บทเสภารายวชิ าภาษาไทย ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 สามคั คีเสวก ตอน วศิ วกรรมา และสามคั คเี สวก
ผูแ้ ต่ง และลกั ษณะคาประพนั ธ์ ผแู้ ตง่ : พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หวั ลักษณะคาประพันธ์ : บทเสภา บทเสภาพัฒนามาจากการเล่านิทาน เมื่อฟัง นิทานที่เล่าเป็นร้อยแก้วกันจนเบื่อ จึงมีผู้คิดแต่งนิทาน ให้เป็นบทกลอนคล้องจองกัน ใช้ขับเป็นลานาโดยมี กรับขยบั เป็นจงั หวะ
วศิ วรกรรมา วศิ วรกรรมา (วดิ -สะ-วะ-กมั -มา) หมายถงึ พระวศิ วกรรม เทพแห่งการกอ่ สรา้ ง การศิลป์การชา่ งนานา เสวก เสวก (เส-วก) หมายถงึ ข้าราชการในราชสานกั
บทเสภา ตอนท่ี 1 : กจิ การแหง่ พระนนที ตอนท่ี 2 : กรนี ริ มติ สามคั คีเสวก ตอนที่ 3 : วิศวกรรมา ตอนที่ 4 : สามคั คีเสวก
บทเสภา ตอนที่ 1 : กจิ การแหง่ พระนนที สามัคคเี สวก กจิ การแห่งพระนนที กล่าวสรรเสริญพระนนที ผู้เป็นเทพ เสวก เวลาพระอิศวรจะเสด็จไปไหน พระนน ทีก็จะแปลงเป็นโคอุสุภราชให้ประทับ ถือ เปน็ การแสดงตวั อยา่ งของเสวกท่ีดี
บทเสภา ตอนท่ี 2 : กรีนิรมิต สามคั คเี สวก กรีนริ มติ กล่าวสรรเสริญพระคเณศ ผู้เป็น เทพเจ้าแห่งศิลปวิทยา และเป็นผู้สร้างช้าง ตระกูลต่าง ๆ ในแผ่นดินเพื่อประดับพระยศ ของพระมหากษัตรยิ ์
บทเสภา ตอนที่ 3 : วิศวกรรมา สามคั คีเสวก วิศวกรรมา กล่าวสรรเสริญพระวิศวกรรม ผู้เป็น เทพเจา้ แหง่ การกอ่ สร้างและการช่างนานาชนิด กลา่ วถึงความสาคัญของศลิ ปะท่มี ีต่อชาติ
บทเสภา ตอนที่ 4 : สามคั คเี สวก สามัคคเี สวก สามัคคเี สวก ก ล ่ า ว ถึ ง ก า ร ส ม า น ส า มั ค คี ใ น ห มู่ ข ้ า ร า ช ก า ร ผู ้ ส ว า มิ ภั ก ดิ ์ ใ ต ้ เ บื ้ อ ง ยุ ค ล บ า ท จงรักภักดี ซื่อตรง และขยันต่อการงาน ให้ รกั ษาเกียรติของขา้ ราชการอยา่ ให้เส่ือมเสยี
บทท่ศี ึกษา รายวิชาภาษาไทย ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 2 ตอนที่ 3 : วศิ วกรรมา ตอนที่ 4 : สามคั คเี สวก
บทเสภาสามคั คเี สวก ตอนท่ี 3 วิศวกรรมา
