ตำนานวงั หนา้ ๑๒๓ เปน็ ทป่ี ระดษิ ฐานพระบรมอฐั ิ โปรดใหท้ ำตทู้ องทผ่ี นงั ดา้ นในเรยี งกนั ๓ ตู้ แลว้ เชญิ พระบรมอฐั พิ ระบาท สมเด็จ ฯ พระพุทธเลิศหล้านภาลัย จากหอพระอัฐใิ นพระบวรราชวังมาประดิษฐานไว้ที่ตู้ฝ่ายตะวันออก พระอัฐิสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินีไว้ตู้ฝ่ายตะวันตก พระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้า เจา้ อยหู่ วั ไวต้ ใู้ หญท่ อ่ี ยกู่ ลาง ทำเพดานและอฒั จนั ทรส์ ำหรบั ตง้ั เครอ่ื งบชู าไวต้ รงทป่ี ระดษิ ฐานพระบรมอฐั นิ น้ั ครน้ั เมอ่ื กรมพระราชวงั บวรวไิ ชยชาญทวิ งคต พระบาทสมเดจ็ ฯ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั โปรดใหเ้ ชญิ พระอัฐิประดิษฐานไว้ กับพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวด้วยกัน และต่อมาเสด็จ ขึ้นไปวังหน้า ทอดพระเนตรเห็นพระที่นั่งอิศเรศรราชานุสรชำรุดทรุดโทรม ได้โปรดให้ปฏิสังขรณ์ให้คืนดี ทว่ั ทง้ั พระทน่ี ง่ั ครง้ั ๑ พระที่นั่งบวรบริวัติ เป็นของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างค้างไว้ พระบาท สมเดจ็ ฯ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงสรา้ งเปน็ ทป่ี ระทบั ตอ่ มา ดงั กลา่ วมาแลว้ ตอนทส่ี รา้ งพระทน่ี ง่ั บวรบรวิ ตั ิ มีประตูและกำแพงกั้นเป็นบริเวณหนึ่งต่างหาก เป็นแต่ต่อติดกับบริเวณพระที่นั่งอิศเรศรราชานุสร ศาลาและสวนที่สร้างในบริเวณพระที่นั่งบวรบริวัติเป็นอย่างจีนทั้งสิ้น พระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จ พระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว คงจะทรงจัดเป็นอย่างจีนบริเวณ ๑ เป็นอย่างฝรั่งบริเวณ ๑ มาแต่เดิม เขา้ ใจวา่ คงจะเปน็ ทส่ี ำหรบั เสดจ็ ออกประพาสฝา่ ยใน ตวั พระทน่ี ง่ั บวรบรวิ ตั เิ ปน็ เกง๋ จนี ยาว ๕ หอ้ ง ๒ ชน้ั ชั้นบนเมื่อพระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จไปประทับ มีแต่ห้องพระบรรทมห้อง ๑ ห้องที่ประทับห้อง ๑ พระเจ้าลูกเธอที่ไปตามเสด็จเสด็จอยู่ชั้นล่าง เล่ากันมาว่า พระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวไม่โปรดพระที่นั่งบวรบริวัติ ว่าหันหน้ารับแดดตะวันตกร้อนนัก จึงโปรดให้สร้าง พระที่นั่งขึ้นใหม่อีกองค์ ๑ ต่อไปข้างเหนืออยู่ชิดกำแพงวัง ให้หันหน้ามาข้างใต้ แต่การสร้างพระที่นั่ง หลงั นค้ี า้ งอยจู่ นสน้ิ รชั กาล มาถงึ ครง้ั กรมพระราชวงั บวรวไิ ชยชาญ พอเสรจ็ งานพระราชพธิ อี ปุ ราชาภเิ ษก แล้ว ก็เสด็จมาประทับอยู่ชั้นต่ำพระที่นั่งบวรบริวัติ จนสร้างพระที่นั่งสาโรชรัตนประพาสแล้วเสด็จไปอยู่ ทน่ี น้ั แลว้ ทพ่ี ระทน่ี ง่ั บวรบรวิ ตั ชิ น้ั ตำ่ ยงั ใชเ้ ปน็ หอ้ งพระสมดุ และเปน็ ทเ่ี สดจ็ ออกฝา่ ยในมาจนทวิ งคต เมื่อกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญประชวรจะทิวงคตนั้น เสด็จไปประทับอยู่ที่พระตำหนักริมป้อม เสอื ซอ่ นเลบ็ แขวงจงั หวดั สมทุ ปราการ ประชวรพระอาการหนกั ลง จงึ เชญิ เสดจ็ กลบั มากรงุ เทพ ฯ มาพกั อยทู่ ช่ี น้ั ตำ่ พระทน่ี ง่ั บวรบรวิ ตั ไิ ดห้ นอ่ ยหนง่ึ กท็ วิ งคต๑ ๑ เสด็จทวิ งคตเม่ือวันศกุ รท์ ่ี ๒๘ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๔๒๘
๑๒๔ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ พระทน่ี ง่ั สาโรชรตั นประพาส คอื พระทน่ี ง่ั ทพ่ี ระบาทสมเดจ็ ฯ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงสรา้ ง ค้างไว้ กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญทรงสร้างต่อจนสำเร็จ เป็นตึกขนาดย่อม ๒ ชั้น ยาว ๕ ห้อง ทำอยา่ งฝรง่ั มเี ฉลยี งโถงขา้ งดา้ นหนา้ ขา้ งชน้ั บนพอเปน็ หอ้ งพระบรรทมหอ้ ง ๑ กบั หอ้ งทป่ี ระทบั หอ้ ง ๑ กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญจึงทรงสร้างศาลาโถงเครื่องไม้เป็นชั้นเดียว ต่อออกมาข้างหน้าเป็นที่ประทับ สำราญพระอริ ยิ าบถหลงั ๑ กลา่ วกนั วา่ ประทบั อยทู่ ศ่ี าลานโ้ี ดยมาก ขา้ งศาลาทำสวนปลกู ไมด้ อกและมี น้ำพุอ่างเลี้ยงปลา มีกำแพงกั้นบริเวณพระที่นั่งสาโรชรัตนประพาสเป็นส่วนหนึ่งต่างหาก จากบริเวณ พระทน่ี ง่ั บวรบรวิ ตั จิ ดั เปน็ ทร่ี โหฐาน พระทน่ี ง่ั ตำหนกั นำ้ ๔ องค์ เรยี กวา่ ตำหนกั แพวงั หนา้ ซง่ึ สรา้ งครง้ั พระบาทสมเดจ็ พระปน่ิ เกลา้ เจ้าอยู่หัวนั้น หลังกลางเป็น ๒ ชั้นมีฝา หันหน้ามุขลงแม่น้ำ และมีมุขโถงต่อจากหลังกลาง ขน้ึ ขา้ งเหนอื มขุ ๑ ลงขา้ งใตม้ ขุ ๑ ขา้ พเจา้ ผแู้ ตง่ หนงั สอื นไ้ี มเ่ คยขน้ึ ไปดจู นกระทง่ั รอ้ื เสยี เมอ่ื ในรชั กาลท่ี ๕ จงึ ไมส่ ามารถจะพรรณนาไดล้ ะเอยี ดกวา่ น้ี พระราชมนเทยี รและสถานทต่ี า่ ง ๆ ในพระราชวงั บวรสถานมงคลอนั ปรากฏอยใู่ นแผนท่ี ทพ่ี มิ พผ์ นกึ ไวใ้ นสมดุ เลม่ น้ี พรรณนามาแตส่ ง่ิ สำคญั และสง่ิ ซง่ึ สามารถจะทราบเรอ่ื งราวไดโ้ ดย เคยรเู้ คยเหน็ เองบา้ ง สบื ถามผมู้ อี ายทุ ท่ี ราบเรอ่ื งราวมาแตก่ อ่ นเลา่ ใหฟ้ งั บา้ ง ประกอบกบั ความ สนั นษิ ฐานตามเหตผุ ลดงั ไดอ้ ธบิ ายไว้ ยงั มสี ง่ิ ซง่ึ ทราบเรอ่ื งราวไมไ่ ด้ ดว้ ยหมดตวั ผรู้ เู้ หน็ เสยี แลว้ ก็มาก เห็นว่าถ้าไม่มีใครเขียนเรียบเรียงบันทึกลงไว้เสีย ยิ่งนานไปเรื่องตำนานวังหน้าก็ยิ่งจะ สญู หายหมดไปทกุ ที ดว้ ยเหตนุ ข้ี า้ พเจา้ จงึ ไดล้ องเรยี บเรยี งลงไว้ ถา้ มวี ปิ ลาสพลาดพลง้ั ไปบา้ งอยา่ งไร ขอทา่ นทง้ั หลายจงใหอ้ ภยั เทอญ
ตำนานวงั หนา้ ๑๒๕ เทศนาบวรราชประวัติ สมเดจ็ พระวนั รตั (ทบั ) วดั โสมนสั วหิ าร๑ ถวายทว่ี งั หนา้ ในงานสมโภชพระนครครบร้อยปี เทวเม ภกิ ข์ เว ปคุ ค์ ลา ทลุ ล์ ภา โลกสั มึ กตเม เทว โย จ ปพุ พ์ การี โย จ กตญั ญ์ กู ตเวที อเิ มโข ภกิ ข์ เว เทว ปคุ ค์ ลา ทลุ ล์ ภา โลกสั มนิ ต์ ิ ฯ บัดนี้สมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า ทรงพระปรารภซึ่งพระบรมญาติที่สวรรคตสิ้นพระชนม์ ล่วงไปแล้ว คือกรมพระราชวังบวร ฯ ๓ พระองค์ และพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว และ กรมหลวงเทพหริรักษ์ กรมหลวงพิทักษ์มนตรี กรมขุนอิศรานุรักษ์ กรมขุนอนัคฆนารี ๘ พระองค์นี้ ให้เป็นอารัมมณูปัตติเหตุ จึงได้ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลมีทานมัยเป็นต้น ทรงอุทิศกัลปนาผลให้เป็น บุพเปตพลี ทักษิณานุปทานส่วนญาติสงเคราะห์ครั้งนี้ ตามสมควรแก่ปฏิบัติของโบราณบัณฑิตย์ในวงศ์ กรรมวาทกี ริ ยิ วาที ข้อที่สมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลญาติสังคหะนี้ ก็สำเร็จด้วย อำนาจพระปญั ญาบารมซี ง่ึ ทรงพระราชดำริ ในพระกตญั ญตุ า กตเวทติ าคณุ สมบตั เิ ปน็ บพุ ภาค จงึ ไดท้ รง พระอุตสาหะบำเพ็ญพระราชกุศลบุพเปตพลี ทักษิณานุปทานส่วนญาติสังคหะดังนี้ บุคคลที่สันดานดี เปน็ กตญั ญกู ตเวทนี ้ี เปน็ มนษุ ยรตั นผวู้ เิ ศษหาไดด้ ว้ ยยากยง่ิ นกั ในโลก เพราะเหตนุ น้ั สมเดจ็ พระสคุ ตทศพลเจา้ จึงตรัสเทศนาแก่ภิกษุสงฆ์ดังนี้ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้วิเศษสองจำพวกนี้เป็นบุคคลหาได้ ดว้ ยยากในโลก บคุ คลสองจำพวกนน้ั เปน็ ไฉน บคุ คลใดไดท้ ำอปุ การคณุ ไวแ้ กผ่ อู้ น่ื กอ่ น คอื สงเคราะหด์ ว้ ย สง่ั สอนใหร้ ศู้ ลิ ปศาสตรแ์ ละวชิ าตา่ ง ๆ กด็ ี หรอื ใหเ้ รอื กสวนไรน่ าทรพั ยส์ มบตั พิ สั ดสุ ง่ิ ของใด ๆ กด็ ี หรอื สรา้ ง พระนครตามสถานทพ่ี กั ทอ่ี าศยั ใด ๆ กด็ ี ใหเ้ ปน็ ประโยชนแ์ กญ่ าตสิ าโลหติ และประชมุ ชนซง่ึ เกดิ ในภายหลงั บคุ คลผนู้ ช้ี อ่ื วา่ บพุ การี ทำอปุ การคณุ ไวแ้ กผ่ อู้ น่ื เปน็ ผวู้ เิ ศษหาไดด้ ว้ ยยากในโลก บคุ คลผใู้ ดไดร้ อู้ ปุ การคณุ ที่ท่านได้ทำไว้แล้วแก่ตนว่าท่านผู้นี้มีคุณแก่เรา ก็สนองคุณแทนคุณท่านให้ประชุมชนได้เห็นชัด ส่อแสดงซึ่งคุณสมบัติของตนให้ปรากฏ บุคคลผู้นี้ชื่อว่า กตัญญูกตเวที รู้คุณแทนคุณท่านให้ปรากฏแก่ มหาชน เป็นผู้วิเศษหาได้ด้วยยากในโลก บุคคลผู้วิเศษสองจำพวก คือบุพการีและกตัญญูกตเวทีนี้ สมเด็จพระผู้ทรงพระภาคย์ ทรงตรัสสรรเสริญว่าเป็นผู้วิเศษหาได้ด้วยยากยิ่งนักในโลกด้วยประการฉะนี้ ๑ สมเด็จพระวันรัต (ทับ พุทฺธสิริ) เจ้าอาวาสองค์แรกของวัดโสมนัสวิหาร อุปบัติ พ.ศ. ๒๓๕๙ มรณภาพ ๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๓๔
๑๒๖ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ เพราะว่าสัตว์ทั้งหลายย่อมประกอบไปด้วยอวิชชาและตัณหากล้าหนานักในสันดาน มุ่งหาแต่ประโยชน์ ตนภายเดียว ไม่เหลียวแลดูผู้อื่นเลยโดยมาก อนึ่งนรชาติใดมาระลึกถึงอุปการคุณของบุญกุศลที่ตนได้ ทำไวแ้ ลว้ วา่ มคี ณุ ใหญย่ ง่ิ มากนกั นำเอาสขุ สมบตั มิ าใหต้ ามประสงคไ์ ดท้ กุ อยา่ ง ประหนง่ึ ขมุ ทรพั ยอ์ นั ประเสรฐิ กไ็ มป่ ระมาทแทนคณุ บญุ กศุ ลนน้ั คอื กอ่ สรา้ งบำเพญ็ ใหท้ วยี ง่ิ ๆ ขน้ึ ไป นรชาตนิ ก้ี ช็ อ่ื วา่ กตญั ญู กตเวที รคู้ ณุ แทนคณุ ของบญุ กศุ ลหาไดด้ ว้ ยยากในโลก อนง่ึ กตญั ญกู ตเวทบี คุ คลน้ี พระองคก์ ท็ รงตรสั สรรเสริญว่าเป็นสัปปุรุษตั้งอยู่ในธรรมของสัปปุรุษ ว่าเป็นรัตนให้เกิดความยินดีอย่างหนึ่ง ยากที่จะเกิด จะมขี น้ึ ในโลก ประหนง่ึ คชรตั นอสั สรตั นเปน็ ตน้ อนั หาไดด้ ว้ ยยากยง่ิ นกั ฉะนน้ั อนง่ึ กตญั ญกู ตเวทติ าคณุ น้ี พระองค์ก็ทรงตรัสว่าเป็นภูมิของสัปปุรุษและเป็นอปริหานิยธรรม เป็นเหตุให้เจริญยิ่ง ๆ แห่งความสุข และสมบัติฝ่ายเดียว ก็ซึ่งสมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า ดำรงอยู่ในกตัญญูกตเวทิตาคุณ จึงได้ทรงพระอุตสาหบำเพ็ญพระราชกุศลบุพเปตพลีญาติสังคหะนี้ ได้ชื่อว่าทรงสถิตในสัปปุริสภูมิและ อปรหิ านยิ ธรรม ควรเปน็ ทต่ี ง้ั แหง่ ศภุ อรรถอฏิ ฐวบิ ลุ ผล ดงั พระราชหฤทยั ประสงคท์ กุ ประการ บดั นจ้ี ะไดร้ บั พระราชทานถวายวสิ ชั นาในโบราณวงศป์ ระวตั ขิ องกรมพระราชวงั บวรฯ ๓ พระองค์ และพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ ๔ โดยสังเขป สนองพระเดชพระคุณตามพระราช ประสงค์ เพื่อให้เกิดภาวนามัยกุศลอันพิเศษ คือมรณสติและอนิจจสัญญาซึ่งเป็นทางพระนฤพาน ก็ในโบราณวงศ์ประวัติของกรมพระราชวังบวร ฯ พระองค์ซึ่งเป็นปฐมในรัชกาลที่ ๑ นั้น ดำเนินความ โดยสงั เขปดงั นว้ี า่ ครน้ั เมอ่ื จลุ ศกั ราช ๑๑๔๔ ปขี าลจตั วาศก พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลก ได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติปราบดาภิเษกเป็นปฐมบรมมหาราชาธิราชพระเจ้าแผ่นดินใหญ่ในสยามรัฐ มหาชนบทนแ้ี ลว้ จงึ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ให้สมเดจ็ พระอนชุ าธริ าชเจา้ ดำรงในทอ่ี ปุ ราชกรมพระราช วงั บวรสถานมงคล ใหร้ บั อปุ ราชาภเิ ษกตามโบราณจารตี ราชประเพณกี ษตั ราธริ าชเจา้ แตก่ อ่ นมา ครน้ั สมเดจ็ พระอนชุ าธริ าช ไดด้ ำรงในทอ่ี ปุ ราช กรมพระราชวงั บวร ฯ แลว้ จงึ มพี ระราชบณั ฑรู ดำรสั สง่ั ใหส้ ถาปนา พระราชวงั ขน้ึ ใหม่ ใกลบ้ รุ าณคามคฤหสถานทเ่ี ดมิ เปน็ พระบวรราชวงั แลว้ จงึ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ตั้งแต่งเสนามาตย์ราชบริพารให้มียศศักดิฐานันดร ตามสมควรแก่ความชอบโดยลำดับ ครั้นกาลล่วงมา ภายหลงั กรมพระราชวงั บวร ฯ ทรงพระราชศรทั ธาดำรสั สง่ั ใหส้ ถาปนาพระอารามขน้ึ ใหม่ พระราชทานนาม ว่าวัดตองปุ อาราธนาพระสงฆ์รามัญมาอยู่ให้พระมหาสุเมธาจารย์เป็นเจ้าอาราม ครั้งหนึ่งพระองค์ มีพระราชบัณฑูรดำรัสสั่งให้ปฏิสังขรณว์ ัดสลัก ให้ทำพระอุโบสถวิหารการบุเรียนและพระมณฑปขึ้นใหม่ แลว้ ใหก้ อ่ พระเจดยี บ์ รรจุพระบรมธาตไุ วภ้ ายในพระมณฑป กอ่ พระระเบยี งลอ้ มรอบแลว้ สรา้ งเสนาสนะกฎุ ี
