96 มีการจัดทาบันทึกข้อมูลสขุ ภาพของประชาชนในหมู่บ้าน และประสานหน่วยงานด้านสุขภาพ มาให้ให้บรกิ ารในหมู่บา้ น จัดทาข้อมูลผู้สูงอายุ ผู้พิการ และข้อมูลบุคคลท่ีเป็นโรคต่าง ๆ เช่น ความดัน เบาหวาน โรคไต ฯลฯ ประสานเจ้าหน้าท่ีสาธารณสุขโรงพยาบาลตะก่ัวทุ่งมาให้ความรู้และให้บ ริการด้านสุขภาพ ให้บรกิ ารดา้ นสขุ ภาพ “เส้นทางมีชีวิต (แผนที่ทามือ)” คณะกรรมการหมู่บ้านได้คิดริเริ่มในการหาวิธีจัดเก็บข้อมูลให้มี ความละเอียด ถูกต้อง ชัดเจน เพ่ือนาไปสู่การแก้ไขปัญหาความต้องการของคนในหมู่บ้านได้อย่างตรงจุด เช่น ข้อมูลด้านสุขภาพ ข้อมูลด้านการปกครอง การแก้ไขปัญหายาเสพติด ฯลฯ ทาให้คณะกรรมการหมู่บ้านรู้ ไดว้ า่ บ้านแตล่ ะหลงั มีสถานะเป็นอยา่ งไร มีปญั หาหรอื ไม่ มีคนทเี่ จบ็ ปว่ ยไหม และต้องการความชว่ ยเหลอื อะไร ซ่ึงข้อมูลดังกล่าวสามารถจัดทาขึ้นด้วยกระดาษแผ่นเดียวท่ีมีข้อมูลครบ รอบด้าน เป็นกระบวนการสร้าง หมบู่ ้านเข้มแขง็ คนมคี ณุ ภาพชีวิตทดี่ ี มคี วามสขุ ทีย่ ่งั ยืน
97
98 ๔.๓ กิจกรรมส่งเสริมการจดั การสิง่ แวดลอ้ มของหมู่บ้าน การตง้ั ชมรมจิตอาสาพัฒนาหมู่บา้ นและดูแลสิ่งแวดล้อม บ้านนากลาง มีจิตอาสาพระราชทาน จานวน ๕๓ คน คณะกรรมการหมู่บ้านมีการดาเนินงาน ด้านจติ อาสามาอย่างตอ่ เนอ่ื ง โดยมีการจัดกิจกรรมจติ อาสา “เราทาความ ดี ด้วยหัวใจ” เปน็ ประจาทุกสัปดาห์ และทุกวันสาคญั ของประเทศไทย ท้ังในส่วนที่ร่วมกับอาเภอตะก่ัวทุ่ง ส่วนราชการ องคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่ิน หมู่บา้ นอ่ืน ๆ หรอื การจดั กจิ กรรมจิตอาสาในพนื้ ทีห่ ม่บู า้ นตนเอง อย่างนอ้ ยเดือนละ ๑ คร้ัง
99 กิจกรรมจติ อาสาพระราชทาน นายธรรมนูญ ศรีวรรธนะ รองผ้วู า่ ราชการจงั หวดั พงั งา รว่ มกับ สานกั งานพระพุทธศาสนาจงั หวัดพังงา ชาวบา้ นบา้ นนากลาง ร่วมทาความสะอาดห้องน้าวัดดอน
100 การจัดการขยะและส่ิงแวดล้อม มีกิจกรรมส่งเสริมสร้างจิตสานึกให้ชาวบ้านในชุมชนได้รู้จักรับผิดชอบในการรักษาความสะอาด ผ่านโครงการจิตอาสาต่าง ๆ โดยรว่ มกันเก็บขยะ รักษาความสะอาดถนน ทางสาธารณะ บ้านเรือนและสถานที่ ต่าง ๆ ภายในชมุ ชนและนอกชมุ ชน
101 เชิญชวนชาวบา้ นในชมุ ชนปรบั ภูมิทัศนต์ กแตง่ บรเิ วณโดยรอบบ้านเรอื น ใหส้ ะอาดสวยงาม ตาม สโลแกน “หน้าบ้าน นา่ มอง” จัดโครงการฝึกอบรมเพ่ิมประสิทธิภาพการบริหารจัดการขยะมูลฝอย เพื่อส่งเสริมการมีส่วนรว่ ม ในการบริหารจัดการขยะมูลฝอยอย่างเป็นระบบ โดยมีการอบรมให้ความรู้เร่ืองการเก็บรวบรวมขยะมูลฝอย การแยกประเภทและการนาขยะอินทรีย์มาทาเป็นน้าหมักชีวภาพเพ่ือใช้ทางการเกษตรลดรายจ่ายที่ต้องไปซื้อ ปยุ๋ เคมี