วศิ วกรรมา บทเสภาสามคั คเี สวก ตอน วศิ วกรรมา อนั ชาตใิ ดไร้ศานติสขุ สงบ ต้องมวั รบราญรอนหาผ่อนไม่ ณ ชาตนิ นั้ นรชนไมส่ นใจ ในศิลปะวไิ ลละวาดงาม แต่ชาติใดรุง่ เรืองเมืองสงบ วา่ งการรบอรพิ ลอันล้นหลาม ยอ่ มจานงศลิ ปาสงา่ งาม เพือ่ อรา่ มเรืองระยับประดับประดา ถอดคาประพนั ธ์ ประเทศใดที่แผ่นดินมีแต่ศึกสงคราม ไม่มีความสงบสุข ประชาชนในประเทศนั้นย่อมไม่สนใจความงดงามของศิลปะ แต่ หากชาติใดสงบสุข ปราศจากสงคราม ประชาชนก็จะหันมา ทานุ บารุงงานด้านศลิ ปกรรมให้เจรญิ รงุ่ เรือง
วิศวกรรมา บทเสภาสามคั คีเสวก ตอน วิศวกรรมา อันชาตใิ ดไร้ช่างชานาญศิลป์ เหมอื นนารินไรโ้ ฉมบรรโลมสง่า ใครใครเห็นไมเ่ ป็นที่จาเริญตา เขาจะพากันเยย้ ให้อบั อาย ศลิ ปกรรมนาใจให้สรา่ งโศก ชว่ ยบรรเทาทกุ ข์ในโลกใหเ้ หอื ดหาย จาเรญิ ตาพาใจให้สบาย อกี ร่างกายกจ็ ะพลอยสุขสราญ ถอดคาประพนั ธ์ ชาติใดที่ไม่มีช่างศิลป์ก็เปรียบเสมือนผู้หญิงที่ไร้ความงาม ไม่เปน็ ทีถ่ กู ใจของใคร มแี ต่จะถูกเยาะเย้ยให้อับอาย ศิลปะนั้น ช่วยทาให้จิตใจคลายเศร้าโศก ช่วยทาให้ความทุกข์หมดไป เมื่อได้เห็นสิ่งสวยงาม จิตใจก็มีความสุข ส่งผลให้ร่างกาย แขง็ แรง
วศิ วกรรมา บทเสภาสามคั คเี สวก ตอน วิศวกรรมา แม้ผใู้ ดไม่นยิ มชมสงิ่ งาม เมือ่ ถงึ ยามเศร้าอรุ านา่ สงสาร เพราะขาดเคร่อื งระงับดับราคาญ โอสถใดจะสมานซึ่งดวงใจ เพราะการชา่ งนส้ี าคญั อนั วเิ ศษ ทุกประเทศนานาทั้งนอ้ ยใหญ่ จงึ ยกย่องศลิ ปะกรรม์น้ันทวั่ ไป ศรวี ิไลวลิ าศดเี ปน็ ศรเี มือง ถอดคาประพนั ธ์ หากใครไมเ่ ห็นคุณค่าความงามของศิลปะ เมื่อเผชิญความทุกข์ กไ็ มม่ สี ่ิงใดมาเป็นยาช่วยรักษาบาดแผลทางใจได้ เพราะความรู้ทาง ช่างศิลป์ นานาอารยประเทศจึงนิยมยกย่องคุณค่าของศิลปะ ว่าเปน็ เกียรติยศ เปน็ ความรุง่ เรืองของแผน่ ดนิ
วศิ วกรรมา บทเสภาสามัคคเี สวก ตอน วิศวกรรมา ใครดูถกู ผู้ชานาญในการช่าง ความคดิ ขวางเฉไฉไม่เขา้ เรือ่ ง เหมอื นคนปา่ คนไพรไม่ร่งุ เรือง จะพูดด้วยนนั้ ก็เปลอื งซึง่ วาจา แตก่ รงุ ไทยศรวี ไิ ลทนั เพอื่ นบ้าน จึง่ มีช่างชานาญวิเลขา ทงั้ ชา่ งปัน้ ช่างเขียนเพียรวิชา อีกช่างสถาปนาถูกทานอง ถอดคาประพนั ธ์ คนที่ไม่เห็นคุณค่าหรือความงามของศิลปะก็เหมือนคนป่า ป่วยการอธิบาย พูดด้วยก็เปลืองน้าลายเปล่า แต่ประเทศไทย ของเรานั้นเห็นคุณค่าของงานศิลป์ จึงมีช่างศิลป์หลากหลาย ท้งั ช่างปน้ั ชา่ งเขียน ช่างก่อสรา้ ง