ตำนานวงั หนา้ ๑๒๗ ฝากระดานถวายพระสงฆ์ แล้วให้ก่อตึกสามหลังถวายพระวันรัตผู้เจ้าอาวาส แล้วทรงพระราชทานนาม วา่ วดั นพิ พานาราม ครง้ั หนง่ึ มพี ระบรมราชโองการดำรสั สง่ั สมเดจ็ พระอนชุ าธริ าชกรมพระราชวงั บวร ฯ ให้เสด็จไปสถาปนายกพระมณฑปพระพุทธบาท สมเด็จพระอนุชาธิราชกรมพระราชวังบวร ฯ ก็เสด็จ พระราชดำเนนิ โดยทางชลมารควถิ ี ถงึ ทป่ี ระทบั ทา่ เจา้ สนกุ จงึ มพี ระราชบณั ฑรู ดำรสั สง่ั ใหเ้ กณฑข์ า้ ราชการ ขนตัวไม้เครื่องบนพระมณฑปขึ้นไปยังเขาพระพุทธบาท ส่วนพระองค์ก็ทรงพระอุตสาหด้วยกำลังพระราช ศรัทธา เสด็จพระราชดำเนินด้วยพระบาท ทรงยกตัวลำยองเครื่องบนพระมณฑปตัวหนึ่งด้วยพระหัตถ์ ขน้ึ ประดษิ ฐานเหนอื พระองั สา ทรงแบกดว้ ยพระองค์ เสดจ็ พระราชดำเนนิ โดยสถลมารควถิ ี ใหต้ ง้ั ขาหยง่ั และพลบั พลาไว้ ณ ทป่ี ระทบั ครน้ั เสดจ็ ถงึ กท็ รงวางตง้ั ตวั ไมไ้ วบ้ นขาหยง่ั แลว้ เสดจ็ ขน้ึ ประทบั บนพลบั พลา นน้ั ทรงประทบั ในระหวา่ ง ๆ อยา่ งนโ้ี ดยลำดบั จนถงึ เขาพระพทุ ธบาท ดว้ ยอำนาจกำลงั พระราชศรทั ธา ทรงพระอตุ สาหะ มไิ ดค้ ดิ แกล่ ำบากพระกาย ดว้ ยพระราชประสงคจ์ ะใหเ้ ปน็ พระราชกศุ ลอนั พเิ ศษไพศาล ครั้นเสด็จถึงเขาพระพุทธบาทแล้ว จึงรับสั่งให้นายช่างยกเครื่องบนและยอดโดยลำดับ ให้จับการลงรัก ปดิ ทองประดบั กระจกแลว้ ใหท้ ำพระมณฑปนอ้ ยกน้ั รอยพระพทุ ธบาท ภายในพระมณฑปใหญ่ เสาทง้ั ๔ กบั ทง้ั เครอ่ื งบน และยอดพระมณฑปนอ้ ย ลว้ นแผท่ องคำหมุ้ ทง้ั สน้ิ การพระมณฑปใหญน่ อ้ ยสำเรจ็ บรบิ รู ณ์ แลว้ กเ็ สดจ็ กลบั ยงั กรงุ เทพพระมหานคร ขน้ึ เฝา้ สมเดจ็ พระบรมเชษฐาธริ าชเจา้ กราบทลู ถวายพระราชกศุ ล ในกาลเมื่อสำเร็จพระมณฑปนั้น จุลศักราช ๑๑๕๐ ปีวอกสัมฤทธิศก อนึ่ง เมื่อกัตติบุรณมีดิถีเพ็ญ เดือน ๑๒ ในปีวอกสัมฤทธิศกนั้น สมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชเจ้า ทรงอาราธนาให้พระสงฆ์ราชาคณะ ฐานานกุ รม เปรยี ญ อนจุ ร รวม ๒๑๘ รปู กบั ราชบณั ฑติ ยาจารย์ ๓๒ คน สนั นบิ าตประชมุ กนั ในอโุ บสถ วดั พระศรสี รรเพชดาราม ชำระพระไตรปฎิ กซง่ึ นบั เนอ่ื งเขา้ ในนวมะสงั คายนายนน้ั สมเดจ็ พระอนชุ าธริ าช กรมพระราชวงั บวร ฯ กไ็ ดช้ ว่ ยสมเดจ็ พระบรมเชษฐาธริ าชเจา้ เปน็ ศาสนปู ถมั ภก จนสำเรจ็ การสงั คายนา นั้น ครั้งหนึ่งสมเด็จพระอนุชาธิราชกรมพระราชวังบวร ฯ เสด็จไปปราบปรามอริราชไพรี คือ พม่าข้าศึก ซง่ึ มาลอ้ มเมอื งเชยี งใหมอ่ ยนู่ น้ั ครน้ั มชี ยั ชนะแกอ่ รริ าชไพรแี ลว้ จงึ เสดจ็ ไปประทบั ณ พลบั พลาหนา้ เมอื ง เชียงใหม่ พระเจ้าเชียงใหมอ่ อกมาถวายบังคมทูลแถลงกิจราชการเสร็จสิ้นทุกประการแล้ว จึงทูลถวาย พระพุทธรูปพระพุทธสิหิงค์องค์หนึ่ง พระองค์จึงมีพระราชบัณฑูรดำรัสสั่ง ให้พนักงานเชิญพระพุทธรูป พระสิหิงค์นั้น ขึ้นประดิษฐานบนหลังคชสารกับพระไชยนำเสด็จมา ส่วนพระองค์ก็เสด็จพระราชดำเนิน ทพั หลวงกลบั มายงั กรงุ เทพมหานคร ครง้ั หนง่ึ สมเดจ็ พระอนชุ าธริ าชกรมพระราชวงั บวร ฯ พรอ้ มดว้ ยมขุ มาตยานกิ ร เสดจ็ ยาตราพยหุ ทัพหลวงจะไปปราบปรามภุกามปัจจามิตร ซึ่งมาย่ำยีเขตแดนด้านอุตรทิศประเทศเชียงใหม่ ครั้นดำเนิน
๑๒๘ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ กองทพั ไปถงึ เมอื งเถนิ กท็ รงประชวรดว้ ยโรคขดั พระบงั คนเบาใหม้ พี ษิ รอ้ น ตอ้ งเสดจ็ ลงแชอ่ ยใู่ นชลประเทศ จะเสด็จไปเมืองเชียงใหม่ก็ยังมิได้ จึงมีพระราชบัณฑูรดำรัสสั่งให้นายทัพนายกองคุมพลนิกรล่วงไปก่อน ครั้นพระอาการที่ทรงพระประชวรนั้นค่อยคลายแล้ว ก็เสด็จพระราชดำเนินกองทัพหลวงขึ้นไป ณ เมือง เชียงใหม่ ครั้นถึงเมืองเชียงใหม่แล้วก็ทรงปราบปรามอริราชไพรีให้เรียบร้อยเป็นปรกติแล้วก็เสด็จกลับยัง กรุงเทพมหานคร ครั้นถึงอาสาฬหมาส พระโรคก็กลับกำเริบกล้าขึ้น สมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชเจ้า กเ็ สดจ็ พระราชดำเนนิ ไปเยย่ี มประชวร ณ พระราชวงั บวร ฯ ครน้ั ถงึ กตั ตกิ มาสพธุ วารกาฬปกั ขดถิ ที ่ี ๔ เพลา ยามหนง่ึ กบั ๕ บาท สมเดจ็ พระอนชุ าธริ าชกรมพระราชวงั บวร ฯ กเ็ สดจ็ สวรรคตลว่ งไป พระองคป์ ระสตู ิ เมอ่ื เดอื น ๑๑ ขน้ึ คำ่ หนง่ึ วนั พฤหสั บดี ปกี นุ เบญจศก จลุ ศกั ราช ๑๑๐๕ ขณะเมอ่ื รบั พระอปุ ราชาภเิ ษก นั้น พระชนม์ได้ ๓๘ พรรษา ได้ดำรงอยู่ในตำแหน่งกรมพระราชวังบวร ฯ ๒๑ พรรษา กับ ๔ เดือน ๕ วนั รวมพระชนมไ์ ด้ ๖๐ พรรษากบั เดอื นหนง่ึ พระองคไ์ ดท้ รงสถาปนาวดั สลกั วดั ๑ พระราชทาน นามว่า วัดนิพพานาราม เมอ่ื ทำสังคายนานั้นพระราชทานนามใหม่ว่าวดั ศรสี รรเพชดาราม ครั้นกาลล่วง มาถึงเดือนยี่ปีกุน เมื่อพระสงฆ์ประชุมกันแปลหนังสือ พระราชทานนามใหม่อีกว่าวัดมหาธาตุ บุรณ วัดตองปวุ ัด ๑ พระราชทานนามว่า วัดชนะสงคราม บุรณวัดสามเพ็งวัด ๑ อุทิศถวายสมเด็จพระบรม ชนกาธิบดี พระราชทานนามว่า วัดประทุมคงคา รวมเป็นสามวัด สิ้นความในโบราณวงศ์ประวัติของ กรมพระราชวงั บวร ฯ พระองคซ์ ง่ึ เปน็ ปฐมในรชั กาลท่ี ๑ โดยสงั เขปแตเ่ ทา่ น้ี ในโบราณวงศป์ ระวตั ขิ องกรมพระราชวงั บวร ฯ ท่ี ๒ ในรชั กาลท่ี ๑ นน้ั ดำเนนิ ความโดยสงั เขป ดงั นว้ี า่ ครน้ั สมเดจ็ พระอนชุ าธริ าชกรมพระราชวงั บวร ฯ ซง่ึ เปน็ ปฐมสวรรคตลว่ งไปแลว้ จงึ มพี ระบรมราช โองการโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร ขึ้นประดิษฐานในทีอ่ ุปราช กรมพระราชวังบวรสถานมงคล ให้รับอุปราชาภิเษกตามโบราณจารีตราชประเพณี เป็นลำดับมา แล้วจึง ทรงพระกรุณาโปรดให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าพระองค์น้อย ซึ่งเป็นกรมหลวงเสนานุรักษ์ ให้รับ ที่พระบัณฑูรน้อย ครั้งนั้นเสนามาตย์ราชบริพารทั้งหลายจะกราบทูลพระกรุณา ก็ออกพระนามว่า พระบณั ฑรู ใหญ่ พระบณั ฑรู นอ้ ย เทา่ นน้ั ครน้ั กาลลว่ งมาถงึ ปมี ะเสง็ เอกศก จลุ ศกั ราช ๑๑๗๑ เดอื น ๙ แรม ๑๓ คำ่ วนั พฤหสั บด๑ี เพลาราตรี สมเด็จ ฯ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ซึ่งเป็นปฐมบรมธรรมิกมหาราชาธิราชเสด็จสวรรคตแล้ว ครั้นรุ่งขึ้นวันที่ ๒ กรมพระราชวังบวร ฯ กับสมเด็จพระอนุชาธิราชพระบัณฑูรน้อย พร้อมด้วยพระบรม ๑ ตรงกับวันที่ ๗ กันยายน พ.ศ. ๒๓๕๒
ตำนานวงั หนา้ ๑๒๙ วงศานวุ งศฝ์ า่ ยหนา้ ฝา่ ยใน เสดจ็ ไปโสรจสรงพระบรมศพดว้ ยอทุ กวารี แลว้ ทรงเครอ่ื งปลิ นั ทนาภรณส์ ำหรบั พระบรมศพพระเจ้าแผ่นดินใหญ่เสร็จแล้ว จึงเชิญเข้าสู่พระลองเงินแล้วประกอบพระโกศทองคำจำหลัก ลายกุดั่นประดับพลอยนพรัตน์ แล้วเชิญขึ้นประดิษฐานบนพระยานุมาศ ตั้งขบวนแห่ไปประดิษฐาน ณ พระทน่ี ง่ั ดสุ ติ มหาปราสาทดา้ นมขุ ปจั ฉมิ ทศิ ประดบั ดว้ ยมหาเศวตฉตั รและเครอ่ื งสงู ตง้ั เครอ่ื งตน้ และ เครื่องราชูปโภคเฉลิมพระเกียรติยศตามบุรพราชประเพณีพระบรมศพพระเจ้าแผ่นดินใหญ่ครั้งพระนคร ศรีอยุธยา ฉะนั้น ครั้นกรมพระราชวังบวร ฯ ซึ่งดำรงที่พระบัณฑูรใหญ่ได้สำเร็จราชการแผ่นดินแล้ว กเ็ สดจ็ ประทบั แรมอยู่ ณ พระทน่ี ง่ั จกั รพรรดพิ มิ าน ครน้ั ถงึ เพลาบพุ พณั หสมยั สายณั หสมยั เสดจ็ พระราช ดำเนนิ ไปถวายบงั คมพระบรมศพ ถวายไทยธรรม พระสงฆส์ ดปั กรณ์ ครั้นถึงเดือน ๑๐ ขึ้น ๙ ค่ำ วันอังคาร ได้อุดมฤกษ์แล้ว จึงพระราชวงศานุวงศ์เสนาบดี และสมเด็จพระสังฆราช และพระราชาคณะผู้ใหญ่ผู้น้อย พร้อมกันเชิญเสด็จกรมพระราชวังบวร ฯ ขน้ึ เถลงิ ถวลั ยราชสมบตั ปิ ราบดาภเิ ษก เปน็ บรมมหาราชาธริ าชพระเจา้ แผน่ ดนิ ใหญ่ ในสยามรฐั มหาชนบทน้ี ทรงพระนามวา่ สมเดจ็ ฯ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั สน้ิ ความในโบราณวงศป์ ระวตั ขิ องกรมพระราชวงั บวร ฯ ท่ี ๒ ในรชั กาลท่ี ๑ โดยสงั เขปแตเ่ ทา่ น้ี ในโบราณวงศป์ ระวตั ขิ องกรมพระราชวงั บวร ฯ ท่ี ๓ ในรชั กาลท่ี ๒ นน้ั ดำเนนิ ความโดยสงั เขปวา่ เมื่อสมเด็จ ฯ พระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้เถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นบรมมหาราชาธิราชแล้ว จึงทรงพระ กรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหส้ มเดจ็ พระอนชุ าธริ าชเจา้ เจา้ ฟา้ กรมหลวงเสนานรุ กั ษ์ รบั พระบณั ฑรู นอ้ ยนน้ั ดำรง ในที่อุปราช กรมพระราชวังบวรสถานมงคล ให้รับอุปราชาภิเษกตามโบราณจารีตราชประเพณี กษัตราธิราชเจ้าแต่ก่อนมา อยู่มา ณ กาลครั้งหนึ่ง มีอริราชไพรีคือพม่าข้าศึกมาย่ำยีพระราชอาณาเขต ทางหัวเมืองปักษ์ใต้ฝ่ายทะเล ๔ ตำบล คือ เมืองชุมพร เมืองตะกั่วทุ่ง เมืองตะกั่วป่า เมืองฉลาง สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั จงึ มพี ระบรมราชโองการโปรดเกลา้ ฯ ใหส้ มเดจ็ พระอนชุ าธริ าช กรมพระราชวงั บวร ฯ เสดจ็ ยกพยหุ โยธาทพั หลวงไปปราบปรามปจั จามติ รทม่ี ายำ่ ยเี ขตแดนเหลา่ นน้ั ครน้ั กองทพั ไปถงึ เมอื งชมุ พร แล้วก็ได้สู้รบกับพม่าข้าศึกเป็นสามารถ ด้วยเดชะอำนาจบุญฤทธิ์ พวกพม่าปัจจามิตรที่มาย่ำยีเขตแดน ทง้ั ๔ ตำบลเหลา่ นน้ั กป็ ราชยั พา่ ยแพห้ นไี ป แลว้ จบั ไดพ้ มา่ ทต่ี กคา้ งอยู่ ณ เมอื งชมุ พรบา้ ง เมอื งตะกว่ั ปา่ บ้าง ส่งเข้ามายังกรุงเทพมหานคร แล้วทรงพระกรุณาโปรดให้พระยาจ่าแสนยากร อยู่รักษาเมืองชุมพร ส่วนพระองค์ก็เสด็จกลับยังกรุงเทพมหานคร ครั้นถึงแล้วจึงขึ้นเฝ้าสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชเจ้า ทูลแถลงราชกิจการสงครามให้ทรงทราบทุกประการ ครั้นอยู่มาในอปรภาคสมัย ก็ทรงพระประชวรไข้พิษ
๑๓๐ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ พระอาการมาก จนถงึ บนพระองคว์ า่ จะทรงผนวช ครน้ั พระโรคเสอ่ื มคลายหายเปน็ ปรกตแิ ลว้ กไ็ ดท้ รงผนวช เสดจ็ ประทบั อยู่ ณ วดั มหาธาตปุ รุ ณะ ๗ ทวา แลว้ กล็ าผนวชในปมี ะเมยี โทศก๑ นน้ั เมอ่ื จลุ ศกั ราช ๑๑๗๖ ในเดอื น ๕ นน้ั สมเดจ็ พระบรมเชษฐาธริ าชเจา้ ทรงพระราช ดำรเิ หน็ วา่ ทางลดั ทต่ี น้ โพธนิ น้ั กรมพระราชวงั บวร ฯ ในรชั กาลพระบาทสมเดจ็ ฯ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกลงไปทำยงั คา้ งอยู่ จะเปน็ ทไ่ี วใ้ จแกก่ ารศกึ สงครามทางทะเลมไิ ด้ จะตอ้ งทำเสยี ใหส้ ำเรจ็ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระอนุชาธิราชกรมพระราชวังบวร ฯ ไปเป็นแม่การ แบ่งเอาแขวงกรุงเทพ ฯ และแขวงเมืองสมุทรปราการต่อกัน สร้างเป็นเมืองขึ้นทีป่ ากลัดนั้น พระราชทานนามวา่ เมอื งนครเขอ่ื นขนั ธ์๒ ยกเอาครวั รามญั เมอื งปทมุ ธานี พวกพระยาเจง่ ๓ ลงไป ตง้ั อยู่ มชี ายฉกรรจส์ ามรอ้ ยคน ครอบครวั ดว้ ย แลว้ สรา้ งปอ้ มสามปอ้ ม กบั ปอ้ มเกา่ ปอ้ มหนง่ึ บรรจบเปน็ ๔ ปอ้ ม แลว้ สรา้ งขา้ งฝง่ั ตะวนั ออกอกี ๕ ปอ้ ม บรรจบเปน็ ๙ ปอ้ มดว้ ยกนั แล้วให้ชักกำแพงถึงกัน ข้างหลังเมืองก็ให้มีกำแพงล้อมรอบ ตั้งยุ้งฉาง พลับพลา ศาลาไว้ เครอ่ื งสาตราวธุ และตกึ ดนิ มพี รอ้ มทกุ ประการ แลว้ ใหท้ ำสายโซล่ กู ทนุ่ ไวส้ ำหรบั จะไดข้ งึ กนั สรู้ บกบั ขา้ ศกึ ทม่ี าทางทะเล และทรงสรา้ งพระอารามขน้ึ ในเมอื งพระอารามหนง่ึ พระราชทานนามวา่ วดั ทรงธรรม โรงพระอโุ บสถเปน็ เครอ่ื งไมฝ้ ากระดาน แลว้ โปรดใหเ้ อาสมงิ ธอมา บตุ รพระยาเจง่ ซึ่งเป็นพระยาพระราม น้องเจ้าพระยามหาโยธา มาตั้งเป็นพระยานครเขื่อนขันธ์ผู้รักษาเมือง แล้วตั้งแต่งกรมการพร้อมทุกตำแหน่ง ครั้นสร้างเมืองนครเขื่อนขันธ์เสร็จแล้ว ก็เสด็จกลับยัง กรุงเทพมหานคร ขึ้นเฝ้าสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชเจ้า ทูลแถลงกิจราชการที่ได้สร้างเมือง นครเขอ่ื นขนั ธเ์ สรจ็ สน้ิ ทกุ ประการ ครั้นอยู่มา ณ กาลภายหลัง ทรงพระประชวรพระยอดที่พระที่นั่งโปรดให้แพทย์ผ่า พระโรคก็ยิ่ง กำเริบมีพิษกล้าไม่เสื่อมถอย ครั้นถึงจุลศักราช ๑๑๗๙ ปีฉลูนพศก เดือนแปดอุตราสาธ ขึ้นสามค่ำ วนั พธุ ๔ เพลา ๕ โมงเชา้ กบั แปดบาท พระองคก์ เ็ สดจ็ สวรรคต ณ พระทน่ี ง่ั วายสุ ถานอมเรศร์ พระองค์ ประสตู จิ ลุ ศกั ราชได้ ๑๑๓๕ ปมี ะเสง็ เบญจศก เดอื นหา้ ขน้ึ เจด็ คำ่ วนั จนั ทร์ ๕ ขณะเมอ่ื ไดร้ บั อปุ ราชาภเิ ษกนน้ั ๑ จ.ศ. ๑๑๗๒ พ.ศ. ๒๓๕๓ ๒ ปัจจุบันคืออำเภอพระประแดง จงั หวดั สมทุ รปราการ ๓ ตน้ สกลุ คชเสนี ๔ ตรงกับวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๓๖๐ ๕ ตรงกบั วันท่ี ๓๐ มีนาคม กอ่ นเถลิงศกใหม่ ๒ วนั จึงควรเปน็ จ.ศ. ๑๑๓๔ ปีมะโรงจัตวาศก
ตำนานวงั หนา้ ๑๓๑ พระชนมไ์ ด้ ๓๖ พรรษากบั ๔ เดอื น ๒๐ วนั ไดด้ ำรงอยใู่ นตำแหนง่ กรมพระราชวงั บวร ฯ ๗ พรรษา กับ ๑๑ เดือน รวมสิริพระชนม์ได้ ๔๔ พรรษา พระองค์ได้ทรงสถาปนาวัดลิงขบทีบ่ างจากวัด ๑ พระราชทานนามว่าวัดบวรมงคล วดั ประโคนวัด ๑ พระราชทานนามว่าวัดดุสิตาราม กับวัดทรงธรรม ทเ่ี มอื งนครเขอ่ื นขนั ธว์ ดั ๑ รวมสามวดั สน้ิ ความในโบราณวงศป์ ระวตั ขิ องกรมพระราชวงั บวร ฯ (พระองค์ ท่ี ๓ ) ในรชั กาลท่ี ๒ โดยสงั เขปแตเ่ ทา่ น้ี ในโบราณวงศป์ ระวตั ขิ องกรมพระราชวงั บวร (ท่ี ๔ ) ในรชั กาลท่ี ๓ นน้ั ดำเนนิ ความโดยสงั เขป ดงั นว้ี า่ กาลเมอ่ื พระบาทสมเดจ็ ฯ พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ไดเ้ ถลงิ ถวลั ยราชสมบตั ิบรมราชาภเิ ษก เปน็ พระเจา้ แผน่ ดนิ ใหญใ่ นสยามรฐั มหาชนบทนแ้ี ลว้ จงึ ไดท้ รงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ให้พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมหมน่ื ศักดิพลเสพ ซึ่งเป็นพระราชปิตุฉา ประดิษฐาน ณ ตำแหน่งที่อุปราช กรมพระราชวังบวรสถานมงคล ให้รับอุปราชาภิเษกตามโบราณจารีตราชประเพณีกษัตราธิราชเจ้าแต่ก่อนมา และกรมพระราชวังบวร ฯ พระองค์นี้ มีพระหฤทัยประกอบด้วยศรัทธาและเมตตากรุณาเป็นอันมาก ได้ทรงถวายนิตยภัตแก่เปรียญ สามประโยค ที่ยังไม่มีนิตยภัต เดือนละตำลึง ที่แปลได้สองประโยค พระราชทานเดือนละสามบาท ที่แปลได้ประโยคหนึ่ง พระราชทานเดือนละกึ่งตำลึง และทรงพระราชทานจีวรสมณะบริขารแก่ภิกษุ ทม่ี าไลป่ าฏโิ มกขไ์ ด้ และทรงบรจิ าคพระราชทรพั ยจ์ า้ งอาจารยบ์ อกปรยิ ตั ใิ นพระบวรราชวงั และทรงคดิ สรา้ ง ตาลปตั รเลอ่ื มถวายเปรยี ญเปน็ ตวั อยา่ งมา ครน้ั กาลลว่ งมาถงึ ปจี ออฐั ศก๑ ฝา่ ยขา้ งมลาประเทศ เจา้ อนุผคู้ รองนครศรสี ตั นาคนหตุ เมอื ง เวยี งจนั ทน์ เปน็ คนอกตญั ญมู จี ติ คดิ ประทษุ รา้ ย เปน็ ขบถตอ่ พระบาทสมเดจ็ ฯ พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ๆ จงึ มพี ระบรมราชโองการโปรดเกลา้ ฯ ใหก้ รมพระราชวงั บวร ฯ เปน็ แมท่ พั ถอื อาญาสทิ ธย์ิ กพยหุ ทพั หลวง พรอ้ มดว้ ยเสนานกิ รใหญน่ อ้ ยทง้ั ปวงเสดจ็ โดยชลมารค สถลมารควถิ ี ครน้ั ถงึ เมอื งเวยี งจนั ทนแ์ ลว้ ไดป้ ราบ ปรามหมูข่ บถลาวอริราชไพรีในมลาประเทศให้สงบเรียบร้อยแล้ว โปรดให้ข้าราชการเข้าไปค้นหาพระบาง ก็หายไปหาไม่พบ ได้ทราบข่าวว่าข้าพระเอาไปฝังเสีย ได้แต่ พระรัศมี พระศุกร พระไส พระแส้คำ พระแกน่ จนั ทน์ พระสรงนำ้ พระเงนิ หลอ่ พระเงนิ บุ รวม ๘ พระองค์ แตจ่ ะเอาลงมากรงุ เทพมหานคร ได้แต่พระแส้คำองค์หนึ่ง ได้พระบรมธาตุบรรจุไว้ในพระแส้คำนั้นหลายร้อยพระองค์ กับไดพ้ ระฉนั ผลสมอ หน้าตัก ๑๐ นิ้วองค์ ๑ พระนากสวาดใหญ่หน้าตัก ๑๐ นิ้วองค์ ๑ พระนากสวาดเล็กหน้าตัก ๘ นิ้ว องค์ ๑ พระนาคปรกศิลาหน้าตัก ๕ นิ้วองค์ ๑ และพระที่ส่งมากรุงเทพ ฯ มิได้นั้น ก็ให้ก่อพระเจดีย์ ๑ จ.ศ. ๑๑๘๘ พ.ศ. ๒๓๖๙