102 มกี ารจัดการขยะจากครัวเรือนอย่างเปน็ ระบบ ดงั น้ี ๑. การคัดแยก ให้คดั แยกขยะออกเปน็ ๔ ประเภท ได้แก่ ขยะเปียก ขยะรไี ซเคิล ขยะทใี่ ช้ไม่ได้ และขยะอนั ตราย ๒. การจดั การขยะท่ีคัดแยกแลว้ ใหแ้ ต่ละครัวเรอื นปฏบิ ตั ิ ดงั นี้ (๒.๑) ขยะเปียกใหใ้ ส่ภาชนะทาปยุ๋ ไว้หลังบ้านหรอื นามาแลกส่งิ ของเครือ่ งใชก้ ับธนาคารปุ๋ย อินทรีย์ (๒.๒)ขยะรีไซเคิล นามาแลกสิง่ ของเครื่องใช้ เช่น นา้ ยาลา้ งจาน น้ายาซักผา้ ไข่ไก่ ฯลฯ ๓. ขยะเปียก (เศษอาหาร) ที่ชาวบ้านนามาแลกส่ิงเครื่องเคร่ืองใช้กับธนาคารปุ๋ยอินทรีย์ จะถูกนาไปทาน้าหมกั ชวี ภาพเพอ่ื ใช้ในกระบวนการหมักปุ๋ยอนิ ทรยี ์ของธนาคารปุ๋ยอนิ ทรียต์ ่อไป
103 มีการแปรรูปหรอื สร้างรายไดจ้ ากขยะในชมุ ชน ขยะเปียกสามารถแปรรูปมาเป็นน้าหมักชีวภาพซ่ึงสามารถแลกเปลี่ยนกันในระดับครัวเรือน เป็นการสร้างคุณค่าทางจิตใจและสร้างจิตสานึกในการช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อม โดยเศษอาหารหรือผัก ผลไม้ ตามฤดูกาล เม่ือนามาทาปุ๋ยหมักแห้ง (ปุ๋ยอินทรีย์) สามารถจาหน่ายได้ ถุงละ ๕๐ - ๑๐๐ บาท ในหนึ่งเดือน สามารถสรา้ งรายได้ถึง ๗,๐๐๐ – ๘,๐๐๐ บาทต่อเดือน และสามารถลดรายจา่ ยภายในครวั เรือนได้ถึง ๕๐๐ – ๑,๐๐๐ บาท สาหรับขยะรีไซเคิลคณะกรรมการหมู่บ้านได้นาไปขายเพ่ือนาไปซื้อหัวเช้ือน้ายาล้างจานมาทา น้ายาล้างจาน เพื่อนาไปแลกเปลี่ยนกับครัวเรือนท่ีนาขยะมาแลกขยะในครัวเรือนที่ย่อยสลายอยาก เช่น ขวดน้าอัดลม สายยาง ก็นามาแปรรูปเพ่ือใช้ประโยชน์ทางการเกษตรด้วยการทาน้าหยดจากขวดน้าท่ีใช้แล้ว และ การนาล้อยางรถยนต์ และ กะละมงั ที่ชารดุ มาปลกู ต้นไม้
104 จัดทาบันทึกข้อตกลง (MOU) ร่วมกับ อบต.โคกกลอย ในการทาโครงการ “ครัวเรือนนาร่อง ชุมชนไร้ถัง” โดยการคัดแยกขยะจากครัวเรือน กาหนดวันเวลา และสถานที่จัดเก็บขยะอย่างเป็นระบบโด ย กาหนดจุดวางขยะ จานวน ๒๐ จดุ รอบหม่บู า้ น ผลสาเรจ็ ของการดาเนนิ การ ๑) สามารถลดจานวนเท่ียวในการเก็บขยะของ องค์การบริการส่วน ตาบลโคกกลอย ลงได้จากสัปดาห์ละ ๔ ครั้ง เหลือเพียงสัปดาห์ละ ๒ ครง้ั เปน็ การช่วยประหยดั งบประมาณของทางราชการ ๒) สามารถนาขยะเปียกมาทาเป็นปุ๋ยได้เดือนละ ๘๐๐ – ๙๐๐ กโิ ลกรัม สรา้ งรายได้ ๔,๐๐๐ – ๕,๐๐๐ บาท/เดอื น ๓) สามารถลดปริมาณขยะครัวเรือน - ขยะเปียก ลดได้ ๒๘๐ กิโลกรัมตอ่ วนั - ขยะรีไซเคิลที่นามาแลก คณะกรมการหมู่บ้านสามารถ นาไปขายเพื่อนาเงินมาเป็นทุนหมุนเวียนในระบบการจัดการขยะ ของหมูบ่ ้านเดือนละประมาณ ๔,๐๐๐ บาท ๔) ขยะท่ีใช้ไม่ได้และขยะอันตรายมอบให้ องค์การบริการส่วน ตาบลโคกกลอย เปน็ ผดู้ าเนินการจดั เกบ็ ตอ่ ไป “โครงการธนาคารปุ๋ยอินทรีย์ (ขยะแลกปุ๋ย)” เป็นความคิดริเร่ิมของคณะกรรมการหมู่บ้าน โดยเล็งเห็นถึงปัญหาของขยะในหมู่บ้านที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม โดยได้สร้างกระบวนการมี ส่วนร่วมของคนในหมู่บ้านผ่านการพูดคุยแลกเปล่ียนความคิดเพ่ือหาวิธีในการแก้ไขปัญหาเรื่องขยะ ซ่ึงได้ ขอ้ สรุปว่าให้ทุกครัวเรือนดาเนินการคัดแยกขยะจากครัวเรือน ภายใต้โครงการธนาคารปุ๋ยอินทรยี ์ โดยคัดแยก ขยะเปียก เศษพืชผักผลไม้ มาทาเป็นปุ๋ย หรือน้าหมักชีวภาพ ส่วนขยะที่สามารถซีไซเคิลได้ ให้นามาแลกปุ๋ย อินทรยี ์ ต้นกล้าผกั ดินปลูก นายาลา้ งจาน ไข่ไก่ ฯลฯ กบั ธนาคารป๋ยุ อนิ ทรยี ห์ มู่บา้ น ผลสาเรจ็ ของการดาเนนิ การ ๑. หมู่บ้านสามารถนาขยะเปียกมาทาเป็นปุ๋ยได้เดือนละ ๘๐๐ – ๙๐๐ กิโลกรัม สามารถ สรา้ งรายได้ ๔,๐๐๐ – ๕,๐๐๐ บาท ๒. สามารถลดปรมิ าณขยะครัวเรอื น ๒.๑ ขยะเปยี ก ลดได้ ๒๘๐ กโิ ลกรมั ตอ่ วัน ๒.๒ ขยะรีไซเคลิ ท่ีชาวบ้านนามาแลกคณะกรรมการหมู่บา้ นสามารถนาไปขายเพื่อนาเงิน มาเปน็ ทนุ หมนุ เวยี นในระบบการจัดการขยะของหมูบ่ ้าน เดือนละประมาณ ๔,๐๐๐ บาท
105 ๓. ประชาชนสามารถลดค่าใช้จ่ายในการซ้ือปุ๋ยและของอุปโภคบริโภคในครัวเรือนได้ โดยสามารถลดคา่ ใชจ้ ่ายได้ประมาณ ๔๐๐ – ๖๐๐ บาท/ครัวเรอื น “โครงการทอดผ้าป่าขยะ” เป็นความร่วมมือระหว่างองค์การบริหารส่วนตาบลโคกกลอยและ กองทุนแม่ของแผ่นดินบ้านนากลาง เป็นการใช้แนวทางแห่งปัญญา ในการสร้างจิตสานึกในการคัดแยกขยะ จากครวั เรือน มาใช้ประโยชน์ และลดขยะจากครัวเรือน โดยมขี ัน้ ตอนการดาเนนิ การ ดงั นี้ (๑). รวบรวมขยะท่ีสามารถนามารีไซเคิลได้ จากประชาชน ร้านค้า สถานที่ราชการ หน่วยงาน รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน มาจัดขบวนรถแห่ขยะ เพื่อสร้างจิตสานึกให้ประชาชนในตาบลโคกกลอย ให้ร่วมกัน รกั ษาส่งิ แวดลอ้ ม ( ๒). นาขยะ ที่ได้จากการบริจาค พร้อมกับการได้รับบริจาคเป็นตัวเงินมาทาพิธีทางศาสนา เพอื่ สร้างความศรทั ธา และสรา้ งจติ สานึกในการช่วยกันดูแลส่งิ แวดล้อม เพื่อลดมลภาวะ ( ๓). เมื่อจัดทาพิธีทางศาสนาเสร็จเป็นที่เรียบร้อยจึงได้นาขยะท่ีสามารถรีไซเคิลไปขาย เม่ือได้เงิน มาจะนามารวมกบั เงินทไ่ี ด้รบั บริจาค แลว้ แบ่งการใช้ประโยชนอ์ อกเปน็ ๒ สว่ น ส่วนท่ี ๑ สมทบเงนิ เป็นเงนิ สวสั ดิการกองทนุ แม่ของแผน่ ดิน ส่วนท่ี ๒ นามาจัดต้ังเป็นกองทุนหรือธนาคารขยะ เพ่ือรับซ้ือขยะหรือนาไปซ้ือเครื่องใช้ใน ครัวเรอื นและให้ชาวบ้านไดน้ าขยะมาแลกเปล่ียนกบั ทางกองทุนหรือธนาคารขยะ โดยกองทนุ หรือธนาคารขยะ จะนาขยะเปยี ก มาแปรรปู เปน็ ปยุ๋ นา้ ปยุ๋ แหง้ และขยะรีไซเคิลนามาแลกกับนา้ ยาล้างจาน ไขไ่ ก่ ฯลฯ
106 ผลสาเรจ็ ของการดาเนนิ การ ๑. สามารถลดขยะในครวั เรอื น เช่นขยะเปียก ได้วันละ ๗ กิโลกรมั ตอ่ ครัวเรอื น ๒. ขยะรีไซเคลิ ทน่ี ามาแลกได้ วนั ละ ๔ กิโลกรัมต่อครัวเรือน ๓. ขยะท่ีใช้ไม่ได้หรือขยะอันตราย ได้นาไปวางไว้ตามจุดนัดพบ ทุกเช้าวันเสาร์และวันพุธ เพ่ือให้ องค์การบรหิ ารส่วนตาบลโคกกลอย เกบ็ ไป จดั การตามขน้ั ตอนต่อไป ๔. สามารถลดจานวนรอบการเก็บขยะของ อบต.โคกกลอย จากสัปดาห์ละ ๔ คร้ัง เหลือสัปดาห์ละ ๒ ครั้ง นับวา่ เป็นการจดั การขยะ แบบครบวงจร และดูแลสงิ่ แวดลอ้ ม ได้อยา่ งยั่งยนื การอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อม มีการจัดกิจกรรมเพื่ออนุรักษ์ฟ้ืนฟูทรัพยากรธรรมและส่ิงแวดล้อมอย่างต่อเน่ือง ทั้งภายในและ ภายนอกชุมชน โดยมคี ณะกรรมการหมู่บ้านและกลุ่มจิตอาสาพระราชทานเป็นกาลังหลกั ในการดาเนินงาน เช่น โครงการปลกู ป่าเฉลมิ พระเกียรติ รณรงค์ให้ทุกบา้ นปลกู ตน้ ไม้ คนละ ๑ ตน้
107 เปน็ วทิ ยากรให้ความรู้ แกส่ ถานศึกษาและองค์กรปกครองส่วนท้องถนิ่ ใน “โครงการอบรมความรู้ ด้านการอนรุ ักษ์และดูแลส่ิงแวดล้อมในชุมชนใหย้ ่งั ยนื ”
108 ส่งเสริมให้เกษตรกรในชุมชนใช้ปุ๋ยอินทรีย์แทนปุ๋ยเคมีในการทาการเกษตร เพ่ือลดผลกระทบ ที่เกดิ ขนึ้ กับสิ่งแวดล้อมและธรรมชาตอิ นั เนื่องจากการใชป้ ุ๋ยเคมี โดยใช้กลไกของโครงการธนาคารปุ๋ยอนิ ทรียใ์ น การสนบั สนนุ วสั ดอุ ุปกรณ์และการอบรมใหค้ วามรเู้ กยี่ วกบั การทาและใช้ปยุ๋ อินทรีย์
109 ๔.๔ การบรู ณาการกิจการคณะสงฆใ์ นการพัฒนาหมบู่ ้าน / พ้ืนท่ี การบูรณาการกิจการคณะสงฆใ์ นการพฒั นาพน้ื ที่ การส่งเสริมการอยรู่ ่วมกนั ในสงั คมพหุวัฒนธรรม การสง่ เสรมิ ใหห้ น่วยงานในพ้ืนที่นาหลกั เบญจศลี -เบญจธรรมไปประยุกต์ในการพฒั นา หน่วยงาน/องค์กร
110 ๔.๕ การมสี ่วนร่วมคณะสงฆ์ ภาครฐั สมชั ชาศลี ๕ ในการสง่ เสรมิ โครงการฯ และการพัฒนาในพน้ื ท่ี การมสี ่วนรว่ มของพระสงฆ์ ผู้นาชุมชน ในการพฒั นาพน้ื ท่ี
111 การเสรมิ สร้างเครือขา่ ยความรว่ มมือในการพฒั นาหมู่บา้ น / พน้ื ท่ี บ้านนากลางให้การสนับสนุนและผสานความร่วมมือกับหน่วยงานหรือองค์กรต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นวัด โรงเรียน หน่วยงานราชการ องค์กรภาคเอกชน เพอื่ สรา้ งเป็นเครอื ข่ายความรว่ มมือในการพฒั นาหมู่บา้ น ชุมชน และสงั คมให้เกิดความเข้มแข็ง ม่ันคง โดยมีความรว่ มมอื กบั ภาคสว่ นต่าง ๆ อาทิ รว่ มกับกรมการพัฒนาชุมชนและวดั ราษฎรโ์ ยธีทาโครงการ “โครงการปลกู ผกั ปลกู ธรรม แบ่งปนั จาก วัดสู่ชุมชน สู้ภัยโควิด-๑๙” น้อมนาแนวพระราชดาริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สู่แผนปฏิบัติการ ๙๐ วัน ปลูกผักสวนครัว เพื่อสร้างความม่ันคงทาง อาหารขอ กิจกรรมขยายผลการปลูกผักสวนครัวจากวดั สูช่ ุมชน ตามหลัก \"บวร\" ณ วัดราษฎร์โยธี เมอ่ื วันท่ี ๔ มถิ นุ ายน ๒๕๖๓ โดยประชาชนในหมบู่ ้านไดร้ ว่ มปลูกผกั กบั คณะทางานโครงการด้วยความพร้อมเพรยี ง
112 มีการจัดประชุมสัมมนาเพื่อวิเคราะห์จุดของอ่อนจุดแข็งของหมู่บ้านเพื่อกาหนดเป็นแผนพัฒนา หมู่บ้าน โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นท่ี เช่น อบต.โคกกลอย สานักงานพัฒนาชุมชน สานกั งานเกษตร กศน.อาเภอตะก่วั ทุง่ โรงพยาบาลตะกวั่ ทงุ่ สถานตี ารวจ และหนว่ ยงานเอกชนตา่ ง ๆ
113 ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านนากลาง มีคณะบุคคลจากหน่วยงานและองค์กรทั่ว ประเทศเดินทางมาเรียนรู้ ศึกษาดูงานโครงการและกิจกรรมของศูนย์ตลอดท้ังปี แม้แต่คณะทูตของหลาย ๆ ประเทศยังให้ความสนใจ นอกจากจะสร้างรายได้ให้กับศูนย์และหมู่บ้านแล้วยังทาให้เกิดการแลกเปล่ียนองค์ ความรแู้ ละความร่วมมอื กระจายไปยงั หลายพน้ื ท่ีท่ัวประเทศ
114 บ้านนากลาง ร่วมกับกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยบ้านนากลางเป็น ศูนย์เรียนรู้การเพ่ิมประสิทธิภาพในการผลิตสินค้าทางการเกษตร (ศพก.) อาเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา มีบทบาทในการขับเคล่ือนการพัฒนาการเกษตรในพื้นท่ี โดยส่งเสริมการทาการเกษตรในมีประสิทธิภาพได้ผล ผลิตท่ีมีคุณภาพ มีความปลอดภัย โดยสินค้าทางการเกษตรของศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต สินค้าทางการเกษตรบ้านนากลาง ที่ได้นาระบบโรงเรือนอัจฉริยะเข้ามาใช้ในการผลิตพืชผักทางการเกษตร ได้ผ่านรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรปลอดภัย มาตรฐานตรา Q จากกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ นอกจากนี้ บ้านนากลางได้มีการนานวตั กรรมและเทคโนโลยีมาใช้ และต่อยอดเป็นแหล่งท่องเทย่ี วเชิง เกษตร ส่วนในระดับจังหวัดและระดับเขต ได้มีการขับเคลื่อนการพัฒ นาเกษตรระหว่าง ศพก. และการทาเกษตรแปลงใหญ่ เชอ่ื มโยงไปยงั กลมุ่ Young Smart Farmer ใหม้ คี วามม่นั คงและยัง่ ยืน
115 บ้านนากลาง มีการบูรณาการความร่วมมือสร้างเครือข่ายกับสถานศึกษาท้ังในพ้ืนท่ีตาบล อาเภอตลอดจนในระดับจังหวัด อาทิเช่น โรงเรียนบ้านบางหลาม โรงเรียนบ้านกะไหล โรงเรียนบ้าน โรงเรียน บ้านแหลมหิน โรงเรียนไตรมารคสถิตฯ โรงเรยี นบ้านท่าปากแหวง่ โรงเรียนทุ่งโพธ์ิวทิ ยา โรงเรียนบ้านสามช่อง กศน.อาเภอตะกั่วทุ่ง ฯลฯ ในการแลกเปล่ียนเรียนรู้ ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ การดาเนินงานสร้างโรงเรือน ให้กับสถานศึกษาในพื้นท่ี เพื่อส่งเสริมการปลูกพืชผักปลอดภัย เพื่อเป็นอาหาร กลางวัน ให้เด็กนักเรียน การเรียนรูห้ ลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการดาเนนิ ชวี ิตให้สามารถที่จะพ่ึงตนเองได้ และช่วยลดรายจา่ ย ในครวั เรอื น ตลอดจนการขบั เคลื่อนงาน TO BE NUMBER ONE เปน็ หน่ึงโดยไม่พ่งึ ยาเสพตดิ
116 จากการท่ีบ้านนากลางมกี ล่มุ สรา้ งโรงเรือนปลูกผกั ทีไ่ ด้มาตรฐาน ทาใหส้ ามารถสร้างเครอื ขา่ ย ในเร่อื งการทาโรงเรือนปลกู ผักกบั เครือข่ายกองทนุ หมู่บ้านท้ังในระดบั จังตาบล อาเภอ จังหวดั และทั่วประเทศ โดยเครือข่ายกองทนุ หมู่บา้ น จะส่ังทาโรงเรือนปลูกผกั จากบ้านนากลาง โดยบ้านนากลางไม่ใช่แค่สร้างโรงเรือน เท่านั้น แต่ยังมีการให้ความรู้ความเข้าใจในการปลูกผัก และการส่งเสริมการใช้ชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียงให้แก่สมาชิกเครือขา่ ยกองทุนหมบู่ ้าน ถอื เป็นการชว่ ยกันขับเคลอ่ื นและกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากสร้าง งานสร้างอาชีพของเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านด้วยกัน และแลกเปล่ียนเพิ่มพูนองค์ความรู้ในการดาเนินชีวิตตาม หลกั เศรษฐกจิ พอเพยี งของในหลวง รัชกาลที่ 9 จานวนองค์กรท่ีร่วมมือในการพัฒนาพืน้ ที่ มีจานวน 10 องค์กร ๑. วัดในเขตบรกิ ารของชุมชน ๒. สานักงานพระพุทธศาสนาจงั หวดั พงั งา ๓. พระสงฆ์ผู้นาขับเคล่ือนหมู่บ้านศีล ๕ ๔. สานกั งานพฒั นาชุมชนอาเภอตะกว่ั ทงุ่ ๕. กรมการปกครอง ๖. องค์การบรหิ ารสว่ นตาบลโคกกลอย ๗. สถานตี ารวจภูธรโคกกลอย ๘. โรงพยาบาลตะก่ัวทุ่ง ๙. คณะสงฆ์จงั หวดั พังงา ๑๐. สถานศกึ ษาในเขตตาบลโคกกลอย
117 บทท่ี ๕ สรุป ปัญหา อปุ สรรค และขอ้ เสนอแนะ ๕.๑ สรุป การดาเนินงานหมู่บ้านไปสู่ หมู่บ้านรักษาศีล๕ แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง โดยคณะกรรมการ หมู่บ้านมีส่วนร่วมในการกาหนดวิสัยทัศน์ และกาหนดแผนโดย ยึดหลักธรรมะพัฒนาคนให้มีคุณธรรมท้ังด้าน กาย วาจา และจิตใจ โดยเริ่มจากประธานคณะกรรมการ และคณะกรรมการหมู่บ้านหรือผู้นากลุ่มต่าง ๆ ใชห้ ลกั ผูน้ าทาให้ดเู ปน็ แบบอยา่ ง เม่ือคณะกรรมการผู้นากลุ่มได้พัฒนาจิตใจให้มีศีล ๕ คุณธรรม จริยธรรม เข้าใจธรรมชาติ จึงใช้หลักคิด เงื่อนไขการเรียนรู้ส่ิงท่ีต้องการกระทาโดยมีคุณธรรมมากากับไปสู่หลักปฏิบัติในการใช้หลัก คิด ทา นา เปลีย่ น ไปส่คู วามสมดุล ๔ มิติ คิด คดิ อยา่ งรอบคอบ มเี หตผุ ล ทา ลงมือทาเกษตรทฤษฎใี หมห่ รอื เกษตรผสมผสานส่เู กษตรกรรมนวตั กรรมใหม่ นา เปน็ ผนู้ าทีม่ ีศีล ๕ มีคุณธรรม เปลี่ยน เปล่ียนแปลงตนเองให้มีศีล ๕ มีคุณธรรม สร้างครอบครัวคุณธรรม หลายๆ ครอบครัวคณุ ธรรมไปสู่หมู่บ้านคุณธรรม เม่ือคณะกรรมการหมู่บ้าน ประชาชนชาวบ้านนากลางมีศีล ๕ มีคุณธรรม จริยธรรม เปรียบเสมือนเป็นหมู่บ้านแผ่นดินธรรม มีความม่ันคง มีสติในการดาเนินชีวิตอย่างมีเหตุผล พอประมาณ และสร้างภูมิคุ้มกันให้ชีวิต จึงนาไปสู่หมู่บ้านศีล๕ แผ่นดินธรรม เม่ือได้พัฒนาคน พัฒนาจิตใจให้เป็นคนมีศีล และคุณธรรม รู้จักการวางแผนการใช้ชีวิต แผนครอบครัว แผนหมู่บ้าน จึงเริ่มคิด เร่ิมลงมือทาให้สามารถ พ่ึงตนเองได้เป็นอันดับแรก และการเสียสละ แบ่งปัน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อผู้อื่น จึงนาไปสู่การวางแผนใช้ชีวิต ครอบครัวมีความม่ันคงด้านอาชีพ รายได้ เกิดการทาแผนพัฒนาหมู่บ้าน พัฒนาพื้นที่ (โครงสร้างพ้ืนฐาน) พัฒนาคน นาภูมิปัญญามาแลกเปลี่ยนเรยี นรู้ต่อยอดในสิ่งใหม่ตามบริบทของหมู่บ้านที่มีภูมิปัญญาเร่ืองการทานา การทาเกษตรเคยชินเป็นเกษตรเรียนรู้ จากการทาเกษตรปริมาณมาเป็นเกษตรคุณภาพ จากเกษตรเคมีเป็น เกษตรอินทรีย์ จากเกษตรอาหารกายมีสุขภาพดีทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคสู่การทาเกษตรอาหารใจ และนาไปสู่ การทาเกษตรเชิงท่องเท่ียวเพ่ือการทาตลาดธรรมชาติขายในพ้ืนท่ีหมู่บ้าน ลดค่าใช้จ่ายในการต้องขนสินค้าไป ขายในต่างพื้นที่ หมู่บ้านจึงเกิดความมั่นคงในด้านอาชีพและรายได้ เกิดการรวมกลุ่มผลิต แปรรูป สร้างมูลค่าเพ่ิม โดยตลาดธรรมชาติบ้านนากลางใช้หลักคิด ความมีคุณธรรม แบ่งปัน เอื้อเฟ้ื อเผ่ือแผ่ ความรับผิดชอบ ซ่ือสัตย์ กิริยามารยาท อัธยาศัยดี ต่อผู้อื่น ทั้งต่อหน้าและลับหลัง จึงทาให้เกิดกลุ่มมีรายได้ ที่มั่นคง มีผู้มาศึกษาดูงานแลกเปลี่ยนเรียนรู้มากมายหลายกลุ่มทั่วประเทศ โดยมี กลุ่มเด็กเยาวชน วัยทางาน ต้องการสร้างอาชีพ กลุ่มผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มสตรี และกองทุนต่าง ๆ เช่น กองทุนหมู่บ้าน กองทุนแม่ ของแผ่นดิน กลุ่มวิสาหกิจชุมชน ฯลฯ เดือนละอย่างน้อย ๑๕ คณะ แต่ละคณะมีต้ังแต่ ๕๐ คน ถึง ๒๖๐ คน บางครั้งวันละ ๒-๓ คณะตอ่ วัน เม่ือมผี ู้คนหลั่งไหลเข้ามาจึงทาให้แผนการทาตลาดธรรมชาติเกิดการหมุนเวียน เร่ืองการสร้างรายได้ให้กับกลุ่มและชุมชนเดือนละไม่ต่ากว่า ๑๐๐,๐๐๐ ถึง ๓๐๐,๐๐๐ บาท และเกิดการต่อยอด สร้างอาชีพแบบครบวงจรเรื่องเกษตร ต้ังแตก่ ารผลิต ดนิ ปลูก ปุ๋ยอินทรีย์แห้ง น้าหมักจากการคัดแยกขยะ การ
118 เล้ียงไส้เดือนนามูลมาทาปุ๋ย การปลูกผักปลอดสารพิษในโรงเรือนระบบปิด การประยุกต์ใช้สมาร์ทฟาร์ม เพ่ือ เพม่ิ ผลผลติ พชื ผลทางการเกษตร ใชเ้ ทคโนโลยีและนวัตกรรม ดิจิตอลเพอื่ ชุมชน จึงนับได้วา่ เป็นการสรา้ งอาชีพ สรา้ งรายได้ให้กับกล่มุ และสมาชิกในหมูบ่ า้ นให้มคี วามม่นั คง เกดิ การสร้างเครือขา่ ยทั่วประเทศ เปน็ ธรุ กจิ ชุมชน ในการแลกเปล่ียนขายสนิ ค้า ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านและกลุ่มอาชีพสมาชกิ จึงมีความมั่นคง มั่งค่งั ยั่งยืน สมกับเป็นหมู่บ้านแผ่นดินธรรมที่พัฒนาคนให้มีศีลและคุณธรรมสู่หมู่บ้านแผ่นดินทอง ความม่ันคงในชีวิตและ ทรัพย์สิน ม่ันคงทางด้านอาหาร ม่ันคงทางด้านอาชีพ รายได้ มีคุณภาพชีวิตท่ีดี มีภูมิคุ้มกันให้ชีวิตท่ีสมดุล ย่ังยืน มีความสุข หลักสาคัญของการพัฒนาหมู่บ้านสู่ความเป็นหมู่บ้านรักษาศีล ๕ “แผ่นดินธรรม เป็นดิน ทอง” คือใช้กระบวนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในหมู่บ้าน ตามหลักของ “บวร” บ้าน วัด โรงเรียน เพ่ือสร้างสังคมคุณธรรมและชมุ ชนคุณภาพ สู่ความสุขท่ีย่ังยนื เป็นหมู่บ้านที่เข้มแข็ง สามารถพ่งึ ตนเองได้อยา่ ง น่าภาคภมู ิ
119 ๕.๒ ปัญหา อปุ สรรคในการดาเนินงาน 1. ขาดการสรา้ งการรับรูแ้ กป่ ระชาชนในหมู่บา้ นเกย่ี วกบั การจัดกจิ กรรมสง่ เสริมการรกั ษาศีล5 2. ไมม่ ีผนู้ าในการขับเคล่อื นกิจกรรมการรกั ษาศลี 5 ในหมบู่ ้าน 3. ขาดรูปแบบการส่งเสริมการรักษาศีล 5 ท่ีหลากหลาย เพ่ือสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนใน หมบู่ า้ น 4. งบประมาณในการขับเคล่ือนกิจกรรมหมู่บ้านรักษาศีล 5 มีจานวนจากัด ทาให้การจัด กจิ กรรมส่งเสริมการรกั ษาศีล 5 ไมห่ ลากหลาย ๕.๓ ขอ้ เสนอแนะ 1. ควรมีการสร้างการรับรู้ เก่ียวกับการรักษาศีล 5 ให้กับประชาชนในหมู่บ้านอย่างครอบคลุม และทั่วถงึ 2. ควรสร้างผ้นู าในการขบั เคล่ือนกิจกรรมรกั ษาศลี 5 ในหมบู่ ้าน 3. ควรมีรูปแบบการส่งเสริมการรักษาศีล 5 ที่หลากหลาย เป็นท่ีสนใจแก่ประชาชนในหมู่บ้าน ครอบคลมุ ประชากรทกุ วัย 4. ควรจัดสรรงบประมาณในการขับเคล่ือนกิจกรรมการส่งเสริมรักษาศีล 5 อย่างต่อเนื่องและ เพยี งพอ
120 ภาคผนวก
121
122
123 66
124
125
126
127
128 คณะผูจ้ ดั ทา ทปี่ รกึ ษา เจ้าคณะจังหวดั พงั งา พระครูวสิ ิฐศาสนการ เจา้ คณะจังหวดั ภเู ก็ต พังงา กระบ่ี ระนอง ตรัง พระประสาธน์สารโสภณ เจ้าคณะอาเภอตะกว่ั ทุ่ง พระครูวรธรรมวิมล ผอู้ านวยการสานกั งานพระพุทธศาสนาจังหวดั พงั งา นางสาวธชั สริญญ์ ฤทธโิ ชติ เกบ็ รวบรวมข้อมูล เลขานุการเจา้ คณะจังหวดั พงั งา พระครนู กิ รธรรมโสภิต เลขานกุ ารเจ้าคณะอาเภอตะกว่ั ทงุ่ พระปลดั ธนารักษ์ พทุ ธรกขิโต เลขานุการเจา้ คณะตาบลโคกกลอย (พระสงฆผ์ ้นู าขบั เคล่ือน พระปลดั อนุชา ธมฺมทโี ป หม่บู ้านรกั ษาศลี ๕ ) เลขานกุ ารเจ้าคณะตาบลกระโสม พระสมหุ บ์ ริภณั ฑ์ ฐติ ิปญโญ ผูใ้ หญบ่ า้ น นายสมบตั ิ ยกเชอ้ื นักวิชาการศาสนาชานาญการ นางสาวสมใจ ห่วงจรงิ นักวิชาการพฒั นาชุมชนชานาญการ นายจารวุ ฒั น์ กองเงนิ นางสาวฐติ ิยาภรณ์ สุทธริ ักษ์ สรปุ /รูปเล่ม/พิมพ์ เลขานุการเจา้ คณะตาบลโคกกลอย พระปลัดอนชุ า ธมมฺ ทีโป เลขานุการเจา้ คณะตาบลกระโสม พระสมุหบ์ รภิ ัณฑ์ ฐิติปญโญ นักวชิ าการศาสนาชานาญการ นางสาวสมใจ ห่วงจรงิ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133