วศิ วกรรมา บทเสภาสามคั คีเสวก ตอน วศิ วกรรมา ทง้ั ชา่ งรปู พรรณสวุ รรณกจิ ช่างประดิษฐร์ ชั ดาสงา่ ผอ่ ง อีกช่างถมลายลักษณะจาลอง อีกช่าชองเชิงรัตนะประกร ควรไทยเราช่วยบารงุ วชิ าชา่ ง เครอ่ื งสาอางแบบไทยสโมสร ช่วยบารุงชา่ งไทยใหถ้ าวร อย่าใหห้ ย่อนกว่าเขาเราจะอาย ถอดคาประพันธ์ ช่างทองรูปพรรณ ช่างเงิน ช่างถม และช่างอัญมณี (นอกจากนยี้ ังมชี า่ งในแขนงอื่น ๆ อีก เรียกว่า ช่างสิบหมู่) ชาวไทยควรช่วยส่งเสริมงานช่างศิลป์เหล่านี้ให้ก้าวหน้า รงุ่ เรือง อย่าให้น้อยหนา้ กว่านานาประเทศ
วศิ วกรรมา บทเสภาสามัคคเี สวก ตอน วิศวกรรมา อนั ผองชาตไิ พรชั ชา่ งจัดสรร เปน็ หลายอยา่ งต่างพรรณเขา้ มาขาย เราตอ้ งซื้อหลากหลากและมากมาย ตอ้ งใช้ทรพั ยส์ ุรุ่ยสุรา่ ยเปน็ กา่ ยกอง แมพ้ วกเราชาวไทยตั้งใจชว่ ย เอออานวยชา่ งไทยให้ทาของ ช่างคงใฝ่ใจผูกถกู ทานอง และทาของงามงามข้ึนตามกาล ถอดคาประพันธ์ ชาวต่างชาติมักนาสินค้าต่าง ๆ (ราคาแพง) เข้ามาขาย ในไทยทาให้สิ้นเปลืองเงินมาก แต่ถ้าชาวไทยหันมา อุดหนุนผลงานของช่างไทย ฝีมือของช่างชาวไทยก็จะยิ่ง พัฒนาย่ิงข้ึน
บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน วิศวกรรมา วิศวกรรมา เราช่วยชา่ งเหมือนอย่างช่วยบ้านเมือง ใหป้ ระเทอื งเทศไทยอันไพศาล สมเป็นเมอื งใหญโ่ ตมโหฬาร พอไมอ่ ายเพ่ือนบา้ นจง่ึ จะดี ถอดคาประพันธ์ การช่วยสนับสนุนงานศิลปกรรมก็เหมือนกับการช่วยพัฒนา ชาติให้เจริญรุ่งเรืองสมกับเป็นเมืองที่เจริญแล้ว ไม่น้อยหน้า ประเทศเพ่อื นบ้าน ช่างศิลปะไทยจงึ เทา่ กบั ได้ช่วยพัฒนาชาติให้ เจริญอย่างถาวรทดั เทยี มนานาประเทศ