๑๓๒ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ ณ ค่ายหลวงเมืองพันพร้าว เหนือวัดซึ่งสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงสร้างไว้ เมื่อครั้ง เสดจ็ ไปตีเวยี งจนั ทน์ครง้ั กอ่ น ฐานกวา้ ง ๕ วา สงู ๘ วา ๒ ศอก บรรจพุ ระพทุ ธรปู ทเ่ี ชญิ ลงมา ไมไ่ ดน้ น้ั ไวเ้ ปน็ ทส่ี กั การบชู า ครน้ั กอ่ เจดยี เ์ สรจ็ แลว้ จงึ พระราชทานนามวา่ พระเจดยี เ์ จา้ ปราบเวยี ง และใหจ้ ารกึ นามไวท้ พ่ี ระเจดยี น์ น้ั ดว้ ย แลว้ พระองคก์ ท็ รงพระปรารภการทจ่ี ะเสดจ็ กลบั ยงั กรงุ เทพมหานคร จึงมีพระราชบัณฑูรดำรัสสั่งให้ส่งตัวราชบุตร เจ้าสุวรรณ ซึ่งจับไว้ได้นั้น ให้ข้าราชการคุมตัวลงมายัง กรงุ เทพมหานครกอ่ น แลว้ โปรดใหพ้ ระยาราชสภุ าวด๑ี อยจู่ ดั แจงกวาดตอ้ นครอบครวั พวกลาวเสยี ใหเ้ รยี บรอ้ ย แล้วพระราชทานอาญาสิทธิ์การสงคราม และขุนนางทั้งวังหน้าวังหลวงตามแต่ชอบใจ ให้เลือกไว้ตาม ปรารถนา ครน้ั พระองคด์ ำรสั สง่ั พระยาราชสภุ าวดเี สรจ็ แลว้ พระองคก์ เ็ สดจ็ พระราชดำเนนิ กองทพั หลวง กลับจากเมืองศรีสัตนาคนหุตเวียงจันทน์ มาประทับแรมอยู่ ณ เมืองนครราชสีมา ได้ปฏิสังขรณ์กำแพง เมืองนครราชสีมา ที่พวกเจ้าอนุทำลายเสียด้านหนึ่งให้บริบูรณ์ขึ้นใหม่ และขุดคูรอบนอกกำแพงเมือง นครราชสมี า ใหก้ วา้ งลกึ กวา่ ของเกา่ เปน็ ปรกตแิ ลว้ จงึ มพี ระราชบณั ฑรู ดำรสั สง่ั พระยาอรา่ ม ใหเ้ ปน็ แมก่ อง ปฏิสังขรณ์พระอารามในกำแพงเมืองนครราชสีมาขึ้นใหม่ ๒ พระอารามเสร็จแล้ว ก็เสด็จกลับยัง กรงุ เทพมหานคร ครน้ั ถงึ แลว้ ขน้ึ เฝา้ สมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทลู แถลงกจิ ราชการสงคราม ใหท้ รงทราบ ทุกประการเสร็จแล้ว จึงทูลเสนอความชอบในการสงครามให้พระยาราชสุภาวดี ครั้งนั้นเจ้าพระยา อภยั ภธู รคมุ กองทพั ไปถงึ เมอื งพนั พรา้ ว กถ็ งึ แกอ่ สญั กรรม พระเจา้ อยหู่ วั จงึ ทรงพระกรณุ าโปรด ฯ ใหม้ ที อ้ งตรา ขน้ึ ไปตง้ั พระยาราชสภุ าวดเี ลอ่ื นยศขน้ึ ไป ใหเ้ ปน็ ทเ่ี จา้ พระยาราชสภุ าวดที ส่ี มหุ นายก (แลว้ โปรดใหพ้ ระสรุ ยิ ภกั ดี เลอ่ื นเปน็ ทพ่ี ระราชวรนิ ทร)์ ดว้ ยมคี วามชอบครง้ั เมอ่ื ไปสกั เลกท่ีเมอื งยโสธร ไดท้ ราบขา่ ววา่ ในมลาประเทศ กำเรบิ แลว้ จงึ กลบั มากราบบงั คมทลู พระกรณุ าใหท้ ราบโดยเรว็ ครน้ั อยมู่ าในอปรภาคสมยั กรมพระราชวงั บวร ฯ ก็ทรงพระประชวรมานโรคชา้ นานประมาณปเี ศษ พระอาการมากขน้ึ แพทยห์ มอประกอบพระโอสถถวาย พระอาการกไ็ มค่ ลาย ครน้ั ถงึ กาลเมอ่ื จลุ ศกั ราช ๑๑๙๔ ปมี ะโรงจตั วาศก เดอื น ๖ ขน้ึ ๙ คำ่ วนั องั คาร๒ กรมพระราชวงั บวร ฯ กเ็ สดจ็ สวรรคตลว่ งไป พระองคป์ ระสตู เิ มอ่ื ปมี ะเสง็ สปั ตศก จลุ ศกั ราช ๑๑๔๗ เดอื น ๑๑ แรม ๓ คำ่ วนั ศกุ ร๓์ ขณะเมอ่ื ไดร้ บั อปุ ราชาภเิ ษกนน้ั พระชนมไ์ ด้ ๓๙ พระพรรษากบั เศษเดอื น ๑๑ เดอื น ดำรงอยใู่ นตำแหนง่ กรมพระราช วงั บวร ฯ ๗ ปกี บั ๘ เดอื น รวมพระชนมไ์ ด้ ๔๖ พรรษากบั ๔ เดอื น พระองคไ์ ดท้ รงสถาปนาพระอาราม ๑ สิงห์ ต้นสกุล สงิ หเสนี ๒ ตรงกับวันที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๓๗๕ ๓ ตรงกับวันที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๓๒๘
ตำนานวงั หนา้ ๑๓๓ ๖ พระอาราม คอื วดั บวรนเิ วศนว์ หิ ารวดั ๑ วดั บวรสถานทบ่ี วรราชวงั วดั ๑ แตย่ งั หาสำเรจ็ ไม่ วดั โปรดเกษและวดั ไพชยนตพ์ ลเสพท่เี มอื งนครเขอ่ื นขนั ธ์ ๒ วดั วดั ทเ่ี มอื งนครราชสมี า ๒ วดั บรรจบเป็น ๖ พระอาราม กับพระเจดีย์ทีเ่ มืองศรีสัตนาคนหุตเวียงจันทนอ์ งค์ ๑ อนึ่งพระองค์ ได้ทรงสถาปนาท้องพระโรงขึ้น ต่ออุตราภิมุขออกมาองค์ ๑ พระราชทานนามว่าพระที่นั่ง อศิ ราวนิ จิ ฉยั สน้ิ ความในโบราณวงศป์ ระวตั ขิ องกรมพระราชวงั บวร ฯ (ท่ี ๔) ในรชั กาลท่ี ๓ โดยสงั เขป แตเ่ ทา่ น้ี ในโบราณวงศ์ประวัติของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ ๔ นั้น มีความโดย สงั เขปดังนี้วา่ กาลเม่ือพระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรมหามกฎุ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ไดเ้ สด็จเถลงิ ถวลั ย ราชสมบตั ิบรมราชาภเิ ษกเปน็ พระเจา้ แผน่ ดนิ ใหญ่ ในสยามรฐั มหาชนบทนแ้ี ลว้ จงึ ทรงพระราชดำรเิ หน็ วา่ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ซึ่งเป็นสมเด็จพระอนุชาธิราชนั้น ทรงพระปรีชารอบรู้การในพระนครและ ต่างประเทศ และขนบธรรมเนียมต่าง ๆ และชำนาญในสรรพอาวุธในการณรงค์สงครามเป็นอันมาก และแคล่วคล่องชัดเจนในการทรงพาหนะมีคชสารเป็นต้น อนึ่งเป็นที่นิยมนับถือของพระบรมวงศานุวงศ์ ขา้ ทลู ละอองธลุ พี ระบาทผใู้ หญผ่ นู้ อ้ ยเปน็ อนั มาก ครน้ั ทรงพระราชดำรฉิ ะนแ้ี ลว้ จงึ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหส้ มเดจ็ พระอนชุ าธริ าชดำรงทพ่ี ระมหาอปุ ราช ใหร้ บั พระบวรราชโองการ พระราชทานพระเกยี รตยิ ศใหญ่ ยง่ิ กวา่ กรมพระราชวงั บวร ฯ ทกุ ๆ แผน่ ดนิ มไิ ดร้ บั พระราชบณั ฑรู ดงั กรมพระราชวงั บวร ฯ ทกุ ๆ พระองคม์ า และการพระราชพิธีอุปราชาภิเษกโปรดให้เรียกบวรราชาภิเษก ครั้นเสร็จการพระราชพิธีแล้ว พระบาท สมเด็จ ฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานพระสุพรรณบัฏ ซึ่งจารึกพระนามอันพิเศษคล้ายกับ พระนามของพระองคน์ น้ั พระราชทานพระนามวา่ สมเดจ็ พระปวเรนทราเมศวร์ มหศิ เรศรงั สรรค์ มหันตวรเดโชไชย มโหฬารคุณอดุลยเดช สรรพเทเวศรานุรักษ์ บวรจุลจักรพรรดิราชสังกาศ อภุ โตสชุ าตสิ งั สทุ ธเคราะหณี จกั รบี รมนารถ อศิ รราชรามวรงั กรู บรมมกฎุ นเรนทรส์ รู โสทรานุ ชาธบิ ดนิ ทร์ เสนางคนกิ รนิ ทรปวราธเิ บศร์ พลพยหุ เนตร นเรศวรมหทิ ธวิ รนายก สยามาทโิ ลกย ดิลกมหาบุรุษรัตน์ ไพบูลย์พิพัฒน์สรรพศิลปาคม สุนทโรดมกิจโกศล สับดปดลเศวตฉัตร ศิริรัตโนปลักษณมหาบวรราชาภิเศกาภิสิต สรรพทศทิศพิชิตไชย อุดมมไหสวริยมหาสวามินทร์ สเมกธรณินทรานุราช บวรนารถชาติอาชาวไสย ศรีรัตนไตรยสรณารักษ์ อุกฤษฐศักดิ สรรพรัษฎาธิเบนทร์ ปวเรนทรธรรมิกราชบพิตร พระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงตั้งอยู่ใน สัปปุริสธรรม คือ กตัญญูกตเวทิตาคุณ และให้เสด็จเลียบพระนครโดยคชพยุหและอัศวพยุหวันหนึ่ง
๑๓๔ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ และพระราชทานเงินเบี้ยหวัดข้าราชการเพิ่มขึ้นปีละพันชั่ง รวมทั้งที่กรมพระราชวังบวร ฯ ได้เคยรับ พระราชทานมาแต่เดิมเป็นส่วนพันชั่ง และเงินภาษีอากรนั้น ๆ ก็พระราชทานขึ้นอีกเป็นอันมาก สำหรับ รกั ษาพระเกยี รตยิ ศซง่ึ ยง่ิ ใหญข่ น้ึ ไป และพระบาทสมเดจ็ ฯ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั โปรดใหท้ รงรบั พระอฐั ิ กรมพระราชวังบวร ฯ ซึ่งอยู่ในพระบรมมหาราชวัง ขึ้นไปประดิษฐานในพระราชวังบวร ฯ แต่ครั้งนั้นมา พระบาทสมเด็จ ฯ พระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงสร้างเรือรบกลไฟไว้สำหรับแผ่นดินสองลำ คือ เรือ อาสาวดรี ส ๑ และเรอื ยงยศอโยชฌยิ า ๑ ก็การธรรมเนียมเลียบพระนครในกรมพระราชวังบวร ฯ แต่ก่อน ๆ มาก็มิได้เคยมี แต่ครั้งนี้ พระบาทสมเดจ็ ฯ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระกรณุ าโปรดใหส้ มเดจ็ พระปน่ิ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงเลยี บ พระนครด้วยให้เหมือนอย่างพระองค์ทรงเลียบพระนครเช่นนั้น จึงมีพระบรมราชโองการดำรัสสั่ง เสนามาตย์ราชบริพาร ให้จัดขบวนแห่พยุหยาตราที่จะเลียบพระนครเป็นขบวนแห่ห้าแถว ขบวนช้าง ขบวนมา้ ขบวนเดนิ เทา้ แตง่ ตวั ถอื เครอ่ื งสาตราวธุ ตา่ ง ๆ และใหเ้ จา้ พนกั งานแตง่ วถิ ที างซง่ึ พระองคจ์ ะเสดจ็ ทรงเลยี บพระนครนน้ั ครั้น ณ เดือน ๗ ขึ้น ๔ ค่ำ๑ เจ้าพนักงานจัดขบวนแห่เสร็จแล้ว จึงผูกช้างพระที่นั่ง ชื่อ เจ้าพระยาไชยานุภาพพลาย สูง ๖ ศอกคืบ มีรัตคนพานหน้าซองหางเครื่องมั่น ติดประจำยามทองคำ จำหลกั ลายกดุ น่ั ประดบั พลอยตา่ งสี มผี า้ ปกหลงั ภหู่ อ้ ยหตู าขา่ ยทองปกหนา้ แลว้ เอาชา้ งมาประทบั ไวท้ ่ี หน้าเกย นายปราบไตรภพเปน็ ควาญท้ายช้าง ครั้นย่ำรุ่งแล้ว ๔ นาฬิกา สมเดจ็ พระปน่ิ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงเครอ่ื งรณยทุ ธ ทรงพระมหามาลาประดบั เพชร เสดจ็ ขน้ึ เกยสถติ เหนอื คอชา้ งพระทน่ี ง่ั ตน้ ทรงพระแสง ของ้าว ฝรง่ั แมน่ ปนื เปน็ กระบวนหนา้ กย็ งิ ปนื คำนบั มาตอ่ พระบาทสมเดจ็ ฯ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ใน พระบรมมหาราชวงั ๒๑ นดั มชี า้ งดง้ั ชา้ งเขนไปหนา้ เปน็ อนั มาก พลทหารแหห่ นา้ หลงั พรง่ั พรอ้ มเดนิ ขบวนแห่ ประทกั ษณิ เวยี นไปตามกำแพงพระบวรราชวงั มาถงึ ทอ้ งสนามไชยหนา้ พระทน่ี ง่ั สทุ ไธศวรรย์ พระบาทสมเดจ็ ฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จทอดพระเนตรอยู่บนพระที่นั่งสุทไธศวรรย์ ครั้นเสด็จมาตรงหน้าพระที่นั่ง กผ็ นั หนา้ ชา้ งพระยาไชยานภุ าพเขา้ ไป สง่ พระแสงของา้ วใหน้ ายควาญชา้ งรบั ไวแ้ ลว้ ถวายบงั คม ๓ ครง้ั แลว้ ทรงรบั พระแสงของา้ ว บา่ ยหนา้ ชา้ งพระทน่ี ง่ั เสดจ็ เลยไปถงึ วดั พระเชตพุ น ประทบั ชา้ งพระทน่ี ง่ั ทเ่ี กย แล้วเสด็จลงจากคอช้างพระที่นั่งมาขึ้นพลับพลาพัก แล้วเสด็จพระราชดำเนินเข้าไปในพระอุโบสถ ทรงนมัสการพระพุทธรูป ถวายไทยธรรมแก่พระสงฆ์ทั่วทุกองค์เสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินกลับมา ๑ วันที่ ๒๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๓๙๔
ตำนานวงั หนา้ ๑๓๕ พลับพลาที่พัก ทรงฉลองพระองค์พระกรน้อย ทรงพระอนุราชมงกุฎ เหน็บพระแสงศร ขึ้นทรงม้า พระที่นั่งพระยาราชสินธพผ่านดำ ผูกเครื่องอานพานหน้า ซองหางภู่ห้อย ใบโพธิปิดหน้าทำด้วยทองคำ จำหลักลายกุดั่นประดับพลอยต่างสี เสด็จอ้อมประทักษิณวัดพระเชตพุ น และพระบรมมหาราชวงั มาสู่ พระบวรราชวัง และเมื่อเสด็จพระราชดำเนินไปทางสถลมารคนั้น ก็ทรงโปรยเงินพระราชทานให้ ประชาราษฎรชายหญงิ ใหญน่ อ้ ย ซง่ึ มาคอยกราบถวายบงั คมชมเชยพระบรมโพธสิ มภารและพวกแขกเมอื ง ต่าง ๆ ซึ่งมาคอยดูนั้น ก็ได้รับพระราชทานเงินตราและดอกไม้ทองดอกไม้เงินด้วย สิ้นพระราชทรัพย์ เปน็ อนั มาก อนั นเ้ี ปน็ พระราชพธิ เี ลยี บพระนครของสมเดจ็ พระปน่ิ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั กค็ ลา้ ย ๆ กนั กบั พระบาท สมเดจ็ ฯ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงเลยี บพระนครฉะนน้ั ตา่ งกนั แตท่ ท่ี รงชา้ งพระทน่ี ง่ั และทรงมา้ พระทน่ี ง่ั เทา่ นน้ั แลว้ โปรดใหอ้ ญั เชญิ พระอฐั ขิ น้ึ ไปประดษิ ฐานไว้ ณ พระทน่ี ง่ั วงั จนั ทร์ ไดร้ บั พระราชทานพรรณนา ความตามพระราชประวตั ิ แหง่ สมเดจ็ พระบวรราชเจา้ ทง้ั ๔ พระองค์ โดยสงั เขปเพยี งเทา่ น้ี อนง่ึ กาลเมอ่ื พระบาทสมเดจ็ ฯ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงบำเพญ็ พระราชกศุ ลในการพระบรมศพ พระบาทสมเดจ็ ฯ พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั นน้ั พระบาทสมเดจ็ พระปน่ิ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั กไ็ ดท้ รงบำเพญ็ พระราช กศุ ลฉลองพระเดชพระคณุ ในการพระบรมศพนน้ั จนเสรจ็ สน้ิ ทกุ ประการ เมอ่ื พระองคไ์ ดด้ ำรงอยใู่ นบวรราช สมบัตินั้น ได้เสด็จประทับอยู่ในพระบวรราชวังบ้าง เสด็จไปประทับที่สีทาบ้าง และได้ทรงช่วยสมเด็จ พระบรมเชษฐาธริ าชเจา้ ทำนบุ ำรงุ รกั ษาพระนคร ใหพ้ น้ ภยั นริ าศปราศจากอปุ ทั วนั ตรายตา่ ง ๆ ครน้ั อยมู่ า ในอปรภาคสมยั พระองคก์ ท็ รงพระประชวรวชิ ามยโรคชา้ นานประมาณ ๕ พรรษา แพทยห์ มอประกอบ พระโอสถถวาย พระอาการกไ็ มค่ ลาย มแี ตท่ รดุ หนกั ลงถา่ ยเดยี ว ครน้ั ถงึ ปฉี ลสู ปั ตศก จลุ ศกั ราช ๑๒๒๗ ปี เดอื นย่ี แรม ๖ คำ่ วนั อาทติ ย๑์ พระบาทสมเดจ็ พระปน่ิ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั กเ็ สดจ็ สวรรคตลว่ งไป พระองค์ ประสตู เิ มอ่ื ปมี ะโรงสมั ฤทธศิ ก จลุ ศกั ราช ๑๑๗๐ พรรษา เดอื น ๑๐ ขน้ึ ๑๕ คำ่ วนั อาทติ ย๒์ ขณะเมอ่ื รบั บวรราชาภเิ ษกนน้ั พระชนมไ์ ด้ ๔๓ พรรษา กบั ๑๐ เดอื น ไดด้ ำรงอยใู่ นบวรราชสมบตั ิ ๑๔ พรรษา รวมพระชนมไ์ ด้ ๕๗ พรรษา กบั ๔ เดอื น สมเดจ็ พระบรมเชษฐาธริ าชโปรดพระราชทานพระลองเงนิ ให้ ทรงพระศพ และทำพระเมรุท้องสนามหลวงโดยราชประเพณี พระองค์ได้ทรงสถาปนาวัดส้มเกลี้ยง วดั ๑ กบั ทรงปฏสิ งั ขรณพ์ ระอารามไว้ ๔ พระอาราม คอื วดั บวรสถาน ทค่ี า้ งอยใู่ หส้ ำเรจ็ บรบิ รู ณ์ ขน้ึ ๑ วดั หงษาราม ๑ วดั โมฬโี ลกย์ ๑ วดั ศรสี ดุ าราม ๑ รวมเปน็ ๔ พระอาราม สน้ิ ความใน โบราณวงศป์ ระวตั ขิ องพระบาทสมเดจ็ พระปน่ิ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ในรชั กาลท่ี ๔ โดยสงั เขปแตเ่ ทา่ น้ี ๑ ตรงกับวันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๔๐๘ ๒ ตรงกับวันที่ ๔ กันยายน พ.ศ. ๒๓๕๑
๑๓๖ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ และในการพระราชกศุ ลครง้ั น้ี สมเดจ็ บรมบพติ รพระราชสมภารเจา้ ทรงพระปรารภพระบรมญาติ ราชสัมพันธวงศ์เธอ และพระเจ้าบวรวงศ์เธอ และพระเจ้าวรวงศ์เธอ อันมีพระอัฐิประดิษฐานอยู่ใน พระราชวังบวร ฯ และในวังต่าง ๆ ซึ่งได้ดำรงพระยศเป็นพระองค์เจ้าต่างกรม หรือที่ได้ทรงรู้จักคุ้นเคย โปรดใหเ้ ชญิ พระอฐั มิ าประดษิ ฐาน ทรงบำเพญ็ พระราชกศุ ลดว้ ย ณ บดั น้ี คอื สมเดจ็ พระสมั พนั ธวงศเ์ ธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงเทพหริรักษ์ และเจ้าฟ้ากรมหลวงอนัคฆนารี อนั เปน็ พระเชษฐาธบิ ดี และพระเชษฐภคนิ ี แห่งกรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ และสมเด็จพระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรี เจา้ ฟา้ กรมขนุ อศิ รานรุ กั ษ์ อนั เปน็ พระอนชุ าของกรมสมเดจ็ พระศรสี รุ เิ ยนทรามาตย์ และพระเจา้ บวรวงศเ์ ธอ ชน้ั ๑ กรมหมน่ื เสนเี ทพ ๑ พระองคเ์ จา้ ดวงจนั ทร์ ๑ พระองคเ์ จา้ ดารา อนั เปน็ พระอคั รชายากรมพระราช วงั บวรมหาศกั ดพิ ลเสพ ๑ กรมขนุ นรานชุ ติ ๑ พระองคเ์ จา้ ปทั มราช ๑ และพระเจา้ บวรวงศเ์ ธอชน้ั ๒ กรมขุนธิเบศร์บวร ๑ กรมหมื่นอมรมนตรี ๑ พระองค์เจ้าขนิษฐา ๑ กรมหมื่นกระษัตริย์ศรีศักดิเดช ๑ กรมหมน่ื อมเรศรศั มี ๑ พระองคเ์ จา้ พนั ๑ พระองคเ์ จา้ ใย ๑ พระองคเ์ จา้ ชมุ แสง ๑ กรมหมน่ื อนนั ตการฤทธิ อนั ไดร้ บั ราชการกำกบั กรมชา่ งทหารใน ๑ พระองคเ์ จา้ นมุ่ ๑ กรมหมน่ื สทิ ธสิ ขุ มุ การ อนั ไดท้ รงรบั บงั คบั การ โรงทอง ๑ พระเจา้ บวรวงศเ์ ธอชน้ั ๓ กรมหมน่ื อานภุ าพพศิ าลศกั ดิ ๑ เจา้ ฟา้ อศิ ราพงศ์ เกวลวงศว์ สิ ทุ ธ์ิ สรุ สหี ตุ มศกั ดิ อภลิ กั ษณปวโรภยาภชิ าติ บรสิ ษั ยนารถนราธบิ ดี ซง่ึ ไดร้ บั ราชการบงั คบั กรมชา่ งและราชการ ตา่ ง ๆ ในพระบวรราชวงั ครง้ั พระบาทสมเดจ็ พระปน่ิ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ๑ พระเจา้ บวรวงศเ์ ธอชน้ั ๔ พระองคเ์ จา้ เบญจางค์ ๑ พระองคเ์ จา้ กระจา่ ง ๑ พระวรวงศเ์ ธอชน้ั ๕ พระองคเ์ จา้ ปฐมพศิ มยั อนั เปน็ พระธดิ าใหญ่ ในกรมพระราชวงั บวร ฯ ๑ รวม ๒๕ พระองค์ มาตง้ั ในพระทน่ี ง่ั พทุ ไธศวรรย์ แลว้ ทรงบำเพญ็ พระราช กศุ ล โปรดใหน้ มิ นตพ์ ระสงฆม์ ีพระราชาคณะเปน็ ประธาน ๔๕ รปู มารบั พระราชทานฉนั แลว้ พระราชทาน ไตรจีวร ๒๔ รูป ทรงพระราชอุทิศเป็นส่วน ๆ ถวายกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ๕ ส่วน กรมพระราชวงั บวรมหาเสนานรุ กั ษ์ ๕ สว่ น กรมพระราชวงั บวรมหาศกั ดพิ ลเสพ ๕ สว่ น พระบาทสมเดจ็ พระปน่ิ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ๕ สว่ น สมเดจ็ พระสมั พนั ธวงศเ์ ธอ ๔ พระองค์ ทรงพระราชอทุ ศิ พระราชทาน องคล์ ะ ๑ สว่ น ยงั จวี รสบงอกี ๒๑ สว่ นนน้ั ทรงพระราชอทุ ศิ พระราชทานพระเจา้ บวรวงศเ์ ธอทง้ั ๔ ชน้ั และพระวรวงศเ์ ธออนั ไดอ้ อกพระนามมาแลว้ พระองคล์ ะสว่ น แลว้ สดบั ปกรณร์ ายใหญ่ ๕๐๐ รปู และใหม้ ี พระธรรมเทศนาเครื่องกัณฑ์กระจาดใหญ่ ซึ่งพระราชทานพระราชทรัพย์ ให้ขุนนางในพระราชวังบวร ฯ ทำขึ้นเป็นพระธรรมเทศนาบูชา ครั้นเพลาค่ำพระสงฆ์จะได้เจริญพระพุทธมนต์และพระราชทานไทยธรรม ต่าง ๆ ตามสมควร ทรงพระราชอุทิศส่วนพระราชกุศล ถวายสมเด็จพระบวรราชเจ้าทั้ง ๔ พระองค์ และพระราชทานพระราชกุศลแด่พระสัมพันธวงศ์และพระบวรวงศ์พระวรวงศ์ทั้งหลาย อันได้บรรยาย
ตำนานวงั หนา้ ๑๓๗ พระนามมาแลว้ นน้ั ใหไ้ ดท้ รงยนิ ดอี นโุ มทนาในอภลิ กั ขติ สมยั ณ ครง้ั น้ี รบั พระราชทาน พระบวรราชประวตั กิ ถาซง่ึ ถวายวสิ ชั นามาน้ี เปน็ เหตใุ หเ้ กดิ สงั เวชและมรณสติ อนจิ จสญั ญา แกผ่ ทู้ ไ่ี ดส้ ดบั แลว้ มาทำในใจ ดงั นว้ี า่ สตั วท์ ง้ั หลายทบ่ี รบิ รู ณม์ ง่ั คง่ั ดว้ ยโภคทรพั ยส์ มบตั กิ ด็ ี ทจ่ี นไมบ่ รบิ รู ณม์ ง่ั คง่ั ดว้ ยโภคทรพั ยส์ มบตั กิ ด็ ี หมดทง้ั สน้ิ ยอ่ มมมี รณภยั เปน็ ธรรมดา ลว่ งมรณภยั ไปไมไ่ ด้ ถึงเราทั้งหลายก็มีมรณภัยเป็นธรรมดา ล่วงมรณภัยไปไม่ได้เหมือนกัน เหตุนั้นควรที่เราทั้งหลายจะพึงยัง ทานศีลภาวนาบุญกุศลที่เป็นที่พึ่งของตน ให้ถึงพร้อมบริบูรณ์ด้วยดีด้วยความไม่ประมาทฝ่ายเดียวจึงจะ ชอบ เพราะวา่ ในมรณภยั น้ี สง่ิ อน่ื นอกจากบญุ กศุ ลแลว้ ทจ่ี ะเปน็ ทพ่ี ง่ึ ของตนไมม่ ี อนง่ึ สมเดจ็ พระผทู้ รง พระภาคยเ์ มอ่ื จะปรนิ พิ พาน พระองคก์ ไ็ ดท้ รงตรสั ไวแ้ กภ่ กิ ษสุ งฆว์ า่ วยธมั ม์ า สขํ ารา ดงั นเ้ี ปน็ ตน้ ความวา่ สงั ขารธรรม คอื นามรปู ทป่ี จั จยั ประชมุ แตง่ ทง้ั สน้ิ มอี นั เสอ่ื มสน้ิ ไปเปน็ ธรรมดา เปน็ ของไมเ่ ทย่ี ง เกดิ ขน้ึ แล้วดับไป เหตุนั้นท่านทั้งหลายจงยังศีล สมาธิ ปัญญา ไตรสิกขากุศลที่ให้เกิดวิบุลยผลแก่ตนให้ถึง พรอ้ มใหบ้ รบิ รู ณด์ ว้ ยดดี ว้ ยความไมป่ ระมาทเถดิ ฯ อนง่ึ สงั ขาร คอื เบญจขนั ธท์ ป่ี จั จยั ประชมุ สรา้ งขน้ึ ทง้ั สน้ิ มอี นั เกดิ ขน้ึ เสอ่ื มไปเปน็ ธรรมดาเปน็ ของไมเ่ ทย่ี ง ยอ่ มเกดิ ขน้ึ แลว้ ดบั ไปไมถ่ าวรยง่ั ยนื อยไู่ ด้ ความเขา้ ระงบั ดับสังขารเหล่านั้นเสียสิ้นเป็นสุขอย่างยิ่ง ปัญญาที่มาพิจารณาเห็นจริงว่า สังขารทั้งสิ้นเป็นของไม่เที่ยง เกิดขึ้นแล้วดับไป มีแล้วหายไป ไม่ถาวรยั่งยืนอยู่ได้ ดังนี้ก็ดี เห็นจริงว่า สังขารทั้งสิ้นเป็นทุกข์ทนยาก เพราะอันความเกิดดับเบียดเบียนบีบคั้นอยู่เป็นนิจ และรุ่มร้อนอยู่ด้วยเพลิงกิเลสและเพลิงทุกข์ดังนี้ก็ดี เห็นจริงว่าธรรมทั้งสิ้นเป็นอนัตตาใช่ตัวใช่ตน ตัวตน สัตว์ บุคคลไม่มี เป็นแต่ขันธ์อายัตนะธาตุนาม และรูปไปหมดสิ้นดังนี้ก็ดี ปัญญาที่มาพิจารณาเห็นจริงอย่างนี้ประเสริฐยิ่งนักเป็นยอดในกุศลธรรมทั้งสิ้น สมเด็จพระผู้ทรงพระภาคย์ ตรัสสรรเสริญว่ามีผลอานิสงส์ใหญ่ยิ่งกว่าทานศีลเมตตาภาวนาพรหมวิหาร หมดทง้ั สน้ิ เพราะวปิ สั สนาปญั ญาน้ี ยอ่ มเปน็ ไปเพอ่ื ความบรสิ ทุ ธพ์ิ เิ ศษจากกเิ ลสเครอ่ื งเศรา้ หมองของสตั ว์ เป็นมรรคาให้บรรลุมรรคผลทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพานเพราะเหตุนั้น สมเด็จพระสุคตผู้ทรงพระภาคย์ เป็นผู้ฉลาดในมรรคา จึงได้ภาสิตแสดงซึ่งทางแห่งความบริสุทธิ์พิเศษจากกิเลสด้วยพระคาถาทั้งสามว่า สพั เ์ พ สงั ขารา อนจิ จ์ าติ ดงั นเ้ี ปน็ ตน้ ความในคาถาทง้ั สามนน้ั วา่ เมอ่ื ผใู้ ดผมู้ ปี รชี ามาเหน็ ดว้ ยปญั ญา ว่าสังขารคือธรรมที่ปัจจัยประชุมแต่งทั้งสิ้นไม่เที่ยง เกิดขึ้นแล้วดับไปฉะนี้แล้ว เมื่อนั้นผู้มีปรีชาญาณ กย็ อ่ มเหนอ่ื ยหนา่ ยในทกุ ขท์ เ่ี ปน็ ของไมเ่ ทย่ี ง กค็ วามเบอ่ื หนา่ ยในทกุ ขด์ ว้ ยนพิ พทิ าญาณนน้ั เปน็ มรรคา แห่งความบริสุทธิ์หมดจดพิเศษจากกิเลส เป็นเหตุให้บรรลุมรรคผลทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน เมื่อใดผู้มี ปรีชามาเห็นด้วยปัญญาว่า สังขารทั้งสิ้นเป็นทุกข์อันสัตว์ทนยากฉะนี้แล้ว เมื่อนั้นผู้มีปรีชาญาณก็ย่อม
๑๓๘ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ เบอ่ื หนา่ ยในทกุ ขท์ ส่ี ตั วท์ นยาก กค็ วามเบอ่ื หนา่ ยในทกุ ขด์ ว้ ยนพิ พทิ าญาณนน้ั เปน็ มรรคาแหง่ ความบรสิ ทุ ธ์ิ หมดจดพเิ ศษจากกเิ ลสเปน็ เหตใุ หบ้ รรลมุ รรคผลทำใหแ้ จง้ ซง่ึ พระนฤพาน เมอ่ื ใดผมู้ ปี รชี ามาเหน็ ดว้ ยปญั ญาวา่ ธรรมทง้ั สน้ิ เปน็ อนตั ตาใชต่ วั ใชต่ นไมเ่ ปน็ ไปในอำนาจฉะนแ้ี ลว้ เมอ่ื นน้ั ผมู้ ปี รชี าญาณ กย็ อ่ มเบอ่ื หนา่ ยใน ทุกข์ที่ใช่ตัวใช่ตน ก็ความเบื่อหน่ายในทุกข์ด้วยนิพพิทาญาณนั้น เป็นธรรมดาแห่งความบริสุทธิ์หมดจด พเิ ศษจากกเิ ลสเปน็ เหตใุ หบ้ รรลมุ รรคผลทำใหแ้ จง้ ซง่ึ พระนฤพาน สมเดจ็ พระผทู้ รงพระภาคยท์ รงแสดงซง่ึ วปิ สั สนาญาณวา่ เปน็ ทางแหง่ ความบรสิ ทุ ธห์ิ มดจดพเิ ศษจากกเิ ลสดว้ ยประการฉะน้ี กค็ วามบรสิ ทุ ธห์ิ มดจด พเิ ศษจากกเิ ลสทง้ั สน้ิ เปน็ นฤพานดบั เสยี จากทกุ ขท์ ง้ั สน้ิ นพิ พ์ านํ ปรมํ สญุ ญ์ ํ นพิ พานเปน็ ธรรมสญู อย่างยิ่ง เพราะเป็นธรรมสูญจากสังขารทุกข์ทั้งสิ้น นิพ์พานํ ปรมํ สุขํ นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง ด้วยเป็นธรรมดับเครื่องร้อนคือเพลิงกิเลสเพลิงทุกข์เสียสิ้น เอเตน สัจ์จวัช์เชน ด้วยสัจจภาสิต ที่กล่าวอ้างคุณคือพระนิพพานก็ดี ด้วยอำนาจรัตนัตยคุณานุภาพและพระราชกุศลที่ทรงบำเพ็ญนี้ก็ดี ขอสรรพสิริสวัสดิพิพัฒนมงคลพระชนมศุภอัตถอิฏฐวิบุลยผล จงประสิทธิแต่สมเด็จบรมบพิตรพระราช สมภารเจา้ ทง้ั พระบรมวงศานวุ งศแ์ ละเสนามาตยร์ าชบรพิ าร ขา้ ราชการทง้ั ฝา่ ยหนา้ ฝา่ ยใน จงถงึ ซง่ึ ความ เกษมสขุ สำราญนริ าศปราศจากภยปุ ทั ทวนั ตรายทง้ั สน้ิ ดงั พระราชหฤทยั ประสงคท์ กุ ประการ อรหํ สมั ม์ าสมั พ์ ทุ โ์ ธ ฯลฯ อจิ เ์ จตํ รตนตั ต์ ยํ พระอรหนั ตสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ไดบ้ รรลถุ งึ ธรรม อนั อดุ มแลว้ ใหส้ งฆห์ มใู่ หญต่ รสั รตู้ น่ื จากกเิ ลสนทิ รา เบกิ บานปรชี าคณุ ขน้ึ ได้ พระรตั นตรยั อดุ มสงู สดุ กวา่ รตั นะอน่ื แมถ้ งึ ตา่ ง ๆ กนั โดยวตั ถวุ า่ พทุ โ์ ธ ธมั โ์ ม สโํ ฆ ฉะน้ี กจ็ รงิ อยแู่ ล กแ็ ตเ่ ปน็ อนั เดยี วกนั โดยเนอ้ื ความ เพราะไมพ่ รากจากกนั ได้ พระพทุ ธเจา้ ผตู้ รสั รตู้ น่ื เบกิ บานไดก้ อ่ น กส็ อนใหผ้ อู้ น่ื ตรสั รธู้ รรม ธรรมเลา่ พระสงฆไ์ ดท้ รงไว้ พระสงฆเ์ ลา่ กเ็ ปน็ สาวกของพระพทุ ธเจา้ ผตู้ รสั รตู้ น่ื เบกิ บานไดก้ อ่ น สามรตั นะน้ี เนื่องเป็นอันเดียวกันฉะนี้ รัตนะทั้งสามนี้ บริสุทธิ์สูงสุดประเสริฐในโลก ย่อมเป็นไปด้วยดีเพื่อความ บรสิ ทุ ธพ์ิ เิ ศษอยา่ งยง่ิ แกส่ ตั วผ์ เู้ ลอ่ื มใสแลว้ ผปู้ รารถนาความบรสิ ทุ ธแ์ิ กต่ นปฏบิ ตั โิ ดยชอบอยู่ ความบรสิ ทุ ธ์ิ หมดจดพเิ ศษจากกเิ ลสทง้ั ปวง เปน็ นฤพานดบั จากทกุ ขท์ ง้ั หลาย นฤพานเปน็ ธรรมสญู อยา่ งยง่ิ นฤพาน เปน็ สขุ อยา่ งยง่ิ ดว้ ยสจั จวาจาภาสติ น้ี ขอสวสั ดศิ ภุ วบิ ลู ยผลจงเกดิ มเี ปน็ วบิ ากสมบตั ิ ดว้ ยเดชานภุ าพ พระรตั นตรยั เปน็ ปฏพิ าหโนบายกางกน้ั ขออปุ ทั วนั ตรายอปุ สรรคขดั ขอ้ งทง้ั หลาย จงอยา่ ไดถ้ กู ตอ้ งพอ้ งพาน สยามรัฐมหาชนบทน้เี ลย จงนริ าศบำราศไกลดว้ ยประการทัง้ ปวง ความสุขสำราญปราศจากโรคันตราย และความเป็นผู้มีอายุยืนนานและบริบูรณ์แห่งวัตถุทั้งหลาย ซึ่งจะเกื้อกูลแก่ความไม่มีโรคและอายุยืนนั้น ทั้งสุขโสมนัสและสวัสดิศุภผล จงเกิดมีพร้อมบริบูรณ์แด่สมเด็จพระบรมราชสมภารเจ้า กับทั้งพระบรม
ตำนานวงั หนา้ ๑๓๙ วงศานุวงศ์ และข้าทูลละอองธุลีพระบาททั้งปวง ซึ่งอภิบาลบำรุงสยามรัฐมหาชนบทนี้ ขอเทพเจ้า ทง้ั หลายผสู้ งิ สถติ ณ สยามรฐั น้ี ซง่ึ สมเดจ็ พระบรมราชสมภารเจา้ ไดบ้ ชู า ดว้ ยธรรมพลอี ามศิ พลเี นอื งนติ ย์ จงตั้งไมตรีจิตอภิบาลรักษาสมเด็จพระบรมราชสมภารเจ้า กับทั้งรัฐมณฑลทั่วทั้งจังหวัดพระราชอาณาเขต ให้สถาพรพ้นสรรพอันตราย สิท์ธมัต์ถุ สิท์ธมัต์ถุ สิท์ธมัต์ถุ อิทํ ผลํ เอตัสมึ รตนัตยัสมึ สมั ปสาทนเจตโส ขอผลแหง่ จติ ทเ่ี ลอ่ื มใส ในพระรตั นตรยั อดุ มวตั ถนุ น้ั จงเปน็ ผลสมั ฤทธิ จงเปน็ ผลสมั ฤทธิ จงเปน็ ผลสมั ฤทธิ ตามพระบรมราชประสงคท์ กุ ประการ เอวกํ ม็ ี ฯ
๑๔๐ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ พระนามพระโอรสธิดา ในกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท รชั กาลท่ี ๑ ประสูติก่อนอุปราชาภิเษก ๑ เจา้ ฟา้ หญงิ พกิ ลุ ทอง ประสตู เิ มอ่ื ปรี ะกานพศก จลุ ศกั ราช ๑๑๓๙ พ.ศ. ๒๓๒๐ เจา้ ศริ ริ จจา นอ้ งพระเจา้ กาวลิ ะเมอื งเชยี งใหมเ่ ปน็ พระมารดา๑ ในรชั กาลท่ี ๑ ไดร้ บั พระสพุ รรณบฏั เปน็ กรมขนุ ศรสี นุ ทร สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๒ เมอ่ื ปมี ะเมยี จลุ ศกั ราช ๑๑๗๒ พ.ศ. ๒๓๕๓ ๒ พระองคเ์ จา้ ชายลำดวน ประสตู ปิ กี นุ เอกศก จลุ ศกั ราช ๑๑๔๑ พ.ศ. ๒๓๒๒ เจา้ จอมมารดาขะ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๑ เมอ่ื ปกี นุ พ.ศ. ๒๓๔๖๒ ๓ พระองคเ์ จา้ หญงิ เกสร ประสตู ปิ กี นุ เอกศก จลุ ศกั ราช ๑๑๔๑ พ.ศ. ๒๓๒๒ เจา้ จอมมารดาแกว้ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๓ ๔ พระองคเ์ จา้ ชายอนิ ทปตั ประสตู ปิ ชี วดโทศก จลุ ศกั ราช ๑๑๔๒ พ.ศ. ๒๓๒๓ เจา้ จอมมารดาตนั สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๑ เมอ่ื ปกี นุ พ.ศ. ๒๓๔๖๓ ๕ พระองคเ์ จา้ ชายกอ้ นแกว้ ประสตู ปิ ฉี ลตู รศี ก จลุ ศกั ราช ๑๑๔๓ พ.ศ. ๒๓๒๔ ท่ี ๑ ในเจา้ จอมมารดาลา่ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๓ ๑ ดปู ระวตั ใิ นพระราชพงศาวดารกรงุ รตั นโกสนิ ทร์ รชั กาลท่ี ๒ ฉบับพิมพ์ พ.ศ. ๒๔๙๘ หน้า ๒๓๔ ๒ วันที่ ๑๔ มกราคม พ.ศ. ๒๓๔๖ ๓ วันที่ ๑๔ มกราคม พ.ศ. ๒๓๔๖
ตำนานวงั หนา้ ๑๔๑ ๖ พระองคเ์ จา้ ชายชา้ ง ประสตู ปิ ฉี ลตู รศี ก จลุ ศกั ราช ๑๑๔๓ พ.ศ. ๒๓๒๔ เจา้ จอมมารดาปยุ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๓ ประสูติเมื่ออุปราชาภิเษกแล้ว ๗ พระองคเ์ จา้ หญงิ ดวงจนั ทร์ ประสตู ปิ เี ถาะเบญจศก จลุ ศกั ราช ๑๑๔๕ พ.ศ. ๒๓๒๖ ท่ี ๑ ในเจา้ จอมมารดาฉมิ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๕ ๘ พระองคเ์ จา้ ชายอสนุ ี ประสตู ปิ เี ถาะเบญจศก จลุ ศกั ราช ๑๑๔๕ พ.ศ. ๒๓๒๖ เจา้ จอมมารดาขำ ในรชั กาลท่ี ๑ ไดร้ บั พระสพุ รรณบฏั เปน็ กรมหมน่ื เสนเี ทพ เมอ่ื ณ วนั องั คาร เดอื น ๙ ขน้ึ ๔ คำ่ ปมี ะโรงสมั ฤทธศิ ก จลุ ศกั ราช ๑๑๗๐ พ.ศ. ๒๓๕๑๑ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๓ เปน็ ตน้ สกลุ อสนุ ี ๙ พระองคเ์ จา้ หญงิ โกมล ประสตู ปิ เี ถาะเบญจศก จลุ ศกั ราช ๑๑๔๕ พ.ศ. ๒๓๒๖ เจา้ จอมมารดาแกว้ ศาลาลอย สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๓ ๑๐ พระองคเ์ จา้ หญงิ บนุ นาค ประสตู ปิ มี ะเสง็ สปั ตศก จลุ ศกั ราช ๑๑๔๗ พ.ศ. ๒๓๒๘ เจา้ จอมมารดามา สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๓ ๑๑ พระองคเ์ จา้ หญงิ ดาราวดี ประสตู ปิ มี ะเสง็ สปั ตศก จลุ ศกั ราช ๑๑๔๗ พ.ศ. ๒๓๒๘ ไดเ้ ปน็ พระชายากรมพระราชวงั บวรมหาศกั ดพิ ลเสพ ท่ี ๑ ในเจา้ จอมมารดานอ้ ย สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๔ ๑ วันที่ ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๓๕๑
๑๔๒ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ ๑๒ พระองค์เจา้ หญงิ ประสตู ปิ มี ะเสง็ สปั ตศก จลุ ศกั ราช ๑๑๔๗ พ.ศ. ๒๓๒๘ เจา้ จอมมารดาสวุ รรณา สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๔ ๑๓ พระองคเ์ จา้ หญงิ โกสมุ ประสตู ปิ มี ะเสง็ สปั ตศก จลุ ศกั ราช ๑๑๔๗ พ.ศ. ๒๓๒๘ เจา้ จอมมารดาพว่ ง สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๒ ๑๔ พระองคเ์ จา้ หญงิ กำพชุ ฉตั ร ประสตู ปิ มี ะเมยี อฐั ศก จลุ ศกั ราช ๑๑๔๘ พ.ศ. ๒๓๒๙ ท่ี ๑ ในเจา้ จอมมารดานกั องคอ์ ี ๑ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๔ ๑๕ พระองคเ์ จา้ หญงิ ปทั มราช ประสตู ปิ มี ะแมนพศก จลุ ศกั ราช ๑๑๔๙ พ.ศ. ๒๓๓๐ เจา้ จอมมารดานยุ้ ๒ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๔ ๑๖ พระองคเ์ จา้ ชาย ประสตู ปิ มี ะแมนพศก จลุ ศกั ราช ๑๑๔๙ พ.ศ. ๒๓๓๐ ท่ี ๒ ในเจา้ จอมมารดาฉมิ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๑ ๑๗ พระองคเ์ จา้ ชายมง่ั ประสตู ปิ วี อกสมั ฤทธศิ ก จลุ ศกั ราช ๑๑๕๐ พ.ศ. ๒๓๓๑ เจา้ จอมมารดาเกศ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๓ ๑๘ พระองคเ์ จา้ ชายสงิ หราช ประสตู ปิ วี อกสมั ฤทธศิ ก จลุ ศกั ราช ๑๑๕๐ พ.ศ. ๒๓๓๑ ท่ี ๒ ในเจา้ จอมมารดาลา่ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๓ ๑ เจ้าจอมมารดานักองค์อี พระธิดาสมเด็จพระนารายณ์ราชา พระเจ้ากรุงกัมพูชา ดูพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๑ หน้า ๓๘ ๒ เจา้ จอมมารดานยุ้ ธดิ าเจา้ พระยานครศรธี รรมราช (พฒั น์ ณ นคร)
ตำนานวงั หนา้ ๑๔๓ ๑๙ พระองคเ์ จา้ หญงิ กลดั ประสตู ปิ รี ะกาเอกศก จลุ ศกั ราช ๑๑๕๑ พ.ศ. ๒๓๓๒ เจา้ จอมมารดามใี หญ่ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๓ ๒๐ พระองคเ์ จา้ หญงิ ฉมิ พลี ประสตู ปิ รี ะกาเอกศก จลุ ศกั ราช ๑๑๕๑ พ.ศ. ๒๓๓๒ เจา้ จอมมารดางว้ิ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๒ ๒๑ พระองคเ์ จา้ ชายสงั กะทตั ประสตู ปิ รี ะกาเอกศก จลุ ศกั ราช ๑๑๕๑ พ.ศ. ๒๓๓๒ ท่ี ๓ ในเจา้ จอมมารดาฉมิ ในรชั กาลท่ี ๓ ไดร้ บั พระสพุ รรณบฏั เปน็ กรมหมน่ื นรานชุ ติ ครน้ั รชั กาลท่ี ๔ เลอ่ื นเปน็ กรมขนุ นรานชุ ติ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๔ เปน็ ตน้ สกลุ สงั ขทตั ๒๒ พระองคเ์ จา้ หญงิ แกว้ ประสตู ปิ รี ะกาเอกศก จลุ ศกั ราช ๑๑๕๑ พ.ศ. ๒๓๓๒ เจา้ จอมมารดาแจม่ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๑ ๒๓ พระองคเ์ จา้ หญงิ ประสตู ปิ กี นุ ตรศี ก จลุ ศกั ราช ๑๑๕๓ พ.ศ. ๒๓๓๔ ท่ี ๑ ในเจา้ จอมมารดานกั องคเ์ ภา๑ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๑ ๒๔ พระองคเ์ จา้ หญงิ ศรสี ดุ าอบั สร๒ ประสตู ปิ กี นุ ตรศี ก จลุ ศกั ราช ๑๑๕๓ พ.ศ. ๒๓๓๔ เจา้ จอมมารดาเพง็ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๓ ๒๕ พระองคเ์ จา้ หญงิ ลมดุ ประสตู ปิ กี นุ ตรศี ก จลุ ศกั ราช ๑๑๕๓ พ.ศ. ๒๓๓๔ เจา้ จอมมารดามนี อ้ ย ๑ เจ้าจอมมารดานักองค์เภา พระธิดาสมเด็จพระนารายณ์ราชา พระเจ้ากรุงกัมพูชา ดูพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๑ หน้า ๓๘ ๒ บางทเี รยี กวา่ พระองคเ์ จา้ หญงิ ดสุ ดิ าอบั สร
๑๔๔ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๕ ณ วนั จนั ทร์ เดอื น ๙ ขน้ึ ๕ คำ่ ปจี อ จลุ ศกั ราช ๑๒๓๖ พ.ศ. ๒๔๑๗ ๒๖ พระองคเ์ จา้ ชายบวั ประสตู ปิ ชี วดจตั วาศก จลุ ศกั ราช ๑๑๕๔ พ.ศ. ๒๓๓๕ เจา้ จอมมารดาศรี สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๓ เปน็ ตน้ สกลุ ปทั มสงิ ห์ ๒๗ พระองคเ์ จา้ หญงิ ปกุ ประสตู ปิ ชี วดจตั วาศก จลุ ศกั ราช ๑๑๕๔ พ.ศ. ๒๓๓๕ ท่ี ๒ ในเจา้ จอมมารดานกั องคเ์ ภา สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๓ ๒๘ พระองคเ์ จา้ หญงิ ดษุ ฎี ประสตู ปิ ชี วดจตั วาศก จลุ ศกั ราช ๑๑๕๔ พ.ศ. ๒๓๓๕ เจา้ จอมมารดาเสม สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๔ ๒๙ พระองคเ์ จา้ ชายสกุ ประสตู ปิ ชี วดจตั วาศก จลุ ศกั ราช ๑๑๕๔ พ.ศ. ๒๓๓๕ เจา้ จอมมารดาเอม สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๔ ๓๐ พระองคเ์ จา้ ชายเพช็ รหงึ ประสตู ปิ ฉี ลเู บญจศก จลุ ศกั ราช ๑๑๕๕ พ.ศ. ๒๓๓๖ เจา้ จอมมารดาชู สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๒ ๓๑ พระองคเ์ จา้ หญงิ วงศมาลา๑ ประสตู ปิ ฉี ลเู บญจศก จลุ ศกั ราช ๑๑๕๕ พ.ศ. ๒๓๓๖ ท่ี ๒ ในเจา้ จอมมารดานกั องคอ์ ี สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๔ ๓๒ พระองคเ์ จา้ หญงิ กนษิ ฐา๒ ประสตู ปิ ฉี ลเู บญจศก จลุ ศกั ราช ๑๑๕๕ พ.ศ. ๒๓๓๖ ๑ บางทเี รยี กวา่ พระองคเ์ จา้ หญงิ วงศก์ ษตั รยิ ์ ๒ ราชสกลุ วงศ์ ฉบับพิมพ์ พ.ศ. ๒๕๐๗ หน้า ๑๐๑ ว่า พระองค์เจ้าหญิง นิลวัตถา
ตำนานวงั หนา้ ๑๔๕ ท่ี ๒ ในเจา้ จอมมารดานอ้ ย สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๔ ๓๓ พระองคเ์ จา้ หญงิ กำพรา้ ประสตู ปิ ขี าลฉศก จลุ ศกั ราช ๑๑๕๖ พ.ศ. ๒๓๓๗ เจา้ จอมมารดาบบั ภา สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๒ ๓๔ พระองคเ์ จา้ หญงิ กลน่ิ ประสตู ปิ ขี าลฉศก จลุ ศกั ราช ๑๑๕๖ พ.ศ. ๒๓๓๗ เจา้ จอมมารดาภู่ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๔ ๓๕ พระองคเ์ จา้ หญงิ รงุ่ ประสตู ปิ ขี าลฉศก จลุ ศกั ราช ๑๑๕๖ พ.ศ. ๒๓๓๗ เจา้ จอมมารดาพลบั จนี สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๔ ๓๖ พระองคเ์ จา้ หญงิ ประสตู ปิ ขี าลฉศก จลุ ศกั ราช ๑๑๕๖ พ.ศ. ๒๓๓๗ เจา้ จอมมารดาลอ้ ม สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๒ ๓๗ พระองคเ์ จา้ ชายนพเกา้ ประสตู ปิ เี ถาะสปั ตศก จลุ ศกั ราช ๑๑๕๗ พ.ศ. ๒๓๓๘ เจา้ จอมมารดาสวน สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๔ ๓๘ พระองคเ์ จา้ หญงิ ประสตู ปิ เี ถาะสปั ตศก จลุ ศกั ราช ๑๑๕๗ พ.ศ. ๒๓๓๘ เจา้ จอมมารดาตุ๊ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๓ ๓๙ พระองคเ์ จา้ ชาย ประสตู ปิ มี ะโรงอฐั ศก จลุ ศกั ราช ๑๑๕๘ พ.ศ. ๒๓๓๙ เจา้ จอมมารดาทรพั ย์ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๑ ๔๐ พระองคเ์ จา้ ชายสดุ ประสตู ปิ มี ะเสง็ นพศก จลุ ศกั ราช ๑๑๕๙ พ.ศ. ๒๓๔๐
๑๔๖ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ ท่ี ๓ ในเจา้ จอมมารดานอ้ ย สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๑ ๔๑ พระองคเ์ จา้ ชายเณร ประสตู ปิ วี อกโทศก จลุ ศกั ราช ๑๑๖๒ พ.ศ. ๒๓๔๓ เจา้ จอมมารดาไผ่ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๔ เปน็ ตน้ สกลุ นรี สงิ ห์ ณ กรงุ เทพ ๔๒ พระองคเ์ จา้ ชายหอย ประสตู ปิ วี อกโทศก จลุ ศกั ราช ๑๑๖๒ พ.ศ. ๒๓๔๓ ท่ี ๑ ในเจา้ จอมมารดาตานี สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๑ ๔๓ พระองคเ์ จา้ ชายแตน ประสตู ปิ รี ะกาตรศี ก จลุ ศกั ราช ๑๑๖๓ พ.ศ. ๒๓๔๔ ท่ี ๒ ในเจา้ จอมมารดาตานี สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๑ ประสูติมาแต่ในแผ่นดินตาก ๖ พระองค์ ประสูติในวังหน้า ๓๗ พระองค์ รวม ๔๓ พระองค์ พระนามพระโอรสธิดา ในกรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ รชั กาลท่ี ๒ ประสูติก่อนอุปราชาภิเษก ๑ พระองคเ์ จา้ ชาย ประสตู ปิ กี นุ ตรศี ก จลุ ศกั ราช ๑๑๕๓ พ.ศ. ๒๓๓๕ ท่ี ๑ ในเจา้ จอมมารดาสำลี ๆ เปน็ ธดิ าพระเจา้ กรงุ ธนบรุ ี สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๑ ๒ พระองคเ์ จา้ ชายประยงค์ ประสตู ปิ กี นุ ตรศี ก จลุ ศกั ราช ๑๑๕๓ พ.ศ. ๒๓๓๔ ท่ี ๑ ในเจา้ จอมมารดานว่ ม
ตำนานวงั หนา้ ๑๔๗ ในรชั กาลท่ี ๒ ไดร้ บั พระสพุ รรณบฏั เปน็ กรมหมน่ื ธเิ บศรบ์ วร ในรชั กาลท่ี ๔ เลอ่ื นกรม เปน็ กรมขนุ ธเิ บศรบ์ วร สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๔ เปน็ ตน้ สกลุ บรรยงกะเสนา ณ กรงุ เทพ ๓ พระองคเ์ จา้ หญงิ ประชมุ วงศ์ ประสตู ปิ ขี าลฉศก จลุ ศกั ราช ๑๑๕๖ พ.ศ. ๒๓๓๗ ท่ี ๒ ในเจา้ จอมมารดาสำลี สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๔ ๔ พระองคเ์ จา้ ชายปาน ประสตู ปิ ขี าลฉศก จลุ ศกั ราช ๑๑๕๖ พ.ศ. ๒๓๓๗ ท่ี ๒ ในเจา้ จอมมารดานว่ ม ในรชั กาลท่ี ๓ ไดร้ บั พระสพุ รรณบฏั เปน็ กรมหมน่ื อมรมนตรี สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๕๑ ๕ พระองคเ์ จา้ หญงิ นดั ดา ประสตู ปิ มี ะโรงอฐั ศก จลุ ศกั ราช ๑๑๕๘ พ.ศ. ๒๓๓๙ ท่ี ๓ ในเจา้ จอมมารดาสำลี สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๔ ๖ พระองคเ์ จา้ หญงิ ขนษิ ฐา ประสตู ปิ มี ะเมยี สมั ฤทธศิ ก จลุ ศกั ราช ๑๑๖๐ พ.ศ. ๒๓๔๑ ท่ี ๓ ในเจา้ จอมมารดานว่ ม๒ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๕ เมอ่ื ณ วนั พฤหสั บดี เดอื นย่ี แรม ๕ คำ่ ปชี วดอฐั ศก จลุ ศกั ราช ๑๒๓๘ พ.ศ. ๒๔๑๙ พระชนั ษา ๗๙ ปี ๗ พระองคเ์ จา้ หญงิ ประสตู ปิ มี ะแมเอกศก จลุ ศกั ราช ๑๑๖๑ พ.ศ. ๒๓๔๒ ท่ี ๔ ในเจา้ จอมมารดานว่ ม สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๒ ๘ พระองคเ์ จา้ ชายพงศอ์ ศิ เรศ ประสตู ปิ วี อกโทศก จลุ ศกั ราช ๑๑๖๒ พ.ศ. ๒๓๔๓ ๑ ๕ ๙ฯ ๗ ตรงกับวันที่ ๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๑๒ ๒ ราชสกลุ วงศ์ฉบับพิมพ์ พ.ศ. ๒๕๐๗ ว่า ที่ ๔ ในเจ้าจอมมารดาสำลี
๑๔๘ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ ท่ี ๔ ในเจา้ จอมมารดาสำลี ในรชั กาลท่ี ๔ ไดร้ บั พระสพุ รรณบฏั เปน็ กรมหมน่ื กษตั รยิ ศ์ รศี กั ดเิ ดช เมอ่ื ณ วนั จนั ทร์ เดอื น ๖ แรม ๑๓ คำ่ ปจี อจตั วาศก จลุ ศกั ราช ๑๒๒๔ พ.ศ. ๒๔๐๕ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๕ เมอ่ื เดอื น ๘ อตุ ราสาฒ ขน้ึ ๑๐ คำ่ ปจี อฉศก จลุ ศกั ราช ๑๒๓๖ พ.ศ. ๒๔๑๗ เปน็ ตน้ สกลุ อศิ รเสนา ๙ พระองคเ์ จา้ หญงิ สวุ รรณ ประสตู ปิ รี ะกาตรศี ก จลุ ศกั ราช ๑๑๖๓ พ.ศ. ๒๓๔๔ ท่ี ๑ ในเจา้ จอมมารดากอ้ นทอง สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๓ ๑๐ พระองคเ์ จา้ ชายไมเ้ ทศ ประสตู ปิ จี อจตั วาศก จลุ ศกั ราช ๑๑๖๔ พ.ศ. ๒๓๔๕ เจา้ จอมมารดาเหมใหญ่ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๒ ๑๑ พระองคเ์ จา้ ชายภมุ รนิ ประสตู ปิ จี อจตั วาศก จลุ ศกั ราช ๑๑๖๔ พ.ศ. ๒๓๔๕ ท่ี ๑ ในเจา้ จอมมารดาทรพั ย์ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๓ เปน็ ตน้ สกลุ ภมุ รนิ ทร ๑๒ พระองคเ์ จา้ หญงิ อำพนั ประสตู ปิ กี นุ เบญจศก จลุ ศกั ราช ๑๑๖๕ พ.ศ. ๒๓๔๖ ท่ี ๑ ในเจา้ จอมมารดาปน่ิ สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๕ เมื่อ ณ วันพุธ เดือน ๓ แรม ๑๒ ค่ำ ปีมะเส็งตรีศก จลุ ศกั ราช ๑๒๔๓ พ.ศ. ๒๔๒๔ พระชนั ษา ๗๙ ปี ๑๓ พระองคเ์ จา้ ภมุ เรศ ประสตู ปิ กี นุ เบญจศก จลุ ศกั ราช ๑๑๖๕ พ.ศ. ๒๓๔๖ ท่ี ๒ ในเจา้ จอมมารดาทรพั ย์ ในรชั กาลท่ี ๔ ไดร้ บั พระสพุ รรณบฏั เปน็ กรมหมน่ื อมเรศรศั มี สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๕
ตำนานวงั หนา้ ๑๔๙ ๑๔ พระองคเ์ จา้ หญงิ นฤมล ประสตู ปิ ชี วดฉศก จลุ ศกั ราช ๑๑๖๖ พ.ศ. ๒๓๔๗ ท่ี ๕ ในเจา้ จอมมารดาสำลี สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๓ ประสูติเมื่อเป็นพระบัณฑูรน้อย ๑๕ พระองคเ์ จา้ หญงิ งาม ประสตู ปิ ขี าลอฐั ศก จลุ ศกั ราช ๑๑๖๘ พ.ศ. ๒๓๔๙ ท่ี ๒ ในเจา้ จอมมารดากอ้ นทอง สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๓ ๑๖ พระองคเ์ จา้ ชายเสอื ประสตู ปิ ขี าลอฐั ศก จลุ ศกั ราช ๑๑๖๘ พ.ศ. ๒๓๔๙ ท่ี ๕ ในเจา้ จอมมารดานว่ ม สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๔ เปน็ ตน้ สกลุ พยคั ฆเสนา ๑๗ พระองคเ์ จา้ ชายใย ประสตู ปิ เี ถาะนพศก จลุ ศกั ราช ๑๑๖๙ พ.ศ. ๒๓๕๐ ท่ี ๑ ในเจา้ จอมมารดาศลิ า สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๔ เปน็ ตน้ สกลุ รงั สเิ สนา ๑๘ พระองคเ์ จา้ ชายกระตา่ ย ประสตู ปิ เี ถาะนพศก จลุ ศกั ราช ๑๑๖๙ พ.ศ. ๒๓๕๐ ท่ี ๖ ในเจา้ จอมมารดานว่ ม สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๓ ๑๙ พระองคเ์ จา้ ชายทบั ทมิ ประสตู ปิ มี ะโรงสมั ฤทธศิ ก จลุ ศกั ราช ๑๑๗๐ พ.ศ. ๒๓๕๑ เจา้ จอมมารดานอ้ ยใหญ่ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๓ ๒๐ พระองคเ์ จา้ หญงิ มณฑา ประสตู ปิ มี ะเสง็ เอกศก จลุ ศกั ราช ๑๑๗๑ พ.ศ. ๒๓๕๒ ท่ี ๗ ในเจา้ จอมมารดานว่ ม สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๔
๑๕๐ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ ๒๑ พระองคเ์ จา้ ชายฤกษ์ ประสตู ิ ณ วนั พฤหสั บดี เดอื น ๑๐ ขน้ึ ๖ คำ่ ปมี ะเสง็ เอกศก จลุ ศกั ราช ๑๑๗๑ พ.ศ. ๒๓๕๒ ท่ี ๑ ในเจา้ จอมมารดานอ้ ยเลก็ ทรงผนวชเปน็ สามเณรมาแตร่ ชั กาลท่ี ๒ ในรชั กาลท่ี ๓ ไดเ้ ปน็ พระราชาคณะ สถติ ณ วดั บวรนเิ วศ ครน้ั รชั กาลท่ี ๔ ไดท้ รงรบั พระสพุ รรณบฏั เปน็ กรมหมน่ื บวรรงั ษสี รุ ยิ พนั ธ์ุ ฯ ครน้ั รชั กาลท่ี ๕ ไดเ้ ลอ่ื นพระยศเปน็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระปวเรศวรยิ าลงกรณ์ ฯ ตอ่ มาไดท้ รงรบั มหาสมณตุ มาภเิ ษกเปน็ สมเดจ็ กรมพระยาปวเรศวรยิ าลงกรณ์ฯ ดำรงพระเกยี รติ เปน็ สมเดจ็ พระมหาสงั ฆปรนิ ายกทว่ั ทง้ั พระราชอาณาเขต เมอ่ื ปเี ถาะ พ.ศ. ๒๔๓๔ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๕ เมอ่ื ณ วนั ท่ี ๒๘ กนั ยายน (ตรงกบั ณ วนั พธุ ขน้ึ ๗ คำ่ เดือน ๑๑ ปีมะโรงจัตวาศก จุลศักราช ๑๒๕๔ พ.ศ. ๒๔๓๕) พระชันษา ๘๔ ปี ทรงสถาปนาเปน็ สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ ในรชั กาลท่ี ๖ เมอ่ื ปรี ะกา พ.ศ. ๒๔๖๔ ประสูติเมื่ออุปราชาภิเษกแล้ว ๒๒ พระองคเ์ จา้ ชายแฝด ประสตู ปิ มี ะเมยี โทศก จลุ ศกั ราช ๑๑๗๒ พ.ศ. ๒๓๕๓ ท่ี ๓ ในเจา้ จอมมารดาทรพั ย์ สน้ิ พระชนมใ์ นวนั ประสตู ิ ๒๓ พระองคเ์ จา้ หญงิ แฝด ประสตู ปิ มี ะเมยี โทศก จลุ ศกั ราช ๑๑๗๒ พ.ศ. ๒๓๕๓ ท่ี ๔ ในเจา้ จอมมารดาทรพั ย์ สน้ิ พระชนมใ์ นวนั ประสตู ิ ๒๔ พระองคเ์ จา้ ชาย ประสตู ปิ มี ะเมยี โทศก จลุ ศกั ราช ๑๑๗๒ พ.ศ. ๒๓๕๓ ท่ี ๒ ในเจา้ จอมมารดาศลิ า สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๒ ๒๕ พระองคเ์ จา้ หญงิ ปทเุ มศ ประสตู ปิ มี ะเมยี โทศก จลุ ศกั ราช ๑๑๗๒ พ.ศ. ๒๓๕๓ ท่ี ๑ ในเจา้ จอมมารดาเอย่ี ม สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๕
ตำนานวงั หนา้ ๑๕๑ ๒๖ พระองคเ์ จา้ หญงิ เกสร ประสตู ปิ มี ะเมยี โทศก จลุ ศกั ราช ๑๑๗๒ พ.ศ. ๒๓๕๓ ท่ี ๒ ในเจา้ จอมมารดาปน่ิ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๒ ๒๗ พระองคเ์ จา้ ชายชมุ แสง ประสตู ปิ มี ะเมยี โทศก จลุ ศกั ราช ๑๑๗๒ พ.ศ. ๒๓๕๓ เจา้ จอมมารดาเลก็ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๔ เปน็ ตน้ สกลุ สหาวธุ ๒๘ พระองคเ์ จา้ ชายสาททพิ ากร ประสตู ปิ มี ะเมยี โทศก จลุ ศกั ราช ๑๑๗๒ พ.ศ. ๒๓๕๓ ท่ี ๒ ในเจา้ จอมมารดานอ้ ยเลก็ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๓ ๒๙ พระองคเ์ จา้ หญงิ ประสตู ปิ มี ะแมตรศี ก จลุ ศกั ราช ๑๑๗๓ พ.ศ. ๒๓๕๔ ท่ี ๑ ในเจา้ จอมมารดามว่ ง สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๓ ๓๐ พระองคเ์ จา้ หญงิ นมุ่ ประสตู ปิ มี ะแมตรศี ก จลุ ศกั ราช ๑๑๗๓ พ.ศ. ๒๓๕๔ เจา้ จอมมารดานม่ิ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๕ เมอ่ื ณ วนั พฤหสั บดี เดอื น ๗ แรม ๑๒ คำ่ ปขี าลสมั ฤทธศิ ก จลุ ศกั ราช ๑๒๔๐ พ.ศ. ๒๔๒๑ ๓๑ พระองคเ์ จา้ ชาย ประสตู ปิ วี อกจตั วาศก จลุ ศกั ราช ๑๑๗๔ พ.ศ. ๒๓๕๕ เจา้ จอมมารดานก (ซง่ึ ภายหลงั เปน็ ทา้ วสมศกั ด์)ิ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๒ ๓๒ พระองคเ์ จา้ ชายยคุ นั ธร ประสตู ปิ วี อกจตั วาศก จลุ ศกั ราช ๑๑๗๔ พ.ศ. ๒๓๕๕ ท่ี ๓ ในเจา้ จอมมารดานอ้ ยเลก็ ในรัชกาลที่ ๔ ได้รับพระสุพรรณบัฏ เป็นกรมหมื่นอนันตการฤทธิ์ เมื่อ ณ วันจันทร์ เดอื นอา้ ย ขน้ึ ๑๓ คำ่ ปเี ถาะนพศก จลุ ศกั ราช ๑๒๒๙ พ.ศ. ๒๔๑๐ ไดว้ า่ กรมชา่ ง ทหารในญวน
๑๕๒ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๕ เปน็ ตน้ สกลุ ยคุ นั ธร ๓๓ พระองคเ์ จา้ ชายสสี งั ข์ ประสตู ปิ รี ะกาเบญจศก จลุ ศกั ราช ๑๑๗๕ พ.ศ. ๒๓๕๖ ท่ี ๒ ในเจา้ จอมมารดาเอย่ี ม สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๓ เปน็ ตน้ สกลุ สสี งั ข์ ๓๔ พระองคเ์ จา้ หญงิ ดวงจนั ทร์ ประสตู ปิ รี ะกาเบญจศก จลุ ศกั ราช ๑๑๗๕ พ.ศ. ๒๓๕๖ เจา้ จอมมารดาศรี ๑ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๔ ๓๕ พระองคเ์ จา้ ชายรชั นกิ ร ประสตู ปิ จี อฉศก จลุ ศกั ราช ๑๑๗๖ พ.ศ. ๒๓๕๗ เจา้ จอมมารดาพลบั (จนิ ตหรา) สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๔ เปน็ ตน้ สกลุ รชั นกิ ร ๓๖ พระองคเ์ จา้ หญงิ ประสตู ปิ จี อฉศก จลุ ศกั ราช ๑๑๗๖ พ.ศ. ๒๓๕๗ ท่ี ๒ ในเจา้ จอมมารดามว่ ง สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๓ ๓๗ พระองคเ์ จา้ ชายทดั ทรง ประสตู ปิ ชี วดอฐั ศก จลุ ศกั ราช ๑๑๗๘ พ.ศ. ๒๓๕๙ เจา้ จอมมารดาแจม่ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๕ ๓๘ พระองคเ์ จา้ ชายรองทรง ประสตู ปิ ชี วดอฐั ศก จลุ ศกั ราช ๑๑๗๘ พ.ศ. ๒๓๕๙ เจา้ จอมมารดาภู่ (อเิ หนา) ในรชั กาลท่ี ๔ ไดร้ บั พระสพุ รรณบฏั เปน็ กรมหมน่ื สทิ ธสิ ขุ มุ การ เมอ่ื ณ วนั อาทติ ย์ เดอื น ๖ แรม ๙ คำ่ ปเี ถาะนพศก จลุ ศกั ราช ๑๒๒๙ พ.ศ. ๒๔๑๐ ไดท้ รงบงั คบั การโรงทอง ๑ เจ้าจอมมารดาศรี ธิดาเจ้าเวียงจันทน์
ตำนานวงั หนา้ ๑๕๓ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๕ เมอ่ื ณ วนั พฤหสั บดี เดอื น ๖ ขน้ึ ๑๒ คำ่ ปชี วดอฐั ศก จลุ ศกั ราช ๑๒๓๘ พ.ศ. ๒๔๑๙ พระชนั ษา ๖๑ ปี เปน็ ตน้ สกลุ รองทรง ๓๙ พระองคเ์ จา้ ชายสดุ วอน ประสตู ปิ ฉี ลนู พศก จลุ ศกั ราช ๑๑๗๙ พ.ศ. ๒๓๖๐ เจา้ จอมมารดามี (บษุ บา) สน้ิ พระชนม์ ในรชั กาลท่ี ๓ ๔๐ พระองคเ์ จา้ หญงิ สดุ ศาลา ประสตู ปิ ฉี ลนู พศก จลุ ศกั ราช ๑๑๗๙ พ.ศ. ๒๓๖๐ ท่ี ๓ ในเจา้ จอมมารดามว่ ง สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๕๑ ประสตู เิ มอ่ื เสดจ็ ดำรงพระยศเปน็ กรมขนุ เสนานรุ กั ษ์ ๑๔ พระองค์ ประสตู เิ มอ่ื เสดจ็ ดำรง พระยศเปน็ พระบณั ฑูรน้อย ๗ พระองค์ ประสูติเมื่อเสด็จดำรงพระยศเป็นกรมพระราช วงั บวรสถานมงคล ๑๙ พระองค์ รวม ๔๐ พระองค์ พระนามพระโอรสธิดา ในกรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพ รชั กาลท่ี ๓ ประสูติเมื่อก่อนอุปราชาภิเษก ๑ พระองคเ์ จา้ หญงิ อรณุ ประสตู ิ ณ วนั อาทติ ย์ เดอื น ๑๑ แรม ๕ คำ่ ปฉี ลสู ปั ตศก จลุ ศกั ราช ๑๑๖๗ พ.ศ. ๒๓๔๘ ท่ี ๑ ในเจา้ จอมมารดานอ้ ย สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๕ ณ วันจันทร์ เดือน ๘ ขึ้น ๔ ค่ำ ปีระกาสัปตศก จลุ ศกั ราช ๑๒๔๗ พ.ศ. ๒๔๒๘๒ ๑ ๒ ๘ฯ ๑๒ ตรงกับวันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๑๒ ๒ ราชสกลุ วงศ์ฉบับพิมพ์ พ.ศ. ๒๕๐๗ ว่า สิ้นพระชนม์ เมื่อวันพฤหัสบดี เดือน ๗ แรม ๑๔ ค่ำ
๑๕๔ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ ๒ พระองคเ์ จา้ หญงิ สำอาง ประสตู ิ ณ วนั เสาร์ เดอื น ๖ ขน้ึ ๑๐ คำ่ ปเี ถาะนพศก จลุ ศกั ราช ๑๑๖๙ พ.ศ. ๒๓๕๐ เจา้ จอมมารดาคมุ้ ใหญ่ สน้ิ พระชนมใ์ นรัชกาลที่ ๕ ณ วนั อาทติ ย์ เดอื น ๖ ขน้ึ ๑๐ คำ่ ปมี ะเสง็ เอกศก จลุ ศกั ราช ๑๒๓๑ พ.ศ. ๒๔๑๒ ๓ พระองคเ์ จา้ ชายสวา่ ง ประสตู ิ ณ วนั จนั ทร์ เดอื น ๑๐ ขน้ึ ๒ คำ่ ๑ ปกี นุ สปั ตศก จลุ ศกั ราช ๑๑๗๗ พ.ศ. ๒๓๕๘ ท่ี ๑ ในเจา้ จอมมารดางว้ิ สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๔ ณ วันอังคาร เดือน ๓ แรม ๑๑ ค่ำ ปีระกาตรีศก จลุ ศกั ราช ๑๒๒๓ พ.ศ. ๒๔๐๔ ๔ พระองคเ์ จา้ หญงิ อมั พร ประสตู ิ ณ วนั อาทติ ย์ เดอื นอา้ ย ขน้ึ ๑ คำ่ ปกี นุ สปั ตศก จลุ ศกั ราช ๑๑๗๗ พ.ศ. ๒๓๕๘ เจา้ จอมมารดาแสง สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๒ ปฉี ลนู พศก จลุ ศกั ราช ๑๑๗๙ พ.ศ. ๒๓๖๐ ๕ พระองค์เจ้าหญิงสังวาล ประสูติ ณ วันจันทร์ เดือน ๘ ขึ้น ๗ ค่ำ ปีชวดอัฐศก จลุ ศกั ราช ๑๑๗๘ พ.ศ. ๒๓๕๙ ท่ี ๑ ในเจา้ จอมมารดาเฟอื ง สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๕ ณ วันจันทร์ เดือน ๖ ขึ้น ๑๐ ค่ำ ปีมะโรงโทศก จลุ ศกั ราช ๑๒๔๒ พ.ศ. ๒๔๒๓ ๖ พระองค์เจ้าชายกำภู ประสูติ ณ วันศุกร์ เดือน ๖ ขึ้น ๙ ค่ำ ปีฉลูนพศก จลุ ศกั ราช ๑๑๗๙ พ.ศ ๒๓๖๐ เจา้ จอมมารดาคำ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๕ ปชี วดอฐั ศก จลุ ศกั ราช ๑๒๓๘ พ.ศ. ๒๔๑๙ เปน็ ตน้ สกลุ กำภู ๑ ราชสกลุ วงศ์ ว่า ขึ้นค่ำ ๑
ตำนานวงั หนา้ ๑๕๕ ๗ พระองค์เจ้าชายกัมพล ประสูติ ณ วันศุกร์ เดือน ๗ ขึ้น ๑ ค่ำ ปีฉลูนพศก จลุ ศกั ราช ๑๑๗๙ พ.ศ. ๒๓๖๐ ท่ี ๑ ในเจา้ จอมมารดาตานี สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๒ ปมี ะแมเบญจศก จลุ ศกั ราช ๑๑๘๕ พ.ศ. ๒๓๖๖ ๘ พระองคเ์ จา้ ชายอทุ ยั ประสตู ิ ณ วนั องั คาร เดอื น ๙ แรม ๗ คำ่ ปฉี ลนู พศก จลุ ศกั ราช ๑๑๗๙ พ.ศ. ๒๓๖๐ ท่ี ๒ ในเจา้ จอมมารดางว้ิ สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๓ ณ วันศุกร์ เดือน ๘ แรมค่ำ ๑ ปีระกาเอกศก จลุ ศกั ราช ๑๒๑๑ พ.ศ. ๒๓๙๒ ๙ พระองคเ์ จา้ ชายเกสรา ประสตู ิ ณ วนั อาทติ ย์ เดอื น ๑๑ แรม ๘ คำ่ ปฉี ลนู พศก จลุ ศกั ราช ๑๑๗๙ พ.ศ. ๒๓๖๐ เจา้ จอมมารดาคมุ้ เลก็ ในรชั กาลท่ี ๔ ไดร้ บั พระสพุ รรณบฏั เปน็ กรมหมน่ื อานภุ าพพศิ าลศกั ดิ เมอ่ื ณ วนั พฤหสั บดี เดอื น ๔ แรม ๗ คำ่ ปฉี ลสู ปั ตศก จลุ ศกั ราช ๑๒๒๗ พ.ศ. ๒๔๐๘ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๕ ณ วนั พฤหสั บดี เดอื น ๑๐ แรม ๑๒ คำ่ ปรี ะกาเบญจศก จลุ ศกั ราช ๑๒๓๕ พ.ศ. ๒๔๑๖ เปน็ ตน้ สกลุ เกสรา ๑๐ พระองคเ์ จา้ ชายเนตร ประสตู ิ ณ วนั พฤหสั บดี เดอื น ๑๒ ขน้ึ คำ่ ๑ ปขี าลสมั ฤทธศิ ก จลุ ศกั ราช ๑๑๘๐ พ.ศ. ๒๓๖๑ ท่ี ๒ ในเจา้ จอมมารดาเฟอื ง สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๓ ปมี ะเมยี ฉศก จลุ ศกั ราช ๑๑๙๖ พ.ศ. ๒๓๗๗ ๑๑ พระองค์เจ้าชายขจร ประสูติ ณ วันอาทิตย์ เดือน ๕ ขึ้น ๕ ค่ำ ปีมะโรงโทศก จลุ ศกั ราช ๑๑๘๒ พ.ศ. ๒๓๖๓ เจา้ จอมมารดานม่ิ สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๓ ณ วันพุธ เดือน ๓ ขึ้น ๗ ค่ำ ปีมะเมียฉศก จลุ ศกั ราช ๑๑๙๖ พ.ศ. ๒๓๗๗
๑๕๖ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ ๑๒ พระองคเ์ จา้ ชายอศิ ราพงศ์ ประสตู ิ ณ วนั พฤหสั บดี เดอื น ๑๒ แรม ๓ คำ่ ปมี ะโรงโทศก จลุ ศกั ราช ๑๑๘๒ พ.ศ. ๒๓๖๓ พระองคเ์ จา้ ดาราวดี ในกรมพระราชวงั บวร ฯ รชั กาลท่ี ๑ เปน็ พระมารดา ในรชั กาลท่ี ๔ ไดร้ บั พระสพุ รรณบฏั เปน็ เจา้ ฟา้ อศิ ราพงศ์ เมอ่ื ณ วนั พฤหสั บดี เดอื น ๑๒ ขน้ึ ๙ คำ่ ปกี นุ ตรศี ก จลุ ศกั ราช ๑๒๑๓ พ.ศ. ๒๓๙๔ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๔ ณ วนั องั คาร เดอื น ๑๑ แรม ๑๐ คำ่ ปรี ะกาตรศี ก จลุ ศกั ราช ๑๒๒๓ พ.ศ. ๒๔๐๔ เปน็ ตน้ สกลุ อศิ รศกั ด์ิ ๑๓ พระองคเ์ จา้ หญงิ อมั พา ประสตู ิ ณ วนั พฤหสั บดี เดอื น ๘ แรม ๔ คำ่ ปมี ะเสง็ ตรศี ก จลุ ศกั ราช ๑๑๘๓ พ.ศ. ๒๓๖๔ ท่ี ๑ ในเจา้ จอมมารดาฉมิ สงิ หฬ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๒ ปมี ะแมเบญจศก จลุ ศกั ราช ๑๑๘๕ พ.ศ. ๒๓๖๖ ๑๔ พระองคเ์ จา้ ชายนชุ ประสตู ิ ณ วนั อาทติ ย์ เดอื น ๑๑ แรม ๑๑ คำ่ ปมี ะเสง็ ตรศี ก จลุ ศกั ราช ๑๑๘๓ พ.ศ. ๒๓๖๔ ท่ี ๓ ในเจา้ จอมมารดาเฟอื ง สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๕ ณ วนั พธุ เดอื น ๑๑ ขน้ึ ๔ คำ่ ปจี อฉศก จลุ ศกั ราช ๑๒๓๖ พ.ศ. ๒๔๑๗ เปน็ ตน้ สกลุ อนชุ ะศกั ด์ิ ๑๕ พระองคเ์ จา้ ชายแฉง่ ประสตู ิ ณ วนั ศกุ ร์ เดอื น ๖ ขน้ึ ๖ คำ่ ปมี ะเมยี จตั วาศก จลุ ศกั ราช ๑๑๘๔ พ.ศ. ๒๓๖๕ ท่ี ๓ ในเจา้ จอมมารดางว้ิ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๓ ปมี ะโรงฉศก จลุ ศกั ราช ๑๒๐๖ พ.ศ. ๒๓๘๗ ประสูติเมื่ออุปราชาภิเษกแล้ว ๑๖ พระองคเ์ จา้ ชาย ประสตู ิ ณ วนั พธุ เดอื นอา้ ย ขน้ึ ๑๑ คำ่ ปวี อกฉศก จลุ ศกั ราช ๑๑๘๖
ตำนานวงั หนา้ ๑๕๗ พ.ศ. ๒๓๖๗ เจา้ จอมมารดาลกู จนั ทน์ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๓ ปกี นุ นพศก จลุ ศกั ราช ๑๑๘๙ พ.ศ. ๒๓๗๐ ๑๗ พระองคเ์ จา้ ชาย ประสตู ิ ณ วนั ศกุ ร์ เดอื น ๘ อตุ ราสาฒ ขน้ึ คำ่ ๑ ปรี ะกาสปั ตศก จลุ ศกั ราช ๑๑๘๗ พ.ศ. ๒๓๖๘ ท่ี ๒ ในเจา้ จอมมารดาฉมิ สงิ หฬ สน้ิ พระชนมใ์ นวนั ประสตู ิ ๑๘ พระองคเ์ จา้ ชายเรงิ คนอง (ปอ๊ ก) ประสตู ิ ณ วนั จนั ทร์ เดอื น ๕ ขน้ึ ๓ คำ่ ปฉี ลเู อกศก จลุ ศกั ราช ๑๑๙๑ พ.ศ. ๒๓๗๒ เจา้ จอมมารดาเอม สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๕ ณ วันเสาร์ เดือน ๗ ขึ้น ๓ ค่ำ ปีมะเมียจัตวาศก จลุ ศกั ราช ๑๒๔๔ พ.ศ. ๒๔๒๕ เปน็ ตน้ สกลุ นนั ทศิ กั ด์ิ ๑๙ พระองค์เจ้าบันเทิง ประสูติ ณ วันจันทร์ เดือน ๕ ขึ้น ๑๐ ค่ำ ปีฉลูเอกศก จลุ ศกั ราช ๑๑๙๑ พ.ศ. ๒๓๗๒ ไดเ้ ปน็ พระชายา สมเดจ็ เจา้ ฟา้ กรมพระยาบำราบปรปกั ษ์ เจา้ จอมมารดาภู สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๕ ๒๐ พระองคเ์ จา้ ชายอนิ ทวงศ์ ประสตู ิ ณ วนั อาทติ ย์ เดอื น ๓ แรม ๑๔ คำ่ ปฉี ลเู อกศก จลุ ศกั ราช ๑๑๙๑ พ.ศ. ๒๓๗๒ เจา้ จอมมารดาพนั สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๔ ณ วันศุกร์ เดือน ๘ แรม ๗ ค่ำ ปีเถาะสัปตศก จลุ ศกั ราช ๑๒๑๗ พ.ศ. ๒๓๙๘ ประสตู มิ าแตก่ อ่ นอปุ ราชาภเิ ษก ๑๕ พระองค์ ประสตู เิ มอ่ื อปุ ราชาภเิ ษก ๕ พระองค์ รวม ๒๐ พระองค์
๑๕๘ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ พระนามพระเจ้าลูกเธอ ในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว รชั กาลท่ี ๔ ประสูติเมื่อก่อนบวรราชาภิเษก ๑ พระองคเ์ จา้ หญงิ ประสตู ปิ มี ะแมสปั ตศก จลุ ศกั ราช ๑๑๙๗ พ.ศ. ๒๓๗๘ ท่ี ๑ ในเจา้ จอมมารดาเอม สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๓ ๒ พระองค์เจ้าหญิง ประสูติ ณ วันพฤหัสบดี เดือน ๑๐ ขึ้นค่ำ ๑ ปีระกานพศก จลุ ศกั ราช ๑๑๙๙ พ.ศ. ๒๓๘๐ ท่ี ๑ ในเจา้ จอมมารดามาลยั สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๓ ๓ พระองค์เจ้าชายยอดยิ่งยศ บวรราโชรสรัตนราชกุมาร ประสูติ ณ วันพฤหัสบดี เดอื น ๑๐ แรม ๒ คำ่ ปจี อสมั ฤทธศิ ก จลุ ศกั ราช ๑๒๐๐ พ.ศ. ๒๓๘๑ ท่ี ๒ ในเจา้ จอมมารดาเอม ในรชั กาลท่ี ๔ ไดร้ บั พระสพุ รรณบฏั เปน็ กรมหมน่ื บวรวไิ ชยชาญ เมอ่ื ณ วนั ศกุ ร์ เดอื น ๓ ขึ้น ๑๔ ค่ำ ปีระกาตรีศก จุลศักราช ๑๒๒๓ พ.ศ. ๒๔๐๔ ถึงรัชกาลที่ ๕ ไดพ้ ระราชทานอปุ ราชาภเิ ษก เปน็ กรมพระราชวงั บวรสถานมงคล ทวิ งคตในรชั กาลท่ี ๕ ณ วนั ศกุ ร์ เดอื น ๙ แรม ๓ คำ่ ปรี ะกา พ.ศ. ๒๔๒๘ ๔ พระองค์เจ้าชาย ประสูติ ณ วันอาทิตย์ เดือน ๑๐ แรม ๑๒ ค่ำ ปีจอสัมฤทธิศก จลุ ศกั ราช ๑๒๐๐ พ.ศ ๒๓๘๑ ท่ี ๑ ในเจา้ จอมมารดากหุ ลาบ ๕ พระองคเ์ จา้ หญงิ ดวงประภา ประสตู ิ ณ วนั พฤหสั บดี เดอื น ๓ ขน้ึ ๒ คำ่ ปจี อสมั ฤทธศิ ก จลุ ศกั ราช ๑๒๐๐ พ.ศ. ๒๓๘๑ ท่ี ๒ ในเจา้ จอมมารดามาลยั
ตำนานวงั หนา้ ๑๕๙ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๕ วนั ท่ี ๒ เมษายน ร.ศ. ๑๑๕ พ.ศ. ๒๔๓๘ ๖ พระองค์เจ้าหญิง ประสูติ ณ วันศุกร์ เดือน ๔ ขึ้น ๒ ค่ำ ปีจอสัมฤทธิศก จลุ ศกั ราช ๑๒๐๐ พ.ศ ๒๓๘๑ ท่ี ๑ ในเจา้ จอมมารดาตาด ๗ พระองคเ์ จา้ หญงิ ประสตู ปิ กี นุ เอกศก จลุ ศกั ราช ๑๒๐๑ พ.ศ. ๒๓๘๒ เจา้ จอมมารดาใย ๘ พระองคเ์ จา้ หญงิ บบุ ผา ประสตู ิ ณ วนั อาทติ ย์ เดอื น ๘ ปกี นุ เอกศก จลุ ศกั ราช ๑๒๐๑ พ.ศ. ๒๓๘๒ ท่ี ๑ ในเจา้ จอมมารดากลบี ๙ พระองคเ์ จา้ หญงิ ประสตู ปิ กี นุ เอกศก จลุ ศกั ราช ๑๒๐๑ พ.ศ. ๒๓๘๒ ท่ี ๑ ในเจา้ จอมมารดาบาง ๑๐ พระองคเ์ จา้ ชายสธุ ารส ประสตู ิ ณ วนั จนั ทร์ เดอื น ๙ ขน้ึ ๕ คำ่ ปชี วดโทศก จลุ ศกั ราช ๑๒๐๒ พ.ศ. ๒๓๘๓ ท่ี ๒ ในเจา้ จอมมารดากหุ ลาบ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๕ เมอ่ื ณ วนั ท่ี ๑๙ มถิ นุ ายน ร.ศ. ๑๑๒ พ.ศ. ๒๔๓๖ เปน็ ตน้ สกลุ สธุ ารส ๑๑ พระองคเ์ จา้ หญงิ สดุ าสวรรค์ ประสตู ิ ณ วนั พธุ เดอื น ๙ ขน้ึ ๗ คำ่ ปชี วดโทศก จลุ ศกั ราช ๑๒๐๒ พ.ศ. ๒๓๘๓ ท่ี ๓ ในเจา้ จอมมารดามาลยั สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๖ เมอ่ื ณ วนั ท่ี ๔ ตลุ าคม ร.ศ. ๑๓๑ พ.ศ. ๒๔๕๕ ๑๒ พระองค์เจ้าชายวรรัตน์ ประสูติ ณ วันเสาร์ เดือน ๖ แรม ๑๒ ค่ำ ปีฉลูตรีศก จลุ ศกั ราช ๑๒๐๓ พ.ศ. ๒๓๘๔ เจา้ จอมมารดาเกด ในรัชกาลที่ ๕ ได้รับพระสุพรรณบัฏ เป็นกรมหมื่นพิศาลบวรศักดิ เมื่อ ณ วันอาทิตย์ เดอื น ๑๒ แรม ๗ คำ่ ปมี ะเสง็ ตรศี ก จลุ ศกั ราช ๑๒๔๓ พ.ศ. ๒๔๒๔
๑๖๐ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๕ เมอ่ื ณ วนั ท่ี ๒๐ มถิ นุ ายน ร.ศ. ๑๒๕ พ.ศ. ๒๔๔๙ เปน็ ตน้ สกลุ วรรตั น ๑๓ พระองคเ์ จา้ หญงิ ประสตู ปิ ฉี ลตู รศี ก จลุ ศกั ราช ๑๒๐๓ พ.ศ. ๒๓๘๔ เจา้ จอมมารดาบวั ๑๔ พระองคเ์ จา้ หญงิ ตลบั ประสตู ปิ ฉี ลตู รศี ก จลุ ศกั ราช ๑๒๐๓ พ.ศ. ๒๓๘๔ ท่ี ๒ ในเจา้ จอมมารดากลบี ๑๕ พระองคเ์ จา้ ชายปรดี า ประสตู ิ ณ วนั อาทติ ย์ เดอื น ๘ ปขี าลจตั วาศก จลุ ศกั ราช ๑๒๐๔ พ.ศ. ๒๓๘๕ ท่ี ๓ ในเจา้ จอมมารดาเอม ๑๖ พระองคเ์ จา้ หญงิ ประสตู ิ ณ วนั เสาร์ เดอื น ๕ ขน้ึ ๕ คำ่ ปมี ะโรงฉศก จลุ ศกั ราช ๑๒๐๖ พ.ศ ๒๓๘๗ ท่ี ๒ ในเจา้ จอมมารดาบาง ๑๗ พระองคเ์ จา้ ชาย ประสตู ปิ มี ะโรงฉศก จลุ ศกั ราช ๑๒๐๖ พ.ศ. ๒๓๘๗ ท่ี ๑ ในเจา้ จอมมารดาเพอ่ื น ๑๘ พระองคเ์ จา้ ชายภาณมุ าศ ประสตู ิ ณ วนั เสาร์ เดอื น ๑๒ ขน้ึ ๑๐ คำ่ ปมี ะเสง็ สปั ตศก จลุ ศกั ราช ๑๒๐๗ พ.ศ. ๒๓๘๘ ท่ี ๑ ในเจา้ จอมมารดาเอย่ี ม สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๕ เมอ่ื ณ วนั เสาร์ เดอื น ๙ แรม ๓ คำ่ ปชี วดสมั ฤทธศิ ก จลุ ศกั ราช ๑๒๕๐ พ.ศ. ๒๔๓๑ เปน็ ตน้ สกลุ ภาณมุ าศ ๑๙ พระองคเ์ จา้ ชายหสั ดนิ ทร์ ประสตู ิ ณ วนั องั คาร เดอื น ๑๒ ขน้ึ ๑๓ คำ่ ปมี ะเสง็ สปั ตศก จลุ ศกั ราช ๑๒๐๗ พ.ศ. ๒๓๘๘ ท่ี ๑ ในเจา้ จอมมารดาหนู ในรชั กาลท่ี ๕ ไดร้ บั พระสพุ รรณบฏั เปน็ กรมหมน่ื บรริ กั ษน์ รนิ ทรฤ์ ทธ์ิ เมอ่ื ณ วนั พฤหสั บดี เดอื น ๒ ขน้ึ ๙ คำ่ ปมี ะเสง็ ตรศี ก จลุ ศกั ราช ๑๒๔๓ พ.ศ. ๒๔๒๔
ตำนานวงั หนา้ ๑๖๑ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๕ เมอ่ื ณ วนั เสาร์ เดอื น ๙ แรม ๗ คำ่ ปจี ออฐั ศก จลุ ศกั ราช ๑๒๔๘ พ.ศ. ๒๔๒๙ เปน็ ตน้ สกลุ หสั ดนิ ทร ๒๐ พระองคเ์ จา้ ชายเนาวรตั น์ ประสตู ิ ณ วนั องั คาร เดอื น ๔ ขน้ึ ๔ คำ่ ปมี ะเสง็ สปั ตศก จลุ ศกั ราช ๑๒๐๗ พ.ศ. ๒๓๘๘ ท่ี ๔ ในเจา้ จอมมารดาเอม ในรัชกาลที่ ๕ ได้รับพระสุพรรณบัฏ เป็นกรมหมื่นสถิตย์ธำรงสวัสดิ เมื่อ ณ วันศุกร์ เดอื น ๑๒ ขน้ึ ๑๓ คำ่ ปมี ะเสง็ ตรศี ก จลุ ศกั ราช ๑๒๔๓ พ.ศ. ๒๔๒๔ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๕ เมอ่ื ณ วนั ท่ี ๑๔ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๔๓๓ เปน็ ตน้ สกลุ นวรตั น์ ๒๑ พระองคเ์ จา้ ชายเบญจางค์ ประสตู ิ ณ วนั ศกุ ร์ เดอื น ๔ แรม ๘ คำ่ ปมี ะเสง็ ตรศี ก จลุ ศกั ราช ๑๒๐๗ พ.ศ. ๒๓๘๘ ท่ี ๒ ในเจา้ จอมมารดาเพอ่ื น สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๕ เมื่อ ณ วันจันทร์ เดือนยี่ ขึ้น ๑๐ ค่ำ ปีชวดอัฐศก พ.ศ. ๒๔๑๙ ๒๒ พระองคเ์ จา้ ชาย ประสตู ปิ มี ะแมนพศก จลุ ศกั ราช ๑๒๐๙ พ.ศ. ๒๓๙๐ เจา้ จอมมารดาดา๊ ๒๓ พระองคเ์ จา้ ชายยคุ นุ ธร ประสตู ิ ณ วนั จนั ทร์ เดอื น ๘ ขน้ึ ๑๐ คำ่ ปวี อกสมั ฤทธศิ ก จลุ ศกั ราช ๑๒๑๐ พ.ศ. ๒๓๙๑ เจา้ จอมมารดาแยม้ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๕ เปน็ ตน้ สกลุ ยคุ นธรานนท์ ๒๔ พระองคเ์ จา้ หญงิ ประสตู ปิ วี อกสมั ฤทธศิ ก จลุ ศกั ราช ๑๒๑๐ พ.ศ. ๒๓๙๑ ท่ี ๓ ในเจา้ จอมมารดากลบี ๒๕ พระองคเ์ จา้ หญงิ ราษี ประสตู ิ ณ วนั เสาร์ เดอื น ๑๒ แรม ๑ คำ่ ปวี อกสมั ฤทธศิ ก
๑๖๒ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ จลุ ศกั ราช ๑๒๑๐ พ.ศ. ๒๓๙๑ เจา้ จอมมารดาเยยี ง สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๕ เมอ่ื ณ วนั ท่ี ๘ มถิ นุ ายน ร.ศ. ๑๑๘ พ.ศ. ๒๔๔๒ ๒๖ พระองคเ์ จา้ ชาย ประสตู ปิ รี ะกาเอกศก จลุ ศกั ราช ๑๒๑๑ พ.ศ. ๒๓๙๒ ท่ี ๒ ในเจา้ จอมมารดาเอย่ี ม ๒๗ พระองคเ์ จา้ ชาย ประสตู ปิ รี ะกาเอกศก จลุ ศกั ราช ๑๒๑๑ พ.ศ. ๒๓๙๒ ท่ี ๒ ในเจา้ จอมมารดาดา๊ ๒๘ พระองคเ์ จา้ ชาย ประสตู ปิ รี ะกาเอกศก จลุ ศกั ราช ๑๒๑๑ พ.ศ. ๒๓๙๒ เจา้ จอมมารดาเทย้ ๒๙ พระองคเ์ จา้ ชายกระจา่ ง ประสตู ิ ณ วนั พธุ เดอื น ๑๐ ขน้ึ ๑๐ คำ่ ปรี ะกาเอกศก จลุ ศกั ราช ๑๒๑๑ พ.ศ. ๒๓๙๒ ท่ี ๓ ในเจา้ จอมมารดาเพอ่ื น สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๕ ๓๐ พระองค์เจ้าหญิงวงจันทร์ ประสูติ ณ วันอังคาร เดือน ๘ บูรพาสาฒ ขึ้น ๗ ค่ำ ปจี อโทศก จลุ ศกั ราช ๑๒๑๒ พ.ศ. ๒๓๙๓ ท่ี ๕ ในเจา้ จอมมารดาเอม สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๖ เมอ่ื ณ วนั ท่ี ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๕๙ ๓๑ พระองคเ์ จา้ ชายวชั รนิ ทร์ ประสตู ปิ จี อโทศก จลุ ศกั ราช ๑๒๑๒ พ.ศ. ๒๓๙๓ ท่ี ๒ ในเจา้ จอมมารดาตาด ๓๒ พระองคเ์ จา้ หญงิ จำเรญิ ประสตู ิ ณ วนั องั คาร เดอื น ๘ อตุ ราสาฒ แรม ๑๒ คำ่ ปจี อโทศก จลุ ศกั ราช ๑๒๑๒ พ.ศ. ๒๓๙๓ ท่ี ๔ ในเจา้ จอมมารดากลบี สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๕ เมอ่ื ณ วนั ท่ี ๑๓ กนั ยายน ร.ศ. ๑๒๖ พ.ศ. ๒๔๕๐ ๓๓ พระองคเ์ จา้ หญงิ ถนอม ประสตู ิ ณ วนั พธุ เดอื น ๘ อตุ ราสาฒ แรม ๑๒ คำ่ ปจี อโทศก
ตำนานวงั หนา้ ๑๖๓ จลุ ศกั ราช ๑๒๑๒ พ.ศ. ๒๓๙๓ เจา้ จอมมารดาพนั สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๕ เมอ่ื ณ วนั องั คาร เดอื น ๑๒ ขน้ึ ๑๑ คำ่ ปรี ะกาสปั ตศก จลุ ศกั ราช ๑๒๔๗ พ.ศ. ๒๔๒๘ ประสูติเมื่อบวรราชาภิเษกแล้ว ๓๔ พระองคเ์ จา้ ชายโตสนิ ี ประสตู ิ ณ วนั เสาร์ เดอื น ๑๒ แรม ๗ คำ่ ปกี นุ ตรศี ก จลุ ศกั ราช ๑๒๑๓ พ.ศ. ๒๓๙๔ ท่ี ๕ ในเจา้ จอมมารดากลบี สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๖ เมอ่ื ณ วนั ท่ี ๒๕ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๔๕๘ เปน็ ตน้ สกลุ โตษะณยี ์ ๓๕ พระองคเ์ จา้ ชายเฉลมิ ลกั ษณวงศ์ ประสตู ิ ณ วนั จนั ทร์ เดอื น ๙ ขน้ึ ๔ คำ่ ปฉี ลเู บญจศก จลุ ศกั ราช๑๒๑๕ พ.ศ. ๒๓๙๖ ท่ี ๑ ในเจา้ จอมมารดาขลบิ ในรชั กาลท่ี ๕ ไดร้ บั พระสพุ รรณบฏั เปน็ กรมหมน่ื วรวฒั นส์ ภุ ากร เมอ่ื ณ วนั จนั ทรท์ ่ี ๒ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๔๔๖ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๕ เมอ่ื ณ วนั ท่ี ๑๓ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๔๕๖ ๓๖ พระองคเ์ จา้ ชายนนั ทวนั ประสตู ิ ณ วนั องั คาร เดอื น ๑๑ แรม ๘ คำ่ ปฉี ลเู บญจศก จลุ ศกั ราช ๑๒๑๕ พ.ศ. ๒๓๙๖ ท่ี ๒ ในเจา้ จอมมารดาหนู สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๕ เมอ่ื ณ วนั ท่ี ๒ เมษายน ร.ศ. ๑๑๐ พ.ศ. ๒๔๓๔ เปน็ ตน้ สกลุ นันทวนั ๓๗ พระองคเ์ จา้ ชาย ประสตู ปิ ฉี ลเู บญจศก จลุ ศกั ราช ๑๒๑๕ พ.ศ. ๒๓๙๖ เจา้ จอมมารดาจนั
๑๖๔ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ ๓๘ พระองคเ์ จา้ หญงิ ประสตู ปิ ฉี ลเู บญจศก จลุ ศกั ราช ๑๒๑๕ พ.ศ. ๒๓๙๖ ท่ี ๖ ในเจา้ จอมมารดากลบี ๓๙ พระองคเ์ จา้ ชาย ประสตู ปิ ขี าลฉศก จลุ ศกั ราช ๑๒๑๖ พ.ศ. ๒๓๙๗ ท่ี ๑ ในเจา้ จอมมารดาพลบั ๔๐ พระองคเ์ จา้ ชายวฒั นา ประสตู ิ ณ วนั เสาร์ เดอื นอา้ ย แรม ๔ คำ่ ปขี าลฉศก จลุ ศกั ราช ๑๒๑๖ พ.ศ. ๒๓๙๗ เจา้ จอมมารดาลำภู ๔๑ พระองคเ์ จา้ หญงิ ประสตู ปิ ขี าลฉศก จลุ ศกั ราช ๑๒๑๖ พ.ศ. ๒๓๙๗ ท่ี ๗ ในเจา้ จอมมารดากลบี ๔๒ พระองคเ์ จา้ หญงิ ภคั วดี ประสตู ิ ณ วนั จนั ทร์ เดอื น ๕ ขน้ึ ๑๕ คำ่ ปเี ถาะสปั ตศก จลุ ศกั ราช ๑๒๑๗ พ.ศ. ๒๓๙๘ เจา้ จอมมารดาพลอย สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๘ พ.ศ. ๒๔๘๓ ๔๓ พระองคเ์ จา้ หญงิ ประสตู ปิ เี ถาะสปั ตศก จลุ ศกั ราช ๑๒๑๗ พ.ศ. ๒๓๙๘ ท่ี ๑ ในเจา้ จอมมารดาชอ้ ย ๔๔ พระองคเ์ จา้ หญงิ ประสตู ปิ เี ถาะสปั ตศก จลุ ศกั ราช ๑๒๑๗ พ.ศ. ๒๓๙๘ ท่ี ๘ ในเจา้ จอมมารดากลบี ๔๕ พระองคเ์ จา้ หญงิ วรภกั ตร์ ประสตู ิ ณ วนั อาทติ ย์ เดอื น ๑๒ แรม ๑๕ คำ่ ปเี ถาะสปั ตศก จลุ ศกั ราช ๑๒๑๗ พ.ศ. ๒๓๙๘ เจา้ จอมมารดาสา่ น สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๕ เมอ่ื วนั ท่ี ๒๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๒๗ ๔๖ พระองค์เจ้าหญิงวิลัยทรงกัลยา ประสูติ ณ วันจันทร์ เดือนยี่ แรม ๖ ค่ำ ปีเถาะ สปั ตศก จลุ ศกั ราช ๑๒๑๗ พ.ศ. ๒๓๙๘ ท่ี ๒ ในเจา้ จอมมารดาขลบิ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๕
ตำนานวงั หนา้ ๑๖๕ ๔๗ พระองค์เจ้าหญิงเฉิดโฉม ประสูติ ณ วันเสาร์ เดือน ๕ ขึ้น ๕ ค่ำ ปีมะโรงอัฐศก จลุ ศกั ราช ๑๒๑๘ พ.ศ. ๒๓๙๙ เจา้ จอมมารดาสดี า สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลปจั จบุ นั เมอ่ื วนั ท่ี ๑๑ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๔๘๙ ๔๘ พระองคเ์ จา้ หญงิ ประโลมโลก ประสตู ิ ณ วนั เสาร์ เดอื น ๗ แรม ๓ คำ่ ปมี ะโรงอฐั ศก จลุ ศกั ราช ๑๒๑๘ พ.ศ. ๒๓๙๙ เจา้ จอมมารดาแกว้ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๕ เมอ่ื ณ วนั ท่ี ๒๕ มกราคม ร.ศ. ๑๑๙ พ.ศ. ๒๔๔๓ ๔๙ พระองคเ์ จา้ ชาย ประสตู ปิ มี ะโรงอฐั ศก จลุ ศกั ราช ๑๒๑๘ พ.ศ. ๒๓๙๙ ท่ี ๒ ในเจา้ จอมมารดาพลบั ๕๐ พระองค์เจ้าชายพรหเมศ ประสูติ ณ วันพุธ เดือน ๙ แรม ๑๑ ค่ำ ปีมะโรงอัฐศก จลุ ศกั ราช ๑๒๑๘ พ.ศ. ๒๓๙๙ เจา้ จอมมารดาพรหมา สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๕ เมอ่ื ณ วนั ท่ี ๑๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๓๔ เปน็ ตน้ สกลุ พรหเมศ ๕๑ พระองคเ์ จา้ หญงิ โศกสา่ ง ประสตู ิ ณ วนั พฤหสั บดี เดอื น ๑๐ ขน้ึ ๕ คำ่ ปมี ะโรงอฐั ศก จลุ ศกั ราช ๑๒๑๘ พ.ศ. ๒๓๙๙ เจา้ จอมมารดาหงส์ ๕๒ พระองคเ์ จา้ หญงิ พมิ พบั สรสรอ้ ย ประสตู ิ ณ วนั พธุ เดอื นอา้ ย ขน้ึ ๙ คำ่ ปมี ะโรงอฐั ศก จลุ ศกั ราช ๑๒๑๘ พ.ศ. ๒๓๙๙ ท่ี ๑ ในเจา้ จอมมารดาวนั ดี สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๖ เมอ่ื วนั ท่ี ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๘ ๕๓ พระองคเ์ จา้ ชายจรญู โรจนเ์ รอื งศรี ประสตู ิ ณ วนั องั คาร เดอื น ๔ แรม ๑๔ คำ่ ปมี ะโรงอฐั ศก จลุ ศกั ราช ๑๒๑๘ พ.ศ. ๒๓๙๙
๑๖๖ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ ท่ี ๒ ในเจา้ จอมมารดาชอ้ ย ในรชั กาลท่ี ๕ ไดร้ บั พระสพุ รรณบฏั เปน็ กรมหมน่ื จรสั พรปฏภิ าณ เมอ่ื ณ วนั พธุ ท่ี ๑๑ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๔๓๙ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๕ เมอ่ื ณ วนั ท่ี ๒๕ กนั ยายน ร.ศ. ๑๒๖ เปน็ ตน้ สกลุ จรญู โรจน์ ๕๔ พระองคเ์ จา้ ชาย ประสตู ปิ มี ะเสง็ นพศก จลุ ศกั ราช ๑๒๑๙ พ.ศ. ๒๔๐๐ ท่ี ๙ ในเจา้ จอมมารดากลบี ๕๕ พระองคเ์ จา้ ชายสนน่ั ประสตู ิ ณ วนั เสาร์ เดอื น ๑๐ ขน้ึ ๗ คำ่ ปมี ะเสง็ นพศก จลุ ศกั ราช ๑๒๑๙ พ.ศ. ๒๔๐๐ เจา้ จอมมารดาออ่ น สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๖ เมอ่ื ณ วนั ท่ี ๓ กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๔๕๖ เปน็ ตน้ สกลุ สายสนน่ั ๕๖ พระองคเ์ จา้ ชาย ประสตู ปิ มี ะเสง็ นพศก จลุ ศกั ราช ๑๒๑๙ พ.ศ. ๒๔๐๐ ท่ี ๓ ในเจา้ จอมมารดาชอ้ ย ๕๗ พระองคเ์ จา้ หญงิ ประสตู ปิ มี ะเมยี สมั ฤทธศิ ก จลุ ศกั ราช ๑๒๒๐ พ.ศ. ๒๔๐๑ เจา้ จอมมารดาสายบวั สน้ิ พระชนมเ์ มอ่ื ชนมายไุ ด้ ๖ วนั ๕๘ พระองคเ์ จา้ หญงิ สอางองค์ ประสตู ิ ณ วนั พฤหสั บดี เดอื นย่ี ขน้ึ ๑๕ คำ่ ปวี อกโทศก จลุ ศกั ราช ๑๒๒๒ พ.ศ. ๒๔๐๓ ท่ี ๒ ในเจา้ จอมมารดาวนั ดี สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๖ เมอ่ื วนั ท่ี ๒๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๖๕ ประสตู กิ อ่ นบวรราชาภเิ ษก ๓๓ พระองค์ ประสตู เิ มอ่ื บวรราชาภเิ ษกแลว้ ๒๕ พระองค์ รวม ๕๘ พระองค์
ตำนานวงั หนา้ ๑๖๗ พระนามพระองค์เจ้าลูกเธอ ในกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ รชั กาลท่ี ๕ ประสูติก่อนอุปราชาภิเษก ๑ - ๒ พระองคเ์ จา้ ชายแฝด ประสตู ปิ มี ะเสง็ นพศก จลุ ศกั ราช ๑๒๑๙ พ.ศ. ๒๔๐๐ จอมมารดาหมอ่ มหลวงปรกิ เจษฎางกรู สน้ิ พระชนมป์ เี ดยี วกนั ๓ พระองคเ์ จา้ หญงิ ปฐมพสิ มยั ประสตู ิ ณ วนั พฤหสั บดี เดอื น ๙ ขน้ึ ๑๒ คำ่ ปจี อ จตั วาศก จลุ ศกั ราช ๑๒๒๔ พ.ศ. ๒๔๐๕ จอมมารดากรดุ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๕ เมอ่ื ณ วนั อาทติ ย์ เดอื น ๓ แรม ๓ คำ่ ปขี าลสมั ฤทธศิ ก จลุ ศกั ราช ๑๒๔๐ พ.ศ. ๒๔๒๑ ประสูติเมื่ออุปราชาภิเษกแล้ว ๔ พระองคเ์ จา้ ชายวไิ ลยวรวลิ าศ ประสตู ิ ณ วนั พธุ เดอื น ๕ ขน้ึ ๑๒ คำ่ ปมี ะเสง็ เอกศก จลุ ศกั ราช ๑๒๓๑ พ.ศ. ๒๔๑๒ จอมมารดาเขม็ เปน็ ตน้ สกลุ วไิ ลยวงศ์ ๕ พระองค์เจ้าชายกาญจโนภาสรัศมี ประสูติ ณ วันจันทร์ เดือน ๘ แรม ๑๓ ค่ำ ปมี ะเมยี โทศก จลุ ศกั ราช ๑๒๓๒ พ.ศ. ๒๔๑๓ จอมมารดาปรกิ เลก็ ณ นคร ในรชั กาลท่ี ๕ ไดร้ บั พระสพุ รรณบฏั เปน็ กรมหมน่ื ชาญไชยบวรยศ เมอ่ื ณ วนั จนั ทร์ ท่ี ๑๖ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๔๕๑ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๖ เมอ่ื วนั ท่ี ๒๙ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๔๖๓ เปน็ ตน้ สกลุ กาญจนะวชิ ยั
๑๖๘ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ ๖ พระองคเ์ จา้ ชาย (ยงั ไมม่ พี ระนาม) ประสตู ิ ปมี ะเมยี โทศก จลุ ศกั ราช ๑๒๓๒ พ.ศ. ๒๔๑๓ ท่ี ๑ ในจอมมารดาเวก สน้ิ พระชนมป์ เี ดยี วกนั ๗ พระองคเ์ จา้ ชาย (ยงั ไมม่ พี ระนาม) ประสตู ปิ มี ะเมยี โทศก จลุ ศกั ราช ๑๒๓๒ พ.ศ. ๒๔๑๓ จอมมารดาละมา้ ย ๘ พระองคเ์ จา้ หญงิ ภทั ทาวดศี รรี าชธดิ า ประสตู ิ ณ วนั พฤหสั บดี เดอื น ๘ แรม ๘ คำ่ ปมี ะแมตรศี ก จลุ ศกั ราช ๑๒๓๓ พ.ศ. ๒๔๑๔ ท่ี ๑ ในจอมมารดาเลย่ี มเลก็ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๕ เมอ่ื ณ วนั ท่ี ๒๕ มถิ นุ ายน ร.ศ. ๑๑๘ พ.ศ. ๒๔๔๒ ๙ พระองคเ์ จา้ ชายกลั ยาณประวตั ิ ประสตู ิ ณ วนั จนั ทร์ เดอื น ๑๑ ขน้ึ ๑๑ คำ่ ปมี ะแม ตรศี ก จลุ ศกั ราช ๑๒๓๓ พ.ศ. ๒๔๑๔ จอมมารดาเลย่ี มใหญ่ ในรชั กาลท่ี ๖ ไดร้ บั พระสพุ รรณบฏั เปน็ กรมหมน่ื กวพี จนส์ ปุ รชี า เมอ่ื ณ วนั องั คารท่ี ๑๑ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๔๕๖ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๗ เมอ่ื ณ วนั ท่ี ๑๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๐ เปน็ ตน้ สกลุ กลั ยาณะวงศ์ ๑๐ พระองคเ์ จา้ หญงิ ธดิ าจำรสั แสงศรี ประสตู ิ ณ วนั เสาร์ เดอื นอา้ ย ขน้ึ ๑๓ คำ่ ปมี ะแม ตรศี ก จลุ ศกั ราช ๑๒๓๓ พ.ศ. ๒๔๑๔ จอมมารดาเขยี วใหญ่ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๕ เมอ่ื ณ วนั ท่ี ๒๔ สงิ หาคม ร.ศ. ๑๑๖ พ.ศ. ๒๔๔๐ ๑๑ พระองคเ์ จา้ หญงิ ฉายรศั มหี ริ ญั พรรณ ประสตู ิ ณ วนั พธุ เดอื นย่ี ขน้ึ ๘ คำ่ ปมี ะแม ตรศี ก จลุ ศกั ราช ๑๒๓๓ พ.ศ. ๒๔๑๔ จอมมารดาปยุ้ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๗ พ.ศ. ๒๔๗๑๑ ๑ วันที่ ๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๑
ตำนานวงั หนา้ ๑๖๙ ๑๒ พระองค์เจ้าหญิง (ยังไม่มีพระนาม) ประสูติปีวอก จัตวาศก จุลศักราช ๑๒๓๔ พ.ศ. ๒๔๑๕ ท่ี ๒ ในจอมมารดาเวก สน้ิ พระชนมใ์ นปเี ดยี วกนั ๑๓ พระองคเ์ จา้ หญงิ กลน่ิ แกน่ จนั ทนารตั น์ ประสตู ิ ณ วนั จนั ทร์ เดอื น ๑๑ ขน้ึ ๑๑ คำ่ ปวี อกจตั วาศก จลุ ศกั ราช ๑๒๓๔ พ.ศ. ๒๔๑๕ ท่ี ๑ ในจอมมารดาจน่ั สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๕ เมอ่ื ณ ปกี นุ สปั ตศก จลุ ศกั ราช ๑๒๓๗ พ.ศ. ๒๔๑๘ ๑๔ พระองคเ์ จา้ ชายสทุ ศั นนภิ าธร ประสตู ิ ณ วนั ศกุ ร์ เดอื น ๔ แรม ๑๕ คำ่ ปวี อกจตั วาศก จลุ ศกั ราช ๑๒๓๔ พ.ศ. ๒๔๑๕ จอมมารดาหมอ่ มหลวงนวม ปาลกะวงศ์ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๖ เมอ่ื ณ วนั ท่ี ๒๔ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๔๖๑ เปน็ ตน้ สกลุ สทุ ศั นยี ์ ๑๕ พระองค์เจ้าชายวรวุฒิอาภรณ์ ประสูติ ณ วันพุธ เดือน ๕ แรม ๑๑ ค่ำ ปีระกา เบญจศก จลุ ศกั ราช ๑๒๓๕ พ.ศ. ๒๔๑๖ จอมมารดาปอ้ ม สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๖ เมอ่ื วนั ท่ี ๒๖ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๔๕๘ เปน็ ตน้ สกลุ วรวฒุ ิ ๑๖ พระองคเ์ จา้ ชายโอภาสไพศาลรศั มี ประสตู ิ ณ วนั อาทติ ย์ เดอื น ๖ ขน้ึ ๗ คำ่ ปรี ะกา เบญจศก จลุ ศกั ราช ๑๒๓๕ พ.ศ. ๒๔๑๖ จอมมารดาหมอ่ มราชวงศก์ ลบี สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๕ เมอ่ื ณ วนั ท่ี ๒๙ พฤษภาคม ร.ศ. ๑๑๖ พ.ศ. ๒๔๔๐ ๑๗ พระองค์เจ้าชาย (ยังไม่ทันมีพระนาม) ประสูติปีระกาเบญจศก จุลศักราช ๑๒๓๕ พ.ศ. ๒๔๖๑ จอมมารดาอนิ สน้ิ พระชนมป์ เี ดยี วกนั
๑๗๐ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ ๑๘ พระองคเ์ จา้ หญงิ อบั สรศรรี าชกานดา ประสตู ิ ณ วนั อาทติ ย์ เดอื นย่ี แรม ๙ คำ่ ปรี ะกา เบญจศก จลุ ศกั ราช ๑๒๓๕ พ.ศ. ๒๔๑๖ จอมมารดาตว่ น สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๖ เมอ่ื ณ วนั ท่ี ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๐ ๑๙ พระองคเ์ จา้ ชายรจุ าวรฉวี ประสตู ิ ณ วนั พธุ เดอื น ๘ อตุ ราสาฒ ขน้ึ ๙ คำ่ ปจี อฉศก จลุ ศกั ราช ๑๒๓๖ พ.ศ. ๒๔๑๗ จอมมารดาสมบญุ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๘ เปน็ ตน้ สกลุ รจุ จวชิ ยั ๒๐ พระองคเ์ จา้ หญงิ เทววี ไิ ลยวรรณ ประสตู ิ ณ วนั เสาร์ เดอื น ๗ แรม ๗ คำ่ ปกี นุ สปั ตศก จลุ ศกั ราช ๑๒๓๗ พ.ศ. ๒๔๑๘ จอมมารดาสนุ่ ใหญ่ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๘๑ ๒๑ พระองคเ์ จา้ ชายวบิ ลู ยพรรณรงั ษี ประสตู ิ ณ วนั พธุ เดอื น ๕ แรม ๔ คำ่ ปชี วดอฐั ศก จลุ ศกั ราช ๑๒๓๘ พ.ศ. ๒๔๑๙ จอมมารดาเขยี วเลก็ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๕ เมอ่ื ณ วนั ท่ี ๓ พฤษภาคม ร.ศ. ๑๒๗ พ.ศ. ๒๔๕๑ เปน็ ตน้ สกลุ วบิ ลู ยพรรณ ๒๒ พระองคเ์ จา้ ชายรชั นแี จม่ จรสั ประสตู ิ ณ วนั พธุ เดอื นย่ี แรม ๑๑ คำ่ ปชี วดอฐั ศก จลุ ศกั ราช ๑๒๓๘ พ.ศ. ๒๔๑๙ ท่ี ๒ ในจอมมารดาเลย่ี มเลก็ ในรชั กาลท่ี ๖ ไดร้ บั พระสพุ รรณบฏั เปน็ กรมหมน่ื พทิ ยาลงกรณ์ เม่อื ณ วนั องั คารท่ี ๑๑ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๔๕๖ เปน็ ตน้ สกลุ รชั นี ๑ วันที่ ๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๕
ตำนานวงั หนา้ ๑๗๑ ๒๓ พระองคเ์ จา้ ชายไชยรตั นวโรภาส ประสตู ิ ณ วนั องั คาร เดอื น ๓ ขน้ึ ๒ คำ่ ปชี วดอฐั ศก จลุ ศกั ราช ๑๒๓๘ พ.ศ. ๒๔๑๙ จอมมารดาปรกิ ใหญ่ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๕ เมอ่ื ณ วนั ท่ี ๑๘ สงิ หาคม ร.ศ. ๑๑๖ พ.ศ. ๒๔๔๐ ๒๔ พระองคเ์ จา้ หญงิ วมิ ลมาศมาลี ประสตู ิ ณ วนั พธุ เดอื น ๔ แรม ๘ คำ่ ปชี วดอฐั ศก จลุ ศกั ราช ๑๒๓๘ พ.ศ. ๒๔๑๙ ท่ี ๒ ในจอมมารดาจน่ั สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๖ เมอ่ื วนั ท่ี ๒๑ กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๔๖๔ ๒๕ พระองคเ์ จา้ หญงิ สนุ ทรนี าฏ ประสตู ิ ณ วนั องั คาร เดอื น ๖ แรม ๔ คำ่ ปมี ะโรงโทศก จลุ ศกั ราช ๑๒๔๒ พ.ศ. ๒๔๒๓ จอมมารดาสนุ่ เลก็ ๒๖ พระองคเ์ จา้ หญงิ ประสาทสมร ประสตู ิ ณ วนั พธุ เดอื น ๔ แรม ๑๒ คำ่ ปมี ะเมยี จตั วาศก จลุ ศกั ราช ๑๒๔๔ พ.ศ. ๒๔๒๕ จอมมารดายม้ิ สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๖ เมอ่ื ณ วนั ท่ี ๑๐ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๔๕๖ ๒๗ พระองคเ์ จา้ ชายบวรวสิ ทุ ธ์ิ ประสตู ิ ณ วนั จนั ทร์ เดอื นย่ี แรม ๙ คำ่ ปมี ะแมเบญจศก จลุ ศกั ราช ๑๒๔๕ พ.ศ. ๒๔๒๖ จอมมารดาสอาด สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๕ เมอ่ื ณ วนั ท่ี ๘ เมษายน ร.ศ. ๑๒๙ พ.ศ. ๒๔๕๓ เปน็ ตน้ สกลุ วสิ ทุ ธิ ๒๘ พระองค์เจ้าหญิงกมุทมาลี ประสูติ ณ วันศุกร์ เดือน ๙ ขึ้น ๓ ค่ำ ปีวอกฉศก จลุ ศกั ราช ๑๒๔๖ พ.ศ. ๒๔๒๗ จอมมารดาหมอ่ มราชวงศเ์ ชอ้ื อศิ รางกรู สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลท่ี ๖ เมอ่ื ณ วนั ท่ี ๒๗ พฤศจกิ ายน ร.ศ. ๑๓๐ พ.ศ. ๒๔๕๔
๑๗๒ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ ๒๙ พระองคเ์ จา้ หญงิ ศรสี ดุ สวาดิ ประสตู ิ ณ วนั ศกุ ร์ เดอื น ๑๑ ขน้ึ ๑๔ คำ่ ปวี อกฉศก จลุ ศกั ราช ๑๒๔๖ พ.ศ. ๒๔๒๗ จอมมารดาแข สน้ิ พระชนมใ์ นรชั กาลปจั จบุ นั เมอ่ื วนั ท่ี ๙ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๔๘๙ ประสูติก่อนอุปราชาภิเษก ๓ พระองค์ ประสูติเมื่ออุปราชาภิเษกแล้ว ๒๖ พระองค์ รวม ๒๙ พระองค์
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 575
Pages: