับรรทดั เหล็ก เช่น ถ้าเราแบง่ ระยะบรรทัดเหลก็ ออกเปน็ 20 ส่วน แลว้ หมนุ เกลียว 1 ช่อง ผา่ นบรรทดั เหล็กจะได้ระยะ 1/20 ของระยะพิตช์ ซึ่งหลักการนี้ถูกนาไปสรา้ งเปน็ ไมโครมิเตอร์ภาพท่ี 5.4 แสดงไมโครมเิ ตอร์วดั นอก สาขาวชิ าวศิ วกรรมอตุ สาหการ-โลจิสติกส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏิบัติการที่ 1 - 4 331.3 ช่อื สว่ นประกอบและหน้าท่ีของไมโครมิเตอร์วดั นอก ภาพท่ี 5.5 แสดงส่วนประกอบของไมโครมเิ ตอร์ ช่ือส่วนประกอบ หน้าที่1. แกนรบั2. แกนวัด • หน้าที่รองรับการวัดทีผ่ ิวสมั ผสั ของแกนรบั จะชบุ ผวิ แข็งเพอ่ื ปูองกนั การสึกหรอ3. ปลอกหมนุ วัด • เลอื่ นสมั ผสั วดั ขนาดของช้นิ งานผิวสมั ผัสจะชบุ ผิวแข็งเหมอื นกับแกนรบั และขนาด ของแกนวดั เทา่ กบั แกนรับ4. เกลียว • หมนุ เลือ่ นให้แกนวัดสมั ผัสชน้ิ งานในทิศทางตามเข็มนาฬกิ า สว่ นท่ลี ายสาหรับมือ5. ปลอกหมนุ กระทบเลื่อน จับ6. กลไกล็อคแกนวัด • เป็นส่วนเดยี วกับแกนวัดมรี ะยะพติ ช์เทา่ กับ 0.5 มม.7. ก้านสเกล • ปอู งกนั แกนวัดในการเล่อื นสมั ผสั ผิวงานวัดเพ่อื ให้ได้ค่าวดั ทถ่ี กู ตอ้ ง8. ขีดสเกล 0.01 มม. • ลอ็ คหรอื บีบแกนวดั ไม่ให้เคลื่อนท่ี และคลายเมื่อต้องการให้แกนวัดเคลอ่ื นที่9. โครง • ปลอกขดี สเกลแบ่งตามแนวยาว10. ขนาดวัด • อยู่บนปลอกหมุนวัด แต่ละชอ่ งสเกลมีค่าความละเอียด 0.01 มม.11. แหวนเกลียว • เปน็ ตวั รองรบั สว่ นประกอบตา่ ง ๆ ของไมโครมเิ ตอร์12. ขดี สเกล 1 มม.13. ขีดสเกล 0.5 มม. • เป็นตวั เลขท่บี อกขนาดของไมโครมเิ ตอร์ เช่น 0-25 มม. หมายถึง ไมโครมิเตอร์ สามารถวดั ขนาดได้ตัง้ แต่ 0-25 มม. • ใช้ปรับความฝดื ของปลอกหมนุ วดั • บอกคา่ ความละเอยี ดขีดละ 1 มม. • บอกค่าความละเอยี ดขดี ละ 0.5 มม. โดยมองประกอบกับสเกลท่ใี ชล้ ะเอียด 1 มม. สาขาวชิ าวศิ วกรรมอตุ สาหการ-โลจสิ ติกส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏิบัตกิ ารที่ 1 - 4 341.4 หลกั การแบง่ สเกลคา่ ความละเอยี ด 1.4.1 สเกลไมโครมเิ ตอรท์ ใ่ี ชก้ ันอยู่ทวั่ ไปมคี วามละเอยี ด 0.01 มม. (1/100 มม.) โดยมหี ลกั การแบ่ง สเกลดังนี้ ภาพที่ 5.6 การแบ่งสเกลท่ปี ลอกหมนุ วัดออกเปน็ 50 ชอ่ ง :เมื่อหมนุ เกลยี วไป 1 รอบ = 1 ระยะพิตชเ์ กลียว (0.50 มม.) จากภาพท่ี 5.6 ถา้ ปลอกหมนุ วดั แบง่ ชอ่ งสเกลออกเป็น 50 ช่อง (50 ขดี ) การเคล่อื นทใ่ี นแตล่ ะช่วงจะหาคา่ ความละเอียดได้ดังน้ี ถ้าหมนุ เกลียวไป 1 รอบ (50 ขีด) = 0.50 มม. ถ้าหมนุ เกลยี วไป 1/2 รอบ (25 ขดี ) = 0.5/2 = 0.25 มม. ถา้ หมุนเกลยี วไป 1/50 รอบ (1 ขีด) = 0.5/50 = 0.01 มม. เมอื่ หมนุ ปลอกวัดไป 1 ขีดแกนวดั จะเคลือ่ นที่ 0.01 มม.การอา่ นคา่ วดั จากไมโครมิเตอร์ (1/100 มม.) 1. สเกลดา้ นล่างจะแบง่ ความกวา้ งเป็น 1 มม./ชอ่ ง เรียกว่า สเกล 1 มม. 2. สเกลด้านบนจะแบง่ ความกว้างเป็น 1 มม./ชอ่ ง โดยเริ่มที่จดุ กึ่งกลางของสเกล 1 มม. ไปจนสุดปลอกวัด เรยี กวา่ สเกล 0.50 มม. 3. สเกลปลอกหมนุ วดั ถูกแบ่งออกเป็น 50 ช่องเท่า ๆภาพที่ 5.7 สเกลของไมโครมิเตอร์ กันมคี วามละเอยี ด 0.01 มม. สาขาวิชาวิศวกรรมอตุ สาหการ-โลจสิ ตกิ ส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏบิ ตั ิการที่ 1 - 4 35จากภาพท่ี 5.7 อ่านคา่ จากขีดสเกล 1 มม. = 10.00 มม. อา่ นค่าจากขีดสเกล 0.5 มม. = 0.00 มม. อา่ นคา่ จากขดี สเกล 0.01 มม. = +0.00 มม. อ่านค่ารวม = 10.00 มม. ภาพท่ี 5.8 อา่ นคา่ สเกลจากการวดั ดว้ ยไมโครมิเตอร์จากภาพที่ 5.8 อา่ นคา่ จากขีดสเกล 1 มม. = 33.00 มม. อา่ นค่าจากขีดสเกล 0.5 มม. = 0.50 มม. อ่านค่าจากขดี สเกล 0.01 มม. = +0.00 มม. อ่านคา่ รวม = 33.50 มม. ภาพท่ี 5.9 อา่ นคา่ สเกลจากการวัดด้วยไมโครมเิ ตอร์จากภาพที่ 5.9 อ่านค่าจากขดี สเกล 1 มม. = 5.00 มม. อ่านค่าจากขีดสเกล 0.5 มม. = 0.50 มม. อ่านคา่ จากขดี สเกล 0.01 มม. = +0.19 มม. อา่ นคา่ รวม = 5.69 มม. สาขาวชิ าวศิ วกรรมอตุ สาหการ-โลจิสติกส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏบิ ตั ิการท่ี 1 - 4 36 1.4.2 การอ่านไมโครมเิ ตอร์วดั ละเอียด 2/1000 มม. (0.002 มม.) ไมโครมิเตอรช์ นดิ นี้ เหมอื นกบัไมโครมเิ ตอรช์ นดิ 1/100 มม. ทุกประการแต่มีสเกลทีเ่ พม่ิ เขา้ มาคือ เวอร์เนยี รส์ เกล โดยขีดแบง่ สเกลไว้ที่ปลอกสเกลหลกั เปน็ ขดี ไปแนวนอน 5 ส่วน หรอื 5 ช่อง ขดี ขนาดกบั เสน้ อา่ น (Reading Line) วธิ ีแบง่ เปน็ เวอร์เนียร์สเกลของไมโครมิเตอร์วดั ละเอียด 2/1000 มม. ทาได้ดังน้ี 1. นาระยะ 9 ช่องของสเกลปลอกหมุนวัด (9 x 0.01 = 0.09 มม.) นาแบง่ ออกเปน็ เวอร์เนยี ร์สเกล 5 สว่ นเท่าๆกัน ดงั นั้นแตล่ ะสว่ นเท่ากับ 0.9/5 = 0.018 มม. 2. ผลตา่ ง 2 สว่ นของปลอกสเกลหลกั (0.02 มม.) กบั 1 สว่ นของเวอร์เนียร์สเกล (0.018มม.) มคี า่ เท่ากบั 0.02-0.018 = 0.002 มม. ซึ่งเป็นความละเอียดท่ไี มโครมิเตอรว์ ดั ได้นั่นเอง ภาพท่ี 5.10 เวอรเ์ นียร์สเกลไมโครมเิ ตอร์ 2/1000 มม.วิธีอา่ น จากภาพท่ี 5.10 อา่ นตามลาดับไดด้ งั นี้ 1. ทปี่ ลอกสเกลหลกั อา่ นได้ = 5.00 มม. 2. ขีด 0 บนปลอกหมุนวดั ตรงกบั เส้นอ่าน = 0.00 มม. 3. ขีด 0 ของเวอรเ์ นียร์สเกลตรงกับขดี สเกลของปลอกหมุนวัด จงึ มีคา่ = 0.00 มม. 4. รวมค่าวัดทอี่ ่านได้ 5.00 + 0.00 + 0.00 = 5.00 มม.ภาพท่ี 5.11 ค่าวดั ไมโครมเิ ตอรช์ นดิ 2/1000 มม.วิธอี ่าน ภาพที่ 5.11 อ่านค่าวัดตามลาดบั ได้ดงั น้ี 1. ที่ปลอกสเกลหลกั อ่านได้ = 5.00 มม. 2. ขีด 0 ปลอกหมุนวัดอยู่ต่ากว่าเสน้ อ่าน (แสดงวา่ จะตอ้ งอ่านหรอื รวมกบั ค่าทอี่ ่านไดจ้ ากขดี เวอร์ เนยี ร์สเกล) ได้ค่าอา่ น = 0.00 มม. 3. เวอรเ์ นียรส์ เกลขีดที่ 8 ตรงกับขดี ของปลอกหมุนวดั = 0.008 มม. 4. รวมคา่ วดั ทอ่ี ่านได้ 5.00 + 0.00 + 0.008 = 5.008 มม. สาขาวชิ าวศิ วกรรมอตุ สาหการ-โลจสิ ติกส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏบิ ตั กิ ารท่ี 1 - 4 371.4.3 การแบ่งสเกลละเอยี ด 1/1000 มม. ( 0.001 มม.) ภาพที่ 5.12 การแบ่งสเกลละเอียดแบบ 1/1000 มม.แบ่งละเอยี ด 10001 มม. เพม่ิ สเกลแบ่งคา่ บนสเกลหลกั ใหล้ ะเอียด เปน็ 0.001 มม. 1 ชอ่ ง บนปลอกหมนุ วดั 1/50 รอบ = 1/50 x 0.5 1 = 0.01 มม. คา่ ท่วี ัดได้ = คา่ บนสเกลหลัก + สเกลบนปลอกหมนุ วัด = 2.500 + 0.360 + 0.008 = 2.868 มม.1.4.4 อ่านไมโครมิเตอรว์ ัดละเอียด 1/1000 นว้ิ (0.001 นิ้ว) แบง่ ละเอียด 1/1000 นว้ิแบ่งละเอียด 1/1000 นว้ิจากภาพที่ 5.12 1 ช่อง บนปลอกหมนุ วัด 1/25 รอบ 1/25 คูณ 1/40 คา่ ที่วัดได้ = ค่าบนสเกลหลกั + คา่ บนปลอกหมุนวดั 1/1000 = 0.001 น้วิ = 0.7 + 0.075 + 0.023 = 0.798 นว้ิ1.4.5 อ่านไมโครมิเตอร์วัดละเอยี ด 1/10000 นว้ิ (0.0001 นวิ้ ) ไมโครมเิ ตอรช์ นิดน้ี เหมือนกับไมโครมเิ ตอรช์ นดิ 1/1000 นิว้ ทุกประการแตม่ สี เกลทเ่ี พิ่มเข้ามาคือเวอรเ์ นยี ร์สเกล โดยขดี แบ่งสเกลไว้ที่ปลอกสเกลหลักเป็นขดี ในแนวนอน 10 ส่วนหรือ 10 ชอ่ ง ขดี ขนาดกบั เสน้ อ่าน (Reading Line)วธิ ีแบ่งเปน็ เวอรเ์ นียร์สเกลของไมโครมิเตอร์วดั ละเอยี ด 1/10000 น้วิ ทาไดด้ ังน้ี1. นาระยะ 9 ช่องของสเกลปลอกหมุนวดั (9 x 0.001 = 0.009 นว้ิ ) มาแบ่งออกเปน็ เวอร์เนียร์สเกล10 สว่ นเท่า ๆ กัน ดงั นั้นแตล่ ะส่วนเทา่ กบั 0.009/10 = 0.0009 นวิ้2. ผลต่าง 1 สว่ นของปลอกสเกลหลกั (0.001 นิ้ว) กับ 1 ส่วนของเวอร์เนยี รส์ เกล (0.0009 นิว้ ) มีค่าเท่ากับ 0.001-0.0009 = 0.0001 นิ้ว ซึ่งเป็นความละเอยี ดทไ่ี มโครมิเตอร์วัดได้นั่นเอง ภาพที่ 5.12 เวอร์เนียร์สเกลไมโครมิเตอร์ 1/10000 น้ิว สาขาวชิ าวศิ วกรรมอตุ สาหการ-โลจสิ ติกส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏิบตั ิการที่ 1 - 4 38วิธีอ่าน จากภาพท่ี 5.12 อ่านคา่ วดั ตามลาดบั ดังน้ี 1. ที่ปลอกสเกลหลกั อ่านได้ = 0.225 น้วิ 2. ขีด 22 บนปลอกหมนุ วัดตรงกบั เส้นอา่ น = 22 (.001) = 0.022 น้ิว 3. ขดี 0 ของเวอร์เนยี รส์ เกลตรงกบั ขดี สเกลของปลอกหมนุ วัด จึงมีค่า = 0.0000 น้วิ 4. รวมค่าวดั ท่ีอา่ นได้ 0.225 + 0.022 + 0.000 = 0.2470 น้วิตัวอย่างท่ี 2 การอา่ นไมโครมเิ ตอร์วัดละเอยี ด 1/10000 นวิ้ ภาพที่ 5.13 คา่ วดั ไมโครมิเตอร์ชนิด 1/10000 นิ้ววิธีอา่ น จากภาพท่ี 5.13 อ่านคา่ วดั ตามลาดับไดด้ งั น้ี 1. ที่ปลอกสเกลหลกั อา่ นได้ 0.200 + 0.075 = 0.275 นว้ิ 2. ขีดเส้นอา่ นบนปลอกสเกลหลกั อยู่ระหว่างเลข 11 กบั 12 ของปลอกหมนุ วดั (แสดงว่าจะรวมกับคา่ ทอ่ี ่านไดจ้ ากขีดเวอรเ์ นยี รส์ เกล) ได้ = 0.011 น้วิ 3. เวอรเ์ นยี ร์สเกลเลขที่ 2 ตรงกับขดี ของปลอกหมุนวดั = 2 (0.0001) นิ้ว = 0.0002 น้วิ 4. รวมคา่ วัดที่อา่ นได้ 0.275 + 0.011 + 0.0002 = 0.2862 นว้ิ 1.4.6 การอา่ นไมโครมเิ ตอร์วัดละเอยี ด 1/10000 น้ิว (0.0001 นว้ิ ) ไมโครมเิ ตอร์ชนิดนี้เหมอื นกบั ไมโครมเิ ตอรช์ นิด 1/1000 นวิ้ ทกุ ประการ แตม่ ีสเกลที่เพม่ิ เขา้ มาคอื เวอรเ์ นยี รส์ เกลโดยขีดแบ่งสเกลไว้ท่ีปลอกสเกลหลกั เปน็ ขดี ในแนวนอน 10 สว่ น หรือ 10 ช่อง ขีดขนาดกับเส้นอา่ น (Reading Line) วธิ ีแบง่ เปน็ เวอร์เนียรส์ เกลของไมโครมิเตอรว์ ัดละเอยี ด 1/10000 นิว้ ทาได้ดงั น้ี 1. นาระยะ 9 ช่องของสเกลปลอกหมุนวัด (9 x 0.001 = 0.009 นิ้ว) มาแบง่ ออกเป็นเวอรเ์ นยี ร์สเกล10 ส่วนเท่า ๆ กัน ดังนั้นแต่ละสว่ นเท่ากับ 0.009/10 = 0.0009 น้วิ 2. ผลตา่ ง 1 ส่วนของปลอกสเกลหลัก (0.001 น้ิว) กบั 1 ส่วนของเวอรเ์ นยี รส์ เกล (0.0009 นิว้ ) มีคา่เท่ากับ 0.001 – 0.0009 = 0.0001 นว้ิ ซง่ึ เป็นความละเอียดท่ีไมโครมเิ ตอร์วัดได้นนั่ เองภาพท่ี 5.14 เวอร์เนยี รส์ เกลไมโครมิเตอร์ 1/10000 นว้ิ สาขาวชิ าวิศวกรรมอตุ สาหการ-โลจสิ ติกส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏบิ ตั ิการท่ี 1 - 4 39 1.5 การตรวจสอบไมโครมเิ ตอร์ เมอื่ ใชง้ านไมโครมเิ ตอร์วดั งานไปนาน ๆ ช่างทีด่ ีจะตอ้ งมกี ารตรวจสอบไมโครมเิ ตอร์อยา่ งสมา่ เสมอกอ่ นนาไปวัดชน้ิ งานทุกคร้ัง เพ่อื ใหค้ า่ วดั ที่ได้ถกู ตอ้ ง โดยตรวจสอบสว่ นต่าง ๆ ของไมโครมิเตอร์ ซึง่ มีดงั ตอ่ ไปนี้ 1.5.1 ตรวจสอบผวิ สมั ผสั แกนรบั และแกนวัดของไมโครมิเตอร์ 1.5.2 ตรวจสอบตาแหน่งศูนย์ของไมโครมิเตอร์ 1.5.3 ตรวจสอบผิวสมั ผัสแกนรบั และแกนวดั โดยการใช้แผน่ แก้ว (Optical flat) วางแนบกับผวิ สัมผสั และสังเกตจากลกั ษณะของสีทเ่ี กิดข้นึ คอืจากภาพที่ 5.15 แสดงถึงลักษณะความสมบรู ณ์ของผวิ สัมผสั ถา้ เอียงแผน่ แกว้ เลก็ น้อยจะเกิดแถบสีเส้นตรงเต็มหนา้ ของผวิ สมั ผัส ภาพที่ 5.15 ความสมบูรณ์ของผวิ สมั ผสั จากภาพท่ี 5.16 แสดงถงึ ลักษณะของผวิ สัมผสั ท่ีสึกไปเล็กนอ้ ยแตใ่ ช้วดั งานไดค้ ือ เกดิ วงสวี งเดียวความลึกของผวิ ท่ีสกึ ไปประมาณ 0.3 ไมโครมเิ ตอร์ (0.3 ) μm. ภาพที่ 5.16 ผิวสมั ผัสสกึ เล็กนอ้ ย จากภาพที่ 5.17 แสดงถงึ ลักษณะของผวิ สัมผัสท่สี กึ ไปมากจนไมส่ ามารถใชว้ ัดงานได้ คือ เกิดวงสี 6 วงความลกึ ของผิวทส่ี กึ ไปประมาณ 1.5 ไมโครมเิ ตอร์ (1.5 ) μm.ภาพท่ี 5.17 ผวิ สมั ผัสสึกไปมาก สาขาวชิ าวศิ วกรรมอตุ สาหการ-โลจิสติกส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏบิ ตั กิ ารที่ 1 - 4 40 1.6 ตรวจสอบตาแหนง่ ศูนยข์ องไมโครมเิ ตอร์ เมือ่ หมุนปลอกหมนุ วัดจนกระทัง่ แกนวัดและแกนรับสมั ผสั กับขดี ศูนย์ปลอกหมุนวัดกบั ขดี ศูนยบ์ นก้านสเกลตรง +กนั (ดงั ภาพท่ี 5.18) ถอื ว่าใช้งานไดใ้ นกรณีท่ีแกนวัดมขี นาด 0-25 มม. เทา่ น้นั ในกรณที แ่ี กนวดั มีขนาด 25-50 มม. ขนึ้ ไปให้ใชเ้ กจบล็อค แตถ่ ้าขดี ศนู ยบ์ นปลอกหมุนวัดกับขดี ศูนย์บนก้านสเกลไม่ตรงกนั แสดงวา่ ไมโครมเิ ตอร์นัน้ มีความคลาดเคลื่อน (ดงั ภาพที่ 5.19)จงึ จาเปน็ ตอ้ งมีการปรบั ตาแหนง่ ของศนู ยข์ องไมโครมิเตอร์ใหม่ให้ถกู ต้องดงั นี้ภาพท่ี 5.18 ไมโครมิเตอร์ไม่มีความคลาดเคล่ือน ภาพที่ 5.19 ไมโครมเิ ตอรม์ ีความคลาดเคลอื่ น ข้นั ตอนการปรบั ตาแหนง่ ศนู ย์ของไมโครมิเตอร์ภาพที่ 5.20 การลอ็ คแกนวดั ด้วยปลอกรัด ภาพที่ 5.21 การล็อคแกนวดั ดว้ ยลูกเบย้ี ว ล็อคแกนวัดของไมโครมิเตอร์กลไกล็อคอาจเปน็ แบบปลอกรดั (ดังภาพที่ 5.20) หรอื แบบลกู เบีย้ ว(ดงั ภาพที่ 5.21) การปรับศูนย์วิธีนใ้ี ช้ไดก้ บั ไมโครมเิ ตอรข์ นาด 0.25 มม. แตถ่ า้ เป็นการปรบั ศนู ยข์ องไมโครมเิ ตอรข์ นาด 25-50 มม., 50-75 มม. เป็นตน้ จะใช้เกจบลอ๊ คตรวจสอบ สาขาวชิ าวิศวกรรมอตุ สาหการ-โลจสิ ตกิ ส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏบิ ตั ิการที่ 1 - 4 41 1.6 การใชไ้ มโครมเิ ตอร์วิธที ่ี 1เมื่อช้นิ งานและไมโครมเิ ตอร์มขี นาดเลก็ สามารถจบั ขนึ้ มาไดใ้ หจ้ ับชนิ้ งานดว้ ยมือซา้ ยและมือขวาจบัไมโครมเิ ตอร์ (ดังภาพท่ี 5.22) โดยใช้น้วิ หวั แม่มอื และนว้ิ หมุนปลอกหมุนวัด ภาพท่ี 5.22 การวดั ชน้ิ งานขนาดเลก็ ใชม้ ือจบั ได้วธิ ที ่ี 2เมอื่ ช้ินงานอยู่กับท่ี (ดงั ภาพท่ี 5.23) เช่น จับยึดอยู่กบั หน้าจานของเครื่องกลึงมอื ซ้ายจับโครงและมอื ขวาหมนุปลอกหมนุ วัดภาพท่ี 5.23 การวดั ชิ้นงานทีอ่ ยกู่ บั ท่ี สาขาวชิ าวิศวกรรมอตุ สาหการ-โลจิสตกิ ส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏบิ ัติการท่ี 1 - 4 42วิธที ่ี 3จากภาพที่ 5.24 ยึดไมโครมเิ ตอร์ด้วยปากกาต้ังมอื ซา้ ยจับชิ้นงาน มอื ขวาหมนุ ปลอกหมุนวดั (ดังภาพที่ 5.24)วธิ ีน้สี ่วนใหญ่จะใชใ้ นห้องประลองงานวัดละเอยี ดเพ่อื ใหไ้ ดค้ า่ วดั ทถี่ กู ต้องและปูองกนั เคร่อื งมอื วดั เสียหาย ภาพที่ 5.24 การวัดช้นิ งานโดยยึดไมโครมิเตอรด์ ว้ ยขาต้ัง1.7 เทคนคิ ในการใช้ไมโครมเิ ตอร์ 1. ขณะวัดช้นิ งานทผี่ ิวขนานกนั จะต้องให้แนวแกนวัด และแกนรบั ต้งั ฉากกับผิวของช้นิ งาน (ดงั ภาพที่5.25) ภาพท่ี 5.25 การสมั ผสั ชนิ้ งานของแกนรบั และแกนวดั 2. ขณะวดั ชน้ิ งานจะตอ้ งใหแ้ นวแกนของไมโครมิเตอร์ อยใู่ นแนวเดยี วกบั แนวแกนวัดมฉิ ะนัน้แล้วคา่ วดั ที่ไดจ้ ะมากกวา่ ขนาดจริงของชิน้ งาน (ดงั ภาพที่ 5.26)ภาพที่ 5.26 แนวแกนวดั ของไมโครมเิ ตอร์ สาขาวิชาวศิ วกรรมอตุ สาหการ-โลจิสติกส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏิบัตกิ ารที่ 1 - 4 433. งานกลมทรงกระบอกกลม ผวิ งานกลมไมส่ ามารถบังคับผวิ สมั ผสั ของแกนวดั และแกนรบั ให้ต้ังฉากกับผิวของ ช้นิ งานได้ (ดังภาพที่ 5.27) ดังน้นั ผวู้ ัดจะตอ้ งปรบั แนวแกนของไมโครมิเตอร์เพ่ือใหไ้ ด้ค่าวัดท่ีถกู ตอ้ ง ภาพท่ี 5.27 การวดั ทรงกระบอกกลม4. ในการวัดชิ้นงานทุกครัง้ ควรใช้ปลอกหมนุ กระทบ-เลอื่ นวัดช้ินงานแทนปลอกหมนุ วัด เพราะการหมนุ ปลอกวัดอาจทาให้ผวิ ของชนิ้ งานยบุ ทาใหค้ า่ วัดท่ีได้ผิดไป (ดงั ภาพที่ 5.28) ภาพท่ี 5.28 การวัดช้ินงานที่มเี นือ้ อ่อน5. การอา่ นตวั เลขบนสเกลจะตอ้ งถอื ไมโครมเิ ตอรใ์ ห้อยใู่ นแนวต้ังฉากกับแนวสายตาทางด้านหนา้ (ดงั ภาพที่5.29) เพ่อื ปอู งกันความคลาดเคล่อื นในการอ่าน สาขาวิชาวศิ วกรรมอตุ สาหการ-โลจิสติกส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏิบตั ิการท่ี 1 - 4 44 ภาพท่ี 5.29 การอ่านตวั เลขบนสเกล1.8 วธิ กี ารบารงุ รกั ษาไมโครมิเตอร์ 1. ทาความสะอาดผิวแกนรบั และแกนวัดทกุ คร้งั กอ่ นและหลงั การวดั 2. เมื่อต้องการให้แกนวัดเลอ่ื นเขา้ ออกอย่างรวดเร็วให้เล่อื นกับฝุามือ (ดงั ภาพที่ 5.30) เพอ่ื ปูองกนั ความเสียหายทจ่ี ะเกดิ ขน้ึ กบั ไมโครมิเตอร์ 3. ใชป้ ลอกหมนุ กระทบเลือ่ นขณะวัดชนิ้ งานทกุ ครั้ง 4. อย่างใชไ้ มโครมิเตอรว์ ดั ชิ้นงานผวิ ดบิ หรือหยาบเกินไปภาพท่ี 5.30 การเลอื่ นแกนวัดเขา้ อยา่ งรวดเรว็ สาขาวิชาวิศวกรรมอตุ สาหการ-โลจิสตกิ ส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏบิ ัติการท่ี 1 - 4 455. อยา่ ปล่อยใหไ้ มโครมิเตอร์สกปรกขาดการหล่อลื่น ขาดการปรับแตง่ และปล่อยใหห้ มุนวัดฝดืหรอื หลวมเกินไป6. อยา่ เก็บหรือวางไมโครมิเตอรร์ วมกับเครื่องมืออน่ื ๆ7. ควรวางไมโครมิเตอร์ในกล่องไม้ หรือวางบนผา้ นุ่ม8. ควรตรวจสอบผิวสัมผสั ของแกนรับและแกนวัดอยเู่ สมอ9. อย่าวัดชิ้นงานท่กี าลงั เคลือ่ นท่ี10. อย่าวัดชน้ิ งานร้อน สาขาวิชาวิศวกรรมอตุ สาหการ-โลจิสตกิ ส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏบิ ตั กิ ารท่ี 1 - 4 462 วัตถปุ ระสงค์ 2.1 ดา้ นความรู้ 1. นสิ ิตสามารถอธบิ ายวิธกี ารวดั จากเครื่องมอื