วศิ วกรรมา เกร็ดความรูช้ า่ งสบิ หมู่ 1. หมู่ช่างเขียน เป็นงานแม่บทในกระบวนช่าง ท้งั หลาย จะตอ้ งอาศยั การเขยี น 2. หมู่ช่างแกะ หรือช่างแกะสลัก ทั้งยังหมายรวม ไปถึงชา่ งเงนิ ชา่ งทองและชา่ งเพชรพลอยอกี ดว้ ย 3. ช่างหุ่น เป็นช่างที่ทาสร้างให้เป็นตัวหรือเป็น รปู ร่างขนึ้ มา 4. หมู่ช่างปั้น ช่างปั้นจะมีความสัมพันธ์กับช่างปูน ชา่ งหล่อเป็นอย่างมาก และผลงานช่างปั้นก็มักจะออกมาในรูป ของผลงานของช่างทั้ง 2 หมู่ 5. หมู่ช่างปูน ลักษณะงานของช่างปูนจะมีทั้งงาน ซ่อมและงานสร้าง ช่างปูนจะแบ่งออกเป็นพวกปูนก่อ พวก ปูนฉาบ และพวกปนู ป้นั
วิศวกรรมา เกรด็ ความรชู้ ่างสบิ หมู่ 6. หมชู่ ่างรกั คือ การลงรกั ปดิ ทองเป็นข้ันสดุ ทา้ ย 7. หมู่ช่างบุ เป็นช่างตีแผ่ให้เป็นแผ่นแบน ๆ ซึ่ง อาจจะแบนออกมาเป็นรปู ตา่ ง ๆ หรือเปน็ แผ่นแบนธรรมดากไ็ ด้ 8. หมู่ช่างกลึง งานของช่างในหมู่ช่างกลึงนี้จะเป็นการ กลงึ ใหก้ ลมและผิวเรยี บแล้ว ยังรวมไปถึงการประดับตกแต่งสิ่ง ท่ีกลงึ แลว้ อกี ดว้ ย 9. หมู่ช่างสลัก เป็นการสลักเสลาให้สวยงาม จึงต้องมี ความประณตี บรรจง 10. หมู่ช่างหล่อ งานหล่อของไทยจึงเน้นหนักไปใน การหลอ่ พระพุทธรูป
บทเสภาสามคั คเี สวก ตอนท่ี 4 สามคั คเี สวก
สามคั คเี สวก บทเสภาสามคั คีเสวก ตอน สามัคคเี สวก ประการหนึ่งพงึ คิดในจติ ม่ัน ว่าทรงธรรมเ์ หมือนบดิ าบังเกิดหวั ควรเคารพยาเยงและเกรงกลัว ประโยชน์ตัวนึกน้อยหนอ่ ยจะดี ควรนึกว่าบรรดาข้าพระบาท ลว้ นเป็นราชบริพารพระทรงศรี เหมอื นลกู เรืออยใู่ นกลางหวา่ งวารี จาตอ้ งมีมิตรจติ รสนทิ กัน ถอดคาประพนั ธ์ สิ่งหนึ่งที่เราควรมีไว้ในจิตใจ คือ พระเจ้าแผ่นดินเปรียบเสมือนพ่อ บังเกิดเกล้าที่เราควรเกรงใจและเคารพนับถือ เราไม่ต้องเห็นแก่ประโยชน์ ส่วนตัวมากเกินไป ควรนึกว่าพวกเราก็เป็นข้ารับใช้ของพระเจ้าแผ่นดินคน หนึ่ง เหมอื นลูกเรือที่อย่ใู นเรือกลางทะเลจาเปน็ ที่จะต้องมคี วามสามัคคีตอ่ กัน
สามัคคเี สวก บทเสภาสามคั คีเสวก ตอน สามคั คเี สวก แม้ลกู เรือเชอื่ ถอื ผเู้ ป็นนาย ต้องมุ่งหมายชว่ ยแรงโดยแขง็ ขัน คอยต้งั ใจฟังบังคบั กปั ปติ ัน นาวานั้นจ่งึ จะรอดตลอดทะเล แมล้ กู เรืออวดดีมีทิฐิ และเรมิ่ รเิ ฉโกยุ่งโยเส เม่ือคลื่นลมแรงจดั ซัดโซเซ เรอื จะเหลร่ ะยาคว่าไป ถอดคาประพนั ธ์ ถ้าลูกเรือเชื่อฟังกัปตันก็จะต้องช่วยกัปตันอย่างแข็งขัน ต้องตั้งใจฟัง คาสั่งของกัปตันเรือก็จะรอดไปถึงจุดหมาย แต่ถ้าลูกเรือไม่เชื่อฟังกัปตันและ เรม่ิ แตกคอกนั เวลาคลื่นลมแรงเรอื กจ็ ะโคลงเคลง ตอ่ มาเรอื ก็จะจม
สามคั คเี สวก บทเสภาสามคั คีเสวก ตอน สามคั คเี สวก แม้ต่างคนต่างเถียงเกี่ยงแก่งแย่ง นายเรอื จะเอาแรงมาแต่ไหน แมไ้ ม่ถอื เครง่ คงตรงวินัย เม่อื ถึงคราวพายใุ หญจ่ ะครวญคราง นายจะส่งั ส่ิงใดไม่เขา้ จติ จะต้องตดิ ตันใจใหข้ ัดขวาง จะยุ่งแล้วย่งุ เลา่ ไม่เข้าทาง เรือกค็ งอับปางกลางสาคร ถอดคาประพันธ์ ถ้าลูกเรือมัวแต่ทะเลาะกัน กัปตันก็จะไม่มีกาลังมาต่อสู้ ถ้าไม่เคร่งครัด ต่อกฎระเบียบเวลาท่เี กิดภัยอะไรขนึ้ จะเดอื ดรอ้ น กปั ตันสั่งอะไรก็ไม่ฟังพอถึง เวลากม็ ีข้อขัดแย้งต่อมาก็จะเกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้น ในที่สุดเรือก็จะล่มกลาง ทะเล
สามคั คเี สวก บทเสภาสามัคคเี สวก ตอน สามัคคีเสวก ถึงเสวที ่ีเปน็ ข้าฝา่ พระบาท ไมค่ วรขาดความสมัครสโมสร ในพระราชสานกั พระภูธร เหมือนเรือแล่นสาครสมุทรไทย เหล่าเสวกตกทก่ี ะลาสี ควรคดิ ถงึ หนา้ ท่ีนัน้ เป็นใหญ่ รกั ษาตนเคร่งคงตรงวินัย สมานใจจงรักพระจกั รี ถอดคาประพนั ธ์ เป็นข้าราชการไม่ควรขาดความสามัคคีปรองดองกัน เหตุการณ์ใน พระราชสานกั ก็เปรียบเสมอื นเรอื ทีแ่ ล่นอยตู่ ามทะเลมหาสมุทร เหล่าข้าราชการ ในราชสานักกเ็ หมอื นเป็นกะลาสีควรนึกถึงหน้าที่เป็นหลัก มีระเบียบวินัยและ จงรกั ภักดตี อ่ พระเจา้ แผ่นดิน
บทเสภาสามัคคเี สวก ตอน สามคั คีเสวก สามคั คเี สวก ไม่ควรเลอื กทรี่ ักมกั ทช่ี ัง สามคั คเี ป็นกาลงั พลังศรี ควรปรองดองในหมรู่ าชเสวี ใหส้ มที่รว่ มพระเจ้าเราองค์เดียว ถอดคาประพันธ์ ไม่ควรแยกฝา่ ยเลอื กทีจ่ ะเคารพเชอื่ ฟงั ใคร ควรทจ่ี ะสามัคคีปรองดองกัน ใหส้ มกบั ทม่ี พี ระเจ้าแผ่นดินพระองค์เดยี วกนั
สามคั คเี สวก บทเสภาสามัคคเี สวก ตอน สามัคคีเสวก ถึงเสวที ่ีเปน็ ข้าฝา่ พระบาท ไมค่ วรขาดความสมัครสโมสร ในพระราชสานกั พระภูธร เหมือนเรือแล่นสาครสมุทรไทย เหล่าเสวกตกทก่ี ะลาสี ควรคดิ ถงึ หนา้ ท่ีนัน้ เป็นใหญ่ รกั ษาตนเคร่งคงตรงวินัย สมานใจจงรักพระจกั รี ถอดคาประพนั ธ์ เป็นข้าราชการไม่ควรขาดความสามัคคีปรองดองกัน เหตุการณ์ใน พระราชสานกั ก็เปรียบเสมอื นเรอื ทีแ่ ล่นอยตู่ ามทะเลมหาสมุทร เหล่าข้าราชการ ในราชสานักกเ็ หมอื นเป็นกะลาสีควรนึกถึงหน้าที่เป็นหลัก มีระเบียบวินัยและ จงรกั ภักดตี อ่ พระเจา้ แผ่นดิน
คุณค่าด้านเนอื้ หา ตอน วศิ วกรรมา แก่นของเรื่อง คือ การเตือนให้เห็นคุณค่าของศิลปกรรมที่ทาให้ จิตใจมีความสุขและส่งผลให้ร่างกายแข็งแรง และการสนับสนุนผลงาน ของศลิ ปนิ ไทย อันชาตใิ ดไรช้ ่างชานาญศลิ ป์ เหมือนนารินไร้โฉมบรรโลมสงา่ ใครใครเหน็ ไมเ่ ป็นทีจ่ าเริญตา เขาจะพากนั เย้ยใหอ้ บั อาย ศิลปกรรมนาใจให้สร่างโศก ชว่ ยบรรเทาทกุ ขใ์ นโลกใหเ้ หือดหาย จาเริญตาพาใจใหส้ บาย อกี รา่ งกายกจ็ ะพลอยสขุ สราญ
คณุ ค่าดา้ นเนอื้ หา ตอน สามคั คเี สวก แก่นของเรื่อง คือ ข้าราชการต้องพร้อมใจกันในการปฏิบัติหน้าท่ี มีระเบียบวินัย มีความสามัคคีปรองดอง เพราะข้าราชการเป็นพลังสาคัญใน การผลกั ดนั ประเทศชาติ เหล่าเสวกตกท่กี ะลาสี ควรคดิ ถงึ หน้าทีน่ น้ั เป็นใหญ่ รกั ษาตนเครง่ คงตรงวนิ ัย สมานใจจงรกั พระจักรี ไม่ควรเลอื กที่รักมักท่ีชงั สามคั คีเป็นกาลังพลังศรี ควรปรองดองในหมู่ราชเสวี ให้สมท่ีรว่ มพระเจ้าเราองค์เดยี ว
คณุ คา่ ด้านวรรณศิลป์ การเล่นคา เชน่ จะพูดด้วยน้ันกเ็ ปลอื งซึง่ วาจา - เหมือนคนปา่ คนไพรไมร่ ุ่งเรือง ชา่ งประดิษฐร์ ัชดาสงา่ ผ่อง - ทั้งช่างรปู พรรณสวุ รรณกจิ การเล่นเสยี งพยญั ชนะ เช่น ตอ้ งมัวรบราญรอนหาผอ่ นไม่ - อันชาติใดไร้ศานตสิ ขุ สงบ ชว่ ยบรรเทาทุกขใ์ นโลกให้เหือดหาย - ศิลปกรรมนาใจให้สร่างโศก การเลน่ เสียงสระ เชน่ โอสถใดจะสมานซง่ึ ดวงใจ - เพราะขาดเคร่ืองระงบั ดบั ราคาญ ความคิดขวางเฉไฉไมเ่ ขา้ เรอ่ื ง - ใครดถู กู ผูช้ านาญในการช่าง
คณุ คา่ ดา้ นวรรณศิลป์ การใช้ภาพพจนอ์ ุปมา โดยเฉพาะตอนสามคั คีเสวก เปรยี บเทียบดังนี้ - ประเทศชาติให้เปน็ เรอื ลาใหญท่ ่กี าลงั แลน่ อยู่กลางทะเล - พระมหากษตั ริยท์ รงเปน็ ผู้นาเปรียบไดก้ ับกปั ตนั เรอื - เหลา่ เสวกหรอื ข้าราชการทง้ั หลายเปรียบไดก้ บั กะลาสีเรือ ควรนกึ ว่าบรรดาข้าพระบาท ลว้ นเป็นราชบรพิ ารพระทรงศรี เหมอื นลกู เรืออยใู่ นกลางหว่างวารี จาต้องมีมติ รจิตรสนทิ กัน แมล้ กู เรอื เชอ่ื ถือผู้เปน็ นาย ต้องมุ่งหมายชว่ ยแรงโดยแข็งขัน คอยตั้งใจฟังบังคับกัปปิตนั นาวาน้ันจงึ่ จะรอดตลอดทะเล
คุณค่าดา้ นวรรณศิลป์ การแตกศัพท์ คือ การนาศัพท์คาหนึ่งมาแตกให้เป็นหลายคา โดยมี การเปลี่ยนแปลงรูปเล็กน้อย และยังมีความหมายใกล้เคียงกับความหมายเดิมมากที่สุด เพือ่ ใหเ้ กดิ ความไพเราะในบทประพันธ์ “ศิลป์” แตกศัพท์เป็น ศิลปี ศิลปะ ศิลปา ศิลปกรรม ศิลปะกรรม์ ซึ่งมี ความหมายวา่ ศิลปะ เหมอื นกนั ทกุ คา การหลากคา คือ การใช้คาศัพทท์ ี่มีความหมายเหมอื นกนั หรอื คาไวพจน์ เชน่ “พระมหากษตั ริย์” ใช้คาวา่ ทรงธรรม์พระทรงศรี พระภธู ร พะจักรี “ข้าราชบรพิ าร” ใชค้ าว่า ขา้ พระบาทเสวี ขา้ ฝา่ พระบาทเสวก ราชเสวี
คุณคา่ ดา้ นสงั คม สะทอ้ นใหเ้ ห็นคา่ นิยมและวฒั นธรรมไทย ดังนี้ 1. วัฒนธรรมการปกครองโดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ของประเทศชาติ 2. คา่ นิยมของคนไทยที่ยกย่องข้าราชการ เพราะถือว่าเป็นอาชีพ ที่มีเกียรติ ผู้คนยกย่องนับถือ ดังนั้นข้าราชการจึงควรตระหนักในหน้าท่ี ของตนเองและซ่ือสตั ย์สุจริตในการทางาน
ความรูท้ ่ไี ดร้ บั ประเทศชาติเปรียบเสมือนเรือที่กาลังเดินทาง ในมหาสมุทรต้องฝ่าอปุ สรรคตา่ ง ๆ และประคับประคอง ให้ถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย ต้องร่วมมือร่วมแรงกัน โดยเฉพาะข้าราชบริพารตอ้ งรกั สามคั คปี รองดองกัน
ข้อคดิ นาชีวติ - ทกุ คนควรมีความรกั และความสามัคคตี ่อกัน - การทางานใด ๆ ตอ้ งมคี วามรับผดิ ชอบ - ข้าราชบริพารต้องรักษาวินัย จงรักภักดีต่อ พระมหากษตั ริย์ - ไม่ควรเลอื กปฏบิ ตั ิตอ่ ฝา่ ยใดฝ่ายหน่ึง
คาศพั ท์ 1. กปั ปิตัน นายเรอื นา่ รู้ 2. เฉโก ฉลาดแกมโกง 3. ทรงธรรม์ พระมหากษัตรยิ ์ จากเรอ่ื ง 4. นาวา เรอื 5. สาคร แมน่ ้า 6. อัปปาง ล่ม จม แตก 7. ทิฐิ อวดดอ้ื ถือดี 8. เสวก ขา้ ราชการในราชสานกั 9. กะลาสี ลกู เรอื 10. ราชเสวี ข้าราชการ
Search
Read the Text Version
- 1 - 35
Pages: