Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 1ประกวดชุมชนจิตอาสาดีเด่น ผญ ส้ม รวมเล่ม

1ประกวดชุมชนจิตอาสาดีเด่น ผญ ส้ม รวมเล่ม

Description: 1ประกวดชุมชนจิตอาสาดีเด่น ผญ ส้ม รวมเล่ม

Search

Read the Text Version

ก คำนำ รายงานเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อรวบรวมการดำเนินงานโครงการจิตอาสาเพื่อให้ข้าราชการ บุคลากรและเจ้าหน้าที่มีความรู้ ความเข้าใจ มีจิตสาธารณะที่พร้อมอาสาสมัครในการบำเพ็ญ ประโยชน์ต่อส่วนรวมโดยกำหนดให้สำนัก กศน.จังหวัดเพชรบุรี ดำเนินกิจกรรม 2 กิจกรรม ได้แก่ 1. การขยายผลโครงการจิตอาสา ประจำปี 2564 (1) ชุมชนจิตอาสาดีเด่น (2) ผู้นำจิตอาสาดีเด่น 2. การแข่งขันขับร้องบทเพลงพระราชนพิ นธ์ (กศน.ชาเลนจ)์ ประจำปี 2564 กศน.อำเภอบ้านแหลม ได้ดำเนินคัดสรรชุมชนจิตอาสาดีเด่นและผู้นำจิตอาสาดีเด่น ตามหลักเกณฑ์ในการคัดสรรกิจกรรมขยายผลโครงการจิตอาสาของสำนักงาน กศน. ต้องเป็นแกนนำ ในการพฒั นาหมบู่ ้าน โดยมคี วามคิดรเิ ร่มิ สร้างสรรค์ มกี ารประสานงาน ดำเนินการพัฒนากับชาวบ้าน จนมผี ลการทำงานเปน็ ท่ีโดดเดน่ เป็นทยี่ อมรบั ของสังคม กศน.อำเภอบา้ นแหลม 7 มถิ นุ ายน 2564

ข สารบัญ เรอ่ื ง หนา้ - คำนำ ก - สารบญั ข - แบบขอ้ มูลและทะเบียนประวัตชิ ุมชนจิตอาสาดเี ด่น ระดบั จงั หวัด ประจำปี 2564…………………….1 ตอนที่ 1 ทำไดจ้ ริงและขยายผล - 1.1 การนำความรู้มาสง่ เสริม ขยายผลให้ชุมชนในพ้นื ทีด่ ำเนนิ การ…………….………..….2 - 1.2 ผลการดำเนนิ งานเปน็ ท่ปี ระจกั ษ์..........................................................................12 - 1.3 มีกจิ กรรมทสี่ ง่ เสริมให้ประชาชนในชุมชนได้รบั ความรู้ ความเข้าใจ มีจิตสาธารณะ ท่พี ร้อมอาสาสมัครในการบำเพญ็ ประโยชน์ตอ่ สว่ นรวม ตลอดจนมีการขยายผลโครงการ อนั เนือ่ งมาจากพระราชดำริในพืน้ ท่ี ทำให้ประชาชนในชมุ ชนเกิดความรักความสามัคคี...26 - 1.4 มีการนำโครงการอันเน่อื งมาจากพระราชดำรมิ าจดั กจิ กรรม เพื่อสง่ เสรมิ ให้ชุมชน สร้างสัมมาชีพท่เี ปน็ รูปธรรมและสามารถต่อยอดได้ เช่น ยกระดับรายได้ของครัวเรือน มีกลมุ่ อาชีพเพ่ิมข้นึ ……………………………………………………………………………………………….36 ตอนท่ี 2 งานดา้ นจติ อาสา - 2.1 เป็นชมุ ชนท่ีไดร้ ับการยกย่องวา่ เป็นชุมชนท่ีมกี ารดำเนนิ งานดา้ นจติ อาสา..…..….45 - 2.2 เป็นชุมชนทส่ี ามารถเปน็ ต้นแบบในการบริหารจดั การจติ อาสาชมุ ชนเพอื่ พึ่งตนเองได้ โดยคนในชุมชนมีส่วนรว่ มในการบรหิ ารจดั การ..................................................................53 ภาคผนวก

๑ แบบขอ้ มลู และทะเบยี นประวตั ชิ มุ ชนจติ อาสาดเี ดน่ ระดบั จงั หวดั ประจำปี 2564 ขอ้ มลู ทวั่ ไป ชือ่ กลุ่ม/ชมุ ชน บา้ นดอนใน หม่ทู ี่ 2 ตำบลแหลมผกั เบ้ีย อำเภอบา้ นแหลม จังหวดั เพชรบรุ ี รายนามครูผ้สู อนท่ีสง่ เสรมิ สนบั สนุนให้เกิดการดำเนนิ งานชุมชนจิตอาสา 1. ชื่อ นายอดลุ ย์ เสริมทรพั ย์ อายุ 60 ปี สงั กดั กรมการปกครอง 2. ช่ือ นางสาวชรินทิพย์ รอดสวัสดิ์ อายุ 48 ปี สงั กดั กศน.อำเภอบา้ นแหลม 3. ชอ่ื นางสาวธิดารัตน์ ชวนะ อายุ 27 ปี สังกัด กศน.อำเภอบา้ นแหลม รายนามผู้เขา้ ร่วมกลุ่ม/ชมุ ชน กรรมการหมู่บา้ น,ผู้นำในชมุ ชน ชื่อ - สกลุ ประธานกลมุ่ นางอจั ฉรี เสรมิ ทรัพย์ อายุ 55 ปี หมายเลขโทรศัพท์ 080-2502537 การศึกษาสูงสดุ มธั ยมศึกษาตอนปลาย กศน.อำเภอบ้านแหลม ดำรงตำแหนง่ เมื่อ 10 ธนั วาคม 2563 รวม 6 เดอื น Facebook ชมุ ชน : บา้ นดอนใน- เสน้ ทางการท่องเที่ยว Facebook สว่ นตัว : Acharee Soemsap หลักคดิ ประจำใจในการทำงาน : ทุกคนมสี ิทธ์ทิ อ้ แต่ห้ามถอย ไดร้ บั รางวลั ชมุ ชนจติ อาสาดเี ดน่ ในครง้ั น้ี มผี ลงานทภ่ี มู ใิ จสามารถเปน็ แบบอยา่ งทตี่ อ้ งการเผยแพร่ คอื วิสาหกจิ ชมุ ชน กลมุ่ แพปลาชุมชน ตำบลแหลมผกั เบ้ยี (นางอจั ฉรี เสริมทรัพย์ ) ประธานชมุ ชน

๒ การประกวดการขยายผลโครงการจิตอาสา ประจำปี ๒๕๖๔ ประเภทชมุ ชนจติ อาสาดเี ด่น @๑ ทำไดจ้ ริงและขยายผล 1.1 การนำความรู้มาสง่ เสรมิ ขยายผลให้ชุมชนในพนื้ ทีด่ ำเนินการ นางอัจฉรี เสริมทรัพย์ (ผู้ใหญ่ส้ม) ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ ๒ บ้านดอนใน เป็นศิษย์เก่าของ กศน. อำเภอบ้านแหลม และเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาชุมชน จนส่งผลให้ได้รับรางวัล ผู้ใหญบ่ า้ นดีเด่น โดยมปี ัจจัยแห่งความสำเร็จการขับเคล่ือนการดำเนินงาน ตอ้ งทำดว้ ยใจรัก จิตอาสา ทำเพื่อชุมชนอย่างแท้จริงและใช้กระบวนการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนด้วยความเป็นนักพัฒนา จึงร่วมมือกับชุมชนก่อตั้งกลุ่มวิสาหกิจแพปลาชุมชน (ธนาคารปูม้า) ตั้งแต่ปี 2551 ดำเนินกิจการ เป็นแหล่งแปรรูปและเพาะพันธุ์สัตว์น้ำ การทำประมง โดยมุ่งเน้นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และพัฒนาการบริหารงานสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน โดยการก่อตั้งกิจการ “ร้านโอ้โหปูอร่อย” ซึ่งเป็นร้านของทางกลุ่มวิสาหกิจชุมชน รับซื้อและจำหน่ายอาหารทะเลแบบไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง เป็นสว่ นหนึ่งของวิสาหกิจชมุ ชนทป่ี ระสบผลสำเรจ็ จากการรว่ มแรงร่วมใจกนั ของคนในชุมชน นำไปสู่ ชุมชนที่เข้มแข็งสร้างงานสร้างรายได้ เกิดความยั่งยืนในอาชีพของคนในชุมชน ด้วยความสำเร็จ ดงั กล่าวทำใหส้ ถานทนี่ ้เี ป็นแหลง่ เรียนรแู้ ละแหล่งทอ่ งเทีย่ วท่สี ำคัญแห่งหนึง่ ของตำบลแหลมผกั เบี้ย วิสยั ทัศนช์ ุมชนทวี่ ่า “ร่วมแรงทกุ คน ชุมชนเขม้ แขง็ ” การกำหนดวสิ ยั ทศั น์ดงั กล่าว เพ่อื ให้ ประชาชนทุกคนได้เกิดกระบวนการการมีส่วนร่วม คือ ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมนำเสนอและร่วม รับ ผลประโยชน์ เพราะชุมชนจะเขม็ แข็งได้ไม่ใช่เกิดจากตวั ของผู้นำเพียงอย่างเดียว หากแต่ต้องเกิดจาก การมีส่วนร่วมกันของคนในชุมชนเพื่อเกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน ศักยภาพของผู้นำส่งผลต่อการพัฒนา การสร้างความเชื่อมั่นให้คนในชุมชนยอมรับ จะทำให้เกิดความร่วมมือของคนในชุมชนต่อไป ซึ่งผู้นำ ชุมชนถือว่าเป็นบุคคลที่ มีความรู้ ความสามารถที่จะระดมพลและทรัพยากรในด้านต่างๆ เพื่อใช้ใน การบริหาร การพฒั นาหรอื ร่วมกจิ กรรมของชมุ ชน เพอ่ื ให้การพฒั นานนั้ ไปส่จู ดุ มุ่งหมายไดด้ ยี ง่ิ ขน้ึ

๓ คณุ ลกั ษณะสำคัญในการนำความรมู้ าสง่ เสริม ขยายผลให้ชุมชน • การประพฤติตนเป็นคนดี ได้น้อมนำพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาประพฤติปฏิบัติตน เพื่อใหเ้ กิดผลดีตอ่ ตนเอง ชุมชน และสงั คมและกอ่ ให้เกดิ ผลดตี ่อทางราชการ ดังนี้ การครองตน 1. การพึ่งตนเอง ขยันหมั่นเพียร มีความวิริยะ อุตสาหะ งานในหน้าที่ความรับผิดชอบ มคี วามมงุ่ มั่นทจี่ ะทำงานในหนา้ ท่ีที่ได้รับใหป้ ระสบความสำเรจ็ ดว้ ยการบรหิ ารจดั การทรัพยากรท่ีมีอยู่ อยา่ งจำกดั ให้เกิดประสิทธิภาพสงู สดุ มีความอดทนไมย่ อ่ ท้อต่อปญั หาอุปสรรค 2. การประหยัดอดออม ประหยัดและอดออมโดยการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียงมาใชใ้ นการดำเนินชวี ติ เช่น การจัดทำบญั ชคี รวั เรือน การออมเงินวนั ละบาท รวมท้ังได้มีการ รณรงค์ให้เดก็ เยาวชน และประชาชนได้รู้จักและรักการออม

๔ 3. การรักษาระเบียบวินัยและเคารพกฎหมาย เป็นผู้รักและปฏิบัติตามระเบียบและ กฎหมายที่กำหนดไว้ โดยได้กำชับและมุ่งเน้นให้ประชาชนถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งได้ ประพฤติและปฏิบัติตนให้เป็นตัวอย่าง การนำแนวทาง นโยบายหรือข้อสั่งการรวมทั้งระเบียบ กฎหมายของทางราชการ มาช้แี จง ถา่ ยทอดเพอ่ื ใหป้ ระชาชนในหมู่บ้านได้ปฏบิ ตั ไิ ดอ้ ย่างถูกตอ้ ง 4. การปฏิบัติตามหลักของศาสนา เป็นบุคคลที่ประพฤติปฏิบตั ิตนในฐานะพุทธศาสนิกชน ทด่ี ี โดยละเว้นการประพฤติชวั่ และไม่ลุ่มหลงอบายมขุ เอือ้ เฟอ้ื เผ่ือแผ่ เสยี สละ เพ่ือประโยชน์สว่ นรวม

๕ การครองคน 1. ความสามารถในการประสานสัมพันธ์และสรา้ งความเข้าใจอันดีกับประชาชน ผู้นำกลุ่ม องค์กรตา่ งๆเป็นผมู้ ีมนุษยสัมพันธด์ ี ยอมรบั ฟังความคิดเห็นของผู้อืน่ ซึง่ ทำให้หมูบ่ า้ นไมม่ ีปัญหาความ ขัดแย้งกันในการทำงานกิจกรรมตา่ งๆ และยังได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีทั้งจากประชาชน รวมท้ัง หน่วยงานต่างๆท่ีได้เขา้ มารว่ มกจิ กรรมในพนื้ ที่ 2. ความสามารถในการร่วมทำงานเป็นกลุ่ม สามารถจูงใจให้เกิดการยอมรับและให้ความ ช่วยเหลือและได้มีการสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมในงานที่รับผิดชอบ พร้อมทั้งเปิดโอกาสยอมรับ และฟังความคิดเห็นของผู้นำต่างๆในพื้นที่ เช่น ปราชญ์ชาวบ้าน ผู้สูงอายุ ฯลฯ ซึ่งทำให้ทุกคนเกิด กระบวนการการมีสว่ นร่วมและทำงานเป็นทมี

๖ 2. การเสรมิ สร้างความสามัคคีและร่วมกิจกรรม เปน็ ผู้ให้ความรว่ มมอื และเข้าร่วมกิจกรรม ทีจ่ ัดข้นึ ท้ังภายในหมบู่ า้ นหรือการร่วมงานกับหน่วยงานภายนอก

๗ การครองงาน 1. ความรบั ผิดชอบต่อหนา้ ท่ี เป็นผูใ้ ฝศ่ ึกษา คน้ คว้าและหาความรู้ มีความต้ังใจปฏิบัติงาน ที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ โดยจะศึกษาระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับงานที่ได้รับมอบหมาย เพอื่ ให้เกิดผลสัมฤทธติ์ ่อทางราชการและประชาชน 2. ความพากเพียรในการทำงาน เป็นผู้มีความกระตือรือร้นในการปฏิบัติงานที่ได้รับ มอบหมายให้สำเร็จ มีความเสียสละ และอุทิศเวลาให้งาน ดังจะเห็นได้จากที่ได้รับคัดเลือกจาก หน่วยงานตา่ งๆ รว่ มเปน็ หน่งึ ในคณะทำงานหรือคณะกรรมการต้อนรับและบรรยายให้ความรู้กับคณะ ศกึ ษาดูงานตา่ งๆทเ่ี ขา้ มาศกึ ษาดูงานในหมู่บ้าน

๘ 3. การคำนึงถึงประโยชน์ของส่วนรวมและประชาชน การปฏิบัติงานได้ยึดหลัก ผลประโยชน์ของส่วนรวมและประชาชนเป็นหลัก และสอดคล้องกับความต้องการของส่วนรวมและ ประชาชน ตลอดจนการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการ บริการของรัฐไดอ้ ย่างท่วั ถงึ

๙ • การประพฤติตนเป็นคนดีมีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ประพฤติปฏิบัติตนเป็นคนดีโดยยึดมั่นในหลักคำสอน มีความกตัญญูต่อบิดามารดา ครู อาจารย์ พร้อมทั้งได้เข้าร่วมกิจกรรมวันสำคัญต่างๆ ที่เป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์

๑๐ • มคี วามซอ่ื สตั ยส์ จุ ริตต่อหนา้ ท่ีและประชาชน ในการทำงานหรือการดำเนินกิจกรรม โครงการต่างๆ จะให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วม โดยการประชมุ ประชาคม เพอ่ื ใช้มติจากที่ประชาคมในการดำเนินกิจกรรมเพ่ือให้ทุกคนในหมู่บ้านได้ มีส่วนรว่ มกนั ในการร่วมคิด ร่วมทำ รว่ มเปน็ เจ้าของ โดยการดำเนนิ การตา่ งๆ จะยดึ ระเบยี บ กฎหมาย เพื่อใหท้ ุกคนสามารถตรวจสอบรว่ มกนั • มภี าวะผูน้ ำแบบประชาธิปไตย การรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น สามารถจูงใจให้เด็กและเยาวชนให้เข้ามามีส่วนร่วมใน กิจกรรมต่างๆของหมู่บา้ น มีความเสยี สละ และสามารถบรหิ ารจดั การความขัดแย้ง ซง่ึ หมู่บ้านดอนใน มคี วามรัก ความสามคั คี

๑๑ • มีทกั ษะ ความรู้ ความเขา้ ใจในบทบาทอำนาจหนา้ ท่ีตามกฎหมาย หมนั่ ศึกษาหาความรเู้ พิ่มเติมโดยการเข้าศกึ ษาอบรมหลกั สูตรตา่ งๆอย่างสม่ำเสมอ

๑๒ @๑ ทำไดจ้ รงิ และขยายผล 1.2 ผลการดำเนนิ งานเปน็ ทป่ี ระจกั ษ์ บ้านดอนใน มีการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ปัจจุบัน บ้านดอนในมี นางอัจฉรี เสริมทรัพย์ ประธานคณะกรรมการหมู่บ้าน และประกอบด้วย คณะกรรมการหม่บู า้ นด้านต่างๆ ร่วมกันบริหารจัดการและพฒั นาหมู่บ้านภายใต้การแบ่งบทบาทและ หน้าที่ตามโครงสร้างของคณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.) บ้านดอนในมีการพัฒนาโดยนำหลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั ในหลวงรัชกาลที่ 9 นำมาปรับใช้กับพ้ืนที่ชุมชน และนำมาปรับใช้เป็นวิถีชีวิตประจำวันของคนในชุมชน เน้นการพึ่งพาตนเองเป็นชุมชน ภายใต้การ ดำเนนิ งานของคณะกรรมการหมู่บา้ น (กม.) 1. ด้านอำนวยการ หมู่ 2 บ้านดอนใน เป็นหมูบ่ า้ นแหลง่ ท่องเที่ยว จงึ จัดใหม้ คี ณะกรรมการหมู่บา้ นคอยให้ความ อำนวยสะดวกสำหรับผู้ทเ่ี ข้ามาท่องเที่ยวหรือประสานขอความชว่ ยเหลือดา้ นตา่ งๆ - ประสานการประชุม การจัดเวทปี ระชาคม - จัดทำระเบยี บวาระการประชมุ บนั ทึกรายงานการประชมุ - มีการประชุมทุกเดือน เพื่อนำข้อราชการ และ ข่าวสารที่ได้รับจากทางราชการ หรือ หนว่ ยงานต่าง ๆ แจง้ ต่อราษฎรในหม่บู ้านเปน็ ประจำทุกเดือน

๑๓ ท่ที ำการคณะกรรมการหมูบ่ า้ น - มกี ารจดั ทำบญั ชรี บั จา่ ยและการเกบ็ รกั ษาเงนิ และทรัพยข์ องหม่บู ้าน - การจัดทำรายงานผลการดำเนนิ งานของคณะกรรมการในรอบปี - อำนวยความสะดวกในการติดต่อประสานงานทั้งภายใน - ภายนอกหมู่บ้านกับประชาชน และสว่ นราชการตา่ ง ๆ การติดต่อประสานงานทุกฝ่ายทั้งภายนอกและภายในหมู่บ้าน ตลอดจนประชาชนทุกคนท้ัง ภายนอกและภายในหมู่บ้านตามแต่พนั ธกิจนั้นๆประชาสัมพันธ์บอกกล่าวขา่ วสารทส่ี ำคัญของหมู่บ้าน ทุกวิถีทางเพื่อให้ประชาชนทราบทั้งเผยแพร่เอกสารประชาสัมพันธ์ เสียงตามสายด้วยวาจาและ ประสานงานหน่ายงานที่เกี่ยวข้องทั้งคณะกรรมการหมู่บ้านและค ณะกรรมการชุมชนรวมถึงงานอ่ืน ตามทไี่ ด้รับมอบหมาย - มีการประชาสัมพนั ธ์เสียงตามสาย เพ่ือแจง้ ข้อมลู ข่าวสารต่างๆ - มกี ารจัดทำแผน่ พบั เอกสารประชาสัมพนั ธ์ตา่ งๆ - มีการใหข้ ้อมูลข่าวสารจากผู้ท่ีมาตดิ ต่อทัง้ ทบ่ี า้ นและทางโทรศพั ท์ - มีการช่วยเหลือประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ที่ขอความร่วมมือในการติดต่อหรือ ประสานงานในสว่ นท่เี กย่ี วขอ้ ง

๑๔ - มีการประสานงานและตดิ ต่อการทำงานของคณะทำงานดา้ นตา่ งๆ - มีการกำหนดแผนการปฏิบัติงานเป็นรายบุคคล เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างเป็น รูปธรรม - มกี ารปฏิบตั ิงานตามนโยบายของรฐั บาล กรมการปกครอง และสว่ นราชการอื่นจนเกิดผลดี ยิง่ - เข้าร่วมประชุมรบั ฟังนโยบายต่างๆตามทีร่ ฐั บาลได้มอบหมายภารกิจ โดยผ่านการประสาน กบั อำเภอและรว่ มรบั นโยบายต่างๆ กบั องคก์ รปกครองส่วนท้องถิน่ - ให้ความรว่ มมอื ประสานงานกับหน่วยงานราชการที่ เข้าปฏิบตั ิงานในพื้นที่ รวมท้งั สนบั สนนุ หน่วยงานราชการในการจัดกิจกรรมหรือฝึกอบรมประชาชนตามโครงการต่างๆส่งเสริม / สนับสนุน ผู้นำสมาชิกในชุมชนเข้ารับการประชุม / สัมมนา / ฝึกอบรมของส่วนราชการ เอกชนอย่างต่อเนื่ อง เป็นประจำจนเปน็ ทย่ี อมรับจากคนทงั้ ภายนอกและภายในชุมชน เช่น ผูใ้ หญ่บ้าน คณะกรรมการหมบู่ ้าน แกนนำหมูบ่ ้าน เป็นตน้ - มกี ารจัดทำรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.) ในรอบปี - มีการจัดประชุมคณะกรรมการหมู่บ้าน เพื่อนำข้อมูลที่เป็นอุปสรรคในการทำงานที่ไม่ สามารถแก้ไขได้ รวบรวมเสนอให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามาช่วยเหลือนำเข้าแผนพัฒนา ชมุ ชนตอ่ ไป

๑๕ ๒. ดา้ นการปกครองและรกั ษาความสงบเรยี บรอ้ ย • การสง่ เสริมใหป้ ระชาชนปฏบิ ตั ติ ามกฎหมายและกติกาข้อบังคับของหมบู่ า้ น - สนับสนุนการปกครองในระบอบประชาธิปไตย โดยการจัดให้ราษฎรร่วมเป็น คณะกรรมการประจำหน่วยเลอื กต้ัง มกี ารประชาสมั พนั ธใ์ ห้ราษฎรไปใช้สิทธเิ ลือกตง้ั โดยพรอ้ มเพรียง กนั ในทุกครั้งท่ีมีการเลือกต้งั ทุกระดับ - มีการใช้เวทีที่ประชุมหาข้อยุติโดยการใช้เสียงข้างมาก และรับฟังเสียงข้างน้อยในการ ปฏบิ ตั ิงานและการขับเคลือ่ นกจิ กรรมในหม่บู ้านและการทำงานของคณะกรรมการหมบู่ า้ น - มกี ารจดั ตง้ั ประชาคมหมบู่ ้าน และออกกฎประชาคมหมู่บา้ น เพอื่ เปน็ แนวทางยึดถือปฏิบัติ รว่ มกนั อกี ทั้งเป็นแกนนำประสานการดแู ล/ช่วยเหลอื ราษฎรในชมุ ชนในเรือ่ งตา่ ง ๆ - หมู่บ้านมีการนำนโยบายการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พลังแผ่นดิน เพื่อเอาชนะยาเสพติดมา ปฏบิ ัติอย่างเคร่งครัดและต่อเนือ่ ง - มกี ารจดั ประชาคมเพอื่ คอยควบคมุ พฤตกิ รรมของคนในชุมชนและมีการจัดเวรยาม - มกี ารเปิดช่องทางการรับแจง้ ข้อมลู ข่าวสารดว้ ยระบบ แอพพลิเคชั่นLine เพ่ือความสะดวก และ รวดเร็วในการแจง้ ขอ้ มูลขา่ วสาร - มีการรณรงค์ ลด ละ เลิก อบายมุขโดยมีการจัดกิจกรรมสร้างความรู้ความเข้าใจในโทษภัย ของยาเสพติดใหแ้ ก่เยาวชน และคนในหมบู่ ้านไดร้ บั ทราบ - มกี ารจดั เวรยามดแู ลรักษาความสงบเรยี บรอ้ ยโดยร่วมกบั อปพร.ในพืน้ ที่ออกตรวจ ในยาม ค่ำคืนเพื่อดูแลและตรวจตราไม่ให้มีการก่อปัญหาในหมู่บ้านในด้านต่าง ๆ เช่น การลักลอบเล่นการ พนัน การเสพสารเสพติด การทะเลาะวิวาท เฝ้าระวังป้องกันไม่ ให้ยาเสพติดผ่านเข้ามาในหมู่บ้าน เปน็ การรกั ษาความสงบเรยี บร้อยรว่ มกนั ระหว่างหมู่บา้ นที่มพี ้ืนท่ีตดิ ต่อกัน

๑๖ -จัดตั้งประชาคมหมู่บ้านเพื่อคอยควบคุมพฤติกรรมของคนในชุมชน มิให้ก่อให้เกิดความไม่ สงบเรียบร้อย การเอารัดเอาเปรียบซึ่งกันและกัน ในกรณีมีปัญหาด้านต่างๆจะใช้การประชาคม หมบู่ ้านในการพจิ ารณาหาข้อยุติ - มีการออกเยี่ยมราษฎรเพื่อสอบถามทุกข์สุขและช่วยเหลือ แจ้งข่าวสารพร้อมทั้งประสาร หน่วยงานท่เี ก่ียวขอ้ งไดช้ ่วยเหลอื • การปอ้ งกนั บรรเทาสาธารณภยั และภยั ธรรมชาติ อาทเิ ชน่ - มกี ารประชมุ ช้ีแจง วางแผน เตรียมการป้องกันภยั ธรรมชาติเป็นประจำทุกเดือน เป็นตน้ - มีการประสานขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานราชการในการช่วยเหลือด้านการกัดเซาะ ชายฝ่งั - มกี ารประกาศแจง้ เตอื นภัยทางหอกระจายขา่ วในการเตรียมเฝ้าระวังภยั ทางธรรมชาติ - มีการดูแลความเป็นอยู่ของราษฎรในหมู่บ้านอย่างสม่ำเสมอ เมื่อราษฎรต้องประสบภัย ต่างๆ เช่น อุทกภัย วาตภัย เจ็บป่วย หรือมีปัญหาในการดำรงชีวิตประจำวัน จะมีการให้การดูแล ช่วยเหลอื หรอื ประสานขอความชว่ ยเหลอื จากหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง

๑๗ 3. ดา้ นแผนพฒั นาหมบู่ า้ น บ้านดอนในมีการจดั ทำแผนชุมชนเป็นประจำทกุ ปี และไดม้ ีการทบทวนแผนเพ่อื ใหส้ อดคล้อง กับปัญหาความต้องการของประชาชนในพื้นที่ โดยยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ว่าจะเป็น ตัวชี้วัด 6 x 2 การใช้ข้อมูลจปฐ. กชช.2 ค บัญชีครัวเรือนมาวิเคราะห์และมีการจัดตั้งคณะทำงาน ปฏิบัติตามแผนชุมชน โดยแต่ละคณะรับผิดชอบและจัดทำระบบบริหารจัดการโครงการ/กิจกรรม ตามแผนชุมชนและมีการติดตามประเมินผลอย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งมีการจัดเก็บและรวบรวมข้อมูล ต่างๆของหมบู่ า้ น เพ่ือไวใ้ ชป้ ระโยชนแ์ ละเผยแพรข่ อ่ มูลของหม่บู า้ น - มีการจัดทำแผนชุมชน มีการทบทวนแผนอย่างเสมอ โดยนำแผนชุมชนมานำเสนอ ต่อคนในชุมชนเปน็ ประจำทุกเดือน หากมีโครงการสำคญั เรง่ ดว่ น สามารถปรบั แผนได้ เพ่อื สอดคล้อง กับปัญหาความตอ้ งการของชมุ ชนอย่างแท้จรงิ ตัวช้วี ัดแผนคณุ ภาพแผนชมุ ชน (6 ตวั ชี้วดั ) - ชมุ ชนจะเน้นเรอื่ งข้อมูลทีจ่ ะนำมาใชใ้ นการวางแผนชมุ ชน ต้องมีขอ้ มลู จปฐ./กชช.2 ค และข้อมูลบัญชีรับ-จา่ ย ครัวเรอื น ท่เี ปน็ ปจั จุบัน รอ้ ยละ 50 ข้ึนไป นำมาใช้ในการวิเคราะห์ชุมชน และนำไปสู่การจดั ทำแผนชมุ ชน - มีตัวแทนครัวเรือนในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดทำแผนไม่น้อยกว่า ร้อยละ 70 ขน้ึ ไป นำมาใช้ในการวเิ คราะหช์ ุมชน และนำไปสู่การจัดทำแผนชุมชน - องค์กรปกครองท้องถิ่นโดยเฉพาะสมาชิก อบต. เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดทำแผน ตงั้ แตเ่ ร่ิมตน้ จนแล้วเสรจ็ โดยร่วมเปน็ คณะทำงานในการจัดทำแผนชมุ ชนของหมบู่ า้ น - มีแผนชมุ ชนเป็นลายลักษณอ์ กั ษรและมกี ารปรบั ปรุงพัฒนามาอยา่ งต่อเนื่อง - ใช้กระบวนการชุมชนตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเน้นความพอเพียงขอชุมชนเปน็ หลกั ส่ิงที่ชมุ ชนมเี ป็นหลัก - ในแผนชุมชนมีโครงการ/กิจกรรม ที่จะใช้ในการขับเคลื่อนหมู่บ้าน/ชุมชน รว่ มโครงการ/กิจกรรม กระบวนการขบั เคล่อื นแผนชมุ ชน - ปรับปรุงแผนชุมชนอย่างต่อเนื่อง ให้ทันสถานการณ์อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง ตาม กระบวนการจดั ทำแผนชุมชน - นำเสนอกิจกรรม/โครงการ ในแผนชุมชนสู่แผนท้องถิ่น โดยผ่านสมาชิก อบต. มกี จิ กรรมทป่ี รากฏในแผนท้องถิ่น - ประชาสัมพันธ์แนวทางการพัฒนาชุมชนของหมู่บ้าน โดยการใช้แผนชุมชนเป็นตัว ขบั เคลื่อนใหก้ บั คนทั้งในและนอกชุมชนรบั ทราบและเขา้ ใจ

๑๘ แผนงาน/โครงการ ที่บรรจไุ ว้ในแผนชมุ ชน สามารถดำเนินการเองได้ เชน่ 1.โครงการส่งเสริมออมทรัพย์ โดยรณรงค์ให้ชาวบ้านรู้จักการออมทรัพย์กับกลุ่มองค์กร ชุมชน ในรูปเงนิ ออมตา่ งๆท่ีมีอยู่ในชุมชน อาทิ กองทนุ หมบู่ า้ น, กลมุ่ สวสั ดิการชมุ ชน(ออมวันละบาท), กองทนุ สญั ญาใจ 2.โครงการเฝา้ ระวังการมวั่ สมุ ของเด็กและเยาวชนในหม่บู า้ น / ดูแลรกั ษาความสงบในพนื้ ที่ 3.โครงการรณรงค์ปลูกพืชผักปลอดสารพิษ พืชผักสวนครัวรั้วกินได้ และรณรงค์ให้ดำเนิน ชวี ติ ตามปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง

๑๙ 4.การส่งเสริมสนับสนุนอาชีพ อาทิ การจักสานต้นธูปฤาษี การทอเสื่อกก การทำผักชะคราม ผกั เบี้ยแปรรูป การแปรรปู อาหารทะเล การทำมัดย้อมจากไม้โกงกาง การทำจอ๊ ปู เป็นต้น

๒๐ 5. โครงการส่งเสริมวัฒนธรรมท้องถิ่น ประเพณี โดยชาวบ้านร่วมกันจัดทำกิจกรรมทำบุญ ประเพณีท้องถิน่ 6. โครงการอนุรักษ์ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม ใบความรู้เกี่ยวกบั ธนาคารปูม้า

๒๑ 4. ดา้ นสง่ เสรมิ เศรษฐกจิ บ้านดอนใน หมู่ที่ 2 ตำบลแหลมผักเบี้ย อำเภอบ้านแหลม ได้มีการน้อมนำแนวปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาปรับใช้กับวิถีชีวิตของคนในชุมชนทุกครัวเรือนทำให้ ครวั เรอื นสามารถพ่ึงตนเองได้ - มีการนำแนวคดิ มาขยายผลการดำเนินงานตามโครงการอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำริ ในพื้นที่ การส่งเสริมสนับสนุนอาชีพ อาทิ การจักสานตะกร้าพลาสติก การจักสานต้นธูปฤาษี การทอ เส่อื กก การทำผกั ชะครามแปรรปู การแปรรูปอาหารทะเล เปน็ ตน้ - มีการพัฒนาและส่งเสริม การประกอบอาชีพหลักและอาชีพเสริมเพื่อให้สังคมอยู่ ร่วมกนั อย่างมีความสขุ ภายใตป้ รชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง เน่ืองจากหมบู่ า้ นดอนในสว่ นใหญจ่ ะประกอบ อาชีพประมงดงั น้ันการนำผลผลิตที่ได้จากเรือประมงนอกจากนำไปขายแล้วสามารถนำมาแปรรูปเป็น อาหารแหง้ หรือนำไปจัดทำผลิตภัณฑข์ องฝากสำหรับกลุ่มนักท่องเทย่ี ว

๒๒ - สนับสนุนและส่งเสริมการลดต้นทุนและปัจจัยในการผลิตด้านการเกษตร เพื่อเพิ่ม ศักยภาพในการประกอบอาชีพในการพฒั นาเศรษฐกจิ ระดับฐานราก มีตลาดแพปลาชุมชนซึ่งสามารถซื้อ-ขายสินค้าด้านการประมงได้อย่างสะดวก ตลาดขาย ปูม้าเป็น-นึ่ง ของฝากในชื่อโครงการประมงพื้นบ้านสัตว์น้ำอินทรีย์ซึ่งได้รับรองสินค้ามาตรฐาน มอก. สนับสนุนโดยมูลนิธิสายใยแผ่นดิน ภายใต้การดูแลจากสหภาพยุโรป ซึ่งตลาดได้เป็นที่รู้จักแก่ นักทอ่ งเท่ยี วท่ตี อ้ งการทานปูมา้ สดๆ โดยการใชช้ ื่อแบรนดว์ า่ โอโ๊ ห้...ปูอร่อย • นำวัตถุดิบที่หาได้ในพื้นที่อย่างต้นธูปฤาษี ซึ่งเป็นพืชท่ีในโครงการพระราชดำริฯ ในการบำบัดน้ำเสีย นำใบมาสานเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น กระเป๋า สานหุ้มภาชนะ การทอเป็นเสื่อ ผลติ ภณั ฑเ์ ป็นทีน่ ยิ มของผทู้ ศ่ี กึ ษาดูงาน • การนำผกั ชะครามซึ่งเป็นพืชที่มีมากในพืน้ ที่นำมาแปรรูปเป็นข้าวเกรียบผักชะคราม น้ำพริกแดง ผักชะคราม ทอดมันผักชะคราม และขนมต้มผักชะคราม นอกจากอาหารแล้วผักชะคราม ยังสามารถนำไปแปรรูปเปน็ สบู่และยาสระผมได้อีกด้วย ซึ่งเป็นที่สนใจกับนกั ท่องเที่ยวและคณะศึกษา ดูงานเปน็ อย่างมาก - มีการบูรณาการกองทุนต่างๆในหมู่บ้าน โดยใช้กองทุนกลางพัฒนาหมู่บ้าน เป็น เครื่องมอื เพื่อใช้ในระบบเศรษฐกิจแบบพึง่ ตนเอง ส่งเสริมให้มีการจัดตั้งกลุ่มกองทุนต่างๆ ภายในชุมชน เพื่อดูแลช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ส่งเสริมให้มีการออมและเพื่อนำไปลงทุนประกอบอาชีพ เช่น กองทุนหมู่บ้าน, กลุ่มสวัสดิการชุมชน (ออมวันละบาท), ชมรมผู้สูงอายุ (กองทุนสัญญาใจ) โดยชุมชนได้นำข้อมูลข่าวสารด้านการประกอบ

๒๓ อาชพี มาเผยแพรใ่ นชุมชนเป็นประจำในชอ่ งทางตา่ งๆ เป็นผลใหช้ ุมชนมกี ารประกอบอาชพี ต่างๆอย่าง หลากหลาย กลุ่มมีการพัฒนาการผลิต มีเพิ่มทุนจากสมาชิก ทำให้มีผลกำไรสามารถลดรายจ่ายเพ่ิม รายได้ให้กับสมาชิก และยังส่งเสริมให้มีการพัฒนาตนเองสู่วิสาหกิจชุมชนตามแนวทางที่ราชการ ส่งเสรมิ ๕. ดา้ นสงั คม สิ่งแวดลอ้ มและสาธารณสขุ คณะกรรมการหมู่บ้านได้ติดตามสนับสนุน ช่วยเหลือและเยี่ยมครัวเรือนยากจนในหมู่บ้าน เป็นประจำ มกี ารดูแลให้ความสงเคราะห์ แก่ผู้ด้อยโอกาสในชมุ ชน ซ่งึ ท่ผี า่ นมาไดร้ ว่ มระดมทุนจากผู้มี จิตศรัทธา ซ่อมแซมบ้านให้แก่ประชาชนในหมู่บ้าน และมีการช่วยเหลือให้การสงเคราะห์ ผู้พิการใน ชุมชน หมู่บ้านมีการดูแลและช่วยเหลือ คนจน คนด้อยโอกาสและคนที่ประสบปัญหา และติดตาม เยี่ยมคนยากจน ผู้ด้อยโอกาสและผู้สูงอายุ โดยคณะกรรมการฯ 1 คน จะต้องดูแลสมาชิก จำนวน 10 คน การสรตา้ งความรู้ความเขา้ ใจในการดูแลสขุ ภาพดว้ ยตนเอง เชน่ การเลอื กรบั ประทานอาหาร ทีม่ ปี ระโยชน์ มคี วามปลอดภยั มกี ารออกกำลงั กายให้ร่างการแข็งแรง • กิจกรรมการพัฒนาสตรี เดก็ เยาวชน ผู้สงู อายุ ผู้พกิ ารและผู้ด้อยโอกาส มีการจัดหาอาชีพให้กับเด็ก เยาวชน และผู้สูงอายุในหมู่บ้านได้มีงานทำงานหรือใช้เวลา ว่างให้เกิดประโยชน์และมีรายได้เพิ่มขึ้น เช่น การทำดอกไม้ ทำขนม การจักสานตะกร้าพลาสติก การจักสานต้นธปู ฤาษี • มีกจิ กรรมสวสั ดิการ/สงเคราะห์ในหมูบ่ ้าน มีการดูแลใหค้ วามสงเคราะห์แก่ผู้ด้อยโอกาสในชุมชน ซึ่งที่ผ่านมาได้รว่ มระดมทนุ จากผู้ มีจิตศรัทธา ซ่อมแซมบ้านให้แก่ชาวบา้ นในหมู่บ้าน มีการช่วยเหลือให้การสงเคราะห์ผู้พกิ ารในชมุ ชน มีการบริหารจัดการโดยแบ่งหลังคาเรือนออกเป็นคุ้ม โดยมีการอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) เป็นผู้ดูแลและประสานงานให้การดูแลช่วยเหลือ เช่น ผู้สูงอายุที่เจ็บป่วย มีโรคประจำตัวจะมี อสม. คอยดูแลอย่างใกล้ชิด ส่งเสริมให้ชาวบ้านมีการปลูกผักปลอดสารพิษไว้บริโภคในครัวเรือนที่เหลือ จำหน่ายให้กบั ชุมชนใกล้เคียง ปลูกพืชสมุนไพรช่วยส่งเสรมิ สุขอนามัยของคนในชุมชน มีการตรวจวดั ความดนั เปน็ ประจำทกุ เดือน มีการให้ความรู้และวธิ ปี ฏบิ ตั ิตัวของผู้สูงอายุและการดูแลสุขภาพของแม่ และเด็ก

๒๔ • สนับสนุนและส่งเสริมอนุรักษ์และรักษาทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ศลิ ปวฒั นธรรมและการท่องเทยี่ ว - มีการรณรงค์การเพาะขยายและแพร่พันธ์ลูกปูม้า ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือจาก ชาวประมงพื้นบ้านเป็นอย่างดีคือ หากชาวประมงคนไหนที่จับปูแล้วแต่ไข่ติดกระดองขึ้นมาด้วยจะ นำมาบริจาคให้แก่ ทางธนาคารปูเพื่อได้สลัดไข่ลงสู่บ่อเพาะฟัก เพื่อขยายพันธุ์ และปล่อยแม่ปูม้า กลบั คนื สู่ธรรมชาตหิ ลงั สลดั ไข่จนหมด ปจั จบุ ันทำให้มจี ำนวนปูมา้ ทเ่ี พ่ิมข้นึ อยา่ งเหน็ ได้ชัดเจน - การทำซั้งสร้างบ้านแพปลาชุมชนจากภูมิปัญญาพื้นบ้านสู่การรักษาทะเล เป็นการ อนรุ กั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมซึ่งทำเปน็ ประจำทกุ ปี ซง่ึ คนในหมบู่ ้านและในตำบลแหลม ผักเบ้ียได้มีการจัดกิจกรรมด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรชายฝงั่ การสร้างจิตสำนกึ แก่ชาวประมง เยาวชน พื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง และได้มีการร่วมกำหนดจุดวางบ้านปลา หรือที่เราเรียกกันว่า “ซั้ง” ซึ่งชุมชน แหลมผักเบี้ยไดท้ ำกิจกรรมสรา้ งแหลง่ อาศัยสตั ว์น้ำวันอ่อน และปลอ่ ยพนั ธุ์สัตว์น้ำคนื สู่ธรรมชาติ เพ่ือ ช่วยเพ่มิ พ้ืนทหี่ ลบภยั และแหล่งอาศัยสำหรับฝูงสัตว์น้ำ และลกู ปลาวัยอ่อน • ประสานระหวา่ งเครือขา่ ยดา้ นสาธารณสุขในพน้ื ท่ีให้มีการจดั การดา้ นสาธารณะสุขท่ี ได้มาตรฐาน รณรงค์ป้องกันและควบคุมโรคติดต่อภายในหมู่บ้าน มีการพัฒนาสุขาภิบาล สิ่งแวดล้อมการทำความสะอาดบ้านเรือน สนับสนนุ ใหม้ ีการดำเนินงานและแจ้งข้อมลู ขา่ วสารราชการ ให้ประชาชนทราบเป็นประจำทั้งในการประชมุ ประจำเดือน หอกระจายข่าวหมู่บ้าน เช่น การป้องกัน และควบคุมโรคไขเ้ ลือดออก, โรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019, โรคพษิ สุขบา้ เปน็ ต้น

๒๕ ๖. ดา้ นการศกึ ษาศาสนาและวฒั นธรรม ประชาชนทกุ คนในหม่บู ้านนับถือศาสนาพทุ ธ คิดเปน็ รอ้ ยละ 100 ประชาชนจะมกี ารทำบุญ ร่วมกันทุกๆวันพระ มีวัดเป็นแหล่งรวบรวมและยึดเหนี่ยวจิตใจ สืบทอดประเพณี วัฒนธรรมของ ชมุ ชน ใหแ้ กเ่ ยาวชน มกี ารจดั กจิ กรรมรดน้ำดำหัวผสู้ ูงอายเุ ป็นประจำทุกปี จดั ทำกจิ กรรมลอยกระทง ในหมู่บา้ นเป็นประจำทุกปี ทำบญุ ศาลเจา้ ของชมุ ชนเป็นประจำทุกปี ๗. ดา้ นกจิ กรรมฐานการเรยี นรู้ คณะกรรมการหมู่บ้าน ได้มีการประชุมรว่ มกันกับประชาชนในหมูบ่ า้ น เพ่อื จดั ตง้ั คณะทำงาน ด้านอื่นๆ เพิ่มเติม ซึ่งที่ประชุมได้มีมติร่วมกันในการกำหนดเพิ่มเติมด้านการทำงานให้กับ คณะกรรมการหมู่บ้านได้ดำเนินการ คือ ด้านการพัฒนาคุณภาพชุมชน ประกอบกับบ้านดอนในเป็น หมู่บ้านที่ประกอบอาชีพประมง และเป็นหมู่บ้านที่มีพื้นที่ติดชายฝั่งทะเล ที่ประชุมจึงมีแนวคิดจัดต้งั ด้านดังกล่าว เพื่อสนับสนุนสง่ เสริมกิจกรรม/โครงการเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรต่างๆ ของชุมชน และบริหารจัดการแหล่งเรียนรู้ภายในชุมชน พร้อมทั้งสนับสนุนและส่งเสริมกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับ คณะทำงานทงั้ 6 ด้าน และประสานเชอื่ มโยงภาคสว่ นราชการในการสนบั สนุนงบประมาณ • จัดการแหล่งเรียนรภู้ ายในชมุ ชนและสถานที่ศกึ ษาดงู านภายในชุมชน เป็นสถานที่เรียนรู้และรับการถ่ายทอดวัฒนธรรม ประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น อีกทั้งให้คน ชุมชนได้เห็นศักยภาพของชุมชน เกิดความรู้สึกรักชุมชนและภูมิใจในความเป็นชุมชนของตนเอง กระตุ้นให้คนในชุมชนตื่นตัวในการพัฒนาตนเอง ครอบครัวและชุมชน มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเป็นแหล่งข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาและดำเนินงานตามความต้องการ และจำเป็นของตนเองครอบครัว และชุมชน อาทิ การปลูกผักไฮโดรโปรนิค แพปลาชุมชน ธนาคารปู เปน็ ต้น

๒๖ @ ๑ ทำได้จริงและขยายผล 1.3 มกี จิ กรรมทส่ี ง่ เสริมใหป้ ระชาชนในชมุ ชนไดร้ บั ความรู้ ความเขา้ ใจ มจี ติ สาธารณะ ทพ่ี รอ้ มอาสาสมคั รในการบำเพญ็ ประโยชนต์ อ่ สว่ นรวม ตลอดจนมกี ารขยายผลโครงการ อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำรใิ นพนื้ ที่ ทำใหป้ ระชาชนในชมุ ชนเกดิ ความรกั ความสามคั คี บ้านดอนใน ได้รับรางวัลหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ ปี 2557 และได้รับรางวัล หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงอยู่เย็นเป็นสุข ระดับจังหวัด ประจำปี 2558 เพื่อเป็นศูนย์กลางรวบรวม ข้อมูลข่าวสารความรู้ของชุมชนที่จะนำไปสู่การส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้สำหรับประชาชนในชมุ ชน เป็นแหล่งเสริมสร้างโอกาสในการเรียนรู้ แหล่งถ่ายทอดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การสืบทอด ภูมิปัญญา วัฒนธรรมค่านิยมและเอกลักษณ์ของชุมชน อีกทั้งเป็นแหล่งบริการชุมชนด้านต่างๆ เช่น การจัดกิจกรรมที่สอดคล้องกับความต้องการเรียนรู้ของชุมชนโดยเน้นกระบวนการเรียนรู้เพื่อวิถีชีวิต ของคนในชุมชนเพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคม ก่อให้เกิดชุมชนแห่งการเรียนรู้และมุ่งการ พัฒนาแบบพึ่งตนเอง เป็นศูนย์เรียนรู้ของประชาชนที่ดำเนินการโดยประชาชนและเพื่อประชาชน ท่ีจะกอ่ ให้เกิดความเข้มแขง็ ของชมุ ชนอย่างยงั่ ยนื การเรียนรู้จากการดูงานทําให้เกิดความต้องการในการปฏิบัติ กลุ่มแกนนําบ้านดอนในที่นํา โดย นางอัจฉรี เสริมทรัพย์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ได้รวบรวมสมาชิกที่มีจิตอาสา มีอุดมการณ์ที่จะทํางาน เพื่อส่วนรวม ซึ่งเป็นกลุ่มสตรี จํานวน 8 คน ร่วมคิดร่วมกันออกแบบในการดําเนินงาน โดยเริ่มต้น จากปัจจัยเร่งด่วนที่ควรได้รับการพัฒนาเป็นอันดับแรกก่อน ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับ ชาวบา้ นทมี่ อี าชีพประมงชายฝั่ง คอื การรวมกลมุ่ กนั ตั้งกลุ่มแพปลาเพ่ือรับซื้ออาหารทะเลจากสมาชิก ในชุมชน และนําไปขายเอง เพื่อตัดปัญหาถูกพ่อค้าคนกลางกดราคา ทําให้กลุ่มเริ่มมีกําไรและเห็น ความร่วมมือร่วมใจกันของคนในชุมชน จึงเกิดการขยายผลไปสู่การตั้งกลุ่มอื่นๆ ที่ต่อยอดจากการ ประกอบอาชีพ การดําเนินงานพัฒนากลุ่มอาชีพดังกล่าวได้พัฒนาต่อยอดเป็นฐานเรียนรู้ของชุมชน เพ่อื ให้ผทู้ ส่ี นใจเขา้ มาเรยี นรกู้ ารประกอบอาชีพท่ีใช้ทรพั ยากรท่ีมใี นท้องถนิ่ เป็นวัตถดุ บิ และแปรรูปให้ มีมูลค่าเพิ่ม ที่ให้ชุมชนรู้จักใช้และบรหิ ารจัดการทรัพยากรร่วมกัน ซึ่งฐานเรียนรู้ต่างๆ ได้สร้างอาชีพ สร้างรายได้ และสร้างชื่อเสียงให้กับชุมชนอย่างมาก ฐานเรียนรู้บ้านดอนในทุกฐานมีจุดเริ่มต้นที่เปน็ เหตุเปน็ ผลตา่ งวาระกัน โดยภาพรวมเกิดจากการเปล่ียนวิกฤติให้เป็นโอกาสทั้งส้ิน ประกอบด้วย ฐาน เรยี นรกู้ ล่มุ จักสานธูปฤาษี ฐานเรียนรธู้ นาคารปูมา้ ฐานเรียนรู้แพปลาชุมชน ฐานเรียนรู้ฟาร์มสาหร่าย พวงองุ่น เป็นต้น ซึ่งฐานการเรยี นรูต้ า่ งๆนี้ ที่ส่งเสริมให้ประชาชนได้รับความรู้ ความเข้าใจ เกิดความ รักความสามัคคีในชุมชนของตนเอง สร้างสมาชิกที่มีจิตสาธารณะเพื่อพัฒนาและเผยแพร่ความรู้สู่ ชมุ ชนให้เปน็ ชุมชนมีความเขม้ แขง็

๒๗ สําหรับตําบลแหลมผักเบี้ย เป็นพื้นที่ที่ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเป็นขั้นเป็นตอน กลายเปน็ พ้นื ท่ที ่ีมีองค์ความรู้ ให้ผู้คนท่ีสนใจเขา้ มาศึกษาเรยี นร้ถู งึ แนวคดิ วิธกี าร กระบวนการ ในการ พัฒนา พร้อมทั้งรูปแบบในการบริหารจดั การทุนชุมชนได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ ด้วยการสร้างเป็นฐาน เรียนรู้ชุมชนที่มาจากกลุ่มอาชีพ อันก่อให้เกิดความมั่นคง และยกระดับสู่การเป็น“ชุมชน ท่องเที่ยว เชิงฐานเรียนรู”้ ท่ีไดร้ บั ความรว่ มมอื รว่ มใจจากสมาชิกในชุมชน ในการสร้างพื้นที่ทอ่ งเทย่ี วร่วมกนั 1) ฐานเรียนรู้กลุ่มจักสานธูปฤาษี กลุ่มจักสานธูปฤาษีมีต้นกําเนิดมากจากโครงการวิจัยและ พัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดําริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล อดุลยเดช ตง้ั อยบู่ นพนื้ ที่ตาํ บลแหลมผักเบี้ย ได้ทาํ แปลงทดลองปลูกพืชประเภท กก (ตน้ ธูปฤาษี) เพื่อ บัดนํ้าเสีย ต้นธูปฤาษีเป็นวัชพืชที่ขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว และ เจริญเติบโตไวมากในพื้นที่ที่ทํา การเกษตร แต่เป็นพืชที่มีประโยชน์ มากในด้านการบําบัดนํ้าเสียและ มีวัฏจักรในการเติบโตและการ ดูด ซึมสารอาหารในระยะเวลาจํากัด และเมื่อครบอายุ90 วัน จะต้องมี การตัดเพื่อให้แตกกอใหม่ ส่วนที่ตัดไปก็จะนําไปทิ้งไว้เฉยๆ โครงการจึงได้คิดหาวิธีที่นําต้นธูปฤาษีกลับมาใช้ประโยชน์ เพื่อให้มี มูลค่าเพิ่มและใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่ามากขึ้น จึงได้นํา แนวคิดที่จะทําผลิตภัณฑ์แปรรูปต้นธูปฤาษี เพื่อให้คนในชุมชน ซงึ่ ประกอบอาชพี ประมงไดใ้ ช้เวลาวา่ งใหเ้ กิดประโยชน์และเปน็ การ สร้างรายได้สู่ ชุมชน โดยทางโครงการพระราชดําริให้การสนับสนุน ในเรื่องวัตถุดิบและสถานที่จําหน่ายผลิตภัณฑ์ ซึ่งได้จัดตั้งกลุ่มขึ้นมี สมาชิกครั้งแรก 15 คน โดยได้รับการสนับสนุนจาก กศน. อบต. ให้ รวมกลุ่ม เพื่อจัดตั้งกลุ่มสตรีพัฒนาจักสานขึ้น โดย กศน. สนับสนุน ด้านวิทยากรและครูฝึกสอน ส่วนองค์การ บริหารส่วนตําบลแหลม ผักเบี้ยสนับสนุนงบประมาณในการศึกษาดูงานและพัฒนาองค์ ความรู้ ปจั จุบัน ไดม้ สี มาชกิ เพ่ิมข้ึนเป็น 30 คน ท่เี กิดจากการเห็นคุณค่าของทรัพยากรในพื้นและนํามาสร้าง มูลค่าเพิ่ม นักท่องเที่ยวจะได้แนวคิดในการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด และการสร้าง มูลคา่ เพิม่ ใหก้ บั ผลิตภัณฑ์ชมุ ชน 2) ฐานการเรียนรู้ธนาคารปูม้า หลังจากที่ประเทศไทยเริ่มสง่ เสริมใหม้ ีการทําการประมงเชงิ พาณิชยม์ ากข้ึน ทาํ ให้ปรมิ าณสัตว์น้าํ ในทะเลลดลงชาวประมงในแต่ละพื้นที่จึงต้องร่วมกันหาแนวทาง ในการแก้ไขปญั หา ซงึ่ แตกตา่ งกนั ตามสถานการณป์ ัญหาท่ีก่อใหเ้ กดิ การลดจาํ นวนลงของสตั ว์นํ้าและ ตามความแตกต่างของพื้นที่ แต่สําหรับในเรื่องของการจัดการแก้ไขปัญหาการลดจํานวนลงของปูม้า ปริมาณปูม้า ที่ลดจํานวนลง ส่วนใหญ่เกิดจากการที่ชาวประมงจับปูม้า โดยไม่คํานึงถึงการอนุรักษ์

๒๘ และการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน คือจับอย่างเดียวรวมถึงจับปูที่มีไข่นอกกระดองซ่ึงกําลังจะกลายเปน็ ลูกปูในเวลาอันใกล้ เมื่อจํานวนปูม้าลดลงอย่างต่อเนื่องก็จะส่งผลโดยตรงต่อรายได้จากการจับปูม้า ลดลงตามไปด้วย ทําให้ชาวประมงในชุมชนบ้านดอนในเห็นความสําคัญและตระหนักถึงปัญหานี้ จึงร่วมมือกันหาแนวทางแก้ไข เพราะกังวลว่าหากปูม้าลดจํานวนลงหรือหมดไป ความเดือดร้อนของ ชาวบา้ นจะยิ่งเพมิ่ มากขึ้น จึงไดม้ ีแนวคิดจัดตง้ั ธนาคารปูมา้ ขนึ้ เพ่ืออนุรักษ์และฟน้ื ฟูทรัพยากรปูม้าขึ้น การจัดการธนาคารปูม้าของกลุ่มชาวประมงพื้นบ้าน ตําบลแหลมผักเบี้ย จะทํากระชังปูม้าสําหรับใช้ เป็นสถานเลี้ยงอนุบาลปูม้า ไว้ห่างจากฝั่งประมาณ 2,000 เมตร เพื่อรับเลี้ยงปูม้าทีม่ ีไข่ติดอยู่ที่หน้า ท้องที่ชาวประมงในกลุ่มจับมาได้เพื่ออนุบาล โดยจะใช้เวลาในการเพาะเลี้ยงไม่เกิน 10 วัน และเม่ือ ไขป่ มู ้าเจริญเตบิ โตกลายเป็น ลกู ปมู า้ แลว้ กจ็ ะคืนแม่ปูม้าให้แกส่ มาชิกที่นํามาให้ ท่องเท่ียวฐานเรียนรู้ สู่การสร้างอาชีพบ้านดอนใน 11 ปัจจุบันกลุ่ม มีวิธีการเพาะเลี้ยงปูม้าบนฝ่ัง โดยทําโรงเรือนในการ เพาะเลี้ยงอย่างเหมาะสม ซึ่งได้รับความร่วมมือจากสมาชิกในกลุ่ม และการส่งเสริมสนับสนุนจาก หน่วยงานภายนอกทั้งภาครัฐ และเอกชน โดยชาวประมงที่จับปูม้าที่มีไข่นอกกระดองมาได้ ก็จะ นาํ มาใหท้ ่ศี นู ย์เพาะเลี้ยงนี้ เม่ือไข่กลายเป็นลกู ปูทีส่ ามารถปลอ่ ยสู่ ทะเลได้แล้ว ศูนย์เพาะเลี้ยงก็จะคืน แม่ปูให้กับชาวประมงเพื่อนําไป ขายต่อไป ศูนย์เพาะเลี้ยงปูม้าแห่งนี้ได้ปล่อยลูกปูม้ากลับคืนสู่ทะเล ทุกวัน ประมาณวันละ 1 แสนตัว ซึ่งในบางครั้งสมาชิกก็จะไม่ขอรับ คืนปูม้า แต่ยกให้กลุ่มนําไปขาย เพื่อนํารายได้เข้ากลุ่มและเป็นทุน สําหรับค่าใช้จ่ายในการบริหารกลุ่มต่อไป ซึ่งเป็นการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติที่ยั่งยืน เป็นการปลูกจิตสํานึกในการรักษาสมดุลธรรมชาติ ที่มีการเพาะฟักลูกปู มา้ จากปูไข่นอกกระดอง ก่อนปล่อยกลบั คืนสู่ธรรมชาติ นักท่องเทย่ี วจะไดเ้ ห็นความสําคัญและใส่ใจใน ระบบนเิ วศท่เี ปน็ ห่วงโซ่ทางอาหารทสี่ าํ คญั คลิป VDO เกย่ี วกับธนาคารปูม้า จากการดําเนินงานของกลุ่มธนาคารปูม้าในการเพาะฟักพันธุ์ปูม้าที่ได้รับความร่วมมือด้วยดี จากสมาชิก ทําให้ชาวบ้านที่ทําประมงชายฝั่งสามารถจับปูม้าได้เฉลี่ยรอบละไม่ตํ่ากว่า 50 กิโลกรัม ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเมื่อก่อนเป็นจํานวนมาก จากการบอกเล่าของสมาชิกในกลุ่มธนาคารปูม้าว่าเมื่อก่อน ชาวบ้านจับปูได้เฉลี่ย รอบละ 7- 8 กิโลกรัมเท่านัน้ และเริ่มหาปูยากขึ้นเรื่อยๆ แต่พอมีธนาคารปมู า้ ขึ้นมาก็มีปูให้จับได้ทุกวัน นับเป็นความสําเร็จที่น่าภาคภูมิใจของการดําเนินงานธนาคารปูม้าแห่งน้ี ทาํ ให้ทกุ วนั นปี้ ูม้าท่ชี าวประมงจับได้เปน็ ท่ีต้องการของตลาดเป็นอย่างมาก สง่ ผลให้ชาวบ้านหันมาทํา ประมงปูม้าเพ่ิมขนึ้

๒๙ 3) ฐานการเรียนรูแ้ พปลาชุมชน วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแพปลาชุมชน เกิดจากการรวมกลุม่ ของ คนในชุมชนตาํ บลแหลมผักเบ้ีย ท่ปี ระกอบอาชีพประมงเน่ืองจากถูกกดราคาจากพ่อค้าแม่ค้าคนกลาง ในราคาที่ตํ่ากว่าท้องตลาด ดําเนินกิจการแปรรูปและผลิตภัณฑ์สัตว์นํ้า เริ่มก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2551 โดยความโดดเด่นของวิสาหกิจชุมชนแห่งนี้ คือ มีการกําหนด กฎกติกาสําหรับสมาชิกเพื่อให้เกิด ระเบียบในการปฏิบัติร่วมกัน โดยเฉพาะการทําประมงอย่างรับผิดชอบ และมุ่งเน้นการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล รวมทั้งมีแนวทางฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์ นํ้าที่เป็นสัตว์เศรษฐกิจอย่าง ชัดเจน โดยคณะกรรมการและสมาชิกกลุ่ม จะมีการประชุมร่วมกัน เพื่อกําหนดกฎระเบียบกติกาใน การปฏิบตั ิ และแบง่ หน้าทค่ี วาม รับผิดชอบ เพือ่ ให้เกดิ การจัดการทดี่ เี พื่อนําไปสู่ความยั่นยนื ใน อาชีพ ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง มกี ารจดั การเงินทนุ และจัดทํา บัญชีอย่างเป็นระบบ โดยกระบวนการแบบ มีส่วนร่วมและใช้หลักคุณธรรม สมาชิกทุกคนมีความพอใจ มีเป้าหมายส่งเสริมการทําประมงและ บริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาตอิ ย่างยง่ั ยืน และสร้างความม่นั คงทางด้านอาชพี และรายได้แก่ชุมชน ผลิตสินค้าตรงตามความต้องการของลูกค้า สินค้ามีคุณภาพ มีการตรวจสอบควบคุม อย่างสมํ่าเสมอ และมฐี านคิดในการกําหนดราคาอยา่ งมีเหตุผล มีการจดั การขอ้ มูลอยา่ งเปน็ ระบบ นอกจากนี้จะมีการดําเนินกิจกรรมร่วมกันที่มีความหลากหลาย เชื่อมโยง เกื้อกูลกัน เพื่อลด ความเสี่ยงในการประกอบกิจการ สามารถสร้างความพอใจและความสุขให้สมาชิก ทําให้สมาชิกมี ความเชื่อมั่นในสถาบันและสร้างความมั่นใจของสมาชิกในการดําเนินการร่วมกับกลุ่มต่อไป ซึ่งจะ นําไปสู่ความมั่นคงเข้มแข็งของกลุ่มสมาชกิ มีรายได้เพิ่มขึ้น สามารถบริหารจัดการหน้ีสินได้ มี เงินทุน สํารองสําหรับประกอบการได้อย่างต่อเนื่อง การรับสมาชิก เพิ่มขึ้น มีการเตรียมการเพื่อสืบทอด กิจการในอนาคต รวมทั้งมีการ ตั้งงบประมาณการใช้จ่ายไว้ 20 % ต่อปี เพื่อดําเนินกิจกรรม สาธารณประโยชน์ต่างๆ เช่น การสร้างบ้านให้ปลาเป็นการอนุรักษ์ให้ปลาได้มีที่อาศัย การอนุรักษ์ พันธุ์ปูม้า โดยให้สมาชิกวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแพปลาชุมชนนําปูไข่นอกกระดอง นํามาเลี้ยงในธนาคาร ปมู ้าเพอื่ การขยายพนั ธ์ปุ ูและปล่อยคนื สูธ่ รรมชาติ การใช้เคร่ืองมอื ประมงตามทก่ี ฎหมายกําหนด

๓๐ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับชุมชนบ้านดอนในที่สามารถเห็นผล อย่างเป็นรูปธรรม สะท้อนถึง ความสาํ เรจ็ ของวิสาหกิจชมุ ชนกลมุ่ แพปลาชมุ ชนแหง่ น้ี ไดแ้ ก่ 1) ทรัพยากรสัตวน์ ้าํ มคี วามสมบรู ณ์ จากกจิ กรรมสรา้ งบ้าน ปลา อนรุ กั ษบ์ า้ นปู 2) คนในชุมชนมีรายไดเ้ พมิ่ ขนึ้ จับสตั วน์ า้ํ ได้มากขึ้น และได้ขายสัตวน์ ํา้ ในราคาที่เป็นธรรม 3) เกิดการจ้างงาน สร้างอาชีพในชุมชน จากการขยายผล การพัฒนาของวิสาหกิจชุมชนใน ดา้ นทอ่ งเทยี่ วเชงิ เรยี นรู้ ในปี 2560 วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแพปลาชุมชน ตาํ บลแหลมผกั เบย้ี อําเภอบา้ นแหลม จงั หวัด เพชรบรุ ี ได้รบั รางวลั รองชนะเลิศ อนั ดับที่ 1 วสิ าหกจิ ชมุ ชนดเี ด่นระดับเขต ซึง่ เป็นเพยี งตัวอย่างหนึ่ง ของวิสาหกิจชุมชนที่ประสบผลสําเร็จ จากการร่วมแรงร่วมใจกันของคนในชุมชน นําไปสู่ชุมชนที่ เข้มแข็งสร้างงานสร้างรายได้ เป็นการบริหารจัดการทรัพยากรแบบมีส่วนร่วม ด้วยการรวมกลุ่มสร้าง ความเข้มแข็ง สร้างวินัยใหก้ ับสมาชิกที่ใช้หลักการผลประโยชน์ต่างตอบแทน คือสมาชิกได้ประโยชน์ ร่วมกนั ตามบริบททคี่ วรจะเป็น นกั ท่องเท่ยี วจะได้เห็นความสาํ คญั ของกลมุ่ 4) ฐานการเรียนรฟู้ าร์มสาหรา่ ยพวงองุ่น (ฟารม์ Green Caviar) บา้ นดอนในมีพื้นที่ติดทะเล ชาวบ้านส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพประมงชายฝั่งและการทํานาเกลือ ซึ่งเป็นอาชีพดั้งเดิมของ บรรพบุรุษ ในช่วงที่ผ่านมาเกิดวิกฤติราคาเกลือตกตํ่าลงถึงขีดสุด ชาวบ้านสว่ นหนึ่งได้เลิกทํานาเกลอื เพราะไม่คุ้มกับการลงทุนจึงมองหาโอกาสหาอาชีพใหม่ที่สามารถต่อยอดจากทรัพยากรเดิ มที่มีอยู่ ศูนย์วิจัยพันธุ์สัตว์นํ้ากรมประมงได้เข้ามาวิจัยพื้นที่แถบนี้ เพื่อทดลองเพาะเลี้ยงสาหร่ายพวงองุ่น ซึง่ ก่อนหน้าน้ันไม่เคยเลีย้ งได้สําเรจ็ เนอื่ งจากสภาพดนิ และสภาพนา้ํ ไมเ่ อ้ืออํานวยต่อการเจริญเติบโต ของสาหร่ายที่สามารถเติบโตได้ดีในนํ้าสะอาดและความเค็มที่เหมาะสม หลังจากมีโครงการ พระราชดําริในการแก้ไขปัญหานํ้าเน่าเสียตําบลแหลมผักเบี้ย ทําให้พื้นที่โซนนี้ได้รับการปรับปรุง จนเป็นพื้นที่สะอาด สิ่งแวดล้อมดี การทดลองเลี้ยงสาหร่ายพวงองุ่นของศูนย์วิจัยพันธุ์สัตว์นํ้า ที่บ้าน ดอนในประสบความสําเร็จไปได้ด้วยดี สาหร่ายเจริญเติบโต และเป็นเม็ดติดกันเป็นพวงเหมือนพวง องุ่น จึงมีการขยายผลต่อให้ชาวบ้านที่สนใจนําไปปลูก โดยเน้นกลุ่มที่มีพื้นที่เป็นนาเกลืออยู่แล้ว ซึ่งปรับปรุงพืน้ ที่เพิ่มเติมอีกเลก็ น้อยก็สามารถปลกู ได้เลย ซึ่งในการปลูกครั้งแรกใช้การปลกู แบบห้อย แขวนทาํ ให้สาหร่ายโตช้า ต่อมาใช้ปลกู ลงดนิ ซง่ึ ทําใหส้ าหรา่ ยเจริญเตบิ โตไดเ้ ร็ว

๓๑ ปัจจุบันมีชาวบ้านหันมาปลูกสาหร่ายพวงองุ่นกันมากกว่า 30 ราย ซึ่งผลผลิตสามารถส่ง ขายได้ทงั้ ในประเทศและต่างประเทศ เปน็ อาชีพทส่ี รา้ งรายได้ใหก้ บั ชาวบา้ นดอนใน ที่ปรับเปลี่ยนจาก การทํานาเกลือมาเป็นการเล้ยี งสาหร่ายพวงองุ่นแทน ซึ่งเม่อื รวมเข้าเป็นฐานเรียนรู้ให้นักท่องเท่ียวมา เยี่ยมชม ทําให้สร้างโอกาสในการขายมากขึ้น บางคนถึงกับติดต่อทําธรุ กิจรว่ มกัน ผลสัมฤทธิของการ ปลกู สาหรา่ ยพวงองุ่นไม่เพียงแตส่ ร้างรายได้ให้กับชมุ ชนเท่านนั้ แตย่ ังเป็นการปลูกฝังการมีวินัยให้กับ คนในชุมชนในเรื่องของการดูแลรักษาความสะอาดให้สิ่งแวดล้อม เพราะด้วยปัจจัยการเติบโตของ สาหร่ายพวงอง่นุ จะเป็นพชื ทชี่ อบความสะอาดเปน็ ทีส่ ดุ นา้ํ สะอาด ดินสะอาด แดดแรง เปรียบเสมือน ดัชนีชี้วัดความสมบูรณ์ของสิ่งแวดล้อมไปในตัว เป็นฐานเรียนรู้ที่เกิดจากการเปลี่ยนวิกฤติให้เป็น โอกาสที่สมาชิกในชุมชนไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคทีเ่ กิดขึ้น โดยคิดเสมอว่า ที่ใดมีวิกฤติที่นั่นย่อมมีโอกาส เสมอ ซ่งึ นักท่องเทีย่ วจะได้แนวคดิ การพลกิ วิกฤติใหเ้ ปน็ โอกาส พรอ้ มให้ความสําคัญในการดูแลรกั ษา สง่ิ แวดล้อม เพ่ือใหร้ ะบบนเิ วศเกิดความสมดลุ ตามธรรมชาติ การบริหารจัดการศูนย์วิสาหกิจชุมชนบา้ นดอนในเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สรา้ งความสนใจให้กับการ มาศึกษาดูงาน ได้เรียนรู้แนวทางการบริหารจัดการในการสร้างความเข้มแข็งและเป็นจุดร่วมของ สมาชิกในหมู่บ้าน การบริหารจัดการจึงถือเป็นเรื่องสําคัญและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตนของบ้านดอน ในทีส่ ามารถถา่ ยทอดใหก้ ับผู้ทีส่ นใจไดเ้ รยี นรู้ในการสร้างความเข้มแขง็ คอื 1) บรหิ ารจัดการแบบมสี ว่ นร่วม คอื ให้ความสาํ คัญของการทํางานเปน็ ทีมท่ฝี ่ายปกครองและ ฝ่ายทอ้ งถ่นิ ทํางานรว่ มกันได้อย่างลงตัว มีการสร้างวสิ ยั ทัศนก์ ําหนดเป้าหมายของการพฒั นาร่วมกนั 2) สมาชิกมีบทบาทในการพัฒนา การบริหารจัดการในด้านต่างๆ จะเน้นความร่วมมือของ สมาชิกในหมู่บ้านที่มีสิทธิแสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ในการพัฒนา ซึ่งใช้เวทีพูดคุยสร้างความ เขา้ ใจ ทําใหส้ มาชกิ มีความเขม้ แขง็ กล้าคดิ กล้าแสดงออก 3) มีเป้าหมายการพัฒนาชัดเจน คือผลประโยชน์ของชุมชน ส่วนรวม การดําเนินงานทุกมิติ ตอ้ งสามารถตอบโจทยช์ มุ ชนได้ ซงึ่ ทาํ ใหท้ ุกคนมองในทิศทางเดยี วกนั และพรอ้ มเดนิ ไปด้วยกนั 4) เปิดกว้างสาํ หรับการเรียนรู้ไม่ยึดตดิ ในกรอบเดิมๆ ซ่งึ มองหาโอกาสใหม่ๆ อย่เู สมอ ทําให้ เกิดการตื่นตัวตลอดเวลาทั้งผู้นํา ทีมงาน และชุมชน พร้อมให้โอกาสซึ่งกันและกัน เป็นการสร้าง ผลประโยชน์ตา่ งตอบแทน คือ ชาวบ้านทีร่ ่วมเป็นฐานเรยี นรกู้ จ็ ะไดโ้ อกาสในการขายสินค้าของตนเอง ดว้ ย

๓๒ - สามารถประสานความร่วมมือกับราชการส่วนกลาง เช่น กระทรวง หรือกรมต่างๆ เพื่อ แก้ไขปัญหาและพัฒนาหมู่บ้านได้อย่างเห็นผลเป็นรูปธรรมชัดเจน ทำให้ประชาชนในชุมชนได้มีส่วน ร่วมในการเผยแพร่ความรู้ของชุมชน จัดบูธกิจกรรมต่างๆ กล้าแสดงออก สามารถนำเสนอชุมชนของ ตนได้ -ร่วมกับราชการส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น ในการบูรณาการการทำงานประสานความ ร่วมมือหรือบูรณาการการทำงานร่วมกับจังหวัด อำเภอ ได้อย่างมีประสิทธิภาพเห็นผลอย่างเป็น รปู ธรรมชดั เจน เป็นต้น ได้ประสานเชื่อมโยงโดยศูนย์เศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบอำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี ได้มีการเรียนรู้ศึกษาดูงานร่วมกับศูนย์การเรียนรู้ในพื้นที่ต่างๆเพื่อศึกษาและพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ เพอ่ื นำมาประยุกต์ใช้ในพื้นทโ่ี ดยการนำวิทยากร คณะกรรมการหมู่บา้ นและประชาชนผู้สนใจเข้าร่วม ศึกษาดูงาน ณ สถานทตี่ ่างๆ

๓๓ - มีสื่อทางรายการโทรทศั น์ต่างๆ เข้ามาถ่ายทำรายการเพื่อประชาสัมพันธ์หมูบ่ ้าน อาทิ เชน่ รายการเปรี้ยวปากเช็คอิน ช่อง 3, รายการFoodwork ช่อง Thai PBS, รายการเที่ยวกนิ กับหมึกแดง ช่อง 36, รายการครัวลั่นทุ่ง ช่อง 8, รายการThe Insider ช่อง 9 ,รายการชื่นใจไทยแลนด์ ช่อง อมรินทร์, รายการคุณนายจ่ายตลาด ช่องอมรินทร์, รายการมองรอบทิศกระชับมิตรชุมชน ช่อง 5 เป็นต้น รายการเปรย้ี วปาก รายการ Foodwork รายการ McDang’s Travelogue รายการ ช่ืนใจไทยแลนด์ รายการมองรอบทศิ กระชบั มิตรชุมชน - การเชดิ ชูสถาบันสำคัญของชาติ โครงการจติ อาสา “เราทำความดี ด้วยหวั ใจ”

๓๔ - การทำหน้าท่ีอาสาสมัครสาธารณสขประจำหมู่บ้าน จิตอาสาที่ยอมเสียสละเวลาช่วยเหลือ สังคมและทำงานด้วยใจอย่างแท้จริง เป็นเครือข่าย อสม. ที่ทำหน้าที่เสมือนญาติพี่น้องในการดูแล สุขภาพของคนในชุมชนอย่างเข้มแข็ง - การขยายผลโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนา สิง่ แวดลอ้ มแหลมผกั เบยี้ อนั เนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอบา้ นแหลม จังหวัดเพชรบุรี การจกั สานธูปฤาษี

๓๕ การเปิดกลุ่มอาชพี เกี่ยวกับธูปฤาษี การเผยแพร่ผลิตภณั ฑ์ชมุ ชน - สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงติดตามงานใน โครงการฯ ผา่ นรปู แบบการประชุมผ่านส่ืออเิ ล็กทรอนกิ ส์ ขา่ วในพระราชสำนกั

๓๖ @ ๑ ทำได้จรงิ และขยายผล 1.4 มีการนำโครงการอนั เนื่องมาจากพระราชดำรมิ าจดั กิจกรรม เพื่อส่งเสริมให้ชมุ ชน สร้างสมั มาชพี ทเี่ ป็นรปู ธรรมและสามารถตอ่ ยอดได้ เชน่ ยกระดบั รายได้ของครัวเรือน มกี ลุ่มอาชีพเพิม่ ขน้ึ พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถ บพติ ร พระองค์ทรงมุ่งเน้นเรื่องการพัฒนาคน “ตอ้ งระเบดิ จากข้างใน” น้นั หมายความว่า ต้องสร้าง ความเขม้ แข็งให้คนในชุมชนท่ีเราเขา้ ไปพฒั นา ให้มีสภาพพร้อมที่จะรับเสียก่อน แล้วจึงค่อยออกมา สู่สังคมภายนอก มิใช่การนำเอาความเจริญหรือบุคคลภายนอกเข้าไปหาชุมชน หมู่บ้าน ที่ยังไม่ทัน หรอื มีโอกาสเตรียมตัวหรอื ต้ังตัว บ้านดอนใน มีการนำโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริมาจัดกิจกรรม เพื่อส่งเสริมให้ ชมุ ชนสรา้ งสมั มาชีพที่เปน็ รูปธรรมและสามารถต่อยอดได้ เชน่ ยกระดบั รายไดข้ องครวั เรือน มีกลุ่ม อาชีพเพิ่มขึ้น คือ กลุ่มสตรีจักสานแหลมผักเบี้ย (ต้นธูปฤาษี) ตำบลแหลมผักเบี้ย อำเภอบ้านแหลม จังหวดั เพชรบุรี ประวัตคิ วามเป็นมา / บริบท หมู่บ้านดอนในเป็นหมู่บ้านชาวประมง มีการประกอบ อาชีพประมงเรือเล็ก จะมีการออกเรือทุกวันส่วนใหญ่ในการออกเรือ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายออกไปส่วนผูห้ ญิงก็รออยู่กับบา้ นทำให้ผู้หญิงมี เวลาว่าง ก็เกิดการรวมกลุ่มของสตรีเพื่อนำอาหารทะเลที่ได้มาเป็น จำนวนมากนำมาแปรรูป เป็นปลาหมึกแห้ง กุ้งแห้ง การทำปลา อินทรีเค็ม เป็นต้น แต่การแปรรูปก็มีปัญหาในเรื่องการจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ จึงทำให้กลุ่มสตรีไม่มั่นคง จึงได้จุดเปลี่ยนการจัดตั้งกลุ่ม โดยได้แรงบันดาลใจจากโครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อม แหลมผักเบี้ย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นสถานที่บำบัดน้ำเสีย ด้วยระบบธรรมชาติคือการบำบัดน้ำเสียโดยใช้แสงแดด ใช้ระบบบ่อผ่ึง หญ้ากรอง ไมพ่ บสารพิษในตะกอนในพชื สัตว์ เป็นสถานทีบ่ ำบัดน้ำเสีย ด้วยระบบธรรมชาติคือการบำบัดน้ำเสียโดยใช้แสงแดด ใช้ระบบบ่อผ่ึง หญา้ กรอง ไมพ่ บสารพิษในตะกอนในพชื สัตว์ ซ่ึงพชื ทีใ่ ชก้ รองสารพิษก็ คือ ต้นธูปฤาษี(ต้นปรือ ) ซึ่งต้นธูปฤาษี มีจำนวนมากและทำให้คนใน

๓๗ ท้องถิ่นเดือดร้อนกับต้นธูปฤาษีในตอนทีแ่ ห้งดอกธูปฤาษีปลิวกระจายสร้างความเดือดร้อนใหก้ ับคนใน ชุมชน กลุ่มสตรีของบ้านดอนในจึงมคี วามคิดจากผู้นำเปล่ียนแปลง ( Change Reader ) คือ นาง ขวัญเรือน มานิช ว่าต้นธูปเป็นพืชตระกูลเดียวกับกก ที่นำมาทอเสื่อซึ่งคุณสมบัติของต้นธูปจะมี ความเหนียว จึงคิดที่จะนำมาจักสานให้เป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในเบื้องต้น คือ กระเป๋า กระจาดสี่เหลี่ยม และกล่องใส่ของ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก ศูนย์การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอบา้ นแหลมในเรือ่ งการอบรมใหค้ วามรูเ้ กย่ี วกับการจักสานผลิตภัณฑ์ จากต้นธูปฤาษี ทำให้มีผลิตภัณฑ์ได้จำหน่ายสร้างรายได้ให้กับกลุ่ม และมีอาชีพเสริมอีกด้วย ผลิตภัณฑข์ องกลุ่มวางจำหนา่ ย ในโครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นส่วนใหญ่ เมอ่ื มีรายไดก้ ม็ ีการรวมกล่มุ อาชพี การจกั สาน ผู้มบี ทบาทสำคญั ในชุมชน ๑. องคก์ ารบริหารสว่ นตำบลแหลมผกั เบยี้ ๒. ผู้นำชมุ ชน ๓. ผเู้ ข้ารับการอบรม เพิ่มศักยภาพอาสาสมคั รนำเทีย่ ว จำนวน ๒๐ คน ๔. แหลง่ เรียนรู้ / ภูมิปัญญาท้องถิ่น จำนวน ๒๐ แห่ง ๕. ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อำเภอบ้านแหลม ๖. องค์กรภาครัฐ / เอกชน ๗. พฒั นาฝีมอื แรงงานจังหวัดเพชรบุรี ๘. ประชาชนทวั่ ไป ๒. รูปแบบการจัดการเรยี นรู้ กลมุ่ สตรจี กั สานแหลมผักเบ้ยี ( ตน้ ธปู ฤาษี ) ตำบลแหลมผักเบี้ย อำเภอบ้านแหลม จังหวัด เพชรบรุ ี คนในชุมชนเกดิ จติ สำนกึ รักท้องถิน่ มคี วามตอ้ งการพัฒนาชุมชนของตนเอง เกดิ ความต่ืนตัว ความกระตือรือร้น ให้ความสำคัญให้ความสนใจชุมชนของตนเอง โดยพยายามเข้าใจในชุมชนและ เรียนรูป้ ัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชนของตนเอง ก่อให้เกิดความรูส้ กึ ภาคภูมิใจมองเห็นคุณค่าและเกิดความ รักและหวงแหนชมุ ชน และมคี วามรับผิดชอบของตนเอง กลุ่มสตรีจักสานแหลมผักเบี้ย ( ต้นธูปฤาษี ) ยังมีผู้นำที่มีภาวะผู้นำ วิสัยทัศน์ และมีความ เป็นประชาธิปไตยที่สามารถรวมกลุ่มคนในชุมชนให้เกิดเป็นพลังกลุ่มที่สำคัญในชมุ ชน พลังกลุ่ม คือ

๓๘ นางขวญั เรอื น มานิช เปน็ ผนู้ ำในเรอ่ื งการจักสานผลิตภณั ฑต์ ้นธูปฤาษี เป็นพลังผลกั ดันท่ีสำคัญท่ีสร้าง โอกาสให้กับกลุ่มสตรีของชุมชนบ้านดอนใน มีการพัฒนาเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ ความสำเร็จของ ชุมชนทำใหเ้ กิดแรงผลักดนั ในการทีจ่ ะก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ ในการที่จะพัฒนาชุมชนอย่างไม่ หยุดนิ่ง โดยมีโครงการเครือข่ายเชื่อมโยงกับ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อำเภอบ้านแหลมและองค์การบริหารส่วนตำบลแหลมผักเบ้ีย โดยที่ ศูนย์การศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอบ้านแหลมมีบทบาทที่ เสรมิ หนนุ กระบวนการกลมุ่ ให้ต่อเน่ืองและยง่ั ยืนต่อไป คนในชุมชน โดยเฉพาะผู้นำและชาวบ้าน สามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง จากการปฏิบัติจริงโดย กระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลายก่อให้เกิดเป็นการ เรียนรู้แบบบูรณาการขึ้นในวิถีชีวิตของคนในชุมชน รวมทั้งสามารถประยุกต์การเรียนรู้และเทคนิคต่าง ๆ ในกระบวนการเรียนรู้มาให้กับสถานการณ์อื่น ๆ ท่ี เกิดขนึ้ ในชมุ ชน ๒.1 องค์ความรขู้ องชุมชน กลุ่มสตรีจักสานแหลมผักเบี้ย ( ต้นธูปฤาษี ) ตำบลแหลมผักเบี้ย คนในชุมชนเกิดการเรียนรู้ ด้วยตนเอง โดยการใชว้ ิกฤติท่ีเกิดขึ้นในชุมชนให้เป็นโอกาส เพื่อแก้ปัญหาของชุมชนได้สำเรจ็ โดยนำ กระบวนการมีส่วนร่วมมาเป็นเคร่ืองมือสำคัญในการปลูกฝังการทำงานของคนในชุมชน และสามารถ ค้นพบศักยภาพของชุมชน บริการจัดการลงทุนทางสังคมและทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ ส่งผลให้ ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ และทำให้มีแหล่งเรียนรู้ที่เป็นแบบอย่างที่คนในชุมชนสามารถนำปรับ และประยกุ ต์ใช้ไดท้ ง้ั คนในชุมชนและนอกชมุ ชน มดี ังนี้ กลุ่มสตรีจักสานแหลมผักเบี้ย ( ต้นธูปฤาษี ) มี นางขวัญเรือน มานิชและกลุ่มสตรขี องชุมชน ร่วมกันคิด และถอดบทเรียนไดว้ ่า เดิมคนในชุมชนมีอาชีพทำประมง เรอื เลก็ ซงึ่ มีรายได้ไมม่ ากนักและในบางฤดูก็ไมส่ ามารถที่ จะออกเรือไปทำมาหากินได้เนื่องสภาพภูมิอากาศถ้าลม แรงมาก ๆ ก็ไม่สามารถออกเรือไปในทะเลได้ ก็ทำให้ ขาดรายได้ จึงได้มีผู้นำเปลี่ยนแปลง คือนางขวัญเรือน มานิช มีการรวมกลุ่มของสตรีที่ว่างงานจากการประกอบ อาชีพประมง และนำวัสดุที่เหลือใช้จากโครงการ พระราชดำริฯ คือต้นธูปฤาษี นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยมีการรวมกลุ่มสานผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ โดยอาศัยหลักภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยได้รับการการสนับสนุนจาก ศูนย์การศึกษานอกระบบและ

๓๙ การศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอบ้านแหลมในการจัดหลักสูตรวิชาชีพระยะสั้นการจักสานผลิตภัณฑ์ต้น ธปู ฤาษี มาสานเปน็ ผลิตภัณฑแ์ บบตา่ ง ๆ เช่น กระเป๋า ตะกรา้ ใส่ของ แจกนั ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอบ้านแหลม ยังได้ร่วมมือกับ องค์การบริหารส่วนตำบลแหลมผักเบี้ย จัดอบรมและแลกเปลี่ยนประสบการณก์ ลุ่มจักสานที่ประสบ ความสำเร็จ เช่น กลุ่มจักสานผักตบชวาบ้านอ้อย จังหวัดชัยนาท กลุ่มจักสานไม้ไผ่ จังหวัดอ่างทอง และกลุ่มจักสานผักตบชวา จังหวัดพะเยา ได้ศึกษาวิธีการสาน ลวดลาย รูปแบบ การเก็บรักษา การจำหนา่ ย และการบรหิ ารจัดการกลมุ่ ซึ่งหลังจากการแลกเปลี่ยนแล้วกลุ่มสตรีจักสาน แหลมผักเบี้ย ( ต้นธูปฤาษี ) ก็มาถอดบทเรียนว่าได้ อะไรบ้างจากการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ แล้วนำ ความรู้ที่ได้มาปรับประยุกต์ใช้ในด้านใดเพ่ือพัฒนากลุ่มจัก สานให้มีประสิทธิภาพ กลุ่มการจักสานจะมีการประชุม เดือนละ ๑ ครั้ง คือวันพระ ๑๕ ค่ำ เพราะเรือไม่ได้ออก ทะเล สมาชิกในกลุ่มจักสานก็นำผลิตภัณฑ์ของตนเองได้ ทำไว้มาฝากขายและมีการพูดคุยกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ปญั หาและอปุ สรรคในการจักสานผลติ ภัณฑ์ และการบรหิ ารจัดการกลุ่มดว้ ย การจักสานผลติ ภัณฑ์จากต้นธูปฤาษนี ั้นต้องศึกษาต้ังแต่การเลือกต้นธูปฤาษีที่จะนำมาจัก สานต้นธูปฤาษีมีลักษณะอยู่ด้วยกัน ๓ ระดับ คือ ต้นอ่อน ต้นปานกลาง(ไม่แก่และไม่อ่อนเกินไป ) และต้นแก่ ซง่ึ ต้นธูปฤาษีแตล่ ะลกั ษณะต้องนำมาเป็นส่วนประกอบ ในการจกั สานผลติ ภัณฑ์ด้วยกนั เชน่ ต้นแกก่ ็ตอ้ งนำมาเป็นตัวเค้า โครง ต้นปานกลางก็นำสานเป็นลวดลายเพราะมีลักษณะที่อ่อน ทำให้ต้นธูปไม่แตกทำให้ลวดลายก็ไม่เสีย ต้นอ่อนก็นำมาทำเป็น ดอก ขั้นตอนการตากต้นธูปฤาษีก็สำคัญเป็นอย่างมาก เพราะ ระยะเวลาในการตากถ้าตากนานตกธูปก็แห้งกรอบ แต่ถ้าตาก น้อยต้นธูปฤาษกี ม็ คี วามช้นื มากทำใหผ้ ลิตภณั ฑ์เป็นราไว ซ่ึงในการ จักสานกว่าจะประสบความสำเร็จมีการลองผิด ลองถูก ซึ่งแต่ละ ครั้งกน็ ำข้อผิดพลาดมาหาทางแก้ไขจนได้วิธที ีด่ แี ละลงตัว ใบความรู้ การจกั สานธปู ฤาษี

๔๐ ขั้นตอนที่สำคัญของการจักสานผลิตภัณฑ์ต้นธูปฤาษี คือการสานเพราะการสานต้องใช้ ความประณีต และความละเอียดเป็นอย่างมาก เพราะว่าคนที่จะซื้อผลิตภัณฑ์ได้นั้นผลิตภัณฑ์ต้องมี ความสวยงาม ความละเอียด และประโยชน์การใช้งาน จากเดมิ กส็ านหลายแบบพื้นฐาน เช่น ลายรวง ข้าว ลายคัดธรรมดา แต่ในขณะนี้ได้มีการพัฒนาเป็นลายพิกุล การยกดอก มีการประยุกต์ถักเปีย ( เปีย ๓ , ๕ , ๖, ๘ ) นำมาเป็นตัวสานผลิตภัณฑ์ทำให้ผลิตภัณฑ์มีลวดลายสวยงามเพิ่มมากข้ึน การเกบ็ รักษาผลิตภัณฑ์ต้นธูปฤาษนี นั้ ในขั้นตอนการทำ การสานตอ้ งมีการทาแลคเกอร์เพราะต้องการ ใหผ้ ลิตภณั ฑม์ ีความมันวาว ไม่ใหต้ ัวแมลงกัดกินผลิตภัณฑ์ และไม่ใหผ้ ลิตภัณฑเ์ ป็นรา ซ่ึงวิธีการแก้ไข ปัญหาผลิตภัณฑ์ขึน้ ราทางกลุ่มก็ไดท้ ดลองนำแปรงสีฟันที่ใชแ้ ลว้ จุ่มน้ำแล้วมาขัดที่ผลิตภัณฑ์ แล้วนำ ผลติ ภัณฑ์นัน้ ไปตากแดดราท่ตี ดิ อย่ทู ผี่ ลิตภณั ฑน์ ั้นก็หายไปสามารถนำผลติ ภณั ฑ์ใช้ไดเ้ หมือนเดมิ กลุ่มสตรีจักสานแหลมผักเบี้ย ( ต้นธูปฤาษี ) นั้นมีองค์ความรู้เกี่ยวกับการจำหน่ายผลิต ภัณฑ์ที่น่าสนใจ คือกลุ่มจักสานต้นธูปฤาษีจะเป็นผู้รับฝากขายจาก สมาชิกผลิตภัณฑ์ ที่จำหน่ายได้ก็หัก ๑๐ เปอร์เซ็นต์ สำหรับเข้า เก็บเป็นเงินกลุ่มอีก ๙๐ เปอร์เซ็นต์ ก็ให้กับผู้ผลิต ผลิตภัณฑ์ได้ วางจำหน่ายในโครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลม ผกั เบย้ี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และร้านภฟู ้า ซ่ึงทางกลุ่มจัก สานผลิตภัณฑ์ต้นธูปฤาษีมีความปลื้มปิติเป็นอย่างมากที่ได้นำ ผลิตภัณฑ์ไปวางจำหน่ายในร้านภูฟ้า เพราะว่าทางกลุ่มทูลเกล้าฯ ถวายแจกนั ใหญ่ จำนวน ๑ ใบ แด่สมเด็จพระเทพพระรัตนราชสุดา ฯ คราเสด็จมายังโครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลม ผกั เบ้ยี อนั เนอื่ งมาจากพระราชดำริ พระองค์ไดเ้ ห็นผลิตภัณฑ์ท่กี ลุ่มจักสานผลิตภณั ฑ์จากต้นธูปฤาษี ก็ทรงตรัสว่าให้นำผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายในร้านภูฟ้า และนอกจากนี้กลุ่มยังไปนำผลิตภัณฑ์บูทที่ หนว่ ยงานราชการเชิญไปตามงานตา่ ง ๆ อีกด้วยทำให้มคี นให้ความสนใจในผลิตภัณฑเ์ พ่มิ มากขน้ึ ๒.2 การจัดกระบวนการเรียนรู้ กระบวนการเรียนรู้ทีเ่ กิดขึ้นในแหล่งเรียนรู้แหลมผักเบีย้ เป็นการเรียนรู้แบบ บูรณา การ โดยนำกระบวนการเรยี นรู้ที่หลากหลายทีเ่ กิดจากการมีสว่ น ร่วมของกระบวน การกลุ่ม มาประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาและ พัฒนาชุมชนซึ่งเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ทำให้ชุมชนและ ชาวบา้ นมคี วามสำคัญ และเป็นศูนย์กลางของการเรยี นรู้ โดยเน้น การลงมือปฏิบตั จิ ริงร่วมกัน ๑. วิเคราะห์สภาพปัญหาและความต้องการ ของชุมชน ต้องเข้าใจชุมชนตนเอง และคน้ หาสภาพของชุมชนท่ี เกดิ ขึน้ ในอดตี ในปจั จุบนั และอนาคต

๔๑ ๒. การค้นหาผู้นำที่มวี สิ ยั ทศั น์ เพื่อสร้างกระบวนการกลุ่มท่ีเข้มแข็ง และมีอำนาจ ในการตอ่ รองในสังคม รวมทัง้ ทำให้เกดิ กระบวนการกล่มุ ท่ยี ั่งยืน ๓. ความคาดหวังของชมุ ชนในอนาคต กลุ่มสตรีจักสานแหลมผกั เบีย้ ( ต้นธูปฤาษี ) มีเป้าหมายในการแก้ปัญหา และการพัฒนาชุมชน และมีแนวทางในการดำเนินงานอย่างชัดเจน และ เช่ือว่าคนในชมุ ชนสามารถเรียนรดู้ ้วยตนเองและพ่งึ พาตนเองได้ ๔. เน้นการปฏิบัติจริง ทำไปแก้ปัญหาไป และมีการประเมินผลการทำงาน ทกุ ขั้นตอน โดยสามารถประเมนิ คนเอง และประเมนิ กลุม่ ได้ ๕. ถอดบทเรียน / ถอดองคค์ วามรู้ ๒.3 การบรหิ ารจดั การแหลง่ เรยี นรู้ กลุ่มสตรีจักสานแหลมผักเบี้ย ( ต้นธูปฤาษี ) ได้รับความสนใจจากประชาชนทั้งภายในและ ภายนอกชุมชนอย่างมากและต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บา้ นและคณะกรรมการได้รว่ มกนั ดำเนนิ การเพ่ือจัดระบบ การบรหิ ารจัดการ ดงั น้ี ๑. มีศูนย์กลางของการเรียนรู้ คือ ศาลาปราโมทย์ หมู่ที่ ๒ ตำบลแหลมผักเบี้ย เป็นสถานที่ จดั นิทรรศการ แสดงผลิตภณั ฑ์ และบรรยายสรุป ๒. มีการมอบหมายแบง่ ภาระหน้าทีใ่ นการดแู ลกลุ่ม ในด้านอาคารสถานท่ี ดา้ นโสต ดา้ นพิธี การ/พธิ กี ร ๔. มีการประชาสมั พนั ธ์ให้มกี ารนำผลิตภณั ฑ์ สนิ ค้าในชมุ ชนมาแสดงและจำหนา่ ยกับกลุม่ ผู้มา เรยี นรู้ ๕ . มีการประสานงานก่อลว่ งหนา้ อยา่ งน้อย ๑ สัปดาห์ ๖. การออกแบบกิจกรรมใหเ้ หมาะสมกับกลุ่มเปา้ หมายท่เี ขา้ มาเรยี นรู้ ๒.4 ผลงานทเี่ กิดข้นึ - คนในชุมชนเกิดจิตสำนึก ในการพัฒนากลุ่มสตรี จักสานแหลมผักเบี้ย ( ต้นธูปฤาษี ) เกิดความตื่นตัว ความ กระตอื รือรน้ ใหค้ วามสำคญั ให้ความสนใจชมุ ชนของตนเอง โดย พยายามเข้าใจในชุมชนและเรียนรู้ปัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชนของ ตนเอง ก่อให้เกิดความรู้สึกภาคภูมิใจมองเห็นคุณค่าและเกิด ความรักและหวงแหนชมุ ชน และมีความรบั ผิดชอบของตนเอง

๔๒ - มผี ูน้ ำทีม่ ภี าวะผนู้ ำ วสิ ยั ทัศน์ และมคี วามเป็นประชาธิปไตยที่สามารถรวมกลุ่มคนใน ชุมชนให้เกิดเปน็ พลังกลมุ่ ท่ีสำคัญในชุมชน - พลังกลุ่ม กลุ่มสตรีจักสานแหลมผักเบี้ย ( ต้นธูปฤาษี ) เข้มแข็งเป็นพลังผลักดันท่ี สำคัญท่ีสรา้ งโอกาสและอำนาจใจการตอ่ รองของชุมชนต่ออำนาจรัฐหรอื กล่มุ อทิ ธพิ ล - ชุมชนพัฒนาเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ ความสำเร็จของชุมชนทำให้เกิดแรงผลักดันใน การที่จะก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ ในการที่จะพัฒนาชุมชนอย่างไม่หยุดนิ่ง มีโครงการเครือข่าย เช่อื มโยง ทเี่ สรมิ หนนุ กระบวนการกลมุ่ ให้ตอ่ เนือ่ งและย่งั ยืนต่อไป - เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง จากการปฏิบัติจริงโดยกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลาย ก่อให้เกิดเป็นการเรียนรู้แบบบูรณาการขึ้นในวิถีชีวิตของคนในชุมชน รวมทั้งสามารถประยุกต์การ เรียนรแู้ ละเทคนิคตา่ ง ๆ ในกระบวนการเรียนรูม้ าให้กบั สถานการณ์อนื่ ๆ ทเี่ กิดขน้ึ ในชมุ ชนของตน - เกดิ แหลง่ เรียนรู้ ๓. ปจั จยั ท่สี ง่ ผลตอ่ ความสำเร็จ กลุ่มสตรีจักสานแหลมผักเบี้ย ( ต้นธูปฤาษี ) ตำบลแหลมผักเบี้ย อำเภอบ้านแหลม จังหวัด เพชรบุรีมีปจั จยั ทสี่ ่งผลให้เกดิ การขบั เคลอ่ื นทำให้ผลงานประสบความสำเรจ็ ดงั ต่อไปน้ี ปัจจัยภายในชมุ ชน - ทรพั ยากรทางสังคม ทรัพยากรทางธรรมชาติ (องคค์ วามรู้ ) - แผนชุมชน - วิถีชีวติ ในชุมชน - คนในชุมชนมคี วามสามคั คี - ผนู้ ำชมุ ชน - การมีส่วนร่วมของคนในชมุ ชน ปัจจยั ภายนอก - ภาคีเครอื ขา่ ย ๔. บทบาทของ กศน. ตอ่ การสง่ เสริมการสนับสนนุ แหล่งเรยี นรู้ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย เข้าไปมีบทบาทในการจัดแหล่งเรียนรู้เป็น ผู้ประสานงาน ผสู้ ่งเสริม สนับสนนุ แหลง่ เรียนรู้ของกลุ่มสตรจี ักสานแหลมผกั เบีย้ ( ต้นธูปฤาษี ) ซ่ึงแบ่งได้ ดังน้ี

๔๓ ดา้ นการให้ความรู้ - โครงการอบรมการพัฒนาอาชีพกล่มุ จักสานผลติ ภณั ฑจ์ ากต้นธปู ฤาษี - โครงการอบรมการทำกระดาษสาจากตน้ ธูปฤาษี - การออกแบบผลิตภัณฑ์ ด้านกระบวนการ - การจัดเวทีชาวบา้ น - การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ( ศึกษาดงู าน ) - การถอดบทเรยี น - การฝกึ ปฏบิ ัตจิ รงิ ด้านส่ือ - การจดั นิทรรศการการจกั สานตน้ ธปู ฤาษี - ทำแผ่นพับ ๕. แนวทางการพฒั นาแหลง่ เรยี นรใู้ นอนาคต - รวบรวมองค์ความรู้ ( แหลง่ เรียนรกู้ ลุ่มสตรีจกั สานแหลมผกั เบยี้ ( ตน้ ธูปฤาษี )) - เผยแพรแ่ หลง่ เรียนรู้ ( ประชาสมั พันธ์ ) - ผลิตส่ือการนำเสนอแหล่งเรยี นรู้ เช่น วซี ดี ี แผน่ พบั นิทรรศการ - ขยายผลแหล่งเรียนรู้ในชุมชนอื่นๆ - มีหลกั สูตรทอ้ งถิ่น คลิป VDO เกย่ี วกบั จกั สานธปู ฤาษี

๔๔ ภาพกจิ กรรม กลมุ่ สตรจี ักสานแหลมผกั เบยี้ ( ตน้ ธปู ฤาษี ) ตำบลแหลมผกั เบ้ยี อำเภอบา้ นแหลม จงั หวดั เพชรบรุ ี

๔๕ @2 งานดา้ นจติ อาสา 2.1 เป็นชุมชนท่ไี ด้รับการยกยอ่ งวา่ เป็นชุมชนทมี่ กี ารดำเนินงานดา้ นจิตอาสา คำขวญั ประจำหมู่บ้าน หมบู่ า้ นแหง่ การเรียนรู้ ควบคู่คุณธรรม อนรุ ักษส์ ง่ิ แวดล้อม สวู่ ิถีชวี ติ แบ่งปนั เอ้ืออาทร บนพ้ืนฐานเศรษฐกจิ ชุมชนเขม้ แข็ง จากคำขวัญของชุมชน ชุมชนมกี ารดำเนนิ การดงั นี้ หมบู่ า้ นแหง่ การเรียนรู้ มีการประชุมร่วมกันกับประชาชนในหมู่บ้าน เพื่อจัดตั้งคณะทำงานด้านอื่นๆ เพิ่มเติม ซึ่งที่ ประชมุ ได้มมี ติรว่ มกันในการกำหนดเพ่ิมเตมิ ดา้ นการทำงานให้กบั คณะกรรมการหมู่บา้ นได้ดำเนินการ คือ ด้านการพัฒนาคุณภาพชุมชน ประกอบกับบ้านดอนในเป็นหมู่บ้านที่ประกอบอาชีพประมง และ เป็นหมู่บ้านที่มีพื้นที่ติดชายฝั่งทะเล ที่ประชุมจึงมีแนวคิดจัดตั้งด้านดังกล่าว เพื่อสนับสนุนส่งเสริม กิจกรรม/โครงการเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรต่าง ๆ ของชุมชน และบริหารจัดการแหล่งเรียนรู้ ภายในชมุ ชน พรอ้ มทั้งสนบั สนุนและสง่ เสริมกจิ กรรมต่าง ๆ ร่วมกับ และประสานเชื่อมโยงภาคส่วน ราชการในการสนับสนุนงบประมาณ จัดการแหล่งเรียนรู้ภายในชุมชนและสถานที่ศึกษาดูงานภายใน ชุมชน เป็นสถานที่เรียนรู้และรับการถา่ ยทอดวัฒนธรรม ประเพณี ภูมิปัญญาท้องถ่ิน อีกทั้งให้คน ชุมชนได้เห็นศักยภาพของชุมชน เกิดความรู้สึกรักชุมชนและภูมิใจในความเป็นชุมชนของตนเอง กระตุ้นให้คนในชุมชนตื่นตัวในการพัฒนาตนเอง ครอบครัวและชุมชน มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเป็นแหล่งข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาและดำเนินงานตามความต้องการ และจำเปน็ ของตนเองครอบครัว และชุมชน อาทิ การปลกู ผกั ไฮโดรโปรนิค แพปลาชมุ ชน ธนาคารปู เป็นต้น การติดต่อประสานงานทุกฝา่ ยทัง้ ภายนอกและภายในหมู่บ้าน ตลอดจนประชาชนทกุ คนท้งั ภายนอกและภายในหมู่บา้ นตามบทบาทหน้าท่ี ประชาสมั พันธบ์ อกกล่าวขา่ วสารทส่ี ำคัญของหมู่บ้าน ทุกวิถีทางเพื่อให้ประชาชนทราบทั้งเผยแพร่เอกสารประชาสัมพันธ์ เสียงตามสายด้วยวาจาและ ประสานงานหน่ายงานที่เกี่ยวข้องทั้งคณะกรรมการหมู่บ้านและคณ ะกรรมการชุมชนรวมถึงงานอื่น ตามที่ได้รับมอบหมาย ดังนี้ ประสานการประชุม การจัดเวทีประชาคม มีการประชาสัมพันธ์เสียง ตามสาย เพื่อแจ้งข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ มีการจัดทำแผ่นพับ เอกสารประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ มีการให้ ข้อมูลข่าวสารจากผู้ที่มาติดต่อทั้งที่บ้านและทางโทรศัพท์ มีการช่วยเหลือประสานงานกับหนว่ ยงาน ต่าง ๆ ทข่ี อความร่วมมือในการตดิ ตอ่ หรอื ประสานงานในส่วนทเี่ ก่ยี วขอ้ ง

๔๖ ควบคู่คุณธรรม คุณธรรมที่สง่ เสริมในชุมชนคุณธรรมทเี่ ป็นจุดเน้น มดี งั น้ี ความพอเพียง หมายถงึ ความพอเพียงในการดำเนินชวี ิตแบบทางสายกลาง มีเหตุมี ผลใช้ความรู้ ในการตัดสินใจอย่างรอบคอบ มีความพอประมาณพอดี ไม่เบียดเบียนตนเอง สังคม และสง่ิ แวดลอ้ ม ไมป่ ระมาทสร้างภมู ิค้มุ กันทดี่ ี รเู้ ท่าทนั การเปลย่ี นแปลง ความมีวินัย หมายถึง การยึดมั่นและรับผิดชอบในหน้าที่และการกระท้าของตน ทั้งวินัยและ ความรับผิดชอบต่อตนเองในการผลักดันชีวิตให้ก้าวหน้า วินัยและความรับผิดชอบต่อ ครอบครวั องคก์ ร สังคม ปฏบิ ตั ิตามจริยธรรมจรรยาบรรณและเคารพต่อกฎหมาย ความซ่ือสตั ย์ สจุ ริต หมายถงึ ความซื่อตรง ความซอื่ สตั ย์สจุ ริตยึดมั่น ยืนหยัดใน การรกั ษาความจรงิ ความถกู ตอ้ ง ความเปน็ ธรรมทั้งปวง นอกจากตนเองจะเปน็ คนซ่ือตรงแล้ว ต้อง กลา้ ปฏเิ สธการกระท้า ทไ่ี มซ่ ือ่ ตรง ไมซ่ อ่ื สัตย์ของบุคคลอนื่ ทจี่ ะทา้ ใหส้ ่วนรวมเกิดความเสยี หาย จิตอาสา คือ ความมีจิตใจที่เป็นผู้ให้ เช่น ให้สิ่งของ ให้เงิน ให้ความช่วยเหลือ ด้วยกำลังแรงกายแรงสมอ ง ซึ่งเป็นการเสียสละ สิ่งที่ตนเองมี แม้กระทั่งเวลา เพื่อเผื่อแผ่ ให้กับ ส่วนรวม..อีกทั้งยังช่วยลด\"อัตตา\"หรือความเป็นตัวเป็นตนของตนเองลงได้บ้าง \"อาสาสมัคร\" เป็น งานที่เกิดจากผู้ที่มจี ิตอาสา ซึ่งมีความหมายอย่างมาก กับสังคมส่วนรวม เป็นผู้ที่เอื้อเฟือ้ เสียสละ เวลา แรงกายแรงใจ เพอ่ื ชว่ ยเหลือผอู้ นื่ หรอื สงั คมให้เกดิ ประโยชนแ์ ละความสขุ มากข้นึ จิตสาธารณะ คือ จิตของคนที่รู้จักความเสียสละ ความร่วมมือร่วมใจ ในการทำ ประโยชน์เพื่อส่วนรวม จะช่วยลดปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคม ช่วยกันพัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อเป็น หลักการในการดำเนินชีวิต ช่วยแก้ปัญหาและสร้างสรรค์ให้เกิดประโยชน์สุขแก่สังคม เช่น การ ช่วยกันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม โดยการไม่ทิ้งขยะลงในแหล่งน้ำ การดูแลรักษาสาธารณสมบัติ เช่น โทรศัพท์สาธารณะ หลอดไฟฟ้าที่ให้ความสว่างตามถนนหนทาง แม้แต่การประหยัดน้ำ ประปา หรือไฟฟ้า ที่เป็นของส่วนรวม โดยใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่า ตลอดจนช่วยกันดูแลรักษาให้ ความชว่ ยเหลือผ้ตู กทกุ ข์ไดย้ าก หรือผู้ท่ีร้องขอความช่วยเหลอื เท่าท่จี ะทำได้ ตลอดจนรว่ มมือกระทำ เพอื่ ไม่ให้เกิดปญั หา หรือช่วยกันแก้ปัญหา

๔๗ อนรุ กั ษ์สิ่งแวดลอ้ ม สนับสนุนและส่งเสริมอนุรักษ์และรักษาทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ศิลปวฒั นธรรมและการทอ่ งเท่ียว ๑. มีการรณรงค์การเพาะขยายและแพร่พันธ์ลูกปูม้า ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือจาก ชาวประมงพื้นบ้านเป็นอย่างดีคือ หากชาวประมงคนไหนที่จับปูแล้วแต่ไข่ติดกระดองขึ้นมาด้วยจะ นำมาบริจาคให้แก่ ทางธนาคารปูเพื่อได้สลัดไข่ลงสู่บ่อเพาะฟัก เพื่อขยายพันธุ์ และปล่อยแม่ปูม้า กลับคืนสูธ่ รรมชาตหิ ลังสลัดไข่จนหมด ปจั จบุ ันทำให้มจี ำนวนปูมา้ ท่เี พิ่มข้ึนอยา่ งเห็นไดช้ ัดเจน ๒. การทำซั้งสร้างบ้านแพปลาชุมชนจากภูมิปัญญาพื้นบ้านสู่การรักษาทะเล เป็น การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดล้อมซึ่งทำเป็นประจำทุกปี ซึ่งคนในหมู่บ้านและในตำบล แหลมผักเบี้ยได้มีการจัดกิจกรรมด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่ง การสร้างจิตสำนึกแก่ชาวประมง เยาวชนพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง และได้มีการร่วมกำหนดจุดวางบ้านปลา หรือที่เราเรียกกันว่า “ซั้ง” ซึ่งชุมชนแหลมผักเบี้ยได้ทำกิจกรรมสร้างแหล่งอาศัยสัตว์น้ำวันอ่อน และปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำคืนสู่ ธรรมชาติ เพ่ือชว่ ยเพิม่ พืน้ ท่ีหลบภยั และแหลง่ อาศยั สำหรบั ฝงู สัตวน์ ้ำ และลกู ปลาวยั ออ่ น ๓. ประสานระหว่างเครือข่ายด้านสาธารณสุขในพื้นท่ีใหม้ ีการจัดการด้านสาธารณะ สุขที่ได้มาตรฐานรณรงค์ป้องกันและควบคุมโรคติดต่อภายในหมู่บ้าน มีการพัฒนาสุขาภิบาล สง่ิ แวดลอ้ มการทำความสะอาดบ้านเรือน ๔. สนับสนุนให้มีการดำเนนิ งานและแจ้งขอ้ มูลข่าวสารราชการ ให้ประชาชนทราบ เป็นประจำทั้งในการประชุมประจำเดือน หอกระจายข่าวหมู่บ้าน เช่น การป้องกันและควบคุมโรค ไข้เลอื ดออก, โรคติดเช้ือไวรสั โคโรนา 2019, โรคพษิ สขุ บา้ เปน็ ต้น