วดั แบบต่างๆ ได้ 2. นสิ ิตสามารถอธบิ ายความไม่แน่นอนในการวดั ปริมาณตา่ งๆ ด้วยเคร่ืองมือได้ 2.2 ดา้ นทักษะกระบวนการ 1. นสิ ิตสามารถใชเ้ ครอื่ งวัดจากเครอ่ื งมอื วัดไมโครมเิ ตอรไ์ ด้ 2. นสิ ติ บันทกึ ตัวเลขทีเ่ หมาะสมจากเครือ่ งมอื วัดแบบสเกลได้โดยตรงได้ 2.3 ด้านคุณลกั ษณะ/เจตคติ 1. นิสติ มคี วามรอบคอบ 2. นิสติ มีความเชือ่ มั่นในตนเอง 3. นิสติ มคี วามตรงตอ่ เวลา 4. นิสิตมคี วามกระตอื รอื ร้นสนใจในการเรยี น สาขาวิชาวศิ วกรรมอตุ สาหการ-โลจิสตกิ ส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏบิ ัติการท่ี 1 - 4 473 วธิ ีการทดลอง จานวนหนว่ ยกิต 1(0-3-2) บทปฏบิ ัติการท่ี 4 – 1 ห้องปฏบิ ตั กิ ารวดั (Metrology Laboratory) จานวนคาบ 3 ช่อื รายวชิ า 02206281 ปฏิบตั กิ ารวศิ วกรรมอุตสาหการ I (Industrial Engineering Laboratory I)การปฏบิ ัติการทดลองท่ี 1.1 การสอบเทยี บไมโครมเิ ตอร์ด้วยเกจบลอ็ ก หวั ข้อเรอ่ื ง1. การปรบั เทียบไมโครมิเตอรด์ ว้ ยเกจบลอ็ ก สาระสาคัญ การปรับเทียบไมโครมิเตอร์ด้วยเกจบล็อกเป็นการตรวจสอบค่าความผิดพลาดของไมโครมิเตอร์ ดว้ ยค่ามาตรฐานของเกจบลอ็ ก แล้วหาค่าเฉลีย่ จากการวดั เพอ่ื หาค่าความผิดพลาดของโครมิเตอร์จุดประสงคก์ ารสอน จุดประสงค์ทัว่ ไป 1. เพือ่ ใหเ้ ขา้ ใจความสาคัญของการปรับเทียบเครือ่ งมือวดั 2. เพ่อื ใหเ้ ข้าใจหลักการปรบั เทียบเครอื่ งมือวัด 3. เพ่ือให้เข้าใจการปรับเทยี บไมโครมเิ ตอร์จุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม 1. บอกความสาคัญของการปรับเทียบเคร่ืองมอื วัด 2. บอกหลกั การปรบั เทยี บเครอ่ื งมอื วัด 3. บอกหลกั การตรวจสอบรัศมี 4. ปฏิบตั ิงานปรบั เทยี บไมโครมิเตอร์ สาขาวิชาวศิ วกรรมอตุ สาหการ-โลจสิ ตกิ ส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏิบัติการท่ี 1 - 4 48บทปฏบิ ตั กิ ารท่ี 4 – 1 หอ้ งปฏิบัติการวดั (Metrology Laboratory) จานวนหน่วยกิต 1(0-3-2)ชอ่ื รายวชิ า 02206281 ปฏบิ ัตกิ ารวิศวกรรมอตุ สาหการ I จานวนคาบ 3 (Industrial Engineering Laboratory I)การปฏิบัตกิ ารทดลองท่ี 1.1 การสอบเทียบไมโครมเิ ตอร์ดว้ ยเกจบลอ็ ก ข้นั ตอนการเตรียมความพรอ้ มก่อนการปฏบิ ตั ิงาน 1. ตรวจสอบสภาพของเกจบล็อกก่อนใช้งาน 2. ตรวจสอบสภาพไมโครมเิ ตอรก์ อ่ นการปรบั เทียบขัน้ ตอนการปรับเทียบไมโครมเิ ตอรด์ ้วยเกจ์บลอ็ ก 1. เตรียมเกจบลอ็ กสาหรบั การปรบั เทียบไมโครมเิ ตอรโ์ ดยเลอื กไมโครมิเตอรข์ นาดชว่ งการวัด 0-25 มม. ดังนัน้ จึงเลอื กใชแ้ ท่งเกจบลอ็ กขนาด 10 มม. ในการปรบั เทียบ 2. ทาการตรวจสอบสภาพของเกจบล็อกแท่งทีน่ ามาใชใ้ นการปรบั เทียบและตรวจสอบสภาพการใช้ งานของไมโครมิเตอร์ ทงั้ สองจะต้องมีสภาพสมบรู ณ์ พร้อมใชง้ าน 3. ทาการวดั ขนาดเกจบล็อกดว้ ยไมโครมเิ ตอร์แล้วจดคา่ ที่วัดได้ในแตล่ ะครัง้ สมมตุ ิว่าทาการวัดทง้ั หมด จานวน 3 ครงั้ 4. เม่ือไดท้ าการวดั ขนาดและจดบันทกึ แล้ว ทาการคานวณหาคา่ ความคลาดเคลือ่ น และหาคา่ เฉลย่ี ที่ ไดจ้ ากการวัด 5. ทาการสรปุ ความคลาดเคลอ่ื นของไมโครมิเตอรท์ ี่นามาปรบั เทียบ สาขาวิชาวศิ วกรรมอตุ สาหการ-โลจสิ ตกิ ส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏบิ ัติการที่ 1 - 4 49บทปฏบิ ัตกิ ารที่ 4 – 1 ห้องปฏิบัติการวดั (Metrology Laboratory)ชอ่ื รายวชิ า 02206281 ปฏบิ ตั ิการวิศวกรรมอุตสาหการ I จานวนหน่วยกิต 1(0-3-2) (Industrial Engineering Laboratory I)การปฏบิ ตั ิการทดลองที่ 1.1 การสอบเทยี บไมโครมิเตอรด์ ้วยเกจบลอ็ ก จานวนคาบ 3จดุ ประสงค์การเรยี นการสอน รายการสอนจุดประสงคท์ ั่วไป 1. การประกอบเกจบลอ็ ก1. เพอื่ ให้เขา้ ใจความสาคญั ของการ 2. การปรับเทียบไมโครมิเตอร์ปรับเทียบเคร่ืองมอื วัด 3. การตรวจสอบความคลาดเคลอื่ นของเคร่ืองมอื2. เพอ่ื ให้เขา้ ใจหลกั การปรบั เทียบ วัดเคร่ืองมือวดั 4. การคานวณหาค่าเฉล่ีย และคา่ เบ่ยี งแบน3. เพื่อให้เข้าใจการปรบั เทียบ มาตรฐานไมโครมิเตอร์จุดประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม วัสดุ – อุปกรณ์ 1. บอกความสาคญั ของการปรบั เทียบ 1. เกจบล็อก เครอื่ งมือวัด 2. ไมโครมิเตอร์ 2. บอกหลักการปรับเทยี บเคร่อื งมือวัด 3. บอกหลกั การตรวจสอบรศั มี 4. ปฏบิ ัติงานปรบั เทียบไมโครมเิ ตอร์ สาขาวชิ าวิศวกรรมอตุ สาหการ-โลจิสตกิ ส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
บทปฏบิ ตั กิ ารที่ 1 - 4 50บทปฏบิ ัติการท่ี 4 – 1 หอ้ งปฏิบัตกิ ารวดั (Metrology Laboratory) จานวนหน่วยกิต 1(0-3-2)ช่ือรายวชิ า 02206281 ปฏิบตั ิการวิศวกรรมอตุ สาหการ I จานวนคาบ 3 (Industrial Engineering Laboratory I)การปฏิบตั ิการทดลองที่ 1.1 การสอบเทยี บไมโครมเิ ตอร์ด้วยเกจบลอ็ กชนิ้ ท่ี ช่ือช้นิ งาน ขนาดวัสดุ วัสดุ หมายเลข จานวน มาตราส่วน แบบ การปรับเทยี บ - 1:1 ๕ ไมโครมิเตอรด์ ้วย St.37 005 1 เกจบล็อก ลาดบั ขั้นการปฏิบตั งิ านท่ี ขน้ั ตอนการปฏิบัตงิ าน ภาพแสดง1. ขั้นตอนการปรับเทยี บไมโครมเิ ตอรด์ ว้ ยเกจบล็อก 1. เตรียมเกจบล็อกสาหรบั การปรับเทยี บ ไมโครมเิ ตอร์ โดยเลือกไมโครมเิ ตอรข์ นาดชว่ ง การวัด ๐ – ๒๕ มม. ดงั นน้ั จึงเลือกใชแ้ ท่งเกจบล็ อกขนาด ๑๐ มม. ในการ ปรบั เทยี บ ไมโครมิเตอร์ขนาดช่วงการวดั 0 - 25 มม สาขาวิชาวศิ วกรรมอตุ สาหการ-โลจิสติกส์คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155